นางร้ายสายลับ ตอนที่ 8
สุรีกานต์เปลี่ยนชุดเรียบร้อย เดินฟึดฟัดหอบสัมภาระมายัดใส่หลังรถตัวเองอย่างโมโห ยัดของไปก็ด่าไป
“ฉันอยู่กับตานี่มาได้ยังไงตั้งหลายวันเนี่ย ทั้งปากร้ายหยาบคาย ป่าเถื่อน ชอบบังคับ ฉวยโอกาส ไม่มีข้อดีเลยสักนิด ไม่รู้ว่ายัยคุณหนูแพรไหมอะไรนั่นมาหลงรักได้ยังไง”
นฤเบศในชุดอยู่บ้านเดินออกมาทันได้ยินเธอบ่นพึมพำอยู่คนเดียว
“ยังไม่กลับอีกเหรอคุณ จะไปก็ไปสักที ยืนบ่นอะไรอยู่ได้”
นฤเบศยิ้มกวนๆใส่ แล้วเดินผละไปทางสวน สุรีกานต์กระแทกปิดฝาท้ายรถอย่างแรงด้วยความโมโห ก่อนจะเดินเร็วๆตามไป
นฤเบศยืนถือสายยางรดน้ำรดต้นไม้อยู่ สุรีกานต์ที่ยืนมองอยู่ข้างหลังอย่างหมั่นไส้ เหลือบไปเห็นสายยางอีกเส้นอยู่ไม่ไกล เลยย่องไปหยิบสายยางแล้วเปิดก๊อก ฉีดใส่เขาทันที
“เฮ้ย ทำอะไรของคุณเนี่ย”
“เอ๊า ก็ช่วยคุณรดน้ำต้นไม้น่ะสิ”
“นี่คุณรดตัวผมต่างหาก”
สุรีกานต์เสียงสูง
“เปล่านะ ฉันรดต้นไม้แต่คุณมายืนขวางทางน้ำเอง”
“เหรอ”
“นฤเบศเดินเข้าหา สุรีกานต์เดินถอยหลัง
“เอามานี่เลย ยัยนางร้ายตัวแสบ”
นฤเบศเอาสายยางของตัวเองฉีดเข้าใส่ สุรีกานต์ก็ไม่ยอมฉีดน้ำกลับ ยื้อยุดแย่งกันไปมา เปียกปอนกันทั้งคู่ จากที่โกรธๆก็กลายเป็นมีรอยยิ้มไม่รู้ตัว นฤเบศหัวเราะลั่นที่ได้แกล้ง สุรีกานต์ก็เอาคืนแกล้งกลับ จังหวะที่เขาย่อตัวหลบ สุรีกานต์ก็ฉีดน้ำใส่คนที่เดินเข้าบ้านมาแบบไม่มีใครรู้ ทั้งคู่ชะงัก นฤเบศตาค้าง
“ป้ามล”
ป้ามลในสภาพเปียกไปเกือบทั้งตัวยืนนิ่ง มองหน้านฤเบศ ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองสุรีกานต์ยืนทำหน้าไม่ถูก ได้แต่ส่งยิ้มแหยๆให้
ป้ามลมองสุรีกานต์ที่นั่งเจี๋ยมเจี๊ยมเช็ดผมอยู่บนโซฟาอย่างครุ่นคิด ท่าทางไม่ค่อยชอบสุรีกานต์เพราะติดภาพลักษณ์นางร้ายจากในละครนฤเบศแนะนำ
“อ่า ป้ามลครับ นี่เพื่อนผม คุณสุรีกานต์ ป้ามลก็น่าจะรู้จักใช่มั้ยครับ”
“ป้าไม่ยักรู้ว่าคุณหนูมีเพื่อนเป็นดาราด้วย”
สุรีกานต์นิ่งไปนิดก่อนจะหลุดขำพร๊วดออกมาเพราะคำว่าคุณหนู นฤเบศหันไปถลึงตาดุใส่ ป้ามลเสียงไม่พอใจ
“คุณขำอะไรคะ”
“อ๋อ เปล่าค่ะ แค่ป้ามลถามเหมือนคุณแพรไหมเลย”
ป้ามลหันไปถาม ท่าทางดีใจ
“คุณหนูได้เจอคุณไหมแล้วเหรอคะ”
“ครับ น้องไหมมาหาที่นี่เมื่อวันก่อน”
“โธ่ เสียดาย ป้าอยากเจอคุณไหม ไม่ได้เจอตั้งหลายปีแล้ว คุณไหมตัวโตขึ้นบ้างหรือเปล่าคะ ตอนเด็กๆตัวนิดเดียว วิ่งตามคุณหนูตลอดเลย”
ป้ามลพูดถึงแพรไหมท่าทางมีความสุข สุรีกานต์เบ้ปากเคืองๆแพรไหมอย่างไม่รู้ตัว เธอบ่นเบาๆ
“วิ่งตามตั้งแต่เด็กยันโต”
ป้ามลนึกได้
“เอ๊ะ งั้นแสดงว่าวันก่อนคุณหนูก็พาเพื่อนมาที่บ้านแล้วเหรอคะ”
“เอ่อ...คือ...คุณสุรีกานต์ เธอมีปัญหานิดหน่อย เลยขอมาพักอยู่ด้วยชั่วคราวน่ะครับ”
ป้ามลตาโตกับคำบอกเล่าของนฤเบศ สุรีกานต์อาศัยจังหวะเงียบ รีบแทรกขึ้นมายกมือไหว้
“สวัสดีค่ะป้ามล ขอเรียกเหมือนคุณสารวัตรนะคะ โซ่กำลังจะกลับพอดี ขอโทษที่มารบกวนหลายวัน ลาเลยล่ะกันค่ะ…ขอบคุณนะคุณสารวัตรสำหรับ 3 วัน 3 คืนที่ผ่านมานะ ฉันไปล่ะ”
สุรีกานต์หันไปไหว้ป้ามลอีกครั้ง ป้ามลตกใจตาค้างแต่ก็รับไหว้อย่างมึนๆ
“คุณ เดี๋ยวผม…”
นฤเบศจะเดินตามแต่ถูกป้ามลดึงแขนไว้ก่อนพูดเสียงเข้มใส่
“คุณหนู อย่าบอกนะคะว่าเพื่อนคุณหนูมาพักที่นี่ 3 วัน 3 คืนแล้ว”
นฤเบศอึกอัก ถอนหายใจ
“ครับ”
ป้ามลอึ้งไป
“คุณหนู ทำไมทำแบบนี้คะ ถึงจะเป็นเพื่อนกัน แต่เธอก็เป็นผู้หญิง มานอนในบ้านผู้ชายสองต่อสองแบบนี้ คนรู้เข้าจะเสียหาย ยิ่งเธอเป็นดาราดังด้วย แล้วคุณหนูไปรู้จักเธอได้ยังไงคะ”
“เอ่อ...คือ...รู้จักผ่านงานน่ะครับ”
“สนิทกันถึงขั้นพักค้างคืนอ้างแรมด้วยกันได้เลยหรือคะ”
“อ่า ก็ประมาณนั้นแหละครับ”
ป้ามลมองอย่างจับผิด สงสัยในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ นฤเบศได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ หลบสายตา
สุรีกานต์เดินยิ้มๆออกมาจากบ้าน
“วางระเบิดเล่นนิดเดียวเอง คงไม่ช็อคหรอกนะ อยากหวงเป็นงูจงอางดีนัก ฉันไม่ได้อยากได้สักหน่อย เชิญเก็บไว้ให้คุณหนูไหมของป้าเหอะ”
สุรีกานต์ยักไหล่ ทำเป็นไม่แคร์ กำลังจะเปิดประตูรถ สายตาก็ไปหยุดอยู่ที่สวน สุรีกานต์มองนิ่ง
สุรีกานต์เดินตรงเข้ามาที่กระถางต้นแอบรักที่ถูกจัดไว้เป็นระเบียบในมุมหนึ่งของสวน นั่งยองๆ มอง
“ปากบอกยังไม่รักใคร แต่ในใจอาจจะมีใครแล้วก็ได้…อาจจะเป็นคุณหนูแพรไหมก็ได้ ท่าทางสนิทกันอยู่ แถมป้าก็เชียร์สุดตัวสุดโต่งขนาดนั้น”
สุรีกานต์เบ้ปากหมั่นไส้ ก่อนจะสะบัดหัวเลิกคิด ยื่นมือไปจับต้นแอบรักอย่างหลงใหล
“เอ๊ะ...งั้นต้นนี้ ตานั่นก็อาจจะ…”
สุรีกานต์ลุกพรวด ขมวดคิ้วมุ่น ก้มมองต้นแอบรักอย่างครุ่นคิด
สุรีกานต์วางต้นแอบรักลงตรงระเบียง ของคอนโด
“มาอยู่กับฉันสักต้นล่ะกันนะ รับรองฉันเลี้ยงดีไม่แพ้ตานั่นหรอก”
สุรีกานต์มองยิ้มๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอกดรับ ตาก็มองต้นแอบรัก
“มีอะไรวุ้น… คิวละครวันนี้ เออ ฉันไม่ลืมหรอกน่า…เดี๋ยวรีบไป แค่นี้นะ”
สุรีกานต์ยิ้มให้ต้นไม้อีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป
ในกองละครตะวันสีรุ้ง...สุรีกานต์ในบทวิลาสินี เข้าฉากซีนอารมณ์กับกวินซึ่งรับบทเป็นตะวันฉาย
“ผมขอโทษวิลาสินี ผมผิดเอง ผมคิดว่าผมอาจจะรักคุณได้ในสักวันนึง แต่ตอนนี้ผมคิดดีแล้ว ผมไม่มีวันรู้สึกกับคุณได้มากกว่าน้องสาวหรือเพื่อนคนหนึ่ง”
สุรีกานต์น้ำตาคลอหน้าตาเจ็บแค้น
“ทำไมคะตะวันฉาย ฉันมีอะไรที่สู้หญิงรุ้งไม่ได้เหรอ ฉันอาจจะไม่ได้มียศถาบรรดาศักดิ์เหมือนหญิงรุ้ง แต่ฉันก็รวยไม่แพ้ใคร ถึงหญิงรุ้งจะสาวจะสวย แต่ฉันก็มีประสบการณ์มากกว่า ไม่เชื่อ ฉันจะพิสูจน์ให้คุณดู”
วิลาสินีจับหน้ากวินโน้มลงมา แววตายั่วยวนจนตะวันฉายเคลิ้ม ปากของทั้งคู่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่อยู่ดีๆ สุรีกานต์ก็นึกถึงจูบอุบัติเหตุขึ้นมาเธอชะงัก ผลักกวินออกทันที อายอดตะโกนลั่น
“คัท”
สุรีกานต์เขินหน้าแดง กวินก็เขิน แต่ก็แอบเหลือบมองท่าทีของเธอ อายอดถามแซวๆ
“อะไรกันโซ่ ปกติจูบมุมกล้องแบบนี้เทคเดียวผ่านฉลุยเลยนะ หรือเห็นหน้าคุณกวินแล้วหมดอารมณ์”
“อาก็ อย่าแซวสิคะ เดี๋ยวโซ่ขอใหม่อีกทีนะ”
“ได้ๆ คุณกวินก็ช่วยบิ๊วอารมณ์โซ่มันหน่อยนะครับ” อายอดหัวเราะ
กวินพยักหน้าเขินๆ แก้วดารายืนรอเข้าฉากอยู่ข้างๆ เบ้ปากหมั่นไส้ มีวุ้นกรอบยืนมองลุ้นๆอยู่ไม่ไกล แก้วดาราบ่นดังๆ
“หาเรื่องเทคให้ได้ถ่ายใหม่ล่ะสิ”
วุ้นกรอบหันขวับ
“แหม คุณน้องแก้วอยากเป็นแสตนอินแทนเจ๊โซ่เหรอไงคะ ไม่ได้นะคะ เป็นนางเอกต้องเรียบร้อย จูบปากผู้ชายก่อนไม่ได้ แต่ถ้าอยากเล่นบทนี้จริง คุณน้องแก้วต้องไปเล่นเป็นนางร้ายนะคะ เผลอๆอาจจะเล่นได้ดีกว่าบทนางเอกก็ได้”
“อ๊าย นังวุ้นเน่า”
แก้วดาราจะถลาไปหาแต่เกี๊ยวกุ้งรีบโผมาดึงไว้
วุ้นกรอบลอยหน้าลอยตาใส่
“โกรธอะไรคะน้องแก้ว พี่วุ้นแค่ให้คำแนะนำเฉยๆเองนะคะ”
อายอดหันมาปราม
“ตรงนั้นนะพอได้แล้ว จะถ่ายต่อแล้ว กองละครนะไม่ใช่เวทีมวย อยากกัดกันมากก็รอปิดกล้องก่อนแล้วจะพาไปเวทีราชดำเนิน เอ้า ถ่ายต่อๆ”
แก้วดาราฮึดฮัดขัดใจ วุ้นกรอบเบ้ปากใส่อย่างสะใจ สุรีกานต์มองไปทางวุ้นกรอบกับแก้วดารา ก่อนจะหันกลับมาแล้วสบตากวินพอดี ต่างคนต่างเขิน
กวินและสุรีกานต์เดินเคียงคู่มาตามทางเดินร่มรื่น
“วันนี้คุณเบศไม่ได้มาด้วยเหรอครับ”
“อ่า ค่ะ พอดีเขาไม่ค่อยสบาย โซ่เลยให้พัก”
“อ๋อครับ แล้วคุณโซ่มีถ่ายต่ออีกหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีแล้วล่ะค่ะ วันนี้หมดแล้ว”
“มีงานต่อหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีค่ะ”
“แล้วต้องไปธุระที่ไหนต่อหรือเปล่าครับ หรือว่าจะกลับบ้านเลย”
สุรีกานต์หัวเราะ
“คุณวินมีอะไรกับโซ่หรือเปล่าคะ”
กวินท่าทางเขินๆ
“อ่า คือ ถ้าคุณโซ่ไม่มีธุระต่อที่ไหน ไปดูหนังกันมั้ยครับ”
สุรีกานต์อึ้ง ดีใจ
“เอ่อ คือ โซ่…”
กวินคิดว่าสุรีกานต์ลำบากใจ
“อ่า ถ้าคุณโซ่ไม่สะดวกไม่เป็นไรนะครับ คือผม…”
สุรีกานต์รีบสวนขึ้นมา
“สะดวกค่ะ สะดวกมาก”
สุรีกานต์ตอบไปรวดเร็วจนอายตัวเอง ได้แต่ยืนยิ้มเขินๆบิดไปบิดมา กวินก็อึ้งไปกับคำตอบของเธอแต่พอเห็นท่าทางเขินๆของเธอก็ยิ้มอย่างมีความหวัง
ทีมเดอะซันนั่งคุยกันอยู่ที่มุมห้องนั่งเล่น แต่ละคนมีแผลฟกช้ำตามตัว
“สารวัตรคร๊าบ พวกเราขยันเกินเงินเดือนไปมั้ยคร๊าบ สภาพแบบนี้ยังถ่อสังขารกันมาประชุมอีก” จ่ายมบ่น
“เพราะคิดแบบนี้ จ่าถึงเป็นจ่ามาตลอดนี่ไงล่ะ” อัศวินแดกดัน
จ่ายมอึ้ง
“โห ผู้กองครับ ผมแค่แซวเล่นผ่อนคลายบรรยากาศ ผู้กองเล่นซะผมจิตตกเลย”
นฤเบศตัดบท
“เรารอเวลาไม่ได้แล้ว พลูโตมันต้องเริ่มสงสัยแล้วว่าใครตามมันอยู่ และเพื่อไม่ให้เราตามจับมันได้ มันต้องรีบปล่อยยาเร็วขึ้นแน่”
ประเสริฐเห็นด้วย
“ผมก็คิดแบบนั้นครับ เราบุกไปที่โกดังมันถึงสองครั้ง มันต้องระวังตัวมากขึ้นแน่ ทีนี้เราก็จะตามประกบมันได้ลำบากยิ่งขึ้น”
จ่ายมหวาดๆ
“เผลอๆถ้ามันรู้ว่าเราเป็นตำรวจ มันอาจจะส่งคนมาจัดการเราก็ได้นะครับ”
“เมื่อคืนมันมืดและชุลมุนมาก ผมว่าริชาร์ดยังไม่น่ารู้ว่าเราเป็นใคร” อัศวินออกความเห็น
นฤเบศหนักใจ
“แต่ยังไงเราก็ห้ามประมาท ระวังตัวกันให้มากขึ้นด้วย ผมคิดว่าตอนนี้เราต้องรู้ให้ได้ก่อนว่ามันย้ายของไปไว้ที่ไหน ก่อนมันจะส่งต่อยานรกนั่นไปให้เอเย่นต์รายอื่น”
ปรีติหันมาถาม
“แล้วเราจะใช้แผนไหนต่อดีครับสารวัตร”
“ผมจะให้สายลับเนปจูนไปประกบมันแทน”
นฤเบศหน้าตาแน่วแน่ ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
หน้าโรงภาพยนตร์ในห้างสรรพสินค้า...สุรีกานต์กับกวินยืนเลือกหนังที่จะดูอยู่ที่ป้าย สายตากวินมองหนังต่างประเทศประเภทรักโรแมนติก แต่สายตาสุรีกานต์มองหนังฆาตรกรรมสืบสวนสอบสวนแทน
“คุณโซ่อยากดูเรื่องไหนครับ ผมว่าเรื่องนี้…”
สุรีกานต์ไม่ทันได้ฟัง
“เรื่องนี้เป็นไงคะ” เธอจิ้มป้าย “โซ่อยากดูตั้งแต่มันเพิ่งเข้าใหม่ๆแล้ว ไม่ว่างมาดูเลย คุณวินดูหรือยังคะ”
“อ่า ยังครับ คุณโซ่ชอบแนวนี้เหรอครับ”
“ค่ะ โซ่ว่ามันตื่นเต้นลึกลับซับซ้อนดี ดูไปก็เดาไปด้วย สนุกดีค่ะ”
“งั้นดูเรื่องนี้กันเถอะครับ”
“แต่คุณวินอยาก…”
“ผมตามใจคุณโซ่ครับ ผมเป็นคนชวนคุณมานี่นา”
สุรีกานต์หัวเราะ
“งั้นไม่เกรงใจล่ะนะคะ”
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ก่อนจะพากันเดินไปซื้อตั๋ว
