xs
xsm
sm
md
lg

ในสวนขวัญ ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในสวนขวัญ ตอนที่ 10

เป็ดปุ๊กเปิดประตูเข้ามา
 
หิ้วถุงกับข้าวมาลงมาจากรถพร้อมกับกระเป๋าถือ ก่อนจะทักทายเชียรที่กำลังรดน้ำต้นกรรณิการ์อยู่ไม่ไกล
“กลับมาแล้วนะคะพ่อ”
“วันนี้เป็นไงบ้างลูก”
“เกือบจะมีข่าวดี”
“ข่าวดีอะไรเหรอลูก” เชียรตื่นเต้น
“ก็แค่เกือบ มันก็ยังไม่เป็นข่าวดีน่ะซิคะ ไว้เป็นข่าวดีเมื่อไหร่ เป็ดจะบอกพ่อคนแรกเลยค่ะ เดี๋ยวเป็ดไปเอากับข้าวใส่จานก่อนนะคะ พ่อรีบตามเข้ามานะคะ”
เป็ดปุ๊กเดินยิ้มๆ เข้าไปในบ้าน เชียรมองตามยิ้ม และรดน้ำเสร็จพอดี ก่อนจะเดินไปปิดน้ำ เสียงเหมือนรถกอล์ฟแล่นมาแถวหน้าบ้าน เชียรหันไปมองเห็นโอมขับรถกอล์ฟแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน ก่อนจะลงมาจากรถ แล้วมองเข้าไปสำรวจที่บ้าน โอมมองรั้วบ้านเป็ดปุ๊ก ที่ไม้ชอบปีนข้ามไปมายิ้มหน้าร้ายเหมือนมีแผน
“ฉันรู้แล้วว้า ฉันจะทำอะไรกับแกไอ้ไม้”
เชียรเดินมาที่ประตูหน้าบ้าน เห็นโอมยืนจ้องเข้ามาในบ้าน โอมเห็นเชียรก็รีบเดินขึ้นรถกอล์ฟ ก่อนจะขับออกไปทันที เชียรมองตามแปลกใจ
“อะไรของเขา”

วันต่อมา เป็ดปุ๊กที่เปิดรถเอาข้าวของใส่ เตรียมตัวจะไปทำงาน หันไปยิ้มกับเชียรที่มารอเปิดประตูให้ รถกอล์ฟของโอมแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านพอดี เป็ดปุ๊กที่ยังไม่ขึ้นรถ รีบปิดรถประตู เดินเข้าไปหาโอมที่เดินลงมาจากรถกอล์ฟ เข้ามาหา
“ขอโทษนะครับที่มารบกวน ผมมีเรื่องสำคัญมากจะมาแจ้งคุณเป็ดปุ๊กน่ะครับ”
“มีเรื่องอะไรเหรอคะ”
เป็ดปุ๊กพูดเสร็จก็หันไปมองหน้าพ่อ เชียรขยับเข้ามาฟังด้วยใกล้ๆ
“ทางโครงการอยากจะติดรั้วกันขโมยให้บ้านคุณเป็ดปุ๊กน่ะครับ”
เป็ดปุ๊กหันมองหน้าเชียรแปลกใจ
“รั้วกันขโมย”
“ครับ ตอนนี้ทุกบ้านเขาติดกันหมดแล้ว มีแต่บ้านคุณเป็ดปุ๊กนี่แหละครับที่ยังไม่ติด ทางโครงการก็เลยอยากติดให้ เพื่อกันบุคคลที่ไม่หวังดีปีนเข้าปีนออก”
“บุคคลที่ไม่หวังดีนี่หมายถึงใครเหรอคะ”
“ก็พวกขโมย นั่นแหละครับ” โอมรีบกลบเกลื่อน
“แต่กำแพงนั้นติดกับสวนของไม้กับคุณย่า คนปีนเข้าปีนออกก็มีแต่ไม้คงไม่มีพวกขโมยมาปีนข้ามไปข้ามมาหรอกมั้งครับ” เชียรขัดขึ้น
“ไว้ใจไม่ได้หรอกครับ ขนาดคราวที่แล้วยังมีขโมยปีนเข้ามาได้”
“แต่ตำรวจยังไม่ได้ฟังธงนะคะ ว่าปีนมาจากรั้วด้านนั้น” เป็ดปุ๊กแย้ง
“ด้านหน้า รปภ. ก็แน่นหนา ขโมยจะเข้ามาได้ยังไง มันก็ต้องเข้ามาจากทางนี้แหละ ผมอยากให้คุณเป็ดปุ๊กคิดถึงความปลอดภัย ไม่ใช่ของบ้านคุณเป็ดคนเดียว แต่ของคนทั้งโครงการ มีคนปีนเข้าปีนออกในโครงการของเราแบบนี้ มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คุณเป็ดต้องเข้าใจทางผมด้วยนะครับ”
“ค่ะ เป็ดเข้าใจ” เป็ดปุ๊กหน้าเครียด
“แต่ทางเราก็ไม่ได้บังคับนะครับ แล้วแต่ความสมัครใจ แต่คุณเป็ดปุ๊กอยากติด เดี๋ยวเราไปเลือกรั้วกัน เอาแบบที่คุณเป็ดต้องการได้เลย ทางโครงการบริการฟรี”
เป็ดปุ๊กครุ่นคิด พยายามตัดสินใจ เชียรมองกำแพงอย่างเสียดายไม่อยากให้ติด เชียรเดินเข้าไปหาเป็ดปุ๊ก ถามเพื่อความแน่ใจ
“ลูกจะติดจริงๆเหรอ”
เป็ดปุ๊กคิดหนัก ก่อนจะเงยหน้าบอกโอม
“ติดก็ได้ค่ะ”
เชียรหน้าตกใจไม่อยากเชื่อ ในขณะที่โอมดีใจสุดๆ
“งั้นพรุ่งนี้ผมมารับคุณเป็ดปุ๊กไปดู เหล็กดัดกันขโมยนะครับ”
“ค่ะ”
โอมเดินยิ้มกริ่มดีใจ แผนสำเร็จ ไปที่รถกอล์ฟที่จอดอยู่ แล้วขับออกไปทันที เชียรเดินเข้าไปจะถามแต่เป็ดปุ๊กรีบตัดบททันที
“เป็ดไปทำงานก่อนนะคะ สายแล้ว”
เป็ดปุ๊กรีบเดินขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไป เชียรมองตามอึ้งๆ เหวอๆ รู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น

เชียรมาปรึกษาไม้ที่ร้านสวนขวัญ ฝ้ายและดำมองหน้ากัน ฝ้ายถามเชียรด้วยความตกใจ
“ติดรั้วกันขโมย”
“บ้านคุณเป็ดปุ๊กเนี่ยนะ” ดำอึ้งๆ
ฝ้ายกับดำ มองหน้ากันตกใจ ก่อนจะพร้อมใจหันไปมองไม้ ที่ยืนอึ้งๆ งงๆ กับเรื่องที่เพิ่งได้ยินเหมือนกัน
“ตอนขโมยขึ้นก็ไม่เห็นเคยพูด แล้วอยู่ๆนึกยังไงไม่รู้ถึงจะมาติดให้ฟรี” เชียรบ่น
ไม้ที่ยืนฟังอยู่ยิ้ม เข้าใจเลยว่าโอมคิดจะทำยังไง
“คนอย่างโอมคิดจะทำอะไร ก็ไม่พ้นเรื่องของผมหรอกครับ เขาคงขวางหูขวางตาที่ผมปีนเข้าๆ ออกๆ ที่นั่น เลยไม่อยากให้ทำก็เท่านั้น”
“ฝ้ายว่าคงไม่เท่านั้นหรอกค่า น่าจะอยากแกล้งอย่างอื่นด้วย”
“ใช่ครับ ถ้าพี่ไม้ ปีนเข้าๆออกๆที่บ้านคุณเชียรไม่ได้ ก็เท่ากับว่าพี่ไม่กับคุณเป็ดปุ๊ก” ดำเห็นด้วย
ไม้เห็นฝ้ายกับดำเริ่มจะพูดมาก รีบพูดแทรกสองคนขึ้นมาทันที
“แล้วคุณเป็ดปุ๊กว่ายังไงละครับ จะติด หรือ ไม่ติด”
“เห็นบอกว่าจะติดมั้ง”
ไม้อึ้ง รู้สึกเจ็บปวด แต่คุมอาการไว้
“งั้นเหรอครับ ก็เป็นการตัดสินใจที่ดีนะครับ”
“แต่ฉันไม่อยากให้ติดนะ ฉันว่าเธอเองก็คงไม่อยากให้ติดเหมือนกันใช่มั้ยไม้” เชียรหนักใจ
“สิ่งที่ผมคิดไม่สำคัญหรอกครับ ยังไงคุณเป็ดตัดสินใจแล้ว ก็คงต้องตามนั้น ขอบคุณนะครับที่มาบอก คงถึงเวลาที่ผมต้องเข้าตามตรอก ออกทางประตูสักที”

ไม้พยายามพูดขำๆ แต่ ฝ้าย เชียร และ ดำ รู้ว่าไม้ไม่ได้ขำ เชียรมองที่ไม้เศร้าๆ รู้สึกเห็นใจสุดๆ

ไม้นั่งดูทีวีหน้าตาเหม่อๆ เหมือนให้ทีวีดูมากกว่า
 
ย่าขวัญเดินออกมาจากในครัวในมือถือถุงใส่ แกงใส่กับข้าวออกมายื่นให้ไม้
“เดี๋ยวเอาแกงขั้วหอยขม กับ ผัดเผ็ดปลาดุกนี่ไปให้คุณเชียรเขาหน่อย”
ไม้ไม่รับถุงแกง ตายังมองทีวี
“ย่าเอาให้เองเถอะ”
“กว่าย่าจะไป มันเรื่องเยอะ ไม้น่ะแหละ ปีนข้ามกำแพงไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว” ย่าขวัญมองไม้ยิ้ม “ทำไมหรือกลัวหนูเป็ดเขาจะว่าเหรอ ก็เอาแกงกับผัดนี่ไปง้อเขาสิ รับรองว่าถ้าได้กินเขาหายโกรธแน่”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกย่า ที่ผมไม่อยากไป เพราะคุณเป็ดคงไม่ชอบใจที่ผมปีนข้ามกำแพงบ้านเขา”
“เอ้าทำไมคิดงั้นล่ะ ก็ข้ามไปข้ามมาอยู่ตั้งนานละ”
ไม้ยอมหันมามองหน้าย่า
“ก็เขากำลังจะติดรั้วกั้น”
“เหรอ” ย่าขวัญตกใจ
ไม้พยักหน้าเศร้าๆ
“ครับ...เฮ่อ ก็ดีเหมือนกันนะ ให้มันจบๆไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
“แล้วเราไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”
“แล้วผมควรรู้สึกอะไรเหรอครับ”
“อันนี้ คงต้องย้อนกลับไปถามตัวเองแล้วล่ะ ว่าคิดยังไง อยากให้เขาเอารั้วมากั้นจริงรึเปล่า”
ย่าขวัญจ้องหน้าไม้ยิ้มๆ ก่อนจะเดินออกไป ไม้มองตามครุ่นคิด ก่อนจะถอนหายใจ
“แล้วผมจะไปทำอะไรได้”

เช้าวันต่อมา ย่าขวัญพยายามปลุกไม้
“ไม้ ไม้...ตื่นสิ ตื่น”
ไม้นอนหลับอยู่บนไม้ต้นไม้สะดุ้งตื่น ยิ่งเห็นว่าย่าขวัญเป็นคนที่มาปลุกยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่
“เย้ย ย่า ขึ้นมาได้ยังไงเนี่ย เดี๋ยวก็พลาดตกลงไปแข้งขาหักหรอก”
“ก็รอเจ้าชาย ไม่เห็นตื่นสักที ก็เลยใจร้อน”
“ย่าจะให้ผมทำอะไรอีก”
ย่าขวัญเอาถุงอาหาร ที่มีทั้งแกง ผัด ปลาทอด มากมายหลายอย่างยื่นให้ไม้
“เอาไปให้บ้านนั้น”
“ก็ผมบอกแล้วไงว่า...”
“จะเอาไปให้ยังไงย่าไม่สน แต่เราต้องไปเชิญหนูเป็ดกับพ่อเขามางานวันเกิดย่า อาทิตย์หน้าด้วย”
“อะไรนะ” ไม้หน้าตื่น
“รู้ว่าได้ยิน รู้ว่าเข้าใจ ไม่ต้องมาทำหน้างง”
ย่าขวัญพูดเสร็จ ก็เดินออกไปจากบ้าน ไม้ได้แต่เหวอ งง ยังไม่ตื่นดี อะไรเนี่ย ไม้ได้แต่มองถุงอาหารครุ่นคิด เอายังไงดี

โอมเดินคุยออกมากับเป็ดปุ๊ก โดยมีเชียร เดินตามมาข้างหลัง
“ร้านที่ผมจะพาไปดู มีรั้วกั้นขโมยสวยๆหลายแบบ รับรองว่าคุณเป็ดปุ๊กเห็นต้องเลือกไม่ถูกแน่ๆครับ”
เชียรที่เดินตามหลัง ตะโกนถาม
“ลูกแน่ใจเหรอลูกว่าจะติดรั้วนั่นจริงๆ”
เป็ดปุ๊กกับโอมหันไปมองเชียร
“ค่ะพ่อ...ทำไมเหรอคะ”
“ก็แค่ถามเพื่อให้แน่ใจน่ะ”
เชียรพูดเสร็จ ก็เดินหงอยๆ เศร้าๆ เข้าไปในบ้าน โอมและเป็ดปุ๊กมองตาม เป็ดปุ๊กเริ่มรู้สึกไม่สบายใจนิดๆ
“เรารีบไปเถอะครับ ผมนัดร้านเขาไว้สิบโมง”
โอมผายมือให้เป็ดปุ๊กเดินไปขึ้นรถ ของตัวเองที่จอดอยู่หน้าบ้าน ขณะเดียวกันนั้นมีถุงอาหารพาดผ่านกำแพงมา ก่อนที่ไม้จะปีนตามขึ้นมา ทันทีที่โผล่พ้นกำแพงเขามองไปเห็นเป็ดปุ๊กกำลังเดินไปขึ้นรถโอม โดมมีโอมมาเปิดประตูรถเทคแคร์ ท่าทางดูสนิทสนม ไม้เห็นแบบนั้นถึงกับหน้าเศร้าจ๋อย โอมกำลังจะเปิดประตูขึ้นรถหันมาเห็นไม้ที่ปีนอยู่บนกำแพงแล้วมองมาพอดี โอมมองไม้ยิ้มเยาะเย้ย ก่อนจะขึ้นรถ แล้วขับออกไป
 
ไม้มองตามรถโอมที่แล่นออกไป หน้าจ๋อยสุดๆ

โอมกระตือรือร้นพาเป็ดปุ๊กดูรั้วกันขโมยแบบต่างๆในร้าน แต่เป็ดปุ๊กกลับดูรั้วพวกนั้นหน้าเครียด
 
