xs
xsm
sm
md
lg

คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 4

เช้าวันใหม่ เมื่อสะบันงาตื่น แกละเอาโจ๊กมาให้กิน

“โจ๊กฮ่องกงร้อนๆมาแล้วสะบันงา”
“ขอบคุณมากจ้ะน้าแกละ เอ้อ เอ่อ เรื่องเมื่อคืนนี้ หนู..เอ้อ...”
“จะพูดเรื่องเมื่อคืนหรือ คุณเมี้ยนเธอบอกว่าไม่ต้องถามอะไรสะบันงา เธอปะติดปะต่อเรื่องได้เองหมดแล้ว”
“ถ้าหนูไม่ออกไปเที่ยวเล่นก็คงไม่เกิดเรื่อง หนูผิดเองจ้ะ”
“สะบันงาผิดแค่ซุกซน แต่คนที่ผิดมหันต์ คือคนที่ทำร้ายสะบันงา”
สะบันงาไหว้แกละ
“ขอบพระคุณน้าแกละที่ช่วยชีวิตหนูไม่ให้ตายทั้งเป็นจ้ะ”
“ช่างเถิด น้าเป็นเพื่อนของแม่หนูนี่นา ถามหน่อยไม่อยากฟ้องคุณหญิง กับคุณเมี้ยนสักนิดหรือ พวกนั้นมันทำร้ายหนูสาหัสมากนะ”
“ยังไงหนูก็ต้องอยู่ที่นี่ร่วมกับพวกเขา ถ้าหนูเอาแต่ฟ้อง พวกเขาก็ยิ่งชิงชังหนู หนูอยากอยู่ด้วยกันอย่างสงบ หนูจะพยายามประนีประนอมทำให้เขาหายเกลียดหนูสักวันค่ะ”
แกละไม่เห็นด้วยนัก
“มองโลกในแง่ดีเกินไป เฮ้อคุณเมี้ยนพูดถูก เฮียซ้งพูดจริง หนูคงจะได้ดีในวันข้างหน้า แต่จำไว้อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง”
“ขอบคุณค่ะ”
สะบันงายิ้มอย่างสบายใจ ที่ผ่านเรื่องร้ายๆมาได้

คุณหญิงศรีกับเจ้าคุณนั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน เจ้าคุณลอบมองหน้าคุณหญิงศรีเกรงใจหลายครั้ง
“มองฉันหลายครั้งมีอะไรจะบอกฉันใช่ไหมคะ”
“เยส เอ้อ แค่ปรึกษาศรีต่างหาก”
“เชิญค่ะ”
“เรื่องสังวร”
“ไม่ชอบสังวรหรือคะสะสวยออกจะตาย ท่าทางจะเอาใจเก่งด้วย”
“ศรีพูดถูก สังวรเป็นอย่างที่ศรีบอก ฉันก็เลยอยากจะขออนุญาตศรี ให้สังวรมารับใช้ทุกคืน”
คุณหญิงศรีนิ่งไปครู่หนึ่ง
“ดีใจที่คุณชอบสังวรนะคะ”
“ศรีจะขัดข้องไหมจ้ะ”
“ไม่ขัดข้องแน่ค่ะ”
“ขอบคุณศรีมากจ้ะ เอ้อ....ศรีจ้ะ ไม่มีวันที่ฉันจะรักจะเชิดชู และให้เกียรติใครมากเท่าศรีแน่นอนจ้ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ แต่ถ้าสังวรมีลูกเล่าคะ”
“ไม่มีวันที่จะยกย่องมาเทียบเทียมเท่าศรี”
“ถ้าลูกสังวรเป็นเด็กผู้ชาย…”
“เขาก็คงต้องได้สืบสกุลของฉัน แต่เขาก็ต้องขึ้นตรงกับศรี ศรีคงเข้าใจใช่ไหม เขาอาจจะทำตัวเกินเลยศรี”
“ขอบคุณค่ะ”
เจ้าคุณยิ้มยื่นหน้ามาจะหอมแก้ม คุณหญิงศรีเบี่ยงหลบ
“อ้าว”
“เอ้อ ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ คือฉันกำลังห่วงสะบันงาว่าเพิ่งมาวันแรก จะเป็นอย่างไรบ้าง”
คุณหญิงศรียื่นแก้มให้เจ้าคุณหอมใหม่ เจ้าคุณหอม สบายใจมาก
“ไปส่งฉันสิจ้ะศรี”
“เอ้อ ฉันปวดหัวค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”
เจ้าคุณพยักหน้าเดินออกไป คุณหญิงศรีนั่งครุ่นคิด
“อีกหน่อยสังวรอาจจะท้องมีลูกชายไว้สืบสกุล รับมรดกทั้งหมดของเขา เราก็แค่นังคนอาศัย บางทีมันสองคนแม่ลูกอาจเฉดหัวเราออกจากบ้าน”
คุณหญิงศรีถอนใจเมื่อเริ่มเห็นว่าจะต้องเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแน่ๆ

เมี้ยนไปหาแขกยามที่ป้อม โดยนำเงินไปให้จำนวนหนึ่ง แขกยามยกมือไหว้แล้วรับเงินอย่างดีใจ
“รางวัลที่พบสะบันงา และไม่ทำร้ายสะบันงา”
“ขอบคุณมากครับ ผมดีใจมากที่คุณเมี้ยนเชื่อคำพูดของผม”
“อยู่ด้วยกันต้องเชื่อใจกันฉันเชื่อใจแก แกก็ควรจะเชื่อใจฉันจริงไหม”
“จริงครับ”
“ทีนี้จะบอกได้ไหมใครเอาสะบันงามาโยนไว้ให้แกข่มขืน”
“เอ...ไม่แน่ใจครับ...”
เมี้ยนส่งเงินให้อีก
“แน่ใจได้แล้ว”
“นังสังเวียน กับนังน้อยครับ”
“ขอบใจมาก นี่ช็อคโกแลตเมืองฝรั่ง เพิ่งลงมาจากเรือรีบกินซะให้หมด ก่อนที่มันจะละลาย”
“ลาภปากของผมแท้ๆ”
เมี้ยนพึมพำ
“ใช้ปากให้ถูกวิธีก็มีลาภ ใช้ปากผิดวิธีก็มีภัย”
เมี้ยนยิ้ม แขกยามรับไป เมี้ยนเดินออกไปจากที่นั้นไปแอบตามหลังพุ่มไม้ แขกยามหยิบช็อคโกแลตมากินอย่างอร่อย พอกินหมดก็เริ่มอาการตาเหลือกร้อนคอ
“อีเมี้ยนวางยาพิษกู”
เมี้ยนเดินกลับมายืนมองส่งเสียงคำรามเบาๆในคอ
“กูจะวางยามึงอีก ถ้าเกิดชาติหน้าเจอกันแล้วมึงยังไม่เลิกสันดานชอบ ข่มขืนผู้หญิง”
เมี้ยนยิ้มเยาะหันกลับ แขกยามขาดใจตายตาเหลือกลาน มือชี้มาที่เมี้ยน

สังวรโม้อวดตัวอยู่ในครัว สังเวียนนั่งจ๋อยๆน้อยก็เช่นเดียวกัน
“พวกแกฟังนะ เจ้าคุณโปรดปรานฉันมาก ท่านไปสั่งนังนั่น ให้มันไม่ต้องมายุ่งกับฉัน เพราะท่านต้องการให้ฉันไปรับใช้ทุกคืนจนกว่าจะท้อง”
“โอ้โหเก่งจริง” ทองหยอดตื่นเต้น
“นังนั่นของแกน่ะ หมายถึงใคร พูดจาอะไร อย่าให้มันนอกลู่นอกทางอย่านึกว่าคนที่ได้ยินเขาจะยินดีกับที่แกพูดเสมอไป” แกละไม่พอใจ
“ไอ้ที่คิดว่าตัวเองใหญ่น่ะ ที่แท้ก็อึ่งอ่างพองลม ท้องแกจะระเบิดแตกตายสักวัน” ซ้งเยาะ
สังวรหาตัวช่วย มองไปเห็นสังเวียนกับน้อย นั่งใจลอย
“เอ๊ะนังสังเวียน นังน้อย ทำไมพวกแกไม่ช่วยฉัน ไม่ตื่นเต้นกับฉัน”
“สงสัยว่านังสองคนนี้เขาจะมีเรื่องตื่นเต้นมากกว่าเรื่องหลับๆนอนๆ กับผัวของคนอื่นของแก” ซ้งหัวเราะหึๆอย่างรู้ทัน
“พวกแกมีเรื่องอะไรตื่นเต้นบอกมาสิ” สังวรสงสัย
สองคนเงียบ
“ตอนนี้นังสองคนนี่มันยึดตำราน้ำท่วมปาก พูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง”
ทองหยอดแกล้งแหย่
“หรือว่าในปากมันมีพิกุลทอง มันกลัวพิกุลทองของมันจะร่วงจากปาก”
สังวรกวาดตามอง
“เอ๊ะ นังสะบันงา หายไปไหนหรือว่ามันคิดจะนอนกินบ้านกินเมือง”
“ดีกว่านอนกินผัวนะแก” ซ้งประชด
“สะบันงาไม่สบาย” แกละตัดบท
สังเวียนกับน้อยมองหน้ากัน
“มันเป็นโรคสำออยน่ะสิ” สังวรเบ้ปาก
“ดีกว่าเป็นโรคสำส่อนมั้ง”
“ไอ้กุ๊กซ้ง แกว่าใคร”
“ใครอยากรับก็เอาไปสิ”
แกละขัดขึ้นมา
“ถ้าแกอยากรู้ว่าทำไมสะบันงาไม่สบาย ลองถามน้องสาวแกกับนังน้อยดูสิ ฉันว่ามันตอบแกได้”
เมี้ยนเดินเข้ามาหน้าตาเฉย ทุกคนเงียบสังวรแอบค้อน
“สังเวียนหรือน้อยก็ได้ ช่วยไปตามแขกยามให้มาพบฉันที่นี่ บอกมันว่าคุณหญิงต้องการพบ”
สังเวียนกับน้อยสะดุ้งโหยง
“รีบไปสิ” แกละยิ้ม
“หรือว่าไม่อยากเจอหน้าแขกยาม เพราะมันกำอะไรของพวกแกเอาไว้” ซ้งพูดต่อทันที
“พูดอะไรน่ะ” สังวรงง
“นังน้อยแกไปสิ” สังเวียนเกี่ยง
“แกนั่นแหละไปนังสังเวียน” น้อยไม่ยอม
“แกสองคนนั่นแหละไป” เมี้ยนทำเสียงรำคาญ
สองคนจำใจไป เมี้ยนนั่งรออย่างใจเย็น

สังเวียนกับน้อยเดินมาถึงป้อมอย่างก็กรีดร้องเสียงดังลั่น สองคนกระโดดเข้ากอดกัน เมื่อเห็นแขกยามนอนตาเหลือกจ้องมาข้างหน้ามือชี้มาข้างหน้าเหมือนชี้หน้า สองคนคนหันกลับวิ่งหนีหกล้มหกลุก ร้องไม่เป็นภาษา

“แขกยามตายแล้ว ๆ”

 
ทุกคนในครัวได้ยินเสียงกรีดร้อง มองหน้ากัน
 
“เปรตที่ไหนมาร้องประสานเสียง”
สองคนวิ่งหน้าตั้งตกใจพูดไม่เป็นภาษา
“นี่ไงเปรตสองตัว ไหนเล่าแขกยาม” เมี้ยนหันไปถาม
สังเวียนสั่นไปหมด
“มะ มัน มันตายแล้ว”
ทุกคนร้องอย่างตกใจ
“ตายแล้ว”
“มะ มันฆ่าตัวตาย”
สังเวียนกับน้อยลมใส่ ทุกคนตื่นเต้นกันเรื่องแขกยามตาย แกละพยายามเขย่าตัวสองคนเรียกสติ
“มันตายจริงๆหรือ”
สังเวียนกลัวมาก
“ไม่รู้...ไม่รู้ แต่มันนอนตายเลือดไหลออกมาทางปากทางจมูก”
“มันชี้มือมาข้างหน้า เหมือนชี้หน้าเรา” น้อยเล่าต่อ
“เมื่อคืนแกสองคนเจอมันหรือเปล่า ตอนที่พวกแกไปเดินเล่น” เมี้ยนถาม
ทุกคนหันไปมองสองคน
“ปะ เปล่า”
“จริงหรือ” แกละถามย้ำ
“จริงๆ” สองคนแย่งกันตอบ
เมี้ยนแกล้งสงสัย
“ถ้าไม่ใช่มันฆ่าตัวตายหนีความผิดเอง ก็คงมีใครไปฆ่ามัน เพราะมันกำความลับที่เลวๆของใครบางคนไว้ ฉันจะไปรายงานคุณหญิงกับเจ้าคุณ ใครที่ทำอะไรหรือปิดๆบังๆอะไรเลวๆเอาไว้ ให้ระวังตัว
จะโดนอาญาบ้านเมืองและอาญาจากท่านทั้งสอง”
เมี้ยนเดินออกไป สังวรลากมือสังเวียนกับน้อยออกไปอีกด้าน

สังวรสงสัยน้อยกับสังเวียนเต็มที่
“เมื่อคืนแกสองคนเดินเล่นที่ไหนให้นังเมี้ยนมันเห็น”
สังเวียนอึกอักแก้ตัวไป
“ไป เอ้อ...ไปแอบดูพี่สังวรต่างหาก”
“ทีนังแกละกับกุ๊กซ้งก็ไปเดินเล่น ไม่เห็นมันซักถาม” น้อยเฉไฉ
แกละเดินตามออกมา
“เพราะว่าพวกฉันไปตามหาสะบันงา”
“สะบันงามันไปไหน หรือมันแอบดูฉันมันอิจฉาฉัน” สังวรเถียงแทนน้อง
“ก็บอกให้ถามน้องสาวแกดูสิ บางทีมันน่าจะรู้อะไรดีๆนังน้อยก็อีกคน”
ทุกคนฟังแล้วมึนงง น้อยกับสังเวียนหน้าจ๋อยมากยังไม่หายกลัว

บริเวณที่จอดรถ เจ้าคุณฟังเมี้ยนรายงานแล้วตกใจมาก
“ว่าอะไรนะ แขกยามโดนวางยาพิษตาย”
“เจ้าค่ะ”
“มันตายที่ไหน”
“ป้อมยามเจ้าค่ะ”
“ใครเป็นคนเห็น”
“สังเวียนกับน้อยเป็นคนไปเจอมันเจ้าค่ะ”
“แล้วสองคนไปทำอะไรที่ป้อมยาม”
“คุณหญิงให้ดิฉันไปบอกพวกในครัว ให้ไปตามแขกยามมาพบเจ้าค่ะ”
“มันทำอะไรให้คุณหญิงไม่พอใจหรือ”
“หามิได้เจ้าค่ะ คือคุณหญิงท่านสงสัยว่าจะมีขโมยมาลอบขึ้นเรือนเจ้าค่ะ ของในห้องอาหารหายไปหลายอย่างเจ้าค่ะ”
“บ้าแท้ๆ แขกยามมันคงหลับ”
“เอ้อ ดิฉันจะรีบไปรายงานคุณหญิงเจ้าค่ะ”
เมี้ยนรีบเดินจากไป เจ้าคุณหันไปกำชับนายยอด
“นายยอด อย่าให้ใครไปแตะต้องศพแขกยามจะเป็นการทำลายหลักฐาน”
“ขอรับเจ้าคุณ”
เจ้าคุณรีบเดินเข้าไปในเรือนคุณหญิงศรี

ในห้องนั่งเล่น คุณหญิงศรีมองหน้าเมี้ยนตกใจ แต่เมี้ยนยิ้ม
“ทำเกินไปหรือเปล่าเมี้ยน”
“ไม่เกินไปสำหรับผู้ชายสารเลว ที่จ้องจะข่มขืนผู้หญิงเจ้าค่ะ”

เมี้ยนเล่าอดีตของเธอ...เมี้ยนในวัยเด็กกับแม่นั่งคุยกันเรื่องพ่อ
“พ่อมึงมันไม่ได้เรื่อง มันใจดำมันทำกูท้อง ไข่แล้วมันก็ทิ้งกูไปกูล่ะเกลียดผู้ชายในโลกนี้ทั้งหมดเลย รู้ไหมนังเมี้ยน”
“หนูก็เกลียดผู้ชายทุกคนในโลกทั้งหมด จ้ะแม่”
“รวมพ่อมึงไปด้วย”
“จ้ะ รวมพ่อไปด้วย”
มีคนพังประตูบ้านเข้ามา
“มีอะไรเอามาให้หมด”
สองคนแม่ลูกตกใจ
“ไม่มีอะไรเลย เราคนจนจะไปมีอะไรให้ปล้น”
“ตัวมึงเองไง”
โจรจับแม่เมี้ยนกดลง เมี้ยนหวีดร้อง โจรหันมาตี แม่กรี๊ดไล่เมี้ยน
“อีเมี้ยนหนีไป หนีไป อย่าให้มันจับได้มันจะข่มขืนมึงอีกคน ไม่ต้องห่วงแม่ ไอ้หน้าตัวเมียมึงรีบข่มขืนกู แต่อย่ายุ่งกับลูกกู มันเด็กนิดเดียว”
เมี้ยนยืนตะลึง โจรหันมาปล้ำแม่ต่อ อีกคนหันมาที่เธอ เมี้ยนตกใจ คว้ามีดที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด
เสียบเข้าที่ท้องไอ้คนที่เข้ามาล้มลง
“โฮ้ อีเด็กนี่แทงกู”
โจรอีกคนตกใจกันมามองเมี้ยน
“มึงฆ่าเพื่อนกูอีเด็กผี”
โจรผวามาจับเมี้ยนเหวี่ยงล้มลงไป
“กูจะให้มึงดู กูข่มขืนแม่มึง”
เมี้ยนฟุบลงไปเลือดกลบปาก โจรผวาไปที่แม่จับกดลงไปใหม่
“ทีนี้พวกมึงดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
แม่กัดลิ้นขาดใจตายไปต่อหน้าเมี้ยนและโจร
“เฮ้ยอีบ้า มันกัดลิ้นขาดใจตาย”
แม่เมี้ยนเลือดกลบปาก ตาเหลือกขาดใจตาย โจรรีบวิ่งหนีออกไป เมี้ยนร้องให้โฮ ผวามากอดศพแม่
“แม่...แม่จ๋า”

คุณหญิงศรีฟังอย่างสงสารเมี้ยนจับใจ
“โธ่ เมี้ยน เมี้ยนไม่เคยบอกเรื่องนี้กับฉันมาก่อน”
“นี่แหละเจ้าค่ะ สาเหตุที่เมี้ยนเกลียดผู้ชาย ใครก็ตามที่มันคิดข่มขืนผู้หญิง มันสมควรตายไม่ใช่ให้ผู้หญิงฆ่าตัวตาย”
“เหมือนแม่เมี้ยนกับแม่ของสะบันงา ฉันเสียใจกับเมี้ยนจริงๆ”
“เมี้ยนพยายามจะลืม แต่ลืมไม่ลง ทำไมผู้ชายทำอะไรก็ได้กับเราแล้วเราต้องยอมให้เขาทำกับเราอย่างเหยียดหยาม เหมือนไอ้ยามนั่น ถ้าแกละกับซ้งไม่ไปเจอ สะบันงาแหลกลาญตายทั้งเป็นหรืออาจ
ฆ่าตัวตายได้”
“มันจึงต้องตายอย่างน่าสมเพช ไอ้คนกักขฬะ”
“มันไม่สามารถไปทำกักขฬะ กับผู้หญิงที่ไหนได้อีกแล้วส่วนอีคนใจอำมหิตที่มันลากสะบันงาไปนั่น มันก็...”
เจ้าคุณเดินเข้ามาในบ้าน
“เล่าให้ฟังถนัดอีกทีสิเมี้ยน ฉันกำลังคิดว่ามันฆ่าตัวตาย หรือว่ามีใครฆ่ามันตายกันแน่”
“คือสังเวียนกับน้อยไปพบเจ้าค่ะ นอนตายตาเหลือกลานเจ้าค่ะ ดิฉันสงสัยว่าจะมีการวางยาพิษมันเจ้าค่ะ” เมี้ยนบอก
เจ้าคุณหน้าเครียด
“ทำไมมีเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ในบ้านเรา”
“อาจมีมานานมากแล้วก็ได้เจ้าค่ะ แต่เพิ่งจะมาปะทุเอาวันนี้”
“เรียกทุกคนมาสอบสวนให้หมด ศรีว่าอย่างไร”
คุณหญิงศรีเห็นด้วย
“ดีค่ะ เรียกมาให้หมดทุกคน แล้วสังเกตพิรุธของแต่ละคน”
“เมี้ยนจะไปเรียกมาทุกคนนะเจ้าคะ”
เมี้ยนออกไปยิ้มร้ายๆ เจ้าคุณมากุมมือคุณหญิงศรีไว้
“ศรีคงตกใจมาก”
“ค่ะ คนที่วางยาน่าจะมีอะไรที่ไม่อยากให้ใครรู้ แต่แขกยามรู้จึงฆ่าปิดปากหรือไม่ก็ มันไปทำความแค้นให้ใครมากมายถึงกับต้องวางยากัน เช่นไปข่มขืนลูกเมียใคร แล้วเขาตามมาล้างแค้น”

คุณหญิงศรีพูดเรียบๆนิ่มๆเจ้าคุณส่ายหน้าหนักใจ

 
สะบันงาอยู่ในห้องแกละได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย วุ่นไปหมดด้านนอก
 
“ข้างนอกเขาเอะอะอะไรกันจ้ะ น้าแกละ”
สะบันงาจะโผล่หน้าไปดู แกละเข้ามา
“อย่าออกไปเลยสะบันงา พักผ่อนในนี้แหละ”
“มีอะไรกันหรือจ้ะ”
“ก็เพราะมีนั่นแหละ ก็เลยกลัวสะบันงาจะตกใจ”
“เอ้อ...หนูอยากรู้ บอกหนูบ้างได้ไหมจ้ะ”
“แขกยามนั่นตายแล้ว”
สะบันงาตกใจ
“ตายแล้ว”
“ไม่กินยาพิษตายเองก็โดนวางยาตาย”
สะบันงาหน้าซีด
“โธ่”
“คุณเมี้ยนให้มาบอกสะบันงาว่าอย่าเพิ่งออกไปข้างนอก เจ้าคุณสั่งให้ทุกคนไปพร้อมกันที่เรือนคุณหญิง เจ้าคุณจะสอบความ”
“แล้วท่านไม่สอบหนูหรือคะ”
“ไม่หรอก ท่านทราบว่าสะบันงาป่วย พักซะ น้าจะไปพบเจ้าคุณกับคุณหญิง”
แกละเดินออกไป สะบันงาใจหายใจคว่ำกลัวมาก
“ฉันอโหสิกรรมให้นะนายแขกยาม บ้านสวยๆใหญ่โตน่าอยู่ แต่ทำไมน่ากลัวนัก นี่ขนาดเรามาคืนแรกแล้วต่อๆไปจะเกิดอะไรขึ้นอีกหนอ”