กวินพาสุรีกานต์เดินเข้าไปนั่งในโรงหนัง สุรีกานต์ยิ้มเขิน จินตนาการในหัวว่าเขาอาจจะเนียนมาจับมือหรือเอนมาซบตอนดูหนัง เธอคิดแล้วก็ เขินอยู่คนเดียว ก่อนจะได้สติหันไปมองกวิน เห็นยังนั่งนิ่งก็สลัดหัวให้หายเพ้อ แล้วตั้งใจดูหนังบนจอ หนังต่างประเทศในจอเป็นเรื่องราวของตำรวจสืบสวน แต่อยู่ดีๆสุรีกานต์ดันนึกถึงหน้านฤเบศซ้อนทับกับนักแสดงในจอ เธอตกใจก่อนจะสะบัดหัวไล่ภาพความคิดอย่างเอาเป็นเอาตาย กวินกระซิบ
“คุณโซ่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
สุรีกานต์รีบยิ้มหวาน ส่ายหน้าเบาๆ
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
สุรีกานต์หันหน้ากลับไปตั้งใจดูหนังต่อ กวินมองอย่างสงสัย แต่ก็หันกลับไปมองจอต่อ สุรีกานต์เห็นกวินเลิกสนใจตัวเอง ก็แอบเบือนหน้าไปอีกทาง สุรีกานต์บ่นเบาๆ
“ไอ้สารวัตรบ้า ตามมาหลอกหลอนอยู่ได้”
หลังจากดูหนังเสร็จ กวินพาสุรีกานต์เดินช็อปปิ้งต่อ ทั้งคู่เดินดูของเข้าออกตามร้านต่างๆอย่างสนุกสนาน ยิ้มแย้มให้กันอย่างมีความสุข แต่สุรีกานต์เดินไม่ทันระวังทำให้รองเท้าส้นสูงส้นหัก
“อ๊ะ”
เธอก้มมองรองเท้า เห็นส้นหักก็ขมวดคิ้วอย่างเซ็งๆ
“รองเท้าส้นหักหรือครับ”
“ค่ะ สงสัยวันนี้เดินสนุกมากไปหน่อย”
“งั้นไปซื้อรองเท้าคู่ใหม่กันเถอะครับ ส้นหักแบบนี้คุณโซ่เดินไม่ถนัดแน่ ไปครับ”
กวินเดินเข้ามาทำท่าจะพยุงสุรีกานต์ แต่ก็ชะงักแล้วมองหน้าเธออย่างเขินๆ
“อ่า ขออนุญาตนะครับ”
กวินเอื้อมมือไปจับแขนของเธอแล้วพาเดินไปด้วยกัน สุรีกานต์เกรงใจแต่เห็นท่าทางสุภาพบุรุษและแสนห่วงใยของเขาแล้วก็เขินจนรู้สึกเหมือนตัวจะลอยได้ แอบยิ้มอย่างมีความสุขและปล่อยให้เขาพาไป
กวินพาสุรีกานต์มาที่ร้านรองเท้า แล้วปล่อยให้เธอเดินดูรองเท้าไป ส่วนตัวเองก็เดินตามเงียบๆ สุรีกานต์สะดุดกับรองเท้าส้นสูงคู่หนึ่ง หยิบมาดูอย่างถูกใจ แต่พอเห็นป้ายราคาก็ตัดใจวางลงที่เดิมบ่นเบาๆ
“จะแพงไปไหนเนี่ย รอซื้อตอนเซลล์เอาก็ได้ ชิ”
“ชอบคู่นี้เหรอครับ”
“อ๋อ เปล่าค่ะ เห็นสวยดี แต่เดี๋ยวลองเดินดูคู่อื่นๆก่อนดีกว่า”
สุรีกานต์ยิ้มให้แล้วผละไป กวินมองตาม แล้วหันกลับมามองรองเท้าคู่นั้นอย่างครุ่นคิด สุรีกานต์ตัดสินใจไม่ถูกเพราะราคารองเท้าแต่ละคู่แพงเกินไปทั้งนั้น เธอบ่นเบาๆ
“ไม่ไหว สวยก็จริงแต่ซื้อไม่ลง… เอาไงดีนะ”
เธอนิ่งคิด แล้วเดินไปหากวินที่ยืนดูรองเท้าไปเรื่อย
“คุณวินคะ”
“ครับ คุณโซ่เลือกได้แล้วหรือครับ”
“เปล่าค่ะ แต่โซ่ว่า...เราไปดู…”
เธอยังพูดไม่จบ พนักงานหญิงถือรองเท้าเข้ามา
“รองเท้าเบอร์ที่ต้องการได้แล้วค่ะ”
กวินยิ้มให้พนักงานรับรองเท้ามาถือไว้เอง แล้วดึงสุรีกานต์ที่ยืนงงอยู่ในนั่งลงที่เก้าอี้ กวินนั่งคุกเข่าลงที่พื้น ดึงข้อเท้าเธอเข้ามาหาตัวสุรีกานต์ตาโต พยายามดึงเท้าตัวเองกลับ
“เดี๋ยวค่ะคุณวิน อะไรคะเนี่ย”
“ก็ลองรองเท้าไงครับ นี่ผมให้น้องเขากะไซส์รองเท้าคุณโซ่ดู คุณโซ่ลองใส่ดูสิครับว่าพอดีมั้ย”
สุรีกานต์อึกอัก
“คุณวินคะ แต่โซ่…”
“ลองดูเถอะครับ รองเท้าคู่ถูกใจไม่ได้หาได้ง่ายๆนะครับ… มาครับ เดี๋ยวผมช่วยใส่”
“เอ้ย ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง เดี๋ยวโซ่ใส่เอง”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมช่วย”
กวินดึงรองเท้าคู่เก่าออก และใส่คู่ใหม่ให้อย่างเบามือ สุรีกานต์มองกวินที่ก้มหน้าก้มตาให้อย่างปลื้มๆ
“เรียบร้อยแล้วครับ พอดีจริงๆด้วย คุณโซ่ลองเดินดูสิครับ”
สุรีกานต์ถูกกวินดึงให้ลุกขึ้นอย่างสุภาพ เธออึกอักแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ได้แต่ลองเดินโดยมีเขามองตาม
“เป็นไงครับ คุณโซ่ชอบมั้ย”
“เอ่อ ก็ชอบค่ะ แต่ว่า…”
“งั้นเอาคู่นี้ครับ เดี๋ยวใส่ไปเลย”
กวินหันไปบอกพนักงานหญิงคนเดิม แล้วหยิบกระเป๋าตังค์ยื่นเครดิตการ์ดส่งให้ พนักงานรับไปอย่างยินดี
“คุณวิน ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวโซ่จ่ายเอง”
“ไม่เป็นไรครับ ถือเป็นของขวัญจากผม”
สุรีกานต์ชะงัก
“ของขวัญ เนื่องในโอกาสอะไรคะ”
“โอกาสที่เราได้รู้จักกัน…และได้ร่วมงานกันยังไงล่ะครับ”
กวินยิ้ม มองสุรีกานต์อย่างมีความหมาย สุรีกานต์อึ้งไป นึกคำพูดต่อไม่ถูก พนักงานเดินเข้ามาพอดี กวินเซ็นต์ชื่อในสลิปและรับถุงรองเท้าคู่เก่าจากพนักงานมาถือไว้ พนักงานขอบคุณ
“ไปกันเถอะครับคุณโซ่”
กวินเดินนำออกไป สุรีกานต์หน้ายุ่งๆไม่รู้จะทำไงดีรีบเดินตามออกไป
กวินหันมามองสุรีกานต์ที่เดินออกมาหน้าตาเครียดๆ
“คุณโซ่ไม่ต้องซีเรียสหรอกครับ ผมอยากซื้อให้จริงๆ”
“แต่โซ่เกรงใจน่ะค่ะ”
“คุณโซ่ไม่เคยได้ยินเหรอครับ ที่มีคนบอกว่ารองเท้าที่เหมาะกับเรา หาไม่ยาก และไม่ง่าย แต่ถ้าเจอคู่ที่ถูกใจก็ให้รีบตัดสินใจซื้อ ก่อนที่จะถูกคนอื่นมาชิงตัดหน้าไปก่อน เพราะรองเท้าคู่นั้นอาจจะเป็นคู่เดียวในโลกที่เหมาะกับเรามากที่สุดก็ได้”
“โอเค โซ่ยอมแพ้แล้วค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับรองเท้าคู่ถูกใจโซ่คู่นี้ แต่ว่าคุณวินต้องให้โซ่ซื้ออะไรให้ด้วยเป็นการตอบแทนนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
สุรีกานต์รีบสวน
“ไม่ได้ค่ะ โซ่ก็อยากให้ของขวัญเนื่องในโอกาสที่เรา เอ่อ...เรารู้จักและได้ร่วมงานกันเหมือนกัน คุณวินอยากได้อะไรคะ”
กวินหัวเราะ
“ผมไม่มีอะไรอยากได้เลยครับ”
“ไม่เอาสิคะ บอกมาอย่างนึง เดี๋ยวโซ่ซื้อให้”
กวินแกล้งทำท่านึกๆ
“อืม จะว่าไปก็มีอยู่หนึ่งอย่างที่ผมอยากได้ตอนนี้”
“อะไรคะ”
กวินมองหน้า ยิ้ม
“เวลาว่างของคุณโซ่ครับ”
สุรีกานต์อึ้ง
“คะ”
“ผมอยากได้เวลาว่างของคุณโซ่ ถ้าคุณโซ่ว่าง เราไปเที่ยวด้วยกันอีกได้มั้ยครับ”
สุรีกานต์อึ้งจนพูดไม่ออก มองกวินที่ยิ้มอย่างรอคอยคำตอบ สุรีกานต์เขินจัดแต่ก็พยักหน้าตกลงออกไปในที่สุด พร้อมยิ้มหวานให้กวินปิดท้าย กวินยิ้มกว้างออกมาอย่างยินดี
กวินและสุรีกานต์เดินช็อปปิ้งกันต่อ สุรีกานต์นิ่วหน้าเริ่มเจ็บเท้าเพราะรองเท้ากัดแต่ก็เกรงใจไม่กล้าบอกเขาทนเดินทั้งๆที่เจ็บเท้า พยายามทำสีหน้ายิ้มแย้มและเดินปกติไม่ให้เขาเห็น โทรศัพท์ของเธอดังขึ้น สุรีกานต์หยิบออกมาดู เห็นหน้าจอว่า “สารวัตรปากร้าย” ก็หน้าหงิก
“คุณวินคะ โซ่ขอตัวคุยโทรศัพท์แป๊บนึงนะคะ”
“ได้ครับ”
กวินยิ้มและหันไปยืนดูของหน้าดิสเพลย์แทน สุรีกานต์เดินเลี่ยงออกมาเล็กน้อย
“ตามหลอกหลอนฉันไม่เลิกเลยนะ” เธอเบ้ปากใส่โทรศัพท์ก่อนจะกดรับ “มีอะไร…ห๊ะ ให้ไปหา ตอนนี้เนี่ยนะ...ไม่ได้ ฉันไม่ว่าง…ก็ ทำธุระอยู่ ธุระอะไรน่ะเหรอ” เธอหันหลังไปมองกวิน “ธุระสำคัญ จริงๆนะคุณ…นี่คุณ ฉันไม่ไปตอนนี้นะ ฮัลโหลๆ คุณ…ฮึ่ย ไอ้สารวัตรบ้าอำนาจ บังคับอยู่ได้”
สุรีกานต์ได้แต่ยืนกระทืบเท้าฮึดฮึดขัดใจ ถอนหายใจเซ็งๆแล้วเดินไปหากวินที่ยืนดูของรออยู่
“คุณวิน โซ่ขอโทษนะคะ โซ่มีธุระด่วน ต้องรีบไปตอนนี้เลย”
กวินอึ้ง
“ไม่เป็นไรครับคุณโซ่”
“โซ่ขอโทษจริงๆนะคะ ไว้ครั้งหน้าเรามากันใหม่ โซ่ไม่เบี้ยวแน่ๆ”
กวินหัวเราะ
“ได้ครับ ผมจะรอครั้งหน้า วันนี้ผมสนุกมาก ขอบคุณที่มาเที่ยวเป็นเพื่อนนะครับ”
“โซ่ก็สนุกมากค่ะ ขอบคุณสำหรับรองเท้าด้วยนะคะ”
“ยินดีครับ”
“งั้นโซ่ไปก่อนนะคะ”
“ครับ ขับรถดีๆนะครับ”
สุรีกานต์รับถุงรองเท้าจากกวินแล้วยิ้มหวานให้ก่อนเดินแยกไปอีกทาง กวินมองตามเธอไปจนลับตาก่อนจะหายใจเข้าปอดลึกๆแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
สุรีกานต์เดินหน้าเซ็งเข้ามา ข้างสนามฟุตบอล
“ทำไมไม่รู้จักหาที่นัดคุยดีๆ เหมือนชาวบ้านเขาบ้างนะ”
สุรีกานต์เดินมาหยุดมองซ้ายขวาหานฤเบศ ก่อนจะสะดุดกับกลุ่มคนที่เตะฟุตบอลเล่นกันอยู่ในสนามอย่างสนุกสนาน สุรีกานต์นิ่วหน้าเพ่งมอง
“นี่ฉันลืมไปได้ยังไงนะ ทุกที่ที่ตานี่นัดเพราะตัวเองทำธุระอยู่ก่อนแล้วทั้งนั้น…แล้วแผลหายแล้วหรือไงถึงมาเตะบอลสบายใจอยู่เนี่ย”
อัศวินมองเห็นสุรีกานต์เลยสะกิดบอกนฤเบศ เขาหันมองตามที่อัศวินชี้ สุรีกานต์เห็นเลยยักคิ้วให้กวนๆ นฤเบศเลยวิ่งออกมาหา
“คุณมานานหรือยัง แล้วเป็นอะไรหน้าบูดขนาดนี้”
สุรีกานต์โมโหปรี๊ด
“ถามมาได้ คุณโทรขัดจังหวะเดทในฝันของฉัน แถมนัดฉันมาตั้งไกลเพื่อให้มาเห็นว่าคุณเตะบอลกับทีมคุณอยู่ ฉันควรจะดีใจร่าเริงงั้นสิ”
“โอเคๆ ผมผิดเอง แต่คุณก็ไม่ได้บอกนี่ว่ากำลังเดทอยู่ ผมถามแล้วนะ คุณบอกแต่ว่าทำธุระ แถมพูดอึกๆอักๆผมก็คิดว่าคุณขี้เกียจ คิดจะเลี่ยงงานน่ะสิ”
“ฉันดูเป็นคนอย่างนั้นหรือไง ถึงฉันจะดูไม่เต็มใจ ไม่อยากทำ แต่ทุกครั้งที่คุณนัด ทุกครั้งที่ฉันทำงานให้คุณ ฉันเต็มที่เสมอ”
นฤเบศรีบพูดทันที
“โอเคๆ ผมขอโทษ เลิกโมโหเถอะ ไปนั่งคุยกันดีๆทางนู้นดีกว่า”
นฤเบศดึงแขนสุรีกานต์ให้เดินตามไปทางสแตนด์เชียร์กีฬา เธอเห็นเขายอมลงให้ก็เลยปล่อยให้ตัวเองโดนลากไป
อ่านต่อหน้าที่ 2
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 8 (ต่อ)
นฤเบศพาสุรีกานต์เดินผ่านสนาม สุรีกานต์ร้องขึ้นมา
“โอ๊ย”
นฤเบศหันมามองทันที
“คุณเป็นอะไร”
สุรีกานต์บอกเสียงอ่อย
“ฉันเจ็บเท้า”
“หือ” นฤเบศก้มลงมองรองเท้าสุรีกานต์ “เท้าเป็นแผลเหรอ เดินไปเหยียบอะไรหรือไง”
“เปล่า รองเท้ากัด”
“เอ๊า แล้วทำไมไม่ถอดออก แล้วเดินมาทั้งๆที่เจ็บแบบนี้ได้ยังไง”
“ไม่รู้สิ เมื่อกี้ฉันคงหงุดหงิดจนลืมเจ็บมั้ง”
“คุณนี่จริงๆเลย แล้วเดินไหวมั้ย”
สุรีกานต์พยักหน้าหน้าเจื่อนๆ แต่นฤเบศยืนมองประเมินดูแล้วไม่เชื่อ
“คุณรอตรงนี้แป๊บ”
นฤเบศเดินหายไป ปล่อยให้สุรีกานต์มองตามงงๆ ครู่เดียวนฤเบศก็เดินกลับมาพร้อมรองเท้าแตะหูคีบยางและน้ำเปล่า 1 ขวด เขาส่งน้ำเปล่าให้ สุรีกานต์รับไปแบบอึ้งๆ แล้วเขาก็นั่งยองๆวางรองเท้าแตะหูคีบยางลงตรงหน้าของเธอ
“ถอดรองเท้าส้นสูงของคุณออกแล้วใส่นี่ซะ ดีนะข้างหน้ามีตลาดนัดพอดี”
สุรีกานต์อึ้งไปกับน้ำใจของนฤเบศ มองรองเท้าส้นสูงสลับกับรองเท้าแตะหูคีบไปมาอย่างคิดไม่ตก
“เอ่อ คือ ฉันขอบคุณนะ แต่ว่ารองเท้านี่กับชุดฉัน…”
“นี่คุณดารา อย่ามาปัญญาอ่อนห่วงสวยเอาตอนนี้ เห็นสภาพเท้าคุณมั้ย”
นฤเบศจับข้อเท้าสุรีกานต์แล้วถอดรองเท้าส้นสูงออกข้างนึงอย่างไม่เบามือนัก สุรีกานต์ตกใจร้องว๊าย เกือบเสียหลักเลยคว้าไหล่ของเขาจับไว้
“โดนกัดเหวอะขนาดนี้ยังใส่อยู่ได้ ผู้หญิงนี่ก็แปลก ใส่แล้วเมื่อยแถมโดนกัด ก็ยังชอบใส่กันอยู่ได้”
“ก็ใส่แล้วสวยนี่ ผู้หญิงใส่ส้นสูงแล้วสวยขึ้นทุกคน เจ็บก็ยอมน่ะเคยได้ยินมั้ย”
