เจ้าพายุ ตอนที่ 2
ศุวิลจอดมอเตอร์ไซค์ดับเครื่องยนต์ แล้วถอดหมวกกันน็อก แต่ฟ้าใสยังกอดศุวิลแน่นอยู่
“ลงจากรถได้แล้ว”
ฟ้าใสยังไม่ยอมขยับ ศุวิลแกะมือฟ้าใสแต่แกะไม่ออก ศุวิลเซ็ง เอาไงดี...เขาขยับวาดขาลงจากรถเลย ทำให้ฟ้าใสเกือบตก
“ว้าย!”
ฟ้าใสรีบทรงตัวลงจากรถทันที ศุวิลยิ้มเยาะ จอดรถเข้าที่เรียบร้อย ฟ้าใสถอดหมวกกันน็อกท่าทีฉุนเฉียว
“จะลงทำไมไม่บอก”
“หูหนวกหรือไง! บอกไปแล้ว!”
ฟ้าใสอึ้งอยู่ ศุวิลยึดหมวกกันน็อกมาจากฟ้าใส เก็บใส่เบาะ ล็อครถ เดินไป ฟ้าใสตีคู่ไปทันที ศุวิลเร่งเท้าหนี ฟ้าใสเร่งฝีเท้าตามติด ไม่ลดละ
ประตูลิฟท์เปิดออก ปิ่นมณีก้าวเยื้องย่างออกมา แล้วก็ต้องชะงักตกใจ เมื่อเห็นปองพลที่ใส่ชุดพนักงานยกกระเป๋าของโรงแรมกลอรี่เจนยืนอยู่
ปองพลทัก “นังปิ่น?”
ปิ่นมณีถอนใจไม่อยากเสวนา ทำท่าจะเดินหนี ปองพลปราดมาขวางดักไว้ แล้วมองพิจารณาปิ่นมณีทั่วทั้งตัว
“โอ้โห แต่งตัวซะสวยเชียว” ปองพลใช้สายตาสอดส่อง “มาทำอะไรที่โรงแรม”
“มาธุระ”
“ธุระอะไรที่โรงแรมวะ? หรือว่า...”
ปิ่นมณีจ้องหน้าปองพลเอาเรื่อง
“แหมๆๆ ดุจัง ชั้นไม่สนหรอกว่าแกจะมาทำอะไร เอาเป็นว่าได้เงินแล้วก็รู้จักเอาไปให้แม่แกบ้าง! ไม่ใช่ตัวเองกินข้าวโรงแรมแล้วปล่อยให้แม่อดมื้อกินมื้อ”
“ที่แม่ชั้นอดๆอยากๆ เพราะว่ามีหมาสองตัวคอยแย่งกินต่างหาก”
“มึงด่ากูกับพ่อกูเหรออีปิ่น!”
“ชั้นด่าหมา! แกกับพ่อแกเป็นหมาคอยสูบเลือดสูบเนื้อแม่ชั้นหรือเปล่าล่ะ”
ปองพลง้างมือจะทำร้าย ปิ่นมณีหันไปคว้าแจกันหน้าลิฟท์มาถือ จ้องปองพลไม่กลัวสักนิด ปองพลเป็นฝ่ายลดมือไม่กล้ามีเรื่องกับปิ่น
“สันดานตัวเมียเหมือนพ่อแกไม่มีผิด จำไว้นะ! แม่ชั้นยอมให้พ่อแกซ้อม แต่ชั้นไม่!”
ปิ่นมณีจ้องจิกไม่กลัวเกรงปองพลก่อนเดินออกไป
ปิ่นมณีเดินนวยนาดเข้ามาหน้าห้องอาหาร พยายามสลัดอารมณ์ขุ่นมัวทิ้ง แล้วหยุดที่พนักงานต้อนรับหน้าห้องอาหารหรูของโรงแรม พนักงานไหว้นอบน้อม
“จองไว้หรือเปล่าคะ”
“โทมัสค่ะ...โทมัส เอเวอร์ตัน”
พนักงาน เปิดสมุดตรวจหาชื่อ
อีกด้านหนึ่งไกลๆ เห็นศุวิลเดินหนีฟ้าใสเข้ามา มีเพียงต้นไม้ประดับหน้าร้านที่บังไม่ให้ศุวิลเห็นปิ่นมณี ศุวิลเดินใกล้เข้ามา เกือบจะเห็นปิ่นมณีรอมร่อ
พนักงานเงยจากสมุด “เชิญด้านนี้เลยค่ะ”
พนักงานนำปิ่นมณีเข้าไปในร้าน จังหวะเดียวกันกับที่ศุวิลเดินมาถึงหน้าร้านอาหารพอดี ปิ่นมณีเดินลึกเข้าไปในร้านแล้วเลี้ยวลับเข้าไปอีกฝั่งของร้าน คลาดกับศุวิลอีกครั้ง
ฟ้าใสทนไม่ไหวดึงแขนศุวิลไว้
“มาถึงแล้ว คุยได้รึยัง”
ศุวิลตอบซะดัง “ยัง”
คนรอบๆ หันมองมาเป็นตาเดียว เพราะตกใจเสียงของศุวิล ฟ้าใสอายสายตาคน
“พูดเบาๆหน่อยไม่ได้หรือไง กักขฬะ ป่าเถื่อน!”
“น้องๆ พระเอกละครตบจูบเลยล่ะ อายนักใช่มั้ย มานี่!”
ขาดคำศุวิลลากฟ้าใสไปที่เคาน์เตอร์โรงแรมทันที ฟ้าใสตกใจ
“คุณจะทำอะไร!”
“เปิดห้องโรงแรม!”
ฟ้าใสตกใจร้อง “ว้าย” ลั่นล็อบบี้
ทางด้านปิ่นมณี เดินเข้ามาที่โต๊ะอาหาร เห็นฝรั่งนักธุรกิจวัยกลางคน ดูดีมีระดับ นั่งหันหลังอยู่ ปิ่นมณีพูดภาษาอังกฤษได้ฉะฉานไพเราะ
“Excuse me, I think we are meeting together if you’re Thomas.”
โทมัส หันมาหา เห็นว่าเป็นฝรั่งหน้าตาดี และดูภูมิฐาน
โทมัสมองปิ่นมณีแล้วอึ้ง ยิ่งมองยิ่งพบแต่ความสวย ปิ่นมณีเห็นว่าโทมัสได้แต่อึ้งจ้องอย่างนั้น
ปิ่นมณีแสร้งใส่จริต “Oh, I’m sorry. I thought you were somebody else.”
“Of course, it’s me, Thomas. I wanna be him even I may not. ‘Cause you’re so beautiful, much more than I think. Miss ...”
ปิ่นมณียิ้มพราว บริหารเสน่ห์
“Patt .. call me “Patty”.”
โทมัสยิ้มมองปิ่นมณี ท่าทีพึงพอใจมาก
ฟากศุวิลลากฟ้าใสมาที่เคาน์เตอร์ต้อนรับฟร้อนท์ออฟฟิศ
“สวัสดีค่ะ กลอรี่เจนยินดีต้อนรับค่ะ”
“สวัสดีครับ เปิดห้องสวีทห้องนึงครับ หรือมีห้องใหญ่กว่าห้องสวีทก็ได้นะ ยิ่งใหญ่ยิ่งดีเพราะคงใช้พื้นที่เยอะ” เขาหันไปยิ้มเย้ย “ใช่ป่ะ คุณฟ้าใส”
พนักงานมองหน้าฟ้าใสทันที พนักงานอีกสองสามคนที่อยู่แถวนั้น เหลือกตาขึ้นมองอย่างสู่รู้
“หลานท่านรองอ่ะเธอ...”
ฟ้าใสรู้ดีว่าพนักงานรู้จักตัวเอง กลัวถูกเข้าใจผิด “เอ่อ คือ...ไม่...”
ศุวิลสวนออกมา “ไม่ปฏิเสธ พอดีอยู่ๆ หลานท่านรองเนี่ย เค้าก็เกิดอารมณ์ขึ้นมา”
ฟ้าใสตกใจไม่คิดว่าศุวิลจะห่าม บ้า และกล้าพูดแบบนี้ “คุณ!”
“พอบอกว่าให้จัดการแถวๆ นี้ ก็ไม่ยอม อยากแต่ไม่อยากประเจิดประเจ้อในที่สาธารณะ ผมก็เลยพามาเปิดห้อง เอ๊ะ ความจริงคุณเป็นญาติเจ้าของนี่ ผมคงไม่ต้องจ่ายค่าห้อง” ศุวิลหันมาทางพนักงาน “ถ้างั้นขอห้องใหญ่สุดเลยนะ คุณฟ้าใสเค้าชอบ”
พนักงานทั้งหมดถึงกับร้อง “อูย” ทั้งแถบ มองหน้ากันไปมา
ฟ้าใสทนไม่ไหวแล้ว อายมาก หันหาพนักงาน “ฟังนะคะ ชั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผู้ชายคนนี้!”
ศุวิลเสียงดัง “ไม่เกี่ยวได้ไง เมื่อกี้ยังกอดผมแน่นเลย”
ฟ้าใสแผดเสียงใส่ “ไอ้บ้า! นั่นชั้นกลัวตกรถ ฟังนะ ผู้ชายกากๆ ปากหมาอย่างคุณ ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากขึ้นห้องด้วยหรอก แค่เดินด้วยยังลำบากใจเลย”
“รสนิยมคุณไม่ดีต่างหาก! ผมมีผู้หญิงของผม เค้าสวย..แล้วก็...คือ ไม่รู้จะพูดยังไง แบบว่าดีไปหมด ไม่จุ้นจ้านเวิ่นเว้อเหมือนคุณ”
“ปากเหรอเนี่ย” ฟ้าใสแค้นใจ “ถ้างั้น...ชั้นจะภาวนา ให้แฟนคุณเค้าเจอผู้ชายอื่น จะได้พ้นทุกข์จากคุณซะที!”
