สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 22
ทุกคนออกมาจากลิฟท์ที่ขึ้นสู่ห้องประชุมชั้นบน แล้วพากันเดินไปตามทาง แต่อยู่ๆไฟก็กระพริบๆ ติดๆดับๆ ทุกคนตกใจ ติณห์กับญาณิน จับมือกันแน่น
กรรณาเซ พงอินทร์โอบไหล่ประคองไว้ ทุกคนหันมองไปรอบๆลิฟท์ที่ไฟเริ่มกระพริบถี่
“บอกได้ไหม ว่านี่ไฟมันเสียหรือว่าเอ่อ...” ณัฐเดชไม่กล้าพูดต่อ
“ผี” วรวรรธพูดทันที
ณัฐเดชมองหน้าวรวรรธ เขาอุตส่าห์ไม่พูดออกมาตรงๆ กรรณายกสองมือขึ้นป้องหู ได้ยินเสียงกาดังก้อง
“วิญญาณอีกา..มันอยู่แถวนี้”
วิญญาณภูติอีกายืนปนอยู่กับทุกคน ทุกคนหันซ้ายขวา หวาดกลัว
“มันพยายามขวางไม่ให้เราเข้าไป เร็วยัยกรรณยัยเนตรท่องคาถาขับผี”
ว่าแล้วญาณินกับกรรณาก็พนมมือหลับตาท่อง
“ยะนีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิวายานิวะ อันตะลิกเข สัพเพ วะภูตา สุมะนา ภะวัมตุ อะโถปิ สักกัจจะ สุณันตุ ภาสิตัง”
หนุ่มๆเลยรีบยกมือพนมมือตั้งจิตตาม ภูติอีกาถูกอาคมร้อนรนจนหายตัวไป ไฟฟ้าก็กลับมาทำงานปรกติเหมือนเดิม ญาณินกับกรรณาหยุดท่องคาถาลืมตาขึ้นมามอง สีหน้าดีใจ
“มันไปแล้ว”
ทุกคนเดินเข้ามาในห้องที่เกิดเหตุ กรรณาได้ยินเสียงวิญญาณเคลื่อนที่ไปมาพล่านอยู่ในห้อง เลยยกมือห้ามทุกคน
“ระวังตัวนะทุกคน วิญญาณที่ตามเล่นเรา มันเข้ามาในนี้แล้ว”
ญาณินตะโกนไปในห้อง
“เบญจาเธอทำอะไรกันแน่ เธอจะทำร้ายคนเป็นสิบได้ลงคอเหรอ”
“ระวังตัวนะณิน”
ญาณินเข้าสมาธิหลับตาลง ติณห์คอยระแวดระวังอยู่ข้างๆ ญาณินเข้าสมาธิไปชั่วครูก็ถอดจิตได้ ร่างโปร่งใสของญาณินยืนขึ้นมองไปแทบช็อค ในห้องมีอีกาห้อยหัวเกาะอยู่ตามผนังเพดานเต็มไปหมด โดยมีภูติอีกายักษ์ลอยอยู่เป็นศูนย์กลาง ร่างโปร่งใสของญาณินรีบกลับเข้าร่าง ญาณินรีบตาขึ้น
“รีบออกไปจากที่นี่กันเร็ว”
“มีอะไรครับคุณณิน” ติณห์ถาม
“ที่นี่มีวิญญาณหลายตน มันมารอเพื่อฆ่าคนในบริษัท แต่ตอนนี้ มีแต่พวกเรามา มันอาจจะมารุมเล่นงานพวกเราแทน”
พงอินทร์ใช้ยันต์แปะที่กล้องถ่ายรูป
“เอาวะ”
ว่าแล้วพงอินทร์ก็ยกกล้องถ่ายรูปกดชัตเตอร์ถ่ายรัวแชะๆ แล้วกดภาพเช็คดูต้องตกใจ เมื่อเห็นภาพเลือนรางของนกกาผสมคนในห้องเต็มไปหมด
“ผมถ่ายติดแล้ว ทุกคนดูนี่ซิครับ”
พวกหนุ่มๆกรูกันเข้ามาดูแล้วขนหัวลุก
“ผมว่า...เราพอได้ข้อสรุปแล้ว ไปกันดีกว่า ณินบางทีถ้าเรานั่งสมาธิกันอีกครั้ง เราอาจจะค้นพบอะไรมากกว่าจะมาสู้กันมันอย่างสะเปะสะปะในตอนนี้”
“ค่ะ..”
ทุกคนรีบออกไปจากห้อง
เนตรสิตางศุ์ยกกับข้าวจากครัวมาวางที่โต๊ะ แล้วชะเง้อมองออกไปหน้าบ้านอย่างกระวนกระวาย
ณัฐเดชกับวรวรรธก้าวเข้ามา เนตรสิตางศุ์รีบปรี่เข้าไปหา
“ได้เรื่องมั้ยคะพี่ณัฐ...หมอ”
“กรณีกรรมการบริษัทเอ็กเซลเร้นท์ฟู้ดถูกสะกดจิต จนเกือบฆ่าตัวตายหมู่ เป็นเรื่องของไสยศาสตร์จริงๆ”
“กรรณาบอกว่าได้ยินเสียงอีกาเต็มไปหมด ซึ่งมันบ่งชี้ไปที่ตัวสมคิดกับเบญจามากกว่าใครทั้งนั้น”
“พี่ณัฐอ่ะ ไม่ยอมให้เนตรไปด้วย ไม่งั้นอาจได้เห็นอะไรเพิ่มอีกก็ได้” เนตรสิตงศุ์บ่น
เสียงสุพิชชาดังขัดขึ้น
“กลับมาแล้วค่ะ”
สุพิชชาเดินหิ้วถุงอาหารจากร้านดังพะรุงพะรังเข้ามา
“ทันเวลาพอดี...นี่คะ” สุพิชชาชูถุงขึ้นพูดยิ้มๆ “พีชซื้อกับข้าวจากร้านอร่อยๆมาเต็มเลย รับรองว่า จะช่วยให้เจริญอาหารมากกว่ากับข้าวฝีมือน้องเนตรแน่ๆแถมท้องไม่เสียด้วยนะคะพี่ณัฐ...วรรธ”
เนตรสิตางศุ์อึ้งๆไป สุพิชชายกจานอาหารฝีมือเนตรสิตางศุ์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา
“กับข้าวพวกนี้พีชเอาไปเททิ้งในครัวให้นะคะ”
สุพิชชาจะเดินไป วรวรรธลุกขึ้นคว้าสุพิชชาไว้
“ไม่ต้องทิ้งหรอกครับ”วรวรรธคว้าจานมา “เดี๋ยวผมกินกับคุณเนตรเอง เชิญพี่ณัฐกับพีชตามสบาย นะครับ” หมอวรรธพูดกับเนตรสิตางศุ์ “ไปครับคุณเนตรเราไปดินเน่อร์ใต้แสงเทียนในสวนกันดีกว่า”
เนตรสิตางศุ์ยิ้มออก
“ค่ะหมอ”
วรวรรธกับเนตรสิตางศุ์ ช่วยกันยกจานอาหารออกไปข้างนอก
สุพิชชามองตามอย่างลืมตัว ณัฐเดชสังเกตเห็น
“พีช...”
สุพิชชาสะดุ้ง
“เอ่อ...ค่ะ...พี่ณัฐ...พีชเอากับข้าวไปใส่จานก่อนนะคะ”
สุพิชชาคว้าถุงกับข้าวเดินเข้าไปในครัว ณัฐเดชมองตามอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก
วรวรรธใช้ไฟแช๊คจุดเทียนบนโต๊ะกลางสวนให้บรรยากาศสุดโรแมนติก เนตรสิตางศุ์ยืนยิ้ม อยู่ข้างๆ
“เชิญครับคุณผู้หญิง...” วรวรรธเลื่อนเก้าอี้ให้เนตรสิตางศุ์นั่ง
“ขอบคุณค่ะคุณผู้ชาย”
วรวรรธขำๆ แล้วเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เนตรสิตางศุ์ตักอาหารใส่จานให้ วรวรรธตักเข้าปากแล้วสำลัก เพราะรสชาติสุดประหลาด เนตรสิตางศุ์รีบเอาน้ำเข้าไปป้อนวรวรรธ แล้วเอาทิชชู่เช็ดปากให้ วรวรรธฉวยโอกาส นี้จับมือเนตรสิตางศุ์ แล้วมองตาซึ้ง เนตรสิตางศุ์เขินสุดๆ
สุพิชชาที่ยืนแอบดูอยู่มุมหนึ่งด้วยแววตาสุดริษยา บีบถุงกับข้าวจนเละคามือด้วยความ แค้นใจ
บริษัทซิกส์เซนส์ แก้วน้ำถูกกรรัมภากระแทกลงกับโต๊ะอย่างแรง
“สรุปว่าเบญจากับหมอสมคิดกำลังจะทำเรื่องที่สยดสยองเพิ่มขึ้นจากที่เคยทำมาในอดีต และมีแต่พวกเรา ที่จะขวางพวกมันได้”
“ผมรู้แล้ว เพราะเหตุผลนี้แน่ๆ เพราะมีแต่พวกเรา ที่จะขัดขวางมันได้...ผมกับคุณ ถึงเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าไง ญาณิน” ติณห์นึกออก
“จริงด้วย ยัยแก้ม เธอฉลาดสุดๆ”
“เราไม่ควรตั้งรับกันอีกแล้วนะ เราต้องเป็นฝ่ายรุกบ้าง เพราะพวกมันมีอันตรายอยู่ในระดับภัยสังคมเลยล่ะ”กรรณาออกความเห็น
“เพราะฉะนั้น ห้ามเธอห้าว ใจร้อนอีกนะ ยัยแว่วเสียงผี ห้ามประมาท ทำอะไรตามลำพัง เดี๋ยวเธอจะมีภัยแก่ตัว เหมือนเรื่องน้ำหนึ่งอีก” พงษ์อินทร์รีบบอก
“นี่นายโจ้ เมื่อไหร่จะกลับเข้าป่าไปซะทีหา ฉันเข็ดแล้ว ฉันไม่โง่หรอก จะได้ทำผิดซ้ำซาก ไม่ต้องมาตอกย้ำหรอก”
“ไรวะ เค้าพูดด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้ตำหนิเตงว่าอะไรสักนิด”
“เนี่ยนะ ไม่ตำหนิ”
ทุกคนมองหน้ากันอย่างเอือมๆ เพราะพงษ์อินทร์กับกรรณากัดกันตลอด ทันใดนั้น กรรัมภาก็พรวดพราดลุกขึ้นโวยวาย วิ่งตรงไปที่ทีวีที่ก้องฟ้าเปิดฟุตบอลดูอยู่
“แย่แล้วๆ”
กรรัมภาวิ่งไปคว้ารีโมทจากมือก้องฟ้าที่นั่งดูบอลอยู่
“อ้าวเฮ้ย! อะไรกันน่ะพี่แก้ม ก๊องดูบอลอยู่ดีๆนะ”
กรรัมภากดรีโมทเปลี่ยนช่อง พลางยกมือไหว้ขอพร
“สาธุ ขอให้ยังไม่เริ่มที่เถิด...”
“เรื่องอะไรจะเริ่ม...เรื่องอะไรจะเกิดเหรอยัยแก้ม บอกมาเร็วซิ พวกเราจะได้ช่วยกันยับยั้งทัน”
ทุกคนตื่นเต้นไปกันหมด
“เรื่องมายาร้อยใจ...”
