ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 7
ทันทีที่เด็กๆชาวเขาเห็นจันทรภานุเดินมาก็ทิ้งของเล่น ทิ้งกิจกรรมที่ทำอยู่แล้ววิ่งกรูกันเข้ามาหาจันทรภานุด้วยความตื่นเต้นดีใจกันสุดๆ
เด็กๆ พูดสำเนียงชาวเขา “พ่อมาแล้ว พ่อมาแล้ว...พ่อ..พ่อ...”
ประกายดาวอึ้งที่เห็นเด็กๆเข้ามากอดจันทรภานุ จันทรภานุยิ้มแย้มมีความสุขและสนิทสนมกับเด็กๆมาก เขาอุ้มเด็กตัวเล็กขึ้นมาหอม
จันทรภานุถาม “คิดถึงพ่อมั๊ย”
“คิดถึง” เด็กๆ ตอบ
ไม่นานบรรดาแม่ๆชาวเขาก็เดินออกมาหาจันทรภานุ ประกายดาวแทบช็อค
ประกายดาวคิดในใจ “อย่าบอกนะว่า...คุณชายจันทร์แอบมามีเมียที่นี่ แถมไม่ใช่เมียเดียวซักด้วย”
ประกายดาวหน้าเสีย จันทรภานุหันมายิ้ม ประกายดาวยิ้มเจื่อนออกมาและมีสีหน้าคิดหนัก
ประกายดาวมองจันทรภานุด้วยสีหน้าโล่งใจมากในขณะที่เดินไปตามทางด้วยกัน
“คุณชายจันทร์เป็นพ่ออุปถัมน์ของเด็กชาวเขาพวกนี้เหรอคะ?”
“ครับ เด็กบางคนผมเห็นมาตั้งแต่เกิด พวกเค้าน่าสงสาร พ่อแม่ไม่มีเงินส่งเสียให้เรียนหนังสือ ทำให้ต้องทำงานตั้งแต่เด็ก ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงก็ต้องไปขายบริการ เห็นแล้วมันน่าเศร้า ผมก็เลยตั้งกองทุนขึ้นมา เพื่อให้เด็กทุกคนที่นี่ได้มีโอกาสเรียนหนังสือ เพื่อที่พวกเค้าจะได้กลับมาพัฒนาหมู่บ้านของตัวเอง”
ประกายดาวยิ่งปลื้มจันทรภานุมากขึ้นไปอีก
“ตอนแรกที่ฉันเจอคุณ ฉันไม่นึกเลยนะคะว่าคุณจะคนแบบนี้ ฉันนึกว่าคุณจะเป็นพวกไฮโซ หยิ่งยะโส เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แข็งกระด้าง ไม่มีน้ำใจ.....” ประกายดาวว่า
จันทรภานุชะงักแล้วหยุดเดิน เขาหันมามองหน้าประกายดาว ประกายดาวรู้ตัวจึงหยุดเดินแล้วยิ้มแหยๆ
“อุ่ย ฉันไม่ได้ว่านะคะ แค่พูดไปตามที่คิด”
จันทรภานุอมยิ้ม “ผมยังไม่ได้ว่าอะไรคุณซักคำ ตอนนี้คุณก็ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของผมแล้ว คุณว่าผมเป็นคนยังไง ขอสามคำ”
ประกายดาวยิ้ม “ดี” ประกายดาวยกนิ้วโป้ง “เยี่ยม หล่อ”
จันทรภาหัวเราะชอบใจ ทำให้ประกายดาวหัวเราะตาม
“เราเดินไปทางด้านโน้นกันดีกว่าครับ”
จันทรภานุเดินออกไป ประกายดาวยิ้มแล้วเดินตามจันทรภานุออกไป
ที่บ้านรติรส รติรสโผกอดปุรชัย
“คิดถึงคุณพ่อที่สุดเลยค่ะ”
รติรสผละออกมาจากปุรชัย ปุรชัยจับหัวลูกสาวด้วยความรัก
“พ่อก็คิดถึงลูกเหมือนกัน พ่อมีงานสำคัญจะให้ลูกทำ เราเข้าไปคุยกันในห้องดีกว่า”
รติรสมองปุรชัยด้วยความสงสัย
อรอุมาปารูปภาพเครื่องเพชรของร้านลงบนโต๊ะ
“ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ เซทนี้ไม่ต้องเอาไป ! โรงแรมคุณชายจันทร์มีแต่คนระดับเศรษฐีกระเป๋าหนักมาเข้าพัก เพชรเซทเล็กๆ ไม่ต้องเอาไปโชว์ เอาไปแต่เซทใหญ่ๆ แพงๆ เท่านั้น ไป..ไปเตรียมมาใหม่”
พนักงานเดินออกไป อรอุมาหน้าเครียด ศิวะเดินมานวดบ่าให้
“อย่าเครียดนักสิจ๊ะที่รัก” ศิวะบอก
“จะไม่ให้ฉันเครียดได้ยังไง อะไรๆ ก็ต้องให้บอกหมด ทำอะไรไม่ถูกใจสักอย่าง”
-ศิวะเลื่อนมือมานวดเบาๆ ที่ต้นคอ อรอุมาเคลิ้ม
“เห็นมีแต่คุณที่รู้ใจฉัน” อรอุมาจับมือศิวะมาแนบแก้ม “ขอบคุณนะคะที่อยู่เคียงข้างฉัน”
ศิวะจับมืออรอุมาขึ้นมาหอมแล้วก็ยิ้มให้ ทันใดนั้นรติรสก็เปิดประตูพรวดเข้ามา ศิวะชะงักแล้วรีบปล่อยมืออรอุมา รติรสแอบไม่พอใจแต่ก็ไม่แสดงออก
“แหม...สวีทกันจริงนะ” รติรสว่า
“คนเขารักกันนี่ เธอมา มีธุระอะไร” อรอุมาถาม
“ฉันจะมาบอกว่า ฉันไปเชียงใหม่ด้วยนะ”
“ว่างเหรอ”
“ก็ไม่ค่อยว่างหรอก แต่เธอคงยุ่งแน่ๆ ก็เลยอยากไปช่วยงานเธอ”
รติรสสบตากับศิวะอย่างรู้กัน
จันทรภานุกับประกายดาวเดินไปตามทางจนเจอเด็กชาวเขากำลังเลี้ยงน้องที่เป็นเด็กทารก ประกายดาวเห็นแล้วก็ชอบใจมาก
“พี่ขออุ้มหน่อยได้มั๊ย”
เด็กยื่นน้องให้ประกายดาวอุ้ม ประกายดาวมีความสุขมากจนแสดงออกมาอย่างชัดเจนทางสีหน้า จันทรภานุสังเกตเห็น
“น่าเกลียดน่าชังจริงๆเลยลูก” ประกายดาวบอก
ประกายดาวมีสีหน้าตื้นตันมาก
“คุณดาวดูตื่นเต้น เหมือนกับเป็นลูกตัวเองเลยนะครับ”
ประกายดาวเงยหน้าขึ้นมายิ้ม “ฉันอยากมีลูกค่ะ”
จันทรภานุผงะ “คุณดาวเนี่ยนะครับอยากมีลูก”
“ค่ะ ทำไมคะ”
“ผู้หญิงที่ลุยและห้าวอย่างคุณดาว ไม่น่าจะอยากเป็นแม่คน”
“ความฝันของฉันก็คือการได้เป็นแม่ค่ะ ฉันอยากมีลูกเป็นของตัวเองมาก เพราะตอนนี้ก็เอาแต่เลี้ยงลูกของพี่ชาย”
จันทรภานุแซว “ถ้างั้นคุณดาวต้องรีบหาคนแต่งงานด้วยแล้วล่ะครับ”
“ฉันไม่อยากแต่งงานค่ะ”
จันทรภานุนิ่วหน้า “ถ้าไม่แต่งงาน แล้วคุณจะมีลูกได้ไง”
“ฉันอยากมีลูก แต่ไม่อยากมีสามี”
“มันเป็นไปได้ด้วยเหรอครับ”
“เป็นไปได้ค่ะ” ประกายดาวหยั่งเชิง “เพื่อนฉัน..เค้ามีโครงการที่จะทำเด็กหลอดแก้ว”
“เด็กหลอดแก้ว? ผมเคยได้ยิน แต่ผมไม่รู้กระบวนการ”
“การทำเด็กหลอดแก้วคือ การนำเอาเซลล์สืบพันธุ์จากฝ่ายหญิง และตัวเชื้อจากฝ่ายชายมาผสมกันในจานเพาะเลี้ยง ทำให้เกิดการปฏิสนธิ และมีการแบ่งตัวของเซลล์ตัวอ่อน จากนั้นก็นำตัวอ่อนย้ายกลับเข้าไปเลี้ยงต่อในโพรงมดลูก เท่านี้เราก็มีลูกได้ โดยที่ไม่ต้องมีสามีแล้วค่ะ”
จันทรภานุฟังแล้วก็เงียบไปจนประกายดาวแปลกใจ
“เออ..ดาวพูดไรผิดรึเปล่าคะ”
“ไม่ผิดหรอกครับ ผมเพียงแต่กำลังคิด ว่าถ้าเพื่อนคุณดาวทำแบบนั้น เด็กที่เกิดมา ก็จะไม่มีพ่อ...แล้วมันจะดีต่อตัวเด็กเหรอครับ” จันทรภานุว่า ประกายดาวเงียบ “ในความคิดของผม การที่เด็กขาดพ่อหรือแม่ จะทำให้เด็กมีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ การมีแค่คนใดคนหนึ่ง จะทำให้เด็กเติบโตไปแบบมีปัญหา”
ประกายดาวเงียบเพราะรู้สึกหน้าชาไปทั้งแทบจนพูดอะไรไม่ออก
“ผมว่าคุณดาวไปบอกเพื่อนว่าอย่าทำแบบนี้เลยครับ ถ้าอยากมีลูก ก็ต้องมีความพร้อม และทำให้ตัวเองมีครอบครัวที่สมบูรณ์ให้ได้ซะก่อนจะดีกว่า”
ประกายดาวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น “ค่ะ”
จันทรภานุพูดจบก็หันไปเล่นกันเด็ก ประกายดาวหน้าเครียด
หญิงนิ่มเดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์โรงแรม พนักงานเห็นหญิงนิ่มก็ยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณหญิงนิ่ม”
“ช่วยเช็คให้ฉันทีว่าคุณพงศ์จันทรอยู่ห้องเบอร์อะไร”
“เมื่อซักครู่เห็นคุณพงศ์จันทรอยู่ที่สระว่ายน้ำค่ะ”
หญิงนิ่มมีสีหน้าเอาเรื่อง
พงศ์จันทรกำลังว่ายน้ำ สาวๆที่อยู่ริมสระหันมามองเป็นตาเดียว ไม่นานพงศ์จันทรก็พรวดขึ้นมาจากน้ำแล้วก็เห็นหญิงนิ่มเดินมา พงศ์จันทรตกใจมาก
“คุณหญิงนิ่ม”
พงศ์จันทรเอาน้ำล้างหน้าตัวเองแล้วก็ลืมตาอีกครั้ง เขาก็ยังเห็นหญิงนิ่มยืนอยู่ตรงหน้า
“นายไม่ได้ตาฝาด” หญิงนิ่มบอก
“ผมไม่นึกว่าคุณจะคิดถึงผมจนต้องมาหา”
คนแถวนั้นหันมามอง หญิงนิ่มหัวเสีย
“ฉันไม่ได้คิดถึงนาย ขึ้นมาคุยกันเดี๋ยวนี้”
พงศ์จันทรอมยิ้มแล้วขึ้นจากสระว่ายน้ำ สาวๆแถวนั้นหันมาจ้องพงศ์จันทรพร้อมกลืนน้ำลายเพราะอยากกิน พงศ์จันทรขยับมาตรงหน้าหญิงนิ่ม หญิงนิ่มอึ้งกับหุ่นสุดเฟิร์มของพงศ์จันทร พงศ์จันทรแกล้งสะบัดผมจนน้ำกระเด็นเข้าหน้าหญิงนิ่มเต็มๆ
“โอ๊ย!! มาสะบัดอะไรตรงนี้ล่ะ”
พงศ์จันทรยิ้มแล้วก็เอาผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดหน้า
“มีอะไรจะพูดกับผม ก็พูดมาเลยครับ”
หญิงนิ่มรู้สึกหวั่นไหวกับซิกแพค “ใส่เสื้อก่อนมั๊ย”
“ทำไมครับ หรือว่าเห็นหุ่นผมแล้ว เลือดกำเดาคุณหญิงจะพุ่ง”
“ทะลึ่ง!” หญิงนิ่มหยิบเสื้อบนเก้าอี้ปาใส่พงศ์จันทร “ใส่ซะ แล้วไปคุยกับฉันด้านโน้น”
หญิงนิ่มพูดจบก็เดินออกไป พงศ์จันทรอมยิ้มแล้วส่ายหัวก่อนจะสวมเสื้อ
หญิงนิ่มยืนหันหลัง พงศ์จันทรเดินมา หญิงนิ่มหันไปพูด
“ต้องทำยังไง นายถึงจะกลับกรุงเทพ”
“แล้วผมต้องทำยังไง คุณหญิงถึงจะเลิกยุ่งเรื่องของผมกับคุณดาว” พงศ์จันทรย้อน
“ฉันไม่เลิกยุ่ง”
“ถ้างั้นผมก็ไม่เลิกจีบคุณดาวเหมือนกัน”
“นายจะจีบพี่ดาวทำไม ในเมื่อนายไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหน”
“ผมยอมรับว่าเมื่อก่อนผมเป็นอย่างที่คุณพูด แต่หลังจากที่ผมเจอคุณดาว มันทำให้ผมรู้ว่าเราไม่ควรเล่นตลกกับความรัก ผมจริงจังแล้วก็จริงใจกับคุณดาว คุณให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเองหน่อยไม่ได้เหรอ”
“ฉันไม่ไว้ใจนาย”
พงศ์จันทรจับไหล่หญิงนิ่มสองข้าง หญิงนิ่มระแวง
“จะทำอะไร?” หญิงนิ่มถาม
“มองตาผม”
“ฉันไม่มอง”
พงศ์จันทรจับหน้าหญิงนิ่ม หญิงนิ่มตกใจมาก
“ปล่อยฉัน”
หญิงนิ่มพยายามจะเอามือพงศ์จันทรออกแต่ก็ไม่สำเร็จ พงศ์จันทรยื่นหน้ามาใกล้หญิงนิ่มทำเอาหญิงนิ่มชะงัก กับสายตาของพงศ์จันทรที่จ้องเธอ หญิงนิ่มค่อยนิ่งๆ ไม่ขัดขืน
พงศ์จันทรถาม “คุณเห็นเหรอยัง?”
“เห็นอะไร?”
“แววตาของผม ที่บอกว่าผมจริงใจแค่ไหนกับเรื่องของคุณดาว”
หญิงนิ่มพูดไม่ออก พงศ์จันทรเอามือออกจากหน้าหญิงนิ่ม
“ให้โอกาสผมซักครั้งเถอะนะครับคุณหญิงนิ่ม ผมจะทำให้คุณเห็นว่าผมก็สามารถเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่งได้”
หญิงนิ่มยืนนิ่ง พงศ์จันทรเดินออกไป หญิงนิ่มยกมือขึ้นมาจับที่หัวใจตัวเอง
“ทำไมหัวใจเราเต้นแรงแบบนี้”
หญิงนิ่มนิ่วหน้าด้วยความสงสัย
หญิงนิ่มกำลังพิมพ์ข้อความจากไอโฟนที่เขียนถึงชายไร้หัวใจ
“คุณชายไร้หัวใจ ฉันมีเรื่องสงสัยอยากถาม..การที่ฉันหัวใจเต้นแรง เวลาอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนหนึ่ง มันหมายว่ายังไงคะ”
หญิงนิ่มสงสัยว่าตัวเองเป็นอะไร??
นันทินีมีสีหน้าหงุดหงิดงุ่นง่าน เธอมองไปที่ประตูทางเข้าโรงแรมตลอดเวลา
“ป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก คุณชายนะคุณชาย...!”
นันทินีฮึดฮัดแล้วหันหลังจะเดิน แล้วเธอก็ชนเข้ากับพงศ์จันทรเต็มๆ
“ว๊าย!”
นันทินีจะล้ม พงศ์จันทรรีบประคองรับเอาไว้ นันทินีเห็นพงศ์จันทรก็ผงะและเอียงอายเล็กๆ
“คุณพงศ์จันทร!”