การสอบสวนเริ่มต้นขึ้น เจ้าคุณกวาดตามองไปทั่วๆเห็นคนในบ้านทุกคนนั่งที่พื้นรวมทั้งเมี้ยนที่นั่งใกล้ๆ คุณหญิงศรีที่นั่งอยู่บนโซฟากับเจ้าคุณ สังเวียนนั่งติดกับน้อยใจคอไม่เป็นส่ำ สังวรกระเถิบพยายามมานั่งให้ใกล้เจ้าคุณเข้าไว้วางท่านิดๆ คุณหญิงศรีมองสังวรแบบเอือมๆสบตากับเมี้ยน
“เกิดการตายขึ้นที่บ้านเราอย่างมีข้อสงสัย ว่านายแขกยามฆ่าตัวตายหรือโดนวางยาพิษกันแน่ ใครคิดว่าอย่างไรลองพูดมา”
เมี้ยนพูดขึ้น
“โดนวางยาพิษฆ่าปิดปาก เพราะมันอาจไปกำความลับของใครเข้าก็ได้เจ้าค่ะ”
เจ้าคุณแปลกใจ
“ทำไมจึงคิดเช่นนั้น”
“ข้าวของหลายอย่างกับช็อคโกแลตหายไปหนึ่งกล่องเจ้าค่ะ นายแขกยามไม่เคยเข้ามากล้ำกรายที่นี่ น่าจะมีคนแอบขโมยมาลอบหยิบแล้วเอาไปผสมยาพิษให้เขากินเจ้าค่ะ”
“ใครบ้างที่เข้ามาที่เรือนนี้ได้”
ทองหยอดพูดขึ้น
“สังเวียน สังวร น้อย แกละ เจ้าค่ะ”
“อย่าพูดเรื่อยเปื่อยยัยทองหยอด ใครๆก็รู้ว่าฉันเอ้อ...อยู่กับเจ้าคุณเมื่อคืน” สังวรบอก
คุณหญิงศรีแทรกขึ้น
“ไม่จำเป็นว่าใครที่เอาช็อคโกแลตไปต้องเป็นคนที่เข้ามาที่นี่ได้ อาจมีใครที่ไม่เกี่ยวข้องมาทำงานในนี้อาจมาหยิบไปก็ได้ หรือมีใครสั่งให้ใครทำเป็นไปได้ทั้งสิ้น”
เจ้าคุณเห็นด้วย
“จริงของคุณหญิง ใครรู้ว่าใครมีเรื่องกับแขกยามบ้าง”
แกละกับซ้งมองหน้าสังเวียนกับน้อย แกละสะกิดส่ายหน้าห้ามซ้งพูด คุณหญิงศรีหันไปถาม
“สังเวียน น้อยรู้ไหม”
สองคนสะดุ้งโหยงส่ายหน้า พูดผิดพูดถูก
“ไม่...รู้...เอ๊ย ไม่ทราบเจ้าค่ะ”
“มีคนเห็นหล่อนสองคนไปเดินป้วนเปี้ยนแถวนั้น” เมี้ยน สวน
“มันมาแอบดูฉันเอง” สังวรเถียงแทน
ทุกคนหันมามอง สังเวียนหน้าจ๋อยมาก เจ้าคุณแปลกใจ
“สะบันงาไม่ได้มาด้วยหรือ”
“ไม่สบายเจ้าค่ะ” เมี้ยนบอก
สังเวียนกับน้อยแอบถอนใจ คุณหญิงศรีพูดขึ้น
“ได้ยินว่าออกมาเดินเล่นแถวหน้าห้อง”
“เจ้าค่ะ”
“เรียกหมออดุลย์มาดูอาการไหมคุณหญิง” เจ้าคุณถามอย่างเป็นห่วง
เมี้ยนแทรกขึ้น
“ดิฉันไปดูมาแล้วเจ้าค่ะ หน้ามีผื่นแดงสองข้างแก้ม เหมือนโดนใครรุมตบเอาเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณตกใจ
“มีใครไปรุมตบสะบันงาหรือ”
ทุกคนฮือฮา สังเวียนกับน้อยใจแป้ว สังวรเริ่มเอะใจมองน้อยกับสังเวียนที่ดูล่อกแล่ก คุณหญิงศรีทำเป็นแย้ง
“ใครจะใจร้ายใจดำอำมหิตมารุมตบตีสะบันงา เมี้ยนคิดมากไปหรือเปล่า”
เจ้าคุณเป็นห่วง
“สะบันงาบอกว่าอย่างไรเมี้ยน”
“ไม่ยอมบอกเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีหันไปถามแกละ
“แกละเล่า สะบันงาบอกอะไรบ้างไหม”
“ไม่บอกเจ้าค่ะ บอกเพียงว่าอยากจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบ ถ้าใครเกลียดเธอ เธอจะพยายามจะประนีประนอมทำให้เลิกเกลียดเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณคิดๆ
“แสดงว่ามีใครไปรุมตบตีสะบันงาจริง แต่เขาไม่พูดน้ำใจช่างงดงามนักและแม้ว่าสะบันงาไม่พูด แต่ฉันต้องหาตัวคนทำร้ายสะบันงามาลงโทษให้ได้ สังเวียน น้อย เดินออกมาแล้วเจอสะบันงาไหม”
สองคนตัวสั่น คุณหญิงศรีกับเมี้ยนยิ้ม
“ตอนนี้เรื่องของแขกยามตายสำคัญกว่านะคะ เรามาหาคนฆ่าแขกยามก่อนเถิดค่ะ เรื่องสะบันงาฉันจัดการเองได้ค่ะ เพราะเขาคือคนของฉัน”
คุณหญิงศรีเน้นคำ ปรายตาเย้ย สังเวียนกับน้อยหนาวไปหมด
“ไปแจ้งตำรวจให้มาจัดการสืบสวนหาตัวคนผิด ไม่ว่าจะเพราะเหตุใดก็ตามการฆ่าคนอื่น แม้ว่าเขาเป็นโจร ก็ไม่ถูกต้อง” เจ้าคุณสั่งเสียงเข้ม
คุณหญิงศรีขัดขึ้น
“ดิฉันว่า เรื่องนี้ ไม่น่าให้เรื่องราวกระพือไปไกล ข่าวลือจะสร้างความเสียหายกับชื่อเสียงของเจ้าคุณคนมันก็ตายไปแล้ว ให้นายยอดไปแจ้งอำเภอว่าตายปกติ จัดการทำพิธีตามสมควร จะได้ไม่เอิกเกริกแล้วเราค่อยหาตัวคนผิดกันเองต่อไป”
เจ้าคุณ คิดแล้วพยักหน้า
“ฉันเห็นด้วย นายยอดไปส่งฉันที่กระทรวง แล้วไปจัดการตามที่คุณหญิงท่านแนะนำ ทุกคนไปได้ หวังว่าจะไม่มีเรื่องไม่งามเกิดขึ้นที่นี่อีก หวังว่า จะไม่มีใครบังอาจไปทำร้ายสะบันงาอีก”
ทุกคนไหว้เจ้าคุณและคุณหญิงศรี ยกเว้นสังวรที่ทำมั่วไม่ไหว้ สังเวียนกับน้อยตะกายออกไปก่อนใครๆ เมี้ยนกระซิบ
“นังวัวลืมตีน สังวรไม่ไหว้คุณหญิงเจ้าค่ะ”
“เฉยไว้” คุณหญิงศรีหันมาบอกเจ้าคุณ “สายแล้ว รีบไปกระทรวงเถิดค่ะ”
“ขอบใจมาก ที่ศรีสงบเยือกเย็นกับเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นไม่โวยวาย”
“เรื่องยิ่งร้ายมากเท่าไหร่ยิ่งต้องใช้ความสงบเยือกเย็นมากเท่านั้นค่ะ”
เจ้าคุณกระซิบ
“ผู้หญิงเก่งกว่าผู้ชายตรงนี้ตรงที่นิ่งเป็น สตรีจะครองโลกจริงๆในอนาคต”
เจ้าคุณกุมมือคุณหญิงศรี แล้วออกไป

ในห้องนอน คุณหญิงศรียิ้มพูดต่อคำพูดของเจ้าคุณ
“สตรีนี่แหละที่จะใช้สองมือเปล่าๆครองโลก ผู้ชายไม่มีวันรู้หรอกว่า สตรีนี่แหละ แค้นลึก แค้นเงียบ แก้แค้นได้สาสมกว่าผู้ชาย ถ้าโดนทำร้าย”
“ใช่เจ้าค่ะ”
“เมี้ยนสังเกตเห็นพิรุธของนังน้อยกับนังสังเวียนบ้างไหม”
“เห็นสิเจ้าค่ะนังตัวการ มันสองตัวมันรีบออกจากเรือนไปเร็วมาก ต่อไปนี้ มันคงนอนสะดุ้งไปนานทีเดียวเจ้าค่ะ เราสองคนพูดจาวนไปเวียนมาใกล้ตัวมัน ทุกคนกำลังสงสัยมันเจ้าค่ะ”
“ขอบใจมากเมี้ยน แต่ไม่จำเป็นอย่าให้มีอะไรร้ายแรงอย่างนี้อีกนะ”
“เจ้าค่ะ ถ้าไม่มีใครมาทำร้ายคุณหญิง หรือคนที่คุณหญิงรักและเมตตา”
เมี้ยนหน้าตาจริงจัง คุณหญิงศรีลูบหัวเมี้ยนเบาๆ

สังเวียนกับน้อยเดินหลบไปแอบคุยกัน
“นี่มันรู้หรือไม่รู้กันแน่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนังสะบันงา ฟังมันสองคนพูดจากันสิเฉียดไปฉิวมา แล้วก็เลี่ยงเราสองคนไป”
น้อยโล่งใจนิดๆ
“ก็ยังโชคดีที่แขกยามมันตายไปแล้ว ความลับของเราสองคนก็จะได้ตายตามมันไป หาไม่เช่นนั้นเราสองคนตายในคุกแน่ๆ”
สังวรโผล่มา สองคนสะดุ้ง
“แกสองคนวางยาพิษแขกยามใช่ไหม”
สองคนตะลึง
“เปล่านะ”
“แต่แกสองคนมีพิรุธ นังสะบันงามันโดนแกสองคนรุมตบ อย่าปดกันดีกว่า เราต่างชังน้ำหน้ามัน ฉันจะดีใจมากหากมันโดนพวกแกตบจริงๆ ว่าอย่างไร”
สองคนจำนน
“ใช่ก็ได้”
“นั่นปะไรทำไมไม่ตบมันให้ตายไปซะ ทีนี้เล่ามาซะว่าแกเกี่ยวข้องกับการตายของแขกยามนั่นหรือเปล่า”
สองคนสบตากัน ส่ายหน้า
“ไม่เกี่ยวนะ”
“แล้วใครฆ่ามันตาย ฆ่าทำไม พวกแกยังบอกไม่หมด แกต้องบอกมาให้หมด หาไม่ฉันจะไปบอกเจ้าคุณว่าแกสองคนรุมตบนังสะบันงา”

สังวรจ้องหน้าสองคนเป๋ง

 
เจ้าคุณนั่งรถมากับนายยอด นึกถึงสะบันงา ตามคำพูดที่แกละบอก

“เด็กคนนั้นจิตใจดีงามผิดกับเด็กทั่วไป ศรีเลือกรับเด็กมาเป็นน้องสาวถูกคนจริงๆ”
เจ้าคุณยิ้ม ภาพใบหน้าสะบันงาตอนก้มลงกราบเจ้าคุณในแว่บเข้ามาห้วงคิด
“จะมีผู้หญิงสักกี่คนหนอที่สวยทั้งหน้าตา และจิตใจเช่นสะบันงา”
เจ้าคุณคิดเพลิน นายยอดพูดขึ้น
“ถึงกระทรวงแล้วขอรับเจ้าคุณ”
เจ้าคุณตื่นจากภวังค์

ในห้องแกละ...แก้มสองข้างของสะบันงาแดงกล่ำบวม คุณหญิงศรีลูบแก้มของเธอไปมาอย่างสงสารมาก
“คงเจ็บมากสินะ”
“ค่ะ”
“วันหลังหัดสู้มันบ้างสิ” เมี้ยนแนะ
“นอกจากตบแล้ว นังสองคนนั่นมันทำอะไรอีก” คุณหญิงศรีคาดคั้น
เมี้ยนมองหน้าสบันงา
“อย่าปิดเลย เห็นสะโพกช้ำเขียว เห็นหลังถลอกดำไปหมด”
“เตะด้วยค่ะ แล้วก็เอ้อ...เอาผ้าคลุมมัดปาก ลากไปไว้แถวป้อมยาม”
คุณหญิงศรีโกรธมาก
“นี่มันเลวกันมากอย่างที่เมี้ยนบอกจริงๆ”
“ไอ้แขกกักขฬะนั่นมันได้ทำอะไรไปบ้าง” เมี้ยนถามเสียงเข้ม
“ชกที่ท้องค่ะแต่หนูถีบมัน โชคดีที่กุ๊กซ้งกับน้าแกละได้ยินเสียงมาช่วยหนูไว้ทันค่ะ”
“กรรมสนองมันแล้ว ในที่สุดมันก็ตายเพราะกรรมที่ก่อไว้”
“หนูไม่ได้อาฆาตเขานะคะ หนูทราบข่าวเขาตายก็หดหู่มากค่ะ”
คุณหญิงศรียิ้มเอ็นดู
“เด็กดี น้องชายฉันโชคดี ไม่กี่วันคงจะหายดี หายแล้วค่อยขึ้นไปเรียนหนังสือกับครูแหม่มที่เรือนฉัน”
“ขอบพระคุณมากค่ะ หนูทำให้ทุกคนวุ่นวายเพราะหนูซุกซน”
“ซุกซนตอนกลางวันได้ อย่าไปไกลถึงทุ่งเลี้ยงวัว อย่าออกไปซุกซนนอกห้องตอนกลางคืนอีก จำไว้”
คุณหญิงศรีกำชับ
“ค่ะ”
คุณหญิงศรีลูบหัวสะบันงาเบาๆแบบเมตตา
“อย่าคิดว่าไม่เอาเรื่องเอาราวพวกมัน มีน้ำใจกับพวกมัน แล้วพวกมันจะเลิกรา ไฟอะไรไม่ร้ายกาจเท่าไฟริษยา ถ้ามันเกิดในจิตใจใครแล้วมันดับไม่ได้ง่ายๆหรอก”
“เพราะฉะนั้นระวังตัวไว้ด้วย ครั้งนี้รอดตัว ครั้งต่อไปอาจไม่รอด พวกมันจ้องหาจังหวะตลอดเวลา” เมี้ยนเตือน
สะบันงารับคำ
“ค่ะ หนูจะระวังตัว จะไม่พยายามทำสิ่งใดให้เกิดการกระทบกระทั่ง”
คุณหญิงศรีพยักหน้า
“ฉันเขียนจดหมายตอบคุณศุกลไปแล้ว ว่าสะบันงาสบายดีเขาจะรีบกลับมาในไม่ช้านี้แล้ว”
“คุณศุกลท่านสบายดีหรือคะ”
“จ้ะ ถ้าจะไม่สบายดี เพราะห่วงสะบันงานี่แหละจ้ะ เพระฉะนั้น อย่าทำให้เขาทุกข์ใจ ด้วยการไม่ระวังตัวจนเกิดอันตรายกับตัวเอง”
“ค่ะ”
สะบันงายิ้มอายๆ

สังวรรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
“นังโง่สองคน พวกแกทำอะไรไม่รอบคอบ ทำไมแกสองคนต้องไปบอกแขกยามนั่นว่าเอาของขวัญมาให้ แค่แกทิ้งมันไว้ใกล้ๆ แขกนั่นมันก็เห็นเองจัดการเอง”
“ก็ฉันไม่ทันคิด ที่ทำไปนั่นมันความคิดนังน้อย” สังเวียนโยนให้เพื่อนทันที
น้อยชะงัก
“เอ๊ะ ก็คิดด้วยกันแกอย่ามาโทษฉันคนเดียว ก็ถ้าไม่บอกให้มันจัดการ นังสะบันงาหลังข่มขืน นังสะบันงามันก็รอดตายกลับมารายงานลูกพี่มันว่า ฉันกับนังสังวียนทำร้ายมันสิ ตายแน่ๆ”
สังวรครุ่นคิด
“ฉันดูแววตานังเมี้ยน ฉันว่ามันรู้ทันแกสองคน แต่ที่แปลกใจ ทำไมมันไม่เล่นงานแกสองคน ทำไมนังสะบันงามันไม่ฟ้องว่าพวกแกทำร้ายมัน”
น้อยเครียด
“ก็เลยไม่รู้ว่าพวกมันคิดยังไง”
สังเวียนหวาดหวั่น
“แบบนี้สิที่ฉันกลัวอยู่ นอนก็คงหลับตาไม่ลงหน้าแขกยามตาถลนมันตามหลอกหลอน”
สังวรสงสัย
“ถ้าแกสองคนไม่ได้ฆ่ามันไม่ได้รู้เห็นเป็นใจ แล้วใครฆ่ามัน ถ้าใครรู้ว่าแขกนั่นกำความลับแกสองคนเรื่องนังสะบันงา เขาก็ว่าแกสองคนนี่แหละ อยากให้แขกนั่นตาย”
น้อยคิดๆ
“หรือบางทีมันอาจมีเรื่องราวกับคนนอกบ้าน แล้วบังเอิญมาโดนฆ่าเอาวันนี้”
สามคนคิดไม่ตก

วันต่อมา สะบันงาเดินถือสมุดหนังสือมุ่งหน้าไปหาครูแหม่ม ที่เรือนคุณหญิงศรี น้อยกับสังเวียนเห็นก็กระซิบกัน
“ฉันอยากรู้ว่าทำไมมันทำเหมือนว่าเราไม่ได้ทำอะไรมัน” น้อยแปลกใจ
สังเวียนหวั่นๆ
“ฉันว่า อย่าไปยุ่งกับมันเฉยไว้ดีไหม”
“แกกับฉันลงเรือลำเดียวกันมาแล้ว แกจะกระโดดหนีหรือนังสังเวียน ตามมานี่”
น้อยกระชากสังเวียนเดินไปเหมือนจะขวางทางสะบันงา
“สะบันงา”
สะบันงาประจันหน้าจำใจยิ้มให้ แล้วเดินเลี่ยง น้อยขวาง
“แกจะไปไหน”
“ไปเรือนคุณหญิง”
“ไปทำอะไร” สังเวียนถามเสียงเข้ม
“ไปเรียนภาษาอังกฤษ”
สังเวียนมองหยัน
“นังแหม่มกะปิ ภาษาไทยให้มันแตกฉานก่อนเถิด”
น้อยเหยียดหยาม
“แค่นจะไปเรียนภาษาอังกฤษ อยากมีผัวฝรั่งหรือ”
สะบันงาส่ายหน้า
“ขอทางด้วยจ้ะ”
สังเวียนจ้องหน้า
“เราอยากรู้ความจริง”
“เรื่องคืนก่อน แกฟ้องอะไรใครไปบ้าง” น้อยคาดคั้น
“ไมได้ฟ้อง ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น”
สองคนถามพร้อมกัน
“ทำไม”
“เพราะไม่อยากมีเรื่องกับใคร”
“แกโกหก” สังเวียนตวาด
“ฉันอยากอยู่ด้วยกันอย่างสงบ เธอสองคนอาจไม่ตั้งใจร้ายกับฉันมากมายขนาดนั้นเราน่าจะมาเป็นเพื่อนกันได้ ทำไมเราต้องมีเรื่องกันด้วย” สะบันงาพูดเรียบนิ่ง
น้อยเบ้หน้า
“นังแม่พระมาเกิด”
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว ฉันลืมมันไปแล้ว ทำไมเธอสองคนไม่พยายามลืม คุณหญิงสอนฉันไว้ ยามอยู่ทำให้คนเขารัก ยามจากทำให้คนเขาคิดถึง ไม่ใช่เกลียดชัง เราดีกันเถิด”
สองคนยืนอึ้ง สะบันงาฉวยโอกาส รีบเดินออกไป สังเวียนมองหยัน
“มันโกหก กูไม่เชื่อหรอกว่าจะมีใครดีอย่างมึงนอกจากแสร้งทำ”
น้อยหนักใจ
“มันมีนางสองคนนั่นคอยปั่นหัว ยุให้พวกเราหลงกลจนตามไม่ทัน จะสู้พวกมันไหวไหมหนอ”
สองคนวิตกมากขึ้น

มุมหนึ่งใกล้ๆเรือนคุณหญิงศรี เจ้าคุณกำลังลูบคลำต้นสะบันงายิ้มๆ
“สะบันงา เจ้าโตไวๆให้ดอกหอมเร็วๆ ฉันจะดมกลิ่นหอมของเจ้า”
เจ้าคุณหันไป
“เอ๊ะ”
เจ้าคุณมองมาเห็นสะบันงาเดินเลี่ยงมาจาก สังเวียนกับน้อย
“สะบันงาพูดจาอะไรกับสองคนนั่นแล้วเดินเลี่ยงมา ท่าทาง สองคนนั่นไม่พอใจสะบันงา”

เจ้าคุณสาวเท้าไป
 

คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 4 (ต่อ)

สะบันงาเดินท่องคำภาษาอังกฤษมาตามทาง ลืมเรื่องสองคนที่ผ่านมา

“ ฮาว อาร์ ยู แปลว่า สบายดีหรือคะ ไอ แอม ไฟน์ แท้งคิ้ว แปลว่า ฉันสบายดี ขอบคุณ”
เจ้าคุณเดินตรงมา สะบันงาอ้าปากค้างไม่กล้าท่องต่อยืนนิ่ง เพราะเกรงกลัวเจ้าคุณ และไม่คิดว่าจะเจอ เพราะคอยหลบเลี่ยง เธอนึกถึงคำพูดของเมี้ยน
“อย่าพยายามไปพบเจอเจ้าคุณ เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง”
เจ้าคุณเดินยิ้มเข้ามา
“จะไปไหนสะบันงา”
“เอ้อ...”
สะบันงาตอบไม่ถูกหันกลับจะวิ่งหนีเอาดื้อๆหนังสือตกหล่นลงพื้น เจ้าคุณงงๆ
“ทำไมต้องวิ่งหนี”
เจ้าคุณจับข้อมือสะบันงาดึงไว้ สะบันงายิ่งตกใจ...เมี้ยนกับคุณหญิงศรีอยู่ที่เรือนเห็นกับตาว่าเจ้าคุณคว้ามือสะบันงา
“หนีไม่พ้นแล้วสินั่น” เมี้ยนหนักใจ
“สะบันงาเจอกับเขาจนได้”
“เมี้ยนสั่งแล้วนะเจ้าคะ ว่าให้พยายามหลบเจ้าคุณ”
“คนพยายามหลบ มันหลบยากกว่าคนพยายามเจอ” คุณหญิงศรีถอนใจ “ฉันมองออกว่าเขาสนใจสะบันงามาก แต่เขาไม่ใช่คนตะกละตะกราม”
“ดูสิเจ้าคะ ท่านเจ้าคุณก็กระไร นั่นน่ะยังเด็กยังละอ่อน ไปจับมือถือแขน เด็กมันจะคิดมาก ประเดี๋ยวก็คุ้นมือผู้ชายเอาง่ายๆหรอกเจ้าค่ะ”
“สะบันงาไม่ใช่พวกอยากคุ้นมือผู้ชายเหมือนนังสามคนนั่น ไม่ต้องกังวล ระยะนี้สังวรมันรับใช้อยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะจะเก็บไว้ให้คุณศุกล สะบันงานี่แหละ ที่ไปรับใช้เจ้าคุณแล้วไม่คิดถีบหัวส่งฉัน แม้ว่าจะมี        ลูกกับท่าน”
คุณศรีมองต่อไป เมี้ยนมองไม่สบายใจ 
 