ศุวิลโกรธ “นี่คุณ”
ฟ้าใสไม่สนใจ เดินหนีไปเลย ศุวิลมองตามอย่างเจ็บใจ
ด้านปิ่นมณีเสร็จภารกิจธุรกามของหล่อนแล้ว กำลังดูเช็คมูลค่า หนึ่งแสนบาท เก็บเช็คใบนั้นใส่กระเป๋า แล้วหันไปมองที่เตียง
แลเห็นโทมัสนอนหลับอยู่บนเตียง ในสภาพเปลือยเห็นท่อนบน มีเพียงผ้าห่มปิดท่อนล่าง หลับไม่รู้เรื่อง
ปิ่นมณีส่ายหัวด้วยความสมเพช แล้วกระชับกระเป๋าสะพาย ปิดประตู ออกเดินไปอย่างไม่ยี่หระ
คืนนี้บรรยากาศในผับที่โรงแรมกลอรี่เจนกำลังคึกคัก แขกที่มาเที่ยวล้วนเป็นเด็กนักเรียนนอกมีรสนิยม และลูกหลานคนมีสตางค์ทั้งนั้น สาวที่มาเที่ยวก็สวยดูไฮโซไปหมดทุกคน
ที่มุมหนึ่ง แลเห็นสุธาวียกเครื่องดื่มดื่มจนหมดแก้ว ทำท่าลุกขึ้นจะกลับเพราะความเบื่อหน่าย
“ฉันกลับล่ะ”
ปรียะที่นั่งอยู่กับสุธาวี ดึงรั้งไว้
“เฮ้ย! จะรีบไปไหนเล่า บอกแล้วไง ไม่สว่างไม่กลับ”
“แกบอกของแกคนเดียว ฉันง่วง เพลีย”
“เอ้า! แล้ว...” ปรียะกังวลเรื่องบิลค่าเหล้า
สุธาวีตัดบท “แกกินต่อตามสบาย เดี๋ยวฉันเคลียร์ให้ ไม่ต้องห่วง”
คราวนี้ปรียะรีบไล่เลย “ขอบใจว่ะ รีบกลับไปพักเถอะไป เจอกัน”
ว่าแล้วปรียะก็หันไปเหล่สาวต่อ สุธาวียิ้มเหยียดให้ปรียะ เพื่อนกินเดนตายก่อนจะเดินออกไป
ปิ่นมณีเดินออกจากลิฟท์ ประตูลิฟท์ปิดลง ปิ่นมณีวางมาดเดินอย่างสง่างาม
ลิฟท์อีกตัวเปิดออก โทมัสที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินออกมา ร้องเรียก
“Patty!”
ปิ่นมณีหยุดหันไปมอง โทมัสรีบเดินมาดักหน้าปิ่นมณี
“I just want your phone number. My angel…”
ปิ่นมณีมองโทมัสพิจารณาครู่นึง แล้วยิ้มหวานเอื้อมมือไปลูบแก้มโทมัส
“So sweet...” โทมัสพริ้ม ปิ่นมณีเปลี่ยนเป็นเด็ดขาด “but no! It’s just for business only.” โทมัสจ๋อย ท่าทางหมดหวัง “You know how to find me…Thomas”
เสียงศุวิลดังขึ้นในจังหวะนี้ “มาถึงแล้วพี่ แต่ผมเห็นคนเยอะ ขี้เกียจเข้าไป...”
ปิ่นมณีชะงัก คุ้นๆ หู เหมือนเสียงศุวิล
ศุวิลเดินคุยโทรศัพท์มาจากอีกมุมของโถงล็อบบี้ ตรงมาหน้าลิฟท์
“เออๆ เข้าไปก็ได้ แต่ขอเข้าห้องน้ำหน่อยแล้วกัน”
ปิ่นมณียืนตกใจทำอะไรไม่ถูกอยู่หน้าลิฟท์
ส่วนอีกด้านศุวิลเดินเลี้ยวมา ปิ่นมณีตกใจตาค้าง แล้วคิดได้อย่างรวดเร็วรีบดึงโทมัสมาจูบทันที เพื่อบังไม่ให้ศุวิลเห็น
ศุวิลมองไกลๆ เห็นเพียงว่าฝรั่งพลอดรักกับผู้หญิง จึงทำมีมารยาทไม่มอง แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป คล้อยหลังศุวิล ปิ่นมณีดันโทมัสออกจากตัวทันที
“bye”
ปิ่นมณีรีบวิ่งไปอีกทาง เมื่อเลี้ยวมาก็ชนกับสุธาวีจังๆ
สุธาวีและปิ่นมณีต่างขอโทษออกมาพร้อมกัน “ขอโทษครับ” / “ขอโทษค่ะ”
สุธาวีมองปิ่นมณีแล้วก็คิดว่าสวยน่าสนใจ ปิ่นมณีรู้ว่าคนที่มาที่นี่ล้วนหรู ไฮ อย่างน้อยก็มีตังค์ จึงอ้อยอิ่งค่อยๆ ผละตัวเองจากอกสุธาวี
“ท่าทางคุณรีบ มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ”
“ชั้นแค่หลงทางน่ะค่ะ...”
“คุณจะไปที่ไหนของโรงแรมผมล่ะครับ? ผมเชื่อว่าผมจะพาคุณไปส่งได้ถูก”
นัยน์ตาปิ่นมณีเป็นประกายวาบ ตรงข้ามกับน้ำเสียงที่ดูเย็นชา เมื่อรู้ว่าสุธาวีเป็นเจ้าของโรงแรม หล่อ..รวย..ทายาทกลอรี่เจน
“ไม่เป็นไรค่ะ....ขอตัวนะคะ”
ปิ่นมณียิ้มหว่านเสน่ห์ให้ สุธาวีอึ้ง...รอยยิ้มบาดใจ และหูตาแพรวพราวของปิ่นมณีโดนใจอย่างจัง
ปิ่นมณีเยื้องย่างออกไป จงใจหว่านเสน่ห์ให้สุธาวีอีกรอบ...ทิ้งท้าย
สุธาวีมองตามปิ่นมณีอย่างสนใจ
ปิ่นมณีเดินมาถึงหน้าผับ ทำทีเป็นหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์มั่วๆ เหลือบมองข้างหลังตลอด ลุ้นว่าสุธาวีจะตามมาไหม
“ทายาทกลอรี่เจน?...ลูกเจ้าของตัวจริง...ไม่ใช่ลูกเมียน้อยเหมือนลม”
ปิ่นมณีรำพึงพลางยิ้มกับตัวเอง คิดการใหญ่
สุธาวีเดินเข้ามา เห็นปิ่นมณียืนคุยมือถืออยู่หน้าผับ ชะงัก ทำเป็นมองโน่นนี่ สังเกตปิ่นมณีอยู่ห่างๆ
ปิ่นมณีเหลือบไปเห็นสุธาวี ก็ยิ้มสาสมใจ จงใจพูดกับลมกับแล้ง เสียงดังให้สุธาวีได้ยิน
“ลูกค้าที่นัดเจอที่กลอรี่เจนเมื่อเย็น ฝากบอกบอสมาด้วยนะคะว่าบริษัทเรา...excellent มาก....ยังไม่กลับหรอกค่ะ อยากหาอะไรดื่มชิลล์ๆ ก่อนกลับบ้าน ไม่อยากออกไปเจอรถติด”
สุธาวีอมยิ้ม...ฟ้าเป็นใจ...นางยังไม่อยากกลับบ้าน
ปิ่นมณีทำเป็นวางสาย แล้วเดินเข้าไปในผับ แผนล่อสุธาวีให้เข้ามากินเหยื่อมีแนวโน้มที่ดีสุธาวีลังเลตัดสินใจจะตามเข้าไปดีหรือไม่
ปิ่นมณีนั่งเฉิดฉายไขว่ห้างวางท่าสวย เปรี้ยว เซ็กซี่ที่เคาน์เตอร์บาร์ หล่อนมองไปที่ทางเข้าร้าน เป็นระยะ รอคอยสุธาวี นึกฉุน ที่ยังไม่เห็นสุธาวีตามมา
พนักงานเดินมารับออร์เดอร์
“สวัสดีครับ”
ปิ่นมณีบอกเสียงตึงๆ อารมณ์เสีย “เดี๋ยวค่อยมาใหม่นะคะ”
พอพนักงานออกไปปุ๊บ ปรียะเข้ามาเสียบ ยิ้มแป้นแล้นใส่ปิ่นมณีทันที
“คุณนี่ใช้ไม่ได้เลยนะครับคุณปิ่นมณี...ขายรถให้ผมคันละหลายล้าน แต่ผมโทร.ไป คุณไม่เคยรับโทรศัพท์เลย...”
ปรียะเอามือลูบเอวปิ่นมณีอย่างคุ้นเคย ปิ่นมณีไม่พอใจ จับมือปรียะออก
ปิ่นมณีแดกทันที “จะโทร.หาดิชั้นทำไมล่ะคะ หรือว่าจะซื้อรถให้ภรรยา?”
“ผมต้องการบริการหลังการขาย...”
ปิ่นมณีคว้าแก้วเครื่องดื่มของคนข้างๆ สาดหน้าปรียะทันที
“อะไรวะ”
ปรียะเงื้อมือจะฟาดปิ่นมณี แต่มีมือผู้ชายมารับไว้เสียก่อน ปรียะชะงัก หันไป เจ้าของมือนั้นคือสุธาวี
“ไอ้วี! อย่ามายุ่ง!”