พงศ์จันทรประคองนันทินีให้ลุกขึ้นยืน
“สวัสดีครับคุณนันทินี”
“คุณพงศ์มาทำอะไรที่นี่คะ”
“ผมมาหาคุณดาวครับ”
นันทินีชะงัก “คุณประกายดาวน่ะเหรอคะ?”
พงศ์จันทรพยักหน้า นันทินีครุ่นคิดบางอย่างได้ก็ถึงกับยิ้มมุมปากออกมา
“คุณพงศ์ว่างคุยกันหน่อยมั๊ยคะ”
พงศ์จันทรมองนันทินีด้วยความสงสัย
พงศ์จันทรเดินมาตามทางเดินอย่างไร้อารมณ์ นันทินีวิ่งตามต้อยๆ
“ทำไมคุณไม่ร่วมมือกับฉันฮะคุณพงศ์ ไหนคุณบอกว่าชอบยัย..เอ๊ย คุณดาว คุณก็ควรทำทุกอย่างเพื่อให้คุณดาวมาเป็นของคุณสิ หรือว่าคุณคิดจะกินเล่นๆ”
พงศ์จันทรหยุดกะทันหัน ทำให้นันทินีชนหลังพงศ์จันทรจนล้มก้นกระแทก
“อ้าย ! จะเบรกหัดบอกกันบ้างสิ”
“ผมขอโทษ”
พงศ์จันทรประคองนันทินีให้ลุกขึ้น นันทินีคว้าแขนสองข้างของพงศ์จันทรหมับแล้วจ้องหน้าเขาเขม็ง
“คุณทำฉันเจ็บ คุณต้องรับผิดชอบฉัน” นันทินีว่า
“พูดงี้ผมเสียหายนะคุณ”
“บ้า ! ฉันหมายถึงว่า คุณต้องรับผิดชอบทำตามที่ฉันต้องการ เราต้องร่วมมือกันแยกคุณดาวกับชายจันทร์ แล้วใส่เกียร์ทำคะแนนเต็มที่ คุณจะได้สมหวังกับคุณดาว ฉันได้สมรสกับชายจันทร์”
“ความรักของผมไม่ใช่เกมส์ ที่จะต้องร่วมมือกับใครเพื่อเอาชนะใคร ผมจะพิสูจน์ตัวกับคุณดาวเอง คุณดาวจะรู้ว่าผมจริงใจมากแค่ไหน” พงศ์จันทรกำลังจะเดินไป แต่ก็หยุดแล้วหันกลับมา “อ่อ...แล้วอีกอย่าง คุณดาวเป็นว่าที่แม่ของลูกผม” พงศ์จันทรพูดเน้น “ผมไม่เคยคิดจะกินเธอเล่นๆ” พูดจบพงศ์จันทรก็เดินไป
"ว่าที่แม่ของลูก แหวะ ! นังดาวมันมีอะไรดี ผู้ชายถึงจ้องจะตะครุบ ฐานะ หน้าตาเร้าใจสู้เราไม่ได้สักอย่าง”
พงศ์จันทรเข้ามาในห้อง
“ทำไมคุณดาวยังไม่กลับมาอีก”
พงศ์จันทรกดมือถือก็เห็นข้อความจากหญิงนิ่มเข้ามา
“คุณชายไร้หัวใจ ฉันมีเรื่องสงสัยอยากถาม..การที่ฉันหัวใจเต้นแรง เวลาอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนหนึ่ง มันหมายว่ายังไงคะ”
พงศ์จันทรยิ้ม
“เห็นแสบๆ แต่เพ้อเหมือนกันนะ” พงศ์จันทรพิมพ์เขียนว่า "ชายผู้โชคดีคนนั้นเป็นใครครับ" แล้วกดส่ง
หญิงนิ่มอ่านข้อความในโทรศัพท์
“เรื่องอะไรจะบอก ขืนความลับรั่วไหลไปถึงนายปลาไหลว่าเราใจเต้นแรงเวลาอยู่กับเขา มีหวังได้เอาหน้าแทรกแผ่นดิน”
หญิงนิ่มวางโทรศัพท์แล้วชะเง้อมองไปทางหน้าโรงแรมอย่างไม่สบายใจ
“พี่ชายกับพี่ดาวเมื่อไหร่จะกลับกันมาสักที”
รถจันทรภานุขับเข้ามาจอดหน้าโรงแรม จันทร์ภานุเป็นคนขับ ส่วนประกายดาวนั่งอยู่ข้างๆ กำลังเหม่อคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
ประกายดาวนึกถึงตอนที่จันทรภานุพูด “ในความคิดของผม การที่เด็กขาดพ่อหรือแม่ จะทำให้เด็กมีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ การมีแค่คนใดคนหนึ่ง จะทำให้เด็กเติบโตไปแบบมีปัญหา ผมว่าคุณดาวไปบอกเพื่อนว่าอย่าทำแบบนี้เลยครับ ถ้าอยากมีลูก ก็ต้องมีความพร้อม และทำให้ตัวเองมีครอบครัวที่สมบูรณ์ให้ได้ซะก่อนจะดีกว่า”
ประกายดาวยังเหม่ออยู่กับความคิดของตัวเองทำให้ไม่ได้ยินเสียงจันทรภานุเรียก
“คุณดาวครับ” ประกายดาวยังเฉย จันทรภานุแตะตัวประกายดาว “คุณดาว”
“คะ ?”
“ถึงแล้วครับ”
“ค่ะ”
ประกายดาวลงจากรถด้วยอาการงงๆ จันทรภานุมองตามอย่างไม่สบายใจ
จันทรภานุเดินมาส่งประกายดาวที่หน้าห้อง ประกายดาวพยายามจะยิ้มสดใสแต่เพราะมีเรื่องคาใจจึงยิ้มออกมาไม่เต็มที่ ทั้งสองหยุดอยู่หน้าห้อง
“ขอบคุณมากนะคะ วันนี้ฉันสนุกมากจริงๆ”
“ผมทำอะไรให้คุณดาวไม่สบายใจหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ ฉันแค่มีอะไรให้คิดนิดหน่อย”
“เรื่องบางเรื่อง เก็บไว้ในใจคนเดียวมันอึดอัด ก็ระบายออกมาเถอะครับ ผมไม่รับปากว่าผมจะเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้คุณ แต่ผมเป็นผู้ฟังที่ดีแน่นอน”
“เอ่อ...ฉัน ฉัน” ประกายดาวลังเล ก่อนตัดสินใจพูด “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันโอเค”
ประกายดาวหันหลังจะเข้าห้อง แต่จันทรภานุคว้าแขนประกายดาวไว้
“ถ้าคุณไม่บอกผมว่าคุณมีปัญหาอะไร ผมจะไม่ปล่อยคุณไป”
ประกายดาวลังเล จันทรภานุก้าวเข้าไปใกล้ประกายดาวพร้อมกับจับแขนสองข้างของเธอไว้แล้วมองลึกเข้าไปในดวงตา
“คุณดาว...ไว้ใจผม พูดออกมาเถอะ คุณเป็นแบบนี้ ผมก็ไม่สบายใจไปด้วย”
ประกายดาวมองหน้าจันทรภานุจนเห็นความจริงใจและหนักแน่นผ่านสายตาของเขา เธอจึงตัดสินใจพูด
“ฉันขอสเปิร์มของคุณชายได้ไหมคะ”
“ขออะไรนะครับ ?”
“สเปิร์มค่ะ”
จันทรภานุอึ้งไป ประกายดาวเว้าวอน
“คุณจะว่าฉันบ้าก็ได้ ฉันอยากมีลูก ฉันอยากมีใครสักคนมาเติมเต็มชีวิตของฉัน และคุณก็คือผู้ชายที่เหมาะสมจะเป็นพ่อพันธ์ให้ลูกของฉันมากที่สุด ฉันขอสเปิร์มหน่อยนะคะ ขอแค่ตัวเดียวก็ได้ ฉันสัญญา ฉันจะเลี้ยงดูลูกของเรา..ไม่ใช่สิ ! ลูกของฉันคนเดียว ฉันจะมอบความรักทั้งหมดให้เขา เขาจะไม่เป็นเด็กมีปัญหา”
จันทรภานุนิ่งเงียบ ประกายดาวลุ้น
“นะคะคุณชาย”
“ครับ ผมจะให้”
“จริงเหรอคะ” ประกายดาวดีใจ “ขอบคุณมากค่ะคุณชาย พรุ่งนี้เรากลับกรุงเทพฯ ไปหาหมอทำกิฟต์กันเลยนะคะ”
“ไม่ ผมจะให้คุณด้วยวิธีธรรมชาติ”
ประกายดาวงง “หือ ?”
จันทรภานุก้าวไปชิดประกายดาว ประกายดาวขยับถอยจนติดประตู จันทรภานุยกมือกั้นตัวประกายดาวพร้อมกับมองเธอด้วยสายตายวิบวับทำเอาประกายดาวสะท้าน ประกายดาวหลบสายตาแล้วฝืนความรู้สึกเต็มที่
“เอ่อ...คุณชายคงจะยังไม่เข้าใจฉัน ฉันไม่ได้ต้องการอะไรที่...ที่ลึกซึ้ง ฉันต้องการแค่สเปิร์ม”
“ลูกผมต้องมีทั้งพ่อและแม่ ผมจะไม่ยอมให้เขาปฎิสนธิใต้กล้องจุลทรรศน์ ฟักตัวในช่องแช่แข็ง เขาต้องเกิดจากความรัก..."ความผูกพัน" ของเรา”
จันทรภานุโน้มหน้าจะจูบประกายดาว ประกายดาวตัวแข็งทื่อแล้วจะขยับตัวหนี จันทรภานุรวบตัวประกายดาวแล้วดึงเข้ามากอด
“คุณชาย...”
จันทรภานุใช้นิ้วแตะปากประกายดาวแล้วกระซิบข้างหู
“นึกถึงหน้าลูกของเรา ลูกของเรา ลูกของเรา”
ประกายดาวเริ่มเคลิ้ม จันทรภานุก้มจูบประกายดาว ริมฝีปากของทั้งสองแตะกันเบาๆ ประกายดาวหลับตาพริ้ม มือชายจันทร์ซุกซนไปตามแผ่นหลังของประกายดาวแล้วค่อยๆ คืบคลานเข้าไปในเสื้อ
ประกายดาวลืมตาขึ้นแล้วตะโกน
“คุณชายจันทร์อย่า !”
จันทรภานุงง “อย่าอะไรครับ ?”
สติของประกายดาวกลับมาเต็มร้อย เธอเพิ่งเห็นว่าจันทรภานุยืนห่างเธอ ไม่ได้ใกล้ชิดหรือจะจูบเธออย่างในจินตนาการ
“คุณดาวโอเคไหม” จันทรภานุถาม
“โอเคค่ะ โอเคมาก ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
ประกายดาวรีบหันหลังเข้าห้องไป จันทรภานุงง
จันทรภานุเดินเข้ามาในโรงแรม หญิงนิ่มวิ่งเข้าไปหา
“พี่ชายคะ พี่ชาย”
“อ้าว..น้องหญิง มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“ถึงเมื่อตะกี้นี้เองค่ะ พี่ดาวล่ะคะ”
“ขึ้นห้องไปแล้วค่ะ น้องหญิงมีอะไรหรือเปล่าคะ แล้วทำไมปุบปับถึงมาที่นี่”
พงศ์จันทรมองนาฬิกาข้อมือด้วยความร้อนใจว่าทำไมประกายดาวยังไม่มา เขาเดินผ่านมาได้ยินจันทรภานุกับหญิงนิ่มคุยกันพอดี
“หญิงมาสะกัดดาวรุ่งค่ะ” หญิงนิ่มบอก
จันทรภานุงง “ดาวรุ่ง ?”
“ค่ะ นายปลา...เอ่อ...คุณพงศ์จันทรน่ะค่ะ เขาตามมาทำคะแนนกับพี่ดาวถึงที่นี่ หญิงอยากได้พี่ดาวเป็นพี่สะใภ้ ถึงต้องรีบตามมาสะกัดดาวรุ่ง เพราะถ้าขืนปล่อยให้พี่ดาวอยู่ใกล้คุณพงศ์ พี่ดาวได้หวั่นไหวแน่ๆ ค่ะ”
พงศ์จันทรได้ยิน “ร้ายนักนะหญิงนิ่ม ไม่อยากให้ผมใกล้ชิดคุณดาวนักใช่ไหม”
พงศ์จันทรมีสีหน้ามุ่งมั่น
จิตสุภางค์กำลังนอนร้องซี๊ดซ๊าดและมีหน้าตาได้อารมณ์สุดๆ
“ขึ้นมาอีกหน่อย ตรงนั้นแหละ ตรงจุดเป๊ะ เฮียนี่สุดยอด สมกับเป็นยอดชายของจิตโดยแท้”
เชากำลังนวดเท้าให้จิตสุภางค์อย่างเมามันส์ จิตสุภางค์กัดริมฝีปากเพราะเจ็บ พลันเสียงมือถือก็ดังขึ้น จิตสุภางค์เอื้อมมือมากดรับ
“ว่าไงจ๊ะแม่สาวล่าสเปิร์ม”
“แย่แล้วว่ะไอ้จิต” ประกายดาวบอก
จิตสุภางค์ตกใจจึงเด้งตัวขึ้นมา ทำให้เท้าไปเสยคางเชาจนหงายเงิบล้มไปบนพื้น เชาเกือบน็อค
จิตสุภางค์ตกใจ “ว้าย ! ผัวฉัน”
“เฮียเป็นไรวะ” ประกายดาวงง
เชาตาลอยคว้าง จิตสุภางค์จุ๊บที่หน้าผากของเขาหนึ่งที เชายิ้มหวานกลับมาเป็นปกติ
“ไม่เป็นไร ฉันให้ยาเรียบร้อยแล้ว อะๆ ว่าไงต่อแก แกว่าอะไรแย่”
“คุณชายจันทร์”
“ทำไม ? หรือว่าแกไปขอสเปิร์มคุณชายแล้ว เขาไม่ให้ เขาคิดว่าแกบ้า ไล่แกกลับมาใช่มั๊ย!”
