เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 15
ศรีนวลกำลังปฐมพยาบาลให้เลอสรร ขณะที่เลอสรรนอนสลบไม่ได้สติ ลุงมหาเข้ามาจับชีพจรตรวจดู กำนันธง ผู้ใหญ่ต้อง ดาว บุญเหลือ น้อยและคนอื่นๆ มุงดูกัน
“ยังไม่ตายหรอก แค่สลบไป”
“แล้วจะฟื้นเมื่อไหร่คะลุงมหา”
“ก็คงอีก 3-4 ชั่วโมง ก็พอดีเอาใส่เรือไปถึงกรุงเทพฯพอดี”
“ชั้นขอโทษนะจ้ะที่ต้องทำแบบนี้ พอดีชั้นไม่อยากให้สมิงโดนจับ” บุญเหลือบอก
“ทำแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถ้าคุณเลอสรรไม่สลบ เรื่องคงไม่จบแน่”
“ดูแลเค้าให้ดีที่สุด ฟื้นขึ้นมาจะได้ไม่ว่าเราได้”
“กำนัน ชั้นขอคุยหน่อยได้มั้ย”
ลุงมหาหันมาหากำนันธง จากนั้นกำนันธงก็เดินนำลุงมหาให้ออกไปคุยกันที่มุมลับตา
กำนันธงเดินนำลุงมหามาที่มุมหนึ่ง
“มีอะไรมหา”
“เอ้อ...กำนันคิดยังไงที่ศรีนวลจะแต่งงานกับสมิง”
“เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของเค้าสองคน ชั้นคงไปเกี่ยวข้องไม่ได้ แล้วที่แกมาถามชั้นแบบนี้แกอยากจะบอกอะไรรึ”
“ความจริงสมิงมันก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ถึงจะขึ้นชื่อว่าโจร แต่เนื้อแท้ของมันก็เป็นคนดี แต่ที่ชั้นตะขิดตะขวงใจก็เรื่องที่ศรีนวลมันเคยเป็นเมียของคุณเลอสรร ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็เป็นเพราะความเข้าใจผิด ตอนนี้คุณเลอสรรท่านก็สำนึกได้แล้ว”
“ลูกของข้าไม่ใช้หมา ที่จะให้ใครมาเยี่ยวรดแล้วก็จากไป ศรีนวลมันมีหัวจิตหัวใจ มันเจ็บช้ำมาหลายสิบปี ตอนนี้ถ้าคุณเลอสรรจะเจ็บปวดบ้างมันก็สมควรแล้ว”
“เอาละ เรื่องนี้ชั้นจะไม่เถียงแล้ว แต่ชั้นอยากจะถามกำนันซักอย่างจะได้มั้ย”
“ได้ ว่ามา ทุกเรื่องที่ชั้นรู้ ชั้นไม่เคยปิดบังมหาเลย”
“ดาว เป็นลูกของคุณเลอสรรใช่มั้ย” กำนันธงนิ่งอึ้ง ไม่กล้าตอบ “ถึงตอนนี้แล้ว ไหนๆ ศรีนวลก็กำลังจะแต่งงานใหม่ ดาวมันก็โตแล้วมันควรจะได้รู้เสียทีว่าพ่อของมันเป็นใคร”
“ดาวมันหลานของชั้น มันเป็นคนลานเท ชั้นจะไม่ยอมให้ใครมาพรากหลานชั้นไปเด็ดขาด”
คำตอบนี้ทำให้ลุงมหารู้ได้ทันทีว่าดาวเป็นลูกของเลอสรรนั่นเอง
“นั่นไง ชั้นว่าแล้ว ที่แกกับศรีนวลช่วยกันปิดบังเรื่องพ่อของดาวก็เพราะกลัวว่าครอบครัวคุณเลอสรรจะมาเอาตัวไปนั่นเอง”
“ชั้นขอร้องนะมหา แกอย่าบอกใคร อย่าเป็นเครื่องมือของคนรวยมาพรากหลานชั้นไปจากอก ดาวมันต้องอยู่กับข้า กับศรีนวลไปจนตาย”
ลุงมหาพยักหน้ารับรู้
ลุงมหาพาเลอสรรกลับกรุงเทพ เลอสรรนอนสลบอยู่บนโซฟาในบ้าน ท่านผู้ว่าทรงยศ คุณนายศรีสอางค์ เดือนและเกียรติกำลังช่วยกันนวดเฟ้นให้เลอสรรฟื้นตัว ลุงมหานั่งอยู่ข้างๆ
“ไหนบอกมาซิว่าลูกชายชั้นเป็นอะไรไป ทำไมนอนสลบไสลแบบนี้”
“คือ เอ้อ มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครตั้งใจครับคุณท่าน คือ...”
“คืออะไร บอกมาเดี๋ยวนี้ อย่าอ้ำอึ้ง”
“คือคุณเลอสรรไปพบแม่ศรีนวลที่ลานเทเพื่อขอคืนดี แล้วพอดี เอ้อ ทางนั้นเขาปฏิเสธ คุณเลอสรรก็เลยไม่พอใจ”
“ก็เลยมีเรื่องกัน ตาเลอสรรเลยโดนซัดจนสลบใช่มั้ย”
ลุงมหาจำใจพยักหน้ารับตามที่ท่านผู้ว่าทรงยศเข้าใจ เพื่อให้เรื่องจบลงโดยเร็ว
“ครับ”
“นี่แม่ศรีนวลปฏิเสธคุณพ่อจริงๆ เหรอคะ”
“จริงครับ”
เดือนแอบยิ้มพอใจ สักครู่เลอสรรก็เริ่มฟื้น ได้สติ
“คุณพ่อฟื้นแล้ว”
“นี่อยู่ที่ไหน”
“บ้านเราจ้ะลูก ลูกปลอดภัยแล้ว”
เลอสรรมองไปรอบๆ แล้วทบทวนเรื่องต่างๆ จากนั้นก็เริ่มจำได้
“ผมจะช้าไม่ได้ ผมต้องรีบจับมันเข้าคุก”
“อะไรกันๆ พ่อเลอสรร”
“โจรครับ ผมต้องจับมันเข้าคุก จะไม่ปล่อยให้มันลอยนวลเด็ดขาด” เลอสรรรีบลุกออกไป
“คุณพ่อคะ คุณพ่อจะไปไหน”
“ไปทำงาน พ่อต้องรีบวางแผน ช้าไม่ได้” เลอสรรเดินออกไป
“นี่มันอะไรกัน ฟื้นขึ้นมาก็จะไปจับโจรเลย”
“คนเป็นตำรวจมันก็แบบนี้แหละ”
คุณนายศรีสอางค์รู้สึกห่วงใยในตัวเลอสรร
เลอสรรมาที่กรมตำรวจแล้วเรียกประชุมด่วน ระพีเดินเร่งรีบเข้ามาในห้องประชุมเช่นเดียวกับจ่าสมหมายและตำรวจคนอื่นๆ
“วันนี้ทำไมมีนัดประชุมแบบด่วนแบบนี้นะ ผมไม่ทันตั้งตัวเลย”
“นั่นซิ ผมเองก็เพิ่งรู้เมื่อสักครู่นี่เอง กำลังจะเดินทางอยู่แล้วเชียว”
ตำรวจคนอื่นๆ พากันแปลกใจ สักครู่ก็เห็นเลอสรรเดินเข้ามา
“ขอโทษที่วันนี้ผมเรียกประชุมพวกเราโดยที่ได้นัดล่วงหน้า”
“ผู้การมีอะไรด่วนหรือครับ”
“มีซิ เพราะผมต้องการที่จะจับไอ้สมิงให้เร็วที่สุด ผมจึงเรียกพวกคุณมาถามความคืบหน้าของงานครั้งที่แล้ว”
