สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 16
จุนจี ผู้กำกับ ตัวแทน บริษัทร่วมทุนไทยนั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขก ลีจองกุ๊กยืนเกาหัวเครียด หันมาเจอผู้กำกับนั่งตีหน้ายักษ์ใส่อยู่กับป๋อง ลีจองกุ๊กยิ้มแหยๆ
“แฮ่...เรื่องที่ผ่านมาไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอกค๊าบ”
“คุณก็พูดได้สิ แต่คนที่เดือดร้อนคือผมนี่ ถ้าเป็นแบบนี้กี่ปีถึงจะถ่ายเสร็จ”
"มื่อวาน ทางผู้จัดเพิ่งเรียกผมไปเฉ่งนะคับ เขาเป็นห่วงว่าถ่ายไปถึงไหนกันแล้ว เขากลัวขาดทุน เราต้องพักกองหยุดถ่ายเพราะคุณจุนจีมาหลายทีแล้ว” ตัวแทนบอกเสียงเครียด
ซองซูเดินเข้าห้องจุนจีมาสอดทันที
“โดยเฉพาะผีย่าจุนจีที่ทำให้ทุกอย่างป่วน คนที่ตายไม่ดี มักจะเฮี้ยน แล้วย่านายก็ถูกงูกัดตายอย่างโหด มันต้องเฮี้ยนมากๆเลย”
“หยุดพูดถึงย่าฉันเดี๋ยวนี้นะ” จุนจีลุกขึ้นทันที
ซองซูมองหน้า
“หรือว่านายจะบอกว่าไม่ใช่”
“หุบปากซองซู”
จุนจีชี้หน้าจะเอาเรื่อง ลีจองกุ๊กต้องดันออกไว้
“เย็นไว้จุนจี...เชบัลๆ”
ผู้กำกับตัดบท
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าคุณยังไม่จัดการเรื่องผีสางของคุณ ผมคงต้องปรึกษากับคนเขียนบทให้ลดบทคุณลงเพราะไม่งั้นปีนี้เราถ่ายไม่ทันออนแอร์แน่”
ผู้กำกับกับตัวแทนเดินหนี ลีจองกุ๊กรีบตามไปอ้อนวอน
“ทำแบบนั้นไม่ได้นะครับผู้กำกับ ใจเย็นๆสักนิด จุนจีเองก็ลำบากใจ ให้โอกาสนักแสดงผมบ้างซีกั้บ จุนจีเป็นคนรับผิดชอบงานมากนะครับ เขาเป็นคนตั้งใจ”
จุนจีถอนใจอย่างเครียด ซองซูยืนชี้หน้าจุนจี
“บทแกหดแน่ไอ้จุนจี ดีไม่ดี...ซองซูนี่แหละอาจจะถูกดันขึ้นมามีบทนำแทนแก หึๆ”
ซองซูเดินออกจากห้องไป
จุนจีหลบมานั่งคิดเครียดๆที่ระเบียงห้อง กรรัมภาเดินเข้ามาหยุดมองไปที่เขาอย่างเห็นใจก่อนเดินเข้าไปนั่งลงที่ข้างๆ จุนจีหันมามองหน้า กรรัมภาส่งยิ้มปลอบใจพร้อมทำมือเป็นรูปหัวใจส่งให้เขา
“สู้ๆนะปาร์คจุนจี แฟนคลับสุดติ่งคนนี้จะเป็นกำลังใจให้ปาร์คจุนจีเสมอ ฮังซัง นอมานึล วีเฮซอ ซาราคาโก ชีพจีมัน” (ฉันอยากมีชีวิตเพื่อเธอตลอดเวลา)
จุนจียิ้มน้อยๆแต่ซาบซึ้งใจมากเหลือเกิน
“คัมซาฮัมนีดา(ขอบคุณมาก) ผมก็ดีใจที่มีคุณอยู่ข้างๆ”
จุนจีนั่งเอียงคอพิงไหล่กรรัมภา แล้วจับมือเธอไว้ รู้สึกมีกำลังใจขึ้น กรรัมภายิ้มราวกับตกอยู่ในความฝัน จนต้องแอบหยิกขาอ่อนตัวเอง แล้วทำหน้าเจ็บ ลูบๆขา กรรัมภารำพึงในใจ
“นี่มันเรื่องจริง เราไม่ได้ฝันไป”
แต่จุนจีเห็นพอดี ยิ้มขำๆ
“ผมช่วยหยิกให้ก็ได้”
จุนจีก็เอามือมาจับแก้มกรรัมภาหยิกดึงเบาๆ
“อุ้ย...เขาเจ็บนะ”
จุนจีเกยคางกับไหล่กรรัมภาหันมาถาม
“เจ็บมากมั้ยครับ”
กรรัมภาหันไปมอง จ้องตากันซึ้งๆ จุนจียื่นหน้าจะจูบ แต่แล้วเสียงแมสเซส จากมือถือก็ดังขึ้นเป็นเสียงดึ่งๆ ทำเอาจุนจีสะดุ้ง กรรัมภาหันหน้ากลับอย่างเขินๆ แต่จุนจีหัวเสียล้วงมือถือออกมากดดูแมสเซสแล้วตกใจ
“คุณย่า”
“ทำไมค่ะจุนจี ใครส่งอะไรมา”
จุนจีส่งให้กรรัมภาอ่าน
“ตอนนี้วิญญาณย่าแกโดนฉันกักขังเอาไว้ ถ้าแกยังไม่ยอมเซ็นยอมรับพินัยกรรมให้ฉัน ฉันจะเอาวิญญาณย่าถ่วงน้ำ ให้ทุกข์ทรมานไม่ได้ไปผุดไปเกิด”
ลีจองกุ๊กเดินถือซองน้ำตาลรีบร้อนเข้ามา
“จุนจี นายอติเทพให้คนเอาเอกสารมาส่งให้นายเซ็น ฉันเปิดดูแล้วมันเป็นพินัยกรรมฉบับเดิม มันอะไรกันอีกเนี่ย”
“ไอ้อติเทพมันจับวิญญาณย่าฉันไป ต่อรองให้ฉันเซ็นพินัยกรรมให้มัน”
ลีจองกุ๊กตกใจ
“ไอ้บ้านั่น ถึงกับจับวิญญาณไปเป็นตัวประกันเนี่ยนะ”
จุนจีแค้น
ในสำนักงานทนายความ...อติเทพมองมือถือตัวเองที่เพิ่งส่งแมสเซสไปข่มขู่จุนจี
“เมื่อคุยกันด้วยวิธีของคนดีๆไม่รู้เรื่อง ก็ต้องคุยด้วยวิธีผีๆนี่แหละวะ”
สมชายพอใจมาก
“อยู่ดีๆหมูก็เข้ามาอยู่ในอวยให้เรา ฮ่าๆ”
อรวีขัดขึ้น
“แล้วเราจะแน่ใจได้ยังไง ว่านายจุนจีเขาจะสนใจวิญญาณคนที่ตายไปแล้ว”
อติเทพยิ้มบางๆ
“ไม่ลองแล้วจะรู้เหรอ ถ้ามันยังดื้อด้านอีก ฉันจะก็ทำทุกอย่าง แม้แต่ไปงมหากระดูกอีแก่นั่นขึ้นจากทะเลมาต่อรองกับมัน”
“ยังไงจุนจีมันต้องรักย่ามัน เลือดยังไงก็ย่อมข้นกว่าน้ำ” สมชายมั่นใจ
โกลเด้นเบบี๋หน้าเครียด
“โธ่อรวี นี่ร่วมมือเอากับมันทุกอย่างเลย แม้กระทั่งจับผี ทำไมไม่รู้จักหยุดซะทีแล้วนี่จับผีคุณพิมพ์พิลาศไปไว้ที่ไหน”
อรวีอึ้งๆรู้สึกเหมือนได้ยินเสียง
“บอกมาว่าเอาวิญญาณคุณพิมพ์พิลาศไปไว้ที่ไหน” โกลเด้นเบบี๋คาดคั้น
อรวีตกใจ
“ว้าย”
อรวีแว่วเสียงโกลเด้นเบบี๋ถึงกับเอะอะโวยวาย สมชายและอติเทพหันมามอง
“เป็นอะไร” สมชายถามอย่างสงสัย
“ปะๆเปล่าค่ะ หูแว่วน่ะค่ะ”
ตอนนั้นเองที่มือถืออติเทพดังขึ้น เขาตื่นเต้น
“นั่นไง ฮ่ะๆ ไอ้เกาหลีมันโทรกลับมาแล้ว เห็นมั้ยว่ามันรักผีย่ามัน” อติเทพดูเบอร์ “เอ๊ะ ไม่ใช่เบอร์มันนี่หว่า อาจารย์คง” เขากดรับสาย “ฮัลโหล...อาจารย์ โทรมาทำไม มีอะไรก็พูดทางโทรศัพท์นี่ซิ ทำไมต้องให้ถ่อไปหาถึงที่สำนัก...ธุระด่วน...เออ...แล้วผมจะไปหา”
โกลเด้นเบบี๋ยิ้มพอใจ
“ได้การละ...โกลเด้นเบบี๋...ได้เวลาทำงานละ”
รีสอร์ทติณห์กลางดึก...สมคิดนั่งแช่อยู่ในสระหรู เบญจาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ กรกฎหยิบปากกาออกมาแล้วชี้ไปที่กำแพงขาวริมสระ มีแสงออกมาจากหัวปากกา ปรากฏเป็นภาพขึ้นบนผนังนั้นเป็นภาพของเนตรสิตางศุ์และหมอวรวรรธ
“เนตรสิตางศุ์ ไอ้หมอวรวรรธ” สมคิดชะงัก
เบญจามองอย่างแปลกใจ
“นังนี่เหรอ เห็นวิญญาณได้”
“ทั้งคู่มีปัญหาอยู่กับสารวัตรณัฐเดช พี่ชายของเนตรสิตางศ์”
กรกฎกดปากกา เปลี่ยนภาพเป็นณัฐเดชยืนคู่กับสุพิชชา
“สุพิชชาคนที่ยืนคู่สารวัตรณัฐเดช เป็นแฟนเก่าไอ้หมอวรวรรธที่กำลังทำสงคราม ประสาทให้ทั้งสามแตกกันให้ได้”
“ตำรวจเหรอ...ต่อไป” สมคิดสั่ง
กรกฎกดปากกาเปลี่ยนภาพ เป็นภาพจุนจีและอติเทพ
“ปาร์คจุนจี ซุปเปอร์สตาร์เกาหลี หลานคนเดียวของเศรษฐีนีพิมพ์พิลาศ ที่มีเรื่อง มรดกพันล้านกับสามีของคุณย่าตัวเอง”
“ใครดูคดีนี้” เบญจาถาม
กรกฎกดเปลี่ยนเป็นภาพกรรัมภา
“กรรัมภา ผู้มีญาณสัมผัสทางมือ ข่าวว่าทั้งสองกำลังกิ๊กกัน”
“พวกนี้เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมากเกินไป” สมคิดออกความเห็น
กรกฎกดเปลี่ยนภาพ เป็นไตรรัตน์และสุคนธรส
“นังนี่มันมีอาคม แถมยังไม่มีจุดอ่อนช่วงนี้ เอาไว้หนูจัดการให้พ่อเอง”
กรกฎเปลี่ยนภาพต่อไปเป็นภาพด็อกเตอร์แผนยุทธ ในหลายอิริยาบทตอนเดินออกจากสำนักงานของตัวเอง ด้วยท่าทางเครียดๆ...
“มันชื่อด็อกเตอร์แผนยุทธ หนึ่งในลูกค้าของบริษัทซิกส์เซ้นส์นั่น แต่ตอนนี้ กำลังมีปัญหากัน”
กรกฎกดปากกาอีก เป็นภาพพงอินทร์ วันที่บุกไปเอาเรื่องแผนยุทธในสำนักงานจนถูกลากตัวออกมา สมคิดมองอย่างสงสัย
“แล้วไอ้นี่ใคร”
“น้องเมียไอ้ด็อกเตอร์”
กรกฎเลื่อนอีกจนเห็นภาพกรรณาอยู่กับพงอินทร์ เบญจาจำได้
“นังนี่ใช่ไหม นังกรรณา...ที่มันหูพิเศษได้ยินเสียงวิญญาณ”
สมคิดคิดอะไรบางอย่างได้
“ดร.แผนยุทธ...”
ท่ามกลางแสงจากโคมไฟสลัวๆ ติณห์เดินโผล่ออกมาจากมุมตึกบริเวณทางเดินนอกห้องพักสมคิดพนักงานเดินมา เขารีบหลบข้างหลังเสา เมื่อเห็นว่าปลอดคนก็รีบวิ่งไปหยุดหน้าห้องพักห้องหนึ่งทันที หูแนบประตูฟังให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง แล้วล้วงกุญแจสำรองออกมาไข ค่อยๆเปิดประตูเข้าห้องไปในห้องอย่างเบาที่สุด ติณห์เปิดประตูเข้าไปแล้วกวาดตามองไปทั่วอย่างระวัง แล้วรีบปิดประตูล็อค มองหาจุดที่เขาจะลงมือค้น
สมคิดก้าวขึ้นจากสระ กรกฎส่งเสื้อคลุมให้สวม
“ถึงเวลาที่เราต้องเป็นฝ่ายรุกแล้ว”
“เราจะลงมือเมื่อไหร่” เบญจาถามขึ้น
“เร็วที่สุด”
“ครับ” กรกฎรับคำ
สมคิดเดินไป เบญจากับกรกฎตาม
ติณห์ง่วนอยู่กับการรื้อค้นหาหลักฐานที่จะแสดงตัวตนของสมคิดไปพิสูจน์ให้มิรันตีอยู่...เขาหาตามกระเป๋า...เสื้อผ้า...แต่เอกสารทุกอย่างเป็นชื่อมิสเตอร์ร็อบบี้ คิดส์หมด
“นี่ก็ร็อบบี้ คิดส์...นี่ก็ร็อบบี้ คิดส์...โนๆ”
สมคิดเดินเลี้ยวมาจากทางสระน้ำ มีเบญจากับกรกฎตามหลังกำลังเดินไปตามทางเดินหน้าเข้มตรงไปที่ห้องพัก
ติณห์ยิ่งร้อนรนเมื่อหาหลักฐานไม่พบ เปิดลิ้นชักที่โต๊ะข้างเตียงแล้วมือดันไปปัดเอากับเหยือกน้ำตกลงที่พื้น เพล้ง
“โอ้ว มายก็อด”
ติณห์รีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาเช็ดๆน้ำ แล้วคว้าถุงใส่ผ้าซักมาเก็บเศษแก้ว แต่ก็ยืนหันรีหันขวางไม่รู้จะเอาทิ้งที่ไหน ถึงจะรอดพ้นสายตา แต่แล้วก็ตัดสินใจว่าควรจะรีบออกไปดีกว่า เลยถือห่อผ้าที่มีเศษแก้วจะออกไปที่ประตู
สมคิดเดินมาถึงหน้าประตู แล้ว ยืนรอให้กรกฎที่ถือกุญแจเป็นคนล้วงกุญแจออกมา...ติณห์เดินมาถึงประตูพอดี กำลังยื่นมือจะไปจับลูกบิดเปิด ได้ยินเสียงกรกฎเสียบลูกกุญแจเสียก่อน ติณห์รีบก้าวถอยหลัง แต่กรกฎเปิดประตูผัวะเข้ามา พอดีที่ติณห์เปิดหน้าต่างกระโดดหนีพอดี
“เฮ้ย ใครวะ”
กรกฎกระโจนไปที่หน้าต่าง แต่เหยียบเข้ากับเศษแก้วที่ติณห์โยนทิ้งเอาไว้ แต่กรกฎไม่สะทกสะท้าน ดึงเศษแกล้วชิ้นใหญ่ออกมาจากเท้าโยนทิ้งแล้วโผล่ไปที่หน้าต่างเห็นหลังคนวิ่งหนีไปในเงามืด สมคิดหน้าเครียด
“จับมันให้ได้”
กรกฎกระโดดหน้าต่างตามไปทันที
“มันเป็นใคร...เข้ามาที่นี่ทำไม...” เบญจาสงสัย
“แกยังสงสัยอีกเหรอว่าใคร”
สมคิดพูดอย่างคิดว่าตัวเองเดาไม่ผิดหรอกว่าเป็นติณห์ เบญจาหันขวับมามองสมคิด ส่ายหน้าพยายามหลอกตัวเอง
“คง...ไม่ใช่...พี่ติณห์นะ”
ติณห์วิ่งหนีมาตามทาง เลี้ยวไปมาตามมุมตึก อีกด้านกรกฎวิ่งตามมาเร็วมาก เกินความเร็วของคนธรรมดา ติณหอึ้ง
“ทำไมมันตามมาเร็วอย่างนี้”
ติณห์ยืนหอบๆแล้ววิ่งหนีต่อ พยายามไม่ให้พวกสมคิดจับได้ เขากัดฟันวิ่งหนีไป ทันใดนั้น กรกฎกระโดดมาจากมุมหนึ่งคว้าตัวติณห์ไว้ได้ ทั้งคู่ลงไปกลิ้งกับพื้น กรกฎพบว่าเป็นติณห์ที่มุมปากมีเลือดออก ติณห์ตกใจ
“ไอ้ติณห์”
“แกมันปีศาจ พวกหมอผี ฉันจะกำจัดพวกแกไปจากรีสอร์ทฉันให้ได้”
“พล่ามอยู่ทำไม เข้ามาเลย...อ้อ...อย่าเลย กูเข้าไปหามึงเองดีกว่า”
กรกฎถลาเข้าไปจะจับตัว แต่ติณห์คว้าถาดที่ใส่เทียนที่ลอยอยู่ในน้ำ 2-3 อัน สาดเข้าใส่
“อ๊าก”
กรกฎร้องลั่นยกสองแขนขึ้นกันหน้าตามสัญชาติญาณ ทำให้เทียนกระเด็นใส่ โดนแขนเสื้อ และติดไฟพรึ่บขึ้นมาทันที กรกฎรีบปัดไฟที่แขน ทำให้ติณห์วิ่งหนีไปได้
“ติณห์ มึงตายแน่”
กรกฎแผดเสียงคำรามเรียกอย่างเจ็บปวด
ติณห์วิ่งหนีมา ปวดจุกไม่น้อย รูดซิบล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋าแจ็คเก็ต กดโทรหาณัฐเดชทันที
“ฮัลโหล...ฮัลโหลไอ้ณัฐ ฉันทำพลาดแล้ว พวกมันรู้ตัวแล้ว แกมาหาฉันเดี๋ยวนี้เลย ต้องใช้แผนสองด่วน”
ติณห์พูดพลางล้วงกุญแจรถออกมากดรีโมต เปิดประตูขึ้นรถ แล้วขับเอี๊ยดออกไปอย่างเร็ว
ญาณินนั่งสมาธิอยู่ แล้วฉับพลันก็ลืมตาขึ้นสีหน้าวิตกกังวล เป็นห่วงติณห์มาก เพราะภาพที่เห็นจากการนั่งสมาธิ คือ ติณห์กำลังอยู่ในอันตราย
“ติณห์”
ญาณินเดินจ้ำรีบร้อนจะไปที่รถเพื่อขับไปหาติณห์ ในขณะที่กดโทรออกหาณัฐเดชไปด้วย อรวรรณกำลังจะปิดประตูบ้านอยู่ แต่พอหันมาเจอญาณินก็ตกใจ
“คุณหนู...จะไปไหนคะ”
“หนูจะไปช่วยติณห์...พวกมันรู้แล้วว่าติณห์ไม่ได้ถูกอาคม และมันก็กำลังไล่ล่าตัวติณห์อยู่ ณินต้องไปเดี๋ยวนี้” พอดีณัฐเดชรับสาย “พี่ณัฐ...นี่ณินนะคะ พี่ทราบเรื่องแล้วใช่ไหมคะ...แล้วเจอกันค่ะ”
ณัฐเดชรีบร้อนจะไปเช่นกัน ใส่แจ็คเก็ตตรวจปืน ลูกกระสุนไปด้วย คุยมือถือไปด้วย ใส่รองเท้าไปด้วย รีบไปหมด พยายามเรียกญาณิน ทางโทรศัพท์
“เดี๋ยวยัยณิน...ยัยณิน”
แต่ไม่ทัน ญาณินวางสายไปแล้ว พอณัฐเดชเงยหน้ามาอีกที จะรีบออกไป ก็ต้องชะงัก เพราะเนตรกับหมอวรรธกลับเข้ามาในบ้านพอดี
“ยัยเจ๊โทรมาเหรอพี่ณัฐ มีเรื่องอะไร แล้วพี่จะไปไหน”
ญาณินวางสายแล้วรีบไปที่รถ พร้อมจะขับออกไป อรวรรณเรียกไว้
“เดี๋ยวๆ แล้วคุณหนูจะไปเมืองกาญจน์คนเดียวกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ มันอันตรายเกินไป โทรตามหนูรสหรือเพื่อนคนไหนสักคนไปด้วยสิคะ”
“กว่าพวกนั้นจะตื่น กว่าจะมา มันไม่ทันการณ์แล้วค่ะ”
ญาณินขึ้นรถ สตาร์ทรถ
“ป้าออ หลบไปค่ะ”
“เดี๋ยวๆ งั้นคุณหนูลงมา ป้าจะขับรถให้เอง ลงมาๆ”
ญาณินยอมลง อรวรรณขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ หลวงพิชัยภักดีโผล่แว่บเข้ามา
“เฮ้ย จะไปช่วยหลานข้าโดยไม่มีข้าได้ยังไง หนูณิน เชิญข้าไปด้วย”
“คุณหลวงคะ เชิญค่ะ”
ญาณินขึ้นนั่งด้านหน้าคู่กับอรวรรณพนมมือสวดมนต์ หลวงพิชัยภักดีแว่บไปนั่งอยู่ในรถทันที อรวรรณเสียวสันหลังวาบ แต่มีภูมิต้านทานมากขึ้นแล้ว ไม่กรี๊ดกร๊าดเหมือนเคย ก้องฟ้าโผล่เข้ามา
“เอ้า ผู้หญิงกับคนแก่จะเดินทางกลางค่ำกลางคืนได้ยังไง จะต้องมีผู้ชายไปดูแลด้วยสักคน”
ก้องฟ้าในชุดนอนประแป้งที่หน้าเดินละเมอกอดหมอนข้างออกมา ญาณินหันไปบอก
“ก๊อง...ดีเลย...ยังไงก็ฝากบ้านและฝากบอกพวกเพื่อนพี่ด้วยนะว่า...”
