วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 21
วันต่อมานักข่าวและช่างภาพรออยู่หน้าประตูใหญ่บ้านสี่ฤดู พยายามจะเข้ามาภายในบ้านให้ได้ อากงและอาหลี่กำลังช่วยกันดันประตูไว้
“อย่าดันครับ อย่าดัน”
“ขอเข้าไปหน่อยสิลุง ช่วยๆ กันหน่อย ผมเขียนข่าวไม่ได้เลย”
“จะไม่ไหวแล้วนะอากง”
“คุณชายจ้าวซันอยู่หรือเปล่า”
“ปะ... เปล่า ยังไม่ได้กลับ ไม่มีใครกลับมาเลยสักคน”
“ไปไหนกันหมดครับ หรือว่าหนีออกไปนอกประเทศแล้ว”
นักข่าวยิงคำถาม อากงมองหน้าอาหลี่เป็นเชิงตำหนิ เทเรซ่าเดินมาจากในบ้านนักข่าวเห็นรีบพุ่งเป้าไปยังเทเรซ่า
“คุณเทเรซ่าๆ ผมขอสัมภาษณ์หน่อยครับ”
“รบกวนด้วยนะคะ”
“ขอเชิญทุกคนกลับไปก่อนค่ะ เรายังไม่พร้อมแถลงข่าวตอนนี้”
“ตอนนี้คุณเหม่ยอิงอยู่ที่ไหนครับ”
เสียงนักข่าวเริ่มดังเซ็งแซ่ และแย่งกันถามคำถามมากมาย อากง อาหลี่ เทเรซ่า พยายามเกลี้ยกล่อมและต้านนักข่าวไว้อย่างสุดกำลัง
“ถ้าพวกคุณยังไม่ยอมออกไป ฉันคงต้องเรียกตำรวจนะคะ”
ไม่มีใครฟังที่เทเรซ่าพูด พยายามจะเข้ามาข้างในให้ได้
“ผมขอเวลาอีกสิบนาที”
จ้าวซันเดินออกมายืนอยู่ด้านหลังอากง อาหลี่และเทเรซ่า ทุกคนหันไปมอง เงียบไปสักพัก
นักข่าวต่างเรียกชื่อคุณชายจ้าวซัน และแย่งกันถามคำถาม ยื่นไมโครโฟน ถ่ายรูป ยิ่งโกลาหลกว่าเมื่อครู่
“ไหนบอกไม่มีใครอยู่ที่นี่ไง กำลังปิดบังอะไรหรือเปล่า”
“ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบก่อน ผมพร้อมที่จะตอบทุกคำถาม และเคลียร์ทุกเรื่องที่พวกคุณอยากรู้”
จ้าวซันบอกเสียงเด็ดขาด อากงและเทเรซ่ามองจ้าวซันอย่างหนักใจแทน
จ้าวซัน ฉินเจียง ยืนแถลงข่าวด้วยกันอยู่หน้าบ้านสี่ฤดู ด้านหลังมีเทเรซ่า อากง อาหลี่ยืนอยู่ด้วย นักข่าวตั้งไมค์ ตั้งกล้อง ยืนจดรายงานกันรายล้อม
“ผมยืนยันอีกครั้งครับว่าเรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับจ้าวเหม่ยอิงเลย”
ฉินเจียงหันไปชำเลืองมองจ้าวซันเล็กน้อย จ้าวซันมองกลับ รอให้ฉินเจียงช่วยยืนยันตามที่ตกลงกันไว้ก่อน
“จริงครับ”
“คนร้ายเคยเป็นพนักงานในบริษัทที่โดนไล่ออกไป”
“มันชื่อไอ้เกาเฟย”
“แต่ดูเขาสนิทสนมกับคุณเหม่ยอิงดีนะครับ”
“ใช่ค่ะ คนร้ายยื่นข้อเสนอว่าให้พวกคุณส่งตัวคุณเหม่ยอิงให้มันด้วย ไม่ใช่เหรอ”
“มันก็คงคิดจะจับเอาตัวน้องสาวผมไปเป็นตัวประกันนั่นแหละครับ”
จ้าวซันมองฉินเจียง รีบตัดบทไม่อยากให้ฉินเจียงพูดมากเกินไป
“ตอนนี้เหม่ยอิงก็พักอยู่ที่นี่ แต่ต้องขอโทษด้วยครับ เหม่ยอิงไม่สบายเลยลงมาร่วมแถลงข่าวด้วยไม่ได้”
นักข่าวมองหน้ากัน พากันประหลาดใจ
“ว้า...จริงหรือค่ะ แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
ผิงอันยื่นหน้ามาตอบจากด้านหลัง
“ปวดหัวและก็เป็นไข้นิดหน่อยค่ะ แต่พี่สะใภ้คอยช่วยดูแลอยู่ คงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่”
“พี่สะใภ้ที่ว่านี่คือภรรยาคุณฉินเจียง ที่กำลังตั้งครรถ์ ใช่หรือเปล่าค่ะ”
นักข่าวแซว ฉินเจียงเขินๆ ไป บรรยากาศการสัมภาษณ์เริ่มผ่อนคลายลง
ภายในห้องเช่าเก่าๆ เกาเฟยกำลังเตรียมพร้อมขัดปืนหลายกระบอกและตรวจเช็คกระสุนอย่างจริงจัง เกาเฟยเปิดทีวีทิ้งไว้แต่ไม่ได้เปิดเสียง ภาพในจอเป็นผู้ประกาศข่าวกำลังอ่านข่าวอยู่ เกาเฟยโหลดกระสุนเสร็จ ทำท่าเล็งปืนไปที่ผู้ประกาศข่าวทันใดนั้นภาพในจอเป็นภาพการแถลงข่าวที่บ้านสี่ฤดู เกาเฟยตกใจ วางปืนลง รีบหารีโมทเพื่อจะมาเปิดเสียง แต่ตายังจ้องที่จอโทรทัศน์อยู่
เกาเฟยรื้อใต้เบาะ ก้มลงดูใต้เตียงและตามที่ต่างๆ แต่ก็หาไม่เจอ สุดท้ายเกาเฟยรีบเดินไปที่ทีวีเพื่อเร่งเสียงด้วยตัวเอง
“หากคุณจ้าวเหม่ยอิงพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนหายดีแล้ว ทางบ้านสี่ฤดูจะจัดให้มีการแถลงข่าวขึ้นอีกครั้ง ซึ่งทางสถานีจะรีบนำเสนอข่าวนี้ทันทีที่”
“คุณหนูอยู่ที่บ้านสี่ฤดูเหรอ ไม่ได้อยู่ในคุก” เกาเฟยค่อยๆ ยิ้มออกมาอย่างดีใจ “รอเกาเฟยก่อนเถอะ” ภาพในจอเป็นภาพโคลสอัพจ้าวซัน เกาเฟยทำท่าเล็งปืนไปที่ภาพจ้าวซันบนจอโทรทัศน์ “เปรี้ยง ตาย”
เกาเฟยยิ้มอำมหิต
เย็นวันเดียวกันนั้นที่ห้องกินข้าวบ้านสี่ฤดู จ้าวซัน บราลี ฉินเจียง ซูหลิง ผิงอัน และแม่สี่ นั่งใกล้กันเป็นคู่ๆ รอบๆ โต๊ะจีน มีอาม่ายืนดูห่างๆ อากงเดินไปตักข้าวเพิ่มให้กับจ้าวซัน
“วันนี้คุณชายใหญ่เจริญอาหารเป็นพิเศษ”
“ผมขอข้าวเพิ่มอีกหน่อยสิอากง”
“คุณชายรองก็ด้วยเหรอ” อากงหัวเราะดีใจ
“เป็นเพราะฝีมือทำอาหารของพี่บรีกับพี่ซูหลิงแน่ๆ เดี๋ยวหนูขอเบิ้ลบ้างดีกว่า”
ผิงอันชมบราลีกับซูหลิง ทั้งคู่ยิ้ม
“จานนี้ยังไม่หมดเลย ระวังเถอะทานเข้าไปเยอะๆ จะอ้วนเป็นหมู”
แม่สี่บอกแต่ไม่มีใครสนที่แม่สี่พูดสักเท่าไหร่ ทุกคนยิ้ม หัวเราะ มีความสุขยกเว้นแม่สี่
“นานๆ จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันขนาดนี้สักทีนะ”
“ถ้าเต้ได้เห็นลูกหลานมานั่งกินข้าวร่วมกันแบบนี้ ท่านคงดีใจมากแน่ๆ”
แม่สี่หันไปมองที่อากงพูด
“เต้เคยบอกว่า โต๊ะจีนต้องนั่งให้ครบวงมันถึงจะดี ครอบครัวจะได้กลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน”
“เสียดายเนอะ ขาดพี่เหม่ยอิงไป ไม่งั้นก็...”
แม่สี่หันไปมองผิงอัน ปวดใจ วางช้อนลงกับจานเสียงดัง ทุกคนหันไปมอง
“อิ่มแล้ว ขอตัวก่อน”
ผิงอันทำหน้าแหย รู้สึกผิดที่พูดออกไป จ้าวซันมองตามแม่สี่ กลุ้มใจ
ห้องออกกำลัง บ้านสี่ฤดู จ้าวซันใส่เสื้อกล้าม กำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งอย่างจริงจัง เหงื่อโทรมกาย บราลีเดินถือถาดที่มีนมหนึ่งแก้วเข้ามา
“ฟิตจังนะคะ จะวิ่งไปถึงไหนเนี่ย”
“ตอนนี้เหรอ” จ้าวซันก้มดูที่หน้าจอเครื่องวิ่ง “เกือบจะถึงจิมซาจุ่ยแล้ว”
บราลีวางแก้วนมลงบนม้านั่งสำหรับยกเวท แล้วนั่งลงมองจ้าวซันวิ่ง
“เจ้าพี่เพิ่งกินอิ่มๆ แล้วมาวิ่งไม่จุกแย่เหรอ”
“นี่มันคำแก้ตัวของคนที่ไม่ยอมออกกำลังกายต่างหาก อิ่มเกินไป ท้องว่างเกินไป ดึกเกินไป เช้าเกินไป แล้วเป็นไงดูสิ นั่งพุงห้อยอยู่ตรงนี้”
“อะไร ไม่ห้อยสักหน่อย” บราลีรีบลุกขึ้นยืน แขม่วพุง หมุนรอบตัวโชว์จ้าวซัน “ใครบอกว่าไม่ชอบออกกำลัง นี่”
บราลีก้มลงไปยกเวทอันใหญ่ที่ใช้สำหรับเล่นกล้ามแขนที่วางอยู่บนม้านั่งขึ้นมาโชว์ “ว้าย”
บราลียกไม่ไหว ทำเวทร่วงลงบนพื้นเสียงดัง จ้าวซันตกใจ รีบหันไปมอง กดปุ่มให้เครื่องวิ่งหยุดแล้ววิ่งลงมา
“เป็นไรหรือเปล่า”
บราลีรีบนั่งลงบนม้านั่ง
“เกือบหล่นใส่เท้าแน่ะ โชคดีนะ”
จ้าวซันก้มลงมาดู
“ไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“หมายถึงพื้นนะ ไม่เป็นรอยใช่ไหม”
จ้าวซันแกล้งเอามือลูบๆ พื้นด้วยความทนุถนอม บราลียิ้มงอน ผลักจ้าวซันที่นั่งยองๆ อยู่เซล้มลง สักพักจ้าวซันจึงนั่งลงกับพื้นข้างล่างใกล้กับบราลี หันไปเห็นแก้วนมที่บราลีเอามาให้
“นี่อะไร จะขุนกันให้ตายเลยใช่ไหม”
จ้าวซันคว้าแก้วนมมาดื่มจนเกือบหมดแก้ว
“ยังไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเอามาให้เจ้าพี่”
จ้าวซันหันขวับมามองบราลี มีนมติดที่ไรหนวดเป็นรอยสีขาว บราลีเห็น ขำ
“เช็ดปากด้วยเจ้าพี่ ดูสิยังกับเป็นเด็กเลย”
“ไม่มีผ้าเช็ดอะ”
จ้าวซันยื่นหน้าจะไปเช็ดกับเสื้อบราลี บราลีรีบหลบ และพยายามผลักออก จ้าวซันวิ่งตามจะไปเช็ดให้ได้
บราลีวิ่งหนีไปรอบห้อง สุดท้ายจนมุม จ้าวซันจัดการล็อกตัวบราลีไว้ แล้วเอาหน้าเช็ดไปที่แขนเสื้อบราลี
“อ๊ายย...ไม่เอา สกปรก”
สักพักบราลีหันไปที่หน้าประตู นิ่ง หุบยิ้ม รีบยืดตัวตรง สำรวม จ้าวซันหันไปมองเห็นแม่สี่ยืนมองอยู่ หน้าตาบึ้งตึง
“คุณชาย แม่ขอคุยด้วยหน่อย”
จ้าวซันงงๆ มองหน้าบราลี
“ตอนนี้หรือครับ”
แม่สี่ยืนหันหลังคุยกับจ้าวซันในห้องสมุด
“นะ ถือว่าเห็นแก่แม่ ช่วยน้องหน่อย พาเหม่ยอิงหนีไปต่างประเทศที ไปที่ไหนก็ได้ ประเทศไทย คีรีรัฐ”
“ผมทำไม่ได้จริงๆ ครับ”
แม่สี่เริ่มร้องไห้
“แล้วเหม่ยอิงจะทำยังไง น้องจะต้องติดคุกอยู่ที่นี่เหรอ”
“เราก็ต้องสู้คดีให้ถึงที่สุด อะไรที่เป็นคดีอาญาก็ต้องยอมรับ แต่ผมสัญญาว่าจะทำทุกอย่าง ให้หนักเป็นเบาที่สุด”
“ทำไมคุณชายไม่ช่วยพาเหม่ยอิงหนีไปก่อนไง ไว้คดีหมดอายุความแล้วค่อยกลับมาจะไม่ดีกว่าเหรอ”
“แม่สี่ครับ”
“นี่ถ้าแม่ทำเองได้ก็ทำไปแล้ว ไม่ต้องมายืนเสียหน้าขอร้องคุณชายอยู่ตรงนี้ หรือคุณชายจะต้องให้แม่คุกเข่า”
แม่สี่ทำท่าจะลงไปนั่งคุกเข่า จ้าวซันรีบเข้าไปประคอง แม่สี่มองหน้าจ้าวซัน “ลืมไปแล้วเหรอ ว่าเด็กๆ ใครอยู่ข้างคุณชายมาโดยตลอด ใครที่คอยปกป้องคุณชายเวลาที่โดนแม่สองแม่สามรังแก แม่ดีกับคุณชายมาโดยตลอด” จ้าวซันไม่กล้าสบตาแม่สี่เพราะลำบากใจ “ไม่นึกเลย ไม่นึกว่าแค่นี้ก็ทำให้แม่ให้น้องไม่ได้ไ
“ผมทำอย่างเต็มที่ที่สุดแล้วครับ”
“คุณชายเป็นคนอกตัญญูกว่าที่แม่คิดไว้ซะอีกนะ เต้คงเสียใจที่เลี้ยงลูกมาแล้วกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณคนแบบนี้”
แม่สี่น้ำตานองหน้า พูดจบแล้วเดินออกไปจากห้องทันทีทิ้งให้จ้าวซันอึ้งอยู่คนเดียว
คืนนั้นขณะที่จ้าวซันกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงในห้องนอน
“อาซัน” จ้าวซันเริ่มกระพริบตา รู้สึกตัวเล็กน้อย กระสับกระส่าย “อาซัน...ตื่น”
จ้าวซันค่อยๆ ลืมตาขึ้น มองไปรอบๆ ไม่เห็นอะไร สักพักเงยหน้าไปมองที่ปลายเท้าตัวเองเห็นเต้ในสภาพก่อนตายยืนอยู่ จ้าวซันตกใจรีบลุกขึ้นนั่ง
“เต้”
“ยังจำกันได้ด้วยเหรอ”
“จำได้ไม่มีวันลืมครับ”
“แล้วจำที่เต้เคยสอนได้บ้างไหม” เต้เริ่มโกรธ เสียงดังขึ้น “ทำไมถึงทำแบบนี้กับน้อง” จ้าวซันทำหน้างงๆ เต้เดินตรงมาหาจ้าวซัน ยกไม้เท้าที่ถือมาจะไล่ตีจ้าวซัน “ทำไม...ตอบสิว่าทำไม” จ้าวซันลุกขึ้น เดินหนีไปรอบๆ ห้อง เต้ก้าวขึ้นไปยืนบนเตียง ชี้ไม้เท้าใส่หน้าจ้าวซัน “ทำไมน้องๆ ถึงไม่มีใครได้ดีสักคน บริษัทก็จะล้มละลาย ทำไม ทำไม” เต้กระโดดลงจากเตียง ไล่ตีจ้าวซันไปเรื่อยๆ จ้าวซันวิ่งหลบไปมา กลัว “แกทำให้ฉันนอนตายตาไม่หลับ ฉันต้องตื่นขึ้นมาก็เพราะแก”
“ผมขอโทษๆๆ”
เต้หยุด มองหน้าจ้าวซัน ร้องไห้ น้ำตาไหลเป็นสายเลือด
“ถ้าน้องๆ ทุกคนยังไม่มีความสุข แกก็อย่ามีความสุขเลย ไปอยู่กับฉันเถอะมา”
เต้เดินพุ่งตรงเข้าไป กระหน่ำตีจ้าวซันไม่ยั้ง จ้าวซันกลัว ยกมือพนมไหว้แต่เต้ยังไม่หยุดตี จ้าวซันเอื้อมไปหยิบมีดปอกผลไม้ที่วางอยู่ข้างเตียง แล้วพุ่งเข้าแทงเต้ เต้เอามือรับมีดไว้แต่ไม่ทัน ไม้เท้าตกลงกับพื้น มีดปักทะลุเข้ากลางท้อง เลือดไหลออกมากมาย เต้มองจ้าวซันตาค้าง ค่อยๆ ล้มลง ขาดใจตายตรงพื้น ตาไม่หลับ จ้าวซันช็อก ยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูก จ้าวซันละเมอลุกขึ้นมานั่งร้องเสียงดัง
“ไม่”
สักพักบราลีก็วิ่งเข้ามาในห้อง หน้าตาตื่น รีบเปิดไฟ จ้าวซันลืมตาขึ้นมา เหงื่อออกเต็มหน้า
“เจ้าพี่ เป็นอะไรไปค่ะ”
จ้าวซันเห็นบราลี โผเข้ากอดเต็มแรง
“อยู่ด้วยกันก่อนนะ อย่าทิ้งพี่ไปนะ นะ”
“ไม่มีอะไรนะคะ เจ้าพี่แค่ฝันไป”
“แต่มันเหมือนจริงมาก มากเหลือเกิน”
“น้องอยู่ตรงนี้แล้วค่ะ ไม่เป็นไรนะคะ”
บราลีค่อยๆ เอามือลูบหลังจ้าวซันอย่างเห็นใจ
เช้าวันใหม่ ภายในห้องเหม่ยอิง เหม่ยอิงกำลังออกมาจากห้องน้ำ เหม่ยอิงกระโจมอกด้วยผ้าเช็ดตัวสีขาวและกำลังเช็ดผมที่เปียกออกมาจากห้องน้ำ เหม่ยอิงเดินมานั่งหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง มองตัวเองในกระจกนิ่ง เหม่ยอิงค่อยๆ หยิบหวีมา แล้วสางผมอย่างช้าๆ สายตาเลื่อนลอยไม่มีโฟกัส ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู เหม่ยอิงตกใจ ทำหวีตกลงกับพื้น
“พี่ขอเข้าไปหน่อยนะ”
เหม่ยอิงตกใจรีบตอบไปโดยไม่คิด
“ค่ะๆ”
จ้าวซันเปิดประตูเข้ามาเห็นเหม่ยอิงในชุดกระโจมอก ผมเปียกก็ตะลึง
“เอ่อ...ให้น้องแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนก็ได้ แล้วเราค่อย...”
