เรือนกาหลง ตอนที่ 10
พุดจีบเดินนำมาที่ทุ่งนาบริเวณต้นไทร เพชรเดินตามด้วยความสงสัย
“พี่พุดจีบจะไปไหน บอกความมาที ให้ฉันช่วยทำอะไร”
“อย่าเพิ่งถาม เอ็งเร่งตามพี่มา”
พุดจีบไม่ตอบ เดินนำไป เพชรแปลกใจ ตามพุดจีบไป
กาหลงบอกช่วง
“หยุดรังควาญฉันมากเกินเถอะ พ่อผู้ใหญ่กุเรื่องหวังจะหาเหตุฆ่าฉัน พ่อเกลียดชังที่ฉันยุไม่ให้พุดจีบร่วมหอกับไอ้โชติ พ่อผู้ใหญ่เอาความเจ็บแค้นของลูกมาลงที่ฉัน”
จันไม่พอใจ
“มันไม่งามนะ...เอาเรื่องส่วนตัวมาโยนบาปให้กาหลง”
“จะสมหน้าสมตาปกครองลูกบ้านให้เป็นสุข...มันต้องยุติธรรม” ตาสรพูขึ้น
ยายมาเสริม
“ใช่...ใครรู้เข้าคงไม่อยากยกมือไหว้”
“ฉันคนนึงล่ะ ไม่ขอไหว้ให้เสียมือ” นวลพูดอย่างมีอารมณ์
เฟื้องมองหน้าช่วง
“ไม่อยากให้พวกฉันหมดศรัทธาในตัวผู้ใหญ่...ปล่อยกาหลงเสีย”
พวกจันมองไปยังช่วง ขอให้ช่วงปล่อยตัว ไม้มองช่วงรอดูการตัดสินใจ...ช่วงมองคบไฟในมือเอาลงเหมือนจะยอมยุติ แต่แล้วกลับโยนคบไฟใส่กองฟาง ไฟสว่างติดพรึ่บรอบตัวกาหลง ไม้ตกใจ
“กาหลง”
“พี่ไม้ ช่วยฉันด้วย”
พวกเฟื้องจะเข้าไปเล่นงานช่วง พวกสิงถือดาบกันท่าไว้ เฟื้องบอกทุกคน
“เร่งขนน้ำมาดับไฟ”
ทุกคนต่างแยกย้ายไปขนน้ำจากตุ่ม และจากท่าน้ำมาช่วยดับไฟ
“พี่ไม้ ช่วยฉันด้วย” กาหลงร้องลั่น
ไม้เห็นกาหลงจะโดนไฟครอกก็ตกใจ รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งลุยไฟไปหา กาหลงเห็นไม้เข้ามาในกองไฟก็ตกใจเป็นห่วง ช่วงยืนมองด้วยความสะใจหวังให้ตายในกองไฟทั้งสองคน ไม้พยายามช่วยแก้เชือกให้กาหลงแต่แก้ไม่ออก ไม้เป็นห่วงกาหลงเอาตัวโอบกอดบังไว้ กาหลงเห็นในความรักและเสี่ยงตายเพื่อเธอยิ่งซึ้งน้ำใจมาก กาหลงมองไปยังช่วงโกรธแค้นช่วงมากคิดจะจัดการช่วง เฟื้องและคนอื่นๆช่วยกันแบกน้ำ มาดับไฟจนไฟดับลง กาหลงรอดตาย ช่วงไม่พอใจ
ไม้ประคองกาหลงมานั่งที่มุมหนึ่ง ทุกคนเข้าไปดูแลดีใจที่กาหลงและไม้ปลอดภัย จันเข้าไปดูแล
“ลูกกาหลง ลูกเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันไม่เป็นอะไรจ้ะ”
ทุกคนพลอยดีใจ เฟื้องทิ้งถังน้ำเข้าไปจะต่อยช่วง พวกสิงถือดาบกันไว้ เฟื้องทิ้งถังน้ำแล้วชี้หน้า
“ผู้ใหญ่เห็นไหมว่ากาหลงมันจะโดนไฟครอกตาย หากมันเป็นผีมันก็ต้องหายตัวหรือแสดงอิทธิฤทธิ์เอาตัวรอดไปแล้ว...แต่นี่มันเป็นคน คนที่มีเลือดเนื้อและหัวใจ พ่อช่วงใจหินอำมหิตผิดมนุษย์มนา ความศรัทธาที่ฉันมีต่อผู้ใหญ่ มันดับไปพร้อมกับไฟกองนี้”
จันฟังแล้วอึ้ง
“เฟื้อง...เอ็งพูดได้กินใจข้ามาก”
ไม้เดินตรงไปหาช่วง
“ออกไปจากเรือนข้า”
“ข้าจะไม่ไปจากที่นี่จนกว่าความจริงจะปรากฏ”
“ผู้ใหญ่เกือบเอาชีวิตเมียฉันไป ผู้ใหญ่ยังจะเอาโทษอะไรอีก”
“นังกาหลงมันตายตั้งแต่คราถูกจับถ่วงน้ำ เอ็งกล้ารับคำท้าหรือไม่ ไปกับข้าที่บึงบัว ดำไปดูให้เห็นซากศพมันให้รู้แจ้งว่ามันเป็นผี”
ทุกคนแปลกใจที่ช่วงยังไม่เลิกลา คิดท้าทายไม้ โขงขัดขึ้น
“พี่ไม้ไม่ต้องไปกับมัน...ยังไงพี่กาหลงไม่ได้เป็นอย่างที่มันพูด”
กาหลงมองไม้ รอฟังการตัดสินใจของไม้
“ข้าจะไปที่บึงบัว”
กาหลงตกใจที่ไม้จะดำน้ำหาซากศพ
“ฉันจะดำน้ำไปกับผู้ใหญ่ให้เห็นกับตา หากไม่มีซากศพก็ขอให้ทุกคนเลิกกล่าวหากาหลง” ไม้เดินกลับมาโอบกอดกาหลง “แล้วมากราบขอขมาเมียข้า”
กาหลงกังวลใจ กลัวไม้จะรู้ความจริง
พวกช่วงเดินนำมาหยุดที่ริมบึงบัว ไม้และโขงเดินตามเข้ามายืนที่มุมหนึ่ง เฟื้อง โขง ยายมาวิ่งตามมา ยายมาหันไปเรียกตาสร
“ตาสร เอ็งเร็วๆสิวะ ชักช้ามัวทำอะไรอยู่”
ตาสรวิ่งเข้ามาเหนื่อยหอบ ชูเสื่อสำหรับห่อศพมาด้วย
“เอาเสื่อมาห่อศพ”
เฟื้องหันไปถาม
“ศพใครวะ”
“ศพกาหลงมันไง”
เฟื้องโกรธ
“บ๊ะ...นี่เอ็งยังไม่เลิกคิดอกุศลอีกรึ”
“พ่อช่วงเขายืนยันมั่นอกมั่นใจ ข้ามาคิดดู ไม่มีมูลหมามันไม่ขี้”
ยายมาเสริม
“มันก็จริงอย่างผัวข้าพูด เอามาก็ไม่เสียหลาย เผื่อเจอ”
เฟื้องสวนกลับ
“เจอพระบาทาข้านี่”
โขงทำท่าจะกระทืบ
“ฉันสมทบอีกสองบาทา”
ตาสรกับยายมาสะดุ้ง
“มันจะดีรึ”
ตาสรและยายมารีบหลบฉากเก็บเสื่อซ่อนไว้ด้านหลัง ไม้บอกช่วง
“ฉันพร้อมแล้ว”
ช่วงยิ้มพร้อมที่จะลงไปใต้น้ำกับไม้
กาหลงจะออกไปจากเรือน จันเข้ามาถาม
“ลูกจะไปไหน”
“ฉันจะไปที่บึงบัว”
จันสวนขึ้น
“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องกังวลใจ”
นวลเดินเข้ามาเสริม
“ไปเถอะ ฉันก็อยากไปเห็นซากศพ”
กาหลงและจันหันไปมองนวล จันถามเสียงแข็ง
“ศพใคร”
นวลแก้ตัว
“ฉันหมายถึงศพปูปลา หมาเน่าจ้ะ”
“เอ็งพูดไม่เข้าหู ประเดี๋ยวโดน” จันเงื้อมือขู่ “ไปต้มยาหม้อให้ลูกข้าได้แล้ว”
“จ้ะ”
นวลรีบเข้าไปในครัวทันที จันหันมาบอกกาหลง
“อย่าไปถือสาเอาความเลย ประเดี๋ยวพ่อไม้กลับมาความจริงก็ปรากฎ...ไปพักเถอะ”
กาหลงยังกังวลใจอยากไปพรางตาไม่ให้ใครเห็นซากศพ แต่จันประคองตัวกาหลงเข้าไปนอนพัก
โขงพายเรือให้ไม้ ลอยไปกลางบึง สิงพายเรือให้ช่วง ลอยเข้ามา ไม้ยืนอยู่บนหัวเรือ ประจันหน้ากับช่วงที่ยืนอยู่ทั้งสองมองหน้ากัน แล้วไม้กระโดดลงไปจากเรือช่วงกระโดดตามลงไป พวกเฟื้องยืนมองลุ้นว่าจะเจอหรือไม่เจอ
กาหลงรับรู้ได้ว่าไม้และช่วงกระโดดน้ำลงไปแล้ว กาหลงกังวลใจกลัวไม้จะเจอศพ จันเข้ามาดูแล กาหลงรีบบอกจัน
“แม่จ๋า เนื้อตัวฉันมอมแมมหมดแล้ว ฉันขอไปผลัดผ้า”
“ลูกรออยู่นี่ล่ะ แม่ไปเอาผ้ามาให้ผลัด”
“ฉันไปเองได้จ้ะ”
“อย่าดื้อกับแม่สิ ลูกล้ามากแล้ว แม่ไปเอาให้เอง”
จันไม่ยอมให้กาหลงลุกไปไหน จะเดินออกไป กาหลงเพ่งมองไปยังจันแล้วสะกดจิต จันหยุดแล้วหันมายิ้มให้
“แม่รอลูกตรงนี้นะ”
จันเข้ามานั่งลงที่พื้น อยู่ในภวังค์สะกดจิต กาหลงจึงรีบลุกออกไปจากเรือน จันนั่งยิ้ม ไม่รู้สึกตัว
กาหลงรีบเดินออกจากเรือน มองตรงไปยังทิศทางของบึงบัวจะก้าวเดินไปแต่เดินออกไปไม่ได้ เหมือนมีกำแพงมนต์กั้นไว้ กาหลงแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น หมอผียืนบริกรรมคาถาอยู่ที่มุมหนึ่ง ห่างออกไปจากตัวเรือนกาหลง
กาหลงแปลกใจที่เดินออกไปไม่ได้ ตัดสินใจพุ่งออกไป แต่ชนกำแพงมนต์
“โอ๊ย”
กาหลงทรุดล้มลง หมอผีเดินเข้ามาหน้าเรือน
“เอ็งถอดจิตไปบังตาไม่ได้อีกแล้ว ครานี้ล่ะ ผัวเอ็งและชาวบ้านจะได้รู้ว่าเอ็งมันเป็นผี”
หมอผีหัวเราะชอบใจที่สกัดกาหลงไว้ได้ กาหลงตกใจกลัวไม้รู้ความจริง
“พี่ไม้”
ไม้ดำน้ำพุ่งไปที่กอบัวมองกอบัวตรงหน้าตัดสินใจ ว่ายน้ำตรงเข้าไปแล้วแหวกกอบัวออกไปไม่พบร่างกาหลง ช่วงมองที่มุมหนึ่งไม่พอใจ รีบว่ายน้ำเข้าไปพยายามหาร่างกาหลง แต่ไม่พบ ไม้ยิ้มพอใจแต่ช่วงไม่พอใจ พยายามว่ายน้ำมองหากาหลง
กาหลงแปลกใจที่รู้ว่าไม่มีศพใต้น้ำยิ้มพอใจ หมอผีรู้ด้วยญาณ
“ไม่มีซาก เป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเอ็งตายที่นั่นศพเอ็งก็ต้องอยู่ที่นั่น”
กาหลงยิ้มพอใจที่ไม่มีใครเจอศพ หันมามองหมอผีด้วยความโกรธ
“แล้วถ้าเอ็งตายที่นี่ ศพเอ็งจะอยู่ที่ไหน”
หมอผีตกใจและไม่พอใจ
“เอ็งสู้ข้าไม่ได้หรอก”
หมอผีบริกรรมคาถา แล้วซัดมนต์ใส่แต่กาหลงหายไปแล้วหมอผีแปลกใจรู้สึกตัว หันไปด้านหลังเจอกาหลงยื่นมือมาบีบคอ
“เอ็งตายซะ”
หมอผีตกใจ พยายามจับมือกาหลง ดิ้นรน
จันนั่งยิ้มอยู่ในเรือน...นวลถือหม้อต้มยาเดินออกมา
“ยาต้มมาแล้วจ้ะ” นวลแปลกใจที่กาหลงหายไป “กาหลงหายไปไหน”
นวลเอาหม้อยาวางไว้ แล้วถามจัน
“พี่จัน กาหลงไปไหน”
จันนั่งยิ้มไม่โต้ตอบ นวลสะกิด
“พี่จัน”
จันนั่งยิ้มไม่รู้สึกตัว นวลแปลกใจเขย่าตัว
“พี่จันเป็นอะไร”
กาหลงบีบคอ หมอผีดิ้น
“ข้าเตือนเอ็งแล้ว ต่างคนต่างอยู่ เอ็งยังไม่รามือ เท่ากับเอ็งเป็นศัตรูข้า”
กาหลงบีบแรงขึ้น หมอผีดิ้นรน เสียท่ากาหลง
นวลเขย่าตัวแต่จันนั่งยิ้มไม่รู้สึกตัว
“ฉันจำเป็นนะพี่”
นวลตบหน้า จันก็หน้าหัน แล้วหันกลับมายิ้ม ไม่รู้สึกตัว นวลแปลกใจตบหน้าอีก จันก็หันหน้าไปตามแรงมือแล้วหันกลับมายิ้มอีก นวลตกใจ
“ท่าจะเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต”
นวลตัดสินใจลุกขึ้น แล้วยกมือไหว้
“ฉันขอโทษจ้ะพี่”
นวลถกผ้าแล้วถีบจันเต็มแรง จันกระเด็นออกไปแล้วร้องเสียงหลง
“โอ๊ย...เอ็งถีบข้าทำไม”
“พี่จันนั่งนิ่งยังกะโดนเสกโดนสาป”
“ข้ากำลังฝันหวานอยู่เชียว ฝันว่าได้ร้องรำลิเกบนสวรรค์รำคู่กับกาหลงมัน”
“ลูกสะใภ้พี่หายไปไหน”
จันหันไปมองกาหลงก็แปลกใจ
“รีบออกไปตามหาเถอะ”
จันและนวลรีบลุกขึ้นออกไปเพื่อตามหากาหลง
หมอผีกำลังจะสิ้นแรง เอามือจับมือกาหลง เริ่มอ่อนแรง