เจ้าคุณจับข้อมือไว้ สะบันงานิ่งเหมือนหุ่น
“เห็นฉันเป็นยักษ์เป็นมารหรือ ถึงต้องวิ่งหนี หรือว่าฉันเหมือนยักษ์”
สะบันงาอึกอัก
“เอ้อ...”
“จะบอกว่าฉันเหมือนยักษ์ ตอบมาสิ ฉันอยากฟังเธอตอบ อยากรู้ว่าเธอเห็นฉันเป็นอย่างไร” เจ้าคุณนึกสนุก
“ท่านเจ้าคุณตัวใหญ่มากเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณหัวเราะชอบใจ
“แต่ฉันไม่ใช่ยักษ์สักหน่อย แต่ถ้าฉันเป็นยักษ์ ก็เป็นยักษ์ใจดีนะ”
เจ้าคุณก้มลงหยิบหนังสือที่ตกมาส่งให้สะบันงา แต่อีกมือยังจับข้อมือเธอไว้  แรงก้มของเจ้าคุณดึงเอาสะบันงาล้มลงไปที่พื้นตรงหน้า
“ว๊าย”
“อ้าว”
สะบันงาสบตาเจ้าคุณ ที่มองยิ้มๆขำๆ เธอพยายามจะถอยหนีจะลุก เจ้าคุณยังยึดข้อมือไว้ สะบันงาหน้าซีด
“เอ้อ หนู หนู…”
 เจ้าคุณเอาสองมือรวบเอวสะบันงายกขึ้น
 
สังเวียนกับน้อย ยืนมองตาโตเอามือปิดปาก
“เจ้าคุณอุ้มมัน”
“ถ้าพี่สังวรเห็นละก้อ...”
“อาเจียนออกเป็นเลือดแน่ๆ”
สังวรปราดมาถึง
“แกสองคนดูอะไรกันน่ะ”
 สองคนชี้ สังวรตะลึง
“อีนังสะบันงา อีสาระแน มันจะแย่งผัวกู”
แกละเดินเข้ามาอีกคนหัวเราะ
“พูดยังกับผัวเป็นสมบัติผลัดกันชม มันขึ้นอยู่กับท่านกับคุณหญิง ไฟริษยาเผาใจจนลุกลามดับไม่ไหวแล้วล่ะสินังสังวร ระวังไฟมันจะไหม้ใจตัวเองวอดวาย”
สามคนหันไปด่า
“นังแกละปากหมา”
“ไก่ต่างหาก ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ แกสามคนน่ะนังงูพิษ”
 แกละเดินจากไป สังวรกระทืบเท้า
“กูจะต้องรีบท้องกับท่านให้ไวๆเสียแล้ว แล้วกูจะใหญ่ที่สุดในบ้านนี้”
สังเวียนกับน้อยพูดพร้อมเพียง
“สมพรปากเถิด”
สามคนยังมองต่อด้วยความอิจฉา สังวรเจ็บแค้น
“อยากโลดแล่นไปตบหน้าอีนังสะบันงาให้ลูกตาพลัด”
 
เจ้าคุณวางสะบันงาให้ยืนเอง แล้วสองมือยังไม่ปล่อยเอวของเธอ
“เห็นหรือยังว่าฉันคือยักษ์ใหญ่ใจดี นี่หนังสือเรียนรับเอาไปสิ”
 เจ้าคุณปล่อยมือ สะบันงายังเงอะงะ ไม่หายกลัว เจ้าคุณจับมือเอาหนังสือใส่มือให้ สะบันงารับไว้ใจเต้นโครมคราม
“รู้ไหมว่าก่อนที่จะมาเจอเธอ ฉันดูอะไรอยู่”
“เอ้อ...ไม่ทราบเจ้าค่ะ”
“ฉันดูต้นสะบันงา ฉันอยากเห็นว่าเป็นอย่างไร จึงสั่งให้คนไปหาเพิ่งได้มาวันนี้ กำลังรอให้มีดอก อยากเห็นว่าจะสวยงามหอมสักแค่ไหน เธอเล่าทำไมถึงชื่อ สะบันงา”
“เอ้อ...หนู เกิดตอนที่แพของแม่ไปจอดใกล้ซุ้มสะบันงาเจ้าค่ะ แม่ก็เลยตั้งชื่อให้ว่าสะบันงาเจ้าค่ะ”
“แม่เข้าใจตั้งชื่อนะ ตอนนี้แม่ไปไหน”
สะบันงาน้ำตาร่วงพรู เจ้าคุณตกใจ
“เป็นอะไร หรือว่า แม่...”
“ตายแล้วเจ้าค่ะ”
“โธ่เอ๊ย เด็กเอ๊ย ช่างน่าสงสาร ขอโทษฉันไม่ควรถามถึงแม่ จนทำให้เธอร้องให้ ไปเถิด ตั้งใจเรียนนะ คุณหญิงท่านมีน้ำใจ มีเมตตาและคงจะวางอนาคตที่ดีให้เธอไว้แล้ว”
สะบันงาย่อตัวไหว้ แล้วก้มหน้างุดรีบเดินออกจากที่นั่น เจ้าคุณไม่ได้หันไปมองตามสะบันงาที่เดินรีบเร่งจากไป
“เด็กน้อยที่น่าสงสาร ที่ขาดแม่มาคอยมาดูแลปกป้อง”
เจ้าคุณรู้สึกสงสารสะบันงามาก
 
สังวร สังเวียน น้อยจะคลั่งตาย
“มันยั่วเจ้าคุณ” สังวรโกรธ
“มันให้ท่าท่าน” สังเวียนแค้น
“มันกำลังจะตัดหน้าเราทุกคน แม้แต่แกนังสังวร สักวันท่านจะเรียกหามันไม่ใช่แก” น้อยใส่ไฟ
สังวรเครียดแค้น
“กูไม่ยอม”
น้อยมองหน้า
“แล้วแกทำตามอำเภอใจได้หรือ ดูท่วงท่าท่านที่พูดจากับมันสิ แม้ไม่ได้ยินแต่ก็ดูออกว่ามีแต่คำหวานหู สมน้ำหน้าใครจริงๆน้อ”
น้อยหัวเราะเยาะ สมน้ำหน้าสังวรไม่น้อย  สังวรโกรธมาก ระบายความแค้นตบหน้าน้อย
“มึงอย่ามาสมน้ำหน้ากู”
“เพราะมึงมันน่าสมน้ำหน้า”
น้อยตบคืน สองคนตบตีกัน สังเวียนไม่ร่วมด้วย
“อย่ากัดกันเองๆ”
พวกคนอื่นในครัวพากันออกมายืนหัวเราะ
“หมาตัวเมียกัดกัน มาดูเร็วๆ” แกละแดกดัน
“หมากัดกันเขาให้เอาน้ำสาด แล้วหมามันจะหยุด” ซ้งบอก
โรเบิร์ตกำลังผสมแป้งตะโกนบอก
“น้ำอยู่นี่ ผสมแป้งด้วย กะจะเอาไปทำขนม”
“นี่แหละเหมาะ เอามาเลย”
ทองหยอด เอาน้ำผสมแป้งไข่ สาดใส่สองคนที่ตีกันไม่หยุด
 
คุณหญิงศรีพาสะบันงามาแนะนำกับครูแหม่ม
“สะบันงา นี่ครูแหม่ม ที่จะมาสอนหนังสือให้”
สะบันงายกมือไหว้
“สวัสดีเจ้าค่ะ คุณครู”
ครูแหม่มส่ายหน้า
“โน ไม่ต้องพูดเจ้าค่ะกับไอ พูดคะ ขา ก็พอ”
“ค่ะ”
“เรียกฉันว่าครูแหม่ม”
“ค่ะ ครูแหม่ม”
“ตั้งใจเรียนให้เหมือนกับที่ตั้งใจเรียนกับฉันนะ” คุณหญิงศรีกำชับ
“เจ้าค่ะ”

คุณหญิงศรีออกไป สองคนเริ่มเรียน

 
สังวรกับสังเวียนสุมหัวกันวางแผนกลั่นแกล้งสะบันงา
 
“อย่าให้มันได้ผุดได้เกิด ใส่ไคล้ ใส่ความมันเข้าไปให้หนัก” สังวรยุ
สังเวียนยังหวาดๆ
“แต่ถ้ามันแค้นขึ้นมาบอกว่าฉันกับนังน้อยรุมตบตีมันคืนนั้น”
น้อยเดินยิ้มร้ายๆเข้ามา
“แกสองคนพี่น้องก็จบเห่ ฉันจะมาบอกพวกแกว่า เราแยกทางกันทางใครทางมัน ฉันไม่ต้องการถึงทางตัน ไม่ต้องการเป็นหมาจนตรอก”
“นังกะล่อน แกตัวตั้งตัวตีถึงเวลาจะถอนตัว” สังวรโวย
สังเวียนไม่พอใจ
“แกคิดอะไรอยู่ จะเอาตัวรอดคนเดียวหรือ”
“ฉันแค่ระวังตัวมากขึ้นตอนนี้พวกมันเป็นใหญ่ ใครก็ทำอะไรมันได้ยาก ยิ่งเห็นเจ้าคุณทำท่าอารีอารอบใส่มัน ฉันขอถอยไปตั้งหลักก่อน”
น้อยเดินออกบ่นพึมพำคนเดียว
“จู่ๆจะดันทุรังเอาหัวไปชนกำแพง ก็มีแต่หัวแตกสถานเดียวหาทางเอาตัวรอดเป็นยอดดี”
น้อยคิดว่าจะเข้าไปฟ้องเมี้ยน เรื่องสองพี่น้องจะเล่นงานสะบันงากับเมี้ยน
 
น้อยมาพบเมี้ยน มุมหนึ่งในบ้าน เมี้ยนมองน้อยที่มานั่งตรงหน้ายกมือไหว้
“มีอะไรนังน้อย”
“ฉันมาขอโทษ เรื่องสะบันงาคืนนั้นค่ะ”
“เรื่องอะไรไม่เห็นสะบันงาจะว่าอย่างไรนี่นา”
“นังสังวรมันสั่งนังสังเวียนน้องมันให้จับตาดูสะบันงา กลัวว่าจะไปแข่งดีแข่งเด่นกับมัน คืนนั้นมันมาเผยแผนการชั่วให้ฉันฟัง สะบันงามาได้ยินเข้า ฉันกลัวความผิดมันสั่งให้ช่วยทำร้ายสะบันงาฉันก็ทำ แต่ฉันมาเสียใจภายหลัง กินไม่ได้นอนไม่หลับ มโนธรรมเรียกร้องไห้มาบอกความจริงกับคุณเมี้ยน”
“อย่างนั้นหรือ จำได้ว่าสั่งให้แกจับตามองมันสองคนพี่น้อง แล้วจะมีรางวัล คิดว่าแกลืมเสียแล้ว”
“ไม่ได้ลืมหรอกค่ะ จ้องหาโอกาสทุกขณะจะมารายงาน ไอ้ครั้นจะออกนอกหน้าว่าไม่ใช่พวกมันก็จะเอาตัวไม่รอดจะทำงานตามที่คุณเมี้ยนสั่งไม่สำเร็จค่ะ ตอนนี้สบช่อง มีข่าวความคืบหน้ามารายงานแล้วค่ะ”
“ว่ามา”
น้อยเล่าทันที เมี้ยนพยักหน้า ส่งเงินให้น้อยถุงเล็กๆ
“ทำดีมาก ทำต่อไป วันนี้ได้เงินวันต่อไปแกจะได้ทอง”
น้อยรับออกไป เมี้ยนมองตาม พึมพำกับตัวเอง
“กลับคำพูดเอาง่ายๆนิสัยตลบตะแลง ในกระบวนนังสามคน อยากจะจับมาแข่งหาผู้ชนะเลิศคนเลวนัก ใครเชื่อมันออกลูกเป็นหมา”
เมี้ยนยิ้มขำๆ
 
สะบันงา เรียนกับครูแหม่ม...สังวรปรนนิบัติ เจ้าคุณ...สะบันงา มานั่งร้อยพวงมาลัย ให้คุณหญิงศรีกับเมี้ยนดูและติชม...สังวรกับสังเวียนแอบนินทา จีบปากจีบคอ...น้อยมาฟ้องเมี้ยนลอยหน้าลอยตา เมี้ยนให้รางวัล...สะบันงา ไปหัดทำอาหารกับกุ๊กจีน ฝรั่ง และทองหยอดมีแกละช่วยอีกคนอย่างสนุกสนาน
 
หกเดือนผ่านไป...เจ้าคุณจิบน้ำชายามบ่ายกับคุณหญิงศรี เมี้ยนคอยปรนนิบัติ
“ขนมนี่อร่อยมาก ฝีมือศรีหรือ”
“ฉันไม่ชอบทำขนม ฉันชอบอ่านหนังสือค่ะ”
“กุ๊กคนไหนทำหรือเมี้ยน”
เมี้ยนยิ้มแย้มบอก
“สะบันงาค่ะ”
ไม่ทันขาดคำสะบันงาก็ถือถาดสาคูไส้หมูเข้ามา คุณหญิงศรีหันไปถาม
“อะไรน่ะสะบันงา”
สะบันงายิ้ม
“สาคูไส้หมูค่ะ”
“ทำเองอีกหรือเปล่า” เจ้าคุณถาม
“เจ้าค่ะ”
“ขอลองสักหน่อย อยากจะรู้ว่าจะอร่อยเท่าพายไก่ที่ฉันกำลังกินนี่ไหม”
เมี้ยนรับมาจากสะบันงามาวางลง เจ้าคุณหยิบส้อมจิ้มมาชิม ยิ้ม
“อร่อยมาก”
คุณหญิงศรีชิมบ้าง
“อร่อยมากจริงด้วยสะบันงา ทำเป็นหมดทุกอย่างแล้วหรือยัง”
“เกือบแล้วค่ะ”
“เรื่องเรียนเล่าเป็นอย่างไร”
“เอ้อ...พอได้ความบ้างเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีมองยิ้มๆ
“ถ่อมตัวน่ะสิ ครูแหม่มบอกว่า เขียนจดหมายภาษาอังกฤษเป็นแล้ว”
เจ้าคุณมองอย่างชื่นชม
“คนเก่งจริงมักถ่อมตัว คนโง่เขาเบาปัญญามักอวดตัว”
คุณหญิงศรีมองสะบันงาภูมิใจมาก สะบันงายิ้มอายๆก้มหน้า เจ้าคุณมองยิ่งนึกเอ็นดู คุณหญิงศรีสบตาเมี้ยนแบบรู้กัน แต่แล้วเจ้าคุณก็ถามขึ้นมาโต้งๆ
“เมื่อไหร่จะอายุสิบหกล่ะ”
คุณหญิงศรี เมี้ยน สะบันงา ไม่มีใครตอบออกมา เพราะอึ้ง
 
สังวร กับสังเวียนแอบซุ่มมอง สังวรยิ้มย่อง สังเวียนมองค้อนๆ
“กูทำสำเร็จแล้ว  ดีใจกับกูสินังสังเวียน”
“แน่ใจหรือมั่นใจแล้วหรือ”
“แน่ใจสิวะ ที่กูบอกมึงนี่ กูจะให้มึงรับช่วงงานนี้ต่อจากกู”
สังเวียนดีใจ
“จริงหรือพี่สังวร”
“หรือมึงจะให้กูเอานังน้อย นังสะบันงาไป แทนที่จะเป็นมึง”
“พี่บอกท่านได้หรือ ท่านจะเชื่อพี่หรือ”
“มีรึจะไม่เชื่อกู ไม่เห็นหรือว่าหกเดือนที่ผ่านมานี่ กูอยู่กับท่านทุกคืน บางทีมีแถมกลางวัน ทีนี้ล่ะจะขอบ้านท่านปลูกเรือนสักหลังเอาให้ใหญ่กว่าเรือนอีนังนั่น”
“แล้วอีนังนั่นมันจะยอมหรือ เจ้าคุณเกรงใจมันจะตาย”
“ระหว่างมันที่ไม่เคยนอนกับผัว กับกูนอนมาหกเดือน แถมกำลังจะ…”
สังวรอาเจียนออกมา สังเวียนหน้าตื่น
“พี่สังวรท้องจริงๆด้วย”
น้อยแอบมอง
 
น้อยมาบอก เมี้ยนฟังเงียบๆ
“จริงหรือ”
“น่าจะจริงเกือบจะร้อยเปอร์เซนต์นะคะ มันโอ้กๆ เมื่อเช้ามันหามะขามสดมะขามเปียกกินทั้งวัน”
“ขอบใจที่มาบอก น่ายินดีกับมันออกนะ”
น้อยหน้าเหวอ
“อ้าว ไม่น่าหมั่นไส้มันบ้างหรือคะ”
“บอกแล้วว่าน่ายินดี ขอบใจที่มาบอก”
น้อยรีรอ เมี้ยนควักเงินส่งให้เงียบๆ แต่ในใจร้อนรุ่มมาก
 
ในห้องนอน คุณหญิงศรีรับรายงานจากเมี้ยน
“มันท้องกี่เดือนแล้ว”
“น่าจะเพิ่งเริ่มๆเจ้าค่ะ เพราะมันเพิ่งมีอาการแพ้ท้อง”
“ท่านรู้หรือยัง”
“มันคงจะแจ้นไปบอกคืนนี้แหละเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีนิ่งเงียบ เมี้ยนมองแบบเห็นใจ
“จะจัดการอย่างไรดีเจ้าคะ”
“ไปยินดีกับมัน เตรียมของให้ลูกมัน”
เมี้ยนอึ้งงง
“คุณหญิง”
“หรือว่าจะไปฆ่ามันเหมือนไอ้แขกยาม ให้ใครจับได้ว่าเป็นฆาตกร”
“แต่มันฝืนหัวจิตหัวใจมากเกินไปนะเจ้าคะ”
“เราต้องทำตามนี้ สถานะของเราคือ ผู้ดูแลคนในปกครองที่นี่ ฉันเป็นคนส่งมันไป ทำไมฉันจะต้องเขียนมันด้วยมือ แล้วลบมันด้วยเท้า เกียรติยศของคุณหญิงศรีจะโดนกระชากลากลงไปติดดิน”
เมี้ยนมองหน้าคุณหญิงศรีขัดใจ เมี้ยนรำพึงในใจ
“แต่เกียรติยศศักดิ์ศรีของอีเมี้ยนไม่เคยมี”
เมี้ยนกอดเข่าคุณหญิงศรีไว้
 
เจ้าคุณนั่งบนเตียงประคองสังวรที่ก้มลงกราบแทบเท้ามากอดไว้แนบอก
“ฉันดีใจมากที่สังวรท้อง ฉันจะมีลูกขอบใจมากจริงๆสังวร”
“สังวรจะดูแลสายเลือดของท่านให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ”
“ฉันก็จะดูแลสังวร ให้ดีที่สุดเหมือนกัน”
“เอ้อ...แต่ที่ห้องพักของสังวรมันคับแคบ อากาศก็ไม่ค่อยจะดีมันอาจพาลให้สังวรสุขภาพไม่ดี ลามปามไปถึงลูกในท้องนะเจ้าคะ”
“รอให้คลอดแล้วฉันจะให้เขาสร้างเรือนใหม่ให้สังวรอยู่กับลูก”
“มีห้องว่างตั้งมากมายให้สังวรกับลูกอยู่สักห้องก่อน ชั้นล่างก็ได้เจ้าค่ะ”
“ได้นะ ถ้า...คุณหญิงเธออนุญาต”
สังวรหันมาพึมพำ
“อีมารความสุข”
สังวรหันไปอ้อน
“ท่านขอให้สังวรนะเจ้าค่ะเพื่อเห็นแก่ลูกของเรา สังวรฝันด้วยนะเจ้าคะว่าลูกของเราเป็นลูกชายเจ้าค่ะ แกมายืนร้องให้เรียกสังวรว่าแม่ๆ”

เจ้าคุณอึ้งไปอยากได้ลูกชายมาก สังวรแอบยิ้ม

 
คุณหญิงศรียังคงนิ่ง เมี้ยนกระทุ้งต่อ
 
“ป่านนี้มันคงออดอ้อนจะนอนบนตึกกับท่าน”
“แล้วเมี้ยนจะให้ฉันทำอย่างไรไปด่ามันไปห้ามมันหรือ ไม่ได้หรอก”
“ใช่เจ้าค่ะ มันกำลังมีแต้มต่อ พอลูกมันออกมานะเจ้าคะ มันจะทำตัวเป็นใหญ่แข่งกับคุณหญิง”
“พอก่อนเถิดเมี้ยน แค่เพิ่งจะเริ่มท้องรอดูมันไปก่อน ถ้ามันสงบเราก็เสงี่ยม”
“ถ้ามันไม่สงบ แถมมาระรานบานเบ่งวางก้ามใส่คุณหญิง เมี้ยนไม่รับประกันนะเจ้าคะ”
“จะทำอะไรให้สมน้ำสมเนื้อ อย่าทำเกินกว่าเหตุ”
“เจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรียังนิ่ง เมี้ยนมองเทิดทูน เอื้อมมือมาจับเท้าคุณหญิงศรี บีบนวดไปมา คุณหญิงศรีมองหน้าเมี้ยน ทรุดตัวลงมาหาซบอก เมี้ยนกอดลูบหลังเบาๆ
“ทูนหัวของเมี้ยน จะไม่ยอมให้ใครมาย่ำยีเหยียดหยาม ดูถูกศักดิ์ศรีคุณหญิงของเมี้ยนหรอกเจ้าค่ะ”
“ขอบใจ ขอบใจมากเมี้ยน”
ในห้องนอน...คุณหญิงศรีกับเมี้ยนยังคงนิ่ง ต่างใช้ความคิดเรื่องสังวร
“ป่านนี้มันคงกำลังลอยหน้าลอยตา อวดอ้างสรรพคุณเด็กในท้องของมันกับท่านเจ้าคุณอยู่เจ้าค่ะ” เมี้ยนพูดถึงสังวรอย่างเกลียดชัง
“ท่านคงดีใจคล้อยตามมันไปหมด เพราะกำลังเห่อดีใจจะได้ลูก”
“มันต้องพยายามโน้มน้าวให้ท่านเข้าใจว่ามันจะได้ลูกชาย ทั้งที่จะได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ได้”
“การท้องของมันเท่ากับเติมแต้มต่อ ให้มันสามารถเรียกร้องอะไรๆจากท่านได้หลายๆอย่าง” คุณหญิงศรีพูดอย่างไตร่ตรอง
“เรียกร้องจนเกินเลย ก้าวล่วงมาถึงคุณหญิง เราทำอะไรมันไม่ได้หยุดมัน ไม่ได้แล้วใช่ไหมเจ้าคะ” เมี้ยนกังวล
“รอดูมันไปก่อนยื่นไมตรีไปให้มันอย่างที่ฉันบอก ถ้ามันสงบมันยอมรับไมตรีเราด้วยความจริงใจ เราก็เสงี่ยมสงวนทีท่าอย่าแสดงตนว่าริษยามัน”
“แต่ถ้ามันไม่เป็นดั่งที่คุณหญิงคาดหวัง มาเบ่งมาวางก้ามมาล่วงเกิน ซึ่งมีแนวโน้มว่ามันจะทำเช่นนั้น เมี้ยนไม่รับประกันว่าจะอดทนได้นานแค่ไหนเจ้าค่ะ”
“ผู้ที่มีความอดทนสูงกว่ามักชนะ จะทำอะไรก็ให้สมน้ำสมเนื้อ อย่าทำเกินกว่าเหตุ มันจะลุกลามบานปลายสัญญานะเมี้ยน”
“เจ้าค่ะ มันแรงน้อยเมี้ยนอดทน มันแรงมากเมี้ยนตอบโต้”
คุณหญิงศรีเงียบ เมี้ยนมองเทิดทูน มือเมี้ยน เอื้อมมาจับเท้าคุณหญิงศรีกุมไว้ บีบนวดเบาๆให้กำลังใจ คุณหญิงศรีมองหน้าเมี้ยน ทรุดตัวลงไปหาซบหน้ากับอกเมี้ยน
“ในโลกนี้คงมีแต่เมี้ยนที่เข้าใจฉันรักฉัน ทำเพื่อฉันมากขนาดนี้ ขอบใจจริงๆ”
“คุณหญิงคือส่วนหนึ่งของชีวิตเมี้ยน ชีวิตนี้มอบให้คุณหญิงแล้วเจ้าค่ะ”
เมี้ยนโอบกอดคุณหญิงศรีไว้ ลูบหลังปลอบโยน
 