“ครับ จากงานคราวที่แล้วที่เราไปถึงผาช่องลมแล้วแต่ยังไม่สามารถเข้าไปถึงถ้ำชั้นในได้ ผมเลยวางแผนใหม่สำหรับการบุกครั้งต่อไป”
“ดี ว่ามาเลย”
ระพีเริ่มอธิบายแผนการบุกตามแผนที่คร่าวๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นที่บ้านกำนันธง สมิง ศรีนวล กำนันธง ผู้ใหญ่ต้อง นั่งคุยกันเรื่องงานแต่งงานของสมิงกับศรีนวล สมิงดูมีความสุข ขณะที่ศรีนวลซ่อนอารมณ์เศร้าเอาไว้
“เรื่องฤกษ์แต่งงาน ชั้นปรึกษากับหลวงพ่อท่านแล้ว เร็วที่สุดก็ขึ้น 4 ค่ำ อาทิตย์หน้า หรือไม่งั้นก็รอไปเดือนหน้าเลย”
“งั้นรอไปเดือนหน้าก็ได้จ้ะ สมิงเองไม่ได้รีบร้อนอะไร ประเดี๋ยวศรีนวลจะเตรียมตัวไม่ทัน”
“ทันค่ะ เราแต่งงานกันอาทิตย์หน้าเลยดีกว่า”
สมิงและทุกคนแปลกใจที่ศรีนวลตัดสินใจแบบนั้น
“จริงหรือจ๊ะศรีนวล”
“เอ แล้วมันไม่เร็วไปหน่อยรึ ไหนจะเตรียมงาน ไหนจะเชิญแขก” ผู้ใหญ่ต้องแย้ง
“แต่งงานครั้งนี้ ศรีนวลไม่อยากจัดงานใหญ่โต เราไปแต่งกันที่ผาช่องลมดีไหม” ศรีนวลถามสมิง
“ดีไม่ต้องเอิกเกริก ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ”
“เอ็งสองคนก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าตัดสินใจดีแล้วข้าก็ไม่ขวาง เพียงแต่ข้ากับผู้ใหญ่ต้องคงจะไปร่วมงานด้วยไม่ได้” กำนันธงบอก
“งั้นก็ให้กำนันแกพรมน้ำมนต์ให้ซะหน่อยซิ ประเดี๋ยวชั้นไปบอกนังน้อยให้มันเตรียมของ”
“ขอบคุณมากน้าผู้ใหญ่ งั้นเดี๋ยวชั้นไปช่วย”
สมิงรีบเดินออกไปพร้อมผู้ใหญ่ต้อง กำนันธงสังเกตศรีนวลแล้วรู้ว่าศรีนวลกำลังอยู่ในภาวะจำยอม จึงทดสอบความสมัครใจด้วยการถามย้ำ
“ศรีนวล ถ้าเอ็งยังไม่แน่ใจเรื่องแต่งงาน ลองคิดดูใหม่ก็ได้นะลูก พ่อจะพูดกับสมิงเอง”
“ไม่จ้ะพ่อ สมิงเสียใจมามากพอแล้ว”
“แล้วเอ็งล่ะศรีนวล พ่อรู้นะว่าเอ็งไม่ได้เต็มใจ”
ศรีนวลมองพ่อน้ำตาคลอ เพราะพ่อรู้ใจเธอที่สุด แต่เธอก็ถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว
“ชั้นคิดดีแล้วจ้ะพ่อ ประเดี๋ยวถ้าพ่อรดน้ำอวยพรให้ชั้นกับสมิงเสร็จ ชั้นขอตัวไปผาช่องลมกันเลย”
กำนันธงนิ่งอึ้งกับคำยืนยันของศรีนวล
สมิงและศรีนวลนั่งพับเพียงอยู่เคียงข้างกัน ผู้ใหญ่ต้องยื่นกิ่งมะยมและขันน้ำมนต์ให้กำนันธง
“อ้ะ พรมน้ำมนต์ให้เป็นศิริมงคลซะหน่อย”
กำนันธงพรมน้ำมนต์ให้ศรีนวลและสมิง
“วันแต่งของเอ็งพ่อคงไปด้วยไม่ได้ ขออวยพรให้เอ็งสองคน มีความสุขและสมหวังในสิ่งที่ปรารถนา”
ศรีนวล และสมิงก้มกราบ ผู้ใหญ่ต้องอวยพรต่อ
“มีความสุขมากๆ คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง” ศรีนวลและสมิงกราบผู้ใหญ่ต้อง “เอาละ เสร็จพิธีแล้ว”
“แล้วนี่จะเดินทางกันเลยใช่มั๊ย”
“จ้ะ กว่าจะถึงวันแต่ง คงต้องไปเตรียมอะไรต่ออะไรอีกหลายอย่างถึงจะแต่งงานในป่า แต่ก็เป็นงานสำคัญของสมิง สมิงต้องทำให้ดีที่สุด”
“ต่อไปศรีนวลคงจะไปอยู่ที่ผาช่องลมเลย”
“ไม่ต้องห่วง ดาวกับบุญเหลือมันก็อยู่ พ่อไม่เหงาหรอก”
บุญเหลือและดาวเดินเข้ามา
“แต่ช่วงนี้บุญเหลือขอหลบไปอยู่ผาช่องลมด้วยคนนะแม่ บุญเหลือกลัวว่าอยู่ที่นี่จะไม่ปลอดภัยน่ะจ้ะ”
“ไม่ปลอดภัยยังไงกันวะไอ้บุญเหลือ”
“ก็พี่บุญเหลือเป็นคนเอาไม้ฟาดหัวคุณเลอสรร ถ้าขืนอยู่เสนอหน้าหน้าที่นี่ ดาวกลัวว่าจะเสี่ยงโดนจับเอาได้”
“งั้นเอ็งก็ไปอยู่ผาช่องลมก่อนก็ได้ รอเรื่องเงียบค่อยกลับมา”
“ดาวอยู่ที่นี่ ดูแลบ้านแทนแม่ด้วยนะลูก”
“จ้ะแม่ ไม่ต้องห่วง ดาวจะดูแลตาเองจ้ะ”
“งั้นสมิงลานะจ้ะ”
“ชั้นลานะพ่อ น้าผู้ใหญ่”
ทุกคนร่ำลากันแล้ว สมิง ศรีนวล บุญเหลือก็พากันเดินออกไป
เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 15 (ต่อ)
อีกด้านหนึ่งที่บ้านท่านผู้ว่าทรงยศ เดือนกำลังนั่งอ่านหนังสือให้คุณนายศรีสอางค์ฟัง สักครู่ก็เห็นเกียรติกล้าเดินเข้ามา คุณนายศรีสอางค์กับเดือนรู้สึกแปลกใจที่หมู่นี้เกียรติกล้าไม่ออกไปเที่ยวเหมือนเคย
“เอ ทำไมหมู่นี้แกไม่ออกไปเที่ยวไหนเลยล่ะเกียรติกล้า”
“ผมไม่อยากไปแล้วครับคุณย่า”
“ตั้งแต่คุณแม่ตาย ตาเกียรติกล้าก็ไม่ออกไปเที่ยวเหมือนเดิมเลยค่ะคุณย่า”
“คงจะเสียใจมากซินะลูก”
“ครับ ผมไม่อยากไปไหนเพราะผมอยากอยู่ใกล้ๆ กับคุณปู่คุณย่ามากกว่าครับ” เกียรติกล้าขอหนังสือจากเดือนมา “ให้ผมอ่านหนังสือให้ฟังดีกว่านะครับคุณย่า”
