หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 5
เวลานั้นสองแม่ลูกอยู่ในห้องนั่งเล่น แพทยืนคุมอะตอมใส่ชุดนอนแล้วดื่มนมจนหมด อะตอมยิ้มคว่ำแก้วโชว์ให้แม่ดู
“ดีมาก แล้วก็อย่าลืมบ้วนปากด้วยนะครับ เดี๋ยวแม่ตามไปเล่านิทานนะ”
“ฮะ แต่แม่แพทตามมาเร็วๆ นะ ตอมคิดถึง”
แพทยิ้ม ขำลูกอ้อนของอะตอม “จ้า”
อะตอมยื่นแก้วส่งให้ แพทเดินออกไปทางครัว ตอมวิ่งขึ้นข้างบน
แต่ปรากฏว่าจังหวะนี้ รัญธิดาซึ่งแอบอยู่ตรงซอกตู้ เอาหุ่นยนต์ตัวเล็กๆ มาชูล่อ อะตอมที่วิ่งมาหยุดกึกตาโตทันที
“อยากได้มั้ย”
รัญธิดาพาอะตอมมาคุยอีกทางด้วยท่าทีซีเรียส
“เจอกันแค่ครั้งเดียวจริงๆ นะ เค้าไม่ได้คุยอะไรกับอะตอมอีกนอกจากที่เล่าให้พี่ฟังจริงๆ เหรอ”
ที่แท้รัญธิดาซักไซ้เด็กน้อยเรื่องธาริศ
“ไม่มีแล้วฮะ ตอมตอบหมดแล้ว พี่รัญให้ตอมได้หรือยัง”
รัญธิดาแบมือโชว์หุ่นยนต์ อะตอมจะคว้า แต่รัญธิดากลับยกมือหนี
“เดี๋ยวพี่ให้แน่ แต่ตอมต้องรับปากก่อนว่าจะไม่เจอแล้วก็ห้ามคุยกับเค้าอีกเด็ดขาด”
“ทำไมล่ะฮะ”
รัญธิดาอึกอัก “ตอมยังเด็กมองคนไม่ออกหรอกว่าจริงๆ เค้าเป็นยังไง เชื่อพี่ก็แล้วกัน”
อะตอมท้วง “แต่ตอมว่าคุณอาใจดีออก ตอมชอบคุณอา”
“ไม่ได้นะ” รัญธิดาลืมตัว พูดเสียงแข็งใส่ทันที แล้วยังจับแขนอะตอมบีบแน่น
อะตอมร้อง “โอ๊ย ตอมเจ็บ”
รัญธิดารู้สึกตัวรีบปล่อยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“พี่ขอโทษ...แต่เชื่อพี่เถอะ ผู้ชายคนนี้เป็นคนไม่ดีหรอก ตอมไม่ควรเข้าใกล้ เข้าใจมั้ย...สัญญากับพี่นะอะตอม”
อะตอมรับปากไปอย่างงงๆ “ฮะ...ได้ฮะ”
“มีอีกอย่าง ห้ามเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังอีก แม้แต่แม่แพท”
“ฮะ.. ฮะ แล้ว...” แบมือขอหุ่นยนต์
รัญธิดายื่นหุ่นยนต์ให้ อะตอมรับมาอย่างดีใจ ขณะที่รัญธิดาแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
ฉากที่3บ้านธาริศ/รีสอร์ท(หน้าบ้าน)ต่อเนื่อง
ธาริศกลับมาบ้านพักในรีสอร์ทอย่างคนหมดแรง นั่งเสียใจอยู่พักหนึ่ง บ้านมืดทั้งหลัง แต่พอหันไปทางหน้าบ้าน ไฟสว่างขึ้น ธาริศเพ่งมองไปเห็นทักษอรแต่ตัวสวยยืนอยู่
ทักษอรพาธาริศมาที่โต๊ะอาหาร ซึ่งจัดแต่งอย่างโรแมนติก ธาริศงง
“มีอะไร พิเศษเหรออร แล้วน้อยไปไหน”
ทักษอรยิ้มหวาน “แหม นี่ตั้งใจจะเซอร์ไพร์จนถึงที่สุดเลยใช่มั้ยคะ...ยายเฉิดโฉมบอกอรหมดแล้ว ยายนี้ประจบสอพลอเหลือเกิน แต่ก็ช่างเถอะ”
“บอกเรื่องอะไร พี่งง” ธาริศงงอยู่
“พี่ธาริศ นี่ปากแข็งจริงๆ ก็ไหนพี่บอกใครๆ ว่าวันนี้เป็นวันครบรอบที่เราพบกันครั้งแรกไม่ใช่เหรอคะ แหมอรเองยังจำไม่ได้เลย”
ธาริศสะดุ้งไม่คิดว่าเฉิดโฉมจะนำเรื่องที่ตนโกหกพีทมาเล่าให้ทักษอรฟัง ธาริศหลบตาเพราะรู้สึกผิดที่โกหก
“คือพี่...”