วันใหม่...สะบันงาและบรรดาบ่าวทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ในครัว สะบันงาวิ่งวุ่นวายช่วยคนโน้นช่วยคนนี้อย่างสนุกสนาน
“ป้าทองหยอดจ๋า กลางวันนี้ให้หนูช่วยทำข้าวแช่ให้คุณหญิงรับประทานนะจ๊ะ”
“จ้ะ ไม่ต้องช่วยก็ทำเองได้แล้ว ทำเก่งจนทำแทนป้าได้แล้ว วันหลังจะปล่อยให้ทำเอง”
“ก็ไม่อร่อยพอสิจ๊ะ ฝีมือหนูยังไม่เข้าขั้นป้าหรอกจ้ะ”
“สะบันงาทำขนมเปี๊ยะเป็นแล้ว ต่อไปจะสอนให้ทำขนมจีบ ซาลาเปา” ซ้งบอก
“ขนมปังก็อบเป็น ชีสก็กำลังหัดทำ อีกหน่อยยกให้สะบันงาทำคนเดียวหมดเลยทั้งไทย จีน ฝรั่ง” โรเบิร์ตเย้าแหย่
ทันใดนั้นมีเสียงโอ๊กอ๊ากนำมา สังวรปรากฏตัว แกละกระซิบสะบันงา
“คุณนายบ่าวตั้งตัวเองมาแล้ว”
สังวรเดินเข้ามาหน้าตาซีดเซียว ทุกคนมองไป สังวรเบ่งทันที
“มองอะไร ไม่เคยเห็นคนท้องหรือ ในท้องนี่มีลูกชายของท่านเจ้าคุณ พวกแกรับรู้ไว้ด้วย มีอะไรเปรี้ยวๆกินบ้าง”
“แกก็ปีนไปเก็บกินเอาเองสิ มะปริง มะปราง มะขาม มะม่วง ทางด้านโน้นไง” แกละบุ้ยหน้าไป
สังวรจ้องหน้า
“แต่ฉันอยากจะกินที่นี่”
“ที่นี่มีนะ แต่เป็นมะเหงกเขกหัวแก้แพ้ท้องชะงัดนัก โป๊กเดียวหายแพ้  ท้องทันที” ซ้งชูมะเหงก
สังวรตวาดแว๊ด
“ไอ้ซ้ง แกบังอาจนัก ลามปามฉันมากไปแล้ว แกก็รู้ว่าฉันเป็นอะไรในบ้านนี้”
ซ้งลอยหน้าลอยตา
“โอ๊ย ทำไมจะไม่รู้ว่าแกน่ะนางบ่าวพญาเพลิง เพลิงริษยาอย่างไรล่ะ ไปที่ไหนประกายไฟริษยาอาฆาตกระเด็นตกไปทั่ว”
สังวรโกรธ
“มึงเย้ยหยันกู กูจะบอกให้ท่านเจ้าคุณไล่มึงออก”
“พี่สังวร...พูดจาระวังหน่อย กำแพงมีหูประตูมีช่อง” สังเวียน เตือนสติ
“กูเป็นเมียท่าน ทำไมกูต้องระวัง คนอื่นสิต้องระวังอย่ามาทำให้กูโกรธรวมทั้งนังสองคนนั่นด้วย”
สะบันงาอดสงสัยไม่ได้หันมาถามแกละ
“นังไหนหรือจ้ะ”
แกละกระซิบ
“มันหมายถึงคุณหญิงกับคุณเมี้ยน”
สะบันงาตกใจ
“ตายจริง”
สังวรตะคอก
“นังโง่ ก็นังลูกพี่แกอย่างไร จะพากันตกกระป๋องยังไม่รู้ตัว แกก็อีกคน  ชอบแอบลอบฉอเลาะท่าน จะเฉดหัวออกไปให้พ้นบ้านคอยดู”
แกละสวนทันที
“ใครจะเฉดหัวใครออกมีได้สองคนในบ้านนี้คือ เจ้าคุณกับคุณหญิง”
 “และท่านเจ้าคุณก็มอบอำนาจเด็ดขาดนี้ให้คุณหญิงคนเดียว” น้อยเสริม
เมี้ยนเดินเข้ามา
“และคุณหญิงก็มอบอำนาจนี้ผ่านมาที่ฉันคนเดียวเหมือนกัน”
 “อำนาจมันเปลี่ยนมือได้อย่ามาข่มขู่ฉัน ยัยเมี้ยน” สังวรฮึดสู้
 “นังสังวร” ทุกคนตะลึง
สังวรมองเย้ย
“ยัยเมี้ยนถ้าแกไม่เชื่อฉัน แกรอดูสิ ว่าเช้านี้ท่านเจ้าคุณผัวฉันจะสั่งอะไรนายแกเกี่ยวกับฉันที่โต๊ะกินข้าว”
เมี้ยนชะงักไป ในใจโกรธแทบอยากตบสังวรทุก คนตกใจมากอุทานอีกครั้ง
“สังวร”
“นังกิ้งก่าได้ทองเท่าหนวดกุ้ง รอดูไปก็แล้วกันว่าฝันของแกจะสลายวันใด”
เมี้ยนมองหน้าสังวรร้ายๆดุดันมาก หันกลับออกไป
 
ในห้องอาหารเรือนคุณหญิงศรี...เจ้าคุณกับคุณหญิงศรีทานอาหารเช้าด้วยกัน เจ้าคุณไม่รู้ว่าคุณหญิงศรีรู้แล้วว่าสังวรท้อง จะขอให้สังวรมาอยู่บนตึก ตามที่ขอ เจ้าคุณลอบมอง คุณหญิงศรีรู้ตัวตลอด
“ลอบมองฉันอีกแล้ว มีอะไรจะพูดไม่ทราบคะ”
“สังวรท้อง”
คุณหญิงศรีนิ่งไปยิ้มเล็กน้อย
“อ้อ ยินดีด้วยค่ะ ทั้งกับคุณและสังวร”
เจ้าคุณแปลกใจนิดหนึ่งที่คุณหญิงศรีไม่มีทีท่าไม่พอใจ
“เอ้อ ศรีไม่หงุดหงิดหรือ”
“หงุดหงิดทำไมคะ ลูกของคุณไม่ว่าจะเกิดกับใคร ฉันย่อมยินดีเสมอ ที่บ้านนี้จะมีทายาท”
“ศรีใจกว้างมีน้ำใจมาก ฉันถึงรักและชื่นชมศรีเหลือเกิน”
“ขอบคุณมากค่ะ ที่ให้เกียรติฉัน”
“แต่ถึงอย่างไรใช่ว่าฉันจะไม่อยากมีลูกกับศรี ฉันอยากมีลูกกับศรีมากที่สุด ฉันจะรอวันที่ศรีพร้อม”
“ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ฉันจะจัดหาทุกอย่างให้ลูกของสังวร และตัวสังวรค่ะ”
“สังวรคงดีใจมาก ฉันขอขอบคุณแทนสังวรด้วย”
“มีอะไรอีกไหมคะ”
“ฉันห่วงลูก ห้องหับที่สังวรอยู่มันคับแคบ อากาศอาจถ่ายเทไม่สะดวกพอซึ่งอาจจะมีผลมาถึงลูก”
คุณหญิงศรีอึ้งนิดหนึ่ง
“จริงอย่างที่คุณพูดค่ะ คุณคิดว่าสมควรจะทำอย่างไรคะ”
“ศรีเป็นผู้ดูแลปกครองคนในบ้าน ฝากศรีช่วยจัดการได้ไหมเรื่องขยับขยายที่อยู่ให้สังวร”
“ได้สิคะ เต็มใจมากด้วยค่ะ”
“รบกวนศรีเหลือเกิน”
“ไม่ต้องคิดว่ารบกวน เรามาช่วยกันรอวันที่บ้านของเราจะมีเสียงเด็กอ่อนร้องไห้ หัวเราะ และต่อมาก็จะมีเด็กเล็กๆมาวิ่งเล่น ให้คุณมีความสุข บ้านเราก็จะสดชื่นเป็นบ้านที่สมบูรณ์”
อีกมุมหนึ่ง เมี้ยนมาแอบฟัง หน้าเครียด

“คุณหญิงเอาอีกแล้ว หาเหตุให้อีเมี้ยนต้องเล่นงานพวกไม่รู้จักพอ”



 
คุณหญิงศรีมาส่งเจ้าคุณขึ้นรถ
 
“เย็นนี้จะรีบกลับมากินข้าวกับศรีนะจ้ะ”
“ค่ะ ฉันจะรอ”
เจ้าคุณหอมแก้ม
“เลิฟ ยู”
สังวรพรวดมาเสนอหน้าทำไม่เห็นคุณหญิงศรีแต่มาหาเจ้าคุณ คุณหญิงศรีหันไปยิ้มด้วยปากไม่ใช่ตา
“สังวรจะมาส่งเจ้าคุณ หรือว่าจะมาบอกอะไร ตามสบาย”
สังวรเจอไม้นี้ ฝ่อไปนิดหนึ่ง เจ้าคุณหันมาบอก
“มีอะไรให้เรียนกับคุณหญิง ไม่ต้องมาบอกฉัน”
สังวรจ๋อย เจ้าคุณโบกมือให้คุณหญิงศรี
“บาย ซี ยู”
คุณหญิงศรียิ้มโบกมือตอบ รถแล่นออกไป คุณหญิงศรีหันกลับเดินผ่านสังวรเหมือนไม่มีตัวตน
“เดี๋ยวก่อน”
คุณหญิงศรีไม่หยุด สังวรวิ่งมายืนดักหน้า
“เดี๋ยวก่อนสิ”
เมี้ยนปราดมาจากที่ซ่อน
“แกพูดกับใคร แกสั่งใครเดี๋ยวก่อน”
“ไม่ได้พูดกับเราหรอกน่า ยัยเมี้ยน”
“นั่นคุณเมี้ยน ไม่ใช่ยัยเมี้ยน เรียกเขาให้ถูกต้องด้วยสังวร” คุณหญิงศรีพูดนิ่มๆ
สังวรไม่ค่อยกล้ากับคุณหญิงศรี
“ก็ตอนนี้ ฉัน เอ้อ...”
“ตอนนี้แกเป็นกิ้งก่าได้ทอง ว่ามาสิแก พูดเดี๋ยวก่อนทำไม” เมี้ยนดุ
“ฉันอยากรู้ว่าท่านเจ้าคุณสั่งให้ เอ้อ...ให้คุณทำอะไรให้ฉันบ้าง”
“สั่งให้กำหราบไม่ให้แกเหิมเกริมกระมัง” เมี้ยนสวน
คุณหญิงศรีจ้องหน้าสังวร
“ฉันไม่ได้ชื่อแค่คุณ ฉันชื่อคุณหญิงศรี เหมือนกันกับที่หล่อนชื่อสังวร  ไม่ใช่นังสังวร”
สังวรจ๋อยนิดหนึ่ง เมี้ยนแอบหันไปยิ้ม ขำดีใจที่คุณหญิงอัดสังวรนิ่มๆ
“เจ้าคุณบอกฉันว่า จะสั่งให้คุณหญิงจัดให้ฉันมาพักบนตึกกับท่าน เพราะท่านห่วงลูกชายของท่านมาก”
คุณหญิงศรีมองหยัน
“อ้อ เทวดาองค์ไหนมาบอกมาเข้าฝันหล่อนหรือ ว่าหล่อนจะมีลูกชาย”
เมี้ยนเสริม
“หรือว่าฝันไปเอง คิดเองเออเอง”
“หล่อนย้ายขึ้นมาพักที่เรือนฉัน ห้องติดกับฉันได้เลย”
เมี้ยนตกใจ
“คุณหญิง”
“แต่ท่านรับปากว่าจะให้ฉันอยู่บนตึกกับท่าน” สังวรแย้ง
“แต่ฉันไม่ได้รับปากกับหล่อน นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เนื่องจากหล่อนท้องย่อมไม่สะดวกกับสุขภาพของลูกที่อาจเป็นชายของหล่อน ฉันขอสั่งให้หล่อนหยุดปรนนิบัติรับใช้ท่าน”
สังวรตกใจ
“บ้าแล้ว ฉันไม่ยอมนะ”
“หล่อนต้องยอม หล่อนแหละบ้า ถ้ายังคิดปรนนิบัติท่านทั้งที่ยังท้อง นี่คือคำสั่งเด็ดขาดของฉัน”
“แต่...” สังวรจะแย้ง
เมี้ยนสวนทันที
“แต่ช้าแต่ ได้ยินชัดเจนแล้ว หรือว่าตอนนี้หล่อนแพ้ท้องจนหูดับ แพ้ท้องมากๆวุ่นวายมากๆระวังจะแพ้ภัยตัวเอง”
คุณหญิงศรีเดินจากไป สังวรขยับจะขวาง
“นี่...นี่...”
“นี่...นี่...แกนั่นแหละถอยไปถ้าไม่อยากวิ่งมาชนฉันแล้วหกล้มจนแท้งลูก”
เมี้ยนกันไว้ จ้องหน้าดุมากจนสังวรหนาวในใจ
 
สังวรเข้ามาในห้องปาข้าวของลงพื้นระบายอารมณ์
“มันกันท่ากู กีดกันกู อีศรี”
สังเวียนสงสัย
“มันไม่ยอมให้ท่านเจ้าคุณสร้างเรือนใหม่ให้พี่หรือ”
“มันไม่ยอมให้กูไปอยู่บนตึกกับท่าน มันสั่งให้กูหยุดปรนนิบัติท่าน”
“อ้าว ก็ในเมื่อพี่ท้อง ทำไมพี่ยังจะอยากไปปรนนิบัติท่าน” สังเวียนนึกดีใจว่าถึงคิวตัวเอง “มันอันตรายกับเด็กนา”
“ทำไมมันไม่ยอมให้กูอยู่กับท่าน มันดันให้กูไปอยู่ห้องข้างห้องมันบนเรือนของมัน”
“อ้าว เรือนของมัน ก็ต้องดีกว่าห้องนี้สิพี่สังวร”
“คับที่อยู่ได้คับใจอยู่อยากโว้ย กูไปอยู่ข้างห้องมันก็เท่ากับกูติดคุกอยู่เรือนของมัน อยู่ในสายตาทิ่มแทงหัวใจกูตลอดเวลาอีบ้านี่มันขี่เมฆมาข่มกู”
“แล้วมันบอกหรือเปล่าว่า จะเอาใครไปปรนนิบัติท่านแทนพี่สังวร”
“กูไม่รู้ไม่สนใจเท่ากับว่า ตอนนี้กูโดนตัดขาดจากท่านเจ้าคุณโดยปริยาย”
สังวรเตะข้าวของต่อไป สังเวียนนึกๆ
“หรือมันจะเอานังสะบันงาไปแทนพี่สังวร ไม่ได้การเสียแล้ว”
สังเวียนประสาทเสียมากกลัวสะบันงาได้ดี
 
น้อยแอบฟังอยู่หน้าห้องได้ยินทั้งหมด
“สมน้ำหน้า วันนี้ถึงตากูบ้างแน่ๆจะรีบไปอาบน้ำแต่งตัวให้สวยที่สุด”
น้อยแว่บหลบไป สะบันงาเดินมาเห็นน้อยทำท่าประหลาดก็แปลกใจ
“พี่น้อยเป็นอะไรยิ้มคนเดียว”
น้อยหันกลับมาหาสะบันงา
“เป็นอะไรที่กำลังจะได้ดิบได้ดี” น้อยมองสะบันงา “วันนี้แกรีบป่วยซะรู้ไหม”
สะบันงางง       
“หนูไม่ได้ป่วยนี่นา”
“นั่นแหละ เออ ถามจริง แกมีคู่รักหรือยัง”
สะบันงาอึกอัก แล้วส่ายหน้า
“ฉันยังเด็ก”
“เออ รู้ตัวว่ายังเด็กก็ดีแล้ว เด็กขนาดแกยังไม่สมควรมีผัว ใครมาชวนไปบนเรือนบนตึกโน้น แกรีบอ้างว่าป่วยซะเข้าใจไหม”
“ไม่เข้าใจหรอกจ้ะพี่น้อย”
“แกรู้ไหม ว่านังสังวรมันท้อง”
“พอรู้แล้วจ้ะ”
“มันไปปรนนิบัติท่านไม่ได้แล้ว ยัย เอ้ย...คุณหญิงท่านก็เลยให้มันหยุดปรนนิบัติท่าน”
“คุณหญิงท่านทำถูกแล้วนี่จ้ะ”
“ก็ทำถูกน่ะสิ แต่มันก็ต้องมีคนไปปรนนิบัติท่านต่อไป”
สะบันงาเข้าใจ
“อ้อ”
“แกอยากไปล่ะสิ”
สะบันงาส่ายหน้า
“ไม่เคยอยากสักนิดจ้ะ”
“แต่บางทีคุณหญิงอาจจะอยากให้แกไป อาจสั่งคุณเมี้ยนให้มาเอาตัวแกไป แกไม่กลัวหรือ”
สะบันงาตกใจ
“กลัวสิ แล้วหนูจะทำยังไงดี”
“ก็ถึงบอกให้แกรีบป่วย แกจะไม่ได้ไม่ต้องไปเสนอหน้า นี่เตือนแกด้วยความหวังดี”
“ขอบคุณมากจ้ะ แต่หนูไม่ได้ป่วยใครจะเชื่อหนู นี่ก็เพิ่งไปเรียนหนังสือ ไปร้อยพวงมาลัยถวายพระให้คุณหญิงท่านมา”
“แกก็ต้องป่วยกะทันหัน เช่นท้องเสีย”
“หนูไม่ได้ท้องเสีย”
“หยุดเซ่อได้แล้ว อยากท้องเสียง่ายนิดเดียวไปหามะขามเปียกในครัวกินเข้าไป กินแยะๆให้ท้องร่วงไปเลย”
สะบันงาฟังน้อยดันหลังให้ไป น้อยมองตาม
“หมดคู่แข่งคนสำคัญไปหนึ่งราย เหลือแต่นังสังเวียนต้องรีบไปฟ้องยัยเมี้ยน ว่ามันนินทายัยเมี้ยนกับคุณหญิงเสียๆหายๆ”

น้อยรีบออกไป จากที่นั่น

คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 4 (ต่อ)

สะบันงากำลังค้นหามะขามเปียก

“อยู่ที่ไหนนะ อยู่ที่ไหน”
แกละเข้ามา
“หาอะไรสะบันงา”
สะบันงาสะดุ้งตกใจ
“หาเอ้อ หนูไม่ได้ขโมยของนะคะ”
“รู้แล้วว่าสะบันงาไมได้ขโมย อยากรู้ว่าหาอะไร น้าจะช่วยหาให้”
“มะขามเปียกจ้ะ”
“นังสังวรมันให้มาเอาล่ะสิ”
“เปล่าจ้ะ แต่หนูจะเอาไป เอาไปเอ้อ…”
“เอาไปทำอะไร”
“เอาไปขัดผิวจ้ะ”
“เฮ้ย ผิวสวยขนาดนี้จะขัดไปทำไมอีก”
“เอ้อ...ให้มันสะอาดจ้ะ เขาว่ามะขามเปียกนี่ขัดแล้วผิวสะอาด ขจัดคราบไคลสกปรกออกหมดไปเลยจ้ะ”
แกละหัวเราะ ไม่คิดว่าจะเอาไปกิน
“ไม่เห็นสะบันงามีคราบไคลสกปรก เอาเหอะตรงนั้นมีเป็นกิโล กิโลหยิบเอาไปเลย”
แกละเดินขำๆส่ายหน้าออกไป สะบันงารีบไปควักไหนั้น หยิบออกมากองใหญ่มาก แล้วมองหาเกลือ หยิบเกลือ แล้วรีบด้อมๆมองๆหายออกไปจากครัว

เมี้ยนมาปรึกษาคุณหญิงศรี
“ใจดีเกินไป มันจะนึกว่าคุณหญิงราข้อถอยให้มันรุก”
“ถอยมาตั้งรับ แล้วพร้อมที่จะรุกต่างหากถ้าโดนโจมตี”
“จริงสิเจ้าคะ รอจังหวะรุกฆาตมัน ที่สำคัญคืนนี้จะส่งใครไปปรนนิบัติท่านเจ้าคะ”
คุณหญิงศรียิ้มๆมองเมี้ยนใกล้ๆยั่วเล่น
“เมี้ยนไง”
“คุณหญิงหยอกเมี้ยนเล่นอีกแล้วเจ้าค่ะ”
“หรือว่าตัวฉันไปเอง”
“คุณหญิงเจ้าขา ทั้งที่รู้ว่าตัวเองกำลังปวดหัวยังมาสนุกอีก”
“ดีกว่ามานั่งทุกข์ เฮ้อก็มีเหลืออยู่สองคนนั้น ที่อยากจนตัวสั่น”
“นังสังเวียน นังน้อย”
“นั่นแหละ ใครดีล่ะ”
“เมี้ยนว่ามันไม่ดีทั้งสองคนนั่นแหละเจ้าค่ะ แต่ถ้ามันจำเป็นก็คงต้องส่งไปสักคน เมี้ยนล่ะกลัวใจท่านอาจไม่ชอบใจสักคน แล้วมาขอเปลี่ยนเป็นสะบันงา”
“อย่าพูดนะเมี้ยน สะบันงานี่ไม่ได้เด็ดขาด เฮ้อ…”
“ก็สะบันงาน่ะสวยสะพรั่งขึ้นทุกวัน จำวันนั้นไม่ได้หรือเจ้าคะ ที่ท่านบังเอิญเจอสะบันงา ท่านทำท่าถุนถนอม รวบเอวรวบมือ ยิ้มย่อง อิ่มเอมจนน่าหวาดเสียวแทนเด็ก”
เมี้ยนกับคุณหญิงศรีนั่งกุมขมับ

นายยอดขับรถมาจอด เจ้าคุณลงจากรถ จะเดินขึ้นเรือนคุณหญิงศรี ชะงักมองไป
“สะบันงา”
เจ้าคุณเปลี่ยนใจหยุดไม่เดินต่อ
“เราจะบ้าหรือจะเดินไปทำไม เด็กนั่นศรีหวงมาก”
แล้วเจ้าคุณก็หยุดตัวเองไม่ได้
“ก็แค่ไปสอบถามความเป็นไปทุกข์สุขของคนในบ้าน จะเป็นไรไป”
เจ้าคุณเดินต่อไป