เกียรติกล้าเริ่มอ่านหนังสือ คุณนายศรีสอางค์กับเดือนมองอย่างแปลกใจ และสงสารปนดีใจในความประพฤติที่เปลี่ยนไปของเกียรติกล้า
เย็นวันนั้นเลอสรรนั่งซึมอยู่เงียบๆ ด้วยอาการอกหัก สักครู่ก็เห็นบัวยกของว่างเข้ามา
“ของว่างค่ะ”
“เก็บไปเถอะ ชั้นไม่กิน”
“แต่ว่าคุณเลอสรรไม่ได้ทานอะไรมาเลยทั้งวันนะคะ”
“ชั้นไม่หิว”
เลอสรรหยิบจานของว่างส่งคืนให้บัว บัวถือจานของว่างเดินออกไป ท่านผู้ว่าทรงยศยืนดักรออยู่ บัวเดินเข้ามาหา
“คุณเลอสรรไม่ยอมทานอะไรเลยค่ะคุณท่าน”
“มันเป็นอะไรของมันนะ” ท่านผู้ว่าทรงยศมองลูกชายด้วยความเป็นห่วง แล้วเดินเข้าไปหา “แกเป็นอะไร ทำไมข้าวปลาไม่ยอมกิน”
“ผมมีอะไรต้องคิดนิดหน่อยครับคุณพ่อ”
“แต่ท่าทางของแก มันเหมือนคนอกหัก” เลอสรรชะงัก ก้มหน้าซ่อนความรู้สึก “มีอะไรที่ลานเทหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณพ่อ ปัญหาทุกอย่างผมจัดการเองได้”
เลอสรรยิ้มเศร้า ๆ ซ่อนความรู้สึกไม่อยากให้พ่อกลุ้มใจ
เลอสรรเดินเมาเข้าบ้านมา แล้วค่อยๆ โหนตัวเองกับราวบันไดเพื่อขึ้นไปด้านบน เดือนและเกียรติกล้าเดินผ่านมาเห็นจึงรีบเข้าไปพยุงตัว
“คุณพ่อคะ”
“เดือน ไม่ต้องช่วย พ่อขึ้นเองได้”
เลอสรรพยายามจะขึ้นบันไดเอง แต่ก็ลื่นลงมา เดือนและเกียรติกล้ารีบเข้าไปดู
“คุณพ่อขา คุณพ่อเป็นอะไรไปคะ ทำไมคุณพ่อเป็นแบบนี้”
“ชีวิตพ่อไม่เหลือใครแล้ว เดือนกับเกียรติกล้าอย่างทิ้งพ่อไปนะ”
“เดือนเป็นลูกคุณพ่อ ยังไงเดือนก็ไม่ทิ้งคุณพ่อหรอกค่ะ”
“ถ้าที่ผ่านมา พ่อทำอะไรให้เดือนกับเกียรติกล้าต้องเสียใจ พ่อขอโทษด้วยนะ ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน วันนี้พ่อยังอยู่ พรุ่งนี้พ่ออาจตายก็ได้”
“ทำไมคุณพ่อพูดแบบนั้นละครับผมไม่ยอมให้คุณพ่อตายง่ายๆ หรอก”
“พ่อเป็นตำรวจ ชีวิตเหมือนแขวนไว้บนเส้นด้าย ออกไปจับโจรทุกครั้งมันก็คือการเสี่ยงตาย พ่อรักเดือนกับน้องมากนะลูก”
เลอสรรพยุงตัวขึ้นมา แล้วค่อยๆ ขึ้นบันไดไป เดือนและเกียรติกล้าจะเข้าไปช่วยอีกแต่เลอสรรปฏิเสธ แล้วเดินขึ้นบันไดไป เดือนและเกียรติกล้ายืนมองตามด้วยความเป็นห่วง
เดือนและเกียรติกล้านั่งปรึกษากัน
“เกิดอะไรขึ้นพี่เดือน ทำไมจู่ๆ คุณพ่อก็พูดถึงความตาย”
“บางทีคุณพ่อกำลังกลุ้มใจอยู่น่ะเกียรติกล้า”
“แต่ที่คุณพ่อพูด มันก็เป็นเรื่องจริงนะพี่ คุณพ่อออกไปทำงานก็เหมือนไปเสี่ยงตายทุกครั้ง ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอนจริงๆ”
“นั่นซินะ คุณแม่ยังสาวอยู่แท้ๆ แต่ก็ตายก่อนใคร ขจรศักดิ์ก็เหมือนกัน คุณระพีก็เคยเกือบตาย ความตายมันเกิดขึ้นได้ทุกเวลานะเกียรติกล้า”
“ตั้งแต่แม่ตาย ผมก็ได้คิดนะพี่เดือน”
“ได้คิดเรื่องอะไร”
“ชีวิตคนเราน่ะมันสั้น จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมเลยไม่อยากไปเที่ยว ไปเกเรนอกบ้าน ผมอยากจะอยู่ใกล้ๆ กับคุณพ่อ คุณปู่ คุณย่าแล้วก็พี่เดือน”
“นั่นซินะ พี่เองก็อยากอยู่ใกล้ๆ กับคนที่พี่รักก่อนตายเหมือนกัน”
เดือนเริ่มเห็นใจเลอสรร อยากให้เลอสรรได้แต่งงานกับศรีนวล
เลอสรรนอนเมาอยู่บนเตียง สักครู่ก็เห็นเดือนเดินเข้าไปพร้อมขันน้ำและผ้าเช็ดหน้า
“คุณพ่อขา เดี๋ยวเดือนเช็ดหน้าให้นะคะ”
เดือนเริ่มเช็ดหน้า เช็ดตัวให้เลอสรร ขณะที่เลอสรรเริ่มเพ้อออกมา
“ผมขอโทษที่ทิ้งคุณไป ผมทำให้คุณเสียใจ”
“คุณพ่อคะ คุณพ่อพูดถึงใครคะ”
เลอสรรนิ่งเงียบหลับไป เดือนมองด้วยความรู้สึกสงสัย
เช้าวันรุ่งขึ้น ลุงมหาคลานเข้ามาหาท่านผู้ว่าทรงยศกับคุณนายศรีสอางค์ที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก
“คุณท่านเรียกผมมา มีอะไรให้รับใช้ครับ”
“คือเมียชั้นเขาคิดถึงหนูดาวมาก เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่มีใครส่งข่าว เห็นว่าครั้งที่แล้วแกไปลานเทมาก็เลยอยากจะเรียกมาสอบถาม”
“หนูดาวสบายดีใช่มั้ย มหา”
“สบายดีครับคุณท่าน ลานเทเป็นบ้านเกิดของหนูดาว อยู่ที่นั่นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“แต่หนูดาวเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกขอมาเลี้ยง ญาติพี่น้องจริงๆ ก็ไม่มี”
“นั่นซิคะ ชั้นรู้สึกเป็นห่วงหนูดาวยังไงไม่รู้ ถึงไม่ใช่ลูกไม่ใช่หลานแต่ความรู้สึกมันผูกพัน อยากให้หนูดาวเป็นลูกของตาเลอสรจริงๆ”
“แล้วถ้าเป็นจริงๆ ละครับ”
ลุงมหาพูดเสียงเบา ท่านผู้ว่าทรงยศกับคุณนายศรีสอางค์รู้สึกสนใจ
“แกพูดว่าอะไรนะ มหา”
“เอ้อ คือว่า...”