“จะตบผู้หญิง ไปตบที่อื่น ไม่ใช่ในโรงแรมฉัน” สุธาวีเสียงเข้ม
ปรียะอึ้ง....มองหน้าปิ่นมณีที่ยิ้มเย้ยมาด้วยความเคียดแค้น
ปิ่นมณีมองสุธาวีอย่างขอบคุณ นึกนิยมชมชอบเขาขึ้นมาในใจ
อ่านต่อหน้า 2
เจ้าพายุ ตอนที่ 2 (ต่อ)
ปรียะถูกการ์ดหิ้วออกมาหน้าผับ สุธาวีเดินตามออกมาด้วยความไม่พอใจ ปิ่นมณีตามออกมาดูด้วย
“ไอ้วี แกทำกับชั้นอย่างนี้ได้ยังไง” เขาชี้หน้าปิ่นมณี “มันก็แค่เซลส์ขายรถ”
ปิ่นมณีแทรกสร้างภาพทันที “เซลส์ขายรถที่ไม่ยอมขายตัวให้ผู้ชายที่ดูถูกผู้หญิงอย่างคุณ”
“พูดเหมือนนางเอกใสซื่อในละคร ดูทรงก็รู้ว่าเป็นรถมือสองสามสี่”
สุธาวีสวนทันที “จะมือไหน สุดท้ายแกก็ไม่มีปัญญาได้ขับ อย่าโวยวายให้ตัวเองน่าสมเพชกว่านี้เลยปรียะ...”
ปรียยั๊ว “ไอ้วี!”
สุธาวีจ้องหน้าเอาจริง ปรียะค้านไม่ได้ มองปิ่นมณีด้วยความเจ็บใจ
“กลับก็ได้ แต่แกจำไว้ รถน่ะดูแค่ภายนอกไม่ได้หรอกไอ้วี ภายนอกน่ะอาจจะสวยดูดี แต่ช่วงล่างอาจจะผุพังจนแทบหาอะไหล่เปลี่ยนไม่ได้แล้วก็ได้!”
ปรียะหุนหันออกไป
ปิ่นมณีรู้ว่าถึงเวลาต้องเรียกคะแนนสงสาร
“ขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณกับเพื่อนต้องทะเลาะกัน ความจริงคุณไม่จำเป็นต้องปกป้องชั้นขนาดนี้ก็ได้...เซลส์อย่างชั้นเจอแบบนี้จนชินแล้วล่ะค่ะ”
“ผมทำในสิ่งที่ควรทำ ทั้งในฐานะสุภาพบุรุษ และในฐานะเจ้าของโรงแรม”
ปิ่นมณียิ่งมองสุธาวีอย่างชื่นชมในใจ
เสียงศุวิลดังขัดขึ้น “ปิ่น?”
ปิ่นมณีหันไปเห็นศุวิลตกใจ “ลม!”
สุธาวีหันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นศุวิลก็ชะงัก สองคนมองหน้ากันไม่พอใจ ปิ่นมณีตกใจที่เจอศุวิลที่นี่
ศุวิลกับสุธาวีมองหน้ากันไม่มีใครหลบตา ปิ่นมณีแอบมองรับรู้ได้ถึงความไม่ลงรอยกันแล้วยิ่งเข้าแผน
“รู้จักเค้าด้วยเหรอ”
“ขออนุญาตแนะนำตัวนะคะ ดิฉันปิ่นมณี และนี่...คุณศุวิล...”
สุธาวีแทรก “เจนจรัสตระกูล...แต่ว่าเป็นเจนจรัสตระกูลนอกสมรส! ส่วนผม สุธาวี เจนจรัสตระกูล...ทายาทตัวจริงของกลอรี่เจน!”
ปิ่นมณีแอ๊บสุดชีวิต “คุณเป็นญาติกันเหรอคะลม?”
“แค่นามสกุลที่เหมือน แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน และไม่เคยยินดีที่ได้รู้จักคนที่มีนามสกุลเดียวกับผม ไปเถอะปิ่น”
ศุวิลจูงปิ่นมณีเข้าไปด้านใน ปิ่นมณีส่งสายตาขอโทษให้สุธาวี....แล้วรีบตามศุวิลไป
สุธาวีมองตาม ยิ่งรู้ว่าปิ่นมณีเป็นแฟนของศุวิล ก็ยิ่งสนใจ
“เป็นแฟนไอ้ลมเหรอ?”
สุธาวีมาดหมายว่าตนเองต้องได้ปิ่นมณีเพื่อหักหน้าศุวิล
ศุวิลจูงปิ่นมณีมาที่หน้าห้องจัดเลี้ยง สีหน้าท่าทางสงสัยไม่หาย
“ปิ่น ไหนบอกว่ามีนัดลูกค้าที่พัทยาไง?”
ปิ่นมณีนึกได้ชะงัก คิดเร็วรีบกลบเกลื่อน
“พอดีลูกค้าแคนเซิ่ลน่ะ...ปิ่นเลยมาเซอร์ไพร์สคุณไงคะลม...นึกว่าเห็นปิ่นแล้วจะดีใจซะอีก...”
“แล้วสุธาวีเค้ามายุ่งอะไรคุณ”
“เค้าคิดว่าเป็นคนรวยโปรไฟล์ดีผู้หญิงทุกคนต้องวิ่งเข้าหามั้งคะ ปิ่นเลยต้องหาทางสกัดเอาไว้ก่อน จะได้ไม่มายุ่งกับปิ่นอีก”
“เค้าคงคิดว่ามีเงินแล้วจะทำอะไรอะไรก็ได้มั้ง”
“เงินไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ปิ่นเลือกคบใครนะคะ...ความรักต่างหาก”
ปิ่นมณียิ้มให้ศุวิล
ทัดเทพและพิมพ์จันทร์เดินมา เห็นศุวิลก็ดีใจ ตรงไปหาศุวิลกับปิ่นมณี ปิ่นมณีหันไหว้ ทัดเทพมองศุวิลกับปิ่นมณีแล้วเย้าหยอก
“มาถึงโรงแรมเป็นชาติแล้วไม่ยอมเข้าห้องจัดงานซะที หรือว่าไปแวะห้องอื่นมา...”
พิมพ์จันทร์เอาศอกกระทุ้งทัดเทพ ว่าเสียมารยาท
“ลูกค้ารอนานแล้วลม”
ศุวิลหันมองปิ่นมณี ท่าทางลำบากใจ
ศุวิลขออนุญาตกับทัดเทพ “ให้ปิ่นเข้าไปในงานด้วยได้ไหมครับ ลูกค้าจะว่าหรือเปล่า?”
ปิ่นมณีได้ทีรีบพูดเพื่อจะรีบชิ่งไปจากที่นี่
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะลม ปิ่นแค่มาเซอร์ไพร้ส์..แล้วเราค่อยเจอกันนะ”
ปิ่นมณียิ้มให้แล้วเดินออกไป ศุวิลมองตาม นึกดีใจที่มีแฟนอย่างปิ่นมณีซึ่งเข้าอกเข้าใจ ไม่เซ้าซี้
ปิ่นมณีเดินมาแต่ต้องชะงัก เพราะเจอสุธาวีเดินเข้ามาขวางเอาไว้
“คุณสุธาวี”
“ทำไมรีบแยกตัวมาจากแฟนล่ะครับ”
ปิ่นมณียิ้มมีลูกล่อลูกชน
“เค้าไม่ค่อยพอใจนิดหน่อยน่ะค่ะ คงจะหึงมั้งคะ...”
สุธาวีมองปิ่นมณี ที่ยิ้มพราวเสน่ห์ให้ รู้ว่าปิ่นมณีพร้อมจะเล่นเกมสวาทนี้เช่นกัน
“ผมคิดว่าผมยังไม่ได้ทำอะไรที่ไม่สมควรกับคุณเลย...อย่างน้อยก็ในตอนนี้...”
ปิ่นมณีเองก็รู้ว่าสุธาวีสนใจตนเอง หล่อนพอใจแต่แสร้งทำเป็นไว้ตัว
“ยังไงก็ฝากขอโทษน้าชายผมด้วยนะครับ...”
“น้าชาย?” ปิ่นมณีฉงน
“กู้ดไนท์ครับ”
สุธาวีทำเหมือนจะไป แกล้งพูดเรื่องศุวิลขึ้นมาเพื่อจะให้ปิ่นมณีสนใจ
ปิ่นมณีรู้ว่าสุธาวีจะเล่นเกมนี้ จึงแสร้งทำเป็นรู้ไม่ทัน เดินตามเกมของสุธาวี
“เดี๋ยวก่อนค่ะ...ตกลงลมเกี่ยวข้องอะไรกับคุณและเจนจรัสตระกูลคะ”
สุธาวียิ้มกริ่มคิดว่าเข้าแผน “เค้าไม่เคยเล่าอะไรให้คุณฟังเลยหรือไง”
“คุณลมไม่คุยเรื่องส่วนตัวของเค้าให้ฉันฟังมากนัก”
“เป็นแฟนกันยังไง ทำแบบนี้ดูเหมือนเค้าจะไม่ให้เกียรติคุณเลยนะ แต่..ขอโทษที ผมรีบกลับ ไว้วันหลังมีโอกาสจะเล่าให้ฟัง”
“แล้วฉันจะติดต่อคุณได้ยังไง”
“นั่นสินะ”
สุธาวียื่นโทรศัพท์ให้ปิ่นมณี หล่อนยิ้มยื่นโทรศัพท์ตนเองให้เช่นกัน ต่างคนต่างกดเบอร์ให้กันแล้วส่งโทรศัพท์คืนกัน
“แล้วเจอกันครับ คุณปิ่นมณี”
“ค่ะ แล้วเจอกันค่ะคุณสุธาวี”
ทั้งสองคนแยกกันไปคนละทาง ต่างฝ่ายต่างยิ้มพอใจ
สักครู่หนึ่งโทรศัพท์ปิ่นมณีดังขึ้น ปิ่นมณียิ้มย่องขณะกดรับ
สุธาวีคุยโทรศัพท์
“เทสต์ครับ...”