แว่บหนึ่งเหม่ยอิงรู้สึกดีใจที่เห็นจ้าวซันมาหา แต่พยายามไม่แสดงออกมาเกินไป
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ชายใหญ่มีธุระอะไรกับน้องเหรอคะ”
“เดี๋ยวพี่มาใหม่ดีกว่า”
“ก็น้องบอกว่าไม่เป็นไรไงคะ น้องไม่ถือ เพราะยังไงพี่ชายใหญ่ก็ไม่ได้คิดพิศวาสอะไรน้องอยู่แล้ว ถึงน้องจะใส่เสื้อหรือไม่ใส่”
“เหม่ยอิง!”
เหม่ยอิงเดินเข้าไปประชิดตัว จ้าวซันขยับตัวถอยออกไปนิดหนึ่ง
“หรือว่ามันไม่จริง”
จ้าวซันจับตัวเหม่ยอิงออกห่างจากตัว
“เดี๋ยวพี่ขอคุยด้วยหน่อยแล้วกัน”
จ้าวซันเดินออกจากห้อง ปิดประตูออกไปทันที เหม่ยอิงอึ้ง หันไปมองภาพตัวเองในกระจกเงา เศร้า
จ้าวซันยืนรอที่ประตู กอดอก หน้าตาสงบ เหม่ยอิงเปิดประตูห้องออกมา แต่งตัวเสร็จแล้ว แต่ผมยังหมาดๆ อยู่ เหม่ยอิงยืนคาอยู่ที่ประตูแล้วถามจ้าวซันที่ยืนรออยู่ด้านนอก
“น้องแต่งตัวเรียบร้อยและก็มิดชิดที่สุดแล้ว พี่อยากจะคุยตรงนี้หรือว่าจะเข้าไปในห้อง”
จ้าวซันคิดสักพัก
“ตรงนี้ก็ได้ พี่คงคุยไม่นาน”
“แต่น้องขี้เกียจยืน”
เหม่ยอิงเดินเข้าไปในห้อง จ้าวซันเดินไปจับประตูไว้ แล้วยืนคาที่ประตู ไม่ตามเข้าไป เหม่ยอิงเดินไปลากเก้าอี้มา หันไปประจันหน้าจ้าวซันแล้วนั่งลงไขว่ห้าง
“ตกลงค่ะ”
“ตกลงเรื่องอะไร”
“พี่ชายใหญ่อุตส่าห์มาหาที่ห้องแต่เช้าแบบนี้ มันจะมีเรื่องอะไร น้องคิดว่าน้องฉลาดพอที่จะเดาได้ไม่ยาก”
“งั้นก็ดีแล้ว”
จ้าวซันทำท่าจะเดินออกไป เหม่ยอิงรีบพูด
“น้องสัญญาว่าจะเชื่อฟังทุกอย่าง พี่จะให้น้องพูดตามทนายว่ายังไง แล้วคดีที่พี่เองเป็นเจ้าทุกข์ พี่จะให้น้องสารภาพหรืออะไร น้องจะยอมหมด โอเคไหมคะ แต่ทางที่ดี ทำไม่พี่ไม่หาปลอกคอให้น้องซักอัน เอาไว้จูงไปเดินเล่นหรือจับน้องไปฝังไมโครชิปให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ”
เหม่ยอิงลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปหาจ้าวซันอย่างท้าทาย
“เลิกนิสัยประชดประชันแบบนี้สักทีเถอะ”
“น้องพูดจริงๆ ค่ะ ไม่ได้ประชดประชัน” เหม่ยอิงจ้องหน้าจ้าวซันท้าทาย จ้าวซันมองกลับ เห็นใจ ไม่โกรธ แต่พยายามจะเข้าใจ “น้องไม่เข้าใจ ว่าจะออกไปเดินเล่น ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกบ้างไม่ได้เลยหรือไง อยู่แต่ในห้องจนจะบ้าตายอยู่แล้ว น้องเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวแบบนี้ พี่คิดว่าน้องจะไปทำอะไรได้งั้นเหรอ”
“ที่ผ่านมาน้องก็ทำมาเยอะแล้ว น้องทำอะไรได้บ้างพี่รู้ดี”
เหม่ยอิงค้อนสะบัดหน้าไปอีกทาง
ผิงอันและบราลีกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
“นี่ๆ อันนี้ก็ดีนะ จดไว้ก่อนๆ” ผิงอันจดโน้ตลงสมุดยุกยิกๆ บราลีเลื่อนหน้าจอลงมา ไล่หาชื่อมหาวิทยาลัยต่างๆ “พี่บรีๆ ลองคลิกอันนี้ดูที”
“อืมม...ก็ดีนะ มีเรียนแบบทางไกล แล้วค่าเล่าเรียนก็ไม่แพงด้วย”
“งั้นตกลง หนูเรียนที่นี่แหละ”
“อย่าเพิ่งใจร้อนสิ ดูไปหลายๆ ที่ก่อน”
บราลีลุกจากเก้าอี้ หันไปทางหน้าต่างเห็นเหม่ยอิง จ้าวซัน จ่าหมง และตำรวจอีกคนกำลังเดินเล่นอยู่ที่สวนเหม่ยอิงกำลังชี้ชวนให้จ้าวซันดูโน่นดูนี่ เช่นดอกไม้ และต้นไม้ต่างๆ บราลีมองแล้วอึ้งไป
“พี่บรีๆๆ”
ผิงอันเรียกเสียงดังขึ้น
“หือ...จ๊ะ เลือกได้แล้วเหรอ”
“เป็นอะไรไปหรือเปล่าพี่ เหม่อเชียว”
“เปล่าๆ ไม่ได้เป็นอะไร พี่กำลังคิดว่าหรือพี่จะเรียนต่อแบบทางไกลกับผิงอันดี”
ผิงอันลุกขึ้นหันไปมองที่หน้าต่าง และเห็นภาพจ้าวซันกับเหม่ยอิงเดินเล่นด้วยกันอยู่ที่สวน ผิงอันอึ้ง มองหน้าบราลี
“เฮ้ย...ได้ไง”
“พี่ชายใหญ่คงสงสารที่เหม่ยอิงต้องอยู่แต่ในห้อง ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเลย”
“หนูก็สงสารพี่เหม่ยอิงนะ แต่หนูบอกตรงๆ ว่าหนูกลัวพี่เค้ามาก พี่ใหญ่มองโลกสวยงามเกินไปหรือเปล่าถึงกล้าพานางเสือร้ายออกมาเดินกินลมเล่นแบบนี้ ถ้าโดนมันกระโดดกัดคอเข้าเมื่อไหร่ถึงจะรู้สึก แต่ก็สายซะแล้ว เพราะถูกกินเลือดหมดตัว”
“นี่ก็เว่อร์เกินไป ดูดีๆ สิจะ เค้าไม่ได้อยู่กันตามลำพังนะ มีตำรวจด้วย นั่นไง”
จ่าหมง และตำรวจอีกคน เดินคุมเชิงมาห่างๆ บราลี ผิงอัน มองหน้ากัน กลุ้มๆ
เหม่ยอิงเดินพาจ้าวซันมาหยุดที่ต้นไม้ใหญ่ จ่าหมงและตำรวจอีกคนยืนคุมอยู่ไกลๆ เหม่ยอิงมาหยุดใต้ต้นไม้ แหงนขึ้นไปมองและจ้องอยู่นาน
“พี่ยังจำต้นไม้ต้นนี้ได้ไหม แต่ก่อนมันมีชิงช้าด้วยนะ”
“ใช่...จริงด้วย พี่ลืมไปแล้วนะเนี่ย”
“แต่พอฉินเจียงมันมาแกล้งผลักน้องตกชิงช้าจนหัวแตก เต้ก็มาเอาชิงช้าออกไปเลย”
“ฉินเจียงนี่มันร้ายจริงๆ” จ้าวซันนึกภาพแล้วขำ หัวเราะ
“ใช่...นึกแล้วก็ยังโกรธไม่หาย ยังมีแผลเป็นอยู่เลยเห็นไหม”
เหม่ยอิงพยายามแหวกผมให้จ้าวซันดู
“จริงสิ มันยังไม่หายอีกเหรอ” จ้าวซันมองไม่เห็น เขยิบเข้าไปใกล้ๆ แล้วค่อยๆ แหวกปอยผมด้านหน้าของเหม่ยอิงดู “แผลเล็กนิดเดียวแล้ว”
เหม่ยอิงเงยหน้าขึ้นไปมองจ้าวซัน นิ่งสักพัก จ้าวซันได้สติ รีบหลบตา หันหน้าไปอีกทาง
“จะว่าไปแล้วก็คิดถึงสมัยเด็กๆ เหมือนกันเนอะ”
“ใช่ ถ้าเราหยุดเวลาตอนเป็นเด็กไว้ได้ตลอดไปก็ดีสินะ”
“เหมือนปีเตอร์แพน”
“ใช่ แล้วน้องก็เป็นทิงเกอร์เบลล์ ใช่ไหม”
“พี่ชายใหญ่ยังจำได้ด้วยเหรอว่าน้องอยากเป็นทิงเกอร์เบลล์”
ทั้งคู่ต่างยิ้มและหัวเราะให้กัน
เกาเฟยเดินลับๆ ล่อๆ เข้ามาหยุดที่หน้าบ้าน หันซ้ายหันขวาแล้วล้วงเอากุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วค่อยๆ แอบไขเข้าไป ไม่ให้ใครเห็น
ภายในห้องเกาเฟยรีบเดินตรงไปที่ลังลูกระเบิด เปิดผ้าใบที่คลุมซ่อนไว้ออก แล้วหยิบลูกระเบิดใส่เป้ที่เตรียมไว้ด้วยความระมัดระวัง
“เฮ้ยๆ ไอ้พันหงปิง ตายหรือยังวะ”
“ตายแล้ว”
“เฮ้ยยยย”
เกาเฟยตกใจสุดขีดรีบหันไปทางที่มาของเสียง แล้วชักปืนจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเล็ง
“ตายเมื่อเช้า ข้าเอาไปฝังแล้วล่ะ”
ยายแก่คนนึงที่ยืนอยู่บอก
“แกเป็นใคร”
“ขอเงินหน่อยสิ ค่าทำศพ”
“เงินอะไร ไม่มี แล้วนี่ยายเข้ามาได้ยังไง” ยายแก่ชูพวงกุญแจให้ดู “เข้ามาแล้วเห็นอะไรมั่ง มีใครรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
“เงินค่าทำศพล่ะ” ยายแก่เข้ามาใกล้แบมือขอเงิน “แกน่าจะเอาของพวกนี้ไปขายได้หลายตังค์อยู่ แบ่งมาให้ใช้บ้างสิ”
เกาเฟยมองหน้ายายแก่ เริ่มระแวง
ที่บ้านสี่ฤดู จ้าวซันกำลังก้มลงผูกเชือกให้เป็นปมใต้แผ่นไม้ แล้วปล่อยลงกลายเป็นชิงช้าที่ห้อยลงมาจากต้นไม้ใหญ่ จ่าหมงและตำรวจอีกคนนั่งเล่นหมากรุกกันที่โต๊ะนั่งเล่นอีกมุม
“นั่งได้จริงๆ ไหมเนี่ย” เหม่ยอิงถาม
“รับรองว่าปลอดภัยหายห่วง”
“พี่ชายนั่งให้ดูก่อนสิ ทดสอบ น้องไม่อยากมีแผลเป็นอีกนะ”
“ไม่เชื่อฝีมือกันเลย”
จ้าวซันลงไปนั่งชิงช้าแล้วแกว่งเอง เหม่ยอิงขำ
“เล็กไปหน่อย แต่ว่าแข็งแรง”
“มาๆ เดี๋ยวน้องผลักให้ดีกว่า”
“ไม่ต้องๆ น้องแหละ ขึ้นมาซะดีๆ บอกอยากนั่งชิงช้าไม่ใช่เหรอ”
เหม่ยอิงขึ้นไปนั่งชิงช้า จ้าวซันอ้อมไปด้านหลังแล้วก็แกว่งให้เบาๆ เหม่ยอิงก็เศร้าลงไปถนัดตา
“พี่ชายใหญ่ ขอบคุณนะคะ” เหม่ยอิงน้ำตาไหล จ้าวซันยังไม่เห็น “เสียดายเวลาที่ผ่านมาจังเลยนะ น้องน่าจะทำตัวดีกว่านี้หน่อย”
เหม่ยอิงปล่อยโฮ เอามือปิดหน้า จ้าวซันรีบหยุดชิงช้ามาดู
“เหม่ยอิงเป็นอะไรไป”
“น้องกลัวค่ะ กลัวมากๆ น้องไม่อยากติดคุก เห็นสภาพในคุกแล้ว” เหม่ยอิงทำหน้าว่ารับสภาพไม่ได้ พูดไม่ออก และกลั้นน้ำตาไม่อยู่ “พี่ชายใหญ่ต้องช่วยน้องนะคะ” จ้าวซันอึ้ง มองเหม่ยอิงน้ำตานองหน้า “น้องสัญญา น้องจะไม่ทำอีกแล้ว ไม่เอาแล้ว น้องจะไม่ไปคบกับพวกคนเลวอีก พี่ชายใหญ่ พี่ชายใหญ่พาน้องไปอยู่ที่อื่นได้ไหม อยู่ที่นี่น้องก็มองหน้าใครไม่ติด นะคะ พาน้องออกไปจากฮ่องกงที นะคะ นะคะ” เหม่ยอิงลงไปคุกเข่าร้องไห้กับพื้น “พี่ไม่ต้องกลัวนะ ว่าน้องจะไปคบกะไอ้ 2 คนนั้นอีก แค่น้องไปอยู่กะพวกมันมาไม่กี่วัน น้องก็ขยะแขยงจะตายอยู่แล้ว พี่จะให้น้องไปอยู่ประเทศไกลๆ บนเกาะ หรือในป่าในเขาอะไรก็ได้ น้องยังทำประโยชน์อะไรให้ใครๆ ได้อีกตั้งเยอะ อย่าให้น้องติดคุกเลยนะคะ”
จ้าวซันอึ้ง หนักใจมาก เหม่ยอิงเงยมา ทำหน้าใสๆ น่ารัก น่าสงสาร
วันต่อมาบราลีกำลังติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้จ้าวซัน ไล่จากเม็ดที่อก ไปถึงคอ จ้าวซันยืนตรงให้ติดให้อย่างดี
“เจ้าพี่คะ น้องอยากจะบังอาจ ขอกราบทูลแสดงความเห็นกับเจ้าพี่ซักเรื่อง”
จ้าวซันหัวเราะ จับแก้มบราลีอย่างเอ็นดู
“ว่าไง มีอะไรจะบ่นพี่ล่ะ ขึ้นต้นมาซะเต็มยศอย่างนี้ สงสัยจะหูชาแต่เช้าซะแล้ว”
บราลีติดกระดุมคอเสร็จ ถอยออกมา
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ แค่เรื่องเดียว”
“ว่ามา”
“อย่าประมาทกับจ้าวเหม่ยอิงจนเกินไป”
“ประมาท? ประมาทยังไง ก็แค่ให้เค้าออกมาจากห้องบ้าง ได้ผ่อนคลายความเครียดบ้าง น้องก็รู้ว่าเหม่ยอิงเป็นคนยังไง ถ้าเราไปทำให้เค้าอึดอัดจนเกินไป เค้าก็อาจจะทำอะไรบ้าๆ ได้”
“ที่จริง เขาไม่มีสิทธิ์จะมาอยู่อย่างอิสระแบบนี้ด้วยซ้ำ”
“ก็ไม่ได้อิสระจนเกินไปนะ ม่านฟ้า เขาก็ถูกกักบริเวณ แล้วก็มีตำรวจคอยควบคุมทุกฝีก้าว ไม่ให้คลาดสายตา”
วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 21 (ต่อ)
บราลีไม่ค่อยเห็นด้วย
“น้องก็หวังว่าเขาจะคิดได้ และไม่ทำอะไรให้เจ้าพี่เดือดร้อน”
“พี่คิดหนักอยู่แล้วม่านฟ้า พี่ไม่ได้ประเมินเหม่ยอิงต่ำหรือเพ้อฝันมากเกินไป แต่พี่ก็ยังหวังว่าเขาจะได้รับบทเรียนจากหลายๆ เรื่องที่เกิดขึ้น และมองเห็นความปรารถนาดีจากพวกเราบ้าง เขาจะได้หายโกรธเกลียดคนอื่นๆ แล้วมองโลกในมุมมองที่ดีขึ้นบ้าง”
บราลีมองหน้าจ้าวซันที่มีแววตาดีงาม มุ่งมั่น เชื่อมั่นแล้วอึ้ง ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
จ้าวซันอยู่ที่ห้องทำงานในบ้านสี่ฤดู จ้าวซันนั่งอ่านและเซ็นต์จดหมายไปเรื่อยๆ สักพักรู้สึกอ่อนล้า ผลักทุกอย่างไปจากตรงหน้า ลุกถือถ้วยกาแฟตรงหน้า มาเดินจิบไปมา เปลี่ยนอิริยาบถ โทรศัพท์มือถือดังขึ้น จ้าวซันหยิบมาดู ชะงัก รีบรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“กู๊ดมอร์นิ่ง...เจ้าหลวง สบายดีหรือเปล่าน้อง”
ศิขรนโรดมพูดด้วยโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะทำงาน
“หม่อมฉันสบายดี เจ้าพี่ล่ะพะย่ะค่ะ”
จ้าวซันอึ้งไปนิด
“ก็ดี แต่มีอะไรยุ่งๆ นิดหน่อย”
“หม่อมฉันเห็นข่าวบริษัทเจ้าพี่ถูกปล้นกลางงานปาร์ตี้ เจ้าพี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ม่านฟ้าล่ะ”
“พวกเราทุกคนปลอดภัย แต่มีปัญหาให้ต้องจัดการหลายอย่าง วุ่นวายใช้ได้เลย พี่ก็เลยอยากจะบอกน้องว่า
ระยะนี้พี่ปลีกตัวไปจากที่นี่ไม่ได้แน่ๆ”
“หมายความว่า งานพิธีสมรสของน้อง”
“พี่คงไปไม่ได้ แต่พี่กับม่านฟ้ายินดีกับน้องและมิถิลามากที่สุดอยู่แล้ว พี่จะจัดส่งของขวัญไปแทนตัวก็แล้วกันนะ” ศิขรนโรดมหน้าเสีย
“จริงๆ หรือ เจ้าพี่...เจ้าพี่ไม่สามารถเลย แม้แต่วันสองวันเลยหรือ”
“พี่ตอบไม่ได้จริงๆ ศิขร ไม่ใช่ว่าพี่ไม่อยากไปนะ อยากไปมากๆ แต่ที่นี่มันวิกฤติพอสมควรเลย เอาอย่างนี้นะ น้องกำหนดทุกอย่างไปตามฤกษ์ของท่านพระครูได้เลย ถ้าพี่โดดไปได้ พี่จะไปทันทีไ
“แปลว่าให้หม่อมฉันแต่งงานไป ถ้าเจ้าพี่มาได้ก็จะมา แต่ถ้าไม่...”