“แกบอกว่าหนูดาวเป็นลูกสาวตาเลอสรรจริงๆ ใช่มั้ย ชั้นได้ยินนะ”
“เอ้อ ครับ”
“ไหนบอกมาซิ ทำไมแกถึงยืนยันแบบนั้น”
ลุงมหาอึดอัดที่หลุดปากออกไปโดยไม่ตั้งใจ
“ครับ ผมจะบอกความจริงทั้งหมด”
เดือนรู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินคุณนายศรีสอางค์และท่านผู้ว่าทรงยศเล่าเรื่องดาวให้ฟัง
“อะไรนะคะ ดาวเป็นพี่สาวแท้ๆ ของเดือนเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ ดาวเป็นลูกของพ่อเลอสรรกับแม่ศรีนวล เรื่องนี้ลุงมหาเพิ่งบอกความจริงกับปู่กับย่าเมื่อสักครู่นี้เอง”
“แสดงว่าถ้าตอนนั้นคุณพ่อความจำไม่เสื่อม คุณพ่อคงกลับไปแต่งงานกับแม่ศรีนวล”
“ใช่จ้ะ แต่เรื่องนี้เป็นความผิดของย่าเองที่ไปทำลายชีวิตครอบครัวของเค้า แต่แม่ศรีนวลกับกำนันธง เป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรี ถึงจะโดนฝ่ายเราทำร้ายจิตใจมากแค่ไหน พวกเค้าก็ไม่เคยมาร้องขอความเห็นใจ”
“ลุงมหาเล่าว่าตั้งแต่ตาเลอสรรหายไป แม่ศรีนวลก็นั่งรอที่ท่าน้ำทุกวัน ไม่ว่าจะกี่วันกี่เดือนกี่ปี แม่ศรีนวลก็ไม่เคยลืมความรักครั้งแรกจนไม่ยอมแต่งงานใหม่อีกเลย”
“คนที่ลานเท ช่วยกันปิดความจริงเรื่องชาติกำเนิดของแม่ดาว ก็เพราะกลัวว่าปู่กับย่าจะพรากเอาแม่ดาวมาเลี้ยงที่กรุงเทพฯ”
เดือนได้ฟังแล้วก็เริ่มน้ำตาคลอด้วยความสงสาร
“ที่แท้ผู้หญิงที่คุณพ่อเพ้อตอนเมาก็คือแม่ศรีนวลนี่เอง เดือนสงสารพี่ดาวกับแม่ศรีนวลจังเลยค่ะ”
“ย่าดีใจนะที่เดือนของย่าสงสารพี่ดาวเค้า เรื่องในอดีตที่ผ่านมามันเป็นเรื่องความผิดพลาดของผู้ใหญ่ เราไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ย่าอยากให้เดือนรู้ไว้อย่างนึงคือความรักที่ย่ามีต่อเดือนกับเกียรติกล้า มันไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย เดือนดีใจมั้ยที่จะมีพี่สาวเพิ่มขึ้นอีกคน”
“ดีใจค่ะคุณย่า”
“ตาเลอสรรยังไม่รู้เรื่องนี้ใช่มั้ย”
“เห็นยังไม่ตื่น ชั้นก็เลยยังไม่ได้บอกอะไร”
“เลอสรรมันคงดีใจ ที่จะมีลูกสาวเพิ่มมาอีกคนนะ”
“เอ้อ คุณย่าคะ เดือนมีเรื่องที่จะสารภาพ”
“เรื่องอะไรรึ”
“คือเดือนเคยทำไม่ดีเอาไว้ ตอนที่แม่ของเดือนตายใหม่ๆ เดือนกลัวว่าถ้าพ่อกลับไปคืนดีกับแม่ศรีนวล กลัวพ่อจะทิ้งเราไป เดือนก็เลยแอบไปที่ลานเท ไปขอร้องแม่ศรีนวลไม่ให้คืนดีกับคุณพ่อ”
“แล้วแม่ศรีนวลเค้าว่ายังไง”
“แม่ศรีนวลรับปากว่าจะไม่คืนดีกับคุณพ่อตามที่เดือนขอร้องค่ะ”
“มิน่า ท่าทางของตาเลอสรรถึงได้ดูแปลกๆ ไป”
“แล้วเราจะทำยังไงกันดีคะ” คุณนายศรีสอางค์หันไปถามท่านผู้ว่าทรงยศ
“เรื่องนี้เดือนเป็นคนก่อ เดือนต้องรับผิดชอบค่ะ เดือนขออนุญาตคุณปู่คุณย่าไปที่ลานเท ไปขอให้แม่ศรีนวลแต่งงานกับคุณพ่อนะคะ”
ท่านผู้ว่าทรงยศและคุณนายศรีสอางค์พยักหน้ารับ เดือนก้มลงกราบ
รถคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านท่านผู้ว่าทรงยศ จ่าสมหมาย ระพีลงจากรถ เดือนเดินออกมามองอย่างแปลกใจ
“เอ๊ะ คุณระพี คุณสมหมาย มีอะไรกันคะ”
“ผมมารับท่านรอง”
“มารับคุณพ่อ จะไปไหนกันคะ”
“ไปปราบโจรที่ผาช่องลม ใกล้ๆ ลานเทน่ะครับ”
“โจรที่ชื่อสมิงใช่มั้ยคะ”
“ครับคุณเดือน ครั้งนี้เรากะจะทลายผาช่องลมให้สิ้นซากเลย” เลอสรรเดินออกมา
“อ้าว เดือน”
“คุณพ่อคะ เอ้อ คือว่า...”
