ธิดาพญายม ตอนที่ 16
ไกรยุทธ์เดินตรวจรอบอยู่ ทันใดนั้นได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจึงเคลื่อนไหวไปทางทิศทางของเสียง
นาฬิกายืนระวัง หันหน้าออกไปนอกที่พัก ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว จึงหันกลับไปพบบีมยืนอยู่
“บีม ว่าไง”
“พี่เอกภพ ไปไหนครับ”
“อ้าว ก็นอนอยู่แถวนั้นไม่ใช่เหรอ”
“ไม่เห็นนี่ครับ”
“คงออกไปทำธุระแถวนี้มั้ง บีมตื่นมามีอะไรเหรอ”
“เฮ่...ก็ว่าจะไปทำธุระเหมือนกัน ไม่เห็นพี่เอกก็เลยมาถามดู พี่ไกรยุทธ์ล่ะ”
“ออกไปดูรอบนอก เผื่อมีอะไรจะได้เตือนกันทัน”
“งั้นบีมไปก่อน ชักไม่ไหวแล้ว”
“โอเค อย่าไปไกลล่ะ”
“ครับ” บีมออกเดิน
“ระวังตัวด้วย”
“ครับผม”
นาฬิกามองตามยิ้มขำ เดินไปเอาฝืนโยนในกองไฟให้สว่างขึ้น
ไกรยุทธ์เคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเห็นเงาอยู่ข้างหน้า ไกรยุทธ์ตวัดมือมาจากด้านหลังมีปืนสั้นติดมือขึ้นมา ยกส่องเงาดำแล้วเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ ใกล้เข้าไป ใกล้เข้าไป สายตาจับจ้องที่เงาดำเขม็ง
“ไกรยุทธ์ พี่เอง”
เสียงมาจากเงาดำที่ยังคงยืนหันหลังอยู่ ไกรยุทธ์ถอนหายใจแล้วเคลื่อนตัวไปยังเอกภพ เอกภพหันมาเผชิญหน้าไกรยุทธ์ ไกรยุทธ์เก็บปืน
“พี่ได้ยินเสียงเลยออกมาดู แต่ไม่เห็นอะไรด้านโน้นเป็นไง”
“ด้านโน้นก็โอเคครับ”
“เรากลับกันดีกว่า”
นาฬิกาขยับตัวหันมาเมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหว มือปาดไปทางด้านหลังแต่ก็ยิ้มออกมาเมื่อเห็นไกรยุทธ์กับเอกภพเดินเข้ามา
“สองคนนี้แอบไปเที่ยวไหนมา”
“เธอสองคนไปพักได้แล้ว พี่รับช่วงเอง”
“โอเคค่ะ”
นาฬิกาส่งมือให้ไกรยุทธ์ ไกรยุทธ์จับมือนาฬิกา
“เจอกันตอนเช้าครับ”
เอกภพพยักหน้า ทั้งสองเดินไปที่ใกล้ๆ กับบีมและปิงปอง เอกภพกราดสายตามองรอบๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นบีมยกเป้ของปิงปองกางออก ปิงปองเอามือสอดเข้าสะพายเป้บนหลังของตน
“ขอบใจจ้ะบีม”
“พร้อมเดินทาง”
ทั้งคู่ต่างยิ้มให้กัน ปิงปองกับบีมเดินมาเห็นเอกภพเอาเท้าเขี่ยไฟให้ดับอยู่
“หลับสบายเลยซิเราสองคน”
“สนิท ไม่ได้ยินไม่ได้เห็นอะไรเลยครับ”
“เหมือนกันค่ะ”
ไกรยุทธ์กับนาฬิกาเดินเข้ามา
“พวกเราพร้อมแล้วค่ะพี่เอก”
“ไกรยุทธ์นำไปได้เลย”
“โอเคครับ”
ไกรยุทธ์หันเดินออกไป บีมกับปิงปองเดินตาม นาฬิกาหันกราดไปมา
“เอ พี่นาชะเที่ยวนี้หายไปนานเลย”
“คงบินว่อนอยู่แถวไหนซักแห่งเดี๋ยวก็แวบมาเอง”
นาฬิกายิ้มแล้วหันหลังเดินตามทุกคนไป เอกภพเตะกลบกองไฟสองสามครั้งแล้วออกเดินตามไป
ราเชนกับปาระนังแวบโผล่มา ต่างเซไปคนละก้าว ราเชนรีบเข้าไปประคองปาระนัง
“ท่านธิดา”
“เราไม่เป็นไร”
ทั้งสองต่างตั้งตัวได้
“เรานั่งพักเรียกพลังรักษาตัวกันก่อนดีกว่าแล้วค่อยตามล่าเจ้าสองตัวนั่น” ปาระนังพยักหน้า “ทางด้านโน้นมีสถานที่ลับตา”
ราเชนจูงปาระนังออกไป
ณัชชากราดสายตามองรอบๆ ตัว ณัชชาก้าวไปข้างหน้า พยายามจับสัมผัส กราดสายตาไปข้างหน้า เห็นกองฟืนที่มอดอยู่ ณัชชาปราดเข้าไปสำรวจ
“พวกนั้นพักที่นี่เมื่อคืน”
ทันใดนั้นได้ยินเสียงของนาชะดังก้องกังวานมาในอากาศ
“องค์หญิง”
ณัชชาขยับตัวกราดสายตารอบ
“นาชะ” ทันใดนั้นเห็นม่านละอองสีชมพูปรากฏ ร่างของนาชะนอนอยู่ด้านในม่าน บาดเจ็บ “นาชะ”
ณัชชาปราดเข้าไป ม่านสีชมพูหายไป ณัชชาประคองนาชะขึ้นมา
“องค์หญิง นาชะ...”