สะบันงานั่งอย่างสนุกสนานมีความสุขให้อาหารนกอยู่ที่หอนก กินมะขามเปียกจิ้มเกลือไปจำนวนมากพอสมควร
“นกจ๋า เสียงเพราะเสียงหวานเหลือเกินฉันอยากเสียงเพราะเหมือนนกบ้างจริงๆ”
“เสียงเธอก็เพราะก็หวานมากแล้ว แต่ในแบบของคน ทั้งเพราะทั้งหวาน จับใจใครที่ได้ยินได้ฟัง”
สะบันงาสะดุ้งตกใจ พึมพำอุทาน
“เสียงเจ้าคุณ แย่แล้ว”
สะบันงาไม่กล้าหันไป เจ้าคุณเดินมาใกล้ หยิบอาหารนกที่สะบันงาเอามาโยนให้นกกิน
“ชอบมานั่งให้อาหารนกที่นี่หรือ”
“เอ้อ...เจ้าค่ะ เอ้ย เปล่าเจ้าค่ะ”
สะบันงาพยายามจะซ่อนมะขามเปียก เจ้าคุณตะครุบไปบนมือที่จะเลื่อนมะขามปัดทิ้งไป เจ้าคุณตะครุบเบาๆ สะบันงาหน้าซีด ตกใจ
“จะปัดทิ้งไปทำไมเอามากินไม่ใช่หรือ ชอบกินมะขามเปียกใช่ไหม”
“เอ้อ...เจ้าค่ะ”
“เรียนหนังสือไปถึงไหนแล้ว”
“พอสมควรแล้วเจ้าค่ะ”
“ดีมาก ฉันชอบคนรักเรียน ทำขนมทำกับข้าวเก่งแค่ไหนแล้ว”
สะบันงาอึกอัก
“เอ้อ ก็...”
“พอสมควรแล้วเหมือนกัน”
“เจ้าค่ะ เอ้อ หนู เอ๊ย ดิฉัน ขออนุญาตไปก่อนนะเจ้าคะ”
“เมื่อก่อนพูดแทนตัวเองว่าหนู ตอนนี้พูดแทนตัวเองว่าดิฉัน แสดงว่าเป็นสาวแล้ว”
สะบันงาใจหายวับ
“เอ้อ...คุณหญิงท่านบอกว่า อายุยี่สิบถึงจะบรรลุนิติภาวะเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณ หัวเราะขำๆ
“เข้าใจตอบเลี่ยงนะไม่อยากเป็นสาวล่ะสิ รู้ไหมว่าต้นสะบันงาของฉันออกดอกแล้ว หอมมากสมกับความไพเราะของชื่อสะบันงาอยากไปดูไหม”
สะบันงาส่ายหน้า
“ดิฉันเคยเห็นแล้วเจ้าค่ะ เอ้อ...” สะบันงาถอยหลัง
“ยังไม่หายกลัวฉันอีกหรือ ตอบสิฉันอยากฟังคำตอบ”
“เอ้อ...ดิฉันระวังตัวเจ้าค่ะ ดิฉันสมควรเกรงกลัว และเคารพนับถือท่าน เจ้าคุณเจ้าค่ะ เพราะท่านเป็นประมุขของบ้าน ส่วนดิฉันคือคนที่ อาศัยบ้านท่านอยู่เจ้าค่ะ”
“เธอฉลาดมาก แต่ซ่อนคม ถ้าไม่แคะคุ้ยก็ไม่พบ ดีแล้วที่เธอไม่อวดฉลาดจะไปไหนก็ไปเถิด”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
สะบันงาย่อตัวไหว้ ถอยไป เจ้าคุณหยิบมะขามเปียกกับเกลือดึงมือมาแล้วยัดใส่
“อย่าลืมของโปรดของเธอ ระวังนะกินมากๆจะท้องร่วง”
เจ้าคุณหันกลับเดินจากไป สะบันงามองตามใจเต้นตุ๊บๆ

คุณหญิงศรีกับเมี้ยนยังคุยกันต่อ
“ทำไมต้องให้นังสังวรมันมาอยู่ห้องติดกันขนาดนี้เจ้าคะ”
“จะได้ไม่ไกลหูไกลตา จะได้ควบคุมการกระทำของมันได้ง่ายขึ้น”
“มันจะมารู้มาเห็นมาสอดส่องอะไรเราหรือเปล่าเจ้าคะ”
“ดีสิ มันจะได้มาสอดส่องว่าฉันมีเพชรนิลจินดามากมาย เงินทองมากมายขนาดไหน”
“ไม่กลัวมันโลภแอบขโมยหรือเจ้าคะ”
“ไม่ดีหรือถ้ามันขโมย ใครๆจะได้เห็นว่ามันเป็นคนไม่ดี”
“คุณหญิงพูดได้ถูกใจเมี้ยนมาก เราต้องปล่อยให้มันแสดงความเลวออกมาให้โจ่งแจ้ง ให้ทุกคนและท่านได้เห็นประจักษ์กับตา”
“โดยที่เราไม่ต้องไปใส่ร้ายมัน”
“คนเลวมักโดนความเลวของตัวเองโค่นล้ม โดยที่มันเองไม่ทันรู้ตัว”
“ใช่แล้ว ทำไมเมี้ยนจะต้องไปโวยวาย”
เจ้าคุณเดินอมยิ้มเข้ามา ท่าทางอารมณ์ดีมากๆ
“มิส ยู ทั้งวันเลยคุณหญิง”
“ปากหวาน เอ้อ...ฉันให้คนจัดห้องไว้ให้สังวรแล้วนะคะ แต่ยังไม่เห็นมา”
“เมี้ยนไปตามให้นะเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีพยักหน้า เมี้ยนออกไป เจ้าคุณมานั่งเบียดข้าง คุณหญิงศรีเห็นมือเลอะมะขามเปียก
“นั่นมือไปเลอะมะขามเปียกที่ไหนมาคะ”
“มะขามเปียกของสะบันงา”
คุณหญิงศรีอึ้งพูดไม่ออก
“อะไรนะคะ”
“ฉันกลับมาถึงบ้าน แวะไปดูหอนกพบสะบันงาที่ให้อาหารนกที่นั่น”
“อ้อ...เอ้อ...แล้วยังไงคะ”
“สะบันงากำลังกินมะขามเปียกเป็นปั้นๆคุยกันนิดหน่อย ตอนจะไปเขากลัวฉันจนลืมมะขามเปียก ฉันเลยหยิบส่งให้”
“อ้อ...”
“สะบันงาเป็นสาวแล้วนะ”
“อายุยังไม่ถึงสิบหก”
“แต่ฉลาดเกินวัยดูภายนอกเหมือนจะไม่ทันคน แต่ที่ไหนได้รู้หมดทุกอย่าง แต่เก็บความรู้สึก เก็บกิริยาอาการได้เป็นเลิศ”
“อ้อ...”
“เสียอย่างเดียว เห็นฉันเป็นยักษ์เลยกลัวหงอ”
“อ้อ...”
“วันนี้เมียฉันพูดเป็นคำเดียว อ้อ...”
“เห็นคุณกำลังอารมณ์ดีนี่คะ”
“ฉันจะไปอาบน้ำ เดี๋ยวจะกลับมากินข้าวกับศรีนะ”
“ค่ะ”
“อ้อ...” เจ้าคุณล้อคุณหญิงศรี “อ้อ ที่ไปนั่นไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปเจอสะบันงาหรอกนะ มันบังเอิญเจอ”
เจ้าคุณออกไป คุณหญิงศรีใจคอไม่ดี
“เขาบอกว่าสะบันงาเป็นสาวแล้ว ศุกลนายควรจะรีบกลับมาไวๆ”

คุณหญิงศรีห่วงสะบันงาจะไม่พ้นเจ้าคุณ

 
สังวรกับสังเวียน ช่วยกันพับเสื้อผ้าของสังวรใส่ตะกร้า สังวรเริ่มทำใจ
 
“ฟังนะสังเวียน ยังไงแกก็เป็นน้องของฉัน ฉันย่อมเห็นแกดีกว่านังน้อย นังแกละ และที่สำคัญนังสะบันงานั่นมันเด่นที่สุดที่ท่านคงอยากได้”
“พี่สังวร กำลังจะบอกว่า...”
“กำจัดนังสะบันงาให้พ้นทาง”
สังเวียนหน้าตื่น
“กำจัด ฆ่ามันหรือ ฉันไม่กล้าหรอก คดีเรื่องแขกยามไม่ได้ทำ ยังโดนเพ่งเล็ง”
“แกก็คิดหาวิธีอื่นสิ เช่นทำให้มันเสียโฉม พิการ”
“ฉันจะพยายาม”
“ผิดจากฉัน มันต้องคือแกที่จะไปดูแลท่าน ไม่ใช่นังพวกนั้น”
“พี่สนับสนุนฉันนะจ้ะ”
“แน่นอน ตอนนี้ฉันท้องฉันโดนกีดกัน แกไปดูแลท่านจนฉันคลอดลูก”
“ฉันก็ท้องบ้าง พี่กลับไปดูแลท่าน เราสองคนช่วยกันมีลูกให้ท่านแยะๆ”
“เราสายเลือดเดียวกัน ลูกฉันลูกแก มารวมหัวกันเล่นงานนังสองคนนั้น กับนังสะบันงาให้กระเด็นออกไปจากที่นี่”
“พี่จะได้เป็นคุณหญิง”
“แกจะได้เป็นคุณนาย”
สองคนพี่น้องหัวเราะกันสนุกมีเสียงเคาะห้องพร้อมกับเสียงน้อยดังขึ้น
“หัวเราะกันร่วนทีเดียวนะสังวร คุณเมี้ยนถามว่าทำไมไม่รีบเก็บข้าวของไปพักที่เรือนคุณหญิง ไหนอยากไปอยู่บนตึกมากไม่ใช่หรือ”
สองคนพี่น้องมองหน้ากันสังวรกระซิบ
“อีจอมบงการ สั่งอีนกสองหัวมาตามแล้ว แกระวังอีขี้ข้านี่ให้ดี ฉันว่ามันร้ายกว่าอีตัวนาย”
สังเวียนกับสังวรช่วยกันยกของ
“อย่าให้นังน้อยรู้แผนการกำจัดนังสะบันงาทีเดียว”
“จ้ะ”
น้อยอยู่หน้าห้องยิ้มย่องพึมพำ
“ไม่ต้องมาปิดบัง กูรู้แผนการชั่วของพวกมึงหมดแล้วกูจะยืมมือพวกมึง ทำลายนังสะบันงาแทนกู”
สังวรกับสังเวียนยกของออกมา มองน้อยไม่ไว้ใจ สังวรจ้องหน้า
“แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็มาเอาตอนที่แกได้ยินเสียงฉันเรียกนั่นแหละ มีอะไรหรือ”
สังเวียนเสียงสูง
“เปล๋า”
“ก็รีบไปสิ ดีใจด้วยนะคุณนายสังวร” น้อยเย้ยๆ
สังวรจิกตามอง
“ไม่ต้องมาเสแสร้งแกล้งยินดี ทั้งที่ในอกร้อนรุ่ม”
สังเวียนเย้ยหยัน
“คืนนี้พี่สังวรจะบอกท่านให้ฉันไปปรนนิบัติย่ะ”
น้อยเบ้หน้า
“ท่านไม่โปรดแกหรอก ในเมื่อมีนังสะบันงาคนสวยอยู่ทั้งคน”
สองพี่น้องค้อนจนตากลับ แล้วออกไป

สะบันงากับแกละแอบมองในห้อง
“พี่สังวรเขาจะไปไหน”
“ไปอยู่บนตึก นังสังวรมันได้ไปนอนบนตึกสมใจอยากสักที แต่มันคงผิดหวัง เพราะไม่ใช่ตึกของเจ้าคุณ แต่เป็นตึกของคุณหญิง”
“เอ้อ...หนูได้ยินว่าจะมีการหาคนไปปรนนิบัติท่านแทนพี่สังวร”
“ใครบอก”
“พี่น้อยจ๊ะ”
“อยากไปไหมล่ะ สวยอย่างนี้ท่านหลงตาย”
สะบันงาส่ายหน้า
“ไม่อยากหรอกจ้ะ หนูยังเด็ก อูย หนู หนู ปวดท้อง”
“ปวดท้องมากไหม”
สะบันงาพยักหน้าแล้วรีบออกไป แกละมองตาม
“มันเอามะขามเปียกไปขัดผิวหรือว่ามันเอาไปกินกันแน่ แล้วมันจะเอาไปกินทำไม ทำไมต้องอยากท้องเสียท้องร่วง”
แกละไม่เข้าใจ

สังวรกับสังเวียนเดินถือของพากันออกมา น้อยเดินมาหา
“นังสังเวียน แกไม่เกี่ยวจะไปทำไม”
“แกก็ไม่เกี่ยว เป็นเจ้าหัวใจกันหรือ ฉันถึงต้องเชื่อที่แกพูด” สังเวียนย้อน
“คุณเมี้ยนสั่งให้มาตามนังสังวร แต่แกชื่อสังเวียน แกจะไปทำไม”
“มันช่วยฉันถือของ” สังวรช่วยน้อง
“ฉันก็ช่วยแกก็ได้”
น้อยจะดึงของมาถือ ยื้อยุดกัน สังวรตวาด
“ไม่ต้อง นังนกสองหัว รู้นะว่า แกอยากไปเสนอหน้าเจ้าคุณ”
“แกก็จะเอาน้องสาวแกไปเสนอหน้าแทนแก”
“ถ้าฉันไม่เอาน้อง แล้วจะให้ฉันเอานกสองหัวที่ไหนไปหรือ”
“ถ้านังสังเวียนไปได้ ฉันก็ไปได้”
“ไหนเมื่อตะกี้ แกว่าให้พี่สังวรไปคนเดียว” สังเวียนเถียง
น้อยมองหน้า
“แกไม่ใช่เจ้าหัวใจ ไม่ต้องมากังขาว่าฉันจะไปหรือไม่ไป จะไปเสียอย่าง แกจะทำไม”
“ไม่ให้ไปเสียอย่าง แกจะทำไม” สังวรชักโมโห
“แหมทำมาใหญ่โต ก็แค่เมียบ่าว” น้อยมองหยัน
“พูดอีกแม่จะตบปากเจ่อ” สังวรโกรธ
“นังเมียบ่าว” น้อยไม่กลัว
“ตบปากมันพี่สังวร” สังเวียนโกรธ
สังวรจะตบปาก น้อยจะตบกลับ สังเวียนเข้าช่วยพี่สาว ยื้อยุดข้าวของตกกระจายตบตีกันชุลมุน

สะบันงาแอบมองอนาถใจ
“อนาถเหลือเกิน เกิดมาเป็นผู้หญิงช่างไม่รักนวลสงวนตัวอยากเสนอตัวไปนอนกับยักษ์ ถึงขั้นตบตีกันเอง โชคดีที่เรารีบท้องร่วง”
สะบันงาแอบมองต่อ

สามคนตบตีกันชุลมุน โรเบิร์ต ทองหยอด ซ้ง แกละ พากันออกมาพร้อมด้วยน้ำคนละถัง ทองหยอดตะโกน
“หมากัดกันอีกแล้วพวกเรา”
“เอ้าสาด” ซ้งสาดน้ำใส่
“สาดให้มันเลิกกัดกัน” แกละสาดด้วย
โรเบิร์ตสาดบ้าง
“เลิกกัดกัน เลิกกัดกัน”
เมี้ยนเดินกอดอกตาเขียวมาถึงทั้งหมด
“ลุกขึ้นมาเล่นสงกรานต์กันทำไม”
ทุกคนหยุด เมี้ยนกวาดตามอง จ้องไปที่สังวร สังเวียน น้อย
“สังวรรีบไปสิ”
สังวรกับสังเวียนก้มหยิบของ
“ของไม่ต้องเอาไป”
ทุกคนแปลกใจ
“ทำไม” สังวรพูดห้วนๆ
“จะขึ้นไปอยู่บนเรือนเดียวกับคุณหญิงทั้งที ไม่ต้องเอาของอะไรที่ไม่สวยสดงดงามไปให้เสียราศีเรือนท่าน”
“แล้วจะให้ฉันแก้ผ้าไปหรือ”
“ถ้าโง่ประชดอยากแก้ผ้าไปให้หมาฟัดก็ตามสบาย หล่อนมีฐานะเป็นแขกของคุณหญิง ในห้องที่หล่อนจะไปนอนมีทุกอย่างให้หล่อนแล้ว ผู้ดีเขาทำกันแบบนี้”
ทุกคนมองหน้ากันฮือฮา
“นี่คือความเมตตาจากคุณหญิง เสื้อที่แกใส่ไป เดี๋ยวเปลี่ยนใหม่แล้วโยนทิ้งถังขยะซะ ตามฉันมาสังวร”
สังวรงงๆเดินตามเมี้ยน น้อยกับสังเวียนจะตาม เมี้ยนหันมาดุ
“แกสองคนไม่เกี่ยว คุณหญิงท่านไม่ได้สั่ง”
สองคนชะงักพวกคนอื่นแอบยิ้มสบตากัน สังเวียนกับน้อย ผิดหวัง

คุณหญิงศรีกับเจ้าคุณนั่งเคียงกัน เมี้ยนพาสังวรเข้ามา
“สังวรมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านเจ้าคุณ คุณหญิง”
สังวรมาทำยืนเก้ๆกังๆไม่อยากนั่งกับพื้น คุณหญิงศรีพูดขึ้น
“นั่งสิ สังวร ทำไมเปียกม่อล่อกม่อแลกกันมาอย่างนั้น”
“เอ้อ…”
เมี้ยนแทรกขึ้น
“พวกนั้นเขาจัดงานเลี้ยงส่งสังวรกันเจ้าค่ะ สมมุติว่าเป็นสงกรานต์เจ้าค่ะ”
“เล่นกันเป็นเด็กๆ” เจ้าคุณปรามๆ
เมี้ยนลงนั่งที่พื้นตบพื้นข้างตัวให้สังวรนั่ง
“นั่งนี่ไง”
สังวรไม่อยากนั่งกับพื้น คุณหญิงศรีมองออก เจ้าคุณมองจ้อง
“ทำไมไม่นั่งสังวร”
คุณหญิงศรีชี้ไปที่เก้าอี้
“นั่งเก้าอี้ได้ ฉันไม่ห้าม”
“เก้าอี้จะเลอะนะเจ้าคะ สังวรตัวเปียก” เมี้ยนรีบขัด
"พรุ่งนี้สังวรก็เช็ดให้แห้งเองสิ” คุณหญิงศรีเปรยๆ
สังวรสมใจมาก รีบปราดไปนั่งที่เก้าอี้ทันที เมี้ยนถลึงตาไม่พอใจ คุณหญิงศรีทำไม่เห็น
“เมี้ยนพาสังวรไปดูห้อง”

“ไปสิ” เมี้ยนลุกขึ้น

 
สังวรลุกมองท่านเจ้าคุณว่าจะพูดอย่างไรกับสังวร
 
“เอ้อ...”
คุณหญิงศรีพูดขึ้น
“ไปดูห้องที่ฉันจัดไว้ให้สังวรไหมคะ เผื่อว่าจะมีอะไรที่คุณอยากให้เพิ่มเติม”
เจ้าคุณยิ้มแย้ม
“ศรีจัดอย่างไรก็อย่างนั้นดูกันไปเองเถิดผมจะ...”
คุณหญิงศรีหันมาถาม
“กลับเรือนหรือคะ”
เจ้าคุณยิ้มหวาน
“จะไปห้องของศรี”
สังวรชะงักกึก เมี้ยนดุ
“หยุดทำไมสังวร”
สังวรจึงเดินไปตายังมองว่าท่านเจ้าคุณจะว่าอย่างไรกับตนเองบ้าง เจ้าคุณก็เฉย
“ทำไมศรีไม่ไปกับฉันให้เมี้ยนพาไปก็ได้นี่นา เมี้ยนพาสังวรไปทีสิ”
เจ้าคุณหันมาโอบคุณหญิงศรีพากันเดินจากไป สังวรมองตามตาละห้อย
“ของจริงกับของขัดตาทัพมันต่างกันเสมอ ไปได้หรือยัง”
สังวรใจคอไม่สบายเหมือนที่หวังไว้เดินตามเมี้ยน เธอครุ่นคิดในใจ
“มึงสองคนกำลังเล่นตลกกับกู มึงวางแผนกีดกันกูไว้ ไม่ให้ได้พูดคุยกับท่าน ไม่ให้กูออดอ้อนขอโน่นนี่จากท่าน อยากจะฆ่ามึงสองคนนัก”
เมี้ยนหันไปมองเห็นสังวรหน้าตาตึงเครียด
“ดูทำหน้าเข้าสิ เหมือนอยากจะฆ่าใครหรือสังวร”
สังวรสะดุ้ง
“เปล่า”
เมี้ยนเดินอมยิ้มสะใจ นำหน้าสังวรขึ้นไปชั้นสอง

เจ้าคุณกับคุณหญิงศรีเข้ามาในห้องนอน
“ศรีให้สังวรอยู่ใกล้ๆไม่รบกวนศรี ไม่ก่อความรำคาญให้หรอกหรือ”
“ไม่หรอกค่ะ อยู่ใกล้ๆเข้าไว้จะได้ดูแลง่าย มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ทันท่วงที สังวรเป็นแม่ของลูกคุณนะคะ จะให้ฉันละเลยได้อย่างไร”
เจ้าคุณโอบหอมแก้ม คุณหญิงศรีเริ่มวิตก
“ฮันนี่”
“คะ”
“คืนนี้ฉันขอนอนที่นี่ได้ไหม”
“เอ้อ...คืนนี้ คุณไม่ต้องการให้ใคร เช่น น้อยหรือสังเวียนไปดูแลแทนสังวรหรือคะ”
“ฉันต้องการดูแลศรี”
คุณหญิงศรีใจหายวับ
“เอ้อ…”
“ศรีเป็นอะไรเมื่อตอนบ่ายพูดอ้อๆ มาตอนค่ำพูด เอ้อ...เอ้อ...เอ้อ”
“เอ้อ...” คุณหญิงศรีกระซิบบางอย่าง
“พุทโธ่ ก็ขอแค่นอนกอดกันทั้งคืนฉันพอใจแล้ว นานๆเมียจะยอมให้นอนกอดได้ทั้งคืนสักครั้ง”
เจ้าคุณหอมแก้มอุ้มคุณหญิงศรีนอนบนเตียงแล้วล้มตัวลงนอนกอดเอาไว้
“ยังไม่ได้ล๊อคประตูนะคะ เดี๋ยวเมี้ยนไม่รู้อะไรเดินเข้ามา”
“ช่างปะไร อยากให้ใครๆเห็นจะตายว่ารักเมียได้กอดเมีย”
คุณหญิงศรีจึงเฉยเงียบ เจ้าคุณหัวเราะมีความสุขเสียงดังลอดออกมานอกห้อง

เมี้ยนกับสังวร เดินมาผ่านถึงหน้าห้องคุณหญิงศรี มีเสียงเจ้าคุณหัวเราะดังลอดออกมาจากในห้อง เมี้ยนกับสังวรชะงักอีกรอบ เมี้ยนตั้งสติได้ก่อน
“ท่านทั้งสองกำลังมีความสุขหยอกเล่นกัน น่ารักแท้ๆ”
สังวรสะบัดหน้าอิจฉา
“ไหนห้องฉัน”
“ติดกันกับห้องคุณหญิงนี่แหละ”
“ทำไมต้องติดกัน”
“ไม่มีทำไมทั้งนั้น ฉันส่งแค่นี้เข้าไปในห้อง ทุกอย่างมีพร้อม สวยงามเหมือนห้องในฝัน เข้าไปสิ”
“ชั้นล่างก็มีห้อง”
“ห้องของฉันกับห้องเก็บของเล็กรูหนู จะอยู่ไหวหรือ”
สังวรจำใจเข้าไป เมี้ยนหันกลับมายืนหน้าห้องคุณหญิงศรีถอนใจ
“ทีนี้จะเอาตัวรอดคืนนี้ไปได้อย่างไรกันคุณหญิง โธ่เอ๊ย”
เมี้ยนกลุ้มมาก เสียงประตูห้องกุกกัก คุณหญิงศรีแง้มประตูออกมาเพื่อจะล๊อคห้อง เจอเอาเมี้ยนยืนหลบอยู่ คุณหญิงศรีรีบแง้มประตูเหลือนิดหนึ่ง ยื่นหน้าออกมากระซิบ
“ฉันหลอกว่ามี...”
เมี้ยนพยักหน้ากระซิบตอบ
“ระวังจะโดนจับได้ว่าหลอกนะเจ้าคะ”
เสียงเจ้าคุณดังขึ้น
“ศรี ทำไมปิดประตูนานจริง ประเดี๋ยวยัยเมี้ยนก็เข้ามาจริงๆหรอก”
เมี้ยนรีบดันประตูปิดให้เอง
“ไม่ได้การแล้ว พรุ่งนี้ต้องจัดการเอานางสังเวียนหรือไม่ก็นางน้อย มาดูแลท่านแล้ว โอ๊ยปวดหัว”
เมี้ยนเดินออกไปจากที่นั่น

