xs
xsm
sm
md
lg

พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 8 (จบตอน)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 8

โสภิตกับชีพลากยศมาถึงหน้างานตรงซุ้มถ่ายรูปแต่งงาน ยศหัวเสีย สะบัดหลุดจากชีพ

“มาจับอั๊วทำไม ลื้อต้องไปกระทืบมันถึงจะถูก”
“นี่มันงานแต่งงานของพี่นะ มีสติหน่อย” โสภิตปราม
“ไม่ต้องมายุ่ง แกเป็นแม่ฉันหรือไง”
“นี่ไง แม่ตัวจริงอยู่นี่” เสียงมาจากด้านหลัง แม่เลี้ยงอมราเอากระเป๋าฟาดหัวยศสุดแรง ยศกุมหัว
“ผมเจ็บนะ”
“แต่ฉันอาย แกหายหัวไปไหน งานแต่งของตัวแท้ๆ ไอ้ลูกนอกคอก”
อีกมุมผู้ว่ากับคุณนายนลินีมารับแขกเข้างาน นิตยาเดินมาด้วย แม่เลี้ยงรีบพูด
“แม่บอกแล้ว ว่ากินน้ำเยอะ จะเข้าห้องน้ำบ่อย”
ผู้ว่าได้กลิ่นเหล้าจากยศเซ็งสุดๆ ทำท่าปัดกลิ่นจากจมูก อมรารีบแกะหมากฝรั่งยัดใส่ปากยศ
นลินีรีบมาประกบสามี “เมื่อยมั้ยคะคุณพี่ แขกก็มากันล้นหลามซะจริงๆ”
“แขกสำคัญก็มากันหมดแล้ว ผมขอตัวเข้าข้างใน” ผู้ว่าเดินตึงๆ เข้างานไป

มนัสแอบซุ่มอยู่แถวนั้น นิตยาตาไวเห็นมนัสแว่บๆ แล้วแว่บหายไปนิตยาสะบัดหน้าไปจ้องอีกที ไม่มี นิตยากวาดตามองใหม่
นลินีสงสัย “มองอะไร”
นิตยาสะดุ้งรีบพูด “เปล่าค่ะ”
นิตยารีบกลบพิรุธอย่างแนบเนียน คุณนายมองอย่างจับผิด

ฟากส.ส.คุณวุฒิกราดไหว้คน ตลอดทาง พีรพงษ์เดินห่างๆ ไหว้ตามอย่างเสียไม่ได้ ทุกคนรับไหว้อย่างงงๆ บางคนก็ซุบซิบกัน มีชายแก่คนหนึ่งหันหลังอยู่ พอหันหน้ามาเกือบชนเอา
คุณวุฒิ หันมาเห็นภารโรงใส่ชุดกากีเต็มยศ รีบไหว้ซะก้มต่ำ ภารโรงรับไหว้แทบไม่ทัน ตัวแข็ง ผลักออก
“สวัสดีครับๆ เราทำงานรับใช้ประชาชนเหมือนกันเลยครับ ผมภารโรงศาลากลางครับ”
คุณวุฒิหน้าแตก ผู้คนที่มองอยู่แอบหัวเราะ คุณวุฒิกลบเกลื่อนยืดอก ขยับจัดเสื้อ เดินเข้าไปที่งาน พีรพงษ์ก็อายด้วย

แม่เลี้ยงอมราไปเดินนำพาพ่อลูกมานั่งโต๊ะ แต่ก็กลายเป็นเจอพวกจีรณะ 4 คน ที่โต๊ะ พิมพร บ็อบบี้ กับผู้ว่า และครูใหญ่ นั่งคุยกันอย่างออกรส อมราพาสองคนจะมานั่งแต่โต๊ะเกือบเต็ม ไม่พอเลยพูดลอยๆ
“ใครรู้ว่าไม่ได้เป็น วีไอพี จริง ขอเชิญไปที่อื่นนะคะ โต๊ะนี้สำหรับบุคคลสำคัญเท่านั้น”
“งั้นผมคงต้องขอตัวนะครับท่าน” จีรณะขอตัวท่านผู้ว่า
“เดี๋ยวค่ะ คุณเป็นแขกของพิม ก็ถือว่าเป็นวีไอพี” พิมพรไม่ยอม
“ไม่เป็นไรครับ พวกผมนั่งตรงไหนก็ได้”
จีรณะพยักหน้าให้พรรคพวกจะลุกขึ้น แต่ผู้ว่ารีบชิงลุกก่อน โสภิตที่เดินต้อนรับแขกอยู่เห็นเดินมา
“ผมเป็นข้าราชการครับ ไม่ใช่บุคคลสำคัญเหมือนกัน คงจะนั่งโต๊ะนี้ไม่ได้” ผู้ว่าบอก
“อุ๊ย ไม่ใช่ท่านค่ะ ดิฉันหมายถึงคนอื่น” แม่เลี้ยงพูดเอาใจ
“โต๊ะนี้ทั้งโต๊ะ ผมคิดว่าผมเสียสละน้อยกว่าทุกคนครับ
พวกของจีรณะลุกขึ้นจะออกไป ครูใหญ่ลุกขึ้นตาม ผู้ว่าเดินตามจีรณะไป แม่เลี้ยงเหวอ ทำหน้าไม่ถูก พิมพรลุกตามจีรณะไปด้วย
“งั้นเราไปเถอะบ็อบบี้ ไปนั่งโต๊ะเดียวกับครูจี”
“ยัยพิม กลับมานั่งโต๊ะนี้”
พิมพรไม่ฟังแม่จูงบ๊อบไป แม่เลี้ยงอมราโมโหสุดๆ “ยัยภิต ไปพายัยพิมกับบ๊อบบี้มา”
“ช่างเค้าเถอะค่ะแม่ นั่งโต๊ะไหนก็เหมือนกัน”
คุณวุฒิแปลกใจ “แล้วพวกนั้นเป็นใคร สำคัญยังไง”
“ก็ไอ้จี เอ็นจีโอที่ผมเคยเล่าให้พ่อฟังไง” พีรพงษ์บอกแค้นๆ
คุณวุฒิพยักหน้า “อ้อ คนนี้นี่เอง”

บนเวทีกำลังมีการแสดงรำทางเหนือบรรยากาศสนุกสนานรื่นเริง ทั้งหมดเดินมาพิมพรเกาะแขนจีรณะไม่ปล่อย อาโปไม่พอใจเดินเข้าไปผ่ากลาง
“นาย ตกลงจะนั่งโต๊ะไหนเนี่ย”
พิมพรไม่พอใจ “นี่เธอ โรงเรียนบนดอยเค้าไม่ได้อบรมมารยาทหรือไง”
“แล้วที่แม่คุณมาแย่งที่นั่งคนเค้า มีมารยาทมากมั้ย”
ถูกอาโปย้อนพิมพรฉุนกึก “นี่เธอ”
บ็อบบี้ขัดขึ้น “มามี้ บ็อบบี้อยากเข้าห้องน้ำ”
“อาโป ไปเป็นเพื่อนบ็อบบี้ไป” จีรณะบอก
“ไม่เป็นไรครับ บ็อบบี้ไปได้”
จีรณะเสียงเข้ม “ฉันบอกให้ไป ก็ไป”
“จ้ะ” อาโปเซ็ง จำใจไป
จีรณะหันมาทางพิมพร “ขอโทษแทนอาโปด้วยครับ แกเป็นเด็กซื่อ คิดยังไงก็พูดอย่างงั้น”
“พิมว่าเด็กคนนี้ไม่เห็นซื่อเลย ท่าทางเอาเรื่อง แล้วก็เหมือนจะชอบคุณด้วย”
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ อาโปเหมือนน้องสาวผม”
“แน่นะคะ ไม่งั้นพิมคงอกหักแน่”
พิมพรยิ้มพรายเกาะแขนจีๆกระอักกระอ่วน

ในเวลาเดียวกัน แม่เลี้ยงอมรา เห็นไกลๆ ว่าพิมพรกระซิบคุยกับจีรณะ จึงหันมากระซิบถามโสภิต
“ยัยพิมมันทำบ้าอะไร ถึงไปจี๋จ๋ากับไอ้จีรณะ”
โสภิตไม่มอง ตอบเลี่ยงๆ “คงเพราะบ๊อบบี้สนิทกับคุณจีมั้งคะ”
“บ๊อบบี้มันอยู่ที่ไหน เห็นไอ้จีอยู่กับยัยพิมแค่สองคน”
โสภิตตกใจหันไปมองบ้างเป็นห่วงหลาน “บ็อบบี้ไม่อยู่ ไปไหน ภิตไปตามหาหลานก่อนนะคะ”
“ผมไปเป็นเพื่อนครับ”
โสภิตลุกเดินมองหาบ็อบบี้ไปรอบๆ พีรพงษ์เดินตาม
จีรณะ มองโสภิตกับพีรพงษ์ ทั้งคู่กำลังเดินออกไปนอกงาน

โสภิตเดินตามหาบ็อบบี้กวาดสายตามองไปทั่วๆ พีรพงษ์แกล้งเบี่ยงตัวมารับกับหน้าโสภิตที่หันมาพอดี โสภิตผงะถอยหลัง
“คุณพงษ์ ไม่ต้องอยู่กับฉันหรอก ตามสบายเถอะค่ะ”
“ตามสบายของผม คือได้อยู่ใกล้ชิดน้องภิต”
พีรพงษ์จับมือโสภิตมากุมไว้ โสภิตพยายามดึงอย่างนิ่มนวล
“แต่ฉันชอบทำอะไรคนเดียวมากกว่า”
พีรพงษ์เริ่มฉุนเสียงดังจับต้นแขนโสภิตบีบ“ทำไม รังเกียจอะไรผมนักหนา เพราะมีผู้ชายคนอื่นใช่มั้ยชอบอะไรก็บอกมาสิ หรือว่าชอบแอบๆ ทำอะไร”
โสภิตแกะแขนออกอย่างรังเกียจ “กล้าดียังไง มาว่าฉันอย่างนี้ ฉันจะทำอะไรมันเรื่องของฉัน”
โสภิตสะบัดตัวออกมาได้จะเดินออก แต่พีรพงษ์ดึงมาหาจะปล้ำจูบ
“แต่ผมชอบน้องภิต เรื่องน้องภิตคือเรื่องของผม”
โสภิตพยายามผลักออกแต่พีรพงษ์กระชากโสภิตมาจนล้ม ดึงร่างโสภิตตามลงมา ดูเหมือนหน้าจะจูบกัน เข่าของโสภิตกระแทกท้องน้อยพีรพงษ์จนตัวงอ หน้าเขียว โสภิตอายวิ่งออกไป

โสภิตวิ่งหนีมาชนกับจีรณะ “หนีใครมา”
“เปล่า”
โสภิตจะไปจีรณะจับแขนไว้
“เอ๊ะ” โสภิตฉุน
“ถ้าไม่ได้หนีก็แสดงว่ากำลังเล่นวิ่งไล่จับกับแฟน”
“ฉันไม่มีแฟน”
“อ้าว แล้วคุณพงษ์ล่ะ พี่เป็นลูกเขยผู้ว่า ลูกสาวเป็นสะใภ้ผู้แทน แม่เลี้ยงนี่กำไรทุกด้านจริงๆ เฉียบแหลมมาก”
โสภิตหันขวับมา “รู้ดีมากกว่าฉันอีกนะ ตัวฉันเองยังไม่รู้เลยว่าจะต้องไปเป็นสะใภ้ใคร”
“หรือไม่จริง คนเค้ารู้กันทั้งจังหวัดแล้วมั้ง ถ้าไม่จริงก็บอกมา ผมจะช่วยแก้ข่าวให้”
“ไม่ต้อง ฉันไม่ได้เดือดร้อนกับคำนินทา แต่เดือดร้อนเรื่องคุณช่วยออกไปจากชีวิตฉันก็พอ”
โสภิตสะบัดหน้าเดินออกไป แต่สะบัดไปเห็นพีรพงษ์กำลังเดินมาทางนี้ โสภิต รีบฉุดจีรณะเข้าไปซ่อนหลังพุ่มไม้
จีรณะตามไปงงๆ “มีอะไร”
โสภิตเอานิ้วชี้ปิดปากตัวเอง ทำนองให้เงียบ
เสียงเรียกของพีรพงษ์ดังขึ้นด้านนอก “คุณภิต ผมขอโทษ คุณภิตครับ คุณภิต”
พีพงษ์หันหลังให้สองคนมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เจอโสภิต จึงเดินออกไป
“อ๋อ ไม่ได้ไล่จับ แต่เล่นซ่อนหา น่ารักจังนะ” จีรณะเยาะ
โสภิตด่า “เงียบไปเลย”
จีรณะนึกสนุกกระซิบเอนตัวมาหา “ถ้าเค้ารู้ว่า ว่าคืนนั้นคุณติดอยู่กับผมทั้งคืน ค่าตัวสินสอดคุณจะตกมั้ย”
โสภิตเอามือผลักหัวจีรณะที่ใกล้เข้ามา สร้อยข้อมือโสภิตดันไปติดกับสร้อยพระ ที่เป็นสร้อยกะลาตาเดียวของจีรณะ สองคนเลยยึกยักๆ กันอยู่ โสภิตพยายามจะดึงแรงๆ จีรณะร้องและจับมือไว้
“โอ้ย โอ้ย”
โสภิตหยุดตกใจ “อะไร”
“เบาๆ เดี๋ยวสร้อยขาด เชือกนี่เป็นเชือกของเกจิดัง หาไม่ได้อีกแล้ว”
เลยเป็นภาพเหมือนโสภิตกำลัง โอบคอจีรณะอยู่ จีรณะแอบยิ้ม ส่วนโสภิตหน้าตาร้อนใจ
“แล้วจะทำยังไงล่ะ ถอดสร้อยข้อมือชั้นไปก็ได้”
“มันมืด ผมมองไม่เห็น ท่ายากด้วย มันไม่ถนัดนี่ครับ”
โสภิตถลึงตาใส่ ดิ้นจะออกไปให้ได้
“งั้นไปหาที่สว่างๆ แกะออก”
จีรณะโผล่ออกมาดู เห็นมีคนเดินอยู่ไกลๆ จึงรีบหลบเบียดตัวเข้าหาโสภิต
“คนเป็นสิบ”
โสภิตโผล่ออกมาบ้าง แต่ไม่มีใคร โสภิตเหนี่ยวคอจีรณะให้ออกตามมา แต่พอออกมาทั้งสองคนได้ อาโปกับบ็อบบี้เดินเข้ามาด้วยกัน ทั้งสองรีบดึงกันหลบไปหลบอีก

