ดีเอสไอขู่ สับเปลี่ยนชิ้นส่วนอำพรางการตรวจผิดหนัก - 2 เสี่ย จ่อให้การเป็นลายลักษณ์อักษร 28 มิ.ย.นี้ บ่ายโมง เตรียมแนวทางสอบสวนรถจดประกอบกว่า 6,862 คัน พุ่งเป้าผู้ประกอบการที่เป็นผู้ยื่นเสียภาษีรถจดประกอบต่อกรมสรรพสามิตรจำนวนหลายสิบคันอยู่ในข่ายที่จะถูกดีเอสไอออกหมายจับดำเนินคดี
กรณีดีเอสไอเรียกรถหรูจดประกอบราคา 4 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 548 คัน เข้าตรวจสภาพว่าเป็นรถนำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบเป็นรถคันใหม่ในประเทศก่อนจดทะเบียนเป็นรถจดประกอบ หรือนำเข้ารถมาทั้งคันแต่แจ้งว่านำเข้าชิ้นส่วนจดทะเบียนเป็นรถจดประกอบเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี แต่ปรากฏว่ามีกระแสข่าวเจ้าของรถหรูบางรายนำรถไปเปลี่ยนชุดเกียร์ เพื่อไม่ให้ตรงกับชุดที่ติดตั้งมาจากโรงงานเพื่อให้พ้นผิด เนื่องจากการตรวจสอบความถูกต้องภาพรถหรูจดประกอบวางเงื่อนไขหากพบหมายเลขเครื่องยนต์หมายเลขเกียร์ และหมายเลขตัวถังตรงกับที่ถูกติดตั้งมาจากโรงงานในต่างประเทศ ถือว่าเป็นรถนำเข้ามาทั้งคันแต่สำแดงว่านำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบ จึงมีความพยายามดัดแปลงรถหรูโดยนำชิ้นส่วนรถคันอื่นมาประกอบไว้แทน
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงแนวทางแก้ปัญหาหากมีผู้ครอบครองรถหรูจดประกอบบางรายไปเปลี่ยนเกียร์เพื่อให้เป็นรถจดประกอบถูกต้องว่า ยืนยันว่าฝ่ายเทคนิตจะตรวจสอบได้แน่นอนว่ามีการประกอบชิ้นส่วนรถมาตั้งแต่ต้นจากโรงงานหรือนำรถมาปรับปรุงตอนนี้ โดยในวันศุกร์ที่ 28 มิ.ย.ดีเอสไอจะขอมติที่ประชุม 7 หน่วยงานว่า หากเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถหรูที่อยู่ในบัญชี 548 คัน สับเปลี่ยนชิ้นส่วนรถจะถือว่ามีเจตนาหลีกเลี่ยงจากที่ดีเอสไอจะตั้งข้อสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จะกลายเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดหลีกเลี่ยงภาษีทันที จึงขอเตือนว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะทำไปก็ถูกตรวจสอบได้
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ชุดสืบสวนกระจายลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบเป้าหมาย เพื่อหาเบาะแสว่ามีความพยายามนำรถหรูไปดัดแปลงเปลี่ยนชุดเกียร์จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การจะพิสูจน์ว่ารถหรูนำเข้าเป็นรถจดประกอบถูกต้อง ยังไม่ได้ข้อยุติว่าแม้เลขเครื่องยนต์ เลขตัวถัง เลขเกียร์ตรงกัน จะไม่ใช่รถที่นำเข้ามาไม่ถูกต้อง แต่เหตุผลที่ใช้เกณฑ์ดังกล่าวเพราะเราพยายามหาวิธีผ่อนคลายให้ผู้ซื้อเพราะเราถือว่าเป็นผู้เสียหาย
รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า แต่การที่ผู้ซื้อไปเปลี่ยนเกียร์เท่ากับว่าไปช่วยผู้ประกอบการทำผิด โดยเป็นผู้กระทำผิดเสียเอง อีกทั้งการไปเปลี่ยนชุดเกียร์เป็นเรื่องใหญ่คงทำไม่ง่าย ซึ่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์คงตรวจสอบร่องรอยได้ จึงประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองรถหรูติดต่อหาทางแก้ไขกับดีเอสไอ ซึ่งในวันศุกร์ที่ 28 มิ.ย.นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ จะเป็นประธานประชุมร่วมกับ 7 หน่วยงานที่เกี่ยวใน เพื่อหารือข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก่อนร่วมวางมาตรการในการเพิ่มการเยียวยาผู้ซื้อรถจดประกอบต่อไป
