เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 4
เย็นวันเดียวกันนั้นที่บ้านท่านผู้ว่าทรงยศ รถประจำตำแหน่งแล่นเข้ามาจอด พลขับรีบลงมาเปิดประตูให้เลอสรร เลอสรรหยิบแฟ้มเอกสารจากในรถลงมา สาวใช้คนหนึ่งเดินมารับแฟ้มเอกสารจากเลอสรร แต่แล้วเกิดพลาดทำให้แฟ้มหล่น เอกสารหลุดกระจายมากมาย
“ขอโทษค่ะ”
“รีบเก็บเร็ว”
พลขับและสาวใช้ช่วยกันเก็บเอกสาร ขณะที่เลอสรรเดินไปที่แฟ้มเอกสารแฟ้มหนึ่งซึ่งหล่นกระจายห่างออกไป โดยในแฟ้มนั้นมีภาพสเก็ตของสมิงหลุดออกมา ขณะที่เลอสรรกำลังเก็บรวบรวมเอกสารอยู่และกำลังจะเก็บภาพสเก็ตของสมิง ลุงมหาก็เดินมาเห็นภาพของสมิงจึงเข้ามาหยิบรูปสเก็ตขึ้นมาดู เลอสรรมองปฏิกิริยาของลุงมหาอย่างสงสัย
“ลุงมหารู้จักคนในภาพใช่มั๊ย”
“เอ้อ คือ...ผม”
“อย่าโกหกนะ ผิดศีล”
“เอ้อ อย่าพูดแบบนี้ซิครับ”
“งั้นบอกผมมาว่า ลุงมหารู้จักผู้ชายในภาพนี้หรือเปล่า”
“คือผมไม่แน่ใจหรอกครับ ภาพวาดแบบนี้มันไม่แน่นอน”
“นี่เป็นภาพวาดของโจรที่ชื่อสมิง ลุงมหารู้จักมั๊ย”
“เอ้อ ผมเคยเห็นครับ”
“ที่ไหน”
“ที่ลานเทครับ”
“ลุงมหาเห็นไอ้โจรสมิงในลักษณะไหน”
“เรื่องมันนานมาแล้วครับ ผมจำไม่ค่อยได้ ผมเคยเห็นตอนที่ไปเก็บค่าเช่าที่กับ...”
“กับใคร คุณพ่อเหรอ”
“ไม่ใช่หรอกครับ”
“ถ้าไม่ใช่คุณพ่อแล้วจะเป็นใคร ก็คุณพ่อเป็นคนไปเก็บค่าเช่าที่ดินที่ลานเทกับลุงมหาทุกปีไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่ทุกปีหรอกครับ มีอยู่ปีหนึ่งท่านไม่ได้ไป”
“แล้วใครไปแทน”
ลุงมหาอ้ำอึ้งไม่กล้าตอบ เป็นจังหวะเดียวกับที่พลขับและสาวใช้เก็บรวบรวมเอกสารเสร็จ จึงเดินเข้ามา
“หนูเอาเอกสารไปเก็บข้างในนะคะ” สาวใช้บอก
“ดี เอาไปเก็บที่โต๊ะทำงานฉันนะ” ลุงมหาได้จังหวะจึงรีบชิ่งหนี “เอ้อ เดี๋ยวซิ อ้าว...”
ลุงมหารีบเดินหลบไปอย่างว่องไวเพราะไม่อยากตอบคำถามอีก เลอสรรรู้สึกสงสัยในพฤติกรรม
ลุงมหารีบเดินมาที่เรือนคนใช้ แล้วจากนั้นก็รีบหลบเข้าห้องไป เลอสรรเดินตามเข้ามา เลอสรรมองหาลุงมหา เมื่อไม่เห็นจึงตะโกนเรียก
“ลุงมหา ลุง อยู่ไหน”
เลอสรรตะโกนเรียกอยู่สักครู่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ บัวซึ่งอยู่แถวนั้นรีบเดินเข้ามาหา
“สงสัยจะไม่อยู่แถวนี้หรอกค่ะ คุณเลอสรร”
“แต่เมื่อกี้ชั้นเห็นลุงมหาเดินมาทางนี้”
“งั้นประเดี๋ยวอิชั้นไปดูในห้องให้นะคะ”
บัวรีบเดินมาที่ห้อง แล้วเปิดประตูเข้าไป แต่แล้วที่ด้านข้างประตูด้านใน ลุงมหาโผล่หน้ามาจุ๊ปากเป็นสัญญาณให้บัวกลับไปบอกเลอสรรว่าตนไม่อยู่ บัวลังเลสักครู่แต่ก็ยอมทำตาม บัวออกจากห้องแล้วเข้ามาหาเลอสรร
“ในห้องก็ไม่มี สงสัยจะไม่อยู่แถวนี้หรอกค่ะ”
“งั้นถ้าเจอช่วยบอกให้ไปหาชั้นทีนะ ชั้นมีเรื่องอยากจะถามสักหน่อย”
“ได้ค่ะ”
เลอสรรเดินออกไป สักครู่ลุงมหาก็โผล่หน้าออกจากห้องมาดู บัวรีบเข้าไปหา
“ทำไมต้องหลบด้วย มีเรื่องอะไรเหรอ”
“เอ็งไม่เข้าใจหรอก เรื่องนี้มันพูดยาก”
“ก็ไหนลองพูดมาให้ฟังหน่อยซิ มีอะไรจะได้ช่วยกัน” ลุงมหาถอนใจ
“มันเป็นเรื่องที่ข้าพูดไม่ได้จริงๆ”
“โอ๊ย นี่มันอะไรกันนักหนา ตกลงจะไม่พูดใช่มั๊ย”
ลุงมหาได้แต่ถอนหายใจ ส่ายหน้า รู้สึกหนักอกหนักใจกับเรื่องที่ต้องแบกรับเอาไว้ สักครู่ก็เดินหนีเข้าห้องไป บัวยืนมองตามเต็มไปด้วยความงงงวย
มุมทำงานของเลอสรร เลอสรรกำลังนั่งมองแผนที่ของจังหวัดอยุธยาซึ่งเน้นไปยังบริเวณบ้านลานเท สักครู่เลอสรรก็หยิบภาพสเก็ตของสมิงขึ้นมานั่งมอง แล้วจากนั้นก็หยิบดินสอขึ้นมาสเก็ตเป็นภาพผู้หญิงกำลังเล่นลำตัด
คุณนายศรีสอางค์กำลังยืนสั่งงานบัวอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย ขณะนั้นท่านผู้ว่าทรงยศเดินผ่านเห็นเลอสรร จึงเข้ามาดู
“ทำอะไรเลอสรร”
“เอ้อ เปล่าครับคุณพ่อ ผมก็แค่วาดรูปจากความฝันน่ะครับ”
“ความฝันอะไร”
“ไม่รู้สิครับ ผมฝันเห็นแต่ภาพซ้ำของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเล่นลำตัด ผมฝันซ้ำๆ แบบนี้มาเป็นสิบปีแล้วครับ”
“จริงจังอะไรกับความฝัน เรื่องไม่เป็นเรื่อง”
“แต่มันน่าแปลกนะครับคุณพ่อ เวลาผมมองไปที่ภาพสเก็ตของคนร้ายที่ชื่อสมิงที่ไร ผมก็จะนึกถึงภาพในฝัน
ทุกที ไม่เข้าใจว่าทำไม”
คุณนายศรีสอางค์ส่งสายตาให้ท่านผู้ว่าทรงยศรีบตัดบท เนื่องจากเกรงเลอสรรจะซักถามมากเกินไป
“ไม่มีอะไรหรอก ชั้นว่าแกกำลังคิดมากเกินไปแล้ว”
ท่านผู้ว่าทรงยศรีบตัดบท แล้วเดินหนี
“คุณพ่อครับ แล้วผมเคยไปเก็บค่าเช่าที่ลานเทกับลุงมหาแทนคุณพ่อหรือเปล่าครับ”
ท่านผู้ว่าทรงยศและคุณนายศรีสอางค์ ชะงักหันมามอง
“แกถามทำไม”
“ลุงมหาเคยบอกว่า มีอยู่ปีนึง คุณพ่อให้คนอื่นไปเก็บค่าเช่าแทน คนๆ นั้นคือผมหรือเปล่าครับ”
“แกจำได้เหรอว่าแกเคยไป”
“จำไม่ได้ครับ”
“ถ้าจำไม่ได้ ก็แสดงว่าแกไม่ได้ไป เลิกคิดเรื่องนี้ซะที ไร้สาระจริงๆ”
ท่านผู้ว่าทรงยศแกล้งทำเป็นตำหนิว่าเลอสรรเพ้อเจ้อ เพื่อกลบเกลื่อนความจริงที่ไม่อยากให้เลอสรรรู้ ขณะที่คุณนายศรีสอางค์รู้สึกไม่พอใจลุงมหาที่เป็นต้นเหตุทำให้เลอสรรมาซักถามเรื่องนี้
ลุงมหากำลังนั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าท่านผู้ว่าทรงยศและคุณนายศรีสอางค์
“แกเป็นคนบอกเจ้าเลอสรรเรื่องที่มันเคยไปลานเทใช่มั๊ย”
“ครับ ผมเอง”
คุณนายศรีสอางค์โกรธ
“แต่ชั้นสั่งแกแล้วใช่มั๊ย ว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้”
“ผมขอโทษครับ ที่หลุดปากออกไป”
“แต่นี่มันหลายครั้งแล้วนะ หรือว่าแกจงใจจะขัดคำสั่งชั้น”
“มิได้ครับคุณท่าน เพียงแต่ว่า...”
“เพียงแต่อะไร”
ลุงมหาอ้ำอึ้งอยู่นาน ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจพูดดีหรือไม่พูดดี
“คุณท่านครับ ผมเองก็บวชเรียนมานาน ถึงแม้ตอนนี้จะสึกจากพระมาแล้ว แต่ผมก็ตั้งใจที่จะถือศีลถือสัตย์ ตั้งมั่นอยู่ในความดีตลอดชีวิต”
“จะพูดอะไรก็พูดออกมาเลยตรงๆ อย่าอ้อมค้อม”
“คือ เอ้อ...ผมรู้สึกว่าเรื่องที่เราปิดบังคุณเลอสรร มันไม่ถูกต้อง”
“ไม่ถูกต้องยังไง” คุณนายศรีสอางค์ถามอย่างหงุดหงิด
“เราทำให้คุณเลอสรร ทอดทิ้งแม่ศรีนวล เราพรากผัวพรากเมียเค้านะครับท่าน”
“หุบปากเดี๋ยวนี้นะ ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เมียตกเมียแต่ง ชั้นไม่ถือว่าเป็นลูกสะใภ้ แกจะมากล่าวหาว่าชั้นพรากผัว พรากเมียใครไม่ได้”
“แต่ตอนที่อยู่ลานเท ท่านผู้ว่ารับปากกับกำนันธงแล้วนี่ครับว่าจะยกย่อง และให้คุณเลอสรรกลับไปตกแต่งแม่ศรีนวล”
“นั่นมันก็จริงอยู่ เพียงแต่...”