ญาณินพูดไม่ทันขาดคำ ก็ต้องผงะเงิบ เพราะอรวรรณเหยียบคันเร่งตะบึงไป ก้องฟ้าส่ายหน้าเซ็ง
“ไม่เคยได้ไปลุยด้วยเลย เฝ้าบ้านตลอด ตลอด ตลอด”
ณัฐเดชรีบมาที่รถ โยนกระเป๋าของตัวเองเข้าไป แล้วจะรีบออกรถ แต่เนตรกับวรวรรธวิ่งตามออกมาขวางหน้ารถไว้ก่อน
“พี่ณัฐ...เนตรไปด้วย”
“เนตร...เราจะไปทำไม อยู่นี่แหละ” วรวรรธแย้ง
“ไม่ค่ะ...เพื่อนเนตรทั้งคน เนตรทิ้งไม่ได้”
เนตรเปิดประตูขึ้นไปเลยทันที แล้วอยู่ๆวรวรรธก็ตามขึ้นมาด้วย
“แฟนผม...ผมทิ้งไม่ได้เหมือนกัน”
“รีบไปเถอะค่ะ เร็วๆ”
ณัฐเดชเลยตามเลย รีบตะบึงรถออกไปทันที
ระหว่างที่อรวรรณขับรถไป ญาณินคุยโทรศัพท์ไปด้วย
“ติณห์...คุณรีบไปหลบที่วัดที่ใกล้ที่สุด เข้าไปหลบในพระอุโบสถ เขตพัทธสีมาจะช่วยปกป้องคุณจากอาคมร้ายได้ แล้วฉันจะไปช่วยคุณ”
ติณห์งงว่าญาณินรู้ได้ยังไง พูดผ่านบลูทูธ
“ช่วย...คุณรู้ได้ยังไง คุณไม่ต้องมามันอันตราย”
“คุณจัดการพวกมันคนเดียวไม่ได้” พอดีมีสายซ้อน เธอดูเบอร์ เป็นณัฐเดช “พี่ณัฐโทรมาพอดี”
ญาณินกดรับสายณัฐเดช ทำให้เป็นการคุยสามสาย ณัฐเดชขับรถ โดยมีมือของวรวรรธถือโทรศัพท์ให้โดยกดสปีกเกอร์คุย
“พี่ณัฐ...ติณห์อยู่ในสายด้วยนะคะ”
“ไอ้ณัฐ แกรีบพาคุณณินกลับไปเดี๋ยวนี้เลย” ติณห์โวย
“คิดว่าฉันสั่งแฟนแกได้เหรอวะ อย่าว่าแต่แฟนแกเลย น้องฉันก็สั่งไม่ได้”
“หมายความว่าไง”
เนตรสิตางคศุ์ตะโกนบอก
“เนตรกับหมอวรรธจะไปช่วยคุณด้วยค่ะ”
ติณห์เซ็ง ญาณินดีใจ
“ยัยเนตร ขอบคุณมาก...ป้าออก็มานะเนตร”
อรวรรณขึงขังจริงจัง
“ป้ากำลังขับรถอยู่ด้วยความเร็วร้อยหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ผิดกฎหมาย แต่ต้องรีบไปให้ถึง อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันค่ะ”
ติณห์ส่ายหน้า
“โอย นี่ยกโขยงกันมาปิคนิกหรือไง”
“ติณห์ แกรีบขับหนีเข้ากรุงเทพก่อนเถอะ” ณัฐเดชแนะ
“ไม่ได้...ฉันต้องกลับไปช่วยมัม มัมยังอยู่กับพวกมัน ฉันกลัวว่ามันจะแค้นฉันแล้วพาลทำร้ายมัม”
วรวรรธหนักใจ
“ช่วยมัมจากจอมขมังเวทย์ จะช่วยยังไง ใครมีแผนอะไรบ้าง”
“ก่อนจะคิดช่วยมัม คุณต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน รีบเข้าไปหลบในวัดเดี๋ยวนี้ เพราะพวกมันกำลังตามมา” ญาณินแนะ
ณัฐเดชแปลกใจ
“หมายความว่าไง...ใครตาม”
ติณห์มองไปตรงหน้า แล้วตาโต ช็อค
“ไม่ต้องตอบ...เห็นแล้วว่าใคร”
ณัฐเดชแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น...ติณห์เห็นภาพตรงหน้าคือพวกวิญญาณเร่ร่อนที่บินวนๆอยู่บนอากาศเบื้องหน้าของถนนที่ติณห์กำลังมุ่งไป ดูเป็นกลุ่มพลังงานคล้ายพายุหมุน ถัดจากกลุ่มพลังงานนั้นไป คือทางเข้าวัด
“วัด...อยู่ไม่ไกล...แต่ผมจะฝ่าพวกมันไปได้ยังไง”
“สวดมนตร์ อิติปิโส...อัญเชิญพระพุทธคุณมาคุ้มครองคุณ” ญาณินแนะนำ
ติณห์หน้าตื่น
ติณห์หน้าตื่น
“มันมาแล้ว”
วิญญาณเร่ร่อนพุ่งเข้ามา ญาณินพนมมือหลับตา ภาวนาจิตเผื่อติณห์ด้วย เนตรก็ทำด้วย วรวรรธเห็นเนตรทำเลยทำด้วย ทุกคนท่องบทอิติปิโสพร้อมกัน อรวรรณอธิษฐาน
“คุณพระคุณเจ้า ช่วยคุ้มครองพวกเราทุกคนด้วยเถอะ”
ติณห์ขับรถไป ปากก็ท่องบทสวดไปด้วย วิญญาณเร่ร่อนพุ่งมาชนหน้ารถ...ปั้ก!! ปั้ก ไม่เห็นตัววิญญาณ แต่เห็นว่ากระจกสะเทือน มีรอยร้าวเกิดขึ้น ติณห์อธิษฐาน พลัน มีเสียงระฆังจากในวัดดังมา...เกร๊ง...เกร๊ง ดังเป็นจังหวะ ทันใดนั้น ก็มีพลังงานบางอย่างเกิดพลังงานสีทองจางๆมาห่อหุ้มรถเอาไว้ รถขับฝ่าไปดงพลังงานไป ติณห์สวดมนต์
“อิติปิโสภควา อรหังสัมมาสัมพุทโธ วิชชาจรณะสัมปันโน สุคโค โลกะวิทู อนุตตโร ปุริสสธัมมาสารถิ สตถาเวา มนุสสานังพุทโธ ภควาติ”
ติณห์พยายามแน่วแน่ไม่วอกแวก ตั้งจิต ระหว่างขับก็มีมือของวิญญาณแหลมเข้ามาภายในรถแบบแว่บๆ แล้วก็จางหายไป มีมือทะลุหลังคารถมาจับหัวติณห์แล้วก็จางหายไป
พวกญาณิน เนตรสิตางศุ์สวดพร้อมๆกัน จนเสียงสวดอิติปิโสดังกึกก้อง ในที่สุด ติณห์ก็ขับรถเข้าไปในวัดได้สำเร็จ...ติณห์จอดรถเอี๊ยด จากนั้นก็รีบวิ่งสุดชีวิต เพื่อไปให้ถึงพระอุโบสถ โดยมีพวกวิญญาณร้ายไล่ตาม ทันทีที่ติณห์เข้าไปในเขตโบสถ์ได้ เจ้าอาวาสยืนรออยู่หน้าประตูโบสถ์แล้ว พวกวิญญาณเร่ร่อนพลันสลายไป ติณห์อึ้ง ทึ่ง
เบญจายืนอยู่กลางสนามที่รีสอร์ท ผงะ ลืมตาขึ้น โกรธมาก สมคิดที่สังเกตการณ์อยู่ เดาผลลัพธ์ได้
“มันหนีไปได้ใช่มั้ย”
เบญจาไม่ตอบ แค้น ยืนพยายามระงับความโกรธไม่ให้ระเบิด สมคิดตบหน้าเบญจา..เพี๊ยะ
“ฉันเคยบอกแกแล้ว...อย่าริมีความรัก เพราะมันจะทำให้แกโง่ แล้วก็ตกเป็นเหยื่อของคนอื่น ทีนี้แกเชื่อฉันหรือยัง...เข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าทำไมฉันถึงต้องโหดร้ายกับแก เพราะแกไม่ได้เกิดมาเพราะความรัก แต่แกเกิดมาเพื่อเป็นที่หนึ่งเท่านั้น แกต้องเหนือกว่าทุกคน”
เบญจาเกลียด แค้น ตัวสั่น น้ำตาไหล
“หนูเกลียดมัน หนูเกลียดติณห์”
“ถ้าแกอยากจะเป็นคนพิเศษ ที่อยู่เหนือใครๆ แกต้องตัดความรักทิ้งไปให้ได้ แกอยากให้ตัวเองดูน่าสมเพชอย่างนังมิรันตีแม่มันหรือไง”
เบญจาร้องไห้โฮออกมา
เช้าวันใหม่ สุคนธรสโวยๆดุก้องฟ้า ไตรรัตน์กำลังกดโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆ
“ก๊องเธอปล่อยให้ยัยเจ๊กับป้าออไปได้ยังไง...คนพวกนั้นคือหมอสมคิด คือจอมขมังเวทย์ แล้วไปโดยไม่บอกฉันสักคำ ไม่มีของขลังติดตัวไปเลยเนี่ยนะ”
“ก๊องเสนอตัวจะไปช่วยปกป้องให้แล้ว แต่เจ๊ให้ก๊องเฝ้าบ้านแทน คนบ้านนี้ ไม่เห็นจะมีใครฟังก๊องสักคน”
กรรัมภาเดินจ้ำเข้ามา
“จุนจียังไม่มาเลย”
สุคนธรสกังวล อยากจะช่วยญาณินมาก ไตรรัตน์หันมาบอก
“คุณรส ผมรู้นะว่าคุณห่วงญาณิน แต่ตอนนี้คุณต้องตัดความกังวลทิ้งไปให้หมด เพราะมันจะทำให้คุณไม่มีสมาธิ เวลานี้คุณต้องโฟกัสที่การช่วยเหลือวิญญาณคุณพิมพ์พิลาศอย่างเดียวเท่านั้น”
“ฉันรู้ โอเคๆ เราต้องตั้งใจทำแต่ปัญหาตรงหน้าตัวเองก่อน...เพราะเราต้องช่วยผู้เดือดร้อนก่อน” สุคนธรสพยายามทำใจ
รถตู้ส่วนตัวของจุนจีแล่นเข้ามาจอด ลีจองกุ๊กเดินเข้ามาห้อยพระเครื่องเต็มคอ มีตะกรุดที่เอว ตื่นกลัวกับการจะไปช่วยผีครั้งนี้มาก
“จะไปได้หรือยังครับ เราไม่มีเวลามากนะครับ”
กรรัมภาจะหันกลับไป แต่ก็ต้องหันกลับมามองซ้ำอีกรอบ
“โอ้โห จัดเต็มขนาดนี้เลยเหรอคะ”
“ไม่หนักเหรอครับคุณกุ๊ก” ไตรรัตน์แซว
“ผมแข็งแรง คอผมมีกล้ามครับจับดูได้” ลีจองกุ๊กโอ่
จุนจีตัดบท
“ไปกันเถอะครับ”
กรรัมภาหันมาถาม
“เดี๋ยวค่ะ ที่จะไปเนี่ย...ไปไหนคะ”
จุนจียกเอกสารพินัยกรรมขึ้นมา
“ผมจะไปเซ็นยอมรับพินัยกรรมให้มัน มันจะได้ปล่อยวิญญาณย่าผม”
กรรัมภาตกใจ
“อย่าเพิ่งค่ะจุนจี ลืมแล้วเหรอว่าคุณจ้างฉันมาทำไม”
“เรื่องนี้ให้พวกเราแก้ปัญหาให้คุณดีกว่า” สุคนธรสบอก
ลีจองกุ๊กเห็นด้วย
“ผมเห็นด้วย...เยๆ”
จุนจีหน้าเครียด
“พวกคุณจะช่วยวิญญาณย่าผมยังไง”
สุคนธรสคิดๆ
“ก็ต้องหาที่ซ่อนที่พวกมันขังวิญญาณคุณย่าคุณให้ได้ก่อน”
จุนจีหนักใจ
“นั่นน่ะสิ...ปัญหาอยู่ตรงนั้นแหละว่าวิญญาณย่าผมอยู่ที่ไหน”
“ไม่ต้องห่วงคุณอุนจิ” ไตรรัตน์พูดขึ้น
จุนจีเซ็งๆ
“จุนจี...เชื่อมือเมียผม รับรองอีกไม่นาน เราก็จะรู้ว่าวิญญาณคุณย่าคุณโดนจับขังไว้ที่ไหน”
จุนจีกับจองกุ๊กมองหน้ากัน
อติเทพรีบขับรถหน้าเครียดพาอรวีมาที่อยุธยา โดยมีวิญญาณโกลเด้นเบบี๋โพกหัวผ้าดำแต่งตัวเป็นสายลับนินจาแอบนังมาที่เบาะหลังด้วย รถขับผ่านวัดต่างๆ...โกลเด้นเบบี๋จำได้ รีบถลาไปดูที่หน้าต่าง ดึงผ้าปิดปากลง
“ห่ะ นี่มันอยุธยาแถวๆนี้มันวัดพระอาจารย์นี่”
อรวีเหมือนมีเซนส์จะได้ยินเสียงแว่ว หันขวับมาดูที่เบาะหลัง โกลเด้นเบบี๋รีบปิดปาก
“อุ๊บส์”
โกลเด้นท์เบบี๋รีบดึงผ้าปิดปาก แล้วนอนแผ่ที่หลังรถทำตัวนิ่งเป็นสายลับฮาโตริ ขณะที่อรวีหันมองทั่วๆ จนอติเทพรำคาญ
“นั่งให้มันดีๆได้มั้ย ยุกยิกๆอยู่ได้ มองอะไรของเธอ”
“คุณไม่รู้สึกเหรอเทพ เหมือนมีใครตามขึ้นรถมากับเราด้วย”
ทำเอาอติเทพระแวงไปด้วย รีบมองกระจกมองหลังไปที่เบาะหลัง แต่ไม่มีใคร เห็นแต่เบาะว่างเปล่า
“ไม่มีเห็นจะมีใคร ถูกผีนังพิมพ์พิลาศหลอกจนประสาทหลอนไปแล้วเธอ”
“แต่ฉันรู้สึกจริงๆนะคะคุณ”
“หุบปาก ถ้าไม่เงียบ ฉันจะไล่เธอลงจากรถเดี๋ยวนี้” อติเทพตวาด
อรวีจำต้องเงียบ นั่งหน้าจ๋อย โกลเด้นท์เบบี๋กัดปากมองไปที่อติเทพอย่างโกรธแทนอรวี
“โธ่เว้ย...ยิ่งเครียดๆอยู่นะเว้ย”
อติเทพหงุดหงิดขับรถไป
โกลเด้นวิ่งแว้บไปแว้บมาโผล่ต้นไม้นั่นทีโน่นทีเหมือนนินจา ตามอติเทพกับอรวีที่เดินลุยดงเข้ามา
“นินๆ”
จนกระทั่งมาถึงหน้าสำนักอาจารย์คง โกลเด้นท์ตีลังกาสามตลบ มาหยุดนั่งชันเข่ามองแบบในท่านินจา เห็นอติเทพกับอรวีรีบเดินตรงเข้าสำนักไป
“อาโน นี่มันสำนักไสยดำของไอ้อาจารย์คง หมอผีชื่อกระฉ่อนนี่ พวกผีๆเขาลือกันให้แซ่ดไปทุกตำบล เรื่องลวงโลก หลอกเอาตังค์ชาวบ้าน และความลามกจกเปรตของมันอ่ะโด่เอ้ย...อรวี รู้จักไอ้อาจารย์นี่น้อยไป”
โกลเด้นเบบี๋ขัดใจมาก ที่อรวีมายุ่งเกี่ยวกับอาจารย์คง
ภายในสำนัก อาจารย์คงหมุนๆเคราแพะ พลางบอกกับอติเทพและอรวี
“บ่องตง...ว่าผีดุๆฉลาดๆ ไฮโซ และตายด้วยการฆาตกรรมแบบนี้ จะน้อยกว่านี้ได้อย่างไร...ขออีก...สองแสน”
อติเทพไม่พอใจ
“อะไรวะเนี่ย จะขอเพิ่มค่าตัวอีกสองแสนเหรอ ฉันให้ไปแล้วสองแสน ยังไม่พออีกเหรอ”
“ก็บังเอิญว่า ข้าไปรู้อะไรดีๆมาน่ะเซ่ ฮ่ะๆ”
“รู้อะไรดีๆของแก”
อติเทพกระทืบพื้น ทำเอากระโถนบ้วนน้ำหมากของอาจารย์คงแทบหก จนอาจารย์ต้องรีบคว้าไว้ อรวีห้ามไว้
“ใจเย็นๆค่ะคุณเทพ”
อติเทพสะบัดแขนอรวีอย่างหงุดหงิด โกลเด้นเบบี๋โผล่แอบมองอยู่ที่ช่องหน้าต่าง อาจารย์มองหน้าอติเทพ
“ก็รู้มาว่านังแก่เมียเก่าของเอ็งเป็นเศรษฐีนีน่ะซี มันรวยโคตรๆ เอ็งอยากได้สมบัติมันใช่มั้ยล่ะ ฆ่ามันแล้ว วิญญาณมันยังหวงก้าง เอ็งถึงต้องให้ข้าจับวิญญาณมันมาขังไว้”
อติเทพฉุนกึก
“อ้าวๆ ไอ้อาจารย์ อย่ามาใส่ร้ายกันง่ายๆสิวะ กงการอะไรของหมอผีวะ จ้างให้จับผีก็จับไปซี ทำหน้าที่หมอผีไปอย่ามาแส่เรื่องคดีความ”
“แปลว่าเอ็งจะไม่จ่ายข้าใช่มั๊ย ได้เลย ถ้าอยากลองดี”
อาจารย์คงคว้าขวดที่ขังวิญญาณพิมพ์พิลาศมา อรวีสงสัย
“นั่นอาจารย์จะทำอะไร”
“ก็อยากคุยกันไม่รู้เรื่อง ข้าก็จะปล่อยนังนี่มาหักคอเอ็งสองคน”
อติเทพตกใจ
“เฮ้ย...อย่านะเว้ย...อย่าปล่อยมันออกมา...อย่า”
แต่ไม่ทันแล้ว อาจารย์ดึงจุกผ้ายันต์ออก ควันดำพุ่งออกมาจากขวดพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของวิญญาณพิมพ์พิลาศ อติเทพกับอรวีผงะ
“ห่ะ”
อติเทพกับอรวีตกใจถลาไปนั่งหลังชนฝาอย่างกลัวๆ อาจารย์คงหัวเราะ
“ฮ่ะๆ”
ควันดำจางลงทุกคนจึงเห็นพิมพ์พิลาศ ถูกงูเหลือมอาคมสีเหลืองทองอร่ามรัดอยู่ ดิ้นทุรนทุรายอยู่ที่พื้น
“ปล่อยฉันนะไอ้หมอผีชั่ว”
โกลเด้นเบบี๋ที่ทำตัวเป็นนินจาแอบดูอยู่ ตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอพิมพ์พิลาศแล้ว ขณะที่พิมพ์พิลาศสภาพดูเละ ผมเผ้าหลุดร่วงเพราะถูกงูรัดจนทรมาน และดูดุร้ายมาก มองไปที่อติเทพกับอรวี
“อีหญิงร้ายชายชั่ว อย่าให้ฉันหลุดออกไปได้นะแก ฉันจะแหกอกแกสองคน เอาหัวใจของแกสองคนออกมาดู ว่ามันโสโครกแค่ไหนถึงทำชั่วถึงขนาดนี้ได้”
อาจารย์คงยิ้ม
“อยากหลุดมั๊ยคุณนาย ข้าจะช่วยสงเคราะห์ ปล่อยให้ไปกระซวกไอ้อีสองคนนี่ให้หายแค้น”
พิมพ์พิลาศหันขวับมา
“แกพูดจริงเหรอไอ้อาจารย์ รีบปล่อยฉันซี ปล่อย”
อติเทพรีบห้าม
“อย่านะอาจารย์...ฉันยอมแล้ว...ฉันยอมแล้ว นั่งเฉยอยู่ทำไม มีเงินเท่าไหร่ ควักออกมาซี ฉันมีมาไม่พอ”
อติเทพหันไปตวาดอรวี ทั้งสองคนช่วยกันควักเงินออกมาจากกระเป๋า นับมือไม้สั่น ทำเอา พิมพ์พิลาศร้องไห้คร่ำครวญอย่างสุดแสนเสียใจ
“ไม่นะเทพ หยุดทำร้ายพี่แบบนี้พี่มีพระคุณกับเทพนะ พี่รักเทพมาก พี่เลี้ยงดูอุ้มชูเทพมาให้ได้ดิบได้ดีจากเด็กขายตัว มาเป็นคุณผู้ชายที่สูงส่งของพี่ เทพอยากได้อะไรต้องได้ เทพลืมไปหมดแล้วเหรอ”
อติเทพตวาด
“หยุดพูดอดีต ผมไม่อยากฟัง เอาเงินนี่ไปอาจารย์ แล้วรีบส่งวิญญาณอีผีขี้ทวงบุญคุณนี่กลับลงขวดไปเร็วๆ”
อติเทพรีบส่งเงินให้ อาจารย์คงหัวเราะร่วน
“ฮ่ะๆถ้ายอมให้ตั้งแต่ทีแรก ก็ไม่ต้องมีโชว์ผีอาละวาดให้เสียวไส้แบบนี้ไป อีผีเมียเก่า กลับลงขวดไป”
“กูไม่ไป ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ ปล่อย”
พิมพ์พิลาศอาละวาด ใช้ปากกัดทึ้งงูอาคมด้วยแรงอาฆาตพยาบาทแรง ทำให้งูอาคมเจ็บปวดร้องโหยหวน และหมดพลัง กลายเป็นด้ายร่วงลงกับพื้น อาจารย์ตะลึง
“วิญญาณอีนี่เฮี้ยนจริงๆ”
พิมพ์พิลาศเมื่อเป็นอิสระได้ ก็หันมาที่อติเทพกับอรวีด้วยตาแดงกล่ำ
“แกสองคน ตาย”
พิมพ์พิลาศลอยเข้าไปบีบคออติเทพกับอรวี
“อย่าพี่พิมผมกลัว อ็อก”
อรวีตื่นกลัว
“อ็อก...ช่วยด้วย...อาจารย์ช่วย....ด้วย”
“ตาย...อ๊าย”
แต่แล้วพิมพ์พิลาศต้องร้องโหยหวน เมื่ออาจารย์คงเหวี่ยงกิ่งใบหนาดแห้งลงอาคมที่ถักเป็นห่วงครอบหัว ล้อมรอบด้วยไม้หนามมาที่พิมพ์พิลาศ ห่วงครอบลงที่หัวแล้วรัดแน่นจนเลือดไหล อาจารย์คงพนมมือท่องอาถาเรียกวิญญาณพิมพ์พิลาศกลับกลายเป็นควันดำไหลกลับเข้าขวดเหมือนเดิม อาจารย์คงใช้จุกผ้ายันต์ปิดขวด อติเทพกับอรวีรอดตายหวุดหวิด นั่งจับคอหายใจเฮือกๆ...โกลเด้นเบบี๋ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ไอ้หมอผีโหด โรคจิต ชอบรังแกผีไม่มีทางสู้”
อาจารย์คงหันขวับมองมา
“นั่นใคร”
โกลเด้นตกใจ รีบถอยหลัง แล้วหลับตาหายตัวไปทันที อาจารย์คงวิ่งมาดูที่หน้าต่าง แต่ไม่เห็นใครแล้ว
ในบริษัทซิกส์เซ้นส์ จุนจีเดินไปมาหน้าเครียด ลีจองกุ๊กหัวเราะ
“ฮ่ะๆขำว่ะ...ฮ่ะๆ”
จุนจีที่กำลังเครียดมองหน้า
“เว...ขำอะไรนักหนาจองกุ๊ก ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังเครียดอยู่”
“ก็ขำที่เห็นปาร์คจุนจีซุปเปอร์สตาร์เกาหลีเครียดเพราะถูก SMS ขู่ ว่าวิญญาณคุณย่าถูกลักพาตัวไป ฮ่ะๆ กร๊าก”
สุคนธรสมองหน้าลีจองกุ๊ก
“ขำมาก...เดี๋ยวจะโดนดี”
ทันใดนั้นวิญญาณโกลเด้นเบบี๋ก็หายตัวแว๊บมานั่งคร่อมลีจองกุ๊ก
“แบร่”
โกลเด้นเบบี๋แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ ทำเอาลีจองกุ๊กตกใจกลัวแหกปากลั่น
“อ๊าก ผีหลอก”
จุนจีสะดุ้ง
“เฮ้ย...”
จุนจีตกใจโผเข้ากอดกรรัมภาแน่น
“ยัยโกลเด้นหยุดเดี๋ยวนี้นะ...หยู้ด” กรรัมภาปราม
โกลเด้นเบบี๋หยุดผละจากลีจองกุ๊ก มายืนเท้าเอวชี้ที่จุนจีที่กอดกรรัมภาอยู่
“นายจุนจีก็หยุดกอดพี่แก้มได้แล้ว พี่หนูเสียหายนะ”
กรรัมภาหน้าแดงรีบตีมือจุนจีให้ปล่อย
“ผมเจตนาที่ไหน ก็ผมตกใจ”
ไตรรัตน์หัวเราะก๊าก
“ฮ่าๆ โกลเด้น...ผีหวงพี่สาว เพิ่งเห็นตัวจริงวันนี้แหละ ได้ยินชื่อมานานแล้ว”
ไตรรัตน์นึกขึ้นได้ หยุดหัวเราะ กลายเป็นตกใจแทนที่ได้เห็นโกลเด้นเบบี๋ตัวเป็นๆครั้งแรก
“ว้าก...ผ...ผี”
ไตรรัตน์กระโดดกอดสุคนธรส โกลเด้นเบบี๋ส่ายหน้าเอือมๆ
“เห็นว่าแต่งงานกันแล้วนะ ไม่งั้น...โดน”
ไตรรัตน์หวาดๆ
“กลัวแล้วจ้า”
สุคนธรสโวย
“นายไตวาย...ปล่อย...ฉันหายใจไม่ออก”
กรรัมภาหันมาหา
“นี่โกลเด้น...ว่าไงนะ นายอติเทพจับคุณพิมพ์พิลาศไว้ที่ไหน”
“ดูนี่เลยพี่แก้ม”
ว่าแล้วโกลเด้นเบบี๋ก็แปลงร่างให้หัวตัวเองกลายเป็นจอทีวี ปรากฏภาพและเสียงพิมพ์พิลาศกำลังอาละวาด
“มึงสองคน ตาย”
จุนจี ลีจองกุ๊ก กรรัมภาขยับเข้ามามองจ้องไปที่จอมองภาพพิมพ์พิลาศลอยเข้าไปบีบคออติเทพกับอรวี
“อย่าพี่พิมผมกลัว อ็อก”
“อ็อก...ช่วยด้วย...อาจารย์ช่วย....ด้วย”
“ตาย...อ๊าย”
แต่แล้วพิมพ์พิลาศก็ต้องร้องโหยหวน เมื่ออาจารย์คงเหวี่ยงกิ่งใบหนาดแห้งลงอาคมที่ถักเป็นห่วงครอบหัว ล้อมรอบด้วยไม้หนามมาที่พิมพ์พิลาศ ห่วงครอบลงที่หัวแล้วรัดแน่นจนเลือดไหล อาจารย์คงก็พนมมือท่องอาถาเรียกวิญญาณพิมพ์พิลาศกลับกลายเป็นควันดำไหลกลับเข้าขวดเหมือนเดิม อาจารย์คงใช้จุกผ้ายันต์ปิดขวด...ภาพจบลงพร้อมสัญญาณซ่า หัวโกลเด้นเบบี๋กลับมาเป็นอย่างเดิม จุนจีเป็นห่วงพิมพ์พิลาศมาก
“คุณย่า มันจับวิญญาณไปทรมานจริงๆ”
จุนจีนั่งจับขมับเครียด สุคนธรสแค้นๆ
“ไอ้อาจารย์คง”
ไตรรัตน์สงสัย
“เมีย...เมียรู้จักมันเหรอ”
“หมอผีหน้าเงิน ทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน เส้นสายดีมาก ได้ออกทีวีช่องเคเบิ้ลหลอกขายวัตถุมงคลบ่อยๆ มันดังมากเลยล่ะ”
“งั้นแกก็รู้น่ะสิว่ามันอยู่ที่ไหน” กรรัมภาถาม
สุคนธรสพยักหน้า จุนจีร้อนใจ
“งั้นจะรออะไรกันอยู่ล่ะ”
อ่านต่อหน้า 2
สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 16 (ต่อ)
ญาณินเดินเข้ามาในเขตวัด คนอื่นๆทยอยกันตามมา ทั้งหมดเดินเข้ามาในโบสถ์ พบว่าติณห์กำลังนั่งสมาธิอยู่ที่หน้าพระประธาน ติณห์ลืมตา ออกจากสมาธิแล้วเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง
“หมอสมคิดมันเหมือนไม่ใช่คน ยังกับมันเป็นซาตาน หรืออะไรแนวๆนั้นเลยนะครับ”
“เราต้องวางแผนกันให้รอบคอบ ไม่งั้น ก็เท่ากับเราเดินเข้าไปขึ้นเขียงให้หมอสมคิดเชือด” ณัฐเดชแนะ
ติณห์พยักหน้า
“ถูก...เมื่อคืนผมก็เกือบจะไม่รอด ถ้าไม่ได้บุญบารมีหลวงพ่อช่วยเอาไว้”
อรวรรณแปลกใจ
“หลวงพ่อ...ที่วัดนี้เหรอคะ”
“ครับ ท่านยืนรับผมที่หน้าโบสถ์นี้ แต่อยู่ๆท่านก็หายไป ผมยังไม่ทันได้กราบขอบคุณท่านเลย”
“เราไปหาท่านจะดีไหม ท่านอาจให้คำแนะนำเราก็ได้นะ” เนตรสิตางศุ์ชวน
“ติณห์...ถ้าเห็นท่านอีกครั้ง คุณจะจำท่านได้มั้ยคะ” ญาณินถามอย่างมีความหวัง
มิรันตีเดินออกมาจากในตัวบ้านอย่างอารมณ์ดี แต่งตัวสวยแต่ต้องชะงัก เพราะสมคิดกับเบญจายืนรออยู่
“ร็อบบี้”
สมคิดเดินเข้ามากระชากมือมิรันตี ดึงตัวมาประชิดตัว มิรันตีงง
“คุณคะ...”