“เยอะแหละ เขาแค่ไม่เห็นด้วยกับการทำกิฟต์ เขาคิดว่าเด็กคนหนึ่งจะโตมาได้ดีก็ต้องมีครอบครัวที่อบอุ่น คุณชายเขาเกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น เขาก็เลยชิน”
“งั้นแกก็เก็บกระเป๋ากลับมาได้แล้ว อย่าเสียเวลาอีกเลย ถ้าขืนคุณชายเชื่อฝังหัวขนาดนั้น เขาไม่ให้สเปิร์มแกไปทำกิฟต์แน่”
“บ้า ฉันมาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันไม่ถอยหรอก”
“ไม่ถอยแล้วจะทำยังไงย่ะ แกจะเปิดหัวล้างซีรีบรัมของเขาหรือไง”
“ถ้าสิ่งที่เขาเชื่อมันเป็นอุปสรรคให้ลูกฉันได้มาก่อน ฉันก็จะต้องเปลี่ยนความคิดเขาให้ได้”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“แค่นี้ก่อนนะไอ้จิต มีอะไรคืบหน้าจะโทรไปเม้าใหม่ แล้วก็อย่าลืมช่วยฉันคิดแผนเปลี่ยนความคิดเจ้าของสเปริมหลานแกด้วยล่ะ ไม่ใช่มัวแต่ใส่ยาให้ผัว”
ประกายดาวหัวเราะคิกคักแล้ววางสาย เธอเดินไปเปิดประตูก็เห็นพงศ์จันทรยืนอยู่
“คุณพงศ์ !? มาได้ไงคะเนี่ย”
“ถ้าเป็นคนอื่น ผมจะตอบว่า นั่งเครื่องมา แต่ถ้าเป็นคุณดาว ขอตอบว่า มาตามเสียงหัวใจเรียกร้องครับ”
ประกายดาวพูดเล่น “เลี่ยนมากค่ะ”
ทั้งสองหัวเราะออกมา
“พอดีผมมาทำงานครับ เผอิญรู้ว่าคุณดาวพักอยู่ที่นี่ก็เลยตามมาพักด้วย และผมก็มีเรื่องอยากจะมาขอความช่วยเหลือจากคุณดาวด้วย”
“เรื่องอะไรคะ”
โทรศัพท์หญิงนิ่มมีข้อความเข้า หญิงนิ่มกดเปิดดูจึงเห็นรูปถ่ายพงศ์จันทรกับประกายดาวขณะนั่งอยู่ในรถ โดยพงศ์จันทรเป็นคนถ่าย เขาตั้งใจทำหน้าลั้นล้าแต่ประกายดาวนั่งเฉยๆ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าโดนถ่าย ข้อความเขียนว่า "พาคุณดาวไปไหนดีน้า..." หญิงนิ่มร้อนใจ
“อ๊าย เร็วนักนะนายปลาไหล”
จันทรภานุนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ หญิงนิ่มเอาโทรศัพท์ไปให้พี่ชายดู
“เห็นไหมคะพี่ชาย เผลอแปบเดียว คุณพงศ์ออกไปกับพี่ดาวแล้ว”
จันทรภานุนิ่งๆ
“พี่ชายไม่รู้สึกอะไรบางเหรอคะ”
“ทำไมพี่ต้องรู้สึกล่ะคะ” จันทรภานุสวน
“ก็ถ้าเราเห็นคนที่เรารักไปกับคนอื่น เราก็ต้องรู้สึกอะไรบางสิคะ หญิงยังรู้สึกเลย”
จันทรภานุขำ “น้องหญิงชอบคุณดาวเหรอคะ เอ๊ะ หรือว่าชอบคุณพงศ์”
หญิงนิ่มอึ้งแล้วรีบกลบเกลื่อน “หญิงรู้สึกไม่พอใจแทนพี่ชายค่ะ คุณพงศ์เจ้าชู้ หญิงไม่อยากให้พี่ดาวเสียใจ เห็นทีว่าเราจะอยู่เฉยไม่ได้แล้วล่ะค่ะ พี่ชายต้องรุกพี่ดาวหนักๆ ไม่งั้น..พี่ดาวได้หวั่นไหวกับคุณพงศ์แน่ๆ”
“น้องหญิงคะ คุณดาวเธอจะรักใครชอบใครก็เป็นสิทธิ์ของเธอค่ะ เราไปห้ามความรู้สึกใครไม่ได้หรอกนะคะ”
หญิงนิ่มเซ็ง
อ่านต่อหน้าที่ 2
ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 7 (ต่อ)
ประกายดาวเดินเข้าไปในร้านที่ตกแต่งเป็นแนวล้านนาร่วมสมัยและเสิร์ฟแบบขันโตก เธอมองไปรอบๆ แล้วก็อมยิ้มเพราะชอบบรรยากาศร้าน ประกายดาวยกโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายรูปเป็นระยะๆ ตามประสาคนชอบถ่ายรูป
พงศ์จันทรเรียก
“คุณดาว !”
-ประกายดาวหันไปทางเสียง พงศ์จันทรกดถ่ายรูปประกายดาวแชะ
ประกายดาถ่ายทำไมคะ
“เก็บไว้เป็นที่ระลึกว่าผมได้มาดินเนอร์กับคุณดาวไกลถึงเชียงใหม่”
“ตกลงว่าคุณมีเรื่องอะไรจะให้ฉันช่วยคะ”
“กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ทานก่อนแล้วค่อยคุยดีกว่า เชิญครับ”
ประกายดาวเดินนำเข้าไปข้างใน พงศ์จันทรยังไม่เดินตามแต่กดส่งข้อความในโทรศัพท์ก่อน
มือถือของหญิงนิ่มมีข้อความเข้า หญิงนิ่มกดดดูก็เห็นรูปถ่ายและข้อความเขียนว่า "ค่ำคืนพิเศษกับคนพิเศษ"
หญิงนิ่มหมั่นไส้
“วันพระไม่ได้มีหนเดียวหรอกย่ะ”
นันทินียื่นหน้าเข้ามาดูโทรศัพท์หญิงนิ่มอย่างสอดรู้สอดเห็น
“อุ้ย ! ยัย..เอ่อ...คุณดาวไปร้าน..กับใครคะ หรือว่าคุณชายจันทร์ ! เอ๊ะ แต่คุณชายยังประชุมงานอยู่ ไม่ได้ไปกับคุณดาวแน่ โอเค พี่ไม่อยากรู้แล้ว”
“พี่นันรู้จักร้านนี้ด้วยเหรอคะ” หญิงนิ่มถาม
“รู้จักคะ พี่เคยไปทาน แต่ปกติพี่ไม่ค่อยได้มาเชียงใหม่หรอกนะคะ พี่ชอบไปพวกสวิช อิตาลี เพรีสมากกว่า แต่ขอบอกว่าตั๊กแตนทอดรถเข็นหน้าร้านอร่อยเว่อร์ น้องหญิงจะไปทานเหรอคะ”
“หญิงไม่ไปหรอกค่ะ แต่หญิงจะส่งคนอื่นไปแทน”
นันทินีแปลกใจ หญิงนิ่มยิ้มอย่างมีแผน
ประกายดาวนั่งกินข้าวกับพงศ์จันทร สักพักประกายดาวก็ดื่มน้ำเพราะอิ่มแล้ว
“ตกลงว่าคุณมีเรื่องอะไรจะให้ฉันช่วยคะ”
พงศ์จันทรมองประกายดาวตาหวาน “ช่วย..ช่วยเปิดโอกาสให้ผมพิสูจน์ตัวเองได้ไหม”
ประกายดาวไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับคำหวานของพงศ์จันทรเพราะเธอไม่ได้คิดอะไรกับเขา
“นี่เหรอคะ ธุระของคุณ”
“ผมจริงใจกับคุณนะคุณดาว ผมพร้อมจะหยุดอยู่ที่คุณเดียว”
ประกายดาวยังไม่ทันตอบอะไร ผู้หญิงสาวเอ็กซ์หน้าละอ่อนก็เดินผ่านแล้วทำพวงกุญแจตกใกล้ๆ พงศ์จันทร พงศ์จันทรก้มเก็บพร้อมๆ กับที่ผู้หญิงก็ย่อตัวเก็บเช่นกัน
ผู้หญิงจงใจให้มือของเธอไปแตะโดนมือพงศ์จันทร พงศ์จันทรเงยหน้าสบตาหญิงสาวอย่างรู้ทันแล้วค่อยส่งพวงกุญแจคืนให้
“ขอบคุณค่ะ”
พงศ์จันทรยิ้มนิดๆ แค่เป็นมารยาท ผู้หญิงเดินไปนั่งที่โต๊ะซึ่งอยู่ข้างหลังประกายดาวและยังไม่วายส่งสายตายั่วยวนมาทางพงศ์จันทรตลอดเวลา
“เสน่ห์แรงเหลือเกินนะคะ” ประกายดาวว่า
พงศ์จันทรถามทันที “หึงผมเหรอ”
“คนอย่างฉันถ้าหึง ไม่นั่งเฉยๆ อยู่อย่างนี้หรอกค่ะ”
“อยากรู้จัง คุณจะทำยังไง”
"ตัด"
พงศ์จันทรตกใจ “หา !?”
“ตัดใจค่ะ”
โทรศัพท์ของประกายดาวดัง ประกายดาวหยิบขึ้นมาดูเห็นชื่อว่า "หญิงนิ่ม" จึงกดรับสาย
“ฮัลโหล...”
หญิงนิ่มคุยโทรศัพท์กับประกายดาว
“พี่ดาว ตอนนี้พี่ดาวอยู่ไหนคะ”
“อยู่ตัวเมืองค่ะ” ประกายดาวตอบ
หญิงนิ่มแกล้ง “ฮัลโหลๆ พี่ดาวว่าไงนะคะ หญิงไม่ได้ยินเลยค่ะ”
“ฮัลโหล ได้ยินหรือยังคะ”
“สัญญาณไม่ค่อยดีเลยค่ะพี่ดาว”
ประกายดาวลดโทรศัพท์ลงแล้วบอกพงศ์จันทร
“เดี๋ยวฉันมานะคะ”
พงศ์จันทรยิ้ม ประกายดาวลุกออกไป พงศ์จันทรมองตามประกายดาวด้วยความเสน่หา แล้วหันไปเห็นว่าผู้หญิงคนเดิมยังมองมาที่เขา
ประกายดาวเดินถือโทรศัพท์มือถือออกมานอกร้านอาหาร
“ฮัลโหล น้องหญิงได้ยินพี่หรือยังคะ”
หญิงนิ่มคุยโทรศัพท์
“พี่ดาวออกมาจากร้านแล้วใช่ไหมคะ”
“ค่ะ” ประกายดาวนึกได้ “เอ๊ะ! น้องหญิงรู้ได้ยังไงคะว่าพี่อยู่ในร้าน”
หญิงนิ่มตะลึงและแทบอยากจะกรี๊ด เธอแอบตบปากตัวเองเบาๆ ที่เผลอหลุดปากพูดออกไป
ระหว่างนั้นจันทร์ภานุก็เดินดูแฟ้มเอกสารเดินเข้ามาเห็นอาการของหญิงนิ่ม เขามองด้วยความแปลกใจ
“เอ่อ...หญิง หญิงได้ยินเสียงเพลงน่ะค่ะ” หญิงนิ่มรีบเปลี่ยนเรื่อง “หญิงจะโทรบอกพี่ดาวว่า หญิงอยู่ที่โรงแรมแล้วนะคะ ถ้าพี่ดาวเหงา อยากหาเพื่อนคุยเพื่อนเที่ยว โทรหาหญิงได้เลยนะคะ สวัสดีค่ะ” หญิงนิ่มวางสายแล้วถอนหายใจโล่งอก “เกือบไปแล้ว”
หญิงนิ่มหันไปเห็นจันทรภานุยืนอยู่
“พี่ชาย ! พี่ชายเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“วางแผนอะไรอีกล่ะตัวดี”
“เปล่าค่ะ”
จันทรภานุจ้องหญิงนิ่มอย่างรู้ทัน สายตาของจันทรภานุทำให้หญิงนิ่มเกรงใจจนต้องสารภาพ
“โอเคค่ะ หญิงบอกก็ได้ หญิงแค่จะทำให้พี่ดาวรู้ธาตุแท้ของคนบางคนค่ะ พี่ดาวจะได้รู้ว่าพี่ชายของหญิงดีกว่าล้านเท่า”
จันทรภานุส่ายหน้าระคนเอ็นดู หญิงนิ่มมั่นใจในแผนของตัวเอง
หญิงสาวลุกไปหาพงศ์จันทร เธอวางกระดาษทิชชู่เขียนเบอร์โทรวางโต๊ะแล้วเลื่อนกระดาษเข้าไปตรงหน้าพงศ์จันทรพร้อมส่งสายตายั่วยวน
“ถ้าอยากให้หนูช่วยอะไร โทรหาหนูนะคะ หนูช่วยคุณได้ ทุกเรื่อง"
พงศ์จันทรไล่สายตามองผู้หญิงจากใบหน้า ผิวพรรณ ตั้งแต่ลำคอลงมาถึงแขน
พงศ์จันทรถาม “อายุเท่าไหร่”
“สิบแปดค่ะ”
พงศ์จันทรพูดหน้านิ่งจนยากจะคาดเดาว่าเขาคิดอะไร “ออกมาคุยกันข้างนอก”
พงศ์จันทรลุกเดินออกไป ผู้หญิงยิ้มพอใจแล้วเดินตาม
ประกายดาวที่เพิ่งคุยโทรศัพท์กับหญิงนิ่มเสร็จเดินมาจากทางด้านหนึ่งจนเห็นพงศ์จันทรเดินนำผู้หญิงสาวออกมาจากในร้านแล้วมุ่งหน้าไปด้านหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นกดโทรศัพท์ ประกายดาวมองตามด้วยความแปลกใจ
“คุณพงศ์จะไปไหน ?”
พงศ์จันทรเดินเข้ามาที่สวนของร้าน ผู้หญิงเดินตามหลังพร้อมกับกดโทรศัพท์
หญิงนิ่มเปิดอ่านข้อความบนมือถือเขียนว่า "เตรียมโอนเงินมาได้เลย เหยื่อติดกับแล้ว" หญิงนิ่มเศร้า
“นายมันก็แค่ผู้ชายมักง่าย” หญิงนิ่มได้สติจึงสะบัดหน้าไล่ความคิดตัวเอง “พี่ดาวกำลังเห็นธาตุแท้ของนายปลาไหล ฉันควรจะดีใจสิ”
แต่หญิงนิ่มก็ยังอดเศร้าไม่ได้
พงศ์จันทรหันไปหาผู้หญิงคนนั้น
“น้องคิดเท่าไหร่”
ผู้หญิงเข้าไปเกาะแขนพงศ์จันทรแล้วลูบไล้อย่างยั่วยวน
“หล่อๆ อย่างพี่ หนูไม่คิดเงินสักบาทเลยก็ได้”
“ทำตัวแบบนี้ ไม่สงสารพ่อแม่บ้างหรือไง” พงศ์จันทรว่า
ผู้หญิงอึ้ง
“พะ...พี่พูดอะไร”
“พี่ว่าพี่พูดชัดทุกคำแล้วนะ ทำลายศักดิ์ศรีตัวเองตั้งแต่เด็กขนาดนี้ ชีวิตที่เหลือจะอยู่อย่างภูมิใจได้ยังไง”
ผู้หญิงจะวิ่งหนีแต่พงศ์จันทรคว้าแขนไว้
“จะไปไหน มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
ประกายดาวเดินตามมาเห็นพงศ์จันทรกำลังคว้าแขนผู้หญิง ในขณะที่ผู้หญิงดิ้นและจะวิ่งหนี
“พี่อย่าทำอะไรหนูเลย หนูเป็นกำพร้าต้องทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงแม่”
“อย่าเอาคำว่ากำพร้ามาอ้าง เด็กกำพร้าใฝ่ดีมีถมไป” พงศ์จันทรบอก
“พี่ไม่เป็นหนู พี่ไม่รู้หรอก”
“ทำไมพี่จะไม่เป็น พี่ก็เป็นเด็กกำพร้าเหมือนกัน เกิดมาพี่ไม่เคยเห็นหน้าพ่อด้วยซ้ำ แต่พี่ไม่เห็นจะต้องเอามาทำให้เป็นปัญหากับตัวเอง คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้ อาจจะฟังดูน้ำเน่า แต่เชื่อพี่...มันโคตรจริงเลย”
ประกายดาวยืนมองอยู่
“คุณพงศ์เป็นเด็กกำพร้า ?”
ประกายดาวนึกย้อนไปถึงคำที่จันทรภานุพูด
“ในความคิดของผม การที่เด็กขาดพ่อหรือแม่ จะทำให้เด็กมีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ การมีแค่คนใดคนหนึ่ง จะทำให้เด็กเติบโตไปแบบมีปัญหา”
ประกายดาวมองพงศ์จันทร
“สวรรค์มาโปรดประกายดาวแล้ว”
จิตสุภางค์ที่พอกหน้าขาวคุยโทรศัพท์กับประกายดาว
“แกจะใช้คุณพงศ์เป็นเครื่องมือ ? คิดอะไรพิเรนทร์ๆอีกล่ะ”
“ไม่พิเรนทร์ เก๋ไก๋จะตาย ในเมื่อชายจันทร์เขาไม่เชื่อว่าคนที่โตมากับพ่อหรือแม่คนเดียวจะสมบูรณ์แบบได้”
“แล้วแกจะทำยังไงต่อไป”
ประกายดาวมีสีหน้ามุ่งมั่น
ประกายดาวหาข้อมูลในคอมพิวเตอร์ เธอเสิร์ชในกูเกิ้ลว่า "พงศ์จันทร ประวัติ" แล้วประกายดาวก็ยิ้มอย่างมีแผน
วันต่อมา ประกายดาวเข้ามาเดินมองหาจันทรภานุ จันทรภานุเดินมาจากล้อบบี้ ประกายดาวยิ้มแล้วปรี่เข้าไปหา
“คุณชายคะ”
จันทรภานุอึ้ง “คุณดาว !”