“เอ็งกับข้าหมดเวรหมดกรรมกัน”
กาหลงบีบคอหมอผีแรงขึ้น หมอผีกำลังจะสิ้นใจ นวลและจันวิ่งออกมาจากหน้าเรือน ร้องเรียกกาหลง
“กาหลง”
กาหลงหันไปที่หน้าเรือนกลัวจันและนวลเห็นก็ตกใจ...นวลและจันมองไปตรงหน้าทั้งสองตกใจตาโตแล้วชี้ไปตรงหน้า
“นั่น”
นวลและจันเห็นหมอผีกำลังบีบคอตัวเอง จันจำได้
“หมอผีบ้านไผ่จำศีล”
จันและนวลวิ่งเข้าไปจะไปช่วย
“พ่อหมอหยุดเถอะ”
หมอผีรู้สึกตัวว่ากาหลงหายไป สะบัดมือที่บีบคอตัวเองออกแล้วผลักจันและนวลออกไป
“พวกเอ็งไม่ต้องยุ่ง”
หมอผีได้สติ ไม่เห็นกาหลง รีบออกไปจากเรือนทันที นวลงงๆ
“เป็นอะไรของเขา มายืนบีบคอตัวเอง”
“รึโดนของเข้าตัว” จันออกความเห็น
นวลนึกได้
“แล้วกาหลงล่ะพี่”
กาหลงออกจากเรือน เรียกหาจันและนวล
“ฉันอยู่นี่จ้ะ”
จันและนวลแปลกใจที่กาหลงออกมาจากในเรือน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ทั้งสองไม่เจอตัว
พวกเฟื้องลุ้นรอคอย ยายมาชี้ไป
“โน่น ขึ้นมากันแล้ว”
เรือของไม้และของช่วงเข้ามาจอดเทียบ ไม้และช่วงเดินลงจากเรือ เฟื้องเข้าไปถาม
“เจออะไรไหม”
ไม้ชูเชือกที่เคยมัดเท้ากาหลงขึ้นมา ตาสรโวยวาย
“เชือก...เชือกที่รัดกาหลง กาหลงตายแล้ว”
ไม้สวนทันที
“มีแต่เชือก กาหลงแก้เชือกได้ ไม่มีศพกาหลง กาหลงยังไม่ตาย”
พวกเฟื้องเฮดีใจที่ไม่เจอศพ
“สะใภ้ข้ายังไม่ตายเว้ย”
ช่วงไม่พอใจเข้ามาโวยวาย
“พวกเอ็งไหวตัว เอาศพนังกาหลงไปซ่อน”
เฟื้องชะงักฉุนกึก
“เอ้า...ไหงพูดงี้ล่ะผู้ใหญ่ พวกข้าก็เพิ่งรู้จากปากผู้ใหญ่”
“พวกเราก็มาด้วยกัน แล้วใครจะดำน้ำเอาไปซ่อนได้ ไม่ใช่เล่นมอญซ่อนผ้านะเออ” ยายมาแย้ง
โขงมองหน้าช่วง
“ผู้ใหญ่ท้าทายพี่ไม้ เมื่อแพ้สะบั้น ก็ต้องรับผิดตามคำวอนของพี่ไม้”
ไม้หันไปบอกช่วงเสียงเข้ม
“พ่อผู้ใหญ่ต้องไปกราบขอขมากาหลง”
ช่วงโกรธ
“ไอ้ไม้ เอ็งจะลบหน้าข้ามากไปแล้ว ข้าเป็นถึงผู้หลักผู้ใหญ่จะให้ข้าก้มหัวกราบเมียเอ็งได้ไงวะ”
“ผู้ใหญ่ไม่มีความสัตย์ แล้วจะให้ลูกบ้านนับถือได้ยังไง” โขงโวย
“พ่อช่วงต้องไปขอขมากาหลง” เฟื่องยืนยัน
ช่วงตวาด
“ข้าไม่ไป”
เฟื้องสวน
“ไม่ได้”
พวกเฟื้องไม่พอใจโวยวาย ไม้ห้ามไว้
“ไม่ต้องหรอกพ่อ...ฉันแม่นใจว่าคนอย่างผู้ใหญ่คงไม่ลดหัวกราบเมียฉัน เอาเป็นว่า ในเมื่อผู้ใหญ่ทำตามพูดไม่ได้ ฉันก็ถือว่าผู้ใหญ่ไม่มีเกียรติพอให้ฉันคิดนับถือ”
ช่วงไม่พอใจที่ไม้พูดอย่างนั้น ไม่ให้เกียรติกันต่อไป
“และขอให้เลิกวุ่นวายกับเมียฉัน ฉันจะไม่เกรงเรื่องเกรงราวอีกต่อไป”
ช่วงไม่พอใจ เดินหนีออกไป พวกสิง มั่นและขาบตามไป ตาสรเข้าไปเสนอหน้า
“ข้าดีใจกับเอ็งด้วย ข้าว่าแล้วเชียว เมียเอ็งไม่ได้เป็นผี”
เฟื้องดักคอ
“ไอ้หน้าไหนบอกว่าไม่มีมูล หมาไม่ขี้”
ตาสรหน้าจ๋อยทันที
“ไม้...ข้าดีใจกับเอ็งด้วย เอ็งมันคนดี เมียเอ็งก็แสนดี คนดีผีคุ้ม”
ยายมาพูดด้วยความตื้นตันใจ แล้วเป็นลม
“เอ้า...เป็นลมซะแล้ว”
ตาสรเข้าไปประคองยายมาพวกเฟื้องหัวเราะยายมา ไม้ยิ้มดีใจที่รู้ว่ากาหลงไม่ได้เป็นผี
กาหลงเปลี่ยนชุดใหม่แล้วกำลังกินยาต้ม นวลยังสงสัยไม่หาย
“บอกพี่ได้รึยัง แม่กาหลงหายไปไหนมา”
“ฉันเข้าไปในครัว...หาน้ำกินจ้ะ”
นวลแปลกใจ
“แต่พี่เอายาต้มออกจากครัว ทำไมไม่เห็นกาหลง”
จันขัดขึ้น
“เอ็งมันตาถั่ว ข้านั่งฝันหวาน เอ็งก็หาว่าข้าง่อยกิน ถีบเข้าโครมเบ้อเริ่ม มันน่าถีบคืนเสียให้คร่อกลงลำกระโดงนัก”
นวลรีบหลบเท้าจันแล้วมองไปที่หน้าบ้าน ตื่นเต้นดีใจตะโกนลั่น
“มากันแล้ว”
กาหลงและจันหันไปมอง จันลุกขึ้นมองแล้วตกใจ ไม้เดินนำมาแต่ไกลและเห็นโขงและตาสรอุ้มสื่อม้วน เหมือนมีคนอยู่ในเสื่อ จันสงสัย
“ไอ้โขงแบกใครมาด้วย”
นวลตกใจ
“แบกศพ”
กาหลงยิ้มเพราะรู้ดีว่าไม่ใช่ศพของเธอ จันและนวลตกใจกลัว
เรือนกาหลง ตอนที่ 10 (ต่อ)
ไม้เดินนำมา เฟื้องตามหลัง โขงและตาสรแบกเสื่อมา กาหลงเดินนำมาหาไม้ จันและนวลวิ่งเข้ามาแปลกใจ จันรีบถาม
“เอ็งแบกใครมา”
นวลตกใจ
“ศพใช่ไหม ศพของ...”
นวลและจันตกใจหันไปมองกาหลง เริ่มตกใจถอยออกห่าง กาหลงเดินเข้าหา
“แม่ พี่นวล”
นวลและจันตกใจ ถอยออกห่างไปหาพวกเฟื้อง
“บอกสิเออ ว่าในเสื่อเป็นศพใช่ไหม”
เฟื้องนึกสนุกแกล้งจัน
“ใช่ ศพ”
นวลกลัวๆ
“น้าโกหก พวกเอ็งบอกสิเออ ว่าอะไรอยู่ในเสื่อ”
โขงและตาสรเอาเสื่อวางลงกับพื้น แล้วพูดพร้อมกัน
“ศพ”
นวลและจันยิ่งตกใจ กาหลงนึกสนุก เดินตรงมาหานวลและจัน
“แม่จ๋า...พี่นวล”
จันยกมือไหว้
“แม่รักลูกนะ แต่ถ้าลูกเป็นผี แม่ก็ขอลา”
จันจะวิ่งหนีไป ชนกับเสื่อที่วางอยู่ ล้มลงทับเสื่อทำให้เสื่อเปิดออก เป็นหน้ายายมา จันร้องลั่น
“ช่วยด้วย”
ทันใดนั้น ยายมาก็ลืมตา ตกใจร้องเสียงหลง
“ช่วยด้วย”
นวลแปลกใจ
“ยายมา”
ยายมาดันตัวจันออก
“ลุกออกไปได้แล้ว ข้าหายใจไม่ออก”
จันได้สติ
“ยายมา...ไม่ใช่ศพ”
“ข้ายังไม่ตาย ข้าดีใจที่รู้ว่ากาหลงไม่ได้เป็นผี ก็เลยใจสั่นเป็นลม”
จันและนวลรู้ความจริงก็อาย พวกเฟื้องหัวเราะชอบใจ กาหลงยิ้มให้ไม้
“พี่ไม้”
ไม้มองกาหลงแล้ววิ่งเข้ามาสวมกอดด้วยความรัก ไม้ประกาศบอกทุกคน
“หลังจากนี้ พี่จะไม่ฟังความใครอีก ต่อให้หน้าอินทร์หน้าพรหรมมากล่าวหากาหลง พี่จะไม่มีวันเชื่อ...พี่จะปกป้องกาหลงด้วยชีวิต”
ไม้โอบกอด กาหลงกอดไม้ด้วยความสุขใจ ชาวบ้านเห็นภาพความรักของกาหลง ก็พลอยซึ้งใจไปด้วย ยายมาดึงมือตาสรให้มากอดเธอบ้าง ตาสรจำใจต้องกอด กาหลงแปลกใจที่ไม่มีใครเจอซากศพของเธอ
หมอผีเดินกลับเข้ามาที่เรือนช่วง
“นังกาหลงมันกำบังพรางศพใช่ไหม” ช่วงถามทันทีที่พบหน้า
“มันคิดจะทำ แต่ข้าสกัดไว้แล้ว”
ช่วงไม่พอใจ
“ไฉนข้าไม่เจอซากศพมัน ทั้งๆที่ไอ้ขาบเคยเห็นศพมันอยู่ใต้บึง”
“คงมีใครเอาศพมันไปก่อนหน้าพวกเรา” สิงพูดขึ้น
ช่วงคิดตามแต่ไม่รู้ว่าใคร กังวล
“มันรอดไปได้ครานี้ มันต้องอาฆาตแค้นข้า เอ็งเร่งปราบมัน ก่อนที่มันจะเล่นงานข้า”
“ข้าไม่ปล่อยมันไว้แน่ มันเล่นข้าถึงตาย ข้าจะเอาคืนให้สิ้นซาก”
หมอผีคิดจะปราบกาหลงให้ได้
เย็นนั้น กาหลงเดินตรงมายังบึงบัวมองไปที่บึงบัวสวยงามนิ่งสงบ กาหลงเพ่งสายตาไปที่น้ำกลางบึงทะลวงไปยังใต้น้ำ เห็นปลาแหวกว่ายในบึงบัวไม่มีซากศพอยู่ กาหลงยืนมองด้วยความแปลกใจที่ศพหายไป ขณะเดียวกันนั้นเท้าใครคนหนึ่งเดินเข้ามา กาหลงแปลกใจหันไปมอง
“พุดจีบ”
พุดจีบยืนห่างจากกาหลง
“ฉันกับเพชรช่วยไว้แล้ว”
กาหลงแปลกใจว่าพุดจีบทำอะไร
พุดจีบเดินนำมากาหลงเข้ามามองไปตรงหน้าเห็นศพตนเองถูกใบตองปิดไว้ กาหลงแปลกใจที่รู้ว่าพุดจีบเอาศพขึ้นมาเสียก่อน
“ฉันเอะใจว่ากาหลงคงสิ้นใจ ตั้งแต่ครั้งถูกจับถ่วงน้ำ ศพของกาหลงยังอยู่ใต้บึงบัว ฉันไม่อยากให้ใครรู้เห็นเรื่องนี้ เพชรจึงช่วยเอาร่างกาหลงขึ้นมา”
กาหลงยืนมองร่างของตัวเอง รู้สึกซึ้งใจในน้ำใจพุดจีบ เธอโผเข้าไปกอดเพื่อนร้องไห้...พุดจีบอึ้งเล็กน้อยเพราะรู้ว่ากาหลงเป็นผี
“ฉันขอบใจเพื่อนฉัน”
กาหลงกอดพุดจีบร้องไห้โฮ พุดจีบอึ้งแต่เมื่อได้สติ ก็ค่อยๆเอามือโอบกอด กาหลงยิ่งรู้สึกตื้นตันใจที่พุดจีบไม่รังเกียดเธอ กาหลงมองหน้าพุดจีบแล้วก้มลงตรงหน้าจะกราบ พุดจีบตกใจรีบห้ามไว้
“อย่าทำถึงขนาดนั้นเลย อย่าลืมสิ กาหลงเป็นเพื่อนรักฉันเราสองมีอะไรต้องช่วยเหลือกัน”
กาหลงยิ้มพอใจ พร่ำพูดขอบใจไม่ขาดปาก
“ฉันขอบใจ...มีอะไรที่ฉันทำเพื่อพุดจีบได้ ฉันยินดีช่วยโดยไม่ร้องขอสิ่งใด”
พุดจีบพยายามหว่านล้อม
“กาหลง...ฉันช่วยได้วันนี้ แล้ววันพรุ่งนี้ มะรืน...มะเรื่องล่ะ ความลับไม่มีในโลกหรอก จะอยู่อย่างนี้ได้นานแค่ไหน”
“ฉันไม่รู้ แต่ฉันต้องอยู่ อยู่จนกว่าแม่กับน้องจะสุขสบาย จนกว่าพี่ไม้จะตายจากกันไป”
“พี่ไม้จะไม่สงสัยในตัวกาหลง”
“ไม่จ้ะ พี่ไม้ปักใจเชื่อฉันสนิทใจ”
เพชรถือใบตองเพื่อจะเอามาคลุมศพกาหลง บอกพุดจีบโดยไม่รู้ว่ากาหลงอยู่ด้วย
“ฉันตัดใบตองมาเพิ่มแล้วจ้ะ” เพชรหันไปเจอกาหลงก็ตกใจ “พี่กาหลง”
เพชรตกใจใบตองหลุดมือ กาหลงมองเพชร
“ไม่มีใครสงสัยในตัวฉัน ถ้าไม่มีคนใส่ไฟใส่ความ”
“อย่าเคืองฉันเลยจ้ะ เมื่อคืนฉันพูดไปอย่างที่เห็นสิเล่า”
กาหลงลุกเดินมาหา เพชรกลัว ถอยห่างออกไป กาหลงยิ้มตอบ
“ข้าไม่เคืองเอ็งหรอก เอ็งคอยช่วยข้าไว้มาก”
เพชรยิ้มคลายกังวล
“ข้าคงต้องพึ่งเอ็ง ให้เอ็งคอยดูแลชบา กาเหว่า”
เพชรยิ้มรับ
“ได้จ้ะ ฉันยินดีช่วยเหลือจ้ะ”
กาหลงยิ้มคลายความกังวล เพชรก็ดีใจที่กาหลงไม่ทำร้าย กาหลงก้มลงไปนั่งข้างศพของตัวเอง พุดจีบมองยังนึกเป็นห่วง
เพชรเดินมาส่งพุดจีบที่เรือน...