มิรันตีทำเขิน จะผละออก แต่สมคิดดึงกลับมา กลายเป็นสมคิดกอดมิรันตีจากด้านหลังคล้ายๆกับล็อกตัวเอาไว้ มิรันตีพบว่าเบญจายืนอยู่ตรงหน้า
“คุณร็อบบี้ เบญจาอยู่ อายเค้า”
แล้วทันใด สมคิดก็ใช้มือบีบปากไว้ มิรันตีฝืนพูด
“โอ๊ย...ร็อบบี้ ทำอะไร ฉันเจ็บ”
สมคิดกลับจับไว้แน่น มิรันตีงง เบญจาหยิบยาปั้นก้อนกลมๆแบบยาลูกกลอนออกมาจากกระเป๋า บริกรรมคาถาน่าขนลุกใส่ยานั้น มิรันตีหน้าตื่น
“เบญจา แกทำอะไร”
เบญจาเป่าพ่วงใส่ยานั้น แล้วจะเอายัดปากมิรันตี
“อ้าปาก”
มิรันตีปิดปากสนิท ไม่ยอมกิน สมคิดจัดการบีบกรามเอาไว้ มิรันตีพยายามดิ้น หันหน้าหนี แต่ก็สู้แรงไม่ได้ เบญจาจับยาลูกกลอนยัดปาก แล้วท่องคาถาไปตลอด จนยัดลูกกลอนใส่ปากมิรันตีได้ มิรันตีตาเบิกถลน ผวา ทุรนทุราย แล้วก็ช็อก ตาแข็งตัวแข็ง แล้วก็ล้มทั้งยืน หมดสตินอนแน่นิ่ง
ติณห์อยู่ที่หน้ารูปภาพเก่าของหลวงพ่ออดีตเจ้าอาวาส
“หลวงพ่อท่านนี้ นี่แหละที่ช่วยผมไว้ ท่านมายืนรอเหมือนกับรู้ว่าผมมีอันตราย แต่พอผมปลอดภัย ท่านก็หายไป”
ทุกคนมองรูปหลวงพ่อนั้น หน้าซีดๆ
“คุณติณห์เห็นหลวงพ่อรูปนี้ จริงๆเหรอคะ” อรวรรณถามเสียงสั่น
“ใช่ครับ...ทำไม”
“หลวงพ่อท่านนี้เคยเป็นเจ้าอาวาสที่วัดนี้ บรรทัดบนอ่านว่าชาตะ บรรทัดล่างอ่านว่ามรณะ” วรวรรธอธิบาย
ทุกคนสยอง ขนลุก อรวรรณพนมมือไหว้ทันที ทุกคนพนมมือตามพรึ่บๆ ติณห์ยังงง ณัฐเดชหันมาบอก
“ชาตะแปลว่าเกิด มรณะแปลว่าตาย”
“อ๋อ ตาย...” ติณห์เพิ่งเข้าใจ “อ้าว...”
ขณะเดียวกันนั้นอีกาบินมาเกาะที่หน้าต่างเงียบๆ
“หลวงพ่อรูปนี้ท่านละสังขารไปแล้วหลายปี แต่ดวงจิตของท่านก็ยังคงอยู่ปกปักษ์รักษาคนที่ทำความดีจากภัยอันตราย” ญาณินบอกอย่างศรัทธา
“เหมือนที่หลวงปู่อินทร์ท่านละสังขาร แล้วแต่ยังฝากพลังพิเศษให้กับพวกเราห้าคน เพื่อช่วยเหลือผู้คนและวิญญาณที่ทุกข์ทรมานต่อไป” เนตรสิตางศ์เสริม
หลวงพิชัยภักดีโผล่มา
“เขาถึงได้มีคำพูดว่า ธรรมะย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม เพราะฉะนั้นเอ็งจงอย่าละเลยการทำความดี เข้าใจมั้ย”
“ครับแกรนด์ปา” ติณห์พนมมือ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองมัมของผมด้วยนะครับ”
ทันใดอีกาอีกตัวบินมาเกาะ แล้วส่งเสียงร้องดัง ก๊าๆ อีกาตัวอื่นๆร้องรับตาม ทุกคนหันมอง ผงะ พบว่ามีอีกาอยู่ที่หน้าต่างรอบๆ และภายนอกบินผ่านไปมา
ญาณินกับติณห์เดินนำทุกคนออกมาด้านนอก มีอีกามากมายเกาะอยู่ตามมุมต่างๆและบินมาเกาะเพิ่มจำนวนมากขึ้น เริ่มส่งเสียงร้องกัน ทุกคนรู้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล หลวงพิชัยภักดีคิดๆ
“อีกา บรรยากาศนี้มันคุ้นๆยังไงพิกล”
วรวรรธแปลกใจ
“อีกา...ไม่น่าจะมาโผล่มากันมากขนาดนี้”
ญาณินรู้ได้ทันที
“พวกมันไม่ได้มาเอง แต่มีคนสั่งให้มา”
อรวรรณชะงักสงสัย
“มีใครสั่งอีกาได้ด้วยเหรอคะ”
“หมอสมคิดไงคะ อีกาคือสัญลักษณ์ของหมอสมคิด” เนตรสิตางศุ์บอก
“ฉันว่าแล้ว...ถ้างั้นพวกเราเตรียมตัวกันได้เลย” หลวงพิชัยภักดีแนะ
พวกอีกาเริ่มมีการขยับ บางตัวโดดลงจากต้นไม้มาที่พื้น เดินเข้าหาพวกติณห์ ณัฐเดชรีบบอก
“ทุกคนระวังตัว”
ทันใด อีกาทุกตัวส่งเสียงร้อง เสียงอีกานั้นไม่เหมือนอีกาปกติ แต่ละเสียงประสานกัน ฟังดูคล้ายกับบทสวดคาถาแปลกประหลาด น่ากลัว น่าขนลุก เนตรสิตางศุ์แปลกใจ
“ทำไม...เสียงของพวกมัน น่าขนลุก”
ทุกคนถูกห้อมล้อมด้วยเสียงอีกา แต่ละคนเริ่มมีอาการงงงวย อรวรรณเป็นคนแรกที่ถูกสะกด ตาลอย ยืนทื่อ จากนั้นคนอื่นๆก็เริ่มอาการเดียวกัน รวมทั้งหลวงพิชัยภักดี ตามลำดับตามลำดับความเข้มแข็งของจิต ญาณินพยายามตั้งสติส่งเสียงเตือนคนอื่นๆ
“ทุกคนตั้งสติเอาไว้”
แต่แล้วญาณินก็ไม่อาจประคองสติไว้ได้ ตาลอย วืบไป ทุกคนเห็นภาพนิมิตเดียวกัน คือ ภาพมิรันตีกำลังเดินมีความสุขไปตามรางรถไฟเมืองกาญจน์ รถไฟกำลังแล่นตรงมา ดุดัน น่ากลัว สุดท้าย รถไฟพุ่งเข้าชน มิรันตีร้องดังลั่น
“ติณห์...”
ทุกคนผวา เฮือก ได้สติกลับมา ติณห์ตกใจมาก
“มัม”
อีกาหายไปหมดแล้ว บรรยากาศบริเวณนั้นกลับมาสงบร่มเย็นปกติ ทุกคนช็อกกับภาพที่เห็น
“เมื่อกี้...ผมเห็นภาพคุณมิรันตี ที่ทางรถไฟ” วรวรรธบอก
ณัฐเดช อรวรรณ หลวงพิชัยภักดีพูดพร้อมกัน
“ผมก็เห็น / ป้าก็เห็น / ฉันด้วย”
“เบญจาใช้อาคมสร้างนิมิตหมู่ขึ้นมาทำให้พวกเราเห็นภาพเดียวกัน” ญาณินอธิบาย
ติณห์วิตกเป็นห่วงแม่
“มัม”
ติณห์ผลุนผลันรีบออกไป ทุกคนตาม...ติณห์รีบไปขึ้นรถสต๊าร์ท พร้อมออกแต่ญาณินวิ่งตามมาห้าม
“คุณไปไม่ได้นะติณห์ นี่เป็นกับดัก”
“คุณก็เห็นว่าพวกมันจะทำอะไรกับมัม”
“พวกมันจงใจใช้แม่คุณเป็นตัวประกัน ล่อให้เราไปติดกับ”
แต่ติณห์ไม่ฟัง ออกรถไปเลย
ญาณินอึ้ง
“ติณห์”
หลวงพิชัยภักดีโผล่เข้ามา
“ไอ้หลานดื้อเอ๊ย”
หลวงพิชัยภักดีรีบหายแว่บตามติณห์ไป คนอื่นๆรีบตามมา
“ยัยณิน...เร็ว”
ณัฐเดชวิ่งนำไปขึ้นรถของตัวเอง ญาณินรีบตามไปขึ้น จังหวะเดียวกับเนตรสิตางศุ์และวรวรรธที่ไปเปิดขึ้นรถด้วย ณัฐเดชหันมาบอก
“ยัยเนตร เราไม่ต้องไป รออยู่ที่นี่”
“ไม่ค่ะ” เนตรสิตางศุ์ขึ้นรถเลยไม่ฟังณัฐเดช
ทุกคนขึ้นรถเหลืออรวรรณคนเดียวที่ไม่ได้ไปด้วย แล้วอรวรรณก็รู้สึกว่าต้องช่วยทำอะไรสักอย่าง ตัดสินใจวิ่งกลับเข้าไปด้านในวัด เข้าไปในโบสถ์ นั่งลงที่หน้าพระประธานทันที พนมมืออธิษฐาน
“ขอให้ผลแห่งบุญกุศลที่ลูกได้กระทำมาตลอดในชาตินี้และชาติก่อน กลายเป็น เกราะแก้วกำบังช่วยคุ้มครองคุณหนูญาณินและเพื่อนๆให้แคล้วคลาดจากสิ่งอัปมงคลทั้งหลายทั้งปวง ขอให้ความดีงามเปล่งประกายเรืองรองปัดเป่าความชั่วร้ายเลวทรามให้หมดสิ้นไปด้วยเถอะ”
อรวรรณหลับตาพนมมืออธิษฐานจิต...ภายนอกรอบๆโบสถ์ เกิดแสงเรืองรองออกมา เสมือนฟ้ารับรู้คำอธิษฐานนี้
จุนจี กรรัมภา ไตรรัตน์ สุคนธรส ลีจองกุ๊ก และโกลเด้นท์เบบี๋หลบอยู่มุมหนึ่งใกล้ๆสำนักอาจารย์คง จุนจีเดินเข้ามาหา ขัดใจข้องใจ
“คุณแก้ม...ทำไมต้องวางแผนเล่นละครตบตาให้มันยุ่งยากด้วย”
“เราจะบุกสำนักหมอผี เราจะประมาทไม่ได้” กรรัมภาตอบ
“และเขามีคุณย่าคุณอยู่ในกำมือ” สุคนธรสเสริม
จุนจีพอได้ยินเรื่องย่าก็ยอมรับและเข้าใจในแผนการนี้ได้ แต่ก็ยังมีเหตุผลอื่นให้ขัดใจ
“งั้นคุณไม่มีแผนการอื่น ที่ไม่ต้องเล่นละครหรือไง”
สุคนธรสชักข้องใจ
“คุณมีปัญหาอะไรกับแผนของฉันหรือเปล่า หรือกลัวว่าแอคติ้งจะไม่แนบเนียน”
“คุณรส...ผมเล่นหนังและละครรวมกันแล้วมากกว่าร้อยเรื่อง เคยได้รางวัลนัก แสดงนำชายยอดเยี่ยมมาแล้ว”
สุคนธรสตัดบท
“แล้วทำไมคุณถึงมีปัญหากับการต้องเล่นละครตบตาอาจารย์คง”
“ผมไม่มีปัญหากับแผน แต่ผมมีปัญหากับ...เอิ่ม….”
จุนจีบุ้ยไปอีกด้าน ลีจองกุ๊กกำลังสอนแอคติ้งให้ไตรรัตน์อยู่ ท่าทางไตรรัตน์พยายามมากๆจนเกร็งตั้งใจจนเกร็งไปหมด
“โกรธ...โกรธอีก...โกรธที่สุด...โกรธมากๆ”
“โกรธแล้ว” ไตรรัตน์เถียง
ลีจองกุ๊กส่ายหน้า
“ไม่ใช่...อย่าแสดงว่าโกรธ แต่คุณต้องโกรธจริงๆ” ลีจอกกุ๊กเข้าไปตีหัว ชกต้นแขน “โกรธจริงๆ”
ไม่ทันขาดคำ ไตรรัตน์ทนไม่ได้ ชกเปรี้ยง ลีจองกุ๊กหน้าหงาย เงยมาอีกทีเลือดกำเดาไหล
“ชกทำไม ให้โกรธเฉยๆ”
โกลเด้นท์เบบี๋เท้าคางมอง เพลียกับไตรรัตน์
“หนูว่าส่งไปเรียนกับหม่อมน้อยเถอะ”
ไตรรัตน์พยายามแอคติ้ง แต่ก็ยังดูเกร็ง และเล่นไม่ได้ จุนจีถอนใจ
“แผนจะแตกเพราะสามีคุณนั่นแหละ”
จุนจีฮึดฮัดไปนั่งสงบสติอารมณ์ สุคนธรสจ๋อย กังวลๆ กรรัมภาหนักใจ
“ยัยรส...ที่รักแกจะรอดมั้ย”
“ต้องรอดสิ” สุคนธรสแค้นไตรรัตน์ “ฮึ่ย ทำให้เมียเสียหน้าตลอด”
มิรันตีโดนอาคมจินตนาการไปอย่างสวยหรู เธอนั่งซบหน้าลงกับบ่าของสมคิดอย่างสวีทหวาน อยู่ใต้ต้นไม้ ที่มีดอกสีสดใส โปรยปราย สวยหวาน มิรันตีดูมีความสุขมากๆ แล้วสมคิดก็หันมามอง ใช้มือจัดปอยผมของเธอที่หล่นลงมาให้เข้าที่เข้าทาง มิรันตีสบตาหวานซึ้ง ขวยเขิน หลบตา สมคิดเชยคางให้เงยหน้ามาสบตากัน แล้วเขาก็โน้มหน้าเข้าไปหา จะจูบ มิรันตีหลับตาเคลิ้ม
แต่จริงๆแล้ว มิรันตีนั่งอยู่บนก้อนหินทื่อๆ บริเวณใกล้รางรถไฟไม่มีต้นไม้ ไม่มีบรรยากาศสวยๆอะไรทั้งนั้น และมิรันตีกำลังหลับตาเคลิ้ม จูบอากาศอยู่คนเดียว ใกล้ๆกัน สมคิดกับเบญจายืนอยู่อีกด้าน มองอาการของมิรันตีอย่างเยาะหยัน
“ไอ้พวกที่แยกแยะระหว่างความจริงกับเรื่องหลอกลวงไม่ออก มันน่าสมเพชจริงๆ”
ทันใด เบญจาหันขวับไป
“พวกมันมาแล้วค่ะพ่อ”
เบญจาและสมคิดยิ้มให้กันอย่างร้ายกาจ
ติณห์ขับรถพุ่งเข้ามาตามทาง หลวงพิชัยภักดีนั่งอยู่ด้วย
“ไอ้ติณห์...หยุดรถ ข้าจะไม่ยอมให้เอ็งไปตายฟรี เอ็งต้องสืบทอดตระกูลพิชัยภักดีของข้าต่อไปอีกหลายชั่วอายุคน หยุด”
“ผมเป็นลูกผมยังห่วงมัมเลย แต่ยูเป็นแด๊ดดี้ เป็นแด๊ดดี้ประสาอะไรไม่คิดห่วงลูกสาวตัวเอง”
ติณห์ไม่ฟังอะไร ขับรถพุ่งไปที่ข้างทาง กรกฎยืนอยู่ตรงนั้น จงใจปล่อยให้รถติณห์ผ่านไปได้ แต่แล้วก็หันมายืนขวางถนน เพื่อรอรับรถอีกคันที่กำลังแล่นเข้ามา รถณัฐเดชแล่นมา ทุกคนเห็นว่ากรกฏยืนขวางถนนอยู่ ญาณินหน้าตื่น
“กอ รอ กอ ดอ”
ณัฐเดชชะงัก
“หือ”
“สมุนคนสนิทของไอ้หมอสมคิด มันไม่ใช่ผีแต่ก็ไม่ใช่คนปกติธรรมดา” ญาณินบอก
“ครึ่งคนครึ่งผีเหรอ งั้นก็สวย”
ณัฐเดชเหยียบคันเร่ง เนตรสิตางศุ์สยอง
“พี่ณัฐจะทำอะไร”
กรกฏยืนตั้งรับ ยื่นมือออกมา มีคลื่นวิญญาณสีเทาดำพุ่งออกไป รถณัฐเดชที่พุ่งมาอยู่ๆก็สะบัด หมุนคว้าง แล้วปาดจอดเอี๊ยด พวกณัฐเดชในรถคะมำไปตามๆกัน วรวรรธถลำจนหน้าแทบจะมาอยู่ที่คอนโซล
“อยู่ๆก็ดริ๊ฟไม่ปรึกษากันเล้ย”
ณัฐเดชหน้าเครียด
“ท่าทางมันจะไม่ยอมให้พวกเราตามไอ้ติณห์ไป”
ญาณินเห็นว่ากรกฏมาขวางไม่ให้พวกตนตามติณห์เข้าไป เธอจึงหลับตาถอดจิตวืบไป
จิตญาณินวืบมาที่บริเวณรางรถไฟ พบว่าติณห์ลงจากรถแล้ว กำลังยืนช็อกมองตรงไปที่ทางรถไฟ
“ติณห์”
ญาณินมองตามติณห์ไปพบว่ามิรันตีกำลังเดินอยู่บนทางรถไฟ อารมณ์ดีมีความสุขมากๆ ถือกิ่งไม้หักๆประหนึ่งว่าเป็นช่อดอกไม้แสนสวยจากสมคิด ดมเอาๆ
“มัม”
หลวงพิชัยภักดีตามมา
“นังมิรันตี”
ติณห์กำลังจะเข้าไปหาแม่แต่ต้องชะงัก เพราะเบญจากับสมคิดโผล่ออกมาขวางหน้าเสียก่อน ติณห์กับญาณินชะงัก หลวงพิชัยภักดีหายตัวแว่บไป โผล่ตรงหน้ามิรันตี พยายามห้าม
“นังมิรันตี...แกออกมาจากทางรถไฟเดี๋ยวนี้”
แต่มิรันตีไม่รับรู้ ไม่ได้ยินหลวงพิชัยภักดี กำลังมีความสุข เพราะคิดว่าตัวเองกำลังเดินจูงมืออยู่กับสมคิด
ติณห์โกรธเบญจา
“เบญจา...ถ้าคุณโกรธผมก็มาลงที่ผมสิ มัมไม่เกี่ยว”
เบญจายียวน ท้าทาย เยาะเย้ย
“ทำคนไม่เกี่ยวนี่แหละค่ะ สะใจดี...ถ้าแม่คุณเป็นอะไรขึ้นมา คุณจะได้รู้เอาไว้ว่า คุณคือต้นเหตุ”
ติณห์แค้น โกรธ กำหมัดด้วยความแค้น ญาณินพยายามห้าม
“ติณห์...ถอยออกมา อย่าไปยุ่งกับมัน”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
เบญจาหันไปตวาดใส่ญาณิน หน้าตาเกรี้ยวกราดปีศาจร้ายมากๆ พลันเกิดคลื่นพลังพุ่งกระแทกเข้าใส่จิตญาณิน จนไถลถอยวืบกลับไปทันที สมคิดที่ยืนทึ่งที่ได้เห็นเบญจาแผลงฤทธิ์ ยิ้มอย่างพอใจ เบญจาหันกลับมาจ้อง ติณห์สยอง แต่ทำใจดีสู้เสือ ทันใด มีเสียงหวูดรถไฟดังมาแต่ไกล ติณห์ผงะ ซีด เบญจาแสยะยิ้ม
ญาณินผวาเฮือก ลืมตาตื่นขึ้นมาในร่าง
“ติณห์”
ญาณินพบว่าตัวเองยังนั่งอยู่ในรถ พอมองไปที่ภาพตรงหน้า ก็พบว่าณัฐเดชและวรวรรธกำลังถือปืน เล็งและยิงไปที่กรกฏปังๆ ญาณินลงจากรถมา เนตรสิตางศุ์ที่อยู่ตรงนั้นรีบสั่ง
“ยัยเจ๊ รีบไปช่วยคุณติณห์ก่อน...ไป”
ญาณินรีบวิ่งไป ณัฐเดชและวรวรรธยิงปืนจนกระสุนหมดแม็ก แล้วก็พบว่ากระสุนทำอะไรไม่ได้เลย กระสุนทั้งหมดร่วงลงพื้นตรงหน้ากรกฏนั่นเอง ณัฐเดชกับวรวรรธตะลึง เนตรสิตางศุ์ตาเบิกกว้าง
“มันมีวิญญาณคุ้มกันอยู่”
สายตาเนตรสิตางศุ์ เห็นกลุ่มวิญญาณเร่ร่อนที่ยืนเรียงแถวกำบังให้กรกฏอยู่
“ปืนทำอะไรไม่ได้...รู้งี้ให้คุณรสสอนคาถามาสักสองสามคาถาก็ดี” วรวรรธบ่น
ณัฐเดชเขวี้ยงปืนทิ้ง ถอดเสื้อนอก ถลกแขนเสื้อ พร้อมจะบู๊มือเปล่า
“ฉันจะถ่วงเวลามันไว้เอง...ไอ้หมอ แกพายัยเนตรหนีไป”
“ไม่ค่ะ” เนตรสิตางศุ์ก้าวมายืนเคียงข้าง เข้มแข็งขึ้น ไม่เหยาะแหยะ “เนตรจะไม่ทิ้งพี่ณัฐ เหมือนที่พี่ณัฐไม่เคยทิ้งเนตร”
“ยัยเนตร”
วรวรรธก้าวมายืนเคียงข้างอีกคน คิดจะบู๊ด้วย ถอดเสื้อ พับแขนเสื้อ สะบัดคอ
“ครอบครัวเดียวกันต้องไม่ทิ้งกัน”
ณัฐเดชมองหน้า
“นายเป็นครอบครัวฉันเมื่อไหร่”
“งั้นผมขอเป็นวันนี้เลยแล้วกันครับ”
“เอาตัวให้รอดก่อนดีกว่าค่ะ” เนตรสิตางศุ์เบรก
ทั้งหมดประจันหน้ากับกรกฏ พร้อมสู้ แต่แล้วกรกฏก็วิ่งพุ่งเข้ามาแบบจะเอาตัวกระแทก ณัฐเดชกับวรรธตกใจ แยกกระเจิง วรวรรธดึงเนตรหลบทัน
ติณห์ยืนประจันหน้ากับเบญจา ขยับจะไป แต่เบญจาก็ขยับขวาง สายตาติณห์คอยเหลือบมองมิรันตีสลับกับมองดูรถไฟเป็นระยะๆ ติณห์ร้อนใจจะขยับไปหามิรันตี แต่เบญจาขยับมาขวาง
“ทำไม...ทำไมพี่ติณห์ต้องหลอกหนูด้วย”
“หลอกเหรอ...คนที่เริ่มต้นการหลอกลวงนี้ก่อนก็คือเธอ แกล้งเดินตัดหน้าให้คุณณินขับรถชน แกล้งความจำเสื่อมเพื่อเข้ามาในรีสอร์ท แกล้งทำตัวใสซื่อ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอมันเป็นนางมารร้าย”
เบญจาโกรธ
“นางมารร้าย...นี่พี่หาว่าเบญจาคือนางมาร”
รถไฟแล่นมาตามทาง ติณห์ร้อนใจ
“หลบไป”
ติณห์จะฝ่าไป แต่สมคิดเข้ามาขวางพร้อมกับเหวี่ยงหมัด ติณห์ไวพอ หลบหมัดได้แล้วสวนหมัดเข้าท้อง สมคิดกระเด้งแต่ยังยิ้มได้ ฉวยโอกาสติณห์ขาตาย สวนหมัดขวาเต็มสีข้างติณห์ถึงกับตัวงอ
“อ๊าก”
“ลุกขึ้นมาไอ้ติณห์”
รถไฟเข้ามาใกล้ทุกที มิรันตียังคงอยู่ในภวังค์ ไม่รับรู้สิ่งรอบข้าง เบญจาเสียใจ
“ทำไม...ทำไมถึงไม่รักเบญจา”
“ฉันไม่มีวันรักเธอ ฉันรักญาณิน คนเดียว ต่อให้ฉันต้องตาย ฉันก็ยอมตายแบบรักเดียวใจเดียว”
เบญจาอึ้ง เจ็บแค้น ติณห์ลุกขึ้นมา จะรีบไปช่วยมิรันตีแต่ติดสมคิด ทันใดนั้น ญาณินวิ่งเข้ามา
“ติณห์”
เบญจาแค้นๆ
“รักกันมากใช่มั้ย”
เบญจาพุ่งไปหาญาณิน และชักมีดมาจ่อคอทันที ญาณินผงะ สมคิดสะใจ
“รักมันมาก งั้นก็เลือก จะไปช่วยแม่ หรือคนที่แกรัก”
ติณห์ช็อกสับสน มองมิรันตีที มองญาณินที รถไฟแล่นเข้ามาใกล้มากขึ้น
มิรันตียังคงเดินอย่างมีความสุขอยู่บนทางรถไฟ กิริยาอาการขวยเขิน ราวกับเด็กสาววัยสิบสี่ออกเดทแรก โดยไม่รู้ว่าด้านหน้ารถไฟกำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา หลวงพิชัยภักดีโผล่มายืนขวางหน้าพยายามเรียกสติของมิรันตี
“นังมิรันตี มีสติหน่อยสิเว้ย รถไฟจะมาทับเอ็งอยู่แล้ว หันกลับไปแหกตาดูสิโว้ย”
มิรันตีชะงัก หันกลับไป
“คะร็อบบี้”
มิรันตีคุยกับสมคิดในจินตนาการที่เธอเห็นคนเดียว สมคิดนั่งลงคุกเข่าตรงหน้า มิรันตีตื่นเต้น ตั้งใจฟัง แล้วก็ดีใจมาก
“มิสเตอร์ร็อบบี้ โอ้มายก๊อส คุณเป็นผู้ชายที่แสนดีขนาดนี้ ฉันจะปฏิเสธได้ยังไง แต่งค่ะ...ฉันจะแต่งงานกับคุณ”
มิรันตีทำท่าดีใจมาก น้ำตาปริ่ม ยื่นมือให้สวมแหวน ขวยเขิน
“ถ้าเอ็งยังไม่มีสติ ข้าจะตบเรียกสติให้”
หลวงพิชัยภักดีตบๆ แต่ก็ไม่สามารถถูกตัวมิรันตีได้ มือทะลุไป
ออฟฟิศทนายสมชาย...อติเทพกำลังหงุดหงิดหัวเสีย ที่จุนจีไม่ติดต่อกลับมา
“ไอ้จุนจีมันทำบ้าอะไรอยู่ อรวี เธอแน่ใจนะว่าส่งข้อความไปบอกมันแล้วเรื่องนี้”
“อรส่งไปบอกเขาแล้วค่ะ ว่าให้มาเซ็นยินยอมยกมรดกให้คุณที่นี่”
“แล้วทำไมมันยังไม่มาหาฉัน นี่มันไม่ห่วงย่าของมันเลยหรือไง ไอ้หลานอกตัญญู เนรคุณ เห็นเงินสำคัญกว่าญาติผู้ใหญ่”
“จะให้อรโทรไปหาเขาอีกทีมั้ยคะ”
“ไม่ต้อง”
ทันใดนั้นมีเสียงมือถือสมชายดังขึ้น เขากดรับสาย
“ได้...โอเค...” สมชายวางสาย “คุณอติเทพ...คนที่ผมใช้ให้ตามดูความเคลื่อนไหวของจุนจี แจ้งมาว่า จุนจีออกจากโรงแรมตั้งแต่เช้า”
“ตั้งแต่เช้า...แล้วมันอยู่ไหน ทำไมไม่มาที่นี่สักทีวะ” อติเทพหงุดหงิด
“มันไปที่สำนักอาจารย์คง”
อติเทพตกใจ
“ห๊า ไอ้ตัวแสบ”
ภายในสำนักอาจารย์คง จุนจีกับลีจองกุ๊กก้มกราบอาจารย์คง แล้วเงยหน้าขึ้นมา ยิ้มซื่อบริสุทธิ์ จุนจีถือกล้องตัวเล็กๆทำตัวเป็นช่างภาพ ทั้งคู่แต่งตัวเป็นเกาหลีนักธุรกิจ ใส่แว่นหนา อาจารย์คงเหล่ๆมองหน้าทั้งคู่สำรวจ
“เอ็งสองคน เป็นใคร มาจากไหน มีอะไรจะให้ข้าช่วย”
“รู้ด้วยว่าพวกเรามีเรื่องมาให้ช่วย” ลีจองกุ๊กคอย่น สั่นไปทั้งตัว “โหวว ขนลุกซู่”
“นั่น...ลูกประคำ ของจริงหรือเปล่าครับ”
จุนจีโผจะเข้าไปจับ
“เฮ้ย”
อาจารย์คงดุ ระวังตัว ไม่ให้แตะต้องตัว
“โอ้ว ซอรี่ ผมขอโทษแทนเด็กของผมด้วยครับ” ลีจองกุ๊กหันมาด่าจุนจีเป็นเกาหลี แล้วหันไปยิ้ม “อย่าไปถือสานะครับ ไอ้ตากล้องนี่มันไทยฟีเว่อร์มาก มันเลยตื่นเต้นไปหน่อย”
จุนจีขอโทษเป็นเกาหลี ผงกๆหัว
“พวกเรามาจากสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของประเทศเกาหลีครับ นามบัตรครับ” ลีจองกุ๊กยื่นนามบัตรภาษาเกาหลีให้ “ตอนนี้ที่เกาหลีกำลังเห่อเมืองไทยมาก ท่านผู้อำนวยการสถานี เลยอยากสร้างรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับเมจิกไทย”
ระหว่างนั้น จุนจีมองหาขวดเก็บวิญญาณพิมพ์พิลาศพร้อมกับพูดไปด้วย
“เพื่อนคนไทยของผม แนะนำว่าอาจารย์เป็นสุดยอดของพ.ศ.นี้..รู้ทุกวิชาอาคมอิทธิฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศอภินิหารมากมาย เราก็เลยอยากมาเชิญอาจารย์ไปเป็นพิธีกรประจำรายการเราที่เกาหลีอ่ะครับ”
อาจารย์คงอึ้งๆ
“พิธีกรรายการทีวีที่เกาหลี”
“ที่กรุงโซลครับ”
จุนจีทำเสียงประมาณสุดยอด เมืองหลวงเกาหลี ล้ำสุดๆ อาจารย์คงตื่นเต้น
“กรุงโซล”
“อาจารย์จะได้บินไปเกาหลีเดือนละสองหน” ลีจองกุ๊กบอก
“ค่าตอบแทนหนละห้าแสน” จุนจีเสริม
อาจารย์คงตาลุกโชน
“ห้าแสน”
ลีจองกุ๊กกล่อมต่อ
“มีผู้ดูแลติดตามให้สองคน”
ลูกศิษย์อาจารย์คงสองคนยกมือท่วมหัว
“ผมเอง...ไปด้วย”
จุนจีโชว์รูปสาวเกาหลีเอ็กๆในไอแพด
“น้องยุนอา น้องเนเน่”
อาจารย์คงเผลอครางในลำคอ
“อ้า...”