“เอาไว้พ่อกลับมาค่อยคุยกันนะ ตอนนี้พ่อรีบ ไปนะ”
เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 15 (ต่อ)
เลอสรรเดินขึ้นรถ แล้วรถก็แล่นออกไป เดือนมองตามด้วยความเป็นห่วง ท่านผู้ว่าทรงยศและคุณนายศรีสอางค์เดินออกมา
“นี่มันจะรีบอะไรกันนักหนา”
“นั่นซิคะ ยังไม่ทันได้บอกข่าวดีเรื่องแม่ดาวเลย”
“คงต้องรอให้ตาเลอสรรกลับมาก่อน”
ท่านผู้ว่าทรงยศ คุณนายศรีสอางค์ เดือนพากันเดินเข้าบ้านไป
เดือนกำลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางอยู่ในห้อง สักครู่ก็เห็นเกียรติกล้าเดินเข้ามา
“นั่นพี่เดือนจะไปไหน”
“พี่จะไปลานเท”
“ให้ผมไปด้วยคนนะ”
“ไม่ได้จ้ะ คุณพ่อไม่อยู่บ้าน เกียรติกล้าต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่คุณย่า”
“แต่ผมอยากไป”
“ไม่ได้นะ ตัวเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้าน มีหน้าที่ต้องดูแลบ้านแทนคุณพ่อ”
เดือนเก็บเสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินออกไป เกียรติกล้ามองด้วยสายตาดื้อดึงอยากจะตามไปให้ได้
เดือนกำลังพูดคุยร่ำลาท่านผู้ว่าทรงยศและคุณนายศรีสอางค์เพื่อไปลานเท
“คุณปู่คุณย่าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เดือนจะรีบไปรีบกลับ”
“เอาลุงมหาไปเป็นเพื่อนด้วยซิ เกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยกันได้”
“อย่าเลยค่ะ เดือนไปกับคนขับเรือตามลำพังดีกว่า คล่องตัวดี”
“จะเอาอย่างงั้นรึ”
“ค่ะ ไว้ใจเดือนเถอะค่ะ เดือนเป็นคนพูดก็ต้องแก้ด้วยตัวเอง”
“แล้วถ้าเจอแม่ดาว ฝากบอกด้วยนะว่าย่าคิดถึง”
“ค่ะคุณย่า”
“แม่ดาวคงจะดีใจนะ ที่รู้ความจริงว่าเป็นลูกของพ่อเลอสรรและมีแม่เดือนเป็นน้องสาว”
“ค่ะคุณย่า แต่เดือนวางแผนเอาไว้แล้วว่าเดือนจะยังไม่บอกเรื่องนี้กับพี่ดาว รอให้คุณย่าเป็นคนบอกกับพี่ดาวเองดีกว่า”
“ดีเหมือนกันนะ เก็บความลับเรื่องนี้เอาไว้ก่อน รอจนกว่าจะพาแม่ดาวมาหาย่า แล้วย่าจะบอกความจริงให้ดาวและคุณเลอสรรรู้พร้อมๆ กัน”
“แสดงว่าเราต้องปิดเรื่องนี้กับตาเลอสรรไว้ด้วยใช่มั้ย”
“ค่ะคุณปู่ เราจะยังไม่บอกคุณพ่อกับพี่ดาว รวมทั้งตาเกียรติกล้าด้วย จนกว่าจะถึงเวลา”
“ฮ่ะๆ สนุกดีๆ ทำยังกะนิยาย”
“ถ้างั้นตกลงตามนี้นะคะ ถ้างั้นเดือนลานะคะ”
เดือนก้มกราบท่านผู้ว่าทรงยศและคุณนายศรีสอางค์
“โชคดี ระวังตัวนะลูก”
ที่ท่าเรือ ระพี จ่าสมหมายและตำรวจทุกคน กำลังยืนฟังเลอสรรบอกแผนการ
“การทำงานครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญที่เราจะพลาดไม่ได้ เป้าหมายของเราก็คือการบุกเข้าไปที่ผาช่องลม และจัดการไอ้สมิงกับพวกของมันทุกคน เอาละต่อไปผู้กองระพีบอกแผนการบุกคร่าวๆ ให้พวกเราฟัง”
“กำลังของเราจะแยกกันสองทาง ทางบกและทางน้ำ ทางบกจะแยกเป็น 2 ส่วน มีผมกับจ่าสมหมาย คุมกำลังแยกกันเดินคนละเส้นทาง ผมจะเป็นกองหน้าเดินทางล่วงหน้าไปก่อน 1 วัน เพื่อสำรวจความเรียบร้อย”
“ส่วนผมจะนำทางไปทางป่าอีกด้าน เป็นเส้นทางที่พวกชาวบ้านใช้เดินกันเป็นประจำ” จ่าสมหมายบอก
“ผมจะนำหน่วยจู่โจมพิเศษไปทางน้ำ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก อาจจะอันตรายกว่าเส้นทางอื่น แต่ถึงผาช่องลมได้เร็วที่สุด เอาละเมื่อทุกคนพร้อมแล้ว ขอให้ปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดออกเรือได้”
“ออกเรือ”
เรือออกจากท่า แล่นไปตามลำน้ำ
บริเวณหน้าถ้ำของผาช่องลม สมิงและศรีนวลยืนอยู่คู่กัน ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องของบุญเหลือและลูกน้องทุกคนในผาช่องลมเนื่องจากสมิงบอกข่าวเรื่องแต่งงานให้ทุกคนฟังทุกคนจึงดีใจ
“นี่ชั้นไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ย พูดให้ฟังอีกทีซิว่า สมิงกำลังจะแต่งงานกับศรีนวลจริงๆ”
“เป็นเรื่องจริง”
“เฮ สมิงจะมีเมียๆ”
ทุกคนกระโดดโลดเต้น กอดกันไชโยโห่ร้องกึกก้อง สมิงยิ้มหน้าบาน ศรีนวลยิ้มเศร้าๆ ห่างออกไปเห็นศรีไพรแอบยืนมองน้ำตาคลอ
“เราเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน แต่สมิงก็อยากจะขอแรงให้พวกเราช่วยสมิงเตรียมงานแต่งงานครั้งนี้อย่างดีที่สุด”
“เรื่องแรงงาน พวกเราสู้ตายอยู่แล้วสมิง แต่เรื่องประดิดประดอย งานให้สวยงาม เราทำไม่เป็นน่ะซิ” ขวดบอก
“ก็ให้ศรีไพรทำไง ศรีไพรเป็นผู้หญิงเก่งเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว”
“บุญเหลือก็พอจะช่วยเป็นลูกมือศรีไพรได้นะ ขอเพียงให้ศรีไพรคอยสั่ง ก็น่าจะทำได้”