จันทรภานุเหลียวไปมองด้านหลังด้วยท่าทางร้อนใจเหมือนมีอะไรบางอย่างไม่อยากให้ประกายดาวเห็น ประกายดาวยังไม่ทันสังเกตเห็น
ประกายดาวเอ่ยถาม “คุณชายทานข้าวหรือยังคะ”
“ยังครับ คุณดาวก็ยังไม่ทานใช่ไหม งั้นเราไปทานข้าวกันนะ”
จันทรภานุดุนแขนประกายดาวเพราะจะรีบพาออกไป ประกายดาวสงสัยจึงไม่ยอมเดินตาม
“มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมต้องรีบร้อนด้วย”
จันทรภานุยังไม่ทันตอบ รติรส อรอุมา และศิวะก็เดินมาจากล้อบบี้ พนักงานเดินลากกระเป๋าตามมา ทั้งหมดเจอกัน ประกายดาวถึงกับเซ็ง ส่วนศิวะตาเป็นประกาย
“ดาว ! ดาวมาทำอะไรที่นี่”
อรอุมาถลึงตาใส่ศิวะ รติรสก็ไม่พอใจแต่เก็บอาการได้ดีกว่า
“คุณดาวเป็นแขกของผม” จันทรภานุบอก
“เมื่อเช้าฉันต้องเผลอก้าวเท้าซ้ายออกจากบ้านแน่ๆ ถึงได้ซวย” อรอุมาแขวะ
“เราผิดเองแหละอร ดันลืมคิดไปว่าโรงแรมของคุณชายเพิ่งเปิด คุณดาวก็คงไม่พลาดที่จะรีบมาให้ท่า เอ๊ย ! ให้เกียรติเป็นแขกของคุณชาย” รติรสบอก
“ฉันไม่ได้ให้เกียรติเป็นแค่แขกนะคะ แต่จะอาสาเป็นไกด์พาชมโรงแรมให้ด้วย ฉันอยู่มาหลายวันแล้ว รู้หมดว่ามุมไหนซอกไหนดี ว่างๆ ให้ฉันพาชมได้นะคะศิวะ ฉันรู้รสนิยมคุณดี” ประกายดาวบอก
อรอุมาโกรธ “แก !”
อรอุมาจะเข้าไปเล่นงานประกายดาว แต่จันทรภานุเข้าไปขวางประกายดาวอย่างสุภาพ ส่วนศิวะจับอรอุมาไว้
“เชิญขึ้นไปบนห้องเถอะครับ เดี๋ยวพนักงานจะเอากระเป๋าเสื้อผ้าตามขึ้นไปให้ เชิญพักผ่อนตามสบายนะครับ ส่วนเรื่องงานวันมะรืนเดี๋ยวเราค่อยคุยกันอีกที” จันทรภานุบอก
จันทรภานุจูงมือประกายดาวแล้วพาออกไป รติรสกับอรอุมาเหวอ ศิวะมองตามด้วยสีหน้าไม่พอใจ
จันทรภานุจับมือพาประกายดาวเดินออกมา ประกายดาวมองมือจันทรภานุที่จับมือตัวเองแล้วก็ค่อยๆหยุดเดิน ทำให้จันทรภานุหยุดเดินแล้วหันไป
“คุณชายจันทร์ปล่อยมือฉันได้แล้วมั๊งคะ” ประกายดาวบอก
จันทรภานุรู้ตัวก็รีบปล่อย “ขอโทษครับ ว่าแต่คุณดาวจะให้ผมพาไปไหน”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ ฉันว่าฉันกลับกรุงเทพหรือย้ายโรงแรมก่อนดีกว่า”
“ทำไม” จันทรภานุถาม
“ถ้าฉันอยู่ใกล้พวกนั้น โรงแรมคุณชายอาจจะพัง”
“โรงแรมผมมีประกันชั้นหนึ่ง คุณพังได้ตามสบาย”
“แล้วอย่ามาถอนคำพูดคืนทีหลังนะคะ”
“ผมรู้ว่าคุณไม่ทำหรอก อย่างดีคุณก็แค่ใช้คุณศิวะยั่วโมโหคุณอรอุมา แต่วันหลังอย่าทำแบบนั้นอีกเลยนะ ผมขอร้อง”
“ทำไมคะ กลัวยัยอรอุมาพังโรงแรมคุณชายเหรอ”
“คนที่พังโรงแรม อาจจะเป็นผมก็ได้”
ประกายดาวอึ้ง จันทรภานุเดินออกไป ประกายดาวสะบัดหน้าเตือนตัวเอง
“อย่าคิดเข้าข้างตัวเองเชียวประกายดาว คุณชายอาจจะหึงศิวะก็ได้ เฮ้ย ! บ้าไปแล้วฉัน เลิกคิดๆ” ประกายดาววิ่งตามจันทรภานุไป “คุณชายรอฉันด้วยค่ะ”
อรอุมาโยนกระเป๋าสะพายลงบนโซฟาอย่างหงุดหงิด
“ดูท่าคุณชายจันทร์จะหลงนังประกายดาวมาก รู้งี้ไม่น่ามาเปิดร้านที่นี่เล้ย เกิดมันได้เป็นเมียชายจันทร์ ต้องโดนมันเล่นงานแน่ๆ”
อรอุมาหันไปเห็นศิวะยืนนิ่ง
“ศิวะ”
อรอุมาคว้าหมอนมาปาใส่ศิวะ
“ศิวะ !”
ศิวะรู้สึกตัว “ฮะ ?”
“คิดถึงนังดาวอยู่หรือไง”
ศิวะหน้าถอดสี “เปล่าจ๊ะ”
อรอุมาหรี่ตามองด้วยความสงสัย “อย่าให้รู้นะว่าทำตัวเป็น หมา” ศิวะชะงัก “หวงก้าง” ศิวะไม่พอใจแต่ไม่แสดงออก “ถ้าฉันรู้ว่าคุณยังคิดจะกลับไปหามัน ฉันไม่ปล่อยทั้งคุณทั้งมันแน่”
เสียงเคาะประตูเชื่อมดังขึ้น แล้วรติรสก็เปิดเข้ามา
“ห้องสวยดีนะ” รติรสชม
“อ้าว...มีประตูเชื่อมด้วยเหรอ แหม...มัวแต่ด่านังดาวเลยลืมดู มีก็ดีแล้ว จะได้หากันสะดวก” อรอุมาว่า
ศิวะกับรติรสสบตากันแว่บนึง อรอุมาไม่ทันสังเกตเห็น
“ฉันล้างหน้าก่อน เดี๋ยวลงไปหาอะไรกินแก้เหม็นหน้านังดาวกัน” อรอุมาบอก
อรอุมาหันไปมองศิวะ ศิวะเฉยเพราะไม่เก็ทว่าอรอุมาจะเอาอะไร อรอุมาไม่พอใจจึงตะคอกใส่
“ศิวะ ฉันบอกว่าฉันจะล้างหน้า”
ศิวะเพิ่งเก็ท “อ๋อ จ้ะๆ”
ศิวะกุลีกุจอเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าแล้วหยิบกระเป๋าเล็กๆ ใส่เครื่องสำอางส่งให้อรอุมา ศิวะเกือบทำกระเป๋าหลุดมือ
“ระวังหน่อยสิ ของๆ ฉันราคาไม่ใช่ถูกๆ” อรอุมาว่า
อรอุมาคว้ากระเป๋าจากมือศิวะแล้วเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะปิดประตูห้องน้ำ
“อย่าโมโหสิคะ มันยั่วอารมณ์ฉัน เดี๋ยวฉันอดใจไม่ไหวน้า” รติรสบอก
“อดไม่ไหวก็ไม่ต้องอด”
พูดจบศิวะก็ไซร้ซอกคอรติรส รติรสเคลิ้ม ศิวะดันตัวรติรสเข้าไปในห้องของรติรสแล้วปิดประตู
จันทรภานุทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างขณะฟังพนักงานพูด ขณะที่ประกายดาวนั่งสังเกตการณ์อยู่ด้วย
“เขาให้เหตุผลว่าที่เขาเลิกจัดงานให้เรา เพราะเขามีปัญหาภายในบริษัท” พนักงานบอก
จันทรภานุยังนิ่ง พนักงานโวยวาย
“จะมีปัญหายังไง ก็ไม่สมควรยกเลิกงานเรา แขกของเราเป็นนักธุรกิจระดับประเทศทั้งนั้น งานนี้เราเสียหายไม่รู้เท่าไหร่ เราต้องฟ้องกลับให้หนักๆ เลยนะครับคุณชาย เอาให้กระฉ่อนไปทั้งวงการ ไม่ได้ผุดได้เกิด”
“ผมฟ้องกลับแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้เราต้องเอาเวลามาคิดหาทางแก้ปัญหา งานนี้ล้มเลิกไม่ได้” จันทรภานุบอก
ประกายดาวตาวาวเพราะคิดแผนได้ พนักงานเดินออกไป
“คุณชายคะ ไหนๆ คุณพงศ์อยู่ที่นี่แล้ว คุณชายไม่ลองใช้บริการนักจัดงานระดับท็อปไฟล์ของประเทศอย่างคุณพงศ์ดูล่ะคะ คุณชายเองก็เคยใช้บริการคุณพงศ์มาแล้ว” ประกายดาวเชียร์
“แต่ผมไม่แน่ใจว่างานนี้จะเหมาะกับสไตล์ของคุณพงศ์หรือเปล่า”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ” ประกายดาวพรีเซนต์เต็มที่ “งานของคุณพงศ์หลากหลายสไตล์”
ประกายดาวกุลีกุจอเปิดไอแพดให้จันทรภานุดูภาพตัวอย่างงานอีเว้นหลากหลายสไตล์ของบริษัทพงศ์จันทร ประกายดาวพรีเซนต์พร้อมอธิบาย
“มีทั้งงานไทยๆ งานอินเตอร์ คุณพงศ์ทำมาหมดแล้ว งานด่วนงานร้อนคุณพงศ์ก็เคยได้ทำบ่อย ๆ คุณพงศ์เขาเก่ง หัวไว แหม...ไม่เสียแรงที่เรียนจบจากเมืองนอก ทำกิจกรรมตั้งแต่เด็กจนโต”
“ดูคุณดาวรู้จักคุณพงศ์ดีจังเลยนะครับ”
“ฉันว่าประวัติเขาน่าสนใจดีค่ะ คุณพงศ์โตที่เมืองนอกกับคุณแม่ คุณพ่อเสียไปตั้งแต่คุณพงศ์ยังไม่เกิด ฉันไม่แปลกใจแล้วล่ะค่ะ ว่าทำไมสาวๆ ถึงพากันกรี๊ดคุณพงษ์กันทั้งเมือง”
ประกายดาวพูดโดยไม่รู้ตัวว่าจันทรภานุรู้สึกยังไง เธอยิ้มชื่นชมพงศ์จันทร์ ขณะที่สีหน้าของจันทรภานุเรียบเฉย แต่เขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจมาก
“ตกลงคุณชายให้คุณพงศ์ช่วยนะคะ”
“ผมไม่มีสิทธิ์เลือกมาก ต้องแล้วแต่คุณพงศ์ตัดสินใจ”
พงศ์จันทรฟังเรื่องจากประกายดาวก็พูดหนักแน่น
“ผมไม่ตัดสินใจ !”
“ทำไมล่ะคะ” ประกายดาวถาม
“ผมไม่ตัดสินใจ เพราะผมจะให้คุณดาวตัดสินใจ ถ้าคุณดาวอยากให้ทำ ผมก็จะทำ”
ประกายดาวเหวอ
“ถ้าคุณไม่สะดวก ผมไม่รบกวนดีกว่า”
“โถ...ผมล้อเล่นครับคุณชาย ผมเห็นว่ากำลังหน้าสิ่วหน้าขวานกันก็เลยอยากจะช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น”
“ตกลงว่าคุณจะช่วยคุณชายใช่ไหมคะ”
พงศ์จันทรยิ้มและกำลังจะตอบว่าใช่ ทันใดนั้นหญิงนิ่มก็เดินเร็วเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนใจเพราะรู้เรื่องโรงแรมโดนบริษัทออแกไนซ์เบี้ยว หญิงนิ่มเข้าไปเกาะแขนจันทรภานุด้วยความห่วงใยพี่ชายมากจนไม่สังเกตเห็นว่าพงศ์จันทรนั่งอยู่
“พี่ชายคะ คุณแต๋วบอกหญิงเรื่องงานเลี้ยงโดนเบี้ยวแล้ว ถ้าพี่ชายมีอะไรให้หญิงช่วยบอกหญิงได้เลยนะคะ”
ชายจันทร์ลูบมือน้องสาวแล้วยิ้มละมุน “ช่วยเป็นกำลังใจให้พี่นะคะ”
ประกายดาวมองท่าทางของจันทรภานุอย่างรู้สึกดี หญิงนิ่มเพิ่งหันไปเห็นพงศ์จันทรนั่งอยู่
“นาย !”
“คุณหญิงครับ มีคนฝากความคิดถึง” พงศ์จันทรบอก
พงศ์จันทรมองหญิงนิ่มแล้วนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา พงศ์จันทรสอนผู้หญิงคนที่มาหว่านเสน่ห์
“คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้ อาจจะฟังดูน้ำเน่า แต่เชื่อพี่...มันโคตรจริง”
ผู้หญิงทนอายไม่ไหวจึงสะบัดตัวจากพงศ์จันทรทำให้โทรศัพท์ที่อยู่ในมือหลุดจากมือ พงศ์จันทรรับไว้ได้ตามสัญชาตญาณ มีข้อความเข้ามาพอดีซึ่งเป็นเบอร์ไม่ได้เซฟ พงศ์จันทรเหลือบมองหน้าจอเห็นข้อความเขียนว่า "ห้ามยุ่งกับคุณพงศ์นอกเหนือจากที่ฉันสั่ง"
พงศ์จันทรแปลกใจจึงเงยหน้ามองหน้าหญิงสาว หญิงสาวร้อนใจ
“พี่อย่าทำอะไรหนูเลยนะ หนูแค่ทำงานตามที่เขาสั่ง หนูไม่ได้ตั้งใจจะชวนพี่ทำเรื่องอย่างว่าหรอก”
พงศ์จันทรสงสัย “ใครสั่ง ?”
พงศ์จันทรมองตามหญิงนิ่ม
“ผมว่าผมเปลี่ยนใจแล้วดีกว่า ผมจะช่วยงานคุณชายก็ต่อเมื่อ...คุณหญิงนิ่มยอมรับผิดกับผม”
“ยอมรับอะไร ?” จันทรภานุสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่ชาย มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะค่ะ คุณพงศ์คะ เชิญทางนี้หน่อยค่ะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ” หญิงนิ่มว่า
หญิงนิ่มเดินหนี พงศ์จันทรเดินเร็วๆ มาดักหน้าหญิงนิ่มไว้
“นายจะเอายังไงก็ว่ามา” หญิงนิ่มถาม
“ขอโทษผมสิ” พงศ์จันทรบอก
“ทำไมต้องขอโทษ ในเมื่อ-เมื่อคืนนายก็เอาตัวรอดมาได้ แถมยังเกทับให้เงินน้องเขาเยอะกว่าฉันอีก”
“เวรกรรมมันมีจริงนะครับคุณหญิง คุณใส่ร้ายผม ระวังคุณจะโดนใส่ร้ายซะเอง”
“ที่ฉันทำ ฉันทำบุญย่ะ ฉันไม่อยากให้คนดีๆ หลงกลนาย”
“หรือว่าไม่อยากให้ใครยุ่งกับผมกันแน่ รักหลงผมใช่ม้า”
“แหวะ ! หลงตัวเอง”
หญิงนิ่มสะบัดหน้าจะเดินหนี แต่ดันหันไปชนกับทีมงานสองคนที่กำลังเดินเข้ามาหาพงศ์จันทร
หญิงนิ่มตกใจ “ว้าย !”
