xs
xsm
sm
md
lg

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 13

ขณะเดียวกันนั้น รูปถ่ายธาริศกับรัญธิดากอดกัน ซึ่งปริ้นท์มาจากมือถือถูกแปะลงบนบอร์ดในโรงอาหารรีสอร์ตด้วยฝีมือของเฉิดโฉม

“เจ้าข้าเอ๊ย เข้ามาเร็วๆ ใครที่ยังไม่เคยดูภาพเด็ด ที่นี่ที่เดียว...รูปของนางวันทองสองใจ คบพี่ชายอยู่แล้วยังแอบเป็นชู้กับน้องชายอีก”
ในโรงอาหารคนยังไม่เยอะ ประทินตกใจลุกพรวดไปก่อนใครๆ จะลุก ดึงรูปออก
“นี่มันอะไรคุณประทิน”
“ชั้นคงจะถามเธอต่างหากว่านี่มันอะไร เธอทำเกินไปแล้วนะ”
เฉิดโฉมพยายามแย่งรูปกับประทิน คนเริ่มเข้ามามุงดู ที่โต๊ะอาหารอีกมุมชูกับฝนทำหน้าตกใจอยู่
“นั้นไง พี่ฝน ฟังซิ เฮ้ย ตกลงมันเรื่องจริงใช่มั้ยที่เราเห็นเมื่อวันก่อน”
“ตอนนี้จริง-ไม่จริง ไม่รู้หรอก แต่ว่าที่เฉิดโฉมทำแบบนี้ ไม่ดีแน่ๆ ต่อทุกคน คุณธาริศ รัญ คุณพีท คุณอร โดยเฉพาะ แม่นาย งานแต่งงานครั้งนี้ มันสำคัญมากกับชีวิตแม่นาย เพราะฉะนั้นมันจะล้มไม่ได้” ฝนว่า
ชูพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับฝน วิ่งจู๊ดไปแย่งรูปมาจากมือประทิน แล้วฉีกทันที เฉิดโฉมกรี๊ด
“แอร๊ย...ไอ้พวกบ้า โง่จริงๆ ถึงจะฉีกรูปนั้น ชั้นก็ปริ้นท์มาใหม่ได้ เพราะรูปมันอยู่ในมือถือชั้นนี่ย่ะ” เฉิดโฉมชูให้ดู
ประทิน ชู และฝนตกใจ เฉิดโฉมยิ้มยั่วๆ แล้วกดปลดล็อคเปิดรูปให้ดู ผู้คนฮือกันเจ้ามาประทิน ฝน ชู กันทุกคนไม่ให้เข้าใกล้
“รูปตัดต่อหรือเปล่า เดี๋ยวนี้ทำกันง่ายจะตาย...เธอจะเดือนร้อนนะเฉิด” ประทินบอก
“ตัดต่ออะไรกันคะ คนอย่างเฉิดน่ะทำเรื่องยากๆ แบบนั้นไม่เป็นหรอกค่ะ” เฉิดแมหลุดปาก
เชอรี่ตาเหลือก “เฉิด”
เฉิดโฉมได้สติ ปิดปากตัวเองไว้
ชูตะโกนเสียงดัง “คุณพีทมา”
ทุกคนหันไปมองรวมทั้งเฉิดโฉม ชูได้โอกาสแย่งมือถือจากเฉิดโฉมมาอย่างว่องไว เฉิดโฉมรู้ตัวว่าโดนหลอก
“ไอ้ชู...เอาโทรศัพท์ชั้นคืนมานะ”
เฉิดโฉมเข้ามาแย่งเชอรี่ช่วย ประทินดึงไปจากมือชู เฉิดโฉมถลามาหาประทิน แต่ประทินโยนให้ฝนทันที

ฝนรีบร้อนลบรูปภาพอย่างไว

ชูกะประทิน 2 คนดึงและกัน เฉิดโฉมกะเชอรี่ไว้แต่ไม่สำเร็จ เฉิดโฉมสะบัดจนหลุด พุ่งเข้าชาร์จฝนแย่งกันจนโทรศัพท์ร่วงลงที่พื้น กระเด็นไปหยุดตรงเท้ารุจรวีที่เดินเข้ามากับแพท รุจรวีหยิบขึ้นมา

“นี่มันอะไรกัน...คุณประทิน”
เฉิดโฉมวิ่งไปหา “คุณมาก็ดีแล้ว ดูให้เต็มตาเลยซิคะ ว่าคุณธาริศ กับยายรัญธิดามันแอบนัดไปพลอดรักกัน สวมเขาให้คุณพีทตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน”
ทุกคนตกใจ แพทตะลึง เฉิดโฉมแสยะหน้าใส่แพทเป็นทำนองเสร็จกรูละมึง รุจรวีกดดู แล้วเงยหน้า
“ไม่เห็นมีรูปอะไร มีแต่รูปเธอใส่ชุดว่ายน้ำ”
เฉิดโฉมตกใจทุกคนถอนใจโล่งอกเป็นแถว เฉิดโฉมวิ่งไปเอาโทรศัพท์มากดหา ไม่มีรูปเหลืออยู่ นอกจากรูปส่วนตัวของนางคนเดียว
เฉิดโฉมหันไปทางฝน “แก..พวกแกลบรูปไปแล้วเหรอ”
“อ้าวๆ อย่ามาก้าวหากันซิ ชูจ๋าช่วยพี่ด้วย” ฝนหันมาทางรุ่นน้อง
ชูทำแมน ออกมาปกป้อง “ใครทำอะไรพี่ฝน ข้ามศพไอ้ชูไปก่อน”
“หยุดได้แล้วทุกคน” รุจรวีบอกเฉิดโฉม “ถ้าเธอขืนเอาเรื่องไร้สาระแบบนี้มาพูดอีกล่ะก็ ชั้นจะบอกให้ตาพีทไล่เธอออก” จากนั้นจึงหันมาทางประทิน “คุณประทิน พี่กันต์เรียกให้ไปพบ”
“ครับคุณ”
ประทินเดินออกไป รุจรวีทำท่าจะตามไป เฉิดโฉมไม่ยอม
“เฉิดพูดเรื่องจริงนะคะ ไม่เชื่อถามคุณทักษอรได้ คุณอรมีรูป”
รุจรวีตวาด “ชั้นบอกให้หุบปากไง...คนอย่างลูกสะใภ้ชั้น เค้าไม่มีวันอยู่เฉยแน่ถ้าเค้ามีรูปที่ว่านั้น เธอนี่มันเพ้อเจ้อจริงๆ”
รุจรวีเดินออกไป เฉิดโฉมจ๋อย ชูกับฝนทำหน้าเยาะเย้ย แพทครุ่นคิด หรือว่ามันจะจริง?

