xs
xsm
sm
md
lg

นางมาร ตอนที่ 25 - 26

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางมาร ตอนที่ 25

เชตะวันมองปืนที่กำลังเล็งมายิงตน
 
อาทิตย์เห็นทุกสิ่งอย่างด้วยดวงใจที่สลายเมื่อตัวเองทำให้ลูกเป็นแบบนี้ อาทิตย์ช๊อคตาค้างทั้งน้ำตา เสียงเครื่องวัดหัวใจดังปรี๊ด ทุกคนชะงักหันมอง เชตะวันวิ่งเข้าไปดูอาทิตย์เหมือนจะขาดใจ เชตะวันรีบกดออดเรียกพยาบาล
“ช่วยตามหมอทีครับ...” เชตะวันหันมาดูพ่อ “ช่วยตา หมอที พ่อ...พ่อ...”
เชตะวันจับมือพ่อน้ำตาไหล พายัพยืนมองอึ้งเหมือนกันที่พ่อนิ่งไป พายัพยืนลังเลสักพักแล้วเข้าไปล๊อคตัวเนตรอัปสรเอาปืนจี้เอว แล้วลากออกไปในช่วงชุลมุนที่ไม่มีใครสังเกตเห็น สวนกับหมอและพยาบาลที่เข้ามาพอดี อาทิตย์มองพายัพตาค้างช็อคแล้วหมดลมหายใจทั้งน้ำตา เชตะวันมองพ่ออย่างตกใจ
“พ่อ...”
หมอพยาบาล ทำการช่วยเหลือเพื่อยื้อชีวิตอาทิตย์ อย่างเร่งด่วน บวรและอนงค์กลับเข้าห้องมายืนอึ้งเมื่อเห็น หมอ พยาบาลวิ่งกันวุ่นในห้อง หมอส่ายหัวหมดทางยื้อชีวิตอาทิตย์ เชตะวันหมดหวังกุมมือพ่อไว้แน่น หมอกับพยาบาลค่อยๆเก็บอุปกรณ์ต่างๆออกไป เชตะวันกุมมือพ่อก้มหน้าน้ำตาไหล
“พ่อ...พ่อ อย่าทิ้งผมไป พ่อ...ผมขอโทษที่ไม่เคยเป็นลูกที่ดีของพ่อเลย พ่อ...ผมรักพ่อนะ”
เชตะวันกอดพ่อร้องไห้เสียใจ บวรกับอนงค์มองดูน้ำตาไหล บวรเข้าไปปลอบใจ อนงค์ลงนั่งกับพื้นมองดูอาทิตย์ที่หมดลม เสียใจที่ปล่อยคุณผู้ชายไว้คนเดียว
“คุณผู้ชาย นงค์ขอโทษนะคะ ที่ทิ้งคุณผู้ชายไว้คนเดียว”
อนงค์กราบข้างตัวอาทิตย์
“นงค์ขอโทษ...”
บวรเข้ามาเขย่าขาอาทิตย์ด้วยความเคารพรัก บวรพยายามส่งเสียงเรียก
“นา...นา...นาย...”
บวรน้ำตาไหล ก้มกราบเท้าอาทิตย์เพื่อขอโทษที่ทิ้งเจ้านายไว้คนเดียว

เชตะวันเปิดประตูออกมายืนหน้าห้องพิงประตูอย่างอ่อนล้าและเศร้าใจ เขาพยายามรวบรวมสติแล้วนึกขึ้นได้ว่าเนตรอัปสรหายไป
“เนตร...”
เชตะวันมองดูซ้ายขวาไม่มีเนตรอัปสร เขารีบหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังแว่วๆ เชตะวันเดินตามไปเกือบถึงเคาท์เตอร์เห็นโทรศัพท์ร่วงอยู่ที่พื้นใกล้ๆเก้าอี้บังๆอยู่ เขามองสงสัยหยิบขึ้นมาดูเห็นเป็นโทรศัพท์มือถือของเนตรอัปสรจริงๆ
“มือถือเนตรทำไมมาตกอยู่ตรงนี้ได้”
เชตะวันนิ่งคิดคำพูดของพายัพก่อนหน้านี้แว๊บเข้ามา
“อะไรที่เป็นของมึงมันต้องตกเป็นของกูทุกอย่าง”
เชตะวันคิดว่าเป็นฝีมือพายัพแน่ๆ
“ไอ้พายัพ”
เชตะวันโกรธจัด กดโทรศัพท์หาพายัพ แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับก็โมโห
“โธ่เว้ย...”
เชตะวันหน้าเครียด