พงศ์จันทรดึงตัวหญิงนิ่มเข้ามาทำให้แก้มหญิงนิ่มกระแทกเข้ากับปากของพงศ์จันทรเต็มๆ ทั้งสองตาโตเพราะอึ้งและยังค้างอยู่ในท่านั้น
พวกพนักงานมองกันตาโต พงศ์จันทรผละจากหญิงนิ่ม
“มาเร็วกันดีนี่” พงศ์จันทรบอก
“พอดีพวกผมอยู่แถวนี้อยู่แล้วครับ”
พงศ์จันทรพยักหน้ารับแล้วสั่ง “ไปรอตรงโน้นก่อน”
ทีมงานเดินออกไป พงศ์จันทรจะหันไปหาหญิงนิ่ม
“คุณหญิง”
“ฉันขอโทษ” หญิงนิ่มบอก
“เฮ้ย ! ผมเป็นคนหอมแก้มคุณนะ”
“ฉันขอโทษเรื่องเมื่อคืนย่ะ ทีนี้นายก็ช่วยงานพี่ชายได้สักทีนะ”
หญิงนิ่มรีบเดินหนีไปอย่างอายๆ พงศ์จันทรมองตามหญิงนิ่มพลางอมยิ้มแล้วก็หันกลับไปมองทางทีมงานอย่างไม่สบายใจ
ทีมงานยืนคอยพงศ์จันทร์
“ท่าทางแก้มคุณหญิงจะนิ่มสมชื่อ อิจฉาคุณพงศ์ว่ะ” ทีมงานเม้าท์กัน
แล้วทีมงานก็หัวเราะกัน
พงศ์จันทรเดินมาได้ยิน “งานที่นี่คงน้อยเกินไปใช่ไหม พวกนายถึงมีอารมณ์พูดเรื่องไร้สาระ”
ทีมงานจ๋อย ประกายดาวที่ยืนอยู่ได้ยินทั้งหมดก็ยิ้มพอใจ
อ่านต่อหน้าที่ 3
ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 7 (ต่อ)
จันทรภานุดูคลิบจากมือถือของประกายดาว ในขณะที่หญิงนิ่มนั่งอยู่ด้วย ประกายดาวจิบกาแฟพร้อมกับพรีเซนต์พงศ์จันทร
“คุณพงศ์เขาประกาศเลยนะคะ ว่าถ้าใครพูดถึงคุณหญิงนิ่มในทางไม่ดี เขาจะไล่ออก ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าคนเจ้าชู้อย่างคุณพงศ์ จริงๆ แล้วให้เกียรติผู้หญิงมาก อาจจะเป็นเพราะว่าคุณพงศ์ขาดพ่อ โตมาคุณแม่กันตามลำพัง”
“มิน่าถึงได้เจ้าชู้ ขาดความรักนี่เอง” หญิงนิ่มว่า
ประกายดาวสำลักกาแฟพรวดไปทางคุณหญิงนิ่มทำให้น้ำกาแฟกระเด็นโดนหญิงนิ่มเล็กน้อย
“ว้าย ! คุณหญิง พี่ขอโทษค่ะ” ประกายดาวรีบหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดให้
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ดาว เดี๋ยวหญิงไปเช็ดในห้องน้ำเลยดีกว่า หญิงอยากเข้าห้องน้ำอยู่พอดี เชิญพี่ชายกับพี่ดาวตามสบายนะคะ”
หญิงนิ่มเดินออกไป ประกายดาวรีบอธิบายกับจันทรภานุ
“คุณชายคะ ถึงคุณพงศ์จะเรื่องเจ้าชู้ไปบ้าง แต่มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชาย แต่พื้นฐานแล้วเขาเป็นคนดีมาก”
“วันนี้คุณพูดถึงคุณพงศ์ทั้งวัน คุณกำลังจะบอกอะไรผมหรือเปล่าคุณดาว” จันทรภานุถาม
“เอ่อ..”
“มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะครับ อย่าเก็บไว้เลย”
“ฉันเก็บเอาคำพูดของคุณชายจันทร์ไปคิด...แทนเพื่อนที่จะทำกิฟต์น่ะค่ะ ว่าคนๆ นึงต้องมีทั้งพ่อและแม่เขาถึงสมบูรณ์พร้อม แต่คุณพงศ์ก็เป็นตัวอย่างให้เราเห็น ว่ามันไม่จำเป็นเสมอไป เด็กขาดพ่อหรือแม่เขาก็สามารถเติบโตมาเป็นคนที่สมบูรณ์ได้ ถ้าได้รับความรักจากคนที่เลี้ยงดูเขามากพอ”
“คุณพูดถูก ผมอาจจะมองอะไรแคบไปหน่อย”
ประกายดาวยิ้มดีใจ
“การเลี้ยงดูอาจจะเป็นส่วนหนึ่งในคนเติบโตมาเป็นคนดีหรือไม่ แต่สุดท้ายเราก็คงอยู่ที่ตัวเราเอง เหมือนที่เขาพูดว่า จะดีจะชั่วก็อยู่ที่ตัวทำ”
“แต่ถ้าอ้วนล่ำอยู่ที่ลำตัวนะคะ”
จันทรภานุกับประกายดาวหัวเราะออกมาด้วยกัน
ประกายดาวโทรศัพท์
“ไอ้จิตๆๆๆ ! ฉันเปลี่ยนความคิดคุณชายได้แล้วโว้ย !”
จิตสุภางค์กำลังทำกับข้าวหน้ามันเยิ้มในขณะที่คุยโทรศัพท์กับประกายดาว
“เหรอๆ แกทำยังไงอะ”
“ฉันมีวิธีของฉันแล้วกัน ตอนนี้คุณชายจันทร์ก็ไม่แอนตี้เรื่องการทำกิฟต์อีกแล้ว”
“งั้นแกก็ขอสเปิร์มคุณชายเลยสิ”
“ไอ้บ้า ! ขอสเปิร์มนะไม่ใช่ขอเลขตีหวย ถ้าขอกันง่ายๆ ฉันจะมัวเสียเวลาอยู่ทำไม”
“แต่ยิ่งนานวัน มดลูกแกก็ยิ่งฝ่อขึ้นทุกวัน”
“เออ รู้แล้วน่า ไม่ต้องมาตอกย้ำ แล้วนี่หลานๆไปไหนหมด”
“เฮียพาไปว่ายน้ำเล่น”
“เหรอ ฝากบอกหลานๆ ด้วยนะ ว่าอีกไม่นานจะมีน้องน่ารักๆ ไปเล่นด้วยอีกคน”
“นังเพ้อ !”
จันทรภานุยืนทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกับคิดถึงสิ่งที่ประกายดาวทำ
เขานึกถึงตอนที่ประกายดาวพูดพรีเซนต์เรื่องพงศ์จันทร
“ฉันไม่แปลกใจแล้วล่ะค่ะ ว่าทำไมสาวๆ ถึงพากันกรี๊ดคุณพงษ์กันทั้งเมือง”
จันทรภานุเศร้า เสียงเคาะประตูดังขึ้นหญิงนิ่มเดินเข้ามา
“ยังไม่นอนอีกเหรอคะน้องหญิง”
“คุณแม่กับพี่นันลองชุดใส่ไปงานเลี้ยงกัน หญิงนอนไม่หลับค่ะ พี่ชายล่ะคะ ทำไมยังไม่นอนอีก นั่นแน่...คิดถึงพี่ดาวอยู่ใช่ม้า หญิงโทรไปชวนพี่ดาวออกไปเดินเล่นดีกว่า พี่ชายจะได้ทำคะแนนกับพี่ดาว”
“พี่ไม่มีสิทธิ์ทำคะแนนกับคุณดาวแล้วน้องหญิง”
“ทำไมล่ะคะ”
“คุณดาวมีคนอื่นอยู่ในใจแล้ว”
“ใครคะ”
จันทรภานุเศร้า
พงศ์จันทรดูแฟ้มเอกสารและเช็คเมล์ในคอมพิวเตอร์ จู่ๆ เขาก็เหม่อลอย อมยิ้ม แล้วนึกย้อนกลับไปตอนที่เขาหอมแก้มหญิงนิ่ม
พงศ์จันทรนึกแล้วก็ยิ้ม
“แค่หอมแก้มเด็กกะโปโลคนนึง ทำไมต้องเอามาคิดด้วยวะไอ้พงศ์”
พงศ์จันทรก้มหน้าทำงานต่อ
รติรสคุยโทรศัพท์กับพ่อ
“ไม่ต้องห่วงค่ะพ่อ คืนวันงานรสจะดูแลมิสเตอร์เฉินให้เอง รับรองว่ารสจะทำให้เขาติดใจจนต้องร่วมธุรกิจกับเราแน่นอน”
ศิวะออกมาจากห้องน้ำก็ตกใจที่เห็นรติรส
“รส ! เดี๋ยวอรก็มาเห็นเข้าหรอก”
“ยัยอรนวดสปาอยู่ อีกนานกว่าจะเสร็จ ฉันไม่ชอบนวดสปาแต่ชอบนวดอย่างอื่นมากกว่า ก็เลยรีบขึ้นมาหาคุณ”
รติรสแกะกระดุมเสื้อศิวะ ศิวะตกใจรีบจับแขนรติรส
“เดี๋ยว...เราไปที่ห้องคุณไม่ดีกว่าเหรอ” ศิวะบอก
“ที่ที่อรอยู่ได้ ฉันก็อยู่ได้เหมือนกัน”
ศิวะยังไม่ทันพูดอะไรออกมา รติรสก็เล้าโลมจนศิวะเคลิ้ม แล้วก็ซุกไซร้ซอกคอรติรสจนตุ้มหูรติรสหล่นลงพื้นข้างนึง โดยที่รติรสไม่รู้ตัว
ประกายดาวกำลังนั่งเปิดดูรูปเด็กน่ารักๆ บนโต๊ะมีแฟ้มประวัติของพงศ์จันทรที่เธอทำ และมีเอกสารข้อมูลการทำกิฟต์ ประกายดาวยังคงเปิดดูรูปเด็กน่ารักๆ จากเฟชบุ๊ค
“น่ารักจังเลย” ประกายดาวลูบท้องตัวเอง “ถ้าหนูออกมา แม่จะทำแฟนเพจให้หนูนะ ทั้งโลกจะได้รู้ว่าลูกแม่น่ารักแค่ไหน”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ประกายดาวเดินไปเปิดก็เห็นพนักงานโรงแรมถือห่อเสื้อ
“เอาชุดที่ส่งซักมาส่งค่ะ”
“ค่ะ” ประกายดาวรับชุดมาจากพนักงาน “รอสักครู่นะคะ”
ประกายดาวเอาชุดพาดไว้กับโซฟาแล้วหยิบกระเป๋าตังค์
พนักงานยืนรออยู่ลำพัง ระหว่างนั้นพงศ์จันทรก็เดินมา พอเห็นประตูเปิดอยู่เขาก็เดินเข้าไปในห้องพร้อมกับยิ้มทักทายพนักงาน
“คุณดาวว่างไหมครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย” พงศ์จันทรถาม
“ว่างค่ะ เข้ามาก่อนค่ะ” ประกายดาวตอบ
ประกายดาวเดินนำเงินไปจ่ายให้พนักงาน แล้วกลับเข้ามาในห้อง
“เชิญตามสบายก่อนนะคะ”
ประกายดาวเดินหายเข้าไปในห้องนอน
พงศ์จันทรเดินเข้าไปในห้อง พอเห็นรูปเด็กผู้หญิงน่ารักบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เขาก็ยิ้ม เขาเดินเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วสายตาก็ไปก้มลงไปเห็นรูปถ่ายตัวเองบนแฟ้ม
พงศ์จันทรแปลกใจจึงหยิบขึ้นมาดู ทำให้พบแผ่นเอกสารอะไรบางอย่าง ที่หัวเอกสารเขียนว่า "การเตรียมตัวสำหรับทำกิฟต์"
พงศ์จันทรแปลกใจ “ทำกิฟต์ ?”
พงศ์จันทรดูหนังสือ ดูแผ่นพับโปรชัวร์ทำกิฟต์อยู่ ประกายดาวเดินออกมาจากห้องนอน
“คุณดาว คุณอยากทำกิฟต์เหรอ” พงศ์จันทรถาม
ประกายดาวชะงักและอึ้ง เธอหันหลังขวับแล้วเดินปรี่กลับเข้าไปในห้องก่อนจะปิดประตูดังปัง
ประกายดาวหันหลังพิงประตูแล้วหลับตาทำสมาธิ
“ใจเย็นประกายดาว อย่าตื่นเต้น ตั้งสติ...สติ...สติ”
พงศ์จันทรเคาะประตูเรียกประกายดาว
“คุณดาว คุณดาว เป็นอะไรหรือเปล่า”
ประกายดาวเปิดประตูออกมา พงศ์จันทรขยับปากจะถามว่าเป็นอะไร แต่ประกายดาวพูดขัดขึ้น
“ห้ามพูด ! ห้ามหัวเราะ! ห้ามยิ้ม ! ห้ามตัดสินว่าฉันบ้า ! คุณต้องฟังฉันให้จบ แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมฉันถึงอยากทำกิฟต์”
“เฮ้ย ! ผมล้อเล่น คุณอยากทำจริงๆ เหรอ”
ประกายดาวเหวอแล้วก็ทำเนียน
“ฉันก็ล้อเล่น ฮ่าๆๆ”
“ผมก็ว่าแล้วว่าคุณจะอยากทำกิฟต์ทำไม ผมไม่ได้เป็นหมันสักหน่อย”
ประกายดาวงง “หือ ?”
“ผมล้อเล่น ว่าแต่คุณนึกอะไรขึ้นมา ถึงอ่านหนังสือทำกิฟต์”
“อ่านไว้เป็นความรู้ เผื่อจะเป็นทางเลือกสำหรับคนที่อยากมีลูกแต่ไม่อยากแต่งงานอย่างฉัน”
“อย่าพูดคำว่าไม่อยากแต่งงาน จนกว่าจะเปิดใจรักผม”
พงศ์จันทรส่งตาหวานให้ประกายดาว ประกายดายยิ้มแบบไม่ถือสา แล้วเธอก็เปลี่ยนเรื่อง
“ตกลงคุณพงศ์มีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันคะ”
“ช่างภาพของผมไม่ว่างมาถ่ายรูปให้งานของคุณชาย คุณดาวเป็นช่างภาพให้ผมหน่อยได้ไหม”
“ได้สิคะ ว่าแต่คอนเซ็ปต์งานเป็นยังไง” ประกายดาวถาม
จันทรภานุกับพงศ์จันทรเดินตรวจสถานที่จัดงานขันโตก พงศ์จันทรรายงานตารางงานให้จันทรภานุฟังไปด้วย
“ขันโตกดินเนอร์จะเริ่มเสิร์ฟอาหารตอนทุ่มครึ่ง โชว์การแสดงพื้นเมืองก็เหมือนกันครับ ส่วนของพิธีการจะเริ่มตอนสองทุ่ม”
สถานที่จัดงานเสร็จไปกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ทีมงานส่วนหนึ่งกำลังตั้งตั่งเตี้ยๆ หลายจุด บนตั่งวางขันโตก มีหมอนอิงลายพื้นเมืองเชียงใหม่ตั้งรอบๆ ขันโตก มีประทีปโคมไฟและซุ้มดอกไม้ประดับประดารอบๆ ให้บรรยากาศของงานขันโตกแบบคนพื้นเมืองเหนือแท้ๆ
จู่ๆ จันทรภานุก็มองตรงไปข้างหน้าแล้วหยุดชะงัก ดวงตาของเขาหรี่เพ่งอะไรบางอย่าง
“มีอะไรครับ” พงศ์จันทรถาม
“ประทีปไฟตรงนั้นอยู่ใกล้ตั่งแขกมากไป”
จันทรภานุชี้ไปที่ประทีปไฟที่ตั้งอยู่ใกล้กับตั่งตั้งขันโตกที่อยู่กลางสนาม พงศ์จันทรมองตาม
“แต่มันก็เท่ากับประทีปอื่นๆ” พงศ์จันทรบอก
จันทรภานุแย้ง “ไม่เท่า คุณสังเกตให้ดี มันล้ำออกมาจากอันอื่นประมาณสิบห้าเซ็นต์ ถ้าเกิดมันล้ม เปลวไฟจะกระเด็นไปโดนแขกแน่นอน”
“คุณชายตาดีมาก”
“คุณเองก็ตาดีไม่ต่างกัน” จันทรภานุเปลี่ยนเรื่อง “รบกวนคุณพงศ์จัดการให้ด้วย”
พงศ์จันทรรับคำแล้วเดินเข้าไปในงาน จันทรภานุมองตาม เขาเห็นพงศ์จันทรเดินเข้าไปคุยกับทีมงานเรื่องประทีปไฟที่เขาทัก ในขณะที่ประกายดาวซึ่งกำลังซ้อมถ่ายรูปอยู่แถวนั้นเดินเข้าไปดูว่าพงศ์จันทรทำอะไร ท่าทางของประกายดาวกับพงศ์จันทรดูสนิทสนมกันดี
จันทรภานุมองเศร้าๆ อภิเชษฐเดินเข้ามาอีกทาง อภิเชษฐ์เห็นสายตาของจันทรภานุมองไปทางประกายดาวก็เอ่ยแซว
“เอาแต่มอง เมื่อไหร่จะได้มาครอบครองวะ”
จันทรภานุไม่ตอบคำถามนั้น เขารีบเปลี่ยนเรื่อง “ฉันว่าฉันไม่ได้ส่งการ์ดเชิญแกสักใบ”
“งานเลี้ยงนักธุรกิจของแก ถ้าเชิญตำรวจอย่างฉันก็แปลกแล้ว”
“งั้นแกมาทำไมมิทราบ”
“ฉันมีงานต้องทำ”
จันทรภานุตกใจเมื่อรู้สาเหตุที่อภิเชษฐ์มาที่นี่
“แกจะจับพ่อค้ายาเสพย์ติดในงานฉัน !?”