“ประสาท จะไปยอมทนทำไม เลือกที่ใส่สบายไม่ดีกว่าหรือไง อีกอย่างผู้ชายก็ไม่ได้มองผู้หญิงว่าสวยที่รองเท้าหรอกนะ ผู้ชายเค้ามองว่าสวยที่ใจกับความคิดต่างหาก”
สุรีกานต์อึ้งๆ ตัดบท
“ฉันไม่พูดกับคุณแล้ว คุณเป็นผู้ชาย ยังไงก็ไม่มีวันเข้าใจผู้หญิงหรอก”
“อือ ผมไม่มีวันเข้าใจหรอก คุณถอดออกแล้วใส่นี่ซะ ที่นี่ไม่ค่อยมีคนหรอกไม่ต้องกลัวว่าจะเสียลุค”
สุรีกานต์เห็นแววตาดุๆบังคับกลายๆก็ยอมถอดออก นฤเบศหยิบส้นสูงยัดใส่ถุงก๊อบแก๊บที่ได้ตอนซื้อรองเท้าแตะหูคีบยางมา แล้วยื่นคืน สุรีกานต์รับมาก่อนจะมองอย่างปลงๆพึมพำเบาๆ
“สามหมื่นของคุณวิน หมดกัน”
นฤเบศชะงัก
“คุณว่าไงนะ”
“อ๋อ เปล่า ไม่ได้ว่าอะไร”
“งั้นไปคุยกันบนนั้นเถอะ”
นฤเบศเดินนำไปทางสแตนด์เชียร์กีฬา สุรีกานต์พยักหน้าก้มมองถุงรองเท้าอีกครั้งพลางถอนหายใจ ก่อนจะก้าวเดินตามไป เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ก้มมองรองเท้าแตะหูคีบยางที่ใส่อยู่ สุรีกานต์เดินย่ำอยู่กับที่ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเมื่อรู้สึกว่าใส่สบายจริงๆ แล้วรีบเดินตามสารวัตรนฤเบศไปอย่างอารมณ์ดี
นฤเบศกับสุรีกานต์เดินมานั่งบนสแตนด์เชียร์กีฬาอันเล็กๆข้างสนาม
“ที่ผมเรียกคุณมาเพราะผมจะคุยเรื่องภารกิจต่อไป”
“คุณแพลนแล้วเหรอ เมื่อไหร่ล่ะ”
“ยัง”
“อ้าว...แล้วนัดฉันมาทำไม”
“ก็ภารกิจถัดไป คุณต้องเป็นคนกำหนดไงล่ะ”
สุรีกานต์ตกใจ
“ฉันเนี่ยนะ”
“ใช่ คุณต้องโทรไปหาพลูโต นัดไปไหนกันก็ได้ แล้วพยายามล้วงข้อมูลให้ได้มากที่สุด ผมอยากรู้ว่าพลูโตมันย้ายของไปเก็บไว้ที่ไหน”
สุรีกานต์โอดครวญ
“ฉันไม่อยากโทรไปหาไอ้ดาวเคราะห์แคระนั่นก่อนนะ แค่นี้ฉันก็เปลืองตัวจะแย่ ขืนฉันเป็นฝ่ายโทรนัดก่อน ไอ้หื่นนั่นต้องคิดว่าฉันให้ท่ามันแน่ๆ”
“คุณก็ต้องให้ท่ามันจริงๆนี่”
สุรีกานต์ฉุนกึก
“คุณ”
“น่าคุณดารา นี่มันเป็นงานนะ คุณอย่ามีปัญหานักเลยเลย ยังไงผมกับทีมก็คอยระวังความปลอดภัยให้คุณอยู่แล้ว คุณไม่ต้องห่วง”
“แต่ฉัน…”
นฤเบศสวนขึ้นมา
“ผมรับรองว่าคุณจะปลอดภัยแน่ๆ ถ้าคุณไม่นอกแผนเองซะก่อน”
สุรีกานต์ค้อนขัดใจ
“เออ ก็ได้ๆ”
เธอควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า แต่เสียงเรียกเข้าดังขึ้นพอดี
“ใครอีกล่ะ”
ชื่อหน้าจอขึ้นเป็น “พลูโต” สุรีกานต์ตาโต ชูหน้าจอให้นฤเบศดู สุรีกานต์อมยิ้มอย่างเป็นต่อ
“เป็นไงล่ะ ไม่ต้องให้ท่าก็มาซะเอง แสดงว่าเสน่ห์ฉันยังใช้งานได้ดีอยู่นะเนี่ย”
นฤเบศส่ายหัวเอือมๆกับอาการหลงตัวเองของเธอ สุรีกานต์หันหนีไปอีกด้านแล้วออกแอ็คติ้งเว่อร์ๆพูดเสียงหวาน
“สวัสดีค่ะ จำได้สิคะ ฉันจะลืมคุณริชาร์ดได้ยังไง…พรุ่งนี้เหรอคะ” เธอเหลือบมองนฤเบศ “ว่างทั้งวันเลยค่ะ สำหรับคุณริชาร์ดฉันว่างเสมออยู่แล้ว…ที่ไหนนะคะ…ได้ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”
“ว่าไงคุณ พลูโตนัดคุณไปที่ไหน”
สุรีกานต์แกล้งเล่นตัว ทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี นฤเบศเสียงดุ
“นี่คุณ อย่ามาดึงเช็ง บอกผมมาว่าพลูโตมันนัดคุณที่ไหน”
“ยืนอยู่ใกล้แค่นี้ เสียงดังทำไมเนี่ย เออๆ บอกก็ได้…คุณกับทีมไปเตรียมแผนคุ้มกันฉันได้เลย พรุ่งนี้ ฉันจะไปเดทกับพลูโตทั้งวัน”
สุรีกานต์ยักคิ้วยิ้มๆ นฤเบศยืนนิ่งครุ่นคิดอย่างเป็นกังวล
วันใหม่...ริชาร์ดขับรถสปอร์ตเปิดประทุนมารับสุรีกานต์ที่หน้าคอนโด เปิดประตูรถให้ พร้อมให้ดอกกุหลาบสีไวน์แดงช่อใหญ่ สุรีกานต์รับไปแกล้งแสดงท่าทีเขินอาย ไม่ไกลกันนั้นมีรถของนฤเบศ อัศวิน และจ่ายมที่ประจำที่คนขับแอบซุ่มดูอยู่ พอเห็นรถริชาร์ดแล่นออกไปพร้อมรถบอดี้การ์ดตามหลัง จ่ายมก็ออกรถตามไปทันที
ริชาร์ดกับสุรีกานต์ขับรถเล่นกินลมชมวิวสนุกสนาน มือริชาร์ดพาดไปตามเบาะโอบสุรีกานต์เข้ามาใกล้ สุรีกานต์ก็เอนมาซบไหล่ ท่าทางเหมือนคู่รักกันสุดๆ สุรีกานต์แอบเบ้ปากเซ็งๆ รถของทีมเดอะซันขับตามอยู่ไกลๆ
ริชาร์ดพาสุรีกานต์มาทานกลางวันในภัตตาคารที่เห็นวิวสวย เหมาทั้งชั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว สุรีกานต์แสร้งทำท่าตื่นตาตื่นใจ ยิ้มหวานขอบคุณ ริชาร์ดเห็นสุรีกานต์พอใจก็ยิ้มกริ่ม
ริชาร์ดพาสุรีกานต์มาเลือกซื้อสร้อยเพชร แล้วสวมให้ สุรีกานต์แกล้งยกผมขึ้น โชว์ต้นคอขาวในชุดเดรสเซ็กซี่ ริชาร์ดมองหื่นๆ สุรีกานต์ยิ้มขอบคุณอย่างยั่วยวน...นฤเบศที่ซุ่มดูอยู่ไม่ไกลมองห่วงๆ แอบหึงโดยไม่รู้ตัว จ่ายมโวยวายอย่างหวงๆ อัศวินส่ายหัวเซ็งๆ
ริชาร์ดกับสุรีกานต์ในชุดคลุมเดินกอดเอวกันมาหยุดที่โต๊ะข้างสระว่ายน้ำ สุรีกานต์ค่อยๆปลดชุดคลุมจากไหล่ช้าๆอย่างยั่วยวน ริชาร์ดกวาดตามองสุรีกานต์ในชุดว่ายน้ำวันพีซรัดรูปสุดเซ็กซี่ก็ยิ้มกริ่ม สุรีกานต์หย่อนตัวลงในสระว่ายน้ำแล้วหันมองอย่างเชิญชวน ริชาร์ดรีบถอดเสื้อคลุมทิ้งแล้วตามลงไปทันที ริชาร์ดว่ายไปหาสุรีกานต์ที่แกล้งว่ายหนี แล้วดึงมือเธอกระชากมาแนบชิดกัน จ่ายมที่นั่งเอาหนังสือพิมพ์บังหน้ามองอยู่ไกลๆ ในจมูกมีทิชชู่อุดไว้ อัศวินมองอย่างเอือมๆ ส่วนนฤเบศมองไปทางทั้งคู่นิ่งๆ อย่างไม่ชอบใจ สุรีกานต์เกาะไหล่ริชาร์ด เห็นแผลที่โดนปามีดใส่
“ไปโดนอะไรอะไรมาคะเนี่ย”
“แมวมันข่วนน่ะ”
“คุณเลี้ยงแมวด้วยเหรอคะ”
“แมวจรจัดน่ะ มันแอบปีนเข้ามาวิ่งเล่นแล้วเลยมาข่วนผมเข้า”
สุรีกานต์ลอบมองท่าทีแค้นๆของริชาร์ด แล้วแอบเหล่ไปทางโต๊ะที่ทีมเดอะซันซุ่มอยู่ ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง
“คุณชวนฉันมาว่ายน้ำแบบนี้ แสดงว่าคุณต้องว่ายเก่งแน่เลย สอนฉันหน่อยได้มั้ยคะ”
“ได้อยู่แล้วครับ”
จังหวะที่ริชาร์ดหันหลัง สุรีกานต์เหลือบไปเห็นรอยสักเป็นประโยคยาวๆตรงบริเวณท้ายทอย
“เอ๊ะ คุณสักด้วยเหรอคะ เท่จัง เขียนว่าอะไรคะ”
“Veni Vidi Vici ภาษาละติน แปลว่า ข้ามา ข้าเห็น ข้าชนะ ผมชอบวลีนี้ วลีอมตะของจูเลียส ซีซ่าร์ ตอนเขาประกาศชัยชนะในสงครามเขาส่งวลีนี้ไปที่กรุงโรม”
“ท่าทางคุณจะชอบเขามากนะคะ”
“เขาเป็นคนธรรมดาที่ไต่เต้าจนกลายเป็นจอมทัพ แล้วก็สถาปนาตัวเองขึ้นปกครองกรุงโรม ชีวิตเขาคล้ายชีวิตผม เพียงแต่ผมจะไม่มีวันยอมให้เพื่อนมาหักหลังจนตัวเองต้องตายเหมือนเขา…ใครที่กล้าหักหลังคนอย่างริชาร์ด มันต้องตายสถานเดียว”
สุรีกานต์เห็นท่าทางจริงจังของริชาร์ดก็รู้สึกเสียวสันหลังวูบ ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆออกไป
ค่ำนั้น ริชาร์ดพาสุรีกานต์มาเที่ยวไนต์คลับ...ริชาร์ดแทงลูกสนุ๊กกลิ้งลงหลุม ยืนยิ้มอย่างพอใจ สุรีกานต์ปรบมืออยู่ข้างๆ
“คุณสุรีกานต์เล่นเป็นมั้ยครับ ถ้าไม่เป็น เดี๋ยวผมสอนให้”
“งั้นรบกวนด้วยละกันค่ะ”
สุรีกานต์เดินมาจับไม้แล้วโน้มตัวไปกับโต๊ะสนุ๊กท่าทางยั่วนิดๆ ริชาร์ดมองตาวาวแล้วโน้มตัวไปสอนจับไม้แบบแนบชิด สุรีกานต์ยิ้มหว่านเสน่ห์ให้เขา ทีมเดอะซันปลอมตัวเข้ามานั่งอยู่โต๊ะมุมลับตาคน จ่ายมแทบลุกไปแยกทั้งคู่ออก แต่อัศวินดึงไว้ก่อน ส่วนนฤเบศจ้องเขม็ง วางแก้วน้ำกระแทกกับโต๊ะดังปัง จนจ่ายมและอัศวินสะดุ้ง หันมองอย่างงงๆ สุรีกานต์แทงลูกสนุ๊กลงไปอย่างแม่นยำ ท่าทางทะมัดทะแมง ริชาร์ดมองอย่างทึ่งๆ
“คุณสุรีกานต์ก็เล่นเป็นเร็วนะครับเนี่ย”
“แหม ก็คุณริชาร์ดสอนดียังไงล่ะคะ”
สุรีกานต์ยิ้มหวานวางไม้แล้วเดินไปยกไวน์ขึ้นจิบ ริชาร์ดยกไวน์ขึ้นมาขอชนแก้ว สุรีกานต์ชนตอบยิ้มยั่วๆ
“ว่าแต่ช่วงนี้คุณริชาร์ดว่างเหรอคะ ถึงได้นัดฉันมาสนุกได้ทั้งวันแบบนี้”
“จริงๆผมยุ่งนิดหน่อยน่ะครับ แต่ก็คิดถึงคุณสุรีกานต์เสมอ พอมีเวลาก็อยากเห็นหน้าคุณ อยากใช้เวลากับคุณให้มากที่สุด”
“แหม พูดแบบนี้ ฉันก็ตัวลอยแย่สิค่ะ…ว่าแต่คุณยุ่งเรื่องอะไรเหรอคะ”
สุรีกานต์พยายามทำท่าทางเหมือนไม่สนใจ ริชาร์ดเหล่มองเธออย่างสังเกต แต่ก็ตัดสินใจยอมบอก
“ผมกำลังจะจัดงานแถลงข่าวการเซ็นสัญญา ร่วมธุรกิจกับผู้ประกอบการสนามกอล์ฟ ที่กระบี่อาทิตย์หน้าน่ะครับ เลยยุ่งๆเรื่องเตรียมงานนิดหน่อย”
“ร่วมธุรกิจเหรอคะ”
“ครับ ผมทำธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์กอล์ฟ แต่ปีนี้พิเศษตรงที่บริษัทผมครบรอบ 5 ปี ผมเลยตั้งใจจะจัดงานสังสรรค์เล็กๆเพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่ไว้ใจบริษัทผม แล้วผมก็ตั้งใจจะมอบเงินทุนจำนวนหนึ่งให้กับสมาคมนักกอล์ฟเยาวชนด้วย ผมอยากให้เด็กๆหันมาเล่นกอล์ฟกันมากขึ้นน่ะครับ”
ริชาร์ดยิ้มอ่อนโยน สร้างภาพเป็นคนดีจน สุรีกานต์โมโห แต่ก็ทำเป็นยิ้มซาบซึ้งชื่นชมเธอรำพึงในใจ
‘ไอ้หน้าด้าน กล้าพูดมาได้ จับแกได้เมื่อไหร่ ฉันจะเป็นแกนนำม็อบเยาวชนเอาลูกกอล์ฟไปปาหัวแกแน่’
ริชาร์ดเห็นสุรีกานต์นิ่งเงียบไปก็ถาม
“คุณสุรีกานต์ครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เห็นเงียบไป”
“อ่า ฉันมึนๆแล้วล่ะค่ะ ดื่มไปหลายแก้วแล้ว”
“งั้นไปพักที่ห้องผมข้างบนก่อนมั้ยครับ พออาการดีขึ้นเมื่อไหร่ ผมจะพาคุณไปส่งที่บ้าน ตกลงมั้ยครับ”
สุรีกานต์มองหน้าริชาร์ดที่แสร้งทำเป็นห่วงก็รู้ว่าเขาต้องการอะไร เธอครุ่นคิดในใจ
‘เอาไงดี ยังไม่ได้อะไรเท่าไหร่เลย…แต่ว่าตาสารวัตรนั่น…’
ริชาร์ดมองอย่างรอคอยคำตอบ สุรีกานต์ยิ้มหวาน
“งั้นก็ได้ค่ะ”
ริชาร์ดยิ้มกว้างอย่างดีใจ แววตากรุ้มกริ่ม ทางด้านทีมเดอะซัน มือยังแตะค้างอยู่ที่หูฟังสายลับ
จ่ายมกับ อัศวินร้องขึ้นพร้อมกัน
“เฮ้ย”
นฤเบศทุบโต๊ะปัง
“ยัยดาราบ้านั่นนอกแผนอีกจนได้”
นฤเบศรีบวางเงินไว้ที่โต๊ะ แล้วทั้งหมดก็พากันตามสุรีกานต์ที่ถูกริชาร์ดประคองออกไป
ริชาร์ดประคองสุรีกานต์ที่แกล้งทำเป็นเมาไวน์เข้ามาในห้องนอน เธอแสร้งทำเป็นทรงตัวไม่ค่อยอยู่จะล้ม เขาเลยถือโอกาสโอบกระชับแนบชิดกว่าเดิม สุรีกานต์ตกใจเล็กน้อยแต่ก็พยายามขัดขืนอย่างนุ่มนวล แต่ริชาร์ดเวลานี้หน้ามืดตามัว เคลิ้มไปกับความสวยเซ็กซี่ของหญิงสาวจนทนไม่ไหว เริ่มนัวเนียและใช้กำลังบังคับให้เธอโน้มตัวลงบนเตียง สุรีกานต์ตาโตตกใจ ไม่ทันได้ปัดป้อง แผ่นหลังก็สัมผัสเตียง ริชาร์ดโน้มตัวมาแล้วเริ่มซุกไซรทันที
ทีมเดอะซันซุ่มอยู่ที่มุมหนึ่ง มองไปทางล็อบบี้ที่มีพนักงานหญิงอยู่ 2 คนอย่างครุ่นคิด นฤเบศหันมาบอกอัศวิน
“ผู้กองอัศวิน เดี๋ยวคุณไปถ่วงเวลาที่ล็อบบี้นะ ผมจะหาทางแอบขึ้นไป”
อัศวินมองไปเห็นผู้หญิงก็ยิ้ม
“สบายมากครับสารวัตร”
“ส่วนจ่า ไปสแตนบายด์ที่รถ รอฟังคำสั่งจากผม”
“ครับสารวัตร” จ่ายมรับคำ
อัศวินจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเดินยิ้มหว่านเสน่ห์ตรงไปที่ล็อบบี้ ทำทีเป็นถามนู่นนี่ชวนคุย แม่ลูกคู่หนึ่งเดินเข้ามาเด็กน้อยหกล้ม นฤเบศทำเนียนไปอุ้มเด็กแล้วเดินไปกับแม่ลูกคู่นั้นเหมือนเป็นพ่อ อัศวินมองตามเห็นนฤเบศเข้าไปภายในตึกได้เรียบร้อย
สุรีกานต์พยายามคิดหาทางรอดจากสถานการณ์นี้ ก่อนจะนึกถึงละครที่เคยเข้าฉาก...สุรีกานต์อาศัยจังหวะริชาร์ดซุกไซ้อยู่ตรงซอกคอ หันหน้าไปอีกทาง แอบล้วงคอแล้วหันมาอาเจียนใส่ ริชาร์ดชะงักกึก มองอาเจียนที่เลอะเต็มเสื้อเต็มตัวอย่างรังเกียจ สุรีกานต์พูดเสียงเมาๆ
“อุ้ย ขอโทษนะคะคุณริชาร์ด ฉันไม่ได้ตั้งใจ มัน มัน…”
สุรีกานต์ทำท่าจะอ้วกอีกรอบ ริชาร์ดรีบผละหนี หมดอารมณ์พิศวาส เดินหัวเสียไปล้างตัวในห้องน้ำทันที สุรีกานต์รอจนริชาร์ดเข้าห้องน้ำไปแล้วก็เลิกแกล้งเมา รีบคว้ากระเป๋าหยิบโทรศัพท์มาแอบถ่ายรูปในห้อง ทุกซอกทุกมุมอย่างพะวักพะวง ตาก็มองไปทางห้องน้ำ มือก็ทั้งถ่ายภาพทั้งค้นข้าวของไปเรื่อย สุรีกานต์กำลังค้นทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียด เสียงนฤเบศก็ดังมาจากหูฟังสายลับ
“เนปจูน รีบออกมาเดี๋ยวนี้ คุณนอกแผนอีกแล้วนะ ในแผนเราตกลงกันแล้วนี่ว่าคุณห้ามไปที่คอนโดมัน รีบออกมาเดี๋ยวนี้เลย เนปจูน เนปจูน ได้ยินมั้ย”
สุรีกานต์แตะหูฟัง พูดเบาๆ
“ได้ยินแล้ว คุณเล่นเรียกซ้ำๆอยู่แบบนี้ใครจะไม่ได้ยิน รอแปบนึง ฉันกำลังเก็บหลักฐานอยู่”
นฤเบศหลบมุมอยู่บริเวณหน้าลิฟต์ ชั้นของห้องริชาร์ด มองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง
“ไม่ต้อง รีบออกมาเดี๋ยวนี้เลย รู้มั้ยว่าที่คุณทำมันเสี่ยงแค่ไหน”
สุรีกานต์ลังเล แต่ได้ยินเสียงน้ำไหล คิดว่าริชาร์ดน่าจะอาบน้ำและยังพอมีเวลา สุรีกานต์ตัดสินใจถ่ายรูปและค้นข้อมูลต่อ ไม่สนใจเสียงจากหูฟัง นฤเบศอารมณ์เสียกับความดื้อรั้นของสุรีกานต์
“เนปจูน” นฤเบสเสียงอ่อนลง “มันอันตรายมาก คุณออกมาเถอะ ผมขอร้องล่ะ”
สุรีกานต์ชะงักเมื่อรู้ได้ถึงความเป็นห่วงของนฤเบศ
“ฉันขอโทษนะ แต่ขอเวลาฉันอีกแปบ อุตส่าห์เสี่ยงขนาดนี้ฉันอยากได้อะไรติดมือกลับไปบ้าง ฉันรับปากว่าจะดูแลตัวเองให้ดี แล้วจะรีบออกไปก่อนพลูโตออกมา”
นฤเบศถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
สุรีกานต์เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของริชาร์ด มองซ้ายขวาหน้าหลังอย่างหวาดระแวง มองไปที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่มีโน้ตบุ๊ควางอยู่แล้วตรงเข้าไปรื้อค้นทันที
นฤเบศขยับเข้าไปใกล้กับห้องของริชาร์ดมากขึ้น เห็นบอดี้การ์ด 2 คนยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องก็ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด
สุรีกานต์กดเปิดโน้ตบุ๊ค และค้นเอกสารบนโต๊ะทำงาน พร้อมทั้งถ่ายภาพเก็บไว้ มีทั้งสลิปบิลต่างๆ เอกสารติดต่อซื้อขายกับลูกค้าหลายประเทศ เธอหันไปเห็นสูทริชาร์ดแขวนไว้กับเก้าอี้ เลยค้นตามกระเป๋าเสื้อ เจอนามบัตรลูกค้า 3-4 ใบ และกระดาษที่เขียนรหัส K02F3 สุรีกานต์ขมวดคิ้วมองอย่าสงสัยแต่ก็รีบถ่ายรูปเก็บไว้ทั้งหมด สุรีกานต์วกมาดูที่จอโน้ตบุ๊ค ซึ่งต้องใส่ Password เธอลองพิมพ์ R-I-C-H-A-R-D รหัสไม่ผ่าน เธอพิมพ์ CN1 ไม่ผ่านอีก เธอจ้องจอครุ่นคิด
“เอ๊ะ หรือว่า…”
สุรีกานต์หันไปหยิบกระดาษรหัส K02F3 จากกระเป๋าเสื้อสูทขึ้นมาดู แล้วพิมพ์ลงไปอย่างลุ้นๆ หน้าจอขึ้นรหัสไม่ผ่าน เธอถอนหายใจอย่างโมโห เสียงนฤเบศดังขึ้น
“เนปจูน...นานเกินไปแล้ว ออกมาได้แล้ว”
สุรีกานต์จำใจต้องปิดคอมไว้อย่างเดิม เก็บทุกอย่างให้เข้าที่ตามเดิม แล้วรีบเดินจากออกจากห้องทำงานไป รีบหยิบกระดาษในกระเป๋ามาเขียนโน้ตว่า “กองละครเรียกตัวด่วน ขอโทษนะคะ” แล้วจูบลงบนกระดาษจนมีรอยลิปสติกติดอยู่ ยิ้มเหยียด วางกระดาษบนเตียง แล้วรีบออกจากห้องไป จังหวะเดียวกับริชาร์ดในชุดคลุมอาบน้ำก็เดินอารมณ์ดีออกมาจากห้องน้ำ แต่พอเดินไปที่เตียง เห็นโน้ตที่สุรีกานต์ทิ้งไว้ก็ขยำกระดาษปาทิ้งอย่างโมโห แล้วรีบวิ่งออกไปนอกห้องทันที
สุรีกานต์รีบเดินอย่างระวัง แต่อยู่ดีๆก็มีมือมาดึงเข้าไปในมุมอับ
“ว๊าย อุ๊บส์”
เธอถูกฤเบศเอามืออุดปากไว้
“เงียบ ผมเอง ตอนคุณออกมาไม่มีใครตามมาใช่มั้ย”
สุรีกานต์พยักหน้า
“แล้วคุณมัวทำอะไรอยู่ แล้วริชาร์ดมันว่าไง ทำไมถึงออกมาได้”
สุรีกานต์กระชากมือออก
“เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง รีบไปก่อนเถอะ”
นฤเบศรีบพาสุรีกานต์ลงลิฟต์ไป...ริชาร์ดเปิดประตูห้องออกมา มองไปที่ทางเดินซึ่งไร้คนอย่างหงุดหงิด หันมากระชากคอเสื้อบอดี้การ์ด
“ปล่อยให้ผู้หญิงคนเมื่อกี้กลับไปได้ยังไงวะ”
บอดี้การ์ดอึกอักตัวสั่น
“คือ...คือ เธอบอกว่า มีธุระต้องรีบไป บอกท่านไว้แล้วครับ”
ริชาร์ดปล่อยคอเสื้อแรงๆ บอดี้การ์ดรีบถอยไปยืนอย่างนอบน้อม ริชาร์ดทุบประตู โมโหที่เสียโอกาสไป
วันใหม่...บนโต๊ะประชุมมีรูปภาพหลักฐานที่สุรีกานต์ถ่ายมาได้จากห้องริชาร์ด จ่ายมตื่นเต้น
“โห คุณสุรีกานต์ได้มาเยอะเหมือนกันนะครับเนี่ย”
สุรีกานต์ยิ้มอย่างยืดๆ นฤเบศมองแล้วเบ้ปากอย่างหมั่นไส้
“จะว่าไปคุณสุรีกานต์ก็เก่งนะครับ คิดแผนหลอกพลูโตมันได้”
อัศวินชมสุรีกานต์ยิ้มๆ แต่พอเหลือบไปเห็นสายตานฤเบศที่ตวัดมองมาก็ยิ้มเจื่อนๆแทน
“ฉันแค่แอ็คติ้งเหมือนในละครที่เคยแสดงแล้วก็ได้รางวัลน่ะค่ะ ว่าแต่ ไอ้รหัสนี่มันคืออะไรกันแน่คะ” สุรีกานต์จิ้มไปที่รูปรหัส K02F3 “ตอนแรกฉันคิดว่าเป็น Password คอมพิวเตอร์ของพลูโตแต่ก็ไม่ใช่”
“ผมกำลังให้ปรีติตรวจสอบอยู่…”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ปรีติเปิดเข้ามาพอดี
“เป็นไงบ้างหมวด”
“ยังไม่ได้เรื่องเลยครับสารวัตร รหัสแบบนี้ที่ไหนก็ใช้กัน แล้วเราก็ไม่รู้แน่ชัดว่ามันเป็นรหัสจริงๆหรือเปล่า ไม่แน่มันอาจจะเป็นแค่รหัสมั่วๆที่เขียนขึ้นมาเล่นๆก็ได้”
“อืม ลองตรวจสอบต่อไปก่อนล่ะกัน แล้วเรื่องที่กระบี่ล่ะ”
“วันที่ 14 มีการจองห้องจัดงานที่โรงแรมกระบี่ไอร์แลนด์ไว้ครับ เรือสำราญของโรงแรมก็มีการจองห้องจัดเลี้ยงไว้ในตอนเย็นครับ ส่วนกำหนดการและรายชื่อแขกในงานผมกำลังตรวจสอบอยู่ครับ”
“แสดงว่าข้อมูลที่คุณได้มาก็น่าจะเป็นเรื่องจริง”
สุรีกานต์หันไปแว๊ดใส่
“จริงอยู่แล้ว พลูโตบอกกับปากเลยนี่”
“ผมคิดว่า คอมพิวเตอร์ของพลูโตต้องมีข้อมูลสำคัญอยู่แน่ๆถึงต้องใส่พาสเวริด์” ประเสริฐออกความเห็น
“ไว้ฉันจะหาทางไปคอนโดมันอีก แล้วจะพยายามเอาข้อมูลในคอมพิวเตอร์มันมา” สุรีกานต์เสนอตัว
นฤเบศขัดขึ้น
“ไม่ต้องเลยคุณ ไม่ต้องลงทุนถึงขนาดไปให้มันลวนลามเลย ถึงผมจะให้คุณไปใกล้ชิดมันเพื่อล้วงข้อมูล แต่ไม่ต้องไปใกล้ชิดมันถึงบนเตียงอย่างนั้นก็ได้”
“แต่คุณก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันเอาตัวรอดได้ อย่าเว่อร์หน่อยเลย ฉันเรียนศิลปะป้องกันตัวมาแทบทุกอย่างแล้ว ในละครก็เล่นบทบู๊มาเยอะแยะ มีดพกฉันก็มี ยิงปืนถึงจะไม่เก่งมากนักแต่ฉันก็ยิงได้”
“แต่คุณก็เป็นผู้หญิง ยังไงก็สู้แรงผู้ชายไม่ได้อยู่ดี”
สุรีกานต์เริ่มโมโห
“งั้นมาพิสูจน์กันมั้ยล่ะ”
สุรีกานต์ยักคิ้วท้าทาย นฤเบศมองหน้าหญิงสาวนิ่งไม่ได้ตอบอะไร เดอะซันที่เหลือได้แต่มองทั้งคู่สลับกันไปมา แล้วมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำไงดี
บนเวทีมวย...สุรีกานต์ในชุดนัดมวยในมือใส่นวม กระแทกกำปั้นใส่กันแล้วยักคิ้วท้าทาย นฤเบศในชุดนักมวยมือใส่นวมยืนกอดอกมองสุรีกานต์แล้วส่งยิ้มกวนๆ
“แน่ใจนะว่าจะพิสูจน์ด้วยวิธีนี้”
“แน่สิ เห็นฉันอย่างนี้ ฉันเคยเตะก้านคอครูฝึกสมัยเวิร์คช็อปตอนถ่ายละครมาแล้วนะ”
“อ้อเหรอ งั้นผมจะทำให้คุณรู้เองคุณดารา ว่าละครกับชีวิตจริงมันต่างกัน”
ทั้งคู่จ้องหน้ากันอย่างท้าทาย จ่ายมที่ใส่หูกระต่ายเหมือนกรรมการบนเวทีเดินมาจับมือของทั้งคู่ พอทำสัญญาณให้เริ่มชกได้ จ่ายมก็วิ่งไปยืนติดมุมเวที ด้านนอกเวทีมีอัศวิน ปรีติ และประเสริฐยืนมองลุ้นๆ สุรีกานต์เป็นฝ่ายเดินเข้าหาก่อน ออกหมัดไปเท่าไหร่นฤเบศก็หลบได้ จนเธอเริ่มโมโหงัดความรู้ทั้งหมดที่เคยเรียนมาใช้ ส่วนนฤเบศทำแค่หลบไปหลบมา แต่ไม่ออกหมัดสักที
“นี่...ดูถูกฝีมือกันเกินไปแล้ว เอาจริงสักทีสิ เอ๊ะ หรือจริงๆแล้วคุณไม่มีฝีมือกันแน่”
นฤเบศได้ยินก็ฉุนกึก เปลี่ยนเป็นเอาจริงทันที พอเริ่มรุกกลับ สุรีกานต์ก็หน้าเหวอเพราะเขาเก่งกว่าที่คิด ทีมเดอะซันพอเห็นนฤเบศเอาจริงก็ตั้งใจดูกันอย่างตื่นเต้น อัศวินหันมาหาพรรคพวก
“มาพนันกันมั้ยว่าใครจะชนะ”
ประเสริฐขัดขึ้น
“การพนันเป็นสิ่งไม่ดีนะครับ แถมเราเป็นตำรวจด้วย”
“พนันกันสนุกๆน่าหมวด ไม่กินตังค์แต่เลี้ยงเบียร์แทนเป็นไง” อัศวินบอกชิวๆ
ประเสริฐถอนใจ
“สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี สิกขาปทังสมาทิยามิ พึงละเว้นจากการบริโภคสุรายาเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท”
จ่ายมยกมือพนมไหว้ท่วมหัว
“สาธุ พ่อมหาประเสริฐ...ผมลงข้างคุณโซ่นะผู้กอง”
อัศวินหัวเราะ แล้วหันไปทางปรีติ
“แล้วหมวดล่ะ”
อ่านต่อหน้าที่ 3
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 8 (ต่อ)
“ข้างสารวัตรครับ”
อัศวินพยักหน้า
“อืม ผมก็ข้างสารวัตร”
จ่ายมทำหน้าเบ้ๆที่ไม่มีใครลงข้างสุรีกานต์เหมือนกัน ก่อนจะหันกลับไปตะโกนเชียร์...สุรีกานต์ถูกนฤเบศล็อคตัวให้แนบชิดกันจนดิ้นไม่หลุด แล้วใช้โอกาสนี้สั่งสอนสุรีกานต์ที่ใจกล้ายอมให้ริชาร์ดลวนลาม เขาแกล้งเอานวมลูบแถวต้นขาและสะโพกของเธอไล่ไปจนเกือบถึงก้น สุรีกานต์อาย พยายามดิ้น
“อะ ไอ้บ้า ทำอะไรน่ะ...ปล่อยนะ ผิดกติกา”
“เห็นมั้ย ถึงคุณจะเก่งขนาดไหน ก็แพ้แรงผู้ชายอยู่วันยังค่ำ”
พอเขาปล่อย สุรีกานต์ก็หันกลับไปต่อยเฉียดๆปลายคางอย่างโมโหสุดๆ
“โอ๊ย ต่อยผมทำไมเนี่ย”
“ก็คุณลวนลามฉัน”
“ผมแค่พิสูจน์ให้คุณเห็นเฉยๆ ผมหวังดีนะเนี่ย…” เขาเห็นเธอเริ่มสงบลง “เอางี้มั้ยคุณ เดี๋ยวผมจะสอนวิธีป้องกันตัวจากการถูกลวนลามให้ เผื่อถูกพลูโตมันทำอะไรขึ้นมา คุณจะได้ช่วยตัวเองได้ ตกลงมั้ย”
สุรีกานต์พยักหน้ารับอย่างวางฟอร์ม...ทีมเดอะซันยืนลุ้นอยู่ข้างเวที ปรีติงงๆ
“อ้าว...ยังงี้ถือว่าใครชนะล่ะครับเนี่ย”
“ตอนแรกเหมือนสารวัตรจะชนะนะ แต่ตอนหลังก็ถูกคุณโซ่ต่อยคืนได้เต็มๆเลย” จ่ายมบอก
อัศวินตัดบท