อาทิตย์ถูกยกมาวางที่เตียงที่บุรุษพยาบาลรออยู่ พยาบาลห่มผ้าขาวไว้แค่หน้าอก เชตะวันวิ่งเข้าห้องมาเห็นบวรยืนมองอาทิตย์น้ำตาไหล เชตะวันเดินตรงเข้าไปที่เตียงพ่อ พยาบาลถอยออกมาให้เขาเข้าไปที่ศพอาทิตย์ เชตะวันกราบพ่อ
“พ่อครับ สิ่งที่พายัพทำกับพ่อพี่พายัพต้องชดใช้ ผมจะไม่ยอมให้พี่พายัพทำผิดด้วยการทำร้ายคนที่ผมรักอีก พ่อรอผมนะ แล้วผมจะรีบกลับมา...หลับให้สบายนะครับพ่อ”
แล้วเชตะวันก็ผละออกมา พยาบาลเอาผ้าปิดหน้าอาทิตย์ เชตะวันมองพ่อครั้งสุดท้าย เดินเข้ามาหาบวร
“พี่พายัพจับตัวคุณเนตรไป ฉันจะต้องหยุดสิ่งที่พายัพกำลังจะทำให้ได้ ฉันฝากบวรดูแลทางนี้ไปก่อนนะ แล้วฉันจะรีบกลับมา”
บวรตกใจที่ได้รู้ว่าพายัพจับตัวเนตรอัปสรได้แต่พยักหน้ารับ เชตะวันรีบวิ่งออกไป บวรมองตามเป็นห่วง

เชตะวันรีบมาที่ลานจอดรถ พยายามมองหาว่ารถพายัพอยู่ที่นี่รึป่าวพร้อมกับการหยิบโทรศัพท์มือถือพยายามโทรหา โทรเท่าไหร่ก็ไม่ติด เชตะวันกังวลใจมากและเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อตอนก่อนที่เขาจะเจอพายัพ เขาเห็นแซลลี่ยืนอยู่หน้าห้องอาทิตย์...
ก่อนหน้านี้แซลลี่เฝ้าอยู่หน้าห้องคนไข้ ที่อาทิตย์พักอยู่ ท่าทางกระวนกระวาย เชตะวันกับเนตรอัปสรเดินเข้ามาเห็น
“นั่นแซลลี่นี่ มาทำอะไร” เนตรอัปสรมองอย่างแปลกใจ
เชตะวันมองตาม
“อืม...ใช่...คงมาเยี่ยมผมมั้ง...เขาคงคิดถึงผมน่ะ” เขาหันไปแซว เนตรอัปสร “หึงเหรอ...”
เนตรอัปสรหน้าจริงจัง
“ฉันว่าไม่ได้มาเพราะคิดถึงคุณแน่ เมื่อคราวที่ฉันไปป่าเพื่อช่วยให้คุณฟื้น แซลลี่นี่แหละที่เป็นคนขโมยกระดูกเกือบทำลายพิธีจนพังเพราะ ไม่อยากให้คุณฟื้นนะสิ”
เชตะวันคิดตามแล้วทั้งสองก็เดินไปใกล้ เชตะวันเข้าไปทัก
“แซลลี่ นี่คุณมาทำอะไรน่ะ”
แซลลี่หันมาเห็นก็ตกใจ
“คุณเชต....เอ่อ...แซลลี่เปล่านะคะ...แซลลี่ไม่เกี่ยวนะคะ”
แซลลี่ทำอะไรไม่ถูกละล้าละลังมองไปในห้องมีพิรุธ สุดท้ายก็วิ่งหนีออกไปจากห้อง เชตะวันกับเนตรอัปสรมองตามแล้วรีบเข้าห้องอาทิตย์ไป

เชตะวันคิดได้ เขาตัดสินใจกดโทรศัพท์หาแซลลี่ทันที แซลลี่กำลังขับรถกลับอย่างกระวนกระวาย
“ทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องซวยๆแบบนี้ด้วยนะเนี่ย”
โทรศัพท์แซลลี่ดังขึ้นมา เธอตกใจหันไปมองที่มือถือหน้าจอขึ้นว่า เชตะวัน แซลลี่ ผวา
“เชตต้องสงสัยเราแน่ๆเลย”
แซลลี่ตัดสินใจปิดโทรศัพท์ดับเครื่องทิ้งทันที แล้วก็จอดรถที่คอนโด...เชตะวันเมื่อเห็นว่าแซลลี่ปิดเครื่องหนีแบบนี้ก็เดาออกว่าน่าจะรู้เห็นเรื่องนี้ เขาจึงตัดสินใจขับรถไปหาเธอทันที

ปารมีก้มลงกราบคุณสรวง ที่ยิ้มรับอย่างเมตตา
“วันนี้ลูกมาคนเดียว แม่สรวงคงจะไม่เหงานะคะ”
“จะเหงาได้อย่างไรกัน แล้วคนนั้นไม่ได้มาด้วยกันกับลูกหรือ”
ปารมีงงใครกันจึงหันไปมอง หมอก้องเดินเข้ามา ปารมีทำหน้าไม่ถูก
“เอ่อ...”
คุณสรวงเรียกหมอก้อง
“เข้ามาสิ”