“แค่จับตาดูพฤติกรรม ไม่ใช่จับตัว” อภิเชษฐ์อธิบาย “สายของฉันส่งข่าวมาว่าพ่อค้ายาที่ทางการจับตาดูอยู่จะมาทำความรู้จักกับนักธุรกิจที่มีประวัติว่าค้ายา แต่อย่าถามนะว่าใคร ฉันบอกไม่ได้ ความลับของราชการ”
จันทรภานุนิ่วหน้าด้วยความเครียด อภิเชษฐ์ตบบ่าจันทรภานุ
“ไม่ต้องห่วง ฉันรับรอง จะไม่มีความวุ่นวายเกิดขึ้นในงานแกแน่นอน งานแกจะเรียบร้อยสมชื่อคุณจันทรภานุเหมือนเดิม”
จันทรภานุมองไปที่งาน “ไม่แน่”
“เฮ้ย ! เชื่อใจกันบ้างสิวะ”
“ฉันไม่ได้หมายถึงแก แต่ฉันหมายถึงความวุ่นวายจากอย่างอื่น”
อภิเชษฐ์มองตามสายตาของจันทรภานุก็เห็นประกายดาวกำลังซ้อมถ่ายรูปตามมุมต่างๆ ของงาน ศิวะกับอรอุมาเดินผ่านประกายดาว อรอุมาควงแขนศิวะแสดงความเป็นเจ้าของและจ้องหน้าประกายดาวอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะพาศิวะเดินไปทางซุ้มจัดงาน ประกายดาวส่ายหน้าด้วยความเซ็ง จันทรภานุไม่สบายใจ
บนท้องฟ้าที่สดใส จู่ๆ ก็มีก้อนเมฆฝนตั้งเค้าดำมืดมาแต่ไกล ลมพัดแรงจนข้าวของในงานปลิวว่อน พงศ์จันทรและทีมงานวิ่งเก็บกันชุลมุน ประกายดาวที่ถ่ายรูปอยู่กลางสนามแหงนหน้ามองลมฝนแล้วก็วิ่งเข้าไปหลบข้างใน เธอล้วงหยิบฝาปิดหน้าเลนส์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง
รติรสที่วิ่งมาอีกทางชนเข้ากับประกายดาวทำให้ฝาปิดหน้าเลนส์กระเด็นตกไปอยู่ใกล้เท้าของรติรส แต่รติรสไม่ช่วยเก็บ ซ้ำยังมองด้วยหางตาอย่างเกลียดขี้หน้าก่อนจะวิ่งไป
ประกายดาวบ่น “ไร้น้ำใจ !”
ประกายดาวเก็บฝาเลนส์ขึ้นมาปิดแล้วก็หันไปเห็นเจ้านายกับพลกำลังช่วยกันเก็บกระดาษวาดรูปที่ปลิวว่อนไปทั่ว ประกายดาวจะวิ่งไปช่วยเก็บแต่จันทรภานุโผล่มาคว้าแขนประกายดาวเอาไว้
“ผมเอง”
จันทรภานุวิ่งเข้าไปช่วยพวกพลเก็บกระดาษ ประกายดาวมองตามแล้วก็เพ้อ
“หน้าตาดี...น้ำใจงาม...เชื้อดีแบบนี้ ลูกแม่จะต้องเป็นที่รักของทุกคน”
จันทรภานุ พล และเจ้านายถือหอบกระดาษเข้ามาในร่ม จันทรภานุส่งกระดาษให้ พลกับเจ้านายยกมือไหว้ขอบคุณ
“ขอบคุณครับ”
ประกายดาวเห็นหน้าพลกับเจ้านายชัดๆ ก็ชะงัก
“เอ๊ะ !”
ประกายดาวนึกถึงตอนที่เจอกับพล เจ้านาย และพิมพ์ไทยในตัวเมืองเชียงใหม่
ประกายดาวจำได้ก็ชี้ “น้องพล น้องเจ้านาย” พลกับเจ้านายงง “พี่ดาวค่ะ พี่เคยไปวาดรูปกับน้องในตัวเมือง”
พลกับเจ้านายจำได้
“อ๋อ...พี่คนสวย” พลชม
“อุ้ย ! พูดจาดี วันหลังพี่จะไปวาดรูปสักสิบใบ ว่าแต่มารับจ๊อบกันเหรอคะ”
“ครับ เขาจ้างผมกับเพื่อนๆ มาวาดรูปให้แขกในงาน” พลบอก
เสียงนันทินีร้องโหยหวนมาแต่ไกล
“คุณจันทรภานุขา...คุณจันทรภานุ ช่วยนันด้วย ลมพัดแรงเหลือเกิน นันทรงตัวไม่อยู่”
นันทินีทำเป็นโซซัดโซเซเหมือนถูกลมพัดหมุนเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของจันทรภานุ
“ว้าว...โรแมนติกจัง ขอบคุณนะคะ”
สุรีย์เดินตามเข้ามา
“ชาย จะทำยังไงกันดีล่ะลูก ถ้าฝนตกงานกร่อยแน่ๆ”
“ไม่ต้องห่วงครับ คุณพงศ์เขาเตรียมร่มไว้สำรองแล้ว หรือถ้าฝนตกหนักมากจริงๆ ผมจะให้ย้ายขึ้นไปข้างบน” จันทรภานุบอก
“ไม่ได้นะคะ ! นันอุตส่าห์สั่งตัดชุดใส่คืนนี้เป็นพิเศษ ชุดทอด้วยไหมผสมเส้นทอง เวลากระทบแสงจันทร์จะส่องแสงวิบวับๆ สวยมั่กๆ ถ้าเข้าไปข้างใน ชุดก็จืดแย่” นันทินีว่า
“ก็ถ้าคุณนันจะอยู่ข้างนอกต่อก็ไม่มีใครว่า” จันทรภานุบอก
นันทินีกระทืบเท้า “หม่อมป้าๆๆ คุณชายไม่แยแสนัน”
“ชาย...หนูนันหมายความว่า แขกในงานส่วนใหญ่ก็คงเตรียมชุดมาเต็มที่เหมือนกับหนูนัน ถ้าต้องจัดงานข้างในคงจะไม่ได้บรรยากาศ” สุรีย์บอก
“แต่มันเป็นเหตุวิสัยจริงๆ แขกน่าจะเข้าใจ ไม่แน่หรอกครับ กว่าจะถึงเวลางาน ฝนคงหยุดแล้ว”
“อย่าฝากความหวังไว้กับดินฟ้าอากาศเลยค่ะ นันว่าหาวิธีไล่ฝนดีกว่า นันมีวิธีแนะนำ”
นันทินียิ้มมั่นใจ
นันทินีชูต้นตะไคร้อย่างภาคภูมิใจ รติรสกับอรอุมายืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ
สุรีย์ตกใจ “ปักตะไคร้ !”
“เอามาทำต้มยำค่ะ นันล้อเล่นค่ะ เอามาปักแหละค่ะถูกแล้ว คนโบราณจะใช้วิธีปักตะไคร้ไล่ฝน แต่ต้องให้ลูกสาวคนเล็กที่ยังบริสุทธิ์อยู่เป็นคนปัก คือนันเป็นคนชอบอ่านหนังสือ หาความรู้ให้ตัวเองเสมอค่ะ นันถึงฉลาด”
“วิธีนี้น่าสนใจ งั้นปักเลยจ้ะหนูนัน”
นันทินีอึ้งและเหวอเพราะตัวเองไม่บริสุทธิ์มานานแล้ว
“ไม่ค่ะ”
“ทำไมล่ะจ๊ะ หนูนันเป็นลูกสาวคนเล็กและยังไม่ได้แต่งงาน ครบตามตำราเป๊ะ เอ๊ะ หรือว่าหนูนัน”
“ไม่ใช่ค่ะหม่อมป้า นันหวงความสาวยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แต่นันไม่อยากปัก เพราะนัน...นันไม่แน่ใจว่าเด็จพ่อของนันจะไปซุกซนมีลูกแอบไว้ นันอาจจะไม่ใช่ลูกสาวคนเล็กจริงๆ ก็ได้”
“แต่ท่านพ่อของหนูไม่เจ้าชู้”
“อ้าย ฟ้าแล่บ นันกลัว เป็นลมดีกว่า คร่อก”
นันทินีแกล้งเซและเป็นลมในอ้อมกอดของจันทรภานุ จันทรภานุพยักหน้าให้พนักงานมาช่วยประคองนันทินีแทน รติรสกระซิบอรอุมา
“ฆ่าตัวเองแท้ๆ เชื่ออะไรงมงาย เมฆฝนดำปี๋ แค่ปักตะไคร้ มันจะหายได้ยังไง” รติรสว่า
อรอุมาคิดแผนอะไรได้ “จริงของเธอ ถ้าปักแล้วฝนตกก็เท่ากับประจานตัวเอง”
“เธอคิดจะทำอะไรอยู่ใช่ไหม”
อรอุมาไม่ตอบแต่ยิ้มอย่างมีแผน แล้วเธอเดินเข้าไปใกล้พวกนันทินี
“ถ้าคุณนันไม่สะดวก อรว่าใช้คนอื่นปักเถอะค่ะ แถวนี้ก็มีลูกสาวคนเล็ก”
“ใครคะ” สุรีย์ถาม
อรอุมาตอบทันที “คุณดาวค่ะ”
ทุกคนมองประกายดาวเป็นตาเดียว นันทินีกระเด้งลุกขึ้นมา ประกายดาวเหวอ
“ไม่ต้องซีเรียสนะคะ คุณดาว เราทำเพื่อความสบายใจ เกิดมันไม่ได้ผล ไม่มีใครโทษหรอกค่ะว่าเป็นเพราะคุณดาวไม่บริสุทธิ์” อรอุมาว่า
ประกายดาวคิด จันทรภานุและคนอื่นๆ มองลุ้นๆ ว่าประกายดาวจะทำยังไง
อรอุมาพูดต่อ “งานคงจะราบรื่นดีถ้าฝนไม่ตก ถือว่าช่วยคุณจันทรภานุนะคะคุณดาว”
ประกายดาวมองหน้าจันทรภานุแล้วตัดสินใจ
“ตกลงค่ะ”
จันทรภานุคว้ามือประกายดาวออกไปจากตรงนั้น
จันทรภานุลากประกายดาวมาที่มุมหนึ่ง
“คุณไม่รู้หรือไง ว่าพวกเขาจงใจแกล้งคุณ”
“ค่ะ ฉันรู้ แต่ถ้าเราลองมันก็ไม่เสียหายไม่ใช่เหรอคะ”
“แต่คุณอาจจะเสียหาย”
“แสดงคุณชายไม่แน่ใจในตัวฉัน”
“ผมไม่เคยคิดว่าจะต้องแน่ใจหรือไม่แน่ใจอะไรในตัวคุณ แต่ที่ผมแน่ใจ คือ ไม่มีใครบังคับฟ้าฝนให้ตก ไม่ตกได้”
“ของแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะคะ เอาเป็นว่าถ้าฟ้าดินอยากให้เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ฟ้าดินจะต้องยอมให้ฉันช่วยคุณ”
จันทรภานุรู้ว่าไม่อาจห้ามประกายดาวได้จึงได้แต่มองประกายดาวด้วยความหนักใจ
ประกายดาวรับตะไคร้มาแล้วไปยืนกลางแจ้ง นันทินี อรอุมา และรติรสยิ้มร้าย
หญิงนิ่มกับนมพรเพิ่งเดินเข้ามาเห็น
“พี่ดาวทำอะไรหรือคะพี่ชาย” หญิงนิ่มถาม
“ปักตะไคร้ไล่ฝน” จันทรภานุตอบ
ประกายดาวย่อตัวลง ตามองไปที่จันทรภานุแล้วคิดในใจ
“เตี่ย...ม้า ถ้าอยากได้หลานเป๊ะเว่อร์เหมือนคุณจันทรภานุ เตี่ย ม้าต้องดลบันดาลให้ฟ้าดินช่วยดาว ให้ดาวได้ช่วยคุณจันทรภานุสำเร็จนะคะ”
ประกายดาวกำลังปักตะไคร้ลงไป พอต้นตะไคร้แตะดิน ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยง ลมพัดกรรโชกแรง นันทินี อรอุมา และรติรสสะใจ
“หม่อมป้าขา คุณดาวปักตะไคร้ปุบ พายุเข้าปับ แปลว่าอะไรน้า” นันทินีทำเป็นถาม
หญิงนิ่มมองนันทินีอย่างหมั่นไส้ ประกายดาวแหงนหน้ามองฟ้าแล้วตัดพ้อในใจ
“เตี่ย ม้าไม่อยากเห็นหน้าหลานเหรอ หรือว่าเตี่ยกับม้าอยากให้ดาวเหงาไปจนตาย อยากเห็นดาวถือไม้เท้าไปหาหมอตอนแก่คนเดียวใช่ไหม เตี่ย ม้าไม่รักดาว ฮือๆๆๆ”
นมพรสังเกตเห็นว่าประกายดาวเอาส่วนรากปักลงดินจึงทักขึ้น
“คุณดาวคะ คุณดาวปักผิดค่ะ เขาต้องปักเอารากชี้ขึ้นฟ้าค่ะ”
ประกายดาวกลับต้นตะไคร้โดยเอารากขึ้นฟ้าแล้วปักลงไปในดิน ทันใดนั้นลมที่พัดแรงก็หยุดทันทีราวกับมีปฎิหาริย์ ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเต็มไปด้วยก้อนเมฆสว่างสดใส ทุกคนทึ่ง แล้วทีมงานทุกคนก็ปรบมือดีใจ นันทินี อรอุมา และรติรสเหวอเพราะเจ็บใจ
ศิวะมองประกายดาวอย่างสนใจ หญิงนิ่มเกาะแขนสุรีย์เพื่อจงใจเย้ยนันทินี
“หม่อมป้าขา พี่ดาวปักปุบ ฝนหายปับ แปลว่าอะไรน้า...”
นันทินีเจ็บใจ
อรอุมาหงุดหงิด
“นังดาวมันทำบุญมาดี ฟ้าฝนยังเป็นใจให้มันไม่ต้องอับอายขายขี้หน้า”
รติรสกับศิวะนั่งอยู่ด้วย
“หรือมันยังบริสุทธิ์อยู่จริงๆ” รติรสถาม
“ฉันรู้จักผัวฉันดี ถ้าลองเคยคั่วกัน เสร็จตั้งแต่วันแรกแล้ว” อรอุมาบอก
ศิวะทำหน้าไม่ถูก เขานึกถึงเหตุการณ์ในอดีต...
ในอดีต ประกายดาวสะพายกระเป๋าเพราะเพิ่งไปข้างนอกกลับมา เธอไขกุญแจกำลังจะเข้าห้อง จู่ๆ ศิวะก็เข้ามาสวมกอดเธอจากด้านหลัง ส่วนมืออีกข้างก็ดันประตูเปิด
“ว้าย ! ศิวะทำอะไร”
“ทำอย่างที่คนเป็นแฟนกันเขาทำกันไงดาว” ศิวะบอก
ศิวะดันประกายดาวเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู เขาพยายามจะจูบประกายดาว ประกายดาวขัดขืน
“ศิวะ ! หยุดเดี๋ยวนี้ เรื่องนี้เราตกลงกันแล้วนะ”
“โถ่...ดาว เราไม่ใช่เด็กๆ แล้ว เราคบกันมาหลายปีแล้วด้วย ถ้าเราจะแสดงความรักต่อกัน มันไม่ผิดหรอก” ศิวะกระซิบข้างหูประกายดาว “เถอะนะดาว ให้ผมพิสูจน์ว่าผมรักดาวมากแค่ไหน”
ศิวะจะจูบข้างหูประกายดาว ประกายดาวหลับตาพริ้มนิดนึงเหมือนจะเคลิ้ม เธอหมุนตัวไปโอบรอบคอศิวะ แล้วพูดน้ำเสียงออดอ้อน
“อย่าทำให้ดาวใจอ่อนสิคะ”
“ผมรักดาวนี่นา ดาวยอมผมเถอะนะ”
ประกายดาวฉวยโอกาสเปิดประตู
“ถ้ารักดาวก็ต้องรอต่อไป”
ประกายดาวดันศิวะออกไปจากห้องอย่างแรง ศิวะล้มกองอยู่หน้าห้อง
อ่านต่อหน้าที่ 4
ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 7 (ต่อ)
ศิวะยังคงตกอยู่ในความคิดของตัวเองจนไม่ได้ยินเสียงอรอุมาตะโกนเรียก
“ศิวะ ศิวะ”
ศิวะสะดุ้งเพราะรู้สึกตัว “ฮะ ฮะ ?”