ศิขรนโรดมพูดไม่ออก หน้าสลด จ้าวซันพยายามหัวเราะ
“เอาน่า เอาเป็นว่าพี่ไม่รับปากนะ แต่จะพยายามก็แล้วกัน”
ขณะนั้นมิถิลากำลังรดน้ำให้ต้นไม้ดอกสีสวยเล็กๆ ที่ดูน่ารักๆ มีทหารรักษาพระองค์ยืนยามอยู่ ศิขรนโรดมเดินปังๆ ออกมา กระแทกประตูปิด ปึงปัง พวกทหารสะดุ้ง มิถิลามอง งงๆ ศิขรนโรดมไม่มองหน้า เดินลิ่วๆ ไป มิถิลาสงสัย รีบวิ่งตามไป
“เจ้าหลวงๆ เพคะ” ศิขรนโรดมชะงัก หยุด หน้าเซ็ง “จะเสด็จไหนเพคะ”
ศิขรนโรดมหันกลัวมา
“จะไปทูลหม่อมแม่ ว่าเราจะแต่งงานกันทันทีที่เจ้าแม่หาพระฤกษ์มาได้ ไม่ต้องรออะไรอีกแล้ว”
“จะไม่ทรงรอ เจ้าพี่น่านปิงหรือเพคะ”
“ไม่”
“ทำไมล่ะเพคะ เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่เกิดอะไรหรอก แต่เจ้าพี่ทรงติดภารกิจสำคัญมากมาย งานแต่งงานของเราไม่สำคัญเท่าไหร่ เจ้าพี่อาจเสด็จมาไม่ได้ แบบนี้เราจะรอเจ้าพี่ไปทำไม รอไปก็เปล่าประโยชน์”
ศิขรนโรดมเดินดุ่มๆ ออกไป มิถิลามองตามแล้วถอนใจ
คืนนั้นศิขรนโรดมนั่งดื่มอยู่คนเดียวเงียบๆ โดยมีอสุนีแอบดูอยู่ อสุนีมองๆ แล้วทนเงียบอยู่ไม่ได้ เข้าไปดู
“เจ้าหลวง ดึกแล้วจะทรงดื่มไปถึงไหน”
“ทำไม ฉันไม่ใช่คนที่จะดื่มอะไรแบบนี้บ่อยๆ ซะเมื่อไหร่ นานๆ ดื่มที ปล่อยให้ฉันทำอะไรตามใจชอบบ้างไม่ได้เหรอ”
“ถ้าทรงดื่มอย่างสนุกสนาน หม่อมฉันคงไม่ห่วง แต่นี่ดื่มตามลำพัง เหมือนทรงมีเรื่องอะไรให้คิดมากมาย”
“เจ้าพี่ทรงมีภารกิจยุ่งยากมากมาย บางทีอาจจะไม่มีวันว่างที่จะเสด็จกลับมาคีรีรัฐอีกก็ได้ ใครจะรู้”
“สมัยนี้การเดินทางสะดวกง่ายดายจะตายไป หากทรงอยากจะมา”
“เจ้าคงพอใจล่ะสิ ที่เจ้าพี่จะไม่มาที่นี่อีก” ศิขรนโรดมชี้หน้าอสุนี
“แต่ไหนแต่ไรมาก็ทรงอยู่ได้ และทำทุกสิ่งเองมาตลอด แต่ตั้งแต่พบจ้าวซัน ก็ทรงถูกลดความเชื่อมั่นลงไป ทรงโดนข่มจนกลายเป็นเด็ก” อสุนีบอกอย่างอดไม่ได้ ศิขรนโรดมกระชากคออสุนี
“เจ้าพี่ไม่เคยข่มข้า เจ้าพี่ไม่เคยทำอะไรเพื่อลดความเชื่อมั่นของข้า เจ้ามันเลว ชอบยุแยง ชอบใส่ร้ายป้ายสี”
ศิขรนโรดมผลักจนอสุนีเซไป
“เจ้าหลวง”
“ไปเลย อย่ามาให้ข้าเห็นหน้า ไปให้พ้น”
ศิขรนโรดมขว้างแก้วใส่ แก้วตกโดนพื้นแตกเพล้ง มิถิลาวิ่งมา เพราะได้ยินเสียงดังตั้งแต่ก่อนหน้า
“อะไรกัน พี่อสุนี เจ้าหลวงเพคะ”
อสุนีคุกเข่า ก้มหน้า
“อสุนี มันมีทัศนคติไม่ดีต่อเจ้าพี่น่านปิง”
“นี่...ทรงเมานี่เพคะ”
“เมาแล้วทำไม”
“ไม่ทำไมหรอกเพคะ แต่ทรงเป็นเจ้าหลวงไม่ควรจะทรงประพฤติเช่นนี้”
“ข้าไม่ได้อยากเป็นเจ้าหลวง ไม่อยากเลย ใครหน้าไหนกันล่ะที่อยากให้ข้าเป็นกันนัก รู้ไหมว่ามันไม่สนุกเลย”
“ใครเขาเป็นเจ้าหลวงเพื่อความสนุกกันบ้างล่ะคะ หม่อมฉันว่าองค์น่านปิง ก็คงไม่ได้เป็นจ้าวซันเพราะมันสนุกอะไรหรอก แต่ปัญหาคือพระองค์เอง ทรงเป็นได้แค่เด็กขี้งอแง ไม่ยอมโต ติดพี่ พอเจ้าพี่ไม่อยู่ก็ทำพระองค์เหลวไหล เสียผู้เสียคน น่าสงสารประชาชนคีรีรัฐจริงๆ”
ศิขรนโรดมหยุด นิ่งงันไป อสุนีเองก็ตกใจ
“มิถิลา หยุด”
“ข้าขอพูดแค่นี้แหละ พี่อสุนี ข้าไม่ไหวละ” มิถิลาเข้าไปใกล้ศิขรนโรดม “ทรงโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะเพคะ เมื่อไหร่จะทรงคิดอะไรให้ได้ด้วยพระองค์เองเสียที ไม่มีใครเตือนใครได้หรอก ถ้าเขาไม่รู้จักเตือนตัวเองนะเพคะ ไป พี่อสุนี”
มิถิลาดึงอสุนีไป ศิขรนโรดมอึ้งแล้วค่อยๆ สงบลง
วันต่อมาที่บ้านสี่ฤดู ซูหลิงกำลังถักนิตติ้งเป็นถุงเท้าเล็กๆ ด้วยไหมพรมเนื้อนุ่มสีขาว ซูหลิงก้มหน้าก้มตาถัก ท่าทางสบายใจ
“นี่เธอกำลังจะมีลูกหรือ”
ซูหลิงสะดุ้ง ตกใจ หันไปจึงเห็นเหม่ยอิงที่ไม่รู้ยืนอยู่นานหรือยัง มองดูอยู่ข้างหลัง
“คุณเหม่ยอิง”
ซูหลิงตกใจ รีบมองรอบๆ บริเวณนั้นไม่มีใครอยู่เลย เหม่ยอิงยิ้มแย้มทำไม่รู้ไม่ชี้
“เธอนี่เก่งนะ ทำอะไรอย่างนี้ก็เป็นด้วย ฉันทำไม่เป็นหรอก ไหน ขอดูหน่อยซิ” ซูหลิงหน้าซีดๆ ลุกขึ้น แต่ก็ส่งให้ดู เหม่ยอิงรับไป จับๆ พลิกดู “ถุงเท้าคู่เล็กๆ น่ารักดีนะ เธอจะมีลูกชายหรือลูกสาวล่ะ”
“ยังไม่ทราบค่ะ”
“น่าตื่นเต้นจัง พวกชั้นจะมีหลานแล้วหรือนี่ ถ้าเป็นหลานชาย เขาก็คงเป็นทายาทรุ่นต่อไปของตระกูลจ้าว แล้วก็ได้เป็นไท้เผ่งสินะ”
“ไม่ทราบค่ะ”
“แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงเป็นแค่ไม้ประดับ นอกจากหาลูกชายใครทำยาไม่ได้แล้วจริงๆ ผู้หญิงถึงจะได้รับเกียรติแบบยัยซายหมุยไง ฮะๆๆ อยู่ๆก็บุญหล่นทับ ได้รับการจับมาแต่งตัวเป็นตุ๊กตาให้เขาเชิด น่าขำ สมองของนังนั่น มันมีซักกี่กรัมกันเชียว สมองน้อยหัวเบาออกอย่างนั้น”
“คุณเหม่ยอิงคะ ขอ เอ้อ...ขอคืนเถอะค่ะ”
“ฉันอยากลองถักดูนี่นา ชั้นอยู่ว่างๆ ตอนนี้ไม่มีอะไรจะทำ เขาไม่ให้ทำอะไรทั้งนั้น เธอสอนให้ฉันถักไอ้นี่หน่อยไม่ได้เหรอ”
“เอ่อ...คุณเหม่ยอิง อยากจะหัดถักนิตติ้งจริงๆ หรือคะ”
“ไม่จริงหรอก ท่าทางถักยาก ชั้นคงทำไม่ได้ แต่ไอ้ไม้นิตติ้งนี่จริงๆ ก็เอามาทำอาวุธได้เหมือนกันนะเนี่ย ดูสิ แหลมเปี๊ยบ เอามาแทงคอคนคงแทงเข้าเหมือนกันนะ ถ้าใจถึง ไม่กลัว ออกแรงแทงแรงๆ หน่อย เธอว่าไง เธอคิดว่า มันจะแทงเข้ามั้ยเนี่ย”
เหม่ยอิงถือไม้ ทำท่าจะจิ้มแขนตัวเอง แล้วลองทำท่าแทงๆ ไปในอากาศข้างหน้าแรงๆ ซูหลิงหน้าซีด ถอยๆ ผิงอันโผล่มาเห็นพอดี ผงะ ตกใจ รีบพรวดเข้าไปขวาง
“พี่ซูหลิง ระวังค่ะ พี่เหม่ยอิงจะทำอะไรน่ะ แล้วพวกตำรวจล่ะคะ” พอดีจ่าหมงกับตำรวจอีกคนตามมาทันพอดี
“จ่าหมงคะ”
“เอ่อ ขอโทษครับ พอดีผมมัวแต่ไปตามหาคุณเหม่ยอิงที่หน้าบ้าน”
เหม่ยอิงโยนนิตติ้งลงบนโต๊ะ
“อะไรกัน แค่ไม้นิตติ้งแค่นี้ก็ทำหวงกันไปได้ กลัวชั้นจะปล้นเอาไปรึไง”
ผิงอันรีบเข้าไปรวบของทั้งหมด ใส่ตะกร้า
“พี่ซูหลิง เราไปที่อื่นกันดีกว่าค่ะ เพื่อความปลอดภัย”
ผิงอันลากแขนซูหลิงไป
“ผิงอัน น้องหมายความว่ายังไง อยู่ตรงนี้มันจะไม่ปลอดภัยยังไง”
“หนูเป็นคนเจ็บแล้วจำค่ะพี่เหม่ยอิง หนูเคยเจอ เคยโดนอะไรมาบ้าง หนูไม่ลืม”
“แต่แกคงจะลืมไปแล้วว่าชั้นคือพี่สาวแท้ๆ ของเธอ ที่เธอมีอยู่คนเดียว”
“แล้วพี่ล่ะคะ พี่ลืมหรือเปล่า”
“ไม่ลืมแน่นอน แต่ยิ่งไม่ลืมมันยิ่งเจ็บ เพราะว่าน้องแท้ๆ ของฉัน เห็นคนทุกคนเป็นคนดีหมด ยกเว้นพี่ตัวเอง ชั้นถามหน่อยเถอะผิงอัน เธอคิดว่าฉันจะทำอะไรพี่สะใภ้ที่กำลังท้องอ่อนๆ ของเธอ ฆ่าเค้าด้วยไอ้ไม้ถักนิตติ้งเนี่ยเหรอ”
เหม่ยอิงหัวเราะไม่หยุด ผิงอันมองอย่างสยอง รีบพาซูหลิงออกไป เหม่ยอิงหันมามองหน้าพวกตำรวจแล้วก็หัวเราะต่อไปไม่หยุด พวกตำรวจหน้าซีด
ฉินเจียงมาโวยวายกับจ้าวซันหลังจากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“พี่ชายใหญ่ ผมไม่ยอมหรอกนะ นังเหม่ยอิงมันมาขู่เมียผม มันคิดจะฆ่าซูหลิงด้วยเหล็กถักนิตติ้ง พี่คิดดูสิ สยดสยองขนาดไหน”
“ใจเย็นๆ ฉินเจียง”
“ใจเย็นยังไง สมมุติบราลีท้อง แล้วเจอแบบนี้บ้าง พี่จะใจเย็นไหมล่ะ”
“ชั้นเข้าใจ แต่ซูหลิงบอกพี่แล้วว่าเหม่ยอิงก็ไม่ถึงกับพูดแบบนั้น”
“ซูหลิงเขาเป็นคนประนีประนอม เขาขี้เกรงใจ เขาก็บอกพี่ใหญ่แบบนั้น เพราะไม่อยากให้พี่ใหญ่ไม่สบายใจตังหาก แต่ผมไม่ใช่คนแบบนั้น ผมไม่ชอบหมกเม็ด เราสงสัยอะไร เราต้องพูดให้หมด ไม่งั้น เดี๋ยวจะมีเรื่องร้ายแรงทีหลังแล้วแก้ไม่ทันนะพี่”
“สรุปว่า...”