“ท่านไม่ทำตามสัญญา”
“หนอย...มันจะมากไปแล้วนะ มหากล้าดียังไงมาพูดกับชั้นแบบนี้ ชั้นไม่ยอมนะ ชั้นไม่ยอม”
คุณนายศรีสอางค์โกรธจนเนื้อตัวสั่น แล้วสักครู่ตัวก็เริ่มเกร็ง อาการโรคหัวใจกำเริบ
“ศรีสอางค์ๆ”
ท่านผู้ว่ารีบประคองเมียมานั่ง พลางนวดเฟ้น
“เห็นมั๊ยว่าแกทำอะไรลงไปมหา การถือศีลรักษาสัตย์ของแก มันกำลังจะทำให้เมียชั้นตาย”
“ผมว่าเรียกใครมาช่วยดีกว่าครับ บัวๆ เอายามาให้คุณนายเร็ว”
“คุณนายเป็นอะไรคะ”
“เร็วบัว ไปเอายามาเร็ว คุณนายเป็นลม”
“ค่ะ ค่ะ ค่ะ” บัววิ่งกลับไป
“แม่บัว มาเร็ว เอายาของคุณนายมา”
ท่านผู้ว่าทรงยศพยายามนวดเฟ้นเพื่อบรรเทาอาการเกร็งไม่ให้คุณนายศรีสอางค์เป็นอะไรไป
อยุธยาในพ.ศ.2520 ที่ชุมชนแห่งหนึ่ง ศรีนวล ดาวและเดือน กำลังเดินดูสิ่งของอย่างตื่นตาตื่นใจ
“เมืองอยุธยานี่คนเยอะกว่าบ้านเรานะแม่”
“อย่ามัวแต่เพลินล่ะบุญเหลือ ประเดี๋ยวจะหลงกัน”
“นั่นซิพี่บุญเหลือ ถ้าหลงทางละก็รับรองหากันไม่เจอแน่”
“หาไม่เจอ พี่ก็ไปรอที่ท่าเรือกลับลานเทเองก็ได้”
“ทำปากดีไปเหอะ กลัวจะมองแต่สาวๆ จนหาทางกลับไม่เจอน่ะซิ”
“โธ่ แม่ศรีนวลก็...” บุญเหลือเขิน
“แล้วเราจะไปหายาสมุนไพรที่ตาฝากซื้อกันที่ไหนจ้ะแม่”
“เดินไปทางโน้นอีกหน่อยก็ถึงแล้วไป”
ศรีนวล ดาว บุญเหลือพากันเดินไปตามถนน
อีกมุมของถนน เลอสรรเดินมากับระพีและจ่าสมหมายในชุดไพรเวท ทั้งสามคนกำลังเดินสำรวจพื้นที่กันอยู่
“ถ้าพวกคุณสองคนจะไปที่ลานเท จะต้องไปขึ้นเรือตรงโน้น จะมีเรือออกวันละ 2 เที่ยว” เลอสรรบอก
“ผมได้ยินมาว่าครอบครัวของผู้การมีที่ดินแถวลานเทเยอะมากใช่มั๊ยครับ”
“ใช่ คุณพ่อผมท่านมีที่ดินอยู่หลายร้อยแปลงที่ลานเท ท่านไปเก็บค่าเช่าที่นั่นทุกปี”
“แล้วผู้การเคยไปที่ลานเทมั๊ยครับ”
“ไม่เคย ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นั่นเลย”
จ่าสมหมาย สะกิดให้ทุกคนมองไปที่มุมหนึ่ง เห็นชาย 5 คนท่าทางไม่น่าไว้วางใจกำลังเดินถืออะไรบางอย่างลักษณะคล้ายอาวุธ แต่ถูกผ้าปกคลุมไว้ มุ่งตรงไปยังตลาด
“ผู้การครับ ดูนั่น”
“ท่าทางน่าจะมีเหตุร้ายแน่เลยครับ”
“จ่า วิทยุเรียกกำลังตำรวจท้องที่มาเสริมพร้อมอาวุธ ด่วน”ล
ขาดคำชาย 5 คนก็ยิงปืนปังๆ ขึ้นฟ้า แล้วบุกเข้าปล้นเงินจากร้านค้าต่างๆ ชาวบ้านพากันตกใจวิ่งหนีกันวุ่นวาย
“คุณสองคนแยกไปด้านหลังมัน ผมจะเข้าไปชาร์จอีกด้านนึง”
“ผู้จัดการจะไปคนเดียวเหรอครับ”
“ปฏิบัติตามนี้”
“ครับผม”
เลอสรร ระพี จ่าสมหมาย แยกตัวกันออกไป
กลางตลาด โจร 5 คนกำลังเข้าปล้นร้านค้าต่างๆ ชาวบ้านทุกคนตกใจถูกสั่งให้หมอบอยู่กับพื้น
“ถ้าไม่อยากตาย ส่งเงินมา เร็ว”
พ่อค้า แม่ค้า ที่ถูกข่มขู่พากันเอาเงินมาเทใส่ถุงของพวกโจร เลอสรรแทรกซึมขยับเข้ามาอยู่ในกลุ่มพวกชาวบ้านและเมื่อโจรคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ เลอสรรก็เตะที่มือโจรจนปืนหลุดมือ จากนั้นก็แย่งปืนของคนร้ายมาแล้วยิงใส่พวกโจร
ชาวบ้านพากันหลบเข้าที่กำบัง เลอสรรยิงใส่แล้วถอยหนีเพื่อล่อให้โจรแยกออกจากกลุ่ม ไม่ให้อยู่รวมกัน
โจรสองคนพากันวิ่งตามเลอสรรไป ขณะที่ระพีและจ่าสมหมาย โผล่ออกมาจากมุมหนึ่งแล้วยิงต่อสู้กับโจรที่เหลืออีก 3 คนในตลาด
เลอสรรวิ่งมาหลบอยู่ที่มุมหนึ่ง โจรสองคนพากันวิ่งตามมาแล้วมีการยิงตอบโต้กัน เลอสรรยิงโจรคนหนึ่งตาย ทำให้โจรอีกคนเสียขวัญจึงถอยหนี เลอสรรรีบวิ่งตามไป
รถตำรวจแล่นมาจอด ตำรวจจำนวนหนึ่งพากันกรูลงมาจากรถแล้ววิ่งไปยังตลาด
ระพีพุ่งเข้าชาร์จ โจรคนหนึ่งแล้วจากนั้นก็ต่อสู้กัน ระพีจัดการโจร สำเร็จก็หันไปยิงต่อสู้กับโจรอีกคนแล้วจับตัวโจรได้
จ่าสมหมายยิงต่อสู้กับโจรที่เหลือ และเมื่อตำรวจนำกำลังมาสมทบ โจรยิงต่อสู้สักพักก็ถูกจับได้ในที่สุด
ศรีนวล ดาว บุญเหลือ กำลังยืนอยู่ริมถนนแห่งหนึ่ง ระแวดระวังตัวเนื่องจากรู้ว่ามีการปล้น เห็นชาวบ้านบางคนวิ่งไปดูเหตุการณ์ที่ตลาด บางคนจับกลุ่มคุยกัน
“เสียงปืนสนั่นมาทางตลาดนะแม่ เสียงยิงอะไรกันน้า” บุญเหลือถามศรีนวล ชาวบ้าน 2-3 คนวิ่งมา
“ไอ้พวกโจรมันเข้าปล้นตลาด”
“ปล้นกลางวันแสกๆ มันไม่เกรงกลัวกฎหมายกันบ้างเลย”
“อยากรู้จังว่าเป็นโจรก๊กไหน”
“งั้นไปดูตรงโน้นกันดีกว่า”
ดาวรีบเดินนำทุกคนไป แต่แล้วโจรคนหนึ่งซึ่งวิ่งหนีเลอสรรมา ชนกับดาวล้มลง จากนั้นโจรก็จับดาวไว้เป็นตัวประกัน
“หยุดนะ อย่าเข้ามา”
เลอสรรซึ่งวิ่งตามมาชะงัก เมื่อเห็นโจรจับดาวเป็นตัวประกัน โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นศรีนวลและบุญเหลือซึ่งยืนอยู่ห่างออกไป
“ใจเย็น อย่าทำอะไรผู้หญิง มีอะไรคุยกันได้”
ศรีนวลหันไปมองเลอสรร ด้วยความแปลกใจ เธอไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกับเลอสรรอีกในสถานการณ์เช่นนี้
“คุณเลอสรร” ศรีนวลพึมพำออกมา
“ใครจ้ะแม่” บุญเหลือถามอย่างสงสัย
“เปล่า ไม่มีอะไร “
“ไอ้โจรนี่ ไม่รู้ซะแล้วว่ากำลังเล่นกับใคร”
บุญเหลือมองดาว ดาวแกล้งทำเป็นผู้หญิงอ่อนแอทำให้โจรตายใจ
“พี่อย่าทำหนูนะ หนูกลัวจ้ะพี่”
“หุบปาก อย่าพูดมาก”
“ปล่อยผู้หญิงซะ อย่าทำอะไร”
“อย่าเข้ามาไม่งั้นนังนี่ตาย”
ขณะที่โจรกำลังเผลอ ดาวบิดตัวออกแล้วถีบโจรจนเซถลาไป เลอสรรได้โอกาสรีบเข้ามาชาร์จ แล้วต่อสู้กับโจรไม่นานเลอสรรก็จัดการโจรจนสลบไป เลอสรรหันไปหาดาวเพื่อดูว่าดาวเป็นอะไรหรือเปล่า
“หนูไม่เป็นอะไรนะ”
“จ้ะ ไม่เป็นอะไร”
โจรที่แน่นิ่งไปนั้นลืมตาขึ้นมา แล้วพุ่งตัวไปคว้าปืนเล็งมายังร่างของเลอสรรซึ่งกำลังคุยอยู่กับดาว ศรีนวลเห็นเหตุการณ์รีบพุ่งตัวเข้าไปผลักตัวเลอสรร ร่างของเลอสรรล้มลงตามแรงผลักของศรีนวลจนศีรษะกระแทกพื้น
บุญเหลือและดาวเข้าไปกระทืบโจร ขณะที่ศรีนวลช่วยปฐมพยาบาลเลอสรร
“คุณเลอสรรๆ”
เลอสรรค่อยๆ ลืมตามขึ้นมา เห็นหน้าของศรีนวลมองด้วยความเป็นห่วง แต่ด้วยศีรษะถูกกระแทกทำให้เลอสรรยังคงมึนงงและจำศรีนวลไม่ได้
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ศรีนวลถามอย่างเป็นห่วง
“ผมไม่เป็นอะไร แค่มึนนิดหน่อย”
“คุณไม่ต้องห่วง พวกเราจัดการโจรเรียบร้อยแล้ว” ดาวบอก
“หนูเก่งจริงๆ นึกไม่ถึงเลย”
ตำรวจสองนายวิ่งเข้ามาหาเลอสรร แล้วทำความเคารพ
“ผู้การไม่เป็นไรนะครับ”
“ไม่ต้องห่วง แล้วที่ตลาดเป็นไงบ้าง”
“ผู้กองจัดการกับไอ้พวกโจรเรียบร้อยหมดแล้วครับ”
“นอนอยู่ที่นั่นอีกคน เอาตัวมันไปด้วย”
“ครับผม”
ตำรวจแยกไปดูโจรซึ่งสลบอยู่
“งั้นเดี๋ยวผมต้องขอตัวไปดูลูกน้องทางโน้นหน่อย”
เลอสรรบอกศรีนวลแล้วเดินกลับไป โดยไม่มีทีท่าว่าจะจำศรีนวลได้เลย ทำให้ศรีนวลนิ่งอึ้ง รู้สึกน้อยใจ บุญเหลือและดาวมองตามเลอสรรด้วยความชื่นชม
“นึกแล้วว่าต้องเป็นตำรวจ”
“อืม เก่งซะด้วยซิ” ดาวหันมาเห็นศรีนวลก็รู้สึกผิดสังเกต “แม่ แม่เป็นอะไรจ้ะ”
“เปล่า”
“แต่แม่ร้องไห้”
“คือ แม่ไม่ได้ร้องไห้จ้ะ ฝุ่นมันเข้าตาน่ะ ไปเถอะ กลับบ้านกันเดี๋ยวเรือจะหมด”
ศรีนวลและลูกพากันเดินออกไป
ตำรวจกำลังเคลียร์พื้นที่ ส่วนหนึ่งสอบปากคำชาวบ้านที่โดนปล้น ชาวบ้านบางคนกำลังขอบอกขอบใจระพี และจ่าสมหมาย เลอสรรเดินเข้ามาหาระพี
“ทางนี้เรียบร้อยดีนะ ผู้กอง”
“ครับผม มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ตอนนี้ส่งโรงพยาบาลแล้วครับ”
“รู้มั๊ยว่าเป็นโจรก๊กไหน”
“ไอ้พวกโจรอยากดัง ปล้นตลาดหวังแจ้งเกิด”
“โจรแบบนี้ก็มีด้วยแต่มันปล้นผิดที่เลยต้องดับเสียก่อน”
“ที่ลานเท ผมกับจ่าสมหมายไม่รู้จะเจออะไรอีกครับผู้การ” ระพีบอก
“ก็เจอไอ้สมิงไง ถ้าคุณสองคนปราบมันได้ แจ้งเกิดแน่”
เลอสรร ยิ้มให้กำลังใจระพีและจ่าสมหมาย แล้วสักครู่เลอสรรก็เริ่มมีอาการมึนๆ เนื่องจากศีรษะกระแทกพื้นเมื่อสักครู่
“ผู้การเป็นอะไรครับ”
“พอดีเมื่อกี้ หัวผมกระแทกพื้นเลยมึนๆ นิดหน่อย แต่คงไม่เป็นมากหรอก ไม่ต้องห่วง”
“งั้นกลับกันเถอะนะครับ เรื่องโจรผมฝากสารวัตรที่นี่จัดการเรียบร้อยแล้วครับ”
“งั้นก็กลับ”
เลอสรร ระพี จ่าสมหมายเดินไปลาตำรวจท้องที่แล้วจากนั้นก็พากันกลับ
เย็นวันนั้นที่ท่าน้ำบ้านกำนันธง ศรีนวลนั่งซึม เหม่อมองไปยังสายน้ำที่ทอดยาวเพื่อระบายความเสียใจกับสิ่ง
ที่เธอเพิ่งประสบมา กำนันธงเดินมาหยุดมอง แล้วเดินเข้ามาหา
“เป็นอะไรไปศรีนวล ตั้งแต่กลับมาจากตัวเมือง พ่อรู้สึกว่าแกซึมไปนะ”
“ศรีนวลเจอกับคุณเลอสรรที่ในเมืองมาจ้ะพ่อ”
“เขามาทำไม” กำนันธงถามเสียงขุ่น
“ก็คงมาจับผู้ร้ายน่ะจ้ะ พ่อก็รู้ว่าเขาเป็นตำรวจ”
“แล้วเขาเห็นเอ็งหรือเปล่า” คำถามนี้ทำให้ศรีนวลสะเทือนใจ
“เห็นจ้ะ เขาเห็นศรีนวล แล้วก็เห็นดาว”
“แล้วเขาว่ายังไง”
“ไม่จ้ะ เขาทำเหมือนศรีนวลเป็นคนแปลกหน้า เหมือนกับว่าเราไม่เคยรู้จักกัน”
“ไอ้หมาเทวดา”
“เขาใจดำกว่าที่ศรีนวลคิด เดิมศรีนวลตั้งใจไว้ว่าถ้าดาวโตขึ้น ศรีนวลจะบอกความจริงกับลูกว่าพ่อคือใคร แต่ตอนนี้ศรีนวลเปลี่ยนใจแล้ว”
“ถ้าเขาไม่เห็นเราอยู่ในสายตา ก็เหมาะแล้วที่จะตัดญาติขาดมิตรกันไปเลย”
“จ้ะพ่อ ศรีนวลคงทนไม่ได้ ถ้าคุณเลอสรรทำกับดาวเหมือนกับที่เขาทำศรีนวล สู้ให้ดาวไม่รู้จักพ่อของมันเลยดีกว่า”
สายตาของศรีนวลและกำนันธง ต่างเต็มไปด้วยความแค้นฝังใจ
เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 4 (ต่อ)
วันต่อมาขณะที่เลอสรรยังนอนหลับอยู่บนเตียง แล้วเลอสรรเริ่มฝันถึงเหตุการณ์ตอนที่ศรีนวลกำลังเล่นลำตัดอยู่บนเวที โดยที่เลอสรรนั่งดูอย่างชื่นชม
สร้อยเพชรซึ่งเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ เดินเข้ามาเห็นเลอสรรกำลังนอนใบหน้าอมยิ้มเหมือนคนมีความสุข จึงเข้ามานั่งข้างๆ แล้วสักครู่เลอสรรก็พึมพำเรียกชื่อของศรีนวลออกมาเบาๆ
“ศรีนวล”
สร้อยเพชรได้ยินไม่ถนัด เพียงแต่รู้ว่าเป็นชื่อผู้หญิง จึงเข้าใจผิดคิดว่าเลอสรรแอบไปมีผู้หญิงคนใหม่ เธอจึงเขย่าตัวปลุกเขาให้ลุกขึ้นมา
“คุณๆ ตื่น ตื่นเดี๋ยวนี้”
เลอสรรสะดุ้งตื่นขึ้นมามองหน้าสร้อยเพชรงงๆ
“เช้าแล้วเหรอ”
“เมื่อกี้คุณฝันอะไร”
“ผมฝัน...”
“บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าคุณฝันถึงใคร”
“ใคร”
“อย่ามาแกล้งทำเป็นจำไม่ได้ เมื่อกี้คุณยังเรียกชื่อมันออกมาเลย บอกมานะว่านังผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
“ผู้หญิง จริงซิ ผมฝันถึงผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว ผู้หญิงคนที่เล่นลำตัดบนเวที” แล้วเลอสรรก็จำได้ว่าผู้หญิงที่เขาฝันถึงกับ ผู้หญิงที่พุ่งเข้ามาผลักเขาให้ล้มลงเพื่อหลบวิถีกระสุนเป็นคนเดียวกัน “ใช่ แล้วเมื่อวานผมเจอกับเธอที่ตัวเมืองอยุธยาด้วย ผมจำได้แล้ว”
“อ๊ายย...ชั้นไม่ยอมนะ นี่คุณแอบนัดเจอกับมันที่อยุธยา ทำไมทำกับชั้นแบบนี้คุณเลอสรร ชั้นไม่ยอมๆ”
สร้อยเพชรเข้ามาทุบตีเลอสรร แต่เลอสรรจับมือไว้ทั้งสองข้าง
“เดี๋ยวซิ มันเป็นเหตุบังเอิญ ผมไม่ได้นัดกับเธอเลย มันบังเอิญจริงๆ เธอเข้ามาช่วยชีวิตผมเอาไว้”
“คุณมีเมียน้อย ชั้นไม่ยอมนะ ชั้นไม่ยอม”
“ผมไม่ได้มีเมียน้อย ผมไม่รู้จักเธอ แต่ทำไมผมฝันถึงเธอผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าคุณไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร”
เลอสรรปล่อยสร้อยเพชรลงบนเตียง จากนั้นเขาก็ตรงไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อแต่งตัว
“นั่นคุณจะไปไหน”
“ผมจะไปตามหาผู้หญิงคนนั้น บางทีเธออาจจะรู้”
“ไม่นะ คุณไปไม่ได้ ชั้นไม่ให้คุณไป”
สร้อยเพชรลงจากเตียงเข้าไปกอดรัดเลอสรรเอาไว้ เกรงว่าเขาจะหนีไป
คุณนายศรีสอางค์และท่านผู้ว่าทรงยศนั่งเล่นอยู่ที่ชั้นล่าง ทั้งคู่ชะงักมองขึ้นไปด้านบนเมื่อได้ยินเสียงของสร้อยเพชรดังแว่วออกมาจากในห้อง
“ชั้นไม่ให้ไปนะ คุณจะไปหาผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ ชั้นไม่ให้ไป”
ท่านผู้ว่าทรงยศและคุณนายศรีสอางค์ รีบลุกขึ้นมา เพื่อที่จะขึ้นไปดู เป็นจังหวะเดียวกับที่เลอสรรรีบลงมาจากบันได โดยมีสร้อยเพชรวิ่งตามมาฉุดรั้ง
“ปล่อยผมนะสร้อยเพชร ผมบอกให้ปล่อย”
“ไม่ ชั้นไม่ยอม ชั้นไม่ยอมให้คุณไป”
“มีเรื่องอะไรกันแต่เช้า แม่สร้อยเพชร ตาเลอสรร”
“เสียงเอะอะโวยวาย ลั่นบ้านไปหมด”
“คุณพ่อ คุณแม่ขา ช่วยสร้อยเพชรด้วย คุณเลอสรรจะไปหานังผู้หญิงคนนั้น สร้อยเพชรไม่ยอมนะคะ ไม่ยอม”
“ผู้หญิงอะไร ไหน ตาเลอสรร แกบอกแม่มาทีว่าแกจะไปหาใคร”
“ผู้หญิงในฝันครับคุณแม่ เมื่อวานผมเจอตอนไปที่อยุธยา ผมอยากจะไปหาเธอ ไปถามเธอครับคุณแม่ว่าเธอเป็นใคร ทำไมผมถึงฝันถึงเธอตั้งหลายครั้งหลายหน”
“นี่แกบ้าหรือเปล่าตาเลอสรร จู่ๆ จะไปหาผู้หญิงที่แกไม่รู้จักได้ยังไง”
“แต่ผมสงสัยครับ ว่าทำไมเธอถึงได้เข้ามาอยู่ในฝันของผม เธอเป็นใคร”
“หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว นี่สมองแกคงได้รับความกระทบกระเทือนใช่มั๊ย แกถึงเป็นแบบนี้”
“ไม่ใช่หรอกครับคุณแม่ ผมไม่ได้เป็นอะไร ผมเพียงแต่ต้องการจะหาคำตอบให้ได้”
“คำตอบบ้าบออะไรของแก ถ้ายังเห็นว่าชั้นเป็นพ่อ แกหยุดเดี๋ยวนี้ ชั้นห้ามเด็ดขาดไม่ให้แกออกไปไหน” ท่านผู้ว่าทรงยศบอกเสียงเด็ดขาด
“แต่คุณพ่อครับ”
“กลับขึ้นไปข้างบน แกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“ก็ได้ครับ”
ท่านผู้ว่าทรงยศส่งสายตาดุดัน เอาจริง ทำให้เลอสรร อ่อนลง แล้วเดินกลับขึ้นไปข้างบน
“ขอบพระคุณค่ะคุณพ่อ คุณแม่”
“เธอรีบตามขึ้นไปดูแลตาเลอสรรเถอะสร้อยเพชร ปรับความเข้าใจกันซะ เธอเป็นเมีย ยังไงก็ต้องมีทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง เอาชนะใจตาเลอสรรให้ได้”
“ค่ะคุณแม่”
สร้อยเพชรรีบตามเลอสรรขึ้นไปข้างบน
“เราปิดเรื่องนี้ไว้ได้ตั้ง 20 ปี ทำไมจู่ๆ ก็เกิดปะทุขึ้นมาได้อีก ชั้นไม่เข้าใจเลย”
“บางทีอาจจะถึงเวลาที่ความจริงจะเปิดเผยแล้วก็ได้”
“มันจะต้องไม่มีความจริงอะไรทั้งนั้น ลูกชายชั้นมันจะต้องมีเมียแค่คนเดียวคือแม่สร้อยเพชร”
สายตาของคุณนายศรีสอางค์เด็ดเดี่ยวมั่นคง ไม่ยอมปล่อยวางในทุกเรื่องที่เธออยากให้เป็น
ที่อยุธยา จ่าสมหมายแต่งตัวอยู่ในชุดชาวบ้าน กลมกลืนไปกับคนต่างจังหวัดกำลังเดินมาที่ท่าเรือ เพื่อมองหาระพีซึ่งได้นัดหมายกันไว้
ที่ท่าเรือเห็นเรือขายสินค้าซึ่งมีหลังคาเล็กๆ กลางท้องเรือสำหรับไว้กันแดดกันฝน ในเรือเห็นสินค้าสารพัดห้อยกระรุงกระรัง จอดลอยปะปนอยู่กับเรือของชาวบ้าน ที่ท้ายเรือเห็นระพีในชุดหนุ่มบ้านนอกนอนหลับเอาหมวกปิดหน้าไว้ ทำให้จ่าสมหมายไม่ทันสังเกต จ่าสมหมายบ่นกระปอดกระแปดเสียงดังออกมา
“ผู้กองนะผู้กอง นัดมาที่ท่าเรือตั้งแต่เช้า แต่ตัวเองยังไม่โผล่เลย”
ระพีซึ่งนอนเอาหมวกปิดหน้าอยู่ตอบมาลอยๆ โดยยังไม่แสดงตัว
“บ่นอะไรจ่า”
จ่าสมหมายสะดุ้ง หันมองไปรอบๆ ไม่เข้าใจว่าเสียงลอยมาจากไหน
“เสียงผู้กอง ผู้กองอยู่ไหน”
จ่าสมหมายมองหา ไปมา แต่ก็ไม่เห็น
“ผมอยู่นี่”
ระพีเปิดหมวก แล้วลุกขึ้นแสดงตัว
“อ้าว...นี่ผู้กองมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ผมมาก่อนจ่าก็แล้วกัน มาสายแล้วทำบ่นนะ”
“ขอโทษครับ ผู้กอง”
“จ่าลงเรือได้เลย”
จ่าสมหมายมองเรือ
“โอ้โห ยังกะพ่อค้าเรือเร่ ผู้กองเอามาจากไหน”
“ผมหาของผมได้ก็แล้วกัน ลงมาเร็ว ถ้าไปตอนนี้กว่าจะถึงลานเทก็คงบ่าย”
“ครับผู้กอง”
“จำไว้นะต่อไปห้ามเรียกผมว่าผู้กองอีกเป็นอันขาด”
“แล้วเรียกอะไรดีครับ”
“จะเรียกอะไรก็ตามใจ”
“งั้นผมเรียกว่าคุณ “หล่อ” ดีไหม” จ่าสมหมายบอก
“แล้วแต่ นี่พาย ออกเรือได้แล้ว”
ระพีโยนพายให้ จ่าสมหมายรับพายแล้วจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มพายเรือออกไป
อีกด้านหนึ่งที่หมู่บ้านลานเท หัวขโมยสองคนกำลังช่วยกันขนของออกมาจากบ้านหลังหนึ่ง ดาวและบุญเหลือ แอบสอดส่องพฤติกรรมของหัวขโมยอยู่
“ที่แท้มันก็ปลอมเป็นพวกขายของเรือเร่ พอบ้านไหนเผลอก็แอบเข้าไปขโมยของ”
“ขโมยสมัยนี้ร้ายจริงๆ ส่องเลยดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลา”
“ใจเย็นซิพี่บุญเหลือ จับไปให้ตาดีกว่า อย่าให้ถึงตายเลย”
ดาวและบุญเหลือย่องออกจากที่ซ่อนแล้วมาซุ่มดักรอที่หน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นจุดที่หัวขโมยจะออกมา ขโมยกำลังขนของออกมาจากบ้าน ดาวและบุญเหลือรีบออกจากที่ซ่อนมาดักไว้
“เฮ้ย...หยุด”
ขโมยตกใจทิ้งของแล้วรีบวิ่งหนีทันที
“อยากตายใช่มั๊ย”
บุญเหลือเล็งปืนขึ้นจะส่อง แต่ดาวรีบปัดทำให้กระสุนวิ่งขึ้นฟ้า
“อย่ายิง”
“ห้ามทำไม”
“ผิดกฎหมาย”
“ก็มันเป็นขโมยไง”
“ขโมยก็ฆ่าไม่ได้ ยิงขู่ก็พอ”
“ก็งั้นยิงขู่”
บุญเหลือยิงไปทางทิศที่ขโมยวิ่งเพื่อขู่ แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็รีบตามหัวขโมยไป
หัวขโมยพากันวิ่งลงเรือสินค้าซึ่งลักษณะคล้ายเรือของระพี จากนั้นก็พากันพายเรือหนีออกไป ดาวและบุญเหลือพากันวิ่งตามมา แล้วยิงปืนไล่ตามไป
“หนอย นึกว่าจะรอดเหรอ พี่บุญเหลือออกเรือ”
“ได้เลย”
บุญเหลือโดดลงเรือหางยาว แล้วติดเครื่อง ดาวรีบลงตามไป จากนั้นเรือหางยาวก็วิ่งออกไป
อ่านต่อเวลา 17.00น.
