อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 14 อวสาน
อันยานั่งอยู่ด้วยท่าทางประหม่า และไม่แน่ใจ
"จริงๆ เหรอคะ คุณแสน ว่าคุณ…อยากได้ยินความรู้สึกของฉัน"
อันยาย้อนทบทวนเหตุการณ์ที่แสนปฏิเสธและไล่อันยาต่างๆนานา ตั้งแต่ตอนที่อันยาไปหาที่ไร่ ตรงน้ำตกจนกระทั่งก่อนจะกลับลงมา
อันยานึกถึงคำพูดของคิมหันต์
"ถึงโกรธ แต่ก็รัก"
อันยาเลิกคิ้ว ไม่เชื่อ
คิมหันต์พูดต่อ "ไม่รัก จะเอาตัวเองเข้ามาบังกระสุนให้เหรอ ถึงขนาดยอมตายแทนเลยนะ"
อันยาตัดสินใจ
"คุณแสน…ฉันจะบอกคุณ…"
จากที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงมานาน นิ้วของแสนเริ่มขยับเบาๆ
อันยาพูดออกไป
"คุณแสน…ฉันรักคุณ"
อันยาพูดออกไปด้วยความหวาดหวั่นแต่ก็พูดออกไปแล้ว เบื้องหน้าอันยากลับเป็นเพียงฝาผนังว่างเปล่าเพราะเธอซ้อมพูดอยู่เพียงลำพัง
แสนลืมตาตื่นขึ้นในที่สุด พิลาสินีมานั่งเฝ้าเขาอยู่
"แสน นี่ นี่คุณ…..ฟื้นแล้วเหรอคะ"
พิลาสินีทั้งดีใจและประหลาดใจ
อันยาเดินมาระหว่างทาง เธอคิดอะไรบางอย่างแล้วก็ล้วงลงไปในกระเป๋าก่อนจะหยิบริบบิ้นสีหวานซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้ผูกกับสิ่งที่จะทำให้จำอันยาได้ขึ้นมา อันยากำริบบิ้นในมือไว้แล้วยิ้มอย่างมีความหมาย
พิลาสินีกุมมือแสนไว้แน่น แสนเงยหน้ามองพอเห็นพิลาสินีน้ำตาไหล เขาก็อึ้ง
"แพม ผมไม่เป็นไรแล้ว คุณ ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้"
พิลาสินีปาดน้ำตา "ขอโทษนะคะ...ที่ฉันไม่ได้อยู่ข้างๆคุณ" พิลาสินีบอก แสนแปลกใจ "ฉันรู้ความจริงหมดแล้ว เรื่องที่คุณโดนใส่ร้าย"
แสนเข้าใจแล้ว
"จริงๆ ฉันน่าจะรู้ ว่ามันไม่ใช่ฝีมือคุณ แต่..ฉันนึกว่าเราแข่งขันกันอยู่ ฉันเลยโกรธมาก มากจนมองพลาดไป ขอโทษนะคะแสน ฉันขอโทษ..”
"ไม่เป็นไรแพม...ผมไม่เคยโกรธคุณ..ผมเข้าใจ"
พิลาสินีฟังคำของแสนก็เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก
"จริงๆนะคะ คุณไม่โกรธฉันจริงๆนะ"
"ครับ... ขอบคุณมากนะ ที่มาเยี่ยม" แสนบอก
"พูดอะไรอย่างนั้น ฉันแค่มาเยี่ยมเอง จริงๆ" พิลาสินีรวบรวมความกล้า "ฉันอยากชดเชยให้คุณมากกว่านี้ คุณ..อาจจะไม่เชื่อนะคะ ตั้งแต่เรามีเรื่องกัน แล้วคุณต้องออกเพียงพอดี ฉันเสียใจมาก มันทรมาน อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"
แสนมองพิลาสินีแล้วก็รู้สึกได้ว่าเธอกำลังจะพูดบางสิ่งที่สำคัญ
"พอได้รู้ความจริง ว่าคุณไม่ผิด ฉันก็รีบมาทันที เพราะฉันเก็บมันไว้ไม่ได้อีกแล้ว"
อันยาที่ถือริบบิ้นมาในมือเดินมาถึงหน้าห้อง
"แสน ฉันรักคุณค่ะ"
พิลาสินีบอกรักแสนออกมา แสนตะลึงเพราะคาดไม่ถึง
อันยาที่แอบดูอยู่หน้าห้องตกตะลึงยิ่งกว่า
พิลาสินีพูดต่อ "ฉันรู้สึกแบบนี้มาตั้งนานแล้ว อาจจะ..ตั้งแต่เรารู้จักใหม่ๆ ทีแรก ฉันตั้งใจจะรอจนทุกอย่างลงตัวก่อน แล้วค่อยคุยเรื่องนี้กับคุณ แต่มันก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน ฉันถึงได้รู้ว่าความเปลี่ยนแปลงมาถึงเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าฉันได้บอกคุณก่อนหน้านั้น ไม่มัวแต่รอ..ให้คุณเป็นฝ่ายพูด"
แสนอึ้งไปเพราะไม่นึกว่าพิลาสินีเก็บความในใจไว้มากมายขนาดนี้
"มันก็คงไม่เป็นแบบนี้…"
"แพม ผม…" แสนเห็นใจพิลาสินีมาก
"แสนคะ เราสองคนจะไม่เป็นแบบนั้นอีกใช่มั้ยคะ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ได้มั้ยคะ"
อันยาที่อยู่หน้าห้องทรมานใจมากๆ
แสนบอกพิลาสินี
"แพม ผมไม่เคยรู้สึกกับคุณ เปลี่ยนไปเลยนะ ไม่เคยเลยจริงๆ"
พิลาสินีดีใจ "แสน..." พิลาสินีเข้าไปกอดแสนเอาไว้
อันยาที่อยู่หน้าห้องใจจะขาด
แสนลูบหลังปลอบใจพิลาสินี "ไม่ร้องนะครับ คนดี คุณไม่ต้องโทษตัวเองอีกแล้วนะ"
พิลาสินีกอดแสนด้วยความปลาบปลื้มใจที่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ประตูหน้าห้องที่เคยแง้มปิดลงไปแล้ว
อันยาหลบออกมายืนเศร้าอยู่ เธอนึกถึงตอนที่แสนต่อว่าเธอที่มาขอโทษเขาที่ไร่
"ผมถามจริงๆ! หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำ คุณยังจะต้องการอะไรจากผมอีก! คุณหลอกผมซะขนาดนั้น มันยังไม่พออีกรึไง ห๊ะ อันยา"
เธอนึกถึงภาพเมื่อกี้
แสนลูบหลังปลอบใจพิลาสินี "ไม่ร้องนะครับ คนดี คุณไม่ต้องโทษตัวเองอีกแล้วนะ"
อันยาปาดน้ำตาแล้วมองริบบิ้นในมือว่าจะเอายังไงดี
อันยาเดินมาที่หน้าห้องของแสนโดยในมือยังมีริบบิ้นอยู่
อันยาสมมติตัวเองว่าพูดกับแสน "ขอโทษด้วยนะคะ ฉันคงไม่ได้เข้าไปลาคุณ" อันยาปวดใจ "ด้วยตัวเอง"
อันยาหยิบริบบิ้นมาแล้วจะผูกไว้ที่ลูกบิดประตูห้อง
ทันใดนั้นบานประตูก็ขยับแล้วเปิดออก อันยาไม่ทันตั้งตัวจะหลบไปทางไหนก็ไม่ทันแล้ว
พิลาสินีออกมาเห็นอันยาก็ชะงักไป "คุณอันยา"
"ด็อกเตอร์…"
ผู้หญิงสองคนมองกันนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ
"เธอ..มาเยี่ยมแสนเค้าเหมือนกันเหรอ" พิลาสินีถาม
"เอ่อ..ค่ะ" อันยาตอบ
"งั้น เข้ามาสิ พอดีฉันจะออกไปโทรศัพท์หน่อยน่ะ"
"คือ..ฉัน เอ่อ ฉัน.." อันยาไม่อยากเป็นส่วนเกิน "ฉันคงเข้าไปเยี่ยมคุณแสนไม่ได้แล้ว พอดีฉันต้องไปแล้ว อยู่ต่อไม่ได้จริงๆ ยังไงคุณ อย่าบอกคุณแสนนะคะ ว่าฉันมาเยี่ยม"
"ทำไมล่ะ" พิลาสินียิ่งแปลกใจ "มีอะไรรึเปล่า"
อันยาอึกอักแล้วก็รีบแก้ตัว "คือ ถ้าด็อกเตอร์รู้ว่าฉันมาถึงนี่ แต่ไม่เข้าไปเยี่ยม มันคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่"
พิลาสินีพยักหน้าเข้าใจ
"ด็อกเตอร์ สบายดีนะคะ" อันยาถาม
"ก็.." พิลาสินีอารมณ์ปลอดโปร่งเลยเปิดใจ "ก่อนหน้านี้ ฉันไม่สบายใจเลยตั้งแต่มีเรื่องกับแสน
แต่ตอนนี้ เราเข้าใจกันแล้ว แสนเค้าก็ดีกับฉันจริงๆ พอคิดว่าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมฉันโล่งใจมาก"
อันยามองพิลาสินีที่มีความสุขแล้วก็ยิ่งสะท้อนใจว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์
"ค่ะ ดีแล้ว พวกคุณสองเหมาะสมกันมากจริงๆ" อันยาว่า
พิลาสินีชะงักเพราะรู้สึกเขิน
"เธอก็คิดอย่างนั้นเหรอ"
อันยาเจ็บปวด "ค่ะ.. ไม่มีใครเหมาะสมกับคุณแสน เท่ากับคุณอีกแล้ว"
อันยาตัดสินใจจับมือพิลาสินีมากุมไว้แล้วกลั้นใจพูดทั้งที่ข้างในอยากจะร้องไห้
"ฉันฝากคุณแสนด้วยนะคะ" อันยาบอก พิลาสินีแปลกใจ "เอ่อ หมายถึงฝากเยี่ยมน่ะค่ะ"
พิลาสินีพยักหน้าแล้วแตะมืออันยาตอบ
"ฉันจะไม่ห่างแสนเค้าอีกแล้วล่ะ"
อันยาพยักหน้าแล้วปล่อยมือพิลาสินีก่อนจะหันหลังเดินจากไป พิลาสินีกำลังจะผละไปแต่ก็เห็นอะไรบางอย่างหล่นอยู่บนพื้นซึ่งก็คือริบบิ้นที่อันยาทำหล่นไว้นั่นเอง พิลาสินีเก็บขึ้นมาแล้วมองหาอันยา พอเดินตามไปก็ปรากฎว่าไม่ทันเพราะอันยาลงลิฟท์ไปแล้ว
เวลาผ่านไป แสนที่นอนอยู่ที่เตียงครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต...
ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา แสนขำและเขินก่อนจะบอกกับลดาดีๆ "สำหรับผม ไม่บอกคนที่ชอบ ว่าชอบไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าผมไม่ชอบเขา ต้องรีบบอก เค้าจะได้ไม่คอยเราเก้อ..”
พิลาสินีเข้ามาในห้องอีกครั้งก่อนจะบอกกับแสน
"แสนคะ แพมโทรไปลางานเพิ่มแล้ว จะได้มาเยี่ยมคุณได้ทุกวัน ดีมั้ยคะ"
แสนเห็นว่าแพมดูสบายใจขึ้นแล้วจึงตัดสินใจจะบอกความจริง
"แพม ไม่ต้องทำเพื่อผมขนาดนั้นหรอกนะ"
"พูดยังงี้ได้ยังไง ก็แพมบอกคุณแล้วไงคะ ว่าแพม..”
แสนพูดแทรก "ผมเองก็พลาดเหมือนกัน"
พิลาสินีชะงัก
"คุณบอกว่า พลาดที่เข้าใจผมผิด ผมเองก็พลาดเหมือนกัน.. ที่ไม่ยอมรับความจริง"
พิลาสินีมองแสนด้วยความประหลาดใจ
"คุณ.. หมายความ..ว่ายังไงคะ?”
เสียงอันยาดังขึ้น "ก็หมายความว่ากลับน่ะสิ"
ลดาและคิมหันต์ไม่อยากจะเชื่อหู
"มันเรื่องอะไรกันเจ๊ จู่ๆให้จองไฟลท์กลับกะทันหันแบบนี้ ด็อกเตอร์เค้าฟื้นแล้วไม่ใช่เหรอ พ่ออุ๊ยเพิ่งโทรมาบอกคุณย่าเมื่อกี้" คิมหันต์กระซิบ "ไปบอกรักเค้ารึยัง"
"มันไม่จำเป็นแล้วล่ะ" อันยาบอก
"เฮ้ย ทำไมจะไม่จำเป็น นั่นน่ะจำเป็นที่สุดเลย เจ๊โชคดีมากนะ ที่ด็อกเตอร์เค้าฟื้นขึ้นมาแล้วเจ๊มีโอกาสจะบอกเค้า"
"แต่ด็อกเตอร์จะโชคดีกว่านี้ ถ้าเค้า…จะไม่ต้องเจอฉันอีก"
อันยาบอก
ทั้งลดาและคิมหันต์ต่างก็ประหลาดใจในท่าทีของอันยา ลดารู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่างของหลานสาวจึงถามขึ้น
"หนูอัน วันนี้ที่โรงพยาบาล มีเรื่องอะไรใช่มั้ย บอกย่าซิ" ลดาว่า อันยาชะงักไป "พ่อแสนเค้าทำอะไรให้หนูรู้สึกไม่ดีเหรอลูก"
"คุณแสน ไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะ"
"อ้าว งั้นยิ่งไม่มีเรื่องให้กลับใหญ่เลย ก็อยู่ดูแลเค้าต่อสิเจ๊"
อันยาถูกจี้ใจดำแต่ก็ต้องพูดไป "เค้ามีคนดูแลที่ดีกว่าฉันแล้ว"
ลดากับคิมหันต์ชะงักกันไปเมื่อได้ยินอย่างนั้น อันยาจ๋อยมาก
พิลาสินีเดินออกมาพลางหันกลับไปมองตึกโรงพยาบาลที่อยู่เบื้องหลังก่อนจะถอนใจออกมา
แสนบอกพิลาสินีเพราะอยากจะให้เธอตัดใจ
"ผมพลาด..ไปรักคนอื่นแล้วครับแพม ผมถึงต้องพลาดจากคนดีๆอย่างคุณ"
พิลาสินีอึ้งเพราะไม่คาดคิดว่าจะได้ยินแบบนี้
"ว่าไงนะคะ นี่คุณจะบอกฉันว่า..”
"มันไม่ใช่ความผิดของคุณ ที่ผมบอก ว่ารู้สึกกับคุณเหมือนเดิม คือคุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม..เหมือนเดิม"
พิลาสินีรู้สึกเจ็บแปลบในใจเพราะคำว่าเพื่อนไม่น่าฟังเอาเสียเลยในนาทีนี้
"ผมขอบคุณความรู้สึกของคุณจริงๆนะแพม ขอบคุณมาก"
พิลาสินีแทบทรงกายเอาไว้ไม่อยู่ แต่ด้วยความแกร่งที่มีเธอก็พยายามหยัดยืนไว้
"ไม่อยากจะเชื่อ คุณเป็นผู้ชายคนเดียวที่ฉันบอก..บอกรักคุณก่อน แต่ว่าคุณกลับ..." พิลาสินีมองหน้าแสนแบบจะโกรธก็โกรธไม่ลง "หักอกฉันเหรอเนี่ย?”