“สัญญาณชัดเจนค่ะ...”
สองคนวางโทรศัพท์ ต่างยิ้มกระหยิ่มที่แผนการสืบสานความสัมพันธ์ของตนดำเนินไปอย่างแยบยล
ปิ่นมณีนั้นต้องการจับสุธาวีไว้อีกคนเป็นทางเลือกในฐานะทายาทเจนจรัสตระกูบ ส่วนสุธาวีอยากได้ผู้หญิงของศุวิล!
รุ่งเช้า ภายในห้องพักของโรงแรมบูธีคเล็กๆ นั้น แก้วตากำลังผูกเนคไทให้บรรเจิด เธอมองชายรุ่นพ่อด้วยสายตาเทิดทูน เปี่ยมรัก บรรเจิดมองตอบด้วยความรักความสงสาร
เสร็จแล้วแก้วตาหันไปก้มหยิบรองเท้ามาสวมให้บรรเจิดอย่างไม่รังเกียจ
“แก้วพักอยู่ที่นี่ก่อนนะ ผมให้เดชหาบ้านใหม่ให้แล้ว”
“แก้วอยู่ยังไงก็ได้ค่ะ ขอแค่ให้แก้วได้อยู่กับคุณ”
บรรเจิดลูบหัวแก้วตาอย่างรักใคร่
“ผมทำให้แก้วลำบากเหลือเกิน...ต่อไปผมจะไม่ให้ใครทำร้ายแก้วอีก”
“ขอบคุณมากนะคะที่อยู่เป็นเพื่อนแก้วทั้งคืน...แต่คุณกลับไปเช้าแบบนี้ คุณอรจะว่าอะไรคุณหรือเปล่าคะ”
บรรเจิดกลุ้มเมื่อได้ยินชื่อเมีย แก้วตาลูบแขนปลอบ
“คุณรีบกลับไปหาคุณอรนะคะ ยิ่งช้าคุณอรจะยิ่งโกรธ แก้วไม่อยากให้คุณมีเรื่อง”
บรรเจิดจูบหน้าผากแก้วตาแล้วออกไป
แววตาของแก้วตาเปลี่ยนจากประกายสดใส กลายเป็นเหยียดหยัน แก้วตามองตัวเองในกระจก
“สุดท้ายก็ต้องกลับไปรายงานตัวกับเมีย...แต่ก็ดี ถ้าเกิดเลิกกันขึ้นมาจริงๆ คุณก็เหลือแต่ตัวน่ะสิ”
เดชขับรถมารอรับที่หน้าโรงแรม บรรเจิดขึ้นรถปิดประตู สีหน้าหมกมุ่นครุ่นคิดหนัก เดชสังเกตเห็น
“แก้วตาทำอะไรให้ท่านไม่สบายใจหรือเปล่าครับ”
“ฉันต่างหากที่ทำให้เค้าไม่สบายใจ ที่เค้าต้องเร่ร่อนมาอยู่แบบนี้ก็เพราะฉัน”
“เพราะคุณอรทัยต่างหากครับ” เดชบอก
บรรเจิดชะงักไม่ปฏิเสธ
“แล้วท่านจะบอกคุณอรทัยยังไงครับ ที่ท่านไม่กลับบ้านทั้งคืน?”
บรรเจิดมีสีหน้าครุ่นคิด เหมือนตัดสินใจบางอย่างได้
“พ่อของอรเค้ามีบุญคุณกับชั้น...ชั้นแต่งงานกับอรเพื่อทดแทนบุญคุณท่าน...สามสิบกว่าปีที่ใช้ชีวิตด้วยกัน...ชั้นว่าชั้นคงทดแทนบุญคุณเพียงพอแล้ว”
เดชอึ้งไป เห็นบรรเจิดไม่พูดอะไรอีก จึงเงียบไป และออกรถ
บรรเจิดตรึกตรอง ตัดสินใจอะไรบางอย่าง
มุมหนึ่งในคฤหาสน์เจนจรัสตระกูล อรทัยยังนั่งรอบรรเจิดกลับบ้านอยู่ตรงนั้น ซึ่งน่าจะรอมานานแล้วหรืออาจทั้งคืน? แลเห็นร่องรอยความเจ็บช้ำในใบหน้าสวยสง่าของหล่อน จำปาเข้ามาหาท่าทางเกรงๆ
“คุณผู้หญิงจะไม่รับประทานอะไรซักหน่อยเหรอคะ?”
อรทัยหันไปมองจำปา ไม่ตอบ แต่ถามกลับแทน “นี่กี่โมงแล้ว”
“เก้าโมงเช้าแล้วค่ะคุณผู้หญิง”
อรทัยนิ่งไป
“ไม่รู้ไอ้เดชมันพาคุณผู้ชายไปที่ไหน”
อรทัยเหลือบมองจำปาเป็นเชิงตำหนิ จำปาจ๋อย
“คุณผู้หญิงขา ไอ้เดชน่ากลั้วน่ากลัวนะคะ ถ้ามันจับได้ว่าจำปาแอบดูความเคลื่อนไหวของมันกับคุณผู้ชาย ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรจำปามั่ง..แต่จำปาก็ยอมเสี่ยงค่ะเพื่อคุณผู้หญิง”
อรทัยรู้ทันทีว่าจำปาต้องการขอเงิน ไม่โอ้เอ้
“เท่าไหร่?”
“ห้าพันค่ะ...” จำปาตีหน้าเศร้า “จำปาต้องส่งเงินให้แม่”
“ส่งให้แม่หรือว่าเอาไปเล่นหวย”
จำปายิ้มแหยๆที่อรทัยรู้ทัน
“เดี๋ยวชั้นจะจัดการให้”
จำปาออกไปอย่างเริงร่า อรทัยมองตามจำปาด้วยสายตาคมกริบ นึกดูแคลนในใจ
สักครู่หนึ่ง อรทัยหันมองนาฬิกา แล้วถอนใจ เครียดที่บรรเจิดยังไม่กลับ
สุธาวีเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน เห็นมารดานั่งอยู่แล้วชะงัก เลี่ยง จะออกไป
อรทัยเห็นก่อน ถามสุธาวีขึ้น “แกจะไปเยี่ยมคุณตาที่โรงพยาบาลหรือเปล่า?”
“จะให้ผมไปทำไม? คุณตาเองก็ไม่ได้อยากเห็นหน้าผม”
ผู้เป็นลูกชายย้อน แล้วเดินหนี อรทัยยิ่งโมโหที่สุธาวีไม่สนใจอะไรเลย อรทัยลุกตามไป
สุธาวีเดินหนีมาอุกมุมในคฤหาสน์ อรทัยเดินผ่านแจกันคว้าได้ ทุ่มใส่ไปที่สุธาวีทันที เสียงดังเปรี้ยงสุธาวีชะงัก หยุดอยู่กับที่ แต่ก็ยังไม่หันมา เจ็บปวดที่แม่ทำแบบนี้
ฟ้าใสและจำปาเข้ามาเพราะได้ยินเสียง แต่อยู่คนละมุมมองดูด้วยอาการตกใจ
“ต้องให้ฉันทำแบบนี้ใช่มั้ย ถึงจะเรียกความสนใจจากแกได้”
“ด้วยวิธีแบบนี้เท่านั้นเหรอครับ คุณแม่ถึงคิดว่า จะทำให้ผมสนใจคุณแม่” ลูกชายย้อนอีก
“ฉันคุยกับแกดีๆ เคยได้ผลหรือเปล่าล่ะ”
“ที่ผ่านมา ไม่ได้เรียกว่าคุย เรียกว่าสั่งครับ”
คำพูดลูกชายทำเอาอรทัยอึ้ง
สุธาวีระบายความรู้สึกต่อ
“คุณแม่ทำเป็นแค่ออกคำสั่งกับทุกคนไม่เว้นแม้แต่ลูกผัว อ้อ มีคนเดียวที่คุณแม่ไม่กล้าสั่ง คุณตาไง..เพราะกลัวจะไม่ได้สมบัติ!!!ยิ่งตอนนี้คงยิ่งคิดหนัก เพราะเห็นว่า...มีน้องชายโผล่มาแบ่งสมบัติแล้วนี่ครับ”
“เลิกยุ่งเรื่องของฉัน เอาสมองไปจัดการชีวิตตัวเองให้ดีก่อน”
“ไม่มีครับ เพราะไม่ค่อยได้ใช้ ตอนนี้ไม่มีรอยหยัก คิดอะไรไม่เป็น คุณแม่ก็สั่งมาสิครับ” สุธาวีประชดส่ง
อรทัยพยายามที่จะใจเย็น “ฉันเปลืองพลังงานทะเลาะกับแกมามากพอแล้ว คุณตานอนป่วยหนัก แกต้องไปเยี่ยมท่านให้ท่านเห็นหน้าทุกวัน”
สุธาวีเงียบไม่ตอบ
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันจะขอร้องแก...ขอให้แกรับเอานิสัยของฉันไปบ้าง นิสัยอ่อนแอ คิดอะไรโง่ๆตื้นๆอย่างพ่อแกน่ะ เลิกสักที!”
เสียงบรรเจิดขัดขึ้นในจังหวะนี้ “ถ้าคุณไม่เคยภูมิใจในตัวผม...”
ทั้งอรทัยและสุธาวีชะงัก หันไป บรรเจิดเดินเข้าประตูคฤหาสน์มาแล้วพูดต่อเมื่อมายืนตรงหน้าอรทัย
“เราก็หย่ากันเถอะ!”