“ขอบใจเอ็งมากที่ช่วยพี่”
“ฉันไม่ไปจากที่นี่แล้ว ฉันจะช่วยดูแลชบา แล้วรอจัดการขุนหวาด ฉันจะจับตัวมันส่งทางการให้ได้”
“ฝีมือขุนหวาดฉกาจนัก มันเอาถึงตายเชียวนา”
“ฉันยอมรับด้วยใจสัตย์ไม่อาย...ก่อนมาฉันหวั่นใจ ตำรวจมือใหม่อย่างฉันหรือจะสู้ขุนโจร แต่ตอนนี้ฉันไม่กลัวแล้ว”
“เอ็งไปได้วิชารึของดีมาจากไหน”
“ฉันเชื่อว่าทำดีต้องได้ดี แล้วที่สำคัญ...คนดีผีคุ้ม”
พุดจีบขำในความคิดเพชร
“ทำเป็นพูดไป...ผีนะไม่ใช่เทวดานางฟ้า จะคอยปกป้องได้ทุกลมหายใจ ผีเป็นแค่ดวงวิญญาณ”
“แต่ดวงวิญญาณพี่กาหลงแก่กล้ามาก ถึงอยู่ได้เฉกคนปกติ”
พุดจีบกังวลใจ
“ผู้ใหญ่กับหมอผีคงไม่รามือ...จ้องเอาคืนกาหลง”
“ฉันจะคอยช่วยอีกแรง คนมันต้องสู้กับคน” เพชรนึกได้ “ฉันขอตัวไปก่อน จะเร่งขุดหลุมฝังศพพี่กาหลงก่อนใครจะมาเห็น”
“เร่งไปเถอะ”
เพชรลาพุดจีบแล้วรีบออกไป พุดจีบมองตามด้วยความเป็นห่วง
เพชรกลับมาที่เคยเอาศพกาหลงมาวางไว้ แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจ
“เฮ่ย”
เพชรมองไปเห็นใบตองวางอยู่แต่ศพของกาหลงหายไป
“ศพหายไปไหน”
กาหลงนั่งอยู่ที่ท่าน้ำกำลังพับกลีบดอกบัวอย่างสวยงาม เอากลีบดอกบัวที่พับ ใส่ในกระทงใบตองซึ่งมีดอกบัวอยู่เรียงรายแล้วค่อยๆ เอากระทงนั้นลอยไปตามน้ำ เธอหยิบพานที่มีกลีบดอกบัว ผสมกับกลีบดอกดาวเรือง โปรยลอยตามไปในแม่น้ำเสมือนการลอยอังคาร กาหลงโปรยกลีบดอกไม้ด้วยความสุขที่ไม่มีใครพบเห็นซากศพของเธอ เธอสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้
เช้าวันใหม่...แม่กลอยเดินออกมาจากเรือนได้ยินเสียงตำข้าวก็แปลกใจ
“ใครตำข้าว กาเหว่ากับชบามันก็ออกไปนา”
แม่กลอยเริ่มตกใจกลัว ค่อยๆเดินย่องออกจากเรือน แล้วชะเง้อมองไปเห็นสากตำข้าว ตำข้าวที่ครกโบราณ แม่กลอยตกใจ เพราะยังไม่เห็นใคร แม่กลอยมองเลื่อนขึ้นไป จึงเห็นมือกาหลงกำลังตำข้าว แม่กลอยโล่งใจ นึกว่าโดนผีหลอกแต่เช้า
ชบาจูงควายไปนา เพชรโผล่หน้ามาจากหลังควาย
“ชบา”
ชบาเห็นหน้าเพชรก็รีบเดินออกไป เพชรวิ่งเข้ามาถาม
“ชบาจ๋า”
ชบาไม่สนใจฟัง เพชรตัดสินใจกระโดดขึ้นหลังควาย ไปนั่งอยู่บนหลังควาย ทำให้เธอจูงควายไปไม่ได้ก็ไม่พอใจ
“เอ็ง”
“มื้อก่อน ข้าทำผิดอะไร เอ็งถึงตบหน้าข้า”
“คนอย่างเอ็งมันไม่รู้สำนึก กล่าวหาว่าพี่สาวข้าเป็นผี”
เพชรนึกได้
“ฉันหยอกเอินตามประสา ข้าผิดไปแล้ว ข้าขอโทษเสียเถิดที่พลั้ง นี่แน่ะๆ”
เพชรตบปากตัวเองหลายครั้ง จนเจ็บ
“โอ๊ย ต่อจากนี้ ข้าจะไม่พูดเล่นให้เอ็งหัวเสียอีก” เพชรยิ้มหวาน “หายโกรธข้าแล้วใช่ไหม”
เพชรยื่นหน้าหา ชบาแกล้งยิ้มเข้าไปใกล้ แล้วก็ผลักเขาตกจากหลังควาย
“โอ๊ย”
ชบาหัวเราะชอบใจ
“สมน้ำหน้า”
ชบาเดินออกไป
“ชบา...ชบา” เพชรเจ็บก้น “โอ๊ย”
เพชรฝืนวิ่งตามชบาไป
แม่กลอยเดินตรงมาหากาหลงที่ตำข้าว
“เอ็งมาไม่ให้สุ้มไม่ให้เสียง ข้าตกอกตกใจคิดว่าโดนผีหลอกแต่หัววัน”
กาหลงมองแม่ แล้วถามด้วยอารมณ์ดี
“แม่คิดว่าฉันเป็นผีเหมือนที่ผู้ใหญ่บ้านว่าไหมล่ะ”
“หยุดพูดเลยนะนังกาหลง ปากไม่เป็นมงคล พูดอะไรมันจะเข้าตัว นึกไงถึงมาสาระแนตำข้าวให้ข้า”
กาหลงวางสากตำข้าวแล้วเดินเข้ามาหาแม่
“ฉันก็อยากจะช่วยแม่ ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอนหรอก คิดจะทำอะไรก็ต้องรีบทำ อีกไม่นานนะจ๊ะแม่ รอให้ข้าวฉันออกรวง พอเกี่ยวข้าวหมดนา ฉันจะเอาไปขายแลกเอาเงินให้แม่ใช้ ซื้อผ้าสวยๆมาให้แม่ใส่”
“คิดจะทำดีให้ข้าชื่นใจ ไม่ต้องเอาเงินแค่หยิบมือมาหว่าน หากเอ็งรักข้าจริง ก็ทำอย่างข้าสั่ง ยุให้น้องเอ็งตกลงปลงใจกับพ่อโชติเสียที”
กาหลงไม่อยากพูดเรื่องของโชติอีก จึงเปลี่ยนเรื่องมาออกโรงเชียร์เพชร
“ฉันว่าแม่เองก็คงจะพอรู้ ว่าชบามันพอใจกับเพชร”
แม่กลอยหัวเราะชอบใจ กาหลงแปลกใจ
“รึแม่จะเห็นใจพ่อค้าเร่ ยอมให้ชบาได้คบหาแล้ว”
“ฝันไปเถอะ เอ็งไม่รู้สิท่า มันสองผิดใจกัน มื้อก่อนนังชบาน้ำตานอง ประกาศจะไม่สนใจมันอีก”
กาหลงแปลกใจ
“เร่งตำข้าวให้เสร็จเสีย จะได้ไปหุงให้ข้ากิน”
“จ้ะแม่”
แม่กลอยเดินขึ้นเรือนไป กาหลงแปลกใจว่าชบากับเพชรผิดใจเรื่องอะไรกัน
ชบาจูงควายเดินหน้ามุ่ยออกไป เพชรวิ่งตามเข้ามาร้องเรียก
“ชบา มาคุยกันก่อน”
เพชรจะตามไป แต่แล้วกาเหว่ากระโดดจากต้นไม้ มาขวาง เพชรตกใจ
“เฮ้ย กาเหว่า”
กาเหว่าชี้หน้าซักถาม
“พี่ไปยุ่งกับหญิงใด”
“ไม่มี”
“โกหก...พี่ชบาเขาอุตส่าห์หนีแม่ไปส่งพี่ที่ท่าเรือ แต่พอกลับเรือนมาร้องไห้ บ่นว่าพี่หลายใจ พี่ทำให้พี่ชบาเสียใจ พี่ซุกหญิงใด”
เพชรรู้สึกดีที่รู้ว่าชบาตั้งใจไปส่งเขาที่ท่าเรือ แล้วพยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
“บ๊ะ...คงพาลเข้าใจผิดคิดว่าพี่กับพี่พุดจีบ”
กาเหว่าตกใจ
“พี่พุดจีบ พี่มันไม่รู้จักเจียมตัว รึอาจรักข้ามรุ่น น้าบุญอิ่มเขาหมายมั่นปั้นมือให้พี่พุดจีบร่วมหอกับพี่โชติ พี่ต้องชวดเป็นแน่ เตรียมช้ำใจได้เลย”
เพชรขัดขึ้น
“ข้าไม่ได้คิดอย่างนั้น ข้าไม่เคยคิดกับพี่พุดจีบเกินเลยกว่าพี่สาว ข้าชอบ...”
กาเหว่าซักทันที
“ชอบใคร”
เพชรเขิน
“คนที่เอ็งคุ้นเคย”
กาเหว่าตกใจตาโต
“พี่กาหลง”
เพชรพยักหน้ารับ
“ใช่” แล้วนึกได้ “อุบ๊ะ ไม่ใช่ ข้าไม่เคยคิดไปแย่งเมียใคร”
กาเหว่าหัวเราะ
“ฉันพูดเล่น” กาเหว่าจ้องมองเพชร “มองตาก็รู้แซ่ไปทั่วทุ่ง พี่มีใจให้พี่ชบาพี่สาวฉัน”
เพชรอาย
“เห็นอย่างนี้ก็อายเป็นสิเออ”
เพชรเขินอาย หยิบใบไม้มากิน กาเหว่าส่ายหน้า
“อย่ามัวบิดเป็นเกลียวเชืยก เร่งไปพูดคุยกับพี่ชบาให้เข้าใจไม่งั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน”
“จ้ะ...ว่าที่น้องเมีย”
เพชรเข้าไปยีหัวกาเหว่า แล้ววิ่งร้องเรียกหาชบา กาเหว่ามองตาม ยิ้มขำในตัวเพชร
ชบาจูงควายเดินมา หันไปไม่เห็นเพชรตามมาก็ไม่พอใจ
“คนบ้า ท่าจะมีใจให้พี่พุดจีบ ถึงไม่มางอนง้อข้า”
ชบาเดินต่อไป...ชบาจูงควาย รู้ตัวว่ามีคนตามคิดว่าเป็นเพชร หันขวับไปต่อว่า
“หยุดตามข้าได้แล้ว” แล้วเธอก็อึ้งตกใจ “สิง”
สิงยืนมองชบา ยิ้มให้
“ใครกันทำให้เอ็งรำคาญใจ บอกพี่สิงมา พี่สิงจะเอามันให้ถึงตาย”
“ไม่ต้องยุ่ง”
ชบาจูงควายจะเดินออกไป สิงวิ่งตามเข้ามาตื๊อ
“ไม่เอาน่า พี่มาดี อยากมาคุยด้วย”
“ไอ้คนมีพิรุธ ฉันไม่มีเรื่องจะคุยกับพี่”
สิงเข้ามาจับมือ
“แต่พี่มี อยากคุย อยากจับ อยากกอด อยาก...”
