xs
xsm
sm
md
lg

เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 9

จามจุรียื่นซองทำบุญให้ที่กลางวงของบรรดาพนักงาน

"สร้าง ‘ระฆัง’ จะได้โด่งดังมีพลังก้องกังวาน เรียกงานเข้า โชคเข้า วาสนาเข้า บารมีเข้า"
มอลลี่ ลูกกอล์ฟและพนักงานบางส่วนม้วนตัวหลบเฟดไปจนเหลือบางคนที่สนใจควัก 10-20 ใส่ซองตามศรัทธาพร้อมกับยกมือภาวนาสาธุ
จามจุรีเรียกดักไว้ "มอลลี่!! ลูกกอล์ฟ!”
"โห!!! วันก่อนก็เพิ่งจะเติมน้ำมันตะเกียงนะคะคุณเจเจ" มอลลี่บอก
"ของเค้าก็เพิ่งทำบุญฝังลูกนิมิตไปนะค้าบจำได้ป่ะ?” ลูกกอล์ฟว่า
"ตามใจ!” จามจุรีบอก "ก็หวังดี!! มีบุญก็อยากจะบอกบุญให้ทั่วถึง"
จามจุรีหันไปเห็นนัครินทร์เดินง่อย ๆ เซ็ง ๆ เข้ามาก็ตกใจ
"คุณพระ!! วันนี้ท่านรองฯมาทำงานด้วย?”
"หวยจะออกอะไรอ่ะครับงวดนี้คุณเจเจ?” ลูกกอล์ฟถาม
"น่าจะ ..แอร้ย!! บ้า!! บาปกรรม" จามจุรีทักนัครินทร์ "สวัสดีค่ะท่านรองฯ"
ทุกคนสวัสดีกันเกรียว
"อือ..."​นัครินทร์เดินเลยไปเฉย ๆ
ทุกคนงง "อ้าว?”
ทุกคนเม้าท์กันแซดว่าอะไร? ยังไง? ทำไมวันนี้มาแปลก?

นัครินทร์ทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาดังโครม ประกายเดือนยืนมอง ๆ ก่อนจะไม่สนใจแล้วเริ่มรายงาน
“10 โมงครึ่ง มีนัดประชุมฝ่ายจัดซื้อ ดิฉันยกเลิกไปแล้วเพราะ" ประกายเดือนกัด "นี่มันก็ 11 โมงกว่าเข้าไปแล้ว"
นัครินทร์นอนหลับตาพูด "ดี!!”
"บ่ายโมงครึ่งมีนัดดูสินค้า..”
นัครินทร์นอนหลับตาพูด "ยกเลิก!”
"คะ?”
นัครินทร์นอนหลับตาพูดโดยลากเสียงยาว "ยกเลิก"
ประกายเดือนยักไหล่ "ค่ะ!! 4 โมงเย็นมี..”
นัครินทร์ทวนคำ "ยกเลิก!!”
ประกายเดือนตกใจ "ห๊า?!!”
นัครินทร์ลืมตาพรึ่บ "จะห๊าทำไมฮะ?? ก็บอกให้ยกเลิกไง"
ประกายเดือนตัดสินใจพูด "ท่านรองฯคะ จะดีเหรอคะ อุตส่าห์มาทำงาน แต่ไม่ทำงาน นี่ถ้าท่านประธานทราบว่าคุณไม่ทุ่มเทให้บริษัทก็คงจะ..”
นัครินทร์ลุกพรึ่บขึ้นนั่งทันที "จะทำไม?! ท่านประธานของคุณแหละตัวดี ถึงว่าสิ..หมู่นี้เบี้ยวงานถี่ที่แท้ก็แอบซุกหญิงไว้ในบ้าน"
ประกายเดือนงง "ซุกหญิง?”
"ใช่!! พยาบาลคนใหม่..เซี๊ยะมาก!”
ประกายเดือน Get แล้วก็อมยิ้มขำ
นัครินทร์บ่น "มิน่า..ด่าเราอยู่นั่นล่ะ ให้ขยันมาทำงานงู้นงี้แล้วทีตัวเองล่ะ โห่..อู้งานพาสาวไปเที่ยว"
ประกายเดือนตาโต "อ๋อ..นี่เค้าไปเที่ยวกันด้วยเหรอคะ?”
"ก็เออสิ.." นัครินทร์สะดุ้ง "เฮ้ย!! เกี่ยวอะไรด้วย?”
"เอ๊า!! แล้วท่านรองฯ มาเล่าให้ดิฉันฟังทำไม" ประกายเดือนถาม
"ผมไม่ได้เล่าฮะ ผมบ่นฮะ—บ่น--เข้าใจมั้ยฮะ?
"เข้าใจค่ะ" ประกายเดือนดู iPad "อ้อ! งั้นสรุปว่าวันนี้ยกเลิกนัดทุกอย่างเลยนะคะ รวมทั้งนัดเลี้ยงลูกค้าญี่ปุ่นคืนนี้ ทุ่มครึ่งด้วย"
นัครินทร์ตาโตทันที "ไม่ยกเลิก!! อันนี้เอา"
ประกายเดือนงง "อ้าว"
"คอนเฟริ์มลูกค้าญี่ปุ่น เลื่อนเร็วขึ้นด้วย เป็นทุ่มนึงห้ามเลท!!!” นัครินทร์บอก
ประกายเดือนเซ็ง "รับทราบค่ะ" ประกายเดือนจะเดินออก
นัครินทร์พูดขึ้น "และที่สำคัญ..
ประกายเดือนชะงัก
"คุณต้องไปกับผมด้วย!!” นัครินทร์บอก
ประกายเดือนรีบหันมาอยางรวดเร็ว "อะไรนะคะ?”
"นี่เป็นงานสำคัญ ลูกค้าคนนี้สำคัญมาก" นัครินทร์เลียนแบบ "ถ้าท่านประธานทราบว่าคุณไม่ทุ่มเทให้บริษัท—มันคงจะไม่ดีแน่..จริงมั้ยฮะ?”
ประกายเดือนจ้องอย่างเคือง ก่อนจะสะบัดตัวออกไป
นัครินทรตะโกนตามไล่หลัง "หกโมงเป๊ะออกนะฮะคุณเลขาฯ" นัครินทร์ยิ้มกริ่ม "เอาวะ!! ถึงคุณเลขาฯจะไม่เซียะเท่าคุณพยาบาล แต่นางก็ขาวและอึ๋มนะคร้าบพี่คิน"
นัครินทร์กระโดดลงนอนโซฟาสบายอารมณ์ขึ้น


เครื่องบินร่อนลงจอดที่สนามบิน นาคินทร์เดินลงมาแล้วเรียกปานตะวันที่ยังยึกยักไม่ยอมลง
"จะลงมาดี ๆ หรือจะให้ผมอุ้มลงมา?” นาคินทร์ถาม
ปานตะวันเคือง "ฉันลงเองได้"
นาคินทร์อมยิ้ม "ลงเองได้ก็ลงมาสิครับ"
ปานตะวันฮึดฮัดไม่เต็มใจ แล้วก็เหยียบบันไดพลาดทำให้เซลงมา นาคินทร์เข้ามารับไว้ในอ้อมกอด ทั้งสองหน้าใกล้กัน ปานตะวันหวั่นไหวจึงรีบผละออก
"ไหนว่าลงเองได้?”
ปานตะวันจ้องหน้า "ตกลงคุณจะพาฉันไปไหนคะ..คุณนาคินทร์"
นาคินทร์มองแล้วก็ยิ้มน้อย ๆ แต่ไม่ตอบ


บ้านเขาใหญ่สวยงามและโรแมนติกสุด ๆ รถรับ-ส่งแล่นเข้ามาจอด นาคินทร์ก้าวลงมา
"ถึงแล้วครับ..ลงมาสิ"
ปานตะวันค่อย ๆ ลงมายืนมอง เธอแอบตะลึงไปกับความสวยงามและบรรยากาศรอบๆ ตัว
ปานตะวันหลุดปาก "สวยจังเลย"
"เหมาะกับคนสวย ๆ อย่างคุณ" นาคินทร์บอก
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์ยิ้มให้แบบชวนให้ใจละลายสุดๆ

ปานตะวันค่อย ๆ เดินมาหยุดยืนที่ระเบียง เธอตื่นตะลึงกับบรรยากาศตรงหน้า ปานตะวันเผลอยิ้มอย่างสดชื่น แล้วนาคินทร์ก็เดินเข้ามาท้าวแขนกับระเบียงก่อนจะล็อคปานตะวันไว้ในอ้อมแขน ทั้งสองหน้าใกล้ชิดกัน
"ชอบมั้ยครับ?”
ปานตะวันสะดุ้งแล้วก็จะเบี่ยงตัว แต่ติดแขนนาคินทร์เลยต้องทำตัวแข็งแทน "เอ่อ...”
นาคินทร์พูดเสียงหวาน "บ้านหลังนี้..ผมตั้งใจสร้างไว้เพื่ออยู่กับคนที่ผมรัก"
ปานตะวันอึ้งและไม่รู้ ‘นัยยะซ่อนแร้น’ ของนาคินทร์ว่าหมายถึง ‘กนกวลี’
นาคินทร์ยิ้มน้อย ๆ "คุณคงไม่รู้หรอกว่าผมดีใจแค่ไหนที่ได้พาคุณมาที่นี่" นาคินทร์จ้องตาปานตะวัน
ปานตะวันยิ่งเคลิ้ม ทั้งสองจ้องตากัน นาคินทร์ค่อย ๆ ก้มหน้าเข้าไปใกล้ ทันใดนั้นปานตะวันได้สติก็เรียกเขาทันที
"คุณนาคินทร์คะ!!”
"ครับ? ว่าไงครับ?”
ปานตะวันหาทางออก "คือ..เอ่อ..ฉันยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้า"
นาคินทร์อมยิ้มอย่างรู้ทัน "ผมจะทำให้คุณอิ่มแน่..”
ปานตะวันตาโต ตกใจ แล้วทำท่าจะโวย
นาคินทร์ขำ "อยากทานอะไรครับ ผมจะทำให้คุณทานเอง"
ปานตะวันค้อน นาคินทร์ยิ้มเต็มที่อย่างดูบริสุทธิ์ใจ ปานตะวันแอบโล่งอก