ในหัวคิดถึงภาพของไม้ที่ปีนรั้วมาในเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งปีนรั้วมาช่วยตอนขโมยขึ้น ปีนรั้วมาทักทาย ช่วยเหลือ หรือแม้แต่ปีนกลับรั้วข้ามไปตอนอาย
“คุณเป็ดครับ ตัดสินใจได้รึยังครับ ว่าจะเอาแบบไหน”
“เอ่อ...คือ” เป็ดปุ๊กอ้ำอึ้ง
โอมหันไปถามเจ้าของร้าน
“เฮีย ถ้าสั่งวันนี้ พรุ่งนี้ติดตั้งเรียบร้อยเลยใช่มั้ย”
“ม่าย-มี-ปัญหา” เฮียตอบขึงขัง
“ว่าไงครับคุณเป็ด ตกลงเอาอันไหน...” โอมหันมาหาเป็ดปุ๊ก
เป็ดปุ๊กมองรั้วกั้นกันขโมยที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะถอนหายใจ
“ขอกลับไปคิดอีกทีได้มั้ยคะ”
โอมกับเฮียเจ้าของร้านที่กำลังลุ้นหน้าเหวอ โดยเฉพาะโอม แอบทำหน้าเซ็งไม่พอใจ แต่ก็ต้องยิ้มกลัวเป็ดปุ๊กรู้
“ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกครับ ค่ารั้วทางโครงการก็ออกให้ แถมยังเพิ่มความปลอดภัยในบ้านอีก”
“แต่เมื่อกี้ ท่าทางพ่อเหมือนไม่อยากให้ติดนะคะ เป็ดว่า เป็ดควรไปปรึกษาเขาก่อนดีกว่านะคะ ขอโทษด้วยนะคะ” เป็ดปุ๊กเครียด
“ถ้าตัดสินใจได้เมื่อไหร่ก็โทรมาบอก เดี๋ยวอาเฮียให้ลุกน้องไปติดที่บ้านให้ได้ ม่าย-มี-ปัญหา” เฮียยิ้มบางๆ
“คุณโอมเข้าใจเป็ดนะคะ”
“เข้าใจสิครับ ผมแล้วแต่คุณเป็ดอยู่แล้ว” โอมแสร้งทำหน้ายิ้มเข้าใจ
“ขอบคุณค่ะ”
เป็ดปุ๊กเดินออกจากร้านไป โอมรีบเดินตามด้วยสีหน้าเครียด ไม่พอใจเป็ดปุ๊กสุดๆ

โอมขับรถ หันไปมองหน้าเป็ดปุ๊กที่นั่งเงียบมาตลอดทาง เขาตัดสินใจเอื้อมมือไปจับมือเธอเบาๆ
“ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยติดก็ได้”
เป็ดปุ๊กดึงมือออกจากมือโอมอย่างสุภาพ
“อ๋อ เป็ดไม่ได้คิดเรื่องนั้นหรอกค่ะ”
“งั้นคงไม่ได้คิดถึงเรื่องไอ้ไม้ใช่มั้ยครับ” โอมรีบดักคอ

“แล้วทำไมเป็ดต้องคิดถึงเรื่องเขาด้วยคะ”
“ก็เรื่องเมื่อวันก่อน เพื่อนคุณ แฟนผม กับคนสวนที่เพิ่งกลายเป็นเศรษฐีมันอย่างกับละครน้ำเน่าน่ะสิครับ”
“เรื่องของคนอื่น เป็ดไม่สนใจหรอกค่ะ ใครจะเป็นยังไงก็เรื่องของเขา”
เป็ดปุ๊กพูดเสร็จก็หันออกไปนอกหน้าต่าง โอมแอบยิ้มร้าย ก่อนจะมองไปนอกหน้าต่าง เห็นว่าใกล้ร้านสวนขวัญแล้ว โอมมองไปที่หน้าร้าน เห็นไม้ยืนอยู่ เขายิ้มชั่วๆ ก่อนตัดสินใจกดหน้าต่างรถลง และแล่นรถช้าๆ ผ่านหน้าร้านทำเป็นเรียกเป็ดปุ๊ก
“คุณเป็ดปุ๊กดูโน่นสิครับ”
เป็ดปุ๊กหันมาเป็นจังหวะเดียวกับที่รถแล่นผ่านหน้าร้านสวนขวัญ เป็ดปุ๊กและไม้สบตากันพอดี โอมยิ้มแต่ยังไม่ทันจะได้สะใจ ก็เห็นแก้วเดินออกมาจากร้านเข้ามาเกาะแขนไม้ โอมเห็นแบบนั้นยิ่งช็อคกว่าใคร แก้วเองก็เห็นโอมและเป็ดปุ๊กนั่งรถผ่านไป
“อุ๊ย นั่นมันรถโอมนี่ ทำไมอยู่ดีๆนั่งรถไปด้วยกัน หรือว่าเขา...”
ไม้ที่ไม่อยากฟังแสลงใจ รีบเดินเข้าไปในร้านท่าทางเหมือนโมโหหงุดหงิด แก้วที่ยังมองตามรถโอมแอบไม่พอใจ
“คิดจะแก้เผ็ดฉันงั้นเหรอ เชิญเลย ผู้ชายพรรค์นั้นฉันไม่สนหรอก”

ไม้เดินเซ็งเข้ามาในร้าน แก้วรีบเดินตามเข้ามา
“คุณไม้คะ หนีแก้วมาอีกแล้ว ไม่ชอบใจอะไรรึเปล่าคะ”
“ผมจะมีสิทธิไม่พอใจอะไรได้ละครับ”
“งั้นคุณไม้ก็คงไม่ได้คิดอะไรถ้าเป็ดปุ๊กกับคุณโอมจะสนิทสนมกัน ก็ดีนะคะ เป็ดปุ๊กมาช่วยดามอกให้โอม แก้วค่อยสบายใจหน่อย”
ไม้รีบเปลี่ยนเรื่อง น้ำเสียงไม่พอใจสุดๆ
“ตกลงคุณเลือกต้นไม้ได้รึยังครับ ถ้าได้แล้ว ผมจะได้ออกไปจัดสวน ลูกค้าอื่นรออยู่”
“อะไรกันคะ แก้วเป็นลูกค้าวีไอพีของคุณนะคะ คุณต้องดูแลแก้วสิ”
“ก็ดูแลอยู่ แต่ผมก็มีลูกค้าอื่นต้องดูแลด้วยเหมือนกัน”
แก้วไม่สน เดินควงแขนไม้ไปดูต้นไม้
“คุณไม้ว่า ต้นนี้ไปอยู่ที่คอนโดมันจะตายมั้ยคะ...แล้วต้นนี้...”
แก้วพยายามออดอ้อนออเซาะ ไม้ที่หงุดหงิดสุดๆ เริ่มทนไม่ไหวแล้ว ตะโกนไปหลังร้าน
“ฝ้าย ฝ้าย ช่วยมาดูแลคุณแก้วหน่อย”
ฝ้ายที่รออยู่แล้ว รีบวิ่งเข้ามาแทรกระหว่างกลางแก้วและไม้ทันที
“ได้เลยไม่มีปัญหาค่ะ ลูกค้าพิเศษระดับ วีไอพีแบบนี้ ฝ้ายจัดการ เอ๊ย เทคแคร์เอง”
ไม้หงุดหงิดเดินออกไป แก้วโวยวาย
“คุณไม้ คุณไม้ เดี๋ยวสิคะจะไปไหน”
แก้วรีบเดินตาม แต่ฝ้ายมาขวางทางไว้
“คุณแก้วมีปัญหา อะไรบอกฝ้ายได้ค่ะ ฝ้ายพร้อมเซอร์วิสเต็มที่”

แก้วมองมองโมโห ก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกไป ทางอื่น ฝ้ายมองตามสะใจสุดๆ

เย็นนั้น ย่าขวัญ กับตั๊กแตน ยืนรอไม้ที่หน้าบ้าน ท่าทางตื่นเต้น ทันทีที่เห็นไม้เดินเข้ามาทั้งสองรีบเดินเข้าไปหา

“เป็นไง เอาของกินไปให้บ้านนั้นแล้ว สำเร็จมั้ย”
“ผมไม่ได้เอาไปให้ที่นั่นหรอก เอาไปให้ฝ้ายกับดำ กินที่ร้าน”
“อะไรกันน่ะพี่ไม้ ย่าอุตส่าห์ตื่นมาทำให้ พี่ทำเสียแผนหมด” ตั๊กแตนตกใจ
“ก็อยากจะทำตามแผนหรอกนะ แต่ผมเห็นโอมเขามารับคุณเป็ดปุ๊กออกไปข้างนอก เขาอาจจะไปเที่ยว กินข้าว ดูหนัง ผมไม่อยากให้อาหารย่าเป็นหมัน ก็เลยเอาไปให้คนอื่นที่อยากกินมากกว่า”
“นี่คิดเอาเองหรือว่าไงเนี่ย” ย่าขวัญถอนใจ
“ผมเห็นกับตา ตั้งสองครั้ง ผมไม่ได้มโนเองหรอกย่า”
“ก็แค่สิบตาเห็น ไม่เท่ามือคลำ ยังไม่ได้ขยี้ ไม่ได้ขยำ แล้วก็มาเดามัว หนูเป็ดปุ๊กที่เรารู้จักเป็นคนอย่างนั้นรึไง”
“เออ...คือ...” ไม้เริ่มคิด
“ย่าจะให้โอกาสเราครั้งสุดท้ายนะ วันนี้ย่าทำปลาทูต้มเค็ม พรุ่งนี้เอาไปให้เขาแล้วก็ชวนสองพ่อลูกนั่นมางานวันเกิดย่าด้วย”
“แต่ ผม...”
ไม้จะแย้ง ย่าขวัญแทรกทันที
“โอกาสสุดท้ายแล้วนะ ถ้าเมื่อไหร่รั้วกันขโมยขึ้นมากั้น ต่อให้อาหารกี่อย่างๆก็คงช่วยไม่ได้แล้ว”
ย่าขวัญพูดเสร็จก็เดินขึ้นบ้านไป ตั๊กแตนรีบวิ่งตามขึ้นไป ไม้รู้สึกสับสนสุดๆ

ไม้นอนเอามือเกยหน้าผากครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ระหว่างเขากับเป็ดปุ๊ก ตั้งแต่เป็ดปุ๊กตบหน้าและเป็ดปุ๊กโกรธต่างๆ จนมาถึง ปกป้องโอมที่โดนชก พูดคุยกับโอมอย่างสนิทสนม และ นั่งรถไปกับโอม ไม้คิดเสร็จ สะดุ้งตัวขึ้น ก่อนจะตัดสินใจ ลุกไปยืนมองที่หน้าต่าง มองไปทางบ้านเป็ดปุ๊กก่อนจะคิดอะไรได้บางอย่าง

เช้าวันต่อมา...ไม้มากดกริ่งหน้าบ้านเป็ดปุ๊กยืนรอด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะเห็นเชียรเดินออกมา มองไม้ด้วยความแปลกใจ
“อ้าว...ไม้ทำไมมากดกริ่งแบบนี้ล่ะ เข้ามาในบ้านก่อนสิ”
ไม้มองไปเห็นเป็ดปุ๊กเดินออกมายืนมองไม้งงๆ เขาตัดสินใจพูด
“ไม่เป็นไรครับ” ไม้ยื่นถุงอาหารไปให้ “ย่าผมให้เอาปลาทูต้มเค็มมาให้ แล้วฝากเชิญคุณเชียรกับคุณเป็ดปุ๊ก ไปงานวันเกิดของย่า วันเสาร์หน้าน่ะครับงานจัดง่ายๆ สไตส์คนบ้านๆน่ะครับ”
“งานบ้านๆแบบนั้นล่ะชอบ แล้วอยากให้ฉันช่วยอะไรมั้ย”
“แค่ช่วยไปก็พอครับ...งั้นผมกลับก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวก่อนสิ จะไม่เข้ามาจริงๆเหรอ”
“ไม่เป็นไรครับ”
ไม้พูดเสร็จก็เหลือบมองหน้าเป็ดปุ๊กนิดนึง ก่อนจะรีบเดินออกไป เป็ดปุ๊กรีบเดินออกมายืนข้างๆ เชียรมองตามไม้รู้สึกแปลก ๆ
“เขาคิดจะทำอะไรของเขา อยู่ดีๆ ก็มากดกริ่ง แถมยังทำตัวซะเป็นทางการอีก”
“ก็ลูกอยากให้เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”
“อะไรนะคะ” เป็ดปุ๊กงง
“ก็ที่ลูกอยากติดรั้วกั้นขโมย ก็เพราะอยากให้ไม้เป็นแบบนี้ ไม่ใช่เหรอ”
เชียรพูดเสร็จก็เดินออกไป เป็ดปุ๊กมองตามไม้สายตาเศร้า รู้สึกเจ็บลึกๆ ที่ทุกอย่างมันกลายเป็นแบบนี้

ไม้นั่งซึมจ๋อย ถอนหายใจเฮือกๆ ไม่มีกระจิตกระใจทำงานเลย ฝ้าย ดำ และ ตั๊กแตน ที่แอบยืนสังเกตอาการอยู่ ปรึกษากันเล็กน้อย ก่อนจะผลักตั๊กแตนให้เดินไปเข้าหา ไม้เงยหน้ามองเห็นตั๊กแตนยืนหน้าตาขึงขัง
“ฉันเคยคิดว่าพี่ไม้เป็นคนกล้า กล้าชนปัญหา กล้าสู้คนไม่ดี กล้าทุกๆเรื่องแต่ทำไมเรื่องแค่นี้ พี่ไม้ถึงไม่กล้า ห๊า กะอีแค่ผู้หญิงที่ตัวเองชอบ ทำไมไม่กล้าไปบอกเขา ไปง้อเขาห๊า มานั่งถอนหายใจเฮือกๆ แล้วปล่อยให้คนอื่นมาแย่ง ก็สมน้ำหน้าแล้วหละ”
ตั๊กแตนพูดเสร็จก็เดินออกไป ไม้มองตามงงๆ
“เฮ้ย นี่มัน...”
ไม้ยังพูดไม่ทันจบ ดำก็ผลักฝ้าย เข้ามายืนตรงหน้า ไม้มองงงๆ
“มีคนเคยบอกไว้ การจะชอบใครมันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฉะนั้น เมื่อเจอคนที่ใช่ ก็ไม่ควรปล่อยให้หลุดมือไป ปัญหาของความรัก แก้ได้ด้วยการลดทิฐิ ถ้าสองคนไม่ลดทิฐิที่มีต่อกัน ก็ไม่มีทางเข้าใจกัน แต่ในกรณีนี้ ฝ้ายคิดว่า พี่ไม้ควรต้องลดทิฐิก่อน เพราะผู้ชายขี้เก็ก มันน่าเกลียด อ๊อ น่าหมั่นไส้ด้วย”
ฝ้ายพูดเสร็จก็เดินออกไป ไม้หันไปมองดำที่ยืนตัวสั่นไม่กล้าเดินเข้ามา ฝ้ายกับตั๊กแตนเรียกให้ดำเดินเข้าไปหาไม้ ดำก็ไม่กล้า ได้แต่ยืนส่ายหน้า ไม้เห็นแบบนั้น ก็ลุกเดินไปหาดำ ทำท่าเหมือนจะเอาเรื่อง
“มีอะไรจะพูดเหมือนคนอื่นมั้ย”
“อะ...อะ...เอ่อ...เหมือนจะมีแต่ลืมไปแล้วครับ”
“ให้เวลา สามวิ จะพูดไม่พูด”
ดำรีบพูดตะกุกตะกัก
“อยากได้ความรักจากอีกฝ่าย…ต้องจ่ายด้วย…ความรัก…ของเราก่อน”
“ไปจำมาจากไหนเนี่ย”
“เฟซบุค” ดำยิ้มแหย
“แล้วมีอะไรจะพูดอีกมั้ย”
“ความรัก คือการที่คุณมีเหตุผลนับร้อยที่จะบอกลาใครบางคน แต่ก็ยังคงมองหาเหตุผลดี ๆ เพียงหนึ่งเหตุผล เพื่อที่จะอยู่ต่อ” ดำรีบท่อง
“มีอะไรอีกมั้ย” ไม้มองดำหน้าเอาเรื่องสุดๆ
“ไม่มีแล้ว” ดำยิ้มแหยๆ ส่ายหน้า
ไม้หันไปมอง หน้าฝ้าย ตั๊กแตน ดำ อีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจวิ่งออกไปจากร้าน ทั้ง ดำ ตั๊กแตน ฝ้าย ตกใจรีบตะโกนถาม
“เย้ย พี่ไม้ จะรีบไปไหน”
ไม้หันหลังตะโกนกลับมา
“บ้านคุณเป็ดปุ๊ก”
ฝ้าย ดำและ ตั๊กแตน พอได้ยินคำว่า บ้านเป็ดปุ๊กก็หันมองหน้ากัน ก่อนจะกระโดดโลดเต้นดีใจ ดำตะโกน
“ทำให้สำเร็จนะพี่”

ไม้มองหน้าทุกคนยิ้มอย่างมั่นใจ ก่อนจะวิ่งออกไป ทั้งสองคนกันมามองหน้ากันตื่นเต้นสุดๆ
 
อ่านต่อหน้า 2

ในสวนขวัญ ตอนที่ 10 (ต่อ)