ขณะเดียวกันมีรายงานความคืบหน้าการสอบสวนขยายผลคดีรถไฟไหม้ 6 คัน ที่ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาว่า นายนฤนาท ควรสวัสดิ์ อายุ 38 ปี และนายธนันท์ ควรสวัสดิ์ อายุ 23 ปี ชาวสมุทรปราการ สองพี่น้อง ผู้ต้องหาในคดีลักลอบนำเข้าของที่ยังมิได้เสียภาษีหรือยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง ที่ถูกดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาหลังสอบสวนพบเป็นเจ้าของรถหรู 6 คัน ที่ถูกไฟไหม้ขณะบรรทุกไปจดทะเบียนที่จังหวัดศรีสะเกษ ได้ติดต่อ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักคดีปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ เพื่อยื่นยันจะนำคำให้การเป็นลายลักอักษรพร้อมพยานหลักฐานมามอบให้ดีเอสไอตามนัด ในวันศุกร์ เวลา 13.00 น.หลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยดีเอสไอจะตรวจสอบคำให้การของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คน ก่อนวางแนวทางสืบสวนสอบสวนคดีไฟไหม้รถหรู 6 คันต่อไป จากนั้นจะวางแนวทางสอบสวนกรณีการนำเข้ารถจดประกอบกว่า 6,862 คัน โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีชื่อเป็นผู้ยื่นเสียภาษีรถจดประกอบต่อกรมสรรพสามิตรเป็นจำนวนหลายสิบคันอยู่ในข่ายที่จะถูกดีเอสไอออกหมายจับดำเนินคดี หากสอบสวนพบว่านำเข้ารถโดยหลีกเลี่ยงภาษี
ผลการตรวจสภาพรถหรู ยึด 1 คัน ปล่อย 7 คัน
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสภาพรถหรูวันที่ 4 มีรถหรูจดประกอบเข้าตรวจสภาพ 8 คัน บริเวณอาคารจอดรถบริษัท ไปรษณีย์ไทย เมื่อเวลา 16.30 น.วันเดียวกัน ดีเอสไอสรุปผลการตรวจสอบเบื้องต้นดังนี้ 1.รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน กต 4580 สระบุรี ของนายณัฐพนธ์ แสงดีจริง ยึด มีเลขเครื่อง เลขเกียร์ และเลขตัวถัง ตรงกับชิ้นส่วนที่ถูกติดตั้งมาจากโรงงานผลิต จึงสันนิษฐานว่าผู้ประกอบการอาจนำเข้ามาทั้งค้นแต่สำแดงว่านำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบในประเทศ 2.รถพอร์ช ทะเบียน กย 6725 นนทบุรี ของนายธรรมนูญ พรโรจนากูร ปล่อย มีเลขเครื่องยนต์ไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต 3.รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน กต 4872 สระบุรี ของพิชัย อิศรัตน์ ปล่อย มีเลขเกียร์และเลขเครื่องไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต 4.รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน กท 7253 อยุทธยา ของพงษ์ภูวสิษฐ์ ศรีดาวเรือน ปล่อย มีเลขเกียร์และเลขเครื่องไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต 5.รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน กท 3751 อยุธยา ของนายสุรินทร์ ลิ้มตระกูล ปล่อย มีเลขเกียร์และเลขเครื่องไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต 6.รถพอร์ช ทะเบียน กย 2832 นนทบุรี ของสงวน คุรุเจริญพร ปล่อย มีเลขเกียร์และเลขเครื่องไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต 7.รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน กย 1516 นนทบุรี ของ น.ส.นันทพร พึ่งประยูร ปล่อย มีเลขเครื่องไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต และ 8.รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน กย 5981 นนทบุรี ของ น.ส.ริญรภัสร์ สุริยวสุรัฐกุล ปล่อย มีเลขเครื่องไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต
DSI จัดประกวดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการ
ที่ห้องแถลงข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 9.00 น.วันที่ 27 มิ.ย. ดีเอสไอจัดประกวดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการร่วมกับสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ (CIDI Chanapatana) และตัดสินการประกวดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ รอบสุดท้าย พร้อมประกาศผลผู้รับรางวัลชนะเลิศเครื่องแบบพิเศษมูลค่ารวมมากกว่า 100,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ในโครงการประกวดการออกแบบ “เครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ” โดยงานนี้ได้มีการเชิญชวนนักเรียนนักศึกษาและประชาชนทั่วไป ร่วมเสนอผลงานออกแบบ เครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.-7 มิ.ย.56 ที่ผ่านมาจนถึงการตัดสินรอบสุดท้ายและประกาศผลในวันนี้ (27 มิ.ย.) โดยผลการตัดสินปรากฏว่าทีม BLUE LOPAZ คว้ารางวัลชนะเลิศ พร้อมโล่เกียรติยศและเงินรางวัล 50,000 บาท โดยมีสมาชิกคือ น.ส.รมิดา จตุรคูณ และ น.ส.จุฑามาส รักษ์วิศิษฐ์กุล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 พร้อมเงินรางวัล 30,000 บาท ได้แก่ ทีม Smart and Modern น.ส.สุภนิช วิทิตสุนทร รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 พร้อมเงินรางวัล 20,000 บาท ได้แก่ ทีม Prestige น.ส.คุณาสิริ ยอดทอง น.ส.กีรติ อึ้งวิศิษฐ์วงศ์ รางวัลชมเชย พร้อมเงินรางวัล 5,000 บาท ทีมนายจักรพันธุ์ แสงสุริย์ รางวัลชมเชยพร้อมของที่ระลึก ทีม B.E.W. น.ส.วิรัชยุพา สังขรัตน์ ทีม CB1 นายธานี เหมือนนุช น.ส.กัญญา มานะจิตร ทีมทองอิน นายจิวัฒน์ ธำรงกิตติกุล นายเศกสิทธิ พฤษ์ชินวร ทีม KU-NA น.ส.คุณาศิริ ยอดทอง ส่วนรางวัลเพิ่มเติมเป็นรางวัล creative excellence พร้อมโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล 20,000 บาท ได้แก่ทีม DOUBLE A น.ส.อารยา สีหวัลลภ น.ส.วรกาญจน์ ม่วงศิริ และทีมของ น.ส.อรนภา โตแป้น
สืบเนื่องจาก คณะรัฐมนตรีเห็นชอบออกกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการของหน่วยงานที่ปฏิบัติงานด้านปฏิบัติการพิเศษของดีเอสไอ พ.ศ.2555 ให้ข้าราชการสำนักปฏิบัติการพิเศษ ดีเอสไอ และผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นแต่งเครื่องแบบพิเศษ ในการปฏิบัติหน้าที่พิเศษเกี่ยวกับงานทางยุทธวิธี ตรวจค้น และจับกุมที่ต้องใช้ความชำนาญเป็นพิเศษ ดำเนินงานด้านการรักษาความปลอดภัยบุคคลและสถานที่ ดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองพยานในคดีพิเศษ รวมทั้งปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมายเป็นไปโดยเรียบร้อย และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมีความปลอดภัย
ทั้งนี้ ดีเอสไอ จึงได้ดำเนินการจัดโครงการประกวดการออกแบบ “เครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำผลงานไปพัฒนาเป็นเครื่องแบบเฉพาะของหน่วยงานที่ใช้สวมใส่ในการปฏิบัติภารกิจของดีเอสไอ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม มีความเป็นสากล และสื่อสารให้ผู้พบเห็นทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ และแสดงถึงความเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย โดยไม่ซ้ำซ้อนหรือคล้ายคลึงกับเครื่องแบบของหน่วยงานอื่น