นาคินทร์ทำอาหาร โดยมีปานตะวันเข้ามาช่วย ทั้งสองเริ่มเป็นกันเอง ผ่อนคลาย ทำนู่นนี่นั่น เลอะเทอะ มีการแกล้งกัน มีการชวนชิม นาคินทร์ป้อนอาหารให้ปานตะวันชิม ปานตะวันทำท่าโอเค


เวลาผ่านไป ปานตะวันนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร นาคินทร์วางสปาเก็ตตี้ที่ดูน่ากินมากตรงหน้าปานตะวัน
"สปาเก็ตตี้ของคุณครับ"
ปานตะวันมองแบบทึ่งๆ ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ
นาคินทร์วางชามสลัดตรงกลาง "สลัด" นาคินทร์ยิ้ม "เพื่อสุขภาพ.." นาคินทร์ตักใส่จานเล็กที่วางอยู่ตรงหน้าปานตะวัน "เราแบ่งกัน" นาคินทร์นั่งลงมองสเต็กเนื้อที่วางอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้ว "และนี่..สเต็กเนื้อของผม"
ปานตะวันแอบย่นจมูกนิดนึง
นาคินทร์สังเกตเห็น "ทำไมครับ? ไม่ชอบทานเนื้อเหรอครับ?”
ปานตะวันส่ายหน้าน้อย ๆ "ไม่ค่อยชอบค่ะ..สงสาร"
นาคินทร์เลิกคิ้วมอง "สงสาร?”
"ค่ะ..ถ้าเลี่ยงได้ ฉันก็จะเลี่ยงไม่ทานสัตว์ใหญ่" ปานตะวันบอก
นาคินทร์ยิ้มน้อย ๆ "จะเล็กจะใหญ่ก็เหมือนกันล่ะครับ มีความรู้สึก..เจ็บปวดเป็นเหมือนกันทั้งนั้น"
ปานตะวันมองนาคินทร์ที่พูดจาแปลก ๆ
นาคินทร์ยิ้มแฉ่งแล้วก็เปลี่ยนเรื่อง "คุณต้องทานครับ..อร่อยมาก"
นาคินทร์หั่นเนื้อพอคำแล้วก็ใช้ส้อมจิ้มจะป้อนปานตะวัน
"ไม่ดีกว่าค่ะ"
"ลองซักคำเถอะครับ รับรองว่าถ้าคุณได้ลิ้มลองรสชาติของมัน คุณจะต้องติดใจ..ไม่มีวันลืม"
ปานตะวันจำใจจะหยิบส้อมมาจากนาคินทร์
นาคินทร์ไม่ยอม "ผมป้อน.." นาคินทร์ยิ้มให้
ปานตะวันจำใจทานเนื้อที่นาคินทร์ป้อนให้ ตอนแรกเธอดูฝืน ๆ แต่พอเคี้ยวแล้วก็รู้สึกประหลาดใจมาก
นาคินทร์ยิ้ม "นุ่มมากใช่มั้ยครับ?”
ปานตะวันอึ้ง "ค่ะ..นุ่มมากเลย"
นาคินทร์ยิ้มแล้วก็หั่นเนื้อ "นี่คือเนื้อวากิวครับ เป็นเนื้อชั้นเยี่ยม อร่อยมาก นุ่มมาก แล้วก็ราคาแพงมากด้วย" นาคินทร์จิ้มเนื้อเข้าปาก
"เหรอคะ?" ปานตะวันยังเคี้ยวอยู่ "จริงด้วย อร่อยอย่างนี้คงต้องแพงมากๆ"
นาคินทร์ยิ้ม "บ้านเราถ้านำเข้าจากญี่ปุ่นก็กิโลละประมาณ 20,000”
“20,000!" ปานตะวันสำลัก "แค่ก ๆๆ"
นาคินทร์ขำแล้วก็รีบยื่นน้ำให้ดื่ม
"ใจเย็นครับ ดื่มน้ำก่อน"
ปานตะวันรีบรับน้ำมาดื่มอึ่ก ๆๆ แล้วทำหน้าสยอง "เนื้ออะไรทำไมถึงได้แพงขนาดนั้นคะเนี่ย?”
นาคินทร์เล่าไป กินไปแบบชิลด์ ๆ "เนื้อวากิวมีต้นกำเนิดจากญี่ปุ่น วัวสายพันธุ์นี้ต้องเลี้ยงแบบพิเศษสุด ในบรรยากาศที่เงียบสงบ ภายในโรงเลี้ยงที่อากาศเย็นสบาย"
ปานตะวันตาโตกับข้อมูลที่ได้รับ
นาคินทร์ยิ้มน้อย ๆ แล้วมองปานตะวัน "มันจะได้รับอาหารบำรุงอย่างดีตลอดเวลา 3 ปีเต็ม เพื่อจะได้มีเนื้อมาก ๆ ที่สำคัญเพื่อช่วยระบบย่อยอาหารและรู้สึกผ่อนคลาย เค้าจะให้มันกินเบียร์อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง"
ปานตะวันตกใจ "อะไรนะคะ? วัวต้องกินเบียร์ด้วย?”
นาคินทร์ยิ้ม ๆ พร้อมกับพยักหน้า "แค่นั้นยังไม่พอ เค้าจะต้องนวดให้มัน แปรงขนให้มัน" นาคินทร์มองปานตะวัน "ทำทุกอย่างให้มันมีความสุขที่สุด"
ปานตะวันประหลาดใจมาก เธอยิ้มแล้วส่ายหน้า "โห..ไม่อยากจะเชื่อ"
นาคินทร์จ้องปานตะวัน "เชื่อเถอะครับ..”
ปานตะวันนั่งฟังต่อตาแป๋ว
นาคินทร์เล่าต่อ "และเมื่อเค้าทำทุกอย่างให้มันมีความสุขที่สุดแล้ว" นาคินทร์พูดเสียงเยือกเย็น "อีกไม่นาน เค้าก็จะเชือดมัน"
ปานตะวันหน้าสลดโดยไม่ทันรู้สึกถึงความหมายของนาคินทร์ "โธ่..น่าสงสาร"
นาคินทร์มองด้วยความสงสารก่อนจะตัดเนื้ออีกชิ้นชูขึ้น "เนื้อมันถึงได้นุ่มคุ้มค่าแก่การรอคอยอย่างนี้ไงครับ" นาคินทร์จะป้อนปานตะวัน "อีกซักคำนะครับ"
ปานตะวันรีบส่ายหน้า "ไม่ล่ะค่ะ..ยิ่งฟังยิ่งน่าสงสาร..ฉันทานไม่ลงจริง ๆ"
นาคินทร์มองหน้าปานตะวันก่อนจะกินเนื้อคำนั้นซะเอง เขาเคี้ยวช้า ๆ
นาคินทร์จ้องหน้าปานตะวัน "แต่สำหรับผม..ผมชอบมาก"
ปานตะวันไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร เธอยิ้มแหะ ๆ ก่อนจะทำหน้าไม่เอาด้วย ปานตะวันจิ้มผักสลัดกิน นาคินทร์มองปานตะวันแล้วคิดในใจ
"สงสารตัวเองก่อนจะดีกว่าปานตะวัน เพราะจากนี้ไป คุณก็จะไม่ต่างจากวัวพวกนั้น ผมจะทำทุกอย่างให้คุณมีความสุขที่สุดและหลังจากนั้น..ก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องชดใช้ให้ผม..และกนก"
ปานตะวันเห็นนาคินทร์มองอยู่ก็ยิ้มให้ นาคินทร์ยิ้มตอบหวาน

อ่านต่อหน้าที่ 2


เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 9 (ต่อ)

ประกายเดือนวางเนื้อลงบนกะทะเสียงดังฉ่า ประกายเดือนทำหน้าเซ็งแล้วก็กลอกตาอย่างเบื่อสุดๆ ที่ต้องนั่งปิ้งเนื้อให้นัครินทร์กับ ทาเคชิลูกค้าญี่ปุ่นที่นั่งประกบซ้าย ประกบขวาอยู่

ทาเคชิหัวเราะอารมณ์ดีโอเว่อร์เพราะเริ่มกึ่มๆ "อาริงาโตะ..ฮ่า ๆๆ เลขาฯของคุณ" ทาเคชิยกนิ้วโป้งให้ "สุโค่ย"
ประกายเดือนหัวเราะแหะ ๆ แล้วเบ้ปาก
"ผมอยากจ้างคุณไปเป็นเลขาฯที่โตเกียว โตเกียวสวยมากคุณต้องชอบ" ทาเคชิบอก
ประกายเดือนเหล่มาที่นัครินทร์ "ไงดีคะ..ท่านรองฯ?!”
นัครินทร์เริ่มเหล่ทาเคชิเช่นกัน "ผมว่าเรามาคุยเรื่องสัญญากันดีกว่ามั้ยฮะ..คุณทาเคชิ?”
ทาเคชิไม่สน เขาถามประกายเดือน "คุณมีแฟนหรือยังคับ?”
"ยังค่ะ!! ยังไม่มี!!”
นัครินทร์พูดทันที "เฮ้ย! ทำไมไปโกหกคุณทาเคชิเค้าแบบนั้น มีแฟนแล้วก็บอกเค้าไป ไม่เห็นจะต้องโกหกกันเลย--ใช่มั้ยฮะ..คุณทาเคชิ?”
ประกายเดือนงง "หา? ดิฉันยังไม่มี.." ประกายเดือนจะพูดต่อ
นัครินทร์พูดสวนทาเคชิ "เลขาฯ ผมเค้าแฟนเยอะฮะ..อย่าไปยุ่งเลย"
ทาเคชิตบเข่าฉาด "อย่างนี้สิดี..ผมชอบ..คนญี่ปุ่นชอบ การแข่งขัน!" ทาเคชิส่งตาหวานให้ประกายเดือน "ทั้งสวย น่ารัก คาวาอิเน้อย่างนี้ก็ต้องมีผู้ชายมาชอบเยอะ..จริงมั้ยคับ"
ไม่ถามเปล่าทาเคชิจะเอามือมาจับขาอ่อนประกายเดือนด้วย นัครินทร์ไวกว่าจึงรีบกระโดดมาแทรกแทนที่ประกายเดือน ทำให้มือทาเคชิตะปบขาอ่อนของนัครินทร์แทน ทาเคชิไม่รู้เพราะกำลังหลับตาพริ้ม และลูบไล้ ในขณะที่นัครินทร์จ้องทาเคชิอยู่ ซักพักทาเคชิเอะใจก็ลืมตามองแล้วก็สะดุ้ง
ทาเคชิอุทานลั่น "คุณนัค!! ถึงว่า..ทำไมมันแข็ง ๆ..เออ..ผมอิ่มแล้ว"
"ดีฮะ!! งั้นสรุปเรื่องสัญญากันเลยดีกว่าฮะ" นัครินทร์บอก
ประกายเดือนรีบควักแฟ้มสัญญาออกมา
"ผมอยากร้องคาราโอเกะ!” ทาเคชิบอก
นัครินทร์กับประกายเดือนมองหน้ากันคล้ายจะพูดพร้อมกันว่าอะไรวะ?


