คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 2
วันใหม่...เจ้าสัวเส็งกับสองคุณนายตกใจกับคำพูดง่ายๆ ท่าทีเฉยชาของศรีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เจ้าคุณ ขอหนูศรีแต่งงาน”
“ค่ะ”
เจ้าสัวเส็งไม่เข้าใจ
“แปลกประหลาดแท้ๆ เขามีแต่มาสู่ขอกับพ่อแม่ก่อน นี่สู่ขอกันเองก่อน”
คุณนายใหญ่งงๆ
“แถมให้ลูกสาวมาบอกพ่อแม่ตัวเอง”
“ฝรั่งเขาทำกันแบบนี้มั้งคะ” คุณนายน้อยออกความเห็น
“เจ้าคุณจะส่งเถ้าแก่มาสู่ขอหนูกับคุณเตี่ย และคุณแม่ใหญ่ แม่น้อยในอีกไม่กี่วันข้างหน้าค่ะ”
เจ้าสัวเส็งแอบดีใจ
“รวดเร็วมาก รวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว”
คุณนายใหญ่สงสัย
“ใครบอกหนูว่าเขาจะมาสู่ขอ”
“ลออศรีค่ะ ลออศรีเป็นตัวตั้งตัวตี”
คุณนายน้อยดีใจ
“แม่ ดีใจเหลือเกิน เอ้อ หนูไม่ขัดข้องใช่ไหม”
“หนูสาบานกับคุณเตี่ยไว้แล้ว หนูมีสัจจะ ไม่กลับคำหรอกค่ะ”
เจ้าสัวเส็งพอใจมาก
“ขอบใจ ขอบใจลูกมาก หนูศรี”
“เราจะแต่งงานกันแบบฝรั่งที่โบสถ์ค่ะ”
เจ้าสัวเส็งชะงัก
“แล้วประเพณีจีนเล่า”
“คุณเตี่ยขา ประเพณีอะไรก็ได้ที่ทำให้หนูต้องแต่งงานกับเขา และขอให้วางใจได้ว่าหนูไม่บิดพลิ้ว”
สามคนตอบพร้อมกัน
“ขอบใจ”
“ทีนี้ส่งตัวเมี้ยนมาคืนให้หนูเร็วที่สุดด้วยค่ะหนูจะยังไม่แต่งงานถ้าเมี้ยนยังไม่กลับมา และหนูจะพาเมี้ยนไปอยู่บ้านเจ้าคุณด้วยกัน”
สามคนมองหน้ากันพูดไม่ออก เจ้าสัวเส็งจำต้องยอม
“ตกลง”
เรือสินค้าใหญ่จอดอยู่ที่ท่าเรือ เมี้ยนลงมาจากเรือ ศรีรออยู่ด้านล่าง
“คุณหนูเจ้าขา”
“ฉันคิดถึงเมี้ยนมาก”
“เมี้ยนก็คิดถึงคุณหนู เหลือเกินเจ้าค่ะ คิดว่าจะโดนปล่อยเกาะที่มาเก๊ากับแผ่นดินใหญ่แถวเมืองจูไห่ ไม่ให้กลับเมืองไทยเสียแล้ว”
“ฉันไม่ยอมหรอก ยังไงฉันก็ต้องให้เมี้ยนได้กลับมาหาฉัน”
เมี้ยนมองศรีเห็นยิ้มแปลกๆ
“ทำไมคุณหนูยิ้มแปลกๆ เจ้าคะ”
รถของบ้านเจ้าสัวเส็ง วิ่งมาตามถนนกลับบ้าน เมี้ยนมองหน้าศรี เชิงถาม
“เราจะย้ายบ้านกันนะเมี้ยน”
“ย้ายบ้านไปไหนเจ้าคะ ท่านเจ้าสัวจะสร้างบ้านใหม่หรือเจ้าคะ”
“ฉันต่างหาก เราจะไปอยู่บ้านใหม่ด้วยกัน”
“คุณหนู อย่าล้อเล่นสิเจ้าคะ”
“พูดจริง ฉันจะไปเป็นคุณหญิง ของท่านเจ้าพระยาสมิติภูมิ”
เมี้ยนตกใจ
“คุณหนู”
“จะแต่งตั้งเมี้ยนเป็นผู้ช่วยคุณหญิง มีอำนาจเด็ดขาดในบ้านหลังนั้น”
“โธ่ เมี้ยนเสียใจด้วยนะเจ้าคะ นี่คงโดนบังคับ จนไม่กล้าบิดพลิ้ว”
“ไม่มีใครบังคับ ฉันตัดสินใจเอง ฉันขอตอบแทนพระคุณคุณเตี่ย ฉันต้องการคืนศักดิ์ศรีและเกียรติของพวกท่าน ที่ฉันเคยย่ำยีเล่นเพื่อเอาตัวรอดหลายครั้ง พวกท่านทำเพื่อฉันมามากแล้ว ฉันขอทำเพื่อพวกท่านบ้างสักครั้ง ให้ท่านภูมิใจที่ลูกสาวได้เป็นคุณหญิง ลบคำสบประมาทว่าไม่มีใครมาสู่ขอฉัน ชี้หน้าว่า ฉันคืออีนังแร้งทึ้งแก่ตายคาคาน”
“คิดดีแล้วหรือเจ้าคะ ไหนว่าเกลียดน้ำหน้าฝรั่งเจ้าคะ”
“อาจยกเว้นฝรั่งคนนี้ สักคน”
“เขามีดีอะไรเจ้าคะ ประทับใจเขาตรงไหนเจ้าคะ”
ศรียิ้ม แล้วเล่าที่เธอแกล้งทำไก่กระเด็นหยิบไก่มาแทะ เจ้าคุณหยิบมาแทะบ้าง ชวนทุกคนมาแทะไก่กิน
“ฉันประทับใจเขา”
เมี้ยนอึ้ง
“ไม่เห็นจะน่าประทับใจตรงไหน กะไอ้มานั่งแทะไก่ ตลกจะตายไปเจ้าค่ะ”
“แต่ฉันชอบมาก หากเป็นคนไทย เมียทำอย่างนี้ โดนตบตีตายคาชามข้าวแน่ ฉันพยายามทำน่าเกลียด ทำบ้าๆบอๆ พูดจาร้ายๆใส่เขาเขาก็ไม่ถือสา จะมีสามีทั้งที ถ้าเขามีใจกว้าง ไม่ถือสา แบบนี้ ค่อยไม่น่าห่วง”
“คุณหนูละก้อ พูดจายังกับว่าการมีสามี มันเรื่อยเปื่อยเหมือนกินขนมโก๋”
“เตรียมตัวเตรียมใจ เป็นแนวหน้าไปปราบนางบ่าวร้ายๆ ในบ้านนั้นให้ดีๆ เถิดเมี้ยน”
“ได้ทั้งนั้นเจ้าค่ะ เมี้ยนจะรับมือเอง คุณหนูอยู่เฉยๆ ได้เลยเจ้าค่ะ”
“ขอบใจเมี้ยนมาก”
สองคนยิ้มให้กัน กุมมือกันไว้
ห้องหอกำลังถูกจัด มีสังวร สังเวียน แกละ น้อย กำลังช่วยกัน สามคนหน้างอ ส่วนแกละเฉยๆ
“นี่ท่านตามใจว่าที่คุณหญิงถึงขนาดยกบ้านให้ทั้งหลัง อยู่ตามลำพังคงรักมาก หลงมาก” แกละเปรยๆ
“โธ่เอ๊ย ก็แค่ลูกเจ๊ก” น้อยเบ้หน้าเหยียด
“พวกเราต้องมานั่งกราบไหว้ ลูกสาวเจ๊ก ต้องกลัวมันลนลาน” สังวรเจ็บใจ
“พวกเราต้องอย่ายอมให้มันมาวางเบ่งใส่เรา” สังเวียนมีฮึด
“พวกแกก็พูดไป เขาอาจไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ และอีกอย่างทำไมพวกแกชอบพูดว่าเจ๊กทำไมไม่พูดว่าจีน ฟังแล้วไม่รู้สึกว่าโดนกดให้ต่ำต้อยจะเจ๊กจะจีนมันก็ดองกันจนบางทีดูไม่ออกว่าไหนไทยไหนจีน” แกละเตือน
สังวรเบ้หน้า
“เชอะ พวกลูกเจ๊กด้วยกัน มิน่า เข้าข้างกันตั้งแต่วันที่มันมาวันก่อนแล้ว”
แกละไม่พอใจ
“แกจะเอายังไง กับอีลูกเจ๊กคนนี้ จะสามรุมหนึ่งก็ยังไหว มาสิ แม่จะเลี้ยะพ๊ะให้งอมพะราม”
แกละตั้งท่า สามคนพยักหน้ารุมกระโดดใส่ แกละ เลี้ยะพ๊ะใส่จริง สู้กันอุตลุด บ่าวชายตกใจ
“เฮ้ย หมาตัวเมียกัดกันใหญ่ หยุดนะ นายท่านกำลังมา”
เจ้าคุณมาถึงตวาดก้อง
“หยุด”
สี่คนหยุด รีบนั่งลงกับพื้นก้มหน้างุด
“เป็นหมาหรือ ลุกมากัดกันทำไม”
สี่คนมองหน้ากัน
“พวกบ่าวซ้อมเลี๊ยะพ๊ะกันเจ้าค่ะ” แกละโกหก
“พวกแก ไร้ระเบียบจริงๆ ด้วย จำไว้อีกไม่นานฉันจะพาคุณหญิงของฉันมาปกครองพวกแก พวกแกต้องเชื่อฟังคุณหญิง ใครอวดดี ฉันอนุญาตให้คุณหญิงลงโทษพวกแกตามสบาย จำไว้”
สี่คนจ๋อยๆ
“เจ้าค่ะ”
“รีบทำตามที่สั่งเอาไว้ให้เรียบร้อย อย่าให้มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องเหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว”
เจ้าคุณเดินออกไป สี่คนมองหน้ากัน จ๋อยสุดๆ
เหตุการณ์ที่แพริมคลอง...สะบันงา ดูเศร้ามากผิดกับตอนที่ศุกลจะจากไป เธอปิดหนังสือและสมุดที่ศรีสอน
“เก่งมากแล้วสะบันงา”
“ขอบพระคุณคุณท่านมากค่ะ”
“ทำไมหน้าเศร้านัก”
“หนูคงคิดถึงคุณท่านมากค่ะ”
“ฉันก็คงคิดถึงสะบันงามาก แต่บางทีเราไม่อาจฝืนบางสิ่งได้ แม้ไม่เต็มใจ ฟังนะ ถ้าฉันมาเยี่ยมคุณเตี่ย กับคุณแม่ทั้งสองฉันจะมาหาสะบันงา ฉันไม่ลืมสะบันงาหรอก ทำตัวดีๆ รอคุณศุกลกลับมานะสะบันงา”
“ค่ะ หนูใจหายนะคะ คุณท่านเคยบอกว่า ถ้าแต่งงานตั้งแต่มีคนมาสู่ขอครั้งแรก คงมีลูกอายุเท่าหนู หนูอบอุ่นใจเวลาอยู่ใกล้คุณท่านค่ะ”
“ฉันก็มีความสุขที่อยู่ใกล้สะบันงา สะบันงาเหมือนน้องสาวเล็กๆของฉันจะบอกให้นะ สะบันงาอยากเป็นคนถือชายกระโปรงฉันไหม”
สะบันงาไม่เข้าใจ
“ถือชายกระโปรงทำไมคะ”
ศรียิ้มแย้มบอก
“ฝรั่งแต่งงานกัน ชายกระโปรงมันยาวมากต้องมีคนยก ไม่อย่างนั้นจะหกขะล้มหัวฟาดพื้น”
“รู้แล้ว ทำไมต้องทำให้ชายกระโปรงยาวด้วยคะ”
“นั่นสิ มันคงดูสวยมั้งเอาเป็นว่า สะบันงาจะถือชายกระโปรงให้ฉันเข้าไปในโบสถ์ไหม ถือคู่กับลูกสาว คุณหญิงลออศรี เพื่อนฉัน เขาเด็กกว่าสะบันงานิดหน่อย”
“พระท่านไม่ว่าเอาหรือคะ ไปลุ่มล่ามในโบสถ์”
“โบสถ์ฝรั่ง พระฝรั่ง ฉันจะแต่งงานกับฝรั่งในโบสถ์” ศรีขำๆ
สะบันงาหน้าตื่น
“คุณท่านจะแต่งงานกับฝรั่ง น่ากลัวจังค่ะ”
“บางทีฝรั่งก็ไม่น่ากลัวหรอก คนน่ากลัวมีทั่วไปทั้งไทยจีน และชาติอื่น คนน่ากลัวก็คนที่ชอบทำสงครามรบราฆ่าฟันต่างหาก”
ศรียิ้ม
พิธีแต่งงานในโบสถ์...แขกนั่งม้านั่งกันจำนวนหนึ่งแต่งตัวสวยงาม คุณนายทั้งสอง ใส่ชุดจีนสวยงามนั่งยิ้ม เจ้าคุณเกษมกับลออศรีนั่งหน้าบาน เจ้าบ่าวยืนรอบนแท่นกับหลวงพ่อ เสียงเพลงบ่าวสาวดังขึ้น ทุกคนยืนหันไปมองที่ประตูโบสถ์ เจ้าสัวเส็งพาศรีในชุดเจ้าสาวคลุมหน้า เดินมา มีสะบันงากับ ปานวาด ยกชายกระโปรงของศรีตามหลังมา คุณนายใหญ่กระซิบคุณนายน้อย
“คลุมหน้ามากันอีกแล้ว แม่น้อย ฉันละกลัวจะเป็นนังเมี้ยน”
“นางเมี้ยนมันหลบหน้าหนีอยู่นั่นคะ แถวหลังสุด”
“โล่งอกไปที”
“วันนี้ลูกสาวดิฉันถือชายกระโปรงให้ศรีเขาด้วยนะคะ” ลออศรีบอกอย่างปลื้มๆ
สองคุณนายชื่นชม
“แหม... น่ารักจริง”
ลออศรีแปลกใจ
“แล้วอีกคนเล่าคะ ลูกหลานใครคะ”
สองคุณนาย ส่ายหน้า
เจ้าสัวเส็งพาศรีเดินมา หน้าตามีสุขยิ่งนัก
“ลูกสาวของพ่อ ต้องทำตัวเป็นภรรยาที่ดีของสามีนะลูก”
“ค่ะ คุณเตี่ยหนูจะพยายาม”
“พ่อดีใจที่สุดในชีวิต ที่ได้เห็นวันนี้ วันที่ลูกสาวพ่อไปเป็นคุณหญิง ลูกเคยทำให้พ่อฝันสลาย แล้วจู่ๆ ลูกก็ทำให้ฝันของพ่อเกินจริง ไม่เคยคิดว่าจะมีลูกเป็นคุณหญิง มีเขยเป็นพระยา”
“หนูก็ดีใจที่มีวันที่ทำให้คุณเตี่ยและแม่ทั้งสอง มีความสุขค่ะ”
“แต่ก็ยังห่วงแต่ศุกล จะไปคว้าใครมา ได้ยินว่า ไปติดใจลูกสาวคนขายเครื่องปั้นดินเผาแพริมน้ำ พ่อไม่ยอมเด็ดขาด”
ศรีหันไปมองเบื้องหลังนิดหนึ่งแล้วหันกลับมา...สะบันงากับปานวาดสองคนอายุไล่เลี่ยกัน น่ารักมาก สองคนยิ้มให้กัน
“เธอสวยน่ารักจัง ไม่เคยเจอเด็กอะไรสวยอย่างเธอมาก่อน” ปานวาดชม
“คุณก็สวยจังเจ้าค่ะ พูดเพราะมากด้วย”
“เธอชื่ออะไร”
“สะบันงาเจ้าค่ะ”
“เพราะมาก แต่ทำไมเธอถึงใช้คำว่าเจ้าค่ะ กับฉัน”
“คือว่า ฉันเป็นแค่เด็กลูกสาวคนขายเครื่องปั้นดินเผาในแพริมคลองบ้านท่านเจ้าสัวเจ้าค่ะ”
“ฉันชอบเครื่องปั้นดินเผา มีหม้อข้าวหม้อแกง กับที่ทำขนมครกของเล่นขายไหม”
“มีเจ้าค่ะ”
“อยากได้จังเลย”
“ฉันก็อยากให้คุณจังเลยเจ้าค่ะ คุณ เอ้อ...”