"ดร.พิลาสินี คนที่เพียบพร้อมไปหมดทุกอย่าง อย่างคุณ ต้องพบคนที่ดีกว่าผมแน่ๆ รับรองได้เลย"
"คุณปลอบใจได้แย่มากรู้มั้ย" พิลาสินียังไม่อยากเชื่อ "แน่ใจเหรอคะ ที่ปฏิเสธฉันเนี่ย"
แสนฟังคำถามของพิลาสินีแล้วนิ่งไปก่อนจะตอบ
"ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคง..ไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้" แสนพูดหนักแน่น "ผมรู้แล้ว"
แสนนึกถึงอันยาแล้วค่อยๆ พร่างพรูความในใจออกมา
อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 14 อวสาน (ต่อ)
ภาพในอดีตย้อนกลับมา แสนวางปากกาลงที่ชั้นวางของบริเวณนั้น
"มันไม่มีค่าเลยสักนิด.. สิ่งเดียวที่ผมต้องการ...จากคุณ คือไปให้ไกล...คนไร้หัวใจอย่างคุณ ! เราอย่าพบอย่าเจอกันอีก"
เสียงแสนอธิบาย "ทั้งเวลาที่โกรธ เวลาที่ต้องเจ็บใจเพราะเค้า"
ภาพตอนที่แสนทำงานที่ไร่เพื่อให้ลืมความทุกข์
เสียงแสนอธิบาย "เวลาที่เค้าทำให้ผมเสียใจ"
ภาพตอนที่อันยาสะอื้นจนใจจะขาดเมื่อรู้ว่าแสนจะหนีจากเธอไปอีก
เสียงแสนอธิบาย "เวลาที่ผมทำให้เค้าเสียใจ"
ภาพเหตุการณ์ที่น้ำตก แสนไล่อันยา
"ถ้าอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อผม ก็ช่วยกลับไป กลับไปที่กรุงเทพ แล้วก็อย่ากลับมาอีก"
เสียงแสนอธิบาย "แม้แต่เวลาที่ผมปฏิเสธเค้า ไล่ให้เค้าไป"
หลังจากเล่าเรื่องนี้แล้ว แสนก็ต้องยอมรับและยอมแพ้อย่างหมดใจ
"ลึกๆแล้ว ในใจผม อยากให้เค้าอยู่ พอเค้าไม่อยู่ ผมก็รอ..." แสนไม่อยากเชื่อตัวเอง "รอผู้หญิงโก๊ะๆคนนั้น รอเค้าคนเดียว"
พิลาสินีอึ้งเพราะยิ่งฟังก็ยิ่งเจ็บ
"ถึงต้องมาเจ็บตัว เพราะยังงี้ไง เพราะทนเห็นเค้าเป็นอะไรไปไม่ได้ ไม่เข้าท่าเลยนะ? ผมถึงบอกไง ว่าคุณ..เหมาะกับคนอื่นที่ดีกว่าผม"
พิลาสินีฟังแสนแล้วก็อ่อนใจเพราะหมดข้อจะโต้แย้งใดๆอีก แต่แล้วเธอก็ชะงัก
"ผู้หญิงโก๊ะๆ ?”
พิลาสินีมองแสน แสนยิ้มๆ พิลาสินีหยิบริบบิ้นสีเขียวออกมา
พิลาสินีถาม "หมายถึง…เจ้าของริบบิ้นนี่รึเปล่าคะ"
แสนรับริบบิ้นจากพิลาสินีมาดูก็จำได้ทันทีว่าเป็นริบบิ้นของอันยา
"คุณ ทำไมถึงมีริบบิ้นนี่ ?”
พิลาสินีคิด "ฉันว่า ฉันทำตามที่รับปากกับอันยาไว้ไม่ได้แล้วล่ะ เค้ามาเยี่ยมคุณ แต่พอเจอฉันเค้ากลับบอกว่าเค้าต้องไปก่อน ฉันว่ามันแปลกๆ"
แสนชะงักไปเพราะชักสังหรณ์ใจด้วยเหมือนกัน
"แพม ขอบคุณมากนะ ที่คุณบอกผม ใช่ อันยา คือคนที่ผมพูดถึง"
พิลาสินีอึ้งไปอย่างจำต้องยอมรับ "ตลกจริงๆ เมื่อกี้นี้ เค้าแสดงความยินดีกับฉัน บอกว่าไม่มีใครเหมาะสมกับคุณเท่ากับฉัน" พิลาสินีไม่อยากเชื่อ "นี่เค้าต้องเข้าใจผิดไปแล้วแน่ๆ"
แสนไม่อยากเชื่อ "ยัยโก๊ะเอ้ย"
"ฉันไม่รู้ว่าระหว่างคุณสองคน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่..ในฐานะที่ฉันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกนะคะ แล้วก็..อย่ายอมเสียคนที่สำคัญกับคุณไป อย่างฉัน"
พิลาสินีจับมือแสนก่อนจะพูดถ้อยคำสำคัญ
พิลาสินีตัดใจหันหลังกลับ เธอปาดน้ำตาที่ริมขอบตาทิ้งก่อนจะเดินจากไป
กระเป๋าเดินทางถูกลากออกมา อันยาเตรียมตัวจะจากไปเต็มที่ คิมหันต์เดินพล่านเพราะพยายามห้าม
"เจ๊ !! อย่าเพิ่งมโนไปเองดีมั้ย ถาม คุยกับด็อกเตอร์เค้าก่อน"
"หมดคำถาม ! สิ่งที่ฉันเห็น มันไม่ต้องถามอะไรให้หน้าแตกอีกแล้ว ไม่ใช่หนนี้หนแรกนะฉันหน้าหงายตลอดเวลาตั้งแต่ฉันขึ้นมาง้อเค้าที่นี่"
ลดาถอนใจเมื่อได้ยินสิ่งที่อันยาพูด
"คุณย่า อันพยายามเต็มที่แล้ว สู้หมดแม็กซ์แล้วจริงๆ ถ้าจะให้สู้กับด็อกเตอร์แพมอันคงไม่ไหว" อันยาพูดกับคิมหันต์ "เทียมกับคุณแพมแล้ว ฉันก็แค่นังมารร้ายโหลยโท่ย"
"เป็นนังมารแล้วไง ไม่มีหัวใจรึไง ถ้าเทียบกันตรงปริมาณความรักแล้ว เจ๊ชนะขาด !”
"แต่ถ้าเทียบคุณภาพ..ฉันแพ้ คุณแพม ไม่เคยหักหลังคุณแสน"
คิมหันต์อึ้ง
"ฉันไม่มีอะไรสู้ดร.แพมได้สักอย่าง แล้วฉันก็ไม่อยากสู้ด้วย" คิมหันต์ร้องไห้ "คุณแสนควรจะได้รับสิ่งดีๆบ้าง...นี่อาจจะเป็นเรื่องเดียวที่ฉันทำให้เค้าได้"
อันยาพูดแล้วก็เศร้า เธอปาดน้ำตาพยายามจะเข็มแข็ง
"คุณย่า...อันขอกลับ กลับบ้านเรา และไม่กลับมาที่นี่อีก"
อันยาฮึดหลังจากยืนยันหนักแน่น
แสนทวนคำ
"อันยาเป็นคนมาดูแลผม?”