นาชะสลบไป ณัชชารีบเอามือวนรอบๆ ตรงนาชะ สีหน้าเคร่งเครียด
นาชะลืมตาขึ้นมา พบณัชชานั่งอยู่ใกล้ๆ นาชะขยับตัว ณัชชาเข้ามาประคอง
“นาชะ เกิดอะไรขึ้น”
“ผู้กองเอกภพ ถูกภูตสังหารครอบงำคุมตัวทายาทไว้แล้วเพคะ”
ณัชชาสีหน้าเคร่งเครียด
“เป็นความผิดของข้าเอง แผนของเทพอัคราลึกล้ำ ข้าควรจะเฉลียวใจรู้ทัน” นาชะตาปรือ ร่างกายเหนื่อย “เจ้าถูกพลังบาดเจ็บมากต้องกลับไปรักษาตัว”
“แต่”
“ไม่ต้องแต่ เจ้าหายเมื่อไหร่ค่อยตามข้าไป”
นาชะพยักหน้า ณัชชาค่อยๆ ถอยห่างจากร่างของนาชะ นาชะปล่อยม่านสีชมพูออกมาคลุมร่าง ละอองสีชมพูค่อยๆ พาร่างขางนาชะลอยขึ้นลอยขึ้นสูง ณัชชาโบกมือให้ทันใดนั้นร่างของนาชะก็แวบหายไป ณัชชาถอนใจสีหน้าเคร่งเครียด
“เทพอัคราท่านทำเกินไปแล้ว เราต้องแลกชีวิตกับท่าน”
เอกภพกับทายาทเดินทางมาตามป่าทึบ สุดท้ายโผล่ออกมาพบว่ามีหุบเหวขวางทางอยู่ระยะห่างเท่ากับทางด่วนแปดเลน
“เจอเหวอีกแล้ว”
“คิดว่าจะเจอแต่ทางด่วนเดินสบายเหรอไง”
“ได้ก็ดีน่ะซิ”
เอกภพ ไกรยุทธ์ นาฬิกากราดสายตารอบๆ
“ไม่มีทางอื่นให้อ้อมไปเลยครับ”
ทันใดนั้นเสียงพวกอีการ้องก้องมา ทั้งหมดกราดสายตามองขึ้นไป เห็นพวกอีกาและค้างคาว บินวนเวียนอยู่ในระยะไกล
“ท่าทางไม่ค่อยดีซะแล้ว”
“มีทั้งอีกา และก็พวกค้างคาว”
บีมกับปิงปองก้าวออกมากราดมองพวกมัน
“โห...เล่นรวมทีมดาราเลยเหรอเพื่อน”
“พวกมันรู้ว่าเราใกล้ถึงกุญแจนิลกาลแล้ว”
“พวกนี้มันแสนรู้จริงๆ”
“ที่สำคัญเราจะข้ามเหวนี่ไปได้ยังไง”
“เรารอดูพวกมันก่อน เผื่อว่ามันจะผ่านเราไป”
ปาระนังกับราเชนร่อนลงมาในราวป่า ราเชนกราดสายตารอบๆ
“เราต้องหาทางกำจัดพ่อมดสองตัวนั่นให้เร็วที่สุดก่อนที่มันจะหาทายาทพบ”
“แต่ พวกมันจะส่งสัญญาณถึงเทพอาคินทุกครั้งที่เราใกล้ตัวมัน”
ราเชนเดินไปเดินมาครุ่นคิด
“เราต้องแยกพวกมันออกจากเทพอาคินให้ได้”
“นั่นหมายถึงเราต้องแยกกันด้วย”
“พี่รู้ว่าอันตราย แต่เป็นทางเดียวเท่านั้น”
ปาระนังสีหน้าเคร่งเครียด
ณัชชาร่อนลงมาในราวป่า กราดสายตารอบตัว เงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าเห็นแต่ความว่างเปล่า
“พวกสาวกหายไปไหนกันหมด แบบนี้ไม่ดีแน่”
ณัชชาพุ่งตัวเหินออกไป
พ่อมดยามินกับกาตงร่อนลงมาในราวป่า
“ข้าสัมผัสพลังของพวกมันได้ พวกมันต้องอยู่แถวนี้”
“ข้าไม่เห็นสัมผัสอะไรได้เลย”
พ่อมดยามินยกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามให้ส่งเสียง พลางทำมือชี้ไปข้างหน้า
พ่อมดยามินกับกาตงโผล่มาจากพุ่มไม้ พลันสายตาของมันก็เบิกโพลง มันเห็นร่างของปาระนังนิ่งอยู่ที่พื้น
พ่อมดยามินกับกาตง จ้องมองร่างของปาระนังที่นิ่งอยู่ พวกมันกราดสายตาไปมา
“นางธิดาสมุทร”
“ไอ้มือขวามัจจุราชไปไหน”
“สงสัยพวกมันได้รับบาดเจ็บ ต่างหนีเทพอาคินจนหลงกัน”
“เราส่งข่าวให้เทพอาคินมาจัดการกับมัน”
“เดี๋ยว ลำพังนางธิดาสมุทรคนเดียวเราจัดการเองได้”
พ่อมดยามินหยุดคิดอึดใจแล้วหัวเราะลั่น
“ดี หัวใจเทพของมันจะทำให้เราอายุยืนยาวเป็นร้อยปี”
มันสองคนต่างหัวเราะก้อง มันสองคนวนมือมาที่ร่างของปาระนัง ทันใดนั้นทั้งหมดแวบหายไป อึดใจร่างของราเชนก็ค่อยๆ เห็นรางๆ ปรากฏ จนเห็นชัดในที่สุด ราเชนยิ้มเยือกเย็น
ที่รังของอาคิน อาคินแวดล้อมไปด้วยสาวๆ สวยห้าคน คอยเอาอกเอาใจ มีเครื่องดื่มอยู่ในมือ มีมือปืนอยู่ข้างหลัง 3 คน ทันใดนั้นร่างของเทพอัคราปรากฏ อาคินขยับตัว โบกมือ สาวๆ ต่างพากันออกไป
“เจ้ามัวแต่ประมาทลุ่มหลง ระวังจะเสียงาน”
“ท่านพ่อกังวลมากไป แผนของท่านพ่อแนบเนียน ทุกอย่างจะต้องสำเร็จ”
“ถูกต้อง แต่เมื่อใดที่พวกมันแสดงพลัง แล้วเจ้าไม่ปรากฏ พวกมันจะสงสัยองค์หญิงณัชชาฉลาดลึกล้ำ ถ้าเจ้าไม่ระวัง จะเสียใจ”
“รับคำสอนสั่ง ข้าจะรีบตรวจตราให้รัดกุม”
ทันใดนั้นเทพอัคราขยับตัว
“มีพลังบางอย่าง”
“ข้าจัดการเอง”
ร่างของอาคินแวบหายไป เทพอัคราสีหน้ากังวล
ธิดาพญายม ตอนที่ 16 (ต่อ)