จุนจียิ้มแย้ม
“ส่วนเรื่องลุคของอาจารย์ไม่ต้องห่วง เกาหลีซ่อมได้”
“ต่อให้หน้าเป็นขี้เถ้าเปียก เกาหลีก็ทำให้เป็นหน้าหยกได้” ลีจองกุ๊กเสริม
“และนี่คือหน้าของอาจารย์ ที่เราออกแบบมาด้วยระบบเรียลิตี้”
จุนจีโชว์รูป เป็นรูปร่างอาจารย์คง แต่หน้าหล่อใสเกาหลีมากๆ ลีจองกุ๊กกับจุนจีเต้นและร้องเพลงโอป้ากังนัมสไตล์ อาจารย์เผลอคราง
“อ้า...ฟาเต้อมาเต้อ เจนเติ้ลแม้น”
อติเทพเดินผลุนผลันจะออกจากห้อง ฉุนขาด อรวีกับสมชายรีบทัก
“อติเทพ คุณจะไปไหน”
“เธอคิดว่าไอ้จุนจีมันรู้จักสำนักอาจารย์คงได้ไง เราไม่ได้บอกมัน ทำไมมันถึงโผล่หัวไปนั่นได้ ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้อาจารย์หน้าเงินบอก”
อรวีตกใจ
“หา...”
สมชายคิดตาม
“แสดงว่าไอ้อาจารย์คงมันอยากได้เงิน และมันคงรู้ว่าผีพิมพ์พิลาศนั่นเป็นย่าใคร มันเลยติดต่อโดยตรงกับเจ้าตัว เพราะหวังเอาเงินค่าจ้างที่มากกว่าเรา”
อติเทพหยิบปืนออกมาจากกระเป๋า
“มันอยากลองดีกับฉัน ฉันก็จะจัดให้”
อติเทพออกไป อรวีกับสมชายอึ้งๆ
กรกฏวิ่งกางแขนสองข้าง เข้าชนณัฐเดชกับวรวรรธแบบนักมวยปล้ำ แล้วกรกฏจะกลับมาโดดทิ้งข้อศอกกระแทกใส่ แต่ณัฐเดชกับวรวรรธกลิ้งหลบไปได้ ทั้งสองลุกขึ้นมาได้ ก็เข้าชกกรกฏ ประสานกันรุมชกไม่ยั้ง แต่กรกฏไม่สะทกสะท้านอะไร เนตรสิตางศุ์อยากจะช่วย พยายามคิดหาทาง แล้วเธอก็นึกขึ้นได้
“ฮ้า...ใช่...เครื่องราง” เธอรีบล้วงกระเป๋าหยิบออกมา “หนุมานหลวงพ่อสุ่น เบญจภาคีเครื่องรางที่ยัยรสเคยให้ไว้”
กรกฏชะงักหันมามอง เนตรสิตางศุ์ที่พนมมืออธิษฐานขอให้หนุมานหลวงพ่อสุ่นช่วย
“ขอบุญบารมีหลวงพ่...อ”
เนตรสิตางศุ์ยังไม่ทันอธิษฐานอะไร พวกวิญญาณผีของกรกฏก็พุ่งเข้ามากระแทกจนเธอผงะหงายหลังล้มไป ทำหนุมานหลวงพ่อสุ่นหลุดมือ หล่นพื้น กรกฏชกณัฐเดชกระเด็นไปไกล แล้วเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เนตรสิตางศุ์ เดินพุ่งไป วรวรรธตกใจ
“คุณเนตร...ระวัง”
ทันใดนั้น วรวรรธวิ่งเข้ามาสไลด์ตัว พร้อมกับคว้าหนุมานหลวงพ่อสุ่นขึ้นมา กำไว้ในหมัด แล้วยืนปกป้องเนตรสิตางศุ์ ประจันหน้ากรกฏ ชกหมัดที่กำหนุมานหลวงพ่อสุ่นออกไป กรกฏถูกพลังของหนุมานในหมัดกระแทกจนกระเด็นไป วรวรรธกับเนตรสิตางศุ์อึ้ง
“อิทธิฤทธิ์เครื่องรางเบญจภาคี”
กรกฏยันตัวขึ้นมาอีกที ไม่ยอมแพ้ วรวรรธแสยะยิ้ม
“ยังงี้ก็สนุกแล้วสิ”
กรกฏเข้ามา วรวรรธชก กรกฏโดนแล้วถึงกับทรุด แต่ก็ยังฮึดสู้ วรวรรธเริ่มมีกำลังใจ คึกมากขึ้น ชกกรกฏไม่ยั้ง รัวๆ กรกฏทรุดลงไปกอง
ญาณินถูกเบญจาเอามีดจ่อคออยู่ พยายามสู้ ติณห์ลังเล มองมิรันตี มองรถไฟ ประเมินสถานการณ์ว่าน่าจะช่วยญาณินแล้วไปช่วยแม่ได้ทัน เลยคิดจะกลับมาช่วยญาณิน ทันใด ญาณินตั้งสติได้ พยายามสู้กับเบญจา ในที่สุด เตะมีดกระเด็นจากมือเบญจาได้
“ไม่ต้องห่วงฉัน ไปช่วยแม่คุณ”
เบญจา กับญาณินสู้กันแบบตัวต่อตัว ไม่มีใครยอมกัน ติณห์รีบวิ่งไปช่วยมิรันตี สมคิดเห็นติณห์วิ่งไป รีบวิ่งตามไปขัดขวาง ญาณินกับเบญจาเผชิญหน้ากัน แววตาแกร่งกร้าวพร้อมสู้
“ถ้าเธอไม่ใช้อาคม เธอก็ไม่มีปัญญาทำอะไรฉันได้หรอก”
“เหรอ...หมดเวลาเล่นแล้ว”
เบญจาตบ ญาณินตบตอบ เบญจาชก ญาณินชกตอบ เบญจาเตะ ญาณินเตะตอบ แลกกันคนละดอก...หมอสมคิดวิ่งมาขวางหน้าติณห์ไว้ก่อน
“คิดว่าฉันจะปล่อยให้แกไป”
“หลบไป”
ติณห์จะฝ่าไป แต่สมคิดชกเปรี้ยง ติณห์ผงะออกมา เช็ดมุมปาก เอาเรื่อง
“เข้ามาไอ้สมคิด”
สมคิดใช้ไม้เท้าที่ถือ เข้าโจมตีติณห์ ณัฐเดชมาถึง เข้ามาขวางแทน สมคิดหันไปเจอณัฐเดชอัดเข้าหน้าจนกระเด็นกองกับพื้น แย่งไม้เท้ามา ไล่ตีสมคิด
“ไอ้ติณห์ ไปช่วยแม่แกเร็ว ทางนี้ฉันดูแลให้เอง”
ติณห์รีบลุกวิ่งไป
รถไฟแล่นมาใกล้มากขึ้น หลวงพิชัยภักดีร้อนใจ
“ไอ้ติณห์เร็ว แม่แกมันไม่รับรู้อะไรแล้ว”
ติณห์วิ่งเข้าไปถึงตัวมิรันตี
“มัม...” ติณห์รีบดึงตัวออก “ออกไปจากตรงนี้”
มิรันตีไม่ยอมไป ยื้อไว้จะอยู่ที่เดิม
“ไม่...ฉันไม่ไป ฉันจะอยู่กับมิสเตอร์ร็อบบี้ที่นี่ อย่ามายุ่งกับฉัน”
“ภาพที่มัมเห็นเป็นของปลอม ไม่ใช่ความจริง”
แต่มิรันตีกลับเกรี้ยวกราดสู้สุดแรง จะไม่ยอมไป
“ออกไป”
มิรันตีผลักติณห์อย่างแรง จนล้มไป
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
หวูดรถไฟใกล้มาก หลวงพิชัยภักดีร้อนใจ
“ลุกเร็วไอ้ติณห์”
ญาณินซัดเบญจาจนเสียท่าล้มไป แล้วหันไป เจอมีดที่หล่นอยู่ใกล้มือ คว้ามีดขึ้นมา แล้วเสกอาคม และสลัดมีดใส่ญาณิน ติณห์หันไปดูพอดีตะโกนบอก
“คุณณิน ระวัง”
ญาณินหันหลบ มีดพุ่งผ่านไปฉิดเฉียด แต่แล้วมีดบินพุ่งกลับมา
ญาณินถอยหนี ขณะที่รถไฟกำลังจะชนมิรันตี หลวงพิชัยภักดีรีบบอกติณห์
“ไม่มีเวลาแล้ว แกช่วยได้แค่คนเดียว แกเลือกเอาว่าจะช่วยใคร เร็ว”
ติณห์ตะลึงกับสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกัน สุดท้ายเขาตัดสินใจกระโดดคว้าตัวมิรันตีก่อนรถไฟจะพุ่งชน รถไฟแล่นผ่านบริเวณนั้นไป
“มัม”
มิรันตีหลุดจากอาคม แต่หมดแรงสลบหมดสติไป พอเห็นแม่ปลอดภัย ติณห์นึกถึงญาณินขึ้นมาทันที เป็นห่วงแล้วเขาก็ช็อก ที่เห็นขบวนรถไฟแล่นผ่านไปแล้ว โดยไม่เห็นญาณิน แต่เมื่อรถไฟแล่นผ่านไป ก็ปรากฏว่าญาณินถูกวรวรรธดึงตัวออกมาก่อนแล้ว โดยอยู่อีกด้านของทางรถไฟ ติณห์อึ้งไป
“ญาณิน”
ญาณินและวรวรรธลุกขึ้นมาปลอดภัย เนตรสิตางศุ์และณัฐเดชเดินตามเข้ามาสมทบ สมคิด เบญจา กรกฎ หายตัวไปอย่างไร้ร่องลอย
อาจารย์คงสนใจข้อเสนอทุกอย่าง จุนจีกับลีจองกุ๊กช่วยกันหว่านล้อม
“เอกสารที่อาจารย์อ่านอยู่ คือแผนทั้งหมดในการปั้นอาจารย์ให้โด่งดัง ในหนึ่งปีอาจารย์จะเป็นซุปตาร์ ฉายา อาจารย์คง จิตญาณสัมผัสทิพย์”
“มีทั้งชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ และชะนีเพศ” ลีจองกุ๊กเสริม
จุนจีชะงัก
“สตรีเพศ”
ลีจองกุ๊กกล่อมต่อ
“รับรองว่าภายในปีเดียว อาจารย์จะรวยมาก จะมีเงินซื้อรถเบ๊นซ์แจกเจ้าสำนักอื่นๆได้เป็นร้อย จะมีบ้านบนเนินเขาในต่างประเทศ และถ้าอยากมีเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวก็ไม่ยาก”
จุนจีโชว์เช็ค
“เช็คสั่งจ่ายล่วงหน้าสองล้านบาท แค่อาจารย์ตอบตกลง รับไปเลย”
อาจารย์คงเผลอพยักหน้าทันที อยากได้มากๆ แต่แล้วก็รีบทำฟอร์มๆ
“เฮ้ย ชื่อเสียงเงินทองไม่เห็นจะอยากได้ แต่...สงสารที่พวกเอ็งข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อการนี้ จะลองๆดูก็ได้”
อาจารย์จะเอื้อมมือคว้าเช็ค แต่จุนจีชักกลับ
“พอดีว่า...บอสของพวกเรามาด้วย อาจารย์ต้องแสดงแมจิกเล็กๆน้อยๆให้บอสเซย์เยสก่อน แล้วอาจารย์จะได้ทุกอย่าง”
อาจารย์คงขัดใจ แต่ก็อยากได้เงิน
“แล้วไหนล่ะ บอสพวกเอ็ง”
ไตรรัตน์เดินเข้ามา แต่งตัวออกแนวเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ คือมีโอเวอร์โค้ทคลุม ไตรรัตน์เกร็งๆแบบคนแอค ติ้งไม่เป็นและกลัวความแตก แต่เน้นตีหน้าขรึม ทำหน้าบึ้ง ทำเป็นพูดไม่ชัด
“อันยอง...ยองๆฉี่...ยองๆ นี่เหรอ อาจารย์คง ไหน มีดีอะไร โชว์มาสิ”
จุนจีกับลีจองกุ๊กลุ้นไตรรัตน์ หันมาฉีกยิ้มกลบเกลื่อนกับอาจารย์คงมากๆ อาจารย์คงคิดอวดของ
ด้านนอก ใกล้สำนักอาจารย์คง กรรัมภากระวนกระวาย
“แก...แกแน่ใจนะว่าไอ้อาจารย์คง จะจำหน้าจุนจีไม่ได้ ถ้ามันรู้ว่าจุนจีคือหลานคุณพิมพ์พิลาศหรือรู้ว่าเป็นซุปตาร์เกาหลี จบข่าว”
“ไอ้หมอผีคนนี้มันรู้จักอยู่แค่อย่างเดียวคือเงิน มันไม่รู้จักจุนจีหรอก”
“ฉันว่าให้ฉันแอบเข้าไปอีกคนดีมั้ย”
สุคนธรสรีบห้าม
“ไม่ได้ แก ฉัน และโกลเดนท์ต้องรอข้างนอก ขืนเข้าไปแล้วอาจารย์คงมันจับได้ว่าพวกเรามีซิกส์เซ้นส์ จบข่าวเหมือนกัน”
“แต่ฉันเป็นห่วง”
“ฉันก็ห่วง”
โกลเดนท์เบบี๋ส่ายหน้า
“ภารกิจนี้ไม่มั่นใจเล้ย”
สุคนธรสมุ่งมั่น
“เราต้องเชื่อมั่นในทีม”
“พี่จุนจีกะพี่กุ๊กๆ หนูมั่นใจ...แต่อีกคน” โกลเดนท์เบบี๋ถอนใจ “เฮ้อ”
“แฟนฉัน สบายอยู่แล้ว”
โกลเดนท์เบบี๋กับกรรัมภาถามพร้อมกัน
“แน่ใจ”
สุคนธรสไม่มั่นใจนัก ลุ้นๆ
อาจารย์คงเอาของขลังต่างๆมาวางบนโต๊ะตรงหน้า ไตรรัตน์นั่งเก้าอี้วางท่าเป็นผอ.ใหญ่โต
“น้ำมันพราย ควายธนู ลักยม ข้าวสารเสก ใบหนาดแห้ง”
จุนจีมีสีหน้าผิดหวัง เพราะไม่เห็นขวดเก็บวิญญาณพิมพ์พิลาศ
“มีแค่นี้เองเหรอครับ”
“ใช่...ทำไม...จะเอาอะไรอีกงั้นเหรอ”
จุนจีนึกถึงตอนที่โกลเดนท์เบบี๋เล่าให้กรรัมภาฟัง หลังจากกลับมาจากสำนักอาจารย์คงและบอกให้ไตรรัตน์กับสุคนธรสรู้ว่าพิมพ์พิลาศถูกจับตัวไป
“ผีคุณย่า...ถูกขังเอาไว้ในขวดขังวิญญาณ มีผ้ายันตร์ปิดไว้”
จุนจีพยายามพูดอ้อมๆเพื่อให้อาจารย์คงเอาขวดที่เก็บวิญญาณพิมพ์พิลาศออกมา
“ผมเคยดูในหนังผีไทย...หมอผีชอบจับผีใส่หม้อเอาไปถ่วงน้ำ อาจารย์มี...”
อาจารย์คงรู้ทันที
“อ๋อ มีๆ”
อาจารย์คงไปหยิบหม้อดินเผาออกมา เป็นหม้อดินเผาแบบในหนังจริงๆ จุนจีผิดคาดที่ไม่ใช่ขวด
“ไม่ใช่ๆ ผมหมายถึง...”
อาจารย์คงชักหงุดหงิด
“นี่ไงหม้อ จะเอาอะไรอีก...แล้วตกลงเจ้านายเอ็งอยากให้ข้าโชว์อะไร บอกมา”
“ก็...”