“ฉันชื่อปานวาด”
“คุณสวยเหมือนวาดไว้จริงๆ ด้วยเจ้าค่ะ”
“อย่าพูดเจ้าคะเจ้าขากับฉัน ฉันไม่ถือตัวเหมือนคุณหญิงหรอก ท่านชอบสั่งให้ฉันถือตัวถือยศ ถือมากๆ โอ๊ยหนักจะตาย”
สองคนเผลอหัวเราะ ศรีหันมา
“จุ๊ๆ”
เจ้าสัวเส็งพาศรีมาส่งให้เจ้าบ่าว แล้วถอยไป ทั้งสองยืนหันหน้ามาหากัน บาทหลวงเริ่มทำพิธี
“เจ้าคุณ จะยอมรับผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาไหม”
“ยอมรับครับ”
“เธอจะยอมรับผู้ชายคนนี้เป็นสามีไหม”
“ยอมรับค่ะ”
บาทหลวงพูดต่อไป สะบันงากับปานวาด ยืนมองตาแป๋ว
“ฉันอยากแต่งงานแบบนี้จังเลย สะบันงา” ปานวาดกระซิบ
“คุณปานวาดก็ต้องแต่งงานกับฝรั่งสิคะ”
“จริงของเธอ โตขึ้นฉันจะหาฝรั่งมาแต่งงานด้วยสักคน”
สะบันงาตกใจ
“ตายจริง”
ปานวาดหัวเราะ
ลออศรชี้ไป
“นั่นไงคะ เด็กสาวที่มาถือชายประโปรงให้ศรี หน้าตาดีสวยมากหลานสาวเจ้าสัวหรือคะ”
สองคุณนายมองไป เห็นสะบันงาสวยงามมากจริงๆ สองคุณนายสงสัย
“ใครกันนะ”
บาทหลวงบอกกับบ่าวสาว
“แลกแหวนกันได้”
สองคนแลกแหวน
“เจ้าบ่าวเชิญจูบเข้าสาวได้”
พวกผู้ใหญ่ตกใจมาก
“อะไรกัน จะให้มาจูบกันต่อหน้าคนทั้งห้อง” คุณนายใหญ่โวย
คุณนายน้อยหน้าตื่น
“ไม่ไหวนะคะ แบบนี้น่าอายมาก”
สองคนพากันปิดตาทนดูไม่ได้ เมี้ยน จะบ้าตาย
“เวรกรรมของคุณหนู จริงจริ๊ง มีวันนี้จนได้ โอ๊ยไม่อยากจะนึกถึงคืนนี้”
เจ้าคุณยกผ้าคลุมหน้าศรีขึ้นแล้ว ยื่นปากไปจูบปากศรีแบบเต็มๆ ศรีตกตะลึงตกใจมาก ไม่ชอบด้วย
กัดปากเจ้าคุณโดยแรง
“โอ๊ย”
ทุกคนตกใจ เจ้าคุณปล่อยปากจากการจูบ ศรีทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ยิ้มๆ
“ซอรี่ ฉันตกใจน่ะค่ะ คนไทยเขาไม่ทำกัน”
“ไม่เป็นไร เบบี้ เอาไว้แก้ตัวใหม่คืนนี้”
ศรียิ่งตะลึง
คนในบ้านทั้งหมดยืนรอรับ สังวร สังเวียน น้อยหน้างอ
“แหม ตามใจกันจะเป็นจะตาย เป็นเมียแบบไหนไม่ยอมนอนเรือนเดียวกับผัว ท่านก็ตามใจ ใช้พวกเราจัดบ้านให้มันซะหัวหมุน” สังวรบ่นอย่างไม่พอใจ
สังเวียนยิ้ม
“ไม่ดีหรือ ที่มันไม่นอนเรือนเดียวกับท่าน มันก็น่าจะมีโอกาสของเรา สักวัน”
น้อยเห็นด้วย
“แกพูดถูก สังเวียน แกอาจมีโอกาส สักวัน วันที่คุณหญิงเธอเผลอไผล”
สังวรหันขวับมาจ้องหน้าน้อย
“แกไม่เกี่ยวนางน้อย”
แกละเบื่อเต็มทน
“หุบปาก โน่นมากันแล้ว เงียบ อย่าทำให้ท่านอารมณ์เสีย”
สังวรมองไปอย่างสงสัย
“ทำไมมันมารถกันสองคัน”
รถสองคันจอด นายยอดลงมาเปิดประตูให้ศรี และเปิดให้เจ้าคุณ เจ้าคุณเดินมาประคองศรี จูงมือผ่านบ่าวทั้งหลาย และหยุดยืนบนเทอเรส หันหน้ามาหาทุกคน
“ทุกคนทำความเคารพ คุณหญิงศรี”
ทุกคนย่อตัวไหว้ บ้างก็คุกเข่า คงมีสังวรกับสังเวียนและน้อยที่พยายามไม่นั่งลง
“สวัสดีเจ้าค่ะ สวัสดีขอรับ”
ศรีปรายตามองสามคน
“หล่อนสามคน เป็นโรคเส้นยึด กระมัง”
เจ้าคุณตวาดลั่น
“คุกเข่าลงไหว้คุณหญิงเดี๋ยวนี้”
“ไม่เป็นไร่ค่ะ ดิฉันไม่ถือสา เรามีประชาธิปไตยแล้ว ใครใคร่ยืน ยืน ใครใคร่นั่ง นั่ง เพียงแต่ว่าเวทนาว่าพวกเขาคงขาแข็ง
เพราะมายืนรอนาน เดี๋ยวให้เมี้ยนมาจัดการเถิดค่ะ”
“เห็นไหมว่าคุณหญิงท่านไม่ถือสาหาความ”
“ฉันอยากเข้าไปพักผ่อนในบ้านแล้วค่ะ เชิญยืนตามสบายไปนะจ้ะสามคนนี้”
เมี้ยนลงรถอีกคัน มีคนรถเจ้าสัวเส็งช่วยหิ้วกระเป๋า พวกยอด ซ้ง แกละ พากันมาช่วยกกระเป๋า เมี้ยนเดินยิ้ม
ถือกระเป๋ามาแกล้งกระแทกสามคนล้มลง
“อุ๊ยตาย ไม่ทันเห็น นึกว่าหัวหลักหัวตอ”
สามคนร้องลั่น
“ว๊าย”
เมี้ยนจ้อง
“ลูกขึ้นยืนต่อสิยะ ยืนต่อไปสักสามชั่วโมง”
“แกเป็นใครมาออกคำสั่ง” สังวรโวย
เมี้ยนจ้องหน้าเอาเรื่อง
“เป็นผู้ช่วยคุณหญิง มีหน้าที่ออกคำสั่งพวกแกแทนคุณหญิง ยืนไว้อีกสามชั่วโมงจะออกมาสั่งให้ไป จำไว้อย่าบังอาจมาลบหลู่คุณหญิง อย่ามาลองของแบบโง่ๆหัดเจียมตัวไว้ แล้วพวกแกจะได้ดี”
เมี้ยนเดินตามเข้าไปในบ้าน พวกนั้นมองตาม อึ้งๆ
“อะไรกันนี่”
แกละสะใจ
“ผลของการลองของ ของพวกแกไงล่ะ”
แกละเดินจากไป สามคนทำท่าขยับจะตาม เมี้ยนเดินกลับมา
“ฮะแอ้ม อย่าขัดคำสั่งผู้ช่วยของ คุณหญิงเด็ดขาด”
เมี้ยนยิ้ม
ศรีนั่งบนโซฟาในห้องที่เจ้าคุณจัดให้อย่างหรูหราสวยงาม
“ชอบไหมจ้ะ ศรี”
“ชอบค่ะ ขอบคุณมาก”
เจ้าคุณ เดินไปที่ประตูห้องปิดประตู
“เอ้อ ศรีจ้ะ ฉันจะชวนศรีไปฮันนีมูน ศรีก็บอกว่าไม่อยากไป ฉันตามใจศรีทุกอย่าง อยากอยู่คนละเรือนกับฉัน
ฉันก็ไม่ว่า แต่ว่า ฉันเอ้อ...ฉัน อยากกอดอยากหอมภรรยาคนสวยเหลือเกินแล้ว”
เจ้าคุณกอด ศรีสั่นไปหมด ไม่ชอบ ไม่เคยต้องมือชาย
“เอ้อ...”
“โถ ตัวสั่นไปเป็นลูกนก ไม่ต้องกลัวนะศรี ฉันสัญญาว่าจะทะนุถนอมศรีให้ดีที่สุด”
“เอ้อ ขอบคุณค่ะ เอ้อ ปล่อยก่อนได้ไหมคะ ฉันกลัว”
“ได้จ้ะ แต่คืนนี้ไม่มีปล่อยนะจ้ะ”
เจ้าคุณปล่อย แล้วขโมยหอมแก้ม ศรีรีบเอามือเช็ดแล้วนึกได้
“เอ้อ...”
“ศรีเช็ดแก้มทำไม รังเกียจฉันหรือ”
“เอ้อซอรี่ค่ะ ฉัน...ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ แต่ไม่เคยโดน เอ้อ...ทำแบบนี้ มาก่อน”
เจ้าคุณงง ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนแต่ก็ยิ้มพอใจ
“ฉันคิดถูกจริงๆ นี่ราวกับว่าศรีถนอมตัวมานานเพื่อรอฉัน ฉันรักศรีจริงๆ”
“เอ้อ ขอบคุณมากค่ะ เอ้อฉันอยากขอจัดข้าวของ และทำความคุ้นเคยกับที่นี่ก่อนนะคะ ท่านควรไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าพักผ่อนที่ตึกโน้นก่อนนะคะ”
“แหม น่าเสียดาย ก็ได้จ้ะเจอกันตอนดินเนอร์ ใต้แสงเทียนนะจ้ะ”
ศรีดึงแขนเจ้าคุณมาที่ประตู ดันออกไป เจ้าคุณไม่วายขโมยหอมแก้มอีกครั้ง
ศรีรีบปิดประตู แล้วขยี้แก้มตัวเอง แรงๆ เหมือนจะให้รอยจูบหลุดไป
เมี้ยนแอบมองเจ้าคุณที่เดินออกไปอย่างพอใจ เมี้ยนทนดูไม่ได้แล้วจริงๆแล้วย่องไปที่ประตูห้องศรี เคาะ
“ทำไมไม่กลับไปพักผ่อนคะ ฉันปวดศีรษะมากค่ะ”
“ก็ช่างวางแผนมากนักนี่เจ้าคะ ก็ต้องปวดศีรษะมากเป็นธรรมดาเจ้าค่ะ”
ศรีแง้มประตูมาเจอเมี้ยน
“เมี้ยน ฉันกลัวแล้วนะ”
เมี้ยนหัวเราะ ศรีดึงเมี้ยนเข้าไปในห้อง
เจ้าคุณเดินผ่าน สังวร สังเวียน น้อย ที่ยืนอยู่ไม่มองแม้แต่น้อย ฮัมเพลง ไปด้วย สามคนละห้อยมองตาม ยืนไปนินทาไป
“แกว่านังขี้ข้านั่นมันดูแปลกๆไหม ผู้ชายก็ไม่ใช่ ผู้หญิงก็ไม่เชิง” สัวรถาม
สังเวียนไม่พอใจ
“มันวางอำนาจซะยังกับเป็นยัยนั่นเสียเอง”
น้อยเจ็บใจ
“อยู่บ้านนี้กันมาดีๆมีความสุข วันดีคืนดี กลับมามีคุณหญิงเป็นนาย มีนางขี้ข้านั่นมาวางก้ามใส่”
สังวรแค้นใจ
“เมื่อสักครู่ท่านเดินผ่านพวกเราที่ยืนขาแข็ง ท่านยังไม่ถามสักคำ คอยดูต้องมีสักวันที่เป็นของกูบ้าง”
สังเวียนแววตาเกลียดชัง
“เกลียดมันสองคนจริงๆ มันไม่มาดีกับเราแน่ๆ”
น้อยแววตาร้าย
“มันร้ายมาเราก็ร้ายตอบมันสิ”
สามคนเห็นดีเห็นงามด้วยกัน
ศรีเริ่มวิตกกลัวการไปนอนกับเจ้าคุณ
“เมี้ยนฉันกลัว”
“เมี้ยนก็ว่าอย่างนั้นแหละเจ้าค่ะ ไม่ควรที่เลย ไหนว่าเก่งไงเจ้าคะ แล้วทีนี้จะหลบเลี่ยงอย่างไรถึงจะพ้นเจ้าคะ คืนนี้กำลังจะมาถึงนะเจ้าคะ”
“เมี้ยนอย่าขู่ ช่วยฉันแก้ปัญหา คิด คิดสิ ว่าฉันจะทำอย่างไร”
“ไม่อยากจะช่วยแล้วเจ้าค่ะ ตอนตัดสินใจแต่งไม่ปรึกษาเมี้ยน มาตอนนี้จะหนีเลี่ยง มาออดอ้อนเมี้ยน ให้ช่วย”
“หรือว่าเมี้ยนอยากให้ฉันมีอันเป็นไปอย่างที่ฉันกลัว ตามใจนะเมี้ยนกลับไปซะ ฉันอยู่คนเดียวได้”
ศรีงอน เมี้ยนตามไปนั่งคุกเข่ากอดเอวไว้
“ทูนหัวของเมี้ยน ไม่ไปค่ะ ไล่ยังไงตบตีก็ไม่ไป เมี้ยนจะอยู่กับคุณหญิงปกป้องคุณหญิงไปจนตายเจ้าค่ะ”
“รู้แล้ว ฉันนึกออกแล้วเมี้ยน แก้ปัญหาได้แล้วเมี้ยน”
เมี้ยนไม่เข้าใจ
“แก้ยังไงเจ้าคะ”
“คืนนี้...ส่งเมี้ยนไปดินเนอร์กับท่านแทนฉัน”
“ได้เจ้าค่ะ ถ้าท่านไม่ถีบเมี้ยนกระเด็นออกมาเสียก่อน”
“จากนั้น”
“ยังไงต่อเจ้าคะ”
“เมี้ยนก็ไปนอนกับท่านแทนฉัน”
เมี้ยนสะดุ้งลุกพรวด ถอยไปสุดห้องส่ายหน้าส่ายมือ
“ว๊าย ไม่นะเจ้าคะ ให้เมี้ยนทำอะไรแทนทำได้ แต่ให้เมี้ยนไปนอนกับผู้ชายแทนมันโหดร้ายเกินไป คิดใหม่เจ้าค่ะ แล้วท่านจะยอมที่ไหนกัน เจ้าคะ”
ศรีตบหัวตัวเองไปมา เมี้ยนก็ช่วยคิด
โต๊ะอาหารใต้แสงเทียน...เจ้าคุณกับศรี กินอาหาร มีเมี้ยนนั่งเท้าแขน มองตาแป๋ว เจ้าคุณมองเมี้ยนไม่อยากให้อยู่ หันมาทีไหนเจอเมี้ยนมองจ้อง
“ทำไม่ต้องให้เมี้ยนนั่งอยู่ด้วย ตอนนี้ศรีไม่ต้องมีพี่เลี้ยงแล้วนะ”
“คือ คือ เอ้อ ฉัน ฉัน ยังไม่คุ้นน่ะค่ะ”
“เดี๋ยวก็คุ้นไปเอง ให้เมี้ยนไปก่อนเถิดนะ”
“เอ้อ...”