กรรณางง
“มายาร้อยใจ”
“ละครที่จุนจีเป็นพระเอกไง วันนี้จะลงจอเป็นวันแรกพร้อมกันทั้งสองประเทศ ฉันลืมไป สนิทเลย นี่เบรกแรกฉายไปยังก็ไม่รู้ ถ้าไม่ได้ดูตั้งแต่ไตเติ้ลพรุ่งนี้ฉันต้องคุยกับเขาไม่รู้ เรื่องแน่เลย”
ทุกคนเซ็ง
“โหย...พี่แก้มนี่ไร้สาระชนะเลิศ”
กรรัมภามองดุ
“ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับจุนจีคือเรื่องที่มีสาระเสมอย่ะ” กรรัมภาหันไปดูทีวี “เฮ้อ...โชคดีจัง ที่ยังไม่มา...มาเกาะขอบจอเร็วเข้า พลาดแล้วจะเสียใจนะคะเพื่อน”
“ทำไมพี่แก้มไม่กลับไปดูที่บ้านพี่อ่ะ” ก้องฟ้าบ่น
“ก่อนพูดน่ะหัดคิดบ้างนะ ขืนฉันขับกลับไปตอนนี้ ก็ได้ดูแค่ตอนจบน่ะซิ ซีรีย์เรื่องนี้ฉัน จะพลาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว”
จุนจีที่สวมหมวกและแว่นดำก็ก้าวเข้ามาพอดี ทุกคนเห็นจุนจีหมด ยกเว้นกรรัมภาที่เอาแต่สนใจทีวี ติณห์สบตาจุนจีแบบจะเอาเรื่อง เพราะยังเขม่งๆกันอยู่ ญาณินเกาะแขนติณห์ทันที รีบตัดบท
“เข้าไปพักผ่อนเถอะคะติณห์” ญาณินพูดกับกรรัมภา “โทษทีนะยัยแก้ม ฉันกับคุณติณห์ขอตัวก่อน ดูซีรีย์กับยัยกรรณแล้วก็ก๊องละกันเนอะ”
กรรณาสวนทันที
“โอ้ย! ซีล่งซีรีย์อะไรดูไม่เป็นหรอก ถ้าดูบอลละก็ว่าไปอย่างใช่มั้ยไอ้ก๊อง”
“ถูกต้องครับเจ๊”
“ไป...”
กรรณาลากก้องฟ้าออกไป พงษ์อินทร์งงๆ
“นี่เธอจะไปไหนยัยแว่วเสียงผี”
“ก็พาไอ้ก๊องไปดูบอลที่บ้านนายไง หรือจะไม่ให้ไป”
พงษ์อินทร์ยิ้มกว้าง
“ไปดิ๊! ให้ไวเลย”
พงษ์อินทร์ฉวยโอกาสคว้ามือกรรณา แล้วลากออกไปทันที ก้องฟ้ารีบวิ่งตามออกไป กรรัมภาเหวอเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เงยหน้าขึ้นมากอีกทีก็เหลือแต่อรวรรณที่ยืนยิ้มกว้างอยู่
“..เอ่อ...คือ ป้ายังมีจานต้องล้าง มีงานต้องทำไม่ว่างดูเป็นเพื่อนคุณหนูแก้มแน่ๆค่ะ”
กรรัมภาหน้างอ เซ็งสุดๆ
“ให้มันได้อย่างนี้สิ ดูคนเดียวก็ได้”
“ผมดูด้วยได้มั้ย”
จุนจีเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ กรรัมภาหันมาเห็นแล้วอึ้ง
“จุนจี...คุณไม่อยู่ดูตอนแรกกับทีมงานเหรอคะ”
“ ไม่ละ ผมอยากดูตอนแรกกับคุณมากกว่า”
กรรัมภามองจุนจีอย่างสุดปลื้มใจ
“สรุปจะดูผม หรือจะดูซีรี่ย์กันแน่ ถ้าจะดูผม ผมจะได้ปิดทีวี”
กรรัมภาเขินมาก
“ บ้า...อุ้ย…มาแล้วค่ะ”
กรรัมภากับจุนจีหันไปสนใจทีวี จุนจีกุมมือกรรัมภาไว้หลวมๆ กรรัมภาเขินหน้าแดง ที่หน้าจอทีวี ไตเติ้ลซีรีย์มายาร้อยใจเริ่มต้น
ห้องจัดเลี้ยงเล็กๆที่หน้าจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ กำลังฉายไตเติ้ลซีรีย์เรื่องมายาร้อยใจอยู่
เสียงทีมงานกรี๊ดกร้าด ปรบมือเกรียวด้วยความยินดี
“มาแล้วๆ”
“อร๊าย”
“เย้ๆ”
“เพลงเพราะมากๆ”
โต๊ะของผู้กำกับ ลีจองกุ๊ก ซองซู เป้ย ชนแก้วกันอย่างยินดี เป้ยชนแก้วเสร็จ ก็ชะเง้อมองไปรอบๆหาจุนจี
“แล้วนี่จุนจี ไม่มาฉลองตอนแรกกับพวกเราเหรอครับ” ผู้กำกับมองหา
เป้ยรีบสำทับ
“นั่นซิคะคุณจองกุ๊ก จุนจีอยู่ไหนคะ”
ซองซูกัด
“อ้อ ที่เห็นคุณเป้ยชะเง้อจนคอยาวเป็นยีราฟเนี่ย ก็เพราะกำลังมองหาพระเอกของคน อื่นอยู่นี่เอง”
“ยุ่ง” เป้ยพูดกับลีจองกุ๊ก “ว่าไงคะคุณจองกุ๊ก ตกลงจุนจีจะมาดูตอนแรกกับพวกเราหรือเปล่า”
“จุนจีเขาอยากมาเฮฮากับทุกคนมากนะครับ แต่เผอิญเขาติดภารกิจสำคัญนิดหน่อยเลย มาไม่ได้ จุนจีฝากมาขอโทษคุณผู้กำกับ กับทีมงานทุกคนด้วยครับ”
“ภารกิจสำคัญอะไรคะทำไมคุณจองกุ๊กถึงไม่ไปด้วย”
“อ้อ! ภารกิจ...ส่วนตัวน่ะครับ ฮ่าๆ”
ซองซูกระซิบเบาๆกับเป้ย
“ภารกิจส่วนตัว หรือภารกิจหัวใจก็ไม่รู้นะ”
เป้ยกระฟัดกระเฟียดด้วยความไม่พอใจออกไปทันที คิมซองซูมองตามไป
มุมเปลี่ยวมุมหนึ่งในโรงแรม เป้ยเดินกระฟัดกระเฟียดออกมาอย่างหงุดหงิดสุดๆ
“ทำไมฉันต้องแพ้ยัยไฮโซนั่น ทำไมๆ”
ซองซูเดินตามออกมา
“ไม่น่าเชื่อเลยว่า นางเอกอันดับหนึ่งของเมืองไทยจะโดนผู้ชายเมิน”
“เก็บปากไว้แตกหน้าหนาวดีมั้ย”
ซองซูยียวน
“ตัวเองอกหักก็อย่าพาลคนอื่นซิครับคุณเป้ย”
“คนอย่างฉันไม่มีวันอกหัก ฉันอยากได้อะไรก็ต้องได้ รวมทั้งปาร์คจุนจีกับมรดกพันล้าน นั่นด้วย”
ซองซูแอบเจ็บจี๊ด แต่ฝืนยิ้ม
“คุณนี่เป็นผู้หญิงชัดเจน มีจุดยืนดีมาก มา...ผมจะช่วยให้คุณสมหวังเอง”
เป้ยสนใจทันที
“ช่วย...ช่วยอะไร...ช่วยยังไง”
ซองซูหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนขึ้นมาชูให้เป้ยดู
“ผมพร้อมแล้ว คุณละพร้อมหรือยัง”
ซองซูยิ้มอย่างมีเลศนัย เป้ยมองอย่างสงสัยว่าซองซูจะทำอะไรกันแน่
ภาพในซีรีย์เป็นภาพของปาร์คจุนจีในบท จีโฮ กำลังจูบหน้าผากเป้ย ในบทนางเอกของเรื่อง อย่างรักใคร่ แล้วสบตากันหวานซึ้ง จนจมูกชนกันและเรื่อยๆเหมือนจะจูบกัน แล้วเข้าคีย์ซีนเบรก โฆษณา จุนจีตั้งใจดูงานตัวเองอยู่อย่างจดจ่อ
ทันใดนั้น มือของจุนจีที่กุมมือของกรรัมภาอยู่ ก็ถูกกรรัมภาบีบอย่างแรง จุนจีสะดุ้งเฮือก ร้องเสียงหลง
“โอ้ย คุณแก้ม อินมากก็ต้องจิกหมอนซิครับ ไม่ใช่จิกมือผม”
กรรัมภามองจุนจีตาเขียวปั๊ด
“คุณน่ะซิอินจัด มองกันตาเยิ้มจนเกินกว่าเหตุ นี่ถ้าไม่ตัดเข้าโฆษณาซะก่อนก็ไม่รู้ว่า จะไปถึงไหนต่อไหน”
จุนจีขำๆ
“จะไปถึงไหนต่อไหนได้ยังไงกันคุณแก้ม มันก็มีแค่นี้แหละ ผู้กำกับสั่งคัทแล้ว มันเป็นการแสดง อย่าคิดมากซิ”
“ไม่ให้แก้มคิดมากได้ไง ตั้งแต่ไตเติ้ลจนจบเบรกแรก มีฉากสยึ๋มกึ๋ย สยิวกิ้ว เกินกว่าที่แก้ม คิดไว้ตั้งเยอะ”
จุนจีมองกรรัมภาแล้วก็ขำ กรรัมภาหน้าตึง
“ขำอะไรคะ”
“ผมชอบเวลาคุณหึง มันน่ารักดี”
กรรัมภาเขินสุดขีดทำอะไรไม่ถูก เลยคว้าโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาแอ๊บดู
“เอ้าๆ เวลานี้เราต้องดูทีวีซิครับไม่ใช่ดูโทรศัพท์”
กรรัมภาแถๆ
“แก้ม...เอ่อ...แก้มจะเช็คในเนทน่ะคะว่ากระแสของซีรี่ย์เป็นยังไงบ้าง?”
ปาร์คจุนจีมองกรรัมภาขำๆ เพราะรู้ว่ากรรัมภากำลังเขินมาก กรรัมภาก้มหน้าก้มตากดเข้าไปดูในเว็บไซท์ชื่อดังที่เป็นศูนย์รวมความคิดเห็นของคนที่หลากหลาย กับซี่รี่ย์ชุดมายาร้อยใจ แล้วกรรัมภาก็ต้องสะดุดกับหัวข้อกระทู้หนึ่ง
สายตากรรัมภาเห็นหัวข้อกระทู้ล่าสุดชื่อว่า “PJ บ้านจิ้น ฟินสุดๆในจอ ฟินระเบิดนอกจอ”
กรรัมภาคลิกเข้าไปดูก็ต้องมือสั่น ต่อมหึงทำงานอย่างหนักอีกครั้ง
รูปคู่ระหว่างจุนจีกับเป้ย ที่ดูสนิทสนมถึงเนื้อถึงตัว หลายรูปอยู่ในชุดการแสดงชุดเดียวกับที่เพิ่งดูผ่านไป แต่ภาพนั้นดูหวือหวาและล่อแหลมกว่า ในซีรี่ย์มาก และทุกรูปถูกโพสต์โดยแฟนคลับ หรือแค็บภาพมาจาก IG ที่มี Username แตกต่าง กันไป แถมคอมเมนท์ที่เชียร์ให้จุนจีกับเป้ยเป็นคู่รักนอกจอหลายสิบคอมเมนท์
“เค้าว่าคู่นี้สนิทกันเกินเพื่อนร่วมงาน สงสัยวงการบันเทิงไทยจะได้ลูกเขยเกาหลีชัวร์ๆ”
“รักจุนจีกับเป้ย”
“จุนจีกับเป้ยคู่รักข้ามชาติที่เหมาะสมที่สุด”
“ถ้าจุนจีกับเป้ยจิ้นกันในชีวิต จริงจะยินดีเว่อร์”
“เป้ยจุนจีเท่านั้น”
กรรัมภาสูดหายใจเข้าอย่างพยายามระงับอารมณ์ จุนจีมองงงๆ
ห้องพักซองซู...อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ทั้ง ไอแพต ไอพอด แมคบุคส์ วางเรียงรายกันอยู่ เป้ยกับซองซูวาง ไอโฟนลงบนโต๊ะเกือบจะพร้อมกัน
“โอ้ย...อัพรูปจนเมื่อยมือไปหมดแล้ว”
“ผมก็ช่วยคุณคอมเมนท์จนเมื่อยมือไปหมดแล้วเหมือนกัน ยังไม่เห็นจะบ่นเลย”
“นายแน่ใจเหรอว่าวิธีนี้จะได้ผล”
“พลังแห่งโซเชี่ยลสร้างแล้วก็ฆ่าคนมานักต่อนักแล้ว”
“ฉันไม่ได้ต้องการจะฆ่าจุนจี”
“แต่คุณก็ต้องการจะฆ่ายัยคุณหนูโฮโซกรรัมภานั่นให้พ้นทางไม่ใช่เหรอ เจอกระแสคู่ จิ้นคุณกับจุนจีเข้าไปทุกวันๆ ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยไม่มีใครทนได้หรอก และถ้าถึงวันนั้น อย่าลืมผมก็แล้วกัน”
เป้ยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ไม่ลืมแน่ ฉันจะตอบแทนนายให้ถึงใจเลยละ”
ซองซูกระซิบข้างๆหูเป้ย
“งั้นผมขอมัดจำไว้ก่อนนะ”
พูดจบซองซูก็หอมแก้มเป้ยฟอดใหญ่ เป้ยอึ้งตาโตที่ถูกจู่โจม เป้ยเสียงดัง
“ไอ้บ้า...ไอ้ฉวยโอกาส...ไอ้...”