ร่างของอาคินปรากฏที่ราวป่า กราดสายตาไปมา
“ยามิน กาตง ยังไม่รีบไสหัวออกมา”
ทันใดนั้นลูกธนูติดไฟห้าดอกพุ่งเข้ามาจากราวป่าเข้าหาอาคิน อาคินสะบัดมือ ลูกธนูติดไฟกระจายหายไปหมด
“ที่แท้เป็นท่านราเชน” ร่างของราเชนแวบมาปรากฏตรงหน้า “ท่านราเชนคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง”
“วันนี้เราคิดจะแลกชีวิตกับท่าน”
“ท่านคงร่ำลาท่านธิดามาเรียบร้อย เราถึงเห็นท่านตามลำพัง”
ราเชนยิ้มเยือกเย็น ทันใดนั้นพุ่งเข้าหาอาคิน มีดสั้นในมือตวัดเข้าใส่อย่างรวดเร็ว อาคินถอยมาได้ทัน ตวัดมือเป็นดาบภูตสังหารสีดำปรากฏ ต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ในถ้ำของพ่อมดยามินกับกาตง ร่างของปาระนังถูกวางอยู่บนแท่นอิฐ พ่อมดยามินกับกาตง ยืนอยู่ตรงแท่น ต่างทำปากหมุบหมิบทำพิธีเอามือวนบนร่างของปาระนัง อึดใจก็ลืมตาขึ้นมา
“ได้เวลาแล้ว เอาหัวใจของมันมาให้ข้า”
กาตงพยักหน้าสะบัดมือ กลายเป็นมีดสั้นปรากฏในมือของมัน มันเงื้อมีดขึ้นสูง ทันใดนั้นปาระนังลืมตาขึ้นสะบัดมือปล่อยพลังใส่มีดในมือของมันกระเด็นไป พ่อมดยามินกับกาตงคาดไม่ถึง
ที่ราวป่าอาคินกับราเชนต่อสู้กันอย่างดุเดือด ราเชนต่อสู้หล่อหลอกติดพันกับอาคิน อาคินเสียอารมณ์ตามติดกัดไม่ปล่อย
ในถ้ำของพ่อยามินกับกาตง ปาระนังสะบัดดาบในมือ
“ข้าต่างหากที่จะควักหัวใจของเจ้า”
ปาระนังพูดจบก็พุ่งเข้าใส่ เกิดการต่อสู้กัน สองพ่อมดต่างใช้ไม้เท้ารุมฟาดฟันปาระนัง แต่ในที่สุดก็สู้ไม่ไหว ถูกพลังมือของปาระนัง กระแทกกระเด็นไปคนละทาง
“กาตง เทพอาคินเร็วเข้า”
กาตงสะบัดมือออกมา ปรากฎเป็นนาฬิกาทรายอยู่ในมือ
“ที่แท้เป็นแบบนี้เอง”
ปาระนังพรวดเข้าหากาตง ตวัดดาบเข้าใส่กาตงตาลีตาเหลือกถอย แต่แล้วพ่อมดยามินเข้ามาขวาง กาตงถอยไปได้ กาตงยกนาฬิกาทรายขึ้น
“เจ้าช้าไปแล้ว เทพอาคินกำลังมา”
มันหัวเราะก้อง ปาระนังหมั่นไส้สะบัดมือปล่อยพลังใส่ มันกระเด็นไป นาฬิกาทรายหลุดจากมือ กาตงจ้องนาฬิกาทรายหน้าซีด รีบขยับตัวไปทันที แต่แล้วปาระนังสะบัดมือออกไป พลังกระแทกนาฬิกาทรายแตกกระจาย กาตงถึงกับตาเหลือกตกใจ พ่อมดยามินเข้ามาประคองกาตงลุกขึ้นมา ปาระนังยิ้มเยือกเย็น
“เทพอาคินคงมาช่วยพวกเจ้าไม่ได้”
อาคินหันหน้าขวับไปทางทิศทางของถ้ำ
“ที่แท้ท่านมีแผนคิดสังหาร ยามินกับกาตงนี่เอง” อาคินหัวเราะ “เราไม่สนใจพ่อมดสองตัวนั่น กำจัดท่านก่อนแล้วค่อยไปกำจัดนางธิดาสมุทรนั่นก็ยังได้”
“เจ้าไม่คู่ควรเอ่ยนาม”
ราเชนพุ่งเข้าใส่มีดในมือบุกฟันอย่างไม่คิดชีวิต อาคินตวัดดาบเข้าใส่โครม ร่างของราเชนกระเด็นออกไป
กลิ้งกับพื้น อาคินยิ้มเยือกเย็นทันใดนั้นอาคินแวบเข้ามาหาราเชน ดาบในมือเงื้อสูง
ภายในถ้ำปาระนังก็กำลังจัดการกับสองพ่อมด
“มอบชีวิต”
ปาระนังพุ่งเข้ามา พ่อมดยามินตวัดไม้เท้าใส่ ปาระนังหลบวูบ ดาบปลายแหลมเสียบอกของมัน มันร้องทรุดลง
กาตงตาเหลือกพุ่งไม้เท้าใส่ ปาระนังหลบวูบ กาตงฉวยโอกาสหันหลังคิดหนี แต่แล้วมีพลังแสงพุ่งเข้ามากระแทกร่าง
ของกาตงกระเด็นกลับมากลิ้งกับฟื้นตายสนิท ปาระนังขยับดาบ ทันใดนั้นร่างของเทพอัคราปรากฏ ปาระนังถึงกับถอยหนึ่งก้าว คาดไม่ถึง
อาคินจ้องราเชนเยือกเย็น ดาบในมือฟันลงไป แต่แล้วเสียงดังแคร๊ง อาคินคาดไม่ถึงเป็นดาบพิชิตมารของณัชชารับไว้ได้พอดี
“องค์หญิงณัชชา”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ณัชชาตวัดดาบพิชิตมารไล่ฟันอาคินอย่างรวดเร็ว อาคินถอยตั้งรับ ราเชนขยับตัวขึ้นมาเริ่มรู้สึกตัวพุ่งเข้าสะบัดมีดสั้นรุมอาคินจนตั้งตัวไม่ติด มีตอนหนึ่งราเชนโดดฟันด้วยมีดสั้น อาคินตวัดดาบรับราเชนกระเด็นออกไปแต่เปิดช่องว่าง ณัชชาแทงพรวด ดาบพิชิตมารเสียบเข้าที่หัวใจของอาคินพอดี อาคินเซออกไป ดาบพิชิตมารยังเสียบอยู่ที่อกของอาคิน ราเชนพรวดเข้ามาข้างณัชชา ทั้งสองจ้องอย่างตื่นเต้น
ในถ้ำของพ่อมดยามินปาระนังเผชิญหน้ากับเทพอัครา
“เทพอัครา” เทพอัคราหัวเราะ