ด้านรัญธิดาลองรองเท้าอยู่หน้ากระจก มีพนักงานคอยดูแล
“คู่นี้แบบสวยรัญชอบ เสียแต่ส้นสูงเกินไปหน่อย แบบนี้ถ้าเดินในงานคงเมื่อยแย่”
ที่ด้านหน้าทักษอรมองรัญธิดาอย่างโกรธแค้น เย็นชา
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวหนูไปหาแบบที่ส้นเตี้ยกว่านี้มาให้นะคะ”
พนักงานรีบเดินออกไป รัญธิดาลองเดินไปมา แล้วมองดูในกระจกอยู่
ทักษอรมองรอบตัว เห็นว่าแถวนั้นค่อนข้างสงบ ลับตาคน จึงลุกขึ้นเดินมาใกล้รัญธิดา
“สวยดีนะคะ”
“ค่ะ...แต่ส้นสูงขนาดนี้ เดินยากค่ะ รัญกลัวว่าถ้าขาพลิกหน่อยล่ะก็คงแย่เลย”
รัญธิดาเดินไปมาอีก ทักษอรทำหน้าเหี้ยมมองรอบตัวเห็นไม่มีใครแน่ พอรัญธิดาเดินผ่านหน้าก็ยื่นขาออกไปขัดดื้อๆ รัญธิดาไม่ทันระวังตัว สะดุดเต็มแรงแล้วถลาล้มลงชนชั้นรองเท้า รองเท้าหล่นลงมาทั้งชั้น

บรรดาลูกค้าและพนักงานในร้าน ร้องกันกรี๊ดลั่นร้าน

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 13 (ต่อ)

พีทเปิดประตูร้านเข้ามาเห็นพอดี

“รัญ!” พีทถลามาหา “รัญเป็นยังไงบ้าง”
รัญธิดางงๆ เงยหน้ามองทักษอร ซึ่งทำหน้าซื่อ วิ่งมาคุกเข่าใกล้ๆ
“เป็นยังไงบ้างคะคุญรัญ..บอกแล้วว่ารองเท้ามันสูง..แย่เลยนะคะ”
รัญธิดางงกับท่าทีของทักษอร แต่เท้าก็เจ็บ มองรอบตัว ผู้คนมุงกันซุบซิบเป็นทำนองว่าอีนี่ซุ่มซ่ามจริง
พีทประคองรัญธิดาออกไป ทักษอรยิ้มนิดๆ ตอนไม่มีใครเห็น

ขณะเดียวกันที่มุมหนึ่งในรีสอร์ต แพทหน้าตาจริงจังคุยกับธาริศ
“ต้องขอโทษจริงๆ นะคะคุณธาริศที่ต้องรบกวนคุณออกมา...แต่ชั้นมีเรื่องร้อนใจอยากจะถามคุณจริงๆ...เรื่อง...ยายรัญ”
ธาริศหลบตา ลุกเดินไปยืนถอนใจ แพทมองอย่างจับพิรุธ”
“ความจริงชั้นก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของคุณ...ถ้ามันไม่ได้มายุ่งกับรัญธิดา หลานของชั้น”
ธาริศยังนิ่งอยู่ แพทไปยืนใกล้
“คุณเคยรู้จักกับยายรัญมาก่อนหน้านี้ใช่มั้ยคะ”
ธาริศค่อยๆ หันกลับมา หน้าตาตัดสินใจเด็ดเดี่ยว
“ถูกต้องแล้วครับ...ผมเคยคบหากับรัญธิดา...เมื่อหลายปีที่แล้ว”
แพทฉงน “คบหา...หมายถึง”
“ผมกับรัญธิดา..เรารักกันครับ”
แพทอึ้งในคำสภาพที่ตรงไปตรงมา
“แต่ด้วยความจำเป็นบางอย่าง ทำให้ผมต้องแต่งงานกับทักษอร และผมกับรัญก็ไม่ได้พบกันอีกเลย..ทีแรกผมก็พยายามจะตามหารัญ..แต่แล้วผมก็รู่ว่ามันไม่มีประโยชน์ เพราะเราได้พบกันอีก ผมก็คงทำใจให้เป็นสามีทีดีของอรไม่ได้ จนกระทั่งวันนึง..ที่ผมได้เจอกับรัญ... ในฐานะคู่หมั้นของพี่ชายของผม”
“ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้คุณทั้งสองคนไม่ควรจะรู้สึกอะไรต่อกันอีก แล้วเมื่อวานคุณไปพบกันทำไม”

หน้าตาธาริศเศร้าลง “ไปเพื่อที่จะบอกลากันยังไงล่ะครับ...ไปเพื่อจะอวยพรให้ต่างคนต่างโชคดีกับชีวิตคู่ของตัวเอง...เราไม่ได้ทำผิดไม่ใช่เหรอครับ”
แพทรู้สึกเห็นใจ แต่ก็ต้องดุ
“แต่ถึงยังไงมันก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี ถ้าคุณทักษอรหรือคุณพีทรู้เข้ามันจะไม่เหมาะ”
ธาริศถอนใจ “ถ้าสักวัน คุณแพทเกิดรักใครคนนึงเข้า ในเวลาที่มันสายเกินไปแล้ว คุณแพทจะเข้าใจผม”
ธาริศเดินห่างออกไป แพทถึงกับอึ้งในคำพูดของธาริศ

ด้านรัญธิดาลงมาจากรถมีพีทประคับประคองลงมา รัญธิดากระเผลกเล็กน้อย ทักษอรตามลงมายิ้มเยาะนิดๆ
แพทที่พึ่งเดินมาถึง เห็นสภาพตกใจ วิ่งเข้ามาหา
“รัญ เป็นอะไร ทำไมถึงต้องประคองกัน”
“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ น้าแพท”
“อุบัติเหตุ...เกิดอะไรขึ้น” แพทตกใจ ถามรัวเร็ว
“คุณรัญเดินสะดุดส้นสูง...หกล้มกลางห้าง จนขาแพลงน่ะสิคะ” ทักษอรชิงตอบ
“ตายจริง! อีกไม่กี่วันจะถึงวันงานอยู่แล้วด้วยซิ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะน้าแพท แค่เจ็บนิดหน่อยพรุ่งนี้ก็หาย”
“ไม่ต้องห่วงครับ คุณน้า ถ้าเจ้าสาวผมเดินไม่ไหวผมก็ประคองกับแขกแบบนี้ แขกเหรื่อคงจะชอบใจว่ารักกันดี”
พีทแกล้งกอดและกระซิบรัญธิดา โดยหวังว่าแพทจะด่าทอ แต่แพทกลับหลบตา มองไปทางอื่น
“รัญไม่ได้เป็นอะไรมาก ปล่อยรัญเดินเถอะค่ะ คุณพีท อายเค้า”
พีทเลยปล่อยรัญธิดาแต่โดยดี
“รัญแน่ใจนะว่าไม่ให้ผมไปส่งที่ห้องเลย จะได้พัก”
“ไม่เป็นไรค่ะ รัญมีงานต้องเคลียร์วันนี้ก่อน”
“ถ้างั้น เดี๋ยวเย็นนี้ผมจะไปส่งครับ”
รัญธิดาพยักหน้ารับ พีทประคองรัญธิดาเดินเข้าไปในออฟฟิศ แพทเผลอมองตาม
“หลานสาวเธอนี่จริตเยอะดีนะ มิน่ะ..ผู้ชายถึงได้หลงกันหัวปักหัวปำ”
พูดแดกดันจบ ทักษอรก็เดินเชิดไปเลย

แพทมองตาม รู้ทันทีว่าทักษอรรู้เรื่องรัญธิดากับธาริศแล้ว

ด้านประทินเข็นรถพากันตาออกมาจากร้านเพชร อาการของมะเร็งกินมาถึงปอดแล้ว กันตาจึงอ่อนแรงลงมาก หายใจไม่ค่อยได้เต็มปอด ทำอะไรก็เหนื่อยหอบง่าย