"ใช่ เค้าขอกับน้าฟอง ว่าขอดูแลนายเอง พวกเราเห็นว่าเค้าเป็นห่วงนายมาก ก็เลยตกลง" สิงห์แปลกใจ "แต่จู่ๆก็โทรศัพท์มาขอโทษที่ไม่ได้เฝ้าอาการนายต่อ บอกว่านายมีคนดูแลที่ดีกว่าแล้ว ฉันงงไปหมด ก็เลยแวะมาดูเนี่ยแหละ"
"แล้ว ที่เค้าไม่มาเยี่ยมผมเนี่ย เค้าบอกรึเปล่า ว่าจะไปไหน ?” แสนถาม
สิงห์ชะงักไป
อันยากับลดากำลังรอรถของโรงแรมไปส่งที่สนามบิน คิมหันต์มาส่งทั้งสองคนขึ้นรถด้วยอาการเซ็ง
"ไม่อยากจะเชื่อ มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย" คิมหันต์พูดกับลดา "คุณย่า จะไม่ห้ามเจ๊เค้าหน่อยเหรอครับ"
ลดานิ่งกว่าที่คิด "ย่าจะไปฝืนใจใครได้ล่ะ ถ้าหนูอันอยากกลับ ย่าก็จะกลับด้วย"
อันยาหันมามองคิมหันต์ว่าเป็นไงล่ะ เพราะย่ากับหลานเข้าข้างกัน
"ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆ" คิมหันต์พูดกับอันยา "เชิญกลับไปเลย คนใจดำ ทิ้งด็อกเตอร์ได้ลงคอ"
"นี่ล่ะ ใจดีที่สุดที่ฉันเคยทำมาแล้ว ฉันจะไปจากคุณแสน ให้เค้าได้สมหวังซะที"
รถของโรงแรมแล่นมาจอด
คิมหันต์รู้ว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์แล้วจึงไหว้ลดา "เดินทางกลับดีๆนะครับคุณย่า" คิมหันต์แขวะอันยา "ผมยังไม่กลับ จะรอเจอคุณเม เค้าจะขึ้นมาเยี่ยมด็อกเตอร์"
"ไปเถอะค่ะคุณย่า"
อันยาพาลดาขึ้นรถของโรงแรม
คิมหันต์มองตามด้วยความเสียดายแทนมากๆ "เจ๊นะเจ๊ เป็นนังมารให้ตลอดหน่อยก็ไม่ได้ เป็นนางเอกทำไมเนี่ย"
คิมหันต์อารมณ์เสียและไม่อยากยอมรับเลย
ฟากอันยาเช็คอินน์อยู่ที่เคาน์เตอร์สายการบินนกแอร์ด้วยท่าทางเหม่อลอย
"เรียบร้อยแล้วค่ะ" เจ้าหน้าที่เห็นอันยาใจลอย "คุณคะ"
อันยารู้สึกตัวจึงรับตั๋วคืนมาจากเจ้าหน้าที่
อันยาเดินมาหาลดาที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ พอลดาเห็นอันยาเดินมาก็รีบตัดบท
"แค่นี้ก่อนนะคะ คุณหนานปิง แล้วค่อยคุยกันนะคะ"
ลดาวางสายด้วยท่าทางตื่นเต้นเล็กน้อย
"โทรไปลาพ่ออุ๊ยเหรอคะ" อันยาถาม
"เอ่อ จ้ะ" แววตาของลดามีพิรุธ
"อันขอโทษนะคะ คุณย่าอุตส่าห์ได้เจอพ่ออุ๊ยทั้งที แต่อันต้องรีบกลับ"
"ไม่เป็นไรหรอก ถ้าหนูอันสบายใจซะอย่างน่ะนะ"
ลดาเน้นเสียงแปลกๆ อันยาชะงักเล็กน้อยแต่ก็ไม่ทันคิดอะไร แล้วเธอก็หันไปเห็นเวลา
"ไปที่เกตกันได้แล้วล่ะค่ะคุณย่า"
อันยาเตรียมจะพาลดาไป ลดาชะงักว่าจะทำยังไงดี
"เอ่อย่า ขอเข้าห้องน้ำก่อนได้มั้ยจ๊ะ"
อันยารอลดาอยู่หน้าห้องน้ำ เธอมีอารมณ์อ่อนไหวจึงอยากจะรีบไป อันยานึกสงสัยว่าทำไมป่านนี้ลดายังไม่ออกมาซะที
มือถือของอันยาดังขึ้น อันยาชะงักแต่ก็ต้องรับสาย พอเห็นเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอเธอก็ประหลาดใจ
"เบอร์ใครเนี่ย"
อันยาคิดแต่ก็ตัดสินใจรับ
"ค่ะ ไม่ทราบว่าโทรจากไหนคะ" อันยาอึ้ง "คุณสิงห์ !! ฉันขอโทษเรื่องคุณแสนด้วยนะคะแต่เชื่อเถอะ ว่าคนๆนั้น เค้าจะดูแลคุณแสนได้ดีกว่าฉัน"
สิงห์คุยโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงร้อนรนมากอยู่หน้าห้องพักของแสนที่โรงพยาบาล
"เรื่องนั้นน่ะช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้ อาการนายแสนทรุดหนัก"
อันยาช็อคมาก
"ไหน ไหนบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้วไงคะ"
"ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่หมอบอกว่า ความดันตก หมอเค้าก็พยายามช่วยอยู่ แต่นานแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น เค้าบอกว่า..ให้ญาติเตรียมใจ"
อันยาฟังแล้วก็ใจตกวูบ
"ไม่จริง เป็นไปไม่ได้"
"มันก็เป็นไปแล้ว!! คุณอัน ที่ผมโทรมาเนี่ย เพราะแสนมันบอก ว่ามีอะไรอยากจะบอกกับคุณ คุณช่วยมาฟังมันเป็นครั้งสุดท้ายได้มั้ย" สิงห์ถาม ปลายสายเงียบไป "คุณอัน คุณอัน" สิงห์งงๆที่จู่ๆสายก็หลุดไป
อันยาวิ่งพรวดเข้าไปในห้องน้ำ
"คุณย่าคะ คุณย่า"
ลดากำลังทำทีเป็นเช็ดมืออยู่ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นแอบฟังอันยาคุยโทรศัพท์อยู่
"หนูอัน เป็นอะไร เครื่องจะออกแล้วเหรอ" ลดาถาม
"ไม่ใช่ค่ะ คุณย่า...คุณแสนค่ะ..คุณแสน"
"ตั้งสติไว้ ทำใจดีๆไว้ลูก พ่อแสนเป็นอะไร"
"คุณแสนอาการทรุดค่ะ" อันยาใจจะขาด "เราต้องไปโรงพยาบาลกันเดี๋ยวนี้"
อันยาละล่ำละลักเหมือนจะขาดใจซะให้ได้
อันยาพาลดามาที่จุดรอแท็กซี่ที่มีคนรอคิวกันอยู่ อันยาเห็นแล้วกลุ้มไม่รู้จะทำยังไงดี เธอรีบปราดเข้าไปหาคิวต้นๆ
อันยายกมือไหว้ "พี่ ขอโทษนะ ฉันต้องรีบไปโรงพยาบาล เพื่อนฉันอาการโคม่า ขอฉันไปก่อน
นะ นะคะพี่ นะคะ" อันยาไหว้คนทั้งแถว
ทุกคนชะงัก
"ฉันขอร้องล่ะค่ะ"
"เชิญ เชิญเลยครับ" คนที่ต่อแถวหน้าสุดบอก
"ขอบคุณนะคะ ขอบคุณ.. ไปค่ะคุณย่า"
อันยารีบจูงมือลดาพาขึ้นแท็กซี่ไปโดยไว
พอขึ้นมาได้แล้ว อันยาก็รีบบอกคนขับ
"ไปโรงพยาบาล......ด่วนที่สุดเลยนะคะ เหยียบไปเลยค่ะ"
แท็กซี่อึ้งๆ แต่ก็ขับไป อันยานั่งตัวสั่นอยู่ที่เบาะหลังแท็กซี่อย่างใจคอไม่ดีมากๆ ลดาลูบหลังปลอบหลานสาวให้ใจเย็นๆ
ครอบครัวแสนที่รออันยาอยู่ต่างก็กระสับกระส่าย
สินดูเวลา "นี่มันนานแล้วนะ"
ทุกคนลุ้นแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก
รถแท็กซี่แล่นมาจอดหน้าโรงพยาบาล อันยากับลดาลงมาจากรถ คิมหันต์รีบออกมารอรับ
"เร็วเจ๊ ทุกคนเค้ารอเจ๊อยู่นะ"
"นี่ นี่แกก็มาด้วยเหรอ" อันยาถาม
คิมหันต์ชะงักไปนิด "คุณสิงห์โทรมาบอกที่โรงแรมน่ะ ผมเลยรู้"
อันยาพยักหน้าแต่ก็ไม่สนใจหาความอะไรอีก เธอรีบเข้าไป คิมหันต์กับลดามองหน้ากันนิดนึง
"หนูอัน รีบไปก่อนได้เลยจ้ะ เดี๋ยวให้พ่อคิม เค้าพาย่าตามไปทีหลัง ไปเถอะจ้ะ เดี๋ยวจะไม่ทัน" ลดาหยอด "ดูใจพ่อแสน"
อันยาฟังแล้วใจจะขาด
"งั้นอันรีบไปก่อนนะคะ"
อันยารีบวิ่งไปอย่างรวดเร็วจนทุกคนในโรงพยาบาลต่างหันไปมอง
อันยารีบวิ่งกระหืดกระหอบออกมาจากลิฟท์ ครอบครัวของแสนรอคอยกันอยู่อย่างกระสับกระส่าย สินหันมาเห็นอันยาก็รีบส่งเสียงบอก
"โน่นไง มาแล้ว"
อันยารีบเข้ามาหาทุกๆคน
ฟองคำปาดน้ำตาทำหน้าเหมือนร้องไห้มาจนตาช้ำ "แสนเค้ารอหนูอยู่น่ะจ้ะ...รีบเข้าไปดูเค้าเถอะ"
ฟองคำสะอื้น สิน หนานปิง และสิงห์ดูเครียดๆ ลุ้นๆ
"ค่ะ...”