“เอาเป็นว่าเสมอกันล่ะกัน เบียร์ฟรีก็อดกันไป ไม่สนุกล่ะ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
ทีมเดอะซันส่ายหัวอย่างเสียดาย พากันทยอยเดินออกไปจากเวทีมวย...นฤเบศสอนศิลปะการป้องกันตัวที่สำคัญให้สุรีกานต์ ทั้งคู่มีจังหวะได้ใกล้ชิดสบตากัน ต่างคนต่างแอบเขิน สุรีกานต์แกล้งต่อยพลาดไปโดนนฤเบศ เขาเลยเอาคืน แกล้งกันไปมาอย่างสนุกสนาน ก่อนทั้งคู่จะหมดแรงนอนแผ่หลาบนเวที เหงื่อชุ่มตัวแต่บนหน้าก็ยังมีรอยยิ้ม
“ขอบคุณนะคุณสารวัตร”
นฤเบศไม่ตอบอะไร แต่อมยิ้มอย่างอิ่มเอมใจ
ค่ำนั้น พ่อเลี้ยงกำธรนั่งกินเหล้าอยู่ในร้านอาหารกึ่งผับ เพลิดเพลินอยู่มุมลับตาคน มังกรเดินเข้ามามองหาพอเห็นพ่อเลี้ยงกำธรนั่งรออยู่ที่โต๊ะก็เดินเข้ามานั่งด้วย
“คุณนัดผมมา มีอะไรให้ช่วยอีกหรือไง”
“ผมแค่อยากขอบคุณสารวัตรที่ช่วยเหลือเรื่องด่านตรวจศุลกากรครั้งนั้น ผมยังไม่ได้มีโอกาสขอบคุณคุณจริงๆจังๆเลย ยังไงวันนี้ก็ช่วยรับน้ำใจผมไว้หน่อยนะ”
พ่อเลี้ยงกำธรยื่นแก้วเหล้ามาให้ตรงหน้า มังกรมองอย่างประเมินก่อนตัดสินใจยกแก้วกระดกทีเดียวหมด เพราะยังไงพวกเขาก็อาจจะต้องใช้ประโยชน์จากอีกฝ่ายอีกในวันข้างหน้า
“แล้วธุรกิจของคุณเป็นไงบ้าง”
“ก็กำลังไปได้สวย แต่ตอนนี้มีไอ้พวกสอดรู้เข้ามาป้วนเปี้ยนในโกดังของหุ้นส่วนผม”
มังกรชะงัก
“พวกสอดรู้...ใคร”
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเป็นตำรวจหรือแค่พวกขัดขาทางธุรกิจ”
“ผมชักอยากรู้แล้วสิ ธุรกิจของคุณคืออะไร”
พ่อเลี้ยงกำธรหัวเราะ
“ผมกำลังทำธุรกิจอยู่กับนักค้ายาข้ามชาติในคราบนักธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์กีฬากอล์ฟ นักธุรกิจคนนี้เก่งแล้วก็มีเครือข่ายอยู่หลายประเทศทีเดียว พวกตำรวจสากลก็ต้องการตัวอยู่ แต่ไม่มีหลักฐานให้จับได้สักที”
มังกรครุ่นคิดอยู่เงียบๆ เริ่มระแคะระคายว่าจะเป็นคดีเดียวกับที่นฤเบศตามสืบอยู่
“ผมมีธุระต่อ ต้องกลับแล้ว”
“สารวัตรคงงานยุ่งสินะ งั้นก็ขอบคุณมากนะครับที่อุตส่าห์สละเวลามา”
มังกรเดินออกไปสวนกับจ่ายม อัศวิน และปรีติที่เดินเข้ามาอีกทาง อัศวินเห็นหลังไวๆรู้สึกคุ้นๆ จ่ายมหันมาเรียก
“ผู้กอง ทางนี้ ยืนเหม่ออยู่นั่นแหละ”
อัศวินพยักหน้ารับ ก่อนเดินไปสมทบกับจ่ายมและปรีติ...พ่อเลี้ยงกำธรเหลือบไปเห็นเนธานนั่งอยู่ที่บาร์ก็จำได้ ค่อยๆยิ้มออกมาแล้วลุกเดินไปหา
เนธานนั่งดื่มท่าทางครุ่นคิดเหม่อลอย พ่อเลี้ยงกำธรเดินเข้ามายืนข้างๆ
“สวัสดีคุณเนธาน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ…” พ่อเลี้ยงกำธรเห็นเนธานงงๆ ก็หัวเราะ “ผมพ่อเลี้ยงกำธรไงครับ เจ้าของไร่กาแฟที่เชียงใหม่ที่คุณเคยไปถ่ายแบบเมื่อ 2 ปีก่อน”
เนธานเบิกตากว้าง
“คุณ…”
“จำได้แล้วใช่มั้ยครับ คุณยังเคยใช้บริการของๆผมอยู่เลย ไม่ทราบว่ายังสนใจอยู่มั้ย เอ...แต่ผมว่าระดับดารานายแบบอย่างคุณนี่เป็นผู้ขายรายใหญ่ได้สบายเลยนะ คุณน่าจะใช้อาชีพตรงนี้ให้เป็นประโยชน์”
เนธานลังเล
“ผม…”
พ่อเลี้ยงกำธรรีบพูดขึ้นมา
“ตอนนี้ผมมีสินค้าตัวใหม่ ราคาดีกว่าเดิมอีกนะ ขายแค่ไม่กี่คน คุณก็ได้เงินมากกว่าถ่ายแบบถ่ายละครของคุณซะอีก”
เนธานอยากได้เงินเหมือนกันแต่คิดว่าไม่คุ้มเสีย
“ไม่ล่ะ แค่นี้ชีวิตผมก็วุ่นวายพอแล้ว”
“ตามใจคุณ แต่ถ้าสนใจเมื่อไหร่ก็ติดต่อผมได้ ยืมโทรศัพท์หน่อย”
เนธานยื่นโทรศัพท์ให้งงๆ พ่อเลี้ยงกำธรกดเบอร์ตัวเองลงในโทรศัพท์เนธาน
“ถ้าสนใจยังไงก็โทรหาเลยนะ คนกันเองแบบคุณผมจะให้ราคาพิเศษเลย”
เนธานมองรอยยิ้มพ่อเลี้ยงกำธร รู้สึกเครียดกับชีวิตยิ่งกว่าเดิม อัศวินยืนหลบมุมอยู่ไกลๆใช้โทรศัพท์ซูมแล้วถ่ายรูปเนธานกับพ่อเลี้ยงกำธรขณะกำลังคุยกันอยู่ อัศวินดูรูปที่ได้แล้วยิ้มออกมา พอเห็นพ่อเลี้ยงกำธรเดินกลับไปที่โต๊ะแล้ว อัศวินก็เดินกลับไปที่โต๊ะตัวเองอีกด้านหนึ่ง
นฤเบศอยู่ในห้องนอนที่บ้านกำลังนั่งดูรูปรหัส K02F3 ในมืออย่างครุ่นคิด เสียงข้อความดังขึ้น นฤเบศหยิบโทรศัพท์มาดูรูปที่อัศวินถ่ายได้ เห็นหน้าของพ่อเลี้ยงกำธรกับเนธานชัดเจน นฤเบศเพ่งมองภาพ แล้วกดโทรศัพท์โทรออก
“ว่าไงผู้กอง”
“ผมไม่ได้ยินว่ามันคุยอะไรกัน แต่ท่าทางน่าจะรู้จักกันมาก่อน”
“แล้วพวกมันยังอยู่ที่ร้านมั้ย”
“เนธานออกไปเมื่อกี้เองครับ พวกมันไม่ได้มาด้วยกันครับ พ่อเลี้ยงกำธรกลับไปนั่งดื่มที่โต๊ะต่อหลังจากที่คุยกับเนธานเสร็จ แต่ท่าทางเนธานมันดูลุกลี้ลุกลนยังไงไม่รู้ แถมหน้าตาก็ดูเครียดๆด้วย”
“อืม ถ้างั้นคุณก็จับตาดูพ่อเลี้ยงให้ดี มีอะไรผิดปกติรายงานผมทันที ระวังตัวด้วย แล้วก็อย่าเมากันให้มากนักล่ะ”
อัศวินหัวเราะ
“รับทราบครับสารวัตร”
นฤเบศวางสายแล้วมองรูปในโทรศัพท์อย่างครุ่นคิด
วันใหม่...รถของสุรีกานต์แล่นมาจอด นฤเบศกับสุรีกานต์ลงจากรถ เธอเหล่มองเขา
“คุณกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า ทำไมอยู่ดีๆวันนี้เกิดอยากแสดงเป็นผู้จัดการส่วนตัวฉันขึ้นมาได้”
“ผมไม่ได้อยากเป็นนักหรอกไอ้ผู้จัดการส่วนตัวของคุณน่ะ ผมอยากมาสืบเรื่องเนธานต่างหาก ก็สายลับไม่ยอมทำหน้าที่นี่ ผมถึงต้องลงมือเอง”
“คุณอย่ามาปรักปรำฉันนะ ฉันทำแล้วแต่ไม่เห็นจะมีอะไรเลย เท่าที่ฉันรู้จักเนธานมา ฉันว่าคนอย่างเนธานไม่น่าจะคิดการใหญ่ขนาดร่วมมือกับริชาร์ดได้”
นฤเบศหยิบโทรศัพท์มาเปิดรูปเนธานกับพ่อเลี้ยงกำธรให้ดู สุรีกานต์อึ้งไป
“ยังพิสูจน์อะไรไม่ได้แน่ชัด แต่เราคงต้องจับตาดูเนธานมากขึ้น”
สุรีกานต์พยักหน้ารับ ครุ่นคิดและสงสัยถึงความเป็นไปได้ในเรื่องเนธานกับริชาร์ด
นฤเบศกับสุรีกานต์เดินเข้ามาในกองถ่าย วุ้นกรอบกับพายไก่เห็นก็รีบปรี่เข้ามาหาพร้อมกับหนังสือพิมพ์ในมือ แก้วดารานั่งอยู่มุมหนึ่ง
“เจ๊...อ้าว เบ็ตตี้มาด้วยเหรอ ดีๆ เดี๋ยวไว้ค่อยเม้าท์…เจ๊ๆๆ อ่านข่าวนี้หรือยัง”
“ข่าวอะไรของแกยัยวุ้น”
“ข่าวนี้ไง ในหนังสือพิมพ์เขาเขียนว่า” วุ้นกรอบอ่านดังๆ “พระเอกป้ายแดง ก. แอบดอด ไปดูหนังช็อปปิ้งกับนางร้ายสุดฮ็อต ซ. สองต่อสองที่ห้างหรูวันก่อน หวานหยดชนิดคนแถวนั้นเห็นมดเดินตามเป็นขบวน”
วุ้นกรอบเหล่มองแก้วดาราที่ท่าทางเคือง พายไก่เสริม
“นางร้ายซ. นี่ไม่ต้องเดา ส่วนพระเอกป้ายแดงก. ก็ … มาโน่นแล้ว”
กวินเดินยิ้มเข้ามาทักทายทีมงาน วุ้นกรอบค้อน
“แหมเจ๊อ่ะ ไม่เห็นเล่าให้พวกเราฟังบ้างเลย ให้มารู้จากหนังสือพิมพ์ได้ไง น่าน้อยใจนะเนี่ย”
สุรีกานต์เขินๆ
“ก็...ก็มันไม่ได้มีอะไรนี่ แค่ไปดูหนังแล้วก็ซื้อของกันนิดหน่อยเอง ไม่ได้หวานอะไรขนาดเขาเขียนหรอก ข่าวมันเขียนให้เยอะไว้ก่อนพวกแกก็รู้นี่”
พายไก่ยิ้มแซวๆ
“ไม่ต้องเขินหรอกน่าเจ๊ คุณกวินเขาชัดเจนขนาดนี้ ถ้าไม่โง่เกินไปก็มองออกแหละ”
แก้วดาราวางของกระแทกกับโต๊ะเสียงดังปัง หันมองพายไก่อย่างหาเรื่อง กวินเดินเข้ามาพอดี
“คุยอะไรกันอยู่ครับ ท่าทางสนุกเชียว”
กวินมองสุรีกานต์ที่หลบตาเขินๆ นฤเบศมองทั้งคู่อย่างหมั่นไส้ แก้วดารารีบเข้าไปอ้อน
“พี่วิน มาพอดีเลยค่ะ แก้วอยากให้ช่วยซ้อมบทตรงนี้ให้หน่อยน่ะค่ะ เดี๋ยววันนี้เราต้องถ่ายด้วยกัน แก้วกลัวจะถ่ายหลายเทคแล้วจะเสียเวลาทีมงาน ไปซ้อมกันตรงโน้นดีกว่าค่ะ คนไม่เยอะดี”
แก้วดาราปรายตาไปมองทางสุรีกานต์ กวินอึกอักไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกแก้วดาราลากไปอีกทาง วุ้นกรอบไม่พอใจ
“นังชะนีนี่เร็วซะจริง ยังไม่ทันได้อ้าปากก็ฉกไปซะล่ะ”
“ช่างเขาเถอะน่า ไปทำงานกันเถอะ”
สุรีกานต์รุนหลังวุ้นกรอบให้เดินไป แต่ก็ไม่วายหันไปมองทางแก้วดารากับกวินที่ซ้อมบทกันอยู่
สุรีกานต์แต่งหน้าเสร็จแล้วกำลังนั่งอ่านบทอยู่ เนธานเดินมานั่งข้างๆพร้อมกับเอาน้ำและขนมมาวางให้ สุรีกานต์เงยหน้าขึ้นมอง เนธานก็ส่งยิ้มสนิทสนมมาให้จนสุรีกานต์มองงงๆ
“กินขนมกันโซ่ แฟนคลับธานเพิ่งเอามาให้เมื่อกี้นี้เอง”
“ไม่เป็นไรหรอก ธานทานเถอะ ฉันเพิ่งทานข้าวเมื่อกี้เองยังอิ่มอยู่เลย”
“งั้นโซ่เอาเก็บไว้กินทีหลังล่ะกันนะ ธานได้มาเยอะ กินไม่หมดหรอก”
“งั้นก็ ขอบใจนะ” สุรีกานต์ยิ้มบางๆ
สุรีกานต์นั่งอ่านบทต่อไม่สนใจ หางตาเห็นเนธานยังยืนเฉยไม่ไปไหน ท่าทีเหมือนมีเรื่องอยากจะพูดด้วย สุรีกานต์ขมวดคิ้ว ก่อนจะตาโตเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าต้องสืบข้อมูล เลยยอมเงยหน้าไปมองเขาอีกครั้ง
“ธานมีอะไรกับฉันหรือเปล่า...เรื่องนิล”
“ก็ไม่เชิงสักทีเดียว โซ่พอจะรู้เรื่องข่าวกอซซิปฉันกับแก้วใช่มั้ย จริงๆมันไม่มีอะไรเลยนะ เราก็แค่สนิทกันแบบเพื่อนร่วมงาน แต่นิลเขาขี้หึงโซ่ก็รู้ ช่วงนี้เราเลยทะเลาะกันบ่อยมาก ธานก็งานยุ่ง แทบไม่มี…”
สุรีกานต์รีบตัดบท
“เอาเป็นว่าถ้าฉันได้เจอนิล ฉันจะคุยกับนิลดูล่ะกัน”
“ขอบคุณมากนะโซ่…โซ่ไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลย เวลามีปัญหาธานถึงชอบมาปรึกษาโซ่ เพราะว่าโซ่มีน้ำใจแบบนี้ธานเลยรู้สึกว่าคุยด้วยแล้วสบายใจ”
เนธานยิ้มหวานให้ สุรีกานต์ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆกลับไป ไม่ได้ตอบอะไร ที่มุมหนึ่ง นฤเบศยืนมองทั้งคู่คุยกันอย่างครุ่นคิด แก้วดาราบังเอิญเดินมาพอดี มองตามสายตานฤเบศ เห็นเนธานคุยกับสุรีกานต์ท่าทางสนิทสนมก็หงุดหงิด
“หัดดูแลเด็กในสังกัดหน่อยก็ดีนะคะคุณผู้จัดการ มีข่าวกับพระเอกไปแล้ว ระวังจะมีข่าวกับพระรองอีกคน หึ”
แก้วดาราเบ้ปากใส่ ก่อนจะสะบัดหน้าเดินไปอีกทาง นฤเบศส่ายหัวปลงๆกับนิสัยแก้วดารา แล้วหันกลับไปมองท่าทางเนธานอย่างสงสัย
มังกรอยู่ในห้องทำงานนั่งเปิดแฟ้มรายงานผ่านๆ องอาจยืนตัวลีบอยู่ด้านหน้า
“ที่ฉันให้แกไปสืบมา ได้เรื่องหรือยัง”
“อ่า คือ ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยครับสารวัตร”
“แกนี่มันไม่ได้เรื่อง กว่าจะรู้ไอ้พวกทีมเดอะซันไม่ทำสำเร็จไปแล้วหรือไง”
องอาจรับแฟ้มที่ถูกปาใส่อย่างลนลาน
“ผมกำลังพยายามอยู่ครับสารวัตร แต่ไอ้พวกนั้นมันทำงานกันเงียบขนาดไหนสารวัตรก็น่าจะรู้ เท่าที่พอรู้มาพวกมันน่าจะกำลังยุ่งกันอยู่ เพราะไม่มีใครเห็นพวกมันมาที่สำนักงานเลย”
“ยุ่งเหรอ...ก็ดี ฉันจะใช้โอกาสนี้ทำคะแนนสักหน่อย”
องอาจงงๆ
“คะแนนอะไรครับสารวัตร”
“อย่าสู่รู้ ไปสืบมาให้ได้ว่าไอ้พวกนั้นทำคดีอะไรอยู่ ไม่งั้นฉันสั่งย้ายแกแน่”
องอาจหน้าซีด
“คะ ครับสารวัตร”
มังกรลุกจากโต๊ะ จัดชุดให้เข้าที่
“เดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อย”
องอาจมองอย่างแปลกตา