“อย่าพึ่งบอกตาพีทกับหนูรัญนะ ว่าฉันจะซื้อสร้อยเพชรรับขวัญ ฉันอยากเก็บเป็นเซอร์ไพร้ส์ให้หนูรัญในวันงาน” กันตากำชับ
“โอ้โห้ ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะปิดปากเงียบแน่นอน เพราะถ้าคุณพีทรู้ว่าผมยอมให้แม่นายออกมาช็อปปิ้งแบบนี้ผมหัวขาดแน่”
“หนีที่ไหน แค่ออกมาแป๊บเดี๋ยว ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า”
ประทินเข็นรถกันตาผ่านบริเวณที่มีร้านขายน้ำ
“ประทิน...ชั้นคอแห้งจังเลย อยากได้ผลไม้น้ำสักแก้ว”
“งั้นแม่นายรอก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปซื้อมาให้
ประทินจอดรถเข็นของกันตาเอาไว้ แล้วเดินไปทางร้าน
กันตานั่งรออยู่ บนตักมีกระเป๋าถือ โดยไม่ทันสังเกตว่าที่ด้านหน้า มีชายคนหนึ่ง มองกันตาและกระเป๋าบนตักอย่างมาดหมาย

ขณะเดียวกันทิพปภาเดินดูของอย่างสบายใจ อยู่มุมหนึ่งในห้าง โดยไม่ยอมซื้ออะไร สีหน้าเบิกบานในอิสรภาพนอกคุกมากๆ
จังหวะนั้นเองชายคนร้ายโผล่ออกมาแล้ววิ่งไปฉกกระเป๋าของกันตาไป
“ว้าย!! อะไรกันนี่”
ประทินหันกลับมาพอดี ตกใจ รีบวิ่งตาม
ขโมยวิ่งถือกระเป๋าของกันตาไปตามทาง ประทินวิ่งตามร้องให้คนช่วย
“ขโมย ขโมย จับไว้ที”
รปภ.ยืนแถวๆ นั้น วิ่งตามไปด้วย
ทิพปภาได้ยินเสียงประทิน
“ขโมย....ขโมย...ขโมย”
ทิพปภามองไปเห็นโจรวิ่งมาทางตัวเอง ผู้คนแถวนั้นยืนนิ่งหน้าตาตื่น ทิพปภาเห็นรถเข็นของซูเปอร์มาร์เก็ตที่คนข้างๆ เข็นอยู่ จึงตัดสินใจแย่งรถเข็นผลักพุ่งเขาชนเต็มๆ วายร้ายหกล้มกลิ้งโค่โล่ ข้าวของระเนระนาด รปภ.วิ่งมาทัน และจับขโมยเอาไว้ได้ ประทินตามมาหอบแฮ่กๆ แล้วมองหน้าทิพปภางงๆ
ทุกคนในที่นั้นต่างมองหน้าทิพปภาด้วยสายตาชื่นชม อย่างกับฮีโร่สาว 
 

เวลาต่อมากันตาเอนตัวลงนอน มีพยาบาลนอกเครื่องแบบ ที่มาอยู่ดูแลตามบ้าน ช่วยประคับประคอง แล้วออกไปเอาผ้าเช็ดตัว

“ขอบใจนะ ที่ช่วยจับขโมยให้ชั้น”
ทิพปภาสำรวจรอบๆ ตัว อย่างตื่นตาตื่นใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ใครถูกรังแกเราก็ไม่ควรจะนิ่งดูดายจริงมั้ยคะ...ว่าแต่” เหลียวมองรอบตัว “คุณนายเป็นเจ้าของที่นี่เหรอจ๊ะ”
กันตาหัวเราะขำคำพูดซื่อๆ “เมื่อก่อนน่ะใช่จ๊ะ แต่เดี๋ยวนี้รีสอร์ตนี้มันเป็นของลูกชายของชั้น ชั้นเป็นแค่คนมาอาศัยเค้า...”
ทิพปภาฉุกคิด “ลูกชายคุณนาย! ...ถ้างั้น” นึกได้ว่าคนนี้ต้องเป็นแม่พีท “ทำไมลูกชายเค้าไม่ห้ามล่ะค่ะ อันที่จริง คุณนายป่วยขนาดนี้ไม่น่าออกไปตามห้างเลย ที่คนเยอะๆ แบบนั้นมันไม่ดีกับคนป่วยหรอก”
“ลูกชายคนเดียวกำลังจะแต่งงาน จะให้ฉันอยู่เฉยๆ ได้ยังไง” กันตาบอก
“นั้นซินะ หัวอกคนเป็นแม่ก็แบบนี้ล่ะ ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ถ้าเพื่อลูกละก้อเราทำได้เสมอ”
“เธอพูดแบบนี้แสดงว่ามีลูกเหมือนกัน”
ทิพปภาหน้าเศร้าลง “ลูกสาวค่ะ...เพื่อเค้า ฉันทำได้ทุกอย่าง...ฉันรักเค้าหมดใจเหมือนกัน”
“แล้วตอนนี้ลูกอยู่ไหนล่ะ”
“อยู่...เอ่อ...บ้านนอกนะค่ะ” พยาบาลเอาอ่างน้ำสำหรับเช็ดตัวเข้ามา ทิพปภาเปลี่ยนเสียง “มาค่ะ... ให้ฉันช่วยเช็ดตัวให้คุณดีกว่า จะได้สบายตัวขึ้น”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวให้พยาบาลเค้าทำก็ได้” กันตาเกรงใจ
“แค่นี้เอง ไม่ได้หนักหนาอะไร เว้นแต่คุณจะรังเกียจ”
“ฉันจะรังเกียจเธอทำไมทิพ ขอบใจมากนะ”
ทิพปภาช่วยเช็ดตัวให้กันตาอย่างเรียบร้อยนุ่มนวล สองคนท่าทางถูกชะตากันมาก

รัญธิดาขากระเผลกนิดๆ กำลังมองห้องที่จัดเตรียมสำหรับงานเลี้ยงอย่างพอใจ
“เรียบร้อยดีมากจ๊ะสุ แขกคงจะชอบ...แต่รัญอยากขอเพิ่มแจกันสูงอย่างนี้อันนึงนะคะ แล้วก็แจกันขนาดกลางตรงนี้อันนึง...มันจะได้สดชื่นกว่านี้”
พนักงานทั้งสองคนรับคำ อย่างแจ่มใสก่อนจะเดินไป
รัญธิดาเดินเขยกไปดูแจกันอีกมุมหนึ่งที่จัดไม่เรียบร้อยนัก ปักดอกไม้ให้เข้าที่
ส่วนด้านหลัง ทักษอรเดินเข้ามาเงียบๆ กระชากมือรัญธิดาเต็มแรง จนแจกันล้ม รัญธิดาตกใจ
“คุณอร! ทำอะไรคะเนี่ย” พยายามดึงมือกลับ
ทักษอรหน้าเหี้ยมมาก ไม่ยอมปล่อยมือรัญธิดา และเอามาเทียบกับมือในรูปถ่ายที่ธาริศเก็บไว้
“มือเธอใช่มั้ย ในรูปนี้!”
รัญธิดาตะลึงตกใจมาก พูดไม่ออก ทักษอรรู้ทันทีว่านั่นเป็นการยอมรับ
“ที่แรกชั้นก็นึกว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา แรดๆ คนนึงที่มาอ่อยสามีชั้นเฉยๆ แต่ที่แท้...เธอก็เป็นนังคนนั้น!”
“รัญ...รัญ...คือ...” รัญธิดาพยายามจะอธิบาย “รัญไม่ได้”
ทักษอรไม่ฟัง ตบฉาดใหญ่ เต็มแรงที่ใบหน้า จนรัญธิดาหน้าหันร่างกระเด็นไป
ทักษอรหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดรูปที่เฉิดโฉมส่งมา ให้รัญธิดาดู เป็นรูปที่ธาริศกอดรัญธิดาที่สวนสาธารณะ นั่นเอง
“ไม่ต้องพยายามแก้ตัว รูปนี้มันหมายความว่าไง”
รัญธิดามองรูปในมือถืออย่างตื่นตะลึง...แล้วค่อยๆ รวบรวมสติ ค่อยๆ นิ่งลง ก่อนตัดสินใจพูด
“คุณอรเข้าใจถูกแล้วค่ะ...เราสองคนคบกันมานานแล้ว ก่อนที่คุณธาริศจะแต่งงานกับคุณอร”
ทักษอรตะลึงกับคำสารภาพง่ายๆ ของรัญธิดา ก่อนจะร้องกรี๊ดแล้วเข้าทุบตีรัญธิดาอย่างบ้าคลั่งเหมือนเด็กถูกขัดใจ รัญธิดาไม่ตอบโต้ ได้แต่ปัดป้อง
ที่ด้านหน้า พนักงานทั้ง 2 คน ถือแจกันดอกไม้เข้ามาเห็นภาพถึงกับตะลึงตาเหลือก