อันยาหน้าเสียและใจเสียมาก เธอรับปากแล้วรีบเดินเข้าไป
ทุกคนมองตามหลังอันยาด้วยอาการลุ้นๆ
อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 14 อวสาน (ต่อ)
อันยาเปิดประตูเข้าไปเห็นแสนนอนหายใจแผ่วอยู่บนเตียงก็รีบปรี่เข้าไปหา
"คุณแสน ฉันมาแล้วค่ะ คุณอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ คุณแสน"
แสนนอนนิ่งและหายใจเบามากๆ
"คุณแสน ฉันขอโทษ ฉันขอโทษที่ไม่ได้อยู่กับคุณ ฉันนึกว่าคุณแพมจะมาดูแลคุณ คุณตอบฉันสิ ลุกขึ้นมาว่าฉันก็ได้ คุณแสน"
อันยากอดร่างของแสนคล้ายใจจะขาด
"คุณแสน คุณมีอะไรอยากพูดกับฉันคะ พูดกับฉันสิ ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว"
อันยาบีบมือของแสนไว้ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่านิ้วก้อยของแสนกระดิกน้อยๆ เหมือนกับตอบรับเธอ
"คุณ..คุณรู้ใช่มั้ย ว่าฉันมานี่แล้ว พูดกับฉันสิคะ"
แสนยังคงนอนนิ่ง หน้าตาของเขาดูซีดเซียวลงทุกที
"ฮือ..คุณแสน ฉันรักคุณ.... รักคุณมากนะคะ ฉันคงทนไม่ได้ ถ้าคุณมาจากฉันไปแบบนี้"
แสนหรี่ตาขึ้นมา ในที่สุดเขาก็ได้ฟังคำๆนี้สักที
"คุณอย่าทิ้งฉันไป อย่าทำแบบนี้"
"คุณต่างหาก ที่ทิ้งผม" แสนว่า
อันยายังคร่ำครวญอยู่ "ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่นึกว่าอาการคุณจะทรุดฉัน...ฉันแค่อยากหลีกทางให้คุณกับคุณแพม เพราะว่าฉันทำไม่ดีกับคุณไว้ ฉันไม่มีอะไรเทียบกับเค้าได้เลย"
แสนมองอันยาที่พร่างพรูความรู้สึกลึกๆออกมาด้วยความเห็นใจ
"คุณไม่ต้องเทียบกับใคร คุณก็เป็นคุณ ผมรักคุณอย่างที่คุณเป็น นะอันยา" แสนพูด
อันยาที่สะอื้นอยู่ถึงกับชะงัก เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองแสนซึ่งตอนนี้ดูปกติมากๆ
"คุณไม่ต้องรู้สึกผิดอีกแล้ว เราควรจะเลิกทำร้ายกันแบบนี้สักที พอผ่านความตายมาได้ ผมถึงรู้ ว่าไม่มีอะไรสำคัญ กว่าการที่เราได้อยู่ตรงนี้ด้วยกัน เราควรจะรักษาวันเวลาที่สวยงามไว้ ดีกว่าจะมัวโกรธ และโทษกันอยู่"
"คุณแสน...นี่ นี่คุณ...ไม่ได้โคม่า?” อันยาว่า
แสนชะงักไปที่ความลับหลุดซะแล้ว
"คุณ...นี่คุณหลอกฉันเหรอ ฉันตกใจแทบตายเลยนะ รู้มั้ยฉันคิดว่าคุณจะตายจริงๆ ฉัน"
อันยาทำท่าจะทุบแสนแต่ก็ค้างเอาไว้ ดวงตาที่เต็มไปด้วยแววอ่อนโยนของแสนสบเข้ากับดวงตาที่มีน้ำตาคลอตาของอันยา แล้วอันยาก็เข้าไปกอดแสน
"คนบ้า คุณร้ายกาจที่สุด...ทำแบบนี้ได้ยังไง ฮือ"
แสนกอดปลอบอันยา "ขอโทษนะ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ คุณจะยอมกลับมาหาผมเหรอ"
"คุณมันสตรอว์เบอร์รีมาก รู้ตัวรึเปล่า"
แสนหัวเราะ "แต่ผมก็ทำ... เพื่อเราสองคนนะ"
อันยามองแสนอย่างไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่าเรื่องราวจะผลิกผันแบบนี้ ทันใดเสียงประตูห้องก็เปิดออก มีเสียงของหนานปิงแว่วเข้ามา
"เค้าไม่ตีกันแน่เหรอ ฉันได้ยินเสียงดังเลยนะ"
สิน ฟองคำ หนานปิง ลดา และคิมหันต์เดินเข้ามาเห็นอันยากอดกับแสนอยู่ก็ชะงัก
"เค้าตีกันที่ไหนล่ะ ไป ออกๆๆๆ"
ทุกคนจะพากันออกไปด้วยความเกรงใจ
อันยาหันขวับก่อนจะตะโกนออกไป
"เดี๋ยวค่ะ" ทุกคนชะงัก อันยาพูดต่อ "งั้นทุกคน...ก็รู้กันหมดใช่มั้ยคะ ว่าคุณแสนไม่ได้โคม่า"
ทุกคนชะงักและเก้อเขินกันไป
"นี่ร่วมมือกันหลอกอันเหรอคะเนี่ย"
ลดาก้าวออกมา "อย่าไปไล่เบี้ยกับครอบครัวคุณแสนเค้าเลย ย่าเองแหละจ้ะที่คิดแผนนี้"
อันยาเหวอ
"ก็เรา อยากลีลากั๊กความรู้สึกของตัวเองนักนี่ ก็ต้องโดนแบบนี้ล่ะ จะได้เข็ด รู้ใจตัวเองสักที"
"คุณ คุณย่า !”
ครอบครัวแสนขำกับท่าทางของอันยาที่โดนย่าตัวเองต้มซะสนิท
ลดาพูดกับสิน "ต้องขอบคุณนะคะที่ทุกคนยอมทำตามแผน ไม่ยังงั้นป่านนี้หลานสาวตัวดีของฉัน
คงนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่บนเครื่องไปแล้ว"
"ภรรยาผมต้องแกล้งเอายาหม่องมาป้ายตาซะแทบแย่ กลัวไม่เนียนนะเนี่ย" สินบอก
"จะให้ร้องจริงๆ มันก็ร้องไม่ออกน่ะ ฉันแสดงไม่เก่งซะด้วย"
"เจ๊ะน่ะต้องขอบคุณย่า และทุกคนเค้าถึงจะถูกนะ" คิมหันต์แซว
อันยาหยิกคิมหันต์เข้าให้ "ได้ที ยำได้ยำเอาเลยนะ"
ฟองคำพูดกับลดา "พวกเราก็อยากเห็นแสนมีความสุขซะทีเหมือนกันค่ะ ดีนะ ที่คราวเนี้ยะยอมเลิกเล่นตัว"
"แม่ครับ"
"นั่นน่ะๆ เขินๆ"
ทั้งแสนและอันยาต่างโดนครอบครัวล้อกันใหญ่
"ผมล่ะชอบแบบนี้จริงๆ เจ้าแม่สตรอว์เบอร์รี ต้องเจอสตรอว์เบอร์รีกว่า สะใจอ่ะ" คิมหันต์ว่า
ทุกคนหัวเราะชอบใจกันใหญ่ อันยาทำหน้าเหรอหราท่ามกลางบรรยากาศที่ดำเนินไปอย่างมีความสุข
แสนเหลือบมองอันยาซึ่งฟุบหลับไปพร้อมกับกุมมือของเขาเอาไว้อยู่
"บอกว่าจะเฝ้าคนป่วย แต่ตัวเองมาหลับเนี่ยนะ?”