“โอ้โห วันนี้สารวัตรหล่อเป็นพิเศษเลยนะครับ นัดกับสาวที่ไหนครับเนี่ย”
มังกรยิ้มยืดแต่ไม่ตอบอะไร เดินออกจากห้องไป
แพรไหมก้มหน้าก้มตาจัดเค้กอยู่ในตู้ ได้ยินเสียงเปิดประตูเลยเงยหน้ายิ้มรับ
“เฟลิซิเต้ ยินดี…”
แพรไหมเห็นมังกรเดินเข้ามาเลยชะงักไปนิด
“ต้อนรับค่ะ”
มังกรยิ้มหล่อ
“สวัสดีครับน้องไหม นี่ดอกไม้แสดงความยินดีที่เปิดร้านใหม่ครับ”
แพรไหมท่าทางเฉยชา
“ขอบคุณค่ะ”
“น้องไหมใจร้ายมากเลยนะครับ เปิดร้านทั้งทีไม่ยอมบอกกันเลย”
“ไหมบอกแต่คนสนิทน่ะค่ะสารวัตร วันนี้รับอะไรดีคะ”
มังกรชะงักไป เริ่มโมโหแต่ก็ยังยิ้ม
“น้องไหมแนะนำหน่อยสิครับ”
“อร่อยทุกอย่างค่ะ รับทั้งหมดมั้ยคะ”
มังกรหัวเราะ
“พี่ทานไม่หมดหรอก ขอเป็นเอสเพรสโซ่เย็นกับคุกกี้มิ้นต์ล่ะกัน”
“ทานนี่หรือกลับบ้านคะ”
“ทานนี่สิครับ พี่ตั้งใจมาหาน้องไหมนี่”
“งั้นเชิญรอที่โต๊ะได้เลยค่ะ อีกสักครู่จะไปเสิร์ฟที่โต๊ะนะคะ”
มังกรยิ้มหวานให้ก่อนผละไปนั่งที่โต๊ะที่หันหน้ามองเค้าน์เตอร์ได้ถนัดๆ แพรไหมยิ้มเจื่อนๆพอเป็นพิธี แล้วรีบจัดการทำตามออเดอร์ เสร็จแล้วก็เข้าไปเรียกองุ่นหลังร้าน
“องุ่น เอาไปเสิร์ฟโต๊ะ 5 แล้วก็เฝ้าหน้าร้านเลย เดี๋ยวหลังร้านนี่ฉันจัดการเอง”
“ค่ะคุณไหม”
องุ่นยกถาดออกไปแล้ว แพรไหมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ...องุ่นเสิร์ฟเครื่องดื่มกับขนม มังกรชะเง้อมองหาแพรไหม
“น้องไหมไปไหน”
องุ่นงงๆ
“เอ่อ คุณไหมจัดการงานอยู่หลังร้านค่ะ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
มังกรโมโห
“ไม่มี เสิร์ฟเสร็จแล้วก็ไปสิ”
องุ่นก้มหัวรับก่อนจะรีบเดินไปงงๆ มังกรอารมณ์เสียที่แพรไหมหลบหน้า
พายไก่เดินถือเสื้อผ้ามากับสุรีกานต์ก่อนจะหยุดที่หน้าเต้นท์เปลี่ยนเสื้อผ้า
“อ่ะนี่ชุดเจ๊ เดี๋ยวฉันรอข้างนอก”
สุรีกานต์รับไปแล้วเดินเข้าไปในเต้นท์เปลี่ยนเสื้อผ้า พายไก่รูดซิปปิดแล้วยืนเฝ้าหน้าเต้นท์ให้ ทีมงานหญิงวิ่งหน้าตื่นมา
“พี่พายคะ ชุดของเอ็กซ์ตร้าที่ต้องเข้าฉากต่อไปอยู่ตรงไหนอ่ะคะ”
“อ้าว ก็อยู่ตรงราวข้างกระจกไง พี่แขวนไว้ให้แล้ว”
“ราวไหนอ่ะคะ มันมีตั้งหลายราว”
พายไก่ทำหน้ายุ่ง เหลือบไปเห็นนฤเบศเดินผ่านมาพอดี
“เบ็ตตี้ๆ มาช่วยดูเจ๊เปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยสิ”
นฤเบศอึกอักลังเล
“เอ่อ คือ…”
“น่า แป๊บเดียว เดี๋ยวฉันต้องรีบไปดูเสื้อผ้าให้เอ็กซ์ตร้าก่อน ฝากด้วยนะ”
พายไก่และทีมงานหญิงรีบวิ่งไปทันที นฤเบศอ้าปากค้างปฏิเสธไม่ทัน ได้แต่เหลือบมองเต้นท์เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี เสียงสุรีกานต์ดังออกมาจากเต้นท์
“นี่ ฉันรูดซิปไม่ได้ มาช่วยรูดให้หน่อยสิ”
นฤเบศ เลิ่กลั่ก
“เอ่อ คุณ นี่ผมเองนะ พายไก่เขาต้องไปดูเสื้อผ้าให้คนอื่น เลยฝากผมเฝ้า”
“ฉันรู้แล้ว ได้ยินตั้งแต่แรกนั่นแหละ…โอ๊ย ไอ้ซิปนี่ก็รูดยากจริง คุณช่วยฉันหน่อย”
นฤเบศท่าทางเงอะงะ แต่ก็จำใจเปิดซิปหน้าเต้นท์ออก พอเห็นแผ่นหลังขาวเนียนของสุรีกานต์ก็กลืนน้ำลาย ชะงักอยู่กับที่ สุรีกานต์หันมามองเขินๆ
“ยืนบื้ออะไรอยู่ล่ะ เข้ามาสิ ปิดประตูด้วย อยากให้คนอื่นเห็นฉันโป๊หรือไง”
นฤเบศทำตาม แล้วก็หันกลับมาช่วยรูดซิปให้มือไม้สั่น เขาพยายามหาเรื่องคุย
“คุณ คุณคุยกับเนธานได้ข้อมูลอะไรมาบ้างมั้ย”
“ไม่เห็นมีอะไรเลย พูดรื้อฟื้นความหลังอยู่ได้ น่ารำคาญ”
“ผมว่าท่าทางเขาแปลกๆ เหมือนพยายามหาทางตีสนิทกับคุณ ยังไงก็ระวังตัวไว้หน่อยนะ ไม่แน่เขาอาจจะถูกพลูโตใช้มาให้สืบข้อมูลคุณก็เป็นได้ คุณเองก็ต้องสืบข้อมูลจากเขาเหมือนกัน พยายามตอบรับไมตรีจากเขาหน่อย มันจะได้ง่ายขึ้น”
“รู้แล้วค่า น้อมรับทุกคำบัญชาเลยค่ะคุณสารวัตร”
“ดี แล้วปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วยล่ะกัน”
นฤเบศแกล้งรูดซิปแรงๆอย่างหมั่นไส้ จนซิปติด สุรีกานต์ร้องลั่น
“โอ๊ย ทำบ้าอะไร ฉันเจ็บนะ”
“ซิปมันติด อยู่นิ่งๆสิคุณ เดี๋ยวผมเอาออกให้”
ด้านนอกเต้นท์ พายไก่เดินคุยมากับวุ้นกรอบ เห็นเต้นท์เสื้อผ้าสั่นๆโยกๆ แล้วมีเสียงร้องของ สุรีกานต์ก็ตาโต หูผึ่ง รีบวิ่งเข้าไปใกล้เต้นท์
“เสร็จรึยัง มันเจ็บนะ”
“เดี๋ยวสิ ยังไม่ออกเลย อีกนิดนึง”
“โอ๊ย คุณ เบาๆสิ ฉันเจ็บ”
“โอเคๆ เสร็จแล้วๆ”
วุ้นกรอบกับพายไก่มองหน้ากันอึ้งๆ นฤเบศและสุรีกานต์เปิดซิปออกมาจากเต้นท์พอดีเหงื่อออกกันทั้งคู่เพราะอบกันอยู่ในเต้นท์ ทั้งคู่เห็นพายไก่กับวุ้นกรอบก็ตกใจ สุรีกานต์มองหน้าสองสาว
“เป็นอะไรของพวกแก ทำหน้าตาแปลกๆ แล้วนี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
วุ้นกรอบอึ้งๆ
“ก็ตั้งแต่ พวกเจ๊…”
นฤเบศกับสุรีกานต์รอฟังลุ้นๆ กลัววุ้นกรอบพายไก่ได้ยินเรื่องเนธาน พายไก่มองหน้าสองคน
“พวกเจ๊ทำอะไรกันน่ะ ร้องเสียงดังมากเลย แล้วฉันเห็นเต้นท์มันสั่นด้วย”
วุ้นกรอบตบหัวพายไก่
“ไปถามโต้งๆแบบนั้นได้ไงนังพาย แกนี่มันไม่มีศิลปะในการพูดเลย”
นฤเบศกับสุรีกานต์แอบถอนหายใจโล่งอกว่าไม่ได้ยินเรื่องเนธาน แล้วสุรีกานต์ก็หันมาทำหน้าวีนใส่วุ้นกรอบกับพายไก่
“พวกแกคิดบ้าอะไรกัน ฉันแค่ให้เบ็ตตี้ เอ้ย...พี่เบศรูดซิปชุดให้ แล้วซิปมันดันติด ก็แค่นี้เอง คิดกันไปถึงไหนเนี่ย ไม่สิ คิดได้ไงต่างหาก ก็รู้ๆอยู่ว่า พี่เบศน่ะ…”
วุ้นกรอบกับพายไก่พูดพร้อมกัน
“เป็นเกย์เก้”
วุ้นกรอบกับพายไก่หัวเราะคิกคัก สุรีกานต์แอบถอนหายใจแต่ก็แอบเขิน ส่วนนฤเบศหน้าเซ็งๆ
บนโต๊ะมังกรมีแก้วเครื่องดื่มที่ดื่มหมดแล้วมากมาย มังกรหงุดหงิด หันไปกวักมือเรียกองุ่นที่ยืนมองอยู่ห่างๆ องุ่นรีบเดินไปหาท่าทางกลัวๆ
“ไปตามคุณไหมมาเก็บเงินสิ”
“เอ่อ คุณไหมยุ่งอยู่หลังร้าน ถ้าไงเดี๋ยวหนู…”
มังกรตวาดลั่น
“บอกให้ไปตามคุณไหมมาเก็บเงิน ไม่ได้ยินที่พูดรึไง”
องุ่นรีบพยักหน้าท่าทางลนลาน แล้ววิ่งไปหลังร้าน สักครู่แพรไหมก็เดินออกมา
“สารวัตรจะกลับแล้วหรือคะ”
มังกรโมโห แต่ก็พยายามยิ้ม
“ครับ พี่มานั่งตั้งนาน น้องไหมไม่เห็นมาคุยกับพี่บ้างเลย”
“ไหมยุ่งอยู่หลังร้านน่ะค่ะพอดีมีคนมาสั่งเค้กวันเกิด ขอโทษด้วยนะคะ”
มังกรหยิบเงินในกระเป๋า
“แล้วไอ้ เอ่อ...แล้วนายเบศได้แวะมาบ้างหรือยังครับ”
แพรไหมชะงัก
“ยังค่ะ ช่วงนี้พี่เบศคงงานยุ่ง แต่เดี๋ยวก็คงแวะมา”
มังกรยิ้มหยัน
“หึ มัวแต่ทำงานจนละเลยน้องไหมแบบนี้ ใช้ไม่ได้เลยนะครับ ไม่เหมือนพี่ งานยุ่งแค่ไหน ก็มาหาน้องไหมได้เสมอ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไหมเข้าใจ เป็นตำรวจ ทำงานเพื่อประชาชน งานต้องมาก่อนอยู่แล้ว สารวัตรมังกรถ้างานยุ่งก็ไม่ต้องมานั่งนานขนาดนี้ก็ได้นะคะ ไหมเกรงใจ ยังไงซื้อกลับบ้านก็ได้ แต่ก็ขอบคุณนะคะที่แวะมา”
มังกรหงุดหงิดแต่ก็ยิ้ม
“ถ้าเพื่อน้องไหม พี่ยินดีจ้ะ งั้นพี่กลับก่อนนะแล้วจะแวะมาใหม่”
แพรไหมยิ้มตามมารยาทให้ มังกรเดินหัวเสียออกไปจากร้าน แพรไหมมองตามเซ็งๆ
แก้วดารายืนรอเข้าฉากอยู่ เห็นสุรีกานต์เดินมาหยุดไม่ไกลกัน
“ขยันสร้างข่าวจังนะคะ วันนี้มีข่าวกับพระเอก พรุ่งนี้คงจะเป็นพระรองสินะ”
“เธออิจฉาเหรอ อยากเป็นข่าวกับพระเอกบ้างล่ะสิ มีแต่ข่าวฉาวรายวันกับพระรองจนคนเอียนนี่นะ”
แก้วดาราโมโหจะกรี๊ดแต่มองรอบๆแล้วชะงัก
“พี่โซ่ท่าทางดีใจนะคะ แก้วเข้าใจค่ะ ก็อยู่วงการมาตั้งนาน แทบไม่เคยมีข่าวกับผู้ชายเลย ใช่มั้ยคะ”
“ไม่มีข่าว ไม่ใช่ว่าไม่มีใครนะคะ เพียงแต่พี่ไม่ขยันสร้างข่าวแบบนี้เพื่อให้ตัวเองมีพื้นที่ยืนในวงการหรอกค่ะ มันสิ้นคิดเกินไป”
แก้วดาราโมโหจนตัวสั่นแต่ทำอะไรไม่ได้ เลยเดินหนีกระแทกสุรีกานต์จนเซไปโดนเสาไฟกองถ่ายจนจะล้มลงมาทับ นฤเบศที่กำลังเดินเข้ามาหาตาโตตกใจ กวินที่ยืนอยู่อีกด้านก็รีบพุ่งตัวมาหาทันที ทีมงานในกองถ่ายต่างร้องตกใจที่เห็นเสาไฟกำลังจะล้ม แต่คนที่ช่วยดึงสุรีกานต์ไว้ได้ทันจนล้มกลิ้งไปทั้งคู่กลับเป็นเนธานที่มาจากไหนไม่รู้ นฤเบศกับกวินชะงัก ทีมงานรีบกรูกันเข้าไปดู แก้วดาราแสร้งทำเป็นตกใจ เสียขวัญ ยืนดูอยู่ห่างๆ ส่วนสุรีกานต์พอได้สติ ก็ผละออกจากอกเนธาน
“โซ่เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนมั้ย” เนธานถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก ขอบใจธานมากนะ”
“เข่าถลอกนี่ เลือดไหลด้วย เดี๋ยวธานพาไปทำแผลนะ”
เนธานทำท่าจะอุ้ม นฤเบศหมั่นไส้เลยเข้ามาอุ้มตัดหน้า
“เดี๋ยวผมพาไปเอง ผมเป็นผู้จัดการส่วนตัวของโซ่ ขอบคุณคุณเนธานมากที่ช่วยโซ่ไว้”
สุรีกานต์งงๆ ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกอุ้มออกไปแล้ว เนธานมองตามไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ทีมงานเริ่มสลายตัว วุ้นกรอบกับพายไก่เดินซุบซิบกรี๊ดกร๊าดกันเบาๆ แก้วดาราเบ้ปากหมั่นไส้สุรีกานต์ที่ถูกอุ้มผ่านหน้าไป ส่วนกวินมองตามไปด้วยความรู้สึกแปลกใจในท่าทางของนฤเบศ
อ่านต่อหน้าที่ 4
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 8 (ต่อ)
นฤเบศเดินอุ้มสุรีกานต์มา หน้าตาบึ้งตึง
“เอ่อ คุณ ไม่ต้องอุ้มก็ได้มั้ง แค่ขาถลอกนะ ไม่ได้กระดูกหัก”
นฤเบศหมั่นไส้เลยแกล้งปล่อยลงกับเก้าอี้แรงๆ จนสุรีกานต์ก้นกระแทก
“โอ๊ย...ก้นฉัน”
น้ำฝนวิ่งเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้แล้วก็วิ่งออกไปทำงานต่อ นฤเบศรับไว้ ก่อนจะนั่งยองๆดึงขาสุรีกานต์มาดูแผลที่หัวเข่าอย่างไม่เบามือนัก
“นี่...ฉันเจ็บนะ ทำเบาๆไม่เป็นหรือไง”
“ไม่เป็น ผมมันพวกมือหนัก ถ้าอยากได้พวกมือเบานุ่มนวลให้ผมไปตามพระเอกแสนดีให้มั้ยล่ะ หรือจะเป็นฮีโร่เมื่อกี้ดี”
“พูดอะไรของคุณเนี่ย ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง โอ๊ย”
นฤเบศเบามือลงแล้วเป่าแผลให้
“เอ้า เรียบร้อยแล้วคุณ”
สุรีกานต์มัวแต่มองนฤเบศเพลินเลยสะดุ้ง เขินๆ
“อ่า ขอบคุณนะ”
“อีกเดี๋ยวแผลมันจะตึงๆ คุณอาจจะเดินไม่ค่อยสะดวก ทางที่ดีก็อย่าเดินให้มาก อยากได้อะไรก็บอกคนอื่น คงมีคนเต็มใจอยากบริการคุณอีกหลายคน”
สุรีกานต์ขมวดคิ้ว มองนฤเบศที่เก็บยาใส่กล่องอย่างไม่ค่อยเข้าใจ อีกมุมหนึ่ง กวินยืนมองท่าทางของทั้งคู่อย่างสงสัยครุ่นคิด
ค่ำคืนนั้น เนธานนั่งดื่มอยู่คนเดียวในผับ ท่าทางเครียดๆ
“นั่งด้วยได้มั้ยคะ”
แก้วดารายิ้มยั่วๆ เนธานกระตุกยิ้ม
“ตามสบายครับ”
แก้วดารานั่งลงชิด
“วันนี้เราแทบไม่ได้คุยกันเลยนะคะ ทั้งๆที่ถ่ายละครด้วยกันแท้ๆ”
“นั่นสิครับ ผมเห็นแก้วเกาะติดนายกวินตลอดเลย”