ไม้ยืนรอเป็ดปุ๊กที่หน้าบ้าน ทันทีที่เห็นรถเป็ดปุ๊กแล่นเข้ามา ไม้ตัดสินใจกระโดดกางแขนออกไปขวางรถไว้
 
เป็ดปุ๊กเบรกเอี๊ยด หัวแทบคะมำ ไม้หลับตาปี๋ ก่อนจะเห็นว่าเป็ดปุ๊กไม่ได้ชนก็ดีใจ เป็ดปุ๊กลงมาจากรถจะเอาเรื่อง ไม้ตัดสินใจเดินเข้าไปหาพูดอย่างจริงจัง
“ก่อนที่คุณจะว่าอะไรผม ขอบอกให้รู้ไว้ก่อนว่า นี่เป็นวิธีสุดท้ายแล้วที่ผมคิดได้ ที่จะยอมให้คุณหยุดฟังที่ผมพูด ผมจะพูดแค่อีกครั้งเดียว ถ้าคุณจะเกลียด จะโกรธ จะไม่ให้อภัยผม ก็แล้วแต่คุณแล้วล่ะ”
“อยากคุยเรื่องอะไรล่ะ” เป็ดปุ๊กมองหน้าเขา
“เรื่องที่คุณหาว่าผมโกหก”
“ก็ว่ามาซิ”
ไม้เดินเข้าไปยืนตรงหน้าเป็ดปุ๊ก
“คุณคิดว่า คนที่พ่อตายตั้งแต่เขาอายุสามขวบ แล้วแม่ก็มาทิ้งเขาไป ไม่กลับมาหาเขาอีกเลยจนสิบปีผ่านไป เขาอยากเล่าเรื่องนี้ให้ใครต่อใครฟังไหม”
เป็ดปุ๊กอึ้งไป
“คุณมีพ่อที่น่ารัก แล้วแม่ของคุณก็คงจะน่ารักด้วย คนน่ารักก็จะเลือกที่จะอยู่กับคนน่ารัก แต่ผม...ไม่เคยมีใครเลย ตอนเด็กๆผมมักจะถูกเพื่อนล้อ ถูกเด็กที่โตกว่ารังแก ผมอยากมีใครสักคนที่กอดผม บอกผมว่า ไม่เป็นไรแล้ว แม่อยู่ที่นี่...แต่ก็ไม่มี อดีตของผม ไม่ใช่เรื่องน่าจดจำ มันมีแต่เรื่องที่ผมอยากลืม เพราะอย่างนี้ไง ผมถึงไม่เคยเล่าเรื่องของผมให้คุณฟัง”
เป็ดปุ๊กเริ่มมีน้ำตาคลอขึ้นมา หันไปทางอื่น
“เอาเป็นว่า ผมขอโทษที่ผมปิดบังเรื่องนี้กับคุณก็แล้วกัน ส่วนคุณจะให้อภัยผมหรือเปล่า ก็แล้วแต่คุณ”
เป็ดปุ๊กนิ่งไปครู่หนึ่ง
“แล้วเรื่องแก้วล่ะ คิดยังไงถึงไปยุ่งกับเขา”
“ก็เขา...น่ารัก”
เป็ดปุ๊กหันขวับมามองไม้ตาขวางเลย ไม้ขำท่าทางของเธอ
“เปล่าหรอก โอมกับพ่อเขาไปหาย่าผมที่บ้าน ผมอยากรู้ว่าพวกเขาคิดจะทำอะไร ผมก็เลยขอให้คุณแก้วช่วยผมสืบให้ มันก็เท่านั้นเอง”
“แค่นั้นจริงๆเหรอ”
ไม้หยุด มองตาเป็ดปุ๊ก
“ผมไม่มีวันคิดอย่างอื่นนอกจากนั้น ผมตอบคุณทุกคำถามแล้วนะทีนี้ผมก็มีคำถามเหมือนกัน คุณอยากกั้นรั้วระหว่างบ้านคุณ กับบ้านผม มากเลยเหรอ”
เป็ดปุ๊กนิ่งไป แต่พอกำลังจะตอบ เสียงตั๊กแตนก็ดังเข้ามา
“พี่ไม้...พี่ไม้...”
ไม้กับเป็ดปุ๊กหันไปมอง เห็นตั๊กแตนวิ่งกระหืดกระหอบมา
“ขอโทษนะพี่ แตนไม่อยากขัดจังหวะ แต่ว่า...พี่ไม้ พี่ต้องรีบหนีแล้ว ตำรวจกำลังจะมาจับพี่”
“มาจับไม้ เรื่องอะไรน่ะ” เป็ดปุ๊กงงๆ
ยังไม่มีใครจะทำอะไร รถตำรวจแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน ไม้กับเป็ดปุ๊กมองหน้ากันงงๆ เกิดอะไรขึ้น

หน้าบ้านเป็ดปุ๊ก ไม้ถูกตำรวจพาตัวออกไป ผู้หมวดเดินมาด้วย เป็ดปุ๊กกับตั๊กแตนก็ตามออกมา
“คิดว่าไม้เขาพ้นผิดไปแล้วซะอีก” เป็ดปุ๊กเข้าไปถามหมวด
“เรามีหลักฐานใหม่น่ะครับ”
“ต้องเป็นคุณโอมแน่ๆเลย เขาต้องไปแจ้งตำรวจ เพราะถูกพี่ไม้ต่อยวันนั้น” ตั๊กแตนแค้นๆ
ไม้ชะงัก ตำรวจเองก็เหมือนกัน เป็ดปุ๊กรีบหันไปขยิบตากับตั๊กแตนไม่ให้พูดอีก เชียรตามออกมาจากบ้าน
“มีอะไรกันครับ จะพาไม้ไปไหน ถ้าเรื่องที่ไม้ชกต่อยกับคุณโอม ผมเป็นพยานได้นะ”
“ไม่ใช่หรอกครับ คดีเก่าเรื่องบุกรุกน่ะ ผลตรวจสอบลายนิ้วมือเพิ่งมาน่ะครับ ไม่มีลายนิ้วมือคนอื่นเลยนอกจากของคนในบ้าน กับของนายตฤณ”
เป็ดปุ๊กอึ้งไป มองไม้ ตั๊กแตนอึดอัดขึ้นมา ที่สุดตัดสินใจโพล่งขึ้นมา
“ไม่ใช่พี่ไม้หรอกค่ะ”
“รู้เหรอว่าใคร” ทุกคนหันมามองตั๊กแตน
ตั๊กแตนอึดอัด แต่ก็พยักหน้ารับ
“ค่ะ หนูว่าหนูรู้”

ค่ำนั้น ภูมิกึ่งนั่งกึ่งนอนเล่นแท็ปเลต อยู่ที่โซฟาในบ้าน ครู่หนึ่ง พ่อภูมิเดินเข้ามา
“ตกลงบอกได้หรือยัง เอาเงินที่ไหนไปซื้อมา”
“จะรู้ไปทำไมพ่อ ฉันไม่ได้ขอเงินพ่อซื้อก็บุญแล้ว”
“ฉันกลัวแกจะไปขโมยใครเขามาน่ะซิ”
“ฉันทำงาน แต่งรถให้เพื่อน พอใจหรือยัง”
พ่อภูมิเบื่อๆ แล้วมองไปที่หน้าต่างเห็นแสงแว่บวาบจากสัญญาณไฟของรถตำรวจ
“สงสัยตำรวจลากรถใครมาให้อีกแล้ว”
พ่อภูมิเดินออกจากบ้านไป ภูมิหยุดเล่น แล้วมองออกไปที่หน้าต่าง

พ่อภูมิเดินออกมาจากในบ้าน แล้วชะงัก รถตำรวจจอดอยู่ แล้วผู้หมวดก็ลงมาจากรถ ตำรวจอีก 2-3 คน
ลงมาด้วย พร้อมๆกับไม้และตั๊กแตน พ่อภูมิเดินเข้ามาหาผู้หมวด
“มีอะไรเหรอครับ”
“นายภูมิอยู่ไหม”
“ภูมิไปทำอะไรเหรอครับ”
แล้วพ่อภูมิก็เห็นไม้กับตั๊กแตนที่ยกมือไหว้
“สวัสดีพี่”
พ่อภูมิรับไหว้ แล้วหันมาพูดกับตำรวจ

“ผมก็ไม่แน่ใจนะ”

ผู้หมวดกับพ่อภูมิเข้ามาในบ้าน แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว ไม้กับตั๊กแตน และตำรวจที่เหลือตามเข้ามา
 
ไม้เดินไปที่ชุดรับแขก เห็นแท็ปเล็ตวางอยู่ ไม้หยิบขึ้นมาดูที่หน้าจอ ยังอยู่ที่เกม
“คงจะเพิ่งไปเมื่อกี้เอง”
ผู้หมวดหันมาพูดกับพ่อภูมิ
“ถ้าเขากลับมา บอกให้เขาติดต่อผมที่สถานีทันที ถ้าเขาให้ความร่วมมือ เขาอาจจะถูกกันไว้เป็นพยาน”
“ช่วยเล่าให้ฟังได้ไหมครับ มันเรื่องอะไรกันแน่” พ่อภูมิงงๆ
ตำรวจเริ่มเล่า ตั๊กแตนมองตำรวจกับพ่อภูมิ ท่าทางไม่สบายใจ ไม้มองตั๊กแตน เห็นอาการไม่สบายใจ ก็พอจะเข้าใจ
“น่าเสียดาย ถ้าเราเจอภูมิ เราอาจจะรู้ว่า ใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”

วันต่อมา...ไม้นั่งที่พื้น ย่าขวัญกำลังเลือกพริกที่เก็บมาเต็มกระจาด แยกไว้เป็นกองๆ ไม้ก็ช่วย
เลือกด้วย
“แล้วไม้คิดว่าใครล่ะ”
“ก็จะใครอีกล่ะย่า พี่สาวไอ้ภูมิเป็นแม่ครัวให้บ้านนั้นอยู่ ลูกชายเขาก็คงจ้างให้มันทำนั่นแหละ”
“ไม้แน่ใจเหรอว่าเป็นไอ้ภูมิ ที่แอบเข้าไปบ้านหนูเป็ดคืนนั้น”
“ถ้าไม่ใช่แล้วจะหนีไปทำไมล่ะย่า แตนเองมันก็บอกว่าคืนนั้นไอ้ภูมิพามันไปไว้ที่บ้าน แล้วให้แตนบอกทุกคนว่ามันอยู่ที่งานปาร์ตี้ด้วยกัน แล้วหลังจากนั้นก็เอาเงินจากไหนก็ไม่รู้ เที่ยวซื้อของเยอะแยะ ยังซื้อมือถือใหม่ให้แตนมันด้วย ไม้น่ะไม่อยากทำอะไรไอ้ภูมิมันหรอก มันยังเด็ก แต่อยากจะจัดการกับคนที่จ้างมันต่างหาก”
“เขาทำแบบนี้แล้วได้อะไร”
“มันไม่ชอบไม้ คงอยากให้คุณเป็ดเกลียดไม้ จะได้เห็นไม้ไม่มีความสุข”
“แล้วสำเร็จไหม”
ไม้มองย่า พอเห็นตักย่าว่าง ก็เลยเอนตัวลงนอนหนุนตัก เหม่อคิดไปครู่หนึ่ง
“สำเร็จทั้งสองอย่างเลยย่า เขาเกลียดไม้ แล้วไม้ก็ไม่มีความสุข”
ไม้รู้สึกแย่จริงๆ ย่าขวัญมองไม้แล้วสงสาร ลูบหัวหลานชายเบาๆ
“คิดมากไปมั้ง ที่ว่าเขาเกลียดเราน่ะ เขาบอกไม้อย่างนั้นเหรอ”
“เรื่องแบบนี้ไม่ต้องบอกกันหรอกย่า แค่มองตาเขาก็รู้แล้ว”
“จะบอกอะไรให้นะ ผู้หญิงกับผู้ชายคิดอะไรไม่เหมือนกันหรอก เวลาผู้ชายนึกชอบผู้หญิง ก็จะต้องให้ได้คำตอบเดี๋ยวนั้นว่ารักเขาไหม ถ้าไม่รักก็เลิกไปเลย แต่ผู้หญิงน่ะ กว่าจะตัดสินใจได้ ว่าจะรัก ใคร ก็ต้องคิดแล้วคิดอีก ต้องศึกษา ต้องลองใจสารพัด ให้แน่ใจจริงๆว่า ถ้าบอกรักเขาไปแล้วจะไม่ถูกเขาทิ้ง”
“มันคงไม่มีประโยชน์แล้วละย่า ไม้ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายไปแล้ว แล้วมันก็ไม่สำเร็จ”
เสียงเจ้าเอ๋งเห่าดังเข้ามา ไม้ลุกจากตักย่า ย่าขวัญจะลุกขึ้นไปดูที่หน้าต่างแล้วหันมามองไม้ยิ้มๆ
“แน่ใจนะว่าไม่สำเร็จ”

ไม้เดินออกมาที่หน้าบ้านย่า แล้วต้องชะงักที่ประตูรั้ว เชียรกับเป็ดปุ๊กเดินเข้ามา มีเจ้าเอ๋งกระโดดเล่นต้อนรับอยู่
“ไปตลาดกันมา ได้ปลาทับทิมตัวเบ้อเริ่ม เลยเอามาฝากคุณย่า” เชียรยกถุงให้ดู “แล้วก็จะมาถามว่าตกลงเมื่อวานเป็นไงบ้าง”
ย่าขวัญเดินลงมาหน้าตายิ้มแย้ม เป็ดปุ๊กยกมือไหว้เขินๆ ย่าขวัญแอบมองไม้ยิ้มๆ ไม้แอบดีใจแต่ยังเก็บอาการ
“เรื่องนั้นเดี๋ยวขึ้นไปข้างบนแล้วคุยกัน แต่ตอนนี้มาช่วยกันคิดก่อนว่าจะทำอะไรกับปลาทับทิมตัวโตๆนี้ดี”
“ปลาสามรสสิครับย่า ย่าทำอะไรสุดๆ” ไม้เสนอ
“ให้เป็ดช่วยนะคะ จะได้หัดทำไปด้วย”
ย่าขวัญมองเป็ดปุ๊ก แล้วมองไม้แว่บหนึ่ง
“ไม่ต้องหัดหรอก ปลาสามรสไม่ยาก วันนี้ให้หนูเป็ดปุ๊กเป็นแขกสักวัน”
ย่าขวัญหันไปสั่งไม้
“ไม้หนูเป็ดปุ๊กทัวร์หน่อย”
“สวนของย่าเนี่ยนะ” ไม้หน้าเหวอ
“ทำไม ไม่วิจิตรพิสดารพอจะให้เที่ยวเหรอ เออ งั้นไม้พาหนูเป็ดเขาไปดูนี่ซิ”
ย่าขวัญหยุดพูด ทั้งเป็ดปุ๊กและไม้เหมือนจะรอว่าย่าจะบอกอะไร
“บ้านต้นไม้ของไม้น่ะ”

ไม้กับเป็ดปุ๊กมองหน้ากันเขินๆ ทำอะไรไม่ถูก ไม้มองหน้าย่าขวัญ ประมาณว่าให้ทำแบบนี้จริงๆเหรอเนี่ย

เป็ดปุ๊กเดินนำไปที่บ้านต้นไม้ในสวน ไม้เดินตาม

“รู้ทางเหรอ ระวังหลง”
“แค่นี้ฉันไม่หลงหรอกน่า”
เป็ดปุ๊กหยุด เมื่อมีทางแยก คิดนิดหน่อยแล้วเลี้ยวไปสองคนเดินไป ไม้ขำๆ
“เกือบไปแล้ว”
“ไม่เกือบหรอก ฉันจำได้ มาบ่อย”
“จริงหรือเปล่า มาบ่อยเหรอ ตอนไหน ทำไมไม่เรียก”
“แล้วทำไมต้องเรียก”
“ก็เผื่อจะได้เก็บผลไม้ให้กิน ในนี้กินได้เกือบทุกต้นเลย นั่นมะม่วง นั่นชมพู นั่นมะละกอ นั่นขนุน น้อยหน่า พุทรา มังคุด ละมุด ลำไย มะเฟืองมะไฟมะ...”
เป็ดปุ๊กหยุดกึกหันมา
“ปลูกไว้หมดนั่นจริงๆเหรอ หรือว่า...โกหก นายถนัดนี่เรื่องโกหกน่ะ”
“มันก็แค่กลอนขำๆ ใครจะบ้าปลูกไว้หมดจริง คุณเนี่ยไม่มีอารมณ์ขันเลย”
เป็ดปุ๊กส่ายหน้า ทำเป็นเบื่อ แล้วเดินต่อไป ไม้เดินตามไปแอบยิ้มมีความสุข ที่เป็ดปุ๊กยอมพูดด้วยแล้ว