หมอก้องก้มลงกราบ

หมอก้องก้มลงกราบ

“ผมทำผิดมากเลยครับแม่สรวง สร้างเรื่องให้คนอื่นต้องเดือดร้อน และทำให้ใครหลายๆคนต้องเสียใจและผิดหวังในตัวผม”
หมอกก้องหันมองปารมี เขาหยิบกล่องใส่กระดูกผีเฟื่องออกมา
“ผมเอาของชิ้นนี้มาให้แม่สรวง เผื่อว่าเราจะช่วยคุณเชตกับนะโมให้พ้นอันตรายต่อไปได้นะครับ”
คุณสรวงยิ้ม
“คนผิดรู้ตัวว่าผิด ย่อมจะมีวันที่ถูก คนโง่รู้ตัวว่าโง่ ย่อมมีวันฉลาด ตอนนี้หมอพบด้านสว่างแล้ว”
หมอก้องยิ้มรับ ปารมีก็รู้สึกยิ้มปลื้มในใจ หมอก้องจึงเอากล่องกระดูกเฟื่องยื่นให้คุณสรวง เมื่อคุณสรวงเปิดออกดูกลับเห็นเป็นกิ่งไม้ คุณสรวงตกใจ
ปารมีเห็นหน้าคุณสรวงตกใจจึงรีบเข้าไปดู เมื่อเห็นเป็นกิ่งไม้จึงตกใจหันไปมองหน้าหมอก้องอย่างโกรธๆ หมอก้องก็ช็อคเช่นกัน

แซลลี่ขนกระเป๋าเดินทางขึ้นรถ มือเชตะวันเข้าไปจับไว้ เธอตกใจพยายามจะหนี แต่เขาจับไว้ไม่ปล่อย
“เนตรอยู่ที่ไหน”
แซลลี่ตื่นกลัว
“แซลลี่ไม่รู้เรื่อง คุณเนตรเขาก็อยู่กับคุณสิมาถามแซลลี่ทำไมล่ะ แซลลี่ไม่เกี่ยว”
แซลลี่รีบสบัดมือออก แต่เชตะวันก็รั้งไว้ไม่ยอม
“พี่พายัพเข้ามาในห้องพ่อโดยมีคุณเป็นต้นทางให้ และพี่พายัพทำให้พ่อต้องตายแถมยังจับตัวคุณเนตรไปอีก แบบนี้คุณเกี่ยวข้องไหมล่ะ”
แซลลี่ตกใจ
“หา...คุณพ่อคุณตาย”
“ใช่ คุณมีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าคุณไม่บอกว่าไอ้พายัพมันพาคุณเนตรไปที่ไหน ผมจะแจ้งตำรวจว่าคุณสมรู้ร่วมคิดกัน”
แซลลี่กลัวรนราน
“อย่านะคะเชต แซลลี่โดนบังคบ แซลลี่ไม่อยากจะทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้เลย พี่พายัพเลวร้ายมากนะคะ เขาคิดแม้กระทั้งเอากระดูกผีมาปลุกเพื่อให้เป็นทาสรับใช้เพื่อฆ่าคุณอีก”
เชตะวันเจ็บแค้น
“มันอยู่ไหน ฉันถามว่ามันอยู่ไหน”
“ต่อให้เชตหาพี่พายัพเจอ เชตก็ช่วยคุณเนตรไม่ได้หรอก พี่พายัพจะต้องเอาผีมาฆ่าเชตแน่ หนีเถอะคะ หนีไปกับแซลลี่ดีกว่านะคะเชต แซลลี่รักเชตนะคะ”
เชตะวันจ้องหน้า
“คนที่ผมรักคือเนตรอัปสรคนเดียวเท่านั้น ต่อให้ผมต้องตายเพราะไปช่วยเธอผมก็จะทำ ถ้าคุณไม่บอกผมตอนนี้ว่าไอ้พายัพอยู่ที่ไหนงั้นคุณก็ไปกับผม ไป”

เชตะวันดึงจะให้ไปด้วย

นางมาร ตอนที่ 25 (ต่อ)

แซลลี่กลัวไม่อยากไปเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้วจึงรีบบอก

“บ้านพักท้ายรีสอร์ทคะ...ถ้าเชตรักนังนั่นมันมาก เชตก็ไปเถอะค่ะ แซลลี่ไม่ขอเกี่ยวข้องอะไรด้วยอีก อย่าเอาแซลลี่ไปเกี่ยวข้องด้วยเลยนะคะ แซลลี่ขอร้อง”
เชตะวันรีบออกไป แซลลี่หน้าตากังวลกลัวเกิดเรื่องใหญ่พูดรำพึงกับตัวเอง
“ขอโชคดีละกันนะเชต”
แซลลี่นึกขึ้นได้กลัวความผิดจะเข้าตัว รีบเก็บกระเป๋าขึ้นรถแล้วรีบหนีออกไปทันที