โย่งหันไปเห็นศรีไพรจึงวิ่งไปฉุดมือให้มายืนใกล้ๆ ศรีไพรรีบปาดน้ำตาซ่อนความรู้สึกไว้
“ศรีไพรมาช่วยกัน”
“ใช่ๆ ศรีไพรช่วยจัดงานแต่งงานให้สมิงหน่อยนะ”
“จ้ะ ศรีไพรจะทำงานนี้ให้ดีที่สุด”
“เฮ ไชโยๆๆ”
ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้อง ศรีไพรฝืนยิ้มทำเหมือนร่าเริงมีความสุขแต่ศรีนวลแอบสังเกตเห็น
บุญเหลือ ขวด เหิม โย่งและพวกลูกน้อง กำลังช่วยกันสร้างปะรำพิธี เพื่อให้บ่าวสาวขึ้นไปนั่งแต่งงานกันในบรรยากาศสวยๆ ศรีไพรนั่งร้อยก้อนหิน เพื่อทำเป็นโมบายห้อย ประดับประดา ศรีนวลเดินเข้ามานั่งข้างๆ ศรีไพร
“ศรีไพร ขอบใจมากนะที่ช่วย”
“งานแต่งของสมิงกับศรีนวลทั้งที่ ศรีไพรต้องช่วยอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง”
“แต่ศรีนวลอยากจะขอโทษ”
“ขอโทษเรื่องอะไร ศรีนวลไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา”
“แต่ศรีไพร รักสมิง”
ศรีไพรน้ำตาคลอแต่ก็ยังยิ้มมีความสุขกลบเกลื่อน
“ใช่ ศรีไพรรักสมิงแบบพี่ชาย ไม่ได้รักแบบนั้นซะหน่อย ศรีนวลไม่ต้องกังวลอะไรเลย ฮ่ะๆ”
ศรีไพรหัวเราะกลบเกลื่อน ทั้งที่ในหัวใจกำลังร้องไห้ ศรีนวลยิ้มน้อยๆ เพราะเธอมองออกว่าศรีไพรกำลังกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเอง
อีกด้านหนึ่งภายในค่ายของมเหศักดิ์ มเหศักดิ์กำลังแกะผ้าพันแผลที่มือออก เป็นแผลที่โดนสมิงเอามีดปาเพื่อช่วยศรีไพร บันลือหันมามอง
“แผลหายแล้วเหรอ”
“แผลกายอาจจะหาย แต่แผลใจที่ไอ้สมิงมันทำกับข้าจะไม่มีวันหาย”
“ถ้างั้นสงครามคงเริ่มได้แล้วซินะ”
“ใช่ และมันจะเป็นสงครามครั้งสุดท้าย ที่จบด้วยความตายของไอ้สมิงกับพวกของมัน”
มเหศักดิ์คว้าปืนมายิงขึ้นฟ้ารัวๆ หลายนัด เพื่อเรียกลูกน้องทุกคนมารวมตัวกัน ดำ แดง ลูกน้องและทหารรับจ้างพากันวิ่งมาเข้าแถวรวมตัวกันอย่างเป็นระเบียบแสดงถึงศักยภาพของกองทัพมเหศักดิ์ มเหศักดิ์เดินมายืนป่าวประกาศต่อหน้าทุกคน
“ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะทำสงครามกับไอ้สมิง ทุกคนกระจายกำลังกันออกไป สำรวจทุกตะรางนิ้ว ค้นหาเส้นทางเข้าไปในผาช่องลมให้ได้ ใครเจอทางเข้าออกเป็นคนแรกข้ามีทองคำ 1 กิโลเป็นรางวัล”
“เฮ”
ทุกคนส่งเสียงเฮดีใจ
“เอาละถ้าพวกเอ็งอยากได้ทองคำก็ออกไปสำรวจกันได้แล้ว ไป”
บันลือยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นสัญญาณ แล้วจากนั้นทุกคนก็พากันกระจายกำลังออกไป มเหศักดิ์และบันลือยืนมองด้วยความพอใจ
มเหศักดิ์ บันลือ ดำ แดง และลูกน้องจำนวนหนึ่งพากันเดินเดินสำรวจป่าหาเส้นทางเข้าออกผาช่องลม ที่มุมหนึ่งเห็นขวดแอบมองอยู่เงียบๆ เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามกำลังใกล้เข้ามา ขวดก็รีบหลบแล้ววิ่งหายเข้าไปในป่าลึก
ทหารรับจ้างอีกจำนวนหนึ่งของมเหศักดิ์กำลังออกสำรวจเส้นทางทางต่างๆ โดยกระจายกำลังกันปูพรมสำรวจทุกซอกทุกมุม ที่มุมหนึ่งเห็นเหิมแอบมองอยู่ เหิมเผลอทำเสียงดังทำให้ฝ่ายตรงข้ามได้ยิน แต่เหิมรีบหลบได้ทัน ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเห็นไก่ป่าก็เข้าใจว่าเป็นเสียงไก่ เหิมรีบหลบหายเข้าป่าไป
ที่ผาช่องลม สมิง บุญเหลือ กำลังช่วยลูกน้องก่อสร้างปะรำพิธี ขณะที่ศรีนวลช่วยศรีไพร โย่ง และคนอื่นๆ ทำสร้อยหินประดับประดา ขวดวิ่งเข้ามาหาสมิงหน้าตื่น
“สมิงๆ”
“มีอะไร”
“ไอ้มเหศักดิ์กับไอ้บันลือมันกำลังมาแถวนี้”
“พวกมันมาทำไม”
“พวกมันสำรวจหาทางเข้าออกผาช่องลมจ้ะ”
เหิมวิ่งเข้ามาอีกคน
“พวกมันกระจายกำลังกัน ทางเหนือก็มี ทางตะวันออกก็มี”
“ปล่อยมันสำรวจกันให้พอใจ ส่วนพวกเราซุ่มระวังทางเข้าออกทุกด้าน ถ้าใครเผลอหลงเข้ามาก็จัดการเชือดเงียบๆ ห้ามใช้ปืน ไม่งั้นความลับของเราจะถูกเปิด”
“แล้วงานที่นี่ล่ะสมิง”
“เรื่องแต่งงาน ชั้นรอได้ จัดการเรื่องเฉพาะหน้ากันก่อน”
“ใช่ ถ้าไม่มีผาช่องลม ก็ไม่มีงานแต่งงาน พวกเราแยกย้ายกันออกไป”
สมิง ศรีนวล บุญเหลือ ขวด เหิม โย่ง และลูกน้องอื่นๆ พากันกระจายกำลังกันออกไป ศรีไพรยืนมองตาม สักครู่เสือเฮี้ยนก็เดินเข้ามาหาศรีไพร
“ไม่ไปกับเค้าล่ะศรีไพร นั่งทำอะไรอยู่ที่นี่”
“ชั้นจะช่วยเตรียมพิธีแต่งงานให้เสร็จทันเวลา สมิงต้องได้แต่งงานตามกำหนดจ้ะพ่อ”
“เอ็งอยากให้สมิงได้แต่งงานกับคนอื่นจริงๆ รึ”
เสือเฮี้ยนถามอย่างรู้ทันว่าศรีไพรแอบรักสมิงอยู่
“สมิงต้องได้แต่งงานกับคนที่สมิงรัก ศรีนวลเป็นคนดี ได้แต่งงานกับสมิงก็ถือว่าเหมาะสมที่สุดแล้วจ้ะพ่อ”