อาโปกับบ็อบบี้กลายเป็นเพื่อนซี้กัน ดันมาหยุดสอนภาษากันตรงนั้น
“อู่ดู่ถ่องมะ แปลว่าสวัสดี” อาโปเริ่มก่อน
บ็อบบี้สอนมั่ง “Good Morning สวัสดีตอนเช้า Good Afternoon สวัสดีตอนกลางวัน Good Eveing”
“โอ้ย ไม่เอาแล้ว ทำไมยากจังเลย เรียนภาษาไทยดีกว่าใช้ได้ทุกเวลา”
“yes บ็อบบี้ก็อยากเรียนภาษาไทย”
จีรณะกับโสภิตค่อยๆ ขยับตัวออกจากพุ่มไม้ไป แล้วได้ยินเสียงคนมาอีก ก็รีบเข้าไปแอบหลังต้นไม้อีกต้น
เป็นส.ส.คุณวุฒิกำลังถูกดาบม้วนกับหมู่ทองยิ้มที่เมาๆ กอดคอตีซี้ ส.ส.อึดอัด พยายามจะปลีกตัว แต่หมู่ทองไม่ยอม
“ท่านนี่ใช้ได้นะ ใกล้ชิดประชาชน กินน้ำร่วมขัน กินเหล้าร่วมแก้วกันได้ เอิ๊ก ฮ่า”
คุณวุฒิบอก “ผม ไม่แตะแอลกอฮอล์”
ดาบม้วนว่า “ดีเลย เยี่ยม งั้นไปขับรถ พวกเราเมาไม่ขับเฟ้ย ฮ่า ฮ่า รักษากฎหมาย”
คุณวุฒิอึดอัดมาก “ผม ขอตัว”
“เฮ้ย ขอกี่ตัวก็ไม่มี สมัยนี้ไม่มีใครเค้าพกบุหรี่กันแล้ว” หมู่บอก
คุณวุฒิเซ็ง ทั้งสามเดินผ่านไป

ส่วนพีรพงษ์เดินมาถึงหน้าซุ้มมองหาโสภิต
“คุณภิต คุณภิตครับ”
พีรพงษ์ไม่เจอโสภิตมาเจอพิมพรแทน
“คุณพิมเห็นคุณภิตหรือเปล่าครับ”
“ไม่เห็นเลย แล้วคุณพงษ์เห็นคุณจีหรือเปล่า”
พีรพงษ์ส่ายหัว พิมพรบ่น “ทำไมหายไปพร้อมกันทั้งคู่ หรือไปด้วยกัน”
พีพงษ์หรี่ตามองพิมพร “ทำไมคิดอย่างนี้ สองคนนี้ไม่ชอบกันไม่ใช่เหรอ มีอะไรที่ผมไม่รู้”
พิมพรตัดบท “ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็พูดไปงั้นเอง”

ขณะที่พิมพรเดินมาที่ต้นไม้ ได้ยินเสียงกรอบแกรบเหมือนมีคน พิมพรเดินเข้าไปดูไม่เจอใคร จีรณะจับบ่า
“อุ๊ย”
พิมพรหันไป “คุณจี”
“ตามหาบ๊อบบี้เหรอครับ”
“หายัยภิตน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจีเห็นบ้างมั้ย”
“ไม่นี่ครับ...”
“แล้วคุณจีมาทำอะไรแถวนี้คะ”
“ผมมาโทรศัพท์ ในงานเสียงมันดัง”
“นั่นซิคะ เอาดนตรีอะไรมาเล่นก็ไม่รู้โบร้าณ โบราณ”
“ผมว่าเพราะดี สงสัยผมจะเป็นคนโบราณ”
“ถ้าคุณจีจะโบราณ ก็โบราณแบบคลาสสิคแหละล่ะ ยิ่งเก่ายิ่งมีค่า”
พิมพรหูตาพราวพรายจีรณะอึดอัด
“เรากลับเข้าไปในงานดีกว่าครับ”

พิมพรกับจีรณะเดินกลับเข้างานมา พิมพรเกาะแขนจีรณะแจ อาโปชะเง้อมองหาเห็นเข้าก็ไม่พอใจ วิ่งมาหา
“นายหายไปไหนมา”
“ฉันให้ดูบ๊อบบี้ ไม่ใช่มาคอยดูฉัน”
“บ๊อบบี้อยู่โน่นแล้ว...”
อาโปชี้ไปเห็นโสภิตอยู่กับบ็อบบี้ที่โต๊ะแม่เลี้ยงแล้ว ผลัดกันป้อนขนมไปมา
โสภิตเหลือบมองสบตากับจีรณะนิดหนึ่ง แล้วก็เมินไปทำเฉยๆ พิมพรแอบโล่งอก
“คนเป็นแม่ยังไม่ดู ทำไมอาโปต้องดูลูกให้คนอื่นด้วย...” อาโปบ่นบ้าตามเรื่อง
“ขอบใจนะ ทีหลังไม่ต้องลำบากหรอก เพราะบ็อบบี้เก่งแล้วก็รู้กาลเทศะกว่าผู้ใหญ่บางคน”
“เดี๋ยวเราไปหาจิตกับนายก้องดีกว่า ขอตัวนะครับ”
จีรณะดึงอาโปไป พิมพรโมโห “เด็กบ้า”

บนเวทีผู้ว่ากล่าวอำนวยพรบ่าวสาวไปแล้ว กำลังไชโยกัน สามครั้ง บ่าวสาวยืนอยู่บนเวที พิธีกรยืนข้างๆ
“ขอเชิญบ่าวสาวพูดถึงความรู้สึกหน่อยครับ”
นิตยาฝืนยิ้ม บอกสั้นๆ “ขอบคุณค่ะ”
พิธีกรแซง “โอ้โฮ สั้นมาก งั้นขอเจ้าบ่าวกล่าวยาวๆ หน่อยครับ”
จิตราพยายามทำตัวเข้มแข็งหน้าเรียบๆ จีรณะและเกียรติก้องมองอย่างจับสังเกต
ยศมองมาที่จิตราเกียติก้องเอื้อมมือกุมมือให้กำลังใจ จิตราเหลือบตามองขอบคุณ
ยศแย่งไมค์จากพิธีกรมาพูด
“ในชีวิตผมผ่านผู้หญิงมาเยอะ ไม่เคยคิดว่าจะรักใครได้เท่าเธอ”
แขกยิ้มคุณนายกับแม่เลี้ยงพยักเพยิดกัน “ปากหวานเหมือนกันลูกชั้น”
ยศพ่นต่อ “ถึงเราจะแตกต่างกันมาก ผมก็ไม่สนใจ ผมคิดจะฝากชีวิตไว้กับเธอคนเดียว”
แขกทุกคนเริ่มงง “แต่...ที่จริง เธอมันคือนางกากี หลายใจ” ยศร้องเพลง เมาปลิ้น “เธอกินผู้ชายเป็นอาหาร...ไปลงนรกเสียเถอะที่รักฉันจะลงโทษเธอ”
ยศชี้มาที่จิตรา ทุกคนมองมางงๆ จิตราอาย ก้มหน้า จีรณะมองยศอย่างสมเพช
ผู้ว่างง “นั่นเค้าเป็นบ้าอะไร”
คุณนายมองแม่เลี้ยงที่ทำท่าจะร้องไห้ ไวเท่าความคิดแม่เลี้ยงอมราโดดขึ้นเวที ไปคว้าไมค์จากมือยศอู้คำเมืองกู้สถานการณ์
“ฮัลโหลๆ ขอสูมาเต๊อะเจ้า แขกผู้มีเกียรติวันนี้เป็นวันสำคัญ เจ้าบ่าวก็เลยตื่นเต้นไปหน่อย ในฐานะแม่เจ้าบ่าว ดิฉันก็ถือโอกาสขอบคุณทุกๆท่าน และขออวยพรบ่าวสาวขอให้ครองรักกันยั่งยืนตลอดไป ดิฉันขอมอบเพลงนี้ให้คู่บ่าวสาวนะคะ”
อมราเริ่มร้องเพลงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจแขก แล้วโบกๆมือไล่ให้โสภิตพายศลงไป แม่เลี้ยงร้องเพลง น้อยใจยา หน้าด้านๆ ไม่เกี่ยวกับงานแต่งสักนิด
“มวลดอกไม้ เบ่งบานสะหลอน หมู่ภมร ภู่ผึ้งสอดไซร้ ดอกพิกุลของเปิ้นต้นใต้ ลมปัด ไม้มาสู่บ้านตู๋ ฮู้แน่ซัดเข้าสอดสองหู ว่าสีจมปู ถูกป้อมเก๊าเนิ้ง เก๊ามันต๋าย ป๋ายมันเซิ่ง ลำกึ่งเนิ้ง ต๋ายโก่นตวยแนว
ดอกพิกุล ก่คือดอกแก้ว ไปเป๋นหองเปิ้น แล้ว เหนอ...”
หมู่มวลตบมือกัน สนุกสนาน พวกบัวหอมรำป้อ
นิตยาเดินตามยศลงมาก็เห็นมนัสอีก มนัสรีบก้มหน้าก้มตาออกไป คุณนายนลินีมองตามสายตานิตยา

เกียรติก้องถาม “จิตไม่เป็นไรนะ”
“สบายมากค่ะพี่ก้อง”
“อยากกลับมั้ย”
“ตามใจพี่จีกับพี่ก้องค่ะ จิตยังไงก็ได้”
จีรณะถูกพิมพรเกาะแจ พีรพงษ์พยายามยืนเบียดโสภิต แต่โสก็เถิบหนี จีรณะกับโสภิตแอบมองกัน พอสบตากัน จีรณะก็แกล้งชิดกับพิมพร เห็นโสภิตจ้องไม่พอใจ จีรณะยิ่งแกล้ง เกียรติก้องเดินมา
“กลับยังวะจี”
“ก็ได้” จีรณะบอก
“ดีดี กลับเหอะ งานน่าเบื่อจะตาย”
อาโปบอก พิมพรเซ็ง

ตรงลานจอดรถขณะนั้น มนัสถูกคนของคุณนายนลินีลากมาข้างถนน รุมซ้อม เป็นกระสอบทราย
ลูกน้อง 1 ด่า “แกไม่รู้เหรอ ต้องอยู่ห่างจากคุณนิตยา”
มนัสยกมือขึ้นบังหน้าตากลัว “ชั้นแค่แอบดูเฉยๆ”
ลูกน้อง 2 ตะคอก “ดูก็ไม่ได้ ไปไกลๆ ตีนเลย อย่ามายุ่งอีก”
ลูกน้องทั้งสองเตะจนกลิ้งออกไปผลัดกันเตะ มนัสกลิ้งไปกลิ้งมา

จีรณะเกียรติก้องและอาโปที่เดินมากับจิตรา ชะงัก
“พี่จีดูนั่นค่ะ”
“เฮ้ย ทำอะไรน่ะ”
“จิต อาโป เข้าไปในรถก่อน ล็อกรถ เดี๋ยวพี่ตามไป”
สองหนุ่มวิ่งไปหามนัส ลูกน้องคุณนายสองคนหันมาเห็น
“หยุด พวกแกทำร้ายเค้าทำไม” จีรณะตะโกน
ลูกน้อง 1 ถาม “พอแล้วมั้งพี่” ลูกน้อง 2 บอก “ถอย”
สองคนวิ่งออกไป เกียรติก้องเข้าไปประคองมนัสที่ร้องโอดโอยอยู่ ดูอาการ
“เป็นไงบ้างครับ เกิดอะไรขึ้น เค้าทำร้ายคุณทำไม”
มนัสโบกมือ “ไม่มีอะไร ผมมันไม่เจียมเอง”
“เอ๊ะ นี่คุณทำงานกับท่านผู้ว่าใช่มั้ย”
มนัสไม่ตอบพยุงตัวงอ เขยกเดินออกไป สองหนุ่มมองหน้ากัน งงๆ

นิตยาเดินหลุกหลิกตามหามนัสไปทั่ว คุณนายมาแตะหลัง นิตยาหันขวับ
“กลับเข้าไปในงานเดี๋ยวนี้”
“หนูเห็นพี่มนัส”
“เรื่องนั้น ชั้นจัดการเอง ไม่ใช่หน้าที่ของแก”
“คุณแม่ คุณแม่อย่าทำร้ายเค้านะคะ”
“มันอยู่ที่แกวางตัวยังไงต่างหาก”
นิตยาเหลียวมองอีกรอบ จำใจกลับเข้างาน

คุณนายนลินีบงการให้ลูกน้องยกกล่องใส่ซองเงินช่วยไปที่รถแล้วเดินตาม แม่เลี้ยงวิ่งมาเห็นหลังคุณนายไวๆ
ชีพโผล่มา แม่เลี้ยงมือสั่น ชี้ไป “ นั่นมันเงินช่วยแต่งงานใช่มั้ย”
“ครับ มาขนไปสองรอบแล้ว เต็มท้ายรถเลยครับ”
แม่เลี้ยงอมราโกรธจัด ฟาดหลังชีพเต็มแรง ชีพพยายามหลบงง
“ไอ้บ้า แกปล่อยให้เค้าเอาเงินของฉันไปได้ยังไง ไอ้โง่เอ๊ย”
“ก็ผมไม่รู้ ก็คุณนายบอกว่าเป็นเงินของฝ่ายเจ้าสาว”
“แล้วไปเชื่อมันได้ยังไง ค่าอาหาร ค่าสถานที่ ชั้นก็ต้องออกคนเดียวสิ โอ๊ยเจ็บใจ”
อมราเจ็บใจ ส่วนชีพเซ็ง