“แก้วก็เห็นคุณเดินตามยัยนางร้ายนั่นตลอดเหมือนกัน ทำไมคะ นึกสนุกอะไรถึงไปจีบนังโซ่ทองคล้องคานนั่น หรืออยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ”
เนธานหัวเราะ
“เปลี่ยนบ้างก็ดีไม่ใช่เหรอครับ หรือแก้วหึงผม แต่คงไม่มั้ง เพราะคุณไม่เห็นสนใจผมเลยนี่ เห็นเรียกแต่พี่วินคะพี่วินขา”
“จริงๆเราสองคนก็น่าจะรู้กันดีนะคะว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นแบบไหน”
“รักสนุกแต่ไม่ผูกพันสินะ แต่ผมว่าแก้วคงอยากผูกกับคนอื่นที่ไม่ใช่ผมมากกว่า”
“โธ่ ธานคะ พูดอย่างนี้ได้ยังไงก็คุณยังมีเจ้าของอยู่ทั้งคนนี่ จะให้แก้วไปผูกมัดตัวเองกับคุณได้ยังไง ใครๆก็ต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองทั้งนั้น จริงมั้ยคะ”
เนธานมองอย่างรู้กัน
“จริงครับ งั้นแสดงว่าผมยังไม่ดีที่สุดสำหรับแก้วสินะ”
“แก้วก็คงไม่ดีที่สุดสำหรับธานเหมือนกัน ไม่งั้นคุณคงเลิกกับพลอยนิลไปนานแล้ว”
เนธานหัวเราะ
“งั้นเราพักหาสิ่งที่ดีที่สุดไว้ก่อนก็แล้วกัน แล้วคืนนี้ไปสนุกแต่ไม่ผูกพันคั่นเวลากันมั้ยครับ”
เนธานลูบต้นขาแก้วดารา ยิ้มกรุ้มกริ่ม แก้วดารายิ้มยั่วยวน ทั้งคู่มองตาอย่างรู้ใจกัน
วันใหม่...ทีมเดอะซันเดินเข้าสำนักงานกองบัญชาการตำรวจ เสียงโทรศัพท์นฤเบศดังขึ้น เขามองหน้าจอ ถอนหายใจเซ็งๆ
“มีอะไร… วันนี้ไม่ว่าง มีประชุมที่สำนักงาน แต่ถึงไม่มีผู้จัดการอย่างผมไปด้วย คุณก็มีคนอื่นคอยดูแลอยู่เยอะแยะนี่ แค่นี้นะผมรีบ” เขากดวางสาย
ทีมเดอะซันที่เดินนำหน้าหันมามองนฤเบศ เห็นท่าทางหงุดหงิดหัวเสียก็ได้แต่มองหน้ากันงงๆ
มังกรนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องทำงาน ท่าทางอารมณ์ดี องอาจเคาะประตูรัวๆแล้วเปิดพรวดพราดเข้ามา หน้าตาตื่น
“เป็นอะไรวะ เจอเจ้าหนี้แต่เช้าหรือไงถึงได้วิ่งหน้าตาตื่นมาแบบนี้”
องอาจพูดหอบๆ
“ไม่ใช่เจ้าหนี้ครับสารวัตร แต่เป็นไอ้พวกทีมเดอะซัน ผมเจอตรงทางเดินเมื่อกี้ มากันครบแก็งค์เลยครับ”
มังกรวางแก้วกาแฟกระแทกโต๊ะ เสียงเหี้ยม
“พวกมันมาที่นี่เหรอ”
“ครับ ผมเห็นสารวัตรนฤเบศเดินไปทางห้องท่านรองมานพ ส่วนพวกที่เหลือไปที่ห้องทำงานกันครับ”
มังกรครุ่นคิด
“มาทำอะไรกันวะ ไหนแกบอกว่าพวกมันยุ่งแล้วทำไมมากันครบแบบนี้”
องอาจตาโต
“หรือมันจะปิดคดีได้แล้วครับ”
“ไม่มีทาง พวกมันไม่ได้เก่งขนาดนั้น และฉันจะทำให้พวกมันไม่ปิดคดีง่ายๆแน่ องอาจ แกไปสืบมาเดี๋ยวนี้ว่า ไอ้ทีมเดอะซันมันมาทำอะไร”
องอาจชะงัก
“แต่ว่า… พวกมันเข้าห้องกันไปหมดแล้ว”
มังกรหงุดหงิด
“ก็หาวิธีอื่นสิวะ ไปดักฟัง ไปล้วงข้อมูลคนอื่นมาก็ได้ พวกมันมาถึงที่นี่ต้องมาติดต่ออะไรสักอย่างแน่ๆ อาจจะเป็นพวกเอกสาร ขออาวุธ ของบ อะไรก็ได้ แต่ฉันต้องได้ข้อมูลว่ามันมาทำไม และมันกำลังทำอะไรกันอยู่ เข้าใจใช่มั้ย องอาจ”
องอาจกลัวๆ
“ขะ เข้าใจครับสารวัตร”
“เข้าใจแล้วก็ไปได้แล้ว”
องอาจทำความเคารพแล้วรีบออกจากห้องไป มังกรครุ่นคิดท่าทางโมโหโกรธแค้น
สุรีกานต์เดินกะเผลกๆ เข้ามาในกองละคร วุ้นกรอบกับพายไก่รีบวิ่งมาช่วยประคอง
“เบ็ตตี้ไปไหนอ่ะเจ๊ ทำไมปล่อยเจ๊เป๋มาคนเดียวแบบนี้ล่ะ” วุ้นกรอบถามอย่างสงสัย
สุรีกานต์หงุดหงิด
“ไม่ต้องไปถามถึงเขาหรอก ไม่มีเขาฉันก็มาเองได้”
วุ้นกรอบกับพายไก่มองท่าทางโมโหๆของสุรีกานต์ แล้วมองหน้ากันงงๆ
“เอ้อเจ๊ เจ๊รู้หรือยัง อาทิตย์หน้าเราได้ไปถ่ายที่กระบี่ด้วยนะ พักโรงแรมกระบี่ลักชัวรี่ด้วย โคตรหรูเลย” พายไก่บอกอย่างเริงร่า
สุรีกานต์ชะงัก
“พักที่ไหนนะ”
“โรงแรมกระบี่ลักชัวรี่เจ๊”
วุ้นกรอบกับพายไก่เม้าท์กันอย่างดีใจที่ได้ไปพักโรงแรมหรู สุรีกานต์นิ่วหน้าก่อนจะยิ้มออกเมื่อจำได้ว่า เป็นโรงแรมเดียวกับที่ริชาร์ดจะจัดงานแถลงข่าว
นฤเบศเดินออกมาจากห้องรองมานพ แพรไหมที่แวะมาหาพ่อเห็นพอดี
“พี่เบศ”
นฤเบศหันไปยิ้มให้
“อ้าว น้องไหม มาหาท่านรองหรือครับ”
“ค่ะ ไหมเอาขนมมาให้คุณพ่อ ว่าแต่พี่เบศเถอะ ช่วงนี้ยุ่งมากเหรอคะ ยังไม่แวะไปที่ร้านไหมเลยนะ คนอื่นเขาไปกันจะหมดแล้ว เหลือแต่พี่เบศคนเดียวเนี่ยแหละ”
นฤเบศหัวเราะนิดๆ
“โอเคๆ พี่ขอโทษ สัญญาว่าว่างเมื่อไหร่จะไปทันทีเลย”
“จริงนะคะ”
“จริงสิ และเพื่อเป็นการไถ่โทษ กลางวันนี้น้องไหมว่างหรือเปล่าครับ ไปทานข้าวด้วยกันนะ เดี๋ยวพี่เป็นเจ้ามือเอง”
แพรไหมยิ้มกว้างอย่างดีใจ
นฤเบศเดินอยู่กับแพรไหม เขากดวางสายโทรศัพท์
“พวกทีมผมเขาจะหาอะไรทานแถวนี้ งั้นเราไปกันเถอะครับ”
แพรไหมแอบยิ้มดีใจที่จะได้ไปกันสองคน ทันใดนั้นเสียงมังกรดังขึ้น
“จะไปไหนกันเหรอครับน้องไหม พี่ไปด้วยคนได้มั้ยครับ”
แพรไหมชะงักไปนิด
“คือ เรากำลังจะไปทานข้าวกันน่ะค่ะ”
มังกรยิ้ม
“ดีเลย พี่หิวพอดี ขอไปด้วยคนนะครับ”
“เอ่อ คือ…”
แพรไหมหันไปมองนฤเบศ
“ไว้ครั้งหน้าล่ะกันนะสารวัตร ครั้งนี้ผมตั้งใจจะไปกับน้องไหมแค่สองคน ขอโทษด้วยนะ ขอตัวก่อน … ไปกันเถอะครับน้องไหม”
นฤเบศพาแพรไหมผละไปทันที แพรไหมแอบยิ้มดีใจกับคำพูดของเขา มังกรมองตามอย่างจงเกลียดจงชัง
มังกรเดินไปตามทางอย่างหงุดหงิด
“มึงจะเป็นศัตรูกับกูทุกเรื่องเลยใช่มั้ย ไอ้นฤเบศ ฮึ่ย”
มังกรเตะเสาระบายอารมณ์อย่างโมโห กำลังจะเลี้ยวพ้นมุมตึกก็เห็นจ่ายม อัศวิน ปรีติ และประเสริฐกำลังเดินออกมาจากห้อง มังกรรีบหลบเข้ามุมทันที อัศวินหันมาคุยกับเพื่อนๆ
“สารวัตรเรานี่ก็น้า ชวนคุณไหมไปทานข้าว แต่ดันหวังดีโทรมาชวนพวกเราอีก ช่างไม่รู้ใจคุณไหมเอาซะเลย ดีนะที่ผมเข้าใจหัวอกผู้หญิง…”
จ่ายมแทรก
“เราถึงต้องไปกินข้าวเหนียวส้มตำหลังสำนักงานแทนอาหารภัตตาคารไงล่ะครับ”
อัศวินตัดบท
“เอาน่าจ่า อย่าไปขวางความสุขเขาเลย พวกเรารีบกินรีบกลับมาทำงานดีกว่า”
ปรีติเห็นด้วย
“ใช่ครับ ผมยังต้องตามเรื่องที่กระบี่อีกนะ ยังไม่เรียบร้อยเลย”
ทีมเดอะซันทั้งหมดเดินลับไป มังกรเดินออกมาจากที่ซ่อน ครุ่นคิด
“กระบี่งั้นเหรอ”
มังกรมองไปทางประตูห้องทำงานทีมเดอะซัน แล้วมองซ้ายมองขวา ก่อนจะทำเป็นเดินฮัมเพลง ไปบิดลูกบิดประตู แต่ปรากฏว่า ล็อค มังกรได้แต่ฮึดฮัดขัดใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
“องอาจ แกไปสืบมาสิว่าไอ้พวกเดอะซันมันจะไปทำอะไรที่กระบี่”
นฤเบศตักอาหารให้แพรไหมอย่างเอาใจ แพรไหมท่าทางมีความสุขมาก
“น้องไหมทานเยอะๆนะครับ ผอมลงอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย ทำงานหนักเกินไปแล้วเรา”
“พี่เบศรู้ด้วยเหรอคะว่าไหมผอมลง”
“รู้สิ เจอกันทีไรตัวเล็กลงทุกที น้องสาวคนนี้ชอบทำให้พี่เป็นห่วงอยู่เรื่อย”
แพรไหมหน้าเจื่อนลงที่รู้ว่านฤเบศห่วงในฐานะพี่ชาย โทรศัพท์นฤเบศดังขึ้นหน้าจอโชว์ชื่อ “นางร้ายตัวแสบ” แพรไหมมองเห็นพอดี นฤเบศรีบหยิบมา
“พี่ขอตัวสักครู่นะ”
นฤเบศยิ้มให้ แล้วลุกเดินห่างออกไปอีกมุมหนึ่ง แพรไหมมองตามอย่างเจ็บๆ
“คุณโทรมาขัดจังหวะผมทานข้าว มีอะไรก็รีบว่ามาเลย”
สุรีกานต์ กำลังมองซ้ายมองขวาหาที่ปลอดคน แล้วแอบหลบอยู่หลังพุ่มไม้
“แค่นี้ทำบ่น ทีคุณยังเคยโทรมาขัดจังหวะฉันเดทเลย ไม่ใช่แค่เดทสิ แทบจะทุกเรื่องเลย”
“เอาล่ะๆ มีอะไรพูดมาเลย”
“อาทิตย์หน้า ตั้งแต่วันที่ 12-15 ฉันต้องไปถ่ายละครที่กระบี่ ที่ยิ่งกว่านั้นคือ ฉันได้พักที่โรงแรมกระบี่ลักชัวรี่ด้วย บังเอิญสุดๆเลยใช่มั้ยล่ะ สงสัยนรกคงอยากให้เราจับมันส่งไปให้ไวๆ คุณว่างั้นมั้ย” สุรีกานต์หัวเราะอารมณ์ดี
นฤเบศเห็นสุรีกานต์อารมณ์ดีก็พลอยยิ้มตาม ด้านแพรไหมที่นั่งมองอยู่ที่โต๊ะ เห็นท่าทางของเขาคุยกับปลายสายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ต่อล้อต่อเถียงก็ทนมองไม่ไหว ลุกขึ้นเดินไปใกล้ๆ
“พี่เบศคะ”
นฤเบศหันมามองตามเสียงเรียก สุรีกานต์พอได้ยินเสียงแพรไหมก็ชะงัก
“ขอโทษที่ขัดจังหวะค่ะ ไหมขอไปเข้าห้องน้ำแปบนึงนะคะ กลัวพี่เบศกลับมาแล้วจะไม่เจอเลยมาบอกไว้ก่อน”
แพรไหมยิ้มให้แล้วรีบเดินไปทางห้องน้ำทันที นฤเบศมองตามงงๆ
“คุณ เมื่อกี้ว่าไงนะ”
“ไหนบอกไม่ว่างมาเป็นผู้จัดการเพราะมีประชุม อ้อ...สงสัยคงประชุมกับคุณหนูแพรไหมที่ร้านอาหารสินะ วันหลังไม่อยากมาก็บอกมาตรงๆ ไม่ต้องหาข้ออ้าง”
สุรีกานต์ตัดสายไปทันที แล้วหันไประบายกับใบไม้อย่างหงุดหงิด นฤเบศมองโทรศัพท์งงๆ
“ผู้หญิงนี่มันอะไรหนักหนากันวะ อารมณ์ขึ้นๆลงๆ”
นฤเบศส่ายหัวเซ็งๆ แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ
สุรีกานต์เดินกะเผลกๆ ถือกระเป๋าและข้าวของพะรุงพะรังออกมาจากกองละคร
“เพราะอีตานั่นแท้ๆ ฉันถึงต้องลำบากแบบนี้ แล้วยังจะต้องขับรถกลับเองอีก”
สุรีกานต์เหลือบไปเห็นรถเนธานเปิดกระโปงรถค้างไว้ เนธานยืนกดโทรศัพท์หน้าเครียดอยู่ เลยเดินเข้าไปหา
“รถเสียเหรอธาน”
“อืม อยู่ดีๆก็เกิดรวนซะงั้น สตาร์ทไม่ติด โทรเรียกช่างไป แต่เขาไม่ว่างมาตอนนี้ คงต้องจอดทิ้งไว้ก่อน”
สุรีกานต์คิดได้ว่าอยากรู้เรื่องนาธาน
“แล้วธานจะกลับยังไง ให้ฉันไปส่งมั้ย”
เนธานแอบดีใจ ตาวาว
“เอ่อ ไม่เป็นไร เกรงใจโซ่น่ะ เดี๋ยวธานเรียกแท็กซี่เอาก็ได้”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ฉันกำลังจะกลับพอดี ไปด้วยกันก็ได้ ธานจะไปไหนล่ะ”
“กลับคอนโด”
“งั้นบอกทางด้วยล่ะกัน”
สุรีกานต์ยิ้มบางๆ ให้ แล้วเดินนำไปที่รถ เนธานรีบเดินตามไป
ค่ำนั้น รถของสุรีกานต์แล่นมาจอด หน้าคอนโดเนธาน
“ขอบคุณนะโซ่ ขึ้นไปดื่มกาแฟก่อนมั้ย”
“ไม่ดีกว่า ขอบใจนะ”
“แต่โซ่ขับมาส่งธานตั้งไกล ธานว่าโซ่ขึ้นไปดื่มกาแฟ แล้วพักสักนิดก่อนดีกว่า ธานมีเรื่องอยากปรึกษาโซ่ด้วย”
สุรีกานต์อยากสืบเรื่องนาธาน
“อืม เอางั้นก็ได้”
เนธานยิ้มดีใจ สุรีกานต์ยิ้มตอบแต่ในใจวางแผนไว้แล้ว
เนธานพาสุรีกานต์มานั่งที่โซฟา
“เดี๋ยวผมไปชงกาแฟให้ รอแปบนึงนะ”
สุรีกานต์ยิ้มรับ พอเนธานหายไปทางห้องครัว สุรีกานต์ก็กวาดตามองห้องอย่างสำรวจทันที
“กาแฟได้แล้วโซ่”
สุรีกานต์ยื่นมือไปรับแต่แกล้งทำเป็นร้อน แล้วปัดไปหกใส่เสื้อผ้าเนธาน
“ว๊าย ตายแล้ว ธานเป็นอะไรมั้ย โดนลวกหรือเปล่า ฉันขอโทษนะ”
สุรีกานต์ดึงทิชชู่มาเช็ด
“ไม่เป็นไร เปื้อนเสื้อนิดเดียวเอง”
“แต่ฉันว่ามันเปื้อนเยอะอยู่นะ ธานไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวดีก่อนดีกว่าโซ่รอได้”
“ก็ได้ อ่ะ” เนธานส่งรีโมตให้ “รีโมต”
เนธานเดินเข้าห้องนอนไป สุรีกานต์รออยู่ครู่จนแน่ใจว่าเนธานจะเข้าห้องน้ำไปแล้ว ก็รีบลงมือค้นห้องทุกซอกทุกมุมทันที
ระหว่างสุรีกานต์คุ้ยลิ้นชักตรงตู้โชว์ ประตูห้องก็ถูกคีย์การ์ดเปิดเข้ามา...