อย่างไรก็ตามชุดที่ได้้รับรางวัลชนะเลิศนั้น ยังไม่ใช่ชุดที่นำมาใช้แน่นอน เนื่องจากต้องมีการพิจารณาถึงความเหมาะสมโดยละเอียดอีกครั้ง และชุดที่ทั้ง 10 ทีมนำเสนอในวันนี้ ดีเอสไอจะถือว่าเป็นลิขสิทธิ์ของดีเอสไอและจะเลือกใช้ชุดตามความเหมาะสม
กรณีดีเอสไอเรียกรถหรูจดประกอบราคา 4 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 548 คัน เข้าตรวจสภาพว่าเป็นรถนำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบเป็นรถคันใหม่ในประเทศก่อนจดทะเบียนเป็นรถจดประกอบ หรือนำเข้ารถมาทั้งคันแต่แจ้งว่านำเข้าชิ้นส่วนจดทะเบียนเป็นรถจดประกอบเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี แต่ปรากฏว่ามีกระแสข่าวเจ้าของรถหรูบางรายนำรถไปเปลี่ยนชุดเกียร์ เพื่อไม่ให้ตรงกับชุดที่ติดตั้งมาจากโรงงานเพื่อให้พ้นผิด เนื่องจากการตรวจสอบความถูกต้องภาพรถหรูจดประกอบวางเงื่อนไขหากพบหมายเลขเครื่องยนต์หมายเลขเกียร์ และหมายเลขตัวถังตรงกับที่ถูกติดตั้งมาจากโรงงานในต่างประเทศ ถือว่าเป็นรถนำเข้ามาทั้งคันแต่สำแดงว่านำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบ จึงมีความพยายามดัดแปลงรถหรูโดยนำชิ้นส่วนรถคันอื่นมาประกอบไว้แทน
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงแนวทางแก้ปัญหาหากมีผู้ครอบครองรถหรูจดประกอบบางรายไปเปลี่ยนเกียร์เพื่อให้เป็นรถจดประกอบถูกต้องว่า ยืนยันว่าฝ่ายเทคนิตจะตรวจสอบได้แน่นอนว่ามีการประกอบชิ้นส่วนรถมาตั้งแต่ต้นจากโรงงานหรือนำรถมาปรับปรุงตอนนี้ โดยในวันศุกร์ที่ 28 มิ.ย.ดีเอสไอจะขอมติที่ประชุม 7 หน่วยงานว่า หากเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถหรูที่อยู่ในบัญชี 548 คัน สับเปลี่ยนชิ้นส่วนรถจะถือว่ามีเจตนาหลีกเลี่ยงจากที่ดีเอสไอจะตั้งข้อสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จะกลายเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดหลีกเลี่ยงภาษีทันที จึงขอเตือนว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะทำไปก็ถูกตรวจสอบได้
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ชุดสืบสวนกระจายลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบเป้าหมาย เพื่อหาเบาะแสว่ามีความพยายามนำรถหรูไปดัดแปลงเปลี่ยนชุดเกียร์จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การจะพิสูจน์ว่ารถหรูนำเข้าเป็นรถจดประกอบถูกต้อง ยังไม่ได้ข้อยุติว่าแม้เลขเครื่องยนต์ เลขตัวถัง เลขเกียร์ตรงกัน จะไม่ใช่รถที่นำเข้ามาไม่ถูกต้อง แต่เหตุผลที่ใช้เกณฑ์ดังกล่าวเพราะเราพยายามหาวิธีผ่อนคลายให้ผู้ซื้อเพราะเราถือว่าเป็นผู้เสียหาย
รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า แต่การที่ผู้ซื้อไปเปลี่ยนเกียร์เท่ากับว่าไปช่วยผู้ประกอบการทำผิด โดยเป็นผู้กระทำผิดเสียเอง อีกทั้งการไปเปลี่ยนชุดเกียร์เป็นเรื่องใหญ่คงทำไม่ง่าย ซึ่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์คงตรวจสอบร่องรอยได้ จึงประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองรถหรูติดต่อหาทางแก้ไขกับดีเอสไอ ซึ่งในวันศุกร์ที่ 28 มิ.ย.นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ จะเป็นประธานประชุมร่วมกับ 7 หน่วยงานที่เกี่ยวใน เพื่อหารือข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก่อนร่วมวางมาตรการในการเพิ่มการเยียวยาผู้ซื้อรถจดประกอบต่อไป