เป็ดปุ๊กกับไม้เดินมาถึงต้นไม้ที่เป็นบ้านต้นไม้ แล้วเธอไม่ยอมขึ้นไป
“ฉันจะไม่ขึ้นไป นายขึ้นไปคนเดียวแล้วกัน”
“ไม่ขึ้นไปไม่ได้ เกิดย่าถามว่าข้างบนเป็นยังไง แล้วคุณจะตอบได้เหรอ”
“นายก็บรรยายให้ฉันฟังซิ”
“มันจะเหมือนกับขึ้นไปเห็นเองได้ยังไง ทำไมเหรอคุณ มีปัญหาอะไรถึงไม่ยอมขึ้นไป กลัวคนเห็นแล้วเอาไปซุบซิบนินทาเหรอแถวนี้มีใครที่ไหน”
“ฉันไม่กลัวหรอกเรื่องนินทาน่ะ”
“หรือว่าคุณกลัว ผมจะทำอย่างอื่น”
เป็ดปุ๊กอึ้ง ไม้หัวเราะขำ
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ผมล้อเล่น ผมจะทำยังงั้นทำไม ผมสุภาพบุรุษนะคุณ”
“แต่หน้าไม่ให้เลยนะ”
“หน้าไม่ให้แต่ใจรักครับ...ขึ้นไปเถอะ ผมสัญญา ว่าคุณไปแล้วคุณจะต้องรู้สึกดีจนไม่อยากลงมาเลยล่ะ”
“ราคาคุยป่าวเนี่ย”
“ก็โม้นิดๆ พยายามจูงใจหน่อยๆ แล้วได้ผลมั้ยล่ะ”
เป็ดปุ๊กฝืนยิ้ม พยายามเก็กอยู่
“งั้นนายก็นำขึ้นไปซิ”
“เชิญคุณก่อน”
“ทำไมฉันต้องขึ้นก่อน”
“ถ้าเกิดคุณพลาดจะตกลงมา ผมได้ช่วยรับไว้ไง”
เป็ดปุ๊กมองไม้ค้อนๆ ก่อนจะยอมปีนบันไดขึ้นไป ไม้ตามขึ้นไปด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้องรีบนะ เดี๋ยวจะก้าวพลาด”

ไม้ปีนขึ้นมาบนบ้านต้นไม้ พอขึ้นมายืนเรียบร้อย ก็ต้องอึ้งไป เป็ดปุ๊กยืนอยู่ที่หน้าต่าง มองตรงไปที่บ้านของเธอยืนเงียบอยู่ ไม้เหมือนจะเขินๆ
“บ้านคุณ”
“เห็นแล้ว คงแอบดูตั้งแต่ฉันย้ายมาใหม่เลยล่ะซิ ฉันสงสัยอยู่นานแล้ว มองจากบ้านมาเห็นไฟดวงเล็กๆ”
เป็ดปุ๊กหันไปมองดวงไฟที่แขวนอยู่
“ดวงนี้ใช่ไหม”
“คงใช่มั้ง”
“ใช่เลยล่ะ ถ้าฉันไม่สนใจมันจะเปิดสว่างอยู่ พอฉันผิดสังเกตมายืนมอง มันจะดับไปทุกที กลัวฉันจะเห็นนายใช่ไหม”
“ผมจะนอนผมก็ปิดไฟ เอางี้ ผมอาจจะเคยมองเห็นคุณกับพ่อจากที่นี่ แต่ไม่เคยตั้งใจจะแอบมองคุณ ไม่มีกล้องส่องดูตอนคุณเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ได้แอบถ่ายคลิปคุณไว้ ทุกครั้งที่คิดว่าคุณกำลังจะทำอะไรที่เป็นส่วนตัว ผมก็รีบหนีให้พ้นจากหน้าต่าง”
“โกหกหรือเปล่า” เป็ดปุ๊กมองเพ่งที่ไม้

“ผมบอกคุณแล้วไง ผมไม่เคยโกหกคุณ”
“หรือแค่ไม่อยากพูดถึง”
“คุณเป็ด จะจับผิดกันไปถึงไหน ที่ย่าให้คุณมาบนนี้ ก็เพื่อจะได้ดูวิว ได้รับลมเย็นๆ จะได้คลายเครียด”
“ก็นาย...ชอบทำให้ระแวง ฉันว่าฉันกลับดีกว่า”
เป็ดปุ๊กทำท่าจะลง ไม้รีบคว้ามือไว้อย่างสุภาพ
“เดี๋ยวซิ อีกแป๊บ เพิ่งขึ้นมาไม่ถึงสิบนาทีเลย”
“จะให้อยู่เป็นชั่วโมงเลยหรือไง”
“ถ้าได้ก็ดี”
“นายนี่ท่าจะบ้า”
ไม้มองเป็ดปุ๊กอ้อนๆ
“แล้วที่ผมชวนคุณมางานวันเกิดย่า คุณจะมาใช่มั้ย ผมอยากให้คุณมานะ”
“แล้วทำไมฉันต้องมา”
“ผมก็แค่อยากให้คุณมาอยู่เป็นเพื่อนผม เพราะเอาเข้าจริง ผมไม่เคยอยู่เวลาจัดงานวันเกิดย่าสักครั้ง”
“คนขวางโลก”
“ก็คนมันเยอะนี่คุณ คนเยอะเรื่องแยะ น่าเบื่อ”
“ฉันก็คน ไม่น่าเบื่อรึไง”
ไม้จ้องหน้าเป็ดปุ๊กพูดจริงจัง
“กับคุณผมไม่เคยเบื่อ”
เป็ดปุ๊กหันมองหน้าไม่ตกใจเขิน ไม้มองยิ้มเปิดเผยความรู้สึก จนเป็ดปุ๊กที่ถูกจ้องถึงกับเขิน
“ฉันว่าฉันกลับดีกว่า”
เป็ดปุ๊กเขินมาก รีบลงจากบ้านต้นไม้ไป

ไม้กับเป็ดปุ๊กเดินมาด้วยกันในสวน จะกลับไปบ้านย่าขวัญ
“ฉันคิดว่า น่าจะช่วยอะไรในงานย่าได้บ้าง มีอะไรให้ฉันทำไหม”
“ก็มีงานประเภทขูดมะพร้าว คั้นกะทิ โขลกเครื่องแกง กวนขนม อะไรต่อมิอะไรพวกนั้นแหละ แต่ก็มีคนเก่าคนแก่แถวนี้ที่รู้จักกับย่ามาช่วยทำเยอะแล้ว อีกอย่าง คุณคงทำไม่เป็นหรอกมั้ง”
“ก็หาอะไรที่ฉันทำเป็นสิ”
“ผมว่า...แค่คุณมาร่วมงาน ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว”
เป็ดปุ๊กหันมามองไม้ที่กำลังมองเธออยู่พอดี รีบหันไปทางอื่น
“มากไปมั้ง ฉันสำคัญขนาดนั้นเชียว”
ไม้พึมพำเบาๆ
“สำหรับบางคน”
“ไงนะ”
“ผมว่า ย่าต้องอยากให้คุณมา”
“นายนี่ พูดไม่รู้เรื่องแล้ว เอ้า คิดเร็วๆ ฉันจะช่วยงานอะไรได้บ้าง”

เป็ดปุ๊กเดินไป ไม้มองไปที่หญิงสาว รู้สึกดีที่ได้พูดสิ่งที่อยากพูดออกไป แล้วเดินตามไป

ย่าขวัญยืนอยู่กับเชียร ชะเง้อมองไปทางบ้านต้นไม้ของไม้

“ทำไมไปกันนานจัง”
“ผมว่ายิ่งนานน่าจะยิ่งดีนะครับ”
ย่าขวัญหันมามอง เชียรยิ้มๆ ย่าขวัญยิ้มพยักหน้าเห็นด้วย ครู่หนึ่งเจ้าเอ๋งเห่าไปทางทางเดินในสวนที่ไปบ้านต้นไม้ แต่เห่าไปกระดิกหางไป
“สงสัยจะมากันแล้ว”
ทั้งสองมองไปที่ทางเดิน เห็นไม้กับเป็ดปุ๊กเดินมา
“ยังเดินห่างๆกันอยู่เลย”
“แต่อย่างน้อยก็ไม่หน้าบึ้งใส่กัน ไม่รู้จะได้นานแค่ไหน”
เป็ดปุ๊กกับไม้ก็มาถึงหน้าบ้านย่าขวัญ เจ้าเอ๋งออกไปกระโดดเกาะไม้ ไม้ลูบหัวเชียรพอจะรู้ว่าย่าขวัญพูดถึงอะไร พยายามสร้างบรรยากาศ หันไปคุยกับเป็ดปุ๊ก
“เป็นไงลูก บ้านของไม้น่าอยู่ไหม”
เป็ดปุ๊กส่ายหน้า
“ไม่ล่ะค่ะ ข้างล่างมีไม่อยู่ ดันไปอยู่บนต้นไม้ ผิดมนุษย์มนา”
“ถ้าได้นอนค้างซักคืนจะติดใจ” ไม้ขำๆ
“เรื่องอะไรฉันจะไปนอนบนนั้น”
“วันหลังผมจะชวนคุณเชียรมาค้าง แล้วให้พาคุณมาด้วย”
“อืม น่าสนใจเหมือนกันนะ”
“เชิญพ่อตามสบายเลย เป็ดขอผ่าน”
เชียรขำๆ ไม้ยังยิ้มๆอยู่ เสียงหทัยดังออกมาจากในบ้าน
“กลับมากันแล้วเหรอคะแม่”
ไม้ชะงักทันที หทัยเดินออกมาจากในบ้าน พอเห็นไม้ก็ชะงักไปด้วย
“ผมกลับก่อนนะครับย่า” ไม้หันมาไหว้ลาเชียร “ไปก่อนครับ”
“เดี๋ยวซิไม้ กินข้าวเย็นด้วยกันก่อน”
“ไม่เป็นไรครับผมจะไปกินกับลูกน้อง”
แล้วไม้ก็เดินออกไปเลย เป็ดเหลือบมองหทัย เห็นหทัยหน้าเสียก็รู้สึกสงสาร
“เด็กดื้อ ช่างมันเหอะ มา พวกเรามากินข้าวกัน หิวแล้ว”
ย่าขวัญเดินกลับเข้าไปในบ้าน หันมาพยักหน้าเรียก หทัยตาเข้าไป เป็ดปุ๊กมองพ่อ เชียรได้แต่ถอนใจ แล้วสองพ่อลูกก็เข้าไปในบ้าน

ในบ้าน...ทุกคนนั่งล้อมวงกันอยู่ตรงกลางบ้าน มีสำรับกับข้าวจัดไว้ มีปลาสามรส ผัดผัก น้ำพริกกับผักลวก
ทุกคนมีข้าวอยู่ในจานของตนเอง ต่างคนต่างกินอาหารกันไปเงียบๆ เพราะยังมีอะไรอยู่ในใจหทัยรู้สึกแย่
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ หทัยทำเสียบรรยากาศหมดเลย”
“ไม่เกี่ยวกับเธอหรอก”
“ถ้าหทัยไม่แวะมา...”
“ถ้าคุณหทัยไม่แวะมา เราก็ไม่ได้กินปลากรอบๆกันน่ะซิครับปลาเป็นไงลูก” เชียรหันไปถามเป็ดปุ๊ก
“อร่อยมากเลยค่ะ วันหลังต้องให้คุณหทัยสอนวิธีทอดปลาให้กรอบนอกนุ่มในแบบนี้บ้างแล้ว”
หทัยยิ้มรับ แล้วยิ้มขอบคุณทุกคนที่ไม่ถือโทษเธอ
“เออ เมื่อกี้ไม้เพิ่งบอก อาทิตย์หน้าวันเกิดคุณย่าใช่ไหมคะ”
“จ้ะ แต่จริงๆอยากจะลืมมากกว่า แก่ขึ้นอีกปี”
“ใครจะยอมให้ลืมคะ”
“เห็นบอกชาวบ้านจะมาช่วยกันจัดงานเลี้ยงด้วย” เป็ดปุ๊กเล่า
“ต้องขออนุญาตมาร่วมงานด้วยนะครับ” เชียรบอกอย่างยิ้มแย้ม
“เป็ดจองไว้สองที่แล้วล่ะค่ะ”
เป็ดปุ๊กหันมาบอกย่าขวัญ ที่ยิ้มแย้มมีความสุข
“ยินดีต้อนรับทุกคนนั่นแหละ ความจริงก็แค่ทำบุญนิดหน่อย แล้วก็ทำกับข้าวมาแบ่งกันกินเท่านั้นแหละ”
“ความจริงเป็ดอยากจะมาช่วยงานด้วย แต่ฟังจากที่ไม้บอกว่ามีอะไรให้ทำบ้างแล้ว สงสัยจะทำไม่เป็นสักอย่าง”
หทัยได้โอกาสรีบเสนอ
“ถ้างั้นมาช่วยดิฉันซิคะ งานไม่ยากด้วย”
“เอาซิคะ จะให้ช่วยอะไร” เป็ดปุ๊กบอกด้วยน้ำเสียงเต็มใจช่วยเต็มที่
“ช่วยดิฉันพาคุณย่าไปตัดเสื้อผ้าสวยๆใส่สำหรับงานวันเกิดหน่อย”
ย่าขวัญรีบขัด
“ก็แม่บอกแล้วนี่หทัย แม่มีอยู่แล้วตั้งหลายชุด ไม่ได้ออกงานใหญ่โตที่ไหน จะต้องไปตัดชุดใหม่ให้เปลืองเงินเปลืองทองทำไม”
“มีแต่ชุดเก่าๆทั้งนั้น กี่งานก็เห็นแม่ใส่วนอยู่ไม่กี่ชุด”
“แม่ขี้เกียจออกไป ไม่ค่อยรู้จักถนนหนทางแล้ว”
“หทัยจะเอารถมารับ แล้วขับไปจอดเทียบที่ประตูหน้าร้านเลยค่ะลงจากรถเดินไม่ถึงห้าก้าว ใช่ไหมคะคุณเป็ด ร้านตัดเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้ไม่ได้อยู่ในซอกซอยลึกลับแล้ว แล้วเขามีผ้าไว้ให้เราเสร็จ มีแบบสวยๆไว้ให้เลือก ช่างก็ฝีมือประณีต”
“ใช่ค่ะคุณย่า ร้านเสริมสวยก็เหมือนกัน แถวๆนี้ก็มีอยู่ร้านนึงเห็นคนแก่ไปทำกันเยอะเลย...เอ่อหมายถึง ผู้ใหญ่หน่อยน่ะค่ะ เขาไปดัดผมกัน ระหว่างรอดัด ก็ทำเล็บไปด้วย พอเสร็จออกมาสวยเช้งเลยล่ะค่ะ”
หทัยรีบเสริม
“จริงด้วยค่ะคุณเป็ด นะคะแม่ ผมแม่ไม่ได้ดัดมาเป็นปีแล้วมั้งแทบไม่มีลอนเหลือแล้ว สระทีก็ชี้โด่ชี้เด่ ไปดัดซักทีก็ดีเหมือนกัน“
“ไม่เอาล่ะจ้ะ ดัดผมทีต้องนั่งอบครึ่งค่อนวัน ขยับไปไหนก็ไม่ได้ เดี๋ยวให้เจ้าแตนไปตามแม่หวินมาเล็มมาซอยนิดหน่อยก็เรียบร้อยแล้ว” ย่าขวัญส่ายหน้า
“ไม่นานหรอกค่ะคุณย่า เดี๋ยวนี้เขามีน้ำยารุ่นใหม่ เครื่องมือก็ทันสมัย สิบห้านาทีผมก็เป็นลอนแล้ว”
เชียรช่วยสนับสนุน
“ผมว่าก็ดีนะครับ ตัดชุดใหม่เสร็จ ก็แวะไปดัดผมซะหน่อย ระหว่างดัดก็ทำเล็บไปด้วย จะได้เล็บสวยเหมือนของคุณหทัย”
หทัยยกมือของเธอขึ้นมาให้ดู เล็บหทัยเป็นสีชมพูสวยหวานย่าขวัญมองค้อน
“นี่ๆ กำลังจะถามว่าหทัยกับหนูเป็ดนัดกันมาหว่านล้อมย่าหรือเปล่า ไปๆมาๆคุณเชียรก็ร่วมมือกับเขาด้วย”
“ผมไม่ได้นัดกับเขานะครับ” เชียรหัวเราะ
“หทัยก็ไม่ได้นัดค่ะ เราทุกคนแค่อยากให้คุณแม่สวย แล้วก็ดูดีที่สุดในวันมงคลอย่างนี้”
“เอาล่ะๆ ไม่ต้องกล่อมแล้วสองคนจะปู้ยี่ปู้ยำฉันยังไงก็เชิญ”