“แล้วเอ็งทำใจได้รึศรีไพร” ศรีไพรก้มหน้าน้ำตาคลอ ไม่อยากให้พ่อเห็น เสือเฮี้ยนเข้าไปกอดลูก ปลอบโยน “ฟ้าไม่ได้กำหนดมาให้เอ็งกับเค้าคู่กัน เอ็งต้องทำใจ และเข้มแข็งนะลูกนะ”
“จ้ะพ่อ ศรีไพรจะเข้มแข็ง จะทำให้สมิงมีความสุขที่สุดจ้ะ”
ศรีไพรกอดพ่อน้ำตาไหลพราก เสือเฮี้ยนสงสารลูก
เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 15 (ต่อ)
มเหศักดิ์ บันลือ ดำ แดง และลูกน้องกำลังสำรวจเส้นทางอยู่ที่มุมหนึ่งในป่า ลูกน้องคนหนึ่งเดินแยกตัวห่างจากกลุ่มเข้ามาสำรวจเส้นทาง ซึ่งแถวนั้นขวด เหิมแอบซุ่มอยู่ เมื่อลูกน้องเดินเฉียดเข้ามาใกล้แล้วมองเห็น ขวดรีบเข้าล็อคคอแล้วเอามีดเชือดคอลูกน้องล้มลงขาดใจตาย
ลูกน้องอีกคนหันมาเห็นขวดกำลังลากลูกน้องที่ถูกเชือดคอหลบจึงชักปืนจะยิง แต่แล้วสมิงและศรีนวลโผล่มา สมิงตรงเข้าล็อคคอ แล้วบิดคอลูกน้องล้มลง
มเหศักดิ์ บันลือ ดำ แดงและลูกน้องอื่นๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ยังคงสำรวจเส้นทางกันต่อไป
มเหศักดิ์ บันลือ ดำ แดง และลูกน้องเดินมาที่มุมหนึ่ง แล้วมเหศักดิ์หันไปมองสำรวจดูลูกน้องจึงรู้สึกว่าลูกน้องหายไป
“เฮ้ย หายไปไหน 2 คน”
“นั่นซิ ทำไมยังไม่มา”
“ต้องมีอะไรแน่ๆ”
มเหศักดิ์เดินกลับไปสำรวจหาลูกน้องที่หายไป ขณะนั้นขวดและเหิมกำลังช่วยกันลากศพลูกน้อง2 คน โดยมีสมิง ศรีนวล บุญเหลือคอยคุ้มกันให้ สมิงได้ยินเสียงพวกของมเหศักดิ์กำลังเดินมาจึงส่งสัญญาณให้ทุกคนนิ่งเงียบ แล้วหลบซ่อนตัว
มเหศักดิ์ บันลือ ดำ แดงและลูกน้องพากันเดินกลับมา บันลือมองเห็นศพลูกน้องก่อนใคร
“เฮ้ย นั่นไง”
ทุกคนวิ่งเข้ามาดูศพลูกน้อง 2 คนที่ถูกลากมากองไว้ด้วยกัน
“มันต้องอยู่แถวนี้แน่”
มเหศักดิ์ บันลือ ดำ แดงและลูกน้องพากันกวาดตามองหา
“สมิงเอ็งจะหลบอยู่ทำไม คนจริงอย่างเอ็ง ต้องออกมาซิวะ”
สมิงได้ยินแล้วชักปืนเตรียมจะออกไป แต่โดนศรีนวลและบุญเหลือรั้งไว้
“อย่าสมิง”
“แต่มัน”
“ศรีนวลขอร้อง อย่าวู่วาม”
ศรีนวล บุญเหลือส่งสายตาขอร้องทำให้สมิงใจอ่อน จากนั้นศรีนวลก็ทำสัญญาณมือให้สมิงและบุญเหลือ ถอยกลับ สมิงส่งสัญญาณให้ขวด เหิมถอย ทุกคนเริ่มถอยห่างออกไป ขณะที่มเหศักด์ บันลือและพวกยังคงค้นหาต่อไป
เรือเร็วแล่นตรงเข้ามาจอดที่ท่าเรือบ้านลานเท เดือนถือกระเป๋าเดินทางลงเรือมาแล้วเดินตรงไปยังบ้านกำนันธง ในเรือมีกล่องใบใหญ่ซึ่งมีผ้าคลุมไว้ พอเดือนขึ้นจากเรือ คนขับเรือรีบไปเปิดผ้าออกแล้วเปิดฝากล่อง เกียรติกล้าค่อยๆ โผล่ออกมาจากกล่อง
“ถึงลานเทแล้วครับ”
“พี่เดือนล่ะ”
“ไปแล้วครับ”
เกียรติกล้าหยิบเงินจำนวนหนึ่งส่งให้คนขับ
“นี่เป็นค่าปิดปากที่แกช่วยชั้น” คนขับรับเงินไปแล้วยิ้มให้ “ห้ามบอกพี่เดือนเด็ดขาดว่าชั้นแอบตามมา”
“รับรองไม่บอกครับ”
เกียรติกล้าขึ้นจากเรือ รีบตามเดือนไปยังบ้านกำนันธง
ห้องรับแขกบ้านกำนันธง เดือนกำลังยกมือไหว้กำนันธง โดยมีดาวนั่งอยู่ด้วย
“ขอโทษนะคะที่เดือนมาโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า”
“แล้วนี่คุณท่านที่กรุงเทพฯ มีธุระอะไรให้กระผมรับใช้หรือครับ”
“คุณปู่ คุณย่าไม่มีธุระอะไรหรอกค่ะ พอดีเดือนต้องการมาพบกับแม่ศรีนวล”
“แม่ศรีนวลไม่อยู่ค่ะคุณเดือน พอดีไปธุระ”
“แม่ศรีนวลไปธุระที่ไหนหรือคะ”
ทุกคนมองหน้ากัน ไม่อยากบอกว่าศรีนวลอยู่ที่ผาช่องลม
“เอ้อ เข้าไปหาซื้อสมุนไพรในตัวเมืองน่ะค่ะคุณเดือน”
“เหรอค่ะ เสียดายจัง”
“แล้วคุณเดือนมีธุระอะไรกับแม่เหรอคะ ฝากดาวไว้ก็ได้จะบอกให้”
“แต่เรื่องนี้ เดือนอยากบอกแม่ศรีนวลด้วยตัวเอง ไม่เป็นไรค่ะ แม่ศรีนวลจะกลับมาเมื่อ่ไหร่ค่ะ เดี๋ยวเดือนจะรอ”
“เอ้อ วันนี้คงยังไม่กลับ คุณเดือนอย่ารอเลย มันจะลำบาก”
“แต่เดือนเตรียมเสื้อผ้ามาหลายชุดยังไงก็ไม่ลำบากหรอกค่ะ เอาเป็นว่าเดือนขอนอนที่นี่นะคะคืนนี้”
กำนันธง ดาวมองหน้ากันไปมา ไม่กล้าปฏิเสธ
ดาวพาเดือนเข้ามาในห้องนอน
“คุณเดือนนอนห้องเดิมที่เคยนอนนะคะ”
“ขอบคุณค่ะพี่ดาว”
เดือนหันมายิ้มและเรียกพี่ดาวอย่างมีความสุขทำให้ดาวรู้สึกผิดสังเกต
“เอ มีอะไรหรือคะทำไมวันนี้คุณเดือน...”
“ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่จู่ ๆ เดือนก็รู้สึกรักพี่ดาวขึ้นมาเท่านั้นเอง”
เดือนเข้าไปกอดดาวโดยไม่ยอมบอกเหตุผล ทำให้ดาวงงๆ เล็กน้อย
“ต้องมีอะไรแน่ๆ เลย ปกติคุณเดือนไม่เคยทำแบบนี้เลยนี่คะ”
“ก็นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้เดือนรู้ เอ้ย...”