ชบารู้ตัวว่าถูกคุกคาม สะบัดมือออก
“ปล่อยฉันนะ”
ชบาวิ่งหนีไป สิงมองตามยิ้มพอใจ รีบวิ่งตามไป
ชบาวิ่งหนี หันมองไปไม่เจอ แต่แล้วสิงโผล่ออกมาจากใต้ต้นไม้ใหญ่
“เอ็งหนีข้าไม่พ้นหรอก”
“เอ็งคิดจะทำอะไร”
“ข้าอยากได้เอ็งทำเมียไงวะ”
ชบาตกใจ จะร้องให้คนช่วย สิงพุ่งเข้ามาเอามือปิดปากไว้ ชบาพยายามดิ้น สิงยิ้มสะใจ คิดว่าไม่มีใครมาขวางได้ เท้าใครคนหนึ่งเดินเข้ามา สิงหันไปมองด้วยความแปลกใจตกใจตาโต
“กาหลง”
กาหลงเดินเข้ามายืนมอง ชบาดิ้นหลุดจากสิงแล้ววิ่งมาหลบหลังกาหลง
“พี่กาหลงช่วยฉันด้วย”
กาหลงมองสิง
“ไอ้สิง”
สิงมองกาหลงตกใจกลัว เพราะเชื่อว่าเป็นผี เขารีบวิ่งหนีไปทันที ชบาแปลกใจ
“มันตกใจกลัว ยังกะเห็นผี”
กาหลงยิ้ม ชบาพูดจบก็นึกได้ หันมามองพี่สาว กาหลงยิ้มให้
“แล้วเอ็งล่ะ กลัวพี่ไหม”
ชบามองแล้วเข้ามากอด กาหลงยิ้มรู้สึกดีที่ชบาไม่กลัวเธอ
กาหลงเดินจูงมือชบามาที่มุมหนึ่ง
“ฉันไม่เชื่อคำพวกจังไรที่คิดร้ายต่อพี่ฉันหรอก ฉันได้ข่าวว่าผู้ใหญ่บุกเรือนจะเผาพี่ พี่เป็นยังไงบ้าง”
“พี่ไม่เป็นไร แต่หวั่นใจกลัวพวกมันจะไม่รามือ”
“พวกมันชั่วร้ายผิดประหลาดทั้งพ่อทั้งลูก แล้วจะให้ฉันสมัครใจรักมันได้ยังไง”
กาหลงยิ้มพอใจที่ชบายืนยันไม่คิดรักโชติ กาหลงเข้าไปถามชบา
“เอ็งมีใจให้เพชรแล้วสิ”
“พี่กาหลงอย่าพูดชื่อนี้ให้สะอื้น ฉันไม่อยากได้ยิน เขาไม่ได้รักฉัน เขารักอยู่กับพี่พุดจีบ ดึกดื่นก็ดอดไปหากัน”
กาหลงรู้ว่าชบาเข้าใจผิด ก็หัวเราะยิ้มออกมา
“เอ็งเข้าใจผิดเสียแล้ว”
“ฉันเห็นกับตา ฉันหนีแม่จะไปห้ามไม่ให้เขาไปจากบ้านบัวสี”
กาหลงมองชบา รู้ทันว่าชบารักเพชรแล้ว
“ถึงกับดอดหนีแม่”
“ฉันก็แค่ห้ามให้เขาอยู่ ชาวบ้านจะได้ไปซื้อของ แล้วฉันก็เห็นเขาอยู่กับพี่พุดจีบ”
“สองคนนั่นอยู่ด้วยกันจริง”
“พี่ก็รู้เห็น”
“แต่เขาไปหาพี่ ไปช่วยพี่ทงเบ็ดเอาปลา เพชรรักและนับถือพุดจีบเป็นพี่สาว ไม่คิดเป็นอื่น”
“มันคงให้ของกำนัลพี่สาหัสล่ะสิ พี่ถึงเป็นแม่สื่อแม่ชักให้ฉัน”
“เชื่อคำพี่เถอะ เขารักชบา”
ชบาอึ้งอาย
“พี่เอาอะไรมาพูด”
“เอ็งไม่สงสัยเทียวรึ เหตุใดเพชรถึงไม่ไปจากบ้านเราเพราะเขามีใจให้เอ็ง เขาอยากอยู่ดูแลเอ็ง”
“พอเถอะ ฉันไม่อยากฟัง ฉันจะไปนา”
ชบาจะเดินออกไป กาหลงเข้าไปจับมือไว้แล้วจับตัวน้องสาวด้วยความเป็นห่วง
“เอ็งเป็นสาวแล้ว ควรมีคู่ออกเรือน หากไม่อยากให้ไอ้อันธพาลมารังแก ไม่อยากตกเป็นเมียโชติไอ้สิง ก็เร่งปลงใจเลือกเพชร”
“ฉันยังไม่รู้ประสี จะออกเรือนได้ยังไงกัน”
ชบาเขินอาย เดินออกไปทันที กาหลงมองตาม รู้ดีว่าชบาก็มีใจให้เพชรเช่นกัน...เพชรเดินออกมาจากมุมหนึ่งมาหากาหลง
“พี่กาหลง...ฉันขอบน้ำใจพี่มาก”
“ข้าก็ช่วยได้เท่านี้...ที่เหลือเป็นฝีมือเอ็งแล้วล่ะ”
“จ้ะพี่...”
เพชรดีใจจะเข้าไปจับตัวแต่ก็นึกได้ว่ากาหลงเป็นผี ยังกล้าๆกลัวๆ รักษาระยะห่างเปลี่ยนเป็นยกมือไหว้ขอบคุณ กาหลงยิ้มให้ แล้วเดินแยกไป
กาหลงจะเดินกลับเรือนแต่รู้สึกเหนื่อยอ่อนแรง เธอมองพระอาทิตย์ที่แผดเผาเหงื่อออกเต็มตัว กาหลงจะฝืนเดินไปแต่ทรุดตัวลงกองกับพื้น เธอแปลกใจ
“ฉันเป็นอะไร”
กาหลงเอามือขึ้นมามองดู แล้วมองเห็นภาพมือของตัวเองลางเลือนกำลังจะหายไป กาหลงกังวลใจ
“หรือฉันจะสิ้นบุญเสียแล้ว”
กาหลงกังวลใจร้องไห้น้ำตาไหล
เรือนกาหลง ตอนที่ 10 (ต่อ)
ภายในโบสถ์ พุดจีบประเคนถวายสังฆทาน หลวงพ่อรับของประเคน
“เอาล่ะ...ตั้งใจมั่น กรวดน้ำแผ่กุศลให้ผู้ล่วงลับ”
พุดจีบหยิบถ้วยกรวดน้ำขึ้นมา หลวงพ่อสวดบทกรวดน้ำ พุดจีบกรวดน้ำพร้อมตั้งจิตอุทิศบุญให้กาหลง
กาหลงมองมือตัวเองตกใจที่มือลางเหมือนจะหายไป ไม้เดินเข้ามาอยู่ที่มุมหนึ่งมองเห็นกาหลงก็ตะโกนเรียก
“กาหลง”
กาหลงหันไปเจอไม้ ยิ่งตกใจ เอามือหลบซ่อนไว้
“พี่ไม้”
ไม้เดินตรงมาหากาหลง เห็นก้มหน้าก็แปลกใจ
“กาหลงมาซุ่มทำอะไรที่นี่”
ไม้เข้าไปถามกาหลง
“กาหลงบอกพี่เถิดว่าเป็นอะไร”
กาหลงพูดโดยไม่เงยหน้ามา
“ไม่มีเรื่องอะไรจ้ะ”
ไม้เข้ามาดึงตัวขึ้น
“แล้วมานั่งทำอะไร”
ไม้ดึงตัวกาหลงขึ้นมา เธอตกใจกลัวเขาเห็นว่ามือของเธอลางเลือนหายไป
“มือฉัน”
ไม้ยิ้มให้กาหลง
“มือกาหลงก็ยังสวยเหมือนเดิม”
กาหลงแปลกใจที่เขาไม่ได้ตกใจ ก้มมองมือตัวเองเห็นเป็นปกติ
“ก็แค่เปรอะดินกระผีกเดียว พี่ปัดให้นะ”
ไม้ปัดมือ เช็ดมือให้ กาหลงมองมือตัวเองดีใจที่กลับมาเหมือนเดิม
“ตอบพี่ได้หรือยัง มานั่งทำอะไรที่นี่”
“ฉันจะเดินกลับเรือน แต่หกล้มจ้ะ”
“ไหนดูสิ เจ็บตรงไหนบ้าง”
ไม้ก้มมองดูเท้ากาหลงคอยปัดดิน ดูแลด้วยความห่วงใย กาหลงจับมือตัวเองก็โล่งใจ แล้วก้มมองดูไม้ที่ดูแลเธอไม่ห่าง พร้อมกับเป่าที่เข่ากาหลง
“เพี้ยง...พี่เป่ามนต์วิเศษ หายเจ็บแล้ว”
กาหลงดึงตัวไม้ขึ้นมามองหน้า
“พี่มีมนต์วิเศษ เป่าให้ฉันอยู่ยงคงกระพันได้ไหม ลางทีเราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป”
“มีสิ...” ไม้ยื่นหน้าเข้ามาหา “แล้วจูบลงที่หน้าผาก”
กาหลงยิ้มให้ ไม้ยิ้มตอบ
“พี่ก็ไม่อยากตายนะ”
ไม้ยิ้มให้ กาหลงยื่นหน้าไปจูบแก้ม ไม้ระดมจูบ กาหลงถอยห่าง
“แค่นี้ฉันก็ไม่กลัวอะไรมากไปกว่าที่ว่า ฉันอยู่ได้ชั่วกัป ชั่วกัลป์แล้ว”
ไม้วิ่งไล่ระดมจูบ กาหลงวิ่งไปตามท้องทุ่ง
พุดจีบเอาถ้วยกรวดน้ำ มารดลงใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างโบสถ์
“ขอให้กาหลงจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด”
หลวงพ่อเดินเข้ามา
“โยมเกิดมามีบุญหนักบุญใหญ่นัก”
“หลวงพ่อหมายถึงอะไรเจ้าคะ”
“ในอดีตชาติโยมทำบุญไว้มากโข จึงเกิดมาชาติตระกูลสูง มีรูปเป็นทรัพย์ พร้อมด้วยธนสาร ธรรมสารสมบัติ มาชาตินี้ก็ยังคงเพียรสะสมบุญ เกิดชาติหน้าวาสนาก็คงเจริญยิ่งๆขึ้นไป”
“คนเราสามารถเสริมบุญต่อบุญได้เหรอเจ้าคะ”
“ได้สิโยม บุญช่วยหนุนนำให้ชีวิตประสบสุข แต่ในทางกลับกัน หากทำบาปก็จะลดทอนบุญ ชีวิตจะพบสิ่งเลวร้าย”
“ดิฉันเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
พุดจีบยกมือไหว้เข้าใจคำสอน หลวงพ่อเดินออกไป พุดจีบนึกเป็นห่วงกาหลงกลัวเพื่อนจะมีบาปติดตัวหนักขึ้น
ไม้จูงมือกาหลงเดินตรงไป กาหลงแปลกใจ
“พี่จะพาฉันไปไหนจ๊ะ”
“ไปวัดจ้ะ”
กาหลงอึ้ง
“กาหลงเจ็บไข้ไม่สบายตัวบ่อยนัก ไหนจะเจอเรื่องเคราะห์ถูกใส่ความ ไปสวดมนต์ไหว้พระขอพรเสียบ้างก็จะเป็นการดี”
“ไว้มื้อหน้าเถอะจ้ะพี่”
“อย่าผัดวันประกันพรุ่งเลย วันนี้เหมาะแท้แล้ว ไปกับพี่”
ไม้จูงมือเดินไป กาหลงกังวลใจที่ต้องเข้าไปในวัด
แม่น้อยเดินเข้ามาในห้องอบเชย เอามือลูบหน้าลูบตา อบเชยรู้สึกตัวลืมตาขึ้น แล้วเห็นแม่
“แม่...แม่จ๋า”
แม่น้อยดีใจ
“ลูกจำแม่ได้แล้ว”
“ฉันจำแม่ได้ แต่ฉันกลัว มันไม่มารังควาญฉันแล้วใช่ไหมแม่”
อบเชยร้องไห้ แม่น้อยสงสารเข้าสวมกอดลูบหัวด้วยความรัก
“ขวัญเอ๊ยขวัญมา มาอยู่กับเนื้อกับตัวนะลูก”
แม่น้อยโอบกอดลูกสาว ดีใจที่ลูกสาวได้สติมากขึ้น ทันใดนั้นประตูห้องเปิดผาง อบเชยสะดุ้งตกใจ เผื่อนกับงามเข้ามา
“ขอประทานโทษเจ้าค่ะ”
“คุณแม่นายเจ้าคะ...”
งามจะรายงาน แต่เผื่อนชิงตอบแทน
“คุณโชติฟื้นแล้วเจ้าค่ะ”
แม่น้อยดีใจที่โชติฟื้นขึ้นมา งามไม่พอใจที่เผื่อนชิงตอบเอาหน้า งามหันไปเจออบเชย ดูท่าทีเป็นปกติก็ดีใจ
“คุณอบเชย”
เผื่อนชิงพูดก่อน
“หายดีแล้ว เผื่อนดีใจที่สุดเลยเจ้าค่ะ”
เผื่อนวิ่งเข้าไปเอามืออบเชยมาจับ งามเซ็งที่โดนเผื่อนชิงตัดหน้าตลอดเวลา อบเชยสงสัย
“แม่...พี่โชติเป็นอะไร”
แม่น้อยเดินออกมา เพื่อจะไปเยี่ยมลูกชาย โชติเปิดประตูออกจากห้องนอน แม่น้อยดีใจรีบเข้าไปหา
“ลูก...ลูกปลอดภัยแล้ว”
แม่น้อยเข้าไปจับเนื้อตัวด้วยความรักและเป็นห่วง
“ขวัญมานะลูก แม่เป็นห่วงลูกหนักหนา”
โชติปัดมือแม่น้อย
“ฉันไม่ใช่เด็กย่อมๆนะแม่ ไม่ต้องห่วงฉัน ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก”
“หมดเคราะห์หมดโศกแล้ว เช้านี้ไปวัดกับแม่ แม่จะให้หลวงพ่อท่านรดน้ำมนต์ ไปไหว้พระไหว้เจ้าเป็นสิริมงคลกับชีวิตนะลูก”
ช่วงเดินเข้ามาไม่พอใจ
“ไม่ต้องไป”
“พี่...ฉันอยากพาลูก...”