อรทัย สุธาวี ฟ้าใส และจำปาตกใจ คาดไม่ถึงว่าบรรเจิดจะกล้าขอหย่ากับอรทัย แต่บรรเจิดจริงจังและมีสติมากกับการประกาศนี้
บรรเจิดมองหน้าภรรยาแวบหนึ่งแล้วเดินหนีขึ้นชั้นบนไป อรทัยตาม
บรรเจิดเดินหนีมาหยุดอยู่อีกมุม อรทัยโลดลิ่วตามเป็นพายุ สุธาวีเดินมากับฟ้าใสทิ้งระยะพอควร ฟ้าใสรู้สึกเห็นใจสุธาวี ที่มองภาพเหตุการณ์พ่อกับแม่ทะเลาะกัน คิดว่าเขาคงเจ็บปวด
อรทัยทั้งโกรธทั้งตกใจที่บรรเจิดขอหย่า
“หายไปอยู่กับเมียน้อยมาทั้งคืน พอกลับมาก็มาขอหย่าเลยเหรอ?”
“คุณจะกอดทะเบียนสมรสจอมปลอมไว้ทำไม ในเมื่อคุณเองก็หมดรัก หมดศรัทธาในตัวผมไปแล้ว! เราก็ควรจะเป็นอิสระต่อกัน”
“ให้อิสระคุณ ไปใช้ชีวิตอยู่กับเมียน้อยนั่นอย่างสบายใจน่ะเหรอ ไม่มีทาง!” อรทัยมองจ้องหน้าบรรเจิด “ชั้นไม่หย่าให้หรอก ชั้นจะตามจองล้างจองผลาญเมียน้อยของคุณ...คุณก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าชั้นทำอะไรได้บ้าง...ส่วนคุณ ก็ต้องอยู่กับชั้นไปจนกว่าเราจะตายจากกันไปข้างนึง”
ทุกคนอึ้งกันไปหมด
“คุณจะเก็บผมไว้ทำไม? ผมไม่ได้ขออะไรคุณเลยนะ ผมขอแค่ชีวิตของผม...ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตผม คุณก็เอาไปหมดแล้ว แม้แต่ลูก คุณก็ยังให้ใช้นามสกุลของคุณ!”
“คุณกลับไปบอกเมียน้อยของคุณด้วยนะ...ว่ามันไม่มีทางได้ใบหย่า! ต่อให้ฉันตาย มันก็ไม่มีทางได้ของที่เคยเป็นของฉัน!”
บรรเจิดชะงัก สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“สำหรับคุณ ผมก็เป็นแค่สิ่งของเท่านั้นใช่ไหม?”
“หรือคุณคิดว่าตัวเองมีค่ามากกว่านั้น” อรทัยย้อนแรง นี่แหละคือหล่อน!
ทุกคนอึ้ง อรทัยยิ้มเหยียดใส่บรรเจิดเหมือนสาแก่ใจ หากแต่ในแววตาเจ็บปวดลึกล้ำ แต่ต้องบดบังซ่อนเอาไว้ เดินไปเข้าห้องตัวเอง ปิดประตูโครม! ทุกคนยืนอึ้ง เห็นจำปาแอบดูอยู่ที่มุมหนึ่งด้วย
สุธาวีเจ็บปวดสุดประมาณ เดินหนีออกไป ฟ้าใสเห็นใจสุธาวี ตามออกไปเพื่อจะปลอบใจ
บรรเจิดยืนอึ้ง นิ่งงันอยู่คนเดียว
สุธาวีเดินมาที่รถ ท่าทางไม่สบอารมณ์ ฟ้าใสเดินตามมาหวังปลอบใจ
“คุณวี อย่าคิดมากนะ ตอนนี้ท่านสองคนกำลังโกรธ เลยอาจจะเผลอหลุดปากเรื่องหย่า อีกอย่างคุณอาบรรเจิดเป็นคนดี รักคุณอาอรมาก..รักคุณมาก คุณอาบรรเจิดไม่มีทางมีเมียน้อย”
สุธาวีหันมาหา “เธออยู่บ้านนี้มากี่ปีแล้ว”
“สิบห้าปี ทำไมเหรอคะ”
“เธอก็น่าจะรู้ว่าแม่ชั้นเป็นยังไง แล้วก็น่าจะรู้ว่าซักวันวันนี้ก็ต้องมาถึง”
ฟ้าใสอึ้ง
“ฉันไม่คิดมากกับมัน ดีใจเสียด้วยซ้ำ เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะฉันอยากให้ทั้งสองคนหย่าๆ กันไปซะ เรื่องเน่าๆ ในบ้านนี้ มันจะได้จบๆ!”
“คุณวี...”
“ฉันไม่ใช่เด็ก ไม่ต้องมาปลอบ! อยู่ให้ห่างๆ”
สุธาวีปิดประตูรถกระแทกใส่หน้าฟ้าใสโครม
ฟ้าใสอึ้ง...สงสารสุธาวี และนึกเห็นใจทั้งบรรเจิดและอรทัย
อ่านต่อหน้า 3
เจ้าพายุ ตอนที่ 2 (ต่อ)
สุธาวีขับรถตามถนนด้วยท่าทางเซ็งๆ เกิดคิดถึงปิ่นมณีขึ้นมา เลยกดโทรศัพท์ที่ใช้บูลธูทในรถ กดโทร.หาปิ่นมณี
ปิ่นมณีอยู่ที่คอนโดปิ่น โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง เห็นว่ามีสายโทร.เข้า และเป็นชื่อสุธาวี
ปิ่นมณีที่ส่องกระจกใส่ต่างหูอยู่ เหลือบมองโทรศัพท์ พอเห็นว่าเป็นชื่อสุธาวี ก็ยิ้มพอใจ แต่ไม่กดรับ ใส่ต่างหูอีกข้างต่อหน้าตาเฉย คิดว่ายิ่งยากเท่าไหร่ สุธาวีก็ยิ่งอยากได้
สุธาวีฟังเสียงรอสายยังที่คงดังอยู่ เขาไม่สบอารมณ์ที่ปิ่นมณีไม่รับสาย จึงเร่งเครื่องรถ เปลี่ยนเลน แซงรถคันหน้าไป
สราลัยขับรถอยู่บนถนนเดียวกันนี้ เห็นรถสุธาวีเปลี่ยนเลนหล่อนจำทะเบียนรถได้
สราลัยยิ้ม ดีใจที่บังเอิญเจอสุธาวี “นั่นรถวีนี่” สราลัยรีบกดโทรศัพท์หาสุธาวีทันที
ที่หน้าจอของรถสุธาวี เห็นชื่อสราลัยโทร.เป็นสายซ้อนเข้ามา สุธาวีไม่สนใจ ยังคงรอสายปิ่นมณีอยู่
สราลัยรอสายให้สุธาวีรับ จนสายหลุดไปเอง จากที่ดีใจได้เจอสุธาวี สราลัยก็เริ่มโมโห
“ไม่รับสายสราเหรอวี!” สราลัยเร่งเครื่องรถทันที
สุธาวีวางสายจากปิ่นมณีแล้ว ทันใดนั้นก็มีรถขับมาปาดหน้า สุธาวีตกใจเบรกรถเอี๊ยดข้างทาง เห็นสราลัยลงรถมา
สุธาวีไม่พอใจ “สรา!” เขาลงรถมาหาสราลัยอย่างฉุนเฉียว
“ทำบ้าอะไรเนี่ยสรา! เกิดรถชนกันขึ้นมาจะทำยังไง”
“ก็ซื้อใหม่สิ! เมื่อกี้วีคุยกับใคร ทำไมไม่รับสายสรา”
สุธาวีชะงัก “คุยเรื่องงาน”
“วี! อย่าโกหก บอกแล้วไงว่าไม่ชอบ มีอะไรให้บอกตรงๆ”
“อย่างี่เง่าได้ไหม บอกว่าคุยงานก็คุยงานสิ”
สราลัยยิ้มเยาะ “อย่างวีน่ะเหรอจะคุยเรื่องงาน”
สุธาวีไม่พอใจมากขึ้น “ทำไม ผมมีงานมีการทำ ไม่ได้เกาะพ่อแม่กินอย่างคุณ”
สราลัยชะงัก ไม่พอใจ
“ตกลงคุยเรื่องงานใช่ไหม?”
สราลัยพุ่งเปิดประตูรถสุธาวี คว้าโทรศัพท์สุธาวี มาเลื่อนดูเบอร์ที่เพิ่งโทร. แต่ยังไม่ทันเห็นอะไร สุธาวีคว้ามือถือกลับมา
สราลัยไม่พอใจ “ถ้าวีคุยเรื่องงานจริง ทำไมถึงให้สราดูไม่ได้!”
“อยากดูนักใช่ไหม?”
สุธาวีโยนโทรศัพท์ทิ้งลงพื้นทันที โทรศัพท์กระจาย
สราลัยแผดเสียงดังลั่น “วี!”
“ผมไม่ชอบให้ใครมาจุ้นจ้านเรื่องส่วนตัวของผม!”
“สราก็ไม่ชอบให้ใครมาโกหกสราเหมือนกัน!”
สุธาวีไม่พอใจ หันขึ้นรถ ขับพุ่งออกไป สราลัยมองตามรถสุธาวีอย่างเจ็บใจ
ศุวิลแต่งตัวอยู่ในห้องนอนใส่กางเกงแล้ว แต่ยังไม่ได้ใส่เสื้อ เขาเอาผ้าเช็ดๆ หัวอยู่ ท่าทางหงุดหงิด นึกถึงความวุ่นวายเมื่อวานที่อาภาเจอกับศิวา เลยนึกเลยไปถึงฟ้าใสด้วย
“ฉันยอมเป็นคนน่ารำคาญ เพื่อทำให้คุณสำนึกผิดที่พูดอย่างนั้นกับคุณตา!คุณเป็นลูกท่าน คุณไม่สมควรจะก้าวร้าวกับท่านแบบนี้!”