“พี่ต้องส่งมันเข้าไปอยู่ในคุก”
“พี่ให้โอกาสนายได้ ก็ต้องให้โอกาสน้องได้”
“ผมไม่นับมันเป็นน้อง มันต้องคิดไม่ดีกะซูหลิงแน่ๆ เพราะมันถามด้วยว่าลูกเป็นผู้ชายหรือเปล่า มันกลัวลูกผมได้เป็นไท้เผ่งรุ่นต่อไปไง”
“แกคิดมากไปแล้ว”
“พี่ชายใหญ่ เหม่ยอิงมันไม่ใช่คนธรรมดา ถ้ามันเป็นอย่างซายหมุย ผมจะไม่คิดมากเลย ผมจำเป็นต้องคิดมาก แต่พี่ชายใหญ่แหละ ลองถามตัวเองดูซิ ว่าพี่คิดน้อยไปหรือเปล่าครับ”
จ้าวซันอึ้ง
ที่หน้าบ้าน เต๋อเป่า อาหลี่ พวกตำรวจ พวกนักเลงรุ่นอากง ยืนคุยกันอยู่ อากงกับอาหลี่ถือถาดเสิร์ฟกาแฟ และขนมให้แต่ละคน แล้วคุยกัน หัวเราะ หยอกล้อ
ภาพทุกคนปรากฏอยู่ในวิวไฟนเดอร์ของกล้องส่องทางไกล เกาเฟยแอบดูอยู่จากมุมนึง เกาเฟยลดกล้องลง หน้าเครียด ขบกรามคิดหนักแล้วถอยออกไปจากตรงนั้น ในดงไม้มีมอเตอร์ไซค์จอดหลบอยู่ เกาเฟยขึ้นขี่แล้วขับออกไป
เหม่ยอิงนั่งกินของว่างเป็นแซนด์วิช มีผลไม้ น้ำชาอยู่คนเดียว ตำรวจที่เฝ้าอยู่นั่งเล่นเกมในมือถือกันไปเงียบๆ
ฉินเจียงเดินเข้ามา แล้วมายืนมองที่ข้าวโต๊ะ ตำรวจสะกิดกันดู แล้วมองๆ
“ความจริง ถ้าเธอทำตัวดีๆ กว่าลูกชั้นจะโตเธอก็อาจจะได้เป็นนายหญิงตระกูลจ้าวไปอีกหลายปีนะ เพราะชั้นมันหมดสิทธิ์ซะแล้ว เธอก็ไม่น่าใจร้อนและโลภจนเกินไปนี่น้า สุดท้ายเลยอดหมดเลย”
เหม่ยอิงเงยมอง กินไป หน้าตาเฉยเมย วางปึ่ง จิบชา ซับปากด้วยผ้าเช็ดปาก ปรายตามองฉินเจียงยิ้มๆ
“พี่ชายรองหิวเหรอคะ เชิญนั่งสิคะ รับประทานด้วยกันก็ได้ น้องมีน้ำใจ น้องจะแบ่งให้”
ฉินเจียงยิ่งโมโห
“หน้าด้าน! นังคนหน้าไหว้หลังหลอก แกกล้าขู่ซูหลิง คนอย่างแกก็ทำได้แค่เก่งกับคนที่อ่อนแอกว่าเท่านั้นแหละ”
เหม่ยอิงยื่นหน้ามาใกล้ ยิ้มหวาน พูดเสียงเบากระซิบ ไม่ให้พวกตำรวจได้ยิน
“พี่แน่ใจเหรอว่าเด็กในท้องนังนั่นมันเป็นลูกหลานตระกูลจ้าว” เหม่ยอิงหัวเราะเบาๆ ฉินเจียงผงะ
“นังเหม่ยอิง! แกมันเลว นังแม่มด แกอย่าคิดนะว่าแกจะรอด สุดท้ายแกต้องโดนรุมโทรมตายในคุก”
ตำรวจสองคนตกใจ รีบลุกมา
“คุณชายรองครับ เอ่อ...เราต้องขอเชิญคุณชายออกไปก่อนดีกว่าครับ”
“เชิญผมออกไป จ่าไล่ผมเนี่ยนะ ผมสิมีสิทธิ์ที่จะอยู่ที่นี่ เดินไปไหนมาไหนก็ได้ แต่นังนี่สิ ที่ควรจะไปเข้าคุก มันเป็นบุคคลอันตราย จ่าไม่รู้เหรอ”
“เอ่อ”
“มันอิจฉาที่ลูกชายผมจะได้เป็นไท้เผ่งคนต่อไป มันคิดร้ายกับเมียผมที่กำลังท้อง มันขู่ฆ่าเมียผม มันไม่ควรจะมาเดินลอยนวลอยู่แบบนี้”
แม่สี่เดินออกมาได้ยินพอดี
“คุณชายรอง เอะอะอะไรคะ”
“เอะอะเหรอ ใช่สิ ฉันต้องเอะอะ ในเมื่ออีนังโจรลูกสาวแม่สี่มาหาว่าลูกในท้องซูหลิงไม่ใช่เด็กตระกูลจ้าว”
จ้าวซันเดินเข้ามาพอดี เหม่ยอิงเห็นจ้าวซัน ทำเป็นบีบน้ำตา
“อะไรกันคะพี่รอง ทเหม่ยอิงหรือคะจะกล้าพูดอะไรแบบนั้น”
“นังสตอเบอรี่ แกเพิ่งพูดสดๆ ร้อนๆ ว่าเด็กในท้องซูหลิงอาจจะไม่ใช่คนตระกูลจ้าว และที่แกพูดนี่ ฉันก็รู้ดีว่าเจตนาของแกคืออะไร”
“เจตนาอะไรคะ”
“เจตนาที่จะกีดกัน ไม่ให้ลูกของชั้นได้เป็นไท้เผ่งของธุรกิจทั้งหมดของตระกูลจ้าวน่ะสิ”
“ทุกคนฟังไว้เลยนะคะ เหม่ยอิงตกอยู่ในฐานะนักโทษ ถูกจำกัดบริเวณ ไม่มีสิทธิ์ที่จะยุ่งกับกิจการอะไรของฉินเย่ว์กรุ๊ปแล้ว แต่พี่ชายรองก็ยังหมกมุ่นอยู่กับการหวงตำแหน่งไท้เผ่ง”
“นังปีศาจ! แก...ชั้นจะกระชากหน้ากากแกให้ได้ ระวังตัวไว้ให้ดี ถ้ามาแตะต้องซูหลิงอีก ชั้นจะยิงหัวแก”
เหม่ยอิงทำท่ากลัว สยอง ดึงมือแม่สี่ไปจับไว้
“แม่จ๋า”
ฉินเจียงหันจะเดินออก เจอจ้าวซันยืนอยู่
“คุณชายใหญ่คะ คนที่ตกอยู่ในอันตรายนะเหม่ยอิงนะคะ ไม่ใช่คนอื่น แทนที่จะให้ตำรวจมาคอยเฝ้าเหม่ยอิง ควรให้ไปเฝ้าคุณชายรองมากกว่า เพราะจะว่าไปก็คือคนที่อยู่ระหว่างประกันตัวสู้คดีเหมือนกัน จริงไหมคะ”
แม่สี่บอกจ้าวซันกลุ้ม มองฉินเจียง ฉินเจียงอึ้ง
บราลีเดินตามซูหลิง ที่ฉินเจียงลากกระเป๋าและจูงซูหลิงเดินลิ่ว
“คุณชายรองคะ ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ”
“ผมมันคงใจร้อนจนทุกคนเชื่อกันหมดสิ ว่าผมพาลหาเรื่องนังแม่มดเหม่ยอิง โอเค ผมมันไม่ดีเอง ไม่น่าเชื่อถืออะไรทั้งนั้น นังนั่นมันน่าเชื่อกว่าผมในสายตาของพี่ชายใหญ่”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ ฉันถึงบอกว่าให้ใจเย็นๆ คุณฉินเจียงอยู่นิ่งๆ จะไม่ดีกว่าหรือคะ ใครจะคิดว่ายังไงก็ช่าง เราต้องอยู่เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้เค้าเห็นว่าใครกันแน่ที่โกหก”
“ผมเนี่ยนะ ต้องมาพิสูจน์ตัวเองแข่งกะนังเหม่ยอิง ผมร่วมมือกับพี่ใหญ่ทำอะไรเสี่ยงๆ มาตั้งหลายเรื่อง แล้วนังนี่มันทำอะไรกะคุณ ทำอะไรกะผิงอัน แต่พี่ใหญ่กลับเลือกที่จะเชื่อมันเนี่ยนะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คุณชายใหญ่แค่ทำตัวให้เป็นกลาง”
“เป็นกลาง เป็นกลางระหว่างมันกะผมเหรอ บ้าไปแล้ว มันคือศัตรูนะ ทำไมพี่ใหญ่ถึงโง่แบบนี้ หรือเพราะเห็นมันเป็นผู้หญิง เลยคิดว่ามันอ่อนแอ บอบบาง น่าทะนุถนอม ไม่ใช่แล้วคุณบรี ลงพี่ใหญ่เป็นแบบนี้ เจอผู้หญิงแล้วอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟแบบนี้ คุณเองก็ระวังให้ดีเถอะ”
“แต่ข้างนอกนั่นก็มีอันตรายนะคะ ถ้าพันหงปิงกับเกาเฟยยังไม่ถูกจับ คุณกับซูหลิงจะปลอดภัยหรือคะ”
“ไอ้สองคนนั่นมันก็โดนยิงเจ็บไปไม่น้อย ไม่ใช่หรือครับ ผมว่าที่ที่อันตรายที่สุด มันอยู่ในบ้านนี้นี่แหละ”
“ใช่ค่ะ ที่ที่อันตรายที่สุด คือที่ที่มีคุณเหม่ยอิงอยู่ค่ะ คุณบรีต้องพยายามทำให้คุณชายใหญ่เชื่อข้อนี้ให้ได้ ถ้าไม่ได้ คุณบรีก็ต้องระวังตัวไว้นะคะ”
ซูหลิงบอก จากนั้นฉินเจียงและซูหลิงก็พากันออกไป บราลีอึ้ง
จ่าหมงกับตำรวจอีกคนนั่งตาโพลงหน้าจอคอมพ์ใหญ่ เหม่ยอิงกำลังเปิดคลิปรวมรูปตัวเองตอนวัยรุ่นที่สวยงามต่างๆ
“แต่ก่อน ฉันเคยเป็นนางแบบกิตติมศักดิ์มากมาย หนังสือทุกเล่ม ต้องการดิฉันไปถ่ายปก หรือสัมภาษณ์ งานอีเวนท์ งานเดินแฟชั่นโชว์ทุกงาน ใครๆ ก็ต้องการตัวดิฉันไปร่วมงาน เพราะฉันเป็นคนมีความสามารถ แต่พี่รอง พวกจ่าทราบไหมคะว่าเขาเป็นยังไง” พวกตำรวจมองหน้า อยากรู้ “เขาเรียนโง่มาก สอบตก คบเพื่อนเลว ถูกไล่ออกจากโรงเรียน เขาถึงอิจฉาชั้นมาก แล้วในที่สุด เมื่อโตขึ้นฉันได้ดี ประสบความสำเร็จ เป็นที่รักของพี่ชายใหญ่ เขาก็เลยอิจฉา”
“เป็นผู้ชาย ไม่น่าอิจฉาผู้หญิงเลยนะครับ”
“ผู้ชายนี่แหละ ตัวอิจฉาเลยนะคะจ่า แล้วที่ฉันต้องกลายเป็นผู้ต้องหาแบบนี้ ก็เพราะเขาคนนี้แหละ ที่เป็นต้นเหตุ เขาใส่ร้ายฉัน คุณรู้เรื่องเกาเฟยนี่คะ จ่าหมง คุณก็รู้ว่ามันเป็นลูกน้องฉินเจียง ที่ชีวิตฉันต้องตกต่ำแบบนี้ เพราะเกาเฟยมันมาหลอกลวงชั้น แกล้งดึงให้พวกอาชญากรระดับชาติอย่างพันหงปิงมาแบล็กเมล์ชั้น ขู่ให้ชั้นทุจริตเงินบริษัทไปให้มัน ชั้นคือเหยื่อนะคะ เหยื่อของพวกผู้ชายที่ชอบเอาเปรียบผู้หญิงทุกคน ฮือๆๆ”
พวกตำรวจเคลิ้ม
จ้าวซันนั่งพัก หลับตาอย่างเหนื่อยล้าบนโซฟาเล็กแบบนั่งเดี่ยวนุ่มๆ แล้วเหยียดขาทอดยาวไปพาดบนเก้าอี้ม้าเล็กสี่เหลี่ยมสำหรับรองเท้า มีหมอนเล็กๆ รองให้เท้าสูงเพื่อการผ่อนคลาย บราลีเดินเข้ามา มองๆ เห็นหน้าที่เหนื่อยๆ และตาที่หลับของจ้าวซัน แล้วสงสาร ยืนมองนิ่งอยู่
“ม่านฟ้า มีอะไรหรือ”
จ้าวซันถามทั้งที่ยังหลับตา บราลีไม่กล้ากวนใจ
“เจ้าพี่ทรงทราบได้ยังไง น้องไม่ได้ทำเสียงรบกวนซักหน่อย”
จ้าวซันลืมตาขึ้นมา
“ได้กลิ่นน้ำหอมก็รู้แล้ว”
“ก็น้ำหอมของพี่นั่นแหละ” บราลีหัวเราะ แล้วเข้ามานั่งที่เท้า แล้วนวดน่องและเท้าให้จ้าวซัน “เจ้าพี่เหนื่อยมากใช่ไหมคะ”
“ฉินเจียงเกิดบ้าอะไรขึ้นมา ไปหาเรื่องกับเหม่ยอิง ทำไมไม่ต่างคนต่างอยู่ เขาแยกออกไปแบบนี้ เราก็ต้องแบ่งคนไปดูแลเขาเหมือนกัน”
“เจ้าพี่คะ ใครๆ ก็ไม่สบายใจที่เห็นคุณหนูรองเดินไปเดินมาแบบนี้”
“น้องก็เหมือนกันเหรอ”
“น้องน่ะไม่เป็นไรหรอกค่ะ น้องก็แค่หลีกเลี่ยงไม่เผชิญหน้ากะเค้าก็เท่านั้นเอง หรือถ้าเผอิญเจอ แล้วเผอิญเกิดอะไรขึ้น ถ้าตัวต่อตัวน้องว่าน้องพอสู้ไหว”
จ้าวซันหัวเราะ ลูบผมบราลี
“น้องเข้าใจพี่นะ พี่อยากให้พี่น้องอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า รักกัน เห็นอกเห็นใจกันในยามยาก แค่นี้เอง เรื่องแค่นี้เอง แต่แล้วพี่ก็ทำไม่ได้”
“ไม่เป็นไรนะคะ ใจเย็นๆ ค่อยเป็นค่อยไป ความพยายามอยู่ที่ไหน...”