ลีจองกุ๊กรีบตะคอกจุนจีเสียงดังเป็นเกาหลีเพื่อแก้สถานการณ์ แล้วหันไปถามไตรรัตน์
“ไม่ทราบว่าบอส...ต้องการเห็นอะไรครับ”
“ฉันอยากเห็นการจับผีลงหม้อแบบสดๆ โชว์ให้ดูหน่อยได้มั้ย”
อาจารย์คงหน้าตื่น
“เฮ้ย มันยากนะ”
“หรือว่าไม่เก่งจริง...เลยทำแบบนั้นไม่เป็น” ไตรรัตน์สบประมาท
อาจารย์คงฉุน
“อย่าวิ่งหนีไปก่อนก็แล้วกัน”
อาจารย์คงคิดจะโชว์ จุนจีมีหวังจะได้เจอพิมพ์พิลาศ
อ่านต่อหน้า 3
สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 16 (ต่อ)
ด้านนอกสำนักอาจารย์คง...อยู่ๆท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีทมึนเหมือนพายุกำลังมา กรรัมภาแปลกใจ
“นี่มันอะไรยัยรส”
“มันกำลังทำพิธีเรียกสัมพะเวสี เข้าตามแผนเราแล้ว”
อยู่ๆโกลเดนท์เบบี๋ก็ร้องเตือนเพราะเห็นกลุ่มพลังวิญญาณของสัมพะเวสีพุ่งผ่านมา
“ระวัง”
กรรัมภากับสุคนธรสรีบกระโจนหลบ เพราะพวกสัมพะเวสีพุ่งมา เกือบชนอย่างฉิวเฉียด
“ยัยรส เราเข้าไปช่วยพวกผู้ชายเถอะ”
“ไม่...เราต้องเชื่อมั่นในคนของเรา”
สุคนธรสดึงตัวกรรัมภาเอาไว้
หน้าต่างประตูดังผลั๊วะๆ เสียงร้องของพวกสัมพะเวสีแหลมโหยหวน ข้าวของบางอย่างถูกพลังงานของวิญญาณสัมพะเวสีกระแทกจนหล่น ร่วง ปลิว อาจารย์คงบริกรรมคาถาพ่นใส่เปลวไฟของเทียนไขที่ถืออยู่ตรงหน้า ไตรรัตน์ จุนจี ลีจองกุ๊ก สยอง กลัว เพราะเจอของจริง ต้องอุดหูและถอยมาจนหลังชิดกัน
“นี่...มันแค่จะโชว์ ไม่ได้จะทำอะไรเราใช่มั้ย” ไตรรัตน์ถามหวาดๆ
พวกสัมพะเวสีวนเวียนพลุ่งพล่านไปทั่วบริเวณ อาจารย์คงบริกรรมคาถาถึงขั้นตอนสุดท้าย เป่าพ่วง แล้วปักเทียนลงไปในหม้อดินเผา ทันใด พวกวิญญาณสัมพะเวสีก็ราวกับถูกดูดเข้าไปในหม้อนั้นหมดสิ้น อาจารย์คงเอาผ้ายันตร์คลุมปากหม้อไว้ ไตรรัตน์สยอง แต่รับมือได้
“ดีนะ เจอมาบ่อย เริ่มชินแล้ว”
จุนจีตื่นเต้น ยังไม่ชินมาก แต่ก็พอรับมือได้
“ดีนะ เคยเห็นผีคุณย่ามาก่อน”
ไตรรัตน์กับจุนจีหันไปมองที่ลีจองกุ๊กที่ขนลุกขนพองสยองเกล้าสุดๆ หัวตั้ง ตาตื่นมาก จับพระที่ห้อยคอแน่น
“ผิดใช่มั้ยที่เกาหลีไม่เคยเห็นผี”
อาจารย์คงลุกยืนขึ้น
“แค่นี้คงพอจะพิสูจน์ได้แล้วนะว่าข้าตัวจริง จะเซ็นสัญญาเลยมั้ย”
ไตรรัตน์ขัดขึ้น
“ยัง”
อาจารย์คงชะงัก
“อะไรอีกวะ”
“นี่มันผีเร่ร่อน มันกระจอก หมอผีไหนๆก็ทำได้ ฉันอยากเห็นอาจารย์โชว์ความ สามารถมากกว่านี้”
“ไอ้นี่ เรื่องมาก อยากให้ข้าเสกหนังควายเข้าท้องเอ็งมั้ยล่ะ”
“เฮ้ย ไม่ต้อง แต่ช่วยทำอะไรยากๆหน่อยได้มั้ย”
จุนจีรีบอธิบาย
“บอสหมายถึง...อาจารย์น่าจะเรียกผีที่โหดๆมาปราบ อย่างพวกผี...ผีแม่ม่าย...ลูกหลานทอดทิ้ง อารมณ์เกรี้ยวกราด อาจารย์มีมั้ย”
อาจารย์คงเหล่ตามอง
“อยากเจอผีดุๆโหดๆ อื้ม พวกเอ็งแน่ใจนะว่าไม่กลัวตาย”
“ถ้ามีก็โชว์มาเลย”
อาจารย์คงกระหยิ่ม คิดมาท้าทายข้า เดี๋ยวสวย อาจารย์คงหยิบขวดใส่วิญญาณพิมพ์พิลาศออกมาจากหีบ จุนจีตาโต สมหวัง
บรรยากาศด้านนอกสงบลงแล้ว โกลเดนท์เบบี๋พูดขึ้น
“บรรยากาศสงบลงแล้ว”
กรรัมภายกมือพนม
“สาธุ ขอให้ราบรื่นราบเรียบตลอดรอดฝั่งด้วยเถอะ เพี๊ยงๆ”
ไม่ทันขาดคำ เสียงเครื่องยนต์รถกระหึ่มเข้ามา รถของอติเทพแล่นดุดันฉุนเฉียวผ่านพวกเธอไป ไปจอดที่ด้านหน้าของสำนักอาจารย์คงเลย กรรัมภากับสุคนธรสรีบหลบหลังต้นไม้
“ใครมาอีกเนี่ย”
อาจารย์คงวางขวดไว้ตรงกลางพื้นเรือน เขารู้ว่าพิมพ์พิลาศอาละวาดหนักแน่ถ้าได้ออกมา ต้องการพื้นที่เอาไว้จัดการ
“ขอเตือน...ถ้าไม่อยากโดนลูกหลง ถอยไปห่างๆ”
ลีจองกุ๊กขยับถอยไปไกลสุดเป็นคนแรก จากนั้นไตรรัตน์ก็ขยับถอยตามไป จุนจียังอยู่ที่เดิม จนไตรรัตน์ต้องสะกิด ว่าอย่าทำตัวมีพิรุธ จุนจีจึงยอมขยับถอยหลังไป อาจารย์เริ่มท่องคาถา กำลังจะปล่อยพิมพ์พิลาศออกมา แต่ทันใดประตูถูกถีบเข้ามา ไตรรัตน์กับลีจองกุ๊กที่กำลังลุ้นๆถึงกับสะดุ้งจ๊ากกอดกัน แต่คนที่เข้ามาคืออติเทพ ตามด้วยอรวีและสมชาย
“อติเทพ”
จุนจีตกใจเพราะอติเทพรู้จักตนและจะทำให้แผนเสีย อติเทพชี้หน้าอาจารย์คง
“แก...ไอ้หมอผีไร้จรรยาบรรณ แกรับปากแล้วว่าจะทำงานให้ฉัน แต่แกกลับคิดจะแทงข้างหลังฉันงั้นเหรอ ไอ้ชั่ว”
อาจารย์คงงๆ
“เอ็งพูดบ้าอะไร แทงข้างหลังอะไร ข้าเป็นแต่แทงข้างหน้า”
“ไม่ต้องมาตีมึน...แกก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าแกนัดไอ้จุนจี หลานชายคนเดียวของอีนังผีแก่มาทำไม”
อาจารย์คงอึ้ง
“หา...ไอ้นี่น่ะเหรอหลานนังผีแก่”
ลีจองกุ๊กรีบขัด
“อาจารย์อย่าไปเชื่อมัน เราเป็นเกาหลีจริงๆ”
ไตรรัตน์รีบพูด
“อันฮยองอันเซโย”
อาจารย์คงโกรธ
“พวกเอ็งหลอกข้า”
อติเทพควักปืนออกมา เล็งที่อาจารย์คง
“เลิกเล่นละครตบตาฉันได้แล้ว...ฉันไม่โง่ให้แกหลอกซ้ำ ถ้าค่าจ้างสี่แสนมันยังน้อยเกินไป งั้นฉันจะแถมลูกตะกั่วให้แก”
อาจารย์คงจ้องตอบ ท้าทาย อติเทพยิง ปัง สุคนธรสกับกรรัมภาวิ่งเข้ามาพอดี ตะลึงกับภาพที่เห็น กระสุนปืนลอยหยุดอยู่กลางอากาศ ตรงหน้า อาจารย์คงยิ้มกระหยิ่ม เพราะมีวิญญาณสัมพะเวสีมารับกระสุนไว้แทน กระสุนนั้นจึงหยุดค้าง แล้วก็ร่วงลงพื้นไป ทุกคนตะลึง อติเทพยิ่งฉุน ยิ่งแค้น
“คิดว่าอาคมแกแน่นักเหรอ”
อติเทพจะยิงซ้ำอีก แต่คราวนี้ลูกน้องทั้งสองของอาจารย์คงว่องไวเข้าประชิดตัว ปัดปืนออก กระเด็นไป อติเทพถูกลูกน้องอาจารย์จับแขนบิด แล้วกดลงไปกับพื้น อติเทพหมดท่า อาจารย์คงท่องอาคมเป่าพ่วงใส่อติเทพ แล้วผละออกมา อติเทพมีอาการปวดตามเนื้อตัว แล้วร่างกายก็ปรากฏรอยแดงปื้น แบบช้ำเลือดช้ำหนองขึ้นมาที่ส่วนต่างๆในร่างกาย ทีละส่วน เริ่มจาก แขน คอ ขา ท้อง ตัว ใบหน้า
“โอ๊ย”
อรวีกับสมชายรีบไปดูแลอติเทพ
“เทพ...คุณเป็นอะไร” อรวีเห็นว่าอยู่ๆที่ต้นแขนก็มีรอยคล้ำขึ้นมา “นี่อะไร ทำไมอยู่ๆก็คล้ำ”
สมชายจ้องหน้าอาจารย์คง
“แกทำอะไรคุณอติเทพ”
“ร่างกายมันจะค่อยๆเน่าจากอวัยวะภายใน ทีละส่วนๆ จนเน่าไปหมดทั้งตัว ทางที่ดี ถ้าอยากรักษาชีวิตเอาไว้ รีบตัดแขนข้างที่เน่าไปแล้วทิ้งซะ มันจะได้ไม่ลุกลามไปที่อื่น”
ระหว่างนั้น จุนจีเห็นว่าขวดที่ขังพิมพ์พิลาศวางอยู่ ทางสะดวก เลยรีบวิ่งเข้าไปคว้าขวดนั้น แล้ว เขวี้ยงทิ้งเพื่อให้ขวดแตกทันทีเพล้ง
“คุณย่า...คุณย่าไม่เป็นอะไรแล้ว ผมมาช่วยแล้ว”
แต่กลับนิ่ง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น สุคนธรสดมกลิ่นและรู้ว่าไม่มีวิญญาณพิมพ์พิลาศอยู่ตรงนั้น
“คุณพิมพ์พิลาศไม่ได้อยู่ในนั้น เพราะที่นี่ไม่มีกลิ่นวิญญาณอะไรเลย นอกจากกลิ่นสัมพะเวสี”
จุนจีอึ้งที่รู้ไม่เท่าทันอาจารย์คง อาจารย์คงหัวเราะชอบใจ
“หึๆ ฮ่าๆ คิดไว้แล้วว่ามันมีอะไรแปลกๆ ก็เลยป้องกันเอาไว้ก่อน”
“เอาวิญญาณย่าฉันคืนมา”
“ข้าจะคืนให้ แต่ข้าต้องการเงินมรดกทั้งหมดที่คุณย่าของเอ็งมี ข้าจนมานานแล้ว ขอข้าได้เป็นมหาเศรษฐีกะเค้าบ้าง”
กรรัมภารีบไปจับเศษขวดที่แตกนั้น แล้วก็ตาโต เห็นภาพ
“มันเอาคุณพิมพ์พิลาศไปซ่อนที่อื่นแล้ว”
“โอ๊ะ นังหนู...เอ็งรู้ด้วย ไม่ธรรมดานะเรา”
อาจารย์คงผละเข้าไปคว้ามือกรรัมภาข้างที่ถอดถุงมือออกมาจับกุม อย่างรู้ว่าเธอมีเซนส์ด้านสัมผัส เลยจัดให้
“ดูสิว่าเอ็งจะรู้ดีแค่ไหน”
อาจารย์คงท่องคาถาเบาๆ กรรัมภาผงะ เพราะสิ่งที่เห็นหลั่งไหล ประดังประเดเข้ามาไม่ขาดสาย ยิ่งกว่าน้ำเชี่ยวกราก ทุกภาพที่กรรัมภาเห็นเป็นภาพผี วิญญาณ หลอกลอน ดุร้าย น่าเกลียดน่ากลัวน่าขยะแขยง อาจารย์คงสะใจ
“มีความสุขกับการเห็นภาพของคนอื่นมากใช่มั้ย ฮ่าๆ”
กรรัมภาได้แต่ร้องกรี๊ดๆ แบบเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ดิ้นๆ พยายามจะกระชากตัวเองออก แต่อาจารย์คงก็จับเอาไว้นิ่ง
“ปล่อยคุณแก้ม”
จุนจีจะเข้าไปช่วย แต่สุคนธรสดึงไว้
“ฉันเอง...แกต้องเจอฉัน”
สุคนธรสพนมมือ ท่องคาถา อาจารย์คงหันขวับมาจ้องสุคนธรส เพราะรับรู้ได้ว่าเธอเป็นแม่หมอ ผละมือจากกรรัมภา ทำให้กรรัมภาถึงกับทรุดลงไปกอง ยังคงทรมาน จุนจีตกใจ
“คุณแก้ม”
อาจารย์คงท่องคาถาสู้ สุคนธรสหันมาสั่ง
“พายัยแก้มออกไปก่อน...ไป”
ลีจองกุ๊กจะวิ่งไปคนแรก แต่เบรกเอี๊ยด นึกได้ว่าต้องดูแลจุนจี เลยรีบกลับมาดูแลจุนจีที่กำลังประคองกรรัมภาออกไป ไตรรัตน์กำลังจะขยับ สุคนธรสพูดขึ้น
“ใครใช้ให้นายไป นายต้องอยู่เป็นกำลังใจให้ฉัน”
“แหม่ ไม่บอกผมก็รู้หน้าที่”
อาจารย์คงเป่าพ่วง เกิดเป็นคลื่นอาคมไปที่สุคนธรส แต่แล้วคลื่นนั้นก็กระจายหายไป ทำอะไรไม่ได้ อาจารย์คงเป่าพ่วงซ้ำอีก แต่ก็ทำอะไรสุคนธรสไม่ได้อยู่ดี ไตรรัตน์ยิ้มพอใจ
“หึๆ ไม่รู้จักแม่หมอสุคนธรสซะแล้ว”
อาจารย์คงอึ้งที่สุคนธรสเหนือกว่า
“ฉันไม่อยากมีปัญหา ปล่อยตัวคุณพิมพ์พิลาศ แล้วต่างคนต่างอยู่”
“อยากได้ผีเมียเก่าใช่มั้ย ได้” อาจารย์คงล้วงหยิบตลับเล็กๆที่ใช้เก็บวิญญาณพิมพ์พิลาศออกมา “ข้าจะปล่อยมันก็ได้”
อาจารย์คงยิ้มร้าย
จุนจีประคองกรรัมภาออกมาที่ด้านนอก
“พาคุณแก้มไปโรงพยาบาลมั้ยครับ” ลีจองกุ๊กแนะ
“ไม่มีประโยชน์” กรรัมภายังมีอาการปวดอยู่ “ต้องให้ยัยรสจัดการ” กรรัมภาขืนตัวเอง ไม่ยอมไป “เราต้องอยู่ช่วยยัยรสก่อน”
“แต่คุณ...” ลีจองกุ๊กจะแย้ง
แต่อยู่ๆจุนจีมีอาการปวดหูมากเหมือนทุกครั้งที่ปวดเวลาพิมพ์พิลาศอาละวาด จุนจีทรุดลง
“โอ๊ย”
ลีจองกุ๊กตกใจ
“จุนจีเป็นอะไร”
จุนจีรู้ว่าปวดเพราะอะไร จำได้
“คุณย่า...”
ทันใด สุคนธรสก็กระเด็นออกมาจากในตัวสำนัก กระแทกลงกับพื้นหญ้าด้านนอก สุคนธรสดีดดิ้น หายใจไม่ออก ไตรรัตน์รีบวิ่งตามออกมา
“คุณรส คุณพิมพ์พิลาศ อย่าทำอะไรคุณรส”
“คุณย่าเหรอ”
จุนจีกับลีจองกุ๊กอึ้งที่รู้ว่าเป็นฝีมือพิมพ์พิลาศแต่มองไม่เห็น พิมพ์พิลาศกำลังบีบคอสุคนธรสอยู่ หน้าตาโหด อำมหิต และเจ็บปวด เพราะถูกอาจารย์คงบังคับด้วยอาคมให้ทำร้ายสุคนธรส อาจารย์คงเดินตามออกมา
“พวกเอ็งอยากเห็นผีที่โหดที่สุดที่ข้ามีไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆ”
“จักร...ย่า...ควบคุมตัวเองไม่ได้ มันบังคับย่า...โอ๊ย” บ่วงบาศที่รัดศีรษะอยู่รัดแน่นขึ้น “มันทรมานย่า”
อาจารย์คงกวาดตามอง
“หน็อย ไอ้พวกต้มตุ๋น ลอกให้ข้าฝันหวานว่าจะได้ไปเกาหลี จะได้เป็นหมอผีซุปตาร์กังนัมสไตล์...พวกเอ็งย่ำยีจิตใจข้ามาก ต้องรับผิดชอบ”
“ไอ้หมอผีทรมานคุณย่า” จุนจีขอร้องไปในอากาศ “คุณย่า...ปล่อยเพื่อนผม คุณย่าอย่ายอมให้มันบังคับ”
“ย่า...ทำไม่ได้”
ไตรรัตน์เป็นห่วง
“คุณรส...ทำอะไรสักอย่างสิ คุณมีอาคมตั้งเยอะตั้งแยะ”
พิมพ์พิลาศเห็นด้วย
“ใช่ ยัยหนู...หนูจัดการฉันสิ สู้ฉันสิ”
สุคนธรสหนักใจ
“ฉันทำร้ายคุณไม่ได้ แต่ฉัน...ฉันจะ...ช่วยคุณ” สุคนธรสพยายามหลับตา สวดมนต์
ไตรรัตน์มองอย่างกังวล
“จะสวดมนต์ทำไม”
อาจารย์คงหัวเราะร่า
“ฮ่าๆ นังแม่หมอเพี้ยนไปแล้ว ทีนี้เอ็งจะเอายังไงไอ้ซุปตาร์ จะยอมแพ้ หรือสู้ต่อ”
จุนจีแค้น คิดจะยอมแพ้ ยกเงินให้ไป
“ฉันจะยกเงินมรดกให้กับแก แต่แกต้องปล่อยทุกคน แล้วจบทุกอย่าง”
อาจารย์คงหันไปหาอรวีกับสมชาย
“เอ็งสองคน เป็นทนายใช่มั้ย ร่างเอกสารขึ้นมา ให้มันเซ็นมอบมรดกทั้งหมดให้ข้า แล้วข้าจะถอนอาคมให้คุณย่าของมัน”
อาจารย์คงเอาอติเทพมาล่อ อรวีอยากช่วยอติเทพจะตอบรับ แต่สมชายร้องห้ามว่าไม่ทำ
“ไม่ เราไม่ทำ”
อรวีอึ้ง
“คุณ...”
“มรดกของคุณพิมพ์พิลาศต้องให้แก่ทายาทโดยธรรมคือคุณจุนจี หรือไม่ก็คุณอติเทพที่เป็นสามีเท่านั้น จะยกให้ใครที่ไหนไม่ได้”
อาจารย์คงสวน
“แต่ข้ารู้ว่าทนายอย่างพวกแกเล่นแร่แปรธาตุได้ หรืออยากให้ไอ้ตี๋ตาย”
อรวีเป็นห่วงอติเทพ
“ฉันทำได้ค่ะ...ฉันมีเอกสารอยู่แล้ว แค่เปลี่ยนชื่อก็ใช้ได้เลย”
อรวีจัดแจงรีบไปทำเอกสารทันที กรรัมภาหันมาหาจุนจี
“จุนจี คุณจะยอมมันไม่ได้”
“แล้วจะให้คุณย่าผมทำร้ายเพื่อนคุณหรือไง”
“ยัยรสๆแกจะทำอะไรก็รีบๆทำเร็วๆเข้าได้ม้าย”
สุคนธรสเอาแต่สวดมนต์แผ่เมตตา อรวีกลับมาพร้อมเอกสารตรงไปหาอาจารย์คง
“เอกสารเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณอ่านก่อน แล้วก็เซ็นตรงนี้”
อาจารย์คงรับมา อ่าน แล้วพึงพอใจ หัวเราะ แต่อยู่ๆอาจารย์คงที่กำลังระเบิดหัวเราะต้องผงะ กระอัก หันกลับไปมองด้านหลัง พบว่าอรวียืนมือสั่นอยู่ เพราะเธอเพิ่งจะเอามีดเสียบเอวอาจารย์คง โกลเดนท์เบบี๋ตะลึงว่าทำไมกล้าทำ
“อรวี...ทำไมเธอ...เธอกล้ามาก”
อาจารย์คงตบอรวี
“อีบ้าเอ๊ย”
ทันใด บ่วงอาคมที่คล้องพิมพ์พิลาศกระจายหายวาบ พิมพ์พิลาศดีใจที่ไม่มีบ่วงรัดแล้ว ก่อนจะ ผละออกมาจากสุคนธรส
“ฉันเป็นอิสระแล้ว” พิมพ์พิลาศหันขวับไปจ้องอาจารย์คง “แก”
อาจารย์คงที่กำลังจะตามอรวีต้องผงะ เพราะพิมพ์พิลาศพุ่งมาโผล่ตรงหน้า
“แกตาย”
พิมพ์พิลาศบีบคอ และกดเล็บเข้าไปที่เนื้อ กรรัมภาประคองสุคนธรสขึ้นมา มือที่สัมผัสสุคนธรสทำให้เธอได้กลิ่นและรับรู้ได้ว่าพิมพ์พิลาศอยู่ตรงไหน
“อย่าค่ะ”
พิมพ์พิลาศชะงัก
“อย่าฆ่าคน...อย่าสร้างกรรมให้ตัวเองเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เขาทำกรรมอะไรไว้ กรรมนั้นก็เป็นของเขา อย่าให้ตัวเราต้องไปแบ่งเศษกรรมจากเขามาเลย”
“หนูเคยบอกแล้วไงว่าเราเป็นผี ก็ต้องเป็นผีที่รับผิดชอบต่อสังคม ต้องเป็นตัวอย่างให้แก่เยาวชน ให้พวกคนอายผี” โกลเดนท์เบบี๋เสริม
จุนจีขอร้อง
“คุณย่า...เชื่อคุณแก้มนะครับ แต่ถ้าคุณแก้มว่าดี ก็ต้องดีจริงๆครับ”
พิมพ์พิลาศขัดใจ แต่ก็ต้องผละออกมา
“แต่ฉันจะให้แกรับผล”
พิมพ์พิลาศหันขวับไปที่สำนัก มีเสียงระเบิดของพวกขวดและหม้อและภาชนะเก็บวิญญาณทุกชนิดดังบึ้มๆ พวกวิญญาณหลุดออกมาจากซากภาชนะนั้น เลื้อยตามมาทางอาจารย์ ส่งเสียงเฮ ยู้ฮู วูปี้ ไชโย โฮกๆ วี้ดๆ พิมพ์พิลาศแสยะยิ้ม
“วิญญาณที่แกจับมาทรมาน จะตัดสินแกเอง”
อาจารย์คงสยอง กลัว วิ่งลนลานหนีไป ทั้งๆที่ยังมีมีดเสียบคาอยู่ สุคนธรสโล่งอก ไตรรัตน์ดูแล จุนจีดูแลกรรัมภา
อรวีดูแลอติเทพที่ยังมีอาการทุรนทุรายอยู่
“คุณเทพ...คุณเทพอดทนหน่อย”
พวกสุคนธรสเข้ามาดูสภาพอติเทพ อรวี อ้อนวอน
“คุณ...คุณมีคาถาอาคมใช่มั้ย ช่วยคุณเทพทีนะคะ เขาจะตายอยู่แล้ว ฉันไหว้ ล่ะค่ะ ฉันกราบเลยก็ได้” อรวีกราบลง
โกลเด้นเบบี๋เศร้า ร้องไห้ สุคนธรสเข้าไปประคอง
“พวกเรา..เอาไงดี”
สุคนธรสยกให้จุนจีเป็นคนตัดสินใจ กรรัมภาเรียกเบาๆ
“จุนจี”
จุนจีแค้น เก็บกด
“มันคือฆาตกรที่ฆ่าย่าผม...มันคิดฆ่าผมคิดทำร้ายพวกเราทุกคน เจอเข้าไปแบบนี้ มันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ”
จุนจีหันหนี อรวีผวาตามขอร้อง
“ฉันจะเอาหัวโขกพื้นให้ดูเลย” อรวีรีบโขกไปสองที
พวกสาวๆกรี๊ด โกลเด้นเบบี๋เอามือปิดตา หันหลังให้ สมชายรีบมาประคองอรวี
“พอแล้วอรวี...ถ้าเขาไม่ช่วยก็ช่างเขา”
“ไม่...ฉันจะไม่ยอมให้เขาตาย ที่พวกคุณรอดมาได้ ก็เพราะฉันเอามีดแทงอาจารย์ คง...ฉันช่วยพวกคุณไว้ คุณก็ต้องตอบแทนฉันสิ”
ลีจองกุ๊กสวนทันที
“คุณก็ช่วยแฟนคุณนั่นแหละ อย่ามาทวงบุญคุณ...ไปเถอะจุนจี อย่าเสียเวลา”
ลีจองกุ๊กพยายามจะพาจุนจีออกไป แต่กรรัมภาเรียกไว้
“จุนจี...คดีคุณพิมพ์พิลาศ เรายังไม่รู้ว่าอะไรมันเกิดขึ้นจริงๆเลยนะ...เขาอาจ จะเป็นฆาตกรจริง หรือไม่ใช่ก็ได้”
“นี่คุณเข้าข้างมันเหรอ”
“เปล่า...แต่ถ้าเขาไม่ใช่ฆาตกร เท่ากับคุณกำลังปล่อยให้คนบริสุทธิ์ตายต่อหน้าต่อตา”
ปาร์จุนจีอึ้ง สุคนธรสเสริม
“จะคนดีหรือคนชั่ว ชีวิตก็คือชีวิต ถ้าตั้งใจปล่อยให้ตายยังไงก็บาป”
ไตรรัตน์พนมมือ
“พระพุทธเจ้าตรัสว่า การให้อภัย คือการให้อันสูงสุดนะ เราควรเดินตาม แนวทางของพระองค์ เราให้อภัยเขา แล้วยังคืนชีวิตให้เขาอีก บุญกุศลอาจ จะช่วยให้เราพบแต่เรื่องดีๆนะ ทุกคน”
กรรัมภาทึ่ง
“เดี๋ยวนี้อ่านธรรมะด้วยเหรอ”
“เมียผมสอนมาดี”
ไตรรัตน์ยักคิ้วให้สุคนธรส จุนจีลังเล ฮึดฮัดขัดใจ
สุคนธรสเป่าพ่วงที่แก้วน้ำดื่ม แล้วส่งให้อรวี
“ให้เขาดื่มซะ แล้วจะดีขึ้น”
“ขอบคุณค่ะ”
อรวีรีบป้อนอติเทพ สมชายพูดขึ้น
“พวกคุณคงไม่คิดว่า พวกผมก็ทำผิดไปด้วยหรอกนะครับ...ผมก็แค่ทนาย เป็นลูกจ้าง ผมก็ต้องทำตามคำสั่ง”
“จะถูกจะผิด ตัวของคุณเอง...ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ” สุคนธรสพูดเรียบนิ่ง
ไตรรัตน์ขัดขึ้น
“แต่ผมว่า...ถ้าทำตามคำสั่งไปเรื่อยเปื่อย แล้วอ้างว่า เป็นหน้าที่ เป็นมืออาชีพ ผมก็ว่าไม่ถูกนะ เช่น คุณเป็นทนาย แล้วว่าความให้ฆาตกรใจโหดรอดคดี แล้วเขาก็จะลอยนวล ไปฆ่าคนอื่นต่อๆไปอีก คุณว่าแบบนี้ไม่ผิดไม่บาปเหรอ สมมุติมีคนมาข่มขืนลูกสาวคุณ แต่เขามีทนายเก่ง มาสูคดีว่าลูกสาวคุณสมยอม ไปด้วย แล้วทำให้คนๆนั้นรอดคุกไปได้ คุณจะรู้สึกยังไง”
สมชายอึ้งๆ
“เอ่อ...คุณพูดยาว ผมคิดไม่ทัน”
สุคนธรสกับไตรรัตน์เดินแยกออกมา ไตรรัตน์เข้ามาสะกิดถาม
“เมียจ๋า...เอาไง แล้วแต่เลยนะ”
“เรามีหน้าที่ช่วยคน คนดีคนเลว เราก็ช่วยไป เราไม่ใช่ผู้พิพากษาจะได้ตัดสิน กรรมให้ใคร ว่าเขาสมควรตายไปต่อหน้าเรา”
“เมียฉลาด คิดเก่ง มิน่า เลือกผัวดี๊ดี”
“เสียอย่างเดียว”
“อะไร”
“บ้ากาม”
สุคนธรสเดินหนี ไตรรัตน์ตาม
กรรัมภาเอื้อมมือมาให้จุนจีจับ ฉับพลันปรากฏร่างพิมพ์พิลาศตรงหน้าจับอีกมือของกรรัมภาเอาไว้
“จุนจี ย่าขอโทษ...หลานทำให้ย่ารู้สึกผิด ที่เคยใจร้ายกับพ่อแม่ของหลาน ปล่อยให้พ่อแม่หลานต้องไปดิ้นรนหาเลี้ยงปากท้องกันตามยถากรรมที่เกาหลี แล้วนี่ย่ายังเป็นต้นเหตุให้หลานต้องมาเสี่ยงอันตรายอีก
“ที่ผ่านมา...ย่าต้องอยู่คนเดียว ไม่มีพวกเราดูแล ทำให้ย่าต้องไปคบกับคนพวก นั้น...ผมก็รู้สึกผิดกับย่าเหมือนกันครับ”
“จุนจี...ย่าอยากกอดหลาน”
พิมพ์พิลาศเข้ามากอดจุนจีเอาไว้ เขากอดตอบราวกับเป็นเด็กน้อย...จุนจียืนอยู่กับกรรัมภา พิมพ์พิลาศหายไปแล้ว เขาน้ำตาซึม กรรัมภามาปลอบ
“คุณย่าคุณยังไม่ไปไหนจนกว่าจะหาตัวฆาตกรได้ อะไรที่ตอนท่านมีชีวิต ทั้งท่านและคุณ...ไม่เคยได้มีโอกาสทำ ตอนนี้ก็ทำซะนะคะ มันยังไม่สายไป ซะทุกเรื่องหรอกค่ะ”
“ขอบคุณนะคุณแก้ม คุณดีกับผมมาก ยอมเสี่ยงอันตรายกับผม ผมไม่คิดเลยว่า คุณจะรักผมมากขนาดนี้”
“อะไร..ใครรักนาย...บร้า”
กรรัมภาจะเดินหนี จุนจีคว้าตัวมา
“เสร็จธุระแล้ว ฉันต้องกลับบริษัท”
“ตอนที่สื่อสารกับย่า...ผมรู้สึกว่าย่าจะฝากฝังเรื่องคุณด้วยนะ ท่านบอกว่า ผู้หญิงคนนี้ ติงต๊อง ปัญญาอ่อน เพ้อเจ้อ มโนเก่งแต่ จะช่วยดูแลผมได้ ห้ามให้หลุดมือเด็ดขาด”
“คุณย่าคุณบอกตอนไหน คิดเองเออเองทั้งนั้น”
“ใช่ผมคิดเอง...เรื่องหัวใจไม่ต้องมีใครบอกบทหรอก เรารู้กันสองคนพอ”
กรรัมภาเขิน เดินหนี จุนจีขำๆ
“ช่วยสนับสนุนผมด้วยนะครับย่า”
พิมพ์พิลาศมองจากด้านหนึ่ง ยิ้มสมใจ
“เล่นตัวไปเถอะ นังมือวิเศษ ยังไงก็หนีไม่รอดหรอก หลานชายฉันก็เสน่ห์แรง เหมือนฉันนั่นแหละ”
ห้องพัก โรงพยาบาล ...กรรณาวางกระเช้าผลไม้ให้พงอินทร์
“ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าวันนี้ผมจะออกแล้ว ยังจะซื้อมาอีก”
“ถ้าไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน คนอุตส่าห์มีน้ำใจยังจะมาบ่นอีก เอ้า...ชุดคุณไปเปลี่ยนซะ”
กรรณายื่นชุดพงอินทร์ที่ซักมาแล้วให้ไปเปลี่ยน
พงอินทร์ยื่นมือให้กรรณา เรียกให้มาช่วยประคอง
“อะไร”
“ประคองผมไปห้องน้ำหน่อยสิ ไม่ห่วงว่าผมจะเสียหลักหกล้มเหรอ”
“อย่ามาเจ้าเล่ห์ เดินไปเอง”
“โอเค ไม่รบกวนก็ได้”
พงอินทร์ทำท่าจะถอดชุดเปลี่ยน
“งั้นเปลี่ยนมันตรงนี้แหละ”
“เฮ้ยๆ จะทำอะไร”
พงอินทร์ยังจะถอดชุดออก
“จะเอางี้ใช่มั้ย”
กรรณาเดินไปเปิดประตู เห็นคนเดินผ่านห้องพงอินทร์ไปมา แล้วเปิดม่านมารวบเอาไว้ แบบให้เปิดเผยๆ
“จะไปเปลี่ยนในห้องน้ำ หรือจะโชว์”
พงอินทร์ขัดใจที่กรรณาไม่หลงกล
“อย่าเกรียนให้มาก”
พงอินทร์ทำท่าจะยอมลงจากเตียงเองเพื่อไปห้องน้ำ แต่พอดี น้ำหนึ่งเดินเข้ามา รีบเข้าไปประคองทันที
“โจ้...มาๆ หนึ่งช่วย”
น้ำหนึ่งวางกระเป๋าทิ้ง รีบไปประคองพงอินทร์ทันที
“เอ่อ...ไม่เป็นไร..ผม..ไหว”
“ให้หนึ่งช่วยเถอะค่ะ”
“เอ่อ..ก็ได้..หนึ่งใจดีกับผมมาก..โชคดีจริงๆที่มีหนึ่ง”
พงอินทร์ยอมให้น้ำหนึ่งประคองไป แต่แอบหันมายิ้มแบบเย้ยๆกรรณา
“ไม่ต้องล็อก เปลี่ยนเสร็จแล้วเรียกหนึ่งนะ”
น้ำหนึ่งปิดประตู ยืนเฝ้าหน้าห้อง หันมาสบตากับกรรณา ยิ้มๆ กรรณายิ้มตอบ แม้ว่าหน้าจะยิ้ม แต่ลึกๆสองสาวก็ข่มกันอยู่ในเชิง...นายตำรวจสองนายก็เดินเข้ามา
“คุณกรรณาใช่มั้ยครับ สารวัตรณัฐเดชส่งพวกเรามาช่วยคุณครับ”
น้ำหนึ่งอึ้ง เสียวสันหลังวาบ
มิรันตีได้สติตื่น ค่อยๆลืมตามองไปรอบๆ พบว่าตัวเองมาอยู่ในบริษัทซิกส์เซนส์ ตกใจ รีบลุกขึ้นมานั่ง ญาณินทำแผลที่หัวไหล่ให้ติณห์อยู่ใกล้ๆ
“มัม..ที่นี่บริษัทซิกส์เซนส์ บริษัทของคุณญาณินไงครับ” ติณห์หันมาบอก
มิรันตีแปลกใจ
“บริษัทซิกส์เซนส์...ลูกพาแม่มาที่นี่ทำไม”
“มัมรู้ตัวหรือเปล่าว่า มัมเกือบจะถูกหมอสมคิดกับเบญจาฆ่าตายแล้ว”
“อะไรนะ..”มิรันตีสับสน งง ทบทวน “ไม่ใช่...แม่จำได้ว่า...แม่กับเขากำลังจะแต่งงานกัน...ใช่...เขาสวมแหวนให้แม่ด้วย” มิรันตีจับมือ แต่ไม่มีแหวน “แหวน...แหวนหายไปไหน”
“นั่นเป็นแค่ภาพหลอนที่เบญจาใช้อาคมทำให้คุณเห็นในสิ่งที่คุณอยากเห็นเท่านั้นค่ะ แต่มันไม่ใช่ความจริง”ญาณินอธิบาย
ติณห์เข้าประคองมิรันตี ปลอบให้หายสับสน
“ตอนนี้มัมปลอดภัยแล้วนะครับ ผมและเพื่อนๆคุณณินจะช่วยปกป้องมัม”
มิรันตีตะลึง อึ้ง ไม่อยากเชื่อ แต่แล้วก็แววตากร้าวขึ้นมาอีก ผลักติณห์ออก
”ไม่ใช่ แม่กำลังจะแต่งงานกับมิสเตอร์ร็อบบี้คิดส์ แล้วแก” มิรันตีชี้ญาณิน “แกก็เข้ามาขัดขวาง..แกทำลายความรักของฉัน”
“ไม่ใช่นะครับมัม”
“ตั้งสติดีๆค่ะ แล้วคุณจะเห็นว่าสิ่งที่คุณรู้สึกอยู่ มันเป็นแค่มายา ไม่ใช่ความจริง”
“แกน่ะสิมายา..นังคนชั่ว”
มิรันตีฉุนพุ่งเข้าใส่ญาณิน ทุบตี โวยวายๆ
“ชีวิตฉันไม่พังพินาศเพราะแก”
“มัม”
ติณห์รีบห้าม พยายามดึงมิรันตีแยกออกมา แต่มิรันตีคลุ้มคลั่งแรงมหาศาล ขนาดโดนล็อกตัวแล้ว ก็ยังพยายามจะถีบ จนตัวลอยจากอากาศ
“มัม...พอได้แล้วครับ”
ติณห์เหวี่ยงมิรันตีออก แล้วยืนปกป้องญาณินไว้
มิรันตีที่ยังแค้นอยู่ หายใจแรง
“ฉันจะกลับไปหามิสเตอร์ร็อบบี้”
มิรันตีรีบหันเดินหนีไปทันที
ติณห์รีบตาม
เนตรสิตางศุ์เดินนำวรวรรธ ณัฐเดช อรวรรณ และก้องฟ้าไปที่เรือนกระจก
“เนตรเข้าไปดูดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน”
เนตรสิตางศุ์กำลังจะเข้าไป แต่มิรันตีเดินสวนออกมา ติณห์รีบตามมา
“มัม..หยุดก่อน..หยุด”
วรวรรธกับก้องฟ้ารีบขยับตัวเข้ามายืนขวางหน้ามิรันตีเอาไว้ทันที
“ไปไม่ได้ครับ”
“นายณัฐเดช…ฉันขอแจ้งความข้อหาลักพาตัวและกักขังหน่วงเหนี่ยว เธอต้องพาฉันออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้” มิรันตีโวย
“เชื่อผมนะครับ อยู่ที่นี่แล้วคุณแม่จะปลอดภัยที่สุด” ณัฐเดชพยายามอธิบาย
“เธอต้องรับแจ้งความฉัน ไม่งั้น เรื่องนี้ ถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติแน่”
มิรันตีเห็นทุกคนขยับมาล้อม หนีไม่ได้แน่จึงเปลี่ยนท่าทีเป็นขอร้อง
“ติณห์...ไม่สงสารแม่เหรอ แม่อยู่คนเดียวมานาน แม่เหงา แม่ไม่มีใคร เพิ่งจะมีมิสเตอร์ร็อบบี้คิดส์นี่แหละ ที่แม่รู้สึกว่าเราเป็นเนื้อคู่แต่ชาติปางก่อน เขาทำให้แม่เปิดใจได้อีกครั้ง...แล้วลูกจะขัดขวางไม่ให้แม่กับเขาแต่งงานกันเหรอ”
หลวงพิชัยภักดีที่แว๊บเข้ามายืนฟังหมั่นไส้
“จะแต่งงาน ไอ้นามสกุลพิชัยภักดี สจ๊วต เดอลาแมร์ ไฮเดนเบริกซ์ อะไรนี่ยังยาวไม่พออีกใช่มั้ย”
“แม่รักมิสเตอร์ร็อบบี้คิดส์จริงๆ”
“ไอม์โซซอรี่ มัม..ผมให้มัมไปไม่ได้จริงๆ”
มิรันตีหันกลับ คิดจะฝ่าไป แต่ต้องชะงัก เพราะทุกๆคนรุมกันเข้ามา มิรันตีรู้ว่าไปไม่รอดแน่ ชะงัก ไม่รู้จะทำยังไงดี
“ติณห์...”