“จุ๊ๆ เบาๆซิคุณ อยากให้คนอื่นรู้เหรอไงว่าคุณอยู่ในห้องของผม อยากเป็นข่าวหรือไงครับ”
เป้ยฉัตรชะงักหงุดหงิดเพราะทำอะไรไม่ได้ คิมซองซูยิ้มอย่างสะใจ แล้วหยิบไอแพตขึ้นไปคอมเมนท์รูปต่อ
จุนจีมองอาการแปลกของกรรัมภาอยู่นานก็ตัดสินใจถามขึ้น
“เป็นไงครับกระแสดีมั้ย”
“ดี...ดีมากเลยค่ะ กระแสคุณกับคุณเป้ยน่ะ”
“กระแสผมกับเป้ย”
กรรัมภาปี๊ดแตกยกโทรศัพท์ขึ้นตรงหน้าจุนจีให้เขาดู
“กระแสคู่จิ้นฟินระเบิดทั้งในแล้วก็นอกจอ จุนจี เป้ยสนิทกันเกินเพื่อนร่วมงานหวาน เยิ้มกลางกอง นี่มันอะไรกันคะ”
จุนจีหยิบโทรศัพท์มาดู
“ก็จับคู่จิ้นตามจินตนาการของแฟนคลับ มันไม่ใช่เรื่องจริงซะหน่อย”
“แก้มก็เป็นหนึ่งในแฟนคลับ แก้มรู้ค่ะหลายอย่างที่แฟนคลับบิ๊วกระแส ส่วนใหญ่ก็มีมูล ทั้งนั้น ดูอย่างรูปนี้ซิ ชุดเดียวกับฉากเมื่อกี้เลย ไหนคุณบอกว่ามันมีแค่นั้นจมูกชนจมูก แต่ในรูปนี้มันปากชนแก้มชัดๆ”
"อันนี้เป็นเทคซ้อม แล้วสุดท้ายผู้กำกับก็ไม่ซื้อ ตอนถ่ายจริงก็เลยไม่มีช็อตนี้”
“โกหก”
“แน๊ะ…ผมไม่ได้โกหก คุณนั่นแหละที่หึงผมควันออกหูจนฟังความจริงไม่รู้เรื่องแล้ว”
“นี่คุณว่าแก้มเหรอคะจุนจี”
จุนจีจับมือกรรัมภามากุมไว้
“ผมอยากให้คุณฟังผมบ้าง เข้าใจผมบ้าง ผมเป็นนักแสดง การแสดงฉากเลิฟซีนมันเป็นเรื่องธรรมดาอย่าคิดมากได้มั้ย”
“ไม่ได้ค่ะ สำหรับคุณมันเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับแก้มมันไม่ธรรมดา แก้มคงไม่เหมาะ จะเป็นคนรักของซุปเปอร์สตาร์อย่างคุณ”
กรรัมภาพูดจบก็สะบัดมือออกจากจุนจี แล้วหันไปคว้ากระเป๋า
“คุณจะไปไหนคุณแก้ม”
“แก้มจะกลับบ้าน ไม่ดงไม่ดูมันแล้ว”
กรรัมภาพูดจบก็วิ่งออกไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที จุนจีวิ่งตามไปแต่ไม่ทัน
อ่านต่อหน้า 2
สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 22 (ต่อ)
เนตรสิตางศุ์ในชุดนอนเดินออกมาจากห้องน้ำพลางคุยโทรศัพท์กับวรวรรธไปด้วย จนมาหยุดยืน ที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง
“ค่ะหมอ ทราบแล้วค่ะ สั่งอย่างกับเนตรเป็นเด็กสามขวบ”
“ก็ผมเป็นห่วงกลัวคุณหนูตาดีของผมจะตาขอบดำ เลยอยากให้รีบนอน”
“หมอก็เหมือนกันแหละ อย่ามัวแต่เครียดเรื่องงานนะคะ”
วรวรรธยิ้มหน้าบาน
“คร้าบ....”
“เนตรไปนอนละนะคะ...”
เนตรสิตางศุ์ยังไม่ทันวางสาย ก็ชะงักเพราะสายตาเหลือบไปเห็นสภาพห้องนอนของเธอเปลี่ยนไป เตียงนอนยุ่งเหยิง ผ้าห่มตกลงไป กองที่พื้น ข้าวของบนโต๊ะกระจัดกระจาย เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง โดยลืมไปว่าวรวรรธยังไม่วางสาย พลันสายตา ก็เห็นบางอย่างอยู่ในถังขยะ เธอหยิบขึ้นมาดูก็เห็นเป็นรูปถ่ายของเธอกับวรวรรธที่เคยตั้งอยู่ข้างเตียง
“ทำไมเป็นแบบนี้”
วรวรรธได้ยินเสียงเนตรผ่านโทรศัพท์ก็แปลกใจ
“มีอะไรเหรอครับคุณเนตร”
เนตรสิตางศุ์ไม่ได้ยินเสียงของวรวรรธ
เนตรสิตางศุ์หยิบกรอบรูปนั้นขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งเหมือนเดิม แต่เมื่อสายตามองผ่านกระจกก็ต้องสะดุ้งเฮือกเพราะเงาสะท้อนของกระจกเห็นสุพิชชายืนนิ่งมองเธอด้วยสายตาอาฆาตอยู่ข้างหลัง ทั้งๆที่ตอนแรกไม่มี
“ว้าย...คุณพีช” เนตรสิตางศุ์ตกใจ
“ฉันช่วยจัดห้องให้เธอเอง ชอบมั้ย”
วรวรรธได้ยินเสียงของเนตรสิตางศุ์กับสุพิชชาก็ถือหูฟังต่อด้วยความเป็นห่วง ไม่ยอมวางสาย เนตรสิตางศุ์หน้าตึง หันไปเผชิญหน้ากับสุพิชชาทันที
“คุณมีสิทธิ์อะไรเข้ามาในห้องของฉัน”
“ฉันอยู่ที่นี่ในฐานะว่าที่พี่สะใภ้ของเธอ เพราะฉะนั้นทุกตารางนิ้วที่พี่ณัฐมีสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ ฉันก็ย่อมมีสิทธิ์ด้วย”
เนตรสิตางศุ์สวนทันที
“แต่ไม่ใช่สำหรับห้องนี้ แม้แต่พี่ณัฐจะเข้าออกยังต้องขออนุญาตเนตร เพราะมันเป็นมารยาทอันพึงปฏิบัติของคนที่มีการศึกษา”
“งั้นเหรอ”
สุพิชชาเดินเข้าไปประจัญหน้ากับเนตรสิตางศุ์ แล้วคว้ากรอบรูปที่เนตรสิตางศุ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ขว้างลงบนพื้นทันที กรอบรูปกระแทกพื้นแตกดัง เพล้ง!
เนตรสิตางศุ์ตกใจ วรวรรธสะดุ้งกับเสียงนั้นเช่นกัน สุพิชชาเสียงเหี้ยม
“แค่ทิ้งขยะคงยังไม่พอซินะ ฉันจะทำให้ความรักของแกกับวรรธและพี่ชาย ของแกแหลกละเอียดยิ่งกว่ากรอบรูปใบนี้”
สุพิชชาก้าวเข้าไปประชิดตัวเนตรสิตางศุ์ยื่นมือไปหวังจะทำร้าย เนตรสิตางศุ์ยกมือขึ้นป้องกัน ตัวเองเป็นจังหวะเดียวกับที่ณัฐเดชมาถึงหน้าห้องเนตร
“เมื่อกี้เสียงอะไรน่ะยัยเนตร...”
สุพิชชาได้ยินเสียงณัฐเดช ก็แสร้งล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรงทันทีเหมือนโดนเนตรสิตางศุ์ผลัก และเอามือไปโดนเศษกระจกที่แตกอยู่ที่พื้น จนกระจกบาดมือสุพิชชาเลือดไหล
“โอ้ย”
ณัฐเดชเดินเข้ามาในห้องพอดี เห็นสุพิชชาล้มกระแทกพื้น ณัฐเดชพุ่งเข้ามาประคองสุพิชชาทันที
“ยัยเนตรผลักพี่พีชทำไม”
“เนตรเปล่า...”
“ก็พี่เห็นกับตา ยังจะกล้าโกหกอีกเหรอเนตร”
สุพิชชารีบแทรก
“อย่าไปว่าน้องเนตรเลยค่ะ น้องเนตรคงโกรธที่พีชเข้ามาจัดห้องนอนให้ ถึงได้อาละวาดทำลายข้าวของ พีชผิดเองค่ะที่เข้ามายุ่งย่ามเพราะความหวังดี อยากทำ ดีกับน้องเนตรให้มากๆ แต่ไม่คิดว่าแค่พีชขยับรูปคู่น้องเนตรกับวรรธให้เข้าที่เข้าทางน้อง เนตรจะโกรธพีชขนาดนี้ พีชสาบานนะคะน้องเนตรว่าพีชไม่ได้คิดอะไรกับวรรธแล้วจริงๆ”
สุพิชชาปิดหน้าร้องไห้โฮ เนตรสิตางศุ์ตกตะลึงที่สุพิชชาโกหกใส่ร้ายเธอหน้าตาเฉย
“พี่ณัฐเนตรเปล่านะคะ...”
ณัฐเดชพยายามระงับอารมณ์
“ขอโทษคุณพีชเดี๋ยวนี้”
“ไม่...เนตรไม่ขอโทษ เนตรไม่ได้ผลักคุณพีช เนตรไม่ได้ทำผิด เนตรจะขอโทษเขาทำไม”
“ตั้งแต่คบกับไอ้หมอ เนตรน้องสาวพี่ก้าวร้าวขึ้นเยอะเลยนะ”
“อย่าโทษหมอนะคะพี่ณัฐ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขาเลย”
“เกี่ยวซิ เป็นคนรักกันก็ต้องส่งเสริมดูแลกันให้ไปในทางทีดี แต่ถ้ามันจะทำให้น้องสาวของ พี่เปลี่ยนไปในทางร้ายละก็ พี่คงจะต้องคิดใหม่ว่าจะให้เนตรกับไอ้หมอคบกันต่อไปดีหรือ เปล่า”
ณัฐเดชพูดจบก็ประคองสุพิชชาออกไป เนตรสิตางศุ์อึ้งมองตามทั้งเสียใจ และน้อยใจ ก้มลงเก็บกรอบรูปที่แตกละเอียดทั้งน้ำตา วรวรรธที่ฟังอยู่และรู้เรื่องราวทั้งหมดสงสารเนตรสิตางศุ์จับใจ
สมคิดส่งรูปใบหนึ่งให้มือเบญจา เป็นรูปนักธุรกิจแต่งกายดูภูมิฐาน ขณะที่กรกฎอธิบาย
“ไอ้นักธุรกิจคนนี้ไปแอบเป็นชู้กับเมียเจ้าของบริษัทที่มันทำงานอยู่ แล้วยังคอยแอบแทงข้าง หลังเจ้านายตัวเองอีก เขาเลยจ้างเรา สามสิบล้านสำหรับการทำให้มันหายไปภายใน 12 ชม.”