“คิดอะไรอยู่ หรือว่าคิดถึงตอนมีอะไรกับนังดาว คิดถึงรสชาติของมันใช่ไหม”
อรอุมารตีศิวะผัวะๆๆ ศิวะยกมือป้องหลบ
“คุณจะบ้าเรอะ ! ผมไม่ได้คิดอะไรเลย โอ๊ยๆ ผมเจ็บนะ”
หญิงนิ่มยืนมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นท้องฟ้าแจ่มใส เธอหันกลับมาในห้อง สุรีย์กับนันทินีกำลังจิบน้ำชากันอยู่
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ท้องฟ้าแจ่มใสตั้งแต่พี่ดาวปักตะไคร้” หญิงนิ่มบอก
นันทินีหัวเราะคิกคัก “น้องหญิงขา นี่มันยุคไหน พ.ศ.ไหนกันแล้ว เชื่อเรื่องพรรค์นี้กันด้วย”
“ถ้าพี่นันไม่เชื่อ แล้วพี่นันแนะนำให้ปักตะไคร้ไล่ฝนไม่ใช่หรือคะ”
“พี่ก็พูดเล่น ไม่คิดว่าจะทำกันจริงๆ” นันทินีเปลี่ยนเรื่อง “ไม่เอาแล้ว...นันไม่พูดแล้วดีกว่า นันขอตัวไปแต่งตัวแล้วนะคะ คืนนี้นันจะได้สวยสมกับเป็นคู่ควงของคุณจันทรภานุ”
นันทินีเดินออกไปจากห้อง
หญิงนิ่มบ่น “ไปได้สักที”
หญิงนิ่มหันไปสบตากับนมพรแล้วพยักหน้าไปทางสุรีย์อย่างรู้กัน
“คุณหญิงต้องดูคุณดาวไว้เป็นตัวอย่างนะคะ คุณดาวจะเป็นผู้หญิงยุคใหม่ แต่ยังรักษาคุณค่าของตัวเองไว้ได้ น่าชื่นชมมาก จริงไหมคะหม่อม” นมพรถาม
สุรีย์ไม่ตอบแต่มีสีหน้าอ่อนลงเพราะไม่ได้ตั้งแง่กับประกายดาวเหมือนก่อนหน้านี้ หญิงนิ่มกับนมพรยิ้มอย่างรู้กัน
ประกายดาวเดินคุยโทรศัพท์อย่างอารมณ์ดี
“แผนต่อไปของฉันน่ะเหรอ ฉันก็จะคอยช่วยเหลือคุณจันทรภานุทุกอย่าง ทำให้เขารู้สึกว่าติดหนี้บุญคุณฉัน เวลาฉันขอเสปิร์มเขา เขาจะได้ยอมง่ายๆ”
ศิวะโผล่มาดักหน้าประกายดาว ประกายดาวชะงักแล้วหุบยิ้มทันที
“แค่นี้ก่อนนะไอ้จิต เหมือนจะมีผีมาขอส่วนบุญ หาพระไล่ก่อน” ประกายดาวบอก
“ปากร้ายแต่น่ารักเหมือนเดิมเลยนะดาว” ศิวะหยอด
“จะเอาอะไรก็ว่ามา อย่ามาอ้อมค้อม เสียเวลา”
“ไม่น่าเชื่อว่าดาวยังรักษาอุดมการณ์ "แต่งก่อนยอม" เอาไว้ได้จนอายุปูนนี้”
“ฉันยังไม่แก่ย่ะ”
“เรารู้ ดาวยังไม่แก่แถมยังสวยขึ้นทุกวัน เราถามจริงๆ นะดาว เป็นเพราะเราหรือเปล่า ดาวถึงปิดกั้นตัวเองจากผู้ชาย ถึงดาวจะเป็นคนบอกเลิกเรา แต่เรารู้ว่าดาวเฮิร์ตมาก เพราะเราใช่ไหมดาว ดาวถึงเก็บความบริสุทธิ์เอาไว้”
“ที่พูดออกมาเอานิ้วเท้าคิดใช่ไหม”
“ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ตอนนี้เราอยากมายอมรับความจริงกับดาว ก่อนหน้านี้เราไม่คิดอะไรกับดาวแล้ว แต่พอวันนี้ เรารู้ว่าดาวยังเป็นเหมือนเดิม เราบอกตามตรง เราดีใจ” ศิวะจับมือประกายดาว “เรายังอยากเป็นผู้ชายคนแรกของดาว”
ประกายดาวจับศิวะบิดไพล่หลัง
ศิวะร้องลั่น “โอ๊ยๆๆๆ ดาว เจ็บๆๆ”
“จำเอาไว้ อย่ามาเพ้อเจ้อใส่ฉันอีก ไม่งั้นฉันจะทำให้ยัยอรอุมาเล่นงานนายแน่”
ประกายดาวผลักศิวะออกแล้วเดินไป ศิวะยังไม่วายตะโกน
“ดาว ถ้าเหงา โทรหาเรานะ” ศิวะยิ้มสนุก
รติรสที่แอบมองอยู่จิกมือแน่นด้วยความโกรธจัด
“ศิวะ คุณนอกใจฉันเรอะ”
บรรยากาศงานเป็นแบบขันโตก มีเพลงแบบล้านนาดังคลอ แขกเหรื่อในชุดไทยล้านนาทยอยเดินผ่านซุ้มดอกไม้เข้ามาในงาน มีนางรำฟ้อนรำอยู่กลางลาน จันทรภานุเดินดูความเรียบร้อยในงาน และไหว้แขกเหรื่อ จันทรภานุมองไปตรงทางเข้างานแล้วก็หยุดชะงักอย่างตกตะลึง
จันทรภานุเห็นประกายดาวในชุดล้านนาโมเดิร์นทะมัดทะแมงกำลังกำลังถ่ายภาพซุ้มวาดรูปเหมือนของพลกับเจ้านาย ประกายดาวในสายตาจันทรภานุดูสวยและเท่มาก
จันทรภานุยืนมองตาค้าง แสงแฟลชวาบใส่หน้าทำให้จันทรภานุรู้สึกตัว ประกายดาวยืนอยู่ตรงหน้าจันทรภานุ เธอลดกล้องลงแล้วกดดูรูปจันทรภานุหน้าเหวอไม่เป๊ะเว่อร์เหมือนทุกครั้ง
ประกายดาวชม “งานเฟอร์เฟ็คมากค่ะ”
“ฝีมือคุณพงศ์ทั้งนั้น” จันทรภานุเจ็บแปล่บอยู่ลึกๆ “ขอบคุณมากที่ช่วยแนะนำเขาให้ผม”
ประกายดาวพูดกับตัวเอง “ประกายดาวได้อีกหนึ่งคะแนน”
“ว่าไงนะครับ”
“อ่อ...คือ ฉันจะบอกว่า ฉันยินดีช่วยเหลือคุณชายทุกอย่าง ขอแค่เอ่ยปาก ฉันพร้อมเสมอ”
“ขอบคุณครับ”
ประกายดาวรู้ตัวว่าเชือกข้างๆ เสื้อหลุดก็บอกจันทรภานุ “ฝากแปบค่ะ”
ประกายดาวส่งกล้องให้จันทรภานุแล้วเอี้ยวตัวไปผูกเชือกที่เสื้อ พอผูกเสร็จเธอก็หันกลับมา
“ขอบคุณค่ะ”
จันทรภานุกดถ่ายภาพแชะ
“คุณชายถ่ายรูปดาวทำไมคะ”
“ผมถ่ายซุ้มดอกไม้ข้างหลังคุณ มันสวยมาก ผมจะเก็บไว้ดูเป็นตัวอย่าง ช่วยส่งรูปให้ผมด้วยนะ”
จันทรภานุส่งกล้องคืนให้แล้วเดินไป ประกายดาวกดดูรูปในกล้องก็เห็นรูปตัวเองหน้าเหวอเห็นซุ้มดอกไม้ข้างหลังน้อยมาก
“ถ่ายแค่นี้จะไปเห็นอะไร ประกายดาวจัดหนักให้เอง”
ประกายดาวเร่งถ่ายซุ้มดอกไม้ในมุมต่างๆ
นักข่าวกรูกันเข้ามาทางกลุ่มของสุรีย์ นันทินีรีบเชิดคอ
“เห็นไหมคะหม่อมป้า นันบอกแล้วว่านันใส่ชุดนี้เกิด” นันทินีบอก
นันทินีโพสต์ท่าเต็มที่ แต่นักข่าวปรี่เข้าไปหาหญิงนิ่ม
“หญิงนิ่มคะ ขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ”
พนักงานที่เดินผ่านมาทำแก้วแตกดังเพล้ง นันทินีเหวอ
“ขอโทษครับ” พนักงานเดินออกไป
นมพรดันหญิงนิ่มออกไปยืนเดี่ยวๆ เพื่อให้นักข่าวถ่ายรูป หญิงนิ่มยิ้มสวยหวาน นันทินียังไม่วายเรียกร้องความสนใจจากนักข่าว
“ยะฮู้.... นันเองค่ะทุกคน”
นักข่าวมองนันทินี นันทินียิ้มหวาน แล้วนักข่าวก็หันไปถ่ายรูปหญิงนิ่มต่อ นันทินีเหวอ
พงศ์จันทรกำลังสั่งงานลูกน้อง เขาหันไปเห็นหญิงนิ่มก็ถึงกับตะลึงในความสวย ประกายดาวเดินเข้ามาเห็นสายตาของพงศ์จันทรมองหญิงนิ่มก็เอ่ยถาม
“สักรูปไหมคะ ฉันถ่ายให้”
“ผมอยากถ่ายกับคุณดาวมากกว่า” พงศ์จันทรบอก
“เฮ้อ...เบื่อคนไม่รู้ใจตัวเอง”
“คุณดาวพูดอะไร ใครไม่รู้ใจใคร”
ประกายดาวไม่สนใจ พงศ์จันทรยืนขวางหน้าประกายดาวเพื่อไม่ให้ประกายดาวถ่าย
“หลบไปค่ะ ได้รูปน้อย ไม่คุ้มค่าจ้างนะ” ประกายดาวบอก
“ไม่หลบ บอกผมมาเดี๋ยวนี้”
หญิงนิ่มกำลังถ่ายรูปกับนักข่าว นันทินีทนไม่ไหวจึงเข้าไปยืนเบียดโพสต์ท่าถ่ายคู่หญิงนิ่ม หญิงนิ่มเซ็งๆ จึงเมินไปทางอื่นจนเห็นพงศ์จันทรกับประกายดาวกำลังคุยหยอกกัน
จันทรภานุที่กำลังยืนคุยกับแขกก็หันไปเห็นพงศ์จันทรกับประกายดาว ทำให้ทั้งจันทรภานุกับหญิงนิ่มต่างก็เศร้า
พงศ์จันทรกับประกายดาวหัวเราะด้วยกันจนทีมงานเดินมาคุยกับพงศ์จันทร พงศ์จันทรกับประกายดาวจึงหยุดคุยเล่นกัน ประกายดาวหันมาสบตากับจันทรภานุพอดี ประกายดาวส่งยิ้มให้จันทรภานุ จันทรภานุทนมองไม่ได้จึงเดินออกไปจากตรงนั้น
อภิเชษฐ์ยืนมองไปรอบงาน จันทรภานุเดินเข้ามายืนกับอภิเชษฐ์แล้วเอ่ยถาม
“เป้าหมายแกมาหรือยัง”
อภิเชษฐ์มองไปที่ทางเข้างาน
“นั่นไง” อภิเชษฐ์บอก
จันทรภานุมองตามก็เห็นมิสเตอร์เฉินเดินเข้ามา
อภิเชษฐ์อธิบาย “มิสเตอร์เฉิน เจ้าของเฟอร์นิเจอร์นำเข้าของโรงแรมแก แต่เขาอาจจะเป็นแค่เหยื่อให้ตัวเป้งส่งยาออกนอกประเทศ”
“แล้วตัวเป้งเป็นใครวะ”
“โน้น” อภิเชษฐ์บุ้ยหน้าไปที่ทางเข้างาน
จันทรภานุมองตามก็เห็นปุระชัยเดินเข้างานมา โดยมีลูกน้องเดินตาม 2 คนดูมีอำนาจบารมี
จันทรภานุอึ้ง “คุณปุระชัย ?”
อภิเชษฐ์กระซิบจันทรภานุ “สายข่าวของฉันบอกว่าเขาน่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนค้ายาเสพย์ติดรายใหญ่”
รติรสเดินเข้ามากอดทักทายปุระชัย จันทรภานุอึ้งไป
พิมพ์ไทยวางกระแทกช้อนลงบนจานข้าว ต้นอ้อนั่งกินอยู่ด้วย
“เมื่อไหร่พี่พลจะกลับ” พิมพ์ไทยถาม
“เขาทำงานอยู่ เลิกงานแล้วเดี๋ยวเขาก็กลับมากันเองแหละ” ต้นอ้อบอก
“ทำงานฉันไม่กลัว ฉันกลัวจะมัวแต่มองลูกสาวพ่ออยู่น่ะสิ”
“ลูกสาวพ่อ ?” ต้นอ้องง
“พี่นายเขาเคยบอกว่าพี่พลแอบชอบลูกสาวพ่อ พี่นายบอกว่าสวยรวยน่าดู แต่ฉันไม่กลัวหรอก ถ้ามันมากแย่งพี่พลของฉันไป ฉันเอาตายแน่”
พิมพ์ไทยมีท่าทางหึงจนต้นอ้อสังเกตพฤติกรรมพิมพ์ไทย
พลวาดรูปมิสเตอร์เฉินเสร็จก็ส่งรูปให้เขา ปุระชัยกับรติรสยืนอยู่ด้วย รติรสหน้าบึ้งเพราะไม่สบายใจเรื่องศิวะ อภิเชษฐ์แกล้งเดินเฉียดไปแถวนั้น พลส่งรูปวาดให้มิสเตอร์เฉินแต่สายตามองรติรสอย่างห่วงใย
มิสเตอร์เฉินพอใจ “ว้าว... ฝีมือมาก”
พลค้อมตัวขอบคุณ
“ผมคิดอยู่แล้วว่าคนชอบงานศิลปะอย่างมิสเตอร์เฉินต้องชอบฝีมือของเด็กคนนี้ ถ้ามิสเตอร์เฉินอยากได้รูปวาดอีก บอกผม ผมจะให้พลไปวาดรูปให้ถึงที่บ้าน” พลบอก
มิสเตอร์เฉินชอบใจ ปุระชัยหันไปเห็นรติรสหน้าบึ้ง
ปุระชัยกับรติรสนั่งอยู่ที่ตั่งตั้งขันโตก รติรสหน้าบึ้ง ปุระชัยจึงถาม
“ใครขัดใจลูกสาวพ่อ บอกพ่อสิ”
“ผู้ชายของรสเขาคิดไม่ซื่อกับรสค่ะ” รติรสบอก
“เมื่อไหร่รสจะบอกพ่อสักทีว่ามันเป็นใคร”
“รสยังไม่พร้อมค่ะ”
ตามใจ ก็ถ้ามันคิดไม่ซื่อกับลูก ลูกก็เลิกกับมันซะ หรือจะให้พ่อเก็บมัน”
“ไม่นะคะ ! รสรักเขา รสจะไม่ยอมเสียเขาไป” รติรสจะร้องไห้ “รสจะทำยังไงดีคะพ่อ”
ปุระชัยเสียงแข็ง “อย่าร้องไห้ พ่อไม่ชอบ”
รติรสหยุดร้องไห้เพราะกลัวๆ พ่อ
“โลกนี้มีแต่คนเข้มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่รอด ลูกต้องเข้มแข็ง ยิ่งถ้าลูกรู้แล้วว่ามันคิดไม่ซื่อกับลูก ลูกก็สั่งสอนมันซะ เอาให้มันหราบจำ”
“รสไม่อยากให้เขาเกลียดรส”
“ลูกไม่จำเป็นต้องลงมือทำเองเลย มีคนอ่อนแอตั้งมากมายที่เราจะหลอกใช้เป็นเครื่องมือ” ปุระชัยจับมือรติรส “จำเอาไว้ ลูกพ่อต้องเป็นผู้ชนะเท่านั้น”
“ค่ะ รสต้องเป็นผู้ชนะเท่านั้น”
รติรสมุ่งมั่น
จันทรภานุพูดบนเวที
“ขอบคุณทุกท่านมากที่ให้ความร่วมมือกับโรงแรมของผมมาโดยตลอด ถ้างานในวันนี้มีปัญหาติดขัดอะไร ต้องขออภัยไว้ด้วย ขอให้ทุกท่านสนุกกับงานวันนี้ครับ”
แขกปรบมือ ประกายดาวถ่ายรูปจันทรภานุ จันทรภานุสบตาประกายดาว ประกายดาวยิ้มและยกนิ้วโป้งให้
เสียงดนตรีพื้นเมืองดังขึ้น จันทรภานุแปลกใจ
“เพลงมาจากไหน ตามคิวไม่มีนี่” พงศจันทร
ทีมงานจ๋อย “หม่อมสุรีย์สั่งแทรกคิวกะทันหันค่ะ”
ขาดคำนันทินีออกมาฟ้อนเทียน แขกในงานปรบมืออย่างไม่รู้เรื่องอะไร จันทรภานุปรบมือเปาะแปะไปตามมารยาท พงศ์จันทรส่ายหน้าเซ็ง นันทินีรำและชะม้ายชายตาให้จันทรภานุ
สุรีย์ยิ้มปลาบปลื้ม สุรีย์สะกิดให้จันทรภานุดูนันทินี
“หนูนันตั้งใจเซอร์ไพร้สชายเลยนะจ๊ะ”
“ครับ เซอร์ไพร้สมาก”
นันทินีฟ้อนเทียนแล้วมีจังหวะที่ยกเทียนสูงขึ้นเหนือหัว ด้วยความที่นันทินีมัวแต่ส่งสายตาให้จันทรภานุ น้ำตาเทียนจึงหยดลงบนหน้า
“อ๊ายย ร้อน !”