ทาเคชิที่กึ่มได้ที่กำลังเดี่ยวไมโครโฟนอย่างเมามัน
ประกายเดือนเซ็งสุดๆ "ท่านรองฯ คะ เมื่อไหร่ลูกค้าท่านรองฯจะเซ็นต์สัญญาซะทีคะ?”
"น่า..อย่าขี้บ่นนักเลยน่ะ" นัครินทร์เห็นทาเคชิชอบเหล่มองขาอ่อนประกายเดือน "นี่! วันหลังอย่านุ่งสั้นนักสิฮะอยากโชว์นักรึไง?”
ประกายเดือนตะปบกระโปรงตัวเอง "แหม.." ประกายเดือนบ่น "ทีตัวเองล่ะ..ตะก่อนยังเคยแอบดูเค้าจนตกโซฟา"
"อะไรนะห๊า?? ใครแอบดูฮะ?? ขอโทษนะฮะ ผมไม่ใช่อีตาทาเคชิชีกอนั่นนะฮะอ้อ! อีกอย่าง..จำไว้เลย..คนอย่างผม ไม่มีวันทำตัวเป็น “สมภารกินไก่วัด” เด็ดขาด"
ประกายเดือนกำลังจะอ้าปากเถียง แต่นัครินทร์ถอดสูทมาคลุมขาอ่อนให้ทำเอาประกายเดือนอึ้งไป
นัครินทร์ค้อน "ใครเค้าจะอยากดู!!”
ประกายเดือนอมยิ้ม
ทั้งสองคนเชิดและวางฟอร์มใส่กัน
ทาเคชิปรี่เข้ามาคว้าข้อมือประกายเดือน "คุณเลขาฯมาร้องเพลงกัน"
"ว้าย!! ไม่เอาค่ะ ฉันไม่ร้อง"
"ถ้าไม่ร้อง ผมไม่เซ็นต์สัญญานะ"
นัครินทร์เคลียร์ "มา..ผมร้องแทนเอง ร้องคู่กับผมก็ได้ฮะคุณทาเคชิ"
"ผมไม่อยากร้องเพลงกับคุณ ผมจะร้องกับคุณเลขาฯ คนเดียว"
เจ้านายกับเลขาฯ มองหน้ากันว่าจะเอาไงดีวะ?
ทาเคชิขู่อีก "ถ้าไม่ร้อง ผมไม่เซ็นต์"
นัครินทร์โพล่งออกมา "โอเค! ไม่เซ็นต์ก็ไม่ต้องเซ็นต์"
ประกายเดือนตกใจ "เฮ้ย!! ไม่ได้นะคะท่านรองฯ
นัครินทร์คว้าข้อมือประกายเดือน "ไป!! กลับ!!”
ประกายเดือนยื้อ "ไมได้นะคะ ลูกค้ารายนี้สำคัญมาก บิลลิ่งหลายร้อยล้านนะคะ"
"ช่างมัน!!” นัครินทร์ว่า
ประกายเดือนไม่สน เธอพุ่งไปคว้าไมโครโฟนแล้วพูดกับทาเคชิ "มาค่ะ!! อยากร้องนักใช่มั้ย?? แต่ถ้าคุณวางไมค์เมื่อไหร่--ต้องเซ็นต์สัญญาทันทีนะคะ โอเคมั้ย?”
"โอเค้!!” ทาเคชิตอบ
นัครินทร์ไม่พอใจ "คุณ?”
ประกายเดือนยักคิ้วให้แบบเชิดๆ ก่อนจะปรี่ไปประชันไมโครโฟนกับทาเคชิ นัครินทร์เกาหัวแกรก ๆ


ปานตะวันนั่งชิลด์มองวิวทิวทัศน์ยามค่ำอยู่ริมสระน้ำ สักพักเธอเริ่มรู้สึกเย็น ๆ และก็เป็น ‘นาคินทร์’ ที่ค่อย ๆ เอาผ้าคลุมไหล่มาห่มให้เธออย่างนุ่มนวล
ปานตะวันหันไปมอง "ขอบคุณค่ะ"
"ทำไมมานั่งข้างนอกครับ ยิ่งดึกอากาศจะยิ่งเย็น"
"ถ้างั้น..เดี๋ยวจะดึกมากเกินไป..กลับกันเถอะค่ะ"
"กลับ?? หมายความว่ายังไงครับ?”
"อ้าว..ก็หมายความว่า เราน่าจะกลับกันได้แล้วนะคะ ดึกป่านนี้ คุณนารถคงจะคอยฉันแย่แล้ว"
นาคินทร์ยิ้ม "ยัยนารถจะคอยคุณได้ยังไง ก็เค้าเองเป็นคนบอกให้ ผมพาคุณมาพักผ่อน"
"แต่..นี่ฉันก็พักผ่อนพอแล้ว"
นาคินทร์ส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วยิ้ม "ยังไม่พอหรอกครับ..มันยังน้อยไป"
ปานตะวันผุดลุกขึ้นทันที "ไม่ล่ะค่ะ..ฉันอยากกลับแล้ว"
นาคินทร์ลุกพรึ่บขึ้นมาขวาง "ผมยังไม่อยาก"
ปานตะวันขยับตัว นาคินทร์รวบเอวเธอไว้แล้วจ้องตาอย่างจริงใจ
"ผมเฝ้ารอคอยวันนี้มาตั้งนาน รอคอยที่จะพาคุณมาที่นี่อยู่กับผมอีกซักนิดได้มั้ยครับ"
ปานตะวันเจอสายตาเว้าวอน น้ำเสียงออดอ้อนของนาคินทร์ก็อดใจอ่อนไม่ได้
นาคินทร์ค่อย ๆ เอามือปัดผมที่ปรกหน้าผากของปานตะวัน "ตั้งแต่คนรักของผมจากไป ผมไม่เคยเฝ้ารอที่จะได้พบผู้หญิงคนไหน..นอกจากคุณ"
ปานตะวันเลิกคิ้วมองอย่างงง ๆ
"ทำไมคะ..ทำไมต้องเป็นฉัน?”
นาคินทร์ยิ้มน้อย ๆ "ฟ้าคงจะลิขิตไว้..ให้ต้องเป็นคุณ"
ปานตะวันเจอคำหวานและสายตาทะลวงใจของนาคินทร์เข้าไปก็ถึงกับเคลิ้ม นาคินทร์ไม่ปล่อยโอกาสทอง ค่อย ๆ โน้มตัวลงจูบหน้าผากปานตะวันเบา ๆ เมื่อเห็นว่าปานตะวันไม่ขัดขืนเขาก็โน้มลงจะจูบปาก แต่ปานตะวันเอี้ยวตัวหลบเขิน ๆ พร้อมกับผลักนาคินทร์เบา ๆ แล้วฉากตัวหลุดออกมาจากอ้อมกอดของนาคินทร์ได้ นาคินทร์ยิ้มน้อย ๆ พร้อมทั้งส่ายหน้ามองปานตะวันคล้ายจะพูดว่าร้ายนักนะ?! ปานตะวันเห็นท่าไม่ดีก็อมยิ้มแล้วจะวิ่งหนี แต่นาคินทร์พุ่งรวบตัวไว้ได้และแรงจนพาเอาปานตะวันหล่นลงสระกันไปทั้งคู่ แล้วทั้งคู่ก็เล่นน้ำในสระด้วยกันเลย

ปานตะวันในชุดคลุมสีขาวเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ แล้วเธอก็ตกใจเมื่อเห็นนาคินทร์เอนกายสบาย ๆ อยู่บนโซฟา ปานตะวันรีบขยับชุดคลุมให้แน่นขึ้น
"คุณ..มานั่งทำไมตรงนี้คะ?”
"ใครบอกนั่ง? ผมจะมานอน"
พูดจบนาคินทร์ก็กระโดดพุ่งลงนอนบนเตียงทันที
ปานตะวันตกใจ "นอน? เดี๋ยวเราก็จะกลับกันแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
"ดึกป่านนี้แล้ว เดินทางดึก ๆ อย่างนี้มันอันตราย"
ปานตะวันบ่นพึมพำ "ฉันว่าอยู่ตรงนี้อันตรายกว่าเยอะ"
นาคินทร์เหล่ "บ่นอะไร? ผมได้ยินนะครับ"
ปานตะวันหาทาง "แต่..ใครจะดูแลคุณนารถละคะ.." ปานตะวันพูดไม่ทันขาดคำก็จาม "ฮัดเช้ย!!”
นาคินทร์ขำ "นั่นไง!! ดูแลตัวเองก่อนดีมั้ย" นาคินทร์ลุกมาดึงมือปานตะวันให้นั่งลงบนเตียง "นั่งลง" นาคินทร์คว้าผ้าขนหนูจากปานตะวันมาถือไว้ ปานตะวันทำท่าจะขัดขืน "อยู่เฉย ๆ!!”
นาคินทร์ค่อย ๆ เช็ดผมให้ปานตะวันอย่างนุ่มนวล ปานตะวันยังทำคอแข็งอยู่
นาคินทร์เช็ดไปพูดไป "คุณดูแลคนอื่นมาเยอะแล้ว"
ปานตะวันอึ้ง จุก และน้ำตารื้น
นาคินทร์ปัดผมที่หน้าผากของปานตะวัน "ให้ผมดูแลคุณบ้าง"
ทั้งสองจ้องตากัน นาคินทร์ ๆ เอา 2 มือประคองหน้าปานตะวันใช้นิ้วนวดเบา ๆ ที่ขมับทั้งสองข้างโดยที่ตาของทั้งสองก็ยังจ้องกันอยู่
“..สบายขึ้นมั้ย?..” นาคินทร์ถาม
ปานตะวันแปลกใจ "คุณนวดเป็นด้วยเหรอคะเนี่ย?”
นาคินทร์ยิ้มน้อย ๆ "ผมยังทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิดอีกเยอะ"
นาคินทร์ค่อย ๆ ไล่มือไปที่ต้นคอแล้วก็นวดช้า ๆ ปานตะวันรู้สึกสบาย นาคินทร์ค่อย ๆ เปิดชุดคลุมที่ไหล่ของปานตะวันออก ปานตะวันสะดุ้งแล้วจะขัดขืนแต่นาคินทร์ใช้ทั้งสองมือกดไหล่เนียน ๆ ของปานตะวันไว้
"ชู่ว์!! อยู่เฉย ๆ"
ปานตะวันทำหน้าแหย ๆ นาคินทร์ลงมือนวดไหล่ให้ปานตะวันจนเธอรู้สึกผ่อนคลายและเคลิบเคลิ้ม ปานตะวันหลับตาลง นาคินทร์ลอบมองใบหน้าสวยใสของปานตะวันแล้วก็ค่อย ๆ ก้มลงจะจูบ แต่ปานตะวันขำขึ้นมา
นาคินทร์ชะงัก "ขำอะไรครับ?”
ปานตะวันหลับตาพูด "นี่ถ้าคุณให้ฉันดื่มเบียร์ด้วยล่ะก้อ.. ฉันคงกลายเป็นวัววากิวอะไรของคุณนั่นแน่ ๆ เลย"
นาคินทร์อึ้งเพราะโดนใจ
ปานตะวันเอะใจที่นาคินทร์เงียบไป เธอก็เลยลืมตามอง "เอ่อ..ฉันพูดเล่นน่ะค่ะ"
นาคินทร์ยิ้ม "ตั้งแต่รู้จักกันมา ผมเพิ่งจะได้ยินคุณพูดเล่น--พูดเล่นเป็นด้วยเหรอครับ?”
ปานตะวันเขินมาก
นาคินทร์ลูบผมปานตะวัน "ผมดีใจนะครับที่ได้เห็นคุณมีความสุขแบบนี้"
ทั้งสองมองตากันครู่หนึ่ง
"เอ่อ..ตกลงฉันต้องค้างคืนที่นี่จริง ๆ เหรอคะ?” ปานตะวันถาม
นาคินทร์พยักหน้าตาแป๋ว "เรา..ไม่ใช่ ‘ฉัน’ คนเดียว"
ปานตะวันแอบค้อน "งั้นคุณก็ไปนอนห้องคุณได้แล้ว พรุ่งนี้จะได้กลับกันแต่เช้า"
"จะให้ไปนอนห้องไหน? ก็เนี่ยล่ะห้องผม"
ปานตะวันงง "อ้าว..แล้วห้องฉันล่ะคะ?”
"ก็ห้องนี้แหละ"
"หา? ห้องนี้?”
นาคินทร์ขำ "อ้าว..ผมลืมบอกคุณใช่มั้ยเนี่ยว่าบ้านหลังนี้..มีห้องนอนแค่ห้องเดียว"
ปานตะวันตกใจจนเหวอ "มีห้องนอนแค่ห้องเดียว?”
นาคินทร์ทำหน้ายืนยันว่าถูกต้องที่สุด ปานตะวันเหวอ


ประกายเดือนร้องคาราโอเกะอย่างเมามัน เธอพยายามจับทาเคชิเต้นระบำซะจนหัวหมุน ทาเคชิเซแซ่ด ๆ จนในที่สุดก็ต้องวางไมโครโฟนแล้วยกมือยอมแพ้
"ยอมแล้ว..ผมยอมแพ้แล้ว"
ประกายเดือนกับนัครินทร์ดีใจกระโดดจนตัวลอยแล้วก็เผลอกอดกันกลม สักพักทั้งสองนึกได้ก็ชะงักแล้วจ้องหน้ากัน ประกายเดือนผลัก นัครินทร์กระเด็น
"อะไรเนี่ย? อย่ามาเนียน" ประกายเดือนว่า
"ใครฮะ? ใครเนียนฮะ? ตะกี้คุณโดดกอดผมก่อน"
ประกายเดือนย้อน "คุณโดดก่อน"
"คุณสิโดดก่อน"
"คุณ...”
ทาเคชิโวย "จะเถียงกันอีกนานมั้ยคับ?”
ทั้งสองคนชะงัก
ทาเคชิหอบ "จะเซ็นต์มั้ยคับ สัญญา"
ประกายเดือนกับนัครินทร์รีบพูดพร้อมกัน "เซ็นต์ฮะ / เซ็นต์ค่ะ"
ประกายเดือนรีบหยิบแฟ้มสัญญามาเปิดแล้วส่งปากกาให้ทาเคชิเซนต์อย่างมึน ๆ ประกายเดือนรีบส่งปากกาให้นัครินทร์เซ็นต์ นัครินทร์เซ็นต์เสร็จก็รีบเช็คแฮนด์กับทาเคชิ
นัครินทร์พูด "อาริงาโตะ..อาริงาโตะฮะ"
ทาเคชิยื่นมือเช็คแฮนด์กับประกายเดือนตาวาวด้วยความชอบใจ
"คุณเก่งมากคับ คุณเลขาฯ คนสวย"
"ฮิ ๆๆ อาริงาโตะค่ะ อาริงาโตะ" ประกายเดือนพูดมั่วๆ
ทาเคชิไม่ยอมปล่อยมือ
นัครินทร์พูด "เอ่อ..ปล่อยมือได้แล้วฮะ"
ทาเคชิยื่นนามบัตรให้ "ถ้าคุณเลขาฯเปลี่ยนใจไปอยู่โตเกียวกับผมก็โทร.หาผมนะคับ"
"อ๋อ.." ประกายเดือนฝืนยิ้ม "ค่ะ"
"ผมหวังว่าจะได้พาคุณไปกินข้าว ร้องคาราโอเกะกันที่ญี่ปุ่นนะคับ..คุณเลขาฯ"
นัครินทร์เริ่มเหล่
"อ๋อ..ค่ะ"
"เอ่อ..นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบ ๆ กลับดีกว่านะฮะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะตกเครื่อง" นัครินทร์กัดฟันกรอด "เดี๋ยวจะไปไม่ถึงญี่ปุ่น"
ทาเคชิโค้งให้ประกายเดือน "ซาโยนาระ..ซาโยนาระ"
ประกายเดือนโค้ง "ซาโยนาระค่ะ"
นัครินทร์รำคาญ "อ่ะ ๆ พอละ..เยอะละ" นัครินทร์ตะโกนเรียกบ๋อย "ไอ้น้อง..ส่งแขกด่วนเลย"
บ๋อยเข้ามาพาทาเคชิเดินออกไป ทาเคชิร่ำลาอาลัยประกายเดือนจนลับสายตา
นัครินทร์เหล่ "ตกลงจะตามไปเลยมั้ยฮะ? จะได้จัดตั๋วเครื่องบินให้"
"นี่..ท่านรองฯ!! ดิฉันลงทุนร้องเพลงซะจนคอแทบแตกจะขอบคุณซักคำก็ไม่มี!”
"ขอบคุณ?? อ้าว..ผมนึกว่าคุณอยากจะร้องคาราโอเกะกับอีตาทาเคชินั่นซะอีก--เค้ารวยมากเลยนะฮะ?”
ประกายเดือนค้อนขวับแล้วก็ขยำนามบัตรทาเคชิโยนทิ้งหน้าตาเฉย
นัครินทร์แอบดีใจแต่อยากคอนเฟริ์มอีก "เฮ่ย!!..ไม่เสียดายเหรอฮะ เค้ารวยมากจริง ๆ นะฮะ ลูกเมียก็ยังไม่มี ไม่ชอบเหรอฮะ"
"ไอ้รวยน่ะชอบอยู่ค่ะ แต่ไอ้ขี้หลีนี่..รับไม่ได้" ประกายเดือนพูดใส่หน้า "อยาก" ประกายเดือนทำท่าเจี๋ยนคอตัวเอง "เจี๋ยนให้สูญพันธ์จริง ๆ..ไอ้ผู้ชายพวกนี้!”
พูดจบประกายเดือนก็สะบัดหน้าเดินออกไป นัครินทร์มองตามอย่างทึ่งและพึงพอใจ
"แซบเว่อร์"

อ่านต่อหน้าที่ 3


เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 9 (ต่อ)

หมอนถูกปานตะวันวางลงบนโซฟา

"อะไรเนี่ยคุณ?? โหดไปรึเปล่า?” นาคินทร์ถาม
"นอนตรงนี้ล่ะค่ะ" ปานตะวันบอก
"คุ้ณ..นี่มันบ้านผม"
"ค่ะ..ก็ฉันเป็นแขก และก็เป็นผู้หญิงด้วย"
นาคินทร์ขำ ๆ แล้วก็ยอม "โอเค ๆ" นาคินทร์ทิ้งตัวลงบนโซฟา "นอนก็ได้" นาคินทร์ล้มลงนอนกับหมอนแล้วบ่น "ใจร้าย"
ปานตะวันอมยิ้ม "ราตรีสวัสดิ์ค่ะ"
ปานตะวันเดินเข้าห้องไป นาคินทร์มองตามแล้วสายตาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา
นาคินทร์นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ตอนที่ทั้งสองช่วยกันทำอาหาร ตอนที่ทั้งสองกระโดดลงน้ำและเล่นน้ำ ตอนที่เขานวดให้ปานตะวัน ตอนที่เขาจูบหน้าผากปานตะวัน นาคินทร์คิดในใจ “และเมื่อเค้าทำทุกอย่างให้มันมีความสุขที่สุดแล้ว--อีกไม่นานเค้าก็จะเชือดมัน!!”
นาคินทร์นอนมองเพดานด้วยสายตาเย็นชา