“คนไม่มีศีลธรรมแบบนี้ เราจะช่วยให้นรกได้ตัวมันเร็วทันใจขึ้น”
สมคิดหัวเราะ
“ฮ่าๆ เบญจา เริ่มสนุกแล้วใช่ไหม ฉันจะรอดูว่า แกจะมีความคิดสร้างสรรค์ เอ๊ย ความคิดทำลายสิ...แกจะมีความคิดทำลาย แปลกๆใหม่ๆอะไรมานำเสนอ”
เบญจาส่งรูปให้กรกฏแล้วเดินนำกลับห้องพิธี กรกฏตามเข้าไป สมคิดหัวเราะชอบใจ
เบญจานั่งอยู่ตรงหน้าแท่นทำพิธี ที่มีโถสำหรับเผาไฟวางอยู่กลางแท่น กรกฏวางรูปใบนั้นลงบนพานตรงหน้าเบญจา แล้วจะถอยหลังกลับไปยืนที่เดิม
“กรกฏ...มานั่งตรงนี้ซิ” เบญจาเรียกเอาไว้
เบญจาผายมือให้กรกฏมานั่งตรงหน้า
“คุณหนูจะให้ผมทำอะไร”
“แค่อยากลองอะไรใหม่ๆ ให้งานของฉันมันมีสีสันเพิ่มขึ้น”
เบญจายิ้มเหี้ยม
เบญจากับกรกฏนั่งขัดสมาธิประจันหน้ากัน โดยมีแท่นพิธีตั้งอยู่ตรงกลาง แล้วจุดเทียนสีดำ เริ่มร่ายมนต์คาถา จากนั้นก็ทิ้งเทียนลงใปในโถที่อยู่ตรงกลาง ทันใดนั้น ไฟก็ลุกพรึ่บขึ้นมาทันที เธอลืมตาขึ้น มองเปลวไฟที่ลุกโชน นัยน์ตาดำทั้งสองมีเปลวไฟสว่างอยู่ ปากก็บริกรรมคาถาไปด้วย
กรกฏที่ลืมตาขึ้น มองตาเบญจาแน่วแน่ จนนัยน์ตาดำของกรกฏเองก็ปรากฏเปลวไฟ ลุกโชนอยู่เช่นกัน
เปลวไฟในโถใบนั้น เปลี่ยนจากสีเหลืองแดง เป็นสีดำแดงขึ้นมา ดูน่ากลัวดุดัน กรกฏหลับตาลงทันที
จิตกรกฎค่อยๆหลุดออกจากกายหยาบ เบญจาพาจิตของกรกฎออกจากร่าง แล้วหยิบกริชขึ้นมากรีดนิ้วตัวเอง แล้วหยดเลือดลงบนภาพของเหยื่อคนนั้น จากนั้นก็หยิบกระดาษ ขึ้นมา ใช้เลือดของตัวเองเขียนตัวอักษรลงไปว่า
“จดหมายส่งวิญญาณ”
กรรัมภาขับรถไปร้องไห้ไป
”เอะอะก็บอกให้เราเข้าใจๆ แต่คุณละเคยเข้าใจแก้มบ้างมั้ยจุนจี รู้นะ การเป็นแฟนซุปตาร์มัน ทั้งยากทั้งเหนื่อย แต่แก้มก็ทำใจให้ชินไม่ได้ซักที”
เสียงแตรรถมอเตอร์ไซค์ดังขึ้นด้านหลัง กรรัมภาเงยหน้าขึ้นมองผ่านกระจก เห็นมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันหนึ่งขับตามเธออยู่ จุนจีที่สวมหมวกกันน็อค แว่นดำ ขี่มอเตอร์ไซค์คันนั้น ตามรถกรรัมภาไปอย่างให้ห่าง
“ไปเอามอเตอร์ไซค์ที่ไหนมาขี่ ชิ อย่าคิดว่าเราจะใจอ่อนง่ายๆนะ”
กรรัมภาตัดสินใจเหยียบคันเร่ง เร่งความเร็วหนีจุนจีออกไปอีก จุนจีรีบเร่งความเร็วตามไป
ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง...ในร้าน ชายนักธุรกิจคนเดียวกับที่อยู่ในรูปภาพ นั่งคุยโทรศัพท์อย่างกรุ้มกริ่มอยู่ที่โต๊ะคนเดียว นักธุรกิจคุยโทรศัพท์อยู่
“ยังไงละครับ จะปลีกตัวออกมาได้หรือยัง ไม่เอาน่า หัวหน้าผมเขาไม่สงสัยหรอก รีบมานะครับผมคิดถึง”
นักธุรกิจหนุ่มวางโทรศัพท์ กรกฏในชุดคลุมมีฮู้ทสีดำเดินมาหยุดที่ข้างโต๊ะ
“ขอโทษครับท่าน...”
“ว่า...”
ชายนักธุรกิจหันมาสบจากรกฏแล้วก็นิ่งไปทันทีเพราะถูกสะกด
ห้องพิธีสำนักสมคิด...ที่หน้าของนักธุรกิจในรูปภาพ เบญจาเขียนชื่อของชายคนนี้ด้วยเลือดบนกระดาษ
“ทรงพล ตันตุลาวาณิชย์ ชาตะ 13 มีนาคม 2514 มรณะ... 6 สิงหา 2556”
กรกฏในเงามืดภายในฮู้ท เอ่ยถามชายนักธุรกิจ
“ฉันอยากรู้วันตายของแก...”
นักธุรกิจนิ่งแต่นัยน์ตาสั่นระริกเพราะความหวาดกลัว
“ผม...ตาย...วันนี้”
เบญจาทิ้งกระดาษลงในโถไฟ พรึ่บ!
นักธุรกิจกระเด้งลุกจากเก้าอี้ ภายในตัวร้อนดังไฟแผดเผาอยู่
“อ้าก...ช่วยด้วย ร้อน...ร้อน...ช่วยด้วย”
คนในร้านลุกฮือแตกตื่น ชายนักธุรกิจดิ้นพล่าน ด้วยความเจ็บปวดแล้ววิ่งออกจากร้านไปทันที กรกฏมองตามแสยะยิ้มสมใจ
นักธุรกิจวิ่งออกมานอกร้าน แล้วจู่ๆไฟก็ลุกพรึ่บขึ้นท่วมตัว ขณะเดียวกัน รถของกรรัมภาแล่นมาด้วยความเร็วสูง โดยมีรถมอเตอร์ไซค์ที่จุนจีขี่ตามมาติดๆ ในรถกรรัมภามองกระจกหลัง
“แอร๊ย...ผู้หญิงที่จุนจีขี่มอไซค์ตาม คิดๆแล้วไม่อยากเชื่อเลยว่าเป็นเราเอง นี่มันความจริง หรือความฝันกันแน่ ฟินสุดๆในหล้าโลก”
กรรัมภาเบนสายตาลอยเคลิ้มมามองทางข้างหน้า แล้วก็ต้องตกใจกรี๊ดร้อง
“อร๊าย”
กรรัมภาเห็นชายนักธุรกิจที่ถูกไฟเผาวิ่งตัดหน้ารถ ออกมากลางถนนด้วยความเจ็บปวด เธอกระแทกเบรกจนมิดหัวทิ่มพวงมาลัย
รถกรรัมภาเบรกเสียงดัง เอี๊ยด เกือบชนร่างหนุ่มเคราะห์ร้ายคนนั้นไปหวุดหวิด กรรัมภาได้สติรีบเปิดรถลงมาดู นักธุรกิจหนุ่มที่ร้องโหยหวนอยู่กลางถนนด้วยความเจ็บ ปวดทรมาน
“ช่วยด้วยๆ ร้อนๆ ช่วยฉันด้วย”
จุนจีก็จอดมอเตอร์ไซค์เช่นกัน ไทมุงเริ่มทยอยเข้ามาดู เด็กเสิร์ฟในร้านอาหารพยายามวิ่งเอาน้ำมาสาดแต่ไฟก็ไม่ยอมดับ
“พระเจ้าช่วย”
จุนจีรีบวิ่งมากอดกรรัมภาที่ช็อคกับภาพตรงหน้า
จุนจีถอดเสื้อแจ๊คเก็ตออกจะเข้าไปช่วยดับไฟ แต่กรรัมภาห้ามไว้
“อย่าเข้าไปค่ะจุนจี”
“แต่เขาจะตายนะถ้าเราไม่ช่วยดับไฟเดี๋ยวนี้!”
เบญจาหยิบรูปขึ้นมาบริกรรมคาถาเร่งเชื้อไฟในโถให้ลุกโชน
“ขนาดน้ำยังดับไฟไม่ได้ มันไม่ใช่ไฟธรรมดาค่ะ”
“ไม่ใช่ไฟธรรมดา...ไม่ได้ ผมไม่ยอมให้ใครมาตายต่อหน้าต่อตาผม”
เบญจาบริกรรมคาถาเสร็จ ก็ทิ้งรูปใบนั้นลงไปในโถไฟ ประกายไฟพวยพุ่งทันที
เหยื่อที่กำลังถูกไฟคลอก จุนจีรีบเข้าไปเอาเสื้อคลุมดับไฟ ชั่วครู่ไทยมุงคนอื่นรีบเข้า มาช่วยดับไฟกัน
ไฟเริ่มดับ แต่เหยื่อตกอยู่ในอาการปางตาย
“อร๊าย”
จุนจีรีบโอบกรรัมภาให้ซบไหล่เพื่อไม่ให้เห็นภาพอันน่าสยดสยอง
ในห้องพิธี ไฟในโถดับลงทันทีเช่นกัน..เบญจาหยุดบริกรรมคาถา หน้ากลับนิ่ง เย็นชา แต่มีน้ำตาหยดลงมา
วันต่อมา หนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งที่มีภาพชายที่ถูกไฟคลอก และพาดหัวข่าว “ไฟคลอกนักธุรกิจหนุ่มดับสยอง กลางกรุง” ถูกวางลงบนโต๊ะ
“สุดยอด เหลือเชื่อ แปลกแต่จริง ทำอย่างกับเอาน้ำมันไปราดบนตัวเองแล้วจุดไฟเผา คดีนี้ผมมีเวลาคลี่คลายแค่ 48 ชม....48 ชม.... กับการหาหลักฐานว่าทำไมจู่ๆไฟคลอกตัวคุณทรงพล...“ ผู้การหันมาหาทุกคน
“ผมขอคอมเม้นท์หน่อยครับ”
“ไฟที่คลอกตัวคุณทรงพลเมื่อคืนนี้ คือไฟที่เกิดจากอาคมมนต์ดำ” สุคนธรสบอก
“ไฟที่น้ำก็ดับไม่ได้ สารเคมีก็ดับไม่ได้” ญาณินให้เหตุผล
”ฉันเห็นกับตา มันน่ากลัวมาก” กรรัมภาเล่า
“ผมอยู่ใกล้เขามาก แต่ไม่รู้สึกถึงความร้อนจากไฟเลย” จุนจีเล่าเสริม
“แล้วไฟก็ไม่ลามออกมาถึงคุณด้วย ใช่ไหม มันเผาเขาอยู่คนเดียว” ติณห์ถาม
“ใช่ครับ” จุนจีตอบ
“พยานในร้านบอกว่า อยู่ๆเขาก็ทำท่าว่าร้อน ทั้งๆที่แอร์ในร้านเย็นมาก เหมือนเขาคิดไปเองคนเดียว หรือโดนสะกดจิต” ผู้การสงสัย
“สะกดจิต” ณัฐเดชพูดขึ้นเบาๆ
ทุกคนมองหน้ากัน
“สะกดจิตให้คนร้อนจนลุกเป็นไฟงั้นเหรอ” กรรณาสงสัย
“เป็นไปได้ไหม ที่การสะกดจิตนี้ ทำให้เจ้าตัวเพ่งความรู้สึกไปที่ความร้อนใจตัว การเพ่งของตัว เขาเอง ก็เหมือนจิตของเขากลายเป็นแว่นขยายเลนส์นูน ที่ดูดพลังธาตุไฟทั้งหมดในตัวคน มารวมกันอย่างเข้มข้น จนเกิดเป็นจุดสันดาปขึ้น” ญาณินออกความเห็น
“โอว..เหมือนการทดลองวิทยาศาสตร์สมัยเด็กๆ ที่เราใช้เลนส์นูนไปรวมแสงอาทิตย์ให้ เป็นจุดเดียว จนมันร้อนแล้วลุกเป็นไฟเผาไหม้กระดาษได้” ณัฐเดชออกความเห็น
“คราวที่แล้ว พวกคุณบอกว่า การสะกดจิต มาจากภาพในจอฉายวิดีโอพรีเซนเทชั่น แล้วการ สะกดจิตคราวนี้ จากไหน”
ณัฐเดชมองหน้าผู้การแบบยังจะมาถามอีก
“ก็เป็นหน้าที่ของพวกผม ที่จะต้องตามไปดูให้รู้ให้ได้ครับ”
ติณห์ จุนจี พยักหน้าพร้อมด้วย
วรวรรธก้าวเข้ามาในบ้าน สุพิชชาที่มือมีผ้าพันแผลพันอยู่ นั่งอยู่ในห้องรับแขกพอดี เขาเดินไปอย่างไม่สนสุพิชชา
“วรรธ คุณจะไม่ทักพีชหน่อยหรือคะ”
วรวรรธไม่ตอบจะเดินไปทางห้องเนตรสิตางศุ์ แต่สุพิชชามาขวางเอาไว้
“พีชถามว่าทำไมไม่ทักพีช เกลียดพีชมากใช่ไหม”
“สวัสดีครับ คุณพีช สบายดีนะครับ” วรวรรธประชด เย็นชา “ขอโทษครับ ผมมารับคุณเนตรไปทาน ข้าวข้างนอกครับ...”