ศุวิลยิ่งหงุดหงิด
“ยัยลูกลิง!”
เสียงเคาะประตูตามด้วยเสียงสำลี “ลม ตื่นยังลูก”
ส่วนที่โต๊ะตรงหน้าบ้าน อาภาเตรียมของใส่บาตรรออยู่ มองไปเห็นเจ้าของบ้านข้างๆ เดินมาปลดป้ายที่ติดประกาศขายและให้เช่าออก
“มีคนซื้อแล้วเหรอคะคุณ”
“ครับ...รายนี้คุยง่าย ขายคล่องดีจัง ไม่ต่อสักบาท แปลก คนอื่นที่ติดต่อมามีแต่บอกว่า...ไกล เปลี่ยว ไม่ค่อยมีรถผ่าน...แต่รายนี้บอกยิ่งเงียบยิ่งดี” เจ้าของบ้านเมาท์
“สงสัยมีคนแก่มาอยู่ด้วยมั้งคะคุณ คงอยากอยู่เงียบๆ” อาภาว่า
“ขอตัวก่อนนะครับ ต้องไปดูให้ช่างซ่อมบ้านก่อนโอน” เจ้าของบ้านเดินออกไป
ศุวิลเดินออกมากับสำลี มองอาภาเห็นว่าอาภายังตึงๆ กับตนอยู่ ศุวิลไม่สบายใจ
พระเดินมากับเด็กวัด อาภา ศุวิล และสำลีใส่บาตร
“อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจังวุฒาปะจายิโน จัตตาโร ธัมมาวัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พลัง”
พระให้พรจบก็เดินนำเด็กวัดออกไป ศุวิลมองอาภาที่หันเก็บของจะเข้าบ้าน
“แม่..ผมขอโทษ”
อาภาชะงัก หันมองศุวิล
“แม่ไม่โกรธลมหรอก แล้วแม่ก็ไม่อยากให้ลมโกรธคุณพ่อด้วย ท่านไม่ได้ผิดอะไร มันจะเป็นบาปนะลูก”
“ผมไม่ได้โกรธแค้นเค้า แต่ผมอยากให้เราต่างคนต่างอยู่”
“ลม..คุณพ่อท่านอายุมากแล้วนะลูก แล้วท่านก็กำลังป่วยด้วย แม่อยากดูแลท่าน ตอบแทนบุญคุณของท่าน ลมเข้าใจแม่ใช่ไหม?”
ศุวิลนิ่งไปครู่ ในใจเข้าใจอาภา แต่ก็ยังทำใจให้ยอมรับศิวาไม่ได้
“ถ้าแม่จะไปโรงพยาบาล ผมจะไปส่ง” อาภาชะงักหันมายิ้มกับสำลี “แต่ว่าผมไม่เข้าไปหาเค้านะครับ”
“ไม่เป็นไร..แม่เข้าใจลม”
อาภาดีใจ แม้ศุวิลจะยังไม่ยอมรับศิวา แต่อย่างน้อยการยอมให้ตนไปเยี่ยมศิวาครั้งนี้ก็ถือเป็นจุดเริ่มที่ดี สำลีตกใจมาก
“อุ๊ตะ! พระวัดนี้ศักดิ์สิทธิ์นะพี่ภา แค่ใส่บาตรตาลมยังใจอ่อนได้ขนาดนี้ ถ้าทำสังฆทานจะขนาดไหน”
ศุวิลเหล่สำลี แล้วแกล้งตะโกน
“ตีลังกา!”
“ตีลังกาเลย ตีลังกา นี่ไง!”
สำลีตีลังกาแล้วหงายเผละไป ศุวิลขำ สำลีลุกได้จะโผเข้าหา แต่ศุวิลรีบหนีออกไป
อาภายิ้มส่ายหัว อย่างโล่งใจ รู้สึกมีความสุขที่เห็นลูกชายอารมณ์ดี
ฟากอรทัยเปิดประตูห้องพักฟื้นเข้ามา เห็นว่าศิวาฝึกเดินอยู่ในห้อง ก็ชะงักด้วยความแปลกใจ
“คุณพ่อ ลุกได้แล้วเหรอคะ”
“หมอเค้าบอกว่า อีกสองสามวันพ่อก็กลับบ้านได้แล้ว”
“คราวนี้ฟื้นตัวเร็วนะคะ สงสัยจะได้ยาดี”
ศิวาเมียงมองอรทัย คล้ายตัดสินใจ
“อร...พ่อเลี้ยงแกไม่ดีตรงไหน
อรทัยอึ้ง แปลกใจ “คะ?”
“แก...คิดว่า...พ่อเลี้ยงแกผิดพลาดตรงไหนบ้างมั้ย” ศิวาถาม
“ไม่เลยค่ะ คุณพ่อเลี้ยงหนูอย่างดีที่สุด ไม่มีคุณพ่อคอยสั่งสอน หนูก็ไม่มีวันนี้ หนูภูมิใจในตัวคุณพ่อและตั้งใจไว้ว่า จะทำทุกอย่างให้คุณพ่อภูมิใจในตัวหนูเหมือนกัน...เจนจรัสตระกูลที่คุณพ่อสร้าง จะต้องรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป”
“อร...ถ้าอย่างนั้นพ่อขออะไรลูกอย่างนึงนะ...อรเลิกเกลียดชังอาภากับลมได้ไหมลูก? ถึงยังไงลมเค้าก็เป็นน้องของลูกนะ...อร ถ้าอรรู้จักปล่อยวาง อรจะมีความสุขมากขึ้นนะลูก”
อรทัยชะงัก นึกถึงลูกถึงผัว หลายเรื่องที่ตัวเองถือไว้ วางไม่ได้เสียที อรทัยถอนใจเฮือกใหญ่
“คุณพ่อพักเถอะนะคะ บ่ายนี้หนูจะเข้าออฟฟิศ เดี๋ยวยัยฟ้าก็คงมาค่ะ”
อรทัยลงนั่ง ศิวามองอรทัยแล้วถอนใจ
ที่โรงเรียนดนตรีฟ้าใส ในตอนกลางวัน ฟ้าใสเดินเลี้ยวออกมาจากห้องสอนดนตรี ตกใจเมื่อเจองามเสมอดักอยู่ งามเสมอท่าทางหลุกหลิกคันปากอยากเม้าท์เต็มกลืน
“ฟ้า ไอ้ชนล่ะ?”
“หมดคลาสสอน กลับไปแล้วค่ะ”
“แล้วแก้วล่ะ?”
“วันนี้แก้วลาช่วงเช้า เดี๋ยวมาค่ะ”
งามเสมอโล่ง พร้อมเล่า
“โอ๊ย ได้เม้าท์ซะที คืองี้ เมื่อคืน ไอ้ชนมันไปจองร้านอาหารไว้ กะว่าจะชวนแก้วไปดิ้นเนอร์ แต่ว่าวืดล่ะ เพราะแก้วหนีกลับไปก่อน โฮะๆๆ สมหน้ามัน บอกให้พาเจ๊ไปเลี้ยงแทนก็ไม่ยอม”
“อ๋อ...เจ๊ก็เลยเอามันมานินทา” ฟ้าใสสัพยอก
“อือ...” งามเสมอนึกได้ว่าถูกกัด ก็หันมองค้อนฟ้าใส “นี่กัดพี่นี่” ฟ้าใสยิ้ม “เออ ว่าแต่แก้วมันไปไหน รีบกลับตั้งแต่เมื่อคืน วันนี้ยังลาครึ่งวันอีก”
ฟ้าใสส่ายหน้าคิดๆ
ชนเมศร์เพิ่งสอนเสร็จกำลังจะกลับบ้าน เลยเดินมาเรื่อยเปื่อยมาตามทางเท้า ท่าทีเซื่องซึม เหมือนคนอกหัก เพราะโดนแก้วตาเบี้ยวนัด
จังหวะนี้รถเดชขับมาจอดเทียบ เป็นรถยนต์ญี่ปุ่นคันที่เดชขับพาบรรเจิดไปหาแก้วตาที่โรงแรม รถจอดข้างหน้าชนเมศร์ แต่เห็นไกลๆ
สองคนคุยกันอยู่ในรถ
“แก้ว คุณบรรเจิดหาบ้านใหม่ให้แก้วได้แล้วนะ เห็นว่าเหลือตกแต่งอีกนิดหน่อย เดี๋ยวก็เข้าอยู่ได้...แก้วจะได้ไม่ต้องลำบากมาอยู่โรงแรมแบบนี้”
แก้วตาก้มไหว้ที่ไหล่เดช
“ขอบคุณพี่เดชมากเลยนะคะ”
เดชตกใจ งงด้วย
“แก้วขอบคุณพี่ทำไม ต้องขอบคุณคุณบรรเจิด ท่านเป็นคนซื้อบ้านให้แก้ว”
“แต่ยังไงแก้วก็ต้องขอบคุณพี่เดชด้วย...เพราะที่ผ่านมา พี่คอยดูแลแก้วมาตลอด ถ้าไม่มีพี่ แก้วต้องแย่แน่ๆ”
เดชฟังแล้วชื่นใจ แก้วตาลงจากรถมายืนรอรถเมล์ โดยไม่รู้ว่าชนเมศร์เห็นหล่อน
ชนเมศร์เห็นแก้วตาลงมาจากรถ ก็ชะงัก สงสัย ทำไมมีรถมาส่ง รถคันนั้นขับออกไป โชคดีที่ชนเมศร์ไม่ทันเห็นเดช ชนเมศร์เดินเข้าไปทักแก้วตา
“แก้ว ใครมาส่งน่ะ”
แก้วตาหันมาเจอชนเมศร์ ก็ตกใจนิดๆ “อ้าวชน...” แล้วปรับสีหน้าเป็นปกติอย่างรวดเร็ว “ญาติแก้วเค้าขับรถมาส่งน่ะ”
ชนเมศร์ฉงน “แล้วทำไมเค้าไม่ไปส่งแก้วที่โรงเรียนล่ะ”
แก้วตาครุ่นคิดนิดหนึ่ง “อ๋อ...เค้ามีธุระต้องรีบไปต่อน่ะ”
ชนเมศร์ก้มหน้าพึมพำกับตัวเอง “โล่งใจไป นึกว่าแฟน....” เขาเงยหน้าหันมาหาแก้วตา “เออ แก้ว...”