ตกดึกคืนนั้นทุกชีวิตดำเนินไปตามทางของตน
นิตยาอ้วกอยู่ในห้องน้ำ เสร็จแล้วก็เดินโซเซออกมาในชุดนอน เจอยศนอนแผ่นอนอยู่บนเตียงคนเดียวในชุดสูท นิตยายืนมองอย่างรังเกียจ หดหู่เศร้าใจ เดินมาอีกฟากเตียง ผลักยศไปแล้วเอาหมอนข้างกั้น ก่อนจะล้มตัวลงนอนหันหลัง น้ำตาไหลริน
ส่วนจิตรานั่งกอดเข่าบนเตียง อาโปนอนข้างเตียง คิดถึงภาพที่ยศชี้หน้าร้องเพลงด่า
จีรณะยืนพิงหน้าต่าง มองสร้อยคอตัวเองยิ้ม คิดถึงภาพที่สร้อยติดกับของโส แกะกัน จียิ้มกรึ่มใจ
เช่นกับโสภิตอยู่หน้ากระจกดูสร้อยข้อมือตัวเอง ยิ้มเหมือนกัน

เช้าวันนี้ แลเห็นบรรยากาศสดใสทั่วบริเวณโรงเรียนบนดอย เกียรติก้องกระโดดลงจากรถ ผิวปากเสียงดัง ท่าทีร่าเริง มือถือถุงขนม เดินตรงมาหาครูลัดดากับครูแหวน
“สวัสดีครับ ผมมีขนมมาฝาก”
ลัดดาทักยิ้มๆ “แหม ผู้กอง วันนี้ร่าเริงเป็นพิเศษนะคะ”
กียรติก้องเขินมีพิรุธ “อะไร ก็ปกติ”
ครูแหวนหัวเราะ“ปกติอะไรคะ หน้าบานเป็นจานดาวเทียมเลย”
“ได้ข่าวว่าควงคุณจิตราออกงาน เมื่อไหร่จะมีข่าวดีคะ” ลัดดาแซว
เกียรติก้องเขิน “ไม่มีอะไรครับ เราเป็นเพื่อนกัน”
อาย้งรีบวิ่งมาหาผู้กอง “ครู เจอพ่อบ้างมั้ย พ่อไม่มาหาอาย้งเลย”
เกียรติก้องอึ้งๆ “ตียูไปทำงาน ถ้าครูเจอ จะบอกพ่อให้มาหาอาย้งนะ”
อาย้งพยักหน้ารับ สายตาเศร้าสร้อยน่าสงสาร

อีกฟากหนึ่ง ตอนกลางวัน ตียูทำงานในป่าลึก กำลังลากไม้ลำต้นเล็กๆ มาวางเรียงกัน มีลูกน้องพีรพงษ์สองคนคุมงาน พอเสร็จตียูเดินไปที่ไม้อีกกองมีผ้าใบคลุม กำลังจะดึงผ้าใบออก แต่มีปืนมาแหย่ที่หลัง ตียูสะดุ้งหันมา
“พวกเดียวกัน อย่าเล่นอย่างนี้”
ลูกน้อง 1 บอก “กองพวกนี้ อย่ามายุ่ง”
“ก็งานตรงนั้นทำเสร็จแล้ว จะมาช่วยงานตรงนี้” ตียูว่า
ลูกน้อง 2 เสียงดัง “ไม่ได้ กองนี้ห้ามแตะต้อง ออกไป”
ตียูพยักหน้ารับเดินออกไป แต่ก็หมายตาไม้กองนี้อยู่

ขณะเดียวกัน จีรณะกับภีมะนั่งคุยกันอยู่ที่สำนักงานสมัชชาเอ็นจีโอ
“สายบอกว่า ทางฝั่งโน้นเริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้ว ทางนี้คงจะเริ่มขยับตาม”
“ล็อตใหญ่มั้ย”
“ผมไม่แน่ใจ ต้องให้ตียูส่งข่าวมาก่อน ถ้าหลักฐานพร้อมคงกวาดได้เร็วๆ นี้”
“แต่พี่เป็นห่วงจี เรื่องบ้านที่ประกันตียู กลัวจะถูกยึด”
“ไม่เป็นไร น่าจะทันครับ ขั้นตอนมันเยอะ คงจะมายึดกันไม่ได้ง่ายๆ”
“แล้วที่จำนำทะเบียนรถไว้ล่ะ”
“ผลัดผ่อนอยู่ครับ หนักหน่อย แต่ก็ไหว”
เสียงโทรศัพท์ดังจีรณะรับ “สวัสดีครับ...ครับ...ว่างครับ ครับ”
จีรณะยิ้ม “ครูใหญ่เพื่อนพ่อผม โทร.มาบอกว่ามีงานให้ทำ เห็นมั้ย ผมไม่หมดทางง่ายๆหรอก”

ไม่นานต่อมาครูใหญ่พาจีเดินดูสนามบอล
“โคชฟุตซอลเก่าเค้าย้ายกลับบ้าน เด็กๆ ขาดโค้ชมาเทอมนึงแล้วถ้าจีมาช่วย ไม่ต้องห่วง ผมมีเงินค่าโค้ชให้”
จีรณะดีใจบอก “ครับ ขอบคุณครับ”
“แล้วจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่”
“วันนี้เลยครับ”

ทางด้านพิมพรเปิดประตูสำนักงานเอ็นจีโอเข้ามา มีบ็อบบี้ยืนอยู่ข้างๆ ภีมะเงยหน้าขึ้น
“สวัสดีครับ มาติดต่ออะไรครับ”
พิมพรเดินเข้ามา “คุณจีรณะทำงานที่นี่ใช่มั้ยคะ คุณจีอยู่รึเปล่า”
“คุณจีจะเข้ามาที่นี่ช่วงกลางวันเท่านั้น เย็นๆ คุณจีจะอยู่ที่โรงเรียนครับ”
“โรงเรียน” พิมพรฉงน
บ็อบบี้หน้าตาดีใจสุดขีด “โรงเรียนอะไรครับ ผมอยากไปโรงเรียน ผมอยากเรียนหนังสือ”
พิมพรหันมามองบ็อบบี้ เก็ทเลย

แม่เลี้ยงอมราพลิกหน้าแฟ้มบนโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ กระแทกแฟ้ม จ้องชีพ
“อะไรกัน รายรับเดือนนี้ไม่ถึงสามแสน มันจะพอจ่ายค่าใช้จ่าย จ่ายเงินเดือนให้พวกแกมั้ย ถามหน่อยซิ”
ชีพนิ่งแม่เลี้ยงด่าต่อ “ค่าเดินทางพันนึง เก็บดอกเบี้ยได้แปดร้อย แกทำได้ยังไง หา”
“ก็ลูกค้าใกล้ๆก็ยกหนี้ไปหมดแล้ว ต้องไปปล่อยลูกค้าไกลๆมันไม่ใช่ถิ่นเรา เก็บหนี้ยาก”
แม่เลี้ยงปาแฟ้มใส่หน้าเปรี้ยง “อย่ามาเถียง ขี้เกียจก็บอกมา”
โสภิตเปิดประตูเข้ามาพอดี ชีพยั๊วมาก
“เรื่องอะไรกันคะ ทำไมต้องทำขนาดนี้”
ชีพกัดฟัน เบือนหน้าไปอีกทาง
“ตอนนี้ชั้นมันดวงซวย มีแต่เรื่องซวยๆ เสียเงินห้าสิบล้านแถมมาชวดซองงานแต่งอีก นังคุณนายนี่มันเขี้ยวจริงๆ”
“เราแค่เสียเงิน แต่เราไม่ได้เป็นหนี้ใครนะคะ เรายังมีอิสระไม่ได้ติดคุกติดตาราง นี่ต้องเรียกว่าโชคดี ไม่ใช่ซวยค่ะ”
“แกยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอยายภิต ฉันส่งแกเรียนบัญชีทำไมตัดสินใจได้แย่กว่าเด็กอมมือ กำไรขาดทุนมันดูที่ตัวเลขกับเงินที่แกมีติดกระเป๋า”
“แม่เห็นว่าภิตความรู้น้อย งั้นภิตขอไปเรียนต่อนะคะแม่”
แม่เลี้ยงไม่ยอมคุยด้วยเดินหนี
แม่เลี้ยงอมราเดินหนีมาถึงห้องโถง โสภิตเดินตามมาเซ้าซี้
“ภิตหาเงินเรียนเองก็ได้ค่ะ ไม่รบกวนเงินของแม่”
พิมพรกับบ็อบบี้เข้ามาพอดี “ดีเลย เพราะแม่จะได้เอาเงินมาให้ค่าเทอมบ๊อบบี้”
อมราตวาด “อะไรของแกอีก ชั้นมันมีกรรม ลูกหลานเอาแต่ล้างผลาญ หาเรื่องใช้แต่เงิน ไม่มีใครหาเงินซักคน”
บ็อบบี้แย้ง “แต่แม่บอกว่าโรงเรียนนี้ ไม่แพงเหมือนโรงเรียนเก่า ถ้าผมทำงานได้ ผมจะใช้เงินคืนคุณยาย”
แม่เลี้ยงซึ้ง “โธ่ หลานยาย ตัวแค่นี้รู้จักคิดจะช่วยยาย”
อมราเก็ททันทีว่าจะให้ภิตอยู่ “ยายภิต นี่แกยังไม่ได้จัดการให้หลานเรียนหนังสืออีกหรือ”
“เราต้องรอรอบการศึกษาใหม่” โสภิตว่า
“ไม่จำเป็น มีเงินจะเข้าเรียนตอนไหนก็ได้ ดีแล้ว แกยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น แกต้องควบคุมการเรียนของหลาน”
แม่เลี้ยงสั่งแล้วก้าวฉับๆ ออกไป ทุกคนงง บ็อบบี้เกาะแขนโสภิต
“ดีใจจังเลย ผมจะได้เรียนหนังสือแล้ว”

เช้านี้ ครูใหญ่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน โสภิต พิมและบ็อบบี้นั่งอยู่อีกด้าน ครูใหญ่ก้มลงมองเช็คตรงหน้าอ่านกระดาษที่แนบมา
“เงินบริจาคเพื่อซื้อคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน”
ครูใหญ่เงยหน้าขึ้นมองพิมพรอธิบาย “แลกกับการรับลูกของดิฉันบ็อบบี้เข้าเรียนกลางเทอมค่ะ”
“เรื่องเข้าเรียนไม่มีปัญหามันมีปัญหาเรื่องวุฒิครับอีกอย่างเค้าเป็นลูกครึ่งผมเกรงว่าจะเรียนไม่ทันเพื่อนๆ”
โสภิตบอก “เรียนไม่เอาวุฒิก่อนก็ได้ค่ะ”
“ทดสอบผมก่อนก็ได้ครับ ครูจีเคยสอนภาษาไทยครับ”
ครูใหญ่ชะงัก “นี่ลูกศิษย์ครูจีรณะหรือ”
บ็อบบี้ยืดอกภูมิใจ

พิมพรจูงบ็อบบี้มาที่สนามฟุตซอล เห็นจีรณะกำลังฝึกให้เด็ก โสภิตตกใจที่เห็นจีรณะที่นี่ บ็อบตะโกนเรียก
“ครูจีคร้าบ ครูจี”
จีรณะงง มองหาต้นเสียง เห็นบ็อบวิ่งไปหา บ็อบบี้ตรงเข้ามาเขย่ามือจีรณะท่าทางดีใจ โสภิตยืนอยู่ห่างๆ พิมพรเดินไปหาจีรณะ
“สวัสดีค่ะคุณจี บังเอิญจังเลยเจอคุณจีที่นี่”
“สวัสดีครับ มาทำอะไรกันครับ”
บ็อบบี้ยิ้มแป้นบอก “มาเรียนหนังสือครับ น้าภิตพาผมมาเรียนที่นี่”
จีรณะมองไปที่โสภิต ทำหน้ากวนๆ สงสัย
“บ็อบบี้อยากเรียนหนังสือมาก โดยเฉพาะเรียนกับครูจีพิมเลยต้องตามใจ”
โสภิตเดินมาตาม “กลับกันเถอะ น้ามีงานต้องทำอีกเยอะ”
“คิดไม่ถึงว่าคุณภิตเป็นแฟนคลับผม ติดตามผมมาทุกที่จริงๆ”
โสภิตตวาด “ชั้นไม่ได้ตามคุณ อย่าสำคัญตัวผิด”
โสภิตโกรธคว้าแขนบ็อบบี้ลากออกมา “กลับ”
บ็อบบี้โบกมือลาจีรณะ เขาโบกมือตอบพิมพรยิ้มแหยๆ “พิมขอโทษแทนน้องสาวด้วยนะคะ ยายพิมนี่ไม่มีมารยาทเลย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ”
“ไปก่อนนะคะ ต่อไปเราคงได้เจอกันบ่อยขึ้น”
“ครับ ยินดีครับ”