หัวขโมยรีบพายเรือหนีมา แล้วหลบไปซ่อนตัวที่ต้นไม้ใหญ่มุมหนึ่ง ขณะที่เรือของระพีและจ่าสมหมาย กำลังพายมุ่งหน้ามาพอดี เรือหางยาวของดาวกับบุญเหลือแล่นตรงมายังเรือของระพี ดาวลุกขึ้นยืนแล้วเล็งปืนยิงใส่ ทำให้สินค้าของระพีเสียหาย
“เฮ้ย นี่มันอะไรกัน”
“ผู้หญิงเป็นคนยิง” จ่าสมหมายบอก ระพีรีบตะโกนบอก
“อย่ายิงๆ เรามาดี อย่ายิง”
ยิ่งตะโกนดูเหมือนดาวจะยิ่งสาดกระสุนใส่เรือของระพีไม่ยั้ง
“อย่าตะโกนเลยเฮียหอม ยิ่งตะโกนยิ่งเจอ”
ระพีไม่ละความพยายามหาผ้าขาวมาผูกไม้ แล้วชูขึ้น เพื่อแสดงว่ายอมแล้ว แต่ไม่นานธงขาวก็โดนกระสุนปืนหักกระจาย
“ตายแน่วันนี้ ตายแน่”
เรือหางยาวแล่นมาเทียบกับเรือเร่ ระพีเงยหน้ามองเห็นดาวและบุญเหลือที่เล็งปืนมา
“นี่จะปล้นกันหรือไง”
“ที่นี่มีโจรผู้หญิงด้วย”
“หุบปาก” ดาวตวาดเฉียบขาด ทำให้จ่าสมหมายอุบปากทันที “พี่บุญเหลือ จับมันสองคนมัดมือ”
“ไม่ต้องมัดหรอก จะเอาอะไรก็เอาไปเลย”
“เงียบ”
ระพีหันไปจ้องหน้าดาว สายตาที่ประสานกันทำให้ดาวชะงักเล็กน้อย รู้สึกหวามๆ บอกไม่ถูก เช่นเดียวกับระพี ที่รู้สึกถูกชะตาผู้หญิงคนนี้เช่นกัน
กำนันธงเห็นดาวและบุญเหลือพาตัวระพีกับจ่าสมหมายซึ่งถูกมัดมือมาที่ลานหน้าบ้าน น้อยและชาวบ้านหลายคนพากันมามุงดู กำนันธง ศรีนวลพากันเดินออกมาจากบ้านเพื่อดูเหตุการณ์
“มีอะไรกันดาว สองคนนี่เป็นใคร”
“ขโมยจ้ะตา มันปลอมเป็นพ่อค้าเรือเร่ ที่แท้ก็ใช้พวกฉวยโอกาสขโมยของชาวบ้านเอาไปซ่อนในเรือ”
“เดี๋ยวขมงขโมยอะไร ฟังผมก่อน” ระพีพยายามจะอธิบาย
“ไม่ฟังแล้ว เอาไปส่งตำรวจเลย”
“เดี๋ยวๆ ฟังก่อน” กำนันธงหันไปถามระพีและจ่าสมหมาย “ไหนเอ็งสองคน หากินสุจริตไม่เป็นหรือไง ถึงได้ไปขโมยของคนอื่น”
“ผมสองคนไม่ใช่ขโมย”
“จับได้คาหนังคาเขา ใอ้ผู้ร้ายปากแข็ง”
“พวกคุณกำลังเข้าใจผิด ผมเพิ่งมาจากตัวเมืองอยุธยา พายเรือเร่ขายของมาตามทาง ยังไม่ได้แวะขึ้นฝั่ง
ที่ไหนเลย”
“โกหกหน้าด้านๆ ก็เห็นอยู่ว่าแก 2 คนย่องไปขโมยของบ้านตาโกร่ง แล้วเอาไปซ่อนในเรือหนีไป”
“ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร ผมกับเพื่อนพายเรือมาดีๆ จู่ๆ พวกคุณก็ยิงเอาๆ จนข้าวของเสียหายหมด ผมเจ๋งแน่คราวนี้”
“เราลงทุนไปจนหมดตัว คุณรู้ไหม”
“หนอย...จะมาเรียกร้องค่าเสียหายหรือไง หัวหมอนะไอ้หัวขโมย”
“ผมไม่ได้ขโมย”
“โกหก”
“คุณต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ผม”
“ฝันไปเถอะ ตา คนเลวแบบนี้ ดาวว่าเป่าทิ้งเลยดีกว่า”
“ใช่ หมกท้องร่องแถวนี้ให้เป็นปุ๋ยไปเลย”
“ใจเย็นซิดาว บุญเหลืออย่าวู่วาม” ศรีนวลปราม
“ก็ดาวไม่ชอบขี้หน้ามัน โดยเฉพาะไอ้คนนี้”
ดาวเบะปากมาที่ระพี
“เอาพวกเราเอาเลยคนละตุ๊บสองตุ๊บ แล้วค่อยส่งตำรวจ” บุญเหลือบอก
“โหดไปหรือเปล่าน้องชาย” จ่าสมหมายบอก
“เริ่มที่ไอ้นี่ก่อนละกัน เอ้าพวกเรา”
บุญเหลือ ดาวและชาวบ้านกำลังจะเข้ามารุมกระทืบ ระพีและจ่าสมหมาย แต่แล้วก็ได้ยินเสียงผู้ใหญ่ต้องดังขึ้น ผู้ใหญ่ต้องเดินมาพร้อมกับชาวบ้านซึ่งช่วยกันจับขโมยตัวจริงมาได้
“เดี๋ยวๆ ช้าก่อน”
“มีอะไรล่ะผู้ใหญ่”
“ไอ้ขโมยตัวจริงมันอยู่นี่ พอดีตอนมันพายเรือหนี ชาวบ้านเห็นว่ามันพายเรือมาหลบอยู่ริมตลิ่งก็เลยช่วยกันจับมานี่ไง”
ผู้ใหญ่ต้องผลักหัวขโมยตัวจริง 2 คนลงกับพื้น
“อ้าว แล้วสองคนนี่ล่ะ”
“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่ขโมย”
“ทีนี้จะปล่อยได้หรือยัง”
“ยัง อย่าเพิ่งปล่อย บางทีมันอาจจะเป็นพวกเดียวกันก็ได้” ดาวแย้ง
“นี่คุณจะหาเรื่องผมไปถึงไหน”
“ก็แล้วชั้นจะไว้ใจพวกคุณได้ยังไง ไม่รู้จักหัวนอนปลายตื่นสักคน”
“ผมชื่อหล่อ แล้วนี่เพื่อนผมชื่อหอม มาจากกรุงเทพ พวกเราเป็นพ่อค้าเรือเร่ ล่องเรือขายของไปทั่ว” ระพีบอก
“ใช่ ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ทำมาหากินสุจริตจ้ะ” จ่าสมหมายสมทบ
“ไม่หลอกกันแน่นะ”
“ผมจะไปหลอกทำไม ไอ้ขโมยตัวจริงก็อยู่โน่นแล้ว”
“ดาว บุญเหลือ ปล่อย”
กำนันธงสั่ง ดาวเดินหน้าหงิกไปแก้มัดให้ระพี บุญเหลือแก้มัดให้จ่าสมหมาย
“ทีนี้จะไปไหนก็ไป” ดาวบอกเสียงห้วน
“แล้วจะให้ไปไหนละครับ” ระพีย้อนถาม
“จะไปไหนก็เรื่องของคุณ”
“เรื่องของผมไม่ได้ ก็คุณยิงเรือผมพัง ข้าวของที่ผมลงทุนมาทั้งชีวิตเสียหายหมด ผมคงไปไหนไม่ได้แล้ว”
“งั้นก็ว่ามาเลย ค่าเสียหายเท่าไหร่”
“เรือน่ะสองหมื่นสอง สินค้าผมทั้งหมดก็ราวๆ สองหมื่นรวมทั้งหมดก็ลดให้เหลือสี่หมื่นถ้วนๆ ก็แล้วกัน”
“สี่หมื่น”
ดาวและบุญเหลือ อุทานออกมาด้วยความตกใจ
ที่ห้องครัว ดาวและบุญเหลือกำลังช่วยน้อยทำครัว ท่าทางดาวและบุญเหลือมีลับลมคมนัย
“วันนี้นึกยังไงมาช่วยพี่น้อยทำครัวเนี่ยะ”
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ก็แค่อยากจะทำอะไรหนุกๆ เล่นน่ะ”
“ทำกับข้าวสนุกตรงไหน”
“ไม่มีอะไรหรอกพี่น้อย แค่อยากมาช่วยน่ะ”
บุญเหลือและดาวหันมายิ้มให้กันอย่างมีเลศนัย น้อยหันไปล้างผักโดยหันหลังให้ ดาวและบุญเหลือได้โอกาสรีบเอาพริกไปยัดใส่ในแกงจืดแตงกวาไส้หมูสับ จากนั้นก็หัวเราะกันคิกคัก เมื่อน้อยหันมาก็ทำเงียบๆ เหมือนไม่มีอะไร
ระพีและจ่าสมหมาย นั่งคุยกับกำนันธง ผู้ใหญ่ต้องและศรีนวล เพื่อต่อรองเรื่องเงินค่าเสียหาย
“นี่ยังไม่รวมเหรียญในกระปุกออมสินแล้วก็เงินกับทองในเซฟที่จมน้ำไปอีกนะครับ”
“ตายจริง เงินมากมายขนาดนี้ พวกเรายังไม่มีใช้ตอนนี้หรอกจ้ะ” ศรีนวลบอกอย่างตกใจ
“พวกเรามันคนบ้านนอกบ้านนา จะมีเงินก้อนกันก็ตอนขายข้าวได้แล้วเท่านั้นแหละ ตอนนี้ข้าวก็ยังไม่ตั้งรวง กว่าจะเก็บเกี่ยวได้ก็คงอีกหลายเดือน” กำนันธงบอก
“ไม่เป็นไรครับ งั้นเอาเป็นว่าผมขออาศัยอยู่ที่นี่ไปพลางๆ ก่อน เพราะตอนนี้ก็หมดเนื้อหมดตัวไม่รู้จะไปไหนแล้วจริงๆ” ระพีบอก
“เราสองคนเป็นเด็กวัด ญาติพี่น้องไม่มี ยังไงกำนันเมตตาเราด้วยนะจ้ะ” จ่าสมหมายบอก
“ก็ได้” กำนันธงหันไปทางผู้ใหญ่ต้อง “บ้านของผู้ใหญ่ว่างใช่มั๊ย ยังไงชั้นขอฝากพ่อหนุ่ม 2 คนนี่ด้วยก็แล้วกัน”
“ไม่มีปัญหา มาอยู่ด้วยกันก็ดี ชั้นจะได้มีเพื่อนคุย”
“ขอบคุณกำนันกับผู้ใหญ่มากจ้ะ ที่ให้ฉันสองคนมีที่ซุกหัวนอน”
ดาว บุญเหลือ ช่วยกันยกสำรับอาหารมาวาง โดยแยกสำหรับของระพีและสมหมายเอาไว้ต่างหาก
“มาแล้วจ้ะ อาหารกระชับมิตร รับประทานร่วมกันถือเป็นการไถ่โทษนะจ้ะ” ดาวบอก
“วันนี้แม่ครัวปล่อยสุดฝีมือ รับรองถูกปากถูกใจทุกท่านแน่นอน” บุญเหลือบอก
“น่ากินทั้งนั้นเลยกินทั้งนั้น เชิญค่ะคุณ กินข้าวด้วยกัน ไม่รู้รสชาติจะถูกปากหรือเปล่า” ศรีนวลบอกกีบระพีและจ่าสมหมาย
“ไม่เผ็ดใช่มั๊ยครับ พอดีกินเผ็ดไม่เก่ง”
“เตรียมไว้แล้วจ้ะ คนไม่กินเผ็ดแยกไว้แล้วนี่ค่ะ ของพี่ 2 คน ไม่กินเผ็ดแต่รสชาติกลมกล่อม”
“น่าอร่อยนะ”
“น่าอร่อยก็กินเยอะๆ เลย ไม่ต้องเกรงใจ”
“เอ้า งั้นก็กินข้าวกันเลย เชิญครับ”
ทุกคนเริ่มลงมือกินข้าวกัน ดาวและบุญเหลือนั่งอมยิ้มให้กัน
“ไม่กินเผ็ดก็กินแกงจืดแตงกวาซิ อร่อยอย่าบอกใครเชียว” ผู้ใหญ่ต้องบอกกับระพี
“อืม จริง แกงจืดแตงกวาไส้หมูสับของเค้านี่อร่อยจริงๆ”
กำนันธงตักแกงจืดกิน แล้วออกปากรับประกัน เพราะเป็นแกงจืดคนละถ้วยจึงไม่เจอพริก
“แกงจืดแตงกวา ของโปรดของผมเลยครับ”
ระพีและจ่าสมหมายต่างก็ตักแตงกวาใส่ปากคนละลูกแล้วเริ่มกินเข้าไป สักครู่ก็ชะงักนิ่ง
“อร่อยมั๊ยค๊ะ กินอีกซิจ้ะ กินเยอะๆ”
ศรีนวลบอก ขณะที่ระพีและสมหมายหน้าแดงกล่ำ เพราะเจอพริกขี้หนูสวนเข้าให้
“โอ๊ย”
“เป็นอะไรจ้ะ ไม่อร่อยเหรอ”
“อร่อยซิแม่ สงสัยจะติดใจ มะ เดี๋ยวดาวตักให้อีก”
ดาวตักแกงจืดป้อนระพี บุญเหลือป้อนจ่าสมหมาย จนที่สุดทั้งระพีและสมหมายต้องวิ่งหนีออกจากวง
“ไม่ไหวแล้วครับ เผ็ดๆ น้ำครับน้ำ”
ระพีและสมหมายวิ่งไปตักน้ำจากตุ่มกินแก้เผ็ด ดาวและบุญเหลือหัวเราะกันคิกคัก ศรีนวลรู้ทันจึงส่งสายตาดุ
ผู้ใหญ่ต้องเดินนำระพีและจ่าสมหมายเข้ามาในบ้าน จากนั้นก็พากันขึ้นไปที่ห้องนอนซึ่งอยู่ด้านบนของบ้าน
“เองสองคนนอนห้องนี้นะ ส่วนข้าจะไปนอนห้องโน้น”
“แล้วลูกเมียผู้ใหญ่ละครับ”
“ข้าไม่มีลูกไม่มีเมีย ตัวคนเดียว ถ้าจะกินข้าวก็ไปฝากท้องที่บ้านกำนันธงเอา”
“กินข้าวบ้านกำนันเหรอครับ”
ระพีและจ่าสมหมายรู้สึกขยาด เกรงจะเจอพริกอีก
“ฮ่ะๆ กลัวเจอทีเด็ดของไอ้ดาวกับไอ้บุญเหลือมันอีกหรือไง”
“เผ็ดคอแทบพัง เข็ดแล้ว”
“ไอ้สองคนนั่นน่ะ จริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นคนเกเรหรอก ยังไงก็อย่าไปถือโทษมันเลย”
“แล้วที่นี่มีพวกขโมยขโจรมากหรือเปล่า”
“ถ้าจะมีก็เป็นพวกมาจากถิ่นอื่น คนบ้านลานเทน่ะไม่มีใครเป็นขโมยหรอก”