ในห้องนอนใหม่...สังวรนั่งมองรอบห้องยิ้มพอใจมาก กระโดดลงไปนอนบนเตียงกลิ้งเกลือกไปมา
“ช่างสวยงามเหลือเกิน แต่ถ้าได้ไปอยู่บนตึกของเจ้าคุณ มันคงจะทำให้เรามีความสุขมากกว่านี้”
สังวรกระโดดไปยืนบนเตียง กระเด้งไปกระเด้งมา ปราดลงมาเปิดตู้เห็นเสื้อผ้า ทั้งแขวนและพับ
“เยอะแยะจริงๆทำไมมันทำให้เราดีมากมายขนาดนี้ หรือว่ามันเริ่มกลัวเกรงเราที่มีลูกแล้วจะเฉดหัวมัน มันเลยประจบเราเอาไว้ล่วงหน้า เชอะ ยัยคุณหญิงตกกระป๋อง ในที่สุดแกก็หงอก๋อนังสังวร”
สังวรหยิบเสื้อผ้าออกมาทาบตัวสวยงาม ยิ้มมองกระจก
“สวยมาก คงแพงหูฉี่”
สังวรใส่ชุดสวยไม่ใช่ชุดนอนแต่อยากใส่ เอารองเท้าแตะชุดเก่ากระเด็นไปเรื่อยเปื่อยไม่สนใจ กองระเกะระกะ
แล้วเดินไปหน้ากระจก เห็นเครื่องสำอาง หยิบมาแต่งหน้าอย่างฉูดฉาด
“ราศีคุณหญิงจับจริงๆ”
สังวรยิ้มปลื้มใจ แล้วก็นึกจินตนาการไปว่า...ตัวเธอเองนั่งบนโซฟาคู่เจ้าคุณทำฉอเลาะ คุณหญิงศรีกับเมี้ยนแต่งตัวเครื่องแบบสาวใช้ กำลังบีบนวดให้ แล้วเธอก็เตะเมี้ยน ตบหน้าคุณหญิงศรี แล้วหัวเราะชอบใจ เจ้าคุณปรบมือให้
“คุณหญิงสังวรเก่งมาก นังศรี นังเมี้ยนแกอย่าขัดใจคุณหญิงสังวรจำไว้”
“เจ้าค่ะ” สองคนตอบรับพร้อมกัน
สังวรมาจิ้มหน้าผากสองคนจนหน้าหงาย
คิดได้อย่างนั้น สังวรหัวเราะชอบใจ
“สนุกจริงโว้ย ขอให้ถึงวันที่อีสังวรกลายเป็นคุณหญิงสังวรจริงๆสักที จะตบจะตีอีนายบ่าวสองคนเล่นเป็นผักปลา”

เจ้าคุณนอนกอดคุณหญิงศรี ถามอย่างอ่อนโยน
“ศรีรักฉันบ้างไหม”
“แล้วคิดว่าฉันแต่งงานเพราะอะไรคะ...เพราะอยากเป็นคุณหญิงหรือคะ”
“คนอย่างศรีมีพร้อมทุกอย่าง ไม่เป็นคุณหญิงของฉัน ก็ไปเป็นคุณหญิงของคนอื่นได้”
“แล้วคุณขอฉันแต่งงานเพราะอะไร ทั้งที่ความจริงพระยาสมิติภูมิแห่งกระทรวงต่างปะเทศ ใครๆก็อยากยกลูกสาวให้มาเป็นคุณหญิงของคุณ หรือว่าเพราะฉันแก่ใกล้เคียงกับคุณ”
“ฉันแต่งงานเพราะรักศรี รักมากด้วย ไม่ใช่แค่เพราะเราเหมาะสมกันศรียังไม่ตอบคำถามฉันนะว่ารักฉันไหม”
“ไม่มีผู้ชายคนไหนที่ฉันจะสามารถรักได้เท่าคุณ คงไม่มีผู้ชายคนไหนที่ฉันคิดว่าเห็นคุณค่าและเข้าใจฉันเหมือนคุณ”
“แค่นี้ก็ชื่นใจมากแล้ว” เจ้าคุณยิ้มแย้มสบายใจ

สะบันงาถ่ายท้องจนหน้าซีดหน้าเซียว
“ตกลงว่าไอ้มะขามนั่นเอาไปขัดผิวหรือเอาไปกินกันแน่ถึงท้องเสีย ยังกับเป็นโรคห่า” แกละกังวล
“เอ้อ กินจ้ะ เอ้อ น้าแกละจ้ะ พี่สังเวียนหรือพี่น้อยขึ้นไปปรนนิบัติท่านเจ้าคุณจ้ะ”
“ไม่มีใครได้ขึ้นไปสักคน”
“อ้าว ท่านอยู่คนเดียวหรือจ้ะ”
“นังน้อยมันไปสอดแนมมา มันว่าท่านยังไม่ได้กลับตึกของท่าน”
“ท่านอยู่กับคุณหญิงหรือจ้ะ”
แกละมองซ้ายมองขวากระซิบ
“ฟังแล้วเหยียบซะ ได้ยินพวกมันบอกว่า ตั้งกะแต่งงานมาคุณหญิงยังไม่เคยนอนจริงจังกับท่าน”
“ไม่ได้นอนจริงจังอย่างไรจ้ะ”
“วุ๊ย เด็กโง่ ก็แปลว่า ยังไม่ได้นอนแบบทำให้มีลูกได้น่ะสิ”
“ทำไมจ้ะ”
“ก็ได้ยินพวกมันว่าอีกนั่นแหละ คุณหญิงไม่ชอบนอนกับผู้ชาย”
“ทำไมเล่าจ้ะ”
“ไม่เล่าแล้วจ้ะ เดี๋ยวโดนเฉดหัวออกจากบ้านจ้ะ ยังเก็บเงินทำทุนไม่พอจ้ะ นอนซะนะจ้ะ แม่คนช่างถาม อ้อ...ถึงตาน้าถามบ้างทำไมถึงอยากกินมะขามให้ท้องเสีย มีใครแนะนำว่ากินแล้วสวยหรือ”
“พี่น้อยบอกให้กิน แล้วจะได้ไม่สบายจ้ะ”
“เฮ้ย มันแนะนำอะไรของมันบ้าๆ”
“เขาบอกว่าถ้าไม่สบาย จะได้ไม่ต้องขึ้นไปปรนนิบัติท่าน”
แกละหัวเราะก๊าก
“นังน้อยตัวดี มันกลัวว่าคุณหญิงจะเรียกสะบันงาไปน่ะสิ มันปัดแข้งปัดขากันน่ะสิ น้าคิดเอาเองนะว่า คุณหญิงท่านไม่มีวันส่งสะบันงา ไปให้ปรนนิบัติท่านหรอกสบายใจเถิด”
สะบันงายิ้มออก ชะโงกไปแอบมองนอกหน้าต่าง
“พี่น้อยกับพี่สังเวียน เขานั่งตบยุงกันทำไม เดี๋ยวก็ถูกยุงหาม”
แกละมาแอบมองบ้าง

“มันรอราชรถมาเกยน่ะสิ บ้าทั้งนั้น”

 
สังเวียนนั่งมุมหนึ่ง น้อยนั่งมุมหนึ่งต่างรอว่าเมี้ยนจะมาเรียกคนใดคนหนึ่งเมื่อไหร่ สองคนหันมาค้อนควักกัน
 
“เชอะ”
“เฮอะ”
สองคนชะเง้อ เมี้ยนเดินมาอารมณ์เสียไม่น้อยที่ท่านเจ้าคุณนอนกับคุณหญิงศรี เมี้ยนตรงมาที่สองคน ยังไม่ทันจะถึง สองคนวิ่งมาหาเมี้ยน
“จะให้จับไม้สั้นไม้ยาวไหมค่ะ คุณเมี้ยน”
“หรือจะโอน้อยออก”
สองคนแย่งกันถาม
“ไม่ต้องเล่นอะไรสักอย่างไปนอนซะ อย่ามานั่งตบยุง”
“อ้าว ก็ท่านยังไม่ลงมาจากเรือนนั้น” สังเวียนแปลกใจ
“แล้วทำไมพวกหล่อนคิดว่าท่านจะต้องลงมา”
น้อยตะลึง
“แปลว่าท่านจะไม่ลงมา”
“หล่อนสองคนขึ้นไปที่เรือนถามท่านเองดีไหม อะไร จุ้นจ้าน วุ่นวาย”
เมี้ยนเดินผ่านไป เคาะห้องสะบันงา
“สะบันงา”
สังเวียนกับน้อยอึ้งๆ
“มันไปเรียกนังสะบันงา”
ประตูห้องเปิด เมี้ยนหายไปในห้อง สองคนอิจฉามาก รอดูประตูเปิดเมี้ยนออกมาตามลำพัง
“สะบันงามันท้องเสียไปไม่ได้หรอก” น้อยรีบบอก
“ไปแน่ พวกหล่อนไม่ต้องมาเดือดร้อนแทนเขา”
เมี้ยนเดินจากไป สองคนเข้าใจว่าเมี้ยนมาบอกสะบันงาให้ไปปรนนิบัติเจ้าคุณพรุ่งนี้
“โดนนังสะบันงามันตัดหน้าจนได้” สังเวียนหงุดหงิด

แกละยิ้มให้สะบันงา
“ดีใจด้วยนะที่ท่านกับคุณหญิงจะพาไปทำบุญทอดกฐิน”
“เจ้าคุณเป็นฝรั่ง ไปทอดกฐินเป็นหรือน้าแกละ”
“ท่านคงไปตามหน้าที่ของกระทรวงนั่นแหละ งานแบบนี้ต้องมีคุณหญิงไปด้วย”
“พี่เมี้ยนบอกว่าท่านจะพาหนูไปหาซื้อเสื้อหรือตัดเสื้อผ้าสวยๆใส่”
“อย่างสะบันงาใส่เสื้อผ้าสวยๆคงจะยิ่งสวยกันใหญ่”
สะบันงายิ้ม อยากไปทอดกฐิน

เช้าวันใหม่ สะบันงาออกจากห้องมุ่งหน้าไปเรือนคุณหญิงศรี น้อยกับสังเวียนมาขวางไว้
“แกจะไปไหน” สังเวียนถาม
“แกจะไปปรนนิบัติท่านเจ้าคุณหรือ” น้อยอยากรู้มาก
“ฉันจะไปหาคุณหญิง ท่านจะพาไปนอกบ้าน”
“ไปทำไม”
“ได้ยินว่าท่านจะพาไปหาซื้อเสื้อผ้า”
“ทำไมต้องซื้อ”
“ท่านว่าจะพาไปงานทอดกฐิน”
สังเวียนไม่พอใจ
“ท่านเจ้าคุณไปทอดกฐินด้วยแน่ๆใช่ไหม”
“ขอตัวก่อนนะจ้ะ ฉันต้องรีบไปเดี๋ยวท่านจะรอนาน”
สะบันงาเดินเลี่ยงสองคน สองคนมองตาม
“ยัยนั่นมันจะเอานังสะบันงาไปออกงานกับท่านเจ้าคุณ ยกย่องกันเข้าไป มันก็แค่ลูกคนขายเครื่องปั้นดินเผา”
แกละเดินมาถามอย่างไม่พอใจ
“แกสองคนมัวทำอะไร รีบมายกอาหารไปให้ท่านรับประทานที่เรือน คุณหญิงไวๆเข้า”
สองคนดีใจแข่งกันกลับไป
“เรือนคุณหญิง จะได้ไปให้ท่านเห็นหน้า”
“ไปให้ท่านบอกว่าคืนนี้ให้ฉันไปปรนนิบัติ”
สองคนฝันหวาน หันมาเจอหน้ากัน สะบัดหน้าไปคนละทาง

สะบันงาเดินมาด้อมๆมองๆรีรออยู่หน้าเรือนคุณหญิงศรี
“ยังไม่เห็นมีใครลงมา จะเอาอย่างไรดี เราเป็นเด็กควรไปรอท่าน”
สะบันงาตัดสินใจ เข้าไปในเรือน

ในห้องนั่งเล่น สะบันงาเห็นสังวรแต่งตัวสวยแต่งหน้าทาปากแดง นั่งบนเก้าอี้ทำไขว่ห้างหันมาแหวใส่
“แกเข้ามาทำอะไร”
“ฉันมาหา...”
“นี่แกมาหาท่านเจ้าคุณหรือ สะเออะ กลับไปนะ”
“ฉันไม่ได้มาหาท่านเจ้าคุณ ฉันมาหาคุณหญิง”
“นี่แกอย่ามายืนค้ำหัวฉัน นั่งลงไปที่พื้นพับเพียบให้เรียบร้อยด้วย”
สะบันงานั่งตามสั่ง
“พูดจากับฉันให้มีสัมมาอาชีวะด้วย”
“จะให้พูดอย่างไร ถึงจะมีสัมมาอาชีวะไม่ทราบ เพราะฉันทราบแต่เรื่องการพูดให้มีสัมมาคารวะ”
“เออ เออ ก็คล้ายๆกันนั่นแหละ แกต้องเรียกฉันว่าคุณสังวร เรียกสิ”
“คุณสังวร”
“คุณสังวรเจ้าค่ะ”
“เอ้อ…”
เมี้ยนเดินมามองไม่พอใจ
“สังวรลุกนะ นั่นมันเก้าอี้ตัวโปรดของคุณหญิง”
“ไม่เห็นหรือว่าฉันกำลังนั่งสั่งสอนเด็กสะบันงา มันพูดจาไม่มีสัมมาอาชีวะ”
“หล่อนไม่มีสิทธิ์จะไปอบรมใคร หล่อนนั่นแหละสมควรโดนอบรม ความจำก็ไม่ดีสมองขี้เลื่อย สะบันงามีฐานะเป็นน้องของคุณหญิง”
“ฉันก็มีฐานะเป็นเมียท่านเจ้าคุณ และกำลังจะมีลูกกับท่าน”
“เลยต้องแสดงอำนาจบาทใหญ่ ดุคนโน้น ด่าคนนี้ พูดไปเหมือนกับสีซอให้ควายฟัง”
“กล้าว่าฉันเป็นควาย”
คุณหญิงศรีเดินลงมากับเจ้าคุณ เจ้าคุณเห็นสะบันงา ไม่เห็นคนอื่นเรียกด้วยน้ำเสียงดีใจ
“สะบันงา”
คุณหญิงศรีลอบมองหน้าเจ้าคุณ สังวรก็รู้สึก
“คุณนายสังวร กรุณาลงจากเก้าอี้ตัวโปรดของคุณหญิง เพราะท่านลงมาแล้ว” เมี้ยนสั่ง
“นั่งไปเถิด เก้าอี้ตัวนั้นฉันยกให้” คุณหญิงศรีพูดเรียบๆ
เจ้าคุณรีบบอก
“ฉันจะให้คนไปสั่งมาใหม่ให้คุณหญิงวันนี้ เอาตัวที่ดีที่สุด เอ๊ะ นั่นสังวรไปทำอะไรกับหน้ามา”
“สังวรผัดหน้า ทาปากเจ้าค่ะ”
“น่าเกลียดมาก ไปลบออกเถิด”
สังวรหน้าหงิก เจ้าคุณยิ้มให้สะบันงา
“เจอกันอีกแล้ว สะบันงามาทำอะไรแต่เช้า”
สะบันงาก้มหน้าพูด
“เอ้อ...เอ้อ...”
“เห็นไหมศรี สะบันงาเห็นฉันเป็นยักษ์ หน้ายังไม่กล้าจะมอง” เจ้าคุณบอกขำๆ
“ฉันจะพาสะบันงาไปหาซื้อเสื้อผ้า ใส่ไปงานทอดกฐินไงคะ”
“นี่ศรีจะเอาสะบันงาไปด้วย” เจ้าคุณพอใจ
“เอาไปหัดออกงานค่ะ”
“ดีมากหัดออกงานไว้นะสะบันงา”
สังวรหงุดหงิด ไม่มีใครสนใจตัวเองสักนิด น้อยกับสังเวียนยกถาดอาหารเข้ามา
“อาหารเช้ามาแล้วเจ้าค่ะ” สังวรเสียงหวาน
“เชิญรับประทานเจ้าค่ะ” น้อยหวานไม่แพ้กัน
“ศรีจ้ะ ฉันอยากทานอาหารเช้ากับศรีนอกบ้าน เราไปกินที่ลิตเติ้ลโฮม เบเกอรี่ที่แถวแม้นศรีกันนะจ้ะ”
เจ้าคุณหันไปชวนคุณหญิงศรี สังวร สังเวียน น้อยจ๋อยเงียบ
“ฉันต้องมีสะบันงากับเมี้ยนไปด้วยนะคะ เพราะเราจะไปดูผ้ากันต่อ”
“ก็ไม่เป็นไรนี่ เมี้ยนก็ไปรอในรถ สะบันงาก็ไปกินกับเรา”
มีเสียงเหมือนอะไรบางอย่างโดนกระแทกแรงๆ สังวรนั่นเอง แอบกระทืบเท้า
“เมี้ยนจะรีบไปรับประทานไว้ก่อนเจ้าค่ะ” เมี้ยนบอก
“คุณหญิงเจ้าคะ หนูไปรับประทานกับพี่เมี้ยนดีกว่าเจ้าคะ” สะบันงาบอกอย่างเกรงใจ
“สะบันงาเรียนวิธีกินอาหารฝรั่งไม่ใช่หรือ ไปหัดลองของจริงสักทีสิน่า”
เมื่อเจ้าคุณพูดอย่างนั้น ทุกคนเงียบ สังวรตาขวางโกรธมาก
“แล้วอาหารที่ยกมานี่เล่า”
“สังวรก็กินเสียสิ” คุณหญิงศรีบอกยิ้มๆ
สังวร สังเวียน น้อย ผิดหวังสุดๆ

ในร้านลิตเติ้ลโฮม คุณหญิงศรีกับเจ้าคุณนั่งกินอาหารฝรั่งมีขนมปัง ไข่ดาว ไส้กรอก สะบันงานั่งอึดอัด
ข้างๆคุณหญิงศรี
“ร้านนี้มีแต่พวกฝรั่งกับนักเรียนนอกเป็นส่วนใหญ่มาแวะสังสรรค์กัน ยามเช้าก่อนเข้าที่ทำงาน” เจ้าคุณชวนคุย
“อ้อ...ค่ะ คุณเตี่ยเคยพามานานแล้ว แต่คุณแม่ใหญ่ไม่ชอบอาหารฝรั่ง ก็เลยไม่ค่อยมากันค่ะ”
เจ้าคุณมองสะบันงา ใช้มีดส้อมเป็นแต่กินช้ามาก
“อ้าว สะบันงาก็คงไม่ชอบอาหารฝรั่งเหมือนกันสินะ”
“เอ้อ...มันแยะมากเจ้าค่ะ”
“ฝรั่งตัวโต กินแยะ”
ปีเตอร์เดินมาหาเจ้าคุณ
“ไฮ สมิธ ลองไทม์ โนซี (Hi Smith longtime no see)”
“ไฮ ปีเตอร์ ไนซ์ทูซียู ฮาวดูยูดู(Hi Peter nice to see you How do you do)”
“แท้งคิ้ว แอนด์ ฮาว อาร์ยู เจ้าคุณ(Thank you and How are you เจ้าคุณ)”
“ไอ แอม ไฟน์ ปีเตอร์ (I’m fine Peter) พูดภาษาไทยก็ได้ นี่ภรรยา ไอ คุณหญิงศรี”
คุณหญิงศรียืนมือให้จับ
“ไนซ์ ทู มีท ยู (Nice to meet you)”
“แทงคิ้ว คุณหญิง แล้วนั่น...น่ารักมาก ลูกสาวหรือเจ้าคุณ” ปีเตอร์มองสะบันงา
เจ้าคุณกับคุณหญิงศรีอึ้ง
“น้องสาวดิฉันเองค่ะ”
“สวยน่ารักมาก”

เจ้าคุณมองสะบันงาแบบว่าเห็นด้วยสวยจริงๆด้วย คุณหญิงศรีนึกถึงศุกล อยากให้เรียนจบสักที คุณหญิงศรีลอบถอนใจที่เจ้าคุณมองสะบันงาเอ็นดูมากๆ
 
อ่านต่อเวลา 17.00น.



คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 4 (ต่อ)

สังวรนั่งกินอาหาร ถือไส้กรอกทั้งอัน เคี้ยวกร้วมๆกระชากดึงออกมาจากปาก พูดจาอาหารเต็มปาก

อีกมือ หยิบไข่ดาวมายัดใส่ ปากแดงเลอะเทอะ
“ไอ้อาหารฝรั่งนี่มันก็อร่อยดี”
“แต่ฉันว่าพี่กินมูมมากไปหน่อยไ สังเวียนมองพี่สาวเหยียดๆ
“เขาใช้มีดกับส้อมกินต่างหาก แต่ดันใช้สองมือเปิบสวาปาม” น้อยส่ายหน้า
“ก็มันลำบากนี่นา กินแบบไทยๆนี่แหละง่ายดีนัก”
“ไทยไทย เขาก็เปิบคำละนิด นี่ยัดเข้าไปเหมือนเกิดมาไม่เคยกิน”
“นังน้อยแกอิจฉาฉัน”
“ใครอยากอิจฉา นังคางคกขึ้นวอ นังกิ้งก่าได้ทอง”
“แกกำลังดูถูกเมียท่านเจ้าคุณ”
“เมียบ่าวที่มีเอาไว้ระบายอารมณ์ มีไว้ทำลูก”
“มึงดูถูกกู”
สังวรเอามันฝรั่งบดปาน้อย น้อยจึงเอาแยมโปะหน้ากลับ สังเวียนช่วยพี่ เอาเนยตบปากน้อย
“มีใครอยู่บ้าง...ขาไพ่มาแล้วจ้ะ ศรี  ยัยเมี้ยน”
คุณหญิงลออศรี กับปานวาดที่เพิ่งมาถึง มองตะลึง
“ต๊าย นั่นพวกแกบังอาจมานั่งโต๊ะกินอาหารของคุณหญิง” คุณหญิงลออศรีไม่พอใจ
“กินสกปรกเลอะเทอะ เหมือนหมูเลยค่ะคุณหญิงแม่” ปานวาดมองขำๆ
“คุณหญิงหายไปไหน ทำไมปล่อยให้พวกแกลามปามได้ถึงเพียงนี้ นายไม่อยู่หนูร่าเริงจริง เป็นคนใช้ที่บ้านสักหน่อยไม่ได้จะไล่ออกให้หมด จะบอกให้คุณหญิงศรีไล่พวกแกออก”
สังวรตั้งสติได้ รีบเอาผ้าเช็ดมือมาเช็ดปาก แล้วโต้ตอบไม่ยำเกรง แสดงตัว
“เห็นจะมีใครกล้าไล่ฉันออกหรอกนะ เพราะฉันคือเมียของท่านเจ้าคุณ”
คุณหญิงลออศรีตบอกผางๆ
“อุเหม่ แกนี่โกหก เจ้าคุณรู้แกจะโดนหวาย”
“ท่านเจ้าคุณไม่กล้าเอาหวายมาโบยเมียที่กำลังมีลูกของท่านในท้องหรอก”
“ว๊าย!  แกท้อง”
“ท่านมีแต่จะเอาใจฉัน ท่านสั่งให้ฉันมาพักที่เรือนนี้”
“ต๊ายแล้ว! คุณหญิงไปไหน”
“ออกไปกินข้าวกับท่านเจ้าคุณเจ้าค่ะ” น้อยบอก
“นี่ฉันไม่ได้มาห้าหกเดือน มันเกิดอะไรขึ้นกับบ้านนี้” คุณหญิงลออศรีอยากจะเป็นลม
“คุณหญิงแม่ขา ปานวาดว่าเรากลับกันก่อนเถิดค่ะ อย่าไปต่อปากต่อคำกับพวกเขาเลยค่ะ” ปานวาดรีบบอกแม่
“หนูพูดถูก ต่อปากต่อคำกับหมา หมามันจะเลียปาก”
“มันเลียไปแล้วค่ะ ปากมันสกปรกมากด้วยค่ะ”
คุณหญิงลออศรีกับปานวาดรีบพากันออกไป
“มันว่าฉันเป็นหมา” สังวรไม่พอใจ
“มันไปฟ้องยัยศรีแน่” สังเวียนกังวล
“ฉันไม่กลัว แกกับฉันก็พูดอีกอย่างสิ ว่านังลออศรีมันมาด่าว่าเรา” สังวรยังผยองต่อ
“แต่นังน้อยมันเป็นนกสองหัว มันหายไปแล้ว” สังเวียนวิตก
 