โสภิตเดินจ้ำอ้าวจูงบ็อบบี้มาที่รถ พิมพรเดินเร็วรี่ตามมาต่อว่า
“ยายภิต จะรีบไปไหนฮึ”
โสภิตหันไปเล่นงานพิมพร “พี่พิมรู้ใช่มั้ย ว่านาย เอ่อคุณจีอยู่ที่นี่ ถึงตั้งใจให้บ็อบบี้มาเรียนที่นี่”
“แล้วไง”
“ถ้าแม่รู้ แม่ต้องไม่ยอมแน่นอน”
“เรื่องนี้เธอเป็นคนจัดการพาบ็อบบี้มาสมัครเอง อยากเดือดร้อนก็ตามใจ”
พิมพรหันไปนัดแนะลูกชาย “บ็อบบี้ห้ามบอกคุณยายนะ ถ้าอยากมาเรียนที่นี่”
บ็อบบี้ชูนิ้วปฎิญาณ “ครับ บ็อบบี้สัญญา”
พิมพรโยกหัวลูก พาเดินกันออกไป โสภิตขัดใจ
ส่วนจิตราไปตลาดกับอาโป มาแวะที่ ร้านหนานเทือง
“นมเย็นถุงนึง พี่จิตเอาอะไรมั้ย”
หนานเทืองชงนมเย็น จิตราบอก “ไม่จ้ะ”
บัวหอมกับสายพิณเดินมาสมทบ บัวหอมจ๊ะจ๋าแซว “แหม หนูจิต ช่วงนี้ดูสวย ผุดผาดแต๊”
สายพิณเสริม “คนมีความรักก็สวยจะอี้แหละพี่ ผู้กองก็หล่อ หนูจิตก็สวยสมกันเนอะ”
อาโปเชียร์ใหญ่ “ใช่ ใช่ ผู้กองเป็นคนดีที่หนึ่งเลย รองจากนาย”
บัวหอมอยากรู้สุดๆ “จะแต่งงานกันเมื่อไหร่”
จิตรายังไม่ทันพูด มีเสียงดังโครมห่างออกไป ทุกคนหันไปดู
เกิดอุบัติเหตุเด็กวัยรุ่นที่ชาวตลาดคุ้นหน้า มอเตอร์ไซด์คว่ำ ทุกคนวิ่งไปดูกัน

บรรดาไทยมุงทำอะไรไม่ถูก มุงกันแน่น เสียงตะโกนโหวกเหวก
“ตายหรือยัง ตายหรือยัง”
จิตราแหวกคนเข้าไปถึงเด็กบาดเจ็บสายพิณตกใจ “ตายแล้วแหละนิ่งเชียว”
จิตราเข้าจับชีพจร วัดกับนาฬิกาข้อมือตัวเอง และปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธี
“ใครมีโทรศัพท์ โทรเรียกรถพยาบาลด้วย”
สายพิณกดโทรศัพท์ จิตราดึงเสื้อเพื่อดูบาดแผลถอดผ้าผูกผมมารัดเหนือบาดแผล เสียงหวอรถดังเข้ามา จิตราหันไปสั่งอาโป “เอากับข้าวเข้าบ้าน พี่จะไปกับคนเจ็บ”
อาโปรับ “ค่ะ” แล้วเข้าบ้านไป

ที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา พยาบาลออกมาจากห้องผู้ป่วย จิตราเดินมาหา
“คนเจ็บปลอดภัยแล้ว เค้าเป็นญาติของจิตหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ ผ่านมาเจอเฉยๆ”
“หมอเค้าชม ว่ารักษาเบื้องต้นดีมาก คนเจ็บถึงไม่เป็นอะไรพูดแล้วเสียดาย ถ้าจิตราอยู่คงช่วยงานได้เยอะ ตอนนี้คนไข้มาก พวกหมอ พยาบาล ไม่ได้หลับได้นอน”
เจ้าหน้าที่อีกคนเดินมาบอกทั้งสอง “ผอ.ให้ไปพบค่ะ”
พยาบาลบ่น “จะให้งานอะไรอีกล่ะ เฮ้อ...”
เจ้าหน้าที่บอก “หมายถึงพี่จิตราค่ะ”

ด้านจีรณะนั่งขัดเช็ดถูมอเตอร์ไซค์อยู่ พร้อมกับฮัมเพลง อย่างอารมณ์ดี อาโปถือแก้วนมเย็นมาให้ทำท่าสงสัย
“นาย ทำไมยิ้มคนเดียว”
“เปล่า ใครยิ้ม อย่าหาเรื่องน่ะเรา”
จิตราเดินเข้ามา มือถือถุงมาด้วยอาโปเห็น “จะกินข้าวเลยมั้ยจ้ะ”
จิตรายื่นถุงให้อาโป “เดี๋ยวก่อนก็ได้ พี่ซื้อขนมมาด้วย เดี๋ยวเราฉลองกัน”
จีรณะฉงน “ฉลองอะไร”
“จิตได้กลับไปทำงานที่โรงพยาบาลแล้วค่ะ”
จีรณะยิ้ม “จริงเหรอ พี่ก็ได้งานพิเศษเป็นโค้ชบอลที่โรงเรียนเหมือนกัน”
จิตราเข้าไปกอดพี่ชาย “ ดีจัง ต่อไปเราจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ซักทีนะคะพี่จี”
“ใช่ ต่อไปทุกอย่างต้องดีขึ้น”
สองพี่น้องกอดกัน จีรณะลูบหัวจิตราเบาๆ อาโปยิ้ม ชื่นใจไปด้วย

ที่จวนผู้ว่า เช้าวันหนึ่ง ยศกำลังนอนหลับสบายขดตัวอยู่ที่โซฟาห้องหอ นิตยาลุกพรวดวิ่งเข้าห้องน้ำกระแทกประตูห้องน้ำดังปัง บานกระเด้งออก ยศสะดุ้งตื่น พลิกตัวคว้าหมอนมาอุดหู นิตยาโก่งคออาเจียรเสียงดัง
“เฮ้ย เกรงใจกันบ้างสิวะ”
ยศเอามือปัดจมูกหน้าเหยเก “หูย กลิ่น”
ยศหัวเสียลุกขึ้นมาเดินไปที่ประตู ตะโกนลั่น ชะโงกหน้าออกไป”
“ใครอยู่ข้างนอกบ้าง มาเช็ดอ้วกนายแกหน่อยซิ กลิ่นอย่างกะหมาเน่า”
ยศหันไปอีกด้าน เห็นท่านผู้ว่าในชุดทำงานเรียบร้อย เปิดประตูออกมา หน้าเรียบ หันมามอง
ยศจ๋อยรีบผลุบเข้าห้องไป

ผู้ว่าพับหนังสือพิมพ์ คุณนายนลินีเลื่อนชามโจ๊กมาตรงหน้า
“ยังไม่ลงกันมาเหรอ”
“ช่วงนี้ยายนิตทานอาหารเช้าไม่ได้เลย ต้องสายสิบโมงนั่นแหละค่ะ”
“ลูกเขยคนโปรดของคุณ ตั้งแต่แต่งงานไม่เห็นมันทำอะไร”
คุณนายก็เมื่อก่อนเค้าคงช่วยงานแม่ดึก เลยชินกับการตื่นสาย
“ไม่จริง ผมเห็นเศรษฐีที่ไหน เค้าก็ทำงานแต่เช้าทั้งนั้นไอ้พวกตื่นสาย มีแต่พวกเสียคนที่พ่อแม่ตามใจ บอกตรงๆ เทียบกับลูกคนจนอย่างมนัสยังไม่ได้เลย”
นลินีหมั่นไส้ “เจ้ามนัสนี่ รู้สึกจะเป็นคนโปรดของคุณพี่จังเลยนะคะ”
“ก็มันดี ขยัน ตอนนี้ไปรับจ้างทำงานซ่อมรถหลังเลิกงานด้วยกว่าจะเลิกก็ดึก แต่ไม่เคยมาทำงานสาย”
คุณนายแปลกใจ “มันยังไม่ลาออกอีกเหรอ”
“ลาแล้ว แต่ผมไม่ให้ออก คนดีแบบนี้หายาก”
“มันดีแต่เปลือก ทำอะไรเอาไว้รู้มั้ยคะ”
ผู้ว่างง “มันทำอะไร”
นลินีตัดบท “ฉันไปดูยัยนิตดีกว่า”
ผู้ว่ามองคุณนายไม่เข้าใจ นลินีลุกไป

คุณนายนลินีถือแก้วนมเข้ามาในห้อง นิตยานอนแผ่หมดแรง แพ้ท้องมาก
“ทำไมแพ้เยอะอย่างนี้ กินอะไรไม่ได้เลยหรือ”
“ค่ะ เหม็นไปหมด”
ยศนุ่งผ้าขนหนูออกมาคุณนายสั่ง “ยศ เดี๋ยวพาลูกนิตไปหาหมอด้วย น้องกินอะไรไม่ได้เลย”
ยศเซ็งไม่ตอบ เดินเข้าห้องน้ำไปใหม่

ไม่นานหลังจากนั้นยศกับนิตยาเดินเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยกัน
“ผมไปรออยู่ร้านกาแฟนะ”
“เชิญ”
ยศแยกเดินออกไป ไม่สนใจเลย นิตยาเดินไปสองสามก้าว เกิดอาการคลื่นไส้ วิ่งหาที่อาเจียรจิตราผ่านมาพอดี ไปหยิบถาดรองมาให้นิตยาอาเจียร ลูบหลัง อาเจียรจนหมด ไม่รังเกียจ
จิตรารินน้ำยื่นให้ นิตยาบ้วนปาก พอเงยหน้าขึ้นเห็นเป็นจิตราก็อึ้ง
“คุณกลับมาทำงานที่นี่แล้วเหรอ”
“ค่ะ คุณไม่ค่อยแข็งแรง นั่งรถเข็นดีกว่าค่ะ”
จิตราไปเลื่อนรถเข็นมาให้นิตยานั่ง นิตยายอมนั่ง จิตราเดินเข็นไปห้องตรวจ
“คุณนี่เด็ดจริงๆนะ ที่ทำใจได้”
จิตราเงียบ ไม่พูดอะไร “แต่แฟนใหม่คุณก็ดูดีกว่ายศจริงๆ ดูสมาร์ทและเป็นโล้เป็นพายกว่าเยอะ”
จิตราขัดขึ้น “ไปแผนกอะไรคะ”
“สูติ” นิตยาบอก

ด้านยศเดินมาหานิตยา เห็นจิตราเดินออกมาจากห้องตรวจ รีบเข้าไปทัก
“จิต มาอยู่นี่เอง รู้มั้ย พี่คิดถึงแทบเป็นบ้า”
จิตราพูดเรียบๆ “ภรรยาคุณอ่อนแอ ไม่ควรปล่อยให้อยู่คนเดียว”
ยศหงุดหงิด “พี่พูดถึงเรื่องของเราสองคน ไม่ใช่ของคนอื่น”
จิตราหยิบคู่มือการตั้งครรภ์ส่งให้ยศ “ถึงแม้จะแพ้มาก แต่ก็ต้องให้ทานอาหารให้ครบห้าหมู่ แต่ควรลดของหวาน ของมัน”
ยศฉุน “โธ่เว้ย”
“เดี๋ยวคุณแม่ออกมา คุณไปรอที่ฝ่ายการเงินและห้องยาได้เลยข้อมูลส่งทาง on line ค่ะ”

ท่าทีจิตราเฉยมาก แนะนำทำตามหน้าที่จริงๆ ไม่มีความน้อยใจหึงหวง ก่อนจะเดินไป ยศเลยเหวอไป

ต่อจากตอนที่แล้ว
 
จิตราเดินเข้าห้องทำงานมาสงบสติอารมณ์ สูดหายใจเข้าลึกๆ หลายๆครั้ง เพื่อนพยาบาลเดินตามเข้ามา

“มีอะไร ไม่สบายหรือเปล่า”
จิตราสูดลมหายใจอีกครั้ง “ไม่เป็นอะไรค่ะ ตอนนี้ภูมิต้านทานดี ไม่เป็นอะไรง่ายๆ แล้วค่ะ”
จากนั้นจิตราหันไปสนใจแฟ้มบนโต๊ะ เปิดแฟ้ม เพื่อนเลยเดินออกไป จิตราก้มหน้าทำงาน

เช้าวันต่อมาบ็อบบี้นั่งเด่นเป็นสง่าอยู่ท้ายห้องกระเป๋าสะพายดูดี ชุดขาวปิ๊งกว่าใครๆ เด็กรุมล้อมบ้าง แอบดูบ้าง เด็กชายเบิ้มแอบมองตาดุ ครูเดินเข้ามา นักเรียนชาย หญิงลุก หัวหน้าห้องนำเคารพ
“นักเรียน ทำความเคารพ”
นักเรียนชาย หญิงไหว้ครู “สวัสดีค่ะคุณครู” / “สวัสดีครับคุณครู”
บ็อบบี้งง ลุกลี้ลุกลน จะลุกจะนั่ง เด็กๆ หันขวับไปมองบ็อบบี้
“GOOD MORNING TEACHER”
บ็อบบี้ทักเสียงดัง แล้วนั่งงงๆ ครูพยักหน้าทักตอบ
“อ๋อ...เด็กใหม่ GOOD MORNING จ้ะ HOW ARE YOU TODAY”
“JUST FINE THANK YOU AND YOU”
“FINE THANK YOU”
พวกเด็กๆ ยื่นหน้าใส่บ็อบบี้ ลากเสียงยาวตรงฟาย
“ไอ้ฟาย.....”
เด็กๆขำกัน บ็อบบี้งง ครูเอาไม้ตีกระดานดำถี่ๆ หน้าดุ

ที่โรงอาหารในตอนพักเที่ยง ตรงโต๊ะกินข้าว เด็กผู้ชาย 5 คนรวมเบิ้ม เข้ามานั่งกัน ต่างเปิดห่อข้าว กล่องข้าว เห็นไข่เจียว ห่อหมกหน่อไม้
เบิ้มเปิดกระติ๊บข้าวเหนียวมีอึ่งย่างอยู่ในห่อกระดาษ บ็อบบี้เข้ามานั่งด้วย เปิดกล่องอาหารสีสวยสามชั้น มีสปาเก็ตตี้ สลัดผักแบบโคลสลอร์ในร้านดัง และถาดผลไม้ บ็อบบี้มองคนอื่นกินกันแลกกับข้าวกันไปมาอร่อยเป็นที่สนุกสนาน
บ็อบบี้เลื่อนกล่องอาหารตัวเองเข้าไปร่วมแจม
“แลกด้วยๆ กินด้วยกัน”
“ดี เอามา”
เบิ้มเทสลัดผักใส่สปาเก็ตตี้ เด็กๆ หยิบผลไม้ของบ็อบบี้คนละชิ้นสองชิ้น กลายเป็น บ็อบบี้ไม่เหลืออะไรกิน จากนั้นทุกคนเดินหนีไปนั่งอีกมุม บ็อบบี้จ๋อย