พบว่าเห็นแก้วตาขึ้นรถเมล์ไปแล้ว
“อ้าว ไปไม่บอกเลย”
ชนเมศร์งุนงง มองตามตาละห้อย
อ่านต่อหน้า 4
เจ้าพายุ ตอนที่ 2 (ต่อ)
ส่วนทางด้านอรทัยออกมาจากห้องพักฟื้น เห็นอาภา สำลี และศุวิลกำลังเดินตรงมาทางนี้ก็ไม่พอใจ
“หึ...รีบเสนอหน้ามาขนาดนี้...กลัวจะทำคะแนนไม่ทันหรือไง อาภา”
“ดิฉันไม่ได้มาทำคะแนน แต่ดิฉันมาทำหน้าที่ภรรยาที่พึงกระทำ”
อรทัยเห็นอาภาตอบโต้ก็ยิ่งโมโห เพราะเมื่อครู่พ่อเพิ่งบอกให้ดีกับอาภาและศุวิล
“หน้าด้าน!” หล่อนด่า
ศุวิลไม่พอใจ ปราดเข้าไปหาทันที
“เมียเค้าจะมาดูแลผัว คนที่ออกตัวขวางตั้งแต่สาวยันแก่ไม่เลิกต่างหากที่หน้าด้าน”
อรทัยชะงักไม่พอใจหนักขึ้น อาภาเข้าไปขวางศุวิลเอาไว้ ปรามเสียงขุ่น
“ลม...พอลูก”
ศุวิลชะงัก พยายามสงบสติอารมณ์
อรทัยเหยียดยิ้มข่มขู่ “ดี รู้จักเชื่อฟังแม่เอาไว้ จะได้อายุยืนทั้งครอบครัว”
ศุวิลโมโหที่อรทัยขู่ เลยจะขึ้นอีก อาภาจับมือศุวิลปรามไว้ อรทัยมองศุวิลด้วยหางตาแล้วเดินเชิดออกไป
ศุวิลมองตามอรทัยไปอย่างหงุดหงิด แล้วเดินออกไปอีกทาง อาภากะสำลีถอนใจ
ศิวาดีใจมากเมื่อเห็นอาภา สองคนไหว้ศิวา
“อาภา....เจ้าลมล่ะ” ศิวาถามหาลูกชายทันที
“โอ๊ย...”
อาภารีบจับมือสำลีห้ามไม่ให้พูด ไม่อยากให้รู้ว่าเมื่อกี้ลมมีเรื่องกับอรทัยอีก สำลีเลี่ยงไปจัดปิ่นโต
ศิวาฉงน “ทำไมเหรออาภา”
อาภาไม่อยากให้ศิวาไม่สบายใจ “ลมติดงานน่ะค่ะ”
“เจ้าลมหายโกรธฉันแล้วใช่มั้ย”
อาภาอึ้ง สำลีชะงัก แล้วลี่ยงออกไปนอกห้อง
ที่ตู้กดกาแฟกระป๋องในโรงพยาบาล ศุวิลหยอดเหรียญแล้วกดปุ่ม แต่กาแฟไม่กลิ้งออกมา ศุวิลชะงัก ยิ่งหัวเสีย ตบๆ ตู้อย่างหงุดหงิด
ทันใดนั้นมีมือใครคนหนึ่งค่อยๆ แตะตู้กาแฟเบา ปรากฏว่ากาแฟกระป๋องไหลออกมา เจ้าของมือนั้นคือฟ้าใส
“นี่ จะใช้แต่ความรุนแรงไม่ได้หรอกนะ”
ศุวิลรับกาแฟไป “ขอบใจ”
“ในที่สุดคุณก็ยอมมาเยี่ยมคุณตาแล้ว ชั้นดีใจมากเลยนะที่คุณคิดได้ นึกว่าคุณจะเป็นคนดื้อ หัวแข็ง...”
“ใช่ ผมเป็นคนอย่างนั้นแหละ” ฟ้าใสชะงัก “ที่มาเนี่ย แค่มาส่งแม่เฉยๆ เดี๋ยวจะกลับแล้ว”
“นี่ ไหนๆ ก็มาแล้ว ขึ้นไปเยี่ยมคุณตาซักหน่อยสิ ท่านจะได้ดีใจ”
ศุวิลรำคาญ เดินหนี ฟ้าใสตามติด
“นี่ ห้องคุณตาอยู่ทางนี้ จะไปไหนล่ะ มาๆ ไปด้วยกัน”
ฟ้าใสพยายามดึงรั้งศุวิลไป ทว่าศุวิลไม่สนแถมเดินหนี ฟ้าใสวิ่งตามขวางหน้าขวางหลัง ดึงศุวิลไว้แน่น
“ปล่อย” ศุวิลบอก
ฟ้าใสว่า “ไม่ปล่อย”
ศุวิลโมโหเลยเดินไปทั้งที่ฟ้าใสจับอยู่ เลยกลายเป็นเดินลากฟ้าใสไป ฟ้าใสพลาดเท้าพลิกตกส้นสูง จะล้ม ศุวิลรีบหันมาประคองฟ้าใสไว้
ฟ้าใสตกอยู่ในอ้อมกอดศุวิล ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง ฟ้าใสเขินผละออก
“เคยเห็นแต่คนตกตึก ตกต้นไม้ นี่ตกส้นสูง ใส่มาทำไมเนี่ยส้นสูง เดินก็ลำบาก ทีหลังถ้ารู้ตัวว่าเดินไม่ถนัดก็ใส่รองเท้าส้นเตี้ยๆ มา”
ฟ้าใสอ้าปากจะเถียง ศุวิลสวนขึ้นทันทีท่าทางกวนๆ
“อ๋อ...ลืมไป คุณมันตัวเตี้ย ต้องใส่ส้นสูงเพิ่มความสูงให้ตัวเอง”
ฟ้าใสเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง โกรธศุวิลหน้าดำหน้าแดง แต่เถียงไม่ออก ได้แต่ฮึดฮัดๆ
ฟ้าใสก้าวจะเดินแล้วเจ็บเท้า เลยชะงัก
“โอ้ย...”
ศุวิลมองแล้วเป็นห่วง
“มานี่เดี๋ยวผมพาไปหาหมอ”
ฟ้าใสที่ขาเจ็บอยู่ นั่งรอคิวหมออยู่กับศุวิล หล่อนไม่ยอมนิ่ง ยุกยิกๆ ตลอดเวลา ศุวิลมองฟ้าใสดุๆ
“นั่งเฉยๆ เป็นมั้ยเนี่ย แล้วนี่เอาบัตรประจำตัวคนไข้เดี๋ยวผมจัดการเอง”
ฟ้าใสเชิดใส่ “ไม่ต้องมายุ่งเลย เดี๋ยวฉันจัดการเองได้”
ฟ้าใสจะลุกขึ้นเอง แต่พอเท้าเหยียบพื้นก็รู้สึกเจ็บอีก ฟ้าใสร้องโอ๊ย ทำท่าจะล้มลงไปอีก ศุวิลประคองฟ้าใสไว้ แล้วจับให้นั่งกับที่
“หายซ่าหรือยัง เอาบัตรมา เดี๋ยวผมจัดการให้”
ฟ้าใสมองศุวิลหน้าตูม ยอมส่งบัตรประจำตัวคนไข้ให้ศุวิลแต่โดยดี
ขณะเดียวกันสุธาวีเดินเรื่อยเปื่อยท่อย่างเซ็งๆ นึกถึงปิ่นมณีอีก หยิบมือถือขึ้นมา เลื่อนดูเบอร์โทร.ของปิ่นมณีแล้วกดเบอร์ โทร.ออก
ด้านปิ่นมณีอยู่ในชุดสวยเริดเดินเชิดมาตามทางในสลัมบ้านแม่ ระหว่างทางชาวบ้านมองปิ่นมณีเป็นตาเดียวเพราะความแตกต่าง
ปิ่นมณีมองรอบตัวแล้วดีใจที่หลุดพ้นไปจากสลัมนี้ได้
โทรศัพท์ปิ่นดัง ปิ่นมณีหยิบขึ้นมาเห็นว่าเป็นสุธาวี ปิ่นมณียิ้มคุมเกม ไม่รับสาย สายตัดไป
มองดูมิสคอลสองสายของสุธาวี
“แค่สองมิสคอล...พยายามมากกว่านี้สิคุณสุธาวี”
ทันใดนั้นสุธาวีโทรกลับมาอีกครั้ง ปิ่นมณียิ้มพอใจ แล้วตัดสินใจกดรับสาย
สุธาวีนอนเขลงคุยโทรศัพท์อยู่ที่โซฟา ลุกขึ้นนั่งเมื่อปิ่นมณีรับสาย
“ผมคิดว่าคุณจะไม่รับสายผม...”