“เซอร์ไพรส์ค่ะธาน…เอ๊ะ...โซ่”
พลอยนิลจ้องสุรีกานต์อย่างตกใจ สุรีกานต์ชะงักไปครู่ แล้วรีบเลื่อนปิดลิ้นชักทันที จังหวะเดียวกับเนธานที่นุ่งมาเช็ดตัวผืนเดียว เดินตัวเปียก เช็ดผมออกมา
“โซ่ ก่อนคุณกลับ ผมว่า… นิล”
เนธานเบิกตากว้าง พลอยนิลมองทั้งสองคนสลับกันไปมาอย่างโมโห สุรีกานต์ยืนอึ้ง พูดไม่ออก
พลอยนิลกวาดตามองสุรีกานต์ที่ยืนอยู่ตรงตู้โชว์กับเนธาน ที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำอยู่ในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวด้วยความโกรธ
“นิล…คุณมาได้ยังไง”
“ฉันควรถามคุณมากกว่า ว่านังเพื่อนทรยศนี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ใจเย็นก่อนน่ะนิล รถผมเสีย โซ่เลยขับรถมาส่ง”
“แล้วผมก็ชวนเขาขึ้นมาดื่มกาแฟ บังเอิญผมซุ่มซ่ามทำหกใส่เสื้อเลยไปอาบน้ำ ก็แค่นั้น ผมกับโซ่ไม่...”
“ไม่ใช่ครั้งแรกใช่มั้ย ตลอดเวลาที่เราคบกัน คุณกับมันแอบกินกันลับหลังฉันตลอดเลยใช่มั้ย” พลอยนิลหันมาทางสุรีกานต์ “แกทำอย่างนี้ได้ยังไงโซ่ แกยังเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่า”
“แกกำลังเข้าใจผิด ฉันกับธานไม่ได้เป็นอย่างที่แกคิด และฉันขอยืนยันว่าฉันไม่มีวันทรยศแก โดยเฉพาะเรื่องธาน”
“ไม่มีวันงั้นเหรอ แกคิดว่าฉันไม่รู้รึไงว่าเมื่อก่อนแกเคยรู้สึกยังไงกับธาน แกอิจฉาใช่มั้ยที่ธานเขาเลือกฉัน ถึงได้หน้าด้านมาแอบลักกินขโมยกินของคนอื่นแบบนี้ แกไม่เคยสำนึกบุญคุณที่ฉันเคยช่วยแกไว้บ้างรึไง”
“นิล...ถ้าแกยังสติแตกอยู่แบบนี้ ฉันว่ายังไงเราคงพูดกันไม่รู้เรื่อง เอาไว้แกหายบ้าเมื่อไหร่ เราค่อยคุยกัน ฉันกลับก่อนนะธาน”
เนธานพยักหน้ารับ สุรีกานต์หยิบกระเป๋าถือแล้วเดินออกไปทันที พลอยนิลโวยวาย
“ทนฟังความจริงไม่ได้รึไง กลับมาเดี๋ยวนี้นะ ฉันยังคุยกับแกไม่รู้เรื่อง”
พลอยนิลจะโผตามแต่เนธานเข้ามากอดรั้งไว้... สุรีกานต์ซึ่งเดินออกมาจากห้องเนธานแล้วปิดประตู ถอนหายใจแจ็คพ๊อตอะไรอย่างนี้ เธอพึมพำออกมา
“โอ๊ย เพราะอีตาสารวัตรนั่นคนเดียวเลย ฉันถึงต้องมาเจอเรื่องวุ่นวายแบบนี้”
สุรีกานต์เดินโมโหออกไป...พลอยนิลดิ้น
“ปล่อยนิลเดี๋ยวนี้นะ ธานจะช่วยมันปิดบังความจริงใช่มั้ย”
“ไปกันใหญ่แล้วนิล ผมกับโซ่ไม่มีอะไรกันจริงๆ ถ้าคุณไม่เชื่อคุณโทรไปที่อู่ก็ได้ว่ารถผมเสียจริงรึเปล่า”
เนธานยื่นนามบัตรอู่ซ่อมรถให้ พลอยนิลอึ้งไป
“แต่…”
เนธานกอดอ้อน
“คุณเชื่อใจผมสินิล ผมรักคุณ และผมไม่มีวันทรยศคุณเด็ดขาด ระหว่างผมกับโซ่เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”
“ดี จำคำพูดตัวเองไว้ให้ดีๆ แล้วกัน เพราะถ้าธานทรยศนิลเมื่อไหร่ อย่าหวังว่าจะมีความสุขกับใครหน้าไหนทั้งนั้น”
“ไม่เอาน่านิล ตกลงว่าคุณเชื่อผมแล้วใช่มั้ย”
“ก็ได้ค่ะ ครั้งนี้นิลจะเชื่อคุณ แต่นิลสงสัยว่าทำไมโซ่มันถึงตกใจตอนเจอนิล แล้วตอนที่นิลมาถึงก็เห็นโซ่เหมือนรื้อค้นอะไรบางอย่าง หรือว่าคุณมีความลับอะไรกับนิลอีก”
“คิดมากน่า ผมไม่มีความลับกับคนที่ผมรักหรอก”
เนธานกอดพลอยนิลไว้แต่ก็รู้สึกสงสัย ว่าสุรีกานต์รื้ออะไร
กวินเดินคุยโทรศัพท์อยู่ในห้างสรรพสินค้า ผ่านร้านหนังสือร้านหนึ่ง
“ผมเพิ่งคุยงานกับมิสเตอร์ลีเสร็จ เดี๋ยวจะเข้าออฟฟิศ คุณนัฐชาช่วยเตรียมเอกสารการประชุมพรุ่งนี้ให้ผมด้วยนะครับ”
กวินเหลือบไปเห็นนิตยสารที่สุรีกานต์ขึ้นปกก็ชะงักหยุดยืนมอง เขาหยิบขึ้นมาเปิดดูไปเรื่อยๆ จนไปหยุดอยู่หน้าหนึ่งแล้วก็ยิ้มออกมา
แพรไหมนั่งอยู่ที่ร้านอย่างเศร้าๆ คิดถึงตอนไปกินข้าวกลางวันกับนฤเบศ
‘น้องไหมทานเยอะๆนะครับ ผอมลงอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย ทำงานหนักเกินไปแล้วเรา’
‘พี่เบศรู้ด้วยเหรอคะว่าไหมผอมลง’
‘รู้สิ เจอกันทีไรตัวเล็กลงทุกที น้องสาวคนนี้ชอบทำให้พี่เป็นห่วงอยู่เรื่อย’
แพรไหมหน้าเจื่อนลงที่รู้ว่านฤเบศห่วงในฐานะพี่ชาย โทรศัพท์นฤเบศดังขึ้น หน้าจอโชว์ชื่อ “นางร้ายตัวแสบ” แพรไหมมองเห็นพอดี นฤเบศรีบหยิบ
‘พี่ขอตัวสักครู่นะ’
นฤเบศยืนคุยโทรศัพท์กับสุรีกานต์ต่อล้อต่อเถียงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
แพรไหมที่ยังคงนั่งเหม่อ จู่ๆ ก็มีนิตยสารที่มีรูปสุรีกานต์ขึ้นปกยื่นมาตรงหน้า แพรไหมยิ่งอึ้ง พอเงยหน้าก็เห็นกวินยืนยิ้มให้ กวินนั่งลงคุยกับแพรไหม
“ผมซื้อมาฝากครับ รับรองว่าคุณไหมต้องถูกใจแน่ๆ”
แพรไหมรับมาถือไว้ ยิ้มเจื่อนๆ
“คุณโซ่ สุรีกานต์ นางร้ายเบอร์หนึ่งของวงการนี่คะ”
“ใช่ครับ ตอนนี้ผมได้ร่วมงานกับเธอ คุณโซ่เป็นคนน่ารักมาก ตัวจริงไม่มีภาพนางร้ายขาวีนสักนิด ถ้าคุณไหมได้รู้จักคุณโซ่ คุณไหมต้องชอบเธอแน่ๆ”
แพรไหมยิ้มเจื่อน
“เอ่อ คุณไหมเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“อ๋อ เปล่าค่ะ คือ ไหมแค่งงนิดหน่อยว่าคุณวินเอานิตยสารเล่มนี้มาให้ไหมทำไม หรือว่าคุณกวินได้ลงสัมภาษณ์ในเล่มคู่กับคุณโซ่ด้วยคะ”
กวินยิ้ม
“คุณไหมลองเปิดดูข้างในสิครับ”
แพรไหมเปิดดูหน้าที่มีที่คั่นหนังสือคั่นไว้ เห็นข่าวประกาศการประกวดเชฟเบเกอร์รี่ที่จัดโดยนิตยสารฉบับนี้ แพรไหมมองอย่างสนใจ
“ผมว่าฝีมือระดับคุณไหม เข้าประกวดได้สบายเลยนะครับ”
“คุณกวินชมเกินไปแล้วค่ะ ไหมเพิ่งจะเรียนจบ ยังไม่มีประสบการณ์เท่าไหร่เลย คงสู้คนอื่นๆไม่ได้หรอกค่ะ”
“สู้ได้สิครับ แฟนพันธุ์แท้เบเกอร์รี่อย่างผมขอรับประกันเลยว่าขนมทุกชิ้นของ คุณไหมอร่อยแน่นอน”
แพรไหมยิ้ม
“แล้วถ้าไหมตกรอบ ไม่ได้สักรางวัลเลยล่ะคะ”
“ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ แล้วก็ได้โปรโมตร้านคุณไหมอีกทางนึงด้วย…อ้อ แล้วถึงแม้คุณไหมจะไม่ชนะ แต่ผมว่าลูกค้าของที่นี่ก็ยังติดใจขนมฝีมือคุณไหมอยู่ดี เพราะฉะนั้นรับรองไม่เสียลูกค้าแน่นอนครับ”
“คุณกวินนี่คิดสมกับเป็นนักธุรกิจจริงๆ เลยนะคะ ก็ได้ค่ะ ไหมจะลองดู”
“งั้นนักธุรกิจคนนี้ ขอเป็นกำลังใจให้คุณเชฟนะครับ แล้วถ้ามีอะไรให้ช่วยโดยเฉพาะเรื่องชิมเนี่ย ยินดีช่วยเต็มที่เลย”
แพรไหมกับกวินยิ้มให้กันอย่างจริงใจ
วันใหม่...ริมทะเล ท้องฟ้าสดใส เกลียวคลื่นสีขาวซัดเข้าหาฝั่งสวบงาม รถตู้ของทีมงานกองละครแล่นมาจอดหน้าโรงแรม วุ้นกรอบและพายไก่ลงมาจากรถอย่างกรี๊ดกร๊าดดีใจ ตามด้วยสุรีกานต์และนฤเบศ อายอดและทีมงานคนอื่นๆทยอยตามลงมา รถตู้อีกคันแล่นมาจอด กวินลงมาก่อนและยื่นมือให้แก้วดาราที่ท่าทางแอ๊บแบ๊วกระโดดลงมา ตามด้วยเนธานที่มองแก้วดาราเกาะแขนกวินแจอย่างรู้ไส้รู้พุง อายอดบอกกับทุกคน
“วันนี้ทุกคนพักผ่อนเอาแรงกันก่อน พรุ่งนี้จะได้ลุยงานกันเต็มที่ อ้อ แล้วอย่าลืมงานปาร์ตี้เย็นนี้ด้วยล่ะ”
ทีมงานต่างขนของแยกย้ายกันไปพักผ่อน กวินเห็นสุรีกานต์ก็จะเดินเข้าไปหาแต่แก้วดาราก็รั้งไว้ก่อน
“พี่วินขา แก้วมึนหัวมากเลยค่ะ สงสัยจะเมารถ ถ้าได้สูดอากาศบริสุทธิ์ริมทะเลคงจะดีขึ้น พี่วินไปเดินเล่นเป็นเพื่อนแก้วหน่อยนะคะ”
วุ้นกรอบแทรกขึ้น
“โอ๊ย พาย ฉันมึนหัวมากเลย อยากจะอ้วก สงสัยจะสูดมลพิษแถวนี้มากไปหน่อย”
พายไก่เข้าประคอง
“ไหวมั้ยแก เดี๋ยวถ้าตัวมลพิษมันลอยไปแถวริมทะเล อากาศแถวนี้ก็คงจะดีขึ้น”
แก้วดาราแทบกรี๊ดแต่ต้องรักษาภาพ รีบปรายตาปรามเกี๊ยวกุ้งที่ทำท่าจะปราดเข้าหาวุ้นกรอบและพายไก่
“ไปกันเถอะค่ะพี่วิน แก้วว่าแถวนี้แมลงหวี่แมลงวันมันเยอะ เดี๋ยวจะติดเชื้อโรค...พี่เกี๊ยวเอาของแก้วกับพี่วินไปเก็บให้ด้วยนะคะ”
แก้วดาราสะบัดหน้าใส่วุ้นกรอบกับพายไก่ที่มองมาอย่างอาฆาตเช่นกัน แล้วลากกวินไปทางชายหาด สุรีกานต์มองหน้าสองคู่หู
“นี่ พวกแกอยากงานเข้ากันตั้งแต่มาถึงเลยรึไง”
“แหม ก็มันหมั่นไส้จนอดไม่ได้นี่เจ๊ พี่วินคะ พี่วินขา จะอ้วก...แถมยังมาว่าเราเป็นแมลงหวี่แมลงวันอีก ทั้งที่ปากชีนั่นแหละแหล่งเพาะเชื้อโรคของแท้” วุ้นกรอบหันมาหานฤเบศ “จริงมั้ยเบ็ตตี้”
นฤเบศยิ้มเจื่อนๆ น้ำฝนเอากุญแจมาให้
“นี่กุญแจห้องของพี่โซ่กับคุณเบศค่ะ ส่วนนี่ของวุ้นกับพาย”
สุรีกานต์มองกุญแจสลับกับนฤเบศ
“ของฉันกับพี่เบศ แล้วทำไมมีห้องเดียวล่ะ”
พายไก่ขัดขึ้น
“อ้าว ก็เบ็ตตี้เป็นผู้จัดการของเจ๊ ก็ต้องนอนกับเจ๊สิ”
“เอ่อ แต่ฉันอยากนอนกับพายมากกว่า เป็นผู้หญิงเหมือนกัน จะได้สะดวก”
“เบ็ตตี้ก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ไหนนี่เจ๊ เอ๊...หรือว่าจะใช่” วุ้นกรอบโยนหินถามทาง
สุรีกานต์รีบปฏิเสธ
“ไม่ใช่...ไม่ใช่แน่ๆ เอ่อ พี่เบศตกลงตามนี้ใช่มั้ย”
สุรีกานต์หันไปมองพยายามส่งซิกส์ให้นฤเบศช่วย เขาทำไม่รู้ไม่ชี้
“อืม คิดๆ ดูแล้ว เรานอนห้องเดียวกันน่ะดีที่สุด เชิญครับน้องโซ่ ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าน้องโซ่อยากสะดวกแค่ไหน เดี๋ยวพี่เบ็ตตี้จัดให้” นฤเบศยิ้มเจ้าเล่ห์
สุรีกานต์ยิ่งโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้ จึงเดินสะบัดหน้านำไป นฤเบศมองตามแอบขำ วุ้นกรอบกับพายไก่มองตามสุรีกานต์แบบงงๆ
จบตอนที่ 8