มองภาพทักษอรทุบตีรัญธิดาแล้วมองหน้ากันอึ้งๆ ก่อนจะค่อยๆ หลบออกไปอย่างทำอะไรไม่ถูก

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 13 (ต่อ)

ส่วนทักษอรโถมตัวเข้าหารัญธิดาอีก คราวนี้รัญธิดาจับมือทักษอรไว้ทั้ง 2 ข้าง ให้ตัวทักษอรอยู่ห่างตัวเอง

“แต่ทุกๆ อย่าง มันจบลงไปแล้วนะคะ รูปที่คุณเห็นเป็นแค่การกอดแบบเพื่อนเพื่อลาจากกัน”
ทักษอรสะบัดตัวออก
“กอดกับแบบเพื่อน!..เพื่อนบ้านเธอน่ะสิ กอดกันแบบนี้...ไปหลอกเด็กเถอะไป๊”
“แต่มันเป็นความจริงนะคะ คุณธาริศเค้ารักคุณ แล้วรัญเองก็กำลังจะแต่งงานกับคุณพีท แล้วรัญจะทำลายอนาคตของตัวเองทำไมล่ะคะ”
ทักษอรชะงักไปนิดหนึ่ง ตั้งแต่ได้ยินคำว่าธาริศรักตน
“อย่ามาโกหก ชั้นไม่เชื่อ”
“เมื่อวานเป็นวันครบรอบแต่งงานของคุณใช่มั้ยล่ะคะ..คุณธาริศเค้าบอกรัญ...ว่าเค้าต้องกลับไปทานข้าวกับคุณ”
ทักษอรเริ่มเชื่อนิดๆ ท่าทีสงบลง แต่ยังไม่วายพลุ่งพล่าน มองสำรวจรัญธิดาอย่างหาความจริง
“ก็ได้...” กระชากมือรัญธิดามาชูชึ้น “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เธอก็ไม่มีสิทธิ์ใส่แหวนวงนี้อีก”
ทักษอรจ้องหน้ารัญธิดานิ่ง รัญธิดาหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจกอดแหวนออกมาให้ ทักษอรกำไว้อย่างมีชัยชนะยิ้มออกมา
“ชั้นจะพยายามเชื่อเธอ...จะให้โอกาสอีกครั้งโดยไม่บอกให้พี่พีทรู้...แต่เธอต้องไม่มายุ่งกับสามีชั้นอีก ไม่อย่างนั้น....ชีวิตของเธอจะพังพินาศตลอดไป จำไว้”
ทักษอรเดินออกไปจากห้อง รัญธิดาค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นอย่างสิ้นเรี่ยวแรง ร้องไห้โฮๆ

ส่วนทักษอรเดินออกมาหน้าตานิ่งแต่น่ากลัว เดินผ่านพนักงานทั้ง 2 ซึ่งหลบตาวูบ แต่พอทักษอรเดินไป ก็มองตามอย่างอยากรู้อยากเห็น
ทักษอรเดินกำมือแน่นมาเรื่อย จนในที่สุดหยุดเดิน ยกแหวนในมือมาดูก่อนที่จะขว้างทิ้งลงกับพื้นเต็มแรงแค้น แล้วเดินจากไป
โดยไม่รู้ว่าที่ด้านหลัง มีมือใครคนหนึ่งหยิบแหวนขึ้นมาดู ที่แท้เป็นจอมแฉเฉิดโฉม มองแหวนอย่างครุ่นคิด

พนักงานทำความสะอาดคนเดิมกำลังซุบซิบ กับฝนและชู พอฟังแล้วชูถึงกับตาเหลือก
“หา! คุณทักษอรมีเรื่องกับคุณรัญ จริงเหรอ”
“จริงสิพี่ชู ตอนหนู 2 คนเข้าไปนะ แกกำลังอาละวาดเลย ทั้งบีบคอทั้งตีคุณรัญเลย” พนักงาน 1 ใน 2 ย้ำ
“ขนาดนั้นเชียวเหรอ แล้วเค้ามีเรื่องอะไรกันล่ะ แกรู้มั้ย
พนักงานคนที่ 2 เสริม “ไม่รู้ แต่คุณรัญนะสะบักสบอมเชียวละหน้างี้แดงเถือกเลยคงจะโดนตบแน่ รู้แล้วก็อย่าบอกใครนะ”
“เออ...ฉันรู้น่า ของอย่างนี้ไม่ต้องเตือนหรอก”
พนักงานเดินคุยกันออกไป แล้วมีพนักงานอีกคนเดินผ่าน พนักงานกวักมือเรียกทันที พร้อมสุมหัวกันกระซิบกระซาบ
ไม่มีใครเห็นว่าที่มุมด้านหนึ่ง ธาริศยืนพิงกำแพงตกตะลึงฟังอยู่ อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
แพทเดินต่อไป เห็นพีทยืนอยู่ข้างๆ ตกใจอยู่เหมือนกัน