ขณะเดียวกันมีรายงานความคืบหน้าการสอบสวนขยายผลคดีรถไฟไหม้ 6 คัน ที่ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาว่า นายนฤนาท ควรสวัสดิ์ อายุ 38 ปี และนายธนันท์ ควรสวัสดิ์ อายุ 23 ปี ชาวสมุทรปราการ สองพี่น้อง ผู้ต้องหาในคดีลักลอบนำเข้าของที่ยังมิได้เสียภาษีหรือยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง ที่ถูกดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาหลังสอบสวนพบเป็นเจ้าของรถหรู 6 คัน ที่ถูกไฟไหม้ขณะบรรทุกไปจดทะเบียนที่จังหวัดศรีสะเกษ ได้ติดต่อ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักคดีปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ เพื่อยื่นยันจะนำคำให้การเป็นลายลักอักษรพร้อมพยานหลักฐานมามอบให้ดีเอสไอตามนัด ในวันศุกร์ เวลา 13.00 น.หลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยดีเอสไอจะตรวจสอบคำให้การของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คน ก่อนวางแนวทางสืบสวนสอบสวนคดีไฟไหม้รถหรู 6 คันต่อไป จากนั้นจะวางแนวทางสอบสวนกรณีการนำเข้ารถจดประกอบกว่า 6,862 คัน โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีชื่อเป็นผู้ยื่นเสียภาษีรถจดประกอบต่อกรมสรรพสามิตรเป็นจำนวนหลายสิบคันอยู่ในข่ายที่จะถูกดีเอสไอออกหมายจับดำเนินคดี หากสอบสวนพบว่านำเข้ารถโดยหลีกเลี่ยงภาษี
ผลการตรวจสภาพรถหรู ยึด 1 คัน ปล่อย 7 คัน
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสภาพรถหรูวันที่ 4 มีรถหรูจดประกอบเข้าตรวจสภาพ 8 คัน บริเวณอาคารจอดรถบริษัท ไปรษณีย์ไทย เมื่อเวลา 16.30 น.วันเดียวกัน ดีเอสไอสรุปผลการตรวจสอบเบื้องต้นดังนี้ 1.รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน กต 4580 สระบุรี ของนายณัฐพนธ์ แสงดีจริง ยึด มีเลขเครื่อง เลขเกียร์ และเลขตัวถัง ตรงกับชิ้นส่วนที่ถูกติดตั้งมาจากโรงงานผลิต จึงสันนิษฐานว่าผู้ประกอบการอาจนำเข้ามาทั้งค้นแต่สำแดงว่านำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบในประเทศ 2.รถพอร์ช ทะเบียน กย 6725 นนทบุรี ของนายธรรมนูญ พรโรจนากูร ปล่อย มีเลขเครื่องยนต์ไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต 3.รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน กต 4872 สระบุรี ของพิชัย อิศรัตน์ ปล่อย มีเลขเกียร์และเลขเครื่องไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต 4.รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน กท 7253 อยุทธยา ของพงษ์ภูวสิษฐ์ ศรีดาวเรือน ปล่อย มีเลขเกียร์และเลขเครื่องไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต 5.รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน กท 3751 อยุธยา ของนายสุรินทร์ ลิ้มตระกูล ปล่อย มีเลขเกียร์และเลขเครื่องไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต 6.รถพอร์ช ทะเบียน กย 2832 นนทบุรี ของสงวน คุรุเจริญพร ปล่อย มีเลขเกียร์และเลขเครื่องไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต 7.รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน กย 1516 นนทบุรี ของ น.ส.นันทพร พึ่งประยูร ปล่อย มีเลขเครื่องไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต และ 8.รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน กย 5981 นนทบุรี ของ น.ส.ริญรภัสร์ สุริยวสุรัฐกุล ปล่อย มีเลขเครื่องไม่ตรงกับที่ติดตั้งจากโรงงานผลิต
DSI จัดประกวดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการ
ที่ห้องแถลงข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 9.00 น.วันที่ 27 มิ.ย. ดีเอสไอจัดประกวดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการร่วมกับสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ (CIDI Chanapatana) และตัดสินการประกวดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ รอบสุดท้าย พร้อมประกาศผลผู้รับรางวัลชนะเลิศเครื่องแบบพิเศษมูลค่ารวมมากกว่า 100,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ในโครงการประกวดการออกแบบ “เครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ” โดยงานนี้ได้มีการเชิญชวนนักเรียนนักศึกษาและประชาชนทั่วไป ร่วมเสนอผลงานออกแบบ เครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.-7 มิ.ย.56 ที่ผ่านมาจนถึงการตัดสินรอบสุดท้ายและประกาศผลในวันนี้ (27 มิ.ย.) โดยผลการตัดสินปรากฏว่าทีม BLUE LOPAZ คว้ารางวัลชนะเลิศ พร้อมโล่เกียรติยศและเงินรางวัล 50,000 บาท โดยมีสมาชิกคือ น.ส.รมิดา จตุรคูณ และ น.ส.จุฑามาส รักษ์วิศิษฐ์กุล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 พร้อมเงินรางวัล 30,000 บาท ได้แก่ ทีม Smart and Modern น.ส.สุภนิช วิทิตสุนทร รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 พร้อมเงินรางวัล 20,000 บาท ได้แก่ ทีม Prestige น.ส.คุณาสิริ ยอดทอง น.ส.กีรติ อึ้งวิศิษฐ์วงศ์ รางวัลชมเชย พร้อมเงินรางวัล 5,000 บาท ทีมนายจักรพันธุ์ แสงสุริย์ รางวัลชมเชยพร้อมของที่ระลึก ทีม B.E.W. น.ส.วิรัชยุพา สังขรัตน์ ทีม CB1 นายธานี เหมือนนุช น.ส.กัญญา มานะจิตร ทีมทองอิน นายจิวัฒน์ ธำรงกิตติกุล นายเศกสิทธิ พฤษ์ชินวร ทีม KU-NA น.ส.คุณาศิริ ยอดทอง ส่วนรางวัลเพิ่มเติมเป็นรางวัล creative excellence พร้อมโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล 20,000 บาท ได้แก่ทีม DOUBLE A น.ส.อารยา สีหวัลลภ น.ส.วรกาญจน์ ม่วงศิริ และทีมของ น.ส.อรนภา โตแป้น
สืบเนื่องจาก คณะรัฐมนตรีเห็นชอบออกกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการของหน่วยงานที่ปฏิบัติงานด้านปฏิบัติการพิเศษของดีเอสไอ พ.ศ.2555 ให้ข้าราชการสำนักปฏิบัติการพิเศษ ดีเอสไอ และผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นแต่งเครื่องแบบพิเศษ ในการปฏิบัติหน้าที่พิเศษเกี่ยวกับงานทางยุทธวิธี ตรวจค้น และจับกุมที่ต้องใช้ความชำนาญเป็นพิเศษ ดำเนินงานด้านการรักษาความปลอดภัยบุคคลและสถานที่ ดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองพยานในคดีพิเศษ รวมทั้งปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมายเป็นไปโดยเรียบร้อย และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมีความปลอดภัย
ทั้งนี้ ดีเอสไอ จึงได้ดำเนินการจัดโครงการประกวดการออกแบบ “เครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำผลงานไปพัฒนาเป็นเครื่องแบบเฉพาะของหน่วยงานที่ใช้สวมใส่ในการปฏิบัติภารกิจของดีเอสไอ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม มีความเป็นสากล และสื่อสารให้ผู้พบเห็นทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ และแสดงถึงความเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย โดยไม่ซ้ำซ้อนหรือคล้ายคลึงกับเครื่องแบบของหน่วยงานอื่น
อย่างไรก็ตามชุดที่ได้้รับรางวัลชนะเลิศนั้น ยังไม่ใช่ชุดที่นำมาใช้แน่นอน เนื่องจากต้องมีการพิจารณาถึงความเหมาะสมโดยละเอียดอีกครั้ง และชุดที่ทั้ง 10 ทีมนำเสนอในวันนี้ ดีเอสไอจะถือว่าเป็นลิขสิทธิ์ของดีเอสไอและจะเลือกใช้ชุดตามความเหมาะสม