“ในที่สุดท่านก็กำจัดพ่อมดสองตัวนี้จนได้ ขอแสดงความยินดีด้วย” ปาระนังสะบัดดาบในมือไปมาเตรียมพร้อม “ฝีมืออย่างพวกท่านคิดว่าจะปกป้องทายาทได้รึ”
“อย่างน้อยท่านก็ไม่มีทางรู้ว่าทายาทอยู่ที่ไหน”
“ท่านแน่ใจรึ” เทพอัคราหัวเราะ ปาระนังกราดตาจ้องเทพอัคราแล้วยิ้ม
“เราไม่หลงกลท่านง่ายๆ หรอกทายาทพลังไม่แข็งแกร่งพอที่จะแสดงตำแหน่งให้ท่านได้พบเห็น แม้แต่เราเองก็ยังไม่รู้ว่าทายาทอยู่ที่ไหน”
“ดี เมื่อทายาทได้กุญแจแล้ว พวกเจ้าจะได้ไม่มาขวางเรา”
เทพอัคราพูดจบก็สะบัดมือปล่อยพลังกระแทกปาระนังกระเด็นปลิวไปกระแทกผนังถ้ำโครม ปาระนังตั้งตัวได้ แต่เทพอัคราสะบัดมือใส่เพดานถ้ำถล่มทลายลงมาจนร่างของปาระนังหายไปในกองหิน เทพอัครายิ้ม ปล่อยพลังเป็นแสงเหมือนกระแสไฟฟ้าสีแดงกลายเป็นเส้นสีแดงกระจายออกเหมือนแหปกคลุมบริเวณกองหิน เทพอัคราหัวเราะอย่างสะใจแล้วแวบหายไป
ร่างของอาคินเซไปมา ดาบพิชิตมารปักอยู่ที่อกของอาคิน ราเชนกับณัชชาจ้องมองเขม็ง แต่แล้วอาคินหยุดเซ หัวเราะก้อง
“มันไม่ตายง่ายๆ”
“หัวใจของมันอยู่ที่ภูตสังหาร”
“เสียใจที่ทำให้พวกท่านต้องผิดหวัง”
ณัชชาสะบัดมือเข้าหาดาบพิชิตมาร ทันใดนั้นดาบพิชิตมารหลุดออกมาจากอาคินเข้าสู่มือของณัชชา
“วันหนึ่งเราต้องสังหารภูตทั้งเก้า ของท่านให้หมด”
“ตอนนี้เลยเป็นไง”
ทันใดนั้นอาคินขยับตัวควันสีดำกระจายออกมาจากร่างของอาคิน
“ท่านราเชน เราถอยก่อน”
ทันใดนั้นราเชนสะบัดมือลูกธนูนับสิบวิ่งเข้าหาร่างของอาคิน อาคินสะบัดมือปัด ราเชนกับณัชชาแวบหายไป
ร่างของณัชชาร่อนลงมา ตามด้วยร่างของราเชน แต่ราเชนเซสองสามก้าว ณัชชาเข้ามาประคอง
“ท่านราเชน”
“เราบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ขอบคุณองค์หญิงที่มาทันเวลา”
“ท่านธิดาสมุทรล่ะ”
“เราแยกกันเพื่อกำจัดพ่อมดชั่วสองตัวนั่น”
“ท่านดึงให้เทพอาคินสนใจท่าน ส่วนธิดาสมุทรแยกไปกำจัดสองพ่อมด” ราเชนพยักหน้า “เสี่ยงมาก”
“พ่อมดสองตัวเป็นอันตรายต่อทายาทเป็นหนทางเดียวที่จะกำจัดพวกมันได้”
“ท่านทั้งสองกล้าเสียสละยิ่งนัก”
แต่แล้วณัชชาหันขวับ ราเชนหันตาม
“ปาระนัง”
ร่างของณัชชาและราเชนร่อนลงมาหน้าถ้ำ
“ท่านธิดาสมุทรต้องอยู่ในถ้ำเราสัมผัสได้”
ร่างของณัชชากับราเชนแวบเข้ามาในถ้ำ สายตากราดตรงหน้าเห็นรังสีร่างแหปรากฏอยู่บนกองหิน
“น้องปาระนัง”
ราเชนพรวดเข้าไปแต่ถูกรังสีร่างแหกระแทกปลิวออกมา ณัชชาตวัดมีดสั้นขึ้นมาแล้วสะบัดมือกลายเป็นดาบพิชิตมาร ณัชชาหันไปทางราเชนที่เดินเข้ามา
“เทพอัคราปล่อยมนต์คุมขังท่านธิดาเอาไว้”
ณัชชาก้าวเข้าไปที่กองหินตวัดดาบฟันรังสีร่างแหจนกระจายหายไป ทันใดนั้นร่างของปาระนังปรากฏ ราเชนก้าวเข้าไปโอบปาระนังไว้ในอ้อมอก ณัชชายิ้มแล้วแวบหายไป
“ท่านไม่เป็นไรใช่มั๊ย” ปาระนังยิ้มพยักหน้า “เกิดอะไรขึ้น”
“เรากำจัดพ่อมดยามินได้ กาตงคิดหนีแต่ถูกเทพอัครากำจัด”
“เทพอัครา เทพอาคิน ไม่สนใจชีวิตของใครที่หมดประโยชน์สำหรับพวกมัน”
“ดีใจที่ท่านปลอดภัย”
“เป็นเพราะองค์หญิงณัชชาช่วยไว้ทัน”
“แล้วองค์หญิงล่ะคะ”
ราเชนหันมาไม่เห็นณัชชาแล้ว
“องค์หญิงคงให้โอกาสเราสองคน”
ธิดาพญายม ตอนที่ 16 (ต่อ)
ปาระนังยิ้มซบที่อกราเชน ราเชนกอดเธอแน่น
“ผู้กองถูกมนต์ภูตสังหาร” ราเชนตกใจเมื่อรู้เรื่องจากณัชชา
“ถูกต้อง ยามใดที่เทพอาคินปล่อยมนต์ควบคุมก็จะกลายเป็นหนึ่งในภูตสังหารโดยไม่รู้ตัว”
“ถ้ายังงั้นทายาทก็ตกอยู่ในอันตราย”
“ยังหรอก จนกว่าทายาทจะได้กุญแจอยู่ในมือ นาชะจับพิรุธได้จึงถูกทำร้าย”
“กามเทพนาชะถูกทำร้าย” ปาระนังตกใจ ณัชชาพยักหน้า
“อาการสาหัส เราส่งกลับไปรักษาตัวแล้ว”
“ที่แท้การหาตำแหน่งเรา การจู่โจมเรา เป็นแผนลวงให้องค์หญิงกับพวกเราแยกตัวจากทายาทนี่เอง”
“กลับกลายเป็นเราส่งให้ทายาทไปกับผู้กองตามลำพังเราพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย”
บนท้องฟ้าฝูงอีกากับค้างคาวยังคงบินวนอยู่ เอกภพกับพวกทายาทหลบพวกมันอยู่ในดงป่าทึบ