ตกกลางคืนรุจรวีแวะมาที่วิลล่าของธาริศ กำลังเล่าให้ทักษอรฟังอย่างเมามันเรื่องที่ได้ยินมาว่าทักษอรทำร้ายรัญธิดา ทักษอรสะกดอารมณ์เต็มที่
“แม่ไม่เชื่อเด็ดขาด เรื่องที่ยายเฉิดโฉมพูด แต่แม่มาเล่าให้หนูอรฟังไว้ก่อน ก็เพราะอยากให้หนูใจเย็นถ้าได้ยินเรื่องนี้”
“แล้วถ้ามันเป็นเรื่องจริงล่ะคะ คุณแม่จะว่ายังไง”
รุจรวีตกใจ ทักษอรชูรูปถ่ายมือของรัญธิดาให้ดู
“นังรัญธิดา มันคือผู้หญิงที่อยู่ในรูปนี้ ผู้หญิงที่คุณแม่เคยบอกว่าเป็นปั๊บปี้เลิฟ แต่ตอนนี้มันมันกลับมาแล้ว และกำลังจะมาแย่ง พี่ธาริศไปจากหนู คุณแม่จะว่าไง”
“คุณแม่ไม่รู้เรื่องนี้หยุดได้แล้วอร อย่าก้าวร้าวกับคุณแม่”
ธาริศบอกแล้วเดินเข้ามา
รุจรวีตาโต “ตาธาริศ!”
“นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเราสองคน ไปคุยกันในห้องดีกว่า”
“ไม่ไป อรไม่ไป คุยตรงนี้ คุณแม่จะได้รู้สันดานลูกชายตัวเองเสียที ว่ารสนิยมต่ำ ชอบเกลือกกลั้วกับคนระดับไหน” ทักษอรโกรธจัด
“อร! มากไปแล้วนะ”
“อรพูดเรื่องจริง ถามจริง พี่ธาริศไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอคะ ที่ผู้หญิงคนนั้นเที่ยวคบกับทั้งพี่ชาย ทั้งน้องชาย เป็นนางพญาเทครัวตัวจริง...พี่ริศรับได้เหรอคะ”
ธาริศย้อนเอา “แล้วสิ่งที่อรทำมันถือว่าผู้ดีตรงไหน เที่ยวไปไล่ตบตีรัญแบบนั้น”
ทักษอรตาลุก “อ๋อ..นี่มันแล่นไปฟ้องพี่เหรอ”
“พอๆ กันทั้งสองคนนั่นแหละ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันดีกว่า หนูอรใจเย็นๆ ก่อนนะ ตาธาริศก็เหมือนกัน”
ธาริศสงบลงนิดหนึ่ง ตาเหลือบไปเห็นรูปถ่ายมือของรัญธิดาขึ้นอีก
“อร...ไปค้นของส่วนตัวของพี่ทำไม”
ทักษอรของขึ้นอีก “ทำไมอรจะค้นไม่ได้ รักมันมากใช่มั้ยไอ้รูปบ้าเนี่ย”
พลางทักษอรหยิบรูปขึ้นมา แล้วฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“อรอย่า…”
ธาริศมองรูปมือรัญธิดาที่โดนทักษอรฉีกอย่างเมามันจนแทบไม่เหลือซากแล้วโยนโปรยใส่หน้า
“เอาคืนไปสิคะ”
ฟางเส้นสุดท้ายขาดผึงลงทันที ธาริศกำมือแน่น
“กะอีกแค่รูปถ่าย ยังอาลัยอาวรณ์ขนาดนี้ บอกมาเลยดีกว่า ว่าพี่เห็นมันดีกว่าอรใช่มั้ย พูดมาซิ พูดมา”
รุจรวีพยายามห้ามปราม “หนูอร พอเถอะ”
“ถ้าพี่บอกว่าใช่ล่ะ” ธาริศโพล่งขึ้น
ทักษอรชะงัก แม้แต่รุจรวีก็ตะลึง ไม่อยากเชื่อหู ธาริศหันหลับกลับเดินออกไปจากห้องทันที
ทักษอรเต้นเร่าๆ กรี๊ดลั่น “อ๊ายๆๆๆๆๆ กลับมานะ อรบอกให้กลับมา แอร๊ยๆๆๆ คุณแม่ดูพี่ธาริศสิคะ คุณแม่”
รุจวีทนไม่ไหว ทำท่าจะเป็นลม แต่ทักษอรก็เริ่มหอบขึ้นมาอีกแล้ว รุจรวีตกใจ
“หนูอร หายใจลึกๆ ลูก ช้าๆ”

คืนนี้ที่ร้านเตอร์ มีลูกค้าแน่นพอสมควร แพทนั่งซึมกะทือ ตกใจตัวเองที่เพิ่งจะมั่นใจว่าชอบพีทแน่ๆ
เตอร์เดินมาหา
“เป็นอะไรยะยายแพท บ้านช่องไม่กลับ นั่งซึมเป็นอาซิ้มผัวทิ้งอยู่ได้”
“เซ็งๆ ว่ะ ไม่รู้เป็นอะไร”
“แล้วอะตอมล่ะ”
“เอาไปส่งที่บ้านฝากพี่ทิพเรียบร้อยแล้ว ก็มาหาแกเนี่ยแหละ...จะถามอะไรนักหนา...นี่..ร้านแกมีไวน์กินมั้ยเตอร์”
เตอร์ตาลุก “หา! อะไรนะแก”

พีทเดินไปเดินมาอยู่ที่ริมสระ ท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดี นึกถึงทั้งเรื่องแพท และเรื่องข่าวลือที่ได้ยินมา
เฉิดโฉมเดินเข้ามา พีทเห็นถอนใจรำคาญๆ
“เธอมาทำไม..มีธุระอะไร”
เฉิดโฉมมองหา “รัญล่ะคะ”
พีทถอนใจ “เค้ากลับบ้านไปนานแล้ว มีธุระอะไรก็โทร.ไปหาเค้าสิ”
พีททำท่าจะเดินหนี ไปเพราะรำคาญจัด
“คุณพีทได้ยินข่าวลือที่แพร่ไปทั้งรีสอร์ตตอนนี้บ้างมั้ยคะ เรื่องคุณอรกับรัญ”
“พอได้แล้ว...เลิกเอาข่าวโคมลอยแบบนี้มาพูดให้ผมฟังเสียที ไร้สาระ”
“แล้วถ้าเฉิดจะบอกว่ามันเป็นเรื่องจริงล่ะคะ” เฉิดโฉมหยิบแหวนมาชู “ทั้งสองคนทะเลาะกันก็เพราะแหวนวงนี้ค่ะ..มันเป็นแหวนที่คุณธาริศเคยให้รัญเอาไว้”
พีทมองแหวนอย่างตกใจ แล้วภาพเหตุการณ์ตอนที่ไปถ่ายรูปแต่งงานผุดขึ้นในห้วงคิด เขาเห็นสร้อยร้อยแหวนวงนี้หลุดออกมาจากที่ซ่อนไว้ในอก และมือรัญธิดาตอนไปซื้อรองเท้า ก็เห็นแหวนอยู่พีทครุ่นคิด
“คราวนี้คุณพีทคิดว่า มันพอจะมีสาระขึ้นมารึยังคะ” เฉิดโฉมพูดอย่างเป็นต่อ