เนตรสิตางศุ์กำลังลงมาหาวรวรรธพอดี จึงแอบฟังสิ่งที่ทั้งสองคุยกันที่มุมหนึ่ง
“หัวของคุณมีคำอื่นบ้างมั้ยนอกจากคำว่า เนตรสิตางศุ์”
“ไม่มีครับ..กรุณาอย่าขวางทางครับ”
สุพิชชาอึ้งไป
“เห็นไหม มือพีชเป็นแผล วรรธจะไม่ถามพีชสักคำเหรอ ว่ามือพีชไปโดนอะไรมา...”
วรวรรธสูดลมหายใจเข้า
“มือพีชไปโดนอะไรมาเหรอครับ”
สุพิชชาใส่ไฟทันที
”ยัยเนตรผลักพีชล้มลงกับพื้น มือพีชเลยโดนเศษกระจกบาดเข้า”
วรวรรธนิ่ง
“เหรอครับ”
“ยัยเนตรทำกับพีชถึงขนาดนี้ วรรธพูดแค่ว่าเหรอครับ งั้นเหรอ”
“แล้วพีชจะให้ผมพูดอะไร ในเมื่อผมรู้ว่าสิ่งที่พีชพูดมามันไม่ใช่เรื่องจริง ตอนนั้นผมคุยโทรศัพท์กับคุณเนตรอยู่ โชคดีที่คุณเนตรลืมกดวางโทรศัพท์ ผมเลยได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่าง”
อ่านต่อหน้า 3
สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 22 (ต่อ)
สุพิชชาอึ้ง
“ผมจะขอพูดกับคุณ ตรงๆแล้วกันนะพีช ว่าสิ่งที่คุณกำลังพยายามทำอยู่ตอนนี้มันไม่มี วันสำเร็จหรอกไม่ว่าคุณจะ พยายามปั่นหัวผม หรือคุณเนตรแค่ไหน คุณเนตรเป็นคนจิตใจดี ผมรักคุณเนตร รักและความจริงใจของเราสองคนจะเอาชนะ อุปสรรคทุกอย่างได้ รวมถึงเอาชนะคุณ คุณพีช”
สุพิชชาน้ำตารื้น แต่พยายามข่มเอาไว้
“...ผมไม่ได้เกลียดคุณนะพีช แต่คุณคิดเองเออเองทุกอย่าง จนตอนนี้ จิตใจคุณฟุ้งซ่านไปจน หาทางกลับไม่ถูกแล้ว”
สุพิชชาตื้อจนพูดอะไรไม่ออก กำหมัดแน่นด้วยความแค้นใจ
เนตรสิตางศุ์ค่อยๆทำทีโผล่ออกมาจากที่ซ่อน สุพิชชารีบหันหลังให้เนตรสิตางศุ์เพื่อซ่อนหยาดน้ำตาทันที
“หมอคะ...”
วรวรรธรีบเข้าไปหา
“คุณเนตรเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยครับ ไปครับผมหิวแล้ว”
วรวรรธจูงมือเนตรสิตางศุ์ออกไป สุพิชชาหันกลับมามองตามหลังทั้งสองคนไปนัยน์ตาสั่นระริกด้วยความแค้น
ห้องควบคุมกล้องวงจรปิด...ร้านอาหารเวลากลางวัน มีเส้นกั้นเขตห้ามเข้าของตำรวจล้อมอยู่ ติณห์ ไตรรัตน์ กับสี่สาวมุดผ่านเส้นกั้นเข้ามา ทุกคนใส่หูฟังวิทยุสื่อสาร สาวๆสวมอุปกรณ์ประจำตัวของตัวเอง
“นักฆ่ามืออาชีพที่ใช้เวทมนตร์เป็นอาวุธงั้นเหรอ แบบนี้ คนธรรมดาจะไปเอาอะไร มาสู้ได้ล่ะ” กรรณาบ่นอย่างแค้นใจ
“คนธรรมดาสู้ไม่ได้หรอก ต้องใช้มือปราบที่มีพลังพิเศษ อย่างแฟนผมเท่านั้น” เสียงพงอินทร์บอก
กรรณาหันขวับไปทางกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่มุมหนึ่ง...ในห้องควบคุม เห็นหน้าจอหนึ่งเป็นภาพของกลุ่มกรรณาที่อยู่ตรงโถงร้านอาหาร พงอินทร์ กับณัฐเดช อยู่กับเจ้าหน้าที่ควบคุม
กรรณาพูดใส่กล้อง
“ฉันไม่ได้เป็นแฟนนาย”
พงอินทร์พูดจากห้องควบคุม
“แล้วผมพูดสักคำหรือยังว่าคุณเป็นแฟนผม อ๊ะๆทึกทักๆ ขี้ตู่ๆ”
กรรณาเท้าสะเอว เงยหน้าจ้องกล้อง
”นายจิงโจ้...ยังไม่มีคนเอาตัวนายไปปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ อีกเหรอ”
“ถ้าภารกิจของคุณยังไม่จบ ผมก็คงต้องอยู่ต่อ เพื่อดูแลคุณสิ” พงอินทร์ลอยหน้าใส่หน้ากรรณาในจอ มอนิเตอร์
“ใครเขาต้องการล่ะ” กรรรณายกกำปั้นใส่หน้ากล้อง
“จุ๊ๆ คุณกรรณกับนายแมลงทับ ทำงานก่อน ทะเลาะกันทีหลัง โอเคมั้ยครับ”ติณห์ขัดอย่างรำคาญ
กรรณาเชิดหน้าใส่กล้องวงจรปิด พงอินทร์ขำๆ ณัฐเดชสะกิด
“ให้มาดูเทปของกล้องวงจรปิดที่ถูกบันทึกไว้ในคืนเกิดเหตุ ไม่ได้ให้มาทะเลาะกันเอง เอ๊อ..”
พงอินทร์หันไปช่วยณัฐเดชดูเทปอย่างตั้งใจ ณัฐเดชกดเปิดดู
ภาพในจอกำลังฉายภาพเหตุการณ์ในวันนั้นช่วงเวลาที่เกิดเหตุ นักธุรกิจหนุ่มชะงัก แต่ไม่เห็นตัวกรกฏ ณัฐเดช พง์อินทร์ จับตาดูอย่างตั้งใจ
เจ้าหน้าที่กรอภาพถอยหลังกลับไปตอนก่อนที่จะเกิดเหตุ จังหวะที่นักธุรกิจหันมาคุยกับใครบางคน แต่ไม่เห็นตัว
“หยุดภาพตรงนี้ก่อน...” ณัฐเดชพูด “เหมือนคุณทรงพลเขาหันหน้ามาคุยกับใครสักคน...”