“แล้วพวกโจรล่ะผู้ใหญ่ เห็นเขาลือกันว่าบ้านลานเทเป็นถิ่นของไอ้โจรสมิง”
“สมิงไหน ข้าไม่รู้จัก แถวนี้ไม่มีโจร เอ็งเลิกถามได้แล้ว ข้าต้องไปทำธุระ”
ผู้ใหญ่ต้องเดินเลี่ยงออกไป เนื่องจากไม่อยากพูดมากในเรื่องเกี่ยวกับสมิง ระพีและจ่าสมหมายรู้สึกถึงพิรุธบางอย่าง สักครู่ก็หันไปจัดที่นอนกัน
เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 4 (ต่อ)
ดาวและบุญเหลือ กำลังเด็ดหมามุ่ย แล้วเก็บใส่ถุงเดินมาที่ห้องน้ำของบ้านผู้ใหญ่ต้องซึ่งห้องน้ำอยู่นอกตัวบ้าน ดาวหันไปมองรอบๆ สำรวจว่าปลอดคน แล้วจากนั้นก็หันไปหาบุญเหลือ
“เร็ว พี่บุญเหลือ ปลอดคนแล้ว”
“งานนี้หนุกแน่ อิอิ”
บุญเหลือรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้วเอาหมามุ่ยโรยใส่โอ่งน้ำจากนั้นก็รีบออกมา
“เรียบร้อยไหม”
“อืมม สำเร็จ”
ดาวและบุญเหลือพากันวิ่งจู๊ดหายไป
เย็นวันนั้นขณะที่ศรีนวลและน้อย กำลังช่วยกันทำครัวอยู่ ดาวและบุญเหลือเข้ามาเมียงมองดู
“เข้ามา จะมาทำอะไรกันอีกล่ะ”
“ทำอะไรแม่ ดาวไม่รู้ไม่เห็นนะ”
“อย่ามาตีหน้าซื่อ แม่รู้นะว่าแตงกวาผัดยัดไส้พริกขี้หนูฝีมือใคร”
“อ้าว...พี่น้อย ทำกับข้าวยังไงเนี่ยะ”
“โห โยนให้พี่น้อยเลย”
“ก็พี่น้อยเป็นคนทำแกงจืด เราสองคนไม่ได้ทำสักกะหน่อย”
“ไม่ต้องมาทำพูดดี ไปตามผู้ใหญ่กับเจ้าหนี้ของลูกมากินข้าวได้แล้ว”
“เจ้าหนี้หน้าเลือดน่ะซิ ฮึ่ม ไปพี่บุญเหลือ”
ดาวและบุญเหลือเดินออกไป
หน้าบ้านผู้ใหญ่ต้อง ผู้ใหญ่ต้องกำลังให้อาหารไก่อยู่ ดาวและบุญเหลือเดินเข้ามา
“น้าผู้ใหญ่”
“ว่าไง”
“แม่ให้มาตามไปกินข้าวเย็นจ้ะ
“อาหารเรียบร้อยแล้วน้าผู้ใหญ่รีบไปเลย”
“งั้นเดี๋ยวข้าอาบน้ำก่อน”
“ไม่ต้องๆ ไปกินก่อน เร็วๆ”
“งั้นเดี๋ยวข้าไปตามพ่อระพี กับพ่อสมหมายก่อน”
“อยู่ไหนล่ะ”
“ผ่าฟืนอยู่หลังบ้านโน่น”
“ไม่เป็นไร น้าผู้ใหญ่รีบไปเหอะ เดี๋ยวชั้นไปตามเอง”
“น้าผู้ใหญ่ไปเฮอะ ไม่ต้องรอ”
บุญเหลือเร่งผู้ใหญ่ต้องให้รีบไป จากนั้นดาวและบุญเหลือก็เดินไปทางหลังบ้าน
ที่หลังบ้านระพีกับจ่าสมหมายกำลังช่วยกันผ่าฟืนจนเหงื่อโทรมกาย เนื้อตัวมอมแมม ดาวและบุญเหลือพากันเดินเข้ามา
“นี่คุณ”
ระพีและจ่าสมหมายหันมามอง
“ไง จะเอาเงินมาใช้หนี้แล้วเหรอ”
“ยังไม่มี”
“ไม่มีแล้วมาทำไม”
“แถวนี้บ้านชั้น จะเดินไปไหนมาไหนก็ได้”
“งั้นทีหลังก็เดินเลี่ยงๆ ไปหน่อยอย่ามาให้เจ้าหนี้เห็นหน้าเข้าใจ๋”
“ไม่ได้อยากมานักหรอก แต่พอดีแม่ชั้นใช้ให้มาตามไปกินข้าว”
“อ้ะๆ อย่าคิดนะว่าจะยัดไส้พริกได้อีก มื้อนี้ไม่มีทาง”
“ใช่ ไม่มีทางแกล้งเราได้อีกแล้ว”
“อ๋อเหรอ”
“มาต่อล้อต่อเถียงกันอยู่ได้ รีบๆ ไปกินข้าว อย่าให้ผู้ใหญ่ต้องรอ”
ระพีและจ่าสมหมายวางมือจะเดินไปกินข้าว แต่ดาวและบุญเหลือขวางไว้
“เดี๋ยว”
“อะไรอีกล่ะ”
“จะไปไหน”
“ก็ไปกินข้าวไง”
“ยังไปไม่ได้ เนื้อตัวเหม็นเหงื่อขนาดเนี๊ยะ ไปอาบน้ำก่อน”
“เอ้อ...เหม็นดหงื่อจริงๆ ด้วย”
“โน่นเลย ห้องน้ำอยู่โน่น รีบไปอาบน้ำจะได้ไปกินข้าว”
“ก็ได้ๆ”
ระพีและสมหมายพากันเดินขึ้นบ้านไป ดาวและบุญเหลือแอบยิ้ม
ระพีและจ่าสมหมายพากันเดินลงมาในชุดนุ่งผ้าขาวม้า เตรียมอาบน้ำ ดาวและบุญเหลือเดินเข้ามาหา
“มีอะไรอีกล่ะ”
“ก็มาเร่งไง รีบๆ อาบน้ำ ตาชั้น แม่ชั้น แล้วก็ผู้ใหญ่รอกินข้าวนานแล้ว”
“รู้แล้วน่ะ”
“รีบๆ เข้าไปอาบน้ำเลย อย่าช้า”
“งั้น เฮียหล่ออาบก่อน ผมอาบทีหลัง” จ่าสมหมายบอก
“ก็เข้าไปอาบพร้อมกันนั่นแหละ อายไรผู้ชายด้วยกัน” บุญเหลือบอก
“ใช่ เป็นเด็กทำให้ผู้ใหญ่รอกินข้าวน่ะมันไม่ดีนะ”
“ก็ได้ ไป หอม”
ระพีและจ่าสมหมายเดินเข้าห้องน้ำพร้อมๆ กัน ขณะที่ดาวและบุญเหลือหัวเราะกันคิกคัก บุญเหลือย่องไปที่ข้างห้องน้ำแล้วแอบดู เมื่อเห็นทั้งคู่ตักน้ำอาบ ได้ยินเสียงน้ำราดตัวโครมๆ ก็ทำท่าบุ้ยใบ้บอกกับดาว แล้วสักครู่ก็ได้ยินเสียงผิดปกติ ชนผนังห้องน้ำปึงปัง แล้วประตูก็เปิดออก ระพีและจ่าสมหมาย คันคะเยอวิ่งผ้าผ่อนหลุดลุ่ยเข้าบ้านไป
“นี่มันอะไรกันเนี่ยะ โอ๊ย คัน”
“โอ๊ย น้ำอะไรว๊ะ คันจังเลย”
ดาวและบุญเหลือหัวเราะกันก๊ากๆ
บ้านกำนันธง กำนันธง ผู้ใหญ่ต้องนั่งมองระพีและจ่าสมหมายทาแป้งแก้คันทั้งตัวจนขาวว่อก ดาวและบุญเหลือนั่งอมยิ้ม ทำไม่รู้ไม่ชี้
“นั่นไปทำอะไรมา ทำไมทาแป้งกันซะว่อกยังงั้นล่ะ”
“เอ้อ คือว่า คันน่ะครับ น้ำที่บ้านผู้ใหญ่ทำไมคันจังเลย”
“แทบตายเลยครับกำนัน ดีที่บ้านผู้ใหญ่มีแป้งแก้คัน ทาแล้วค่อยยังชั่ว”
“เอ...น้ำอาบที่บ้านฉันก็ปกติ ฉันอาบทุกวันไม่เห็นคันเลย”
“เอ...หรือว่าลมพัดขนหมามุ่ยปลิวไปตกในโอ่งน้ำ เป็นไปได้”
“เออ ใช่เป็นไปได้”
“ถ้าจับได้ว่าใครแกล้ง ขอให้จุ๊ด จุ๊ด”
ศรีนวลและน้อยช่วยกันยกสำรับอาหารมาวาง
“ทานข้าวกันเถอะจ้ะ กำลังร้อนๆ”
“แล้วไม่แยกสำรับหรือครับ”
“กินด้วยกันนี่แหละ ถ้าจะเผ็ดจะได้เผ็ดด้วยกัน”
“ดีครับ”
“ดาว ตักข้าวให้คุณเค้าซิ”
ดาวหน้าหงิกทำท่าจะตักข้าวให้ แต่ระพีรีบคว้าจานข้าวขึ้นมาถือไว้
“ไม่ต้องๆ ไม่ต้องเลย ผมตักเองได้”
“เชอะ”
ระพีและจ่าสมหมายมองดาว และบุญเหลือระแวดระวัง
เช้าวันรุ่งขึ้นระพีกับสมหมายกำลังเดินเที่ยวในหมู่บ้านเพื่อสำรวจพื้นที่ เมื่อผ่านชาวบ้านคนไหน ชาวบ้านก็จะยิ้มทักทายกันอย่างมีมิตรไมตรี
“ชาวบ้านที่นี่เป็นมิตรกันทุกคนเลยนะว่ามั๊ย”
“คนต่างจังหวัดก็ยังงี้แหละครับ เจอะหน้าก็ทักได้ทุกคน ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จัก”
“ช่วยผมจำเส้นทางด้วยน้า เพราะเราต้องทำแผนที่ส่งทางหน่วยเหนือ”
“ผมว่าเดี๋ยวแวะบ้านโน้นหน่อยดีกว่า หิวน้ำ”
“ดีเหมือนกัน จะได้ลองสืบเรื่องสมิงดู”
ยายฉิม ชาวบ้านคนหนึ่งกำลังนั่งตำหมากอยู่หน้าบ้าน ระพีและจ่าสมหมายเดินแวะเข้าไปหา
อีกด้านหนึ่ง โทนมาพร้อมกับเพื่อนนักเลงสองคนแอบซุ่มอยู่ข้างทาง
“นังผู้หญิงคนนั้นมันชื่อดาว บ้านอยู่แถวนี้แหละ”
“มาโน่นแล้ว ใช่มั๊ยพี่”
ดาวเดินมากับบุญเหลือ โดยยังไม่รู้ว่าโทนมาดัก
“มาพร้อมกันทั้งพี่ทั้งน้อง จัดการมันเลย มันทำให้ข้าตกงาน”
โทนและเพื่อนพากันเดินเข้าไปล้อมกรอบดาว
“อ้าว นึกว่าใคร ที่แท้ก็พี่โทนนี่เอง คิดถึงฉันเหรอถึงได้มาเยี่ยม”
“โดนวันก่อนยังไม่เข็ด”
“วันนี้เอาให้หนักหน่อย”
“นังดาว”
ดาวและบุญเหลือต่อสู้กับโทนและพวก
ขณะที่ระพีและจ่าสมหมายกำลังนั่งคุยกันอยู่ที่บ้านยายฉิม สักครู่ก็มีชาวบ้านวิ่งเข้ามาบอก
“เร็วๆ คนตีกันๆ”
“ที่ไหนครับ”
“ตรงถนนทางโน้น เร็ว”
ระพี จ่าสมหมาย และคนอื่นๆ พากันวิ่งออกไป
ดาว บุญเหลือต่อสู้อยู่กับโทนและพวกนักเลง แต่โทนสู้ไม่ได้จึงล้มลง จากนั้นโทนก็ชักปืนออกมาแล้วยิงใส่ดาว แต่ดาวหลบได้ทัน โทนลุกขึ้นมา ส่ายปืนไปมาระหว่างดาวและบุญเหลือ นักเลงคนอื่นพากันมายืนข้างโทน
“ใจเย็นพี่ อย่าใช้เครื่องทุนแรงซิ “
“หุบปาก วันนี้เอ็งตายแน่ นังดาว”
“เฮ้ย ฆ่าคนหนะติดคุกนะโว้ย”
“วันนี้เอ็งตาย”
โทนยิงปืนเปรี้ยง แต่ดาวและโทนโดดหลบทัน สมิงเข้ามาจากด้านหลังโทน แล้วกระชากปืนมาถือ จากนั้นจัดการเตะโทนและเพื่อนนักเลงจนสะบักสบอม
“ใครทำลูกข้า ก็เท่ากับทำข้า”
“ชั้นกลัวแล้วจ้ะ กลัวแล้ว”
“ถ้าจะหนีก็รีบวิ่ง วิ่งไม่ทันตาย”
โทนและพวกพากันวิ่งหนีหางจุกตูด สมิงแกล้งยิงลงพื้นไล่หลังไป ระพีและจ่าสมหมายยืนมองเหตุการณ์อยู่ในกลุ่มชาวบ้าน ดาว บุญเหลือเข้าไปหาสมิงด้วยความดีใจ
“สมิง มาได้ยังไง”
“ดาวกับบุญเหลือไม่เป็นอะไรนะ”
“แค่นี้มันเรื่องเล็กน้อย ใช่มั๊ยดาว”
“นี่ถ้าดาวเอาปืนติดมาด้วยก็คงดวลกันไปแล้ว”
“ไม่เอาน่าถึงเราจะเป็นหลานกำนัน แต่ก็ไม่มีอำนาจเหนือกฎหมาย จะยิงใครสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้”
ชาวบ้านพากันเข้ามาแวดล้อมทักทายกับสมิงอย่างเป็นมิตร และดีอกดีใจที่นานๆ จะเห็นสมิงปรากฏตัวสักที
“เอ็งสบายดีนะ”
“ชั้นสบายดีจ้ะ”
“ไม่ค่อยมาเยี่ยมบ้านเลย หายไปซะนาน”
“ความจริงก็อยู่แถวนี้แหละ เพียงแต่ไม่ค่อยได้แวะมา”
ทุกคนพากันเข้าไปทักทายสมิงกันอย่างรักใคร่ ขณะที่ระพีและจ่าสมหมาย งงๆ ไม่รู้ว่าสมิงเป็นใคร ชาวบ้านคนหนึ่งเดินผ่านระพีและจ่าสมหมาย ระพีรีบเข้าไปถาม
“พี่ๆ ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
“ก็พี่ เอ้อ...เขาชื่อพี่สอ... เขาเป็นคนดีแห่งตำบลลานเทของเรา”
ชาวบ้านเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าระพีกับจ่าสมหมายเป็นคนแปลกหน้า จึงไม่ควรบอกเรื่องสมิงให้ได้ยิน ชาวบ้านชะงักนิ่ง แล้วรีบเดินหนี
“เดี๋ยวซิพี่ จะไปไหน”
ชาวบ้านอีกคนเดินผ่านมา จ่าสมหมายเข้าไปสอบถาม
“นั่นใคร จ้ะพี่”
“อ้าว จำไม่ได้เหรอ ก็สะ...”