“พวกมัน ไม่ยอมไปไหนเลย”
พวกทายาทต่างมองพวกมัน
“นาฬิกาว่าเรารอไม่ได้แล้วนะคะ”
“ถ้ามืดลงเราจะข้ามเหวลำบาก หรือไม่เส้นทางอาจจะเปลี่ยนไป”
“เสียดายนาชะไม่อยู่ พาเราข้ามไปได้ โดยที่เทพอัคราไม่สามารถจับพลังได้”
“ใช่แล้วพลังแห่งความรักพวกมันสัมผัสไม่ได้”
“ปิงปอง ลองสมุดของปิงปองดูซิ เผื่อจะวาดสะพานให้เราข้ามก็ได้”
ปิงปองขยับตัวปลดเป้ลงมา รื้อสมุดออกมาได้ หยิบดินสอขึ้นมา แต่ดินสอกลับอยู่นิ่งไม่มีการวาดอะไรขึ้นมา
“เห็นทีจะต้องใช้เชือกของผมซะแล้ว”
“หา ไต่เชือกข้ามไปเนี่ยนะ” บีมตกใจ
ไกรยุทธ์ถือเชือกเส้นเล็กอยู่ในมือ ยื่นออกไปข้างหน้า ทันใดนั้นเชือกก็พุ่งยาวออกไปยังเหวฝั่งตรงข้าม แล้วลอยอยู่กลางอากาศโดยที่ไม่ได้ยึดกับอะไรทั้งสิ้น
“โว่ว...ไม่น่าเชื่อ”
“ทุกคนเตรียมตัวให้ดี ไกรยุทธ์จะไปก่อน เพื่อคอยระวังพวกสาวกของอาคิน”
“ได้ครับ”
“ตามด้วยนาฬิกา จะได้คอยช่วยรับบีมกับปิงปอง ส่วนพี่จะคอยสกัดพวกมันอยู่ทางนี้ จนกว่าทุกคนจะปลอดภัย พี่ถึงจะข้ามไป”
“พวกเราใช้พลังสกัดพวกมันได้มั๊ยคะ”
“พี่ว่าอย่าดีกว่า เทพอัคราอาจจะจับพลังได้”
ทุกคนต่างพยักหน้ารับ
ราวป่าหน้าหุบเหว ทั้งหมดจ้องมองสาวกของอาคินที่บินไปมาส่งเสียงร้องอยู่เบื้องบน เอกภพสะบัดมือปืนปรากฏพร้อมยิง ทายาทต่างพยักหน้าว่าพร้อม
“ไปได้”
ไกรยุทธ์วิ่งพรวดออกไป กระโดดจับเชือก แล้วใช้มือสองข้างพาตัวเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างมองดูต่างลุ้น เอกภพกราดสายตามองไปบนท้องฟ้า ทันใดนั้นเห็นพวกมันอีกากับค้างคาวดิ่งลงมา
“รอไม่ได้แล้ว ทุกคนเร็ว”
นาฬิกาพรวดนำออกไป ตามติดด้วย ปิงปองและบีม เอกภพตวัดมืออีกข้าง ปืนอีกกระบอกปรากฏ แล้วพรวดออกไปสาดกระสุนเข้าใส่พวกฝูงอีกากับค้างคาว เปรี้ยงๆๆ เสียงปืนดังสนั่น พวกมันแตกกระจาย แต่ที่เหลือก็ดิ่งเข้าหาพวกทายาทที่กำลังห้อยต่องแต่งพยายามข้ามไปยังฝังตรงข้าม
ร่างของทายาททั้งสี่กำลังสาวมืออย่างรวดเร็ว เพื่อเคลื่อนไปยังหุบเหวฝั่งตรงข้าม แต่แล้วพวกอีกาและค้างคาวดิ่งลงมาเข้าจู่โจม ทายาททั้งสี่ต้องใช้มือข้างหนึ่ง ปัดพวกมันออกไป โหนไป น่าหวาดเสียว เอกภพอยู่อีกด้านหนึ่งคอยยิงสาดใส่พวกมัน อย่างถี่ยิบ ไกรยุทธ์สาวมือไปถึงก่อน ทิ้งตัวลงบนหน้าผาอีกด้านแล้วตวัดมือปืนสั้นติดขึ้นมายิง เปรี้ยงๆๆๆ พวกมันเริ่มแตกกระจายออกไป
นาฬิกามาถึงทิ้งตัวลงยืนกับพื้น แล้วคอยรับปิงปองกับบีมที่กำลังไต่เข้ามา ในที่สุดปิงปองกับบีมก็มาถึงจนได้
แต่แล้วปิงปองกรี๊ดขึ้น เพราะมีค้างคาวตัวหนึ่งเกาะบนเป้ของปิงปองอยู่ ไกรยุทธ์ปราดเข้ามาปืนจ่อแล้วยิงเปรี้ยง มันกระเด็นหายไป ปิงปองพรวดเข้ามากอดนาฬิกา ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก
“พี่เอกมาได้แล้วครับ”
เอกภพยิงกราดพวกมัน เปรี้ยงๆๆๆ แล้วตวัดมือไปทางข้างหลังเก็บปืน แล้ววิ่งกระโดดจับเชือก สาวมือดึงตัวไปอย่างรวดเร็ว แต่แล้วพวกอีกากับค้างคาวตั้งตัวได้ พุ่งเข้าหาเอกภพอีก
“คุณไกรยุทธ์ เร็วเข้า”
ไกรยุทธ์วิ่งเข้ามา กราดยิงใส่พวกมันกระจายออกไป เอกภพโหนเชือกสาวมือเข้ามาอย่างรวดเร็ว พลางใช้มือ ปัดพวกอีกาและค้างคาวที่บินจู่โจม พวกทายาทต่างยืนเร่งลุ้นส่งเสียงวุ่นวาย เอกภพกัดฟัน เคลื่อนมืออย่างรวดเร็ว แต่แล้วทันใดนั้น เชือกของไกรยุทธ์เหมือนหดได้ดึงเอกภพพรวดเข้ายังขอบเหวอย่างรวดเร็ว โดยมีฝูงอีกาและค้างคาวตามหลังมาติดๆ
“เยส”
ทายาทต่างกระโดด เชียร์ลุ้นอย่างตื่นเต้น ในที่สุดร่างของเอกภพก็พรวดเข้ามาถึง พุ่งตัวม้วนไปกับพื้นดิน
สองสามตลบ นาฬิกา บีม ปิงปอง ต่างวิ่งเข้าไปดู
“พี่เอก เป็นยังไงบ้าง”
“มันดี น่าจะเอาไปเล่นที่แดนเนรมิต”
ทุกคนต่างยิ้ม ทันใดนั้นเสียงปืนของไกรยุทธ์ดังสนั่นขึ้นอีก
“พวกมันกำลังกลับมาอีกแล้ว”
เอกภพผลุดลุกขึ้นพรวดเข้ามายืนข้างไกรยุทธ์ เห็นพวกมันรวมตัวกันบินร่อนลงมาอีก เสียงร้องดังสนั่น