ปารมีเข้ามาต่อว่าหมอก้อง
“นี่มันคืออะไรคะหมอก้อง คุณเอากิ่งไม้มาใส่แล้วบอกว่าเป็นกระดูกอย่างนี้เพื่ออะไรคะ”
หมอก้อง ยังงงไม่หาย
“ผมไม่รู้เรื่องนะ ผมก็เห็นพร้อมคุณนี่แหละ ต้องมีใครมาเปลี่ยนมันแน่ๆ”
คุณสรวงนิ่งคิด แล้วพูดขึ้นมา
“มีคนปลุกผีแม่เฟื่องขึ้นมาได้แล้ว”
คุณสรวงนั่งสมาธิ เธอเห็นภาพเฟื่องปรากฏกำลังทำร้ายฆ่าสิทธิ์ ฆ่าหมอผีตาย...ภาพหมอผีกำลังจะท่องคาถา เฟื่องสะบัดมือใส่หมอผี กระเด็นไปโดนมีดหมอเสียบเข้ากลางอกตาย...ภาพสิทธิ์กระเสือกกระสนหนีตาย เฟื่องตามมาดักผลักสิทธิ์กระเด็นไปที่ปรำพิธี เฟื่องเอื้อมมือทำท่าบีบคอแล้วสะบัดมือจนสิทธิ์คอหักตาค้างตาย...คุณสรวงลืมตาขึ้น
“เนตรกับคุณเชตกำลังจะได้รับอันตราย”
ปารมีจึงรีบหยิบโทรศัพท์โทรหาเนตรอัปสร

เชตะวันขับรถรีบเร่งมุ่งหน้าไปบ้านลับท้ายรีสอร์ท เสียงโทรศัพท์ของเนตรอัปสรดังขึ้น เขาจึงรับสาย
“นะโมอยู่ไหน ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้วนะ”
“ปานเหรอ นี่ผมเชตนะ ตอนนี้นะโมถูกพี่พายัพจับตัวไป”
ปารมีตกใจ
“อะไรนะ นะโมถูกพี่พายัพจับตัวไป”
คุณสรวงกับหมอก้องตกใจ
“แล้วนี่คุณเชตรู้รึเปล่าคะว่าถูกจับไปที่ไหน เมื่อไหร่ แล้วตอนนี้นะโมเป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนรึป่าวคะ”
“คือตอนนี้ผมไม่รู้อะไรเลย นอกจากรู้แต่ว่าคุณเนตรถูกจับไปที่บ้านพักท้ายรีสอร์ทครับ และผมกำลังตามไปช่วยเนตรอยู่”
ปารมีวางโทรศัพท์หน้าเศร้า
“โธ่ นะโม ทำยังไงกันดีล่ะ กระดูกก็ถูกขโมยไป แถมนะโมก็ถูกลักพาตัวอีก”
หมอก้องคิดๆ
“เรื่องทั้งหมดต้องเป็นพี่พายัพวางแผนจัดการแน่ๆ เพราะเขาคือคนที่ต้องการชีวิตของคุณเชต”
คุณสรวงเอ่ยขึ้น
“นะโมกำลังจะถูกเงามืดคลอบงำ ตอนนี้เราต้องไปช่วยนะโม ปาน หมอก้อง ช่วยพาแม่ไปที”
ปารมี หมอก้อง รับคำ แล้วจึงพาคุณสรวงออกไปทันที

รถพายัพขับมาบนถนน พงษ์ทำหน้าที่คนขับ พายัพนั่งมองเอกสารที่มีรอยลายนิ้วมืออาทิตย์ยินยอมนั่งยิ้ม
“นายครับเราจะไปที่บ้านอาจารย์คงก่อนหรือเปล่าครับ” พงษ์ถาม
พายัพหันมองที่เนตรอัปสรที่ถูกมัดสลบอยู่แล้วยิ้มๆ
“ไม่...ไปที่บ้านพักเลย ฉันอยากจะลอง ของใหม่ก่อน”
พงษ์มองพายัพยิ้มๆอย่างรู้ทัน
“ได้เลยครับนาย”
พายัพหันมองที่เนตรอัปสรนอนสลบอยู่แล้วยิ้มร้าย

รถจอดที่หน้าบ้านท้ายรีสอร์ท

พายัพพยายามโทรหาสิทธิ์ แต่ไม่ติดเขาหงุดหงิดมาก

“เฮ้ย...ทำไมไอ้สิทธิ์มันถึงไม่เปิดเครื่องวะ”
พงษ์เดินเข้ามาได้ยินพอดี
“มันหนีกลับไปแล้วมั้งนาย”
พายัพโมโห
“ไว้ใจไม่ได้จริงๆ”
“โธ่นาย...คนอย่างมันจะไว้ใจได้ยังไง ขนาดเพื่อนมันแท้ๆมันยังหักหลังได้เลย”
“เอ่อ...ก็จริงของเอ็ง งั้นเอ็งไปดูไอ้หมอผีนั่นกับไอ้สิทธิ์ที่โน่นที ยังไงให้ไอ้หมอผีเอาอีผีนั่นมาให้กูที่นี่เลย”
“ได้ครับนาย ขอให้นายสนุกกับนังนี่ให้เต็มที่นะครับ”
พายัพลงรถและอุ้มเนตรอัปสรที่ถูกมัดอยู่ลงจากรถเข้าไปในบ้าน พงษ์ขับรถแล่นออกไป