เดือนรีบเบรกกลัวจะหลุดปากออกไป
“รู้อะไรคะ”
“ก็รู้สึกรักน่ะซิคะ มาๆ ให้เดือนกอดอีกทีนะพี่ดาว” เดือนเข้ามากอดจูบดาวอีกครั้ง ขณะที่ดาวรู้สึกงงๆ ประหลาดใจ “เอ แล้วนี่พี่บุญเหลือไปไหนเหรอคะ ทำไมไม่เห็นเลย”
“ก็ เอ้อ...พี่บุญเหลือ ไปกับแม่ศรีนวลค่ะ”
“อ๋อ งั้นเหรอคะ งั้นเดี๋ยวเราออกไปเดินเล่นกันดีกว่านะคะ”
“ค่ะ ได้ค่ะ”
ดาวและเดือนพากันออกจากห้องไป
ดาวกำลังสอนให้เดือนเลี้ยงไก่อยู่ที่ลานหน้าบ้าน
“เวลาแม่ศรีนวลอยู่ ตอนบ่ายๆ เย็นๆ แม่จะมาหว่านข้าวเปลือกเลี้ยงไก่ทุกวันเลยค่ะ”
“น่าสนุกดีนะคะ ทำแบบนี้ใช่มั๊ยคะ”
“ค่ะ แต่เราต้องสังเกตดูพวกลูกไก่ตัวเล็กๆ ด้วยนะคะ บางทีมันก็แย่งตัวอื่นกินไม่ทัน ต้องคอยดูและเป็นพิเศษ เอ้อ เดี๋ยวมานะคะ จะไปเอาน้ำมาให้พวกมันกิน”
ดาวเดินออกไปปล่อยเดือนให้เพลิดเพลินอยู่กับการให้อาหารไก่ ผู้ใหญ่ต้องเดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะผู้ใหญ่”
“อ้าว คุณเดือนมาเมื่อไหร่”
“เพิ่งมาค่ะ พอดีจะมาหาแม่ศรีนวล แต่เสียดายที่ไม่อยู่”
“ไปผาช่องลมคราวนี้ ไม่รู้ศรีนวลมันจะกลับเมื่อไหร่ บางทีอาจจะไม่กลับเลยก็ได้” ผู้ใหญ่ต้องบอก เดือนแปลกใจ
“ไปผาช่องลม”
“ก็ใช่น่ะซิ ไอ้บุญเหลือมันก็ไปด้วย อุ๊ย”
ผู้ใหญ่ต้องเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหลุดปากพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกไป
“เล่าต่อซิคะ ว่าแม่ศรีนวลกับพี่บุญเหลือมีเรื่องอะไร ทำไมต้องไปผาช่องลมด้วยกัน”
“เอ้อ ไม่มีอะไรจ้ะ ไม่มีๆ ชั้นพูดผิดไป”
“บอกเดือนเดี๋ยวนี้นะคะผู้ใหญ่ ห้ามปิดบัง เล่าทุกเรื่องที่ผู้ใหญ่รู้มาเดี๋ยวนี้”
เดือนสีหน้าจริงจัง ใช้สายตาบังคับให้ผู้ใหญ่ต้องพูดความจริงออกมา
กำนันธง ดาว ผู้ใหญ่ต้อง นั่งอยู่ต่อหน้าเดือน โดยทุกคนทำหน้าจ๋อยๆ ที่โดนเดือนจับได้ว่าโกหก
“ทำไมไม่บอกความจริงเรื่องแม่ศรีนวลกับเดือนคะ ทำไมต้องโกหกเดือนด้วย”
“คือพวกเราไม่อยากให้ทางคุณเดือนรู้ เพราะผาช่องลมเป็นที่อยู่ของสมิง พวกเราไม่อยากให้เรื่องนี้ถึงหูตำรวจ”
“ถึงคุณพ่อเดือนจะเป็นตำรวจ แต่เรื่องผาช่องลม เดือนสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวแน่นอนค่ะ ขอร้องละคะ พาเดือนไปที่ผาช่องลมที เดือนมีเรื่องต้องพูดกับแม่ศรีนวล”
“คุณเดือนมีเรื่องอะไรหรือครับ บอกผมได้มั้ย”
“ขอประทานโทษค่ะกำนัน เดือนบอกไม่ได้จริงๆ แต่มันสำคัญมากสำหรับแม่ศรีนวล เดือนต้องไปบอกแม่ศรีนวลด้วยตัวเองค่ะ”
“แต่ว่าในป่ามัน อันตรายนะคะ”
“ถ้างั้นพี่ดาวก็ไปเป็นเพื่อนเดือนซิคะ”
ดาวและกำนันธงหันมามองปรึกษากัน ขณะที่ผู้ใหญ่ต้องนั่งหน้าจ๋อย
เดือนเดินลงจากบ้านกำนันธงแล้วเดินออกไปด้วยท่าทีไม่ค่อยสบอารมณ์นักเนื่องจากโดนปฏิเสธที่ให้พาไปผาช่องลม ดาว กำนันธง ผู้ใหญ่ต้องรีบตามมา
“โกรธใหญ่แล้ว เอาไงดีจ้ะตา” ดาวถามกำนันธง
“ตาก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าไม่มีใครพาไปแบบนี้ก็น่าจะกลับกรุงเทพฯ ตามดูซิ”
“จ้ะตา”
ดาววิ่งตามเดือนออกไป ผู้ใหญ่ต้องทำหน้าจ๋อย หันมายิ้มแหยๆ ให้กำนันธง
“ขอโทษนะกำนัน พอดีชั้นลืม”
“ทีหลังก็อย่าลืมให้มันบ่อยซิวะ”
กำนันธงเดินกลับเข้าบ้านไป
เดือนเดินมาตามทางเดินในหมู่บ้าน โดยมีดาววิ่งตามมา ท่าทีของเดือนดูปั้นปึ่ง
“เดี๋ยวค่ะคุณเดือน หยุดก่อน”
“มีอะไรคะพี่ดาว”
“คือว่าคุณเดือนกำลังจะไปท่าเรือใช่มั๊ยคะ ดาวจะเดินไปส่ง”
“ไม่ต้องค่ะ เดือนยังไม่กลับกรุงเทพฯ”
“อ้าว ไม่กลับกรุงเทพฯแล้วจะไปไหนคะ”
“ผาช่องลม เดือนต้องไปพบแม่ศรีนวลให้ได้”
“ไปไม่ได้หรอกค่ะ คุณเดือนไม่รู้จักเส้นทาง ไปคนเดียวมันอันตราย”
“ตายเป็นตาย ยังไงเดือนก็ต้องไปหาแม่ศรีนวล เดือนไม่กลัวตายหรอก”
เดือนเลิกคุยแล้วเดินหนีไป ดาวยืนอึ้ง
“เอาไงดีนะ เอาไงดี” ในที่สุด ดาวก็ตัดสินใจตะโกนออกไป “ก็ได้ค่ะ ดาวจะไปกับคุณเดือน เราจะไปผาช่องลมด้วยกัน” เดือนหันมามอง
“พูดจริงนะ”
“ค่ะ ดาวจะพาคุณเดือนไปหาแม่ศรีนวล เร็วเถอะค่ะ รีบไปประเดี๋ยวตารู้เข้าจะอดไป”
ดาวรีบพาเดือนเดินไป เกียรติกล้าโผล่ออกมามองที่มุมหนึ่ง
“ไปผาช่องลม”
เกียรติกล้ารีบแอบตามเดือนและดาวไปโดยไม่ให้รู้ตัว
จบตอนที่ 15
อ่านต่อตอนที่ 16 ตอนอวสานพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.