“ทุกคนวิ่ง”
เอกภพและทายาทต่างวิ่งหนีพวกมันที่ไล่โฉบลงมา โดยมีเอกภพคอยหันหลังกลับไปยิงสาดสกัดพวกมันพลางวิ่งพลาง
“ข้างหน้ามีถ้ำครับ”
บีมตะโกนแล้วพรวดนำออกไป ทั้งหมดวิ่งตาม
ทั้งหมดวิ่งพรวดเข้ามาในถ้ำ หันไปเห็นพวกมันบินเข้ามาแล้วม้วนวูบเปลี่ยนทิศทางวนขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วบินวนเวียน เหมือนเฝ้าอยู่
“แปลกพวกมันไม่ยักตามเข้ามา”
“ดีแล้ว ชิ่วๆ ไปไกลๆ ยิ่งดี”
“ดูเหมือนว่ามันคงไม่ไปไหนแน่ๆ”
“ท่าทางเราต้องหาทางออกทางอื่นซะแล้ว”
แสงจ้าสาดกระจาย จนสว่างอยู่ภายในถ้ำ ที่แท้เป็นถุงมือของบีมนั่นเอง บีมเอาถุงมือวางไว้บนโขดหินใกล้ผนังถ้ำสาดแสงออกเห็นทุกคนนั่งล้อมวงคุยกันอยู่
“เกือบไปแล้ว”
ทุกคนต่างเริ่มขำ แต่แล้วเกิดเสียงครืนๆ ทุกคนเอียงไปมาเสียหลัก หินร่วงลงมาจากเพดาน อึดใจก็หยุด
ทุกคนต่างกราดมองกันไปมา
“เร็วเข้า เราต้องรีบออกไปจากที่นี่”
“ยังไม่ทันหายเหนื่อยเลย”
“ผมเห็นแสง แวบๆ มาจากด้านใน”
ทุกคนหันไปดู ถึงกับแปลกใจ เมื่อเห็นแสงแวบเข้ามา แล้วหายไป แวบ แล้วหายเป็นจังหวะ ทันใดนั้น พื้นที่เริ่มสะเทือนขึ้นมาแล้วเอียงไปมาอีกครั้ง
“บีม นำไปที่แสง ทุกคนตามไป”
เอกภพบอก บีมยกมือข้างขวาแสงจากถุงมือเป็นลำสว่างวิ่งนำ ทุกคนเห็นปากถ้ำขยับค่อยๆ ปิด
“เร็วเข้าปากถ้ำกำลังจะปิด”
ทุกคนวิ่งเร่งฝีเท้าแต่แล้วปากถ้ำขยับปิดลง ไม่เห็นแสงจากภายนอก ทุกคนวิ่งมาถึงเห็นทางออกปิดแน่นอยู่
“ลองหาทางออกทางอื่นดู”
“กว่าจะย้อนกลับไป เพดานถ้ำจะถล่มทับพวกเราซะก่อน”
บีมขยับมือให้แสงสาด ทันใดนั้นมีตัวอะไรเลื้อยวูบผ่านไป เอกภพตวัดปืนยิงเปรี้ยงๆๆ แต่แล้วเหมือนเกิดแผ่นดินไหวอีกครั้งหนึ่งพื้นเอียงไปเอียงมา ส่งเสียงครืนๆ ทุกคนเสียหลัก แต่ก็ตั้งตัวได้
“ทุกคนเตรียมออกจากถ้ำ”
“แต่ปากถ้ำปิดนี่ครับ”
“ขอลองก่อน” เอกภพตวัดมือยิงเปรี้ยงๆๆ ไปที่พื้น ทันใดนั้นมีเสียงเหมือนคำราม พื้นสั่นเอียงไปมา เห็นแสงลอดเข้ามาวูบวาบ ปากถ้ำค่อยๆ เปิดออก “เร็วเข้าทุกคน”
บีมวิ่งนำทุกคนออกไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนพุ่งออกไปจากถ้ำได้ในที่สุด
ทั้งหมดกลิ้งระเนระนาดออกมาจากถ้ำ แต่แล้วก็ต้องตกใจ เพราะตรงปากถ้ำมีหัวของงูยักษ์ส่ายหัวไปมาอยู่
ทุกคนรีบตะเกียกตะกาย วิ่งออกไปจากพื้นที่อย่างไม่คิดชีวิต
พอเห็นว่าปลอดภัยแล้ว เอกภพกับทุกคน ต่างนั่งบ้างยืนบ้าง ล้อมกันอยู่
“นึกไม่ถึงที่แท้เราวิ่งอยู่บนหลังงู”
ทุกคนต่างถอนใจเริ่มจะขำ
“งูนอนจำศีลปิดปากถ้ำอยู่ พอมันขยับตัวก็เลยมีช่องให้เราลอดผ่านออกมาได้”
“หนีเสือปะจระเข้แท้ๆ”
“ยังดีที่พ้นพวกอีกากับค้างคาวนั่น”
“อย่างน้อยก็ระยะเวลาหนึ่ง พอให้หายใจหายคอได้ทัน”
ทุกคนต่างยิ้มกัน บรรยากาศดีขึ้น บีมเปิดย่ามหยิบเสบียงเดินแจกทุกคน
“แปลกจัง พี่นาชะหายไปเลย”
“อืม...จริงด้วย”
ธิดาพญายม ตอนที่ 16 (ต่อ)
ร่างของณัชชาร่อนลงมายังหุบเหว ตามด้วยปาระนังและราเชน ณัชชากราดสายตาตรวจรอบๆ
“รอยเท้าเต็มไปหมดผู้กองและทายาทมาหยุดที่นี่”
“ไม่มีรอยเท้าไปทางอื่น”
“ทุกคนน่าจะข้ามไปได้อย่างปลอดภัย”
“ถ้าคาดการณ์ไม่ผิดน่าจะถึงจุดหมายแล้ว”
เอกภพนำทุกคนก้าวออกมาจากราวป่าแล้วต้องหยุดมองอย่างตื่นเต้น เพราะตรงหน้าคือรูปปั้นยักษ์ยืนคู่กันอยู่ ผิดแต่ว่าเป็นก้อนหินขาวดำ ไม่ได้เป็นสีอย่างที่เห็นในพระราชวัง สูงตระหง่านเหมือนตึกสิบห้าชั้น
“ที่แท้ขุนเขาสองลูก เป็นรูปปั้นยักษ์นี่เอง”
“ดีแล้วครับ ถ้าเป็นเขาสองลูกจริงๆ ต้องปีนกันตับแตกแน่เลย”
“แผนที่บอกว่าผ่านขุนเขาแล้วจะถึงจุดหมาย”
ทั้งหมดต่างหยุดมองนิ่ง
“แน่ใจนะครับว่ามันจะไม่ขยับตัวตอนเราเดินผ่าน”
“ไม่ลองไม่รู้”
นาฬิกาก้าวนำเข้าไประหว่างยักษ์สองตัวที่ยืนอยู่ ทั้งหมดต่างก้าวตามใจเต้นระทึก ในที่สุดก็ผ่านไปได้ด้วยดี
ทั้งหมดเดินผ่านรูปปั้นยักษ์สองตัวเข้ามาได้ระยะหนึ่งก็ต้องหยุด สีหน้าคาดไม่ถึงเพราะตรงหน้าเป็นหน้าผาเวิ้งว้างไกล ไม่มีเส้นทางต่อไปได้ ทุกคนต่างมองหน้ากัน