คราวนี้พีทอึ้ง

แก้วไวน์ในมือแพทถูกยกขึ้นจะดื่มอีก แต่เตอร์ยกมือมาจับรั้งไว้ก่อนจะถึงปาก

“พอได้แล้วย่ะหล่อน หล่อนน่ะเมาแล้ว”
แพทหน้าแดง เมาเล็กน้อย
“เมาที่ไหนกัน ขอคืนมา”
“เมาที่นี่แหละถามได้”
บนโต๊ะข้างหน้ามีขวดไวน์กับขนมเค้กวางอยู่ ไวน์พร่องไป 4 ขวดแล้ว
“เฮ่อ...กินไวน์กับขนมเค้ก...เข้ากันตายล่ะ” เตอร์ตักเค้กกิน “เธอนี่ก็ขยันทำขนมอร่อยๆ มาให้กินนะ คอยดูสิ ถ้าชั้นอ้วนจนใส่แหวนที่บ๊อบเค้าส่งมาให้ไม่ได้น่ะ ชั้นจะโทษเธอ”
“ไหน แหวนอะไรของแก”
แพทดึงมือเตอร์มาดู เตอร์ใส่แหวนเรียบๆ คล้ายแหวนของรัญธิดามากคือเป็นแหวนวงเรียบๆ มีเพชรเล็กๆ ฝังอยู่
เตอร์คุยฟุ้ง “แหวนหมั้นย่ะ แฟนฝรั่งชั้นส่งมาให้จากออสเตรเลีย” เกย์ผมทองมองแหวนปลื้มปริ่ม “ทีนี้ก็ไม่ได้มีแต่ยายรัญแล้วนะที่หมั้น ชั้นเอาก็กำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝาเหมือนกัน อย่างนี้ก็เหลือแต่หล่อนล่ะ...ที่ไม่มีใครเอา” เตอร์หัวเราะลั่น ชอบอกชอบใจ
แพทอึ้ง แล้วลุกขึ้น
“ชั้นกลับบ้านก่อนดีกว่า”
“เฮ้ยอะไรวะ...พูดแค่นี้โกรธเหรอ”
“เปล่า มันดึกแล้ว เดี๋ยวอะตอมจะเป็นห่วง”
“กลับก็กลับ..แต่สภาพนี้ถ้าแกขับรถตำรวจจับแหงๆ ชั้นไปส่งเอง” เตอร์หันไปพูดกับเด็กในร้าน “หนูเดี๋ยวปิดร้านด้วยนะ พี่ไปส่งพี่แพทแป๊บนึง”
เตอร์ประคองแพทที่เดินเซๆ นึดหนึ่งออกจากร้านไปที่รถ

เตอร์ขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านแพทในเวลาไม่นานนัก
“เอ๊ะ นั้นรถใคร มาจอดหน้าบ้านเธอ ดึกดื่นแบบนี้
แพทหันไปเพ่งมอง เห็นพีท กับเฉิดโฉมเดินลงมาจากรถ แสงไฟหน้ารถฉายเห็นหน้า แพทเพ่งมองแล้วก็ตกใจที่เห็นหน้าพีท หายเมาทันที
“คุณพีท”
เฉิดโฉมเอื้อมมือไปกดกริ่งหน้าบ้านหน้าบ้านเสียงดังถี่ยิบ
“พอแล้ว เฉิดโฉมมันดึกแล้วนะเดี๋ยวทุกคนก็ตื่นกันหมดหรอก”
“ดีซิคะ ก็เรามาถามความจริงไม่ใช่เหรอ จะได้รู้กันทั่วไง” เฉิดโฉมว่า
แพทลงจากรถรีบวิ่งไป เตอร์ลงมาด้วย
“หยุดนะ เธอทำอะไรถ้าลูกฉันตกใจตื่นขึ้นมา ฉันเอาเธอตายแน่”
รัญธิดากับทิพปภา ใส่เสื้อคลุมชุดนอนเดินออกมาพอดี
“นี่มันอะไรกัน มีธุระอะไรที่นี่ดึกๆ ดื่นๆ”
ทิพปภามองพีทอย่างสงสัย เฉิดโฉมทำหน้าสะใจ

แพทลงนั่งในห้องนั่งเล่น
“ไหน...มีอะไรก็ว่ามา”
“ชั้นพาคุณพีทมาที่นี่ ก็เพื่อมาฟังเรื่องบางเรื่องที่เกิดขึ้นกับคู่หมั้นของเธอ”
“แล้วเรื่องของคุณพีทกับยายรัญ มันเกี่ยวข้องอะไรกับเธอด้วยไม่ทราบ” แพทฉุน
“ต้องเกี่ยวสิ เพราะคุณพีทเป็นเจ้านายที่ชั้นรัก เพราะฉะนั้นถ้าคู่หมั้นของเค้ากำลังคิดจะนอกใจ มันก็เท่ากับทำให้ชั้นเจ็บไปด้วย”
รัญธิดา ทิพปภา และแพทอึ้งกันไปนิดหนึ่ง
เตอร์สุดทน “นี่หล่อนพูดอะไรของหล่อนยะ ฉีดฟิลเล่อร์มากไปจนสมองเพี้ยนรึเปล่าเนี่ย”
“วันนี้ทุกคนพูดกันให้แซ่ดทั่วรีสอร์ต เรื่องที่ยายรัญโดนคุณทักษอรตบ” เฉิดโฉมว่า
ทุกคนตะลึงโดยเฉพาะทิพปภาตกใจกว่าใครอื่น
เฉิดโฉมสาระแนต่อ “นั้นเป็นเพราะคุณอรเค้าจับได้ ว่าเธอแอบคบกับคุณธาริศสามีของเค้า”
“ไม่จริง อย่ามาปรักปรำนะ ไม่งั้นมีเรื่องแน่” ทิพปภาโกรธจัด
“เธอเป็นคนใช้ก็อยู่ส่วนคนใช้สิ มายุ่งอะไรกับเรื่องเจ้านาย” เฉิดโฉมด่าหันมาฉะรัญธิดาต่อ “แล้วสิ่งที่สำคัญที่ทำให้คุณอรโกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็คือ...แหวนวงนี้” ชูแหวนให้ดู
ทุกคนมองแหวนงงๆ
แพทนึกถึงตอนที่รัญธิดาหาแหวนวงนี้ไม่เจอแล้วไปโทษอะตอม แพทถามแหวนวงนี้มันสำคัญอะไรนักหนา แต่รัญธิดาไม่ยอมตอบ
“บอกมาสิรัญธิดา ว่าแหวนวงนี้มันมีอะไร ถึงได้ทำให้คุณอรโกรธขนาดลงไม้ลงมือ”
เฉิดโฉมคุกคามหนัก รัญธิดานิ่งงันไป
“มันเป็นแหวนที่คุณธาริศให้เธอใช่มั้ย”
รัญธิดาตกใจ แต่ก็ยังไม่ยอมตอบ
“ถ้ามันไม่ใช่ก็ตอบมาเลยสิรัญ” พีทถาม
รัญธิดาไม่ตอบ ทุกคนเครียด
“โอ๊ย จะบ้าตาย” แพทโวยลั่น หยิบแหวนมา “นี่มันเป็นแหวนที่ชั้นให้ยายรัญเองตอนเรียนจบมหา’ลัย...จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว”
เฉิดโฉมเถียงขาดใจ “โกหก...คุณอรจะโกรธทำไมถ้าเป็นแค่แหวนแก”
“โถๆ แหวนธรรมดา ฟลอร์ๆ แบบนี้ไม่ได้สลักชื่ออะไรสักหน่อย..ใครๆ ก็มี” เตอร์ชูนิ้วพร้อมกับกรีดให้ดู “ดูสิ แฟนชั้นก็ซื้อให้ชั้นย่ะ”
แพทหายใจคล่องขึ้น เฉิดโฉมเริ่มหน้าเสีย เพราะแหวนของเตอร์คล้ายกันกับแหวนรัญธิดาจริงๆ ตลอดเวลาพีทมองเหตุการณ์นิ่งๆ
“ตายจริง! แบบนี้แปลว่า คุณธาริศก็ซื้อให้แกด้วยเหรอเตอร์” แพทใส่จริต
“ว้าย ยายแพทพูดอะไรก็ไม่รู้ บ้าจริง ชั้นอายนะ” เตอร์ดีดดิ้นใหญ่
แพทหันไปหาพีท “ถ้าคุณจะหูเบาเชื่อข่าวลือ แล้วยกเลิกการแต่งงานกับยายรัญ ด้วยเรื่องแค่นี้ ฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก แล้วแต่คุณก็แล้วกัน”
แพททิ้งไพ่ใบสุดท้าย ทิพปภาจับมือรัญธิดาแน่น ลุ้นระทึก
“ผมมาที่นี่ก็เพราะต้องการให้รัญชี้แจงให้เฉิดโฉมได้ยินกับหู” พีทหันมาทางเฉิดโฉม “สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดในชีวิตก็คือคนโกหก ที่ผมไล่น้าเปลี่ยนออกก็เพราะความหลอกลวง ไม่ซื่อสัตย์นี่แหละ” รัญธิดาก้มหน้าหลบตา “แล้วถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง คุณก็อย่าหาว่าผมใจร้ายก็แล้วกันนะเฉิดโฉม”
พีทหันมามองรัญธิดาและครอบครัว
“ผมขอโทษจริงๆ ที่มานี่ไม่ได้เพราะไม่เชื่อใจรัญ แต่เพราะผมต้องการให้ข่าวลือนี้มันจบลงเสียที...แล้วอีกอย่าง...” พีทหันไปมองสบตาแพทแว่บหนึ่ง แล้วหันกลับมามองไปตรงๆ เหมือนให้สงสัยว่าเขาพูดกับใคร “ผมคิดถึง”
พีทพูดจบก็เดินออกไป คนอื่นไม่รู้สึกอะไร รัญก้มหน้าด้วยความละอาย ทิพโล่งอก เตอร์มองเฉิดอย่างเยาะๆ พร้อมโบกมือไล่ให้กลับบ้าน

แพทใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ สงสัยสุดๆว่าพีทพูดกับใครว่า "คิดถึง"

อ่านต่อหน้า 4

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 13 (ต่อ)

เช้าวันรุ่งขึ้น รัญธิดาอยู่ในห้อง กำลังพันขาที่แพลงอยู่ ทิพปภากับแพทยืนดูด้วยความเป็นห่วง

“นี่จะไป ทำงานไหวเหรอ แม่ว่าหยุดไปดีกว่า ไม่มีใครกล้าว่าหรอก” ทิพปภาเอ่ยขึ้น
“ไม่ดีหรอกค่ะ รัญไม่อยากทำตัวมีอภิสิทธิกว่าคนอื่น” รัญธิดาลุกขึ้นยืน
“คิดแบบนั้นได้ ก็ดีแล้ว ยิ่งมีข่าวลือ เราจะต้องยิ่งไม่หลบหน้า ไม่อย่างนั้นก็จะลือไปกันใหญ่”
“ไม่ต้องกลัวนะรัญ อีกไม่กี่วันพอรัญเป็นนายหญิงเต็มตัว เรื่องมันก็จะจบ ไม่มีใครกล้ามายุ่งวุ่นวายกับลูกอีก”
รัญธิดายิ้มรับเรียบๆ ไม่ค่อยเต็มที่ เพราะรู้แก่ใจ แต่อยากให้แม่ปลอบใจ
“ลงไปทานข้าวกันเถอะคะ”
อะตอมวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาก่อน
“แม่แพทๆ มีคนบ้ามาอาละวาดหน้าบ้านเราครับ”
ทุกคนตกใจ

เสื้อผ้าของธาริศถูกขว้างลงมากองกับพื้นถนน ทักษอรอาละวาดอยู่อย่างโกรธแค้น พร้อมกับกดออดถี่ๆ แพทกับพีทรีบออกมาหน้าตาตื่น
“นี่มันอะไร กัน”
ทักษอรหันมามอง แล้วเอาเสื้อผ้าที่เหลือขว้างใส่หน้าแพทเต็มๆ จนแพทตกใจ
“นังรัญธิดามันอยู่ไหน ไม่กล้าลงมางั้นเหรอ เอาเลยตามสบาย นี่ไง ฉันขนเสื้อผ้าของสามีชั้นมาให้แล้วไง”
“นี่คุณ จะพูดจาอะไรก็ให้มันดีๆ อย่ามาพาดพิงให้คนอื่นเค้าเสียหาย”
“ฉันไม่ได้พาดพิง ฉันมาด่ามันเลยละ ทำเป็นหน้าบางไม่กล้ออกมาสู้หน้า ทีเวลา แอบไปพลอดรักกับสามีคนอื่นทำไมไม่อาย...ไหนมันอยู่ไหน”
ทั้งทิพปภา กับแพทมองหน้ากันด้วยความตกใจ ขณะที่ทักษอรตาขวางโกรธจัด เงยหน้ามองไปที่ชั้นบนของบ้าน

รัญธิดาที่แอบดูอยู่ที่หน้าต่างชั้นบนในห้องแพท ถอยกรูดออกมาจากหน้าต่างทันที รู้ว่าเรื่องยุ่งมาถึงตัวแล้ว อะตอมที่เอามือปิดหูทั้งสองข้างแต่แอบชะเง้อมองอย่างอยากรู้อยากเห็น มือเริ่มหลุดจากหูนิด ๆ
รัญธิดาหันมาเห็นรีบห้าม “อะตอม ไม่ต้องฟัง อุดหูเอาไว้”
“ตอมอยากรู้นี่พี่รัญ เค้าเป็นแฟนอาริศไม่ใช่เหรอ ตอมจำได้ แต่ทำไมเหมือนคนบ้าเลย” เด็กน้อยว่า
“มันไม่ใช่เรื่องของเด็ก”
อะตอมท้วง “แต่...”
“ไม่มีแต่ ห้ามเอาเอามือลง แล้วก็ห้ามออกจากห้องนี้ จนกว่าพี่จะกลับมาเข้าใจมั้ย”
อะตอมจำยอมปิดหูสองข้างไว้เหมือนเดิม รัญธิดารูดม่านหนาปิดทันที แล้วออกจากห้องไป

ครู่ต่อมารัญธิดาค่อยๆ ย่องช้าๆ ท่าทีระมัดระวังลงมาจากข้างบนแล้วชะงัก เมื่อทักษอรเปิดประตูกระจกเข้ามา แพทกับทิพปภารีบตามเข้ามาพยายามดึงแขนไว้
“นี่คุณจะไปไหน”
ทักษอรสะบัดตัวเต็มแรง “นังรัญมันเอาพี่ริศมาไว้ที่นี้ใช่มั้ย พี่ธาริศ ออกมาหาอรซิ” สาขาวีนทำท่าจะเดินขึ้นข้างบน
แพทจับไว้ “ชั้นว่าคุณเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะคะ คุณธาริศไม่ได้อยู่ที่นี่”
“ฉันไม่เชื่อ”
ทักษอรเข้าไปผลักแพทที่เข้ามาขวางให้ออกไป ทิพปภาทนไม่ได้ ถลาเข้ากั้นไว้
“เอ๊ะ บอกว่าไม่มาก็ไม่ได้มาซิคุณ ผัวคุณหาย แล้วเที่ยวมาหาเรื่องใส่ร้ายคนอื่นแบบนี้มันไม่ถูกนะ”
ทักษอรแหวใส่ “แก ไม่ต้องมายุ่ง เป็นแค่คนใช้อย่ามาสอดเรื่องเจ้านาย”
ทิพปภาตาลุกวาว ทำท่าจะตอบโต้ ทักษอรเหลือบไปเห็นรัญธิดาแอบลงมาฟังอยู่เสียก่อน เลยเดินปราดเข้าลุย
“นังรัญธิดา แกปล่อยพี่ธาริศของฉันออกมานะ”
“ชั้นเปล่านะคะ”
ทักษอรเลือดขึ้นหน้า ปราดไปลากรัญธิดาลงมา ทิพปภากับแพทตะลึง
“ไม่ต้องมาปากแข็ง...พี่ธาริศอยู่ที่ไหนบอกมา” ทักษอรจิกหัวรัญธิดาหมับ
“โอ๊ย ชั้นไม่รู้จริงๆ”
ทิพปภาตวาดลั่น “หยุดนะ! อย่ามาด่ารัญธิดาในบ้านหลังนี้”
ทักษอรปล่อยรัญธิดาแล้วหันมามองทิพปภาแบบเลือดขึ้นหน้า คำรามลั่น
“ทำไมฉันจะด่ามันไม่ได้ มันเรื่องจริง นังคนนี้แอบคบชู้กับสามีชั้น ทั้งๆ ที่มันกำลังจะแต่งงาน นังหน้าด้าน นังผู้หญิงสำส่อน ตาย!”