ช่วงหันไปบอกโชติ
“เอ็งตามข้ามา”
ช่วงเดินนำออกไป โชติเดินตามช่วงไป แม่น้อยมองตามว่าช่วงพาโชติไปไหน...ที่มุมหนึ่ง อบเชยยืนมอง อยากรู้เรื่องราวของโชติ
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่โชติ”
“งามจะเล่าให้...”
เผื่อนชิงเล่าแทน
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้เจ้าค่ะ”
งามมองเผื่อนไม่พอใจที่เผื่อนชิงหน้าทุกเรื่อง
ไม้พากาหลงเดินมาหน้าวัด กาหลงมองไปรู้สึกกลัว ไม่กล้าเข้าไป ไม้จูงมือกาหลงจะพาเดินเข้าไป กาหลงรั้งมือไว้
“วันนี้ฉันไม่ได้เตรียมดอกไม้มาบูชา ไว้มื้อหน้าเถอะจ้ะ”
“ไม่ต้องหรอก สิ่งที่จะบูชาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณพระสังฆคุณได้ดีที่สุด คือใจอันเป็นบริสุทธิ์ของเรา”
“คือว่าฉัน...”
“หวนนึกไป ใครกันหนอ สัญญาจะมาไหว้พระสวดมนต์กับพี่ หรือกาหลงไม่พึงใจทำบุญร่วมชาติกับพี่เสียแล้ว”
ไม้กระเซ้าทวงถาม กาหลงอึกอัก หมดหนทางปฎิเสธ
“เข้าไปกันเถอะ”
ไม้จูงมือกาหลงจะเดินข้ามเขตวัดเข้าไป แต่แล้วพุดจีบเดินสวนออกมา
“กาหลง”
กาหลงดีใจที่ได้เจอพุดจีบ
โชติถอดเสื้อ เดินตรงเข้ามานั่งข้างโอ่งน้ำแล้วพนมมือ ช่วงสั่งหมอผี
“ทำพิธีช่วยลูกข้าได้แล้ว”
หมอผีเดินเข้ามาแล้วเอาเทียนที่จุดไว้ ดับลงในโอ่งน้ำที่โรยด้วยดอกไม้ แล้วบริกรรมคาถา เอาเทียนกวนในโอ่งน้ำ
“น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ช่วยล้างเสนียด วิญญาณผีร้ายที่มันเกาะกุมเอ็งให้หมดไป นับแต่นี้ ดวงจิตเอ็งจะกลับมาเข้มแข็งแกร่งกล้าเช่นเดิม”
หมอผีตักน้ำในโอ่ง ราดตัวโชติ...อบเชยนุ่งกระโจมอกวิ่งเข้ามา ตามด้วยเผื่อนและงาม
“ฉันขออาบน้ำมนต์ด้วย ผีนังกาหลงจะได้ไม่มากวนใจฉันอีก”
อบเชยเข้าไปนั่งข้างโชติ หมอผีจึงตักน้ำพร้อมบริกรรมคาถา ราดตัวทั้งสอง มั่นและขาบขยับเข้าไปบอกหมอผี
“ช่วยราดให้ข้าด้วย ข้าก็โดนมันเล่นงาน”
ขาบเบียดมั่น
“ข้าโดนมันบีบคอ ราดให้ข้าก่อน”
ทั้งสองแย่งกันแล้วไปเบียดอยู่ข้างๆโชติ หวังได้น้ำมนต์ด้วย เผื่อนจะเข้าไป งามดึงตัวไว้
“หยุดเลยนังเผื่อน เอ็งชิงตัดหน้าข้าทุกมื้อ...ให้ข้ารดน้ำมนต์ก่อน ไม่งั้นข้าตบ”
เผื่อนเห็นงามเอาจริงก็กลัว งามเดินเฉิดฉายเข้าไปใกล้หมอผี
“อิฉันเคยโดนผีเล่นงาน มันต้องมาเอาคืน ขอน้ำมนต์พรมให้ทั่วตัว จะเขกหัวลงยันต์ให้ก็ได้เจ้าค่ะ”
งามนั่งลงพนมมือพร้อมรับน้ำมนต์ของดีจากหมอผี ช่วงยืนมองไม่พอใจถีบงามโครมใหญ่
“ว้าย”
เผื่อน มั่น ขาบ หัวเราะเยาะ
“โดนยันเต็มตีนสิเอ็ง”
ขาดคำเผื่อนรีบเข้าไปนั่งเบียดแย่งน้ำมนต์ พวกมั่นและขาบก็เข้าไปแย่งด้วย
“ขออิฉันด้วย”
มั่นรีบบอกหมอ
“ข้าก่อน”
ขาบเบียด
“เอ็งออกไป”
งาม เผื่อน มั่นและขาบต่างเบียดเข้าไปแย่งน้ำมนต์ ช่วงไม่พอใจถีบทั้งสี่คน
“โอ๊ย”
“ว้าย”
“พวกเอ็งอย่าทำเสียเรื่อง พ่อหมอทำพิธีต่อไป ทำให้ลูกข้าหลุดพ้นพันธนาการผี”
ช่วงสั่งกำชับหมอผี แล้วเดินออกไป แม่น้อยยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เดินตามช่วงออกไป หมอผีบริกรรมคาถาแล้วราดน้ำมนต์ใส่ตัวโชติกับอบเชย มั่น ขาบ เผื่อนและงาม คอยเอามือวักน้ำมนต์ที่กระเซ็นลงพื้นมาประพรมตัวประพรมหัว
ไม้บอกพุดจีบ
“ฉันจะพากาหลงเข้าไปกราบหลวงพ่อ ฉันไปก่อนนะ”
ไม้จะจูงมือกาหลงไป พุดจีบเห็นสายตากาหลงที่มองเธอด้วยสายตาขอร้อง เธอรีบบอกไม้
“หลวงพ่อไม่อยู่จ้ะ ยายสายนิมนต์ออกไปแต่เช้าแล้ว”
“น่าเสียดาย”
กาหลงคลายใจ
“ไม่เป็นไร ไหนๆมาแล้ว ก็เข้าไปไหว้พระประธานในโบสถ์”
กาหลงรู้สึกกลัว พุดจีบคิดๆจะหาทางช่วย ไม้ดักคอแหย่เล่น
“คงไม่มีใครอุตรินิมนต์พระประธานไปด้วยนะ ฉันกับกาหลงจะเข้าไปสวดมนต์”
พุดจีบรีบห้าม
“อะไรกัน ดอกไม้ธูปเทียนก็ไม่เตรียมมา ฉันว่าอดใจรอถึงวันพระใหญ่เถอะ จัดสำรับกับข้าวมาถวายเพลเสียด้วยเลยจะเป็นกุศลกว่านัก”
กาหลงรีบเสริม
“ฉันก็เห็นดีกับพุดจีบนะพี่ ได้มาฟังพระสวดพระเทศน์ ฉันไม่ได้ทำกับข้าวมาถวายท่านนานแล้ว”
ไม้คิดตัดสินใจ พุดจีบรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันเองก็มีเรื่อง อยากรบกวนให้กาหลงสอนฉันสานตะกร้า มื้อก่อนที่เคยสอน ฉันก็ลืมเสียนี่”
“งั้นไปกันเถอะ” กาหลงหันไปบอกไม้ “ให้ฉันไปเรือนพุดจีบนะจ๊ะ”
พุดจีบยิ้ม
“ฉันขอยืมตัวกาหลงไปเรือนฉันนะพี่”
“ยืมเมีย...ก็ต้องแถมผัว พี่ไปช่วยตัดไผ่เหลาตอกให้”
พุดจีบและกาหลงไม่มีทางปฎิเสธ จึงยิ้มรับให้ไม้ไปด้วย
ช่วงนั่งขัดดาบอยู่มุมหนึ่งบนเรือน แม่น้อยเดินเข้ามาหาแล้วนั่งข้างๆ
“ความที่เกิดกับลูก คงเป็นอุทาหรณ์สอนใจให้พี่ได้หเบาความคิด”
ช่วงมองแม่น้อย ไม่สนใจ นั่งขัดดาบต่อไป
“บาปที่ทำหนักหนาเอาการ หากเราหยุดเสียเพลานี้ กรรมหนักได้คลายลง หากว่าเราพาลูกเข้าวัด ทำบุญทำกุศลให้บ่อย คงช่วยลบล้างบาป”
ช่วงรำคาญขัดขึ้น
“เลิกพล่ามเสียที ข้ารำคาญ สงบเสงี่ยมรู้บุญรู้บาปอย่างเอ็ง แล่นไปเข้าวัดบวชชีซะ ไม่ต้องริมาเทศน์ข้า”
“เวรกรรมมีจริงนะพี่ พี่ก็เห็นว่ามันโลดมาเล่นงานลูกเราทันตา หากพี่ยังยุให้ลูกเป็นแบบนี้ ลูกต้องมีตกนรกหมกไหม้”
ช่วงรำคาญเอาดาบมาจี้ แม่น้อยหยุดกึก
“ข้าบอกอยู่แหม็บๆว่านี่เป็นสวรรค์ของข้า” ช่วงลุกขึ้นถือดาบ “หากเป็นนรก ข้าก็จะเป็นพญายมให้มันสะใจ เอาวิญญาณนังกาหลงลงนรกอเวจีเสียต่อหน้า”
“พี่ยังปักใจเชื่อกาหลงเป็นผีอีกรึ”
“มันเป็นผี”
“ไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้สักคนเดียว”
“ชาวบ้านนึกลำพองไม่ศรัทธาข้า แต่หากข้าปราบผีกาหลงได้ พวกมันหูตาสว่าง ต้องกลับมานับหน้าถือตาข้าร่ำไป”
ช่วงใช้ดาบฟันต้นไม้ที่ประดับอยู่บนเรือนขาดกระเด็น ช่วงหัวเราะชอบใจเดินออกไป แม่น้อยตกใจ กลัวช่วงจะทำเหตุร้าย แม่น้อยคิดจะทำอะไรบางอย่าง
มุมหนึ่งในเรือนพุดจีบ...กาหลงจับมือขอบใจพุดจีบ
“ฉันขอบใจพุดจีบมากที่ช่วยฉันไว้ หากไม่อุทิศบุญให้ฉัน ฉันคงแย่เอาการ”
“กาหลงจะบังตาคนไปนานแค่ไหน สักมื้อมันก็ต้องพลั้งกลับไปเป็นเหมือนเดิม”
พุดจีบเข้าไปจับมือกาหลงด้วยความเป็นห่วง
“มันคงเป็นบาปที่ฉันทำร้ายใครต่อใคร หลังจากนี้ฉันจะเพียรทำความดี สร้างบุญให้มาก”
พุดจีบหว่านล้อม
“หนทางที่ดีที่สุด...เห็นจะเป็นยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น”
“หยุดพูดเรื่องนี้เถอะ ฉันไม่ยอมทิ้งร้างทิ้งใจห่างพี่ไม้”
ไม้หอบตอกเดินเข้ามา
“สองสาวนินทาพี่เรื่องอะไร ได้ยินชื่อพี่มาแต่ไกล”
กาหลงและพุดจีบมองหน้ากันอึกอัก พุดจีบรีบแก้ตัวให้
“กาหลงบอกว่าหาชายใดจะแสนดีเท่าพี่ไม้คงไม่มี”
“ให้มันรู้ไปทั่วทั้งคุ้ง ว่าไอ้ไม้รักเมียมันหมดใจ”
ไม้เข้ามาหอมแก้ม กาหลงอายพุดจีบ
“พี่ไม้ อายพุดจีบ”
พุดจีบยิ้มเขิน อิจฉาความรักของทั้งสอง
เย็นนั้น กาหลงเดินกลับเรือน ไม้ถามขึ้น
“เมื่อครู่กาหลงคุยเรื่องอะไรกัน พี่ได้ยินนะ”
กาหลงอึ้งกลัวไม้จะได้ยินที่คุยความลับกับพุดจีบ
“กาหลง ทำไมต้องตื่นตระหนก พี่แค่แหย่ถาม เอ...รึมีอะไรปิดบังพี่”
“หามีจ้ะ คนรักกันไม่ปดกัน”
“ใจเราเป็นดวงเดียวกัน ตลอดชั่วชาตินี้อย่าทำร้ายความรู้สึกกัน”
ไม้ยิ้มให้ กาหลงยิ้มตอบ ภายในใจยังรู้สึกผิดที่โกหกเขา ไม้จะพากาหลงกลับเรือนแต่แล้วก็ยืนมองด้วยความแปลกใจ
“น้าน้อย”
แม่น้อยยิ้มให้กาหลงและไม้
กาหลงเอาขันน้ำ มาให้แม่น้อย...
“น้ำจ้ะ”
แม่น้อยรับขันน้ำมากินแล้ววางลง ไม้สงสัย
“น้าน้อยมาหาพวกฉันถึงนี่ มีเรื่องไรจ๊ะ”
“น้ามาขอโทษแทนผัวและลูกๆที่เข้าใจกาหลงผิด”
กาหลงและไม้แปลกใจที่แม่น้อยมาเรื่องนี้
“กาหลงอย่าเคืองเลย น้าไหว้ล่ะ”
แม่น้อยยกมือไหว้ กาหลงรีบห้าม
“อย่าทำอย่างนี้เลย ฉันจะอายุสั้นเสีย”
“น้าไม่รู้จะทำยังไง ปรามแล้วก็ไม่ฟัง น้าเป็นได้แค่ผงดินอยู่บนเรือน ไม่มีใครสนใจเห็นตัวตน”
“น้ามาขอโทษพวกฉันก็เสียเปล่า พวกฉันไม่เคยมีเรื่องหมางใจ กับน้า” ไม้บอก
“ถึงน้าไม่ได้ก่อ แต่น้าก็ปัดความเป็นเมีย เป็นแม่ไม่ได้”
กาหลงและไม้เข้าใจความรู้สึกของแม่น้อย สงสารแม่น้อย
“น้าไม่อยากมีเวรกรรมก่อ ขอให้กาหลงอโหสิกรรมให้ด้วยเถอะ”
กาหลงพูดไม่ออก หันไปมองไม้
“พ่อช่วงเล่นงานเมียฉันปางตาย ฉันให้อภัยไม่ได้”
แม่น้อยผิดหวังแต่เข้าใจความรู้สึกของไม้ แม่น้อยหยิบถุงเงินออกมา
“รับเงินนี้ไว้เถอะ แทนความผิดที่เกิดขึ้น”
แม่น้อยส่งถุงเงินให้ กาหลงไม่กล้ารับไม้รับถุงเงินมา แม่น้อยยิ้มพอใจ แต่แล้วไม้เอาถุงเงินวางลงตรงหน้าแม่น้อย
“น้าอย่าหมิ่นใจฉัน ให้เงินฟาดหัวล้างความผิด คนที่ผิดต้องถูกคาดโทษ”
แม่น้อยผิดหวังที่ไม้ไม่ยอมรับ
“หากเราเมินเฉย เท่ากับหนุนคนทำผิดให้รับสบายอยู่ร่ำไป เวลาล่วงมาถึงมื้อนี้ คนผิดก็ยังเบาความคิด ไม่เห็นเอาหน้ามากราบกรานขอโทษ”
แม่น้อยวิงวอน
“พ่อไม้...”