“เมี้ยนไปซะ ฉันกับคุณหญิงต้องการอยู่กันตามลำพัง”
เมี้ยนชะงัก
“เอ้อ...”
“ไปสิ”
ศรีกระซิบเมี้ยน
“ไปเถิด ยังมีแผนที่สองรองรับ ฉันจะทำตามที่เมี้ยนบอกไม่ต้องกังวล”
“ทำให้แนบเนียนนะเจ้าคะ”
“จ้ะ”
“ฝากด้วยนะเจ้าคะ คุณหญิงท่านสุขภาพไม่ค่อยดีเจ้าค่ะ”
เมี้ยนออกไปแบบห่วงๆ เจ้าคุณยิ้มพอใจ ดึงศรีมานั่งตัก โอบซ้ายขวาหอมไปมา ศรีนั่งตัวแข็ง เจ้าคุณอุ้มศรี
“จะทำอะไรคะ”
“อุ้มเจ้าสาวเข้าหอ”
เจ้าคุณพาขึ้นบันไดไป ศรีอึ้ง รู้สึกอยากตาย!
อ่านต่อหน้า 2
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 2 (ต่อ)
เมี้ยนออกมาหน้าตึกตามคำสั่งเจ้าคุณ แต่ไม่ไปไหนไกล เพราะรอดูผลงานของคุณหญิงศรี เมี้ยนชะเง้อมองไปบนตึกเดินวนเวียนไปมา ใจร้อน กลุ้มใจ
“โธ่...คุณหญิงของเมี้ยน เดี๋ยวก็พลาดจนได้เจ้าค่ะ”
สังวร สังเวียน และน้อยมาแอบมองเมี้ยนอย่างแปลกใจ
“นางคนนี้หญิงไม่ใช่ ชายไม่เชิง มันมาเดินวนเวียนเป็นหนูติดจั่นหน้าตึกท่านทำไม” สังวรถาม
“มันมองขึ้นไปชั้นบนของตึก เหมือนคนสติสตังไม่เต็ม มันเป็นอะไร” สังเวียนออกความออกความเห็น
“ฉันว่านายบ่าวสองคนนี้มันมีอะไรแปลกๆ” น้อยมองอย่างพิจารณา
“เรามาแกล้งนังเมี้ยนกันดีกว่า สิว่ามันจะเก่งกล้าสักเพียงไหน”
“เอาให้มันจับไข้หัวโกร๋นไปเลย”
สามคนกระซิบกันแล้วคิกคัก
เจ้าคุณอุ้มคุณหญิงศรีมาวางลงบนเตียง ศรีตัวแข็งทื่อแววตาเก่งกล้าสามารถหายไปเหลือแววตาตระหนกตกตื่น
“ที่รัก เบบี้ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องตกใจ ผมอยากมีลูกชายหรือลูกสาวแสนฉลาดอย่างศรีเอาไว้สืบสกุลของเราให้เร็วที่สุด”
เจ้าคุณก้มลงไปหอมแก้มศรีตาเหลือก ยกมือทำท่าอ้อมมาจะทุบเจ้าคุณ แต่นึกถึงที่เมี้ยนบอก
‘ทำให้แนบเนียนนะเจ้าคะ อย่าบุ่มบ่าม’
คุณหญิงศรีชะงักมือ นึกถามตัวเองว่าทำให้แนบเนียน จะทำยังไงดี
“แก้มที่รักหอมมากเป็นกลิ่นเนื้อนางที่หอมที่สุด ไม่เคยหอมอย่างนี้มาก่อน”
เจ้าคุณกอดไว้ คุณหญิงศรีตกใจกลัวมากขึ้นทุกทีเจ้าคุณลูบผมไปมา ยิ้มสบตา
“เอ้อ ขอบคุณค่ะ เอ้อ...”
“ศรีสวยเหลือเกิน ผมชอบผู้หญิงสวยชาญฉลาดเข้มแข็งไม่ชอบผู้หญิงปวกเปียกอ่อนแอ”
“ขอบคุณมากค่ะ เอ้อ...แต่บางทีฉันก็อ่อนแอและโง่ค่ะ”
คุณหญิงศรีส่ายตามองไปเจอเอารูปของเจ้าคุณตั้งหัวเตียงคว้ามาอยากจะตีหัว เจ้าคุณหันมาเจอแปลกใจ
“ศรีอยากดูรูป ทำไมไม่บอกเดี๋ยวค่อยดูก็ได้ มีให้ดูทั้งอัลบั้มเลยแหละ”
“เอ้อ...ขอบคุณค่ะ เอ้อ...”
“ศรีพูดเป็นคำเดียวว่าขอบคุณ น่ารักมาก”
“เอ้อ...อย่ารัดแรงสิคะ”
“ไม่ได้รัดกอดต่างหาก กอดกันให้แน่นมันอบอุ่นมากกว่ากอดหลวมๆ”
“เอ้อ...ฉัน ฉันเอ้อ...อึดอัดหายใจไม่ออกจนเริ่มเวียนศีรษะกรุณาปล่อยฉันสักครู่ ขอเวลาฉันหายใจก่อนค่ะ”
เจ้าคุณมึนๆแต่ก็โอนอ่อน คุณหญิงศรีถอนใจระบายลมหายใจ ร้องบอกตัวเองในใจว่าอยากกลั้นใจตาย ขณะที่เจ้าคุณตามมาโอบกอดใหม่ แต่แบบหลวมๆ
เมี้ยนเดินวน เดินถอย เดินหน้า เดินซ้าย เดินขวา มองขึ้นไปบนตึก
“คุณหญิงของเมี้ยน คุณหญิงเจ้าขา ทำไมเงียบเชียบ หรือว่าไปติดอกติดใจ ผู้ชายฝรั่งเข้าให้แล้วเจ้าคะ”
มีเสียงอะไรบางอย่าง โกรกกราก ด้านหลัง พร้อมกับเสียงครางๆเย็นๆช้าๆ เมี้ยนยืนนิ่งชะงักเมี้ยนตัดสินใจหันไป แล้วเห็นหลังพุ่มไม้มีบางอย่างเคลื่อนไหว พุ่มไม้สั่นเสียงครางอยู่ตรงนั้น เมี้ยนมองนิ่ง มีอะไรบางอย่างค่อยๆโผล่ขึ้นมา พร้อมกับเสียงคราง โผล่สูงขึ้น สูงขึ้น
“อะไรกันนี่” เมี้ยนตะลึง
ร่างนั้นสูงมากขึ้น จนท่วมหัวเมี้ยน
“เปรต”
เมี้ยนมองจ้อง ร่างนั้นสูงจนสุด แล้วคราง ยื่นมือมา มีผ้าคลุมหัวไว้เมี้ยนหันกลับ มีเสียงคล้ายหัวเราะนิดหนึ่ง ประมาณกะว่าเมี้ยนจะหนี แต่เมี้ยนหันกลับมาพร้อมด้วยลูกแก้วที่ใหญ่มากในมือ ซึ่งที่ควักมาจากกระเป๋ากางเกง
“หนอยแน่ะ..อีเปรตมาขอส่วนบุญหรือ เอาลูกแก้วนี่ไปกินเถิดไปที่ชอบที่ชอบ ที่ชั่วที่ช้าของแกสิ”
เมี้ยนเงื้อมือสุดแรงปาไปที่ร่างเปรตเสียงร้องหวีดหวาดดังออกมาจากร่างเปรตแล้วเปรตนั่นก็ตกร่วงมากองที่พื้นหลังพุ่มไม้เมี้ยนสาวเท้าไปทันทีเห็นสังวร สังเวียน น้อย นอนร้องโอดโอยกุมหัวกุมส่วนต่างๆที่โดนปาด้วยลูกแก้ว เมี้ยนทำไม่เห็นกระโดดถีบเตะอุตลุดไปหมด สามคนร้องลั่น
“เปรตอะไรพูดภาษาคนเป็น อีเปรตทั้งหลายฟังไว้คนอย่างนางเมี้ยนไม่เคยกลัวผีสางนางเปรตนรกตนไหน ไม่ชอบลอบกัด ชอบฟัดกันตรงๆ”
เมี้ยนกระชากมาตบหน้าทีละคนที่ล้วนตกใจ กลัวความผิดเพราะโดนจับได้
“กลัวแล้ว”
“พวกแก ตั้งใจจะไล่ฉันให้ไปจากที่นี่ ระวังเถิดพวกแกต่างหากที่ต้องจากไป คุณหญิงคือประกาศิตของพวกแก ยิ่งฉันคือตัวแทนประกาศิตนั้น ฉันจะรายงานคุณหญิงให้ไปรายงานท่านเจ้าคุณ พวกแกก็หมดอนาคตแถมโดนลงโทษ ฐานหมิ่นประมาทตัวแทนของคุณหญิง”
“ฉันเปล่า นางสังวร กับนางสังเวียน มันสั่งฉันจ้ะฉันกลัวพวกมัน ฉันหัวเดียวกระเทียมลีบ”
น้อยเอาตัวรอดก่อนใคร
สองคนร้องออกมาพร้อมกัน
“ไม่จริงแกโกหก”
เมี้ยนมองสามคนยิ้มถามน้อย
“แกชื่ออะไร”
“น้อยจ้ะ”
“แกหรือมันสองคนที่โกหก”
“มันสองคนจ้ะ” น้อยรีบบอก
“แกสองคนเลวร้ายมาก แกคิดจะทำให้ฉันตกใจตาย ขวัญหนีดีฝ่อ” เมี้ยนหันไปเล่นงานสองพี่น้อง
“นังน้อยสอพลอเอาตัวรอด นังน้อยนั่นหละตัวการต้นคิด”
“มันชวนพวกฉันมาทำผีหลอกคุณ” สังเวียนเสริม
“หยุด! พอแล้ว...ครั้งนี้ยกโทษให้แกสองคนพี่น้อง แต่คาดโทษไว้ไปได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจรายงานท่านเจ้าคุณกับคุณหญิง”
สองคนรีบเดินหนีไปอย่างเคียดแค้นน้อยขยับจะตาม
“แก อยู่ก่อน”
“มีอะไรหรือจ้ะ จะลงโทษฉันคนเดียวหรือจ้ะ”
“ไม่หรอก ฉันชอบแก ฉันเชื่อแก เอาเงินไป”
น้อยตะลึง รีบตะครุบเงิน เมี้ยนดึงกลับ
“เดี๋ยวก่อน สัญญามาสิว่าแกจะคอยสอดส่องดูแลเป็นหูเป็นตาแทนฉันว่านางสองคนพี่น้องนั่นมันคิดการร้ายอะไรบ้าง แล้วแกจะได้ดิบดี ได้มีรางวัลทุกครั้ง มากน้อยตามความสำคัญของข่าวที่ฉันได้รับ”
น้อยยกมือไหว้เมี้ยนแทบจะกราบ
“ขอบคุณเหลือเกินจ้ะ”
“ฉันจะรายงานความดี ความชอบของแกให้คุณหญิงท่านทราบ ไปได้”
น้อยรีบออกไป ยิ้มย่อง เมี้ยนมองตามพลางส่ายหน้า
“มันก็เลวกันทั้งสามคนนั่นแหละ นางน้อยเอ๊ย”
เมี้ยนเดินกลับไปที่เดิม
คุณหญิงศรีนั่งบนโซฟาสงบสติอารมณ์ข่มความวิตกและกลัว เจ้าคุณยังเข้าใจว่าคุณหญิงศรีกลัวแต่คนละแบบกับที่คุณหญิงศรีกลัว พยายามปลอบโยน
“เบบี้คนเรา หญิงชายเกิดมาคู่กัน เราคู่กันเราจะอยู่ด้วยกันไปจนวันตายไม่มีอะไรต้องกลัวต้องปิดบังอับอายต่อกันและกัน
“ค่ะ”
เจ้าคุณโอบอุ้มคุณหญิงศรีไปยังเตียงอีกครั้ง คุณหญิงศรีรู้ดีว่าครั้งนี้จวนตัวหลบเลี่ยงไม่ได้แล้ว จึงตั้งสติเจ้าคุณเริ่มกอดหอมอย่างทะนุถนอม คุณหญิงศรีตัดสินใจ หายใจหอบแรงขึ้น แรงขึ้นทุกที เจ้าคุณทีแรกไม่เอะใจ พอเห็นคุณหญิงศรีเริ่มกระตุกตาเริ่มค้าง เจ้าคุณตกใจ
“ศรี ศรี โอมายก๊อด ศรีเป็นอะไร”
คุณหญิงศรีไม่ตอบเอาแต่หอบ แล้วหมดสตินิ่งเงียบไป
“ศรี”
เจ้าคุณตกใจมาก ลุกพรวด
เมี้ยนวิตกจริตได้ยินเสียงเจ้าคุณตะโกนลั่น
“เมี้ยน เมี้ยน”
“แย่แล้ว เกิดอะไรขึ้น กับคุณหญิง”
เจ้าคุณพรวดออกมา หน้าตาตื่น
“คุณหญิงเป็นอะไรไม่รู้หายใจหอบหมดสติไปแล้วเมี้ยนรีบไปดูเร็วๆเข้า”
“แนบเนียนมากค่ะ คุณหญิง”
เมี้ยนพึมพำรีบขึ้นไปดู เจ้าคุณบอกอย่างกังวล
“ฉันจะสั่งนายยอดไปรับหมออดุลย์มาดูอาการคุณหญิงฉันจะเรียกนายยอดไปตามหมออดุลย์มาดู”
“บ่าวว่าอีกสักพักท่านก็คงหาย คือท่านมักเป็นแบบนี้เวลาตกใจมากเข้า ท่านจะช็อคแน่นิ่งเจ้าค่ะ”
แล้วเมี้ยนก็วิ่งยิ้มพรวดหายไปในบ้าน เจ้าคุณรีบไปเรียกนายยอด ตระหนกตกใจมาก
คุณหญิงศรีกอดเมี้ยนเอาไว้แน่นซบหน้ากับอกเมี้ยนเหมือนเด็กๆ เมี้ยนปลอบโยนลูบหลังลูบไหล่เบา
“ฉันกลัว ฉันกลัวจริงๆนะเมี้ยน”
“ไม่ต้องกลัวแล้วเจ้าค่ะ ไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ ปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ”
“ฉันอยากกลับไปเรือนของเรา”
“เอ้อ..ใจเย็นๆเจ้าค่ะ มันจะดูว่าคุณหญิงหายเร็วไปหน่อยนะเจ้าคะ เมี้ยนว่า...”