ชาวบ้านซึ่งอยู่ใกล้ๆ รีบเข้ามาตบบ่า ชาวบ้านเป็นการเตือนว่าพูดมากไปแล้ว
“เฮ้ย”
ชาวบ้านรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เอ้อ...ไม่ใช่ พูดเล่น ไปละ”
“อะไรกัน” จ่าสมหมายงง
“เรื่องนี้มันแปลกๆ นะ”
สมิง ดาว บุญเหลือและพวกชาวบ้านพากันเดินไปทางอื่น ทิ้งระพี จ่าสมหมายยืนมองตาม
คืนนั้นที่บ้านผู้ใหญ่ต้อง ระพีกับจ่าสมหมายกำลังซักถามผู้ใหญ่ต้องให้ไขความข้องใจเรื่องของสมิง
“อ๋อ...ผู้ชายคนนั้นก็ชื่อสมิงนั่นแหละ ไม่มีอะไรหรอก”
“สมิง สมิงที่เป็นโจรน่ะหรือครับ”
“ไม่ใช่ๆ คนละคนกัน สมิงคนนี้ไม่ใช่โจร ชื่อมันซ้ำกันน่ะ”
“ถ้าไม่ใช่โจร แล้วทำไมชาวบ้านถึงได้ทำท่าพิรุธอะไรแบบนั้นล่ะผู้ใหญ่”
“ก็คงจะกลัวคนอื่นเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนเดียวกับโจรสมิงนะซิ”
“อ๋อ...ที่แท้เรื่องก็เป็นแบบนี้นี่เอง”
“แล้วสมิงคนนี้ ทำมาหากินอะไรกันจ้ะ”
“มันไปค้าขาย หากินในกรุงเทพ นานๆ จะกลับมาซักที”
“ชั้นได้ยินเค้าพูดว่าดาวกับบุญเหลือเป็นลูกแสดงว่าเค้าเป็นแฟนของแม่ศรีนวลเหรอ”
“เอ้อ...ก็ทำนองนั้นแหละ ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องส่วนตัวใครมากนักหรอก ดึกแล้ว ขอไปนอนก่อนละกัน”
“จ้ะน้าผู้ใหญ่”
ผู้ใหญ่ต้องแยกตัวไปนอน ระพีและจ่าสมหมายยังคงนั่งปรึกษากันต่อ
“ผู้กองเชื่ออย่างที่ผู้ใหญ่ต้องพูดหรือเปล่า” จ่าสมหมายกระซิบถามระพี
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ยังไงก็ต้องเก็บเป็นข้อมูลไว้ก่อน”
“งั้นผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ”
จ่าสมหมายล้มตัวลงนอน ขณะที่ระพียังนั่งครุ่นคิดเรื่องที่ยินมา
วันต่อมาที่กรมตำรวจ เลอสรรกำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงาน สักครู่ก็มีพลตำรวจเดินเข้ามาทำความเคารพ
“ขออนุญาตครับ”
“มีอะไร”
“ผู้กองระพีส่งจดหมายรายงานความคืบหน้ามาครับ”
“ผู้กองว่าไง ไหนสรุปมาซิ”
“ผู้กองกับจ่าแทรกซึมเข้าไปในหมู่บ้านลานเทสำเร็จ และพบชายต้องสงสัยที่ชื่อสมิงแล้ว เพียงแต่...”
“เพียงแต่อะไร”
“ชาวบ้านอ้างว่าเป็นคนชื่อซ้ำกัน ไม่ใช่โจรสมิงตัวจริงครับผม นี่ครับจดหมาย”
ตำรวจส่งจดหมายในแฟ้มเอกสารให้เลอสรร เลอสรรพลิกดูครุ่นคิด
“เป็นไปได้เหรอที่จะมีคนชื่อซ้ำกับโจรอยู่ที่ลานเท”
“จะยกกำลังบุกไปจับตัวมามั้ยครับ”
“ไม่ได้ เราต้องรอจนกว่าผู้กองระพีจะแน่ใจแล้วถึงเข้าจับกุมไม่งั้นเดี๋ยวไก่ตื่น”
“ครับผม”
ตำรวจทำความเคารพแล้วเดินออกไป เลอสรรพลิกแฟ้มเอกสารพิจารณาครุ่นคิด
รถของเลอสรรแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน สาวใช้และพลขับเข้ามาเปิดประตูและคอยถือของให้เช่นทุกวัน เลอสรรเดินลงจากรถ ลุงมหาซึ่งกำลังทำงานอยู่แถวนั้นเมื่อมองเห็นเลอสรรก็รีบเก็บเครื่องมือ แล้วรีบหลบทันที เลอสรรหันไปสังเกตเห็นจึงรีบลงจากรถ แล้วรีบวิ่งไปดักหน้าลุงมหาเอาไว้ได้ทัน
“เดี๋ยวซิ จะรีบไปไหน”
“คือว่าผมต้องรีบไปทำธุระครับ”
“วันก่อนลุงมหาพูดว่ามีอยู่ปีนึงที่คุณพ่อไม่ได้ไปเก็บค่าเช่ากับลุงและให้คนไปแทน ชั้นอยากจะรู้ว่าเป็นใคร
ลุงบอกชั้นหน่อยได้มั๊ย”
“เอ้อ...ผม จำไม่ได้”
“อย่าโกหกซิ ลุงก็รู้ว่ามันผิดศีล”
“แต่ว่า เอ้อ...บางเรื่องเราก็พูดไม่ได้นะครับ”
“แล้วมันมีอะไรนักหนาถึงพูดไม่ได้”
“ผมต้องไปแล้วครับ ขอตัว”
“เดี๋ยวซิ ลุงจะรีบไปไหน”
คุณนายศรีสอางค์เดินเข้ามา
“ปล่อยลุงมหาแกไปเถอะตาเลอสรร ประเดี๋ยวจะไม่ทัน”
“ไม่ทันอะไรครับคุณแม่”
“นี่แม่สร้อยเพชรไม่ได้บอกแกเหรอว่าวันนี้แม่เดือน ตาเกียรติกล้ากับเพื่อนจะต้องไปเก็บค่าเช่าที่ลานเท แล้วลุงมหาแกต้องเป็นคนพาไป”
“กำลังจะไปลานเทกันเหรอครับ ดีซิ”
“ดียังไง”
“ผมขอไปด้วยนะครับ กำลังอยากไปอยู่พอดีเลย ผมไปเก็บของก่อนนะครับ ขอเวลาเดี๋ยวเดียว”
เลอสรรรีบผลุนผลันเข้าบ้านไปโดยไม่รอฟังคำตอบ
“เดี๋ยวซิ ตาเลอสรร เดี๋ยว”
คุณนายศรีสอางค์ตกใจที่จู่ๆ เลอสรรก็ตัดสินใจจะไปลานเท
สร้อยเพชรนั่งเล่นอยู่ในห้องรับแขก ขณะที่เดือนหิ้วกระเป๋าเดินทางมาวาง
“หนูพร้อมแล้วค่ะคุณแม่ นี่ตาเกียรติกล้ายังไม่เสร็จอีกเหรอคะ”
“รอน้องหน่อยนะลูกนะ แม่ให้คนไปเร่งแล้ว”
“เป็นผู้ชาย แต่ทำไมชักช้ายืดยาดก็ไม่รู้นะคะ”
“อย่าบ่นไปหน่อยเลย ตาเกียรติกล้าเค้ามีเพื่อนไปด้วยอีกคนก็เลยช้าบ้างนิดหน่อย”
“เพื่อนคนไหนคะ”
“ก็ตาขจรศักดิ์ไงละ ลูกก็รู้จักไม่ใช่เหรอ”
“พูดก็พูดนะคะคุณแม่ เพื่อนตาเกียรติกล้าที่ชื่อขจรศักดิ์เนี่ยะ หนูไม่ค่อยชอบเลย แม่รู้หรือเปล่าคะว่านายขจรศักดิ์เนี่ยะ มีญาติเป็นนักเลง ชอบเล่นการพนัน”
“เอาที่ไหนมาพูด มันเป็นเรื่องของเด็กผู้ชาย ไม่เสียหายอะไรหรอกน่ะ”
“แต่มันจะชวนตาเกียรติกล้าไปเสียคนด้วยนะซิค่ะ”
“อย่าคิดอคติซิยายเดือน”
“คุณแม่ไม่เชื่อก็ตามใจ เดือนไม่พูดก็ได้”
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์ เดินหิ้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ลงบันไดมา
“ผมพร้อมแล้วครับคุณแม่ “
ขจรศักดิ์เดินมากับเกียรติกล้า แล้วสวัสดีทักทายเดือน
“หวัดดีครับพี่เดือน ไม่ค่อยได้เจอกันเลย”
“ย่ะ ชั้นไม่ค่อยอยากเจอพวกนายนักหรอก”
“โห...แม่ดูดิ พี่เดือนพูดกับเพื่อนผมไม่ดีเลย”
“พี่เค้าก็แค่ล้อเล่นน่ะ ทำเป็นเจ้าเรื่องไปได้”
“แล้วนั่นขนอะไรกันไปน่ะ กระเป๋าใบใหญ่ยังกับย้ายบ้าน”
“อ้าว...ไปบ้านนอกบ้านนาแบบนี้ มันก็ต้องหาของไปเล่นกันหน่อย”
“ของเล่นอะไร”
“อ๋อ แค่ปืนกับกระสุนเอาไว้ยิงเป้าเล่นน่ะครับ”
“แม่ได้ยินมั้ย พวกนี้มันเอาปืนกันไปด้วย”
“ทำเป็นตกใจไปได้ นี่มันเรื่องของเด็กผู้ชายนะ จะให้เค้าเล่นตุ๊กตาหรือไง”
เกียรติกล้าโยนตุ๊กตาใส่เดือน ซึ่งวางที่ชุดรับแขก
“รีบไปกันได้แล้ว ป่านนี้ลุงมหาแกเอาเรือมารอแล้ว บัวๆ” บัววิ่งเข้ามา “ให้คนมาขนกระเป๋าเดินทางพวกนี้ไปลงเรือ”
บัวหันไปเรียกพวกสาวใช้มาช่วยกันขนกระเป๋า เดือน เกียรติกล้า ขจรศักดิ์พากันเดินไปที่โป๊ะซึ่งเรือเร็วจอดอยู่
แต่ก่อนที่สร้อยเพชรจะเดินตามไป คุณนายศรีสอางค์ก็โผล่มาจากมุมหนึ่งมากระซิบกระซาบกับสร้อยเพชรถึงเรื่องเลอสรร
เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 4 (ต่อ)
บัวและสาวใช้อื่นๆ ช่วยกันส่งกระเป๋าให้ลุงมหาลงเรือ เดือน เกียรติกล้า ขจรศักดิ์ เดินตามมา สักครู่ก็เห็นเลอสรรรีบเดินออกมาจากในบ้าน ในมือหิ้วกระเป๋าเดินทางมาด้วย
“ขอพ่อไปลานเทด้วยคนนะ”
“จริงเหรอคะ ไชโย ดีจังเลย เดือนจะได้มีเพื่อนคุย” เดือนบอกอย่างดีใจ
“งั้นก็รีบไปกันเหอะครับ ผมอยากเที่ยวจะแย่อยู่แล้ว”
เลอสรรส่งกระเป๋าให้ลุงมหา ซึ่งชะงัก ลังเล ไม่คาดคิดว่าเลอสรรจะไป
“อ้ะลุง ของชั้นอีกใบ”
“แน่ใจนะครับ”
“แน่ใจซิ”
“แล้วคุณท่าน...”