ไม้ขัดขึ้น
“พอเถอะ อย่าให้ฉันเสียศรัทธาน้าเลย”
“อย่าแปรความเป็นอื่น น้าเพียงอยากช่วยเหลือ ไม่เคยคิดว่าเงินก้อนนี้จะลบล้างผิด น้ามอบให้เพราะห่วงใย.ไม้ก็รู้ว่าน้าเอ็นดูและรักเสมือนลูกหลาน”
“ข้อนี้ฉันรู้แก่ใจดี ฉันถึงยอมพูดคุยกับน้าอยู่ได้ หากไม่เช่นนั้น ฉันคงตะเพิดไล่คนที่ดูถูกศักดิ์ศรีของฉัน”
กาหลงไม่อยากให้แม่น้อยเสียความรู้สึก พูดปลอบใจ
“น้าคลายใจเถอะ ฉันอยู่ของฉัน...ต่างคนต่างอยู่ จะไม่มีใครเจ็บใครตาย ขอเพียงอย่ามาระรานกัน”
แม่น้อยได้ฟังก็ยิ้มรับแต่ภายในใจกังวลใจ เพราะรู้ดีว่าช่วงไม่คิดเลิกรา
แม่น้อยเดินกลับมาที่เรือน อบเชยยืนดักทางไว้
“แม่ไปไหนมา”
“แม่ไปไหว้พระขอพรให้ลูก”
อบเชยสวนขึ้น
“แม่ไปกราบไหว้นังกาหลง”
แม่น้อยแปลกใจ หันไปมองด้านหลัง เผื่อนและงามรีบวิ่งหลบหน้าไป เพราะทั้งสองเป็นคนสะกดรอยตามแม่น้อยแล้วรายงานอบเชย
“มันจะฆ่าฉัน แม่ยังไปกราบไหว้มันอีก”
“แม่ทำเพื่อลูก”
อบเชยสวนขึ้น
“เพื่อลูกรึเพื่อตัวเอง กลัวคนเขาเกลียดไม่คบหารึไงถึงต้องไปกราบกรานให้พวกมันเห็นใจ ใช่สิ...เรือนนี้ไม่มีใครเห็นหัว แม่ถึงอยากได้พรรคได้พวก ออกไปเรียกร้องความเห็นใจ”
แม่น้อยไม่พอใจ
“หยุดได้แล้วอบเชย”
“แม่ไม่เห็นต้องไปแยแสไอ้พวกนั้น ใครๆก็อยากคบหาเรา เรามีเงินทองมากมาย มีเงินนับเป็นน้องมีทองนับเป็นพี่ พวกมันต้องมาสยบแทบเท้าเราทั้งนั้น”
“พอการเถอะ แม่ปล่อยให้ลูกลำพองวางตัวใหญ่เหนือคนอื่นๆมาพอแล้ว สมบัติเงินทองใช่จะวัดคุณค่าความเป็นคน ต่อให้ลูกมีเงินทองล้นฟ้า หากทำชั่ว ก็ไม่มีใครคิดคบหา ความเคารพ
ยำเกรงเกิดจากใจ ไม่ได้มาจากเงินหรืออำนาจ ดูอย่างพ่อเราตอนนี้สิ ชาวบ้านต่างถอยหนีสิ้นศรัทธาเสียแล้ว”
อบเชยเถียงกลับ
“แม่จะตีสีปากยังไงก็แล้วแต่แม่ สำหรับฉัน เงินทองและอำนาจซื้อได้ทุกอย่าง ทำได้ดั่งใจอยาก”
แม่น้อยผิดหวังที่อบเชยยังคงคิดอย่างนั้น.
“สมน้ำหน้านังกาหลงนัก”
“ลูกพูดอะไร”
“คืนนี้พ่อกับพี่โชติจะเล่นงานมัน”
อบเชยยิ้มสะใจแล้วเดินออกไป แม่น้อยกังวลใจกลัวจะเกิดปัญหาตามมา
ค่ำนั้น ปรำพิธีที่ชายป่าควันลอยคละคลุ้ง...หมอผีนั่งอยู่ในเขตสายสิณจน์โดยมีช่วงและโชติอยู่ด้านหลัง
“พ่อหมอแน่ใจว่ามันจะออกมา” ช่วงถามขึ้น
“ด้วยมนต์เวทย์ของข้า ทำเอามันร้อนรนอยู่ไม่เป็นสุขเทียวล่ะ”
หมอผีมั่นใจว่าจะเรียกผีกาหลงออกมาได้เริ่มจุดเทียน บริกรรมคาถา ช่วงและโชตินั่งมองหมอผีทำพิธีต้องการจัดการกาหลง
เรือนกาหลง ลมพัดมาวูบใหญ่...กาหลงนอนอยู่ในห้องกระส่ายกระสับเหงื่อออกท่วมตัวพลิกตัวแล้วลืมตาโพลง รู้ว่าโดนเรียกวิญญาณ เธอพยายามฝืนความรู้สึกนอนต่อไป
หมอผีลืมตา รู้ว่ากาหลงต้านมนต์หยิบของในพานใส่ในถ้วยที่จุดไฟ ไฟลุกฟู่แล้วบริกรรมหนักกว่าเดิม
เรือนกาหลง ตอนที่ 10 (ต่อ)
กาหลงนอนกระส่ายกระสับพยายามควบคุมตัวเองพลิกไปมาด้วยดวงตามนุษย์แต่แล้วพลิกอยู่สองสามรอบหันหน้าพลิกมาดวงตาเป็นผีกาหลงแล้วลุกขึ้นยืนจะออกไป ไม้นอนอยู่พลิกตัวมาหากาหลงแปลกใจไม่เจอกาหลง ไม้เงยหน้าขึ้นมองเห็นกาหลงกำลังจะเดินออกไป
“กาหลงจะไปไหน”
กาหลงหันมาแล้วเป่ามนต์สะกด ไม้ยิ้มรับแล้วล้มตัวลงนอนหลับตาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กาหลงหันมองออกไปทิศทางของปรำพิธี สีหน้าโกรธจัด
หมอผีนั่งบริกรรมคาถาดรับ...ช่วงและโชติ สิง มองไปรอบๆแต่ไม่เห็นกาหลงมาสักที
“เมื่อไหร่นังกาหลงจะมาสักที” โชติบ่น
หมอผีบริกรรมคาถาต่อไปเพื่อเรียกกาหลง
กาหลงเดินออกจากห้องเดินไปทางประตู แต่ละก้าวที่เธอเดินมีรอยน้ำที่เท้าทุกย่างก้าว กาหลงเดินไปถึงประตูเรือน ประตูเรือนเปิดออกอย่างแรง
สัปเหร่อขาวหิ้วห่อผ้าเดินกลับจากอำเภออื่น กำลังจะกลับเรือน เดินร้องเพลง สัปเหร่อขาวร้องเพลงสบายใจแต่แล้ว ลมพัดวูบใหญ่ ต้นไม้สองข้างทางพัดตามแรงลม
“ลมพายุมาได้ไง มันผิดฤดู หรือว่า จะเล่นข้าเสียแล้ว”
สัปเหร่อขาวมองไปรอบๆ เพราะคิดว่าโดนผีหลอก
“อย่านะเว้ย ให้รู้เสียบ้างว่าข้าเป็นใคร ข้าคือสัปเหร่อขาว” สัปเหร่อขาวหยิบผ้ายันต์ออกจากถุงผ้า “ข้ามีผ้ายันต์เจ็ดป่าช้า ขายดีเทน้ำเทท่าเหลือผืนเดียวนะเว้ย เอ็งอยากลองดีกับข้าก็เข้ามา ข้าจะให้ลิ้มรสผ้ายันต์มรณะ”
สัปเหร่อขาวลำพอง ชูผ้ายันต์ขู่ผีทันใดนั้นลมพัดแรงขึ้น ผ้ายันต์หลุดออกจากมือ ปลิวไป
“เฮ้ย”
หมอผีหลับตานั่งบริกรรมคาถา ช่วงไม่เห็นกาหลงไม่มาสักที
“นังกาหลงอยู่ไหน ข้านั่งรอจนเป็นเหน็บไปทั้งตัวแล้ว”
หมอผีหลับตา
“มันมาแล้ว”
พวกโชติแปลกใจมองไปรอบๆปรำพิธี โชติเพ่งมองไปตรงหน้ามีหมอกควันสีขาวคลุ้งปรากฏขึ้นตรงหน้า กาหลงเดินแหวกหมอกเดินตรงเข้ามา โชติตกใจกลัว
“นังกาหลง”
หมอผีลืมตา บอกทุกคน
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าออกจากเขตสายสิณจน์”
โชติ ช่วงและสิงมองไปรอบๆสายสิณจน์ โชติพยายามตั้งสติ ไม่กลัว กาหลงเดินตรงมา หมอผีแสยะยิ้ม
“มาแล้วเร๊อนังผีร้าย”
“ข้าเป็นผี พวกเอ็งก็เป็นผี สันดานผีทำแต่เรื่องชั่วช้า”
“ไม่ต้องมาตีฝีปาก ข้าจะเอาเอ็ง ไม่ต้องไปผุดไปเกิด”
หมอผีหยิบควายธนูดินสีดำ ขึ้นมาวางไว้บนมือ แล้วบริกรรมคาถาเป่ามนต์ใส่ควายธนู”
กาหลงยืนอยู่ มีควันสีดำพุ่งเข้าใส่ กาหลงหลบได้ ควันนั้นลอยหายไป กาหลงยิ้มพอใจที่ทำอะไรไม่ได้ ช่วงและโชติผิดหวัง คิดว่าทำไม่สำเร็จ
ลมยังพัดต่อเนื่อง สัปเหร่อขาววิ่งตามเก็บผ้ายันต์โวยวาย
“ลมจะพัดไปถึงไหนวะ...หยุดได้แล้วข้าเหนื่อย”
ลมสงบลงทันที ผ้ายันต์ปลิวมาตกลงที่พื้น สัปเหร่อขาวพอใจ
“ให้รู้เสียบ้าง...ข้าใช่จะไม่มีของ”
สัปเหร่อขาวเดินตรงไปที่ผ้ายันต์จะก้มเก็บผ้ายันต์ แต่แล้วก็หยุดกึก เสียงควบฝีเท้าของควายดังสนั่น สัปเหร่อขาวได้ยินเสียงก็แปลกใจ มองไปตรงหน้าในความมืด มีบางสิ่งกำลังจะพุ่งตรงมาข้างหน้า สัปเหร่อขาวเพ่งมองใจคอเริ่มกลัว เสียงดังใกล้เข้ามาและแล้วควายธนูสีดำพุ่งตรงเข้ามา สัปเหร่อขาวกระโดดหลบทันที แล้วหันไปมองตาม ไม่เห็นควายแล้ว สัปเหร่อขาวตกใจมาก
“ควายธนู”
กาหลงยืนเพ่งมองมายังปรำพิธี โชติเริ่มกลัว หันไปถามหมอผี
“พ่อหมอบอกว่าจะจัดการมัน ไม่เห็นมีอะไรเลย ฤทธิ์เดชสู้มันไม่ได้สิท่า”
กาหลงเดินตรงมาหาพวกหมอผี
“ถึงตาข้าบ้างล่ะ”
กาหลงเดินตรงจะมาเล่นงานพวกหมอผี แต่แล้วเสียงคำรามดังมาจากด้านหลัง กาหลงหยุด หันกลับไปมอง ควายธนูสีดำพุ่งเข้ามาชนกาหลงที่ไม่ทันตั้งตัวล้มลงกองกับพื้น
“โอ๊ย”
ควายธนูพุ่งตรงมาทางปรำพิธี ช่วงและโชติมองไปตรง กลัวควายธนูพุ่งชนเอามือป้องหน้าร้องเสียงหลง
“อย่า”
ควายธนูหายไป...พวกโชติได้สติลืมตามองไม่เห็นควายธนู หมอผีหัวเราะสะใจในฝีมือตัวเอง
“รู้จักฤทธิ์เดชข้าน้อยไป”
หมอผีบริกรรมคาถา กาหลงพยายามลุกขึ้นและแล้ว ควายธนูก็ปรากฎที่มุมหนึ่งกำลังตะกุยพื้น เตรียมพุ่งมาหากาหลง หมอผีบริกรรมคาถา พวกช่วงโชติยิ้มพอใจ มั่นใจว่าควายธนูจะจัดการกาหลงได้ กาหลงมองด้วยความหวั่นใจ ควายธนูพุ่งเข้าใส่กาหลงเต็มแรง พวกช่วงมองด้วยความสะใจแต่แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นแปลกใจ กาหลงจับเขาควายรั้งตัวควายธนูไว้ออกแรงดันตัวควายสุดกำลัง หมอผีเห็นกาหลงมีพลังมหาศาลรั้งควายธนูไว้ได้ ก็ตกใจ
สัปเหร่อขาวถือผ้ายันต์ไว้ในมือเดินตามหาว่าใครปล่อยควายธนูมา
“ควายธนูของใคร”
สัปเหร่อขาวมองไปเห็นปรำพิธีอยู่ห่างออกไปโดย มองไปที่เขตสายสิณจน์ ไม่เห็นกาหลง
“ใครกันมาอวดอุตตริ”
สัปเหร่อขาวสงสัยอยากรู้ว่าใครมาตั้งพิธี
กาหลงรั้งควายธนูไว้ แต่ควายธนูก็ดันสุดแรง หมอผีบริกรรมคาถาหนักกว่าเดิม เป่ามนต์ออกไป ควายธนูสะบัดเขา กาหลงกระเด็นออกไป ช่วงและโชติ สิงยิ้มพอใจ
“เล่นวิญญาณมันให้ราบสลายไปซะ” ช่วงสั่ง
กาหลงลุกขึ้นแล้วเพ่งพลังไปตรงหน้า ฟ้าแลบแปลบปลาบ ลมพัดใหญ่ สัปเหร่อขาวเดินเข้ามาใกล้ปรำพิธี ในระยะที่ห่างออกไปพอสมควร
“จะพัดให้ตัวปลิวเลยรึไงวะ”
สัปเหร่อขาวประคองตัว ฝืนตัวเกาะต้นไม้ เพื่อจะไปดูว่าใครมาตั้งปรำพิธี...กาหลงเพ่งจิตกำหนดลมให้พัดกระหน่ำ ลมพัดต้นไม้ และบริเวณโดยรอบกิ่งไม้หัก ตกลงมาข้างปรำพิธี โชติตกใจ
“มันจะทำอะไรพวกเรา”
“อยู่เฉยๆ อย่าออกจากสายสิญจน์เด็ดขาด”
อ่านต่อเวลา 17.00น.