“โฮ้ย…ทำไมไอ้การมีผัวนี่มันน่ากลัวนักหนาทำไมถึงได้อยากมีผัวกันตัวสั่น”
“ลางเนื้อชอบลางยาเจ้าค่ะ คนไม่อยากได้ผัวกลับมีคนมาเสนอตัวหน้าสลอน คนอยากมีผัวกลับไม่มีใครแล”
มีเสียงคนหน้าห้อง เมี้ยนรีบผละออกแล้วจับคุณหญิงศรีนอนอย่างรวดเร็ว
“มีคนมาเจ้าค่ะ เล่นละครต่อเจ้าค่ะ หลับตา หลับตา ตาหลับปี๋...มากไป มันดูออกว่าเสแสร้งแกล้งทำเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีหลับตา ทันที
มีเสียงเคาะห้อง เจ้าคุณนำหน้ามาก่อนหมออดุลย์ถือกระเป๋ายาตามติดเข้ามาเมี้ยนเลื่อนตัวลงมาจากเตียงนั่งที่พื้นอย่างรวดเร็ว
“โธ่ หมออดุลย์ ดูสิยังไม่ฟื้นเลย”
หมอสีหน้าวิตก หยิบเครื่องตรวจหัวใจ เครื่องวัดความดันออกมา จับชีพจร
“ชีพจรปกติครับ หัวใจปกติครับ มีเต้นตูมตามบางช่วงเหมือนกำลังตกใจกลัว”
“ดูสิเจ้าคะ ขนาดหมดสติยังตกใจกลัวเลยเจ้าค่ะ” เมี้ยนแสร้งออกความเห็น
“ความดันปกติ แปลก…”
“แปลก...คุณหญิงเป็นอะไรกันแน่หมอ” เจ้าคุณสงสัย
“คงตื่นเต้นวิตกมากไปน่ะครับ ผมจะฉีดยาคลายเครียดให้”
“โอ๊ะ! อย่า อย่านะ เอ้อ ไม่ต้องนะเจ้าคะ”
เจ้าคุณกับหมอหันมามองหน้าเมี้ยนที่ร้องเสียงดัง
“เอ้อ คือว่าคุณหญิงท่านกลัวเข็มฉีดยา และเอ้อ แพ้ยาหลายชนิดเจ้าค่ะ”
“เมี้ยนว่าทำตามวิธีเดิมๆที่ทำกันที่บ้านดีกว่าเจ้าค่ะ เมี้ยนจะเช็ดตัวให้เอง”
“อย่างนั้นหรอกหรือ ฉันเช็ดให้เองเมี้ยนกลับไปเถิด”
เมี้ยนตะลึง
“อ้าว”
คุณหญิงศรีกระตุกแอบลืมตาแล้วเหลือบมองเมี้ยนรีบโบกให้หลับตาเจ้าคุณหันไปถามหมอ
“ทุกอย่างปกติแน่นะหมออดุลย์ ขอบใจหมอมาก เชิญกลับได้เมี้ยนส่งคุณหมอสิ ฉันจะเช็ดตัวให้คุณหญิง”
เมี้ยนขัดไม่ได้เดินจ๋อยตาม หมอออกไป เจ้าคุณเดินมาลูบหัว ก้มลงจูบแก้ม จับมือคุณหญิงศรีมาแนบแก้ม
“เบบี้ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอตกใจช็อคหมดสติ”
เจ้าคุณหายไปกลับมาพร้อมกับผ้าขนหนูชุบน้ำ เจ้าคุณเริ่มเช็ดหน้าเช็ดตาเช็ดมือ เช็ดเท้าแล้วไล่มาที่คอแกะกระดุมเสื้อเพื่อจะเช็ดต่อไปที่อก คุณหญิงศรีลืมตาร้องกรี๊ด
“อ๊าย”
เจ้าคุณตกใจ
“ศรี ผีเข้าศรี”
เมี้ยนเดินมาส่งหมอ หมอเดินไปไกลแล้วเสียงกรีดร้องของคุณหญิงศรีดังมาก
“แผนสองรองรับไม่สำเร็จก็ต้องใช้แผนสุดท้ายจนได้”
หมออดุลย์วิ่งหันกลับมา
“คุณหญิงฟื้นแล้ว ทำไมร้องกรี๊ด”
“อาฟเตอร์ช็อกเจ้าค่ะ”
“นั่นมันหลังแผ่นดินไหว”
“คล้ายกันแหละเจ้าค่ะ คือครูแหม่มดอรีนสอนไว้ว่านี่คืออาฟเตอร์ช็อกเจ้าค่ะ ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะดิฉันชินแล้วที่บ้านท่านเป็นบ่อยมาก เชิญคุณหมอเจ้าค่ะ”
หมอเดินออกไปสยดสยองเสียงกรีดร้องของคุณหญิงศรี
ทุกคนซึ่งอยู่ที่เรือนคนใช้ พากันออกมา ตกใจกับเสียงกรีดร้องของคุณหญิงศรี
“เสียงคุณหญิง”
ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา
“ไม่เคารพผีบ้านผีเรือน เลยเจอหลอกหลอนจนร้องโหยหวน” สังวรบอก
“หรือว่าโดนท่านลงโทษเพราะเรื่องมาก” สังเวียนถาม
“ลงโทษแกน่ะสิ” แกละว่าทันที
“ไม่เห็นหรือว่าท่านออกจะทั้งรักทั้งให้เกียรติและดูเกรงๆคุณหญิง” ซ้งออกความเห็น
น้อยมองสองคนยิ้มร้ายกะจะไปฟ้องเมี้ยนหวังรางวัลจากเมี้ยนสังวรหันมามอง
“นังน้อย นังนกสองหัว”
“ฉันไม่เหมือนแก ฉันว่าเรื่องของนาย คนรับใช้ไม่เกี่ยว”
“นางสังวรสังเวียนมันจะเอาตะเกียบไปตีกับเขียง โง่”
ซ้งกับแกละหัวเราะ
คุณหญิงศรียังร้องต่อแบบหลับหูหลับตา จนกระทั่งเจ้าคุณพาเมี้ยนเข้ามา
“ทำไมคุณหญิงร้องราวกับโดนผีเข้า ร้องไม่หยุดเดี๋ยวก็ขาดใจตาย”
“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ คุณหญิงเจ้าขา เมี้ยนมาแล้ว เมี้ยนมาแล้วเจ้าค่ะ”
เมี้ยนเขย่าตัว คุณหญิงศรีลืมตาเห็นเมี้ยนโผมากอด เจ้าคุณยืนมองส่ายหน้าผสมแปลกใจ
“พิลึกแท้ๆนี่เราแต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นโรคกลัวผู้ชายหรือนี่”
เจ้าคุณยืนกุมหัว
ฟากเจ้าสัวเส็ง คุณนายใหญ่ และคุณนายน้อยยังปลื้มไม่เลิก
“ตอนนี้คุณหญิงศรีลูกสาวเรากำลังทำอะไรอยู่น้อ…” เจ้าสัวเส็งยิ้มแย้ม
“ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับเจ้าคุณน่ะสิค่ะ” คุณนายใหญ่บอกทันที
“นึกว่าจะเอาไม่อยู่เสียแล้วลูกคนนี้ ที่ไหนได้สุดท้ายก็จบลงด้วยดีเกินคาดหวัง เฮ้อ…” คุณนายน้อยหมดห่วง
คุณนายใหญ่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“ขอให้ศุกลมาทำให้สมหวังอีกคน”
เจ้าสัวเส็งเริ่มเครียดอีก
“ศุกลไม่สนเรื่องการค้า กลับไพล่ไปสนเรื่องการเขียนโคลงกลอนอ่อนไหวมากเกินไป ธุรกิจมีแต่จะเสียเปรียบ หนักใจ”
คุณนายใหญ่พยักหน้าเห็นด้วย
“เผลอเข้าจะไปคว้าเอาใครมาง่ายๆ เออ แม่น้อยจ้ะตกลงว่าเด็กที่คุณหญิงศรีพามายกชายกระโปรงคู่กับคุณหนูปานวาดลูกสาว คุณหญิงลออเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันแน่ถามใครก็ไม่มีใครรู้”
กิมฮวยกิมเฮียงเดินถือขนมเปี๊ยะกับชาเข้ามาเสิร์ฟตอบทันควัน
“แต่เราสองคนทราบเจ้าค่ะ”
เจ้าสัวเส็งหันไปถาม
“ลูกสาวใครหน้าตาสวยเหลือเกิน คุณหนูปานวาดว่าสวยแล้วเด็กคนนั้นกลับสวยกว่าโหงวเฮ้งดีมาก”
“นั่นแหละเจ้าค่ะ ลูกสาวแม่พริ้งแพริมน้ำขายเครื่องปั้นดินเผาเจ้าค่ะ”
สามคนร้องออกมาพร้อมกัน
“อะไรนะ”
“สวยจนคุณศุกลท่านเช้าถึงเย็นถึงอย่างไรเจ้าคะ”กิมเฮียงฟ้องทันที
“เวรกรรม” สองคุณนายยกมือทาบอก
“สองคนพี่น้องนี่ สมคบกันทำให้พ่อแม่ปวดหัว”คุณนายใหญ่หงุดหงิด
“ปล่อยไว้ไม่ได้”เจ้าสัวเส็งลุกพรวด
“จะปล่อยไว้ถึงเช้าไหมเจ้าคะ” กิมฮวยถาม
“ตอนนี้คุณศุกลก็ไม่อยู่ ปล่อยให้พวกแกอยู่ไปก่อนเถิดนะคะ” คุณนายน้อยบอกอย่างคนใจดี
“ไม่ได้” คุณนายใหญ่บอกทันที
“พวกเราไปดูพวกมันกันเดี๋ยวนี้” เจ้าสัวเส็งลุกนำ
“แกสองคนไม่ต้องตามไป”
สองคนนายสั่งกิมฮวยกิมเฮียงแล้วตามไป
พริ้งกับสะบันงานอนหลับสนิทบนฟูกที่ศุกลซื้อหามาให้ มีแสงไฟสาดเข้ามาถึงส่วนที่กั้นไว้นอน
“แม่พริ้ง ตื่นเดี๋ยวนี้” คุณนายใหญ่ร้องเรียก
พริ้งกำลังไม่สบาย ตกใจตื่น สะบันงาลุกขึ้นอย่างตกใจเช่นกัน
“เสียงใครมาสั่งให้เราตื่น”
“โน่นจ้ะแม่ มากันตั้งสามคน”
พริ้งมองตามสะบันงา ตกใจมาก
“ท่านเจ้าสัวกับคุณนายทั้งสอง”
สะบันงามองอย่างกังวล
“ท่าทางเขาโกรธมากนะแม่”
“ยังไม่รีบออกมาอีกหรือ” คุณนายใหญ่ตวาดเรียก
สองแม่ลูกยิ่งตกใจกลัวลนลานออกจากฟูก
อ่านต่อหน้า 3
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 2 (ต่อ)
เจ้าสัวเส็งจ้องสองคนอย่างไม่พอใจมาก คุณนายใหญ่เองก็ไม่พอใจมากเช่นกัน ส่วนคุณนายน้อยออกอาการสงสาร
“พวกแกสองคนแม่ลูก ต้องไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้” เจ้าสัวเส็งสั่ง
“อิฉันกับลูกสาวทำผิดอะไรหรือเจ้าคะ จึงต้องขับไล่ไสส่งกันค่ำๆมืดๆ”
สองคนแม่ลูกเริ่มร้องไห้คุณนายใหญ่มองอย่างเกลียดชัง
“กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง แกสองคนวางแผนจับลูกชายฉันให้แต่งงานด้วย แกยุยงส่งเสริมลูกสาวแก แม่พริ้ง”
สะบันงาตกใจมาก
“ไม่จริงเจ้าค่ะ แม่หนูไม่ได้ยุยงหนูค่ะ”
คุณนายใหญ่จ้องหน้า
“ถ้าเช่นนั้นตัวแกเองละสิ หนอยแน่ะ อยากเป็นสะใภ้เจ้าสัวอย่างแกเป็นได้แค่นางผู้หญิงโรงน้ำชาเท่านั้น”
สองแม่ลูกร้องไห้โฮๆส่ายหน้าเจ้าสัวเส็งสั่งเสียงดัง
“รีบไสแพของพวกแกไปให้พ้นจากบริเวณบ้านของฉัน”
“ท่านเจ้าสัวเจ้าขา แม่หนูไม่สบายขอเราสองคนอยู่ต่อไปจนกว่าแม่จะหายป่วยได้ไหมคะ” สะบันงาพยายามขอร้อง
“ไม่ได้” คุณนายใหญ่บอกทันที
“เจ้าสัว แม่พริ้งแกหนาวจนตัวสั่นแล้วค่ะ” คุณนายน้อยเข้าไปดูอย่างเป็นห่วง
คุณนายใหญ่ชักสีหน้า
“เอ๊ะ แม่น้อย ลูกสาวตัวเองได้ดีเป็นคุณหญิง ทีพอมาถึงลูกชายฉันกำลังจะโดนพวกคนจรหมอนหมิ่นมาฉกไปเป็นผัว แม่น้อยกลับสนับสนุน”
“ขอประทานโทษค่ะ ดิฉันไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น”
คุณนายน้อยจ๋อยไป เจ้าสัวเส็งมองสองคนแม่ลูก สะบันงาก้มลงกราบประหลกๆที่ทั้งสามคน
“ฉันเมตตาให้พวกแกอยู่ต่อไปอีกหนึ่งคืน พรุ่งนี้พอตะวันขึ้นฉันจะส่งคนมาดู ถ้าพวกแกยังอยู่ ฉันจะทำลายแพแล้วไล่พวกแกไปแต่ตัว”
“ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ”
“แม่ใหญ่ แม่น้อย กลับ”
เจ้าสัวเส็งเดินปึงๆออกไป สองคุณนายรีบเดินตาม คุณนายใหญ่ไม่วายหันมาค้อนคุณนายน้อยที่ก้มหน้างุด สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้
“เพราะเราจน จึงมีคนรังเกียจดูแคลน ใช่ไหมจ้ะแม่จ๋า” สะบันงาบอกอย่างน้อยใจในชีวิต
“โลกเราเป็นเช่นนี้แหละลูกเอ๊ย ใครดีด้วยช่วยกระพือใครล้มรีบข้ามเหยียบย่ำซ้ำเติม”
สองคนแม่ลูกพากันร้องไห้ กับชะตาชีวิตตัวเอง
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนพากันกลับมาที่เรือนตัวเอง
“เฮ้อ รอดตัวไปหนึ่งคืน” เมี้ยนบอกอย่างโล่งใจ
คุณหญิงศรีเครียด
“แล้วคืนต่อๆไปเล่าเมี้ยน ฉันจะต้องช็อค ต้องกรีดร้องอยู่อย่างนี้ตลอดไปไม่ไหวหรอก”
“คุณหญิงผูกเงื่อนตายให้กับตัวเอง มันแก้ยากมากตอนนี้คิดเอาเรื่องเฉพาะหน้าก่อนเจ้าค่ะ คุณหญิงต้องทำตัวเป็นคนป่วยกระเสาะกระแสะในระยะนี้ไปก่อน”
“แล้วต่อไปเล่า เมี้ยนไปแทนฉันนะ”
“ไฮ้ อย่ามาลงที่เมี้ยนสิเจ้าคะ พรุ่งนี้เช้าคุณหญิงควรทำอะไรบางอย่าง เพื่อให้ท่านเจ้าคุณ ผ่อนคลาย ไม่สงสัย ทำให้เกิดความรู้สึกดีขึ้นนะเจ้าคะ”
“ทำยังไงละ ท่านคงคิดว่าฉันบ้านะเมี้ยน”
“บ่าวหลังบ้านก็คิดนะเจ้าคะ ขอประทานโทษที่เมี้ยนพูดตรงๆ พวกมันพยายามเล่นงานเมี้ยน แต่เมี้ยนจัดการขู่มัน และดึงเอานังคนกลับกลอกคนหนึ่งมาเป็นนักสืบให้เราแล้วเจ้าค่ะ”
“ขอบใจ มันอยากเป็นเมียเจ้าคุณ มันนึกว่าใครก็เป็นคุณหญิงกันง่ายๆ”
“พรุ่งนี้เมี้ยนจะไปสำรวจโรงครัว ไปตัดไม้ข่มนามพวกบ่าวที่นี่ให้มันรู้ว่าใครคือคนออกคำสั่งที่นี่”
“ดีมากเมี้ยน ใครเจตนาร้ายจดจำมันเอาไว้ ใครร้ายแต่ปากก็อีกพวกโรคริษยามันไม่เลือกกาละเทสะหรอกนะ มันเกิดได้ทุกคนทุกเวลา”
“เชื่อฝีมือเมี้ยนเจ้าค่ะ ตื่นเช้าคุณหญิงแต่งตัวสวยๆไปเบรกฟาดกับท่านเจ้าคุณ ทำหน้าที่ภรรยาแสนดีนะเจ้าค่ะ ท่านจะได้รู้สึกดีขึ้น”
“ได้สิ ช่างเป็นการตอบแทนพระคุณพ่อแม่ที่เหนื่อยหนักสาหัสสากรรจ์เหลือเกินนะเมี้ยน ไม่คิดทดแทนพระคุณพวกท่าน ฉันแหกคอกขึ้นคานไปจนตายแล้ว”
เมี้ยนจัดที่นอนให้คุณหญิงศรี แล้วตัวเองก็เอาฟูกบางๆมานอนเฝ้าข้างเตียง
“เมี้ยนเกาหลังให้จนหลับดีไหมเจ้าคะ”
“ขอบใจ คืนนี้มันข่มตาหลับลงยากเหลือเกิน”
คุณหญิงศรีนอนคว่ำหน้า หันหน้ามาทางเมี้ยน เมี้ยนคุกเข่าเอามือเกาหลังมือหนึ่ง อีกมือลูบหัวให้คุณหญิงอย่างมีความสุข คุณหญิงศรีเคลิบเคลิ้มแล้วหลับพริ้ม เมี้ยนยิ้มอย่างมีความสุขมองเทิดทูนแล้วล้มตัวลงนอน
เจ้าคุณหลับไม่ลง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณหญิงศรีจึงเป็นเช่นนั้น
“ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ เป็นที่สุด ทำไมผู้หญิงไทยรักนวลสงวนตัวมากอย่างนี้ ศรีก็ดูทันสมัยกว่าหญิงไทยคนอื่น ทำไมจึงไม่ตอบสนองความรักความชื่นชมของเราดีๆนะ”
สังวรนอนลืมตาโพลงในห้องนอน
“สังเวียน แกสงสัยเหมือนฉันไหมว่าทำไมนังคนนั้นมันไม่ยอมนอนกับท่าน คืนนี้”
สังเวียนนอนไม่หลับเช่นกัน
“สงสัยสิ แต่คิดไม่ออก”
“แกสงสัยไหมว่าทำไมมันสนิทสนมกับนางบ่าวกึ่งชายกึ่งหญิงนั่นจนผิดสังเกต”
“สงสัยสิ ประหลาดแท้ๆ แต่ฉันดีใจเพราะถ้ามันไม่ยอมนอนกับท่านแปลว่าโอกาสของเราสองคนยังมี”
“ใช่ แกพูดถูก”
สังวรลุกพรวด
“ลุกไปไหน พี่สังวร”
สังวรไม่ตอบ แต่เดินออกนอกห้องไป สังเวียนมองตาม
เจ้าคุณมายืนที่หน้าต่างห้องนอนมองไปทางเรือนคุณหญิงศรี
“ศรี ทำไม ทำไมนะศรี เอ๊ะ…”
เจ้าคุณกลับมองไปเห็นสังวร ยืนเอียงๆตัวหันข้างให้
“สังวร มาทำอะไรดึกๆดื่นๆตรงนั้น”
สังวรทำยืนบิดตัว กระชับผ้าคลุมไหล่ แล้วทำผ้าหล่น จากนั้นถลกผ้าซิ่นมาเกาะขาอ่อนแต่ทำแบบมีลีลา จงใจยั่วมากๆ ลุ้นใจว่า...