“อ๋อ ชั้นบอกคุณแม่เรียบร้อยแล้ว ท่านก็ไม่เห็นว่าอะไรนี่ ชั้นเองก็มีงานที่จะต้องทำที่ลานเทเหมือนกัน”
สร้อยเพชรและคุณนายศรีสอางค์เดินออกมาด้วยกัน
“แม่ครับ คุณพ่อจะไปลานเทกับผมด้วยนะ” เกียรติกล้าบอก
“จ้ะ แม่รู้แล้ว”
“อ้าว แม่ไม่ว่าอะไรเหรอ นึกว่าจะโวยวาย”
“จะโวยวายทำไมล่ะ ตาเกียรติกล้านี่ แม่ดีใจซะอีก พ่อลูกไปด้วย จะได้ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาปล้นเงินที่ขนกลับมา”
“รีบไปรีบกลับกันนะลูก เรื่องคุณพ่อไม่ต้องห่วง แม่โทรไปที่โรงพยาบาลแล้ว หมอเค้าให้คุณพ่อแกนอนอีกสองสามวัน ไม่มีอะไรมาก”
“งั้นผมไปนะครับ”
ลุงมหา รู้สึกงงๆ กับท่าทีผิดคาดของคุณนายศรีสอางค์จึงได้แต่ยืนนิ่ง ขณะที่เลอสรรและลูกๆ พากันเดินไปลงเรือ
“อ้าว...มัวยืนทำอะไรกันลุงมหา ไปได้แล้ว”
ลุงมหาเดินลงเรือแล้วติดเครื่อง เลอสรรและลูกหันมาโบกมือลา คุณนายศรีสอางค์ก็ล้มลง สร้อยเพชรส่งเสียงโวยวาย
“ว้าย ช่วยด้วยๆๆ”
ลุงมหาดับเครื่อง เลอสรรและลูกๆ รีบวิ่งลงมาดู เห็นคุณนายศรีสอางค์เป็นลมอยู่ที่พื้น
“คุณย่าเป็นอะไรคะคุณแม่”
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน จู่ๆ ก็เป็นลม ตายจริงตัวเย็นเฉียบเชียว อาการน่าเป็นห่วง”
“บัว ไปเอายาดมมาเร็ว”
“เจ้าค่ะ”
บัวรีบวิ่งไปข้างใน ทุกคนช่วยกันปฐมพยาบาลคุณนายศรีสอางค์
เลอสรรอุ้มคุณนายศรีสอางค์เข้ามานอนที่โซฟา สร้อยเพชร เดือน เกียรติกล้าตามเข้ามา บัวถือยาดมมาส่งให้ เลอสรรซึ่งคอยดูแลใกล้ชิด ขณะสร้อยเพชรคอยนวดเฟ้นคุณนายศรีสอางค์
“ดีขึ้นมั๊ยคะคุณแม่”
“ไม่รู้เป็นอะไรอยู่ดีๆ บ้านก็หมุน”
“คงจะเป็นลมน่ะครับ คุณแม่”
“คุณพ่อก็เข้าโรงพยาบาล จู่ๆ คุณแม่ก็มาเป็นลมอีก เรื่องไปเก็บค่าเช่าที่ลานเทจะเอายังไงกันดีคะ”
“เลื่อนไปก่อนมั๊ยคะ รอจนกว่าคุณย่าจะหายดีซะก่อน”
“ไม่ได้ๆ เลื่อนไม่ได้ นัดทางโน้นไว้แล้ว ห้ามเลื่อน”
“นั่นซิคะ นัดเก็บค่าเช่าไปแล้ว ไม่ควรเลื่อนนะคะ ประเดี๋ยวพวกลูกหนี้เอาเงินไปหมุนทำโน่นทำนี่กันหมด ห้ามเลื่อนนะคะ”
“งั้นจะทำยังไงกันดี คุณแม่ก็มาป่วยกะทันหันแบบนี้”
“ไม่เห็นจะยากเลยครับ คุณพ่อก็อยู่ดูแลคุณย่าที่นี่ก็หมดเรื่องไอ้เก็บค่าเช่า ผมกับพี่เดือนไปกันเองได้” เกียรติกล้าบอก
“นั่นซิคะ ถ้าคุณแม่เกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไงกัน ไม่มีผู้ชายอยู่เลย”
เลอสรรลังเล เล็กน้อย
“ก็ได้ งั้นผมยังไม่ไปวันนี้ รอคุณแม่หายดีเมือไหร่ ผมค่อยไปก็ได้”
คุณนายศรีสอางค์แอบยิ้มสบตากับสร้อยเพชร จากนั้นก็แสร้งทำเป็นหน้ามืด มึนหัว ให้เลอสรรปฐมพยาบาล
สร้อยเพชรเดินมาส่งเดือน เกียรติกล้าลงเรือ ขจรศักดิ์และลุงมหาซึ่งรออยู่ด้านนอกรีบเข้ามาหา
“ตกลงวันนี้ล้มเลิกการเดินทางหรือเปล่าครับ”
“ไม่ยกเลิก ทุกอย่างเป็นไปตามแผนเดิม เด็กๆ ลงเรือได้แล้ว”
“เอ้อ...แล้วคุณเลอสรรละครับ”
“รายนั้นยังไงก็ไปไม่ได้ อยู่บ้านน่ะดีที่สุด”
“ใช่ครับคุณแม่ ถ้าหนนี้คุณพ่อไปด้วย ผมคงหมดสนุกแน่ จะทำอะไรก็โดนห้ามไปหมด”
“จ้ะ รีบไปกันเถอะ ขืนช้าประเดี๋ยวพ่อแกเค้าเปลี่ยนใจ จะอดสนุกกัน”
“หนูไปนะคะคุณแม่”
“จ๊ะ รีบไปรีบกลับนะแม่คิดถึง”
เรือเร็วออกจากท่าโดยมีลุงมหาเป็นคนขับ เด็กๆ โบกมือให้สร้อยเพชร สร้อยเพชรยืนโบกมือลาอย่างโล่งอก
ท่าน้ำบ้านกำนันธง กำนันธง ศรีนวล ผู้ใหญ่ต้องและคนงานอีกสองคนมายืนรอรับการเดินทางมาของคนจากกรุงเทพ สักครู่น้อยก็เดินนำดาวและบุญเหลือเข้ามาหาศรีนวลและกำนันธง
“ได้ตัวแล้วจ้ะศรีนวล ไปมัวเที่ยวยิงนกกันที่กลางทุ่งโน่น”
“เอาอีกแล้วนะ ดาว บุญเหลือ แม่บอกแล้วว่าไม่ให้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต” ศรีนวลดุ
“ก็แค่ลองปืนกันเล่นๆ น่ะแม่ ไม่ได้เอาถึงตายหรอกน่ะ”
“เฮ้ย...พูดยังไงกันวะ ไปลองปืน แต่ไม่ยิงถึงตาย”
“ก็ยิงแค่เฉียดๆ ให้มันต๊กกะใจเล่นๆ”
“งั้นตาจะเขกกะโหลกพวกเองเฉียดๆ ให้ต๊กกระใจเล่นดีไหม”
“แหะๆ ตาจ๋า ตาเขกแรงๆ เลยนะตานะ ถ้าหลานจะตายเพราะมือของตาหลานก็ยอม”
ดาวเข้าไปออดอ้อนประจบ กำนันธงใจอ่อนจะเขกหัวหลานเลยเปลี่ยนเป็นกอดหลาน
“ช่างประจบนักนะ ไอ้ดาว”
“แบ่งเศษความรักเหลือๆ มาให้ผมบ้างนะตานะๆ”
บุญเหลือเข้าไปประจบกำนันธงบ้าง
“ตาก็รักเองทั้งสองคนล่ะวะ”
“แล้วนี่แม่กับตาเรียก ดาวกับพี่บุญเหลือมามีอะไรเหรอจ้ะ”
“อีกประเดี๋ยวเจ้าของที่ดินท่านจะมาเก็บค่าเช่า ตอนนี้ก็คงใกล้จะถึงแล้ว”
“แล้วไงจ้ะ”
“แม่อยากจะขอให้ดาวกับบุญเหลือ ย้ายไปพักที่บ้านชายป่า จนกว่าพวกนี้จะกลับ”
“อ้าว ถึงกับย้ายที่พักเลยเหรอแม่”
“นั่นซิ ทุกปีเวลาเจ้าของที่ดินมาเก็บค่าเช่า พวกเราก็แค่หลบไปวิ่งเล่นที่อื่นเท่านั้น”
“พอดีปีนี้ คนที่มาเก็บค่าเช่า ไม่ใช่ท่านผู้ว่ากับลุงมหา แต่เป็นหลานของท่าน”
“เห็นว่าจะมาพักที่บ้านเราหลายวัน ตาเลยกะจะให้นอนที่ห้องของพวกเอ็งแทน”
“อ๋อ เข้าใจแล้วจ้ะ เรื่องนี้ไม่ปัญหา ไปอยู่บ้านในป่าก็สนุกดีสบายมาก”
“แต่มีอีกเรื่องนึงที่แม่อยากจะขอร้อง”
“เรื่องอะไรจ้ะ”
“แม่ไม่อยากให้เราสองคนแสดงตัวว่าเป็นลูกของแม่ ไม่เจอกันเลยยิ่งดี”
“หรือถ้าจำเป็นต้องมาหาตา หรือแม่เอ็งก็หลบๆ เอาหน่อย”
ดาวและบุญเหลืองุนงง ไม่เข้าใจเหตุผล
“นี่มันเรื่องอะไรกันจ้ะ ทำไมต้องถึงกับหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้ ดาวไม่เข้าใจเลย”
ผู้ใหญ่ต้องมองเห็นเรือเร็วซึ่งลุงมหา เดือน เกียรติกล้า ขจรศักดิ์และคนขับเรือกำลังวิ่งเข้ามา
“เรือมาแล้วศรีนวล”
“เอาไว้แม่จะอธิบายให้ฟังทีหลังนะ ตอนนี้ดาวกับบุญเหลือหลบไปก่อน เชื่อแม่นะ”
“จ้ะ ก็ได้”
“ไปดาว”
บุญเหลือรีบดึงดาวให้หลบไป ขณะที่กำนันธง ศรีนวล ผู้ใหญ่ต้องคอยต้อนรับเรือที่กำลังวิ่งเข้ามา
ดาวและบุญเหลือพากันวิ่งมาหลบหลังพุ่มไม้ เพื่อแอบดูเรือที่แล่นเข้ามาเทียบท่า
“แอบดูตรงนี้แหละพี่บุญเหลือ อยากรู้นักว่าพวกนี้เป็นใคร สำคัญอะไรนักหนา พวกเราถึงต้องระเห็ดไปนอนที่บ้านชายป่า”
“นั่นซิ แปลกจริงๆ ทำไมต้องให้หลบหน้าหลบตาด้วย”
“แต่ยังไงเราก็ต้องทำตามที่แม่บอกไว้ก่อน”
“เอาไงเอากัน”
บุญเหลือหันไปเห็นหม้อดินของชาวบ้านซึ่งตั้งไว้บนเตา จึงสะกิดดาวให้หันไปมอง
“ดาว เห็นอะไรโน่นมั๊ย”
“ทำไมเหรอ”
“ปลอมตัวไง จับพลัดจับผลูจะได้ไม่มีใครจำเราได้”
ดาวและบุญเหลือรีบไปเอาโคลนมาทาหน้า เพื่อปลอมตัว
เรือแล่นเข้ามาจอดเทียบท่าน้ำ ลุงมหารีบขึ้นจากท่ามาเป็นคนแรก เพื่อทักทายกับกำนันธงและคนอื่นๆ ขณะที่เดือน เกียรติกล้า ขจรศักดิ์ กำลังสนุกสนานกับการหยอกล้อกันอยู่ในเรือ
“สวัสดีจ้ะ ลุงมหา”
“เออ ไหว้พระเถอะ ศรีนวลปีนี้ดูเองสวยผิดหูผิดตา”
“เสียเวลาตอนออกจากบ้านกันนิดหน่อย”
“มารอนานมั้ยกำนัน โทษที” ลุงมหาหันไปพูดกับกำนันธง
“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง”
ลุงมหาหันไปหาผู้ใหญ่ต้อง
“ผู้ใหญ่ ขอแรงคนหนุ่มๆ ไปช่วยขนของในเรือหน่อย”
“ได้ซิ”
ผู้ใหญ่ต้องหันไปสั่งการคนงานให้ช่วยกันลงเรือไปขนของ เดือนเดินขึ้นมา ลุงมหารีบแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จัก
“นี่คุณเดือน เอ้อ...ลูกสาว คุณเลอสรร กับคุณสร้อยเพชร”
ศรีนวลพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกสะเทือนใจลึกๆ เอาไว้ แล้วยิ้มให้ลูกสาวของเลอสรร
“สวัสดีค่ะ”
“ผมกำนันธง กำนันตำบลลานเทครับคุณหนู “
“ผมผู้ใหญ่ต้อง เป็นผู้ใหญ่บ้านที่นี่”
“นี่คงจะเป็นแม่ศรีนวลใช่มั๊ยค่ะ”
“ใช่จ้ะ คุณหนูรู้จักศรีนวลได้ยังไงคะ”
“คุณปู่ เล่าให้ฟังก่อนมาแล้วค่ะ”
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์ เดินขึ้นเรือมาด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง วางตัวเป็นเจ้านาย
“แล้วนี่คุณเกียรติกล้า น้องชายของคุณเดือน” ลุงมหาแนะนำ
“ยินดีที่รู้จักนะคะ”
“อืม...ไหน แถวนี้มีอะไรให้ยิงบ้างเนี่ยะ”
เกียรติกล้าไม่สนใจคนที่มาต้อนรับ กลับชักชวนให้ขจรศักดิ์หาที่เที่ยวเล่น
“โน่นไง เป็ด ไก่ ที่เดินๆ อยู่แถวนั้นไง” ขจรศักดิ์บอก
“เหมาะเลย ลุง เปิดกระเป๋าเอาปืนมาลองหน่อย” เกียรติกล้าบอกลุงมหา
“ไม่ได้นะครับ เป็ดไก่พวกนั้นเป็นของชาวบ้านเลี้ยงไว้ คุณเกียรติกล้าจะเอามาเป็นที่ลองปืนไม่ได้” กำนันธงบอก
“ทำไมจะไม่ได้ แถวนี้มันที่ดินของปู่ชั้น พวกชาวบ้านแถวนี้ก็เช่าที่ดินของปู่ชั้นทั้งนั้น”
“เช่าที่ดิน แต่ทรัพย์สินอื่นๆ ก็เป็นของชาวบ้านนะค่ะ”
“นี่กล้าขัดคอชั้นเหรอ” เกียรติกล้าเริ่มขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ
“ตาเกียรติกล้า หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“ทำไมล่ะพี่เดือน พี่ก็เห็นนี่ว่า...”