มิรันตีร้องไห้ น้ำตาไหล
“ลูกมีความสุขแล้ว ทำไมไม่ให้แม่มีความสุขบ้าง”
“มัม...รักคนอื่นเถอะ แล้วผมจะไม่ห้ามมัมเลย”
“หรืออยู่คนเดียวไป ก็ไม่ถึงตายหรอกค่ะ อยู่มาแล้ว” อรวรรณแทรกขึ้น
“อยู่มานานด้วย” ก้องฟ้าเสริม
“ไม่ต้องย้ำ..คุณมาอยู่ด้วยกันที่นี่สิคะ ที่นี่ก็ยังมีห้องเหลืออยู่ อยู่กับลูกชายลูกสะใภ้ อนาคตก็คอยเลี้ยงหลาน”
“ใช่ครับ มัมจะได้มีความสุขในบั้นท้าย”
“บั้นปลาย” วรวรรธแก้
“มีความสุขในบั้นปลายที่คนแก่ๆทุกคนต้องมี..ไม่..ไม่เอา แม่ไม่อยากเป็นยัยแก่เลี้ยงหลาน”
มิรันตีฮึดขึ้นมาอีก พุ่งเข้าไปหาก้องฟ้า ผลักและกระชากมือถือที่ก้องฟ้าถือไว้มา
“ฉันจะโทรหามิสเตอร์ร็อบบี้คิดส์”
“มัม”
ติณห์พยายามจะเอามือถือคืนมา มิรันตีวิ่งหนี
“จะให้โทรหาหมอสมคิดไม่ได้..ก๊อง..เอามือถือคืนมา ไปๆ” ณัฐเดชร้องบอก
“คุณหมอ..ไปช่วยกัน...ไปค่ะ” เนตรสิตางศุ์ร้องเรียก
ทุกคนวิ่งไล่มิรันตีที่วิ่งกลับเข้าไปด้านใน ตรงไปทางห้องครัว เกือบจะออกประตูครัว แต่พบณัฐเดช ก้องฟ้า วิ่งมาดักพอดี มิรันตีหันซ้าย หันขวา จะออกประตูตรงข้ามห้องน้ำก็พบวรวรรธและเนตรสิตางศุ์วิ่งมาปิดทาง มิรันตีจนตรอก ตัดสินใจวิ่งเจ้าห้องน้ำ ปิดล็อกประตูทันที
ทุกคนจะตาม แต่เปิดประตูไม่ได้ ได้แต่ทุบ
“มัมๆ” ติณน์พยายามร้องเรียก
ภายในห้องน้ำ มิรันตีพยายามจะกดโทรหาหมอสมคิด
“เบอร์..มิสเตอร์ร็อบบี้..” มิรันตีนึก ทบทวน รีบกด
ด้านนอก...ติณห์ยังพยายามเคาะประตู
“ไม่ต้องเคาะแล้ว..พังเข้าไปเลย” ณัฐเดชตัดสินใจ
“ทุกคนหลบ” วรวรรธสั่ง
ณัฐเดชและวรวรรธตั้งท่าจะพุ่งกระแทกประตู แต่ญาณินรีบวิ่งมาขวาง
“ไม่ต้องพัง ป้าออมีกุญแจสำรอง”
“ใช่ค่ะๆ เดี๋ยวนะคะ” อรวรรณหยิบพวงกุญแจออกมา มีหลายดอก จำไม่ได้ดอกไหน
“เร็วๆสิคะป้าออ เดี๋ยวไม่ทัน” เนตรสิตางศุ์เร่ง
“อย่ากดดันสิคะ”
หลวงพิชัยภักดีโผล่เข้ามา กระหยิ่ม
“ใครรู้ตัวไม่หล่อหลบไป คนหล่อจะจัดการเอง”
“แกรนด์ปา” ติณน์งงๆว่าจะทำอะไร
มิรันตีกดโทรศัพท์อยู่ กำลังรอสาย หลวงพิชัยภักดีโผล่เข้ามาดัดเสียง
“ขออภัย หมายเลขที่ท่านเรียกอยู่ขณะนี้ ไม่สามารถติดต่อได้ชั่วคราว...เดอะนัมเบอร์ยูคอลล์..แคนนอทบีรีชไร้ท์นาว”
มิรันตีเซ็ง วางสายแล้วโทรใหม่อีกรอบ
หลวงพิชัยภักดีดัดเสียง
“กรุณารอสักครู่ ระบบกำลังติดต่อเจ้าหน้าที่..” หลวงพิชัยภักดีร้องเพลงรอสาย “มันแน่นอก ต้องยกออก วู้ว”
“โอ๊ย อะไรเนี่ย เพลงบ้าอะไรนี่”
“เลิกเล่นได้แล้ว นังตัวก่อเรื่อง”
หลวงพิชัยภักดีจับฝักบัวมา แล้วเปิดน้ำใส่มิรันตี
“ว้ายๆ อะไรเนี่ย”
“ความเน่าเหม็นของเอ็ง ล้างด้วยน้ำเย็นคงไม่ออก มันต้องน้ำร้อน” หลวงพิชัยภักดีหัวเราะชอบใจ
ด้านนอก...ทุกคนกำลังไขกุญแจ แต่แล้วมิรันตีเปิดประตูออกมาเอง ในสภาพเปียกปอน
“โอ๊ย”
ก้องฟ้ารีบแย่งมือถือคืนมา พบว่ามือถือเปียกน้ำ
“มือถือก๊อง เปียกหมดเลย เปิดไม่ติดด้วย”
มิรันตียืนพิงผนัง หมดสภาพ รู้ว่าหนีไม่รอด แต่ไม่ยอมแพ้
“มัม..”
มิรันตีไม่ยอมให้แตะตัว
“ไม่ต้องมายุ่ง...พวกแกจับฉันก็ได้แต่ตัว แต่ห้ามใจฉันไม่ได้ และฉันมั่นใจว่ามิสเตอร์ร็อบบี้คิดส์จะตามหาฉันจนเจอ และมาถล่มพวกแกแน่ๆ”
“อยู่ที่นี่สักพักนะคะ แล้วพวกเราจะพิสูจน์ให้คุณเห็น ว่ามิสเตอร์ร็อบบี้จริงๆแล้วเป็นยังไง” ญาณินพยายามเกลี้ยกล่อม
“ถ้าฉันจะอยู่ ก็อยู่เพื่อดูพวกแกพินาศ ยัยแม่มด”
มิรันตีไม่ยอมแพ้ ทำเอาทุกคนเซ็ง
ในห้องพงอินทร์ กรรณากำลังอธิบายให้พงอินทร์ฟัง
“ฉันเป็นคนขอให้พี่ณัฐช่วยส่งคนมาตามคดีนี้ ..ถ้าสันนิษฐานฉันถูกต้อง นักเลงพวกนั้นต้องเป็นคนของช่อเพชร และถ้าเราจับตัวพวกมันได้ เราก็อาจจะสาวถึงตัวช่อเพชร”
“โจ้...ไม่คิดบ้างเหรอว่ามันจะทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้น” น้ำหนึ่งแย้งทันที
“ยุ่งยังไง”
“ก็ถ้าเรื่องนี้ไปเข้าหูช่อเพชร แล้วเขาโกรธที่เราตามจิกเขาไม่เลิก เขาอาจจะทำอะไรที่หนักข้อยิ่งกว่าเดิม...ครั้งหน้าคนที่จะโดน...อาจจะไม่ใช่โจ้...แต่เป็นฉันและเธอด้วย” น้ำหนึ่งหันไปทางกรรณาอย่างพยายามหาพวก
“ฉันไม่กลัว” กรรณาโต้ทันที
“แต่ฉันกลัว” น้ำหนึ่งเสียงดังตวาด ทั้งกลัวทั้งโกรธ “ช่อเพชรเคยขู่จะเอาชีวิตฉัน เขารู้ว่าฉันมาช่วยเหลือพวกเธอ เขาอาจจะทำร้ายฉันเหมือนที่ทำกับโจ้...ฉันกลัว ฉันไม่อยากตาย”
น้ำหนึ่งโกรธแล้วก็กลายเป็นร้องไห้บอบบาง น่าสงสาร
“ถ้างั้นเธอก็แจ้งความไว้ ให้ตำรวจช่วยดูแล”
“ใครจะดูแลฉันได้ยี่สิบสี่ชั่วโมง”
น้ำหนึ่งร้องไห้วิ่งออกจากห้องไป
“กรรณา..ผมว่า..”
กรรณาดักคอ
“นี่ฉันทำเพื่อช่วยสืบเรื่องพี่สาวของนายนะ”
“ผมรู้...เดี๋ยวผมไปคุยกับหนึ่งเอง”
พงอินทร์ตามไปปลอบน้ำหนึ่ง
กรรณาผิดหวังที่พงอินทร์แคร์น้ำหนึ่งมาก มองตามไป ฮึดฮัดๆ ฉุนๆ หึงๆ
พงอินทร์เดินตามน้ำหนึ่งมา พบน้ำหนึ่งยืนหันหลังอยู่อีกด้าน
“หนึ่ง..”
แต่น้ำหนึ่งหันกลับมาด้วยท่าทีราวกับคนละคน
“โจ้...หนึ่งขอโทษ...เมื่อกี้หนึ่งคิดถึงตัวเองมากไปหน่อย...หนึ่งรู้ว่าโจ้รักพี่สาวมาก หนึ่งจะช่วยโจ้ให้ถึงที่สุด อะไรที่หนึ่งทำได้หนึ่งจะทำ“
“หนึ่งพูดจริงเหรอ”
“แต่หนึ่งไม่อยากให้ตำรวจมาดูแล...หนึ่งอยากให้เป็นโจ้ได้มั้ย”
“เริ่มพรุ่งนี้นะ...ดูสภาพผมวันนี้...คิดว่าต้องมีคนดูแลผมก่อน”
ทั้งคู่ยิ้มๆ น้ำหนึ่งแอบยิ้มร้าย
มิรันตีนั่งกอดอกอยู่ที่โซฟา อึดอัด ฮึดฮัด เพราะถูกก้องฟ้านั่งจับตาเฝ้าดูอยู่ ในมือก้องฟ้าเล่นเกมในคอมไปด้วย แต่พอมิรันตีลุกยืน ก้องฟ้าก็ยืนตาม มิรันตีหันเดิน ก้องฟ้าก็ขยับตาม
“ทำมือถือผมเจ๊งไปเครื่อง แล้วจะไปไหนครับ” ก้องฟ้าดุๆ
มิรันตีพูดภาษาอังกฤษใส่เป็นชุด
“ฉันจะไปไหนก็เรื่องของฉัน ไม่ต้องเดินตาม ฉันไม่ใช่นักโทษ ..คอยดู..ฉันจะหนีกลับไปหามิสเตอร์ร็อบบี้ แล้วฉันจะเล่นงานที่นี่ให้ย่อยยับ พวกแกทุกคนระวังตัวไว้”
ก้องฟ้างง ไม่เข้าใจ
“โอเค แต้งกิ้ว”
มิรันตีเดินฮึดฮัดไปมา มองหาทางหนีทีไล่ เธอมองไปที่ด้านนอก พวกติณห์อยู่กันครบ กำลังหารืออะไรกันอยู่บางอย่าง
ทุกคนรวมทั้งหลวงพิชัยภักดี กำลังหารือกันอยู่
“แสดงว่าการที่เบญจาเข้ามาในชีวิตพวกเธอ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ” ณัฐเดชพูดขึ้น
“แต่ถูกหมอสมคิดส่งเข้ามาเพื่ออะไรบางอย่าง” เนตรสิตางศุ์ออกความเห็น
“เพื่อแก้แค้น” วรวรรธเสริม
“ใช่..เป็นไปได้” ติณน์พยักหน้ารับ
ทุกคนหวั่นใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า เราเจอศึกหนักอีกแล้วสิคะ” อรวรรณกังวล
”หนักมากด้วย เพราะนังเบญจามันเห็นเหมือนหนูเนตร ได้ยินเหมือนหนูกรรณา แล้วยังมีอาคมเหมือนหนูรส นี่ถ้ามันมีเซนส์ด้านสัมผัส ได้กลิ่นหรือถอดจิตได้ เท่ากับว่ามันคนเดียว มีครบทุกอย่างที่พวกหนูทั้งห้าคนมี” หลวงพิชัยภักดีบอก
“หนูเป็นคนตั้งชื่อให้เขาเองด้วย...เบญจา””
“ที่แปลว่าห้า อ่ะนะ...” เนตรสิตางศุ์ถาม
ทุกคนหน้าเครียดกับปัญหาใหญ่ที่รออยู่
สมคิดกับเบญจานั่งอยู่ที่เบาะด้านหลังของรถหรูส่วนตัว กรกฎเป็นคนขับ ตรงกลางของที่นั่ง มีตุ๊กตาที่ติณห์ให้เบญจาตั้งอยู่ด้วย รถมุ่งหน้าไปบริษัทซิกส์เซนส์
เบญจานั่งนิ่ง สายตาคมกริบ ขวาง เลือดเย็น ความแค้นที่ถูกติณห์หลอกลวงระอุภายใน
เบญจาเอื้อมมือไปจับมือตุ๊กตานั้น ทันใด แววตาเบญจาก็พลันกลายเป็นสีขาว ตาดำหายไป
เบญจาเห็นภาพที่บริษัทซิกส์เซนส์ เห็นทุกคนอยู่กันครบ หน้าตาเครียด กำลังประชุมอะไรกันบางอย่าง สมคิดเห็นอาการเบญจาก็ยิ้มอย่างสมใจที่เบญจาแค้น
ติณห์เดินครุ่นคิด เครียด กังวล ห่วงแม่
“คุณณิน...คุณต้องตามเพื่อนๆคุณกลับมาให้หมด เราต้องรวมตัวกันไว้ อย่าให้ใครอยู่ลำพังเด็ดขาด ตอนนี้สงครามเริ่มแล้ว” วรวรรธออกความเห็น
“ใช่...พวกคุณต้องพร้อมรวมพลังกันตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นเราไม่มีทางทำอะไรเบญจาได้แน่ แล้วการเผลอไปอยู่เดี่ยวๆ อาจมีภัยได้” ติณห์เสริม
“ยัยรส ยัยแก้มไปช่วยวิญญาณคุณพิมพ์พิลาศ ยังไม่รู้เลยว่าเป็นยังไงบ้าง” ณัฐเดชบอก
“คุณกรรณไปโรงพยาบาล เยี่ยมคุณโจ้ยังไม่กลับเลย” อรวรรณเล่า
“โอ๊ยๆ น่าเป็นห่วงทุกคนเลย” เนตรสิตางศุ์โพล่งออกมาอย่างหงุดหงิด
“พวกเราใจเย็นก่อนนะ อย่าเพิ่งกังวลไปเกินกว่าเหตุ ที่นี่มีผ้ายันตร์และสายสิญจน์ของแม่หมอสุคนธรสคุ้มกันอยู่ ตราบใดที่พวกเรายังอยู่ในบริษัท พวกมันทำอะไรเราไม่ได้แน่”
ไม่ทันขาดคำที่ญาณินพูด ติณห์ก็เหลือบมองไปที่นอกรั้วบริษัท แล้วก็พบว่าเบญจายืนจ้องอยู่ ติณห์อึ้ง ผงะ ตกใจ แต่พอมองชัดๆอีกที ก็ไม่เห็นอะไร ไม่มีเบญจา
“เป็นอะไรหรือเปล่าติณห์”
“ปะ..เปล่า..ผมคงจะวิตกมากไปจริ..ง..”
“พี่ติณห์”
อยู่ๆก็มีเสียงเบญจาดังกระแทกมาที่ติณห์
ติณห์หันขวับไปทิศที่มาของเสียง
“เฮ้ย”
ทุกคนงงกับท่าทีของติณห์
“ผมได้ยินเสียงเบญจา” ติณห์บอกทุกคนทันที
ทุกคนหันมองไปรอบๆบริษัทอย่างระแวงระวังภัยทันที
“ไหนบอกว่าอะไรก็เข้ามาในบริษัทไม่ได้ ไม่ใช่เหรอคะ” อรวรรณถาม
มีเสียงเบญจาหัวเราะดังมา แต่ติณห์ได้ยินคนเดียว
“เสียงเบญจา เสียงเบญจาจริงๆ”
ติณห์กระวนกระวายมาก มองหาไป แต่ไม่รู้ว่าเสียงมาจากทิศไหน แล้วทันใด ในบ้านเกิดเสียงแก้วแตก..เพล้ง ตามด้วยเสียงกรี๊ดของมิรันตีดัง...
“อร๊าย”
“มัม”
ทุกคนรีบวิ่งไป
อ่านต่อหน้า 4
สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 16 (ต่อ)
ในครัว มิรันตีถือมีดด้วยมือหนึ่ง อีกมือถือแก้วน้ำ ทำท่าขู่จะเขวี้ยงใส่ก้องฟ้า
“ออกไป อย่าเข้ามา”
ก้องฟ้าพยายามจะปราม
“ไม่เข้าแล้วครับ วางมีดแล้วมาคุยกันดีๆเถอะครับคุณป้า”
“ใครเป็นป้าแก”
ทุกคนวิ่งเข้ามา มิรันตีรีบขู่
“ใครเข้ามา ฉันแทงจริงๆ”
“ระวังค่ะ...มีดนั่นคมมากขนาดแล่ปลาทำซาซิมิได้สบายๆเลยนะคะ” เนตรสิตางศุ์เตือน
“มัม..อาร์ยูเครซี่ วางมีดก่อนเถอะครับ” ติณน์พยายามห้าม
“เออ ฉันบ้าไปแล้ว แต่ฉันก็บ้าเพราะทนให้พวกคนชั่วๆกดขี่ไม่ไหว คนดีอย่างฉันจะต้องสู้...สู้เพื่อตัวเอง และสู้เพื่อคนดีๆอย่างมิสเตอร์ร็อบบี้”
“คุณคิดว่ามีดที่อยู่ในมือ จะปกป้องคุณจากพวกเราทั้งหมดนี่...ได้เหรอครับ” วรวรรธถาม
“ใครบอกว่าฉันจะเอาไว้สู้กับพวกแก...ติณห์...สั่งให้พวกมันถอยไป ไม่อย่างนั้นแม่จะตายให้แกดู”
“มัม..”
“ถอยไป”
มิรันตีขู่จะทำจริงๆ
ติณห์หันมอง ทุกคนขยับตัวออก มิรันตีค่อยๆขยับไปเพื่อจะหนีออกไปให้ได้ แต่พอไปถึงที่ประตู กำลังจะออกไป อยู่ๆมือที่กำมีดนั้นก็เกร็ง เหมือนถูกใครบางคนรั้งมือเอาไว้
มิรันตีงง ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่ญาณินเห็นว่าเป็นเพราะหลวงพิชัยภักดี จับมือมิรันตีอยู่นั่นเอง
“เอ็งเลิกทำตัวเป็นปัญหาซะที”
ณัฐเดชฉวยจังหวะนั้น พุ่งเข้าคว้ามือที่จับมีด แล้วบิดกร๊อกเดียว มีดหล่นลงพื้น ณัฐเดชจับมิรันตี ล็อกเอาไว้อย่างง่ายดาย
“ผมไม่อยากทำให้คุณแม่เจ็บนะครับ..ช่วยอยู่เฉยๆนะครับ”
แล้วอยู่ๆมีเสียงหวอ รถตำรวจแล่นมาจอด องฟ้ามองทางหน้าต่าง ตื่นตกใจ
“ตำรวจมา”
ทุกคนตกใจ
“มันอะไรกันนักกันหนาวะ เอ๊ย คะเนี่ย” อรวรรณบ่นอย่างเหนื่อยๆ
ด้านนอกบริษัท ตำรวจนำเจ้าหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคเข้ามาภายในบริเวณ กระจายตัวเต็มพื้นที่ พอดีกับพวกญาณินเดินสวนออกมา โดยณัฐเดชและวรวรรธมาด้วย
“พวกคุณเข้ามาได้ยังไง” ญาณินถาม
ณัฐเดชออกมาปกป้อง
“ผม...สารวัตรณัฐเดช ที่นี่เป็นบริษัทของน้องสาวผมกับเพื่อน ไม่ทราบว่าพวกคุณถือวิสาสะเข้ามา มีปัญหาอะไรครับ”
ทันใดผู้การเดินหัวเราะออกมาจากทางด้านหนึ่ง ยกมือไหว้สวัสดีณัฐเดชอย่างจงใจกวน ว่าตำแหน่งใหญ่เหลือเกินนะ
“สวัสดีครับสารวัตรณัฐเดช อ้าว นายแพทย์นิติเวชวรวรรธก็อยู่ด้วย สวัสดีครับๆ”
“ผู้การ...”