‘เรียกสังวรสิเจ้าคะ เรียกสังวรไปปรนนิบัติเจ้าค่ะ’
เจ้าคุณยืนมองการกระทำของสังวร ในใจให้นึกอยากจะเรียก พยายามอดกลั้นเอาไว้
“สังวรอยากขึ้นมาปรนนิบัติฉัน”
น้อยแอบมองสังวร อย่างรังเกียจ
“นังสังวรกำลังอ่อยเหยื่อปลากะพง มันอยากขึ้นไปนอนกับท่านจนตัวสั่นทำตัวเหมือนโสเภณีในซอยเน่าๆ ดีล่ะจะไปฟ้องคุณเมี้ยนเอาความดีความชอบเอารางวัล เฮ้อ...หมอดูทายถูกแท้ๆ ว่าเราจะได้เงินได้ทอง”
น้อยมองไปทางหน้าต่าง เห็นเจ้าคุณทำท่าจะยกมือเรียกสังวร จึงพรวดออกไปทันที
“เราต้องขัดขวางนังสังวร”
สังวรกำลังบิดตัว ถลกซิ่นสูงขึ้น น้อยพรวดออกไป แอบเอาตัวหนอนไปแปะที่บ่าสังวร
“ตะขาบเกาะบ่าแน่ะสังวร”
สังวรตกใจลืมหมดทุกสิ่ง
“ว๊าย... ช่วยด้วย...”
“ตะขาบ ตะขาบ มันจะต่อยแกแล้ว มันเข้าไปร่มผ้าแกแล้ว”
สังวรเต้นเร่าๆร้องกรี๊ดน้อยยืนยิ้ม เจ้าคุณส่ายหน้า ถอนใจ
“นี่เป็นวันกรี๊ดหรืออย่างไร ทำไมมีแต่คนกรีดร้อง”
เจ้าคุณหันกลับ หมดอารมณ์
เช้ามืดวันใหม่...พริ้งกับสะบันงาจะออกเดินทาง พริ้งไอแค๊กๆ ตัวสั่นเพราะยังเป็นไข้
“แม่จ๋าเราจะพากันไปไหนจ้ะไ สะบันงาหันไปถาม
“แม่ก็ยังไม่รู้ ไปมันเรื่อยๆก่อน ค่อยคิดทีหลัง แม่ตั้งใจว่าจะไปหาที่ขายแพ”
“ขายแพ แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนจ้ะ”
“เราไม่มีที่จอดแพหรอกลูก ไปจอดที่ไหนก็มีเจ้าของที่ทั้งนั้นขายแพเอาเงินไปลงทุนทำอย่างอื่นกันเถิด”
“ขายเอาเงินมารักษาตัวแม่ก่อนเถิด”
“เงินแค่นั้นมันรักษาแม่ไม่พอหรอกลูก”
สะบันงากังวล
“แม่จ๋า ทำไม ทำไมค่ารักษามันแพงมากนัก”
“มันเอ้อ...มันต้องรักษานานมากนักลูก อาเถิดรีบไปก่อนที่เขาจะมาด่ามาไล่ไสหัวให้เจ็บช้ำน้ำใจ”
กิมเฮียงกับกิมฮวยมาถึงแหวใส่วางอำนาจทันที
“โน่น แสงตะวันโผล่เห็นรำไร ยังไม่รีบออกไปอีกหรือ”
“หรือว่าจะมัวอ้อยอิ่งรอให้คุณศุกลกลับมาหา เชอะ...น้ำหน้าอย่างแก ไปรอจับกังขนข้าวมาสู่ขอก็ดีถมถืด”
“เรากำลังจะไปแล้วจ้ะ” พริ้งรีบบอก
“อยู่เป็นดอกหญ้าดีๆไม่สมใจอยากเอาตัวเองมาปักบนแจกันลายคราม”
“ไม่เจียมตัว”
สองคนเหยียดหยาม สะบันงาไม่พอใจ
“พี่สองคนจ้ะ พี่ก็เป็นขี้ข้าดีๆไม่ชอบ อยากเป็นนายเที่ยวไล่ด่าผู้คนสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้เขา แล้วพี่ได้อะไรจ้ะ เงินสักร้อยพันชั่งหรือจ้ะ”
“ต๊ายอีนังสะบันงานังเด็กเมื่อวานซืนมายืนชี้หน้าด่าเรา”
“ช่างบังอาจนัก กล้ามาด่าตอบ”
“ฉันคงไม่กล้าหรอกจ้ะถ้าพี่ไม่กล้าก่อน คุณศรีท่านสอนว่า คนเราเท่ากันเหมือนกัน จะต่างกันก็ตรงที่ใครดีใครชั่วจ้ะ”
สองกิมโกรธมาก เอาก้อนหินระดมปาใส่แพ แต่สองแม่ลูกไปแล้ว
เมี้ยนมาบงการดูแลอาหารที่เรือนครัว
“ฉันมาดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของทุกคนที่นี่ คนทำอาหารควรใส่หมวกกันผมตกลงไปในอาหาร”
“ใส่แล้วนา” ซ้งบอกทันที
“ไอก็ใส่แล้ว” โรเบิร์ตขยับหมวก
เมี้ยนชี้ไปที่ทองหยอด
“แต่คนนั้น ยังไม่ได้ใส่”
“ใส่แล้วมันคันหัวนี่นา” ทองหยอดเถียง
“ไปหาใบน้อยหน่ากับใบสะเดาเอามารดหัว แล้วใส่หมวกซะ หวังว่าคงเชื่อฟัง นี่คือคำสั่งมาจากคุณหญิง”
ทองหยอดมองหน้าซ้งกับโรเบิร์ต สองคนพยักหน้าให้
“ค่ะ” ทองหยอดจำต้องรับคำ
“พวกผู้หญิงต้องเปลี่ยนใหม่ใส่เครื่องแบบเดียวกันในเวลาทำงานยกเว้นวันหยุดหรือเวลานอน”
“ทุกวันนี้เราใส่เครื่องแบบแล้วคือผ้าถุง ส่วนเสื้อก็ใส่ตามที่มี” สังวรบอกอย่างไม่พอใจ
“นั่นเขาเรียกว่าใส่ตามมีตามเกิด ไม่ใช่เครื่องแบบ ฉันจะจัดการให้เองได้ยินกันทุกคนแล้วหรือยัง”
“อิฉันด้วยหรือคะคุณเมี้ยน” ทองหยอดหน้าเสีย
“ใช่ กุ๊กซ้ง กุ๊กโรเบิร์ต อาหารเช้าวันนี้มีอะไรบ้าง”
“ขนมจีบซาลาเปา โจ๊ก ครับ”
“ขนมปังไข่ดาว ไส้กรอก แฮม ชีสทำเองครับ”
เมี้ยนพยักหน้าพอใจ
“จัดขึ้นไปให้หมด ให้ท่านเลือกรับประทาน”
“แล้วจะรับประทานเข้าไปหมดหรือนั่น” สังวรแย้ง
“มันเรื่องของท่าน อ้อ...เมื่อคืนฉันเห็นผีบ้าอะไรไม่ทราบ ทำท่าเหมือนเรียกผีบ้านผีเรือนมาหา น่าเกลียดมากๆหลังเที่ยงคืนห้ามใครออกมาเดินเพ่นพ่าน กันเข้าใจผิดคิดว่าเป็นหัวขโมย ยกเว้นแขกยามเจ็ดโมงเช้าอาหารต้องตั้งโต๊ะ”
“ทุกวันเราจัดตอนแปดโมง” สังวรเถียง
“คุณหญิงท่านต้องการให้จัดเจ็ดโมงหรือว่ามีปัญหา สร้างปัญหาอะไรๆไว้เมื่อคืนฉันแสร้งลืมไป หรือจะให้ฟื้นความจำมาบอกคนอื่นตรงนี้”
สังวรสังเวียนเจื่อน น้อยยิ้ม คนอื่นกระซิบถามกันว่าเรื่องอะไร เมี้ยนหันไปสั่ง
“น้อย ตามฉันมา แกละ ยกอาหารให้ท่านทั้งสอง”
“ฉันกับน้องสาวเคยทำ”
“ตอนนี้ไม่ต้อง แกละหรือน้อยช่วยกันไปจัด จากนั้นฉันดูแลเอง”
เมี้ยนเดินหน้ากวนโอ๊ยออกไป ทุกคนมองตาม สังวรสังเวียนยกมือยกเท้าจะตบจะถีบไล่หลัง
“ฉันไปก่อนล่ะ” น้อยตามเมี้ยนไป
“นังน้อยมันขายตัวให้ยัยนั่นสังวรมองตามไม่พอใจ
ทุกคนร้องออกมาพร้อมกัน
“ขายตัวให้คุณเมี้ยน”
“หมายความว่ามันถูกยัยนั่นใช้เงินซื้อให้เป็นพวก” สังเวียนบอก
“นังบ่าวลืมพวก นังเมี้ยนมันไม่รู้หรอกว่านังน้อยน่ะงูเห่า” สังวรเสริม
“แล้วแกสองคนพี่น้องเล่า ไม่ใช่งูเห่าหรอกหรือ” แกละถาม
“บ้านนี้ไม่มีงูเขียวสักตัวหรือนี่”
ซ้งส่ายหน้าอย่างรำคาญพวกผู้หญิงที่มากเรื่อง
น้อยเล่าฟ้องเรื่องต่างๆที่ตัวเองรู้ เมี้ยนพยักหน้าหงึกๆ
“ขอบใจมากน้อย ทำดีมากทำต่อไปแล้วจะได้ดีมากขึ้นไปเรื่อยๆ”
น้อยรีรอ เมี้ยนควักเงินให้อีก น้อยไหว้ดีใจ เมี้ยนเดินไปน้อยมองตาม
“กูก็แสร้งทำดี ประจบมึงเอาตัวรอดไปอย่างนั้น เพราะตอนนี้พวกมึงเป็นใหญ่ จะรอให้ถึงวันของกูบ้าง”
น้อยยิ้มร้ายๆเสียงเมี้ยนลอดมา
“พวกหมาเห่าใบตองแห้งมีแน่จริงๆแถวนี้”
น้อยหัวหดทันที
เจ้าคุณลงมาจากชั้นบน สะดุดตาเห็นคุณหญิงศรีหน้าแฉล้มมายืนรอรับเชิงบันได พร้อมกับยิ้มหวาน
“ศรี”
“กู๊ดมอร์นิ่ง ฉันมารับประทานอาหาร มาดูแลคุณส่งกระเป๋ามาสิคะ”
เจ้าคุณอึ้งพูดไม่ออก ดีใจแต่ก็ไม่แน่ใจ
“หายดีแล้วหรือศรี”
“ค่อยยังชั่วค่ะ แต่ฉันอยากมาทำหน้าที่ของตัวเองไม่ให้ขาดตกบกพร่อง”
“แทงคิ้ว ไอ เลิฟ ยู ไอ มิส ยู ออลไนท์”
เจ้าคุณดีใจมาก หอมแก้มคุณหญิงศรี
“เมื่อคืนนี้ ไอ แอม โซ ซอรี่”
“ช่างเถิด”
สองคนเดินจูงมือโอบกอดกันออกไป
คุณหญิงศรีมายืนส่งเจ้าคุณ ยกกระเป๋าส่งให้นายยอดรับไป
“แฮฟอะไนซ์เดย์”
“แทงคิ้ว กู๊ดบาย ซียู เบบี้”
“ค่ะ”
เจ้าคุณรั้งคุณหญิงศรีมากอด หอมแก้มกระซิบ
“หวังว่าคืนนี้ศรีคงไม่กรีดร้องเหมือนโดนฆ่าอีกนะ”
แล้วเจ้าคุณจากไป ทิ้งให้คุณหญิงศรีตระหนกตกใจต่อ เมี้ยนปราดมาหา
“ท่านว่าอะไรเจ้าคะ”
“คืนนี้ฉันอย่ากรีดร้องอีก ช่วยฉันด้วยเมี้ยน”
“เฮ้อ มันคงช่วยยากขึ้นทุกวันเจ้าค่ะ”
“ไม่ได้นะ เมี้ยนต้องช่วยฉัน”
“คุณหญิงเจ้าขา คุณหญิงมาที่นี่เพื่อมาเป็นภรรยาท่านเจ้าคุณไม่ได้มาเป็นเพื่อนบ้านนะเจ้าคะ”
“โอ๊ย! อยากเกิดเป็นปลากัด มองกันไปมองกันมาแล้วท้อง”
“ใช่แล้วค่ะ ท้อง คุณหญิงตัดอกตัดใจ ทำยังไงให้ท้องไปก็จบเจ้าค่ะ”
“ถ้าฉันไม่ท้อง ไม่มีลูก”
“นางสังวร นางสังเวียน นางน้อย มันพร้อมมีลูกกับท่าน แล้วมันจะเป็นใหญ่ในบ้านนี้ไงเจ้าคะ แล้วคุณหญิงก็จะเอ้อ…”
“ตกกระป๋อง ต้องให้ลูกพวกนั้นมาครอบครองทุกอย่างที่นี่ ความจริงถ้าพวกมันเป็นคนดี ก็ดีไป”
“แต่เมี้ยนดูออกเจ้าค่ะ ว่ามันร้ายสุดประมาณ ชั่วสุดประเมินทั้งนั้น”
คุณหญิงศรีถอนใจ หนักใจตัวเอง
พริ้งกับสะบันงา มาจอดแพที่ท่าน้ำแถวตลาด พริ้งจะเป็นลมไอจนหอบ
“แม่จ๋า แม่จ๋าหยุดแพตรงนี้ก่อนแม่ไม่ไหวแล้วจ้ะ ดูสิจ้ะหน้าแม่ซีดมาก”
“ก็ได้”
ฮ้งคนของเจ้าของท่ามาไล่สองคน
“ที่นี่จอดแพไม่ได้”
“น้าจ๋าขอแม่กับหนูพักเหนื่อยสักครึ่งวันเถิดนะจ๊ะแม่หนูไม่สบาย”
“ไม่ได้” ฮ้งมองสะบันงา แบบโลมเลีย “แต่ เอ ก็ได้ ไหนเราน่ะขึ้นมานี่สิ”
สะบันงาขึ้นไป ฮ้งจับคางมามองหน้ายิ้มกระหายพริ้งรู้ทัน
“ไปกันเถิดสะบันงา แม่หายเหนื่อยแล้ว”
สะบันงาหันกลับ ฮ้งดึงแขนไว้
“ให้จอดได้ตลอดไป แต่อีหนูต้องมาอยู่กับฉัน”
“ปล่อยหนู”
ฮ้งกลับดึงไว้ สะบันงาดึงตัวเองออกมา ฮ้งยึดไว้แกละเดินมาพอดี
“อะไรกันน่ะ เฮียฮ้ง”
“ไม่มีอะไรเด็กมันยั่วน่ะ”
“แกละ” พริ้งดีใจที่เจอคนรู้จัก
“เจ๊พริ้ง”
ฮ้งมองๆ
“รู้จักกันหรือ”