บ็อบบี้นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือ เพื่อนมามุง 3 คน
“ขอเล่นมั่ง”
เบิ้มแย่งไปเลย แล้วสามคนแย่งกันเล่น สุดท้ายโทรศัพท์ตกพื้น แบตกระจาย เด็กๆ ตกใจ จะวิ่งหนี บ็อบบี้ดึงแขนคนหนึ่งไว้
“อย่าเพิ่งไป นายทำของเราพัง”
เบิ้มบอก “ยายแกรวยจะตาย เดี๋ยวก็ซื้อให้แกใหม่”
“แต่นายต้องขอโทษ”
“ไม่ขอโทษโว้ย ยายแกเป็นแม่มด รังแกชาวบ้าน โดนอย่างงี้สมควรแล้ว”
เพื่อนจะหนี บ็อบบี้ฉุดรั้งไว้ สุดท้ายเพื่อนหันมาผลักบ็อบบี้ล้ม บ็อบบี้ต้องเก็บโทรศัพท์น้ำตาคลอ
พิมพรเดินเข้ามาเห็นพอดี “บ็อบบี้ ตายแล้ว อะไรเนี่ย ทำโทรศัพท์ตกเหรอ ทำไมไม่ระวังเลย”
“ขอโทษครับ”
พิมพรไม่ใส่ใจสังเกตอะไร สีหน้า รื่นเริง “ไปดูครูจีซ้อมบอลดีกว่า”

เย็นแล้วแม่เลี้ยงอมราประจำที่บนโต๊ะอาหารในคุ้ม มองไปที่เก้าอี้ที่บ็อบบี้นั่ง ถามโสภิต
“บ็อบบี้ยังไม่กลับอีกแหรอ”
“ค่ะ”
“ยัยพิมคงพาลูกไปเที่ยว ช็อบปิ้ง การบ้านไม่ต้องทำกันพอดีทำไมแกไม่ไปรับเอง”
“ภิตไม่อยากไปค่ะ”
“ทำไม”
“ภิตไม่อยากเจอกับ...” แม่เลี้ยงมองรอฟัง “พวกครูที่เคยเป็นลูกหนี้เรา ไม่อยากให้เค้าลำบากใจ”
“อะไรของแก เรายกหนี้ให้พวกมัน มันต้องดีกับเราอยู่แล้ว ไปกลัวอะไร พิลึก”
แม่เลี้ยงลุกเดินไป โสภิตถอนใจ กดโทรศัพท์หาพิมพร ปรากฎเป็นว่าไม่มีสัญญาณตอบรับ

พิมพรกับบ็อบบี้กลับบ้านมาค่ำ โสภิตมาดัก พิมพรหันมาสั่งบ็อบบี้
“เข้าประตูหลังนะ อย่าให้คุณยายเห็นแล้วรีบอาบน้ำ”
“ครับ”
บ็อบบี้วิ่งปรู๊ดออกไปโสภิตฉุน “พี่พิมทำอย่างนี้ ถ้าแม่รู้ ต้องเป็นเรื่องแน่ๆ”
“ร้อนรนเกินไปมั้ง ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”
“ไม่ได้ทำผิด แต่ขัดคำสั่งแม่ พี่ก็รู้แม่ไม่ชอบเค้า”
“แต่พี่ชอบ พี่อยากให้เค้ามาเป็นพ่อบ็อบบี้”
โสภิตตกใจ “พี่พิม”
“ทำไม บอกมาซิเค้าไม่ดีตรงไหน”
“ภิตไม่คิดว่าเค้าจะจริงใจกับพี่” โสภิตบอกตามที่คิด
“นั่นเป็นเรื่องที่พี่ต้องพิสูจน์”
พิมพรเดินเชิดออกไปไม่แยแส
“พี่พิม” โสภิตทั้งโมโหทั้งกลุ้มใจ

เช้าวันต่อมา ครูลบกระดานดำ แก๊งเด็กเบิ้มแอบหยิบสมุดในกระเป๋าสะพายของบ็อบบี้ที่แขวนเอาไว้ ที่พนักพิงเก้าอี้ ส่งต่อกันหย่อนทิ้งนอกหน้าต่าง ยักคิ้วหลิ่วตากัน ครูหันกลับมาไม่เห็น
“เอาล่ะนักเรียน ให้หัวหน้าห้องเก็บสมุดการบ้านภาษาอังกฤษมาให้ครูตรวจค่ะ”
เด็กๆ คว้ากระเป๋าเปิด หยิบแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษออกมาส่งให้หัวหน้าห้องที่เดินเก็บอย่างรวดเร็ว
บ็อบบี้หาสมุดไม่เจอนั่งจ๋อย “ใครรู้ตัวว่าไม่ได้ทำการบ้าน ออกมายืนหน้าห้องด้วยค่ะ”
เด็กชาย 1 หญิง 1 ออกไปยืนหน้าระรื่น บ็อบบี้ตามไปยืนด้วย
“เด็กที่ไม่ทำการบ้าน คือเด็กที่ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่ดีนะคะทำไมถึงไม่ทำการบ้านคะ”
เด็กชาย หญิงประสานเสียง “ลืมครับ” / “ลืมค่ะ”
“ผมทำเสร็จแล้วครับ แต่สมุดการบ้านของผมหายครับ”
เบิ้มและแก๊งเด็กโห่นำ เด็กอื่นๆหัวเราะขำกัน บ็อบบี้ก้มหน้าเสียใจ

ในเวลาต่อมา บ็อบบี้เดินมานั่งดูเพื่อนเล่นตอนพักกลางวัน เด็กหญิงเดินไป “เฮ้ย บ็อบบี้...” บ็อบบี้ชะงักหันไปมองเบิ้มชวน “เล่นซ่อนหากันมั้ย”
แก็งเด็กยิ้มไม่มีเลศนัย บ็อบบี้มองชั่งใจ ค่อยๆยิ้ม

ทุกคนอยู่ที่ตึกร้าง เด็ก 1 ทำเป็นปิดตานับเลขกับเสาตึกแต่แอบดูยิ้มๆ ส่วนหน้าห้องชั้นบนสุดของตึก บ็อบบี้วิ่งตามหมู่มวล
เบิ้มวิ่งนำมาหยุดหน้าห้องหนึ่ง มีกุญแจคล้องสายยูเอาไว้ เบิ้มขยับเอากุญแจออก เปิดห้องชะโงกเข้าไปดู แล้วหันมาหาบ็อบบี้
“บ็อบบี้ ซ่อนในนี้”
หมู่มวลช่วยกันดันบ็อบบี้เข้าห้องไป เบิ้มคล้องกุญแจ
เด็ก 1 วิ่งเข้ามาหาหมู่มวลที่หน้าห้อง หัวเราะกันเฮฮา
เบิ้มทำเสียงลากยาน “บ็อบบี้ หลาน แม่มดอมรา กึ๊กกั๊ก กื๋อ”
บ็อบบี้ตะโกนออกมา “ปล่อยผมๆ เปิดประตูๆ ช่วยด้วย”
แก๊งเบิ้มปิดปากหัวเราะกันวิ่งกลับไปทางเดิม เสียงบ็อบบี้กระหน่ำทุบประตูดังลั่น

บ็อบบี้ตกใจตาโต ทั้งผลักประตู ทุบประตู กระหน่ำ “ปล่อยผมๆเปิดประตูๆช่วยด้วย”
บ็อบบี้หน้าเสีย ขวัญผวา มองไปรอบๆ ห้องมีโต๊ะเก้าอี้ ตู้เอกสารกองกระดาษข้อสอบ ขนาดเอสี่ บ็อบบี้นั่งกอดเข่าร้องไห้ สภาพน่าสงสาร

ส่วนโสภิตนั่งทำงานมีโทรศัพท์เข้ามา หล่อนกดรับ “ค่ะ ดิฉันอัปสรโสภิตเป็นน้าของบ็อบบี้....เอ๊ะ ยังนี่คะ ยังไม่ได้กลับมา ค่ะเดี๋ยวดิฉันจะลองติดต่อพี่สาวนะคะ”

นักเรียนออกจากห้องไหว้ลาครูจนหมดห้อง โสภิตคุยกับครู
“ดิฉันไม่เห็นตั้งแต่พักกลางวันแล้ว ถามเด็กๆก็ไม่มีใครเห็นหรือว่าคุณแม่แกจะรับไปแล้ว”
“พี่พิมปิดโทรศัพท์ค่ะ แต่ดิฉันไม่คิดว่าพี่เค้าจะมารับหลานไปก่อนเวลา”
โสนึกถึงจีรณะขึ้นมา “หรือว่า...” โสภิตวิ่งออกไป

พวกเด็กๆ นักฟุตซอลยืนกันเป็นระเบียบ จีรณะยืนอบรม
“วันนี้เลิกซ้อมเร็วหน่อย อย่าเถลไถลรีบนอนแต่หัวค่ำ อย่าลืมทำการบ้านด้วย ไป แยกย้ายกันกลับบ้าน”
นักเรียน 1 นำเคารพเสียงดัง “ทั้งหมดเคารพ”
นักเรียนไหว้จีรณะพร้อมเพรียง “ขอบคุณครับคุณครู”
นักเรียนแยกย้ายกันไปแล้ว จีรณะเดินมาที่รถมอเตอร์ไซค์ โสภิตเข้ามาเหลียวหาบ็อบบี้ไปมา ก่อนจะเดินเข้าหาจีรณะ
“บ็อบบี้อยู่ไหน”
จีรณะหันไปมองรอบตัวทำหน้าทะเล้นหยิบหมวกกันน็อกใส่
“ไม่รู้ครับ ผมไม่เห็น ไม่ใช่ลูกไม่ใช่หลานผมนี่ จะได้เฝ้าเอาไว้”
โสภิตเข้าคว้าหมวกถอดจจากหัวจี โยนทิ้งกับพื้น
“คนบ้า เป็นครูภาษาอะไรนักเรียนหายไปทั้งคนยังมาทำเป็นทองไม่รู้ร้อน หรือว่าคุณจับตัวบ็อบบี้ไป” โสภิตเข้าทุบตีจีพัลวัน “หลานชั้นอยู่ไหน คุณเอาหลานชั้นไปไว้ที่ไหนบอกมา บอกมาเดี๋ยวนี้”
จีรณะหลบพัลวัน จับข้อมือโสภิตเอาไว้ได้ หน้าเครียด สองคนสบตากัน
“บ็อบบี้หายไปเหรอครับ”
โสภิตเบะปากจะร้องไห้ พยักหน้า

ด้านบ็อบบี้เริ่มอ่อนแรง ยืนทุบประตูไป คิดไปทุบไป พร้อมกับป้องปากตะโกน
“ช่วยผมด้วย” บ็อบบี้ไอแค็กๆ
บ็อบบี้มายืนกลางห้อง สงบสติอารมณ์ สูดลมหายใจลึกๆ เหลียวมองรอบห้องช้าๆ แล้วไปที่กองกระดาษ

โสภิตเดินมาเจอพิมพรขับรถเข้ามาจอด โสภิตเห็นรีบวิ่งเข้าไปหา
“พี่พิมปิดโทรศัพท์ทำไมคะ”
“ก็พี่นวดหน้า ทำสปาอยู่ แล้วเธอนี่มาทำไม ควมคุมความประพฤติพี่กับหลานเรอะ”
โสภิตเปิดรถดู “บ็อบบี้ไม่อยู่กับพี่พิมเหรอคะ”
“บ็อบบี้ก็ต้องอยู่ที่โรงเรียนนี่ซิ”
“บ็อบบี้หายตัวไปตั้งแต่พักกลางวันแล้วคะพี่พิม ภิตกำลังจะออกไปแจ้งตำรวจ”
“อะไรนะ” พิมพรประหลาดใจ
ภารโรงหิ้วกระเป๋าของบ็อบบี้วิ่งมา “คุณครับ ผมเจอแต่กระเป๋านี่”
“ใช่ นี่กระเป๋าบ็อบบี้”

ด้านบ็อบบี้นั่งบนหลังคาตู้เอกสาร หยิบกระดาษหย่อนไปตามช่องหน้าต่างทีละใบๆ ยินเสียงนกหวีดจีรณะ บ็อบบี้ตะลึง รีบหย่อนกระดาษไปสลับกับ เอาส้นเท้ากระแทกตู้เอกสาร
จีรณะเงี่ยหูฟัง ได้ยินเสียงตู้เอกสารโดนส้นเท้าตึงๆๆ เขายิ้มแล้ววิ่งออกไปเป่านกหวีดไปถี่ๆ

จีรณะวิ่งมาข้างตึกร้างยินเสียงส้นเท้ากระแทกตู้ จีรณะเหลียวไปมาเห็นกระดาษปลิวออกมาจากห้องขังบ็อบบี้ จีรณะวิ่งเลาะตึกไป

จีรณะวิ่งมาที่หน้าห้อง “บ็อบบี้ๆ อยู่ในนั้นใช่มั้ย”
“ช่วยด้วย ช่วยด้วยครับครูจี” บ็อบบี้ตะโกนออกมา
จีรณะรีบถอดกุญแจเปิดห้อง บ็อบบี้พุ่งออกมา กอดจีรณะร้องไห้อย่างเสียขวัญ
“ไม่ต้องกลัว ครูมาช่วยแล้ว เราเป็นลูกผู้ชาย ต้องไม่ร้องไห้”
ภารโรงชี้บอก “ผมเจอกระเป๋าตรงนี้ครับ”
พิมพรของขึ้น “ชุ่ยที่สุด เด็กทั้งคนดูแลไม่ได้ คอยดูฉันจะบอกให้แม่มาปิดโรงเรียนไปเลย จะฟ้องเรียกค่าเสียหายพวกแกให้หมดเนื้อหมดตัวด้วย”
โสภิตแปลกใจ “กระเป๋าอยู่นี้แล้วตัวไปไหน”
“ไอ้พวกลูกหนี้แม่มันจับตัวบ็อบบี้ไปเรียกค่าไถ่หรือเปล่า”
พิมพรจะวิ่งไป แล้วชะงักเห็นจีรณะให้บ็อบบี้ขี่คอมา
“บ็อบบี้”
พิมพรวิ่งเข้าไปกอดไว้ทั้งจีทั้งบ็อบบี้ โสภิตมองประหลาดใจ สบตากับจีรณะเป็นเชิงถาม
“บ็อบบี้ถูกขังอยู่ในห้องน้ำตึกเก่า”
“ขอบคุณ ขอบคุณคุณจีที่สุด สามครั้งแล้วที่คุณช่วยบ็อบบี้ไว้ ยู อา มาย ฮีโร่”
โสภิตแอบหมั่นไส้