“นาฬิกาคิดว่าองค์รักษ์ทั้งสี่ต้องบ้าแน่ๆ หลอกให้เราเดินทางมาพบกับความว่างเปล่า”
“พี่นาฬิกาครับ เฮ่…องค์รักษ์ทั้งสี่ คือบรรดาพ่อๆ พวกเราเองนะครับ”
“นั่นแหละบ้าชัดๆ บ้า บ้า บ้า” นาฬิกาตะโกนอย่างโมโห
ไกรยุทธ์เดินเข้ามาใกล้นาฬิกา นาฬิกาหันมาน้ำตาซึมแล้วเข้ามาซบอกไกรยุทธ์ ทุกคนมอง ซึมไปด้วยพร้อมความเซ็ง
“ใจเย็นๆ ก่อนอาจจะมีปริศนาอย่างอื่นที่เรามองข้ามไป ทุกคนเอาของประจำตัวออกมา”
เอกภพบอก ทุกคนต่างเอาของประจำตัวของตัวเองออกมา บีมถุงมือ ปิงปองกระดาษดินสอ นาฬิกาผ้าเช็ดหน้ากับแว่นตา ไกรยุทธ์เป็นเชือกเส้นยาวคืบหนึ่ง ปิงปองดูแผนที่ในมือ
“ไม่มีปริศนาบอกเลยค่ะ” ปิงปองม้วนแผนที่
“เดี๋ยวก่อน”
ปิงปองหยุดม้วนแผนที่ บีมใส่ถุงยกมือขึ้นเหนือแผนที่ เห็นแสงจากถุงมือสาดลงมาที่แผนที่ ทุกคนต่าง มองดูด้วยความสนใจ ทันใดนั้นก็ค่อยปรากฏเป็นรูปน้ำตกสูงตระหง่านอยู่ในแผนที่ขึ้นมา
“มีรูปน้ำตกอยู่ในแผนที่”
ทุกคนหันไปดูก็ยังเห็นแต่ความว่างเปล่า
ทั้งหมดต่างมองหน้ากันอย่างหมดกำลังใจ แต่แล้วนาฬิกาค่อยสวมแว่นแล้วมองดูปรากฏว่าเห็นน้ำตกอยู่
เบื้องหลังจริงๆ
“เห็นแล้ว” ทุกคนสะดุ้งมองไปก็ยังไม่เห็นอยู่ดี “บีมถุงมือ ขอแสงหน่อย”
บีมรีบยกมือไปข้างหน้า ปรากฏเป็นแสงสาดออกไปจากถุงมือ ภาพของน้ำตกตรงหน้าปรากฏ ททั้งหมดจ้องมองอย่างตื่นเต้น เพราะสูงจนไม่เห็นยอด เห็นแต่ปกคลุมด้วยหมอกควัน
“สูงแบบนี้ เราจะขึ้นไปได้ยังไงครับ”
ทุกคนต่างจ้องความสูงของน้ำตกอย่างหมดหวัง
“มีใครยังไม่ได้ใช้ของตัวเองมั่ง”
“มีแต่ของปิงปองค่ะ” ปิงปองยกสมุดกับดินสอขึ้นมา
“สูงแบบนี้ ต้องบัลลูนหรือไม่ก็ ฮ. เท่านั้น”
“ของผมก็ยังไม่ได้ใช้” ไกรยุทธ์บอก
“นาฬิกาว่าไม่ต้องใช้ของคุณไกรยุทธ์ดีกว่าขี้เกียจโหนเชือกขึ้นไป”
ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นคงต้องเป็นปิงปองแล้วล่ะ”
ปิงปองถอนใจหยิบสมุดดินสอขึ้นมาแล้วเขียนลงไปทันใดนั้นดินสอพามือปิงปองวาดอย่างรวดเร็ว ทุกคนมองลุ้นกันอึดใจปิงปองก็วาดเสร็จ สีหน้าของปิงปองไม่ค่อยดี ตาโตคาดไม่ถึง
“อะไรน่ะ ขอดูซิ”
ปิงปองหันกระดาษมาให้ดู เป็นรูปเรือจ้าง ทุกคนมองอย่างคาดไม่ถึง
“เรือจ้าง”
ปิงปองพูดไม่ออกได้แต่ถือกระดาษที่มีรูปวาดเรือจ้างให้ทุกคนดู ทุกคนได้แต่ทำตาปริบๆ
“เห็นที่จะต้องพึ่งเชือกของไกรยุทธ์อีกแล้ว” เอกภพบอก
“โอย…เมื่อยอีกแล้ว”
ทันใดนั้นลมพัดมาแรง จนกระดาษของปิงปองปลิวตกหน้าผาออกไป ทุกคนได้แต่มองจนกระดาษลับหายไป
ไกรยุทธ์ก้าวออกไป แล้วแบมือออกเห็นเชือกอยู่ในมือ อึดใจผ่านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไกรยุทธ์ขยับมือไปมาเห็นเชือกหมุนไปมาอยู่ในมือ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนได้แต่มองหน้ากัน
“มีอะไรกำลังลอยขึ้นมา”
ทุกคนต่างหันไปดู เห็นเงารางๆ ลอยขึ้นมาจากหุบเหว จนเห็นชัดขึ้น
“เรือจ้าง”
เรือลอยขึ้นมาเทียบอยู่ตรงหุบผาพอดี ทุกคนต่างมองหน้ากัน
“ว่าไง จะลงเรือ หรือจะลองเชือกไกรยุทธ์อีกที”
“เรือ” นาฬิการีบบอก
“เรือ” บีมกับปิงปองบอก
“เรือครับ”
“เชิญ” เอกภพบอกยิ้มๆ
นาฬิกาก้าวลงไปในเรือก่อนเป็นคนแรก ตามด้วยทุกคน เอกภพท้ายสุด เรือค่อยๆลอยขึ้นไปสูงขึ้น สูงขึ้น ทุกคนต่างลุ้น เรือค่อยๆ ลอยสูงจนลับหมอกหนาทึบขึ้นไปบนยอดน้ำตก
บนยอดน้ำตก เมฆหมอกปกคลุมอย่างไม่คาดคิด แทบจะมองอะไรไม่ค่อยเห็น เรือค่อยๆ ลอยพ้นหมอกขึ้นมาแล้วหยุดนิ่งที่ขอบยอดผา ทุกคนลงจากเรืออย่างรวดเร็ว
เอกภพเดินนำทายาทมาได้ระยะหนึ่ง ทั้งหมดก้าวไปข้างหน้าเป็นลานเล็กๆ มีแต่ความว่างเปล่า ทุกคนต่างมองหน้ากัน
“คุณนาฬิกาลองแว่นดูซิ”
นาฬิกาเอาแว่นตามาใส่ ก็เห็นประตูสี่เหลี่ยมสีดำทะมึนตั้งอยู่ตรงหน้า
“มีประตูอยู่ตรงหน้า”
“แต่พวกเราไม่มีใครเห็นนี่”
“ผมเอง”