“ความพยายามก็อยู่ที่นั่น”
สองคนกอดกัน ยิ้มได้ แม้จะต่างหนักใจ
ที่ห้องนอนเหม่ยอิง เหม่ยอิงนอนก่ายหน้าผากไปมา เสียงเพลงที่ผิงอันฟังและร้องดังมา เหม่ยอิงชะงัก ลุกขึ้น
“ยัยบ้าซายหมุย ทำอะไร หนวกหูเป็นบ้า”
เหม่ยอิงเดินมาริมสระ ผ่านกอต้นไม้มา แล้วชะงักเมื่อเห็นแสงเทียนสวยงามแพรวพราวมาจากริมสระ บราลีกับจ้าวซัน ว่ายน้ำเล่นกัน หัวเราะกัน ผิงอันนั่งเปิดเพลงดังจากไอพอดอยู่ขอบสระ เพลงเต้นคัฟเวอร์เกาหลีให้สองคนในสระชม บราลี จ้าวซัน สนุกสนาน เล่นน้ำกัน ดูโชว์ และตบมือให้ ผิงอันโชว์เสร็จ โดดน้ำตามไปเล่นกัน จ้าวซันขึ้นมา เอานาฬิกามาจับเวลา ให้สัญญาณสองคนสตาร์ทพร้อมกัน ผิงอัน บราลี ว่ายน้ำแข่งกัน สนุกสนาน จ้าวซันหัวเราะ จับเวลา เหม่ยอิงแอบมอง เคียดแค้น
เช้าวันรุ่งขึ้น จ้าวซันกำลังจะเดินออกจากบ้าน อาหลี่ถือกระเป๋าและข้าวของต่างๆ ของจ้าวซันออกมาจากด้านบ้าน แล้วรีบเดินออกไปก่อน
“ผมเอาไปไว้ที่รถให้นะครับ”
“อืม...ขอบใจมาก”
จ้าวซันกำลังจะเดินออกไป
“ลืมของค่ะ”
จ้าวซันหันกลับไป งงๆ อาหลี่หันมามอง บราลียื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลมาให้
“อะไรอะ”
จ้าวซันรับมาเปิดออกดู
“ข้าวกลางวันค่ะ เพื่อไม่มีเวลาออกไปทานข้างนอก”
จ้าวซันยิ้มกว้าง ปลื้ม เข้าไปกอดบราลีและหอมที่หน้าผากบราลีเบาๆ เหม่ยอิงแอบมองจากขอบประตูในบ้าน สีหน้าหมั่นไส้สะอิดสะเอียน อาหลี่อมยิ้ม แล้วรีบเดินออกไป
“ขอบใจมาก แต่ทีหลังไม่ต้องลำบากตื่นขึ้นมา”
“ไม่ลำบากเลยค่ะ แค่อยากจะทำอะไรให้บ้าง”
“คำพูดใครกันนะ”
จ้าวซันเข้าไปกอดอีกที เหม่ยอิงแค้น เบ้ปาก ทำหน้าอยากจะอ้วก
อาหลี่เดินมาที่รถ เอากระเป๋าและของของจ้าวซันมาวางไว้ที่เบาะหลัง เต๋อเป่ารีบเดินไปเปิดประตูใหญ่แล้วกลับเข้ามา
“ไปยัง”
“อีกสักพัก ล่ำลากันอยู่”
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ยักคิ้วหลิ่วตา รู้กัน แซวๆ เจ้านายขำๆ อากงเดินเข้ามา
“พอดีเลย ขอแรงหน่อยสิ”
“มีอะไรเหรออากง”
“กิ่งไม้ใหญ่มันหักลงมาน่ะสิ สงสัยจะเป็นเพราะลมพายุเมื่อคืน มาช่วยกันยกไปหน่อยเถอะ เกะกะขวางทางเดิน”
“จริงอากงคนเดียวก็น่าจะไหวนะ”
“นั่นสิ เห็นออกจะบู๊”
อากงหยุด หันกลับมามองทำตาเขียวใส่ อาหลี่และเต๋อเป่ายิ้มแหยๆ ทำหน้าเจื่อนๆ ไป
เกาเฟยโผล่ออกมาจากประตูด้านหน้า ชะโงกเข้ามา มองซ้ายมองขวา เห็นหลังอาหลี่และเต๋อเป่าไวไว เกาเฟยถอยไปตั้งหลักรอจังหวะ
เต๋อเป่า อาหลี่ กำลังช่วยอากงยกกิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่มันตกลงมาในบ้าน
“โห...อากง ออกแรงบ้างหรือเปล่าเนี่ย”
เกาเฟยโผล่หน้าออกมาจากประตูใหญ่อีกครั้ง มองดูซ้ายขวาให้แน่ใจ
“เอาหลบไปข้างๆ ก่อนแล้วกันนะ”
เกาเฟยรีบวิ่งเข้ามาภายในบ้านอย่างรวดเร็ว แล้วรีบสอดตัวเข้าใต้ท้องรถทันที
“เสื้อเปื้อนหมดแล้วเนี่ย”
ใต้ท้องรถเกาเฟยเอาระเบิดเวลาออกมา กำลังรีบมัดติดไปที่ใต้ท้องรถ
“กลับมาค่อยทำแล้วกันอากง หรือไม่ก็ไปจ้างคนอื่นเขา”
ทั้งสามคนโยนกิ่งไม้หลบไปข้างๆ ทางเดิน และเดินมากลับที่รถ ปัดมือเอาสิ่งสกปรกออก เกาเฟยรีบหันไปมอง เห็นขาเต๋อเป่ากำลังเดินมา เกาเฟยมือสั่น รีบมัดจนเสร็จ กำลังกดตั้งเวลา
“กี่นาที จะให้พวกมันตายในอีกกี่นาทีดี”
เกาเฟยกดเลข 10:00 ที่ระเบิดเวลา เต๋อเป่า อาหลี่และอากงเดินมาเกือบจะถึงรถอยู่แล้ว เกาเฟยนอนหงายอยู่ใต้ท้องรถ หันซ้ายหันขวาหาทางจะหนีออกไปจากตรงนั้น
“ไปล้างมือก่อนดีกว่า”
“ไปด้วยๆ”
อาหลี่หันหลังเดินกลับไป แต่เผอิญทำกุญแจรถที่เหน็บไว้ที่กระเป๋าหลังตกลงพื้น เกาเฟยเห็น ตกใจ
“อ้าวๆ กุญแจหล่นแล้ว”
วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 21 (ต่อ)
อากงบอกแล้วค่อยๆ ก้มลงไปเก็บ เกาเฟยลุ้น หันหน้าไปอีกทาง อากงเก็บกุญแจขึ้นมาได้ ไม่ได้สังเกตเห็นเกาเฟย อากงเดินถือเอากุญแจตามไปให้อาหลี่ เกาเฟยได้จังหวะ พลิกตัวไปอีกทาง รีบคลานออกมาจากรถแล้วหลบอยู่อีกด้าน เกาเฟยชะโงกหน้าดูเห็นอาหลี่ เต๋อเป่ากำลังล้างมืออยู่ที่ก็อกน้ำ อากงยืนหันหลังให้ เกาเฟยตัดสินใจพุ่งตัวจากหลังรถแล้ววิ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว เกาเฟยถึงหน้าประตู หนีรอสำเร็จ ชูกำปั้นสะใจ แล้วรีบเดินไปจากตรงนั้น
“ตายกันซะให้หมด”
จ้าวซันเดินออกมาจากในบ้านมาถึงที่รถ เต๋อเป่า อาหลี่ และอากงเดินออกมาจากสวนด้านใน
“ไปไหนกันมา”
“ช่วยอากงทำภารกิจนิดหน่อยครับ”
จ้าวซันหันมองหน้าอากง
“วันนี้ผมอาจจะกลับดึกหน่อยนะ ยังไงก็ช่วยดูแลบราลีและก็เหม่ยอิงด้วย ถ้ามีเรื่องอะไรล่ะก็โทรหาผมได้ทันที เอ่อ...แล้วอย่าลืมบอกผิงอันให้รีบส่งใบสมัครเรียนด้วยล่ะ มันจะหมดเขตแล้ว”
“ครับผม”
“สั่งเสียซะชุดใหญ่เลย” อาหลี่บอกเบาๆ กับเต๋อเป่า เต๋อเป่าตบหัวอาหลี่
“ไอ้นี่นิ ปากไม่เป็นมงคล”
“เฮ้ยย...ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเว้ย”
อาหลี่รีบเดินมาเปิดประตูรถให้จ้าวซัน จ้าวซันก้าวขึ้นรถไป อาหลี่ถอยรถออกไป รถแล่นออกจากบ้าน
อากงมาปิดประตู เกาเฟยแอบดูอยู่ที่พุ่มไม้ข้างบ้าน เห็นจ้าวซันนั่งออกไป พยักหน้ากับตัวเอง ยิ้มกริ่ม
ภายในบ้านเหม่ยอิงยืนมองรถจ้าวซันแล่นออกไปด้วยหน้าตาเศร้าๆ จ่าหมงและตำรวจอีกคนคอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ เหม่ยอิงนั่งลงที่เปียโน ค่อยๆ กดคีย์เปียโนไปทีละโน้ตสองโน้ตอย่างเหงาๆ แล้วเล่นเป็นเพลงช้าๆ เศร้าๆ สักพักเหม่ยอิงตบไปที่คีย์เปียโนอย่างแรง ฟุบหน้าลงร้องไห้ จ่าหมงมองหน้าตำรวจอีกคน สงสาร ค่อยๆ เดินเข้าไปหา
“คุณเหม่ยอิง โอเคไหมครับ” เหม่ยอิงส่ายหน้าไม่ตอบ ฟุบอยู่กับเปียโนอยู่อย่างนั้น “ออกไปเดินเล่นที่สวนไหมครับ” เหม่ยอิงเงียบ “หรือว่าจะดูทีวี ผมเปิดทีวีให้เอาไหม”
เหม่ยอิงเงยหน้าขึ้นมา ปาดน้ำตาออก ยิ้มสดใสให้จ่าหมงและตำรวจอีกคน ทั้งๆ ที่น้ำตายั้งรื้นๆ อยู่
“พวกจ่าทานข้าวเช้ากันมาหรือยัง เดี๋ยวฉันทำอาหารเช้าให้ทานดีกว่านะ” เหม่ยอิงลุกขึ้น พยายามทำร่าเริง “อยากทานอะไรกัน”
“เอ่อ คุณเหม่ยอิงไม่ต้องลำบาก”
“เอาแซนวิชแล้วกันนะง่ายๆ กับกาแฟไหม รอแป๊ปนึงนะ” ตำรวจมองหน้ากัน แววตาสงสารเหม่ยอิง เหม่ยอิงเดินไปสักพัก แล้วเดินกลับมาหาตำรวจสองคน “เปลี่ยนใจแล้ว” ตำรวจงง “ไหนๆ คุณตำรวจต้องจับตาดูฉันอยู่แล้วใช่ไหม เข้าไปในครัวแล้วไปช่วยกันทำเลยดีกว่า ไปกันๆ”
เหม่ยอิงจับมือตำรวจทั้งสองคนแล้วจูงไปอย่างไม่ถือตัว ตำรวจยิ้ม ตื้นตันใจ แล้วตามเหม่ยอิงออกไป
รถจ้าวซันแล่นไปตามถนน
“รถติดแต่เช้า” อาหลี่บอก
“ไอ้หลี่ วันนี้ไปประชุมที่โรงงาน ทำไมมาทางนี้ล่ะ”
“เอ่อ ลืมครับผม”
อาหลี่ยูเทิร์นรถกลับไปอีกทาง
“ได้ขับออกนอกเมืองสมใจอยากแล้วไง”
“เฮ้ย...ไม่ต้องขับเร็วมากนะ ไม่ได้รีบ”
“คร้าบ”
ไทไทนอนหลับอยู่บนเตียงใบหน้าสงบเรียบเฉย ทันใดนั้นไทไทก็ลืมตาโพลงขึ้นมา แล้วลุกขึ้นนั่ง
“ไม่...ไม่...ม่ายยย”
อาม่ารีบวิ่งมาดู
“ไทไท เกิดอะไรขึ้นคะ”
“ออกไป”
อาม่าผงะ บราลีวิ่งเข้ามาในห้องพอดี
“แม่ใหญ่คะ”
“อาซันๆๆ ไม่ๆๆ”
“คุณชาย คุณชายทำไมคะ”
“มันกำลังจะมาเอาชีวิตอาซัน อาซันอยู่ที่ไหนบอกให้หยุด หยุด อย่าไป”
บราลีกับอาม่ามองหน้ากัน
“ไทไทใจเย็นๆ ก่อน ใจเย็นๆ” ไทไทหันขวับมา
“ถ้าลูกแกกำลังจะตายแล้วยังจะใจเย็นอยู่ไหม หา? ฉันถามๆๆ” ไทไทหันกลับไปสั่งบราลีด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาดและสงบลง “รีบโทรไปหาองค์ชาย เดี๋ยวนี้ เร็ว”
“ค่ะ”
บราลีจับที่กระเป๋ากางเกง หามือถือ ไม่ได้เอามา
“เดี๋ยวหนูมาค่ะ”
“ไม่ทันๆ ไม่ทันแน่ๆ อาซัน”
“โทรที่นี่ก็ได้ค่ะ”
อาม่ารีบเดินไปที่โทรศัพท์บ้านแล้วส่งหูโทรศัพท์ให้บราลี บราลีกดโทรศัพท์อย่างร้อนรน
รถจ้าวซันแล่นฉิ่วไปบนถนน บราลียกหูโทรศัพท์อยู่ในห้องไทไท
“ไม่รับ ไม่รับค่ะ”
“ซวย เพราะมันมีตัวซวยตัวเสนียดอยู่ในบ้าน”
ไทไทมองไปทางบ้านที่เหม่ยอิงอยู่ ทำหน้ารังเกียจ ในรถจ้าวซันกำลังติดสาย คุยโทรศัพท์อยู่
“ตกลงเทเรซ่า ผมจัดการเอง ส่วนเรื่องงานประชุมใหญ่ที่จะถึง คุณอย่าลืมชวนท่านผู้ว่ามาด้วย แป๊ปนึงนะ”
จ้าวซันกดสลับสาย “บรี ผมติดสายอยู่ เดี๋ยวโทรกลับนะ”
“เอ่อ...แต่...เดี๋ยวค่ะ ฮัลโหลๆ” บราลีค่อยๆ วางหูโทรศัพท์ลง “คุณชายบอกว่าอีกสักพักจะโทรกลับค่ะ” บราลีบอกไทไท
“ไม่นะ ไม่ได้ๆๆ ต้องเดี๋ยวนี้ ตอนนี้เท่านั้น ไม่ทัน ไม่ทันแล้ว หยุดดด” ไทไททำท่าจะลุกขึ้นไปเอง แล้วเหมือนกำลังจะตกเตียง “ฉันไปเอง ฉันจะไป” บราลีกับอาม่าเข้ามาช่วยกันประคองและปลอบให้สงบสติอารมณ์ไว้ “ใครก็ได้ใครก็ได้ช่วยหยุดรถคันนั้นที ช่วยหยุดที”
ไทไทตะโกนสุดเสียง น้ำตาไหล บราลีสงสารจับใจ แต่ไม่รู้จะทำอะไรได้
ขณะนั้นเกาเฟยกำลังซุ่มอยู่ในพงหญ้าข้างบ้านสี่ฤดู เกาเฟยยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา ยิ้มสะใจ
“อีก 3 นาทีจะมีอีก 3 คนตาย” เกาเฟยหัวเราะแล้วเปิดกระเป๋าเป้เช็คลูกระเบิด “หนึ่ง...สอง...สาม... สี่...ครบสี่ฤดู” เกาเฟยรูดซิบปิด “บ้านนี้ไม่มีอะไรคึกคักมานานแล้ว เดี๋ยวเกาเฟยจะจัดให้อีก 3 นาทีเหมือนกัน ตอนนี้ต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรอไปก่อน”
เกาเฟยมองซ้ายมองขวาและหลบเข้าไปในพงหญ้า หัวเราะในลำคอ
รถจ้าวซันกำลังแล่นไปบนถนน อาหลี่กำลังขับไปข้างหน้าด้วยความเร็ว จ้าวซันกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ด้านหลัง
ใต้รถเจ้าซันมีระเบิดติดอยู่และเห็นเวลานับถอยหลังลงเรื่อยจาก 2:00 นาที
“ขอบคุณมากเทเรซ่า อีกสิบห้านาทีผมไปถึง” จ้าวซันกดโทรศัพท์วาง กำลังจะเก็บมือถือ “เร่งหน่อยหลี่ มีประชุมด่วน”
“งานถนัดอยู่แล้วครับ”
อาหลี่เหยียบคันเร่ง รถจ้าวซันวิ่งไปด้วยความเร็ว เสียงสัญญาณมิสคอลดังขึ้นมา จ้าวซันนึกขึ้นได้ว่าบราลีโทรมา จ้าวซันจึงกดโทรเบอร์บ้าน
“มีเรื่องอะไรที่บ้านอีกแน่”
บราลีรีบเดินเข้ามารับโทรศัพท์อยู่ในห้องไทไท
“เจ้าพี่? จอดรถเดี๋ยวนี้ค่ะ”
“อะไรนะ”
“จอดรถค่ะ แม่ใหญ่บอกให้จอดรถ”
“ลงมา รีบลงมา” ไทไทตะโกนแทรกเข้ามา
“ออกมาจากรถเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น แม่ใหญ่ฝันร้ายอะไรอีกใช่ไหม”
อาหลี่ขับรถแล่นไปอย่างเร็ว
“ว้ายยยย” ไทไทร้องลั่น
“เจ้าพี่”
“แม่ใหญ่เป็นอะไร” จ้าวซันถามอย่างตกใจ อาหลี่มองจ้าวซันผ่านกระจกหลัง เต๋อเป่าหันมามองจ้าวซัน บราลีและอาม่ารีบวิ่งไปดูไทไท “หลี่ จอดรถก่อน”
“อะไรนะครับ”
“แม่ใหญ่สั่ง”
อาหลี่มองกระจกหลัง
“ตรงนี้ยังจอดไม่ได้ครับ รถหลังมาเร็วมากด้วย”
ไทไทคลุ้มคลั่ง อาละวาด
“จอดดดด”
บราลีปล่อยโทรศัพท์ลง รีบไปช่วยจับไทไทกับอาม่า
“เจ้าพี่”
“เหวยๆๆ”
อาหลี่เปิดไฟฉุกเฉินหักพวงมาลัยเลี้ยวรถมาจอดข้างทางอย่างรวดเร็ว จ้าวซัน เต๋อเป่า และอาหลี่รีบเปิดประตูลงจากรถ และออกมายืนข้างทาง จ้าวซันค่อยๆ กางแขนกันให้อีกสองคนนั้นถอยห่างไปจากรถ มืออีกข้างกดโทรศัพท์หาบราลี
“สายไม่ว่าง มือถือก็ไม่รับ เกิดอะไรขึ้น”
ทั้งหมดค่อยๆ ถอยไป แต่ตายังจับจ้องอยู่ที่รถ รอสักพัก
“มาสเตอร์ครับ ผมว่าไม่น่าจะมีอะไรนะ”
อาหลี่ขยับจะเดินเข้าไป เต๋อเป่ารีบมาคว้าแขนอาหลี่ไว้
“อย่าเข้าไป ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่”
“แล้วจะให้เราลงมายืนทำอะไรวะเนี่ย เสียเวลา ร้อนก็ร้อน”
จ้าวซันพยายามกดโทรศัพท์ต่อ
“แกรู้จักไทไทน้อยไป” จ้าวซันดูนาฬิกา
“รออีกสักห้านาทีแล้วกัน”
รถสองสามคันวิ่งผ่านตรงนั้นไปอย่างรวดเร็ว
“คุณบราลีไม่ได้บอกหรือครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“เปล่า”
“มันจะไปเกิดขึ้นอะไรได้ยังไง เป็นไปไม่ได้ ไหนๆ”
อาหลี่ไม่สนใจเดินไปที่รถ แล้วทุบหลังคา ตบรถเล่น
“หลี่ ออกมาก่อน”
“เดี๋ยวมาสเตอร์ไปประชุมไม่ทันนะครับ”
“หลี่”
อาหลี่หันมายิ้มให้จ้าวซัน
เกาเฟยดูนาฬิกาข้อมืออยู่
“ห้า...สี่...สาม...สอง...หนึ่ง...เละ!” เกาเฟยหัวเราะ ดีใจ สะใจ “ลาก่อน จ้าวซัน เต๋อเป่า และก็ไอ้หลี่ ไว้เจอกันชาติหน้าแล้วกันนะ” เกาเฟยวางเป้ลงที่ข้างทาง ค่อยๆ หยิบระเบิดขนาดเล็กออกมา “และบ้านสี่ฤดูจะไม่เงียบเหงาอีกต่อไป”
เกาเฟยจุดฉนวนระเบิด แล้วรีบวิ่งไปขว้างใส่หน้าบ้าน ระเบิดตกลงถนนตรงกลางทางเข้าบ้าน ควันฟู่ จากนั้นก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมา
“ลูกแรกถือเป็นแค่การหยอกเอิน” เกาเฟยที่แอบหลบอยู่ ค่อยๆ แบกเป้รีบเดินไปอีกทาง “ต่อไปจะเริ่มเอาจริงล่ะนะ หึหึ”
เกาเฟยยิ้มเหี้ยม
บราลีหันขวับ ได้ยินเสียงระเบิด ไทไทหันมองตามรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เสียงอะไร เหมือนระเบิด หรือว่า...”