ปานตะวันค่อย ๆ นั่งลงบนเตียงแล้วก็นั่งนึกถึงเหตุการณ์หวาน ๆที่ผ่านมา ตั้งแต่ถูกพาขึ้นเครื่องบิน ปานตะวันมองไปรอบ ๆ ห้องแล้วก็นึกถึงนาคินทร์บอก “บ้านหลังนี้..ผมตั้งใจสร้างไว้เพื่ออยู่กับคนที่ผมรัก”
ปานตะวันแอบยิ้มน้อย ๆ เมื่อนึกถึงตอนที่เธอกับเขาทำอาหารกัน ตอนที่นาคินทร์พูดกับเธอว่า ”ผมเฝ้ารอคอยวันนี้มาตั้งนาน รอคอยที่จะพาคุณมาที่นี่”
ปานตะวันมีสายตาที่มีความสุขเมื่อนึกถึงที่นาคินทร์บอก “ตั้งแต่คนรักของผมจากไป ผมไม่เคยเฝ้ารอที่จะได้พบผู้หญิงคนไหน..นอกจากคุณ” นึกถึงตอนที่นาคินทร์จูบหน้าผากเธอ นึกถึงตอนที่นาคินทร์พูดกับเธอว่า “ให้ผมได้ดูแลคุณบ้าง” นึกถึงตอนที่นาคินทร์นวดไหล่ปานตะวันจนปานตะวันเคลิ้ม
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ปานตะวันก็ล้มตัวลงนอน ภาพตอนที่นาคินทร์รวบตัวปานตะวันจนหล่นน้ำตูมไปทั้งสองคน แล้วทั้งสองก็เล่นน้ำด้วยกัน ปานตะวันกอดหมอนนอนยิ้มก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลงอย่างมีความสุข


สาวิตรีลุ้นละครตอนอวสานสุดขีดยังกะเชียร์มวยลั่นกับใบตอง 2คนร้องลั่น
"เย้!!! มันต้องอย่างน้าน"
ทวยเทพสะดุ้ง "โห!! แม่!! ดูละครรึว่าเชียร์มวย"
"ก็มันแซบมากนี่จ๊ะพ่อจ๋า เห็นมั๊ย..นางเอกทำเป็นเล่นตัวให้พระเอกง้ออยู่ตั้งนาน แต่ในที่สุดก็..”
สาวิตรีกับใบตองมองตากันแล้วก็หัวเราะคิกคัก
ทวยเทพถาม "ก็อารายยย"
"ก็เล่นผีผ้าห่มกันอ่ะสิเจ้าคะ..คุณผู้ชาย" ใบตองตอบ
"ว๊าย!! นังใบตอง" สาวิตรีหัวเราะคิกคักกับใบตองเพราะถูกใจ
"ไม่เอาละ..ดึกแล้ว...พ่อไปนอนดีกว่า..พรุ่งนี้ต้องไปตีกอล์ฟแต่เช้า" ทวยเทพเดินออกไป
"ตีกอล์ฟแน่นะจ๊าาาา..พ่อ?!”
ทวยเทพส่งเสียงเข้ามา "ก็ตีกอล์ฟน่ะสิ..แม่นี่ก็!!”
สาวิตรีกับทวยเทพหัวเราะกันคิกคัก
"แหม..น่าเสียดายนะคะ ละครกำลังจิ้นเลย ดั๊นอวสานซะแระ..อดลุ้น คู่จิ้นคู่นี้เลย"
นารถนรินทร์ยิ้ม ๆ "‘คู่จิ้นในจอ’ ลุ้นไปก็งั้น ๆ แหละ สู้ลุ้น ‘คู่จิ้นนอกจอ’ ไม่ได้หรอก ฟินกว่าเยอะ"
“‘คู่จิ้นนอกจอ’" ใบตองงง "คู่ไหนคะคุณนารถ?!”
อัครินทร์เดินกลับจากทำงานเข้ามาพอดี
"ก็แหม..เรื่องแค่นี้ต้องให้บอกด้วยเหรอยะแม่ใบตอง?! ก็คู่พี่คินกับพี่ตะวันไงหายเงียบเลยป่านนี้จะจิ้นกันไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้" นารถนรินทร์ว่า
ทุกคนหัวเราะคิกคัก อัครินทร์อึ้ง ๆ แล้วก็เดินเข้ามา
"อ้าว!! ลูกหมอของแม่กลับมาแล้ว มามะ..มาให้แม่ชื่นใจหน่อยเร็ว
อัครินทร์เดินมาให้แม่หอมแก้มฟอด "ตะกี้ยัยนารถว่าไงนะ พี่คินกับคุณตะวันเค้ายังไงกันเหรอ?”
"ก็เค้าไปเที่ยวกันนน--2 ต่อ 2”
อัครินทร์อึ้ง
"นั่นแน่!! ไม่ต้องไปอิจฉาเค้าเลย น้องก็ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้พี่หมอของน้องก็เริ่มมีสาวกะเค้าแล้วเหมือนกันไม่ใช่เหรอ"
อัครินทร์หันมองใบตองทันที ใบตองก้มหน้าฟรึ่บ!
"นั่นสิ!! น่ารักนะหนูพิงค์น่ะ แถมยังเก่งเป็นหมอผิวหนัง ดีจังเลย แม่จะได้พึ่งพาให้หน้าเด้งผิวดี"
อัครินทร์สวน "แม่คร้าบ" อัครินทร์พูดรวม ๆ "ต่อไปจะเม้าท์อะไรยังไงกันก็ช่วยถามผมก่อนนะครับข่าวจะได้ไม่พลาด"
อัครินทร์พูดจบก็เดินออกไป
"หือ! ข่าวพลาด? เหยี่ยวข่าวสาวสวยระดับใบตอง สยองขวัญ รับประกันไม่เคยพลาด!!” ใบตองว่า
"เออ..ให้มันจริงนะนังตอง—ห้ามพลาด!” สาวิตรี
"เอาหัวเป็นประกันเจ้าค่ะ!! ว่าแต่..แหม..อยากรู้ว่าคุณคินกับคุณตะวันเค้าไปไหนกัน อยากตามไปสืบข่าวจริงจริ้ง"
"นั่นสิ..ฉันก็อยากรู้"
นารถนรินทร์อมยิ้ม "ป่านนี้พี่ตะวันจะใจอ่อนรึยังน้ออ"
สามสาวลุ้นกันตาวาว


ณ บ้านเขาใหญ่ยามค่ำคืน ท้องฟ้ามีฟ้าแล่บแปล๊บ ๆ แล้วฟ้าก็ผ่าเปรี้ยง ปานตะวันที่นอนหลับอยู่สะดุ้งสุดตัวก่อนจะลุกขึ้นมานั่งมองไปรอบๆ ตัว เธอรู้สึกหนาวแล้วก็นึกถึงนาคินทร์ด้วยความเป็นห่วง


นาคินทร์นอนขดตัวหลับอยู่ด้วยความหนาว ปานตะวันเดินถือผ้าห่มมาหยุดยืนมองเขาแล้วก็แอบสงสาร ปานตะวันค่อย ๆ โน้มตัวลงห่มผ้าห่มให้นาคินทร์อย่างเบามือ ทันใดนั้น นาคินทร์ก็รวบตัวปานตะวันลงมาทับตัวเองแล้วล็อคไว้ในอ้อมกอดแน่น
"คุณนาคินทร์!! ปล่อยนะคะ"
"จะปล่อยได้ยังไง? จู่ ๆ ก็มีผู้ร้ายสาวสวยย่องมาจะทำมิดีมิร้ายผมยามวิกาล แบบนี้จะให้ผมปล่อยไปได้ยังไง มันต้องจับตัวไว้ลงโทษถึงจะถูก"
"ฉันไม่ได้จะทำอะไรคุณนะคะ ฉันเห็นว่าอากาศมันเย็น ฉันจะเอาผ้าห่มมาให้คุณ" ปานตะวันบอก
"เป็นห่วงผมเหรอครับ?” นาคินทร์ถาม
ปานตะวันอึ้งไปแล้วก็หลบตาเพราะอายมาก
นาคินทร์ลูบแก้มปานตะวัน "ไม่เคยมีใครห่วงผมอย่างนี้นานแล้ว" นาคินทร์เชยคางปานตะวันขึ้นแล้วมองตา "อยู่กับผม อย่าทิ้งผมไปได้มั้ยครับ..ตะวัน"
ปานตะวันนิ่งอึ้ง นาคินทร์ประคองใบหน้าของปานตะวันไว้แล้วโน้มเข้ามาจูบ