พายัพวางเนตรอัปสรที่ถูกมัดลงที่เตียง ยืนมองยิ้มกริ่ม หน้าหื่นๆ พายัพไปหยิบกระป๋องเบียร์มาดื่ม แล้วยกขึ้นจิบอย่างสบายใจ ก่อนที่จะปิดประตูลง

รถเชตจอดที่หน้าบ้านพักท้านรีสอร์ท เขามองดูบรรยากาศบ้านพักเงียบเชียบ ไม่เห็นรถพายัพเลย เชตะวันเริ่มไม่แน่ใจว่าที่แซลลี่โกหกหรือเปล่า เขาตัดสินใจลงจากรถ และมองขึ้นไปที่ตัวบ้าน

พงษ์ขับรถไปถึงที่บ้านหมอผี...เขาเดินเข้ามาแต่ไม่เห็นใคร เห็นแต่รอยเลือดที่เปื้อนที่พื้น พงษ์ร้องเรียกทั้งสิทธิ์และหมอผี
“อาจารย์...คุณสิทธิ์...อยู่ไหม”
พงษ์แปลกใจไม่มีเสียงตอบรับ พยายามมองหา
“หายไปไหนกันวะ”
พงษ์เดินเข้าไปในห้องปรำพิธี เห็นห่อกระดูกวางอยู่ที่พื้นจึงหยิบขึ้นมา
“ดูสิปลุกวิญญาณนั่งนี่เสร็จก็ทิ้งขว้างแบบนี้ จะบอกนายให้หักเงินคืนให้หมดเลย” เขาคว้าห่อกระดูก “แล้วผีมันอยู่ที่ไหนวะ”
พงษ์เริ่มกลัว จึงหยิบโทรศัพท์มือถือกดไปหาพายัพแต่ดันแบตหมด
“โธ่เว้ย แบตเสือกหมดอีก กลับไปหานายก่อนดีกว่า”
พงษ์เดินออกไป ด้านหลังของเขามีศพสิทธิ์กับศพหมอผีถูกฆ่าอยู่มุมหนึ่งของบ้าน ผีเฟื่องยืนจ้องมองอาฆาต...พงษ์เอาห่อกระดูกวางเบาะหลังรถแล้วขับรถกลับ...เขาขับรถมาเรื่อยๆก่อนถึงบ้าน เขาเหลือบมองดูกระจกหลังเห็นผีเฟื่องมานั่งอยู่ก็ตกใจ
“เฮ้ย”
พงษ์ตกใจเบรกรถเอี๊ยด เขากลั้นใจมองที่หลังรถอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่เห็นอะไร เห็นเพียงห่อกระดูกที่วางไว้
“สงสัยจะตาฝาด แต่ถ้าเป็นอีผีทาสจริงๆกูก็ไม่ต้องกลัวมึงหรอก เพราะต่อไปมึงก็ต้องไปรับใช้เจ้านายกู” พงษ์ยิ้มร้ายๆ
พูดจบผีเฟื่องโผล่มาตรงหน้า พงษ์ตกใจร้องลั่น
“ผ...ผ...ผี”

พงษ์ลงจากรถวิ่งหนีลนลานเข้าในป่าไปจนมุมที่ต้นไม้

นางมาร ตอนที่ 26

ผีเฟื่องพุ่งตัวตามไปอย่างรวดเร็วบีบคอพงษ์ทันที

“กูไม่ใช่ทาสพวกมึง”
พงษ์ดิ้นพล่านจนห่อกระดูกตกพื้น ผีเฟื่องหักคอดัง กร๊อบ พงษ์ตาเหลือกขาดใจตายคาที่ ร่างค่อยๆรูดลงมาแน่นิ่งที่โค่นต้นไม้ ผีเฟื่องยืนมองด้วยความแค้นสะใจ