“หายนะ เสียงหายนะ อีนังกาลกิณี มันคิดก่อการใหญ่ อีนังชาติชั่ว”
“คืออะไรคะแม่ใหญ่”
“ความตาย ข้าเห็นความตาย ข้าเตือนพวกเจ้าแล้ว ข้าเตือนแล้ว”
บราลีสยอง แม้จะไม่เข้าใจ ร้อนใจ จะรีบออกไปด้านนอก
“อาม่า ฝากดูแม่ใหญ่ด้วย”
บราลีรีบออกไป ไทไทนั่งเกร็งมือเกาะขอบโต๊ะแน่น จนโต๊ะสั่นกึกๆๆ
ที่ห้องเหม่ยอิง จ่าหมงกับตำรวจชะเง้อมองออกไปด้านนอก สังเกตดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“ใครทำอะไร” เหม่ยอิงยืนคาประตูครัว ถือแอปเปิ้ล ยืนกัดเล่น ยิ้มมุมปาก มีความหวัง “อะไรระเบิด หรือมีรถชนกัน แกเฝ้าอยู่นี่ ชั้นจะออกไปดูเอง”
จ่าหมงรีบออกไป ผิงอันวิ่งลงบันไดมาตึงๆๆ
“หรือว่ามีคนร้ายบุก เหม่ยอิง ทำไงดี” แม่สี่บอกอย่างตกใจ
“ใคร บุกบ้านเราทำไม ในฮ่องกงมีใครกล้าบุกบ้านจ้าวซันด้วยเหรอ” ผิงอันถาม
“ผมก็ไม่ทราบ ตั้งสติก่อนนะครับ”
ทันใดมีเสียงระเบิดดังมาอีกที่ด้านข้างบ้าน ตำรวจเห็นท่าไม่ดี คิดจะออกไปดู
“แม่สี่ คุณหนูผิงอัน ฝากดูคุณเหม่ยอิงก่อนนะครับ เดี๋ยวผมมา”
ตำรวจรีบออกไป เหม่ยอิงยิ้ม กระหยิ่ม รอเวลา แม่สี่กับผิงอันร้อนใจ กลัวอันตราย
“พี่บรี พี่บรีกับแม่ใหญ่จะเป็นยังไงบ้าง”
บราลีวิ่งออกมาหน้าบ้านพบกับควันที่เต็มไปหมด ใช้มือนึงปิดจมูก อีกมือคอยปัดไล่ควันให้พ้นทาง พยายามเพ่งมองก็ไม่เห็นอะไร แต่แล้วมีเงาคนกำลังเดินเข้ามา
“นั่นใคร”
“อากงเองๆๆ อาหนูบรี ควันพวกนี้มีคนปาเข้ามา”
“อยู่ตรงไหน พาหนูไปดู”
บราลีกับอากงกำลังจะไป เสียงจ่าหมงดังขึ้นก่อน
“ระวังนะครับ” บราลีกับอากงชะงัก “มันคือระเบิดควัน ใช้ในการอำพรางตัว คนร้ายอาจซ่อนอยู่ในควันก็ได้”
ทันใด มีเสียงควันระเบิดขึ้นอีกด้าน
“ไอ๊หย๋า มันจะถล่มบ้านสี่ฤดูแล้ว”
“หลบไปด้านนั้นก่อน ไปๆๆ”
บราลี อากงพากันไปอีกด้าน ปรากฏร่างของเกาเฟยที่หลบอยู่บริเวณนั้น พอพวกบราลีออกไปกันหมด เกาเฟยก็เผยตัวออกมา และรีบเข้าไปด้านในบ้านทันที
จ้าวซันยืนรออยู่ข้างถนน ระหว่างนั้น อาหลี่กับเต๋อเป่ากำลังสำรวจรอบๆ รถ เต๋อเป่าเอากระจกส่องที่ใต้ท้องรถ จนกระทั่งพบอะไรบางอย่าง
“คุณชายครับ ระเบิด”
จ้าวซันรีบตามเข้าไปดู เต๋อเป่ามุดเข้าไปในที่ใต้ท้องรถ
“เต๋อเป่า แกออกมา ทำอะไรน่ะ หยุด ชั้นจะโทรหาตำรวจ”
เต๋อเป่าปลดระเบิดนั้นที่ด้านไปแล้วออกมา เต๋อเป่ายื่นให้จ้าวซันดู
“มีใครบางคนแอบเอาระเบิดมาติดไว้ที่ใต้รถครับ ตั้งเวลาไว้ให้ระเบิดเมื่อ 5 นาทีก่อน โชคดีที่มันด้านไม่อย่างนั้น...” อาหลี่ขนลุก
“จ้าวไทไทเฮี้ยนจริงๆ ด้วย แกจะถือไว้ทำไม เอาไปทิ้งสิ ไปๆ”
“พวกมันคิดจะทำอะไร” จ้าวซันรีบหยิบมือถือออกมา กดโทรออกทันที “ผู้กองเหลียง มีคนเอาระเบิดเวลามาติดที่รถผม”
จ้าวซันเครียด
ที่บ้านสี่ฤดู เกาเฟยเดินเข้ามาในบ้าน ลักลอบเข้ามากำลังจะตรงไปที่ห้องเหม่ยอิง แต่แล้วต้องชะงัก หาที่หลบซ่อน เพราะผิงอันเดินผลุนผลันออกมา จะไปดูบราลี แต่แม่สี่ตามมาขวาง
“หนูจะไปดูพี่บรีกับแม่ใหญ่”
“เราออกไปตอนนี้ไม่ได้ มันอันตราย”
“ถ้ามันอันตรายจริง เราอยู่เฉยๆ มันก็อันตรายเหมือนกัน ปล่อยหนูเถอะค่ะ”
“เชื่อฟังแม่หน่อยได้มั้ย”
“หนูโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ ปล่อยค่ะ”
ผิงอันกระชากมือจนหลุดมาได้ รีบวิ่งออกไป แม่สี่รีบตามไป
“ผิงอัน”
ระหว่างนั้น เกาเฟยลักลอบผ่านเข้าไป
เกาเฟยวิ่งเข้ามาด้านในห้อง เหม่ยอิงนั่งรออยู่แล้ว
“คุณหนูรอง”
“เกาเฟย”
เกาเฟยเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าเหม่ยอิง เอามือสัมผัสเท้า
“ทาสรับใช้คนนี้มารับตัวคุณหนูแล้วครับ”
“ขอบใจมาก” เหม่ยอิงลุกไปหยิบกระเป๋าที่ได้เตรียมเอาไว้ ลากมา “ชั้นเตรียมทุกอย่างเอาไว้ครบแล้ว”
เกาเฟยลุกตามไปช่วยลากกระเป๋านั้น
“รีบหนีก่อนเถอะ”
“เดี๋ยว ชั้นต้องไปจัดการคนๆ นึงก่อน”
เหม่ยอิงเดินฉับๆ บุกเข้ามาที่ห้องไทไท เกาเฟยเดินตาม แต่ทันทีที่เข้าพ้นประตูมาก็มีมีดที่ถูกเขวี้ยงแหวกอากาศมา ฟึ่บ! มีดนั้นปักกับผนัง ฉิวเฉียดหน้าของเหม่ยอิงไปนิดเดียว เหม่ยอิงฉุนขึ้นมาทันที ไทไทนั่งรออยู่แล้ว
อาม่ายืนช็อกมุมนึง
“นี่แกกะจะฆ่าชั้นเหรอ”
“แก นังปีศาจ คนอย่างแกมันต้องฆ่าให้ตาย เป็นผีไปแล้วก็ต้องสาปแช่ง ต้องสาปส่งวิญญาณแกไม่ให้ได้ผุดได้เกิดอีก”
“สาปแช่งซ้ำซากอยู่ได้ แล้วมาดูกันว่าแกกับชั้นใครจะตายก่อนกัน”
เกาเฟยขยับ เอาปืนจ่อไทไทอาม่าร้องลั่นด้วยความตกใจ
“ว้าย”
“อีแก่ ไปให้พ้น หนวกหู!” เกาเฟยหันปืนไปหาอาม่า
“อาม่า ออกไปสิ อยากตายหรือไง” เหม่ยอิงบอกแต่อาม่าเป็นลม ร่วงไปแล้ว “หัวใจวายไปแล้วมั้งน่ะ” เหม่ยอิงเดินมาหาไทไท “ทีนี้ก็เหลือแกคนเดียวแล้ว จ้าวไทไทแกมันแม่เลี้ยงใจร้าย กดขี่พวกชั้นมาตลอดชีวิต แกต้องรับกรรมเหมือนกัน”
“เอาสิ นัง ปี ศาจ”
“ฆ่ามัน”
เกาเฟยเหนี่ยวไก แต่แชะ ปืนยิงไม่ออก
“ฮ่าๆๆ สวรรค์ไม่เข้าข้างผีเปรตอย่างพวกแกหรอก”
“ยิงมันสิ ยิง”
เกาเฟยงงที่ปืนยิงไม่ออก
“มันยิงไม่ออกครับคุณหนู”
“อีบ้า แกเล่นของเหรอ” เหม่ยอิงเดินไปดึงมีดที่ไทไทเขวี้ยงออกมา “ดูสิว่าแกจะทำอะไรกับมีดนี่ได้”
เหม่ยอิงเข้าไปใกล้จะเอามีดแทง แต่ไทไทฮึดกำลังผลักโต๊ะให้มากระแทกเหม่ยอิงอย่างแรง เหม่ยอิงเจ็บ จุก แล้วจังหวะนั้น ไทไทก็ฮึดกำลังพุ่งเข้าใส่เหม่ยอิง ชนอย่างแรง
“แกต้องตาย” ไทไทกับเหม่ยอิงล้มไปด้วยกันทั้งคู่ มีดกระเด็นไป ไทไทคร่อมอยู่บนตัวเหม่ยอิงบีบคอเหม่ยอิง
“แกต้องตาย”
แต่แล้วเกาเฟยก็มากระชากไทไทออก กระเด็นไป
“แก”
เหม่ยอิงไปคว้ามีดขึ้นมา อยู่ๆ ไทไทร้องขึ้น ราวกับเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า
“แทงชั้นเลย แทงเลย แล้วมันจะเป็นจุดจบของแก ตำรวจกำลังจะมาลากคอแกแล้ว แทงชั้นสิ แทงเลย”
เหม่ยอิงชะงัก เปลี่ยนใจ
“เครื่องเพชรอยู่ไหน”
“ฮ่าๆๆ”
เหม่ยอิงกระชากคอไทไทมา เอามีดขู่
“ชั้นถามว่าเครื่องเพชรอยู่ไหน”
ไทไทบ้าเลือดคว้ามีดนั้นด้วยมือเปล่า สีหน้าท้าทายเหม่ยอิงสุดๆ และระเบิดหัวเราะ หลอนๆ เกาเฟยบุกค้นหาเครื่องเพชรเอง เหม่ยอิงพยายามจะดึงมีดออก แต่ไทไทจับแน่น เหม่ยอิงสยอง เกาเฟยเอากล่องเครื่องเพชรออกมา
“เจอแล้วครับคุณหนู”
เหม่ยอิงปล่อยมือจากมีด จะหนี แต่ไทไทคว้ามือเหม่ยอิงไว้
“แกหนีไม่รอด แกต้องตกนรกไปกับชั้น”
เหม่ยอิงผลักอย่างแรง ไทไทหลุดไป เหม่ยอิงรีบวิ่งหนีไปกับเกาเฟย หลบออกไป ไทไทหัวเราะคลุ้มคลั่ง
เกาเฟยวิ่งถือปืนนำลงมาจากห้องจ้าวไทไท เหม่ยอิงถือกล่องเครื่องเพชรแน่น รีบตามลงมา ทั้งสองกำลังจะออกประตูบ้านไป
“หยุด...หยุดทั้งสองคนนั่นแหละ” ทั้งสองหันไปจึงเห็นอากงยืนข้างหลัง ถือปืน หน้าเศร้าเสียใจ น้ำตาคลอ เหม่ยอิง เกาเฟย ชะงัก “คุณหนูใหญ่ พอเถอะครับ อย่าทำอย่างนี้เลย ผมขอร้อง”
“กง แก่แล้วก็อยู่ส่วนแก่ อย่ามายุ่งกะเรื่องของชั้น”
“คุณหนู ทำไมคุณหนูใจร้ายนัก ต่อให้คุณหนูฆ่ากง คุณหนูก็ไปไม่รอดหรอก”
“ใครบอกว่าชั้นอยากฆ่ากง กงอยู่ไปอีกไม่กี่ปี กงก็ต้องตายเองอยู่แล้ว จะไปไหนก็ไปไป๊ อย่ามาเกะกะ”
“งั้นคุณหนูก็ฆ่ากงก่อนก็แล้วกัน แต่ไอ้นี่...กงจะฆ่ามัน” อากงขึ้นไก หันไปหาเกาเฟย เกาเฟยใช้ความไว เตะปืนจากมืออากงกระเด็นลอย
“คุณหนูไปเร็ว” เหม่ยอิงรีบไป เกาเฟยหันปืนมาที่อากง “ไม่อยากทำคนแก่เลยจริงๆ ว่ะ รู้ถึงไหน อายถึงนั่น”
อากงมอง แล้วกัดฟันกระโดดใส่เกาเฟย แย่งปืน พลางตะโกนดังส่งเสียงตามเหม่ยอิงออกไป
“คุณหนู อย่าไป อย่าทำให้คุณชายใหญ่เดือดร้อนอีกเลย คุณชายใหญ่รักและไว้ใจคุณหนูขนาดไหน คุณหนู...”