ทุกคนหัวเราะกัน หทัยยิ้มขอบคุณ เป็ดปุ๊กเองก็ดีใจที่ได้มีส่วนช่วย
 
อ่านต่อหน้า 3

ในสวนขวัญ ตอนที่ 10 (ต่อ)

หลายวันต่อมา...บนถนนใกล้ร้านสวนขวัญ
 
รถของเป็ดปุ๊กแล่นมาในรถเป็ดปุ๊กเป็นคนขับรถ มีหทัยนั่งข้างหน้า และย่าขวัญนั่งเบาะหลัง หน้าร้านสวนขวัญ ไม้กำลังยกของใส่ท้ายรถกระบะ แล้วมองไปที่ถนนอึ้งๆ เมื่อเห็นรถเป็ดปุ๊กแล่นผ่านเป็ดปุ๊กไม่ได้มองมา แต่ย่าขวัญโบกมือให้ไม้มองตามจนรถแล่นผ่านไปหทัยมองไปที่ไม้ และเห็นย่าขวัญโบกมือให้ไม้ แต่กลับรู้สึกว่าไม้ไม่ได้มองย่า แต่มองตนเองอย่างไม่พอใจ

รถเป็ดปุ๊กแล่นผ่านบริเวณแยก เห็นถนนลอยฟ้าพาดอยู่ข้างบนย่าขวัญเงยหน้ามองถนนลอยฟ้านั้นด้วยอาการตื่นตาตื่นใจ หทัยเห็นท่าทางของย่าขวัญ นึกว่าย่าเกิดอาการไม่ค่อยสบาย
“เวียนหัวหรือเปล่าคะแม่ หทัยมียาดมมาด้วยนะคะ”
“อ๋อ เปล่าหรอก”
“เป็ดขับรถเร็วไปหรือเปล่าคะย่า บอกได้นะคะ” เป็ดปุ๊กกังวล
“ไม่เร็วหรอก เร็วกว่านี้ก็ไม่ทันได้เห็นอะไรน่ะซิ อะไรต่ออะไรมันเปลี่ยนไปเยอะเลย แต่ก่อนตรงเมื่อกี้เป็นสามแยก รถติดวินาศสันตะโร”
“เขาทำทางลอยฟ้ามาตั้งเกือบสิบปีแล้วแม่” หทัยบอกขำๆ
“อะไรกัน นี่ฉันไม่ได้ออกมาข้างนอกนี่เป็นสิบปีแล้วเหรอ”
“แต่จากนี้ ถ้าคุณย่าอยากมาซื้อของที่ห้าง หรืออยากไปเที่ยวไหน ก็บอกเป็ดได้เลยนะคะ เป็ดอาสาพาคุณย่ามาเอง”
“จ้ะ ขอบใจมากเลย หนูเป็ด”
ย่าขวัญยิ้มให้เป็ดปุ๊ก หทัยเองก็มองย่าขวัญแล้วเหลือบมองเป็ดปุ๊ก แปลกใจที่สองคนสนิทกันมากแบบนี้

เป็ดปุ๊กขับรถมาจอดหน้าร้านตัดเสื้อ ทั้งสามคนพากันลงมาจากรถ
“ร้านคุณก้อย เพื่อนของหทัยเองค่ะ”
“ย่าแต่งตัวซอมซ่อเป็นบ้านนอกแบบนี้ เข้าไปข้างในเดี๋ยวหทัยจะอายเขาเอานา”
“หทัยไม่อายหรอกค่ะ แล้วถ้าใครมาแซวนะ หทัยจะถามกลับว่า รู้ไหมนี่ใคร มาเถอะค่ะ”
หทัยควงแขนย่าขวัญตรงไปที่ร้าน เป็ดปุ๊กตามไปด้วย

ในร้าน ย่าขวัญอยู่ท่ามกลางผ้าไหม และผ้าลูกไม้ที่ช่างเสื้อเอามาให้เลือก จนเลือกไม่ถูก ตอนแรกหยิบชิ้นหนึ่งขึ้นมาก็นึกชอบ พอช่างเสื้อเอาอีกชิ้นมาให้ดู ก็นึกชอบ เกิดลังเลระหว่างสองชิ้น
“ตัดสองชุดเลยนะคะ” หทัยบอก
“ความจริงแม่ว่าตัดชุดเดียวก็พอแล้ว”
“ตัดไว้สองชุดนั่นแหละค่ะแม่ จะได้ไว้ใส่งานอื่นด้วยไงคะ ชุดนึงใส่งานวันเกิด งานบุญ”
“อีกชุดไว้ใส่งานบวช งานแต่งก็ได้นะคะคุณย่า” เป็ดปุ๊กเสนอ
“ทั้งบวชทั้งแต่งย่าก็เหลือแต่งานของเจ้าไม้คนเดียวนี่แหละหนูเป็ด ไม่รู้จะอยู่ทันเห็นหรือเปล่า”
“ก็ต้องเร่งให้ไม้บวช” หทัยแนะ
“แล้วงานแต่งล่ะ เร่งเขาฝั่งเดียวได้ที่ไหน”
ทั้งหทัยและย่าขวัญเหลือบมองทางเป็ดปุ๊กที่อายๆหลบตาทั้งคู่
“เมื่อกี้ตอนคุณเป็ดปุ๊กขับรถผ่านหน้าร้าน เห็นไม้ไหม เขามองจนเหลียวหลังเลยนะ คงจะสงสัยว่าสาวๆพากันไปเที่ยวไหน กลับไปเย็นนี้ สงสัยคุณแม่ต้องถูกซักฟอกแน่ๆ”
“เขามีของเขาอยู่ในใจคนเดียว ก็ต้องรักต้องหวงเป็นธรรมดา”
ย่าขวัญเหลือบมองเป็ดปุ๊กที่ทำเป็นจัดเสื้อผ้าที่หุ่นโชว์ เหมือนไม่ได้ยินที่ย่าขวัญแอบแซว

ในร้านเสริมสวย ช่างเสริมสวยพาย่าขวัญมานั่งลงที่เก้าอี้
“เชิญนั่งเลยค่ะคุณย่า”
“เอาให้สวยเลยนะน้อง” หทัยสั่ง
“เข้ามาร้านนี้แล้ว ถ้าไม่สวยไม่ให้ออกจากร้านค่ะ”
“โอ๋ย อายุปูนนี้แล้ว ให้มันสมวัยก็พอ อย่าให้สวยมากเลย โน่นที่ต้องให้สวยต้องคนโน้น” ย่าขวัญพยักเพยิดไปทางเป็ดปุ๊ก
“อุ๊ย ไม่ล่ะค่ะ อย่าให้ดูแลคุณย่าให้เต็มที่”เป็ดปุ๊กรีบปฏิเสธ
“ได้ยังไงคุณเป็ดปุ๊ก ไหนๆก็มาแล้ว มันต้องให้สวยหมดทุกคนซิ อย่าห่วงเลย ช่างเขามีหลายคน” หทัยหันไปพยักหน้าให้ช่าง
“จะทำอะไรบ้างคะ” ช่างหันมาถาม
“ทุกอย่างเลยจ้ะ สระ ซอย ดัด”
“ทำเล็บด้วยไหมคะ”
“แน่นอน ทั้งมือ ทั้งเท้า เอาให้ส่องประกายไปปากซอยยันท้ายซอยเลย”
“ไม่มากไปเหรอหทัย” ย่าขวัญขำๆ
ทั้งสามคนทั้งทำเล็บ ทำผม ย่าขวัญยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อย

“ขอบใจทั้งหทัยและหนูเป็ดนะ วันนี้ ย่ารู้สึกดีจริงๆ”

ไม้นั่งอยู่กับเจ้าเอ๋งที่หน้าบ้านย่าขวัญ หลอกล่อให้เจ้าเอ๋งกระโดดงับของในมือ แต่ตัวเองหน้าตาบูดบึ้งไม่ค่อยมีความสุข
 
ครู่หนึ่งเป็ดปุ๊กกับย่าขวัญพากันเดินมาจากถนน เป็ดปุ๊กหิ้วถุงขนมมาด้วย ทั้งสองเดินมาจนถึงหน้าบ้านย่าขวัญเห็นไม้นั่งหน้าบึ้งๆอยู่ เลยสะกิดให้เป็ดปุ๊กดู เป็ดปุ๊กเห็นไม้แล้วยิ้มกับย่าขวัญ พร้อมกับพยักหน้ารับ
เจ้าเอ๋งได้ยินเสียงเดินของย่าขวัญกับเป็ดปุ๊ก รีบหันมา แล้ววิ่งไปหาพร้อมกับเห่ารับ
“ไงเจ้าเอ๋ง เฝ้าสวนให้ย่า ต้นไม้ในสวนอยู่ครบทุกต้นใช่ไหม”
ไม้ลุกขึ้น แล้วเดินหน้าเรียบๆมาหาเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ตัวย่ากับเป็ดปุ๊กแล้วอดอึ้งไปไม่ได้
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ ย่ามีขนมมาฝากด้วยนะ”
เป็ดปุ๊กส่งถุงให้
“เป็ดปุ๊กพาไปกิน ย่าว่ามันอร่อยดี เลยซื้อมาเผื่อไม้ด้วย”
ไม้ยังไม่ตอบอะไร แต่ชะเง้อมองไปทางด้านหลังย่าขวัญรู้ว่าไม้มองหาอะไร
“แม่เขากลับไปแล้วล่ะ แค่แวะมาเอารถที่จอดไว้ เดี๋ยวย่าจะแบ่งขนมใส่จานให้นะ”
ย่าขวัญเข้าบ้านไป ไม้หันมาทางเป็ดปุ๊ก เห็นเป็ดปุ๊กยังยิ้มอยู่จึงหน้าบึ้งใส่
“คุณกำลังจะทำให้ย่าผมใจแตก”
“ใจแตกคนอายุเจ็ดสิบกว่าเนี่ยนะใจแตก ที่สำคัญ พาไปตัดเสื้อทำผม จะทำให้ใจแตกได้ยังไง”
“ย่าไม่เคยเป็นแบบนี้”
“ที่ท่านยิ้มมีความสุขนี่น่ะเหรอ แล้วดีไหมล่ะ ยอมรับดีกว่าว่านายทำอย่างฉันไม่ได้ นายพาย่าไปเสริมสวย ทำผม แต่งเล็บอย่างฉันไม่ได้ เลยรู้สึกอิจฉา”
“อิจฉา”
ไม้เดินเข้าไปใกล้เป็ดปุ๊ก มองข่มๆ แล้วพูดยิ้มๆ
“ เอาไว้ผมจะพาคุณเชียรไปเที่ยวบ้าง แล้วอย่าร้องไห้แงๆนะ ถ้าผมทำให้คุณเชียรรักผมได้มากกว่าคุณ”
เป็ดปุ๊กอึ้งไปนิดหน่อย แล้วยิ้มออกมา
“ถ้าคิดว่าแน่จริงก็ลองทำดูซิ อ้อแต่ฉันขอแนะนำอะไรอย่าง ถ้าว่างนักละก็ แทนที่จะมาทำดีกับพ่อของฉัน ทำให้พ่อรัก พ่อติดใจนาย ฉันว่า นายไปทำดีกับคุณหทัยแม่ของนายก่อนจะดีกว่ามั้ง”
ไม้เป็นหน้าบึ้งทันทีที่เป็ดปุ๊กพูดถึงแม่ แล้วหันหลังเดินเข้าบ้านย่าไปเลยเป็ดปุ๊กเองเลยอึ้งๆไป รู้ตัวว่าพูดแรงไปหน่อย

แก้วเข้ามาแล้วต้องชะงัก
“อ้าว พี่เก็จ มาได้ยังไง”
ในห้องรับแขกบ้านกะรัต เก็จเกยูรนั่งอ่านนิตยสารอยู่ที่โซฟา
“แล้วแกล่ะ มายังไง”
“แม่ให้แวะมาหา แล้วพี่พาหลานมาด้วยหรือเปล่า”
เก็จเกยูรส่ายหน้า
“อยู่บ้าน”
“ทิ้งไว้ที่บ้านเหรอ แล้วใครเลี้ยง”
“เมื่อเช้าฉันบอกพ่อมันแล้ว เลิกงานแล้วให้รีบกลับมาดูลูก ฉันมีธุระ”
“แล้วถ้าเกิดเขาไม่กลับล่ะ”
“ก็ให้มันดูแลตัวเอง โตแล้ว ไม่ใช่เด็กเล็กๆสักหน่อย หัดช่วยเหลือตัวเองให้อยู่รอด โตขึ้นจะได้ช่วยแม่ให้อยู่ดีมีสุขเอาใจมาก มันจะช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น เคยอ่านไหมพ่อแม่รังแกฉันน่ะ”
“พี่เคยอ่านเหรอ”
เก็จเกยูรหัวเราะ
“อย่างเราไม่ต้องอ่านหรอก แม่ทำเป็นตัวอย่างให้เห็นอยู่แล้ว อย่างที่แม่เลี้ยงฉันกับแกมาไง ทิ้งๆขว้างๆ ต้องปากกัดตีนถีบช่วยเหลือตัวเอง เราถึงเอาตัวรอดมาได้ถึงทุกวันนี้ไง”
“คล้ายๆพูดประชดนะ”
“ไม่หรอก ฉันยังจำคำสอนของแม่ได้ดีคนเราทุกคนมันก็ทำเพื่อตัวเองก่อนทั้งนั้น ใครที่ไหนจะมาทำเพื่อเรา”
“ใช่ ขืนรอให้คนอื่นช่วย ตัวเราเองก็จะไม่รอด” แก้วเห็นด้วย
“วันนี้แม่ก็คงเรียกมาถามเรื่องที่เคยสั่งเราไว้ล่ะมั้ง ของฉัน ก็เรื่องบ้านพ่อไก่ คงอยากรู้ว่าตาแก่ยอมโอนมาให้ไก่หรือยัง ไม่อยากจะบอกเลยว่า ไก่มันขี้ขลาดแค่ไหน แล้วเรื่องของแกกับคุณคนสวนนั่นล่ะ ไปถึงไหนแล้ว”
“ก็เกือบๆแล้วล่ะ วันก่อนพาเขาไปถึงคอนโดได้แล้ว”
เก็จเกยูรดีใจ
“จริงเหรอ แล้วไง ทำอะไรกันบ้าง”
“เขาก็วัดที่ในห้องน้ำ แล้วก็ระเบียง”
“อะไรนะ”
“ก็จะให้เขามาทำสวนในห้องน้ำ จะให้ทำอะไรล่ะ”
“ทำไมไม่ปล้ำซะเลย แบบนี้จะได้เขาเป็นผัวเหรอ”
“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เกิดไก่ตื่นหนีไปเลย ก็อดน่ะซิ คุณไม้น่ะเขาไม่เหมือนพี่ไก่นี่”
“เออ ตามใจ สุนัขคาบไปรับประทานก่อนแล้วอย่าพร่ำเพ้อละกัน”
เสียงรถยนต์ดังเข้ามาในบ้าน

“พ่อกับแม่กลับมาแล้ว”