เช้าวันใหม่ มอลลี่กำลังเปิดการขายบิ๊กอายรุ่นและสีต่าง ๆ สักพักนางก็ควักขนตาปลอมนานาแบบออกมาให้เพื่อนพนักงานดูจามจุรีเดินถือแฟ้มผ่านมาก็ชะงักก่อนจะย่องเข้ามาแทรกตัวกลางฝูงชน
"มีอะไรขายอีกมั่ง?!” จามจุรีถาม
ฝูงชนเริ่มสะดุ้ง ลูกกอล์ฟพยายามสะกิดมอลลี่
มอลลี่พูดโดยไม่หันมามอง "บิ๊กอายก็ไม่เอา ขนตาปลอมก็ไม่ชอบ งั้นเอาครีมหอยทาก คืนเดียวรับรองหน้าเด้ง ต่อให้หน้าเหี่ยวย่นอย่างคุณเจเจ เจ๊คอนเฟริ์มว่าเด้ง"
มอลลี่ยื่นครีมให้พอเห็นว่าเป็นจามจุรีเธอก็สะดุ้งโหยง มอลลี่หันไปจะกินหัวลูกกอล์ฟ ลูกกอล์ฟโบกไม้โบกมือเป็ฯทำนองว่า ‘บอกแล้ววว’
มอลลี่หันกลับมาพูดจ๊ะจ๋าใส่จามจุรี "อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเจเจ แหม..ไปทำอะไรมาคะ หน้าใส๊ใสออร่าประกายเด้งเปรียะ ๆๆ เชียวค่า"
"เมื่อคืนฉันคงทาครีมหอยเม่น"
มอลลี่แก้ให้อีก "หอยทากค่ะ"
"เออใช่!! หอยเม่นฉันเก็บไว้จิ้มปากคนขี้เม้าท์ดีกว่า"
"จริงค่ะ!! จิ้มไอ้ลูกกอล์ฟมันเลย"
"อ้าวว..เจ๊หมอน?” ลูกกอล์ฟว่า
"เพิ่งจะรู้ว่าเดี๋ยวนี้ชั้นผู้บริหาร KTK กลายเป็นตลาดนัดไปแล้ว"
"ตลาดนัด?? ตอนไหน?? อะไรยังไงคะคุณเจเจ?”
จามจุรีกวาดสินค้าขึ้นมา "ก็นี่ไง?? นี่มันอะไรยังไง?”
"ลูกกอล์ฟค่ะ ไอ้ลูกกอล์ฟมันอยากลอง มันซื้อมาลอง"
"บ้าา!! คนอย่างลูกกอล์ฟขอบอกว่า “ชอบความแตกต่างอย่างมีสไตล์” มอลลี่พูดเลียนแบบรายการ The poll "พูดเลย!! ลูกกอล์ฟไม่เกี่ยว"
"โห..ไอ้นี่!" มอลลี่แถใส่จามจุรี "ก็แหม..คุณเจเจขา หมู่นี้ชั้นผู้บริหารไม่ค่อยจะมีงานทำ" มอลลี่ตะโกนใส่ปาริฉัตร "ก็ผู้บริหารทั้งท่านประธานฯ ทั้งท่านรองประธานฯได้พร้อมใจกันอันตรธานหายตัวไปทั้งคู่อยู่เสมอ ๆ นี่คะ"
ปาริฉัตรชะงักก่อนจะตวัดสายตามองขวับ
"อะไรนะ?" จามจุรีปรี่ไปหาปาริฉัตร "จริงเหรอปาริฉัตร? วันนี้ท่านประธานฯ ไม่มาทำงานอีกแล้วจริงเหรอ?”
ปาริฉัตรพยายามเก็บความไม่พอใจ แต่ก็เก็บไม่มิด "ค่ะ"
จามจุรีตกใจ "คุณพระ!! ไม่อยากจะเชื่อ!! ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนจริง ๆ" จามจุรีถามต่อ "รู้มั้ยว่าท่านประธานไปไหน? ไม่สบายรึเปล่า?”
ปาริฉัตรส่ายหน้า "ไม่ทราบค่ะ"
"ติดต่อได้มั้ยค่ะ" จามจุรีถาม
ปาริฉัตรส่ายหน้า
"อะไร? ท่านประธานไม่บอกอะไรเธอบ้างเลยเหรอ? ลองนึกดูดี ๆ ซิปาริฉัตร"
ปาริฉัตรครุ่นคิด
เธอนึกถึงตอนที่นาคินทร์ถาม “บ้านที่เขาใหญ่เขาใหญ่ของผมเรียบร้อยดีมั้ย? ปาริฉัตร”
“ค่ะ เรียบร้อยดีค่ะ” ปาริฉัตรตอบ
“ยังไงช่วยให้คนทำความสะอาดให้เรียบร้อยอีกครั้งนะครับ”
“ท่านประธานจะไปพักเหรอคะ?”
“ช่วยบอกให้ด้วยนะครับ..ขอบคุณครับ”
เมื่อนึกถึงตอนที่คุยกับนาคินทร์ ปาริฉัตรก็ตาวาว
"ว่าไง? พอจะนึกออกบ้างมั้ย?”
"ไม่ค่ะ..ท่านประธานไม่ได้บอกอะไรเลย"
"เวรกรรม!!" จามจุรีมองแฟ้มในมือ "แล้วเอกสารพวกนี้จะทำยังไงล่ะ..เฮ้อ!”
ปาริฉัตรยื่นมือให้ "ส่งไว้ที่ฉัตรก่อนเถอะค่ะ ติดต่อท่านประธานได้เมื่อไหร่ ฉัตรจะรีบรายงานให้ท่านทราบ"
จามจุรียื่นให้ "จ๊ะ ๆ..ขอบใจหนูฉัตรนะจ๊ะ" จามจุรีเดินออก
ปาริฉัตรทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดกำลังใจแล้วก็นั่งคิดถึงนาคินทร์


ปานตะวันนอนหลับอยู่บนโซฟา สักพักเธอก็รู้สึกตัวจึงค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นแล้วก็นึกได้จึงลุกพรวดขึ้นมานั่ง มองสภาพตัวเองแล้วก็เสียใจ ปานตะวันก้มหน้าร้องไห้ลงกับฝ่ามือของตัวเอง นาคินทร์ยืนมองภาพนั้นอยู่อย่างพอใจก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารเช้า ปานตะวันจะรีบลุกหนี แต่นาคินทร์รีบวางถาดแล้วรวบตัวปานตะวันไว้
"จะไปไหนครับ?”
ปานตะวันก้มหน้าเพราะอายมาก "ฉัน..กลับกันเถอะค่ะ"
"จะรีบกลับไปไหนครับ" นาคินทร์เชยคางปานตะวัน "เมื่อคืนนี้..ผมมีความสุขมาก"
ปานตะวันเบือนหน้าหนีด้วยความละอายใจสุดๆ "ฉัน.." ปานตะวันพูดไม่ออก
นาคินทร์ชอบมากแต่ทำเป็นห่วง "ทำไมล่ะครับ คุณไม่มีความสุขเหรอครับปานตะวัน?”
"ขอร้องล่ะค่ะ..อย่าพูดถึงอีกเลยนะคะ"
"ทำไมล่ะครับ..ทำไมคุณถึงชอบที่จะลืมอะไรง่ายๆ"
ปานตะวันยังหลบตาเพราะยังไม่รู้ถึงความหมายของนาคินทร์
“..ไม่เหมือนกับผม..ที่จำแม่น..ไม่เคยลืม"
ปานตะวันทำซื่อ เธอหันมามองขอร้อง "มัน..มันไม่สมควรน่ะค่ะ" ปานตะวันไม่รู้จะพูดยังไง "ฉัน..”
"สมควรสิครับ มันสมควรที่สุด"
ปานตะวันส่ายหน้า "ฉันไม่น่า..ไม่น่าปล่อยให้มันเกิดขึ้น"
"แต่ผมตั้งใจ"
ปานตะวันอึ้ง
นาคินทร์เช็ดน้ำตาแล้วลูบแก้มปานตะวัน "ผมตั้งใจจะให้มันเกิดขึ้น"
ปานตะวันได้แต่หลบตา ส่ายหน้า แล้วก็สะอื้น
"นี่คุณ..จะเสียใจอะไรนักหนา?”
ปานตะวันแปลกใจในน้ำเสียงของนาคินทร์ที่เริ่มเปลี่ยนไป เธอเงยหน้าขึ้นมอง
นาคินทร์ถาม “2 แสนพอมั้ย?”
ปานตะวันตกตะลึง "อะไรนะคะ?”
"ก็ผมถามว่า 2 แสนพอมั้ย ค่าเสียหาย"
ปานตะวันแทบไม่เชื่อหู "คุณ..”
นาคินทร์มองหน้าปานตะวันอย่างไม่ยี่หระ ปานตะวันสะบัดตัวลุกขึ้นทันที นาคินทร์กระชากตัวให้ปานตะวันนั่งลงอย่างเดิม
"แต่ผมว่ามากไปนะ..อย่าคุณ..2 หมื่นก็ยังแพงเกิน"
ปานตะวันแทบช็อค เธอตกตะลึงสุดขีด "คุณ!!" ปานตะวันทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ จนน้ำตาร่วง
"โอเค..งั้น 2 หมื่น 5”
ปานตะวันตบหน้านาคินทร์ดังเพียะ นาคินทร์หน้าหัน
"เลว!! คุณเป็นผู้ชายที่เลวร้ายที่สุด!”
นาคินทร์ค่อย ๆ หันมามองช้า ๆ "คงไม่เท่าคุณ"
ปานตะวันสะอื้น "ฉันเลวตรงไหน? ฉันเคยไปทำอะไรให้คุณ?”
"แล้วผมจะบอก"
ปานตะวันมองอย่างไม่เข้าใจก่อนจะส่ายหน้า "ฉัน..ฉันไม่เข้าใจคุณเลย..ทำไมคุณถึงต้องทำกับฉัน อย่างนี้? ทำไมคะ..คุณนาคินทร์"
"ไปอาบน้ำแต่งตัว ผมอยากกลับบ้านเต็มทีแล้ว" นาคินทร์บอก
ปานตะวันฮึด "ฉันไม่กลับ!! เชิญคุณกลับไปคนเดียว"
"ไม่ได้!! ตราบใดที่คุณยังอยู่ภายใต้สัญญาของผม ผมเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ออกคำสั่งแต่เพียงผู้เดียว"
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์มอง ทั้งสองคนจ้องหน้ากัน

อ่านต่อหน้าที่ 4


เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 9 (ต่อ)

รถตู้ของนาคินทร์วิ่งมาตามทางกลับจากเขาใหญ่ นาคินทร์กับปานตะวันนั่งคู่กันอยู่ในรถที่เต็มไปด้วยบรรยากาศชวนอึดอัด