“ไอ้แก่เอ๊ย”
อากง เกาเฟย สู้แย่งปืนกันสุดฤทธิ์
เหม่ยอิงวิ่งถือกล่องเพชรออกมา ลากกระเป๋าที่วางข้างประตู วิ่งทุลักทุเลมา พอดีบราลีและจ่าหมงวิ่งมาเจอพอดี เหม่ยอิงชะงัก บราลีมองหน้าเหม่ยอิง แค้นมาก
“นึกแล้ว ว่าคนที่มันมากล้ามาขว้างระเบิดบ้านสี่ฤดู ต้องไม่ใช่คนร้ายที่ไหน”
จ่าหมงชักปืนออกมา
“คุณหนู ทำอะไร จะไปไหนครับ”
เหม่ยอิงเหวี่ยงกระเป๋าใส่จ่าหมงจนเซไป แล้ววิ่งหนีไปอีกทาง บราลีกับจ่าหมงจะตาม ทันใดมีเสียงปืนดังมาจากในบ้าน บราลี จ่าหมงหันมองหน้ากัน ต่างละล้าละลัง เอาไงดี
“จ่าขึ้นไปดูข้างบนดีกว่าค่ะ ชั้นไปตามเค้าเอง”
บราลีรีบวิ่งตามเหม่ยอิงไป จ่าหมงแยกขึ้นบ้าน ระวังตัวเต็มที่
เหม่ยอิงรีบวิ่งมา บราลีตามไป จนเห็นตัว
“จ้าวเหม่ยอิง หยุดนะ แน่จริงอย่าหนีสิ”
เหม่ยอิงชะงัก หยุด หันมา
“นังตัวมาร แกจะเอายังไงกับชั้นอีก แกก็ได้ทุกอย่างไปหมดแล้วนี่”
“เธอรู้ไหมว่าจ้าวซันทำทุกอย่างเพื่อเธอ ใครจะว่ายังไงเขาก็ไม่สนใจ เพราะเขาตั้งใจจะช่วยเธออย่างดีที่สุด แต่เธอกลับมาทำอย่างนี้กะเขาได้ลงคอ”
“อย่ามาทำเป็นรักพี่ชายใหญ่นักหนาเลย ไม่มีใครจะรักพี่ชายใหญ่มากกว่าชั้นหรอก”
บราลีหัวเราะใส่หน้าเหม่ยอิง
“นี่เธอยังกล้าพูดแบบนี้อีกเหรอ นี่เหรอ รัก...รักภาษาอะไรของเธอ คนรักกันเขาทำกันอย่างที่เธอทำเหรอ”
“ชั้นทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ เพราะพี่ใหญ่ทรยศชั้นก่อน”
“เขาทรยศอะไรเธอ”
“ไม่ต้องมาแกล้งถามเลย แกนั่นแหละ ตัวการ นังแพศยา”
เหม่ยอิงพุ่งเข้าบีบคอบราลี บราลีสู้ ถูกดันจนล้มหงายหลังไป เหม่ยอิงขึ้นมาคร่อม บีบคอ บราลีกลับตัว กลายเป็นได้ขึ้นบน จับแขนเหม่ยอิงกด เหม่ยอิงเตะทุ่มบราลีข้ามหัวไป แล้วเข้าไปจับบราลีตบๆๆ
วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 21 (ต่อ)
ผิงอันวิ่งลัดเลาะมารวดเร็ว แล้วพอโผล่มุมตึกมาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นบราลี เหม่ยอิง สู้กันบนพื้น เหม่ยอิงคร่อมตบบราลีอยู่ ผิงอันยืนตะลึง
“พี่เหม่ยอิง หยุดเดี๋ยวนี้”
เหม่ยอิงหน้ามืด ไม่ได้ยิน จิกผมบราลีกำๆ จับดึงไปมา บราลีร้องกรี๊ด พยายามจับมือเหม่ยอิงไว้ ผิงอันร้อนรน มองรอบๆ หาอาวุธ แล้วหันไปเห็นที่ริมสนามมีตะกร้าเครื่องมือทำสวนอยู่ ผิงอันวิ่งเข้าไปคว่ำตะกร้า มีถุงมือทำสวน กรรไกรตัดต้นไม้ มีดพับ ผิงอันเลือกหยิบมีดพับขึ้นมา ง้างขึ้น ให้ส่วนที่เป็นใบมีดกางออกมา แล้ววิ่งเข้ามา
ผิงอันยื่นมีดไปใส่หน้าเหม่ยอิง
“พี่เหม่ยอิง ถ้าพี่ไม่หยุด หนูจะแทงพี่”
เหม่ยอิงได้ยินหันมามอง เผลอชะงักหยุดนิดนึง บราลีได้จังหวะ เตะทุ่มเหม่ยอิงข้ามหัวไป กล่องเครื่องเพชรของจ้าวไทไทร่วงอยู่กับพื้น ผิงอันเห็น รีบเข้าไปหยิบมาอย่างเร็ว แล้วเปิดดู
“พี่เหม่ยอิง อยากได้จริงนะ เครื่องเพชรจ้าวไทไทชุดนี้”
เหม่ยอิงทรงตัวขึ้นมาได้ ลุกมา
“นังผิงอัน ของนั่นมันของชั้น ไม่ใช่ของแก เอาคืนมา”
“มันจะเป็นของพี่ ถ้าพี่ไม่หนีไป ไม่ใช่แค่ของอันนี้อันเดียวด้วย ของอื่นๆ ทั้งหมด ถ้าหนูให้ได้ หนูจะให้พี่”
“อีบ้า...ไม่ต้องมาพูดจาเป็นนางฟ้าสูงส่งให้เสียเวลาเลย เอาเครื่องเพชรของชั้นมา”
บราลีลุกขึ้นมา
“ผิงอัน ระวังนะ”
เหม่ยอิงพุ่งเข้าไปหาผิงอัน
“เอาเครื่องเพชรมา”
“ถ้าเข้ามา หนูจะแทงพี่”
ผิงอันเงื้อมีดขึ้น บราลีรีบจะเข้าไปโจมตีตัวเหม่ยอิงแต่เหม่ยอิงไวกว่าเข้าไปประชิดตัวผิงอัน จับมือที่ถือมีด แล้วบิด แย่งมีดมาเป็นของตัว แล้วพลิกตัว ล็อกผิงอันไว้ เอามีดนั้นเองจ่อคอผิงอัน
“นังบรี ถ้าแกเข้ามา นังผิงอันตาย”
“นั่นมันน้องสาวคุณนะ เหม่ยอิง”
“ชั้นไม่สน” เหม่ยอิงดึงกล่องเพชรมา “ชั้นไม่มีพี่น้อง ชั้นไม่มีใครทั้งนั้น ชั้นมีตัวคนเดียว”
“ก็ให้มันรู้ไปสิ” ผิงอันไม่ยอม ดึงกล่องเพชรคืน เหม่ยอิงตวัดมีดแบบไม่ได้ตั้งใจ มีดโดนหน้าผากผิงอันเหมือนแค่ขีดข่วน
“ว้าย”
ผิงอันถอยมา ทรุดลง กุมหน้า เลือดไหลลอดนิ้วมือ หยดมา
“ผิงอัน”
“ผิงอัน เป็นไงบ้าง” บราลีตกใจ
“พี่เหม่ยอิงทำหนู คนใจร้าย” เหม่ยอิงตกใจ
“พี่ไม่ได้ตั้งใจนะ”
บราลีเข้าประคองผิงอัน
เกาเฟยถอยๆ และหลบซ่อนไปตามหลังโต๊ะ เก้าอี้ในบ้าน มือยังถือปืน อากงกุมแขนที่มีเลือดไหล ถูกยิงถากๆ ยืนพิงผนัง หน้าซีดอยู่มุมนึง
“เกาเฟย นี่หรือวะนักเลง ยิงคนมือเปล่า แกไม่อายมั่งเหรอ”
“ทำไมจะต้องอาย เสียดายมากกว่า ที่แกไม่ตายๆ ไปซะ”
จ่าหมงถือปืน ไล่ล่าเกาเฟยไปในห้อง
“เกาเฟย มอบตัวซะเถอะ วางปืนลง เตะปืนมาให้ชั้นเห็น แล้วยกมือขึ้นสูงๆ”
“ฝันไปเถอะ ไอ้กระจอก”
เกาเฟยยิง แต่ประกฎว่ากระสุนหมด แชะๆๆ
“กระสุนหมดแล้ว แก...ยอมแพ้ซะ”
“กระสุนหมดแล้วเหรอ..สวยสิ” อากงดีใจ วิ่งไปในครัว คว้าปังตอออกมา จ่าหมง อากงบุกเข้าไปพร้อมกัน
“แก...แกทำชั่วไปมากแล้ว ถึงเวลาแกได้รับกรรมแล้ว”
เกาเฟยเอาปืนเหน็บเอว อากง จ่าหมง พุ่งเข้าไปพร้อมหัน ทันใดเกาเฟยล้วงระเบิดน้อยหน่าออกมา 2 ลูก ลูกละมือ มากัดกระเดื่องออกแล้วชูขึ้น
“มาสิ จะให้อั้วะรับกรรมมือไหนก่อน”
จ่าหมงกับอากงผงะ
ด้านนอก ผิงอันกุมหน้า เหม่ยอิงเอากล่องเพชรหนีบไว้แล้วเดินเข้ามาหาผิงอัน
“ผิงอัน ไหน...ขอดูหน่อย”
บราลีปัดมือเหม่ยอิงออก
“อย่ามาแตะต้องผิงอัน”
“นังบรี แกเป็นใคร ยุ่งอะไรด้วย พี่น้องเค้าจะตกลงกัน”
“อย่ามายุ่งกะหนู ฮือๆๆ หน้าหนูเป็นแผลแล้ว สมใจพี่แล้วใช่ไหม”
“ก็บอกแล้วไง ว่าไม่ตั้งใจ”
ทันใดมีเสียงระเบิดดังมาจากตึก ผิงอันหันขวับไป
“ระเบิดในตึกเหรอ”
“อากง”
ผิงอัน บราลีตกใจ ชะเง้อห่วงคนในตึก เหม่ยอิงได้ที หันไป ถอยๆ แล้ววิ่งหนีไปอีกทาง บราลีผิงอัน ทำอะไรไม่ถูก
บราลี ผิงอันที่กุมหน้าผากที่เลือดซิบ มาถึงหน้าประตูตึก เกาเฟยวิ่งถือระเบิดหนึ่งลูกสวนออกมา
“ว้าย”
ผิงอันร้องออกมาด้วยความตก
“ถอยไป ไม่งั้น เจอระเบิดแน่”
เกาเฟยบอก บราลีกอดผิงอันไว้ ดึงตัวผิงอันให้หลบมา ไม่ให้ขวางทาง เกาเฟยรีบวิ่งไป บราลีรีบเข้าไปข้างใน
ด้านนึงของห้องที่มีควันจางๆ เก้าอี้ โต๊ะระเนระนาด กระจก หลอดไฟแตกกระจาย อากงนอนจมกองเลือดอยู่ มีจ่าหมงพยายามห้ามเลือด
“อากง ทำใจดีๆ”
“อากง เป็นอะไรไหมคะ”
“ไม่...ไม่เป็นไร...แค่...สะเก็ดระเบิด...มัน...โดน...แขนขา...”
“ไอ้เกาเฟยมันนึกว่ามันเป็นใคร คนบ้านนี้ไม่ใช่ใครจะมารังแกได้นะ”
บราลีแค้นมากหันไปเห็นปืนจ่าหมงวางข้างตัว บราลีหยิบปืนจ่าหมงมา “ซายหมุย โทรเรียกรถพยาบาลเร็ว”
พูดเสร็จ บราลีรีบวิ่งตามออกไป ผิงอันไปกดโทรศัพท์บ้าน จ่าหมงมัวแต่ดูแลอากง
“คุณบราลีๆ อย่าไป” จ่าหมงจะลุกตาม แต่ก็อดห่วงอากงไม่ได้
ทันใดเสียงจ้าวไทไทร้องดังมาจากข้างบน ทุกคนเงยมองไป
ในห้องห้องจ้าวไทไท ไทไทนั่งตัวเกร็งนั่งร้องอยู่ที่โต๊ะ อาม่าที่นอนสลบ ค่อยๆ ฟื้นลืมตาขึ้นแล้วอาม่าก็เห็นไทไทนั่งร้องอยู่ แล้วจู่ๆ ตัวไทไทเกร็ง แล้วร่วงโครมลงมา ชักอยู่กะพื้น อาม่ารีบเข้าไปดู
“คุณนายใหญ่คะ คุณนายใหญ่”
ไทไทชักๆๆ อาม่าตกใจ รีบตะกายลุก เปิดประตูออกมา วิ่งลงบันไดไป
“ช่วยด้วยๆๆ”
ผิงอันยังโทรศัพท์อยู่
“ค่ะๆ บ้านสี่ฤดูค่ะ ใช่ค่ะ บ้านตระกูลจ้าวค่ะ”
อาม่าลงมาถึงชั้นล่าง มองรอบๆ เห็นอากงนั่งจมกองเลือด พิงผนัง หายใจรวยริน มีจ่าหมงพยายามปฐมพยาบาลอยู่ อาม่าถึงกับผงะ
“อากงๆๆ เป็นอะไรไป”
ผิงอันรีบมาดูแลอาม่า
“อาม่า ใจเย็นๆๆ อากงไม่เป็นอะไรมากหรอกนะคะ แม่ใหญ่ละ แม่ใหญ่เป็นไงมั่ง”
อาม่าเงยหน้ามาเห็นผิงอันมีเลือดที่หน้าผาก
“คุณหนู เลือดๆๆ หน้าคุณหนูๆ ใครทำคุณหนู”
ผิงอันหน้าซีด
ตำรวจกับลูกน้องอากงคนนึงกำลังยืนดูสภาพประตูรั้วที่โดนระเบิดพังล้มอยู่ ตำรวจกำลังพูดโทรศัพท์เครียด“ครับ ผู้กอง ระเบิดมือ ระเบิดควัน สารพัดระเบิดเลยครับ เมื่อสักครู่นี้เองครับ”
เหม่ยอิงวิ่งออกมาแล้วละล้าละลัง งงๆ ว่าจะไปทางไหน เห็นพวกที่มุงดูเศษซากผลจากระเบิดที่หน้าบ้านกัน เหม่ยอิงหยุดแอบด้านนึง ทันใดนั้นเกาเฟยวิ่งย่องๆ ออกมาเห็นเหม่ยอิง จึงรีบจูงเหม่ยอิงวิ่งแอบๆ ลัดเลาะไปอีกทางนึง พาออกจากบ้านทั้งคู่รีบวิ่งข้ามถนนไป
มอเตอร์ไซค์เกาเฟยจอดแอบไว้ในดงหญ้า เกาเฟยจูงเหม่งอิงมา แล้วเอาหมวกกันน็อคที่เตรียมไว้มาส่งให้ แล้วเกาเฟยยกรถขึ้นตั้ง คร่อมรถ เหม่ยอิงรีบซ้อน
บราลีถือปืนวิ่งออกมา เห็นตำรวจยืนโทรศัพท์และลูกน้องกง เข้าไปดูสภาพจุดที่พังๆ อยู่ รื้อๆ หยิบได้ชิ้นส่วนระเบิดมาดู
“คุณตำรวจ คุณอาคะ เห็นเกาเฟยกะคุณหนูเหม่ยอิงไหมคะ” ตำรวจหันมา
“ไม่เห็นนะครับ”
ทันใดเสียงมอเตอร์ไซค์ดังเข้ามา ทุกคนหันไป จึงเห็นเกาเฟยขี่รถให้เหม่ยอิงซ้อน ขับออกมาจากหลังต้นไม้ ฝั่งตรงข้าม
“คุณตำรวจ ขวางไว้เลยค่ะ ขวางไว้ จับเลยๆๆ”
บราลีร้องบอก เพื่อนอากงตะลึง ตำรวจวิ่งไปขวาง เกาเฟยไม่สน พุ่งชน ตำรวจโดนชนล้มกลิ้ง
“โอยๆ ไอ้บ้า”
“มันหนีไปแล้ว ไม่ได้นะ ไม่ได้ ชั้นไม่ยอม” บราลีวิ่งไป ยิงปืนตามไป เกาเฟย เหม่ยอิง หนีลอยตัว
บราลีแค้น มองไปรอบๆ เห็นมีมอเตอร์ไซค์จอดตรงนั้น 2-3 คัน สีหน้าบราลีร้อนใจมากมองไปที่รถมอเตอร์ไซค์เหล่านั้น มีคันนึงที่มีกุญแจเสียบทิ้งไว้
เกาเฟยขี่มอเตอร์ไซค์ที่เหม่ยอิงซ้อนวิ่งมาตามถนนอย่างเร็ว หันไปชะโงกด้านหลังพลาง ระหว่างนั้นรถจ้าวซันที่แล่นพุ่งเร็วจะกลับบ้าน แล่นมา รถมอเตอร์ไซค์เกาเฟยขับกินทางเข้ามา อาหลี่ตกใจเห็นรถมอเตอร์ไซค์พุ่งเข้ามา รีบเบรก และบีบแตรใส่สุดเสียง จ้าวซันมอง ตกใจ เกาเฟยหันมาจากการเอาแต่เหลียวหลังเห็นรถจ้าวซัน รีบหักหลบไปทันเฉียดฉิว แล้วขับต่อไปอย่างเร็ว จ้าวซันผงะ มองเห็นเต็มตา เกาเฟยขับมอเตอร์ไซค์ผ่านสวนไป เหม่ยอิงหันมา มองรถจ้าวซัน แล้วเห็นหน้าจ้าวซัน เหม่ยอิงมองสบตาจ้าวซัน ตกใจ เหลียวกลับมามอง ตื่นๆ จ้าวซันมองสบตาเหม่ยอิง มองตามไป ช็อกๆ
อาหลี่รีบจอดรถ
“นั่นมัน...”