“สนิทกันด้วย แต่ไม่เจอกันนานแล้ว เฮียฮ้ง ขอร้องนะ อย่าทำตัวชีกอกับลูกเพื่อนฉัน พี่พริ้งไปไงมาไงล่ะเนี่ย”
“เรื่องมันยาว แกละ พี่อยากจะขายแพ แต่ไม่รู้จักใครสักคน”
ฮ้งรีบบอก
“ขายฉันก็ได้ แต่ห้ามแพงของในแพทั้งหมดขอเหมารวม...” ฮ้งมองสะบันงา
แกละขัดทันที
“ไอ้ขี้งก เค็ม กระดูก ฉันจัดการเอง เอาราคาตรงกลาง ห้ามเอาเปรียบกันพี่ฮ้ง ขืนทำแย่ๆฉันจะไปฟ้องเฮียซ้ง”
“ขอบใจมากๆแกละ สะบันงา ไหว้น้าแกละสิลูก”
สะบันงารีบยกมือไหว้
“สวัสดีจ้ะ น้าแกละ”
“สวัสดี น่ารัก น่าเอ็นดู จนน่ากลัว ความน่ารักจะเป็นภัยกับตนเองอีหนูเอ๊ย”
พูดจบ แกละค้อนฮ้ง
ในร้านอาหารข้างริมน้ำ นั่งยองๆพุ้ยกินแกละ พริ้งสะบันงานั่งกินอาหารด้วยกัน
“ทีนี้ต้องหาที่อยู่กันต่อไป ยังไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน” พริ้งเล่าให้แกละฟังอย่างทุกข์ใจ
“ลูกสาวก็สวยปานนี้ ขืนสุ่มสี่สุ่มห้าไปอยู่ที่มีคนไม่ดี มันจะปล้ำเอานา”
พริ้งมองหน้าสะบันงา
“รอแม่ตรงนี้ แม่ขอไปนั่งตรงนั้นกับน้าแกละ”
“มองเห็นกัน ไม่ไปไกลหรอก” แกละบอก
สะบันงาพยักหน้านั่งรอเงียบๆ
พริ้งเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แกละฟังจนหมดทุกเรื่อง
“โถ มันใจร้ายกันจริงๆ ไล่กันได้กระทั่งคนป่วย” แกละมองพริ้งอย่างสงสาร
“ถ้าเขาไม่โกรธสะบันงา เขาคงไม่เสือกไสไล่ส่ง”
“ความสวยเป็นภัยแท้ๆ สะบันงาเอ๊ย”
“มิหนำซ้ำฉันเป็นโรคฝีในท้อง”
“โธ่ เอ๊ย พี่พริ้ง”
“จะตายวันตายพรุ่งไม่เสียดายชีวิต แต่ห่วงลูกว่าจะอยู่คนเดียวยังไงถ้าไม่มีแม่”
“เอาอย่างนี้ ไปอยู่บ้านญาติฉันก่อนสักสองสามวัน ฉันจะลองไปถามคุณหญิง นายคนใหม่ของฉัน ว่าจะรับเด็กรับใช้สักคนไหม”
พริ้งยกมือไหว้ท่วมหัว
สองนายบ่าวปรึกษากันเรื่องคุณหญิงศรีจะเอาตัวให้รอดพ้นจากเจ้าคุณได้อย่างไร
“เมี้ยน ฉันกำลังจนแต้ม อยากป่วย อยากชักดิ้นชักงอท่านจะกลับมาจากที่ทำงานแล้ว” คุณหญิงศรีเครียดจัด
“เมื่อเช้าคุณหญิงยังดูสดใสสวยงาม พอตกเย็นป่วยอีกแล้ว จะทำไปได้สักกี่วันเจ้าคะ มันต้องวางแผนการณ์ระยะยาวแล้วเจ้าค่ะ”
“โน่นท่านมาแล้ว ฉันระทดระทวยไว้ก่อนเมี้ยนคอยแก้ต่างนะ”
คุณหญิงศรี ทำระทดระทวย เมี้ยนทำประคบประหงม
“เมี้ยน คุณหญิงเป็นอย่างไรบ้าง” เจ้าคุณถามอย่างเป็นห่วง
“เพิ่งจะหยุดหอบเจ้าค่ะ อาการกำเริบอีกแล้วเจ้าค่ะ”
“เมื่อเช้าก็ยังดีๆอยู่นี่นา”
“เอ้อ...โรคหัวจิตหัวใจนี่ มันคล้ายกับโรคสำออยเจ้าค่ะเดี๋ยวดีเดี๋ยวหายเจ้าค่ะ”
เจ้าคุณมากอดมาหอมคุณหญิงศรีเริ่มชินบ้าง ไม่ทำหน้าสยอง แต่เมี้ยนแอบหนักใจ
“ศรีจ๋า ต้องกินยาบำรุงสักหน่อยแล้ว ให้นายยอดไปเอามาจากหมออดุลย์นะหรือว่าจะฉีดยาก็ได้”
“เอ้อ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไหวค่ะ”
“ไหวนะ ศรี”
“ค่ะ”
เจ้าคุณจูบแก้มคุณหญิงศรี เมี้ยนจ้องตาเขียว เจ้าคุณหันมาเจอหน้าเมี้ยนขมวดคิ้ว
“เคืองใครอยู่หรือเมี้ยน”
“เอ้อ เปล่าเจ้าค่ะ ดิฉันกำลังใช้ความคิดเจ้าค่ะ ว่าทำอย่างไรคุณหญิงจะไม่ต้อง เอ๊ย จะหายป่วยเจ้าค่ะ”
“โชคดีนะที่ศรีมีเมี้ยนคอยดูแล ขอบใจเมี้ยนมากนะ”
เมี้ยนยิ้มแห้งๆ
แกละฝากฝังพริ้งกับสะบันงาไว้กับเง็ก ซึ่งเป็นน้า
“ขอบคุณมากนะจ๊ะน้าเง็ก ฉันฝากด้วยไม่เกินสามวันจะหาทางขยับขยายจ้ะ”
“ไม่เป็นไรแกละ”
เง็กบอกอย่างมีน้ำใจ ขณะที่พ้งผู้เป็นสามีแอบจ้องสะบันงาตาเป็นมัน
“ไม่เกินสามวันหรอกนะ พี่พริ้ง สะบันงา” แกละหันมาบอกสองแม่ลูกอย่างเป็นห่วง
“จ้ะ”
แกละออกไป เง็กยิ้มให้สองคน
“ตามสบาย กันเองนะจ๊ะ ฉันจะออกไปขายขนมสามสี่ทุ่มจะกลับมา
“ขอบคุณจ้ะ” สองแม่ลูกยกมือไหว้
“ไปเฮียพ้ง”
เง็กแบกขนมออกไป พ้งแบกตามไป หันมามองสะบันงาอีกครั้ง
เจ้าคุณกับคุณหญิงศรีนั่งจิบกาแฟหลังอาหาร สองคนคนไปคนละอย่างเมี้ยนนั่งเงียบๆคิดอย่างเดียวกับคุณหญิงศรี ทำอย่างไรจะพ้นเงื้อมมือเจ้าคุณคืนนี้ได้
เจ้าคุณมองเมี้ยนเป็นเชิงให้ออกไป เมี้ยนรีบพยักหน้า
“เจ้าค่ะ ดิฉันจะออกไปดูความเรียบร้อยของพวกโรงครัวเจ้าค่ะ”
เมี้ยนรีบถอยออกไป เจ้าคุณเบียดชิดเข้าโอบคุณหญิงศรีไว้
“ศรี ถ้าศรียังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร เรานอนคุยนั่งคุยกันไปเรื่อยๆก่อนได้”
“จริงหรือคะ”
“จริงสิ ฉันอยากให้ศรีสบายใจ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
เจ้าคุณดึงศีรษะมาแนบใต้คาง
“เราจะต้องอยู่ด้วยกันไปจนตายจาก ทำไมฉันต้องบังคับจิตใจศรีด้วย”
“ขอบคุณมากค่ะ”
“รู้ไหมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด คือการทำให้คนที่เรารักยอมรับเรา”
“ฉันยอมรับคุณค่ะ ถ้าไม่ยอมคงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้”
“ขอบใจ”
เจ้าคุณโอบกอดทะนุถนอมจนคุณหญิงศรีอดใจไม่ได้ โอบกอดตอบเจ้าคุณแล้วตกใจตัวเองรีบหดมือออกมา
“อุ๊ยตาย”
“ฉันดีใจที่ศรีโอบกอดตอบฉัน ถึงแม้ว่าจะเพียงชั่วสิบห้าวินาที”
“เอ้อเอ้อ คือ คือเอ้อ…”
“กอดของศรีมันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นมากเหลือเกิน ฉันว้าเหว่มากฉันอยากมีใครสักคนเคียงข้าง ศรีช่วยกอดให้ฉันหายว้าเหว่จะได้ไหมได้โปรดนะศรี”
คุณหญิงศรีชั่งใจ เจ้าคุณมองหน้าคุณหญิงศรี แววตาวิงวอนมาก คุณหญิงขยับตัวมาโอบกอดเจ้าคุณเอาไว้
“อย่าเพิ่งปล่อยนะศรี อย่าปล่อย ขอให้ฉันได้ซึมซับความอิ่มเอิบใจให้สาสม”
“ค่ะ”
คุณหญิงศรีกอดแป๊บหนึ่ง เจ้าคุณขอต่อไป
“ขอฉันหนอนหนุนตักศรี นะจ๊ะ”
“ค่ะ ดื่มก่อนดีไหมคะ…”
เจ้าคุณพยักหน้า คุณหญิงศรีเดินไปแล้ว รินไวน์ แอบใส่ผงอะไรบางอย่างลงไป
อ่านต่อหน้า 4
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 2 (ต่อ)
เมี้ยนเป็นห่วงคุณหญิงศรี นั่งกอดอกหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ที่หน้าเรือน
“คุณหนูนะ คุณหนู เดี๋ยวก็เผลอใจเผลอตัวจนได้”
สังวร สังเวียนมาแอบมอง
“มันถูกไล่มานั่งกอดอกอยู่นอกบ้าน สมน้ำหน้า” สังวรยิ้มเยาะ
“ฉันได้ยินพวกคนอื่นๆมันซุบซิบกันว่า นายบ่าวคู่นี้เกลียดผู้ชาย”
“ฉันก็คิดอยู่นะ เกลียดมันจริงๆได้เป็นเมียท่านแล้วท้องไส้เข้าสักวัน จะเฉดหัวอีเมี้ยนไปจากที่นี่”
“นั่นนางแกละมาขายตัวให้นังเมี้ยนอีกแล้ว”
สองคนมองไปเห็นแกละเดินตรงมาหาเมี้ยนไหว้นอบน้อม ทำท่าจะมากอดแข้งกอดขาเมี้ยน
“คุณเมี้ยนขา”
“จะทำอะไรน่ะแกละ”
“จะนวดแข้งนวดขาคุณเมี้ยนค่ะ”
“ไม่เอา ฉันไม่เมื่อย”
“แต่อิฉันนวดจับเส้นเก่งนะคะ”
เมี้ยนผลักไสแกละพัลวัน
“แกละ ไม่ต้องนะ ขอบใจ แกละมีอะไรว่ามาดีกว่า ไม่ต้องประจบ ฉันนักเลงจริง กล้าบอกก็กล้ารับฟัง”
“ขอบคุณมากค่ะ คืออิฉันจะขอเอาเด็กมาฝากคุณเมี้ยนค่ะ”
“เอามาฝาก พูดยังกับเอาขนมมาฝาก พ่อแม่ไม่มีหรือ”
“มีค่ะ แต่กำลังจะตายเพราะโรคฝีในท้องค่ะ”
“เวรกรรม น่าสงสาร เด็กอายุเท่าไหร่”
“สิบกว่านี่แหละน่าจะสักสิบสี่ เด็กมันตัวโตน่ะค่ะสาวกว่าอายุหน้าตาน่ารัก”
“เป็นสาว ใช้งานได้ละสิ”
“ค่ะ นึกว่าเห็นชีวิตน้อยๆของเด็ก ที่แม่ของมันจะตายวันตายพรุ่งเมื่อไหร่ไม่ทราบเด็กสวยขนาดนั้นมันคงจะโดนผู้ชายย่ำยีเสียท่าเอานะคะ ถือว่าเอาบุญเถิดนะคะ”
“ฉันอยากช่วย เพราะแกละพูดจาตรงไปตรงมา แต่ว่านี่มันนอกเหนือ อำนาจที่คุณหญิงมอบหมายให้ จะรับใครโดยพละการไม่ได้ จะต้องขอคุณหญิงก่อน ยังไงแล้วรีบเอาเด็กมาให้ท่านดูตัวก่อน ท่านน่ะมีเมตตาสูงมากนะ”
แกละผวามาจะกอดอีก
“อิฉันทราบค่ะ บุญของเด็ก อิฉันขอฝากความหวังไว้กับคุณเมี้ยนนะคะ”
เมี้ยนพยักหน้า
“แล้วก็อย่าเที่ยวไปร่วมวงนินทาคุณหญิงท่านกับพวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงล่ะ เอาล่ะรู้เรื่องแล้ว รีบไปเถิดแกละ ฉันกำลังใช้ความคิด”
“ไม่เค้ยไม่เคยเลยค่ะ มีแต่จะคอยปราม”
“เมี้ยนโบกมือ แกละเดินออกไป เมี้ยนจะถาม”
“เดี๋ยว...เด็กชื่ออะไรแม่เป็นใคร”
แกละไปแล้ว เมี้ยนจึงหันมาสนใจในบ้านต่อไป
“ข้างในนั้นอย่างไรกันหนอ เงียบเชียบอีกแล้ว”
เมี้ยนกังวล เมี้ยนตัดสินใจไปแอบเมียงมองสังวรยิ่งสงสัย
“ดูมันทำ ลับๆล่อๆแปลกๆ”
สังเวียนพยักหน้าเห็นด้วย
“มันต้องมีความลับอะไรกันแน่ๆ”
เจ้าคุณนอนหนุนตักคุณหญิงศรี กินไวน์ผสมยานอนหลับค่อยๆออกฤทธิ์หลับจับมือมากุมกอดจูบไว้คุณหญิงศรียิ้มให้เจ้าคุณกระหยิ่มว่าเดี๋ยวเจ้าคุณหลับ