แก้วกับเก็จเกยูรออกมาจากบ้านรถของศักดิ์แล่นเข้ามาจอด แล้วกะรัตก็เปิดประตูลงมาจากรถ

“อ้าว พ่อล่ะแม่ ไหนว่าไปงานเลี้ยงด้วยกัน”
“อย่าพูดถึงได้ไหมเก็จ คนยิ่งกำลังโกรธๆอยู่”
แก้วเข้ามาพากะรัตไปนั่งลงที่เก้าอี้พักผ่อนหน้าบ้าน
“นั่งก่อนแม่ ใจเย็นๆ”
กะรัตยอมนั่งลง
“จะให้เย็นยังไงไหวแก้ว ไปงานเลี้ยง ได้เจอคนรู้จัก คนรุ่นราวคราวเดียวกันแท้ๆ เขามีแต่เจริญก้าวหน้า คิดอะไรหยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด บางคนนะ เคยมีเงินลงทุนไม่กี่แสน ต้องวิ่งโร่มาขอยืมเงินจากแม่ด้วยซ้ำ แล้วตอนนี้เป็นยังไง เขารวยเป็นร้อยล้านแล้ว แล้วหันมาดูพ่อแกซิ เคยมีเป็นสิบๆล้าน แต่ทำอะไรไม่เคยเจริญรุ่งเรืองกับเขาสักอย่าง แม่อายเพื่อนๆ แล้วก็เบื่อพ่อแกเต็มทน เลยทิ้งเขาไว้ที่งานนั่นแหละ จะอยู่ต่อหรือจะไปไหนก็ตามใจ
กะรัตถอนใจหงุดหงิด ขณะที่ลูกสาวทั้งสองก็มองแม่ เหมือนจะบอกว่าแม่เองก็มีส่วนให้พ่อไม่เจริญ แต่พูดออกมาไม่ได้”
“บอกตั้งกี่ครั้งแล้ว ให้กลับไปเอาที่ดินผืนนั้นมาให้ได้ จะได้เอามาทำทุนหรือทำธุรกิจให้มันเจริญงอกงามเหมือนคนอื่น แต่ก็ไม่เคยได้ ไม่เคยสำเร็จ โธ่เอ๊ย เป็นที่ดินของแม่ฉันหน่อยไม่ได้ ป่านนี้มาอยู่ในมือฉันนานแล้ว ฉันไม่เข้าใจเขาจริงๆ ทำไมถึงเป็นคนเรื่อยเปื่อยเฉื่อยแฉะอย่างนี้ก็ไม่รู้”
“น่า แม่ก็ เก็จว่าอย่าโกรธเกลียดพ่อไปเลย เพราะถึงยังไงก็ต้องไม่ลืมนะว่า ที่เราลืมตาอ้าปากมีกินมีใช้มาได้จนทุกวันนี้ก็เพราะพ่อ”
“เออ ฉันรู้ เพราะถ้าพ่อแกไม่มีสมบัติ ฉันก็ไม่มีวันยอมแต่งงานกับผู้ชายพรรค์นั้นเด็ดขาด”
“แต่สมบัติพ่อก็ยังไม่หมดไม่ใช่เหรอแม่...เพียงแต่ พ่อยังหาวิธีเอามาเป็นของตัวเองไม่ได้เท่านั้นเอง”
“แม่ถึงต้องตามพวกแกมาช่วยกันคิดไง อาทิตย์หน้า จะถึงวันเกิดแม่แก่ของพ่อแกแล้ว ทำยังไงถึงจะช่วยให้พ่อแกได้สมบัติพวกนั้นมาเป็นของเขา”
“อาทิตย์แล้วเหรอแม่ ไวจัง”
“ปกติเบื่อมากเลยงานนี้ มีแต่พวกบ้านนอก แต่ปีนี้มีภารกิจให้ทำ ค่อยน่าสนใจหน่อย” เก็จเกยูรยิ้มรับ
“แกต้องพาเด็กๆไปด้วยนะเก็จ เผื่อจะเรียกความสงสารได้บ้าง”
“มันไม่ใช่หลานแท้ๆของเขา จะเรียกความสงสารได้ไงแม่ แก้วว่านะถ้าอยากจะชนะนังสะใภ้ใหญ่นั่นล่ะก็....”
“อดีตสะใภ้” กะรัตสวนทันที
“นั่นแหละ แต่เห็นพ่อว่าเขายังไปมาหาสู่ ไม่ยอมหนีไปไหนไม่ใช่เหรอ” แก้วถาม
“มันก็หวังจะฟาดสมบัติของยัยแก่นั่นแหละ” เก็จเกยูรออกความเห็น
“เรายิ่งต้องเอาชนะใจเขาให้ได้ไงแม่ พี่เก็จ แก้วว่านะ เราต้องหาซื้ออะไรที่พวกคนแก่ๆชอบ เอาไปเป็นของขวัญให้เขาก็ดีนะแม่”
“เสียเงินอีกแล้วล่ะซิฉัน เอา เพื่อสมบัติร้อยล้าน” กะรัตถอนใจเบื่อๆ “ว่ามาเลย จะซื้ออะไรดี”

ไม้ทำงานอยู่ในร้านสวนขวัญ ยกของนั่นย้ายของนี่อยู่ แล้วครู่หนึ่งไม้ก็ยกชุดสวนน้ำที่เป็นตุ๊กตาเป็ดขึ้นมา ไม้หยุดมองตุ๊กตา แล้วมองไปทางสวนหลังร้าน เหมือนจะทะลุเลยไปจนถึงบ้านเป็ดปุ๊กอีกฝั่งกำแพง
หน้าร้าน ฝ้ายขับรถกระบะของไม้เข้ามา ดำกับแมนนั่งมาที่กระบะหลังฝ้ายลงมาจากรถ
“เอาเร็วๆ รีบๆเก็บของ เดี๋ยวต้องไปช่วยจัดบ้านคุณย่าอีก พรุ่งนี้มีงานใหญ่แล้วนะ”
เสียงฝ้าย ทำให้ไม้รู้ตัว วางของลง แล้วเดินออกมาหน้าร้าน
“พวก อบต.เขาไปช่วยจัดเรียบร้อยแล้ว”
“อ้าว นึกว่าจะรอพวกเรา ย่าจะบ่นไหมล่ะเนี่ย”
“เราทำงาน ย่าไม่ว่าหรอก อีกอย่าง พวกนั้นเขามากันเป็นสิบ ป่านนี้เสร็จหมดแล้ว เดี๋ยวกินข้าวเย็นให้อิ่ม แล้วก็กลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องช่วยกันเต็มที่แน่”
ฝ้ายหันกลับไปสั่ง
“งั้นไม่ต้องรีบแล้ว เก็บของเสร็จรอกินข้าว”
“แมน ข้ามถนนไปร้านเจ๊อ้วนหน่อยไป” ไม้ร้องสั่ง
“จะให้ไปทวงหนี้เหรอพี่ไม้” ฝ้ายสงสัย
“ไม่อยากกินเป็ดพะโล้กันหรือไง” ไม้เปิดกระเป๋าเงิน หยิบแบงค์ห้าร้อยออกมา
“อยากครับ”
แมนคว้าเงินจากมือไม้ แล้วข้ามถนนไปซื้อเป็ดพะโล้ทันที ทุกคนหัวเราะกันฝ้ายมองไม้เหล่ๆ
“นึกอะไรขึ้นมาวันนี้อยากกินเป็ด เอ ชักจะสงสัยแล้วซิ”
“สงสัยอะไร”
“น้ำพริกถ้วยเก่าที่ฝ้ายสู้อุตส่าห์ตำอุตส่าห์ปรุงอย่างสุดฝีมือ มันไม่ดีไม่อร่อยแล้วหรือไง พี่ไม้ถึงได้ไม่อยากกิน แต่กลับอยากกินเป็ดแทน...เป็ด...อ๋อ เป็ด รู้แล้ว”
ทุกคนรอฟังฝ้ายตีหน้าเศร้า
“ใช่ล่ะซิ ฝ้ายมันเก่าแล้วนี่ ฮึ ผู้ชายนะผู้ชาย ได้ใหม่แล้วลืมเก่าน้ำพริกถ้วยเก่า ไหนเลยจะสู้เป็ดตัวเล็กๆหอมๆ น่ากินน่าแทะได้ล่ะ”
ไม้ยกมือห้าม
“พอแล้วฝ้าย พอได้แล้ว เดี๋ยวใครมาได้ยิน มันไม่ดี”
“ไม่ดียังไง” ฝ้ายเท้าสะเอวรอฟังคำตอบ
“ก็ทำไมต้องไปพูดพาดพิงถึงคนอื่นด้วย”
“ใคร...คนอื่นที่ไหน พวกเราเป็นพยานได้ใช่ไหม ฝ้ายยังไม่ได้พูดถึงใครเลย ฝ้ายพูดถึงเป็ดพะโล้ร้านเจ๊อ้วนต่างหาก เป็ดตัวเล็กๆปุ๊กลุกน่ากิน พี่ไม้อย่ามากล่าวหาว่าฝ้ายพาดพิงหน่อยเลย ตัวเองนั่นแหละที่คิดไปถึงใครเอง”
“แล้วทุกคนเขาก็รู้ด้วยนะ ว่าคุณไม้คิดถึงใคร” ดำเสนอหน้ามาพูด
ไม้ต้องยอม ยิ้มแทนคำตอบฝ้ายขำๆ
“แหม ถ้าไม่บอกไม่รู้จริงๆนะเนี่ย ว่าพี่ไม้คิดถึงใคร เอ ว่าแต่ว่า เจ้าตัวเขารู้หรือยังนะว่ามีคนคิดถึงเขาอยู่น่ะ”
ไม้นิ่งไปนิดหน่อย พูดลอยๆ
“ก็ว่าจะบอกให้เขารู้ในงานวันเกิดย่านี่แหละ”

ทุกคนร้องฮิ้วกัน ไม้ต้องรีบเอานิ้วมาจุ๊ย์ปาก ไม่ให้เสียงดัง ทุกคนหัวเราะเป็นกำลังใจให้ไม้

วันใหม่ นอกบ้านย่าขวัญ มีกลุ่มควันที่เกิดจากการตั้งเตาทำอาหาร
 
ชาวบ้านหลายคนกำลังง่วนทำงานอยู่บริเวณหลังบ้าน ที่หลังบ้านถูกจัดเตรียมเป็นครัวชั่วคราว มีเตามีโต๊ะอยู่เต็มไปหมด ครู่หนึ่งย่าขวัญออกมาจากในบ้าน ทรงผมย่าขวัญอยู่ในทรงเดิมจากที่ไปทำที่ร้าน แต่เสื้อผ้าที่ใส่ยังเป็นชุดลำลอง เสียงไม้ดังเข้ามา
“เดี๋ยวย่า ไม้ไปด้วย”
ไม้ออกมาจากในบ้าน ไม้อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแลค หวีผมเผ้าเรียบร้อย ดูผิดจากไม้โทรมๆคนเดิมมาก ไม้เข้ามาช่วยจับแขนย่าจะพาเดินลงไป
“ไม่ต้องประคองขนาดนี้หรอก”
“ไม่เป็นไรหรอกย่า ปลอดภัยไว้ก่อน”
ย่าขวัญส่ายหน้าขำๆ แล้วพากันเดินลงจากบ้าน ไม้พาย่าขวัญไปทักทายกับคนที่มาช่วยงาน ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส ย่าขวัญก็พูดขอบใจกับทุกคน ไม้พาย่าขวัญเดินเข้ามา ที่บริเวณครัวหลังบ้านย่าขวัญชี้ไปที่หม้อแกงใบใหญ่
“ตรงนั้นว่างใช่ไหม ฉันจะช่วยนะ”
“ย่าขวัญไม่ต้อง มีคนดูแลแล้ว ย่าจะลงมาทำไมให้ตัวเลอะ หัวเหม็น ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว” ชาวบ้านคนหนึ่งบอก
“นั่นซิ ขึ้นไปรอรับพระอยู่บนบ้านเถอะ ไม่ต้องห่วงในครัวหรอกพวกฉันทำกันได้ รับรองสุดฝีมือ ไม่ให้อายแขกย่าแน่” ชาวบ้านอีกคนยืนยัน
“ขอบใจนะ ขอบใจมากทุกคน”
ย่าขวัญยังไม่ออกจากครัว แวะดูเตาโน่นเตานี้มีไม้คอยจับแขนพาเดินไป ชาวบ้านเอ่ยถาม
“ไงวะไอ้ไม้ เมื่อไหร่จะบวชให้ย่าเขาได้เห็นผ้าเหลืองซะที มีหลานชายกับเขาอยู่คนเดียว”
“จะเบียดก่อนบวชซะน่ะซิ”ชาวบ้านอีกคนแซว
“ตอนนี้จูงย่า ถ้ามีเมียแล้วก็อย่าปล่อยมือย่าล่ะไม้เอ๊ย ย่าเขาเลี้ยงดูเรามา ลองไม่มีย่าขวัญ เอ็งไม่มีวันเป็นตัวเป็นตนมาได้จนทุกวันนี้หรอก” ชาวบ้านเตือนสติ
“ไม่ปล่อยหรอกครับลุง ป้า ไว้จะหาคนมาช่วยจูงมือย่าอีกข้าง ย่าจะได้เดินไปไหนมาไหนสะดวก”
ชาวบ้านในครัวส่งเสียงฮิ้วกัน แล้วพากันหัวเราะ ย่าขวัญเองก็ยิ้มไปด้วย ย่าขวัญพูดเบาๆกับไม้
“แล้วหาได้หรือยังล่ะ คนที่จะมาจูงมือย่าอีกข้างน่ะ”
ไม้หันมามองย่าขวัญ ออกอาการเขินๆ ทันใดเสียงเชียรดังเข้ามา
“สวัสดีครับย่าขวัญ”
ย่ากับไม้หันไปมองเชียรกับเป็ดปุ๊กยืนอยู่หน้าบ้าน ย่าขวัญบอกกับไม้
“ไปไม้ ไปรับแขกหน่อย”
ไม้ให้ย่าขวัญจับแขน แล้วก็พาย่าขวัญเดินไปที่หน้าบ้านเชียรกับเป็ดปุ๊กยืนอยู่ ไม้พาย่าขวัญมาหาเป็ดปุ๊กกับเชียร เป็ดปุ๊กไหว้ย่าขวัญ
“ย่าขวัญขา สวัสดีค่ะ”
“ขอให้ย่าขวัญสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจนะครับ อื่นๆผมคิดว่าย่าขวัญคงไม่ต้องการอีกแล้วมั้ง ไม่ว่าจะเป็นแก้วแหวนเงินทองหรืออะไร”
“ขอบคุณค่ะคุณเชียร ขอให้คำอวยพรย้อนคืนสู่คุณเชียรเช่นกันนะคะ ใช่ค่ะ คนวัยเรา ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว นอกจากความสุขกายสบายใจ”
“ไม่ได้นะคะ ไม่ได้ ยังไงก็ต้องรับของขวัญของเป็ดก่อน นี่ค่ะ”
เป็ดปุ๊กหยิบห่อของขวัญออกจากถุง แล้วส่งให้ย่าขวัญ
“แฮปปี้เบิร์ทเดย์นะคะ”
ย่าขวัญรับมา
“โธ่ ซื้ออะไรมาล่ะหนูเป็ด ก็ย่าบอกแล้วไงว่าไม่ต้องหาของขวัญมา แค่พาย่าไปตัดเสื้อผ้า ไปทำผมทำเล็บ ย่าก็ขอบใจมากแล้ว”
“ไม่ได้ค่ะ วันเกิดย่าขวัญทั้งที ยังไงก็ต้องมีของขวัญมาให้ค่ะ ผ้าลูกไม้ผืนนั้นไงคะ ที่เจ้าของร้านกับคุณหทัยขอให้ย่าขวัญตัดอีกชุด แต่ย่าไม่เอาท่าเดียว บอกว่าสองชุดก็พอแล้ว แต่เป็ดรู้ว่าย่าก็เสียดายอยู่ เป็ดเลยกลับไปเอามาให้ค่ะ จะตัดชุดเมื่อไหร่ ก็บอกเป็ดนะคะ เป็ดจะพาไปเอง”
ย่าขวัญยิ้ม แล้วเข้ามากอดเป็ดปุ๊ก
“ขอบใจมากนะหนูเป็ด ขอบใจลูก”
ไม้มองย่าขวัญกอดเป็ดปุ๊กแล้ว ยิ่งรู้สึกดี แล้วครู่หนึ่งสองคนก็ถอนตัวออกจากกัน เชียรหันมาหาไม้
“มีอะไรให้ฉันกับเป็ดปุ๊กช่วยทำบ้างล่ะไม้ น่าอุตส่าห์มาแต่เช้าเพราะอยากมาช่วยงานนะ ไม่อยากเป็นแขก”
“งานน่ะเยอะครับ แต่คนก็มาช่วยเยอะ บางคนมาตั้งแต่เมื่อเย็นวานแล้ว”
“นั่นซิคะ คนเยอะเลย” เป็ดปุ๊กมองไปทางหลังบ้าน “มีโรงครัวด้วยเหรอคะน่าสนุกจัง”
ย่าขวัญหันมาบอกไม้
“ไม้พาหนูเป็ดไปดูซิ แต่ไม่ต้องไปช่วยเขานะ มีคนทำเยอะแล้ว”
“ไม้ว่าจะพาย่าขึ้นไปพักก่อน เดินมากเดี๋ยวจะเหนื่อย แล้วเดี๋ยวค่อยพาคุณเป็ดกับคุณเชียรทัวร์”
“เออ ก็ดีเหมือนกัน ว่าจะล้างเนื้อล้างตัวเตรียมรับพระแล้ว”
ไม้เข้ามาจับแขนย่าขวัญข้างหนึ่งจะพาขึ้นบนบ้าน เป็ดปุ๊กเข้ามาช่วยจับอีกข้าง ชาวบ้านที่มาช่วยงานสะกิดกันมาดู
“เฮ้ย นี่หรือเปล่า คนที่ไอ้ไม้ว่าจะหามาช่วยจูงย่ามันน่ะ”
“เออๆ เคยเห็นเดินด้วยกันในตลาด”
“วันนี้เปิดตัวสักที”
ชาวบ้านเฮฮากัน เป็ดปุ๊กกับไม้พอจะได้ยินก็ก้มหน้าเขินๆ แต่ย่าขวัญกับเชียรแอบอมยิ้ม ไม้กับเป็ดปุ๊กพาย่าขวัญขึ้นบ้านไป...บนบ้าน มีกลุ่มชาวบ้านแก่ๆนั่งล้อมวงคุยกันอยู่แล้ว 2-3 คน ที่ผนังบ้านด้านหนึ่งจัดเตรียมไว้สำหรับทำพิธีสงฆ์แล้ว มีโต๊ะหมู่บูชาและที่นั่งพระสงฆ์ ไม้กับเป็ดปุ๊กพาย่าขวัญเข้ามาเชียรตามเข้ามาด้วย
“เออ เพิ่งนึกได้ แล้วแขกเหรื่อล่ะไม้ ใครจะต้อนรับ”
“แขกที่ไหนกันล่ะย่า คนรู้จักกันทั้งนั้น”
“แต่ถ้าไม่มีคนคอยต้อนรับเขา มันจะเสียมารยาท”
“งั้นเดี๋ยวไม้อยู่คอยรับแขกเอง”
ย่าขวัญอึ้งๆนิดหน่อย
“จะดีเหรอ”
ย่าหลานมองหน้ากัน เหมือนจะมีความลับอะไรบางอย่าง
“ไม้เพิ่งจะมางานนี้ปีแรก จะรู้จักแขกไม่หมด บางคนไม้ก็...”
“ไม้ทำได้น่ะย่า ไม่มีปัญหาหรอก”
ย่าขวัญยังนึกห่วง แล้วหันมามองเป็ดปุ๊ก
“เอางี้ หนูเป็ดช่วยไม้มันรับแขกได้ไหมล่ะ”
“ก็...ได้ค่ะ”
“คนไหนที่ไม้มันไม่ถนัด หนูเป็ดก็ช่วยต้อนรับแทน”
“ค่ะ ไม่มีปัญหาค่ะ” จริงๆแล้วเป็ดปุ๊กยังไม่ค่อยเข้าใจ
“ขอบใจจ้ะ...มา คุณเชียร มารู้จักคนรุ่นๆเรากัน”