“ชั้นรับเพราะจะบอกว่า ไม่ว่างคุยนะคะคุณวี ชั้นต้องพาลูกค้าไปเทสต์รถ”
ปิ่นมณีหันออกจากโทรศัพท์ แล้วพูดคนเดียว
“เชิญที่รถเลยค่ะ เดี๋ยวดิชั้นตามไป” แล้วหันกลับมาพูดใส่โทรศัพท์ “แค่นี้ก่อนนะคะคุณวี ไว้คุณค่อยโทร.มาใหม่”
“แต่ผมโทร.ไปหลายครั้งแล้ว”
“แค่สองครั้ง...”
สุธาวีได้ฟังแล้วก็ยิ้มเอนนอนลงอย่างสบายใจ
“นี่คุณนับด้วยเหรอว่าผมโทรไปกี่ครั้ง...แต่ไม่ต้องห่วง ผมคงไม่โทร.ไปอีก คุณไม่ต้องรอรับนะครับ”
สุธาวีกดวางสายไป
ปิ่นมณีอึ้งพยายามเดาเกมสุธาวี แต่ก็ไม่ตื่นตูมให้เสียคะแนน สุธาวีวางสายไปยิ้มกับตัวเอง
ปิ่นมณีคิดในใจ เกมนี้ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก ไม่นานหล่อนเดินมาหยุดที่หน้าห้องแถวพอดี
ครู่ต่อมาปิ่นมณีนั่งร้อนอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงทำกับข้าวดังอยู่ในครัว
ปิ่นมณีตะโกน “ฉันไม่กินก็ได้นะแม่ จะรีบไป”
ปานโผล่หน้ามาอารมณ์ดี
“เฮ้ย! แม่ทำที่แกชอบกิน กินก่อนสินังปิ่น”
ปานผลุบหายเข้าไปอีก ปิ่นมณีมองสภาพบ้าน มีแต่ความทรุดโทรม เครื่องเรือน เครื่องนอนเก่าๆ ปิ่นมณีถอนใจที่ตอนนี้ชีวิตตนไม่ต้องลำบากที่นี่อีก
“ผัวแม่ไปเมาที่ไหนอีกล่ะ ไม่เห็น”
“มันสร่างมันก็กลับมาเองแหละ” เสียงปานตอบออกมา
ปิ่นมณีบ่นเบาๆกับตัวเอง “ผัวเฮงซวยจริงๆ....แม่นอนตรงนี้เหรอ”
“เออ! ให้ไอ้ปองมันนอนข้างบน มันอยากมีห้องส่วนตัว”
ปานออกมาพร้อมกับข้าวผัดผักบุ้ง ไข่เจียวและข้าวร้อนๆ มาวางไว้บนพื้น
“ป่านนี้มันยังนอนยังไม่ตื่น เดี๋ยวก็ถูกไล่ออกอีก” ปานบ่น
“แล้วก็มาแบมือขอเงินแม่ ขอเงินฉันอีก”
ปองพลเดินลงมาจากบนบ้านพอดี และได้ยิน
“แล้วจะทำไม” ปองพลลงนั่งตักข้าวใส่ปากเลย
“ไอ้ปอง ฉันทำให้น้องแกกิน”
“ฉันไม่ใช่น้องมัน” ปิ่นมณีบอก
ปองพลยั๊ว “โห..อีปิ่น เดี๋ยวนี้ไม่นับญาติกันแล้วเหรอ ถึงจะไม่มีสายเลือดเดียวกัน แต่ยังไงแม่แกก็เป็นเมียพ่อชั้น”
“ปิ่น เดี๋ยวแม่จะไปตักข้าวให้ใหม่นะ”
ปองพลประชดไม่เลิก “เดี๋ยวนี้กับข้าวบ้านๆ แบบนี้มันไม่กินหรอกแม่ มันชอบไปกินในโรงแรม”
ปิ่นมณีชะงัก “โรงแรมอะไรของแก”
“เมื่อคืนแกไปโรงแรมที่ฉันทำงาน ไง...รับจ็อบขึ้นห้องกับแขกไฮโซด้วยหรือไง มิน่า ถึงได้มีปัญญาแต่งตัวสวย อยู่คอนโดหรูหรา ลำพังเงินเดือนเซลส์ขายรถมันไม่ได้ยังงี้หรอก”
“ไอ้ปากสกปรก”
ปิ่นมณีฉุนขาด ปราดเข้าไปหยิบจานกับข้าวขยี้ใส่หน้าปองพลทันที
“นังปิ่น!” ปานตวาด
“อีปิ่น! อี...”
ปองพลเดือดดาลลุกขึ้นจะทำร้ายปิ่นมณี ปิ่นมณีล้วงกระเป๋าหยิบมีดพกขึ้นมาใช้ป้องกันตัว
“อย่าเข้ามานะ! ฉันฆ่าแกแน่!”
ปองพลชะงัก ปานเข้าไปปกป้องปองพล
“อย่า นังปิ่น อย่าทำอะไรพี่แกนะ นี่แกเป็นบ้าอะไร หา!”
ปิ่นมณีมองแม่อย่างน้อยใจ “แม่...”
“แกจะไปทำงานไม่ใช่เหรอ รีบไปเถอะ รีบไป! อย่ามาอยู่สร้างเรื่อง!”
“มันดูถูกฉันนะแม่ แล้วยังจะเข้ามาทำร้ายฉันอีก แม่กลับปกป้องมัน หาว่าฉันสร้างเรื่องเหรอ!”
“เออ! แกอยู่ มีแต่สร้างปัญหา กับพ่อเลี้ยงแก แกก็จะฟาดหัวมัน นี่พี่ชายแกอีก ถึงกับจะฆ่าจะแกงกัน ไม่เห็นหัวฉันเลย!”
ปองพลยิ้มเย้ยเข้าให้ ปิ่นมณียิ่งแค้น
“เออ! งั้นต่อไปนี้ก็ไม่ต้องโทรไปขอเงินฉัน ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ถ้าแม่เห็นไอ้กาฝากสองคนนี่ดีกว่าฉัน ก็พอกันที!”
ปิ่นมณีเก็บมีด เดินออกไปด้วยความเจ็บใจ ปานโกรธปิ่นมณี ด่าไล่หลัง
“ใช่สิ! เดี๋ยวนี้แกไม่ฟังชั้นแล้วนี่ นังลูกอกตัญญู กล้าตัดแม่ตัดลูกกับชั้น ขอให้แกไม่เจริญ นังปิ่น คอยดู!”
ปิ่นมณีมาหยุดยืนหน้าบ้านอย่างคับแค้นใจ ยังได้ยินเสียงปานด่าตามหลังมา
“หน็อย! ร้อนตัวหรือไง หรือว่าแกจะขายตัวจริงๆ หา! กูไม่ใช้เงินกะหรี่จำไว้!”
ปิ่นมณียืนฟังนิ่งน้ำตาไหลออกมา ปิ่นมณีปาดน้ำตาทิ้ง เดินออกไปอย่างเข้มแข็งที่สุด
ฟ้าใสนั่งเจ็บเท้าอยู่หน้าห้องตรวจ แต่ยังใส่รองเท้าส้นสูงอยู่ไม่ได้ถอด ศุวิลเดินมา ยื่นถุงรองเท้าแตะให้
“อ่ะ รองเท้าแตะ ใส่ซะ”
“ขอบใจ”
ฟ้าใสก้มไปเพื่อจะถอดส้นสูงตัวเอง แต่ปรากฏว่าเจ็บเท้าเลยยังกึกกักอยู่ถอดไม่ได้สักที ศุวิลหันมาเห็นพอดี
“เอ้า ทำไมไม่รีบเปลี่ยน ห่วงสวยอยู่ได้ ทำไม หรือว่ารองเท้าแตะสามสิบบาทเนี่ยใส่ไม่ได้”
“ไม่ใช่ เจ็บเท้า ถอดรองเท้าไม่ได้”
“แล้วก็ไม่บอก”
ศุวิลก้มลง จะถอดรองเท้าให้ฟ้าใส
“จะทำอะไรอ่ะ”
ศุวิลค่อยๆ ถอดรองเท้าให้ฟ้าใสอย่างเบามือ ฟ้าใสชะงักอึ้งๆ
ศุวิลถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนมาก “เจ็บมั้ย”
ฟ้าใสหวั่นไหว ชักอายๆ “ไม่”
“เจ็บก็บอกนะ”
“อืม...”
สำลีเดินผ่านมาที่มุมหนึ่ง เห็นศุวิลถอดรองเท้าให้ฟ้าใสพอดี
“อุ๊ตะ!”
สำลีรีบเข้าไปสังเกตการณ์ใกล้ๆ แบบถนัดๆ โดยไม่ให้ศุวิลและฟ้าใสเห็น
ศุวิลถอดรองเท้าส้นสูงออกให้ฟ้าใสทั้งสองข้าง แล้วเอารองเท้าแตะให้ฟ้าใส
ฟ้าใสอึ้งไป หันหน้าหนี ไม่อยากให้ศุวิลเห็นว่าตัวเองหน้าแดง
ศุวิลเองก็เบือนหน้าไปอีกทาง ไม่อยากให้ฟ้าใสเห็นสีหน้าและแววตาของตัวเองในตอนนี้ว่าเขินมากนะ
แต่สำลีเห็นปฏิกิริยาของทั้งสองคน อึ้ง ตกใจ ประหลาดใจ และพลอยเขินไปกะเค้าด้วย
ศุวิลและฟ้าใสนั่งใกล้ชิดกัน โดยศุวิลถือรองเท้าให้ฟ้าใส
สองหนุ่มสาวหันหน้าไปคนละทาง แต่ต่างคนต่างแอบอมยิ้มกับตัวเอง
อ่านต่อตอนที่ 3