“มีความสุขเหลือเกิน อยากนอนหนุนตักใครสักคนมานานแล้ว ศรีเล่าจ้ะ”
“ค่ะ ฉันก็เอ้อ มีความสุขค่ะ”
“ศรีจ๋า จับมือฉันแล้วเอาไปกอดไปหอมได้ไหมจ้ะ”
“ได้ค่ะ”
คุณหญิงศรีจับมือเจ้าคุณที่ส่งมาให้ถึงปาก จูบไปเบาๆ ลูบหัวเจ้าคุณเบาๆ แล้วเอามือเจ้าคุณวางพร้อมกับที่เจ้าคุณหลับตา
“ชื่นใจ” เจ้าคุณหลับไปทันที
“โล่งอก รอดตัวไปอีกวัน”คุณหญิงศรียิ้มขำ
เมี้ยนเดินเข้ามาแบบย่องๆมองซ้ายมองขวา เห็นเจ้าคุณหลับคาตักคุณหญิงศรีขมวดคิ้ว
“ว๊ายทนดูไม่ได้”
เมี้ยนเอามือปิดตา แล้วเดินเข้ามา ชนเก้าอี้สะดุดล้ม
“เมี้ยนอย่าโอเว่อร์แอคชั่น ฉันหนักตักจะแย่แล้ว ฝรั่งอะไรหัวใหญ่หัวโต”
เมี้ยนตะกายลุกช่วยคุณหญิงศรี เอาหมอนอิงมาหนุนหัวเจ้าคุณ คุณหญิงศรีลุกออกมาจากโซฟา
“หลับไปแล้ว เห็นไหมคะ เมี้ยนทำสำเร็จ เอ้อ...จะทิ้งไว้อย่างนี้ตรงนี้หรือเจ้าคะ”
“แค่ยกหัวยังหนักจะแย่ ยกตัวไปฉันบนก็คงพากันตกบันไดตาย เอาไว้ตรงนี้แหละ ฉันง่วงจะแย่แล้ว”
“เมี้ยนไปปิดประตูบ้านก่อนเจ้าค่ะ กำแพงมีหูประตูมีช่อง นางพวกอยากมีผัวตัวสั่นมันกำลังด้อมๆมองๆ”
เมี้ยนไปปิดประตูบ้าน
พริ้งนอนไม่หลับ ไอโขลกๆสะบันงาหลับสนิทไปแล้ว พริ้งลุกนั่งมองลูกสาว เอามือลูบหัวน้ำตาไหล
“แก้วตาดวงใจของแม่ แม่ห่วงหนูเหลือเกิน คุณพระคุณเจ้าช่วยให้แกละพาสะบันงาไปหาที่อยู่ได้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
มีมือมาตะปบพริ้งจากด้านหลัง กระชากออกไปโดยแรง พริ้งตกใจ
“ถอยไป”
“ว๊าย”
พริ้งเซฟุบไป พ้งนั่นเอง พริ้งรู้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกรีดร้อง พ้งตบปากพริ้ง
“เงียบนะ ไม่งั้นมึงตาย กูจะแทงมึงด้วยมีดนี่”
พริ้งไม่เงียบกลับกรีดร้องตะโกนเรียกสะบันงา
“อ๊ายสะบันงา ตื่น ตื่นลูก”
สะบันงาตกใจตื่น พ้งปราดมาฉุดสะบันงา
“ไปกับฉัน”
“ไม่ไป ไม่ไปนะ แล้วก็อย่าทำร้ายแม่ฉัน”
“กูไม่ทำแม่มึงหรอก แต่กูจะทำมึง”
“อย่านะ อย่าทำอะไรลูกฉัน”
พ้งหันมาตีพริ้งฟุบไป พริ้งขณะโดนตี ตะโกนไล่สะบันงาให้หนี
“อย่าทำแม่หนู”
“หนี วิ่งหนี ลูกอย่าห่วงแม่ วิ่งไปที่ที่มีคนแยะๆ ไปหาตำรวจ”
สะบันงายืนงงไม่กล้าทิ้งแม่
“หนูทิ้งแม่ไม่ได้”
“ต้องได้ หนูต้องทิ้งแม่ไม่อย่างนั้นมันจะทำลายชีวิตหนูล่มจมพินาศ”
สะบันงาส่ายหน้า พริ้งคว้ามีดที่พ้งถืออยู่ พ้งแย่งกลับมาตะครุบ
“มึงคิดจะฆ่ากู”
แต่ผิดคาด พริ้งดึงมีดเข้าหาตัว มาจ้วงแทงใส่อกตัวเองโดยเร็ว
“หนีไป ยังไงแม่ก็ต้องตาย ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้”
สะบันงากับพ้งตกตะลึง พริ้งตาเหลือกลาน แต่ปากยังสั่งให้สะบันงาหนี
“แม่”
“เฮ้ยอีบ้า มึงฆ่าตัวตายทำไม”
“หนี หนีไป ไม่ต้องห่วงแม่ อย่าทำให้แม่ผิดหวัง หนูหนีให้พ้นมัน นี่คือคำขอร้องถ้ารักแม่หนูต้องหนี”
“แม่” สะบันงาร้องไห้โฮ
พ้งไล่ตะปบสะบันงาต่อสะบันงาจึงตัดสินใจหันหลัง แต่ยังหันมามองแม่พริ้งมองสะบันงา แล้วยิ้มดีใจยกมือเหมือนจะบอกลาเง็กมาถึงชนเอาสะบันงาล้ม
“ช่วยหนูด้วย”
เง็กเห็นพ้งไล่ตาม เห็นพริ้งนอนจมกองเลือดตกใจ
“พี่พริ้ง”
“นังบ้านั่นมันฆ่าตัวตาย เฮียไม่เกี่ยว”
“มึงไล่ปล้ำเด็กนี่ มึงก่อเรื่องอีกแล้ว หนีไปอีหนู”
สะบันงามายืนหลังเง็ก
“แล้วแม่หนู”
“อีหนู แม่เขาสั่งเสียแกละเอาไว้ก่อนตายวันสองวันนี้ ฉันจะจัดการศพให้เอง รีบหนีไปหาแกละให้ได้ หรือไม่ก็กลับไปที่เดิมที่เคยอยู่ไม่อย่างนั้นอีหนูเดือดร้อนแน่”
สะบันงาตัดสินใจหนีไปทันทีทั้งที่ไม่รู้ว่าจะหนีไปไหน
คุณหญิงศรีนอนบนเตียง เมี้ยนนั่งข้างเตียงเกาหลังให้ตามเคย
“คุณหญิงเจ้าขา เมื่อสักครู่นางแกละคู่รักกุ๊กซ้ง มันมาขอร้องเมี้ยนให้รับเด็กสาวเข้าทำงาน เพราะแม่กำลังจะตายเจ้าค่ะ”
“เด็กอะไร”
“มันว่าเป็นเด็กดีเจ้าค่ะ เมี้ยนยังไม่ได้รับปากนะเจ้าคะ เมี้ยนต้องถามคุณหญิงก่อนเจ้าค่ะ”
“เมี้ยนคิดว่ายังไง”
“เมี้ยนว่ารกคนดีกว่ารกหญ้าเจ้าค่ะ”
“ฉันคิดถึงสะบันงา ถ้าแม่ของสะบันงากำลังจะตายบ้าง สะบันงาจะไปอยู่ที่ไหน”
“โชคดีที่สะบันงาปลอดภัย ยังไงก็ได้อยู่ที่แพริมคลองบ้านเจ้าสัวเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรียิ้มทำท่าจะหลับ
“เมี้ยนต้องรีบปลุกฉันให้ตื่นก่อนท่านนะ”
“แค่ตื่นก่อนที่ไหนกันเจ้าคะ ต้องลงไปเล่นละครต่อเจ้าค่ะ ทำทีว่าคุณหญิงให้ท่านเจ้าคุณ นอนหนุนตักหลับทั้งคืน แล้วเผลอหลับไปด้วย”
“เมี้ยนนี่เจ้าแผนการจริงๆพรุ่งนี้ไปบอกแกละ ว่าให้พาเด็กมาให้ฉันดูตัว”
“เจ้าค่ะ”
เมี้ยนเกาหลังคุณหญิงศรีต่อไป
สะบันงาวิ่งไม่มีจุดหมายปลายทาง ไปตามที่ซอกหลืบหลบผู้คนวิ่งไปร้องไห้ไปปากก็พร่ำเรียกแม่
“ แม่จ๋า โธ่แม่”
ภาพแม่แทงตัวตายต่อหน้าต่อตา วนเวียนมาในห้วงความคิด สะบันงาวิ่งร้องไห้เตลิดเปิดเปิงกลับมาที่เดิม สะบันงาเหนื่อยนั่งพักปาดน้ำตา
“แม่จ๋า แม่ฆ่าตัวตายเพื่อให้หนูรอดจากคนพาล แม่ไม่ต้องทำอย่างนั้นก็ได้ หนูไม่อยากให้มันปล้ำแต่ไม่อยากให้แม่ทำอย่างนั้น”
ด้านนอกเรือนคุณหญิงศรีสังวรกับสังเวียนยังไม่เลิกอยากรู้อยากเห็นน้อยแอบมองพฤติกรรมสองพี่น้อง
“นังสองคนนี้ช่างวอนหาเรื่องแท้ๆ”
สังวรสังเวียนพากันย่องมาแอบมองหน้าต่าง มองลอดม่านบางๆเข้าไป
“เห็นอะไรในนั้นบ้างไหม สังเวียน”
“ไม่เห็น”
“นั่น บนเก้าอี้มีคนนอนอยู่”
“ใคร นังเมี้ยนหรือ”
“เจ้าคุณ”
สองคนพี่น้องมองหน้ากันแปลกใจ
“ทำไมท่านไม่ขึ้นไปนอนบนห้อง”
“แล้วพวกมันสองคนไปนอนที่ไหน”
“มันก็ไปนอนกอดกันเองน่ะสิ”
สองคนคิดไปต่างๆนานา
เช้ามืด...คุณหญิงศรีกับเมี้ยนพากันลงมาในชุดเดิมตอนกลางคืน มาที่โซฟาช่วยกันยกหัวเจ้าคุณ
“ระวังเมี้ยน เดี๋ยวท่านตื่น”
“โฮ้ย...ชีวิตคุณหญิงจะยุ่งยากอย่างนี้ไปอีกนานไหมเจ้าคะ”
“ไม่รู้สิ คงยุ่งไปจนตายมั้ง”
“อย่าให้ยุ่งกว่านี้เถิดนะเจ้าคะ”
ในที่สุดคุณหญิงศรีก็ไปนั่งให้เจ้าคุณหนุนตักนอนต่อจนได้
“เมี้ยนจะไปโรงครัวนะเจ้าคะ”
“ไปเถิดเมี้ยน เรียกนังสองพี่น้องนั่นให้มาจัดอาหารให้ฉันกับท่านนะ”
เมี้ยนออกไป คุณหญิงศรีนั่งมองเจ้าคุณหลับ เจ้าคุณดูหลับอย่างมีความสุข
ในครัวสังวร สังเวียน ทองหยอดกำลังนินทาคุณหญิงศรีกับเจ้าคุณแบบเบาๆสามคน น้อยคอยมอง
“จะเป็นไปได้ยังไง แต่งงานกันแล้วปล่อยให้ผัวนอนเดียวดายบนโซฟา แล้วตัวเองไปหาที่นอนกกกอดกับบ่าวผู้หญิง บ้าแล้ว”ทองหยอดไม่อยากเชื่อ
“ก็ฉันเห็นกับตานี่นา ว่าท่านนอนบนโซฟาคนเดียว”
“ฉันก็เห็น” สังเวียนยืนยัน
“ตาฝาดละมั้ง ตาเข้าข้างตัวเองตาหาเรื่อง”
เมี้ยนเดินเข้ามา กวาดตามองรอบๆ
“สวมหมวกกันหมดทุกคนเรียบร้อยดีมาก อีกไม่กี่วันเครื่องแบบใหม่จะมา ฉันจัดให้ไว้คนละสองชุด สับเปลี่ยนกันใส่”
“คุณเมี้ยนคะ” น้อยอยากฟ้องปรายตาไปที่สองคน
“เดี๋ยวก่อนน้อย ตอนนี้ฉันมีเรื่องจะคุยกับแกละ”
“ขอบคุณมากค่ะ” แกละดีใจ
“คุณเมี้ยนครับวันนี้ผมทำโจ๊กไหหลำ ให้ท่านทั้งสอง รับรองอร่อยเหาะ” ซ้งบอก
“ดีมากกุ๊กซ้ง ทองหยอด กลางวันคุณหญิงขอขนมจีนซาวน้ำ สังวรสังเวียน วันนี้อนุญาตให้หล่อนสองคนเข้าไปดูแลอาหารของท่านทั้งสอง แกละมากับฉัน”
แกละเดินตามเมี้ยนออกไป สองคนพี่น้องมองหน้ากันแล้วบอก
“หมั่นไส้”
ซ้งมองอย่างรำคาญ
“ไม่ดีใจหรือ เห็นแกสองคนอยากไปเรือนคุณหญิงจะเป็นจะตาย”
แกละยกมือไหว้ปลกๆ ทำท่าจะมานวดอีก เมี้ยนถอยขาหนี
“ขอบคุณเหลือเกินค่ะ ฝากกราบขอบพระคุณคุณหญิงท่านด้วยท่านมีเมตตามากอย่างที่คุณเมี้ยนบอกจริงๆนะคะ”
“รีบไปพาเด็กมากราบท่าน ท่านอยากเห็นหน้า รีบไปรีบมานะ”
“ค่ะ”
เมี้ยนพยักเพยิดให้แกละไป แล้วนึกได้
“เดี๋ยว แกละ เด็กชื่ออะไรนะ”
แต่แกละไปแล้ว
เช้ามืดวันใหม่สะบันงามานอนหมอบหลบอยู่ในกอกกไม่กล้าออกไปไหน กลัวจนตัวสั่นไปหมด คิดถึงแม่ขึ้นมาจับใจ
“แม่จ๋า แม่จ๋าโธ่ หนูไม่อยากให้แม่ตาย หนูไม่อยากอยู่คนเดียว หนูกลัว”
สะบันงาชะโงกหน้ามองไปในน้ำเห็นหน้าตัวเองสวยงามมากแม้ผ่านการร้องไห้มา นึกถึงที่แกละบอก
“ความสวยจะเป็นภัยกับตัวเอง อีหนูเอ๊ย”
สะบันงาหันไปคว้าโคลนมาโปะหน้าตาตัวเองให้มอมแมม