เชียรรับคำ ย่าขวัญพาเชียรไปหาแขกผู้ใหญ่
 
อ่านต่อหน้า 4

ในสวนขวัญ ตอนที่ 10 (ต่อ)

ไม้กับเป็ดปุ๊กพากันออกมาจากในบ้านย่าขวัญ แล้วเดินลงมาอยู่หน้าบ้าน

“คุณหิวไหม กินอะไรมาหรือยัง”
“ไม่หิวหรอก เช้าๆฉันได้กาแฟถ้วยเดียวก็อยู่ได้แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก”
“ไม่ห่วงได้ไง”ไม้พูดไม่ดังนัก
เป็ดปุ๊กหันมามองไม้ เหมือนไม่แน่ใจว่าพูดอะไร
“คุณเป็ด...คือผม...มีเรื่องอยากจะบอกคุณ”
เป็ดปุ๊กนิ่งไปนิดหน่อย แล้วนึกได้
“อ๋อ เรื่องที่คุณย่าบอกใช่ไหม เรื่องแขกน่ะ ฉันก็สงสัยอยู่”
“ไม่ใช่ เรื่องผม...กับคุณ”
เป็ดปุ๊กอึ้งๆ ยิ่งแปลกใจกว่า เหลือบมองทางซ้ายทางขวา
“คือผม...”
ทันใดนั้นเสียงหทัยดังเข้ามาก่อน
“แหม วันนี้หล่อเชียวไม้”
ทั้งไม้และเป็ดปุ๊กชะงัก หันมา หทัยเดินเข้ามา
“คุณเป็ดมาแต่เช้าเลย”
เป็ดปุ๊กไหว้หทัย
“สวัสดีค่ะ พ่อบอกว่าอยากมาช่วยงาน แต่มาถึงเจอคนเยอะไปหมด ไม่เหลืออะไรให้ช่วยแล้ว”
“ชาวไร่ชาวสวนก็อย่างนี้ล่ะค่ะ มีงานอะไรก็มาช่วยกันเต็มที่ ยิ่งเป็นคนเก่าคนแก่อย่างย่าขวัญด้วยแล้ว ใครๆก็รู้จัก อยากมาช่วยงานค่ะ”
ไม้ซึ่งตอนแรกยังนิ่งๆอยู่ คราวนี้ยิ่งหน้าบึ้งตึงยิ่งขึ้น เมื่อเห็นบางคนเข้ามา อลงกรณ์กับโอมเดินมาถึง เป็ดปุ๊กมองตามไม้ไป ก็อึ้งๆไปด้วย พออลงกรณ์เดินเข้ามาใกล้ ไม้ก็ยกมือขึ้นไหว้
“สวัสดีครับ”
อลงกรณ์พยักหน้านิดหน่อย
“อ้าว ปีนี้อยู่ได้เหรอ”
“ครับ”
“อยู่เพื่อที่จะก่อกวนอะไรหรือเปล่า”
“คุณกรณ์”หทัยหน้าเสีย
อลงกรณ์หันมามองหทัย เหมือนจะไม่พอใจที่คิดจะมาห้ามไม่ให้เขาพูด แต่หทัยก็พูดต่ออย่างใจเย็น
“ไปค่ะ ขึ้นบ้านดีกว่า ย่าขวัญอยู่บนบ้านใช่ไหม”
“ครับ”
“โอม ขึ้นไปกราบย่าขวัญกันลูก”หทัยหันไปชวนโอม
หทัยเดินนำอลงกรณ์ขึ้นบ้านไป โอมเดินผ่านไม้กับเป็ดปุ๊ก มองเป็ดปุ๊กนิดหน่อย ส่ายหน้าผิดหวัง แล้วพอผ่านไม้ ก็ยิ่งแสดงสีหน้าเหยียดหยามดูถูก แล้วเดินขึ้นบ้านไป เป็ดปุ๊กหันมามองไม้ รู้สึกเห็นใจ

ย่าขวัญกับเชียร นั่งคุยอยู่กับชาวบ้าน หทัยพาอลงกรณ์กับโอมเข้ามา ทั้งสามเข้าไปนั่งใกล้ๆย่าขวัญ แล้วไหว้ ย่าขวัญยิ้มแย้มแจ่มใสรับไหว้ทุกคน

ไม้ยืนนิ่งๆ เป็ดปุ๊กมองรู้สึกเห็นใจ
“ฉันเข้าใจแล้วที่คุณย่าพูดหมายถึงอะไร เรื่องแขกน่ะ นายเป็นอะไรไหม”
“เป็น”
“ใจเย็นๆนะ อย่าไปสนใจคำพูดหรือท่าทางอาการของคนอื่นเลย วันนี้เป็นวันดี ย่าขวัญคงไม่สบายใจถ้านายหนีออกจากงานเหมือนปีก่อนๆ”
“ไม่หรอก ผมไม่หนีไปไหน”
“แล้วถ้าอยู่ ก็ห้ามก่อเรื่องด้วย”
“ไม่ก่อเรื่อง”
“ดีมาก”
“เพราะมีคุณอยู่ด้วย”
เป็ดปุ๊กอึ้งนิดหน่อย
“ฉันไม่ได้ช่วยอะไรนายเลย แค่ยืนอยู่ตรงนี้
“ก็นั่นแหละ” ไม้หยุด แล้วหันมามองเป็ดปุ๊ก “ผมจะทำให้ดีที่สุด ถ้าคุณอยู่ข้างๆผมแบบนี้...ตลอดไป”

เป็ดปุ๊กชะงัก แล้วหันมามองเขา

ไม้กลับมองตรงไปข้างหน้า ไม่กล้าสบตากับเป็ดปุ๊ก

“หมายความว่าไง ไม้”
ไม้หันมา สบตากับเป็ดปุ๊ก ตัดสินใจจะพูด
“คุณเป็ด ผม...”
ทันใด เสียงแจ๋วๆของเด็กๆก็ดังเข้ามา
“อาเป็ดปุ๊ก อาไม้”
ทั้งไม้ทั้งเป็ดปุ๊กหันไปมองตามเสียง แมวเมี๊ยวกับนกจิ๊บวิ่งเข้ามา
“สวัสดีครับอาเป็ดปุ๊ก”
“ดีใจจังเลย”
เป็ดปุ๊กนั่งยองๆ แล้วกอดหลานทั้งสอง
“มายังไงกันคะเนี่ย”
กะรัตกับศักดิ์เดินเข้ามา ไม้อึ้งไป เป็ดปุ๊กยิ่งแปลกใจ ลุกขึ้นยืน ไม้ไหว้
“อาศักดิ์ คุณกะรัต สวัสดีครับ”
เป็ดปุ๊กไหว้ตาม สบตากับกะรัตแล้วยังงงๆ ศักดิ์หันมาถามไม้
“ย่าล่ะไม้”
“อยู่บนบ้านครับ เชิญครับ”
ศักดิ์พากะรัตเดินจะขึ้นบ้าน กะรัตพาเด็กๆไปด้วย
“ไปกราบคุณย่าก่อนนะลูก”
ท่าทางเด็กๆไม่อยากไป แต่ถูกกะรัตลากแขนไป ไก่กุ๊กกับเก็จเกยูรตามมาถึงหน้าบ้าน
“เป็ดปุ๊ก มายังไงกันล่ะเนี่ย”ไก่กุ๊กแปลกใจเมื่อเห็นเป็ดปุ๊ก
“เป็ดกำลังจะถามพี่ไก่เหมือนกันว่ามาได้ยังไง พี่ไก่รู้จักย่าขวัญด้วยเหรอ”
“ย่าขวัญเป็นแม่ของพ่อเลี้ยงเก็จ”
“เป็ดอยู่หมู่บ้านเสริมขวัญของคุณหทัย คุณหทัยเคยเป็นลูกสะใภ้คุณย่า”
“โลกกลมจริงๆ” เก็จเกยูรมองไม้ “เราเคยรู้จักกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า”
“ที่บ้านไงพี่เก็จ ไม้เคยไปที่บ้านสองครั้งแล้ว ครั้งแรกไปพายักษ์เบิ้มมา อีกครั้งว่าจะไปล้อมต้นไม้ของพ่อ แต่พี่เก็จขายไปซะก่อน ไม้เป็นลูกชายคุณหทัย” เป็ดปุ๊กแนะนำสองคนให้ไม้รู้จัก “ไม้ นี่พี่กับพี่เก็จ พี่ชายพี่สะใภ้ฉัน”
ไม้ยกมือไหว้ เก็จเกยูรรับไหว้ค้างเลย
“ไปเหอะเก็จ แม่กวักมือเรียกแล้ว”
ไก่กุ๊กพาไป เก็จเกยูรยังมองที่ไม้กับเป็ดเหลียวหลัง
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ครอบครัวของพี่เก็จจะเกี่ยวโยงกับย่าขวัญด้วย”
“ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่า เมียของอาศักดิ์ คือแม่ของพี่สะใภ้จอมโหดของคุณ” ไม้มองเป็ดปุ๊กเห็นนิ่งๆ “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“บอกตามตรงเลยนะ ฉันชักไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกหรือเปล่า”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็จะอยู่ข้างๆคุณเสมอ คุณเป็ด”
เป็ดปุ๊กหันมามองไม้ กำลังคิดว่าไม้จะพูดคำว่า ตลอดไป อีกหรือเปล่า แต่ไม้เริ่มมีอาการผิดปกติ มองตรงไปที่หน้าบ้าน เป็ดปุ๊กจึงหันมามองตาม แล้วเธอก็ต้องอึ้งเหมือนกัน แก้วเดินมาที่หน้าบ้าน แล้วเข้ามาที่บ้าน พอเห็นไม้ก็ชะงัก แก้วประหลาดใจ
“คุณไม้”
แก้วรีบเดินเข้ามาหา ชะงักนิดหน่อยเมื่อเห็นเป็ดปุ๊ก แก้วทักทาย
“เป็ด เป็นไง”
“สบายดี”
แก้วหันมาหาไม้
“ทำไมคุณไม้...”
“ย่าขวัญเป็นย่าของผม”
“ฮ้า จริงเหรอคะ ดีจังเลย”แก้วตาโต ดีใจ
ไม้ยิ้มเจื่อนๆ เป็ดปุ๊กเห็นสายตาของแก้วที่มองไม้ แล้วรู้ทันทีว่าแก้วมีความสุขจริงๆ

ในบ้านย่าขวัญ ทุกคนนั่งกันอยู่กับพื้นจนเกือบเต็มบ้าน พระสงฆ์5 รูปกำลังสวดอยู่ ทุกคนพนมมือ
ย่าขวัญเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว เป็นชุดที่ไปตัดมากับหทัยและเป็ดปุ๊ก หน้าตาย่าขวัญสดชื่นแจ่มใสมาก
ไม้กับเป็ดปุ๊กนั่งอยู่ใกล้ๆกับย่าขวัญ กลุ่มชาวบ้านกำลังซุบซิบกัน พร้อมกับมองไปที่ไม้กับเป็ดปุ๊ก พร้อมกับหัวเราะกันคิกคัก แก้ว นั่งอยู่กับกลุ่มครอบครัวของตน ชำเลืองมองชาวบ้าน แล้วมองไปที่ไม้กับเป็ดปุ๊ก รู้สึกไม่พอใจ แต่พยายามเก็บอาการไว้ ครู่หนึ่ง พระสวดเสร็จชาวบ้านหันมาบอก
“ถวายเพลเลยครับ”
ย่าขวัญขยับตัวจะไปยกถาดอาหารที่เตรียมไว้ ย่าขวัญกวักมือเรียกไม้
“มาลูก ช่วยถวายด้วย”
ไม้ขยับนิดหน่อย ย่าขวัญเรียกเป็ดปุ๊ก
“หนูเป็ด มาลูกมา ช่วยย่าถวายหน่อย”
ไม้พยักหน้ากับเป็ดปุ๊ก สองคนพากันไปเตรียมจะยกอาหาร ย่าขวัญพูดขึ้น
“เหลืออีกสอง หทัย ศักดิ์ มาซิ”
หทัยกับศักดิ์จึงออกไปช่วยยกสำหรับอีกสองชุด ทุกคนถวายอาหารเพลให้พระ กะรัตมองไปที่เป็ดปุ๊กอย่างไม่พอใจ
“ทำตัวยังกับเป็นลูกหลานเจ้าของงานงั้นแหละ หมั่นไส้”
เก็จเกยูรมองอย่างเกลียดชัง
“นั่นซิ สาระแนจริงๆ”
“คงกลัวหลุดมือ เลยรีบจับเอาไว้ให้ได้ ป่านนี้ ไม่รู้จะจับกันไปถึงไหนแล้ว”
แก้วมองที่แม่ นึกอยากจะเถียงแทนไม้เหมือนกัน แต่ตัดสินใจอยู่เงียบๆดีกว่า เก็จเกยูรหันมาหาแก้ว
“แก้ว คุณโอมเขาอยู่กับพ่อเขาตรงนั้นน่ะ ไม่เข้าไปคุยหน่อยล่ะเขามองมาทางแกหลายครั้งแล้ว”
“เดี๋ยวก่อนก็ได้”แก้วไม่มองไปทางโอม