“ผมก็รู้สึกอย่างนั้น แต่เขาจะคุยกับใครละ ในเมื่อตรงนั้นไม่มีใครยืนอยู่สักคน” พงอินทร์แปลกใจ
ภายในร้านอาหาร กลุ่มติณห์ฟังสิ่งที่ณัฐเดชคุยกับพง์อินทร์อยู่ ญาณินตอบผ่านหูฟัง
“อาจจะมี แต่เรามองไม่เห็น หรือกล้องธรรมดาๆแบบนี้ จับภาพมันไม่ได้.. ก็เป็นได้”
“ฟังแล้วขนลุก” ไตรรัตน์บ่น
“ดูสิ เหมือนเขาพูดกับอากาศธาตุชัดๆ” สุคนธรสบอก
กรรณาเดินไปตรงบริเวณโต๊ะที่นักธุรกิจหนุ่มนั่งในคืนวานนี้
“เขานั่งตรงนี้ใช่มั้ยคะพี่ณัฐ” กรรณาถาม
ณัฐเดชคุยกับกรรณาผ่านจอภาพ
“ใช่จ้ะ”
กรรณาพยักหน้าส่งสัญญาณให้กับสามสาว กรรัมภาถอดถุงมือ ขณะที่ญาณิน สุคนธรส และกรรณาก็ถอดอุปกรณ์ประจำตัวออกเช่นกัน
กรรัมภายื่นมือข้างหนึ่งจับสุคนธรสที่จับมือต่อกับกรรณา และกรรณาจับมือต่อกับญาณิน กรรัมภารวบรวมความกล้า แล้วเอามืออีกข้างที่ว่างจับเก้าอี้ที่นักธุรกิจหนุ่มนั่งก่อนเกิดไฟคลอก
ทันใดนั้น ก็เกิดภาพในอดีตในคืนวันเกิดเหตุให้สี่สาวได้เห็น
“มีผู้ชายร่างใหญ่สวมชุดดำทะมึนมาเรียกเขา” กรรัมภาพูดขึ้น
“กลิ่นของผู้ชายนี้มันคุ้นมาก...” สุคนธรสบอก
“เขามาถามคุณทรงพลเรื่องวันตาย...” กรรณาเล่า
“ยัยแก้ม หยุดความคิดไว้ที่ตรงนี้ได้มั้ย” ญาณินถาม
“ได้...แต่ไม่นานนะเจ๊...” กรรัมภาตอบ
ญาณินดำดิ่งสู่สมาธิถอดจิตย้อนกลับเข้าไปในอดีต ทุกอย่างในตอนนั้นหยุดนิ่ง ทั้งนักธุรกิจกับชายหนุ่มลึกลับที่ยืนอยู่
จิตญาณินค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้ชายลึกลับด้วยใจระทึก แล้วค่อยๆชะโงกหน้าไปมองเพื่อจะให้เห็นใบ หน้าภายใต้เสื้อคลุมนั้น
ญาณิน เห็นใบหน้าของกรกฏที่ดวงตามีเปลวไฟสีแดงจับจ้องอยู่ที่นักธุรกิจหนุ่ม อย่างน่าสะพรึงกลัว กายหยาบของญาณินสะดุ้งเฮือกพร้อมๆกับเพื่อนๆทั้งสาม ญาณินหน้าซีดเผือด ติณห์รีบเข้าไป ประคองทันที
“คุณณิน คุณเห็นอะไรไหม”
ญาณินพยักหน้า กลืนน้ำลายอย่างยากเย็น
”คนที่คุณทรงพลคุยด้วยก่อนถูกไฟคลอก คือจิตของกรกฏ ลูกน้องของไอ้หมอสมคิด กับเบญจา” กรรัมภาเล่า
ติณห์ ไตรรัตน์ ณัฐเดช พงอินทร์ อึ้งกับข้อมูลที่ได้รับ
ณัฐเดชเดินฟังโทรศัพท์เข้ามาในบ้าน สุพิชชาแปลกใจ
“ยัยเนตรอยู่บ้านหรือเปล่าพีช”
“ไม่อยู่ค่ะ วรรธมารับน้องเนตรออกไปข้างนอกตั้งแต่ตอนสายๆ พี่ณัฐมีเรื่องอะไรเหรอค่ะ ท่าทางรีบร้อนเขียว”
“ เรื่องด่วนเกี่ยวกับคดีน่ะ” ณัฐเดชโทรศัพท์
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์นะยัยเนตร”
สุพิชชารีบใส่ไฟ
“น้องเนตรยังโกรธพี่ณัฐ ที่ดุเธอเมื่อคืนหรือเปล่าคะเลยไม่รับสาย”
ณัฐเดชอึ้งกดตัดสายทิ้ง เนตรสิตางศุ์กับวรวรรธเข้ามาถึงพอดี
“เนตรอยู่บนมอเตอร์ไซค์ของหมอต่างหากค่ะ เลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์”
สุพิชชาหน้าเสีย
“สวัสดีครับพี่ณัฐ ผมพาคุณเนตรไปทานข้าวกลางวันแค่นั้นเอง ส่งคุณเนตรแล้วผมขอตัวกลับ ก่อนนะครับ”
”ยังกลับไม่ได้ไอ้หมอ”
“พี่ณัฐคะ”
ณัฐเดชตัดบท
“หยุดก่อน...ฟังพี่นะยัยเนตร เรื่องที่พี่พูดเมื่อคืน เราคงต้องหาเวลานั่งคุยกันจริงจังแน่ แต่ตอนนี้ เรื่องเฉพาะหน้า คือ...พี่กับไอ้หมอต้องช่วยกันหาทางจัดการกับคนที่อยู่เบื้องหลังคดี ประหลาดสะเทือนขวัญพวกนี้ให้ได้ก่อน ..หมอสมคิด กับ เบญจา”
สุพิชชามองดูณัฐเดช วรวรรธ และเนตรสิตางศุ์ที่ร้อนใจ กระซิบกันเครียดๆ จนเธอแทรกไม่ได้อย่างไม่พอใจ ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“สมคิด..กับเบญจา...งั้นเหรอ”
เช็คเงินสดที่มีตัวเลข 30 ล้านบาท อยู่ในมือของสมคิดที่หัวเราะชอบใจ
“ฮ่าๆ...ดี...ดีมาก เบญจาลูกพ่อ ทำดีขึ้นทุกวันจริงๆ”
“ที่แท้ อาชีพเราคือรับจ้างฆ่าคนหรือคะ” เบญจาถามอย่างไม่สบายใจ
“ฆ่าคน ด้วยศาสตร์มืด มันเป็นอาชีพที่น่าภูมิใจออก”
สมคิดลุกขึ้นเดินมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นบรรยากาศตึกราน้อยใหญ่ในกรุงเทพฯ
“เงินคืออำนาจ อำนาจก็คือเงิน อีกไม่นาน เราก็จะมีอำนาจเหนือใครในโลก เราจะครอบครอง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราอยากได้“
“อีกไม่นานท่านกับคุณหนูก็จะยิ่งใหญ่ไม่มีใครมาเทียบได้” กรกฏบอก
“ยิ่งใหญ่ด้วยการทำให้คนตายเพิ่มขึ้นทุกวันหรือคะ”
“อย่าไปคิดว่าพวกมันเป็นคนสิเบญจา คิดว่าเหยื่อแต่ละรายของเรา เป็นสัตว์โง่ๆไร้ความ สามารถบ้าง เลวบ้าง ขัดผลประโยชน์ของคนดีๆเขาบ้าง มันก็ย่อมสมควรตายทั้งนั้น” สมคิดบอกอย่างไม่คิดว่าชีวิตใครสำคัญ
เบญจาเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วล็อคประตู เดินเจ้าไปนั่งขดอยู่ในอ่างอาบน้ำ ร้องไห้ อึดอัดไม่ อยากทำในสิ่งที่โดนสมคิดบังคับ
แฟ้มรายละเอียดต่างๆของคดีประหลาดที่เกิดขึ้นทั้งการฆ่าตัวตายหมู่ของบริษัทเอ็กเซลเล้นท์ฟู้ด กับคดีไฟคลอกนายทรงพลถูกแจกจ่ายไปอยู่ในมือของทุกๆคนช่วยกันศึกษารายละเอียด
กรรณากับก้องฟ้า กรรัมภากับจุนจี กำลังค้นหาข้อมูลบางอย่างอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ้คคนละเครื่อง อรวรรณยกขนมกับเครื่องดื่มมาบริการทุกคน
“ถ้าเรารู้ว่าเหยื่อพวกนี้เกี่ยวข้องอะไรกับหมอสมคิดหรือเบญจา เราก็คงจะสาวถึงที่กบดาน ของพวกมันได้ไม่ยาก” เนตรสิตางศุ์บอก
สุคนธรสครุ่นคิด
“รสว่า...พวกเหยื่อไม่ได้รู้จัก หรือเกี่ยวข้องอะไรกับสองคนนั้นเลย เนตร”
อรวรรณสนใจทันที
”อ้าว...งั้น...แล้วพวกไหนล่ะคะ ที่รู้จัก”
“คนที่จะได้รับผลประโยชน์จากการตายของเหยื่อพวกนี้ต่างหาก ที่อาจจะรู้จักกับไอ้หมอ ผีชั่วสองพ่อลูก” สุคนธรสบอก
ญาณินเงยหน้าจากแฟ้มที่อ่านเครียดอยู่
“จากรายละเอียดของบริษัทเอ็กเซลเล้นท์ฟู้ต คณะกรรมการบริหารชุดเก่าเป็นเป้าหมาย อยู่ใน ตำแหน่งมา 20 ปีแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะวางมือ จึงเริ่มไม่ เป็นที่ๆถูกใจของผู้บริหารรุ่นใหม่” ญาณินเล่า
”ถ้ากำจัดคณะกรรมการชุดนี้ซะ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในแง่การบริหาร” ติณห์หันมาถาม
กรรัมภาอ่านอีกแฟ้ม
“คดีของนายทรงพลก็เหมือนกัน ข่าววงในบอกว่า นายทรงพลแอบเป็นชู้กับ เมียเจ้านาย แถมยังแอบหักหลังเจ้านายอีกหลายๆเรื่อง...”
จุนจีเงยหน้ามองทุกคน
”แรงจูงใจนี้จะพอให้เจ้านายของนายทรงพล อยากจะฆ่านายทรงพลให้ ตายหรือเปล่า”
“พอซะยิ่งกว่าพอ ที่ก๊องเคยเห็นนะบางคนไม่ต้องถึงขนาดเมียไปมีชู้ แค่เมียคุยกับผู้ชายคน อื่นเกินสามนาทีก็ชักปืนขึ้นมายิงกันแล้ว” ก้องฟ้าเล่า
“ใจร้ายจัง...” เนตรสิตางศุ์บ่น
“สำหรับผู้ชายบางคน มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีน่ะครับ...เบญจากับหมอสมคิดกำลังทำ ตัวเป็นซุ้มมือปืน รับจ้างฆ่าคน แค่เปลี่ยนจากใช้ ลูกกระสุน เป็นเวทย์มนต์...” ติณห์ออกความเห็น
“ถึงตำรวจจะเก่งแค่ไหน ก็ไม่มีวันจะสืบหาความจริงได้ เพราะไม่มีหลักฐานทางวิทยศาสตร์” กรรณาถอนใจ
“ภายในไม่ถึงปี ประเทศไทยก็จะกลายเป็นประเทศรับจ้างฆ่าทั่วโลก แบบไร้ร่องรอย ด้วยฝีมือ สมคิดเบญจา นำเงินเข้าประเทศมหาศาล” ก้องฟ้าสรุป
ทุกคนเงียบ มองห้องฟ้า
“ขายข้าว ขายยางพารา น่าภูมิใจกว่ามั้ยก๊อง” จุนจีเหล่มอง
“ก็แค่มุขขำนะครับ...เห็นเครียดกัน”
ติณห์ครุ่นคิด เห็นด้วยกับสิ่งที่ทุกคนช่วยกันระดมความเห็น เขายกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
“ฮัลโหลไอ้ณัฐ...ได้เรื่องยังวะ”
ห้องประชุมของบริษัทเอ็กเซลเล้นท์ฟู้ด ไตรรัตน์ ณัฐเดช นั่งพูดคุยอยู่กับหนึ่งใน ภรรยาของผู้บริหารที่ถูกลอบฆ่า
“เออ…ได้ดิวะ คือจากการตามเช็คโทรศัพท์ของผู้บริหารรุ่นใหม่ทุกคน พบว่า..ตัวผู้นำกลุ่มใช้ โทรศัพท์ติดต่อ”
ระหว่างนั้นติณห์เปิด Speaker โทรศัพท์มือถือให้ทุกคนได้รับรู้
ณัฐเดชพูดต่อ
“จะใช้โทรศัพท์ติดต่อเบอร์โทรสองเบอร์ที่ตรงกันกับ...”
วรวรรธยื่นหน้ามาพูดบ้าง
“ตรงกับเจ้านายของนายทรงพล ที่เป็นสามีของสุภาพสตรีที่เขาลักลอบมีความสัมพันธ์บ่อยๆ ที่โทรไปหาเบอร์นี้ค่อนข้างถี่ก่อนเกิดเหตุ”
“เบอร์อะไร”
“ศูนย์ เก้า ศูนย์ ศูนย์ ศูนย์ หก ศูนย์ เก้า เก้า หก” วรวรรธบอก
“ศูนย์ หก ศูนย์ ศูนย์ หก เก้า ศูนย์ เก้า เก้า เก้า” ณัฐเดชบอกอีกเบอร์
“...ถ้าดูดีๆ เลขของทั้งสองเบอร์เป็นเลขตัวเดียวกันหมดเลยนะ เพียงแต่สลับตำแหน่ง เป็นไปได้ ว่ามันอาจจะเป็นเบอร์จากที่เดียวกันก็ได้” จุนจีออกความเห็น
“เราลองโทรไปที่เบอร์ทั้งสองเลยสิ” กรรัมภาแนะ
มุมหนึ่งในบ้านณัฐเดช สุพิชชากำลังกดเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวลงบนหน้าจอ แล้วตั้งใจฟังสัญญาณตอบรับอย่างใจจดจ่อ
บริษัทซิกส์เซนส์...ทุกคนตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ แล้วครุ่นคิดตามไปด้วย จากเสียงโทรศัพท์ในมือติณห์
”...มีเสียงตอบรับอัตโนมัติ ให้ป้อนรหัสผ่านสี่ตัวลงไป...ถ้าไม่ ป้อนรหัสก็ไม่สามารถติดต่อเบอร์นี้ได้” ณัฐเดชเล่า
“รหัสผ่าน...รหัสอะไรเหรอคะพี่ณัฐ แล้วจะไปได้รหัสนี้มาจากไหน?” ญาณินถาม
“รหัสผ่านสี่ตัวนี้ จะต้องเข้าไปในเว็บไซท์หนึ่งที่เสียงตอบรับอัตโนมัติในโทรศัพท์จะบอก เอาไว้” วรวรรธอธิบาย
สุพิชชานั่งลงตรงหน้าคอมพิวเตอร์ แล้วพิมพ์ชื่อเว็บไซท์ลงไป
จอคอมพิวเตอร์เห็นตัวอักษรค่อยๆถูกพิมพ์ลงไป...www.blackworld.co.th แล้วกดปุ่ม Enter
วรวรรธยืนหน้าจอคอมพ์ ที่ณัฐเดชกำลังลองพิมพ์ไปด้วย ที่ห้องของบริษัทเอ็กเซลล้นซ์ฟูด พูดโทรศัพท์ไปด้วย
“มันมีชื่อว่า Black World.”