สุรีย์ตกใจ “ว้าย ! หนูนัน”
สุรีย์ จันทรภานุ พงศ์จันทร และหญิงนิ่มวิ่งเข้าไปดูนันทินี
“หน้านัน...หน้านันพังแน่ๆ อ้ายๆๆๆ”
ประกายดาวยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ จู่ๆ ลูกน้องปุระชัยจงใจเดินมาชนประกายดาวเต็มๆ ทำให้ประกายดาวล้ม
“ว้าย !”
ฝากล้องกระเด็นออกจากกระเป๋าเสื้อของประกายดาว ลูกน้องปุระชัยคว้ามาอย่างไว แล้วจะประคองประกายดาว แต่ประกายดาวโบกมือบอกไม่เป็นไร จันทรภานุ สุรีย์ หญิงนิ่มช่วยกันประคองนันทินีออกไปจากตรงนั้น
ศิวะเดินมา เขาหันซ้ายหันขวาเช็คให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมาแล้วค่อยพูด
“คุณเรียกผมมาทำไม”
รติรสยืนคอยอยู่ในมุมมืด รติรสก้าวเข้าไปยืนแนบชิดศิวะแล้วโอบรอบคอ
“ฉันคิดถึงคุณ”
ศิวะดึงมือรติรสออก
“คุณจะบ้าเหรอ เดี๋ยวอรก็มาเห็นเข้าหรอก” ศิวะว่า
“กลัวอรเห็นหรือกลัวนังดาวจะเห็นกันแน่”
“ผมต้องรีบกลับไปหาอรแล้ว เดี๋ยวอรสงสัย”
ศิวะจะเดินไป แต่รติรสดึงแขนศิวะไว้
“จูบฉันก่อน ฉันถึงจะยอมปล่อยคุณไป” รติรสบอก
“รส...”
“ชักช้า เดี๋ยวยัยอรสงสัยนะคะ”
รติรสจ้องศิวะกลับอย่างท้าทาย ศิวะยอมหันกลับไปจูบรติรสอย่างดูดดื่ม
จันทรภานุเดินเข้ามาเห็นรติรสกับศิวะจูบกัน “คุณศิวะ คุณรส...”
จันทรภานุอึ้ง ประกายดาวเดินกระเผลกๆ ผ่านมาด้วยสีหน้าเจ็บข้อเท้า
“คุณดาว !”
ประกายดาวควานหาฝากล้องตามกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง ทำให้ไม่ทันสังเกตเห็นรติรสกับศิวะ ประกายดาวกำลังจะเดินผ่านตรงที่ศิวะกับรติรสยืนจูบกัน ทันใดนั้นจันทรภานุก็โผล่มารวบตัวและปิดปากประกายดาว ประกายดาวดิ้นขลุกขลัก จันทรภานุแตะนิ้วชี้ที่ปากให้เงียบแล้วพาประกายดาวออกไป
จันทรภานุปิดปากลากประกายดาวออกมา ประกายดาวดึงมือจันทรภานุออกจากปากตัวเองแล้วรีบถามจันทรภานุอย่างตื่นเต้น โดยที่ตัวประกายดาวก็ยังไม่ได้ออกจากอ้อมกอดของจันทรภานุ
“มีอะไรเหรอคะ”
“แขกของผมเขากำลังสวีทกันอยู่”
“กลางที่สาธารณะอย่างนี้เลยเรอะ คุณชายน่าจะห้ามนะคะ เกิดเขาทำอะไรกันโจ๋งครึ้มขึ้นมา โรงแรมคุณชายจะเสียภาพลักษณ์ ฉันไปห้ามให้เองค่ะ ฉันมีวิธี รับรองไม่น่าเกลียด”
ประกายดาวจะเดินไป จันทรภานุรีบห้าม
“ไม่ต้องหรอกครับ มันเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ปล่อยเขาเถอะ”
“ตามใจค่ะ คุณนันเป็นยังไงบ้างคะ”
“ไม่เป็นไรครับ น้ำตาเทียนโดนแก้มนิดหน่อย กลับเข้าไปในงานกับหม่อมแม่แล้ว”
ประกายดาวยิ้มรับแล้วแหงนมองท้องฟ้า
“คืนนี้ดาวสวยจัง”
บนท้องฟ้ามีดาวตก
“อุ้ย ! ดาวตก อธิษฐานกันเถอะค่ะ”
ประกายดาวรีบวางกล้องลงบนม้านั่งแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าคลุมหน้าเลนส์ไว้ ประกายดาวหลับตาแล้วประสานมือด้วยท่าทางตั้งใจมาก จันทรภานุแอบมองประกายดาวอย่างรู้สึกดี พอประกายดาวขอเสร็จก็ลดมือลง
“คุณขออะไร บอกได้ไหม” จันทรภานุถาม
“ฉันขอให้ได้พบกับคนที่ฉันจะมอบทั้งชีวิตและหัวใจของฉันให้เค้าไวๆ” ประกายดาวก้มมองท้องตัวเอง เพราะหมายถึงลูก “คุณจันทรภานุล่ะคะ ขออะไร”
“ผมขอให้ได้เห็นดาวสวยอย่างคืนนี้ตลอดไป”
จันทรภานุมองประกายดาวอย่างเปี่ยมด้วยความรัก ประกายดาวสะท้านอายแต่ชักสายตาหลบแล้วกลบเกลื่อน
“คุณชายมักน้อยจัง” ประกายดาวเอาผ้าที่คลุมเลนส์พับใส่กระเป๋า
“ทำไมคุณไม่ปิดหน้าเลนส์”
“ฝามันหายไปไหนไม่รู้ค่ะ ฉันหาทั่วแล้วแต่ก็หาไม่เจอ”
จันทรภานุแปลกใจ
อรอุมาเดินไปเดินมา รติรสเดินเข้ามา
“รส เห็นศิวะไหม” อรอุมาถาม
“เห็นเดินขึ้นไปบนห้อง คิดว่าเธอใช้ให้ขึ้นไปหยิบของซะอีก” รติรสบอก
“ศิวะขึ้นไปบนห้องทำไม”
อรอุมาจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร แต่รติรสห้าม
“อร อย่าหาว่าฉันมองผัวเธอในแง่ร้าย แต่ฉันสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้”
ศิวะเดินตามหาอรอุมา
“นังผีบ้าหายไปไหน”
อรอุมาเปิดประตูเข้ามาในห้อง รติรสเดินตามเข้ามา
“ศิวะ !” อรอุมาเรียก
แต่ในห้องไม่มีใคร อรอุมาเดินเข้าไปในห้องนอน
“ศิวะ ศิวะ”
อรอุมาเดินเข้ามาในห้องนอนแต่ก็ไม่มีใคร ทุกอย่างเรียบร้อย อรอุมาหันขวับไปมองรติรสอย่างเอาเรื่อง
“ฉันว่าเธอมองผัวฉันในแง่ร้ายเกินไปแล้ว ถึงศิวะจะเคยเจ้าชู้ แต่เขาคงไม่กล้าขนาดจะพาใครเขามาทำอะไรในห้องฉันหรอก”
“ฉันขอโทษจ้ะ” รติรสบอก
อรอุมาค้อนใส่รติรสแล้วกำลังจะออกไปจากห้อง
รติรสยิ้มเหยียด เธอหยิบของในกระเป๋าออกมาวางบนพื้น แล้วแกล้งร้อง
“เอ๊ะ !”
รติรสหยิบฝากล้องออกมาจากซอกเตียง
“ฝาปิดหน้าเลนส์ เดี๋ยวนี้พวกเธอเล่นกล้องกันด้วยเหรอ” รติรสทำเป็นถาม
“บ้า ฉันไม่ใช่โรคจิตชอบโชว์นะยะ นี่ไม่ใช่ของฉัน” อรอุมาว่า
“ไม่ใช่ของเธอแล้วของใคร เอ๊ะ...หรือว่าของนังดาว”
อรอุมาอึ้ง รติรสยิ่งใส่ไฟ
“ต้องใช้แน่ๆ เลยอร ฉันเคยเห็นมันใช้อยู่ เอ๊ะ...แล้วทำไมของนังดาวถึงมาตกอยู่ในห้องเธอ ศิวะก็หายไป แต่อย่าคิดมากเลย อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้”
อรอุมาตัวสั่นเพราะเริ่มโกรธ รติรสมองไปบนพื้นแล้วแกล้งร้อง
“ว้าย ! ตายแล้ว” รติรสก้มหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาซ่อนด้านหลังเหมือน ไม่อยากให้อรอุมาเห็น
“อะไร” อรอุมาถาม
“ไม่มีอร ไม่มี”
“เอามานี่เดี๋ยวนี้”
อรอุมายื้อแย่งมาจากรติรส แต่รติรสยังไม่ยอมให้
“เธอบอกฉันก่อน เธอกับศิวะคุมกำเนิดกันยังไง”
“ฉันกินยาคุม”
“ถ้า...งั้นอันนี้ก็คง...ไม่ใช่ของเธอ”
รติรสแบมือโชว์ซองถุงยางใช้แล้วให้ดู อรอุมาช็อค
จันทรภานุกับประกายดาวกลับเข้ามาในงาน ทั้งสองหยุดอยู่ใกล้กับตั่งขันโตกของหญิงนิ่ม สุรีย์ และนันทินี
นันทินีส่องกระจกดูหน้าตัวเอง อรอุมาเดินฉับๆ อย่างโกรธจัดเข้ามาในงานก่อนจะพุ่งเข้าไปผลักประกายดาว ประกายดาวเซไปทางจันทรภานุ รติรสเดินตามมา
“นังดาว ! นังหน้าด้าน หิวนักหรือไงถึงต้องมายุ่งกับผัวฉัน”
แขกเหรื่อในงานเริ่มหันมามองอย่างสนใจ นักข่าวรัวถ่ายรูป ศิวะรีบวิ่งเข้ามา
“พูดให้มันดีๆ นะคะ ฉันไปยุ่งกับผัวคุณตั้งแต่เมื่อไหร่” ประกายดาวถาม
“ทำเป็นสร้างภาพว่าตัวเองบริสุทธิ์ผุดผ่อง ที่ไหนได้ มันก็พวกแร้งกาชอบจิกกินผัวชาวบ้านเขาไปทั่ว”
“คุณอรอุมา กรุณาให้เกียรติงานของผมด้วย” จันทรภานุบอก
“คุณชายเองก็ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะค่ะ ระวังจะตกเป็นเหยื่อของนังนี่อีกคน”
“อรหยุด อายคนอื่นเขาบ้างสิ” ศิวะว่า
“อายเรอะ แล้วทีคุณกับมันขึ้นไปกินกันถึงห้องนอนฉันล่ะ เคยอายเคยนึกถึงใจฉันบ้างไหม”
ศิวะงง “คุณพูดอะไร”
“ไม่ต้องมาทำไม่รู้เรื่อง หนอย..ทำเป็นขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ที่แท้ก็แอบไปกินกับมัน เราดีนี่ ไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จ” อรอุมาว่า
“อย่ากล่าวหากันโดยไม่มีหลักฐานนะคะ” ประกายดาวบอก
“หลักฐานเรอะ” อรอุมาเห็นรอยลิปสติกที่ปกเสื้อของศิวะ “นั่น ! รอยลิปสติกยังติดอยู่ที่ปกเสื้อคุณอยู่แล้ว”
ศิวะกับรติรสสบตากันแว่บนึง
“ฝากล้องของนังนี่ก็ไปตกอยู่ในห้องฉัน รอยลิปสติกอีก แถมยังมีของที่ใช้แล้ว จะต้องให้ฉันพูดไหมว่ามันมีกี่ซอง แค่นี้เป็นหลักฐานพอไหมฮะ”
แขกในงานส่งเสียงเซ็งแซ่ ประกายดาวทนไม่ไหวจึงจะเดินออกไป
“แกจะไปไหน นังหน้าด้าน”
อรอุมาผลักประกายดาวอย่างแรงจนประกายดาวล้มไปชนกับเสาประทีปโคมไฟจนเสาล้มลง เปลวไฟกระเด็นไปโดนชายสไบของหญิงนิ่ม ทุกคนตกใจ หญิงนิ่มร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ
“กรี๊ด ไฟไหม้น้องหญิง”
นันทินีคว้าแก้วไวน์สาดไปที่ไฟยิ่งทำให้ไฟลุกพรึ่บ
“ตายๆๆๆๆ น้องหญิงตายแน่ๆ” นันทินีว่า
จันทรภานุจะเข้าไปช่วยหญิงนิ่ม แต่พงศ์จันทรถึงตัวหญิงนิ่มก่อน เขาถอดเสื้อสูทมาตบไฟให้หญิงนิ่มจนดับ
พงศ์จันทรถามด้วยแววตาห่วงใย “คุณเป็นอะไรไหมคุณหญิง”
“ไม่ค่ะ”
จันทรภานุเข้ามากอดหญิงนิ่ม
“ไม่ต้องกลัวแล้วนะน้องหญิง พี่พาขึ้นห้องค่ะ” จันทรภานุหันกลับไปมองประกายดาวอย่างห่วงใย แต่ต้องตัดใจบอกกับพงศ์จันทร “ผมฝากคุณดาวด้วย อย่าให้ใครแตะต้องตัวเธอได้แม้แต่ปลายเล็บ” จันทรภานุประคองหญิงนิ่มเดินออกไป
ประกายดาวเดินออกไปอีกทาง
“คุณจะไปไหน” พงศ์จันทรถาม
“คุณไม่ต้องห่วงฉันหรอกค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้” ประกายดาวบอก
ประกายดาวเดินออกไป
“จะไปไหนนังหน้าด้าน !”
อรอุมาจะตามประกายดาว แต่ศิวะเรียกไว้
“อร มานี่ !”
ศิวะลากอรอุมาออกไป รติรสแอบยิ้มเยาะ
สุรีย์หน้ามืด “โอ๊ย...ฉันจะเป็นลม”
นันทินีกับนมพรรับสุรีย์ไว้ พงศ์จันทรบอกแขกเหรื่อ
“ไม่มีอะไรแล้วครับ ขอเชิญทุกคนกลับเข้าสู่งานตามปกตินะครับ”
แขกเหรื่อทยอยกลับไปนั่งที่เดิม
จบตอนที่ 7