บีมดึงถุงมือออกมาใส่แล้วส่องแสงก็เห็นประตูอยู่ตรงหน้า ทุกคนหยุดมองอย่างตื่นเต้น บีมเก็บถุงมือ
“ในที่สุดเราก็มาถึงจุดหมายจนได้”
“ยังกะประตูคุกแน่ะ”
“ก็เรามาเอากุญแจประตูคุกนี่”
“ตามแผนที่บอกว่าผ่านประตูเข้าไปก็จะพบที่เก็บกุญแจ”
“เปิดประตู”
กุญแจ 4 ดอกถูกนำมาเทียบกัน ต่างคนต่างถืออยู่ในมือ
“ใครจะไขก่อน”
ทันใดนั้น เสียงจี๊ดจ๊าดแหลมดังขึ้นทั้งหมดต่างรวมกลุ่มกัน เอกภพก้าวออกมาทางด้านหน้าตวัดมือมาจากด้านหลัง ปืนสองกระบอกอยู่ในมือทั้งสองข้าง
“ทุกคนรีบไขกุญแจ”
ฝูงค้างคาวบินมืดมาเต็มท้องฟ้าเข้าจู่โจมทุกคน เอกภพสาดกระสุนใส่พวกมัน ส่งเสียงจี๊ดจ๊าดแสบแก้วหู
ทายาททั้งสี่วิ่งไปที่ประตู
“ปิงปองไขก่อน ตามด้วย บีม นาฬิกา แล้วคุณไกรยุทธ์”
ปิงปองไขกริ๊กแล้วดึงกุญแจออก บีมตามเข้าไปไข เอกภพกราดยิงพวกมันกระจัดกระจายไป แต่ครู่เดียวพวกมันต่างบินกระจายหายกันไปหมด นาฬิกาเข้าไปไขกุญแจแล้วถอยออกมาให้ไกรยุทธ์เข้าไปไข ไกรยุทธ์ไขเสร็จถอยออกมา ประตูส่งเสียงครืนๆๆ แล้วกลายเป็นแสงสว่างเต้นเหมือนวุ้น ทุกคนต่างมองหน้ากัน เอกภพเดินเข้ามา
“พวกมันไปหมดแล้วหรือครับ” ไกรยุทธ์ถามเอกภพ
“อืม…แปลกมาก พวกมันสลายตัวเร็วผิดปกติ”
ทั้งหมดต่างมองหน้ากัน แล้วหันไปมองที่ประตูแสงที่เต้นอยู่
“ทุกคนตามมา ระวังตัวด้วย”
เอกภพก้าวเข้าไป ทันใดนั้นระเบิดตูม ร่างของเอกภพกระเด็นออกมาจากประตูแสง กลิ้งอยู่กับพื้น
“พี่เอก”
ทุกคนหันไปมองร่างของออกภพที่นอนหงายนิ่งอยู่กับพื้น แต่แล้วร่างของเอกภพเด้งขึ้นมายืนดวงตาเป็นประกายสีดำ ทายาททุกคนคาดไม่ถึงไกรยุทธ์กับนาฬิกาสะบัดมือมาจากด้านหลัง ต่างมีขวานอยู่ในมือเตรียมพร้อม
“แกไม่ใช่พี่เอก”
เอกภพจ้องทุกคนเขม็ง ควันสีดำฟุ้งออกมาจากใบหน้าเอกภพเล็กน้อยแล้วค่อยๆ จางหายไป
“ภูตสังหาร”
เอกภพจ้องมายังทุกคนเขม็ง บีมกับปิงปองหลบไปอยู่ด้านหลังของไกรยุทธ์กับนาฬิกา
ทันใดนั้นปรากฎแสงแวบ ร่างของอาคินกับเทพอัคราปรากฏพร้อมภูตสังหารทั้งแปด
“เราไม่ต้องการทำร้ายทายาท เพียงแต่มอบกุญแจให้เรา”
“อย่าหวัง”
“ถ้าพวกเจ้าไม่ยอม ภูตสังหารที่อยู่ในร่างของผู้กองจะสังหารผู้กองตามคำสั่ง”
ไกรยุทธ์ลอบสบตานาฬิกา นาฬิกาหน้าซีด ไม่กล้าตัดสินใจ ไกรยุทธ์ลอบพยักหน้ากับนาฬิกา ทันใดนั้นไกรยุทธ์กับนาฬิกาสะบัดขวานเข้าหากัน คมขวานสัมผัสกันเกิดเป็นแสงสว่างและเสียงดังเปรี้ยงสนั่นหวั่นไหว
ทันใดนั้นร่างของณัชชา ราเชนและปาระนังปรากฏที่หน้าประตูคุก
“องค์หญิงณัชชา ที่แท้องค์หญิงใช้มนต์ผนวกศาสตรามาได้ทันเวลา”
ณัชชา ราเชน ปาระนังไม่ตอบ ณัชชาจ้องเอกภพ เอกภพจ้องมองดวงตาเป็นประกายสีดำ
“เสียใจด้วยองค์หญิงณัชชา ผู้กองขององค์หญิงคือภูตสังหารของเรา”
“ภูตสังหารของท่านปรากฏตัวไม่ครบเพราะเหตุนี้เอง”
“ท่านให้ทายาทนำกุญแจมาให้เรา เราก็จะคืนผู้กองให้พวกท่าน”
ณัชชาและทุกคนกราดสายตามองอาคินและเทพอัครา ต่างไม่มีคำตอบ ณัชชากราดสายตามองเอกภพ เอกภพดวงตาเป็นสีดำมองมา
“ต้องยอมรับว่าแผนของท่านแนบเนียนมาก วางแผนให้ผู้กองเดินทางกับทายาท พอได้โอกาสก็ชิงกุญแจ เราเองคาดไม่ถึงจริงๆ”
“องค์หญิงชมเกินไปแล้ว”
“โชคยังดีที่คนหรือภูตชั่วร้ายไม่สามารถผ่านประตูเข้าไปได้แผนของท่านถึงล้มเหลว”
“แต่เราก็ยังมีผู้กอง นับว่ายังเป็นต่ออยู่”
ณัชชาจ้องเทพอัครากับอาคินนิ่งอึดใจ
“เทพอัคราท่านรับปากแล้วคืนคำพลังของท่านจะหมดไป”
“เชิญองค์หญิง เราจะรออยู่ที่นี่”
ณัชชาสีหน้าเคร่งเครียด มองเอกภพที่ยืนนิ่งเหมือนไม่รู้สึกตัว
ณัชชาหันมาทางราเชนและปาระนัง
“รบกวนท่าน ราเชนและท่านธิดาอยู่คอยระวังผู้กองด้วย เราไม่สามารถไว้ใจเทพอาคิน และเทพอัคราได้”
“องค์หญิงอย่าได้กังวล”
ณัชชานำทุกคนเข้าไปในประตูแสง ทายาททุกคนตามเข้าไป ราเชนกับปาระนังหันหน้ากลับมาเผชิญหน้า
กับเทพอัครา อาคินและภูตสังหารทั้งแปดตัว
จบตอนที่ 16
อ่านต่อตอนอวสานพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.