พายัพบีบกระป๋องเบียร์ที่กินเสร็จขว้างทิ้งหน้าตาของเขาหื่นสุดๆ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งกินเบียร์อยู่เดินตรงไปที่เตียงที่เนตรอัปสรนอนสลบอยู่ พายัพเดินเข้าไปเอามือมาลูบไล้ใบหน้าของเธอ
“ของรักของมึงจะต้องตกเป็นของกู”
พายัพยิ้มเลวๆ ก่อนที่จะไล่นิ้วมาจะปลดเสื้อเนตรอัปสร แล้วโน้มตัวมาจะจูบ เนตรอัปสรรู้สึกตัวมองเห็นพายัพกำลังปล้ำ เธอพยายามขัดขืน
“มาสนุกด้วยกันนะคุณเนตร”
“ปล่อยฉัน...ปล่อยฉันนะ”
เชตะวันเดินมาที่ต้นเสียง เขาเห็นพายัพกำลังปล้ำเนตรอัปสรพอดี จึงรีบเข้าไปถีบออกไป พายัพตั้งตัวได้เห็นเป็นเชตะวัน
“ไอ้เชต”
เชตะวันตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อพายัพขึ้นมา
“แกยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า แกทำให้พ่อต้องตายแล้วยังคิดทำชั่วกับคุณเนตรอีก”
“เออสิ...กูมันคนชั่ว กูจะชั่วกับมึงด้วยไอ้เชต”
พายัพสะบัดตัวออกแล้วต่อยเข้าเต็มแรง เชตะวันเซไปแต่ตั้งตัวได้ปรี่เข้ามาชกพายัพ สองคนชกต่อยกันนัวเนียจนพายัพพลาดท่าถูกเชตะวันต่อยลงไปกองกับพื้น เชตะวันยืนจ้องหน้าพี่ชาย
“ฉันจะไม่ทำอะไรแกเพราะฉันสัญญากับพ่อไว้ แต่แกต้องมอบตัวกับตำรวจ”
พายัพจ้องมองเชตะวันแค้นๆ หาจังหวะหยิบปืนจากข้างหลังขึ้นมาเล็ง
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกไอ้เชต”
เชตะวันอึ้งไม่คิดว่าพายัพจะทำแบบนี้
“แกจะทำอะไร”
“กำจัดขวากหนามอย่างแกไงไอ้เชต”
พายัพง้างไกปืนจะยิง ผีเฟื่องปรากฏตัวขึ้นมาบังเชตะวันไว้ พายัพตกใจ
“เฮ้ย...”
แล้วพายัพก็นึกขึ้นได้ว่าผีเฟื่องมาเป็นทาสแน่ๆ เขายิ้มชนะ
“มาก็ดีแล้วอีผีทาส”

พายัพหัวเราะสะใจ ฮ่าๆ

เชตะวันมองเห็นผีเฟื่องก็ตกใจเช่นกัน

“ฉันจะไม่ฆ่าแกหรอกไอ้เชต ฉันจะให้อีผีนี่มันจัดการพาแกไปลงนรก”
พายัพเอาปืนลงแล้วหันไปสั่งผีเฟื่องที่ยืนจ้องอยู่
“จัดการมันซะ”
ผีเฟื่องจ้องพายัพ
“ไปจัดการมันสิวะ อีผีบ้า” พายัพตวาด
ผีเฟื่องจ้องที่มือพายัพ มือที่ถือปืนค่อยๆยกขึ้นเองโดยที่พายัพก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น
จนปืนยกขึ้นมาแล้วค่อยๆบิดปากกระบอกมาจ่อที่ตัวเขาเอง พายัพตกใจกลัวลนลาน พยายามขืนมือสู้
“ไม่นะ...อีผีมึงเป็นทาสกูนะ..หยุด...บอกให้หยุด”
ผีเฟื่องหน้าโหดร้าย
“กูไม่ใช่ทาสของมึง...มึงต้องตาย”
เชตะวันมองตะลึง ผีเฟื่องหน้าใหญ่ขึ้นน่ากลัว พายัพรวบรวมกำลังขืนข้อมือใช้อีกมือช่วยแกะปืนในมือออก
“อย่านะ...อย่านะ”
พายัพใช้มือตัวเองกระชากจนปืนหลุดออก เขาลนลานวิ่งออกไป ผีเฟื่องมองแค้นแล้วตามออกไป เชตะวันจึงรีบเข้าไปดูเนตรอัปสร สองคนมองตามพายัพที่วิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง
พายัพลนลานรีบวิ่งออกมาข้างนอก มีเงาดำคืบคลานตามมาด้านหลังอย่างน่ากลัว...พายัพลนลานหนีเข้าป่าไม่ไกลจากบ้านนัก เขามองไปรอบๆอย่างหวาดกลัวแล้วเขาก็มองไปเห็นพงษ์ที่นอนพิงต้นไม้นั่งหน้าคว่ำอยู่ พายัพตกใจเข้าไปเขย่าเรียก
“ไอ้พงษ์...ไอ้พงษ์”
พงษ์ล้มมาใส่คอหักพับลงมาลิ้นจุกปาก พายัพตกใจ
“ไอ้พงษ์”
พายัพหวาดกลัวสุดขีด เขาจะหนีแต่เจอผีเฟื่องปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้า พายัพกลัวลนลานล้มลุกคลุกคลานหนีตาย เขารีบหนีออกมาด้วยความตกใจมาเจอรถตัวเองที่พงษ์จอดทิ้งไว้
“รถ...รถกู”
พายัพยิ้มดีใจรีบขึ้นรถขับออกไปทันที

รถพายัพวิ่งมาด้วยความเร็วมาถึงทางโค้ง เขากลัวสุดขีดขับรถหันรีหันขวางควานหาพระในรถเหมือนคนบ้า
“อย่านะ...อย่าตามมานะ...พระ...พระ” เขาโมโหที่หาพระไม่เจอ “โธ่เว้ย...พระอยู่ไหนว่ะ”
พายัพหันมองข้างหลังไม่มีผีเฟื่อง แต่พอหันกลับมาเห็นผีเฟื่องยืนขวางหน้ารถ พายัพตกใจ
“อีผีบ้า มึงตายซะเถอะ”
พายัพบ้าคลั่งขับพุ่งชนผีเฟื่องเต็มแรงโดยสายตาของเขาเห็นเป็นแค่ผีเฟื่องที่ด้านหลังมีแต่ป่าว่างเปล่า
 