คุณหญิงศรียังคงนั่งให้เจ้าคุณหนอนหนุนตัก ได้ยินเสียงสองคนเดินเข้ามารีบทำหลับตาสองคนพี่น้องถือถาดอาหารเข้ามา มองมาที่คุณหญิงศรีกับเจ้าคุณ วางอาหารไปด้วยจัดโต๊ะไปด้วย แปลกใจที่เห็นเจ้าคุณหนุนตักคุณหญิงศรี กระซิบพูดกัน
“เอ๊ะ เป็นไปไม่ได้ เมื่อคืนตอนเราแอบดู ท่านนอนคนเดียวที่โซฟานี่นา”
“แล้วนังสองนายบ่าวนี่ก็หนีไปนอนกอดกันชั้นบน”
คุณหญิงศรีแอบลืมตาเขียวปั๊ด แต่อดใจแล้วทำหลับไปใหม่
“แล้วมันลงมาได้ยังไง”
“หรือว่าเราตาฝาด”
แม้สองคนจะพูดเบา คิดว่าคุณหญิงหลับแต่คุณหญิงศรีได้ยินครบถ้วนเมี้ยนเดินมาสองคนสะดุ้ง
“คุณเมี้ยน”
“ไปได้แล้ว”
สองคนอึกอักแล้วสะกิดกันออกไปกระซิบ
“มันได้ยินหรือเปล่า”
แต่ก็รีบออกไป คุณหญิงศรีทำจุ๊ปากกระซิบเมี้ยน
“ฉันได้ยินมันสองคนพูดทั้งหมด มันบังอาจมาก”
“ที่นี่เลี้ยงงูพิษเอาไว้เต็มบ้านเจ้าค่ะ จะให้เมี้ยนจัดการยังไงกับมันเจ้าคะ”
“เฉยไว้ก่อน”
“คุณหญิง”
“อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น ยิ่งพวกมันเป็นงูพิษยิ่งต้องเงียบ จะตีงูทั้งทีอย่าตีไม่ให้มันตายมันจะกลับมาทำร้ายเราภายหลัง”
คุณหญิงศรีโบกมือให้เมี้ยนถอยไป เจ้าคุณขยับตัว คุณหญิงศรีรีบหลับ เจ้าคุณตื่น เห็นคุณหญิงศรีหลับหัวเอียงไปด้านหนึ่งตกใจรู้สึกผิดมาก
“ศรี โธ่ศรี นี่ฉันทำอะไรลงไป ฉันทรมานศรีทั้งคืน”
คุณหญิงศรีทำขยับตัวลืมตายิ้มให้
“ตื่นแล้วหรือคะ มอร์นิ่งค่ะ”
เจ้าคุณลุกนั่งมาจับมือคุณหญิงศรีไว้
“ศรีเสียสละเพื่อฉันเหลือเกิน ทำไมต้องทำขนาดนี้ ให้หนุนตักทั้งคืน โธ่ ซอรี่ ซอรี่นะเบบี้”
“อยากเป็นภรรยาที่ดี ฉันพยายามทำหน้าที่ภรรยาที่ดีค่ะ”
“ขอบใจมาก ขอบใจจริงศรี ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครให้นอนหนุนตักหลับจนเช้าอย่างนี้มาก่อน ความจริงฉันแค่จะอ้อนศรีแป๊บเดียวเท่านั้นไม่นึกว่าจะเผลอหลับ รักศรีมากจริงๆในโลกนี้ศรีอยากได้อะไรฉันหาได้จะหามาให้ศรี ยกเว้นดาวเดือนเท่านั้น”
“ขอบคุณมากค่ะ”
คุณหญิงศรียิ้มขำ เจ้าคุณปลาบปลื้มมาก
แกละตะลึงงัน เง็กร้องไห้โฮๆ
“พี่พริ้งฆ่าตัวตาย”
“แต่ตำรวจหาว่าเฮียพ้งฆ่าแม่พริ้งตาย เพราะมีลายนิ้วมือบนมีดมันโดนตำรวจจับไปแล้ว”
“สะบันงาเล่า”
“หนีไปแล้ว คงตกใจกลัว”
แกละสงสัย
“แปลกจริง แม่ตาย ทั้งคนทำไมต้องตกใจกลัว ทำไมไม่อยู่ดูแม่”
“เอ้อ ฉันไล่มันไปเอง กลัวมันจะเดือดร้อน แกละไม่น่าพาสองแม่ลูกมาฝากน้าเลย”
“ฝากเฉยๆที่ไหน พี่พริ้งเขาให้ค่าเช่าด้วย เรื่องมันยังไงกันแน่ แล้วสะบันงาเอาเงินที่ขายแพไปด้วยไหม”
เง็กอึกอักแกละมองไม่พอใจ
“ไม่น่าไว้ใจน้าเลยหน้าเนื้อใจเสือแท้ๆศพพี่พริ้งอยู่ไหน”
“ส่งเป็นศพผีไม่มีญาติไปแล้ว”
แกละตบหน้าเง็กทันที
“อีน้าใจดำ”
สะบันงาปลอมตัวทาหน้าดำ ทำขาเป๋หางานทำ ตามร้านอาหารแลกข้าว จนมาถึงร้านกวง ซึ่ง
เสิร์ฟอาหารมือเป็นระวิง คนกินนั่งรอเต็ม สะบันงาเดินมาถึง หิวมากยืนมองคนมากิน อยากกินหิวจนใจจะขาด เดินขาเป๋เข้าไปใกล้ๆกวงเจอชามกองโตวางไว้ ไม่ได้ล้าง มีเศษอาหารเหลือ สะบันงาเอื้อมไปแตะ กวงมาตีมือ
“จะมาขโมยอาหารหรือนางเป๋”
“เอ้อ หนูจะมาขอล้างจาน”
“ไปให้พ้น นางเป๋ อย่ามาวุ่นวาย”
“หนูไม่วุ่นวายขอล้างจาน ทำงานในร้าน”
“ไม่มีเงินจ้าง”
“หนูไม่เอาเงิน ขอแค่แลกอาหาร”
กวงมองหน้าคิดเอาเปรียบ
“เสิร์ฟอาหาร เก็บกวาดร้าน ล้างจานแลกก๋วยเตี๋ยวกินได้วันละชามเดียว พอใจไหม”
“พอใจจ้ะ”
“งั้นก็รีบล้างจานสิ”
สะบันงายิ้มรีบยกมือไหว้
คุณหญิงศรีถามเมี้ยนเรื่องเด็กที่แกละจะพามาดูตัว
“ไหนเด็กที่แกละจะพามาให้ฉันดูตัว”
เมี้ยนถอนใจ นึกเป็นห่วงเด็กคนนั้นขึ้นมาเหมือนกัน
“เด็กหนีไปแล้วเจ้าค่ะ”
“หนีไปได้ยังไง ไหนว่าแม่กำลังจะตาย”
“แม่มันฆ่าตัวตายเจ้าค่ะ เด็กมันตกใจเลยหนีเตลิดไปเจ้าค่ะ”
“โถ น่าสงสารจริงๆพูดถึงเด็กให้นึกห่วงสะบันงา ฉันจะไปเยี่ยมพ่อแม่ แล้วซื้อขนมไปฝากสะบันงากับแม่พริ้ง เมี้ยนไปเตรียมจัดของนะ”
“เจ้าค่ะ”
“อ้อ เมี้ยน ไปสั่งทำม่านเรือนนี้ให้ทึบ หมูหมามาแอบมองจะได้ไม่เห็นข้างใน”
“เจ้าค่ะ น่าจะเรียกนางสองคนมาด่าจริงจริ๊ง เมี้ยนล่ะเคืองแทน”
“จะให้ฉันเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือหรือ สะสมเอาไว้ก่อนแล้วค่อยรวบยอดคิดบัญชีวันหลัง”“เจ้าค่ะ คุณหญิงช่างน้ำนิ่งไหลลึกมากนะเจ้าค่ะ”
“ช้าช้าได้พร้าเล่มงาม พูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง เราเหนือพวกมันอยู่แล้ว ทำไมต้องเร่งลงมือ บางทีพวกมันอาจมีประโยชน์กับเราได้นะ”
“สวะจะตายไปเจ้าค่ะ มันจะมีประโยชน์กับเราอย่างไรเจ้าคะ”
“มีสิน่า มีสิ ฉันจะสร้างทั้งพระเดช และพระคุณกับพวกมัน”
“ยังไงเจ้าคะ”
“ถ้าฉันไม่ไหวจริงๆฉันจะส่งพวกมันไปปรนนิบัติท่านแทนฉัน”
“คุณหญิงมันจะเนรคุณเอานะเจ้าคะ”
คุณหญิงศรียิ้มๆ
เจ้าสัวเส็งยิ้มยินดีที่คุณหญิงศรีมาไหว้ คุณนายใหญ่ยิ้มให้ คุณนายน้อยลูบหน้าลูบหลัง กิมเฮียงกิมฮวย นั่งมองยิ้ม เมี้ยนนั่งห่างออกมาอยู่เงียบๆ
“สบายดีหรือ หนูศรี เอ้อ คุณหญิงสินะ”
“ค่ะ คุณเตี่ย ไม่ต้องเรียกหนูว่าคุณหญิงหรอกค่ะ เรียกเหมือนเดิมเถิดค่ะ”
“ท้องหรือยัง หนูศรี”
“แหม ยังหรอกค่ะ คุณแม่ใหญ่”
“พวกเราอยากเห็นหน้าหลานไวไว” คุณนายน้อยบอกอย่างยิ้มแย้ม
“รอไปก่อนเถิดค่ะ หนูยังไม่อยากมีลูก”
“ไฮ้” สามคนร้องออกมาพร้อมกัน
“หนูกลัวมีลูกแล้วดื้อเหมือนหนูค่ะ เอ้อ หนูมากราบคุณเตี่ยกับคุณแม่ทั้งสอง ทุกคนสบายดีกันแล้ว หนูขอตัวนะคะ”
“มาเดี๋ยวเดียวยังไม่ทันคุยกันเลย จะรีบไปไหน”
“ไปเดี๋ยวเดียวจะกลับมาค่ะ จะเอาขนมไปให้สะบันงา”
สามคนพูดไม่ออก กิมเฮียง กิมฮวย มองหน้ากัน
“คุณหนูศรีเจ้าคะ”
คุณนายใหญ่ดุ
“คุณหญิง สิยะ”
“คุณหญิงเจ้าขา คือว่า…”
“อย่ามายุ่ง แกสองคนเกลียดสะบันงาฉันรู้”
คุณหญิงศรีเดินออกไปเมี้ยนตามไป
คุณหญิงศรีเดินนำเมี้ยนเดินมาถึงที่ที่แพริมน้ำเคยจอดแล้วตกใจ
“สะบันงาฉันดีใจที่ได้พบ เอ๊ะ... เมี้ยน”
“ไม่มีแพ แพหายไปแล้วเจ้าค่ะ”
คุณหญิงศรีนึกถึงกิมเฮียง กิมฮวยที่พยายามเรียกก็พอเข้าใจ
“กิมฮวยกิมเฮีย มันพยายามจะบอก”
“มันสองคนต้องรู้เรื่องแน่ๆ” เมี้ยนเห็นด้วย
คุณหญิงศรีเดินกลับ เมี้ยนเดินตาม
คุณหญิงศรีกับเมี้ยนเอาตัวกิมฮวยกิมเฮียมาสอบถามสองคนส่ายหน้า
“บ่าวไม่รู้เจ้าค่ะ”
“แกสองคนรู้ดี แต่แกไม่พูด”
“แกจะบอกหรือไม่บอก ว่าสะบันงาหายไปไหน” เมี้ยนตวาดถาม
สองคนทำท่าจะส่ายหน้า เมี้ยนชกทันที สองคนจุกแอ่ก
“บอกแล้ว”
“ท่านเจ้าสัว คุณนายใหญ่ คุณนายน้อยพากันมาไล่ไปเจ้าค่ะ”
“คุณนายใหญ่ไม่พอใจที่ แม่พริ้งสนับสนุนให้สะบันงาเป็นคู่รักของคุณศุกลเจ้าค่ะ”
“เพราะแกสองคนมาฟ้องพ่อฉัน แกสองคนใส่ร้ายสะบันงาทำไม” คุณหญิงศรีโกรธมาก
เมี้ยนเขกอีกคนละโครม
สะบันงาทำงานสารพัดในร้านก๋วยเตี๋ยว กระทั่งเย็นจึงได้กินก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชาม เธอนั่งหน้าหมอง
“ถ้าคุณศรีท่านแวะมาหาแต่ไม่พบเรา ท่านจะว่าอย่างไรหนอคุณศรีเจ้าขาสะบันงาคิดถึงท่าน อยากพบท่านเหลือเกินเจ้าค่ะ”
สะบันงาปาดน้ำตา กวงมาทุบหลังจนแอ่น
“อย่ามาทำสำออยร้องไห้รองห่ม นางเป๋กินก๋วยเตี๋ยวไวไวรีบไปทำงานต่อ”
“จ้ะ”
“อาไร ได้กินก๋วยเตี๋ยววันละตั้งชาม มาทำร้องไห้ร้องห่ม อย่ามาร้องไห้ให้เห็นอีกจะเอาน้ำก๋วยเตี๋ยวราดหัว”
สะบันงาจำต้องเช็ดน้ำตา พยายามจะเข้มแข็ง
คุณหญิงศรีซึมสงสารสะบันงาคิดถึงศุกล
“สงสารสะบันงากับแม่พริ้งเหลือเกิน ความผิดฉันแท้ๆที่คิดอยากจะให้สะบันงาเปิดหูเปิดตาไปถือชายกระโปรง จนคุณเตี่ยกับคุณแม่ทั้งสองเห็นเข้าจึงเอะใจ”
“อย่าโทษตัวเองเจ้าค่ะ นังสองกิมนั่นต่างหาก มันสาระแนฟ้องแล้วแต่งเติมเรื่องราว”
“แต่ถึงยังไงก็เพราะฉัน ฉันทำร้ายสะบันงากับแม่พริ้ง ฉันทำผิดจริงๆนะเมี้ยน”
“อย่าโทษตัวเองสิเจ้าคะ”
“ทำไมพ่อแม่ฉันใจร้ายนักนะเมี้ยน”
“ร้ายเพราะรักไงเจ้าคะ เฮ้อ..ใครเกิดมาจนมันน่าเจ็บปวดเหลือเกินเหมือนกับที่เมี้ยนเคยรู้สึก จนกระทั่งพบคุณหญิง คุณหญิงชุบชีวิตให้เมี้ยน”
“เมี้ยน ตามหาสะบันงาให้พบให้เร็วที่สุด”
“เจ้าค่ะ”
“สะบันงาอย่าเป็นอะไรนะ สะบันงาเธอต้องปลอดภัย เธอต้องได้พบคุณศุกล”
คุณหญิงศรีเศร้าใจเมื่อนึกถึงสะบันงา ใบหน้าสวยหมองจัดเป็นทุกข์เหลือเกิน
อ่านต่อตอนที่ 3