แสนมองอันยาที่หลับปุ๋ยเหมือนเด็กๆ ก็มีแววตาที่เผลอเอ็นดูอย่างไม่รู้ตัว
"คุณแสน"
แสนชะงักว่าอันยาจะตื่นรึเปล่า
อันยาละเมอ "ไว้เราไปกินกาแฟกันนะ"
"ห๊ะ ?" แสนก้มมองใกล้ๆ ถึงเห็นว่าอันยายังไม่ตื่น "ละเมออะไรของเค้าเนี่ย" แสนส่ายหน้า
อันยาละเมอต่อ "คุณอย่าตายนะ..หายเร็วๆ แล้วฉันจะไปกินกาแฟกับคุณ"
แสนเข้าใจแล้ว เขามองอันยาด้วยความรู้สึกว่าน่าเอ็นดูโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าลงไปจะจูบที่เรือนผม แต่อันยาขยับตัวก่อน แสนชะงักแล้วรีบแกล้งหลับ
อันยามองไปมา แล้วหันมามองแสน
"ยังไม่ตื่นอีกเหรอเนี่ย"
อันยามองแสนที่แกล้งหลับแล้วก็แอบนึกหมั่นเขี้ยวจึงก้มลงไปพูดใกล้ๆ
"เดี๋ยวก็จูบให้ตื่นซะหรอก !”
แสนซึ่งแกล้งหลับอยู่รู้สึกหวิวๆ
อันยาก้มหน้าเข้ามาใกล้ๆ แสนหวิวมากๆ ว่าจะโดนปล้นจูบรึเปล่า แต่ปรากฎว่าพอใกล้มากๆ อันยาก็หยุดเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากตัวเองแล้วเอาไปแตะแก้มแสน
"มัดจำเอาไว้ก่อนนะคะ" อันยากลับลงไปนั่งเหมือนเดิม
แสนใจเต้นแรงมากๆ จนหัวใจเกือบจะวาย
คิมหันต์คุยมือถือกับเมขลา
"พอคืนดีกับเจ๊อันโกะแล้ว ด็อกเตอร์ดูแฮปปี้มาก ระวังนะครับ คุณมาเยี่ยมช้าเค้าจะออกจากโรงพยาบาลซะก่อน"
เมขลาคุยสายไปก็จัดกระเป๋าไปด้วย
"ฉันก็รีบอยู่นี่แหละค่ะ ช่วงนี้ที่บริษัทยุ่งจริงๆ วันก่อนพี่เพียงลาฉันเลยต้องอยู่ช่วยบอส เพิ่งจะลาได้ก็วันนี้" เมขลาบ่น
คิมหันต์ทั้งที่ฟังเมขลาบ่นแต่ก็ยังฟังด้วยรอยยิ้ม
เมขลาเก็บกระเป๋าไปด้วย แล้วหลุดปากออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ "เอ๊ะ ที่เร่งให้ฉันขึ้นไปเนี่ย กลัวฉันไปเยี่ยมด็อกเตอร์ช้า หรือว่า...คิดถึงฉันกันแน่"
คิมหันต์ชะงักไป
เมขลาเจอเดดแอร์จากคิมหันต์ก็ชะงัก เธอเพิ่งรู้ตัวว่าอาจจะล้ำเส้นไป
"ฉันล้อเล่นน่ะ อย่างคุณไม่คิดถึงฉันหรอก ตอนเย็นเจอกันนะคะ" เมขลาจะวางสาย
คิมหันต์พูดจากมือถือ "เดี๋ยว! อย่าเพิ่งวางครับ"
เมขลาชะงักเพราะอายมากแต่ก็ต้องถือหูไว้ก่อน
คิมหันต์พูดกับมือถือ
"มาเร็วๆนะครับ"
เมขลาได้ยินเสียงของคิมหันต์พูดออกมา
คิมหันต์พูดจากมือถือ "ผมคิดถึง...”
เมขลายิ้มแก้มแทบปริแต่ก็พูดอะไรไม่ออก เธอกดวางสายแล้วก็เขินอยู่คนเดียว
คิมหันต์วางสายด้วยแววตาที่มีความสุข
โกมลคุยกับแสน เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าอยู่ที่มุมห้อง
"มีผู้ใหญ่ที่เห็นใจผม ยอมให้เป็นกรณีพิเศษ ให้ผมมาเยี่ยมคุณ" โกมลบอก
แสนกับอันยามองโกมลที่มีท่าทีอ่อนลงมากด้วยความประหลาดใจไม่น้อย
"ผม…รู้เรื่อง พ่อจริงๆของหลานผมแล้ว"
แสนและอันยาเข้าใจแล้วว่าทำไมโกมลถึงได้มา
"ผมต้องขอโทษ ด็อกเตอร์ด้วย"
โกมลก้มหน้าอย่างละอาย
"ตอนนั้นผมโมโหพวกคุณมาก ก็เลย..." โกมลถอนใจ "ยังไงผมก็ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วแต่ก็ยังดีที่ตอนนั้น คุณช่วยเตือนสติผมไม่ให้ทำรุนแรงไปกว่านี้ ตอนนี้ ผมรู้แล้วว่าตัวเองเป็นพ่อที่ใช้ไม่ได้ ไม่ได้เอาใจใส่ลูกสาวมากพอ มันถึงได้เป็นแบบนี้"
"เอ่อ ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจว่าคุณหรอกนะ แต่ตอนนั้นฉันก็ฟิวส์ขาดเหมือนกัน"
"แต่คุณพูดถูก พอเมียผมเอารูปหลานมาให้ดู ผมก็สงสารมันที่ต้องมีตาเป็นคนต้องคดี" โกมลพูดกับแสน "โชคดีที่คุณไม่ตาย โชคดีจริงๆ"
"ผมว่าหลานของคุณจะต้องเข้าใจคุณ คุณตาของเค้าเป็นลูกผู้ชายมาก ที่รู้จักยอมรับผิด" แสนบอก
โกมลอึ้งกับสิ่งที่แสนพูดออกมา
"ด็อกเตอร์"
โกมลซึ้งในสปิริตของแสน ขณะนั้นเองตำรวจก็ส่งสายตามาว่าได้เวลาต้องไปแล้ว
"ผมคงต้องไปแล้ว ขอให้คุณหายไวไว" โกมลมองอันยา "มีกำลังใจแล้วคงจะหายไว"
แสนและอันยาเขินนิดๆ
อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ตอนที่ 14 อวสาน (ต่อ)
โกมลกำลังจะออกไป แต่แล้วเขาก็หันมาบอก
"อ้อ พอผมพ้นโทษแล้ว คิดว่า..คงจะอยู่บ้านเลี้ยงหลาน ทำนาทำสวนไปตามประสาคงจะไม่ได้ทำร้านปุ๋ยเคมีอีก ผมแค่อยากบอกด็อกเตอร์เอาไว้"
แสนไม่อยากเชื่อเพราะรู้สึกเหมือนได้รางวัลชีวิต "ขอบคุณนะครับ กำนัน"
โกมลพยักหน้าก่อนจะยิ้มบางๆให้แสนก่อนจะเดินออกไป แสนและอันยาหันมาสบตาด้วยความดีใจที่โกมลกลับใจได้ในที่สุด
อันยาซึ่งมาเฝ้าอาการแสนจัดผ้าห่มให้เพื่อเตรียมส่งแสนเข้านอน แสนมองอันยาที่มาดูแลใกล้ชิด ด้วยความสุขใจ
"วันนี้คุณน่าจะเหนื่อยมากแล้ว ราตรีสวัสดิ์นะคะ"
แสนเอานิ้วชี้แตะที่แก้ม อันยานิ่วหน้าเพราะไม่เก็ท แสนแตะอีกที
อันยาไม่ยอม "เรื่องอะไร"
"คุณมัดจำไว้แล้วนะ"
อันยาชะงักแล้วก็ช็อคเพราะไม่คิดว่าแสนจะได้ยิน "อย่าบอกนะ ว่า...ได้ยิน !”
"ผมได้ยิน ครบ-ทุก-คำ"
อันยาอึ้งมาก
ภาพเหตุการณืก่อนหน้านี้ย้อนกลับมา อันยามองแสนที่แกล้งหลับแล้วก็แอบนึกหมั่นเขี้ยว เธอจึงก้มลงไปพูดใกล้ๆ
"เดี๋ยวก็จูบให้ตื่นซะหรอก !”