ทิพปภาตบหน้าทักษอรเต็มแรงด้วยความโกรธ

ทักษอรตะลึง ไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนกล้าทำแบบนี้กับตัวเอง

“แก...แก...แก กล้าตบชั้นเหรอ”
แล้วทักษอรก็ฮึดสู้ ตบทิพปภาคืนจนหน้าหัน ทิพปภาเหลียวขวับเข้าใส่ทำท่าจะสู้กันอีก
“อย่าค่ะ ที่ทิพ.. คุณอร”
แพทกับรัญธิดาตรงเข้าแยก แพทจับทักษอร รัญธิดาจับแม่ไว้
“อย่ามาห้ามฉัน...พวกสันดานเสียแบบนี้ มันต้องสั่งสอนเสียบ้าง จะข่มใครฉันไม่ว่า แต่ไม่ใช่รัญธิดา และต่อหน้าฉัน”
“พอเถอะคะ รัญขอร้อง...รัญ รัญผิดเอง รัญไปแอบเจอคุณธาริศเค้าจริงๆ”
เมื่อรัญธิดาสารภาพออกมาจากปากเต็มๆ ทุกคนช็อก อึ้งกันไป ทิพปภาเองหยุดดิ้นรน ส่วนทักษอรโกรธจัดจนสำลักหน้าเขียว เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น
“แก....แก...”
ทักษอรโกรธจนพูดไม่ออก แล้วค่อยๆ เกร็งจนชัก ทุกคนตกตะลึงกับอาการของทักษอรที่ได้เห็นกับตา แพทรีบวิ่งไปประคอง
“คุณอร คุณอรคะ”
ทักษอรยังชักอย่างน่ากลัว อาการเริ่มกำเริบหนัก
“พี่ริศ...พี่ริศ”
“คุณธาริศไม่ได้อยู่ที่นี้แน่ๆ ค่ะ แต่ชั้นสัญญาว่าชั้นจะพาคุณธาริศกลับไปหาคุณให้ได้ค่ะ”
อาการชักของทักษอรเบาลง เหมือนจะผ่อนคลายลงหน่อยหนึ่ง ทิพปภามองรัญธิดาที่ทำท่าทางรู้สึกผิดเขม็ง

เตอร์ซึ่งมารับตัวอะตอมจากบ้าน ตามที่แพทของร้อง พาอะตอมเดินเข้ามาในร้านกาแฟของตน
“อยู่กับป้า...เอ๊ย ลุงเตอร์ ก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวพอแม่แพท เค้าเสร็จธุระ แล้วก็จะรีบมารับอะตอมเลย”
“ทำไมผู้ใหญ่ถึงธุระเยอะจัง แม่แพท พี่รัญ ป้าทิพ ชอบมีธุระ เฮ้อ...แต่ ตอมก็มีธุระเหมือนกันนะ” เด็กชายทำท่าราวกับผู้ใหญ่
“ต๊าย...ไหนว่ามาซิจ๊ะ อะตอมมีธุระอะไร”
“มันเป็นเรื่องของลูกผู้ชายฮะ ลุงเตอร์คงไม่เข้าใจหรอก”
เตอร์หงายเงิบ พูดไม่ออก
อะตอมถอนหายใจ มองไปที่เคาท์เตอร์เห็นพีท ยืนรอกาแฟอยู่ท่าทางขรึมๆ ไม่ร่าเริง
“คาปูชิโนปั่นได้แล้วค่ะ” พนักงานส่งให้
อะตอมดีใจ รีบวิ่งเข้าไปหา
“ลุงพีท”
พีทรู้สึกตัว หันมายิ้มให้
“อ้าว ว่าไง รูปหล่อ”
อะตอมรู้สึกโล่งอก ที่จะมีคนให้คำปรึกษา

พีทกับอะตอม คุยกันอยู่นอกร้าน เตอร์ชะเง้อดู อยู่ไกลๆ
“แม่แพทบอกว่า ลุงพีทจะแต่งงานกับพี่รัญหรือฮะ”
พีทหัวเราะ “เด็กแก่แดด! อะตอมดีใจมั้ยต่อไปนี้ลุงก็จะมาเป็น พี่เขยอะตอมจริงๆ แล้วนะ”
“งั้นก็แสดงว่า ลุงพีทจีบพี่รัญสำเร็จแล้ว”
พีทพยักหน้าขำๆ “แล้วอะตอมล่ะ เรื่องสาวน้อยที่ชื่อมะนาวไปถึงไหนแล้ว มะนาวตกลงเป็นแฟนอะตอมหรือยัง”
“ฮะ หลังจากหอมแก้มอย่างลุงแพทสอน วันรุ่งขึ้นมะนาวก็ยอมเป็นแฟนตอม แต่...” อะตอมถอนหายใจ
“แต่ว่าอะไร ดูอะตอมไม่ดีใจเลย มีปัญหาปรึษาลุงได้นะ”
“ตอนนี้ ตอม...ตอมชอบ นานา มากกว่ามะนาวนะซิฮะ”
พีทตาโตแล้วหัวเราะขำ
“แล้วอะตอมหอมแก้มนานา ไปหรือยัง”
“ยังครับ ตอมอดทน เพราะลูกผู้ชายไม่ควรมีแฟนพร้อมกันสองคน”
พีทหัวเราะอีก “เยี่ยม! ผู้ชายที่ดีไม่ควรคบใครพร้อมกันทั้งสองคน” พูดไปแล้วค่อยๆ ยิ้มจางลง อย่างสำนึกตัว “แต่บางทีมันก็ตัดสินใจยากอยู่เหมือนกัน ถ้าอะตอมรู้สึกว่าชอบนานามากกว่า ลุงว่าอะตอมก็ต้องรีบบอกมะนาวไปเสียนะ ไม่งั้นมะนาวจะยิ่งเสียใจ และที่สำคัญตัวเราก็จะไม่มีความสุข”
พูดจบพีทก็อึ้งไป แล้วนั่งขรึมไปในที่สุด
“ฮะ” อะตอม ตบเข่าฉาด “นึกแล้วว่าเรื่องนี้ต้องปรึกษาลุงพีทได้ ขอบคุณฮะ ทีนี้ตอมก็กินไอติมได้อย่างสบายใจละ”

อะตอมหม่ำไอติมอย่างมีความสุข โดยไม่รู้ว่ายามนี้ลุงพีทเครียดสุดๆ ถอนใจยาวอย่างหนักหน่วง

อ่านต่อตอนที่ 14
กำลังโหลดความคิดเห็น