ณัฐเดชกับวรวรรธรีบไหว้แทบไม่ทัน ผู้การกร่าง กวน
“อ้อ...” ผู้การพูดกับณัฐเดช “บริษัทน้องคุณ..” ผู้การพูดกับวรวรรธ “บริษัทแฟนคุณ..มิน่าๆ...มีคนแจ้งว่า บริษัทนี้จดทะเบียนเป็นบริษัทอินทีเรียร์ดีไซน์เพื่อบังหน้า แต่ความจริงๆ เปิดเป็นสำนักปราบผี หลอกหากินกับความเชื่อความงมงายของประชาชน โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก”
ณัฐเดชกับวรวรรธอึ้ง
“ขออนุญาตตรวจค้นเพื่อหาหลักฐานด้วยนะครับสารวัตร...” ผู้การตบมือแบบสั่งอาหาร “หมายค้น”
ผู้การชี้สั่ง ให้ตำรวจอีกคนมายื่นหมายค้นให้ณัฐเดชและวรวรรธดู
ญาณินและทุกคนอึ้ง
กรรณาที่ขับรถอยู่พูดโทรศัพท์ด้วยบลูทูธไปด้วย ปากพูดไป สายตามองกระจกหลังเห็นน้ำหนึ่งกำลังเอาหมอนอิงเล็กๆช่วยหนุนศีรษะให้พงอินทร์อย่างหมั่นไส้มาก แต่ตัดใจไม่มอง คุยโทรศัพท์ต่อ
“ก๊อง...ทำไมไม่มีใครรับสายฉันเลย...จะโทรมาบอกว่า พี่จะกลับเย็นหน่อย ต้องไปส่งคนป่วยที่บ้า..น..” กรรณาชะงัก ตกใจ “อะไรนะ”
กรรณาตกใจ หักรถกลับกลางถนนทันที พงอินทร์กับน้ำหนึ่งที่นั่งด้านหลังตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“ใส่ seat belt ด้วย...”
“มีอะไรกรรณ..”
พวกตำรวจจะขยับเข้าไปตรวจค้น แต่ญาณินมาขวางไว้
“พวกเราไม่ได้หลอกลวงต้มตุ๋นใครนะคะ..เราทำงานออกแบบโดยอิงหลักฮวงจุ้ย เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล”
ติณห์ เนตรสิตางศุ์ อรวรรณ เดินออกมาสมทบ
“รีสอร์ทของผมก็ใช้บริการที่นี่เหมือนกัน ก่อนทำงานทุกครั้ง ที่นี่จะแจ้งอย่างชัดเจนว่าเขาจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไรให้เรา ไม่เคยมีเหม็ดห้ก” ติณห์อธิบาย
“หมกเม็ด” ณัฐเดชแก้
“ถ้าอย่างนั้น พวกคุณก็คงยินดีจะให้ทางเราตรวจค้น..จริงมั้ยครับ”
ผู้การหันไปพยักหน้าให้สัญญาณ ตำรวจและเจ้าหน้าที่อื่นๆแยกย้ายเข้าไปตรวจค้นทันที เนตรสิตางศุ์นึกได้ว่ามิรันตีอยู่ในบ้าน รีบวิ่งตามไปห้ามก่อน
“ไม่ได้ค่ะ เข้าไม่ได้ๆ”
อรวรรณเข้าไปช่วยห้าม
“ผู้การน่าจะเรียกสอบดีๆ ไม่เห็นต้องลงพื้นที่เอง แล้วก็พาคนมาบุก พานักข่าวมา บริษัทจะเสียหาย เสียความน่าเชื่อถือนะครับ” วรวรรธไม่พอใจ
“ไม่ต้องมาสอนผม” ผู้การกำลังถ่ายรูปทำพีอาร์ตัวเองอยู่ “ถ้าคดีนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐกลายพันธุ์มาเกี่ยวด้วย ผมจะลงมาเองมั้ย คดีนี้มันกระทบกับประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน ผมถึงต้องออกโรง” ผู้การพูดแต่ถ่ายรูปใหญ่เลย “ใครที่บังอาจทำให้ภาพลักษณ์ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เสียหาย..ผมไม่เอาไว้แน่”
ผู้การขยับมาถ่ายคู่กับณัฐเดชและวรวรรธ วางท่าเหมือนจับกุมสองคนนี้ได้แล้ว ณัฐเดชกับวรวรรธเซ็ง เครียด รู้ว่าต้องลำบากแน่ๆ
ก้องฟ้าเฝ้ามิรันตีอยู่ด้านใน คอยชะเง้อแอบมองด้านนอกไปด้วย
“เกิดอะไรขึ้น...ตำรวจมาทำไม”
“มิสเตอร์ร็อบบี้ต้องส่งมาช่วยฉันแน่ๆ” มิรันตีร้องตะโกน “คุณตำรวจ ฉันอยู่นี่ ช่วยด้วยๆ”
มิรันตีโหวกเหวก หลวงพิชัยภักดีดีดนิ้วเป๊าะ เสียงแหกปากของมิรันตีก็ถูกดูดเสียงไปหมด แหกยังไงก็ไม่มีเสียง
“ขอบคุณมากครับป๋า วันหลังผมขอเรียนวิชานั้นนะป๋านะ”
“วันนี้เอาตัวให้รอดกันก่อนเหอะ…” หลวงพิชัยภักดีเครียด
มิรันตียังคงแหกปากตะโกนสุดเสียง แต่ไม่มีเสียง
เจ้าหน้าที่เข้ามาที่โต๊ะทำงาน ถอดสาย ยึดคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊คทุกเครื่องที่ตั้งอยู่ เอกสารทุกอย่าง หนังสือทุกเล่ม อินเตอร์เนท พับเก็บและยึดใส่กล่องหรือลังที่ใช้ขน เพื่อจะเอาไปตรวจสอบทั้งหมด
“นี่เป็นเครื่องมือทำมาหากินของพวกเรา พวกคุณเอาไปไม่ได้” เนตรสิตางศุ์โวย
“เราต้องยึดเพื่อเอาไปตรวจสอบ” เจ้าหน้าที่อธิบาย
อรวรรณพยายามยื้อแย่งโน้ตบุ๊คเครื่องหนึ่ง
“ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ”
อรวรรณยื้อ แต่ก็สู้แรงตำรวจไม่ได้
เจ้าหน้าอีกส่วน รื้อเอกสาร หยิบเอาแฟ้มงาน ข้อมูลเก่าๆโยนลงลัง หนังสือ อุปกรณ์งานตกแต่งทั้งหลาย
“พวกคุณจะเอาแฟ้มงานไปไม่ได้ ฉันไม่ให้”
ญาณินพยายามจะมาห้าม ทำให้แฟ้มเอกสารหล่นกระจาย เอกสารปลิวหล่นเกลื่อน แต่พวกเจ้าหน้าที่ก็ไม่สนใจ รื้อหาของที่ต้องการต่อไป
เจ้าหน้าที่อีกคนเปิดลิ้นชัก เจอสมุดบัญชี ใบเสร็จ บิลต่างๆก็กวาดไปหมด เจอกล้องถ่ายภาพ มีกี่เครื่องก็ยึดหมด
ญาณินเข้าไปขวาง ไล่เจ้าหน้าที่
“หยุดเดี๋ยวนี้..ออกไปจากบริษัทฉัน” ญาณินเอามือถือออกมาถ่าย “ไม่งั้น ฉันจะถ่ายคลิป เอาไปประจานว่าพวกคุณรังแกประชาชน”
เจ้าหน้าที่เข้ามาดึงมือถือของญาณิน ยึดเอาไปด้วย ญาณินอึ้งไปเลย
“ในมือถืออาจมีข้อมูลสำคัญ ขออนุญาตนำไปตรวจค้นด้วยครับ”
แต่ติณห์เข้ามากระชากมือถือคืน
“คุณคิดจะทำอะไร” เจ้าหน้าที่ถาม
“แล้วคุณคิดว่าผมทำอะไรอยู่ล่ะ...ออกไป๊”
ติณห์ผลักอกเจ้าหน้าที่ให้ออกไป
ก้องฟ้าแอบมองความวุ่นวายด้านนอกอยู่
“เจ้าหน้าที่มายึดทรัพย์บริษัท”
ระหว่างนั้นมิรันตี หาจังหวะจะหนีออกไป
“ใครที่ไหนมันไปแจ้งความว่าพวกเราหลอกลวงคุณวะ พวกตำรวจเลยเอาหมายศาลมายึดทรัพย์ไปตรวจสอบ” หลวงพิชัยภักดีเห็นมิรันตีกำลังจะหนีไป รีบชี้บอกก้องฟ้า “เฮ้ยๆ”
ก้องฟ้ารีบวิ่งไปขวางมิรันตี
“จะไปไหน ..ป๋า..ผมว่าจับคุณป้าไปซ่อนก่อนเถอะ ถ้าตำรวจมาเจอเข้า งานเข้าอีกแน่”
อยู่ๆมีเจ้าหน้าที่อีกคนพยายามจะเข้าห้อง เข้าไม่ได้ประตูล็อค
“คุณตำรวจ”
มิรันตีฮึดแรง ผลักก้องฟ้าออก รีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่
“ช่วยฉันด้วยคะ พวกมันลักพาตัวฉันมา ช่วยฉันด้วยค่ะ”
“เฮ้ย” หลวงพิชัยภักดีลืมปิดเสียงมิรันตี
“ลักพาตัว”
ก้องฟ้ากับหลวงพิชัยภักดีอึ้ง เครียดอยู่ในห้อง
เจ้าหน้าที่หิ้วคอมพิวเตอร์ ไอแพด ฮาร์ดดิสก์ อุปกรณ์ไอทีที่เก็บข้อมูลได้ทุกอย่างมาใส่รวมกันในกล่อง เนตรสิตางศุ์กับอรวรรณตามมาห้ามอะไรไม่ได้ ในขณะที่ญาณินกับติณห์ไล่เจ้าหน้าที่อีกสองคนออกไป
“ห้ามพวกคุณขนอะไรออกไปจากบริษัททั้งนั้น” ญาณินโวย
“คุณเจ้าของบริษัทซิกส์เซนส์ อินทีเรียดีไซน์ครับ คุณเอาสิทธิอะไรมาห้ามครับ” ผู้การถาม
ณัฐเดชและวรวรรธอึดอัด แต่ทำอะไรไม่ได้เลย
“สิทธิที่ฉันเป็นผู้บริสุทธิ์ ทำดี คิดดี ไม่เคยทำอะไรผิดกฎหมาย พวกคุณกำลังตกเป็นเหยื่อของขบวนการดิสเครดิตใส่ร้ายบริษัทเรา คุณบอกได้มั้ยล่ะว่าคนที่ร้องเรียนว่าพวกเราต้มตุ๋นชาวบ้าน คือใคร...ถ้าบอกไม่ได้ ก็ห้ามขนอะไรออกไปเด็ดขาด”
แผนยุทธเดินเข้ามา
“ผมเป็นคนร้องเรียนเจ้าหน้าที่เอง”
ทุกคนอึ้ง
“ด็อกเตอร์แผนยุทธ” เนตรสิตางศุ์เหวอ
“รู้จักกันใช่มั้ย...เคยกินอิ่มหลับนอนสุขสบายเพราะเงินของด็อกเตอร์ไปเท่าไหร่แล้วล่ะ”
“พวกคุณบอกผมว่าสามารถช่วยปลดปล่อยวิญญาณภรรยาของผมได้ รับเงินผมไปแล้ว แต่ไม่เห็นพวกคุณจะทำอะไร นอกจากอ้างว่าซับซ้อน ผลาญเวลา ผลาญเงินของผมไปวันๆ แต่ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย...มันก็ชัดเจนว่าพวกคุณกำลังทำอะไรอยู่”
“ถ้าคุณข้องใจระบบการทำงานของเรา คุณก็น่าจะมาคุยกับพวกเราก่อน ไม่ใช่คิดเองเออเองแล้วก็แจ้งความใส่ร้ายเรา” ญาณินต่อว่า
เจ้าหน้าที่อีกคนถือกล่องๆหนึ่งออกมา
“ผมเจออย่างที่ด็อกเตอร์บอกมาจริงๆด้วยครับผู้การ”
ผู้การรีบขยับไปดูของในกล่อง หยิบออกมา
“ว้าวว...สายสิญจน์พันรอบบ้าน สีน้ำตาลด้วย เก๋ไก๋ซะไม่มี..ผ้ายันตร์ทุกมุม รูปแบบใหม่เอาไว้ลวงพวกวัยรุ่นสมองกลวงน่ะสินะ” ผู้การหยิบของขลังอื่นๆอีกออกมาวาง “แล้วนี่ …หุ่นกุมารทอง”
ของขลังวางอยู่เต็มโต๊ะไปหมด พวกญาณินอึ้ง
“เฮ้ย...” ผู้การตะโกนออกมาทุกคนตกใจ “ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
ผู้การยืนดิ้นพล่านๆสักพักแล้วหยุดหัวเราะออกมา
“โทษที...นึกว่าโดนเล่นของเข้าตัว ฮ่าๆ”
ณัฐเดช วรวรรธ ส่ายหัว
ทุกคนโกรธมากที่ผู้การดูถูก
“นี่..เราอยู่ในดงคนเล่น ของชัดๆ” ผู้การหยิบสร้อยคอห้อยพระออกมาจากเสื้อ พนมไหว้ “บุญบารมีหลวงพ่อ คุ้มครองแท้ๆ”
วรวรรธหันไปบอกณัฐเดช
“ถ้าไม่ใช่ผู้การนะ ผมน็อคไปแล้ว...” วรวรรธโกรธมาก
เจ้าหน้าที่อีกคนออกมา โดยพามิรันตีออกมาด้วย ก้องฟ้ากับหลวงพิชัยภักดีตามหลังออกมา
“ผู้การครับ”
มิรันตีรีบปราดเข้าไปหาผู้การฟ้องทันที
“ท่านผู้การ...พลีส ช่วยดิฉันด้วย คนพวกนี้ลักพาตัวฉันมากักขังหน่วงเหนี่ยว”
“อะไรนะ”
“มัม...ไม่ใช่นะครับ คนนี้เป็นแม่ของผมเอง”
ติณน์พยายามอธิบาย แต่มิรันตีแทรกทันที
“พวกเขาเอาเรื่องการตกแต่งรีสอร์ทมาอ้าง แต่จริงๆแล้วมาหลอกลูกชายฉัน ไม่รู้ไปทำอะไรยังไง ลูกชายฉันเลยเหมือนคนโดนของ หลงแม่ผู้หญิงพวกนี้โงหัวไม่ขึ้น คุณตำรวจต้องช่วยฉันด้วย จับพวกมันไปให้หมด”
“เห็นไหม...” แผนยุทธยิ้มๆ “ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว ทีนี้ยังหาว่าผมใส่ร้ายพวกคุณอีกมั้ยครับ”
ญาณินเถียงไม่ออก
รถของกรรณาแล่นมาจอดที่หน้าบริษัท พงอินทร์กับน้ำหนึ่งแปลกใจ
“เธอมาที่นี่ทำไม ทำไมไม่พาโจ้กลับบ้าน”
กรรณาไม่สนใจจะตอบ รีบโดดลงจากรถทันที แล้วก็พบว่าพวกเจ้าหน้าที่กำลังติดป้ายยึดทรัพย์ ปิดบริษัทที่ป้ายชื่อบริษัทซิกส์เซนส์
พวกญาณินยืนช็อก เศร้า ทำอะไรไม่ได้ กรรณารีบเข้าไปโวย
“นี่มันอะไรกัน พวกคุณทำยังงี้ได้ไง..ยัยเจ๊..ยัยเนตร..เกิดอะไรขึ้น”
แผนยุทธเข้ามาชี้ตัวกรรณาทันที
“นี่เลยครับ นี่ก็หนึ่งในขบวนการด้วย ผู้หญิงคนนี้เป็นตัวแปรสำคัญเลย ที่เขาเข้าไปอยู่ในบ้านผม หลอกผม แล้วตอนนี้ก็ทำท่าจะหลอกน้องชายภรรยาของผมอีก 18 มงกุฎตัวแม่ชัดๆ เอาตัวไปให้หมดเลยครับ”
“คุณว่าใครเป็น18 มงกุฎ”
พงอินทร์ลงจากรถตามมา น้ำหนึ่งตามมาด้วย
“โจ้ คุณจะทำอะไร”
พงอินทร์เดินบึ่งไปหาแผนยุทธ โวยด่า
“ถ้าจะแจ้งจับคนที่นี่ ก็ช่วยจับไอ้พี่เขยผมคนนี้ไปด้วยเลยครับ ผมขอแจ้งความข้อหาฆาตกรรมพี่สาวผม”
“คุณพงอินทร์...คุณพูดลอยๆอย่างนี้ไม่ได้” ณัฐเดชเตือนสติ
“นี่ไงครับ...คนพวกนี้ล้างสมองน้องภรรยาผมไปแล้ว คงคิดจะยุยงให้เราแตกแยกกัน จะได้หลอกเอาเงินมรดกที่นายโจ้จะได้รับใช่มั้ย”
“ทุเรศ คุณเอาอะไรมาพูด คุณใส่ร้ายผู้หญิง ยังเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า” กรรณาด่า
แผนยุทธหันไปหาผู้การ
“ปกติโจ้เป็นคนอ่อนโยน ไม่ก้าวร้าว นี่ต้องโดนวางยากล่อมประสาทแน่ๆ มีหมออยู่ในขบวนการด้วยนี่นา”
“หยุดพูดเหลวไหลซะที อย่ามาดูถูกอาชีพผมนะ”
วรวรรธฉุน จะเข้าไปหาแผนยุทธ ติณห์และณัฐเดชห้ามไว้ แผนยุทธแอบขำๆหัวเราะเยาะในที แต่แสดงออกว่าสงสารพงอินทร์
“โจ้น้องรัก ถ้าใครเคยรู้จักนายมาก่อน จะดูออก ว่านี่นายตาลอยๆ หน้าดำผิดปกติ ไม่ใช่นายคนเดิมเลย นายตั้งสติหน่อยสิ นี่...เป็นเหมือนกันหมดเลย คุมสติตัวเองไม่ได้”
พงอินทร์เข้าไปชกแผนยุทธ แต่เพราะเจ็บแผล แผนยุทธเบี่ยงหลบได้ พงอินทร์ถึงกับคว่ำลงไปกอง กับพื้น
“โจ้” น้ำหนึ่งตกใจ
“ทุกคนดูสิครับ...ดู...แบบนี้มันธรรมดาที่ไหน”
น้ำหนึ่งวิ่งเข้ามาดูแล แผนยุทธอึ้ง คาดไม่ถึงว่าจะเจอน้ำหนึ่ง
“น้ำหนึ่ง นี่คุณรู้จักกับมันด้วยเหรอ”
ผู้การรีบมาตัดบท
“พอๆกันได้แล้ว ผมขอเป็นเจ้าภาพเชิญทุกคนไปล้อมวงกินโต๊ะแชร์ที่สถานี ตำรวจดีกว่านะครับ เชิญๆ”
รถของสมคิดเลื่อนมาจอดที่อีกด้าน แผนยุทธเดินเข้ามาที่รถของสมคิดที่จอดอยู่ กระจกรถเลื่อนลงมา แผนยุทธไหว้
“ผมขอบคุณ คุณมากเลยครับ ที่ช่วยมาทำให้ผมตาสว่าง ไม่อย่างนั้นผมต้องถูกไอ้พวกนั้นปล้นเงินไปหมดตัวแน่ๆ ไม่ทราบว่าพวกคุณคือใคร...”
แต่แล้วแผนยุทธก็เหลือบมองไปที่เบญจา สบตากันแว่บเดียว แผนยุทธก็ชะงักเพราะโดนอาคมเข้าไป ทำให้พูดในสิ่งที่กำลังถูกมนต์สะกดสั่งให้ทำ
“พวกคุณคือผู้ปรารถนาดีต่อผม...ผมจะไม่บอกใครเกี่ยวกับพวกคุณ...ผมไม่รู้จักพวกคุณ...ทุกสิ่งที่ผมทำไป ผมคิดเอง ทำเอง ผมไม่ได้ถูกบังคับ ไม่ได้ต้องมนต์หรืออาคมใดๆ...ผมกำลังจะไปโรงพักเพื่อเอาพวกมันเข้าคุก...ผมจะลืมให้หมดว่าได้เจอพวกคุณ”
แผนยุทธหันกลับ หน้าตาไร้แววใดๆ ล่องลอย ไม่มีสติเพราะโดนอาคม แล้วเดินแยกจากไป
สมคิดยิ้มพอใจมาก
“อาคมเยี่ยมมากเบญจา”
แต่เบญจายังคงกำหมัดแน่น ด้วยความแค้นที่มีต่อติณห์ สมคิดสังเกตเห็น
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ เก็บความแค้นเอาไว้ พอถึงเวลาพ่อจะให้เอ็งคิดบัญชีกับไอ้ติณห์อย่างสาสมแน่”
เบญจาแค้น พลังความแค้นของเบญจาทำให้ฝากระโปรงหน้า กระโปรงหลัง ประตูทุกบานของรถ เปิดผลั๊วะพร้อมกัน
มิรันตีหลบจากบริษัทซิกส์เซ้นส์มานั่งร้องไห้ พลางชะเง้อรอใครบางคน หลวงพิชัยภักดีตามมา เดินไปเดินมาอย่างหัวเสีย
“แกจะมาร้องห่มร้องไห้หาสวรรค์วิมานอะไรตรงนี้นังมิรันตี โน่นลูกชายแกถูกโปลิศมันรวบตัวไปโรงพักแล้ว รีบตามไปช่วยมันซี”
“I’m so..so..sorry มิสเตอร์ร็อบบี้”
“เฮ้ย นี่แกร้องไห้เพราะไอ้หมอผีนั่นเหรอ แล้วลูกชายแกล่ะ”
“คอยดูนะไอ้ลูกไม่รักดี ไอ้ Stupid son ถ้ามิสเตอร์ร็อบบี้ไม่ยอมมาเป็นหุ้นส่วนรีสอร์ท...ไม่มาเป็นหุ้นส่วนชีวิตกับฉันเพราะเรื่องเลวๆที่แกทำวันนี้ ฉันจะฟ้องแกให้ติดคุกหัวโตอยู่ในคุกกับอีนังแม่มดญาณิน ไม่ต้องออกมาเห็นเดือนตะวันเลย”
“นังลูกบ้า...อีนังไม่มีหัวคิด...มีตาหามีแววไม่ แกจะหลงไอ้หมอสมคิดไปถึงไหน เมื่อไหร่จะตาสว่างเสียที”
รถคันหนึ่งค่อยๆขับเข้ามามองหาช้าๆ แล้วรถก็จอด สมชาติรีโมตหน้าต่างรถมองมาที่มิรันตี แล้วตะโกนเรียก
“อยู่นี่เองคุณมิรันตี”
มิรันตีลุกขึ้นโวย
“ทำไมเพิ่งมา ปล่อยฉันนั่งรออยู่ตั้งนาน”
สมชาติรีบวิ่งจากรถ
“นี่ก็เร็วแล้วนะครับ โชคดีว่าตอนที่คุณโทรไป ผมใกล้ถึงกรุงเทพพอดีผมคิดแล้ว ว่าคุณติณห์ต้องขโมยตัวคุณมิรันตีมาแน่ๆ”
“อ๋อเหรอ ทีหลังคิดให้มันเร็วๆสมกับเป็นทนายหน่อยนะ ฉันเกือบตายรู้มั้ย”
“ใครทำร้ายคุณมิรันตีเลยเหรอครับ”
“เอาเข้าไป ไอ้ตาทนายนี่ก็อย่าบ้าจี้สิวะ ไม่จริงโว้ย นังมิรันตีมันชอบใส่สีใส่ความคนอื่น นิสัยแบบนี้พ่อมันไม่ได้สอนมานะ ต้องติดเชื้อมาจากผัวคนไหนสักคนมาแน่ๆ” หลวงพิชัยภักดีโวย
ระหว่างที่หลวงพิชัยภักดีโวยๆมิรันตีเดินไปที่รถแล้ว สมชาติรีบเดินแจ้นตาม
มิรันตีเปิดประตูด้านคนขับ สมชาติงง
“ที่นั่งของคุณมิรันตีอยู่ที่เบาะหลังโน่นครับ”
“ฉันจะขับเอง”
“อ้าว แล้วผม...ง่า...”