“หยุดพูดนะ หัดมีมารยาทบ้างซิ ถ้าไม่เชื่อฟังพี่จะไปฟ้องคุณพ่อ”
“ก็ได้ งั้นพาเข้าที่พักก่อนซิ ยืนตรงนี้ร้อนจะตาย”
“ตามผมมา”
ผู้ใหญ่ต้อง น้อยและคนงานขนกระเป๋าเดินล่วงหน้าออกไปก่อน กำนันธง ศรีนวล พาทุกคนไปยังที่พัก
ดาวและบุญเหลือแอบมองเหตุการณ์อยู่อีกมุมหนึ่ง
“ท่าทางไอ้พวกกรุงเทพนี่ร้ายไม่เบาเลยนะพี่บุญเหลือ”
“นั่นซิ ก็เพราะแบบนี้แหละที่แม่ศรีนวลถึงไม่อยากให้เราเข้าใกล้”
“คิดว่าชั้นจะกลัวเหรอ”
“อื้อ...นั่นซิ แถวลานเทนี่ใครๆ ก็รู้ว่าดาวดุยิ่งกว่า”
“ยิ่งกว่าอะไร พูดให้ดีนะ งั้นโดน”
“ดุยิ่งกว่าเสือพอใจไหม”
“ค่อยคบกันได้หน่อย”
ผู้ใหญ่ต้องและน้อย พาคนงานขนกระเป๋าเข้ามาในบ้านแล้วคอยชี้บอกว่ากระเป๋าไหนเข้าห้องไหน จากนั้นผู้ใหญ่ต้องจึงหันมาสอบถามน้อย
“น้อยทำความสะอาดห้องเรียบร้อยแล้วนะ”
“เรียบร้อยแล้วจ้ะผู้ใหญ่”
กำนันธง ศรีนวล ลุงมหา เดือน เกียรติกล้า ขจรศักดิ์เพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน
“คุณหนูเดือนพักห้องนี้นะครับ ส่วนคุณเกียรติกล้ากับเพื่อนพักอีกห้อง”
“พักผ่อนก่อนนะคะ ประเดี๋ยวตอนเย็นพวกชาวบ้านก็มากันแล้ว”
“มาทำอะไรกันคะ”
“ก็มารอจ่ายค่าเช่าน่ะค่ะ จ่ายเสร็จชาวบ้านก็จะจัดเลี้ยงต้อนรับให้”
“ตายจริง เกรงใจแย่เลย ไม่ต้องเลี้ยงก็ได้”
“มันเป็นประเพณีของบ้านเราน่ะครับ แขกคนสำคัญมาถึงเรือนชานก็จะต้องจัดงานต้อนรับให้สมเกียรติ”
“งั้นก็คงต้องจัดงานให้ใหญ่หน่อย เพราะพวกเราเป็นหลานท่านผู้ว่า” เกียรติกล้าบอก
“คนที่นี่เค้าจัดกันตามมีตามเกิดน่ะครับคุณเกียรติกล้า งานคงไม่ใหญ่แบบในกรุงเทพหรอกครับ”
“มันก็ไม่หนุกนะซิ”
“เกียรติกล้า ชั้นว่าเราออกไปเดินเล่นกันดีกว่า”
“ดีเหมือนกัน เอาปืนไปด้วยนะ”
“นี่ อย่าไปยิงเป็ดยิงไก่ของชาวบ้านนะ ไม่งั้นเรื่องถึงคุณพ่อแน่” เดือนรีบบอก
“รู้แล้วน่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนนะครับ” ลุงมหาบอก
“ไม่ต้อง เราจะไปกันเอง”
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์พากันเดินออกไป เดือนรู้สึกขายหน้าที่น้องชายกับเพื่อนทำมารยาทไม่ค่อยเหมาะ
“เดือนต้องขออภัยแทนน้องด้วยนะคะ เอาแต่ใจตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ใครก็เอาไม่อยู่”
“ผมไม่ถือสาหรอกครับคุณหนู”
น้อยซึ่งจัดห้องเสร็จแล้ว เดินออกมาจากข้างใน ศรีนวลหันไปเห็น
“จัดห้องเรียบร้อยแล้วนะ”
“จ้ะ เรียบร้อยแล้ว”
“คุณเดือนพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ ห้องพร้อมแล้ว”
ศรีนวลพาเดือนเดินเข้าห้องพัก ผู้ใหญ่ต้องเดินเข้ามาหากำนันธงและลุงมหา
“เด็กผู้ชายสองคนนั่น ท่าทางจะเฮี้ยวไม่เบาเลยนะครับ”
“ดีนะที่ไม่เจอไอ้ดาวกับเจ้าบุญเหลือ ไม่งั้นเรื่องยาวแน่”
“หนูดาวใช่มั้ย ที่เป็นลูกของแม่ศรีนวลกับคุณเลอสรร”
“ผัวนังศรีนวลมันตายไปแล้ว ชั้นขอร้องอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก”
กำนันธงตัดบทใบหน้าเคร่งเครียด ไม่ค่อยชอบใจนัก ลุงมหารู้สึกเห็นใจและเข้าใจ
ระพีกำลังนั่งวาดแผนที่ของหมู่บ้านแบบคร่าวๆ อยู่ที่มุมหนึ่งของหมู่บ้าน สักครู่ก็เห็นจ่าสมหมายเดินเข้ามาหา
“ผู้กองครับ ผู้กอง”
“เรียกใหม่” ระพีดุ
“ขอโทษครับ เอ้อ คุณหล่อ”
“มีอะไร”
“ที่บ้านของกำนันธง มีแขกมาพัก 4 คน ชาย 3 หญิง 1 สงสัยมาจากกรุงเทพ”
“พวกไหน”
“ได้ยินว่าเป็นพวกเจ้าของที่นาจะมาเก็บค่าเช่าน่ะครับ”
“มีอะไรแอบแฝง หรือผิดปกติไหม”
“ท่าทางก็ไม่น่ามีอะไรครับ”
“ออกไปสำรวจอะไรกันดีกว่า”
ระพีกับจ่าสมหมายพากันออกไป
ดาวกับบุญเหลือกำลังเอามือหยิบโคลนทาหน้า ดาวและบุญเหลือ ซึ่งตอนนี้หน้าตามอมแมมกำลังเดินเพื่อไปยังบ้านในป่า
“ดูนั่นซิ” ระพีบอก
“นั่นดาวกับบุญเหลือใช่มั๊ยครับทำไมหน้าตามอมแมมอย่างนั้นล่ะ”
“ตามไปดูดีกว่า”
ระพีค่อยๆ ย่องลัดเลาะเพื่อเข้าไปใกล้ๆ ดาวและบุญเหลือ จ่าสมหมายรีบตามไป
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
เกียรติกล้ากับขจรศักดิ์เดินถือปืนมาเดินส่องหาเป้าหมายตามชายทุ่ง เมื่อพบอะไรน่าสนใจก็หยุดยิงเล่นกันอย่างสนุกสนาน ที่ใต้ต้นไม้กลางทุ่งมีข้องใส่ปลาแขวนไว้ เกียรติกล้าและขจรศักดิ์หยุดมองอย่างสนใจ
“เจอแล้ว เป้ายิงของเรา”
“มะ มาวัดฝีมือกันดีกว่า”
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์ ผลัดกันยิงใส่ข้องที่แขวนไว้จนกระจุยกระจาย โย่งโผล่มาเห็นก็ร้องโวยวาย
“เฮ้ย มายิงของข้าทำไม”
“นั่นใครวะ”
“ผะ ผี หรือเปล่า”
“ผีลูกกรอกเหรอ งั้นวันนี้มายิงผีกันหน่อยมั้ย”
“นายยิงก่อนเลย ยิงเลย”
เกียรติกล้ายิงเปรี้ยงไปที่โย่ง แต่โย่งกระโดดหลบได้ทัน
“อย่ายิง นี่คนนะโว้ย”
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์หัวเราะชอบใจ แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็พากันไล่ยิงโย่ง ซึ่งวิ่งหนีร้องโวยวายลั่นทุ่ง
โย่งวิ่งหนีกระสุนปืนมาตามทางในสวน ห่างออกไปเห็นดาวและบุญเหลือโผล่ออกมาจากข้างทาง ดาวและบุญเหลือเห็นเหตุการณ์ ซึ่งหากปล่อยเอาไว้ก็อาจทำให้โย่งได้รับอันตราย แต่หากผลีผลามเข้าไปก็อาจจะโดนเกียรติกล้า และขจรศักดิ์ยิงเอาได้
“ไอ้พวกนี่มันจะบ้า ไล่ยิงคน เดี๋ยวถูกเข้าละเป็นเรื่อง”
บุญเหลือวิ่งเข้าไป
“ใจเย็นพี่บุญเหลือ เข้าไปตอนนี้เดี๋ยวถูกลูกหลง”
“แต่ถ้าปล่อยไว้ พี่โย่งตายแน่”
ควายสองตัวกำลังกินหญ้าอยู่ใกล้ๆ ดาวหันไปมองเลยได้ความคิด
“พี่บุญเหลือ ตามมา”
ดาวโดดขึ้นไปขี่ควาย แล้วควบไป บุญเหลือขี่อีกตัวแล้วควบตาม
ดาวและบุญเหลือควบควายวิ่งเข้าใส่เกียรติกล้าและขจรศักดิ์ซึ่งทั้งคู่ไม่ทันตั้งตัวจึงตกใจที่จู่ๆ ควายก็วิ่งเข้าใส่ จึงพากันวิ่งหนี
“เฮ้ย อะไรวะ”
“หนีเร็ว”
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์ วิ่งหนีไปตามทาง แต่แล้วก็พลัดตกลงไปในคูน้ำข้างทาง
ดาวและบุญเหลือโดดลงจากหลังควายมายืนหัวเราะเยาะ โย่งรีบวิ่งเข้ามาสมทบ ขณะที่เกียรติกล้าและขจรศักดิ์ตะเกียกตะกายขึ้นบนฝั่ง
“จัดการมันเลย พี่ดาว พี่เหลือ เอาเลย” โย่งบอก
“เฮ้ย ไม่รู้เหรอว่าพวกเราเป็นใคร” ขจรศักดิ์ถาม
“เป็นใครก็ช่าง พวกแกบ้าหรือไง มาไล่ยิงคน” ดาวบอก
“คอยดู ชั้นจะฟ้องปู่ให้ไล่พวกแกออกไป ไอ้พวกหน้ามอม”
“คิดว่าตัวเองใหญ่นักเหรอ อยากไล่ก็เข้ามาเลย”
“ท้าเหรอ”
เกียรติกล้าพุ่งเข้าใส่หมายจะทำร้าย แต่บุญเหลือหลบทัน จากนั้นก็เกิดตะลุมบอนกันโดยดาวสู้กับเกียรติกล้า บุญเหลือสู้กับขจรศักดิ์ โย่งคอยช่วย
ระพีและจ่าสมหมายซึ่งแอบดูอยู่ที่มุมหนึ่ง รู้สึกว่าหากปล่อยให้สู้กันต่อไป เกียรติกล้าและขจรศักดิ์คงเจ็บตัวแน่จึงรีบออกจากที่ซ่อนไปช่วยห้าม
“พอๆ หยุดได้แล้ว หยุด”
“ขอที น้อง ขอทีๆ”
บุญเหลือได้ยินเสียงขอทีๆ เลยหันไปชกเปรี้ยง ทำให้จ่าสมหมายล้มลง เกียรติกล้าและขจรศักดิ์สู้ไม่ได้ ลงไปฟุบ ขณะที่ดาวเข้าใจผิดคิดว่าระพี และจ่าสมหมายเป็นพวกเดียวกับเกียรติกล้าและขจรศักดิ์จึงหันมาเล่นงาน ระพี และจ่าสมหมาย ได้แต่ปัดป้อง แล้วถอยหนีไม่สู้ด้วย
“ไม่เอาๆ พอได้แล้ว พอๆ”
“ผู้หญิงอะไรวะ หมัดหนักเป็นบ้า”
“แก 2 คนเป็นพวกเดียวกันใช่มั้ย”
“เปล่าๆ”
“ถ้าไม่ใช่พวกเดียวกันแล้วเข้ามายุ่งทำไม”
“ใจเย็นซิ ที่เข้ามาห้ามก็เพราะไม่อยากให้ทะเลาะกัน”
“ใช่ๆ ค่อยๆ พูด ค่อยจากันก็ได้”
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นมา
“เป็นไงจะเอาอีกไหม” ดาวถามเกียรติกล้า
“แกจำเอาไว้ เรื่องนี้ถึงปู่ชั้นแน่”
“นึกว่ากลัวเหรอ ขี่ม้าสามศอกไปบอกได้เลย ชั้นจะได้ฟ้องปู่แกว่า แกไล่ยิงพี่โย่ง”
“ใช่ๆ สองคนนี้เอาปืนมาไล่ยิงชั้น”
“อ้าว แบบนี้ข้อหาพยายามฆ่าซิครับ”
“คุกนะน้อง ถ้าเรื่องถึงตำรวจ”
“ไม่กลัวเว้ย พ่อชั้นเป็นตำรวจ จ้างก็ไม่กลัว”
พูดจบเกียริตกล้าและขจรศักดิ์ก็อาศัยทีเผลอ ผลักดาว บุญเหลือและโย่งลงน้ำ ทำให้ใบหน้าของทั้งคู่ที่มอมแมม ถูกน้ำล้างออกไป
“เล่นทีเผลอนี่หว่า”
“ฮ่ะๆ ทีใครทีมันซิวะ ฮ่ะๆ หน้าตาดีด้วยนี่”
ดาว บุญเหลือวิ่งขึ้นมาจากน้ำจะไปเล่นงานเกียรติกล้าและขจรศักดิ์อีก
“มาคราวนี้เอาแกตายแน่”
“มาขึ้นมาเลย”
เกียรติกล้า ขจรศักดิ์วิ่งหนีไป
“อย่าหนีซิวะ”
ดาว และบุญเหลือตะโกนโวยวาย ระพีและจ่าสมหมายแอบหัวเราะหึๆ ดาวหันไปมองระพีแล้วหมั่นไส้ที่ระพีหัวเราะเยาะตน
จบตอนที่ 4
อ่านต่อตอนที่ 5 เวลา 17.00น.