คุณหญิงลออศรีโกรธแทบคลั่ง ออกมาลานหน้าเรือนกับปานวาด
“จะคลั่งใจตาย อะไรกันนี่ ทำไมเกิดเรื่องบ้าๆแบบนี้มาได้ เตือนแล้วเตือนอีกว่าอย่ายอมให้ผัวเอาอีขี้ข้ามาเป็นเมีย จนได้ไหมล่ะเจ็บใจจริงๆ”
“คุณหญิงแม่ขา จะไปเจ็บแทนคุณหญิงน้าเขาทำไม นี่เขายังไปกินข้าวนอกบ้านกับเจ้าคุณน้าได้เลย”
น้อยแจ้นเข้ามาเติมเชื้อไฟ
“ใช่เจ้าค่ะ ไม่ได้ไปกันแค่สองคนนะเจ้าคะ”
“อย่าบอกนะว่า พาเมียขี้ข้าคนไหนไปด้วยอีกคน”
“ยังไม่ได้เป็นเมียเจ้าค่ะ”
“ใคร”
“สะบันงาเจ้าคะ”
“ต๊าย! นังสะบันงา” คุณหญิงลออศรีตกใจ
“สะบันงามาแล้วดีจังเลย เขาไปกินกันที่ไหนเราตามไปกินกับเขานะคะ” ปานวาดบอกอย่างดีใจ
“ไม่ไป แม่ไม่กินอาหารร่วมโต๊ะกับขี้ข้า” คุณหญิงลออศรีบอกทันที
“คุณหญิงแม่ขา คำว่าขี้ข้ามันรุนแรง เรียกพวกเขาว่า คนรับใช้ก็พอค่ะ อาจารย์ที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกบอกว่า ที่นั่นไม่มีขี้ข้าไม่มีนายแล้วค่ะ”
“ดิฉันจะกราบเรียนคุณหญิงนะเจ้าคะ ว่าคุณหญิงมาเจ้าค่ะ” น้อยบอกอย่างเอาใจ
            “ย่ะ”
คุณหญิงลออศรีดึงแขนปานวาดออกไป น้อยมองตาม
“นังนี่ก็อีกคน จิกหัวเรียก กดหัวเรียก ด่ามากสักวันขอให้ขี้ข้าบ้านมัน พร้อมใจกันลุกขึ้นมารุมตบหน้า ให้เลิกกดขี่กันเสียที อีสังวรก็เกินไปประเดี๋ยวเถิด เรื่องนี้ถึงหูคุณหญิงแน่” น้อยกะฟ้องตามเคย
 
คุณหญิงศรี ออกมาจากไปรษณีย์กับเมี้ยน และสะบันงา
“แน่ใจหรือเจ้าคะว่าคุณศุกล ได้รับจดหมายแล้วจะรีบกลับมา” เมี้ยนกระซิบถาม
“แน่ใจ”
“ถ้ายังเรียนไม่จบเล่าเจ้าคะ”
“เขาไม่ได้ไปเรียนปริญญาโทต่ออย่างที่คุณเตี่ยสั่งหรอก เขาไปเรียนแต่งกลอน เรียนอ่านวรรณคดี”
คุณหญิงศรีมองสะบันงาที่เดินเงียบข้างๆ เมี้ยนมองตาม
“น่าหนักใจนะเจ้าคะ สะบันงาก็โตวันโตคืน สวยเอาสวยเอา”
“คนของเราก็จ้องตาเป็นมัน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่”
“เกิดท่านมาขอตรงๆเล่าเจ้าคะ จะบอกตรงๆได้หรือว่าเก็บไว้ให้คุณศุกล”
“ยังคิดไม่ตก แต่ให้น่ะไม่ให้แน่แค่ว่าจะหาทางออกแบบไหน”
“เมี้ยนจัดการให้เองเจ้าค่ะ ขอเพียงให้คุณศุกลรีบกลับมาไวๆเถิดเจ้าค่ะ”
“ขอบใจ” คุณหญิงศรีหันไปถาม “สะบันงาชอบใส่ชุดสีอะไร เรากำลังจะไปซื้อเสื้อผ้ากันแล้ว”
“แล้วแต่คุณหญิงจะเห็นสมควรเจ้าค่ะ”
“นี่ก็ประหลาดคนเขาอยากจะให้ กลับไม่เรียกร้อง อีพวกที่เขาไม่ให้ก็พยายามเหลือเกิน ขอโน่นเอานี่ อันไหนก่อนดีน้อ”
“สะบันงาเคยใส่ชุดชั้นในไหม” เมี้ยนถาม
“ใช่ ต้องมีชุดฉันในก่อน ไปไนติ้งเกลโอลิมปิคกันก่อนนะ สะบันงา” คุณหญิงศรีออกความเห็น
“เจ้าค่ะ”
สามคนพากันเดินต่อไป
 
เจ้าคุณนั่งเซ็นเอกสารในห้องทำงาน แล้วเงยหน้ายิ้ม ภาพสะบันงาก้มหน้าก้มตา กินอาหารในร้านลิตเติ้ลโฮม พอเจอสายตาเจ้าคุณมองก็รีบก้มหน้า
“ศรีจ๋า ฉันขอโทษไม่ได้ตั้งใจจะนอกใจศรี แต่สะบันงาคนนี้อดใจไม่ได้จริงๆทั้งที่พยายามตัดใจแล้ว”
เจ้าคุณถอนใจอย่างหนักใจกับความรู้สึกของตัวเอง
 
คุณหญิงศรี สะบันงา และเมี้ยนพากันกลับมาที่เรือน แล้วต่างก็ชะงัก เมื่อเห็นสังวรนอนไขว่ห้างกระดิกเท้าเล่นไปมาบนโซฟาตัวโปรดของคุณหญิง แก้วเครื่องดื่ม วางบนโต๊ะใกล้ๆ ที่พื้นมีของเปรี้ยววางกองเกลื่อนพื้นทั้งเปลือก ทั้งเม็ดมะม่วงกองเลอะเทอะ ปากก็เคี้ยวแจ๊บๆ เมี้ยนเห็นทนไม่ได้
“อีเมี้ยนทนไม่ได้แล้ว”
“อย่า” คุณหญิงศรีปราม
ไม่ทัน เมี้ยนปราดไปถึงฉวยแก้วน้ำแดง เทสาดไปบนหน้าเของสังวรที่ไม่ทันรู้ตัว
“ว๊าย”
สังวรลุกพรวดเห็นหน้าเมี้ยนยืนจ้อง
“ถือวิสาสะนอนบนเก้าอี้คุณหญิงไขว่ห้างกระดิกเท้าเล่นนี่มัน มารยาททรามเต็มทน หล่อนทำราวกับพื้นเรือนนี่เป็นที่ทิ้งขยะ กินแล้วทิ้งอย่างนี้หรือ”
สังวรมองปราดไปด้านหลังเห็นสะบันงายืนกับคุณหญิงศรี
“จะมารุมกันหรือ เอาสิถ้าฉันแท้งลูกละก้อ เจ้าคุณจะว่าอย่างไรกับพวก...” สังวรจะพูดว่าแก แต่ไม่กล้าพูด
“เมี้ยนช่วยกันเอาของไปเก็บ สะบันงาตามฉันขึ้นไปบนห้อง”
คุณหญิงศรีกับสะบันงาเดินเลี่ยง เมี้ยนเดินตาม สังวรก้มลง เอาเม็ดมะม่วงปาโครมที่เมี้ยน แต่ผิดเม็ดมะม่วง
เลยไปโดนคุณหญิงศรีที่กำลังเดินจะขึ้นบันได
“มึงก็ลองเม็ดมะม่วงดูเถิดอีเมี้ยน  อุ๊ย!”
คุณหญิงศรี สะบันงาหยุด เมี้ยนหันกลับก้มลงฉวยเม็ดมะม่วง วิ่งไปที่สังวร
“มึงเอาเม็ดมะม่วงปาคุณหญิง มึงบังอาจนัก อีกุ๊ย กูจะเอามะม่วงยัดปากมึง เตะมึงให้ลูกทะลัก”
สังวรตกใจ สะบันงารีบปราดไปที่เมี้ยนฉุดไว้
“อย่าค่ะพี่เมี้ยนบาปกรรมนะคะ เขากำลังท้อง”
“มันสมควรโดนนี่นา อย่ามาห้ามกัน สะบันงาปล่อย”
“ไม่ค่ะ”
คุณหญิงศรีสั่ง
“เมี้ยนนั่นแหละถอยมา ฉันไม่อยากให้เรื่องพวกนี้ไปถึงหูเจ้าคุณ เลิกแล้วกันไปซะ”
“คุณหญิง” เมี้ยนไม่พอใจ
“ขึ้นไปบนห้องกับฉัน”
คุณหญิงศรีจ้องหน้าเมี้ยนที่กำลังเงื้อง่า เมี้ยนสบตาแล้วลดมือ เดินกลับมาพร้อมด้วยสะบันงา
ทั้งสามตามกันขึ้นบันไดไป สังวรหัวเราะเย้ยหยัน
“ไม่กล้ากับคุณสังวรสักคนแล้วล่ะสิเห็นไหม คุณสังวรบอกแล้วว่า อำนาจมันเปลี่ยนมือกันได้ กลัวท่านเจ้าคุณจะโกรธถ้าฉันฟ้องล่ะสิ”

สังวรไม่ยี่หระ หยิบชายเสื้อที่ใส่มาเช็ดหน้าตา แล้วล้มตัวลงนอนท่าเดิม ทำตัวเหมือนเดิม สังวรครึ้มอกครึ้มใจ ไม่มีใครกล้าหือกับคุณสังวรแล้ว

 
เมี้ยนโกรธจนน้ำตาคลอ
 
“เมี้ยนอยากจะฆ่ามันนัก”
“จะฆ่าใครทำไมต้องโวยวาย ไม่ต้องทำลายชีวิตให้เขาตาย คนเราตายทั้งเป็นมันทุกข์ทรมานมากมายกว่าตายจริงๆนักหนา”
“นังสังวรมันจะตายทั้งเป็นได้อย่างไรเจ้าคะ มันกำลังมีลูกกับเจ้าคุณ มันกำลังจะขึ้นสวรรค์ฉันฟ้าต่างหาก”
            คุณหญิงศรีถอนใจ
            “ทำไมเมี้ยนถึงเอาแต่โมโหโทโส แล้วจะปกป้องฉันได้อย่างไร ฉันเคย   บอกเมี้ยนว่าอย่างไร”
“อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นเจ้าค่ะ”
“เมื่อสักครู่ เมี้ยนกำลังพยายามแหวกหญ้าให้งูตื่น ดีที่สะบันงาไปฉุดเอาไว้ ขอบใจมากนะสะบันงา”
“หนูกลัวทุกคนจะมีเรื่องกันเจ้าค่ะ เอ้อ...หนูส่งคุณหญิงถึงห้องแล้ว หนูไปได้หรือยังเจ้าคะ”
“ไปเถิด เอาถุงเสื้อผ้าของสะบันงาไปด้วย เอาไปซักไปรีดให้เอี่ยมเลยนะ”
“เจ้าค่ะ”
สะบันงาไหว้ แล้วถอยไป คุณหญิงศรีหันไปบอกเมี้ยน
“เมี้ยนลองทดสอบความอดทนของเมี้ยน พาสะบันงาผ่านสังวรออกไปอย่างสงบทำได้ไหม”
“ได้เจ้าค่ะไปสะบันงาคอยฉุดขาฉุดแข้งฉันให้ดีนะ ถ้ามันจะกระตุกไปโดนเอาหน้านังสังวร”
สะบันงายิ้ม สองคนพากันออกไป
“เราคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่ยอมแต่งงานกับเขา ขออย่าให้มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นมากกว่านี้เลย”
คุณหญิงศรีเริ่มวิตกชีวิต
 
สะบันงากับเมี้ยนถือของพากันลงมาจากชั้นบน สังวรนอนกระดิกเท้าไขว่ห้างกินเลอะเทอะเช่นเดิม
“ฮัดเช้ย เหม็นสาบพวกยุให้รำตำให้รั่ว ชอบพอผู้หญิงด้วยกันเองจริงๆ”
เมี้ยนชะงักสะบันงากระซิบ
“อย่าค่ะ”
“ก็อีนี่มันวอน”
“ท่องคำคุณหญิงไว้จ๊ะพี่เมี้ยน”
สองคนเดินต่อไป สังวรเรียก
“สะบันงามานี่”
สะบันงาหยุด เมี้ยนกระตุก
“อย่าไปฟังมัน เดินต่อไป”
สองคนเดินต่อไป
            “ฉันบอกให้มานี่ไม่ได้ยินหรือ หรือว่าแกไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร”
เมี้ยนกระตุกจะหันไป
“ไม่ไหวแล้ว สะบันงา”
“กราบล่ะจ้ะ พี่เมี้ยนไปก่อน ตอนเราเพิ่งมาถึงบ้าน พี่น้อยมากระซิบว่ามีอะไรจะบอก พี่เมี้ยนรีบไปฟังเถิดจ้ะ ไม่ต้องห่วงหนูหรอกจ้ะ”
เมี้ยนคิดนิดหนึ่งแล้วตัดสินใจออกไป สะบันงาหันไปตรงไปที่สังวร
“นั่งที่พื้น แล้วนวดขาให้ฉัน ฉันเมื่อย”
สะบันงานั่งลงที่พื้นแล้วเริ่มนวดขาให้สังวร
“ดีมาก แกหัดเชื่อฟังฉันแล้วแกจะได้ดี วันนี้แกไปไหนมาบ้าง”
สะบันงารู้แต่ไม่บอก
“ไม่ทราบจ้ะ ฉันไม่รู้ว่าที่ไหนคือที่ไหน ไม่เคยไปไหน”
“โง่จังนะแก แกฟังนะ แกห้ามมาโผล่หน้าโผล่หัวให้เจ้าคุณเจอะเจอเข้าใจไหม”
“ฉัน...”
เจ้าคุณเดินเข้ามาเงียบมากกลับจากทำงาน เห็นสะบันงาบีบนวดสังวรก็ชักสีหน้าไม่พอใจ
“สะบันงาทำอะไร”
สะบันงาสะดุ้ง สังวรเองก็ตกใจ รีบลุกพรวดดึงขากลับ
“เอ้อ...ท่านกลับมาแล้ว สังวรจะไปหาน้ำมาให้ทานรับประทานนะเจ้าคะ”
เจ้าคุณยังคงมองสะบันงา
“ไม่ต้อง แพ้ท้องไม่ใช่หรือ”
“เอ้อ...เจ้าค่ะ แต่สังวรทำได้เจ้าค่ะ”
“ทำได้อย่างไร ในเมื่อฉันเห็นสังวรให้สะบันงามานวดให้ไม่ถูกต้องเลยนะ”
“สังวรทราบเจ้าค่ะว่าไม่ถูกต้อง แต่สะบันงาอาสามานวดให้เองนะเจ้าคะ”
“จริงหรือ สะบันงา”
สังวรจ้องหน้าสะบันงาเป๋ง
            “จริงเจ้าค่ะ ดิฉันอาสาทำเองเจ้าค่ะ”
สังวรลอบยิ้มพอใจ เจ้าคุณบอกเสียงเข้ม
“สะบันงาไม่ได้เป็นคนรับใช้ ไม่จำเป็นต้องไปบีบนวดใคร ยกเว้นคุณหญิง สังวรมีน้องสาวเรียกมาทำให้สิ”
“เจ้าค่ะ สังวรขอโทษ ก็แหมถ้าสะบันงาไม่มาเสนอจะนวดให้ สังวรก็คงไม่กล้าเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีเดินลงมา
“ถ้าสังวรอยากมีคนนวดให้ก็ไม่มีปัญหา เมี้ยนเขานวดเก่งมาก จะให้เขามานวดให้”
สังวรใจหายวับ คุณหญิงยิ้มเนียนๆ เจ้าคุณมองสะบันงา
“สะบันงาไปซื้อของกับคุณหญิงได้อะไรมาบ้าง”
คุณหญิงศรีตัดบท
“เยอะแยะค่ะ สะบันงาเอาของไปเก็บเถิด”
“เจ้าค่ะ”
สะบันงาถอยออกไป
“เดี๋ยวสิสะบันงา ช่วยบอกเมี้ยนให้มานวดให้สังวรด้วย”
“ไม่ต้องหายแล้ว” สังวรรีบบอก
สังวรมองเจ้าคุณอยากให้สนใจบ้าง แต่เจ้าคุณเฉยๆกลับเดินเลยไปหอมแก้มคุณหญิงศรี
“จะรีบกลับมากินข้าวกับศรีนะจ้ะ อยากดินเนอร์ใต้แสงเทียนกันอีกครั้งโอ เค้”
“เยส หนึ่งทุ่มตรงนะคะ”
เจ้าคุณเดินออกไม่ได้สนใจสังวร  คุณหญิงศรีเดินกลับขึ้นชั้นบน ไม่มีใครสนใจสังวร
“อีนังศรี ไอ้แก่เจ้าคุณ มึงเห็นกูเป็นแค่เครื่องมือทำลูกให้มึง  ดีล่ะ”
สังวรอาฆาตในใจ
 
            น้อยฟ้องเมี้ยนเรื่องสังวรทำอวดดีใส่ลออ เมี้ยนส่งเงินให้
“ขอบใจมากน้อย ที่มาบอกเรื่องคุณหญิงลออศรี”
“อิฉันต้องบอกสิคะ มันทำอวดดีใส่แขกของคุณหญิงอย่างน่าเกลียดที่สุด มันคงกำแหงหาญหนักข้อขึ้นทุกวัน คุณหญิงท่านไม่อินังขังขอบบ้างหรือเจ้าคะ”
“คุณหญิงท่านเห็นว่าท้องไส้ ท่านก็เลยปล่อยวาง อยากทำอะไรก็ทำ” เมี้ยนแกล้งหยอดไม่ได้ชื่นชมน้อยรู้ว่าเลวพอกัน
“แล้วนี่ท่านเจ้าคุณจะยกย่องมันมากแค่ไหนเจ้าคะ”
“โฮ้ย ขนาดเพิ่งตั้งท้อง คุณหญิงยังยอมลดราวาศอกไม่หือไม่อือ ถ้าคลอดลูกออกมาเป็นผู้ชาย สังวรมันก็ใหญ่สุดในบ้านนี้แล้ว”
“ต๊าย! นี่หมายความว่าคุณหญิงเริ่มเกรงมันแล้วหรือนี่”
“ก็คล้ายๆอยู่นะ”
น้อยให้นึกอิจฉา ส่วนเมี้ยนยิ้มปรายตามองไปอีกด้สนเห็นสังเวียนก็พอใจ ที่มาแอบฟัง มั่นใจว่าสังเวียนจะต้องรีบกลับไปบอกพี่สาวให้เหลิงลมจนสายป่านขาด
 
สังเวียนได้ฟังเมี้ยนบอกน้อยตื่นเต้นมาก
“พี่สังวรช่างโชคดีแท้ๆ แค่มีลูกกับท่านเจ้าคุณชีวิตก็เปลี่ยนไปจะได้เป็นใหญ่ จนนังศรีมันเริ่มปอดแหก กูต้องเอาอย่างพี่สังวรบ้างให้ได้”
สังเวียนยิ้มมีความหวัง
 
สะบันงา แอบมาควักมะขามเปียกในครัวไปอีก เพื่อจะเอาไปกินให้ท้องเสีย
“เราต้องท้องเสียให้มากที่สุดจะได้ไม่ต้องไปตึกนั่น”
สะบันงากำลังจะเดินออก ทองหยอดสวนเข้ามา สะบันงาเอามะขามเปียกซ่อนหลัง
“สะบันงาจะมาทำขนมอะไรหรือ”
“เปล่าจ้ะ น้าทองหยอดมาหาอะไรจ้ะ”
“มะขามเปียกน่ะสิ พักนี้หมดไวมาก จะว่าหนูมาขโมยก็ไม่ใช่ หนูที่ไหนจะขโมยมะขามเปียกไปกิน”
ทองหยอดเดินไปที่ไหมะขามเปียก สะบันงารีบเดินสวนออก ไปไม่ทันพ้น
“หมดอีกแล้ว เอ...เมื่อเช้ายังเห็นมีอยู่นี่นา”
สะบันงารีบผลุบออกไปอย่างเร็ว ทองหยอดมายืนเกาหัว

“ใช่แล้ว นังสังเวียนมาแอบลักไปให้นังสังวรพี่สาวมันแน่ๆ” 

 
ห้องอาหารตึกเจ้าคุณ มีเชิงเทียนตั้งอยู่สวยงามมีแจกันดอกไม้ คุณหญิงศรีกับเจ้าคุณนั่งกินอาหารด้วยกันเงียบๆ เมี้ยนยืนห่างออกมามากพอสมควร เพื่อให้ให้สองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง เมี้ยนพึมพำ
 
“คืนนี้ดูท่าทางจะล่อแหลมอีกแล้ว ทำอย่างไรดีจะช่วย ให้คุณหญิงรอดพ้นไปได้”
            เจ้าคุณหันมามอง
“เมี้ยน ไปได้แล้ว”
“เอ้อ...เอ้อ...คือว่า ดิฉันเกรงว่าคุณหญิงจะไม่สบายนะเจ้าค่ะ”
“ศรีเป็นอะไรทำไมไม่บอกให้รู้”
“เดินมากไปนิด อากาศร้อนด้วยค่ะ” คุณหญิงศรีแก้ตัว
เมี้ยนรีบเสริม
“หน้ามืดเลยนะเจ้าคะโชคดีที่ ที่เอ้อ...สะบันงาจับไว้ทันเจ้าค่ะ”
“ทำไม่ให้สะบันงามาช่วยดูแลคุณหญิงคืนนี้”
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนปรายตามองกัน เจ้าคุณสั่งอีก
“ไปตามสะบันงา บอกว่าฉันสั่งให้มาดูแลคุณหญิง”
            เมี้ยนพูดไม่ออก เจ้าคุณกระซิบคุณหญิงศรี
“รู้แล้วว่าสะบันงายังเด็ก”
คุณหญิงศรีโล่งใจหันไปสั่งเมี้ยน
“เมี้ยนไปตามสะบันงามาสิ”
“เจ้าค่ะ” เมี้ยนเดินออกไป
“ฉันเอ็นดูสะบันงามาก เหมือนกับที่ศรีเอ็นดูนั่นแหละ รู้นะว่าศรีหวง” เจ้าคุณบอกอย่างรู้ทัน
“เอ้อ...สะบันงาเรียบร้อย และขี้ตกใจกลัวค่ะ ฉันก็เลยห่วง ไม่ใช่หวง”
“ไม่ต้องห่วงหรอกว่าฉันจะคิดอะไรกับเด็กเรื่องชู้สาว เด็กคนนี้สวยงามเกินกว่าที่จะเอามาขยำขยี้ให้แปดเปื้อน”
คุณหญิงศรีแอบโล่งใจ นึกหาทางเอาตัวรอดต่อไป
            “เรามาดื่มฉลองกันเถิดค่ะ”
“ฉลองอะไรหรือ”
“ฉลองลูกของคุณค่ะ”
คุณหญิงศรีเดินไปหยิบแก้วแชมเปญ
“เปิดแชมเปญกันเลยนะ”
“ค่ะ”
ทั้งสองคนยิ้มแย้มให้กัน
 