ทุกคนที่บริษัท พยายามปะติดปะต่อสิ่งที่ได้ยินจากวรวรรธ ณัฐเดชทางโทรศัพท์
“Black world?” จุนจีสงสัย
ก้องฟ้าไม่รอช้า รีบกดเข้าไปในเว็บไซท์นี้ทันที จอคอมพิวเตอร์เข้าสู่หน้าเว็บเพจ Black World
“เข้าได้แล้ว”
ทุกคนรีบวิ่งมามุ่งดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของก้องฟ้า เนตรสิตางศุ์อ่านหน้าจอ
“ขอต้อนรับสู่อาณาจักรสีดำ”
วรวรรธ ณัฐเดช ก็เข้าไปได้เช่นกัน...กรรัมภาอ่านหน้าจอ
“ตอบคำถามของเรา...แล้วคุณจะได้รับรหัสผ่าน...ถ้าคุณ...เป็นพวกเดียวกับเรา”
ญาณินเงยหน้าขึ้นสบตาติณห์อย่างสับสน
“เอาไงดี เราจะตอบคำถามมั้ยเจ๊” กรรณาถาม
“อยากได้ลูกเสือ ก็ต้องเข้าถ้ำเสือ” ญาณินตอบ
“มาคุณแก้ม...ผมตอบเอง” ติณห์อาสา
กรรัมภาลุกขึ้น ติณห์รีบลงไปนั่งแทนที่ แล้วเริ่มอ่านคำถาม
อ่านต่อหน้า 4
สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 22 (ต่อ)
ในห้องของบริษัทเอ็กเซลเล้นท์ วรวรรธ ณัฐเดช ก็กดตอบลุ้นไปหน้าคอมพ์ด้วยกัน
สุพิชชานั่งอ่านที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นคำถาม
“คุณเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์มนต์ดำอันลึกลับหรือไม่”
รับสุพิชชาพิมพ์ตอบ
“ไม่...พิสูจน์ให้ฉันเห็นซิ”
สุพิชชากดปุ่ม Enter คำถามข้อต่อไปปรากฏ
“คุณติดต่อเรา เพราะต้องการอะไร”
สุพิชชาพิมพ์ไปด้วย
“กำจัดใครบางคน...”
สุพิชชากดปุ่ม Enter คำถามข้อต่อไปปรากฏ
“คุณจะยอมทำตามทุกอย่างที่เราต้องการหรือไม่”
สุพิชชาพิมพ์ไปด้วย
“ขอเพียงทำสำเร็จ...ฉันยอม”
สุพิชชากดปุ่ม Enter อีกครั้ง
หน้าจอคอมพิวเตอร์กลายเป็นสีดำสนิท ทันใดนั้นสีดำ ก็ค่อยๆหดตัวเข้ามาตรงกลางกลายเป็นรูปอีกกา และมีตัวหนังสือขึ้นมาว่า
“ยินดีต้อนรับคุณเป็นหนึ่งในสมาชิกแห่งอาณาจักรสีดำ...เชิญรับรหัสผ่าน”
สุพิชชายิ้มอย่างพอใจ
ทุกคนรุมดูติณห์ตอบคำถาม เห็นหน้าจอคอมพิวเตอร์กลายเป็นสีดำ จึงพากันลุ้นว่าติณห์จะได้รับรหัสผ่านหรือไม่ ที่หน้าจอปรากฏตัวหนังสือสีแดงขึ้น
“คำตอบของคุณไม่ถูกต้อง กรุณาตอบใหม่อีกครั้ง...”
ติณห์สบถหัวเสีย
“Shit! นี่มันอะไรกัน ผมตอบคำถามเป็นสิบรอบแล้วทำไมยังไม่ถูกซะที อะไรคือคำตอบที่มันต้องการกันนะ”
ทุกคนมองหน้ากัน พูดไม่ออกเพราะไม่รู้ว่าทำไม
“คุณแก้ม...โชว์ผมหน่อยครับ...” จุนจียิ้ม
กรรัมภาตัดสินใจถอดถุงมือออก
“ขอลองอะไรหน่อยนะคะคุณติณห์”
กรรัมภาเอามือเปล่าสัมผัสหน้าจอ
ในมโนจิตของกรรัมภา เห็นเบญจากำลังท่องคาถาบางอย่าง แล้วจ่อกริชไปที่หน้าจอที่เป็นหน้าเว็บไซท์ กรรัมภาสะดุ้งออกจาภวังค์
“คุณเห็นอะไรบ้างคุณแก้ม”
“คำถามไม่มีคำตอบไหนถูกหรือผิดหรอก...เว็บไซท์นี้ถูกลงอาคมให้เลือกเฉพาะคนที่ จิตกำลัง ตกอยู่ในภาวะดำมืด เสียใจ อ่อนแอ หรืออาฆาตแค้น กิเลสหนา หรือพูดง่ายๆคือ มันจะต้อน รับเฉพาะคนที่มีจิตใจอ่อนแอที่มันครอบงำได้ง่ายเท่านั้น”
“แบบนี้ทำยังไงพวกเราก็ไม่มีวันได้รหัสผ่าน แล้วเราจะเข้าถึงตัวพวกมันได้ยังไง” ญาณินสงสัย
ติณห์หัวเสีย
“โธ่เว้ย”
ติณห์ลุกขึ้นเดินออกไปทันที
“ติณห์”
ญาณินรีบตามติณห์ออกไป ทุกคนมองหน้ากันอย่างหนักใจสุดๆ
ติณห์เดินมาสงบสติอารมณ์ที่มุมหนึ่ง พบเจอโกลเดนเบบี๋นั่งงอย ฟังเพลงจาก notepad
“โกลเดน...”
“หนูเหงา...หนูคิดถึงเจ้าที่...”
ติณห์สะอึก รู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ
“ฉันขอโทษนะโกลเดน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะฉันเอง ทุกอย่างมันเป็นความผิดของฉันเอง”
ญาณินตามมา
“ผมไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกของผมตอนนี้ยังไง It’s so bad! “
“ฉันเข้าคุณค่ะติณห์ แต่เรื่องทุกอย่างมันไม่ใช่ความผิดของคุณนะคะ เลิกโทษตัวเองซะที”
“ที่เจ๊จีจ้าพูดจริงที่สุด”
ติณห์ค่อยๆสงบลง ญาณินโอบไหล่ปลอบใจ โทรศัพท์ติณห์ดังขึ้น ติณห์ยกขึ้นดู
ขึ้นหน้าจอว่า “Blocked” ติณห์แปลกใจ แต่ตัดสินใจรับ
“ฮัลโหล...”
“กำลังคิดถึงหนูอยู่ใช่มั้ยคะพี่ติณห์” เบญจาพูด
ติณห์อึ้งไป
“เบญจา...”
“หนูก็คิดถึงพี่ติณห์ หนูอยากเจอหน้าพี่ติณห์ และหนูก็รู้ว่า พี่ติณห์เองก็คงจะอยากเจอหนู เหมือนกัน...”
ติณห์คุยโทรศัพท์ โดยมีญาณินกับโกลเดนท์ เงี่ยหูฟังอยู่ใกล้ๆด้วย
“ ใช่...ฉันอยากเจอเธอเบญจา บอกฉันมาซิว่าเธออยู่ที่ไหน”
“บอกง่ายๆก็ไม่สนุกซิคะ”
“เธอคิดหรือเปล่าว่าสิ่งที่เธอจะก่อ เธอทำมันบาปกรรมมหันต์”
”พี่ก็มาหาหนูสิคะ หนูจะได้หยุด”
“นี่เธอเอาฉันเป็นตัวประกันแลกกับสิ่งเลวร้ายที่เธอทำเหรอ”
ติณห์ ญาณิน โกลเดนเบบี๋อึ้งไป
“สัญญากับหนูซิคะว่าพี่ติณห์จะมาหาหนูคนเดียว แล้วหนูจะบอกให้ว่าหนูอยู่ที่ไหน..”
โกลเดนเบบี๋โบกไม้โบกมือทำสัญลักษณ์ว่าอย่าสัญญา ญาณินมีสีหน้าลำบากใจ ไม่อยากให้ติณห์สัญญาเพราะเป็นห่วง
“เอ่อ...”
“พี่ติณห์อึกอัก แสดงว่าพี่ติณห์ไม่ได้อยากเจอหนูจริงๆ พี่ติณห์โกหกหนูอีกแล้ว หนูเกลียดคน โกหก และหนูจะทนไม่ได้ถ้าคนที่หนูรักโกหกหนูซ้ำแล้วซ้ำเล่า หนูคงต้องทำให้เกิดการสูญ เสียมากขึ้นกว่าเดิมมั้งคะ พี่ติณห์ถึงจะสำนึก”
เบญจาตัดสายทิ้งทันที
“ฮัลโหล...เดี๋ยว! เบญจา!!”
เบญจากำโทรศัพท์ไว้ในมือด้วยความคับแค้นใจ สมคิดแอบฟังเบญจามาโดยตลอด กรกฎเดินเข้ามาหาเบญจา
“คุณเบญจา มีคนมาขอพบ เขาบอกว่ารู้จักพวกซิกส์เซ้นส์ ผมว่าคุณเบญจาควรไปหาเขา”
เบญจาเดินออกไป กรกฎเดินตามออกไป
“ฉันมาไกลเกินกว่าที่จะยอมให้ความรักงี่เง่าของแกมาทำพัง...” สมคิดพูด
เบญจาเดินมาหยุดยืนหน้าห้องโถง มองหาแขกคนนั้น เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนมองวิวกรุงเทพอยู่ริมหน้าต่างห้องโถง และเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น จนถึงระยะใกล้ ผู้หญิงคนนั้นหันมา คือ สุพิชชา!
ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เวลาบ่าย ปาริฉัตรยืนด้อมๆมองอยู่หน้ารถตู้คันหนึ่ง เหมือนกำลังรอใครบางคนอย่างร้อนใจ
" อีกนานมั้ยเนี่ย จะได้เวลาแล้วนะ"
"แป๊บเดียว ขอหมวกกับแว่นสามวิ" เสียงซองซูดังเข้ามาบอก
"ต้องเร็วกว่านี้อีก เลยช่วงนี้ไปกว่าคนจะเยอะอีกทีก็ตอนเย็น ฉันไม่รอด้วยหรอกนะ"
ระหว่างนั้นคิมซองซูที่แต่งตัวเลียนแบบปาร์คจุนจีแบบเหมือนเป๊ะๆ ก็ก้าวออกมาจากรถตู้ เขายื่นหน้ามากระซิบข้าหูปาริฉัตร
"เรียบร้อยแล้วครับ"
ปาริฉัตรจั๊กกะจี๋หูรีบถอยห่าง กันมาเห็นคิมซองซูในชุดเหมือนปาร์คจุนจีเต็มยศ เธอชอบใจ
"เป๊ะมาก! ดูไกลๆใช่เลย"
"ผมทำการบ้านมาดี"
คิมซองซูยื่นมือไปหาปาริฉัตร
"คุณเป้ยพร้อมจะไปเดินเที่ยวโชว์หวานในห้างกับผม...ปาร์คจุนจี ให้มีข่าวขึ้นหน้าหนึ่งหรือยังครับ"
ปาริฉัตรยื่นมือมาจับมือกับคิมซองซูแบบคนรัก
"พร้อมมากค่ะจุนจีปลอม อิๆๆ รักแท้..มันคืออะไร..ต้องเดินห้างกัน กุ๊กกิ๊ก ซึ่งกันและกัน ไม่สนสายตาใคร"
ปาริฉัตรร้องเพลงน้ำชา เกี่ยวก้อย เหวี่ยงแขนไปมา
"เดินแบบคนธรรมดาซิ คุณเป้ย เราไม่ได้เล่นละครมิวสิคัลนะ"
ปาริฉัตรควงคิมซองซูเดินหัวเราะลั้ลลาออกไป
สำนักองค์เบญจา เวลาบ่าย สุพิชชาส่งรูปถ่ายของเนตรสิตางศุ์ให้เบญจา
"เนตรสิตางศุ์"
สุพิชชาสีหน้าแปลกใจ
"คุณรู้จักนังนี่"
"พอรู้จัก"
สุพิชชาลุกขึ้นแววตาเหี้ยม
"ดี... ฉันไม่อยากอยู่ร่วมโลกกับคนที่มันแย่งของรักไปจากฉัน ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพวกสาวๆซิกส์เซนส์ถึงดึงดูดพวกผู้ชายนัก"
เบญจาคิดถึงเรื่องของตัวเองที่ไม่สมหวังกับติณห์ เพราะมีญาณินแย่งไป
"ฉันเข้าใจความรู้สึกคุณดี"
"องค์เบญจาก็พ่ายแพ้ในเกมรักเหมือนกันหรือคะ ไม่น่าเชื่อ"
"แต่มันคือความจริง"
"กับผู้หญิงพวกนั้นหรือคะ ใครกัน"
สุพิชชาพยายามพูดยั่วให้เบญจาโกรธและพยายามหาพวก
"ญาณิน"
สุพิชชาระเบิดอารมณ์ออกมา
"อ๊า..อีนังพวกชะนีซิกส์เซนส์อีกแล้วเหรอ...งั้นเราสองคนก็มีศัตรูหัวใจพวกเดียวกันน่ะสิ"
เบญจามองรูปเนตรสิตางศุ์ในมือ
ภายในกลาสเฮาส์ บริษัทซิกส์เซนส์ เสียงเตือนข้อความเข้าของกรรัมภาดังขึ้น เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู เห็นเป็นข้อความโฆษณา อัพเดทข่าวที่ส่งตามโทรศัพท์ หัวข้อข่าว “ตัวจริงของคู้จิ้นข้ามแดน”
กรรัมภาเอะใจเปิดเข้าไปดู เห็นเป็นภาพแบบ Gossip ของปาริฉัตรกับปาร์คจุนจี(คิมซองซู) ที่ไปเดิน อี๋อ๋อกันอยู่ในที่ห้าง “ปากบอกไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่ไหงจุนจีกับเป้ยควงกันไปช้อปปิ้ง โชว์หวาน จนน้ำตาลเรียกพี่อย่างนี้นะ..”