มิรันตีคว้ากระเป๋าเอกสารของสมชาติที่วางอยู่ในรถออกมายัดใส่อกสมชาติ
“อุบส์”
“ก็ไปทำหน้าที่ทนายของฉันซิ แจ้งความจับไอ้ติณห์กับนังญาณินและเพื่อนพ้องของมัน ข้อหาลักพาตัวและพยายามจะฆ่าฉัน ฉันต้องรีบกลับรีสอร์ท มีเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตมากกว่าต้องไปทำ”
“เรื่องอะไรหรือครับ”
“ฉันจะตามไปขอโทษมิสเตอร์ร็อบบี้ย่ะ”มิรันตีพูดพลางขึ้นนั่งบนรถ “ถ้าเขาโกรธไม่ให้อภัยฉัน เช็คเอ้าท์หัวใจไปจากรีสอร์ทล่ะก็ ฉันอดใช้นามสกุลของเขาแน่ๆ...โนๆ...มิสเตอร์ร็อบบี้พลีซ...waiting for me”
มิรันตีขับเอี๊ยดออกไปอย่างร้อนใจทันที ทนายยืนงง
กรรัมภา สุคนธรส ไตรรัตน์ จุนจี และลีจองกุ๊ก ลงรถที่หน้าบริษัท ได้แต่ยืนงง ทั้งหมดมองสภาพบริษัทอย่างสุดช็อก
“นี่มันอะไรกัน.. ”
กรรัมภากับสุคนธรส ไตรรัตน์เดินสำรวจความเสียหาย จุนจีจะเดินตามเข้าไป แต่ลีจองกุ๊กรู้ว่ามีเหตุไม่ดีแน่ๆ เลยรีบดึงตัวจุนจีไว้
“ฮ้า เพิ่งนึกได้ว่าวันนี้จุนจีต้องไปถ่ายละคร จุนจีต้องไปเดี๋ยวนี้”
“วันนี้ไม่มีถ่าย”
“มีสิ เพิ่งเปลี่ยนแปลงกะทันหัน..ไป”
“ฉันไม่ไป”
จุนจีเดินเข้าไปด้านในทันที ลีจองกุ๊กรีบวิ่งตาม
“จุนจี อย่าดื้อสิ”
“ฉันรู้ว่านายเซนส์ได้ว่ามีเรื่องไม่ดีที่นี่ เลยจะกีดกันฉันออกไป...ฉันไม่ไป คุณแก้ม คุณรสเอาชีวิตไปเสี่ยงช่วยฉันกับย่าขนาดนั้น แล้วจะให้ฉันทิ้งพวกเขางั้นเหรอ”
“จุนจี...ลีทำเพื่อจุนจีนะ ตั้งแต่มาเมืองไทย จุนจีมีข่าวเสียๆหายๆเยอะมาก...บริษัทที่เกาหลีต้องไม่พอใจมากแน่”
กรรัมภากับสุคนธรสกำลังสำรวจพื้นที่อยู่ อยู่ๆหลวงพิชัยภักดีก็โผล่เข้ามา
“หนูรส หนูแก้ม..ไอ้ด๊อกเตอร์แผนยุทธ มันไปร้องเรียนว่าบริษัทเราต้มตุ๋นหลอกลวงประชาชน ตอนนี้ทุกคนถูกจับไปหมดแล้ว”
“ตำรวจจับพวกเรา ตำรวจจับทำไม เราไม่ได้ทำอะไรผิด เดี๋ยวแม่เสกตะปูเข้าท้องทั้งสตช.เลย อ๊าก..” สุคนธรสโวย
“ยัยรส...เสียใจจนเป็นบ้าเลยเหรอ”
กรรัมภากับสุคนธรสอึ้ง ไตรรัตน์เข้ามาโอบปลอบ
“ใจเย็นๆคุณรส ไม่มีปัญหาไหนแก้ไม่ได้ สิบทางตัน ต้องมีหนึ่งทางออกนะครับ”
จุนจีเห็นไตรรัตน์ปลอบสุคนธรส แล้วอยากปลอบกรรัมภาบ้าง กำลังจะเดินเข้าไปหา แต่อยู่ๆลีจองกุ๊กรีบฉวยจังหวะ ดึงจุนจีอย่างแรง กระชาก ลากออกมา ด้านหน้าที่รถจอดอยู่
“ขึ้นรถ เราต้องไปเดี๋ยวนี้”
“นายจะเห็นแก่ตัวก็เชิญคนเดียว แต่ฉันจะไม่ทิ้งคุณแก้มเอาตัวรอดเด็ดขาด”
ลีจองกุ๊กจริงจัง เด็ดขาด
“จุนจี ถ้าจุนจีมีข่าวเสียหายกับคุณแก้มอีก...ครั้งนี้คิดว่าพวกแฟนคลับจะทำอะไรคุณแก้ม จุนจีอยากให้คุณแก้มโดนรุมยำยำมาม่าอีกเหรอ...ถ้าไม่อยากก็เชื่อลีเถอะ”
“แต่...”
“แล้วถ้าจุนจีมีข่าวว่าเกี่ยวข้องกับแก็งต้มตุ๋น...ไม่ว่าจะข่าวจริงหรือไม่จริง...รับรองได้เลยว่า...อนาคตจุนจีดับ อนาคตลีดับ อนาคตบริษัทเราดับ อนาคตละครร่วมทุนไทย-เกาหลีดับ...ทุกอย่างพังหมด..มันไม่คุ้มกันเลย”
จุนจีนิ่ง เครียด
“เชื่อลีเถอะ...ถ้าอยากช่วยคุณแก้ม ก็ต้องช่วยแบบซุปตาร์ช่วย มันยังมีวิธีอื่นอีกมาก แต่ตอนนี้ ขึ้นรถเถอะ”
“ฉัน..” จุนจีลังเล “ฉันยอมดับ”
“ฉันไม่ยอมให้นายดับ”
ลีจองกุ๊กผลักจุนจีขึ้นรถไปเลย แล้วขึ้นตามประกบ ปิดประตู สั่งคนรถ
“ออกรถเลย”
กรรัมภาเดินตามออกมา เห็นจุนจี ลีจองกุ๊กขึ้นรถไป แล้วรถก็ออกไปเลย เธอแมองตามอย่างอึ้งๆเศร้าใจ
ในห้องสอบสวนของกองปราบ แผนยุทธกำลังแจ้งจับห้าสาว
“ผู้หญิงทั้งห้าคนนี้แหละครับท่านผู้การ ที่หลอกลวงต้มตุ๋นผม หลอกว่ามีวิญญาณผีตามรังควานผม ทำให้ผมหลงเชื่อ จ้างพวกเธอมาไล่ผี”
“เขาโกหกหน้าด้านๆค่ะผู้การ เขาเป็นคนมาหาพวกเราที่บริษัทแล้วก็บอกว่าถูกผีตามรังควานทุกคืน นอนไม่หลับ ขอให้พวกเราช่วยไปไล่ผีให้ที ทั้งๆที่พวกเราได้ปฏิเสธไปแล้ว เขาก็ยังตื๊อๆ” กรรณาแย้ง
“ผมเนี่ยนะ ไปหาคุณ..แล้วบอกว่าผีตามรังควาน”
“เรื่องผี...คือเรื่องที่คุณสร้างขึ้นมากลบเกลื่อนเรื่องที่คุณฆ่าพี่สาวผม”พงอินทร์พูด
“ได้ยินไหมครับผู้การ คนพวกนี้มันบ้าชัดๆ แต่งเรื่องทั้งเรื่องมีทั้งผีตามผมและยังมีเรื่องผมฆ่าเมียตัวเองอีก...ว้าว...อเมซซิ่ง” แผนยุทรหันไปหาโจ้ “แล้วทำไมเดี๋ยวนี้น้องโจ้พูดกับพี่แผน พี่เขยของน้องแบบนี้ล่ะครับ”
“หยุดเสแสร้งซะทีเถอะน่า ไอ้สารเลว แกมันฆ่าเมียคิดฮุบสมบัติชัดๆ”
พงอินทร์จะถลาเข้าเล่นงานแผนยุทธ ณัฐเดชต้องกันดึงเอาไว้
“หยุด คุณโจ้...หยุด...ทำแบบนี้มันจะไม่เป็นผลดีต่อคุณเองนะ”
“Stop ไม่ต้องเถียงกัน ฟังผม เรามีหลักฐานครบที่ตรวจ ยึด ค้นมาได้จากบริษัทของพวกคุณ นอกจากนี้ พวกคุณยังมีข้อหาลักพาตัว กักขังหน่วงเหนี่ยว...แถมคุณยังทำร้ายร่างกายคู่กรณีอีกด้วย เพราะฉะนั้น...ผมคงต้องเชิญพวกคุณเข้าไปอยู่ในคุกอย่างจนใจ ทั้งๆที่กลัวว่าผิวสวยๆ อาจจะต้องถูกเหลือบริ้นไรและยุง...เต๊าะ”
ห้าสาวตกใจหน้าซีด หนุ่มๆทั้งหกพลอยตกใจร้อนใจไปด้วย อรวรรณร้องไห้โฮกอดญาณิน
“ไม่นะคุณหนู”
ขณะที่ติณห์ ไตรรัตน์ วรวรรธ พงอินทร์ ณัฐเดช และก้องฟ้าต่างพากันแย่งกันพูดกับผู้การ แก้ตัวให้แฟนสาว น้องสาว พี่สาวของตัวเอง จนผู้การแสบแก้วหูไปหมด จะเถียงไรก็ไม่ทัน เลยดึงทิชชูบนโต๊ะๆมาม้วนๆยัดปิดหูตัวเองทั้งสองข้าง
“ฮ่ะๆ เอาเซ่คุณพูดอะไรไป ผมก็ไม่ได้ยินทั้งนั้น”
โกลเด้นเบบี๋ร้อนใจ ป้วนเปี้ยนอยู่หน้าห้องสอบสวนกองปราบ หน่วยงานของณัฐเดช...เจ๊หญิงเดิน หน้าเข้มแขนคล้องกระเป๋าใส่สมบัติมาแต่ไกล โกลเดนเบบี๋หันไปเห็นดีใจ กระโดดลงมายืนชี้
“มีคนขี่ม้าขาวมาช่วยแว้ว”
ในห้องสอบสวน ทุกคนเริ่มหยุดพูด เพราะผู้การอุดหูอยู่ ไม่ได้ยิน
“อ้าว...หยุดทำไม ไม่พูดต่อล่ะ ให้พูดไม่พูด งั้นผมพูดต่อละนะ”
ผู้การอ้าปากจะพูด แต่โกลเดนเบบี๋ในชุดจีนชาววัง เดินทะลุห้องเข้ามา ยกฝ่ามือห้ามไปที่ผู้การ
“หยู้ดดด...ทูสีไทเฮาเสด็จแล้ววว”
ผู้การราวกับมีอะไรมาอุดปากไว้ หน้าอึดอัด แล้วโกลเด้นก็หันผ่ามือไปที่ประตู เปิดประตูผัวะออกให้เจ๊หญิงเดินเข้ามา
“แม่”
ไตรรัตน์ดีใจ รีบเข้าไปหา
“ไหน...คนไหนผู้การ”
ทุกคนต่างรุมชี้ไปที่ผู้การ
“นี่เลยม้า...คนนี้เลย”
“สวัสดีค่ะท่านผู้การ ฉันมาประกันตัวลูกสาวฉันทั้งห้าคน”
ห้าสาวยิ้มดีใจ แต่ผู้การจะพูดๆไม่ออกเพราะโกลเดนเบบี๋เอาฝ่ามือปิดปากเอาไว้ เนตรสิตางศุ์เลยหันมาเตือน
“โกลเดน...มือ…”
“อุ้ยลืม อ่ะ...เชิญพูดล่าย” โกลเด้นเบบี๋ทำเสียงแหลมเป็นงิ้ว
โกลเด้นเบบี๋เอามือออก ผู้การทำท่าเหมือนมีอะไรมาจุกอกก่อนพูดออกมา
“ผมให้ประกันไม่ได้หรอกครับ”
“ทำไมฉันจะประกันไม่ได้ นี่ยัยรสลูกสะใภ้ฉัน ฉันไม่ยอมให้เขาติดคุก ลูกชายฉันจะนอนเหงาคนเดียวที่บ้านไม่ได้เด็ดขาด”
ไตรรัตน์ยกนิ้วแม่โป้งให้
“เยี่ยมแม่...very good”
“ส่วนสาวๆทั้งสี่คนนี่มีพระคุณกับฉันทั้งนั้น ถ้าทั้งห้าคนนี่ไม่ช่วยครอบครัวฉันไว้ฉันคงถูกไอ้หมอผีสมคิดมันใช้คาถามอาคมฮุปตลาดหญิงจำเริญของฉันไปหมดแล้ว”
“ออ...หมอสมคิด ผมจำได้ นี่ไง...ยังมีรูปอยู่เลย”
ผู้การให้ไปชี้รูปหมอสมคิดที่แปะไว้ที่บอร์ดด้านหลังรวมอยู่กับวายร้ายอื่นที่ตำรวจกำลังตามล่าตัวอยู่ แผนยุทธเห็นก็จำได้ หลุดพูด
“หมอผงหมอผีอะไรกัน นั่นมิสเตอร์ร็อบบี้ คิดส์ต่างหาก”
ทำเอาทุกคนหันขวับมามองแผนยุทธทันที
“คุณรู้จักมิสเตอร์ร็อบบี้ด้วยเหรอ” ติณห์ถามทันที
“เอ่อ...”
“ให้ผมเดานะ...ที่คุณแจ้งตำรวจจับคนในบริษัทซิกส์เซ้นส์ มิสเตอร์ร็อบบี้คนนี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแน่” ณัฐเดชบอกอย่างมั่นใจ
“เงียบทำไมล่ะครับ ใช่อย่างที่สารวัตรพูดรึเปล่า นายร็อบบี้เป็นคนยุงยงส่งเสริมให้คุณมาแจ้งความจับพวกเราใช่ไหม” วรวรรธถาม
“คุณมีสิทธิอะไรมาสักถามผม คุณเป็นใคร ผมไม่ตอบคำถามคุณ”
“คุณนั่นแหละเป็นใคร”เจ๊หญิงโวยใส่ “ทำไมจะถามไม่ได้”
แต่ติณห์ปราดเข้ามาชี้หน้าแผนยุทธอย่างโกรธ
“แต่ยูต้องตอบ Tell me หมอสมคิดสั่งให้ยูมาเล่นพวกเราใช่ไหม…Yes or No“
ติณห์ผลักอกแผนยุทธ วรวรรธต้องรีบดึงติณห์
“เย็นไว้พี่ติณห์ เดี๋ยวเจออีกข้อหานะครับ”
“แค่ข้อหาลักพาตัวและกักขังหน่วงเหนี่ยวแม่ของตัวเองนี่ก็อกตัญญู เนรคุณสุดๆ ถ้าผมไม่เอาคุณนอนห้องกรงละก็ ผมคงตกนรกแน่ๆ”
“What ที่ผมพาแม่ผมมากรุงเทพ ปกป้องแม่ผมไม่ให้เป็นอันตราย จากง่ามมือของไอ้หมอสมคิดหรือมิสเตอร์ร็อบบี้คิดส์ของดร.แผนยุทธ”
“ง่ามมือ ฮ่ะๆ บรรยากาศตึงเครียดขนาดนี้คุณยังมีอารมณ์ขัน ยอดเลย...”ผู้การยกนิ้วโป้ง “เขาเรียกว่าเงื้อมมือย่ะวะฮ่ะๆ”
โกลเดนเบบี๋ฉุนผู้การกึกขึ้นมา
“ขำมากนักนะผู้การ”
พูดจบโกลเดนเบบี๋จับนิ้วโป้งผู้การที่ยกให้ติณห์อยู่ ใส่ปากผู้การทันที ภาพที่ทุกคนเห็นคือ ผู้การเอานิ้วโป้งเข้าปากดูดเหมือนเด็กดูดนิ้วมือตัวเอง
ณัฐเดช กับ วรวรรธ ขำจนกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ก๊ากออกมาดังลั่น เพราะสุดจะทน ทุกคนกลั้นขำกันแทบไม่อยู่ ผู้การโวยวายไม่ออก ได้แต่ทำเสียงอู้อี้ในลำคอ ดึงนิ้วโป้งก็ดึงไม่ออก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น...ทุกคนหันไปมองที่ประตู ทนายสมชาติเดินหิ้วกระเป๋าเข้ามา
“เอ่อ...ขอโทษครับ ผมมาช้าไปหน่อย”
“ทนายสมชาติ คุณมาประกันตัวผม”
ทนายสมชาติก้มหัวขอโทษติณห์ ทำสีหน้าไม่ถูก
“ขอโทษครับคุณติณห์ ผมมาทำหน้าที่ทนายของคุณมิรันตีคุณแม่คุณ ผมเอ่อ...ขอแจ้งความดำเนินคดีกับคุณข้อหาลักพาตัว กักขังหน่วงเหนี่ยวและเจตนาเอ่อ...ทำร้ายแม่คุณทั้งร่างกายและจิตใจครับ”
“อะไรนะ”
“คุณสมชาติคะ คุณก็น่าจะรู้จักคุณติณห์ดี คุณติณห์ไม่มีทางทำร้ายคุณแม่เด็ดขาด” ญาณินพยายามอธิบาย
“เอ่อ...ผมขอโทษครับ คุณมิรันตีส่งผมมาแจ้งความแบบนี้ ผมก็ต้องทำตามหน้าที่”
“คุณสมชาติ...”
ติณห์มองอย่างผิดหวัง
“เอาล่ะๆ...ไม่ต้องห่วงพ่อฝรั่ง เจ๊หญิงยืนอยู่ตรงนี้ ฉันจัดการเอง”
“เจ๊หญิงซะอย่าง...ส.บ.ม.” โกลเดนเบบี๋บอกอย่างมั่นใจ
เจ๊หญิงหยิบสิ่งที่เตรียมมาในกระเป๋าออกมาวางเป็นปึ้กใหญ่
“คุณหญิงจะใช้เครดิตตัวเองมาเป็นหลักประกันยื่นประกันสาวๆพวกนี้เหรอครับ”
“โฉนดที่ดินทั้งหมดในกอทอมอ 18 แปลง 3 แปลงที่ถนนสีลมและสาธร 5 แปลงบริเวณเพลินจิต 2 แปลงเขตวัฒนา สุขุมวิท อีก 8 แปลง 300 ไร่ ย่านชานเมือง ถ้ายังไม่พอ...โฉนดที่ต่างจังหวัดก็มีเยอะ แต่ไม่ได้เอามาเอาแต่นี่มา...สมุดบัญชีเงินฝากประจำ 30 บัญชี”
โกลเดนเบบี๋ทำท่าเป็นพริตตี้พรีเซ้นหลักฐานที่เจ๊หญิงเตรียมมาสุดฤทธิ์
“30 เหว๋อ...”
“ถ้ายังไม่จุใจ เอาไปเลยตลาดอีก 4 แห่ง...แฟลต 8...แมนชั่น 10...คอนโด 12...ตึกแถว 20...บ้านเช่าอีก 2 โหล ว่าไง...ตกลงฉันมีสิทธิ์ประกันตัวทุกคนไหม”
“นี่มันยิ่งกว่าเกมเศรษฐีอีกนะเนี่ย”
โกลเดนเบบี๋หัวเราะก้อง…ร้องเต้น
“นี่สามีเรารวยขนาดนี้เลยเหรอ”สุคนธรสสงสัย
“ฮ่ะๆ...อะเจ๊มีสิทธิ์ไหมค้า...อ่ะเจ๊มีสิทธิ์ไหม๊ค้า” โกลเดนเบบี๋ถาม
“พวกคุณจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ ยังไงก็ต้องเป็นนางแบบให้ผมก่อน หึๆ” ผู้การบอกกวนๆ
ภายในห้องถ่ายรูปผู้ต้องหา รูปห้าสาว ถูกจับถ่ายรูปไว้ในฐานะผู้ต้องสงสัยกระทำความผิด เริ่มด้วยรูปญาณินหน้าตรงหันซ้ายและหันขวา ตามด้วยสุคนธรส เนตรสิตางศุ์ กรรณา ตามมาด้วยกรรัมภา ที่จะถอดถุงมือออก แต่ตำรวจบอกไม่ต้อง ปิดท้ายด้วยรูปติณห์และพงอินทร์ที่ต้องถ่ายรูปด้วยหน้าเซ็งๆ
รถตู้สมคิดแล่นมาจอดที่นอกประตูรั้วคฤหาสน์ร้างหลังหนึ่ง กรกฏลงมาเปิดประตู ให้สมคิดกับเบญจาลงจากรถ
“พ่อเตรียมคฤหาสน์หลังนี้ไว้ลูก”
เบญจาก้าวเดินไปยืนที่หน้าประตูรั้ว เสียงผีร้องโหยหวนดังไปทั่ว
“เสียงวิญญาณร้องโหยหวนเต็มไปหมด”
เบญจาทำจมูกฟุตฟิตหน้าเครียดเหม็นกลิ่นวิญญาณ
“กลิ่นความเคียดแค้นของวิญญาณคละคลุ้ง”
พลันตาก็มองไปที่รอบคฤหาสน์ เห็นภาพวิญญาณคนตายในสภาพสยดสยองอยู่รอบคฤหาสน์
“พวกมันเป็นวิญญาณตายโหงทั้งนั้น”
เบญจายื่นมือไปสัมผัสที่ประตูรั้ว รับรู้ได้ถึงอดีตของคฤหาสน์หลังนี้ว่าเมื่อก่อนเป็นป่าช้าร้าง ยังไม่มีตัวคฤหาสน์ และที่มุมหนึ่งเห็นชายสามคนกำลังเร่งขุดดินกลบหลุมที่มีร่างคนถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมทิ้งอยู่ในหลุมหลายศพ
“เมื่อก่อนที่นี่เป็นป่าช้าร้าง พวกมือปืนชอบเอาศพที่พวกมันฆ่ามาฝังไว้ที่นี่” เบญจาบอกตามสิ่งที่เห็น
สมคิดหัวเราะพอใจ
“เก่งมากลูกพ่อ ก็เพราะที่นี่มีแต่ความโหดเหี้ยม...มีแต่อาถรรพ์ของวิญญาณตายโหง..มันถึงเหมาะที่จะเป็นอาณาจักรของเรา ฮ่ะๆ”
ทุกคนเดินลงมาด้านหน้ากองปราบหลังเจ๊หญิงประกันตัวทุกคน
“ขอบพระคุณคุณแม่มากนะคะที่กรุณาไปช่วยประกันตัวพวกเราออกมา ไม่อย่างงั้นคืนนี้พวกเราได้นอนตบยุงกันอยู่ในคุกแน่”
สุคนธรสยกมือไหว้ อีกสี่สาวก็ยกมือไหว้ตาม
“ขอบพระคุณมากค่ะ”
“ผมก็ต้องขอบคุณแม่มากครับ thank you very much.”
ติณห์ทั้งไหว้ทั้งกอดเจ๊หญิง
“นี่พอๆแล้วพ่อคุณ ฉันจั๊กกะจี๋ยังไงฉันก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด ฉันไม่มีวันยอมให้พวกเธอตกระกำลำบากเพราะไอ้หมอสมคิดปีศาจนรกนั่นเด็ดขาด ไม่นึกเลยว่ามันจะกลับมาแก้แค้นพวกเรา นี่นะตีงูต้องตีให้ตาย ไม่งั้นมันจะกลับมากัดเรา ชั่วช้า เลวทราม ไอ้หัววัว ไอ้ปากหมี ไอ้หน้าเป็ด”
ไตรรัตน์หน้าแหย ต้องรีบเตือนแม่ที่เริ่มปากตลาดเพราะความโมโห
“แม่ จุ๊ๆ สูงขึ้นหน่อย”
“อะไรของแก...สูงขึ้น”
“ก็คำพูดของแม่ไง เดี๋ยวเด็กๆจะเลียนแบบ”
“ได้ไง กับไอ้หมอผีจิตทรามนั่น มันต้องใช้คำพูดต่ำๆแบบนี้นี่แหละ ถึงจะสาสมกับความชั่วช้าของมัน นี่มันทำให้บริษัทนี้เจ๊งโบ๊ง ทำให้พวกหนูเสื่อมเสีย ถูกคนด่าคนเกลียด ต่อไปนี้ พวกหนูไปเดินตลาด แม่ค้าก็จะมารุมตบด้วยเปลือกทุเรียนจนหน้าแหก...”
“ม้าครับ...”
“ห๊า..” เจ๊หญิงนึกได้ “เออๆ...ไม่พูดหยาบ เราคนดี ต้องดีทั้งกาย วาจา ใจ ใช่ไหมคะเด็กๆ”
“ใช่ครับ/ค่ะ”ทุกคนพูด
“อ่ะ...เข้าเรื่องกันใหม่แบบคนจิตใจดีโลกสวยๆคุยกัน”
“ป่านนี้มันคงจะนั่งหัวเราะเยาะท้องคัดท้องแข็งแล้วที่เอาคืนพวกเราได้ เจ็บใจโว้ย” ก้องฟ้าโมโห
“ในฐานะอดีตสาวกหมอสมคิดผู้หลงผิด ฉันเห็นความแสบของมันมาเยอะ ฉันกล้าฟันธงได้เลยว่า ไอ้หมอสมคิดมันต้องคิดการใหญ่กว่านี้”
“เช่นตั้งสำนักใหม่” ไตรรัตน์ออกความเห็น
“ใช่... ปล่อยผีมาไล่ฆ่าพวกเรา...”
“ส่งซอมบี้ครองเมือง...” อรวรรณเสริม
“ระเบิดภูเขา เผากระท่อม” เนตรสิตางศุ์พูดต่อ
“ยึดประเทศ..” กรรณพูด
“ทำลายล้างโลก ระเบิดให้เป็นจุล” ก้องฟ้าปิดท้าย
ทุกคนฟังแล้วอ้าปากเหว๋อตาม เงียบกันทั้งคณะ
“ไอ้หมอสมคิดมันไม่ใช่ธรรมดา มันทำได้หมดแหละ”
ทุกคนกังวล โดยเฉพาะญาณิน ที่กำลังครุ่นคิดตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่าง ติณห์สังเกตเห็นทนายสมชาติเดินมาที่มุมหนึ่งแล้วหยุดยืนรอ ติณห์เดินไปหา
“เอ่อ...คือ..” สมชาติกระวนกระวายอยู่
“คุณไม่ต้องแก้ตัวอะไรทั้งนั้นคุณทนายสมชาติ ครั้งนี้ผมจะยอมเป็นลูกนรคุณแม่”
“เนรคุณครับ”
“เนรคุณก็เนรคุณ ผมจะสู้กับมัมในศาล เพื่อคุณณิน เพื่อบริษัทซิกส์เซ้นส์ที่ต้องถูกปิดเพราะโพ้ม และก็เพื่อให้มัมตาสว่างซะที ว่าตัวเองหลงผิดที่ไปหลงเชื่อไอ้หมอสมคิดกับเบญจา”
“พูดจบหรือยังครับ ผมจะได้พูดมั่ง”
“คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว ไว้เราไปเจอกันในศาล ผมจะหาทนายที่มีสติที่สุด ตาไม่บอด หูไม่เบามาสู้กับคุณ บาย”
ติณห์หันเดินไป แต่ทนายสมชาติพูดตามหลัง
“แต่ตอนนี้ผมก็ตาไม่บอด หูก็หนักขึ้นแล้วครับ ผมขอโทษ ที่ผมหลงผิดไปมองคุณติณห์กับคุณญาณินในแง่ร้าย แล้วเข้าข้างคุณเบญจา”
ติณห์ชะงักหันมามองสมชาติอย่างไม่เชื่อหู แต่ยังไม่ไว้ใจ
“ที่ผมต้องมาฟ้องคุณ เพราะผมเป็นทนายของคุณมิรันตี ผมก็จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ แต่ตอนนี้ผมรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว”
“Really...แล้วอยู่ๆคุณรู้ได้ยังไง”
สมชาติไม่ตอบ นึกสยองไปถึงรีสอร์ทที่แปรสภาพไปทันทีที่เบญจากับสมคิดออกมา และนึกว่าป่านนี้มิรันตีกลับไปคงรู้แล้วเหมือนกัน
“ผมไม่รู้จะอธิบายอย่างไร รู้แต่ว่าป่านนี้คุณมิรันตีคงรู้ความจริงเหมือนผม”
อ่านต่อตอนที่ 17