บ็อบบี้กินแฮมเบอเกอร์ที่โสซื้อมาให้หมดอัน แล้วดูดน้ำอัดลมอย่างหิวโหย
“อิ่มแล้ว ก็บอกมาเดี๋ยวนี้ บ็อบบี้ ใครเป็นคนขังลูก” พิมพรโมโห
บ็อบบี้อึกอัก “ผมจำไม่ได้จริงๆ ครับ มามี้”
“ไม่เชื่อ เรากลัวไอ้เด็กเหลือขอพวกนั้นใช่มั้ย”
“บ็อบบี้ คนที่ทำผิดต้องโดนลงโทษ ถ้าบ็อบบี้ไม่เอาเรื่องเค้าก็ต้องทำแบบนี้อีก” โสภิตซัก แต่บ็อบบี้ยังก้มหน้าไม่บอก “แล้วถ้าคุณยายรู้เข้า บ็อบบี้อาจจะไม่ได้มาเรียนอีกเลยนะ”
“ไม่นะครับ ผมอยากเรียนที่นี่” บ็อบบี้มองจีรณะตาละห้อย
โสภิตมองจีรณะ “คุณใช่มั้ยที่ขู่ไม่ให้บ็อบบี้พูด”
“ผมว่าคำนั้นต้องใช้กับคุณมากกว่า ผมยังไม่ได้พูดอะไรซักคำ”
“ตกลงจะพูดหรือไม่พูดบ็อบบี้ มามี้เองก็ชักโมโหแล้วนะ”
“ขอผมพาบ็อบบี้ไปเดินเล่นซักพักได้มั้ยครับ”
โสภิตขั้นเสียง “ไม่ได้”
พิมพรบอก “ได้ค่ะ”
โสภิตหงุดหงิด “พี่พิม เราควรกลับกันได้แล้วนะคะ”
“แกเอารถมาก็กลับไปก่อนซิ”
โสภิตหน้าหงิก

จีรณะเดินโอบไหล่มากับบ็อบบี้
“ครูรู้ว่าทำไมบ็อบบี้ไม่ยอมบอกว่าใครเป็นคนแกล้งบ็อบบี้”
บ็อบบี้มองหน้าจีรณะ
“บ็อบบี้กลัวว่าถ้าพวกนั้นถูกลงโทษ เค้าก็จะยิ่งเกลียดบ็อบบี้ ใช่มั้ย”
“ครับ”
“แล้วบ็อบบี้รู้มั้ยว่า ทำไมเพื่อนๆถึงไม่ชอบบ็อบบี้”
“เค้าบอกว่าผมเป็นหลานแม่มดใจร้าย เค้าเกลียดคุณยาย...” จีรณะอึ้งไป “คุณยายต้องทำอะไรที่ไม่ดีมากๆ”
บ็อบบี้เศร้า จีรณะถอนใจ
พิมพรยืนกอดอกยิ้มปลื้ม มองอยู่อีกมุมหนึ่งเห็นจีรณะกับลูกชาย ไกลๆ โสภิตอยู่ด้วย
“ดูซิ สองคนนั่นยังกะพ่อลูกกัน”
“ทำไมพี่พิมไว้ใจเค้าง่ายๆ เค้าเกลียดครอบครัวเรา พี่พิมก็รู้”
“รู้ซิ คนดีๆ ไม่มีใครชอบพวกเราหรอก...เพราะฉะนั้น เราควรจะพาคนดีเข้าครอบครัว อย่างน้อย บ็อบบี้จะได้เห็นว่าผู้ชายไม่ได้เลวเหมือนเจ้ายศทุกคน”
“เขาอาจะเสแสร้งทำดีเพราะมีจุดประสงค์แอบแฝงก็ได้”
“ก็คอยดูกันไป”

จีรณะพยายามอธิบายบ็อบบี้ “ผู้ใหญ่ก็ทำผิดได้ แล้วเวลาที่ผู้ใหญ่ทำผิดก็มักจะไม่รู้เพราะไม่มีใครคอยตักเตือนสั่งสอน”
บ็อบบี้คิดตาม “แล้วบ็อบบี้จะทำยังไงให้เพื่อนๆหายเกลียดคุณยาย”
“ทำดีกับพวกเค้าไง เค้าเกลียดคุณยายมากเท่าไหร่ บ็อบบี้ก็ทำดีกับเค้ามากเท่านั้น”
“ถ้าทำแล้วเค้าก็ยังเกลียดคุณยายอยู่ละครับ”
“ความดีทำยาก แต่ถ้าทำได้ เราจะภูมิใจที่สุด จำไว้ บ็อบบี้”

จีรณะเดินมาส่งพิมพรกับบ็อบขึ้นรถ
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ คุณจี”
“ครับ ส่วนเรื่องเด็กๆ ที่ทำผิด ผมจะช่วยดูให้ แต่ยังไงก็อย่าเพิ่งให้เป็นเรื่องใหญ่นะครับ”
“ค่ะ ฉันเชื่อคุณ” พิมพรตาหวานใส่
“พรุ่งนี้เจอกัน บ็อบบี้”
บ็อบบี้ไหว้ใบหน้ายิ้มแย้ม พิมพรขับรถออก จีรณะหันไป เห็นโสภิตกอดอกมองอยู่
“พี่พิมเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เชื่อ”
“เค้าเรียกไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่”
“เรื่องอะไรๆ มันก็จบไปหมดแล้ว ทำไมถึงไม่ต่างคนต่างอยู่ มายุ่งกับครอบครัวฉันอีกทำไม”
จีรณะพูดทีเล่นทีจริง “เรื่องหัวใจใครมันจะห้ามได้ละคุณ”
โสภิตโมโหมาก “ฉันนี่แหละจะห้าม สิ่งที่คุณคิดไม่มีทางสำเร็จ”
“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมคิดอะไร คุณอาจจะเดาผิดก็ได้”
“คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
โสภิตสะบัดหน้าเดินไปขึ้นรถจีรณะตะโกนตาม
“เรื่องแบบนี้มันต้องพิสูจน์ คุณอัปสรโสภิต”
จีรณะยิ้มกริ่ม โสภิตขับรถออกมาแกล้งเฉี่ยว จีรณะกระโดดหลบแทบไม่ทัน โสภิตสะใจ
“แสบตามเคย ยัยอุตพิด”

สามคนอยู่ในสำนักงาน ในคุ้มอมรา แม่เลี้ยงอมรา และพีรพงษ์ นั่งมองโสภิตที่อ่านข้อมูลในโน้ตบุ๊ก สองคนสบตากันไปมา โสภิตกอดอกพิงพนักเก้าอี้ แม่เลี้ยงมองลุ้นๆ
“ว่ายังไงภิต ผ่านมั้ยลูก”
“โครงการทำบ้านน็อกดาวน์ ถอดประกอบขายก็น่าสนใจดีค่ะ แต่ในแง่ธุรกิจ มันง่ายไปรึเปล่าค่ะ ให้เราเป็นหุ้นลม แต่แบ่งกำไรให้ตั้งห้าสิบเปอร์เซ็นต์”
โสภิตมองพีรพงษ์
“อ้าว...ก็ดีสิลูกฝ่ายเรามีแต่ได้คุณพงษ์เค้าอุตส่าห์ให้แต่เงื่อนไขดีๆ กับเรา”
“โถ...แม่เลี้ยงครับ ผมทำทุกอย่างก็เพื่อแม่เลี้ยง อีกไม่นานเราก็จะเป็นทองแผ่นเดียวกันอยู่แล้ว”
แม่เลี้ยงยิ้ม เอื้อมมือไปแตะแขนพีรพงษ์
“ธุรกิจนี้มีอะไรผิดกฎหมายรึเปล่าคะ” โสภิตขัดขึ้น
อมราหุบยิ้มชักมือกลับ “นั่นน่ะสิ ป้าไม่เอาแล้วนะเข็ดไอ้เรื่องเสียงคุกเสี่ยงตะรางเนี่ย”
“โธ่ น้องภิต ดูรายละเอียดสิครับ เราแค่สร้างบ้านตัวอย่างให้ลูกค้าเลือก ตอนนี้กำลังเป็นที่ต้องการในตลาดจีน ส่งข้ามไปทางสามเหลี่ยมทองคำถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง”
แม่เลี้ยงดูเอกสาร “คุณพงษ์เค้าให้ตายศเป็นผู้จัดการ โอ้โห...เงินเดือนตั้งหลายหมื่น”
“ส่วนน้องภิตเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ แม่เลี้ยงเป็นประธานบริษัทตกลงตามนี้นะครับ”
โสภิตลุก “ไม่ค่ะ งานนี้ภิตขอเป็นแค่ที่ปรึกษาดีกว่า”
พอพูดจบโสภิตก็ออกไป แม่เลี้ยงสบตากับพีรพงษ์งงๆ

ฟากแก๊งเด็กเดินกร่างมา บ็อบบี้ถือกล่อง มายืนขวางทาง เด็กๆ หยุด
เด็ก 1 ถามเอาเรื่อง “มีอะไรไอ้หรั่ง อยากเข้าไปนอนในห้องน้ำอีกเหรอ”
บ็อบบี้ ยื่นกล่องขนมให้แก๊งเด็ก “เราซื้อขนมมาฝากพวกนาย”
เด็กๆ งง เด็กคนหนึ่งรับมาเปิดดู เป็นโดนัทสีสวยอันใหญ่หลายอัน บ็อบบี้ยิ้มให้ แล้วเดินไป
พวกเด็กๆนั่งกินโดนัทกันอย่างเอร็ดอร่อย บ็อบบี้แอบดูยิ้มพอใจ

ขณะที่จีรณะยืนอยู่ข้างสนาม คุมซ้อม บ็อบบี้มารายงานผล
“ดีแล้วครับ คนที่รู้จักให้ก็จะมีแต่ได้รับ อย่างน้อยก็ความอิ่มเอมใจสุขใจที่เป็นผู้ให้”
“ครับ ผมแฮ้บปี้มากๆ”
มีลูกบอลลอยมาบ็อบบี้เอาอกพักบอล แล้วเตะบอลคืนไปในสนาม
“เฮ้ยไอ้เสือบ็อบบี้ มีฝีมือเหมือนกันนี่เรา”
“อยู่เมืองนอกผมเล่น ซ็อกเกอร์กับเพื่อนๆ บ่อยครับ ทำยังไงผมถึงจะได้เข้าทีมของโรงเรียนครับครูจี”
จีรณะครุ่นคิดเดินเข้ามาหา “ต้องขออนุญาตคุณแม่ก่อน เป็นนักกีฬามันเหนื่อย ต้องฝึกซ็อม เดี๋ยวการเรียนจะเสีย”
“รับรองครับผมจะเรียนดี กีฬาเด่น เป็นเจนเทิลแมน”
บ็อบบี้กำหมัด กระชากศอกลงพื้น มุ่งมั่น จีรณะยิ้มเอ็นดู

เช้าวันนี้ พีรพงษ์เดินนำหมู่มวลเข้ามาในออฟฟิศตกแต่งหรูหรา ทันสมัย ยศโผเข้าไปนั่งเก้าอี้ที่โต๊ะกลางห้อง
“ผมขอคอมเก็บข้อมูลตรงนี้ด้วยแล้วก็ติดตั้งระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ที่โต๊ะประชุม อ้อ...ตู้เย็นเล็กๆ เอาไว้ใส่เครื่องดื่มเย็นๆ ตรงมุมห้องด้วย”
“ได้ทุกอย่างที่ต้องการครับผู้จัดการ”
แม่เลี้ยงอมรายิ้มพาคุณนายนลินีไปนั่งที่โซฟา แม่บ้านเข้ามาเสิร์ฟน้ำ
“ฮวงจุ้ยดีนะคะ อนาคตธุรกิจรุ่งเรืองแน่ แม่เลี้ยงนี่กว้างขวางนะคะ รู้จักแต่คนใหญ่ๆโตๆ” นลินีอวย
แม่เลี้ยงปลื้ม “พวกเรามันว่านเครือเดียวกันอยู่แล้วอีกไม่นานตาพงษ์กับยัยภิตก็ต้องแต่งงานกัน เรือล่มในหนองทองจะไปไหนจริงมั้ยคะคุณนาย”
นิตยาเบื่อ เดินเลี่ยงไปที่หน้าต่าง เปิดออกแคบๆ สูดลมหายใจ
โสภิตเข้ามาประกบเป็นห่วง เปิดหน้าต่างกว้างออกให้
“หายใจไม่สะดวกเหรอคะ เอายาดมมั้ย เดี๋ยวภิตไปเอาที่รถให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ได้อากาศบริสุทธิ์แค่นี้ก็พอ”
พีรพงษ์เข้ามาหาโสภิต “น้องภิตต้องการห้องทำงานส่วนตัวมั้ยครับ ผมจะพาไปดู”
“ภิตบอกแล้วไงคะ งานนี้ขอช่วยดูห่างๆ เผื่อพี่ยศไม่ไหว ห้องทำงานไม่จำเป็นหรอกค่ะ”
“รับสมัครเลขาซักคนสองคนก็ดีนะ คุณพงษ์ จะได้ไม่ต้องกวนยัยภิตเค้า”
พีรพงษ์เดินไปนั่งที่โต๊ะ แม่เลี้ยงด่าลูกชายปัญญาอ่อน “ฝันไปเถอะ เลขงเลขา ชั้นจะให้ยัยภิตคอยตรวจสอบการทำงานของแก ตั้งใจทำงานให้ดีก็แล้วกัน”
นิตยาพูดเบาๆ กับโสภิต “นิตไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ คุณภิต”
จากนั้นนิตยาเดินเลี่ยงออกไปโสภิตมองตามเป็นห่วง นิตยาเดินผ่านหน้าห้องน้ำในออฟฟิศออกไป