กรรัมภาเลือดขึ้นหน้า ลมเพชรหึงออกหูทันที
"จุนจี!นี่หมายความว่าอะไร"
จุนจีรับโทรศัพท์จากกรรัมภามาดูรูป
"อะไรอีกเนี่ย! ผมนั่งอยู่ตรงนี้ แล้วคนในรูปจะเป็นผมได้ยังไงคุณแก้ม"
ทุกคนงง มองหน้ากันไปมา
"เป็นภาพจากวันอื่นหรือเปล่า"
"คุณ...ไปกันใหญ่แล้ว ทำไมยังไม่จบกันอีก ผมชักทนไม่ไหวแล้วนะ"
จุนจีลุกไปทันที
"อ้าว...เดี๋ยวๆ รอด้วย คุณจะไปไหน"
กรรัมภาลุกตามไป
ก้องฟ้าบอก
"เฮ้อ...ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกเร็วเกิ้น!"
ไตรรัตน์ พงอินทร์ เดินสวนเข้ามาพอดี
"อะไรกัน สองคนนั่น…เป็นอะไร" ไตรรัตน์ถาม
ญาณินบอก
"คงเคลียร์ปัญหาซุปตาร์กันมั้งคะ"
ติณห์ถาม
"ได้ความอะไรบ้าง นายไตร"
"ฉันไปสืบที่อยู่ที่จดทะเบียนของเบอร์โทรศัพท์ของ Black World ทั้งสองเบอร์ รู้ไหมฉันเจออะไร"
"เจออะไร นายไตวาย"
ไตรรัตน์บอก
"ที่อยู่ที่จดทะเบียนกลายเป็นบ้านร้าง จะพังมิพังแหล่แล้ว"
พงอินทร์พูดต่อ
"ส่วนอีกเบอร์หนึ่ง ที่อยู่ของมันกลายเป็นที่ว่าง มีแต่หญ้าขึ้นรกไปหมด"
กรรณาถาม
"แล้วเราจะหามันเจอได้ไง"
ทุกคนเครียดหนัก ไม่รู้จะเริ่มจากไหน
จุนจีและกรรัมภา นั่งอยู่ภายในรถตู้ จุนจีสีหน้าเป็นกังวล ยกมือถือขึ้นมากดโทรศัพท์
"ฮัลโหล...คุณเป้ย คุณทำอะไรลงไป เลิกยุ่งกับผมสักทีได้ไหม"
เป้ยและซองซูในคราบจุนจีนั่งทานอาหารอย่างสบายใจในห้องส่วนตัว
"ทำอะไร เป้ยทำอะไร เป้ยกำลังโปรโมตละครของเราอยู่นะคะ ดูสิคะ มีแต่แฟนละคร แฟนคลับ แฮบปี้มีความสุขที่ได้เห็นเราเป็นคู่จิ้นกัน"
"หยุดได้แล้ว คุณมาเจอผมที่โรงแรมผมเดี๋ยวนี้เลย คุณกับผมต้องเคลียร์กัน"
"No No ค่ะ เป้ยไม่ไปที่โรงแรมคุณหรอกค่ะ คุณนั่นแหล่ะที่ต้องมาหาเป้ย"
"ได้...ที่ไหน คุณบอกผมมาเลย ห๊า ไม .ผมไม่ยอมไปที่นั่นแน่ๆ"
กรรัมภาส่งสายตาถาม จุนจีทำหน้ากังวลให้แทนคำตอบ
"ได้ๆ"
จุนจีวางสาย
"เขาจะให้คุณไปเจอที่ไหนคะ"
จุนจีไม่ตอบ แต่กลับจับมือกรรัมภาให้กำลังใจแทน
"คุณแก้ม คุณต้องเชื่อมั่นในตัวผมนะ คุณต้องหนักแน่นนะ"
กรรัมภาพยักหน้าตอบ
ภายในห้องฟิตเนสของโรงแรม ปาร์คจุนจีเดินเข้ามา แต่ สีหน้ากลับไม่รู้สึกมีความสุขเลย ชื่อเสียงทำให้เขาต้องมีปัญหากับผู้หญิงที่รัก ไม่อาจรัก เปิดเผย ต้องอยู่ห่างๆกัน อยู่ๆก็มีมือเรียวสวยของหญิงสาวโผล่เข้ามาปิดตาปาร์คจุนจีไว้
"กลิ่นชาเนลนัมเบอร์ไฟว์..จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก"
จุนจีดึงมือเรียวนั้นทำให้เจ้าของมือ เซมาหาปาร์คจุนจี
"ว้าย"
"ห่ะ"
ปาร์คจุนจีชะงักเมื่อเห็นเป็นเป้ยในชุดฟิตเนสเน้นรูปร่างเซ็กซี่
"โอปป่ะอ่ะ เล่นอะไรรุนแรง เป้ยตกใจนะคะ"
ตกใจแต่ 2 แขนเป้ยกลับโอบไปรอบคอปาร์คจุนจี แถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้
"คุณเข้ามาได้ยังไง ทางโรงแรมไม่ได้บอกเหรอครับ ว่าโพ้มขอใช้ฟิตเนสคนเดียว"
ปาร์คจุนจีพูดพลางปล่อยมือจากเป้ย แต่เป้ยกลับโอบรอบคอเขาแน่นและแนบชิดขึ้น
"ทางโรงแรมเค้าจะไปขวางอะไรเป้ยคะ เค้าก็รู้ว่าตอนนี้เราเป็นคู่รักกันในจอและคู่จิ้นกันนอกจอ"
"มันก็แค่ละคร และนอกจอโพ้มก็ไม่ได้จิ้นอะไรกับคุณด้วย ปล่อยโพ้มครับ"
แต่ปาริฉัตรไม่ยอมปล่อย
"ไม่เอาน่าจุนจี เราเป็นเบอร์หนึ่งเหมือนกัน วงการนี้เป็นยังไง เราก็รู้ดีอยู่แก่ใจจิ้นกับเป้ยคุณมี แต่ได้ จิ้นกับยัยแก้มคุณมีแต่ดับ คุณกล้าฆ่าแฟนคลับทุกคนด้วยการหยิบแฟนคลับธรรมดา คนนึงมาเป็นแฟนงั้นเหรอ อย่าทำอย่างนั้นนะจุนจี ชื่อเสียงทุกอย่างของคุณที่สร้างมาอย่าง ยากลำบาก มันจะหายไปในชั่วพริบตาคุณจะไม่เหลืออะไรเลย อุ๊ย..เพิ่งเห็น ว่าข้างในคุณเป็นเสื้อกล้าม ไหน ขอดูกล้ามแขนหน่อยซิ ว่าจะสู้กะเป้ยได้ไหม"
ปาริฉัตรจับจุนจีถอดเสื้อ ปาร์คจุนจีงงๆ ยืนทื่อๆบื้อๆ ไม่ขัดขืนจริงจังอะไร
"อะไร คุณเป้ย คุณจะทำอะไร"
เป้ยดึงเสื้อออก เห็นเสื้อกล้าม
"ไหน ดูสิคะ คุณมีซิกแพ็คหรือเปล่า ตอนนี้ ไม่มีดาราเกาหลีคนไหนไม่มีซิกแพ็คนะคะ..ของซองซูก็มี ใครไม่มี..ต้องอายเพื่อนแน่ๆ"
ปาริฉัตรจับชายเสื้อกล้ามถลกขึ้นดูหน้าท้อง
มุมหนึ่งของฟิตเนส ซองซูซ่อนตัวอยู่ ย่องๆเข้ามา
"มว่อๆๆ เจ๋งๆๆ นี่ล่ะ..วันเผด็จศึก คิๆๆ"
ซองซูยกมือถือแอบถ่ายเก็บภาพไว้
แชะ! ภาพทั้ง 2 กำลังทำอะไรกันอย่างล่อแหลม ในที่ลับตาคน
ซองซูเดินออกมาจากห้องฟิตเนสมองรูปที่ถ่ายไว้ในมือถืออย่างสะใจ
"หึ ช็อตเด็ดแบบนี้ น่าจะเอาไปทำอะไรได้หลายอย่าง"
ลีจองกุ๊กเดินเข้ามา
"เห็นจุนจีไหมซองซู"
ซองซูรีบเก็บมือถือทันที เงยหน้าจะตอบ
"อ่า...จุนจี"
ซองซูชะงักเพราะตามองไปด้านหลังเห็นกรรัมภากำลังออกมาจากลิฟท์เดินมองป้ายบอกทางมาห้องฟิตเนส ก็รู้ทันทีว่ามาหาปาร์คจุนจีแน่ เลยรีบทำเป็นโอบไหล่ลีจองกุ๊กดันเดินหลบไปอีกทาง
"อ๋อ...จุนจีออกมาแล้ว! เห็นเดินไปทางนี้ สงสัยจะไปSwimmingที่สระน้ำนะ"
"มว๋อ! ว่ายน้ำ! ได้ยังไง ทำไมไม่บอกกุ๊กก่อน จะได้เคลียร์สระกันคนออกไป เดี๋ยวได้มีแฟนคลับแอบลงสระไปถ่ายรูป แฉช็อตเด็ด จุนจีเปลือยอกหลุดออกมาหรอก"
"โธ่เอ้ย แค่อกแฟบๆกลัวหลุด"
ซองซูกระเด้งอกตัวเอง
"นี่ มันต้องอกตูมๆยังเง้ ห่วงตัวเงินตัวทองนัก ไม่รีบตามไปล่ะ ไปเซ่"
ลีจองกุ๊กค้อนรีบเดินไป ขณะที่ซองซูแอบเหลียวหลังไปมอง เห็นกรรัมภาเดินเข้าฟิตเนสไป
ซองซูยิ้มสะใจ กรรัมภาจะต้องได้เห็นช็อตเด็ดแน่
"รับรอง...เดี๋ยวได้แซ่บจุงเบย!"
อ่านต่อตอนที่ 23 / 17.00 น.