อันยาหยุดแล้วเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากตัวเองก่อนจะเอาไปแตะแก้มแสน
"มัดจำเอาไว้ก่อนนะคะ" อันยากลับลงไปนั่งเหมือนเดิม
แสนพูดขึ้นมา "ผู้หญิงสมัยเนี้ยะ ร้ายจริงๆเลยนะ ไว้ใจไม่ได้"
"ก็ฉันนึกว่าคุณหลับนี่ ถ้ารู้ว่าได้ยินนะ" อันยาจะเดินหนีด้วยความอาย
แสนดึงข้อมืออันยาไว้ "ไม่รู้ล่ะ คุณมัดจำไว้แล้ว มาจ่ายให้ครบซะดีๆ"
"บ้า ฉันก็อายเป็นนะ"
"งั้นถ้าผมแกล้งหลับล่ะ" แสนแกล้งหลับตา
"แต่ฉันรู้ว่าคุณแกล้งนี่"
แสนหัวเราะ อันยาเขินก่อนจะหันหน้าหนี
"โอเค ผมไม่แกล้งคุณแล้ว"
"คุณเนี่ย ใครบอกว่าคุณเป็นคนแสนดีนะ เข้าใจผิดกันหมดแล้ว คุณมันร้ายจะตาย"
"ก็เอาไว้ต่อกรกับคุณไง" แสนว่า
อันยาชะงักไป
แสนพูดจริงจังขึ้นพร้อมกับจับอันยาให้หันมาสบตาเขา "อันยา... ผมดีใจนะ ที่มีคุณอยู่ตรงนี้"
"ทีก่อนหน้านี้ อยากให้พูด ไม่พูดสักคำ ตอนนี้พูดได้พูดใหญ่เลยนะ"
แสนยิ้มตาเป็นประกายจนอันยาทนไม่ไหวแล้ว
"ฉันจ่ายให้ก็ได้"
อันยาหอมแก้มแสนเร็วๆ แล้วรีบผละออกมาด้วยความเขิน
แสนชะงักเพราะรู้สึกซาบซ่านไปทั้งร่างเพราะจุมพิตเบาๆของอันยา
แสนพูดเบาๆ "แค่นี้ไม่ได้หรอก"
แสนประคองวงหน้าอันยาเข้ามาหาแล้วจุมพิตเธออย่างอ่อนโยนที่ริมฝีปาก ดวงดาวส่องแสงระยิบระยับอยู่คู่กันบนท้องฟ้าภายนอกหน้าต่างห้องพักโรงพยาบาล
เพียงดาวทำหน้าหยิ่งๆ ในขณะที่พนักงานหญิง 2-3 คนเข้ามารุมล้อม
"เจ๊ เค้าจะมาวันไหนอ่ะ"
"นี่ ให้หนูลงฟิลด์กับด็อกเตอร์ก็ได้นะ"
"หนูด้วยนะเจ๊"
"ไว้ด็อกเตอร์แสนเข้ามา พวกเธอก็ไปคุยกับเค้าเองว่าอยากทำงานด้วย ฉันไม่ใช่แผนกคัดคนของด็อกเตอร์เค้านะยะ" เพียงดาวว่า
พนักงานสาวๆทำท่าเสียดายไม่ใช่น้อย แล้วบุรินทร์ก็เดินมา
"เออ แสนนี่ยังสเน่ห์แรงไม่เปลี่ยน พอกลับมาเป็นที่ปรึกษา เข้าบริษัทเดือนละแค่ไม่กี่วันคนยิ่งคิดถึงกันมาก"
เพียงดาวแขวะสาวๆ "คิดถึงก็เท่านั้นแหละค่ะ คนเค้าก็มีเจ้าของไปแล้ว"
"มีเจ้าของเราก็ไม่เกี่ยงค่ะ แค่ได้ทำงานกับเจ้านายเก่งๆ นิสัยดี แล้วก็..”
พนักงานอีกคนรีบเสริม "หล๊อ หล่อ...”
"ยังไงก็คุ้มค่ะ"
เพียงดาวเบ้หน้าประมาณว่าเยอะนะยะพวกนี้ บุรินทร์ชอบใจ แล้วเอกชัยก็เดินผ่านมาร่วมวงด้วย
"ทำงานกับด็อกเตอร์แค่คุ้ม แต่ใกล้ชิดประชาสัมพันธ์หนุ่มน่าเลิฟอย่างผม กำไรสองต่อนะครับ" เอกชัยบอก สาวๆงง "ต่อที่หนึ่งลด50%" สาวๆรอฟัง "ต่อที่สองลดอีก 50% !! สรุปว่ายกให้ฟรีๆทั้งตัวและหัวใจ" สาวๆกรี๊ดกร๊าด
"เท่ากับไร้ค่าเลยสิยะ" เพียงดาวว่า
"โหเจ๊ จังหวะนี้ไม่รีบเซลล์ เดี๋ยวค้างสต๊อกอย่างเจ๊จะทำไง"
"ว้าย แกนี่!”
ทุกคนดูเอกชัยกับเพียงดาวเถียงกันแล้วก็ขำกันด้วยความสนุก
แล้วบุรินทร์ก็เหลือบไปเห็นพิลาสินี กับเมขลาเดินมาด้วยกัน
"อ้าว แพม จะกลับแล้วเหรอ" บุรินทร์ถาม
"ค่ะ" พิลาสินีรีบออกตัว "ไม่ได้เลิกก่อนเวลานะคะ แพมปิดคอมตอนห้าโมงสามสิบนาทีเป๊ะ"
"บริษัทไม่เคยมีนโยบายให้ใครทำงานเกินเวลาอยู่แล้ว"
"ทราบค่ะ เมื่อก่อนแพมทำงานมากเกินไปเอง แต่พอเห็นแสนตอนนี้ ที่เค้ามีเวลาให้กับครอบครัว ให้กับคนรัก ก็เลยคิดได้ ว่าชีวิตไม่ได้มีแค่งานอย่างเดียว น่าจะหาความสุขอย่างอื่นบ้าง"
"พูดแบบเนี้ยะ หรือว่า" เอกชัยแซว "ด็อกเตอร์พิลาสินีจะมีซัมวันแล้วครับ ?”