แต่เมื่อเขาพุ่งชนทะลุร่างผีเฟื่องไปข้างหน้ากลับเห็นเป็นโกดังอยู่ตรงหน้า

นางมาร ตอนที่ 26 (ต่อ)

พายัพตกใจแต่ทำอะไรไม่ได้แล้วตาเหลือกค้าง
“ไม่...”
รถพายัพพุ่งชนโกดังจนระเบิดลุกเป็นไฟขึ้นมา ผีเฟื่องมองหัวเราะสะใจเสียงหัวเราะที่ก้องกังวานของผีเฟื่องดังก้องทั่ว ทันใดนั้นผีเฟื่องนึกขึ้นได้ว่าต้องจัดการเรื่องเชตะวันกับเนตรอัปสรที่อยู่ในบ้านจึงรีบพุ่งตัวหายออกไป

เชตะวันประคองเนตรออกมาจากบ้าน รถของหมอก้อง ปารมี คุณสรวง ขับเข้ามารถสาดไฟเข้าหน้า เชตะวันเพ่งมอง ทันทีที่รถจอด ทั้งสามคนรีบลงมา
“นะโม เป็นยังไงบ้าง”
“พี่พายัพโดนผีเฟื่องหลอกจนหลอนวิ่งหนีไปแล้ว” เชตะวันบอก
ปารมีกับหมอก้องรีบเข้าไปช่วย คุณสรวงมองรอบๆใจคอไม่ดี
“รีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดก่อนเถอะค่ะ”
ปารมีสงสัย
“มีอะไรเหรอคะคุณแม่”
“แรงอาฆาตอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เราต้องรีบหาวัดที่ใกล้ที่สุดก่อนวิญญาณนั้นจะ ถึงตัวพวกเรา”
ทุกคนรีบช่วยกันพาเนตรอัปสรเข้ารถ หมอก้องรีบขับรถออกไป

เงาดำพุ่งตรงเข้าในบ้าน
ภายในห้องเงาดำไหลรวมตัวเป็นร่างผีเฟื่องแต่ในบ้านไม่มีใครอยู่แล้วผีเฟื่องโกรธแค้นมาก
“อ๊าย”
ร่างของผีเฟื่องสลายเป็นเงาดำพุ่งออกไป
หมอก้องขับรถมาจอดที่วัดแห่งหนึ่ง เชตะวันประคองเนตรอัปสรไปกับปารมี หมอก้อง คุณสรวง เดินมาถึงเขตของโบสถ์เก่า
“รีบเข้าไปด้านในจะดีกว่า” คุณสรวงหันมาบอกอย่างร้อนใจ
ทุกคนเดินเข้าไปด้านในโบสถ์ พบหลวงปู่นั่งวิปัสสนากรรมฐานอยู่ภายในโบสถ์ ทั้งหมดเข้ามานั่งด้านใน ก้มลงกราบหลวงปู่ ปารมีดีใจที่เห็นหลวงปู่จึงบอกกับคุณสรวง
“หลวงปู่อยู่กับเราที่นี่ด้วยเหมือนท่านมารอเราเลยนะคะคุณแม่”
คุณสรวงกังวล
“หลวงปู่ท่านคงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ไป”
ปารมีแปลกใจ เนตรอัปสรกังวลใจ
“คุณแม่ดูเป็นกังวลแบบนี้ลูกใจคอไม่ดีเลยคะ”
“มันจะเกิดอะไรขึ้นเหรอ หลวงปู่ท่านนี้ท่านรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าด้วยเหรอ” เชตะวันเลยพนมมือไหว้หลวงปูแล้วถาม “หลวงปู่ครับพวกเราจะปลอดภัยใช่ไหมครับ”
หลวงปู่ยังคงนั่งนิ่ง คุณสรวงเอ่ยเตือน
“หลวงปู่กำลังเจริญภาวนาอยู่ อย่ารบกวนท่านเลยคะคุณเชต”
หลวงปู่หลับตาอยู่ แต่มองเห็นกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าเห็นทุกคนนั่งอยู่ มีเงาดำคืบคลานเข้ามารอบตัวเชตะวันและเนตรอัปสร หลวงปู่คิ้วขมวดเป็นกังวล

ด้านหน้าโบสถ์เก่า ผีเฟื่องเข้ามาปรากฏร่างแววตาอาฆาตแค้นจะเดินเข้าโบส์ถไปแต่ไม่สามารถเข้าไปได้ ก็กรีดร้อง
“อ๊าย...”