โสภิตเดินตามเมียงมองมาด้วยสีหน้าสงสัย ยินเสียงนิตยาดังเข้ามา เป็นน้ำเสียงโมโหสุดขีดแต่สะกดอารมณ์
“อยู่ดีๆ โทรศัพท์เค้าไปอยู่ที่คุณได้ยังไง...ซื้อที่ไหนที่ห้างหรือที่ตลาด...นี่อย่ามาปากดีกับชั้นทำไมชั้นจะไม่มีสิทธิถาม”
นิตยาพูดโทรศัพท์ต่อ “พี่มนัสเจ้าของโทรศัพท์เค้าเป็นแฟนชั้น ฮัลโหลๆๆๆ นังบ้า”
นิตยากดวางสายโมโหสุดๆ โสภิตตกใจ แปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน

หนานเทือง บัวหอม นั่งจ้องสายพิณที่นั่งมองโทรศัพท์มือถือในมือ
“ไผโทร.มาด่า ไหนว่าเพิ่งไปเทิร์นเครื่องมือสองมาถูกๆ”
บัวหอมเชียร์ “โทร.กลับไปด่ามันเลย จะนั่งเฉยอยู่จะใด”
สายพิณเครียด “อย่าดีกว่า เจ้าของร้านเค้าอู้ว่า เจ้าของเดิม ผู้ชายเป็นข้าราชการที่ศาลากลาง เดี๋ยวผัวเมียมันดีกัน ฮู้ว่าเฮาใช้เครื่องด่ากับเมียมันจะยุ่งเปล่าๆ”
หนานเทืองชม “คิดดีมีพุทธิปัญญา อนุโมทนาสาธุ”
ลูกค้าเข้าร้าน หนานเทืองลุกไปรับลูกค้า

ในห้องรับรองของออฟฟิศหรู แม่เลี้ยงอมรา และ คุณนายนลินี ผลัดกันดูแหวนที่นิ้วไปมา
โสภิตปิดหน้าต่างไป เหลียวไปดูที่ประตู นิตยาเข้ามาซึมๆ
“เชิญครับเชิญๆ ไปฉลองกันหน่อยดีกว่า เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของพวกเราในอนาคต”
“ในฐานะกรรมการผู้จัดการ ผมขอเป็นเจ้ามือเอง”
ยศผายมือ สบตากับแม่เลี้ยง แม่เลี้ยงทำปากด่า “ไอ้โง่”
“หนุ่มๆ สาวๆ ไปกันเถอะ ชั้นกับแม่เลี้ยงจะไปร้านเพชรกันต่อ” คุณนายดูแหวนตัวเองพูดกับแม่เลี้ยงเบาๆ “น้ำไม่ใส ไฟไม่เล่นต้องเปลี่ยนใหม่ใช่มั้ยคะ”
แม่เลี้ยงหน้าจ๋อย “ค่ะ ค่ะ”
หมู่มวลลุกไปรวมจะออกไป “ภิตกลับคุ้มก่อนนะคะ ต้องแวะตลาด ป้าพวงฝากซื้อกับข้าวเยอะแยะเลย”
โสภิตพูดแล้วออกไปทันที
“นิตมึนๆ หัว จะไปโรงพยาบาลให้คุณหมอตรวจดูซักหน่อยดีกว่าค่ะ” นิตยาว่า
แม่เลี้ยงรีบเข้าจับแขนยศลากไปหานิตยาทันที
“รีบพาหนูนิดไปโรงพยาบาลเร็วเข้าจะชักช้าร่ำไรอยู่ทำไมตายศ”

นิตยาเดินเข้ามากับยศ
“พี่ยศรออยู่แถวนี้ละค่ะ ไม่ต้องไปที่ห้องตรวจหรอก”
“ได้ แล้วก็ไปฟ้องแม่ว่าผมไม่ดูแลคุณล่ะ”
นิตยาเดินออกไป
ยศยืนชะเง้อชะแง้หาจิตรา เห็นจิตราเดินมาพอดีถือแฟ้มเลี้ยวไป ยศตาม นิตยาเข้ามามอง ยิ้มเหยียด

จิตราถือแฟ้มเดินมาตามทาง ยศเข้าขวาง จิตราตกใจ
“พี่ คุณยศ...มีธุระอะไรไม่ทราบ”
ยศทำหน้ายิ้มมีความสุข “อ้าว...ก็พาเมียมาตรวจครรภ์ คนท้องคนไส้ผัวก็ต้องเอาใจใส่ดูแลไม่ใช่เหรอ”
จิตรายิ้มเรียบๆ เดินไปต่อ ยศตาม “ขอให้เด็กกับแม่ปลอดภัยแข็งแรงนะคะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ตอนนี้พี่เป็นผู้จัดการบริษัทสร้างบ้านสำเร็จรูปส่งเมืองนอก ฐานะอย่างพี่เพื่อลูกกับเมียอันเป็นที่รัก ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบเสมอ”
จิตราหยุดเดิน “ฟังแล้วน่าอิจฉาคุณนิตยาจริงๆ แต่จิตว่าพี่ยศควรไปรอใกล้ๆ ห้องตรวจดีกว่า เดี๋ยวคุณนิตตรวจเสร็จจะหาไม่เจอ”
จิตราเดินต่อ ยศคิดมุก เดินตามประกบ “แล้วเธอล่ะ เมื่อไหร่จะได้รอดซุ้มกระบี่เป็นคุณนายผู้กอง ตชด.ซะที เวลามีความสุขอยู่กับมันอย่าเผลอเรียกชื่อพี่เข้าล่ะเดี๋ยวผู้กองเค้าจะหึง”
จิตราหน้าเฉย ยศตามติด

จิตราเดินมาหยุดหน้าประตูห้อง แสงสลัวอึมครึม ยศมองแต่หน้าจิตรา
“จิตมีงานที่ห้องนี้ ขอตัวนะคะ”
ยศเยาะเย้ย “ขอเค้า ขอตัวอะไรยังคุยกันไม่จบเลย”
จิตราเปิดประตูห้องเห็นศพนอนบนเตียง มัดเป็นเปลาะๆ เพิ่งมาจากมูลนิธิ มีเลือดกระเซ็นซึมเป็นดวงๆ ยศตาเหลือก มองหน้าจิตรา เงยมองขอบบนประตู เห็นป้าย ห้องดับจิต จิตราเดินเข้าไปที่ศพ ดูแผ่นรายงานที่แปะบนศพ เปิดแฟ้มดู
“เข้ามาสิคะ จิตทำงานไปคุยกันไปก็ได้”
จิตราทำท่าจะแกะเปลาะเชือก “บ้า บ้าแล้ว”
ยศผละจากไปอย่างหัวเสีย จิตราส่ายหน้าจดรายงาน

มนัสที่ใบหน้ามีรอยช้ำสองรอยที่แก้มกับคางนั่งดูเอกสารตรงโต๊ะหน้าห้องผู้ว่า เซ็นชื่ออยู่ นิตยาเข้ามาเงียบๆ หน้าง้ำหน้างอ มนัสเหลือบตาเห็นนิตยามายืนหน้าโต๊ะ ตกใจ แต่ระงับอารมณ์ ลุกยืน
“มาหาท่านผู้ว่าเหรอครับ เดี๋ยวผมเข้าไปเรียนให้ท่านทราบ”
นิตยาเดินไปทักหน้ามนัสมองอย่างหึงหวง “ผู้หญิงที่พูดโทรศัพท์กับนิตเป็นใคร พี่มนัสเอาโทรศัพท์ไปให้ใครใช้”
มนัสครุ่นคิดตอบเรียบๆ “อ๋อ...ผมขายไปวันก่อนแล้วก็เปลี่ยนเบอร์ ขอโทษ ไม่รู้ว่าคุณจะโทร.มา”
นิตยาโกรธซอยเท้ายิกๆ “นี่พี่มนัส ไม่ต้องมาทำพูดคุณผมกับนิดนะ ทำเป็นห่างเหิน ลืมไปแล้วเหรอคะ ว่าเราเป็นอะไรกัน แล้วนี่หน้าตาไปโดนอะไรมา”
นิตยาจะจับหน้ามนัสดู มนัสเบี่ยงตัวปัดป้องมือนิตยา “อุบัติเหตุครับ อย่าสนใจเลย คุณนิตกลับไปเถอะ”
“ฝีมือคุณแม่ใช่มั้ย”
นิตยานิ่งค่อยๆ เอื้อมมือจะแตะหน้ามนัส สบตากันอย่างอัดอั้นตันใจ
จู่ๆ นิตยาขย้อนอ้วก รีบปิดปาก มนัสเลิ่กลั่กเอาถังขยะมารอง นิตยาอ้วกพรวดๆ มนัสเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดปากให้ไปมา นิตยากล้ำกลืนกระแอมไอ
“เป็นไงบ้าง คุณควรไปหาหมอนะครับ”
“พี่เป็นห่วงนิตด้วยเหรอ”
มนัสมองอย่างเจ็บปวด ผู้ว่าเปิดประตูออกมา นิตยา มนัส เด้งออกจากกัน นิตยาทำเป็นไอ ซับหน้าซับตา มนัสยืนเจียมเนื้อเจียมตัว
“อ้าวยัยนิด มาทำอะไรที่นี่ มีอะไรรึเปล่า”
“ปละ...เปล่าค่ะ นิดจะมาถามคุณพ่อว่ามื้อเย็นอยากจะรับอะไรดีค่ะ จะได้ช่วยคุณแม่ทำกับข้าวกัน”
“โธ่โทร.มาก็ได้ เย็นนี้พ่อไม่ว่าง มนัสไปกันเร็ว ท่านอธิบดีสั่งให้เราไปเจรจากับชาวบ้านม็อบลำไย ค่ำๆ พ่อกลับ กินข้าวเย็นกันไปก่อนเลย”
ผู้ว่าพูดไปเดินไป มนัสรีบหยิบกระเป๋าเอกสาร โทรศัพท์บนโต๊ะ ตามผู้ว่าไป หันมาสบตากับนิตยา

คืนนั้น ยศและนิตยาในชุดนอนอยู่ในห้องนอน นิตยานั่งแปรงผมที่โต๊ะเครื่องแป้ง ยศนั่งตัดเล็บเท้าที่เตียง นิตยาเหลียวไปมองยศ หยามๆ
“ใครสั่งใครสอนให้ตัดเล็บบนเตียงนอน อย่าลืมเก็บเศษเล็บ ให้เกลี้ยงล่ะคะ เดี๋ยวมันทิ่มเนื้อทิ่มตัวนิด แหวะ...คลื่นไส้...”
ยศบี้ๆหนังซอกเล็บหยิบมาดู ทำท่าจะดม นิตยาขย้อนๆ แต่ไม่อ้วก หยิบยาเทน้ำใส่แก้วกิน ยศเก็บเศษเล็บใส่กระดาษทิชชูทิ้งขยะ ปัดเตียงไปมา
“อยากอ้วก ก็อ้วกไปไม่ดูแลหรอก ผมรู้ว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกผม... แล้ววันนี้คุณนิดหายไปไหน ผมหาซะทั่วโรงพยาบาล”
นิตยาทาครีมบำรุงผิวไปมาไม่สนใจ “ถามหมอ หมอก็ว่าคุณไม่ได้ไปตรวจ...คุณนิดมีอะไรลับลมคมนัยกับผมรึเปล่า”
“ก็แค่ให้พี่ยศได้มีโอกาสพูดจาโอภาปราศรัยกับคุณพยาบาลแฟนเก่าบ้างไม่ดีเหรอคะ”
นิตยาเดินไปที่เตียง ยศเขยิบตัวไปนั่งหัวเตียง กอดอกมองนิตยาทั่วร่างทำตาหื่น นิตยายิ้มเยาะ ชี้ไปที่มุมห้องที่โซฟา นิตยาทำครุ่นคิด พูดขู่
“เอ...หรือจะให้นิดไปรายงานแม่เลี้ยงว่าคุณจิตรากลับมาทำงานที่โรงพยาลแล้ว ยังมีใจเป็นห่วงเป็นใยกันอยู่ไม่ใช่เหรอคะ”
ยศโกรธลุกจากเตียงไปที่นอนมุมห้อง นิตยาขึ้นเตียงห่มผ้าหลับตา
“เราอยู่กันอย่างปรองดอง ต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะคะ วิน วิน อ้อถ้าจะนอนปิดไฟด้วยนะคะ ช่วยชาติประหยัด”
ยศแค้น

ยศนั่งอยู่ในออฟฟิศ เซ็นเอกสารอย่างเร็วสามแผ่นสุดท้าย หลังเซ็นไปแล้วสิบแผ่นบนโต๊ะ พีรพงษ์เก็บเอกสารรวบในมือ
“ดีๆ ใช้ได้ลายเซ็นเหมือนในสำเนาบัตรประชาชนเปี๊ยบ ฝีมือๆ”
โสภิตเข้ามาเห็นพอดี รีบเดินมาที่โต๊ะ “พี่ยศเซ็นเอกสารอะไรคะ ตั้งหลายแผ่น”
พีรพงษ์รีบเก็บเอกสารใส่กระเป๋า
“ก็เอกสารงานทั่วๆ ไป คุณพงษ์เค้าตรวจทานแล้วไม่มีอะไรหรอก” ยศว่า
โสภิตหน้าเข้ม “ยังไงก็ต้องอ่านให้ดี ก่อนที่จะเซ็นชื่อของเราลงไป ขอภิตอ่านดูก่อนนะคะคุณพงษ์”
“ใบออเดอร์ สั่งสินค้าธรรมดาๆ นั่นแหละน้องภิต ไม่ต้องห่วง” พลางพีรพงษ์จับมือโสภิต แต่โสภิตสะบัด “ผมจะทำสำเนาให้น้องภิตดูวันหลัง ตอนนี้ไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะครับ หิวแล้ว”
ยศสบตากับพีรพงษ์ “เออดีๆ ไปกันสองคนนะ พี่ขออยู่ออฟฟิศทำงานต่อ”
“ภิตไม่หิวค่ะ อยากกลับไปเคลียร์งานที่บ้านเหมือนกัน”
โสภิตเดินออกไป