ปานตะวันพูดออกมา "ฉันขอลาออก"
"ได้..ถ้ามีปัญญาหาเงินมาชดใช้"
ปานตะวันหันขวับมามองหน้าแล้วก็น้ำตารื้น
"ฉันไม่น่า..ไม่น่าคิดผิด"
นาคินทร์นั่งเฉยและไม่ว่าอะไร
ปานตะวันพูดกับคนขับ "ช่วยจอดรถด้วยค่ะ..ฉันจะลง"
คนขับรถเหลือบมองนาคินทร์ทางกระจกมองหลัง
ปานตะวันพูดกับคนขับรถ "จอดค่ะ..จอดเดี๋ยวนี้"
คนขับรถเหลือบมองนาคินทร์อีกที
นาคินทร์สั่งหน้านิ่ง "จอด!!”
ปานตะวันหันมองขวับ คนขับมองงงๆ
นาคินทร์พูด "ผมสั่งให้จอด!!”
ปานตะวันมองนาคินทร์งงๆ คนขับจอดรถข้างทาง
นาคินทร์พูดโดยไม่มอง "ลงไป"
ปานตะวันมองหน้านาคินทร์
นาคินทร์หันมามองแล้วพูดเสียงเย็น "อยากลงไม่ใช่เหรอ? อยากลงก็ลงไปสิ"
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์จ้องตอบ
ปานตะวันมองหน้านาคินทร์แบบฮึดสู้ แล้วตัดสินใจเปิดประตูลงจากรถมายืนจ้องหน้านาคินทร์ที่จ้องมองหน้าปานตะวันจนประตูปิดลงเช่นกัน
นาคินทร์สั่งคนขับ "ไปได้"
คนขับมีสีหน้าหวั่นๆ "แต่..คุณครับ..”
นาคินทร์พูดเสียงเข้ม "ผมบอกว่า..ไปได้!!”
คนขับจำใจออกรถ โดยทิ้งปานตะวันที่ยืนมองรถแล่นออกไปอยู่ตรงนั้น นาคินทร์นั่งหน้านิ่งโดยทิ้งปานตะวันไว้เบื้องหลัง ปานตะวันสะอื้นโฮ ๆ ทั้งเสียใจ น้อยใจ ทั้งมึนงง สับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง


ประกายเดือนนั่งทำงานอยู่ ปาริฉัตรเข้ามา
"รู้เรื่องท่านประธานมั่งรึเปล่า?”
"เรื่องอะไร?” ประกายเดือนถาม
"ท่านประธานหายไปไหน?”
"สับสนรึเปล่า? ฉันเป็นเลขาฯท่านรองฯ ส่วนเธอเป็นเลขาฯ ท่านประธานนะยะ ท่านประธานของเธอหายไปไหน เธอยังไม่รู้ แล้วฉันจะรู้มั้ย?”
"อย่ามาทำปากดี!! เธอมันเป็นอีหนูของท่านประธาน เธอก็อาจจะรู้จักอีหนูคนอื่น ๆ อีก ท่านประธานหายไปไหน? กับใคร ?บอกมา"
ประกายเดือนทำตาโตแล้วพูดกวนๆ "ไม่เก่งจริงนี่นา..ถ้าเก่งจริง ก็ต้องรู้ทุกเรื่องทุกซอก ทุกมุมของเจ้านายสิคะคุณเลขาฯ"
"แก!!”
ประกายเดือนลุกพรวดโดยกำที่เสียบกระดาษไว้ "เอาสิ!! ฉันจิ้มพุงแกทะลุแน่"
ปาริฉัตรเห็นว่าประกายเดือนเอาจริง "หึ้ย!!”
ปาริฉัตรเดินกลับไป ประกายเดือนส่ายหน้าแล้วก็นั่งลง เธอนึกเอะใจถึงปานตะวันจึงรีบคว้าโทรศัพท์มาโทรหาแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ
"ทำไมอ่ะตะวัน?! ปิดมือถือหรือแบตหมด?" ประกายเดือนโทรใหม่แต่ก็ไม่ติดอีก ประกายเดือนชักกังวัล "อยู่ไหนเนี่ยตะวัน? เป็นอะไรรึเปล่า" ประกายเดือนจะโทรอีกก็ชะงักแล้วนึกขึ้นได้ "หรือว่ากำลังจู๋จี๋อยู่กับ" ประกายเดือนยิ้ม "ท่านประธาน"
ประกายเดือนยิ้มแฉ่งด้วยความสบายใจเชิบ


ปานตะวันเดินมาตามไหล่ทางท่ามกลางแดดร้อนอย่างน่าสงสาร ปานตะวันสะดุ้งหลบรถที่แล่นมาตามทาง ซึ่งบีบแตรใส่เธอดังลั่น ปานตะวันนึกได้ก็หยิบมือถือจากกระเป๋าสะพายแต่แบตก็หมด ปานตะวันน้ำตาหยด เธอยืนหมดแรงอยู่ตรงนั้น

นาคินทร์วางดอกกุหลาบตรงหน้าที่เก็บอัฐิของกนกวลี
"วันนี้วันเกิดกนก นอกจากดอกไม้แล้ว พี่ตั้งใจเอาของขวัญวันเกิดมาให้กนกเป็นพิเศษด้วยนะครับ ผู้หญิงคนนั้น..คนที่ทำให้เราสองคนต้องพรากจากกัน—พี่ทำร้ายเค้าแล้ว แล้วพี่ก็จะทำลายเค้าต่อไปอีกเรื่อย ๆ ให้เค้าเจ็บปวดยิ่งกว่าที่เคยทำไว้กับเรา" นาคินทร์มองรูปกนกวลีแล้วก็เศร้า "พี่คินรักกนกนะครับ..รักตลอดมา..และจะรักตลอดไป"
นาคินทร์เอามือแตะรูปแล้วก็น้ำตารื้นอยู่ตรงนั้น


ปานตะวันเดินตากแดดแล้วก็เริ่มอ่อนล้า คอแห้งผาก สักพักเธอก็ตัดสินใจโบกรถที่ผ่านไปผ่านมา แต่ก็ไม่มีใครจอดรับ ปานตะวันสะอื้นออกมาอย่างน่าสงสาร เธอฝืนเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนเริ่มมึน ปานตะวันเห็นรถบรรทุกคันนึงแล่นมาก็ตัดสินใจโบก รถบรรทุกคันนั้นผ่านเลยไป ปานตะวันท้อแท้จนแทบหมดแรง รถบรรทุกคันนั้นเบรคแล้วถอยกลับมา ปานตะวันดีใจ แต่แล้วก็แทบหมดแรงเมื่อเห็นหน้าคนขับรถบรรทุกที่หน้ายังกับโจร ดูหื่น กักขละ ไม่น่าไว้วางใจสุด ๆ
คนขับรถถามเสียงแข็ง "น้อง!! จะไปไหน?”
ปานตะวันกลัว "เอ่อ..”
ปานตะวันรู้สึกหวั่นใจมาก


อัครินทร์แปลกใจ
"อะไรนะครับ?! ป่านนี้พี่คินกับคุณตะวันยังไม่กลับมา?”
สาวิตรีกับใบตองกำลังยกขนมที่เพิ่งอบออกจากเตามาวาง
สาวิตรีพูดแบบสบายๆ "ก็ยังน่ะสิจ๊ะ?! แหม..ทำไมลูกหมอต้องทำเป็นตกใจขนาดนั้นด้วย"
นารถนรินทร์เหล่ "อย่าบอกนะว่า"
อัครินทร์เอาขนมยัดใส่ปากน้องทันที "หยุดเลย"
นารถนรินทร์ร้องจ๊ากเพราะขนมยังร้อน "พี่อัค!! ไอ้พี่บ้า ซาดิสท์"
"ตายแล้ว..ลูกหมอ ขนมเพิ่งออกจากเตาร้อน ๆ ทำไมรีบป้อนน้องอย่างนั้นล่ะจ๊ะ"
"ป้อนที่ไหนล่ะคะคุณแม่.." นารถนรินทร์ค้อนพี่ชาย "โห!!! ทำไม? น้องพูดแทงใจดำใช่ม้า"
สาวิตรีกับใบตองเหล่มอง
อัครินทร์คว้าขนมอีก "ยังไม่หยุด??”
"เดี๋ยว ๆๆ..หยุดทั้งคู่" สาวิตรีมองสองพี่น้อง "คุยอะไรกัน? มีเรื่องอะไรที่แม่ไม่รู้มั้ย?”
นารถนรินทร์อมยิ้ม
อัครินทร์เหล่นารถนรินทร์แล้วส่ายหน้า "ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนดีกว่า" อัครินทร์หยิบกระเป๋าเดินออกไป
สาวิตรีมองนารถนรินทร์ "อะไร?”
นารถนรินทร์ทำไม่รู้ไม่ชี้
สาวิตรีมองใบตอง "ยังไง?”
ใบตองสะดุ้งแล้วก็มีพิรุธ
สาวิตรีเหล่ใบตอง "มีข่าวอะไรที่ฉันพลาดไปรึเปล่า..นังใบตอง"
ใบตองหน้าแหยๆ

สาวิตรีทำตาโต
"จริงเหรอนังตอง?? นี่แกใส่ใช่รึเปล่ายะ?” สาวิตรี
"ก็นิดนึง..เอ๊ย! เปล่าค่ะ..ใบตองเปล่าใส่ไข่เลยแม้แต่ฟองเดียว ตอนคุณตะวันมาอยู่ใหม่ ๆ ใบตองเคยเห็นคุณอัค..เอ่อ..เอ่อ"
ใบตองนึกถึงตอนที่ปานตะวันในชุดนอนปราดเข้าไปดูอัครินทร์ที่กุมหัวป้อย ๆ เพราะโดนประตู
อัครินทร์พูด “ไม่ได้หรอกครับ ผมให้คุณออกไปไม่ได้”
ที่เหตุการณ์ปัจจุบัน สาวิตรีถาม "จริงเหรอ?”
"จริงแท้แน่นอนเจ้าค่ะคุณผู้หญิง ใบตองว่าคุณอัคต้องแอบปิ๊งคุณตะวัน" ใบตองโอเว่อร์ "และงานนี้มันก็จะต้องกลายเป็นศึกสายเลือด!" ใบตองใส่อารมณ์ "พี่น้องต้องมาแย่งชิงผู้หญิงคนเดียวกัน!”
สาวิตรีหยิบของมาโขกหัวใบตอง "นี่แน่ะ!!”
ใบตองกุมหัวป้อยๆ "อูยย"
"แกนี่มันชักจะเว่อร์ใหญ่ สงสัยฉันต้องไม่ให้แกดูละครกับฉันซะแล้วมั้งเนี่ย?? ไม่มีทาง! ไม่มีใครจะมารู้จักลูกชายของฉันดีเท่ากับตัวฉัน!! พี่คินปิ๊งหนูตะวันแน่ ๆ และลูกหมอก็ไม่มีทางจะแย่งผู้หญิงของพี่ชาย--คุณแม่มั่นใจ"
สาวิตรีทำหน้ามั่นใจ ใบตองทำหน้าแหย ๆ เพราะแอบไม่เห็นด้วยกับสาวิตรี สาวิตรียังมั่นใจอยู่