“เกาเฟย พาเหม่ยอิงไปแล้ว”
ทันใดรถมอเตอร์ไซค์อีกคันแว้นมา แล้วพุ่งไปเร็ว จ้าวซันหันมอง แล้วตาเหลือกเมื่อเห็นบราลีที่ผมยาวปลิวไสวขี่รถไปอย่างเร็ว และที่ข้างหลัง พกปืนไว้กับขอบกางเกงเห็นๆ
“เฮ้ย”
“คุณบรี”
จ้าวซันรีบเปิดรถ วิ่งลงไป
“ม่านฟ้า! บรี! หยุด หยุดเดี๋ยวนี้” บราลีหันมามอง จ้าวซันวิ่งตามมา “ม่านฟ้า หยุด ทำบ้าอะไร หยุด”
บราลีอยากหยุด แล้วมองไปข้างหน้าเห็ยท้ายรถเหม่ยอิง ไกลลิบออกไป บราลีตัดสินใจ รีบบึ่งตามไป จ้าวซันช็อก
“จะบ้ากันใหญ่แล้ว”
จ้าวซันกัดฟันกรอด มองรอบตัว อาหลี่กำลังจะกลับรถ
“คุณชาย ขึ้นรถครับ”
จ้าวซันส่ายหน้า แล้วก้าวมากลางถนน มอเตอร์ไซค์ใหญ่คันนึงแล่นมา จ้าวซันก้าวไปขวาง ยกมือ ขอให้จอดคนขับมอเตอร์ไซค์จอด
“ผม..จ้าวซันนะ ขอยืมรถหน่อย”
คนขับทำหน้างงๆ จ้าวซันชี้ไปที่บ้าน
“ผมอยู่บ้านนั้น คุณไปนั่งรอผมได้ เดี๋ยวผมรีบมา เกิดไรขึ้น ผมยินดีรับผิดชอบเต็มที่”
คนขับลงมา ถอดหมวกกันน็อกให้ จ้าวซันใส่แบบรวดเร็ว รีบแว้นตามไป
อาหลี่หันมามองหน้าเต๋อเป่า
“เฮ้ย แล้วเอาไงเนี่ย”
“รถแกตามไปไม่ทันแน่” เต๋อเป่ารีบลงจากรถ แล้ววิ่งไปโบกรถมอเตอน์ไซค์ในถนน คนขับจอดงงๆ “ขอยืมรถครับ จะไปตามคนร้ายครับ ขอร้องล่ะครับ”
คนขับยอมลงจากรถ เต๋อเป่ารีบคร่อมแล้วขับตามไป อาหลี่เปิดประตูรถลงมา ยืนมองตามไป ลุ้นๆ
ถนนช่วงลงเขา เกาเฟยขับได้ไม่เร็วมาก บราลีตามมาทิ้งระยะพอสมควร เหม่ยอิงหันมอง
“อีนี่มันบ้าไปแล้ว”
“เอาระเบิดควัน ระเบิดควันลูกกลมๆ ในเป้ผม” เหม่ยอิงล้วงมา “ถอดสลักเป็นไหมครับ ถอดแล้วขว้างเลย”
เหม่ยอิงกำลังจะถอดสลัก กล่องเครื่องเพชรที่หนีบไว้ ร่วงลงถนน กลิ้งไป
“หยุดๆๆ” เหม่ยอิงร้องลั่น
“หยุดทำไมล่ะครับ”
“เพชร หล่นไปแล้ว จอด...จอดเดี๋ยวนี้”
รถบราลีใกล้เข้ามา เกาเฟยเซ็ง
กล่องเพชรร่วงหล่นอยู่กลางถนน เกาเฟยขบฟัน จำใจ วนรถกลับมาจอด เหม่ยอิงรีบโดดลงมาก้มเก็บกล่องเพชร บราลีขับมาถึงพอดี ควักปืนออกมา
“คุณเหม่ยอิง ชั้นไม่ยอมให้คุณหนีอีกแล้ว คุณรู้ไหม ถ้าคุณหายตัวไป จ้าวซันจะเดือดร้อนลำบากอะไรบ้าง”
“เธอนี่มันเสียสติแล้ว เธอนึกว่าเธอเป็นใคร ซูเปอร์ฮีโร่เหรอ”
“ชั้นไม่ยอมให้คุณไปก็แล้วกัน ไม่งั้น ชั้นยิงจริงๆ”
“กล้าเหรอ เธอกล้ายิงชั้นเหรอ”
“ชั้นจะ...ยิง...ขา ให้คุณเดินไม่ได้เลย”
“เอาซี้ แม่สาวห้าว ใจเหี้ยม เก่งจริงก็ยิงเลย”
เกาเฟยทนไม่ไหว โดดลงมา
“คุณหนูใหญ่ จะเสียเวลาทำไมครับ”
บราลีตกใจ หันปืนไปทางเกาเฟย เกาเฟยควักปืนออกมาแล้วหมุนตัวเตะมือบราลีที่ตกใจ ปืนบราลีหล่นกระเด็น เกาเฟยจ้องปืนใส่หน้าบราลี บราลีถอยซีด
“เก่งนักใช่มั้ยๆๆๆ” เกาเฟยพูดพลาง ยิงที่รถมอเตอร์ไซค์ของบราลี ยิงยางครบสองเส้น แล้วยิงกระหน่ำไม่นับ เกาเฟยหัวเราะใส่หน้าบราลี แล้วหันไปพยักกับเหม่ยอิง “รีบไปดีกว่าครับ”
เกาเฟยหันกลับไปขึ้นรถ เหม่ยอิงตามไปซ้อนแล้วหันมาหัวเราะ
“ถ้าเธอตายไป จ้าวซันเค้าคงสร้างอนุสาวรีย์ให้หรอกนะ”
เกาเฟยขำไปด้วย หัวเราะดัง แล้วออกรถไปอย่างเร็ว บราลีมองตามไปอย่างแค้นใจ
“พวกแกหนีไม่รอดหรอก”
บราลีหันมา มองสภาพรถ เซ็งสุด พอดีรถจ้าวซันมาถึง
“เด็กบ้า ทำไมห้าวระห่ำแบบนี้ ม่านฟ้า”
บราลีรีบโดดซ้อนรถจ้าวซัน
“เจ้าพี่ เร็วค่ะ อย่าให้พวกมันหนีไปได้”
จ้าวซันอึ้ง แล้วรีบออกรถไป เต๋อเป่าตามมาถึงพอดี รีบตามต่อไป แล้วพอตามทัน เต๋อเป่าก็เร่งแซงรถจ้าวซันไป เต๋อเป่าแล่นไปหน้าจ้าวซัน แล้วแว้นสุดความเร็ว
เต๋อเป่าขับตะบึงมา รถเกาเฟยแล่นอยู่ตรงหน้าหักเข้าไปในถนนซอยทะลุ เต๋อเป่ารีบตามไป เกาเฟยหันมามอง
“ไอ้เต๋อเป่า แส่...สะเออะไม่เจียมกะลาหัว”
เหม่ยอิงซัดระเบิดลงมาทันที ควันฟู่เต็มถนน รถเต๋อเป่าหลุดไปในกลุ่มควัน แล้วล้มลง รถเต๋อเป่าหมุนไปบนพื้นหลายตลบ ร่างและรถสไลด์พ้นจากกลุ่มควันออกมา เต๋อเป่านอนอยู่ มีรถทับขา เต๋อเป่าพยายามลุก แต่ขาหัก
“อ๊าก” เต๋อเป่านอนกุมขา “โอ๊ย...อ๊าก...”
เกาเฟย เหม่ยอิงยิ้ม ซิ่งรถจากไป
เกาเฟยและเหม่ยอิงกำลังขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านท่าเรือขนส่งสินค้า
“เรากำลังจะไปไหน”
“หนีไปที่เกาะเล็กๆ ทางใต้ แล้วหาทางหนีต่อไปจีน” ทันใดนั้นมอเตอร์ไซค์ของเกาเฟยเริ่มมีอาการกระตุก เหมือนน้ำมันจะหมด เกาเฟยลองเร่งเครื่องดู บิดไม่ขึ้น “ซวยแล้ว”
เหม่ยอิงหันมองด้านหลังว่ามีใครตามมาไหม
“เอาไงล่ะทีนี้”
“หาที่ซ่อนก่อน”
เกาเฟยรีบเลี้ยวเข้าข้างทางและตรงลงไปที่ท่าเรือขนสินค้าที่มีตู้คอนเทนเนอร์วางอยู่เรียงราย เหม่ยอิงหันไปมองข้างหลังด้วยความกังวล
บราลีซ้อนท้ายจ้าวซันมาตามทาง หันมองข้างหลังด้วยความเป็นห่วง
“เต๋อเป่าจะเป็นไรไหม”
“แค่รถล้มไปเฉยๆ ไม่ต้องเป็นห่วง เต๋อเป่ามันมีเก้าชีวิต กอดแน่นๆ นะ”
จ้าวซันบิดเร่งเครื่องต่อ บราลีกอดจ้าวซันแน่นขึ้น จ้าวซันขับมาทางท่าเรือขนสินค้าและกำลังขับเลยไป
เกาเฟยกำลังหาผ้าใบมาคลุมรถมอเตอร์ไซค์อยู่ เหม่ยอิงกอดถุงเครื่องเพชรไว้แอบซุ่มอยู่หลังตู้คอนเทนเนอร์ มองไปที่ถนน เหม่ยอิงเห็นจ้าวซันกำลังขับรถพ้นท่าเรือไป
“รอดแล้ว”
จ้าวซันที่ขับไปได้สักพักก็หยุดรถ แล้วรีบวกรถกลับทันที
“อ้าว...ทำไมล่ะ” บราลีถามอย่างแปลกใจ
“พี่ได้กลิ่นพวกมัน”
“พูดจริงๆ สิคะ”
จ้าวซันขับรถลงตรงไปทางท่าเรือ ทางเดียวกับที่เกาเฟยไป
“เห็นรอยรถมอเตอร์ไซค์ที่พื้นไหม ถ้าพี่ไม่พลาด เรากำลังตามมันมาถูกทาง”
บราลีก้มไปดูเห็นรอยล้อรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ๆ บนพื้นดินทรายที่หักเลี้ยวเข้ามาตามทาง เกาเฟยกับเหม่ยอิงที่ซุ่มดูอยู่
“หาที่ซ่อนเร็ว”
เกาเฟยและเหม่ยอิงหาที่ซ่อนตามตู้คอนเทนเนอร์ต่างๆ จ้าวซันกับบราลีจอด และลงจากรถ บราลีถือปืนกระชับตัว จ้าวซันควักปืนออกมาบ้าง ค่อยๆ เดินเข้าไป
“ระวังด้วยด้วย (นะ)”
บราลีกับจ้าวซันบอกออกมาพร้อมกัน ทั้งคู่หันมามองหน้ากัน ยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไปลึกขึ้น
เหม่ยอิงหลบอยู่หลังตู้คอนเทนเนอร์กับเกาเฟย ทั้งคู่คุยกันเบาๆ
“หลบทำไม เรามีระเบิดไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่จัดการมันไปเลยล่ะ”
เกาเฟยเอาเป้ออกมาดู
“เหลือแต่ระเบิดเวลา เอาไปทำอะไรไม่ได้ตอนนี้” เหม่ยอิงอารมณ์เสีย “อ้า คุณเอาปืนไปป้องกันตัวกระบอกนึง”
“แล้วนายล่ะ”
“ผมมีอีกเพียบ”
เหม่ยอิงยื่นมือรับปืนจากเกาเฟยมาเหน็บที่กางเกง
“ห้ามแกยิงจ้าวซันล่ะ ถ้าจะยิง ฉันยิงเอง” เกาเฟยซีด
จ้าวซัน บราลีแยกกัน ค่อยๆ ย่องหลบไปตามตู้ต่างๆ แล้วโผล่ออกมาพร้อมตั้งท่าเตรียมยิง ไม่เจอใคร เกาเฟยพาเหม่ยอิงไปหลบไปหลบมา จ้าวซันไปเจอผ้าใบที่คลุมรถมอเตอร์ไซค์อยู่ กระชากเปิดดู
“เรามาถูกทางแล้ว”
“เป็นไปตามที่คาด” จ้าวซันรีบเหลียวมองรอบตัว “แต่เราอาจตกเป็นเป้านิ่งอยู่ตอนนี้”
“พวกมันมีระเบิด”
บราลีกระซิบบอก จ้าวซันพยักหน้า แล้วพาบราลีไปซ่อนหลังตู้คอนเทนเนอร์อีกอัน
“ตามผู้กองเหลียงก่อน” จ้าวซันหยิบโทรศัพท์ออกมา กดไลน์ แล้วชะงัก สัญญาณบอกว่าไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ “โทรศัพท์พี่ไม่มีสัญญาณเลย ของน้องล่ะ”
บราลีอึ้งไปนิด
“ไม่ได้เอามาค่ะ”
จ้าวซัน พยายามส่ายโทรศัพท์ ล่อหาคลื่นไปมา แต่ไม่มี ทั้งสองต่างซุ่มนิ่งในความเงียบนานพอควร บราลีตัดสินใจ
“เราควรจะต้องรอไปอีกนานแค่ไหนคะ เอางี้...น้องจะล่อมันออกมา ให้พี่ยิงนะคะ” บราลีก้าวออกไป ก่อนจ้าวซันจับทัน แล้วบราลีก็ตะโกนออกมา “จ้าวเหม่ยอิง ฉันรู้ว่าคุณอยู่แถวนี้ ออกมาซะเถอะ อย่าทำให้เรื่องมันแย่ไปกว่านี้เลย”
เงียบ...จ้าวซันรอๆ แล้วรีบออกไป ดึงตัวบราลีมา ส่ายหน้าว่าไม่ต้องพูด
“แบบนี้เสี่ยงเกินไป” จ้าวซันบอกแต่บราลีไม่สนใจ
“เหม่ยอิง ไหนคุณบอกว่าจะไม่ไปยุ่งกับพวกไอ้เกาเฟยแล้วยังไง” เกาเฟยมองหน้าเหม่ยอิง “คุณบอกตำรวจว่ามันเป็นโจรที่มาหลอกเอาเงินคุณไม่ใช่เหรอ ผู้กองเหลียงสัญญากับคุณแล้วว่าจะกันคุณเป็นพยาน ให้เกาเฟยรับผิดคนเดียวไง”
จ้าวซันรีบเอามือปิดปากบราลีให้หยุดพูด และส่งสายตาห้ามปรามอย่างจริงจัง เกาเฟยมองหน้าเหม่ยอิงอยู่ แววตาเสียใจเล็กน้อย
“อย่าไปเชื่อมัน ฉันไม่เคยพูดอะไรแบบนั้น”
เหม่ยอิงออกจากที่ซ่อน เกาเฟยงง
“ออกไปจัดการมันได้แล้ว ฉันเบื่อการตั้งรับนี่เต็มทน”
หลังตู้คอนเทนเนอร์ชั้นบน เหม่ยอิงเข้ามาซุ่มอยู่ คอยเตรียมยิงบราลี บราลีอยู่ในศูนย์ยิงในระยะไกลเหม่ยอิงเหนี่ยวไก จ้าวซันเดินเข้ามาพอดี บังบราลีอยู่
“อย่า มันไกลเกินวิถีกระสุนไป ต้องเข้าไปใกล้กว่านี้” เกาเฟยบอก
“ไม่ได้...พวกมันรู้ตัวแน่”
เหม่ยอิงคิดหนัก มองถุงใส่เครื่องเพชรในมือแล้วคิดได้
“ฉันมีวิธีแล้ว มันนึกว่ามันฉลาดนักเหรอ นังบรี ความแส่ของมัน จะทำให้มันถึงจุดจบ โดยเราจะไม่เปลืองกระสุนเลย”
“ยังไง”
เหม่ยอิงมองหน้า นิ่งไปสักพักค่อยตอบ
“การใช้กำลัง มันเป็นวิธีของคนไร้สมอง แกคอยดู”
เหม่ยอิงเอากล่องเพชรออกมาจากถุง เปิดออก เอาสร้อยเพชรออกมาใส่คอ
“คุณหนูจะทำอะไร”
เหม่ยอิงเอาเครื่องเพชรอื่นๆ ใส่กระเป๋ากางเกงไว้ เหม่ยอิงโดดลงไป เดินหาตู้คอนเทนเนอร์ที่เปิดอ้าแล้วเช็คดูที่ปิด แล้วเดินเข้าไปเอากล่องเปล่าเข้าไปวางชิดขอบด้านหนึ่งภายในตู้คอนเทนเนอร์
“เรียบร้อย”
เกาเฟยมอง งงๆ
จ้าวซันกับบราลีช่วยกันระแวดระวัง เดินหันหลังชนกัน ย่องตามหาเกาเฟยและเหม่ยอิง
“น่าแปลก”
“จริงด้วย ถ้ามันมีระเบิดทำไมมันไม่ลงมือก่อน หรือไม่ก็ทำอะไรสักอย่าง”
“หรือว่ามันไปแล้ว” จ้าวซันพูดยังไม่ทันจบ ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าวิ่งไป จ้าวซันหันไป“ทางนั้น ตามมา” จ้าวซันบอกบราลี เกาเฟยวิ่งผ่านไปแว้บ “ไอ้เกาเฟย”
จ้าวซันรีบนำบราลีวิ่งไปทางตู้คอนเทนเนอร์ที่เหม่ยอิงเอากล่องเครื่องเพชรไปซ่อน จ้าวซันและบราลีเดินอ้อมตู้คอนเทนเนอร์ไปอย่างระมัดระวัง เหม่ยอิงวิ่งปรู๊ด ผ่านไป
“เหม่ยอิง ทางนั้นค่ะ”
จ้าวซันจุ๊ปาก ทำสัญญาณให้บราลีไปทางนั้น แล้วตนจะไปดักอีกทาง บราลีพยักหน้า กระชับปืน ทั้งสองแยกกัน เพื่อจะอ้อมหาตามรอบๆ ตู้คอนเทนเนอร์นั้น บราลีไปซ้าย จ้าวซันไปขวา
บราลีย่องไป สอดส่ายสายตามอง ไม่เห็นใคร ค่อยๆ ลัดเลาะไป จ้าวซันมองรอบๆ ส่องไปตามร่อง ช่องระหว่างแถวตู้คอนเทนเน่อร์ที่เรียงราย พลันเห็นเกาเฟยวิ่งเลี้ยวไป จ้าวซันตาม
บราลี จ้าวซันอ้อมมาเจอกันที่ด้านหน้าของตู้ ทั้งสองมองหน้ากันส่ายหน้ากัน ทันใดนั้นมีเสียงประตูตู้คอนเทนเนอร์เปิดปิดครืดคราด ปึงปัง ทั้งสองรีบไป ประตูตู้คอนเทนเนอร์อันนึง เปิดแง้มและแกว่งๆ อยู่เห็นๆ บราลี จ้าวซันมองหน้ากัน ทั้งสองมองไปที่ประตูที่แกว่งๆ แล้วพยักหน้าให้กัน
บราลีรีบย่องไปข้างๆ แล้วรีบตรงไปที่ประตูบานนั้น กระชากเปิดประตูกว้างออกอย่างรวดเร็ว จ้าวซันวิ่งมาหน้าประตู ถือปืนเล็งไปด้านใน ประตูเปิด แสงสว่างลอดเข้าไป มองไม่เห็นใคร บราลีก้าวเข้าไป มองจนทั่ว เห็นกล่องเครื่องเพชรวางอยู่
“กล่องเครื่องเพชร”
“แล้วตัวคนล่ะ”
“เอามาซ่อนเหรอ”
จ้าวซันตามเข้ามา
“หรือว่าเขาเปลี่ยนใจจะคืนเครื่องเพชรพวกนี้” จ้าวซันเดินไปหยิบยกขึ้นมา รู้สึกเบาเป็นพิเศษ หน้าตาตื่นมองหน้าบราลี “กล่องเปล่า”
ทั้งสองมองหน้ากัน แล้วหันไปที่ประตู ทันใดนั้นก็ประตูตู้คอนเทนเนอร์ปิดดังปัง เกาเฟยและเหม่ยอิงอยู่ด้านนอก รีบล็อกประตูตู้คอนเทนเนอร์ทันทีเกาเฟยหัวเราะสะใจ จ้าวซันและบราลีต่างช่วยกันทุบและส่งเสียงร้องแต่เบามากจนแทบไม่ได้ยิน
“ปล่อยฉันออกไปๆ ปล่อย”
“เหม่ยอิง เปิดเดี๋ยวนี้”
เกาเฟยมองหน้าเหม่ยอิง ยิ้มเหี้ยม
จบตอนที่ 21
อ่านต่อตอนที่ 22 พรุ่งนี้ เวลา 17.00น.