ทุกคนถวายอาหารเสร็จ ก็ถอยออกมาหทัยนั่งอยู่ใกล้ๆย่าขวัญ

แก้วขยับเข้าไปหากะรัต

“พระกำลังฉันอยู่ เราน่าจะรีบเอาของขวัญไปให้ย่านะคะ ก่อนที่คนอื่นจะตัดหน้า
“เหรอ ก็ดี แหม อยากรู้จริงๆว่าปีนี้นังเศรษฐีนั่นจะอวดรวยซื้อของขวัญอะไรให้ย่า”
“จะซื้อแพงแค่ไหน ปีนี้ก็สู้ของขวัญของเราไม่ได้แน่ๆ”
ห่างออกมาจากกลุ่มผู้หญิง ไก่กุ๊กนั่งอยู่กับลูกๆ เด็กนั่งเงียบเพราะถูกสั่งเอาไว้ไม่ให้ซน ครู่หนึ่งเชียรเข้ามานั่งใกล้ๆ
“ไงลูก นั่งเงียบเลย”
เด็กทั้งสองเหลือบมองพ่อ แล้วหันมามองกัน ก่อนจะตัดสินใจถามไก่กุ๊ก
“คุณพ่อ แมวเมี๊ยวกับนกจิ๊บขอลงไปเล่นกับเอ๋งที่ข้างล่างได้ไหมครับ”
“ให้เด็กลงไปเถอะ อยู่ข้างบนนี้เบื่อตาย”เชียรบอกไก่กุ๊ก
ไก่กุ๊กพยักหน้าเบื่อ
“ไปซิ”
เด็กๆดีใจจะลงไป เชียรเตือน
“อย่าไปวิ่งซนนะลูก”
“ครับปู่”แมวเมี๊ยวรับคำ
แล้วเด็กทั้งสองก็รีบออกไป
“พ่อไม่นึกว่าจะเจอไก่ที่นี่”
“ไก่ก็เหมือนกัน”
“พ่อรู้จักกับย่าขวัญ”
“ไก่ต้องมาทุกปีนั่นแหละ แม่เก็จเขาลากมาด้วย”
เชียรอึ้งๆกับคำว่า ลาก
“พ่อเป็นไงบ้าง”
“ก็สบายดี แล้วไก่กุ๊กกับเก็จล่ะ สบายดีนะ”
“ก็คงไม่สบายเหมือนพ่อกับเป็ดหรอก”
“ไก่...”
“ช่างเหอะพ่อ ไม่อยากจะฟังพ่อเทศน์ นั่งมาในรถเมื่อกี้ ทั้งเก็จทั้งแม่เขาก็บ่นให้ฟังจนหูชาแล้ว” แล้วไก่กุ๊กก็ขยับ “ไก่ขอตัวลงไปดูลูกก่อนนะพ่อ”
แล้วไก่กุ๊กก็ลุกขึ้นออกไปเลย ไม่ทันดูอาการของเชียร ที่พยายามจะเรียกลูกไว้ด้วยซ้ำ

กะรัต เก็จ และแก้วจะเข้ามาหาย่าขวัญ หทัยเลยขยับออกมาให้นิดหน่อย
“สวัสดีค่ะคุณกะรัต สบายดีนะคะ”หทัยทักกะรัต
“สวัสดีค่ะ ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่หรอกค่ะ ตามประสาคนต้องทำมาหากิน ปากกัดตีนถีบ”
หทัยยิ้มรับเจื่อนๆ กะรัตเดินเข่าเข้าไปหาย่าขวัญ
“คุณแม่คะ”
“เอ้าๆ ว่าไง ขอบใจนะที่อุตส่าห์มา ขอบใจมากทุกคน”
“วันเกิดคุณแม่ ยังไงก็ต้องพาลูกหลานมากราบค่ะ เด็กๆไปไหนไม่รู้” กะรัตมองเก็จเกยูร
“สงสัยพ่อมัน...ไก่ปล่อยให้ไปเล่น”ดุๆ เก็จเกยูรหน้าเจื่อน นึกไม่พอใจไก่
“ไม่เป็นไร เด็กๆก็แบบนี้แหละ อยากวิ่งเล่นมากกว่า”
กะรัตหันมารับของจากแก้ว
“หนูขอกราบอวยพรให้คุณแม่มีความสุขมากๆ ร่ำรวยเงินทองเยอะๆนะคะ”
กะรัตก็ยื่นพานที่มีพระพุทธรูปสีทองอร่ามอยู่บนนั้นให้ย่าขวัญ
“ก็เคยบอกแล้วไงกะรัต ว่าไม่ต้องซื้อหาอะไรมาให้แม่”
“ไม่ใช่ของแพงอะไรนักหรอกค่ะคุณแม่ กะรัตไม่ได้ร่ำได้รวยเหมือนใครๆ แต่ยายแก้วน่ะซิคะ แกไปรู้มาว่าท่านจิตรที่เป็นศิลปินดังระดับชาติน่ะค่ะ ท่านออกแบบและสร้างพระพุทธรูปเป็นพิเศษ มีจำนวนจำกัดเพื่อนำเงินเข้าการกุศล กะรัตเห็นแล้วก็นึกถึงคุณแม่ค่ะ”
ย่าขวัญพิจารณาดูพระพุทธรูป
“อืม งามมากจริงๆ ขอบใจนะกะรัต ขอบใจหลานๆด้วย”
“ของเล็กๆน้อยๆน่ะค่ะ ราคาไม่ได้แพงอะไร คงจะสู้ของขวัญของคุณหทัยไม่ได้มั้งคะ”
“เศรษฐกิจแบบนี้ จะซื้ออะไรก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนค่ะ”หทัยแทรกขึ้น
“แม่เห็นด้วยกับหทัยนะ จะเมื่อไหร่เราก็ต้องรู้จักประหยัด อนาคตมันไม่แน่นอน จะฟุ่มเฟือยไม่ได้ ทุกวันนี้แม่ยังเก็บผักเก็บหญ้ามากินกับน้ำพริกอยู่เลย”
กะรัตยิ้มรับที่ย่าขวัญพูด แต่ก็แอบหมั่นไส้ทั้งหทัยทั้งย่าขวัญ
“ปีนี้หทัยไม่รู้จะซื้ออะไรให้แม่ดี ก็เลยไม่ซื้อค่ะ”
ย่าขวัญยิ้มรับ แต่กะรัตไม่ค่อยอยากเชื่อ
“อีกอย่าง หทัยคิดว่าแม่คงได้กินได้ใช้ของดีๆแพงๆมาเยอะแล้ว ก็เลยไปเอานี่มาให้ค่ะ”
หทัยเปิดกระเป๋าถือ แล้วหยิบขวดใบเล็กมีน้ำใสๆอยู่ในนั้น ส่งให้ย่าขวัญ
“น้ำมนต์วัดพระแก้วค่ะแม่ เอาใส่ไว้ตุ่มน้ำกินน้ำใช้ จะได้เป็นสิริมงคลค่ะ”

“ขอบใจมากนะหทัย”ย่าขวัญรับมา

ท่าทางย่าขวัญจะชื่นชมของขวัญของหทัยมาก
 
กะรัตเห็นแล้วยิ่งนึกโมโห หทัยแทบไม่ได้ลงทุนด้วยซ้ำ แต่กลับได้รับการชื่นชมมากกว่า
“เอาไว้คุณแม่ช่วยพรมให้คุณศักดิ์ด้วยนะคะ ทำธุรกิจอะไรจะได้เจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองอย่างคนอื่นเขาสักที ไม่ใช่ทุนหายกำไรหดจนต้องอยู่เฉยๆแบบนี้”
“แล้วเขาอยู่ไหนล่ะ เมื่อกี้เข้ามาไหว้แล้วหายไปเลย”
“โน่นค่ะ คุยอยู่กับคุณกรณ์อยู่นั่น ท่าทางจะคุยกันถูกคอด้วย”หทัยชี้ไป
กะรัตหันมองตามไป เห็นศักดิ์กำลังคุยอยู่กับอลงกรณ์ แต่ท่าทางอลงกรณ์จะเป็นฝ่ายคุยมากกว่า ศักดิ์ได้แต่พยักหน้างึกๆเห็นด้วย กะรัตขยับออกมา แล้วกระซิบเก็จเกยูร
“ไปลากพ่อแกออกมาเลย จะโดนเขาหลอกอะไรก็ไม่รู้”
เก็จเกยูรขยับออกไป กะรัตนึกหงุดหงิด

ย่าขวัญเดินออกมาจากในบ้าน แต่ยังไม่ลงจากเรือน ไม้กับหทัยอยู่ข้างๆ ครู่หนึ่ง ศิษย์วัด2-3 คน เดินออกมาพร้อมกับหิ้วของถวายพระมาด้วย แล้วพระทั้ง 5 รูปก็ทยอยตามออกมา ย่าขวัญไหว้ขอบคุณพระ ไม้กับหทัยก็ไหว้พระด้วย พระทยอยเดินลงจากบ้าน แล้วออกไป มีชาวบ้านคนหนึ่งตามไปส่งพระ ไม้บอกไปทางโรงครัว
“ทยอยส่งอาหารขึ้นมาได้เลยนะ”

ย่าขวัญนั่งลงที่พื้น
“เอาทุกคน ล้อมวงไว้นะ” ย่าขวัญกวักมือเรียกเชียร “คุณเชียร มานั่งด้วยกันตรงนี้”
“เชิญครับเชิญ ย่าจะได้คุยกับญาติๆ”
“คุณเชียรกับหนูเป็ดก็เหมือนญาติฉัน ไม้เพิ่งบอกว่าจริงๆเราก็ไม่คนอื่นไกลเลย”
“นั่นซิคะ ไปๆมาๆก็เกี่ยวดองกันทั้งนั้น”
เชียรกับเป็ดปุ๊กมานั่งใกล้ๆกับย่าขวัญ มีหทัยนั่งอยู่ด้วย กะรัตกับเก็จเกยูรพยายามจะขยับไปใกล้ย่าขวัญเหมือนกัน แต่มีชาวบ้านคนอื่นขวางอยู่ ศักด์ อลงกรณ์ และโอม กลับเข้ามาในบ้าน ย่าขวัญหันไปเรียก
“ศักดิ์ มานั่งข้างๆแม่นี่”
“คุณกรณ์ไปนั่งด้วยกันนะครับ จะได้คุยกันต่อ”ศักดิ์ชวนอลงกรณ์
อลงกรณ์ยินดี กำลังจะตามศักดิ์เข้าไปตรงที่ย่าขวัญนั่งอยู่ ไม้เข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร แล้วจะเอามาวางให้ย่า แก้วเห็นอย่างนั้น ก็รีบลุกขึ้นไปหาไม้ทันที
“เดี๋ยวแก้วช่วยนะคะคุณไม้”
แก้วต้องเดินผ่านโอมไป โอมเหมือนจะพูดอะไรกับแก้ว แต่แก้วไม่สนใจ ตรงไปหาไม้เลย โอมหงุดหงิดขึ้นมา
อลงกรณ์กระซิบลูกชาย
“ทำตัวดีๆนะโอม อย่าไปทะเลาะกับไอ้ไม้หรือกับใครทั้งนั้น พ่อมีงานใหญ่ที่ต้องทำให้สำเร็จ”
โอมเลยตัดสินใจเดินกลับออกจากบ้านไปเลย แก้วมาช่วยไม้ยกถาดกับข้าว เอาไปวางให้ที่กลุ่มของย่าขวัญเชียรเห็นแก้วทำงาน กระซิบกับเป็ดปุ๊ก
“ไม่ไปช่วยบ้างล่ะ”
“ก็เขาไม่ได้ขอให้ช่วยนี่พ่อ”
เชียรพอจะรู้ว่าเป็ดปุ๊กไม่ค่อยพอใจนัก หทัยมองไปที่อลงกรณ์กับศักดิ์ที่ยังคุยกันอย่างออกรส แว่บหนึ่ง เธอกลับรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา กะรัต มองดูแก้วช่วยเหลือไม้อย่างใกล้ชิด ยังนึกแปลกใจ
“ยังกับรู้จักกัน แก้วกับนายไม้น่ะ”กะรัตถามเก็จเกยูร
“แม่นี่ไม่รู้อะไรเลย นั่นน่ะเป้าหมายต่อไปของแก้วมัน”
กะรัตประหลาดใจ แต่ก็ดีใจ
“จริงเหรอ เออ แก้วมันเก่งนะ”

ย่าขวัญมองไปรอบๆ ไม่รู้ว่าใครคุยอะไรกับใครบ้าง แต่ก็รู้สึกมีความสุขที่เห็นลูกหลานเต็มบ้าน ย่าขวัญกับหทัยที่นั่งอยู่ข้างๆ
“วันนี้แม่มีความสุขมากเลย”
“ทุกคนก็อยากให้แม่รู้สึกแบบนี้ค่ะ”
“ไม้ เสร็จหรือยัง เสร็จก็นั่งสักที”ย่าขวัญมองดูไม้
“เสร็จแล้วครับ”
ไม้มองหาที่นั่ง แต่เต็มเกือบหมด ไม้ทำท่าจะลงข้างล่างย่าขวัญเห็นเข้าจึงเอ่ยถาม
“ไม้ จะไปไหน”
“ข้างบนมันเต็ม จะไปกินข้างล่าง”
“ข้างๆแก้วยังว่างอยู่นะคะ”แก้วรีบบอก
“ไม่เป็นไรครับ” ไม้จะไป
“ไม้ ไม่ต้องไป”ย่าขวัญสั่งเสียงเข้ม
ไม้ชะงัก ย่าขวัญสั่งชาวบ้านอีกคนที่นั่งอยู่ติดกับเป็ดปุ๊ก
“ตาโชคขยับให้หลานฉันหน่อย นั่งขวางคลองอยู่ได้ ถ้าขยับไม่ได้ แกก็ลงไปกินข้างล่าง”
ชาวบ้านคนนั้นขยับให้ ทำให้เกิดที่ว่างข้างๆเป็ดปุ๊ก ย่าขวัญหันมาบอกไม้
“ตรงนี้ว่าง”
ไม้เลยต้องมานั่งลงข้างๆเป็ดปุ๊ก แก้วฮึดฮัดนิดหน่อย แล้วต้องกลับไปนั่งที่เดิมข้างๆเก็จเกยูร
“ขอโทษนะ เบียดหน่อย”ไม้พูดกับเป็ดปุ๊ก เบาๆ
“อย่าเบียดมากกว่านี้ก็แล้วกัน จะเอาค้อนเคาะหัวเข่า ไม้ชะงัก”
ย่าขวัญ มองดูทุกๆคน ยิ้มอย่างมีความสุข
“เชิญค่ะ เชิญทุกคนทานข้าวกัน”
ทุกคนเริ่มกินข้าวกัน แต่ละคน เชียร เป็ดปุ๊ก ไม้ หทัย รู้สึกดีที่ได้มาร่วมอวยพรย่าขวัญ
 
ขณะที่ อลงกรณ์ ศักดิ์ กะรัต เก็จเกยูร และแก้ว ต่างก็มีจุดมุ่งหมายของตัวเองต่างกันไป
 
อ่านต่อตอนที่ 11
กำลังโหลดความคิดเห็น