“ตั้งแต่แต่งงานกัน อรไม่เคยเห็นพี่ธาริศโรแมนติกจำอะไรเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ได้ แต่พอมาที่นี่เท่านั้น... มาค่ะ ชนแก้วกัน”
ทักษอรยกแล้วไวน์ดื่ม
“อรไม่ควรดื่มนะ หมอบอกแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ช่างหมอเถอะค่ะ รักษามาตั้งนานแล้วไม่เห็นจะหาย ดื่มแค่แก้ว สองแก้ว อาการอรก็ไม่แย่ลงกว่านี้หรอก ไหนล่ะคะ ของขวัญ”
ทักษอรยิ้มอย่างดีใจ ธาริศมองหน้าทักษอรก็โกหกไม่ลง
“ไม่มี พี่...พี่ไม่ได้ซื้อของขวัญให้อร” ธาริศทั้งรู้สึกผิดจนต้องดึงทักษรอรเข้ามากอด “พี่ขอโทษจริงๆ”
ทักษอรงงเพราะไม่รู้เรื่อง ธาริศกอดไว้ครู่แล้วก็ปล่อยตัวภรรยา ตัดสินใจได้ว่าต้องไม่ทำแบบนี้อีก ตัดใจตัวเองแต่ต้น รีบเดินออกมา อรงงว่าเกิดอะไรขึ้น ตามไป
ทัษอรตามเข้ามาในห้องนอน เห็นธาริศเก็บเสื้อผ้า ลากกระเป๋าออกมาก็แปลกใจ
“นี่พี่ทำอะไรคะ ไม่มีของขวัญก็ไม่เป็นไรค่ะ แค่พี่ริศจำวันครบรอบของเราได้เท่านี้อรก็ดีใจจะแย่อยู่แล้ว”
ธาริศตัดสินใจเด็ดขาด “อร...กลับกันเถอะ กลับบ้านเรา พี่ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว กลับไปแล้วพี่จะพาอรไปดินเนอร์ แล้วก็ซื้อของขวัญให้อร อรอยากได้อะไรพี่พยายามทำให้อรทุกอย่าง”
“ไม่ค่ะ...อรกำลังสนุก รู้มั้ยคะ ว่าอรกำลังคิดเล่นๆ ว่าจะสร้างบ้านที่นี่สักหลังดีมั้ย เอาใกล้ๆ กับรีสอร์ตพี่พีทนี่แหละ”
ธาริศยิ่งตกใจ รีบปฎิเสธ “พี่ไม่เห็นด้วย พี่ไม่ชอบที่นี่”
“แต่อรชอบ เกิดอะไรขึ้นค่ะ เราเพิ่งมาได้วันเดียวเอง ไหนตอนก่อนมา พี่ริศบอกว่าจะต้องอยู่ช่วยงานพี่พีท แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น หรือพี่ริศทะเลาะกับพี่พีท”
ธาริศชะงักไป “เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น” ธาริศพยายามหาข้ออ้างต่อ “พอดีพี่มีงานด่วนนิดหน่อย”
ทักษอรเริ่มโมโห “งานด่วน! ก็อรบอกแล้วไง ว่าถ้าพวกที่ออฟฟิตทำงานแทนพี่ไม่ได้ ก็ไล่ออกให้หมด”
“มันไม่ใช่อย่างนั้น อย่าไปพาลคนอื่นซิ” ธาริศจนตรอกไม่รู้จะบอกว่ายังไง “เอาอย่างงี้อรอยู่ต่อก็ได้ แต่พี่จะกลับก่อน อยากกลับเมื่อไหร่พี่จะมารับ ดีมั้ย”