นาคินทร์กลับมาจากเขาใหญ่ อัครินทร์ที่อาบน้ำสวมชุดใหม่เดินลงมาเจอพอดี
"อ้าว! พี่คิน..”
"ไง..นายอัค..
อัครินทร์ไม่ตอบแต่ถามทันที "เพิ่งกลับเหรอครับ?”
"อือ.." นาคินทร์จะเดินมา
"คุณตะวันล่ะครับ?”
นาคินทร์ชะงัก เขาไม่หันมาแล้วก็เดินออกไปไม่ตอบอะไร
อัครินทร์เรียกตามหลัง "พี่คิน..พี่คินครับ..”
อัครินทร์มองตามอย่างงง ๆ


รถบรรทุกวิ่งมาตามถนน คนขับรถกำลังขับรถสลับกับหันมามองปานตะวันด้วยสายตาไม่น่าไว้วางใจ ปานตะวันนั่งตัวลีบด้วยความระแวงสุดฤทธิ์ ทั้งสองมองกันไปมา
คนขับรถถามเสียงเข้ม "เป็นอะไร?”
ปานตะวันสะดุ้ง "ปะ..ปะ..เปล่าจ๊ะ" ปานตะวันฝืนยิ้มให้
คนขับรถมองแล้วก็ขับต่อไป ปานตะวันหน้าจ๋อยเพราะกลัวเหลือเกิน
คนขับรถเอามือนึงหยิบขวดน้ำที่มีน้ำเหลือครึ่งขวดยื่นให้ "กินมั้ย?”
ปานตะวันรีบบอกทันที "ไม่!! ไม่กิน!”
คนขับรถมองงงๆ
"คือ.." ปานตะวันฝืนยิ้มให้ "ขอบใจจ๊ะ..ฉันไม่หิวจริง ๆ"
คนขับรถมองเคือง ๆ ปานตะวันทำใจดีสู้เสือ คนขับรถขับต่อไป ปานตะวันใจหายใจคว่ำจนน้ำตาคลอเพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ


นาคินทร์นั่งไม่สบายใจอยู่ เขาแอบรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำลงไปก่อนจะฮึด
"ถูกแล้ว..พี่คินทำถูกต้องแล้วใช่มั้ยกนก?! คนผิดต้องรับผิด ต้องชดใช้--ถูกต้องแล้วใช่มั้ยกนก?!”
นาคินทร์ถอนใจเฮือกด้วยความมั่นใจว่าทำถูกแล้ว


ประกายเดือนวางแฟ้มเอกสารกองโตไว้ตรงหน้านัครินทร์ นัครินทร์ตาโตแล้วโวยทันที
"นี่มันอะไรกันฮะ?? มันไม่ถูกต้องนะฮะ ผม--รองประธาน KTK นะฮะ—ไม่ใช่จับกัง!!”
"ก็แค่เซ็นต์ชื่อเองค่ะ.." ประกายเดือนพูดเน้น ๆ กัด ๆ "ท่านรองประธาน!!”
"แค่เซ็นต์?แค่เซ็นต์ก็ไม่ไหวแล้วฮะ วันนี้ก็ต้องเข้าประชุมแทนพี่คินทั้งวัน--เหนื่อยมาก"
"ยังไงก็ต้องเซ็นต์ค่ะ..คุณจามจุรีรอสรุปส่งลูกค้าอยู่" ประกายเดือนบอก
นัครินทร์เหล่อย่างเคืองๆ ก่อนจะบ่นอุบ "อะไรวะ...พี่คินนะพี่คิน ทำงี้ได้ไง หนีเที่ยว ทิ้งให้น้องนุ่งเหน็ดเหนื่อย" นัครินทร์จะเปิดแฟ้มแล้วก็นึกได้จึงพูดอย่างเจ้าเล่ห์ "หมดแรงอ่ะ..ช่วยหน่อยสิ"
"ช่วย?? ช่วยอะไรคะ?”
นัครินทร์ชี้ "เปิดแฟ้มให้หน่อย"
ประกายเดือนกลอกตาเซ็งๆ
"เร็วซี่..คุณจามจุรีรออยู่!!”
ประกายเดือนหงุดหงิด เขาเดินมาเปิดแฟ้มให้อย่างเสียไม่ได้ นัครินทร์อมยิ้ม ประกายเดือนต้องก้ม ๆ มาเปิดแฟ้มให้ทำให้หน้านัครินทร์แทบจะชนซอกคอประกายเดือน นัครินทร์เซ็นต์ไป ประกายเดือนก็เปิดแฟ้มไป นัครินทร์สูดดมอย่างเพลิดเพลินมาก ประกายเดือนเอะใจ
ประกายเดือนแว๊ด "ทำอะไรคะ?”
นัครินทร์สะดุ้ง "ทำอะไร?" นัครินทร์ไหลไปเรื่อย "จะทำอะไร? ก็เซ็นต์เอกสารนี่ไงฮะ?”
ประกายเดือนเหล่ ทันใดนั้นมือถือนัครินทร์ก็ดังขึ้น
"ฮาโหล" นัครนิทร์เซ็ง "วีวี่..มาเมื่อไหร่ฮะเนี่ย?" นัครินทร์ฟัง "พรุ่งนี้เย็น?? โนๆๆ..ผมไม่ว่างอ่ะฮะ"
"ว่างนี่คะ..”
นัครินทร์รีบล็อคแล้วเอามือปิดปากประกายเดือนไว้แน่น ประกายเดือนดิ้น
"แค่นี้ก่อนนะฮะ..มีสายเข้า" นัครินทร์รับสายใหม่ "ฮาโหล..ฮะ..แม่"
ประกายเดือนดิ้นขลุก ๆ นัครินทร์ยอมปล่อยก่อนจะทำมือชู่ว์ไม่ให้เสียงดัง
"แม่มีไรฮะ?" นัครินทร์ฟัง "โห! ก็ผมงานยุ่งนี่ฮะ" นัครินทร์ฟัง "โอเค ๆ กินก็กินฮะ โอเค..คืนนี้เจอกันฮะ" นัครนิทร์วางหู
ประกายเดือนอ้าปากจะด่า
นัครินทร์ชี้ "ถ้าวีวี่โทร.มาถาม ห้ามบอกว่าเย็นพรุ่งนี้ผมว่างเด็ดขาด เข้าใจมั้ย?”
"แล้วถ้าไม่ใช่คุณวีวี่ล่ะคะ?” ประกายเดือนถาม
"คุณไหน ๆ ก็ไม่ว่างทั้งนั้นแหละ"
"รับทราบค่ะ..ท่านรองฯ!!”
ประกายเดือนรวบแฟ้มแล้วเดินออกไป
นัครินทร์มองตามแล้วก็อมยิ้ม "ใช้น้ำหอมอะไรวะ..ห้อมหอม"
นัครินทร์ทำท่าหอมชื่นใจ


รถบรรทุกแล่นมาจอดข้างทาง ปานตะวันที่นั่งอยู่ในรถหวาดระแวงมาก คนขับรถมองสายตาน่ากลัว
"ทำไมลงตรงนี้?” คนขับรถถาม
ปานตะวันสะดุ้ง "เอ่อ..ตรงนี้แหละจ๊ะ..ใกล้บ้านแล้ว"
คนขับรถมองไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ปานตะวันกลัวมาก คนขับรถขยับตัวแล้วถกชายเสื้อขึ้น ปานตะวันตกใจกลัวแล้วจะเปิดประตู
คนขับรถตะคอก "จะไปไหน?”
ปานตะวันไม่ฟังแล้ว เธอขยับจะเปิดประตู คนขับรถคว้าแขนปานตะวันไว้
"อย่านะ!”
"จะรีบไปไหน?”
คนขับรถเอามือเหมือนจะล้วงควักปลดซิปกางเกง
ปานตะวันตกใจ "แกจะทำอะไร!! ไอ้บ้า..”
ปานตะวันชะงักกึกเพราะคนขับรถควักแบงค์ 20 ที่ยับยู่ยี่ในกระเป๋าออกมาส่งให้
"ไว้กินข้าว..”
ปานตะวันอึ้งแล้วก็น้ำตารื้น เธอแทบไม่เชื่อหู ไม่เชื่อสายตาตัวเอง
คนขับรถพูด "เอาไว้สิ..เผื่อหิว"
ปานตะวันอึ้งจนพูดไม่ออก เธอได้แต่ส่ายหน้าแล้วก็น้ำตาไหล
"เก็บไว้เถอะค่ะ..”
คนขับมอง
ปานตะวันค่อย ๆ ยกมือไหว้ "ขอบคุณ..ขอบคุณมากนะคะ..ฉันจะไม่ลืมพระคุณเลย"
คนขับรถพยักหน้าหงึก ๆ
"เดินระวังล่ะ..รถมันวิ่งเร็ว" คนขับรถมองฟ้า "ฝนก็จะตก"
ปานตะวันซึ้งใจแล้วก็พยักหน้าหงึก ๆ
"ฉันไปนะคะ"
ปานตะวันก้าวลงจากรถมายืนอยู่ข้างทาง รถบรรทุกแล่นไป ปานตะวันมองตามจนลับสายตาเพราะไม่อยากจะเชื่อว่าคนหน้าตาอย่างโจรแต่จิตใจเทวดา ส่วนคนหน้าตาเทพกลับมีหัวใจซาตาน ปานตะวันสะอื้น ท่ามกลางท้องฟ้าที่เริ่มตั้งเค้าว่าฝนกำลังจะตก

อ่านต่อตอนที่ 10

กำลังโหลดความคิดเห็น