กิ่งไม้ตกลงมาข้างเขตสายสิณจน์ พวกช่วงตกใจมากขึ้น ช่วงจับดาบไว้มั่น ไว้ป้องกันตัวในยามฉุกเฉิน ควายธนูอยู่ที่มุมหนึ่ง ตะกุยพื้นจะพุ่งมาหา กาหลงยืนเพ่งมองและแล้วกิ่งไม้หักตกลงมาหน้ากาหลง หมอผีบริกรรมคาถา ควายธนูพุ่งตรงเข้าหากาหลง เธอคว้ากิ่งไม้แหลมตรงหน้าแล้วปาพุ่งเข้าใส่ควายธนูเต็มแรง กิ่งไม้ขยายใหญ่ขึ้น พุ่งเข้าเสียบตัว ควายธนูร้องเสียงหลงแล้วสลายตัวไป ควายธนูในมือของหมอผีแตกละเอียด พวกช่วงตกใจ
“พ่อหมอ”
กาหลงยืนมอง หัวเราะสะใจเสียงดังสนั่น
“ฮะฮาฮ่า”
กาหลงเพ่งมองไปที่ปรำพิธี ทันใดนั้น สายสิณจน์ก็ถูกกระชากหลุดจากพื้นกระเด็นออกไป โชติตื่นกลัว
“มันกระชากสายสิณจน์ออกไปแล้ว ทำยังไงดี”
พวกโชติและช่วงเริ่มกลัว หมอผีลุกขึ้น ชักมีดออกมา
“เอ็งหยามข้ามากไปเสียแล้ว นังผี”
หมอผีพุ่งเข้าไปจะแทง กาหลงจับข้อมือไว้แล้วสะบัดมีดตกพื้นแล้วบีบคอหมอผี
“อ๊าค”
โชติตะลึง
“พ่อหมอ”
กาหลงบีบคอหมอผี
“ช่วยข้าด้วย”
โชติหน้าตื่น
“พ่อ...ทำยังไงดี”
ช่วงตัดสินใจชักดาบออกแล้วพุ่งเข้าไปฟันใส่ด้านหลังกาหลง
“เอ็งตายซะเถอะ”
กาหลงร้งเสียงหลงแล้วทรุดตัวลงกองกับพื้น หมอผีหลุดจากมือกาหลงถอยห่างออกมา โชติวิ่งเข้าไปหาหมอผี
“พ่อหมอเป็นยังไงบ้าง”
หมอผียิ้มให้โชติแล้วหัวเราะชอบใจเป็นเสียงกาหลง โชติตกใจถอยหนี
“พ่อ...เสียงกาหลง”
พวกช่วงตกใจ หันกลับไปมองหมอผี กลายเป็นกาหลงที่ยืนหัวเราะ พวกโชติตกใจหันกลับไปมองร่างกาหลงที่นอนอยู่ กลายเป็นหมอผีนอนตายจมกองเลือด โชติตะลึง
“พ่อฆ่าหมอผีตาย”
“พวกเอ็งรนหาที่”
กาหลงมองดุจะเล่นงาน ช่วงยกดาบขึ้นฟันทันที
“ตายซะเถอะเอ็ง”
ช่วงฟันไป กาหลงหายไป ช่วงหันไปฟันดะ โชติต้องมาห้าม
“พอเถอะ หนีไปก่อนที่มันจะเล่นงานพวกเรา”
โชติรีบพาช่วงวิ่งหนีออกไป กาหลงปรากฎกายที่มุมหนึ่ง มองพวกโชติที่สิ่งหนีไป สัปเหร่อขาวเดินเข้ามา มองไปเห็นด้านหลังกาหลง
“ใครกัน”
สัปเหร่ขาวเพ่งมองไปชัดๆเห็นผมของกาหลงสยายน่ากลัว ก็รู้ได้ทันทีตกใจ
“ผี”
กาหลงหันขวับไปมองที่มาของเสียง สัปเหร่อขาวตกใจที่ผีจะมาเล่นงานตัดสินใจวิ่งหนีออกไปก่อนที่จะเห็นหน้า กาหลงตกใจที่มีคนเห็นเธอ เพ่งมองไปเพื่อจัดการ
สัปเหร่อขาววิ่งหนี กาหลงปรากฏตามมาในระยะใกล้ สัปเหร่อขาววิ่งสะดุดพื้นล้มลง กาหลงพุ่งเข้ามาหา สัปเหร่อขาวก้มหน้าเอาผ้ายันต์กันตัวไว้
“ข้ามีผ้ายันต์นะเว้ย”
กาหลงเข้ามามองเห็นจึงรู้ว่าเป็นสัปเหร่อขาว มือที่จะบีบคอก็หยุดทันที สัปเหร่อขาวแปลกใจที่ยังไม่เกิดอะไรขึ้น ค่อยๆหันไปมอง ไม่เห็นใครแล้ว สัปเหร่อขาวแปลกใจลุกขึ้น
โชติและช่วงวิ่งหนีไปบริเวณทางไปวัด
“พ่อ จะหนีไปไหน”
“หนีกลับเรือน”
“ฉันไม่ไป มันอาจพรางตาเป็นเรือนเหมือนคราวก่อน ฉันไม่ไป ฉันกลัว”
ช่วงหยุดมอง กลัวกาหลงตามมาตัดสินใจบอกโชติ
“ไปที่วัด”
ช่วงวิ่งนำไปที่วัด โชติรีบวิ่งตามช่วงไปด้วยความกลัว
ช่วงและโชติวิ่งมาหยุดที่หน้าวัด หันกลับไปมองไม่เจอกาหลง ทั้งสองวิ่งเข้าไปในวัดทันที กาหลงเดินเข้ามายืนอยู่หน้าวัด ไม่กล้าเข้าไปในเขตวัด ตัวของเธอมีหยดน้ำออกจากร่างกายตลอดเวลา
ภายในโบสถ์ หลวงพ่อนั่งทำสมาธิหันหลังให้พระประธาน โดยมีหลวงพี่กบกำลังนั่งสมาธิหลับตาอยู่ตรงข้ามหลวงพ่อ หลวงพี่กบนั่งสมาธิแล้วหลับคอตก ช่วงและโชติเข้ามาในโบสถ์
“หลวงพ่อช่วยพวกฉันด้วย”
หลวงพี่กบสะดุ้งตกใจ ทำทีเป็นสวดมนต์
“อิติปิโต...ภะคะวะ อะระหัง สัมมา”
หลวงพ่อบอกหลวงพี่กบ
“พอเถอะ”
หลวงพี่กบแปลกใจ มองตามสายตาหลวงพ่อ เห็นโชติและช่วงวิ่งเข้ามากราบ
“หลวงพ่อช่วยฉันกับลูกด้วย”
“ใจเย็นๆ มีอะไรถึงน้ำหูน้ำตาคลอครั้นขนาดนี้” หลวงพ่อถามอย่างสงสัย
โชติหวาดกลัวสุดๆ
“ผี...ผีนังกาหลงมันอาละวาดพวกฉันไปกันใหญ่แล้ว”
หลวงพ่อและหลวงพี่กบแปลกใจ
“โยมโชติละเมอพูดไง กาหลงยังไม่ตายจะเป็นผีได้ยังไงกัน” หลวงพี่กบแย้ง
“หลวงพี่ไม่เชื่อก็ออกไปดูให้เห็นกับตา” ช่วงบอก
หลวงพ่อและหลวงพี่กบแปลกใจ ไม่เชื่อช่วงและโชติ
โชติและช่วงเดินตามหลวงพ่อและหลวงพี่กบมาที่หน้าประตูโบสถ์ หลวงพ่อเดินตรงมาถึงประตูโบสถ์แล้วเดินออกไปมองไปไม่เจอใคร หลวงพี่กบเดินออกมาดู มองไปรอบๆก็ไม่เห็น
“ไหนละผี...ผีของโยม ไม่มีผีสักตัว”
“พวกฉันเจอผีจริงๆ นังกาหลงมันไล่ตามมา” ช่วงยืนยัน
หลวงพ่อมองช่วง
“จิตของโยมกลัวสิ่งใดก็เห็นสิ่งนั้น โยมมโนคิดไปตามจิตไปเอง”
หลวงพี่กบเสริม
“ใช่...ผีไม่มีอยู่จริง ที่นี่เป็นเขตขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีภูตวิญญาณตนใดกล้ากล้ำกรายมาได้”
“มันตามพวกฉันมา มันอยู่ที่หน้าวัด” โชติโพล่งออกมา
หลวงพ่อหันไปบอกหลวงพี่กบ
“ออกไปดูที่หน้าวัดสิ”
หลวงพี่กบอึ้ง เพราะลึกๆในใจก็หวั่นใจ กลัวผีเหมือนกัน หลวงพี่กบจำต้องเดินไป ช่วงและโชติกลัวว่าจะเจอกาหลง
หลวงพี่กบเดินตรงไปยังหน้าวัดใจคอไม่ค่อยดี
“หลวงพ่อนะหลวงพ่อ ทำไมไม่ออกมาดูเอง พรรษาก็แก่กว่า เป็นถึงเจ้าอาวาสก็ควรนำทาง”
ทันใดนั้นเสียงหมาหอนดังขึ้น หลวงพี่กบหยุดกึก
“ไอ้พวกนี่ก็ช่างหอนไม่รู้จักกาลเทศะ หอนผิดที่ผิดทาง”
หลวงพี่กบนึกได้ พยายามเปิดจีวร ให้เห็นรอยสักเยอะๆ ไว้เป็นยันต์กันผี
“เสือเผ่นคงพอจะช่วยให้ผีเผ่นได้บ้างล่ะ”
หลวงพี่กบเดินตรงไปค่อยๆมองไปตรงหน้าวัด ชะเง้อมองออกไป หมอกสีขาวคละคลุ้งเต็มหน้าวัด หลวงพี่กบถือตะเกียงส่องตรงไปไม่เห็นอะไร
“ไม่มี...มโนจิตคิดไปเอง”
หลวงพี่กบจะหันหลังกลับไป แต่แล้วมีเสียงเรียกดังขึ้น
“หลวงพี่กบ”
“รู้จักชื่อกันด้วย ท่าจะสนิทกันมาก”
หลวงพี่กบใจสั่น ค่อยๆหันกลับมา เอาตะเกียงส่องเข้าที่หน้า หญิงหน้าขาว โพกผ้าขาวคลุมตัวเกือบมิด หลวงพี่กบสะดุ้งตกใจ
“เฮ้ย”
“ฉันเอง”
จันถอดผ้าคลุมสีขาวออกปะแป้งขาววอก หลวงพี่กบโล่งใจ
“โยมจัน เรียกซะอาตมาตกใจ ออกมาทำอะไรหน้าวัด”
“ฉันมารอสัปเหร่อขาวมัน มันแจ้งว่าคืนเดือนมืดจะกลับ ออกมารอท่ามันนานก็หนาว เอาผ้ามาห่มทั้งหัว”
“มื้อหน้าก็ห่อปิดทั้งตัวเลยแล้วกัน เล่นซะตกอกตกใจ”
“หลวงพี่พูดเหมือนกลัวผี โดนผีหลอกหรือเจ้าคะ”
“อาตมารึจะกลัวผี ผีสิต้องกลัวพระ ผู้ใหญ่ช่วงกับไอ้โชติโน่น แล่นมาร้องเสียงหลงว่าโดนผีกาหลงหลอก”
จันรู้ว่าช่วงและโชติพูดใส่ร้ายกาหลงก็โกรธ
“ยังไม่เลิกกันอีก”
จันรีบเดินเข้าไปในโบสถ์ทันที
“เอ้า...แล่นไปไม่รอข้า”
ขาดคำหลวงพี่กบหันกลับไปมองหน้าวัด แล้วรีบเดินตามจันไปด้วยความเร็ว เพราะยังกลัวผีแต่แล้วลื่นล้มลงมองไปที่พื้น หลวงพี่กบแปลกใจ
“ใครกันเอาน้ำมาราด อย่าให้รู้นะ”
หลวงพี่กบลุกขึ้นแล้วเดินออกไป กาหลงยืนอยู่ที่มุมหนึ่งไม่กล้าเข้าไปในเขตวัดมีน้ำไหลออกจากร่างกาย
โชติคอยมองระวัง กลัวผีกาหลงจะเข้ามาในโบสถ์ หลวงพ่อสอน
“อาตมาเชื่อว่าผีมีอยู่จริง”
ช่วงและโชติหันมาถามหลวงพ่อทันที
“หลวงพ่อเชื่อพวกฉัน”
“ผีมันอยู่ทุกที่ มันตามไปกับใจเรา ทำบาปทำกรรมใจก็ไม่เป็นสุข ผีในใจเราไงล่ะ”
“พวกฉันไม่ได้โกหก ผีนังกาหลงตามฆ่าพวกฉัน” ช่วงโวย
ทันใดนั้นประตูโบสถ์เปิดดังปัง โชติและช่วงสะดุ้งตกใจหันไปมอง จันยืนอยู่ที่หน้าประตูโบสถ์ พวกโชติไม่พอใจ
“นังจัน”
จันเดินเข้ามานั่งในโบสถ์บอกหลวงพ่อ
“หลวงพ่ออย่าไปฟังความ สองคนนี้กุเรื่องใส่ร้ายกาหลง”
หลวงพี่กบตามเข้ามา
“ข้าออกไปดูนอกวัดก็ไม่มี เดินไปจนทั่วรอบเขตกำแพง ก็ไม่มี”
“มันคงไม่กล้าเข้ามาในวัด” ช่วงบอก
จันสวนทันที
“อย่าอ้างโน่นนี่ ปากอื่นแท้ยังเชื่อเขาได้ แต่ว่านี่เป็นเพราะไม่มีผีต่างหาก รึจะไปเรือนกาหลง ไปดูให้เห็นกับตา ข้าจะพาไป”
ช่วงกับโชติกลัวกาหลงรีบปฏิเสธ
“ข้าไม่ไป”
โชติหันไปหาหลวงพ่อ
“คืนนี้ฉันขออาศัยนอนที่วัดก่อน”
ช่วงบอกจัน
“ตะวันขึ้นตอนเช้า แล้วเอ็งจะรู้ว่าผีกาหลงมันเล่นงานหมอผีตาย”
หลวงพ่อและหลวงพี่กบแปลกใจแต่ยังไม่ปักใจเชื่อ
“เอาสิ...ชาวบ้านจะได้รู้กัน ว่าพ่อผู้ใหญ่กับพ่อโชติเสียสติไปแล้วเห็นท่าต้องหาผู้ใหญ่บ้านคนใหม่”
จันประกาศท้าทายช่วง
เช้าวันใหม่...บรรยากาศท้องทุ่งอันสดชื่น ชบาเอาหญ้าให้ควายกิน แล้วมองหน้าควาย คิดถึงเหตุการณ์ที่กาหลงพูดถึงเพชร ชบายืนคิด แล้วนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตตอนที่เธอลงเรือของเพชร และเขาคิดว่าเธอเป็นโจร เข้าจับ ทั้งสองตกน้ำด้วยกัน...ชบานึกถึงตอนที่เดินกลับเรือนแล้วสิงเข้ามาปล้ำ เพชรเข้ามาช่วยไว้ ทำให้โดนแทง...ชบาเอายามาป้อนให้ เพชรกินยาแล้วจับมือเธอ
ชบายืนยิ้มเคลิ้มเริ่มหลงรักเขา ทันใดนั้นเพชรโผล่จากหลังควาย มองเห็นชบายิ้ม ก็ยื่นหน้าเข้ามาแหย่
“ยิ้มหวานคิดถึงข้าเหรอ”
ชบาตกใจ เขินอายเอาหญ้าในมือ ยัดใส่ปากเขา แล้วเดินหนีไป
“ข้าไม่ใช่ควายนะ...กลับมาก่อน”
เพชรพ่นหญ้าออกจากปาก แล้วรีบวิ่งตามไป
ชบาเดินหนี เพชรวิ่งมาขวางไว้
“ยังไม่ตอบข้าเลย คิดถึงใครถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คิดถึงข้าล่ะสิ”
“ฝันไปเถอะ หากข้าคิดถึงเอ็งขอให้...”