ที่โต๊ะสนุ้กในร้านของพีรพงษ์ ชีพยืนดูพีรพงษ์ แทงลูกสนุ้กกระจายเล่นกันไปคุยกันไป ฝนหัวคิวไป
“คุณอัปสรโสภิตของแกนี่ฉลาดเป็นกรดจริงๆ รู้ทันดักคอชั้นทุกเม็ด ทำอะไรถูกกฎหมายมันจะไปรวยได้ยังไงวะ มันต้องรู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง คอยดูโครงการแปลงไม้พยูงของชั้นก็แล้วกัน”
ชีพท้วง “แต่มันก็เสี่ยงจริงๆ นะครับ ทางอีสานจับกันโครมๆ ทั้งป่าไม้ทั้งตำรวจ”
“ก็เพราะอย่างนั้นน่ะสิ แทนที่จะส่งไม้ข้ามโขงทางอีสาน เราก็เอามาแปลงร่างแล้วส่งข้ามชายแดนทางเหนือซะก็สิ้นเรื่อง”
ชีพทึ่งฝนไม้คิวครุ่นคิด “เรื่องฉลาดๆ หลักแหลมอย่างนี้แม่เลี้ยงคิดไม่เป็นจริงๆ สู้คุณพงษ์ไม่ได้”
“นินทาเจ้านายลับหลังอย่างนี้มันไม่ดีนายชีพ”
ชีพแทงลูกสนุ้กสุดแรงระบายอารมณ์ ก่อนจะวางไม้บนโต๊ะกระแทกแรงๆ
“ผมทนแม่เลี้ยงไม่ไหวแล้วคุณพงษ์ เดี๋ยวนี้เลือดจะไปลมจะมา เจ้าอารมณ์ไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจตัวเอง ผมอยากจะลาออกมารับใช้คุณพงษ์จริงๆ”
พีรพงษ์วางไม้แล้วเดินไปกอดไหล่ชีพ
“ถ้าอย่างนั้นก็พิสูจน์ฝีมือให้ชั้นดูก่อน นายยศบอกเคยเห็นคุณภิตแอบพบกับผู้ชายตอนดึกๆ สืบมาว่ามันเป็นใคร”
ชีพรับฟังนัยน์ตาดุดัน พยักหน้าช้าๆ

บ็อบบี้เลี้ยงบอลอยู่ที่สนามหน้าคฤหาสน์ โสภิตขับรถเข้ามา
โสภิตมองหารถพิมพร “ทำไมวันนี้บ็อบบี้กลับเร็วจัง”
“มามี้บอกว่าจะไปธุระกับครูจีเลยมาส่งบ็อบบี้ก่อนครับ”
“แล้วเค้าบอกรึเปล่าจะไปธุระที่ไหนไปทำอะไร
“โน ไม่ได้บอกครับ”
ฟังหลานบอกโสภิตร้อนใจ

โสภิตในชุดนอน หน้าเครียดกดโทรศัพท์หาพิมพรสามครั้ง ติดแต่ไม่รับ โสภิต หงุดหงิด ครุ่นคิด ตัดสินใจกดโทรศัพท์หาจีรณะ
จีรณะ นั่งพิงโซฟาในออฟฟิศสมัชชา รับโทรศัพท์
“สวัสดีครับ”
“คุณอยู่ที่ไหน”
“อะไรกัน คุณ อยู่ดีๆ ก็มาถามว่าผมอยู่ที่ไหน ถ้าไม่ใช่แฟนเค้าไม่ละลาบละล้วงถามกันแบบนี้หรอก ผมก็อยู่สำนักงานผมซิครับ”
“ฉันขอพูดกับพี่พิม”
โสภิตเสียงแข็ง จีรณะพูดตอบเสียงเรียบธรรมดาๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ คุณพิมเค้าโตแล้วดูแลตัวเองได้”
โสภิตเครียดฟังแล้วคิดไปในทางลบ “นี่อย่าพูดมาก ขอชั้นพูดกับพี่สาวชั้นเดี๋ยวนี้”
“ใจเย็นๆ สิคุณ ผมไม่ได้บังคับขู่เข็ญหักหาญน้ำใจคุณพิมซักหน่อยโตๆ กันแล้วน่าจะเข้าใจนะ”
“ถ้านายล่วงเกินพี่สาวชั้น ชั้นจะฆ่านาย”
โสภิตกดวางสาย คว้ากุญแจรถ หยิบเสื้อคลุมมาใส่ทับชุดนอน รีบออกไป
ขณะโสภิตขับรถออกไปจากคุ้ม ชีพยืนพิงเสาแอบมองตามไป

เสียงระดมทุบประตูออฟฟิศดังลั่น จีรณะเปิดล็อก โสภิตผลักประตูเข้าไปกลางห้องทำงานกวาดตามองไปทั่วห้อง จีรณะเดินตามงงๆ
โสภิตมือหนึ่งกำโทรศัพท์ อีกมือกำกุญแจรถแน่น
“พี่พิมอยู่ไหน”
“ผมจะไปรู้ได้ยังไง กินข้าวกันเสร็จผมก็ขอให้คุณพิมมาส่งที่นี่ แล้วคุณพิมก็ออกไป”
โสภิตมองหน้า จีรณะตีหน้าซื่อ “ก็คุณพูดเหมือนกับว่า พี่พิมอยู่กับคุณ แถมยังพูดจาน่าเกลียดเหมือนว่า…”
จีรณะถาม “ว่าอะไร”
โสภิตได้คิดอ้ำอึ้ง “นายนี่มัน....กวนประสาทที่สุด”
โสภิตจะไปจีรณะดึงไว้ “เอาเถอะ ไหนๆ คุณก็มาแล้ว อยู่คุยกันก่อน”
“ชั้นไม่ได้มีอะไรอยากคุยกับคุณ เสื้อผ้าก็...”
จีรณะมองสำรวจเรือนร่างโสภิต ในชุดนอน
“ถ้าผมคิดจะทำมิดีมิร้ายคุณ ผมทำไปตั้งแต่เราอยู่กันบนเขาริมน้ำตกนั่นแล้ว รอแป๊บนึงเดี๋ยวผมทำอะไรมาให้ดื่ม”
จีรณะเดินออกไป โสภิตมองตาม

ส่วนชีพคุยโทรศัพท์ในรถ “รู้ตัวไอ้ผู้ชายที่ติดพันคุณโสภิตแล้วครับ...”
พีรพงษ์อยู่ในชุดนอนท่าทางงัวเงียพูดโทรศัพท์
“มันเป็นใคร...” พีรพงษ์ฟัง ตาโต “ไอ้จี... ไอ้จีรณะ” ฟังต่อราว 4 วินาที “หา..ใส่ชุดนอนไปหามันด้วย”

โสภิตมองภาพที่ข้างฝาไปจิบโกโก้ร้อนไป เป็นภาพจีรณะทำงานกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ อีกภาพเป็นแผนภูมิป่าถ่ายผ่านดาวเทียม ภาพตอไม้ ป่าถูกโค่น ภาพสัตว์ป่าตาย นายพรานถือปืน และภาพการจับกุมพวกตัดไม้ ภาพนายพราน ภาพนักเรียนโรงเรียน ต.ช.ด.
“ป่าต้นน้ำ ต้นไม้ทุกต้นเป็นสิ่งมีค่าต่อระบบนิเวศ ระบบนิเวศน์เป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ผมถึงต้องให้ความรู้กับชาวบ้าน และวิธีที่ผมจะทำให้ชาวบ้านรับฟังก็คือการเป็นพวกเดียวกับเค้า ปกป้องดูแลพวกเค้า” จีรณะเอ่ยขึ้น
“ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างคุณจะทำงานดีๆแบบนี้ได้”
จีรณะยิ้มขำที่ถูกแดกดัน “เดี๋ยวๆ ผมมีอะไรจะให้คุณดูงานวิจัยใหม่ของผม”
จีรณะเลื่อนเก้าอี้ให้โสภิต แตะแขน แตะหลังให้นั่งถนัดๆ แล้วเลื่อนจอโน้ตบุ๊กให้โสภิตดู ในจอเป็นภาพนกเงือก นกเงือกป้อนเหยื่อลูกนกเงือกในกรง นกเงือกสต๊าฟฟ์
“เค้าไม่ใช่แค่สัตว์ในป่าชนิดหนึ่งเท่านั้น ชีวิตเค้าน่าสนใจมาก”
“ฉันเคยดูสารคดี...แม่จะกกไข่อยู่ในโพรงที่แข็งแรง เหลือแค่ช่องให้พ่อนกเอาเหยื่อมาป้อน ถ้าเราจับพ่อนกไป หรือยิงพ่อนกตายแม่กับลูกก็จะอดตายอยู่ในโพรง”
จีรณะเอียงหน้ามองโสภิตทึ่งที่หล่อนรู้เรื่องนกเงือกดี
“ถ้าเค้าเป็นคู่กันแล้ว ไม่ว่าตัวหนึ่งตัวใดตายจากไป อีกตัวจะอยู่อย่างเดียวดายไม่ยอมมีคู่ใหม่ไปตลอดชีวิต”
โสภิตเอียงหน้ามองจีรณะสบตากันนิ่ง
โสภิตขยับตัวลุก “ขอบคุณที่ให้ความรู้ ชั้นต้องกลับบ้านแล้วป่านนี้พี่พิมถึงบ้านแล้ว”
-DYNAMIC-
ส่วนบ็อบบี้หลับแล้วอยู่บนเตียงนอน พิมพรลูบหัวบ็อบบี้เบาๆ บ็อบบี้งัวเงีย
“ไปเที่ยวกับครูจีสนุกมั้ยครับมามี้ บ็อบบี้คิดถึงปาป๊า ฝันถึงปาป๊าด้วย”
พิมพรยักหน้า
“ถ้าให้ครูจีมาเป็นปาป๊าแทนเอามั้ย”
บ็อบบี้ส่ายหน้าขยี้ตา “ครูจีก็ครูจี ปาป๊าก็ปาป๊า TEACHER ไม่ใช่ FATHER ซักหน่อย”
บ็อบบี้หลับต่อ

ด้านพีรพงษ์กับสมุน 3 คน กำลังจะขึ้นรถออกไปนอกบ้าน รถส.ส.คุณวุฒิเข้ามาจอด คุณวุฒิลงจากรถ ถามงงๆ
“จะไปไหนกัน”
“จะไปฆ่าไอ้คนที่มันขวางทางผมทั้งทางทำมาหากิน ทั้งทางความรัก” พีรพงษ์บอกด้วยสีหน้าเคียดแค้น”
สมุน 1 สอพลอ “มันชื่อจีรณะครับนาย งานเรากับแม่เลี้ยงที่พังก็เพราะมันตอนนี้มันยังจะมาแย่งลูกสาวแม่เลี้ยงไปจากคุณพงษ์อีก”
คุณวุฒิตบสมุน 1 กระเด็น ดากร่าด “ไอ้พวกโง่ คิดบ้าๆ หักด้ามพร้าด้วยเข่าแบบนี้ก็ฉิบหายตายหมู่กันเท่านั้น ชั้นเป็นผู้แทนไม่ใช่หัวหน้าซุ้มโจร ใช้สมองกันบ้างสิวะ อย่าเอาแต่ใช้กำลัง”
“แต่ไอ้นี่แหละครับที่มันกำลังสร้างบารมีแข่งกับพ่อ ชาวบ้านรักใครเทิดทูนบูชามัน ถ้ามันลงผู้แทน มันอาจจะชนะพ่อก็ได้นะครับ” พีรพงษ์ฮึดฮัด
“เราก็ทำให้ชาวบ้านหันมารักเรา แล้วเกลียดมันแทนสิ จะไปยากอะไร ไปเข้าบ้าน”
คุณวุฒิ เดินนำพีรพงษ์เข้าบ้าน สมุนแยกย้ายสลายโต๋กันไป

ฟากโสภิตยืนข้างรถ ล้วงเสื้อคลุมมาหากุญแจ โทรศัพท์ไปมาวุ่นวาย พอหันกลับเจอจีรณะยื่นกุญแจ โทรศัพท์ให้
“คุณลืมเอาไว้ที่โต๊ะ”
โสภิตเข้าไปหยิบ จีรณะถือยื้อเอาไว้ โสภิตมองหน้าเขางงๆ
“ผมไม่มีเรื่องอะไรส่วนตัวกับแม่เลี้ยง แต่ผมมีเรื่องส่วนตัวกับคุณ ผมชอบคุณ อัปสรโสภิต”
โสภิตอึ้ง เจอจีรณะจู่โจม สองสบตากันไปมา โสภิตรู้ตัวคว้าของไป ขึ้นรถขับออกไป จีรณะมองตามรถโสภิตไป
ชีพที่แอบอยู่มุมตึกเห็นจีรณะยืนมองรถโสภิตไปจนลับตา ชีพชักปืนขึ้นมาปลดเซฟ เล็งปืนไปที่จีรณะ ช้าๆ
จีรณะหันกลับมา เสียงโทรศัพท์ชีพดังขึ้น จีรณะได้ยินเขม้นตามองมาหน้าชีพอย่างตกใจ ชีพยิงเปรี้ยงออกไป 2 นัด โดนเสาไฟ กระถางห้อยต้นไม้ จีรณะล้มตัวกับพื้นชักปืน ชีพหนีไปขึ้นรถขับออกไป

จีรณะวิ่งตามไป เล็งปืนตามท้ายรถไปแต่ลดปืนลงหน้าเครียด

 
อ่านต่อตอนตอนที่ 9 
กำลังโหลดความคิดเห็น