เมี้ยนเดินไปตามทางเพื่อจะไปตามสะบันงาด้วยความกลุ้มใจ
“โอ๊ย ปวดหัว คุณหญิงก็จะเอาตัวไม่รอด ไอ้ครั้นทำท่าจะรอด สะบันงาก็ทำท่าจะร่วง ทำไมมันถึงต้องได้อย่างเสียอย่างอย่างนี้นะ เอายังไงดี ถึงจะรอดทั้งสะบันงา กับคุณหญิง”
แล้วเมี้ยนนึกที่คุณหญิงศรีเคยพูดล้อ
“หรือว่าเมี้ยนจะไปปรนนิบัติท่านแทนฉัน”
เมี้ยนส่ายหน้า
“ไม่ไหวแน่ แค่ท่านเจ้าคุณเห็นหมากเปรอะปาก ท่านก็คงส่ายหน้าแล้ว”
ทองหยอดเดินบ่นงึมงำ เมี้ยนเกิดความคิด
“ยัยทองหยอด”
ทองหยอดสะดุ้ง
            “คุณเมี้ยนเรียกอิฉัน มีอะไรหรือคะ”
“ความจริง ทองหยอด ก็หน้าตาดีไม่เลวนะ”
“ฮ้า จริงหรือคะ ใครใครก็ว่าอิฉันอ้วนมาก”
“ถึงอ้วนก็สวยนะ เอ้อ มีผัวหรือยัง”
“วุ๊ย อิฉันน่ะพรหมจรรย์ค่ะ ลิ้นไม่เคยไต่ ไรไม่เคยตอม มีแต่ยุงมากัดเท่านั้น
เมี้ยนยิ้ม
“ทองหยอดราศีคุณนายจับอยู่นะ”
“ฮ้า อย่าพูดเกินความจริงสิคะ ก็ไอ้ที่หาผัวไม่ได้มาทุกวันนี้ ก็เพราะไม่สวย อ้วน ปากเสีย รำคาญผู้ชาย ถามจริง พูดวนไปวนมาจะพูดอะไรกันแน่คะ”
เมี้ยนตัดใจบอก
            “คืนนี้ไม่มีใครไปปรนนิบัติท่าน”
ทองหยอดตกใจ แล้วส่ายหน้า วิ่งหนีไปต่อหน้าต่อตา
“นอนกับท่านเจ้าคุณให้ฟ้าผ่าตายยังง่ายกว่า ถ้าบังคับให้ไปอิฉันจะไปกระโดดลงมาจากหอนกให้ขาแข้งหัก”
เมี้ยนเกาหัว จนปัญญา
 
            คุณหญิงศรีกับเจ้าคุณ เพิ่งดื่มหมดไป เริ่มเมาๆกันแล้ว
“เติมอีกนะคะ”
“เจ้าคุณ ศรีไหวหรือ”
“ไหวสิคะ ถ้าคุณไหวโอเค้”
“เยส เลิฟ ยู ที่สุด”
คุณหญิงศรีถือแก้วไปที่โต๊ะวางเหล้า
 
สังเวียนไปด้อมๆมองเรือนคุณหญิงศรี อยากมาบอกเรื่องที่ได้ยินเมี้ยนพูดกับน้อย เมื่อไม่มีใครอยู่จึงเข้าไปหา
“ฉันจะบ้าตายอยูแล้ว รู้งี้ไม่ท้องซะดีกว่า” สังวรบ่นอย่างหงุดหงิด
“ฉันว่าพี่อดเปรี้ยวไว้กินหวาน ทนอุ้มท้องไปเก้าเดือนเถิดน่า” สังเวียนเตือน
“ดูสิไม่มีใครสนใจฉัน ไอ้แก่ก็ไปนั่งกินดินกินเนอร์กับนังเมียที่ตึกโน้น    หน้าฉันมันยังไม่อยากจะมอง”
“ฟังฉันแล้วพี่จะดีใจจนตัวลอย”
สังวรมองหน้าน้องสาวว่าจะพูดเรื่องอะไร
 
คุณหญิงศรีกับเจ้าคุณเมามากขึ้น พูดจาอ้อแอ้
“ศรีมาวแล้ว”
“คุณก็มาวแล้ว”
สองคนชนแก้วเปล่า
            “ไปรินมาอีก เมากับเมียนี่มันสนุกแท้ๆ”
เจ้าคุณนั่งฟุบหลับไปแล้ว คุณหญิงศรีฟุบด้วยแล้วแอบเหล่ตามองดูเจ้าคุณ แล้วถอนใจเฮือก
“กว่าจะฟุบแอบเทแชมเปญทิ้งไปเป็นขวด”
 
ในห้องนอนสังวร...สังเวียนกระโดดบนเตียงแบบเดียวกับที่สังวรเคยกระโดดคืนแรก เล่าไปด้วย
“จริงหรือนี่ที่พวกมันกลัวฉัน”
            สังวียนหยุดกระโดดมานั่งหอบ
“ก็จริงน่ะสิ แอบฟังมาได้ยินกับสองหูชัดเจน”
“คงจะจริงแฮะ ไม่อย่างนั้นฉันทำอะไรร้ายๆ เช่นแย่งเก้าอี้มันนั่ง เอาเม็ดมะม่วงปาผิดไปโดนหัวมัน มันยังเฉย มันห้ามนังเมี้ยน             ไม่ให้มาโต้ตอบฉันด้วย”
“รอแป๊บเดียว พี่ก็ใหญ่โตกว่าทุกคนในบ้านนี้ ยกเว้นไอ้แก่นั่นแต่ฉันสิ ทำไมท่านไม่สนจะเรียกหาใครสักทีน้อ เฮ้อ ฉันจะได้มีห้องนอนสวยๆอย่างพี่บ้าง”
สังเวียนเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า
“นังศรีมันจัดให้พี่ขนาดนี้เลยหรือ”
“มันเกรงพี่แล้วไง”
“เคยเห็นห้องนอนมันไหม”
“ยังไม่เคยเห็น ก็เคยเห็นตอนที่ไปทำห้องก่อนมันแต่งงานนั่นแหละ”
“อยากเห็นจังเลย เราไปแอบดูกันไหมว่ามันเก็บอะไรสวยๆไว้บ้าง”
“ถ้ามันกลับมาเล่า”
“ยังหรอกน่าเข้าไปแป๊บเดียว”
สังเวียน ฉุดพี่สาว
 
เมี้ยนมองสะบันงาแปลกใจ สะบันงานั่งหน้าซีด
“สะบันงาท้องเสียได้ยังไง ในเมื่อกินอะไรเหมือนคุณหญิงทุกอย่าง”
            “เอ้อ...หนูขอตัวก่อนค่ะ”
สะบันงารีบออกไป เมี้ยนงง หันมาคุยกับแกละ
“ฉันมานั่งแป๊บเดียว สะบันงาวิ่งไปห้องน้ำห้าครั้งแล้ว”
            แกละกระซิบ
“แอบไปกินมะขามเปียกมาให้ถ่ายท้อง”
“เฮ้ย! ทำอย่างนั้นทำไม”
“เขาอยากท้องเสีย คุณหญิงจะได้ไม่ใช้ให้ไปปรนนิบัติท่าน”
“ไฮ้ ไปเอามาจากไหน คุณหญิงท่านไม่เคยคิดจะเอาสะบันงาไป  ปรนนิบัติท่านสักนิด”
“นังน้อยมันสำคัญนัก มันมายุให้สะบันงากินมะขามป้องกันตัวเอง เพื่อตัดคู่แข่งจะได้เหลือแต่มันกับนังสังเวียน ชิงดีชิงเด่นกัน”
“นังสังเวียนมันหายไปไหน”
“เห็นมันบ่นว่าอยากจะไปคุยกับพี่สาวมัน สงสัยว่ามันจะไปหากัน”
เมี้ยนพยักหน้า
“นั่นก็อีกนาง เสนอตัวเหลือเกิน เฮ้อ…”
“ทำไมไม่ส่งมันไปเล่าคุณเมี้ยน”
“แค่พี่สาวมันนี่ก็ปวดหัวกันจะแย่ วางก้ามราวกับเป็นคุณหญิงไปแล้ว ขืนส่งนางสองคนที่เหลือไปอีก บ้านนี้จะมีคุณหญิงสี่คนเลยแกละเอ๊ย เอ...แกละนี่ก็ผิวพรรณดีมากนะ”
“ขอเลยนะคุณเมี้ยน ฉันกำลังวางแผนอนาคตกับเฮียซ้ง คุณเมี้ยนเองไง หยุดกินหมากสักคืน แล้วไปดูแลท่าน”
“ตายเสียดีกว่า” เมี้ยนส่ายหน้า
 
            ในห้องนอนคุณหญิงศรี สองคนพี่น้องยืนมองข้าวของเครื่องประดับที่คุณหญิงศรีจงใจ วางไว้ สังวรหยิบเครื่องเพชรมาดู สังเวียนหยิบอีกชุดมามองๆ
“ของแพงๆทั้งนั้น”
“สวยเหลือเกินใครให้มัน ไอ้แก่หรือ”
“คงให้มันตอนแต่งงานนั่นแหละตอนมานอนกับมันวันแรก มันให้ทองฉันบาทเดียว ใจแคบแท้ๆ”
“บอกแล้วไง ว่าให้อดเปรี้ยวไว้กินหวาน”
สองคนตื่นตากับเครื่องประดับสวยๆของคุณหญิงศรี
 
เมี้ยนจะเดินกลับไปรายงานเจ้าคุณ พบสะบันงาเดินหน้าซีดมาจากห้องน้ำ
“สะบันงา”
สะบันงาตกใจ
“พี่เมี้ยนจะให้หนูไปทำอะไรคะ หนู หนู...”
“มานี่เลย คิดอะไรโง่ๆบ้าๆ โดนนังน้อยมันหลอกให้แท้ๆไม่ต้องไปกินมะขามเปียกให้ท้องเสียอีกนะ คุณหญิงท่านไม่ส่งสะบันงาไปดูแลท่านหรอก”
            สะบันงาดีใจ
“จริงหรือคะ”
“ใครจะมาพูดเล่นเรื่องสำคัญแบบนี้ แต่พูดแล้วก็บอกเสียเลยตอนนี้ ว่าที่แท้คุณหญิงจะเก็บสะบันงาไว้รอให้คุณศุกลกลับมา”
            สะบันงาตื่นเต้น
“เอ้อ...”
“รู้สึกอย่างไรกับคุณศุกลเล่า”
“หนูไม่เคยคิด ไม่กล้าคิดค่ะ”
“เพราะสะบันงายังเด็กจริงๆด้วย ฟังนะพยามยามหลีกให้ห่างท่านเข้าไว้จะได้รอดตัว คุณหญิงท่านรักน้องชายมาก ท่านหวังว่าจะดูแลสะบันงา ไว้ให้น้องชายของท่าน ตามที่เขาขอร้องมา”
“ค่ะ หนูจะหลีกเลี่ยงการพบเจอท่านให้มากที่สุดค่ะ”
“ฉันไปก่อน จะรีบไปดูคุณหญิง”
สะบันงามองตาม
“คุณศุกล หนู หนู ไม่รู้หรอกว่าหนูคิดอย่างไรกับคุณ แต่คุณคือผู้ชาย   คนแรกที่หนูรู้จัก และเมตตาหนู  หนูจะรอคุณกลับมาตามที่คุณหญิงท่านต้องการค่ะ”

สะบันงา ยิ้มเมื่อนึกถึงศุกล

 
คุณหญิงไม่เมาจริง ลุกมานั่ง มองเจ้าคุณยิ้มๆ
 
“กว่าจะเอาตัวรอดเกือบจะตาย”
คุณหญิงศรีก้มลงไปหยิบเหยือกใกล้ๆมามอง มีแชมเปญในเหยือกเกือบจะเต็ม
“ยอมเสียของดีกว่าเสีย......เฮ้อ”
คุณหญิงศรีเดินไปหาที่เทแชมเปญทิ้ง
 
เมี้ยนเดินมาถึงเรือนคุณหญิงศรี มองเห็นรองเท้าสังเวียนวางอยู่
“หมดทางเลือกก็ต้องเอานังนี่แหละไป”
เมี้ยนเดินไปในเรือนหมายจะเรียกสังเวียนไปดูแลท่าน แต่เมื่อเข้าไปในเรือนไม่เห็นสองคนพี่น้อง
“มันคงขึ้นไปข้างบน คงจะไปอวดห้องกัน”
เมี้ยนจะก้าวขึ้นไปตาม เสียงปิดประตูห้องคุณหญิงศรีเปิดออก
“เอ๊ะ ใครปิดประตูห้องคุณหญิง หรือว่าคุณหญิงกลับมาแล้ว”
คุณหญิงศรีเดินกลับมาจากข้างนอก เมี้ยนหันมาดีใจ
“คุณหญิงกลับมาได้อย่างไรเจ้าคะ ปลอดภัยดีนะเจ้าคะ”
“ปลอดภัยดี... มอมแชมเปญเข้าไปสามขวด”
“ตายแล้ว...ทำไมไม่เมาเจ้าคะ”
“ฉันก็แอบเททิ้งไปขวดกว่าน่ะสิ”
“เจ้าคุณเป็นอย่างไรเจ้าคะ”
“หลับฟุบคาโต๊ะ จะมาตามเมี้ยนไปช่วยกันลากไปไว้บนห้อง”
“คุณหญิงเก่งมากจริงๆเจ้าค่ะ เมี้ยนกำลังจนแต้ม จะมาตามนังสังเวียนไปดูแลท่านพอดีเจ้าค่ะ”
“มันมาหาพี่สาวมันหรือ”
“เจ้าค่ะ เอ๊ะ มัวแต่ดีใจเห็นคุณหญิงปลอดภัยกลับมา เลยลืมเรื่องที่เมื่อสักครู่เหมือนได้ยินเสียงใครปิดประตูห้องคุณหญิง”
“นังสองคนพี่น้องนั่น”
“วางของมีค่าไว้หรือเปล่าเจ้าคะ”
“เต็มห้องเลย”
“ตายจริง เดี๋ยวมันแอบลักขโมยไปเจ้าค่ะ”
“ให้มันเอาไปเลยจะได้รู้กันว่ามันเป็นขโมย”
”คุณหญิงเจ้าขา ของแพงทั้งนั้นนะเจ้าค่ะ”
“เสียของแพงๆดีกว่าเสียหายในชีวิต ตอนนี้ไปช่วยกันดูเจ้าคุณก่อน ตัวใหญ่ขนาดนั้นสองคนยังเอาไม่อยู่”
สองคนพากันกลับไป
 
คุณหญิงศรีกับเมี้ยน ช่วยกันพยุงมาวางบนโซฟาห้องนั่งเล่น
“ทำยังไงต่อเจ้าคะ”
“ฉันจะไปนอนในห้องข้างบน จะหลับให้สบาย”
“อ้าว ทำไมไม่กลับเรือนเราเจ้าคะ”
“เอ๊ะ ก็ฉันทำเป็นเมา จะกลับไปได้อย่างไร แล้วก็นังสองคนนั่นมันจะได้คิดว่าฉันมานอนกับท่านสองคืนติดกันแล้ว”
“ทีนี้จะให้เมี้ยน ทำอะไรต่อเจ้าคะ”
“เช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา”
“ตายแล้ว เมี้ยนก็ต้องถอดเสื้อผ้าท่านสิเจ้าคะ”
“ใช่”
“เมี้ยนก็ต้องเห็นท่านโป๊”
“แน่นอน”
“เมี้ยน แหม มันกระดาก เจ้าค่ะ”
“หลับหูหลับตาทำทำไปเถิดน่า”
“หลับตาทำก็ยิ่งจะแย่ เกิดไปคลำ...”
“พอเมี้ยน ฉันง่วงมากแล้วจะไปนอน เมี้ยนจัดการตามขึ้นไปเอาเสื้อผ้าชุดนอนของท่านแล้วมาจัดการ จะหลับจะลืมตาทำอย่างไร ก็เอาเถิด”
“จากนั้นให้เมี้ยนทำอะไรอีกเจ้าคะ”
“หลบนอนเฝ้าแถวนี้แหละ ดูแลท่านเอาไว้ เกิดสร่างเมาเร็วเดี๋ยวจะเที่ยวเดินเพ่นพ่าน ขึ้นไปหาฉัน”
“เอ้า ท่านมิเพ่นพ่านมาหาเมี้ยนหรือเจ้าคะ”
คุณหญิงศรีพูดจบเดินขึ้น เมี้ยนจำใจเดินตาม บ่นไปด้วย
“เกิดมาไม่เคยวุ่นวายกับผู้ชาย นี่จะมาให้จับผู้ชายแก้ผ้า เวรของอีเมี้ยนแท้ๆ”
“ถ้ามันไม่เป็นเวรของเมี้ยน มันก็ต้องเป็นเวรของฉัน รู้ว่าสักวันมันต้องมาถึงขอแค่ถ่วงเวลาเอาไว้ให้นานที่สุดเท่านั้นเอง เฮ้อ...”
“ไม่บ่นแล้วเจ้าค่ะ”
สองคนเดินตามกันไป เจ้าคุณที่เมาหลับ พึมพำ
“ศรี ไอเลิฟยู”
 
สังเวียนกับสังวรพากันลงมาจากชั้นบน
“มันเอาพี่มาอยู่ที่นี่เพื่อหยามพี่ ดูสิทิ้งให้เราอยู่ที่นี่ แล้วมันก็พากันไปนอนตึกโน้น”
“ไหนใครนินทาว่ามันไม่ยอมนอนกับท่าน” สังเวียนสงสัย
“นั่นสิ มันนอนด้วยกันมาสองคืนแล้วนะ สงสัยมันอยากมีลูกบ้าง”
“ฉันเลยฝันค้าง”
“พี่หาทางให้แกเอง กลับไปก่อนเถิด”
“เครื่องประดับมันสวยๆทั้งนั้น ฉันเห็นแล้วน้ำลายหก”
“พี่ก็น้ำลายหก”
“สักวันเราจะมีอย่างมันบ้างไหมน้อ”
“ต้องมีแน่ ถ้าลูกพี่เป็นผู้ชาย”
สังเวียนพยักหน้าเบื่อๆ
 
แกละหลับไปแล้ว สะบันงาไม่หลับนอนคิดถึงชายสองคน...ศุกล คุยล่ำลาสะบันงาก่อนจากไปเรียนต่อ
“คุณศุกลเจ้าขา คุณแสนดี  สุภาพ อ่อนโยน ใจดี แต่ครอบครัวคุณยกเว้นคุณหญิง รังเกียจหนู เฉดหัวหนูกับแม่ราวกับหมูหมา แต่หนูก็ไม่เคยโกรธแค้นคุณ  คุณจะบอกพ่อแม่อย่างไรถ้าจะรับหนู     เป็นภรรยา”
แล้วเธอก็คิดถึงเจ้าคุณ
“ทำไมหนูจะไม่รู้ว่าท่านคิดอย่างไรกับหนู  คุณหญิงเจ้าขาช่วยหนูให้รอดพ้นท่านด้วย”
สะบันงาถอนใจอย่างหนักใจมาก
 
คุณหญิงศรีนอนหลับสบายบนเตียงเจ้าคุณ ขณะที่เมี้ยนหลับตาลืมตาบ้าง ทำหน้าสยดสยองจัด แต่งตัวให้เจ้าคุณจนเสร็จ
“เกลียดผู้ชาย จะเป็นจะตายยังไม่วาย ต้องมาทำอะไรบ้าๆให้ผู้ชาย”
            เมี้ยนกำลังจะถอยมา เจ้าคุณตะครุบไว้แล้วดึงเมี้ยนมากอด
“ศรีจ๋า รักศรีที่สุด”
“ว๊าย”
เมี้ยนพยายามยามจะดิ้นออกมา แต่เจ้าคุณรัดไว้แน่นแถมพยายามเรียกว่าศรี
“ศรีของฉัน เราจะมีลูกด้วยกัน”
“อีเมี้ยนตายแน่ ทำยังไงกันดีน้อ”
เมี้ยนขยับ เจ้าคุณรัดแถมจูบแก้มด้วย
“หอมมาก จะหนีไปไหน”
“ว๊าย โธ่จะรอดคืนนี้ไหมอีเมี้ยนเอ๊ย”
สุดเมี้ยนไม่กล้าดิ้น เพราะดิ้นมากเจ้าคุณจูบด้วย ในที่สุดก็ผล็อยหลับไป เพราะทนง่วงไม่ไหว
 
เช้าวันใหม่ เจ้าคุณขยับตัว
“ศรี”
เจ้าคุณยังกอดเมี้ยนอยู่ หอมอีกที เจ้าคุณลืมตามองไปรอบๆ
“นี่มันห้องนั่งเล่นนี่นา นี่เราเมานี่นา นี่เรากอดศรีอยู่นี่นา ศรี ศรีจ๋าเมือคืนนี้…”
เมี้ยนตื่นตกใจมาก ผลักเจ้าคุณ เจ้าคุณกลับกอดไว้ หอมแก้ม
“ทำไมต้องดิ้น”
“เอ้อ...เอ้อ...”
“เอ๊ะ นี่...นี่ไม่ใช่ศรี”
เจ้าคุณเห็นหน้าเมี้ยนปากมีคราบหมากก็โวยวายลั่น
“เมี้ยน วอท  แฮปเพน  ศรี ศรี   แวร์ อาร์ยู ศรี”
เจ้าคุณปล่อย เมี้ยนรีบถอยออกมา
“ศรีอยู่ไหน ศรี ศรี”
“อยู่ข้างบนเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณวิ่งขึ้นไปชั้นบนทันที คุณหญิงศรีได้ยินเสียงรีบทำหลับต่อ เจ้าคุณพรวดมาในห้องมาเขย่าตัว
“ศรี  ตื่น ตื่น ฉันนอนกอดศรี แต่ทำไมมันกลายเป็นนอนกอดเมี้ยน”
“อะไรหรือคะ”
“ฉัน...โน เมี้ยนทำอะไรไปบ้างก็ไม่รู้”
เมี้ยนตามมาติดๆ
“เมี้ยนก็แค่ถอดเสื้อผ้าท่านออกเจ้าค่ะ”
“เมี้ยนแก้ผ้าฉัน ตายแล้ว”
เจ้าคุณก้มลงมองตัวเอง
“แล้วใส่ชุดนอนให้ท่านเจ้าค่ะ”
“แค่นั้นจริงๆนะ”
“เจ้าค่ะ แต่ เอ้อ...”
“เอ้ออะไร”
“ท่านสิเจ้าคะ”
“ฉันหรือ...”
“เจ้าค่ะท่านดึงเมี้ยนมากอดมาจูบ กอดรัดเมี้ยนไว้ทั้งคืน เมี้ยนจะหนีท่านยิ่งกอดจูบ เมี้ยนเลยต้องยอม    “
คุณหญิงศรีหัวเราะขำมาก เจ้าคุณทุบหัวตัวเอง
“แค่นั้นหรือ หรือว่าฉันทำมากกว่านั้น”
“มากกว่านั้นเมี้ยนไม่ยอมแน่เจ้าค่ะ ชีวิตนี้เมี้ยนขอถนอมตัวเป็นนางสาวไปจนตายเจ้าค่ะ”
“โล่งอก ชีวิตนี้ฉันก็ขอไม่มีเมียกินหมากปากแดงแจ๊ดแจ๋แน่นอน”
เมี้ยนถอยออกไป เจ้าคุณมาโอบคุณหญิงศรี
“เมื่อคืนเราเมากันมาก เราฉลองลูกของคุณจนเมา สนุกดีออกค่ะ”
“อยู่กันมาเพิ่งเคยเห็นศรีหัวเราะเสียงดังมากอย่างเมื่อสักครู่วันนี้เอง”

เจ้าคุณหัวเราะเสียงดังบ้าง คุณหญิงศรีหัวเราะด้วย

จบตอนที่ 4 

อ่านต่อตอนที่ 5 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
กำลังโหลดความคิดเห็น