"อย่ามาทะลึ่งกับด็อกเตอร์แพมนะยะ" เพียงดาวพูดกับพิลาสินี "มันปากไม่ดี ด็อกเตอร์อย่าไปสนใจค่ะ"
พิลาสินีชะงักไปก่อนจะบอก "ก็..มีดูๆอยู่"
ทุกคนอึ้งกันไปหมดตามมาด้วยอาการสาระแน
เพียงดาวหูผึ่ง "ใครเหรอคะด็อกเตอร์ ชื่ออะไร ทำงานที่ไหน หล่อรึเปล่า โพร์ไฟล์เป็นยังไง"
"เจ๊ อย่าทะลึ่งกับด็อกเตอร์ !” เอกชัยย้อน
"ต๊าย ย้อนฉันเหรอ" เพียงดาวยอมรับ "ก็คนมันอยากรู้นี่"
ทุกคนหัวเราะขำเพียงดาวที่อดสาระแนไม่ได้จริงๆ
"ขืนบอกไปพวกเธอก็เม้าท์กันสนุกน่ะสิ ขอฉันดูเองให้ชัวร์ก่อน" พิลาสินีบอก
เพียงดาวเสียดายมาก พนักงานต่างพากันอยากรู้
เมขลาดูนาฬิกาแล้วก็ตกใจ "อุ๊ย เมต้องกลับแล้วค่ะ"
"จะรีบไปไหนน้องเม กำลังคุยกันหนุกๆ" เอกชัยว่า
เพียงดาวรู้ "ผู้ชายน่ะ รอนิดรอหน่อย ก็ให้เค้ารอไปเถอะน่ะ"
"ไม่ใช่นะคะ แค่เพื่อนกัน"
"อ๋อ เพื่อนคนนั้น" เอกชัยรู้แล้ว "เพื่อนกันแค่ไม่กี่วัน วันอื่นก็เป็นมากกว่าเพื่อน"
ทุกคนเลยพลอยแซวเมขลา จนเมขลาเขินๆ จึงรีบออกมา
พวกที่เหลือยังคุยกันต่อด้วยบรรยากาศที่กลับมาอบอุ่นและแฮปปี้อีกครั้ง
เมขลาเดินเข้ามาในร้านกาแฟที่คิมหันต์นั่งรออยู่แล้ว
"รอนานมั้ยคะ"
"รอคุณเม ถึงนานกว่านี้ผมก็รอได้"
เมขลาเขิน "แล้ว..เรื่องสัมภาษณ์งานใหม่เป็นยังไงบ้างคะ"
"ก็.." คิมหันต์เอ่ย เมขลาลุ้น "เค้ารับครับ"
"เมดีใจด้วยนะคะ คุณคิมจะได้ทำงานอย่างที่ชอบซะที"
"แต่ผม..ไม่ค่อยแน่ใจเลยครับ ว่าจะทำดีรึเปล่า"
"อ้าว ทำไมล่ะคะ"
"ก็บริษัทใหม่อยู่แถวนี้ ผมก็ต้องมาหาที่อยู่ใหม่ แล้วผมก็ไม่คุ้นกับที่นี่เท่าไหร่ จะมีเพื่อนรึเปล่านะ"
"คุณก็มีเมกับคุณเอกเป็นเพื่อนไงคะ บริษัทใหม่ของคุณก็อยู่ไม่ไกลกับที่เพียงพอดีเรา"
"ครับ ตอนนี้ผมมีคุณเป็นเพื่อน แต่อีกหน่อยเกิดคุณเม.. มีแฟนไปล่ะครับ แล้วผมจะเป็นเพื่อนกับใคร"
เมขลาชะงัก "ทำไมคิดไกลจัง ฉันก็ยังไม่มีแฟนนี่คะ"
"ของอย่างนี้ ก็ต้องคิดเผื่อไว้ เกิดคุณมีแฟน..แล้วทิ้งเพื่อนอย่างผมขึ้นมา"
"ฉันไม่ทิ้งเพื่อนอย่างคุณหรอกค่ะ"
คิมหันต์ขอดื้อๆ "เป็นแฟนกับผมนะ" เมขลาชะงัก "นะครับคุณเม ผมจะได้แน่ใจ ว่าจะมีคุณเป็นเพื่อนผมไปตลอด"
เมขลาเขินมาก "คุณ..อยากให้ฉันเป็นเพื่อนคุณนานๆ ก็เลยมาขอฉันเป็นแฟนเนี่ยนะ"
"คนที่เป็นแฟน ก็ต้องเป็นเพื่อนกันได้ด้วย ถึงจะเป็นแฟนกันได้ดี สำหรับผม แฟนก็คือ..เพื่อนที่ทำให้เราเขินได้ แล้วคุณก็..ใช่เลย"
เมขลาเขินสุดๆ
"ตกลงนะครับ น้า" คิมหันต์อ้อน เมขลาพยักหน้า "เยส !!! ขอบคุณนะครับคุณเม"
คิมหันต์ดีใจ เมขลาเขินมาก ด้านหลังของทั้งคู่คือรูปภาพท้องฟ้าในวันอันแจ่มใส
ท้องฟ้าในที่ห่างไกลเต็มไปด้วยความสวยงาม อันยากำลังยืนอ่านโปสการ์ดอยู่ แสนเดินไขว้มือข้างหนึ่งไว้ด้านหลังเพื่อไม่ให้อันยาเห็น
"แตงกวาส่งโปสการ์ดมาบอกค่ะ ว่านาที่แก้ดินเปรี้ยว ตอนนี้ปลูกข้าวอินทรีย์ได้แล้วบอกว่าถ้าเกี่ยวแล้ว จะฝากคุณที่ปรึกษา เอาข้าวมาให้ฉันชิม" อันยาเล่า
"แล้วบอกรึเปล่า ว่าคุณที่ปรึกษาจะกลับไปฟื้นฟูโครงการชุมชมสีเขียวขึ้นมาอีก"
"จริงเหรอคะ" อันยาดีใจและโล่งใจมาก "ดีจังเลย..ที่ชาวบ้านยอมเข้าใจ"
"ต้องขอบคุณกำนันโกมลด้วยนะ ที่เค้าไม่ซัดทอดความผิดมาที่คุณ และคิมหันต์"
"ตอนแรกฉันก็ว่ามันไม่ถูก..ที่กำนันจะทำแบบนี้ ยอมรับผิดไปคนเดียว"
"แต่กำนันก็อยากคุณใช้อิสรภาพที่มี ทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมดีกว่าต้องมาวุ่นวายเรื่องคดี"
"ฉันเป็นหนี้บุญคุณกำนันโกมลแล้วนะคะ" อันยาพูดกับแสน "ทีนี้คุณที่ปรึกษาจะขอให้ฉันช่วยงานเพื่อส่วนรวมอะไร ก็จัดมาได้เลย"
"โอเค งั้นเริ่มจากงานนี้เลยละกัน หลับตาก่อน"
"ทำไมจะใช้งาน แล้วต้องให้ฉันหลับตาด้วย?”
"นี่ยังไม่ทันเริ่มงาน ก็ต่อต้านบอสแล้วเหรอ"
อันยาส่ายหน้ายิ้มๆ ว่ายอมก็ได้ เธอหลับตาลงแล้วก็รู้สึกได้ว่าแสนผูกอะไรบางอย่างที่นิ้วก้อยของเธอ
"คุณแสน นี่คุณทำอะไรเนี่ย ?”
"ห้ามลืมตานะ อย่าโกงนะคุณ" แสนผูกจนเสร็จ
"โอเค ลืมตาได้แล้ว"
อันยาลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าแสนผูกริบบิ้นที่นิ้วก้อยของเธอ
"นี่มัน...”
อันยานึกถึงอดีต ตอนที่เธอพูด "ฉันคงไม่ได้เข้าไปลาคุณ.." อันยาปวดใจ "ด้วยตัวเอง…"
อันยาหยิบริบบิ้นมาจะผูกไว้ที่ลูกบิดประตูห้อง
แสนอธิบาย
"แพมเค้าเก็บมาคืนให้ผม...ใครก็ไม่รู้ ใจร้าย จะทิ้งแค่ริบบิ้นเอาไว้ แล้วก็หายตัวไปดื้อๆ"
"แต่ก็เจอคนเหลี่ยมจัด หลอกให้ใครคนนั้นต้องกลับมาจนได้"
แสนยิ้มที่อันยาย้อนได้แบบช่างไม่ยอมเอาซะเลย อันยาทำท่าจะแกะริบบิ้นออกจากนิ้วก้อย
แสนรีบห้าม "อ๊ะ ! ไม่ได้นะคุณ"
"ทำไม ฉันก็แค่จะเอาของฉันคืน
"ตอบผมมาก่อน ทำไมคุณต้องผูกริบบิ้น เวลาเอาของไปให้คนอื่น"
"ก็...มันน่ารักดี แล้วก็...คนรับจะได้ไม่ลืม ว่าของนั่นมาจากฉัน"
แสนจับนิ้วก้อยของอันยาขึ้นมา "คุณเป็นของขวัญของผม ผมจะไม่ลืมอีก"
อันยานึกไม่ถึงกับคำพูดของแสน
"ผมเคยลืมไป.. เคยปฏิเสธคุณแรงๆ เคยต่อว่า เคยไล่คุณไป ผมขอโทษนะ"
"คุณขอโทษทำไม คุณไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าฉันโดนแบบคุณ ฉันก็คงจะทำเหมือนกันคุณแสน...คุณต่างหากที่เป็นของขวัญของฉัน คุณทำให้ฉันรู้ว่าความสุขที่แท้จริงคืออะไร ขอบคุณนะคะ"
"คุณทำให้ผมรู้เหมือนกัน...ว่าเรายังรัก ได้มากกว่าที่เราคิด มากขนาดไหน" แสนประคองวงหน้าอันยาไว้ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักลึกซึ้ง "ผมรักคุณนะอันยา"
อันยาไม่ตอบแสนด้วยคำพูดแต่ใช้นิ้วลากเป็นตัวอักษรที่แผ่นอกด้านซ้ายของแสนเป็นคำว่า “รัก”
อันยาเอ่ยถาม "อ่านออกรึเปล่าคะ"
แสนยิ้มก่อนจะดึงอันยาเข้ามากอดไว้อย่างอ่อนโยน อันยาสัมผัสความรู้สึกอบอุ่นจากหัวใจอีกดวงที่ต้อนรับเธอไว้อย่างเต็มหัวใจ
จบบริบูรณ์