โผล่อีก 2 แห่งเปิดสอนอ้างชื่อมหา’ลัยต่างประเทศโดย สกอ.ไม่ได้อนุญาต ด้าน “กำจร” ขอเวลาตรวจสอบ พร้อมเร่งพัฒนาเครื่องมือตรวจสอบที่แม่นยำขึ้น รับจุดอ่อนคือขาดข้อมูลแบบเรียลไทม์
วันนี้ (29 ก.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (รองเลขาธิการ กกอ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการปราบปรามวุฒิเถื่อน ว่า หลังจากที่ สกอ.ดำเนินการกับการแอบอ้างจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัยต่างประเทศที่มาเปิดสอนในไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต และการปลอมแปลงวุฒิเถื่อนนั้น ขณะนี้ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีสถาบันที่จัดการศึกษาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสกอ.อีก 2 แห่ง ซึ่งเข้าข่ายแอบอ้างชื่อมหาวิทยาลัยต่างประเทศ โดย สกอ.กำลังตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อน เพราะอาจเป็นการกลั่นแกล้งกันเกิดขึ้น แต่สิ่งที่ตรวจสอบยากที่สุด คือการหาหลักฐาน เพราะผู้แอบอ้างมักจะเข้าไปลบข้อมูลได้ ทั้งนี้ ส่วนใหญ่การแอบอ้างจัดการศึกษาโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นจะผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เป็นการหลอกลวงและโฆษณาเกินจริง อย่างไรก็ตาม สกอ.กำลังหามาตรการต่างๆ มาควบคุม หากผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ และรู้ว่าตัวเองผิดพลาดก็ให้รีบไปติดต่อยังหน่วยงานที่ตัวเองสมัครงานไว้ เพื่อขอเงินคืนและให้มาติดต่อยังสกอ.เพื่อจะได้แจ้งความดำเนินคดีให้
“หลังจากนี้สกอ.จะเชิญผู้ที่ดำเนินการอีก 2 แห่ง มารับทราบข้อกล่าวหา อย่างมหาวิทยาลัยอดัมสัน สหรัฐอมริกา ก็มาโดยสมัครใจ ทาง สกอ.จึงขอให้ยุติการดำเนินการ ซึ่งมหาวิทยาลัยก็ปฏิบัติตาม ที่ผ่านมาขบวนการลักษณะนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้น เพราะคนไทยยังติดคำว่าปริญญานิยม และมีคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์จำนวนมาก คิดว่าหลังจากเปิดศูนย์ปราบปรามวุฒิเถื่อนแล้ว ขบวนการนี้จะลดลง แต่ตราบใดที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ดำเนินการเด็ดขาด ก็เชื่อว่าคนกลุ่มนี้ก็ยังอยู่ ตอนนี้การหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตมีเยอะขึ้น วุฒิปลอมก็เป็นเรื่องของการสมยอม เมื่อได้ของเก๊มา ก็ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร เพราะไปซื้อของมิจฉาชีพมาใบปริญญาก็แค่ใบผ่านทาง ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร แต่ถ้าได้ความรู้ก็ยังติดตัวเราไปตลอด” รองเลขาธิการ กกอ.กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม สกอ.จะพัฒนากระบวนการตรวจสอบให้แม่นยำมากขึ้น เพราะวันนี้การตรวจสอบจาก สกอ.ยัง ขาดข้อมูลแบบเรียลไทม์อยู่ ส่วนกรณีโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ที่แอบอ้างว่าจัดการเรียนการสอนระดับปริญญาตรี และปริญญาโทนั้น สกอ.กำลังหาข้อเท็จจริงอยู่ ซึ่งต้องให้โอกาสเขา เพราะอาจจะไม่รู้เรื่องก็ได้ แต่ถ้ายังจะดำเนินการต่อก็คงจะต้องว่ากล่าวตักเตือน และแจ้งความดำเนินคดี