ชบาจะพูดคำว่าตายก็ยั้งปากไว้ เพราะไม่กล้าสาบาน
“จริงใจก็ต้องกล้าสาบาน”
“ขอให้เอ็งตาย”
เพชรหน้าเหวอ
“ไม่ได้นะ...ข้าตายไม่ได้ ข้าตายแล้วใครจะอยู่ดูแลเอ็ง พี่กาหลงเขาฝากฝังให้ข้าดูแลเอ็งไปชั่วชีวิต”
“อย่าเอาคำพี่สาวข้ามาอ้าง จะไปไหนก็ไปอย่ามายุ่ง ข้าจะไปนา”
“ข้าไปช่วย”
“ข้าไม่ให้ช่วย”
“ข้าจะช่วย”
เพชรยักคิ้วหลิ่วตายั่ว ชบาไม่พอใจ ก้มควักโคลนที่นา ขึ้นมาปาใส่ เพชรหลบได้ ชบาเจ็บใจ ปาใส่อีก จนโดนหน้าเขา
“โอ๊ย”
โคลนเต็มหน้า ชบาหัวเราะชอบใจ เพชรเจ็บใจ ปาดโคลนที่หน้าปาใส่ ชบาหลบ ทำให้เซล้มลงไปที่คันนา เพชรเห็นชบาล้มลง ก็หัวเราะชอบใจ
“ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว”
ชบาลุกขึ้นหันไปมองเพชร
“เป็นไง อยากโดนอีกไหมจ๊ะคนสวย”
ชบามองเพชรตัวสั่น น้ำตาไหล เพชรเริ่มแปลกใจ
“ชบา...เอ็งเป็นอะไร”
เพชรรีบวิ่งไปหา ชบาหันไปมองที่มุมหนึ่ง เพชรมองตามสายตา เห็นหมอผีนอนคว่ำเพราะโดนฟันจากเมื่อคืน เพชรตกใจรีบเข้าสวมกอดชบาให้หลบหน้าไม่มองศพหมอผี
“เอ็งไม่ต้องกลัว”
เพชรมองไปยังศพหมอผี แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม้กำลังจะออกไปจากหน้าเรือน กาหลงเดินออกจากเรือนมาถาม
“พี่ไม้จะไปไหนจ๊ะ”
“เขาว่ากันว่าหมอผีต่างหมู่บ้านนอนตายที่ชายป่า”
กาหลงอึ้งเล็กน้อยที่มีคนเจอศพหมอผีแล้ว
“ชาวบ้านลือว่าโดนผีเล่นงาน พี่จะไปดูเสียหน่อย”
“ให้ฉันไปด้วยนะจ๊ะ”
“กาหลงอย่าไปเลย ศพคนตายไม่น่าดู พี่ไม่เชื่อว่ามีผี มันต้องเป็นฝีมือคน พี่ไปแล้วจะรีบกลับ”
“จ้ะ”
ไม้เดินออกไปจากเรือน กาหลงเดินแล้วมองตามไป ทันใดนั้นเสียงพุดจีบดังขึ้น
“ฝีมือกาหลงใช่ไหม”
พุดจีบเดินเข้ามาด้านหลัง กาหลงหันกลับไปเจอพุดจีบก็พูดไม่ออก
ชาวบ้านหามศพหมอผีมาวางไว้ที่กลางลานวัด ช่วงและโชติเดินตรงเข้าไปชี้ที่ศพ
“พวกเอ็งเชื่อข้ารึยัง ว่าผีมันฆ่าตาย” ช่วงบอกชาวบ้าน
โชติเสริมทันที
“แล้วผีตนนั้นก็คือนังกาหลง”
เพชรเถียงช่วงและโชติ
“จะใช่ได้ยังไงกัน รอยแผลที่กลางหลังเป็นทางยาวเห็นท่าจะเป็นพวกดาบยาวเสียมากกว่า”
ชาวบ้านเริ่มคิดตามที่เพชรพูด
“ตั้งแต่ฉันเกิดมาจำความได้ ฉันไม่เคยได้ยินผีตนไหนพกอาวุธถือดาบไล่ฟันคน ชะรอยว่าหมอผีต้องตายด้วยน้ำมือคน”
ชบาแปลกใจในความคิดของเพชร ที่วิเคราะห์ได้น่าสนใจและมีเหตุผล ชาวบ้านฮือฮาคิดตามที่เพชรพูด เฟื้องเห็นด้วยกับเพชร
“เห็นท่าจะจริงอย่างไอ้หนุ่มมันพูด”
จันเสริม
“นั่นสิ...ผีมันก็ต้องบีบคอ หักคอ ล้วงไส้ ล้วงตับตามวิสัยผี”
“เชื่อข้าสิ ว่านังกาหลงเป็นคนฆ่า” โชติยืนยัน
ไม้พุ่งตรงเข้ามาต่อยโชติทันที
“อย่าเถลไถลใส่ความเมียข้า”
ไม้เข้าไปต่อย โชติตั้งตัวได้ ต่อยคืน ทั้งสองต่อยกัน โชติเสียท่า ไม้จะเข้าไปซ้ำช่วงถือดาบกันท่าช่วยโชติไว้
“ไอ้ไม้เอ็งหยุด”
ไม้จึงต้องหยุด ไม่พอใจที่โชติและช่วงกล่าวหากาหลงอีก มองดูศพหมอผีเห็นรอยแผล
“ไม่ต้องคิดลังเล ศพนี้เห็นท่าจะเป็นฝีมือคน มันฆ่าแล้วโยนผิดให้ผี”
“พ่อข้าพูดความจริง พวกข้าไปตั้งปรำพิธีจับผี ชาวบ้านจะได้เชื่อว่ากาหลงเป็นผี ผีเมียเอ็งนั่นแหละที่ออกมาฆ่า”
ไม้โกรธจะต่อยโชติ
“หยุดว่าร้ายเมียข้า ทุกคนรู้ความจริงกันทั่ว กาหลงเป็นคนหาใช่ผี”
สัปเหร่อขาวเดินตรงเข้า ชาวบ้านแหวกออก
“บ้านบัวสีมีผี”
ไม้และทุกคนหันไปเจอสัปเหร่อขาวกลับมาพูดอย่างนั้นก็แปลกใจ
“พ่อ”
จันอึ้ง
“ไอ้ขาว”
กาหลงนั่งตรงท่าน้ำ แล้วเอากลีบดอกบัวและดอกไม้ โปรยลอยไปกับสายน้ำ เสมือนการขอขมาขอโทษกับสิ่งที่ทำไป พุดจีบเดินตรงมาหา
“กาหลงทำอย่างนั้นทำไม”
กาหลงเงยหน้าหันมา น้ำตาไหล
“ฉันไม่คิดก่อเวรสร้างกรรม ฉันอุตส่าห์รักษาศีล แต่พวกมันจองล้างฉัน ฉันสะกดใจไม่ไหว จำต้องรักษาตัว หากไม่เช่นนั้น คนที่ต้องเสียท่าก็คือฉัน”
พุดจีบปลอบใจ
“กาหลงก็รู้ ยิ่งฆ่าคนมากเท่าไหร่กรรมยิ่งหนักหนายากจะแก้ไข แล้วกาหลงจะอยู่กับพี่ไม้ได้นานแค่ไหน”
กาหลงยิ่งฟังก็ยิ่งเสียใจ ไม่มีทางออกใดๆ เธอร้องไห้ออกมาอย่างหนัก พุดจีบสงสารเข้าสวมกอด
“ฉันจะช่วยกาหลง ช่วยแผ่บุญหนุนนำให้”
กาหลงกอดพุดจีบ ร้องไห้อยู่ที่ริมท่าน้ำ
สัปเหร่อขาวยืนยันกับชาวบ้าน
“เมื่อคืนข้ากลับมาดึกดื่น ข้าเห็นผีเล่นงาน ที่นี่มีผี”
สัปเหร่อขาวประกาศอย่างวีรบุรุษ จันเข้าไปตบปาก
“โอ๊ย ตบข้าทำไม”
“กลับมาแล้วทำไมไม่เข้าเรือน ดอดไปนอนกกใคร”
จันเข้าไปดึงหู สัปเหร่อขาวดิ้นเจ็บมองเห็นยายมา ก็จะเรียกให้ช่วย
“โอ๊ย...ยายมาช่วย...”
จันไม่พอใจหันขวับไปหายายมา
“ยายมา”
ยายมาสะดุ้งตกใจ
“เอ้าเหวย”
ตาสรสะอื้นเสียใจ
“เมียทรยศ เอ็งหลอกสวมเขาให้ข้า”
จันหันไปด่ายายมา
“แก่จะลงโลงยังคิดแย่งผัวข้า”
“หยุดเทียวนะ ข้าใช่วันทองสองใจเหมือนเอ็งเสียเมื่อไร ผัวไม่อยู่คบชู้จูงมือพ่อเฟื้องเดินตลาด” ยายมาโวยกลับ
เฟื้องและจันสะดุ้ง เพราะตกใจ สัปเหร่อขาวหันไปมองเฟื้อง
“ชิชะนังนี่ ข้าไม่อยู่เอ็งก็ปันใจให้ไอ้อ้วนพุงพลุ้ย ไอ้แก่ไร้น้ำยา”
เฟื้องฉุนกึก
“เอ้าเอ๊ย...พูดงี้มาดวลเสียสักตั้งให้รู้ว่าข้าแก่ก็เตะโอ่งแตก”
เฟื้องและสัปเหร่อขาวตั้งท่าจะทะเลาะกัน ช่วงไม่พอใจตวาดเสียงดัง เอาดาบมาขู่
“เลิกเห่าหอนกันได้แล้ว เรื่องในมุ้งไปคุยกันเอง สัปเหร่อขาว เอ็งบอกว่าเห็นผี เอ็งก็บอกให้รู้แจ้งไปว่าผีตนนั้นเป็นใคร”
ไม้หันไปหาสัปเหร่อขาว
“พ่อ...พ่อพูดมาเถอะ พูดให้รู้กันเสียทีว่าใครกันกุเรื่องโกหก”
ทุกคนหันไปมองสัปเหร่อขาว รอฟังคำตอบ สัปเหร่อขาวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน...กาหลงจะบีบคอ สัปเหร่อขาวก้มด้วยความกลัวหน้าก้มมองที่พื้นซึ่งมีแอ่งน้ำ ภาพสะท้อนในแอ่งน้ำ เป็นหน้ากาหลง สัปเหร่อขาวตกใจเมื่อรู้ว่าผีตนนี้คือกาหลง
จบตอนที่ 10
อ่านต่อตอนที่ 11 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.