ทุกคนในโบสถ์ตกใจ ปารมีกับหมอก้องขยับเข้ามาใกล้กัน

เชตะวันกับเนตรอัปสรมองกัน ผีเฟื่องเจ็บปวดมองไปในโบสถ์

“ชุนออกมาหาข้าสิชุน เจ้าจะต้องไปอยู่กับข้า”
เชตะวันตัดสินใจเดินมาที่ประตู
“คุณเป็นผีแต่ผมเป็นคนเราอยู่กันคนละโลกคนละภพกัน คุณควรไปผุดไปเกิดซะเถอะ อย่ามายุ่งกับพวกเราเลย”
ผีเฟื่องมองเชตะวันหน้าเศร้าที่ถูกตัดเยื่อใย
“ชุน...ทำไมเจ้าพูดกับข้าเยี่ยงนี้”
“ชุนของคุณคืออดีต แต่ตอนนี้ผมเป็นเชตะวัน ผมไม่สามารถกลับไปรักคุณเหมือนในอดีตชาติได้ และในชาตินี้ปัจจุบันนี้คนรักของผมคือเนตรเพียงคนเดียวเท่านั้น”
ผีเฟื่องกรีดร้อง
“ไม่จริง...”
พลังของผีเฟื่องทำให้ลมกรรโชกใบไม้ปลิวว่อน หลวงปู่ลืมตามองสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่อย่างสงบ ทุกคนหวาดกลัวสิ่งที่ผีเฟื่องทำ
“ข้ารอเจ้ามาเป็นร้อยๆปีเจ้าไม่เห็นใจข้าเลยรึชุน คงเป็นเพราะอีนวลแกพรากชุนไปจากข้า กูจะฆ่ามึงอีนวล”
ผีเฟื่องจ้องมาที่เนตรอัปสร เชตะวันมองเห็นจึงเอาตัวบังเนตรอัปสรไว้ ลมกรรโชกแรง ปารมีกับหมอก้อง หลบลม คุณสรวงยืนมองกังวล
“ถ้าเจ้าไม่ทำตามคำสาบานที่ให้ไว้กับข้า…ข้าจะฆ่าทุกคนในที่นี้ให้หมดให้สิ้น” ผีเฟื่องกวาดตามอง
เชตะวันยังเอาตัวบังเนตรอัปสรอยู่ ค่อยๆถอยหลังพาเธอหลบเข้ามาในประตู ผีเฟื่องมองแค้น

หลวงปู่นั่งทำสมาธิอยู่ ปารมี หมอก้อง เนตรอัปสร เชตะวันขยับเข้ามาด้วยความหวาดกลัว
“ถ้าเราอยู่ในนี้วิญญาณของแม่เฟื่องทำอะไรเราไม่ได้หรอก ไม่ต้องกังวล” คุณสรวงบอก
หมอก้องหวาดๆ
“แล้วเราต้องอยู่ในนี้ไปอีกนานแค่ไหนกันครับแม่สรวง”
คุณสรวงนิ่งไม่สามารถตอบได้ หลวงปู่มองทุกคน
“ตอนนี้วิญญาณนี้อาฆาตหนัก จ้องจะเอาชีวิตของทุกคน ไม่ว่านานแค่ไหน วิญญาณนี้ก็จะเฝ้ารอคอยอยู่ด้านหน้า ด้วยความแค้นไปตลอดจนกว่านางจะได้ในสิ่งที่ต้องการ”
ทุกคนมองหน้ากันหวาดๆ เชตะวันรู้สึกผิดที่ดึงเอาทุกคนมาตกอยู่ในห้วงกรรมเดียวกัน
“สิ่งที่วิญญาณแม่เฟื่องต้องการ คือตัวผมใช่ไหมครับหลวงปู่”
เนตรอัปสรขัดขึ้นทันที
“ไม่นะคะ คนรักของแม่เฟื่องคือชุน ไม่ใช่คุณนะคะคุณเชต”
“แต่ผมจะเห็นแก่ตัวแล้วพาทุกคนมาตายกันหมดแบบนี้ผมทำไม่ได้ คุณเข้าใจผม ใช่ไหมเนตร”
“ถ้าคุณออกไปฉันจะไปกับคุณ”
ทุกคนอึ้งกับสิ่งที่เนตรอัปสรพูด หมอก้องรีบห้าม
“นะโม...นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ เรากำลังเผชิญอยู่กับสิ่งเร้นลับอยู่นะ”
“ฉันว่ามันต้องมีทางอื่นสิ...” ปารมีหันมาหาคุณสรวง “จริงไหมคะคุณแม่”
คุณสรวงถอนใจ
“มันเป็นบ่วงกรรมที่ติดตามมาจากชาติก่อนน่ะลูก”
หลวงปู่พูดขึ้น
“หากจะแก้จะต้องแก้ด้วยการตัดกรรม”
เชตะวันแปลกใจ
“กรรมในอดีตของผมที่ทำไว้กับแม่เฟื่องน่ะเหรอครับ”

หลวงปู่พยักหน้าเป็นเชิงตอบว่าใช่

อ่านต่อ ตอนที่ 27
กำลังโหลดความคิดเห็น