“ไม่ได้ค่ะ อรอยู่พี่ก็ต้องอยู่กับอร เข้าใจมั้ยค่ะ ต้องอยู่ที่นี่ ต้องอยู่ ๆ ๆ”
ทักษอรหอบ และเริ่มมีชักเกร็งขึ้นมานิดๆ ธาริศรีบเข้าไปประคอง
“อร” อรเริ่มชักมากขั้น ธาริศร้อนใจ “ได้ๆ พี่จะอยู่ที่นี่ต่อ...พอได้แล้วอร”
ทักษอรยังคงมีอาการเกร็งและชักอยู่อย่างนั้น
ที่รีสอร์ต พีระ แรนโช เช้าวันนี้ แพทซึ่งหายจากอาการเจ็บเท้าโดยสิ้นเชิง ไม่มีผ้าพันแผลแล้ว กำลังยืนอยู่หน้าพีทในออฟฟิศ พีทยืนท่าทีสบายๆ มาดกวนๆ มองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า และมองจากเท้าจรดหัวอยู่อย่างนั้น จนแพททนไม่ไหว
“ขอโทษนะคะ ไอ้การมองสำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าเนี่ย มันเกี่ยวกับการทำงานตรงไหน ฉันไม่ได้มาประกวดนางงาม”
พีทยิ้มขำ “ก็ถูก เพราะรูปร่างอย่างคุณไม่ได้มาตราฐานนางงาม..” พีทขยับมายืนข้างหลัง “แต่ข้างหลังก็ดูดีอยู่นะ”
แพทสุดทน ตวาดแว้ดใส่ “ไอ้บ้า”
“ขอบคุณที่ชม”
“ฉันด่าไม่ได้ชม”
“ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ...ตกลงคุณอยู่ฝ่ายจัดกิจกรรมลูกค้าก็แล้วกันนะ”
แพทงงๆ ตามไม่ทันเมื่อพีทเปลี่ยนเรื่อง มีเสียงเคาะประตูพอดี แล้วเห็นประทินเข้ามา
“คุณพีท มีอะไรเหรอครับ”
พีทหยิบแฟ้มมาเซ็น แล้วยื่นแฟ้มให้ประทิน “คุณแพทจะเข้ามาเป็นพนักงานของพีระแรนโช ฝากคุณประทินดูแลต่อด้วยนะ”
“อ๋อ ครับ ยินดีต้อนรับครับๆ งั้นเชิญทางนี้เลยครับ เดี๋ยวผมจะแนะนำงานให้”
แพทก้มหัวให้ประทินเป็นเชิงขอบคุณ แล้วก็ออกไปกับประทิน พีทมองตามช้าๆ
ไม่นานต่อมาประทินพาแพท มาแนะนำตัวกับพนักงาน มี ฝน ชู และคนอื่นๆ ที่จับกลุ่มกันอยู่ในโรงอาหาร ฝนทักทาย โอภาปราศรัยด้วยอย่างเป็นมิตร
“เป็นน้าสาวคุณรัญเหรอคะ แต่ดูอายุไม่ต่างกันเท่าไหร่เลยนะคะ แต่ที่แน่ๆ หน้าตาดีกันทั้งบ้านเลยนะคะเนี่ย”
“มีอะไรก็ช่วยแนะนำด้วยแล้วกันนะคะ” แพทบอก
“โอ๊ย คุณแพทก็ ดิฉันเป็นแค่แม่บ้านจะไปกล้าแนะนำคุณแพทได้ยังไง” ฝนว่า
“จะตำแหน่งอะไรไม่สำคัญ แต่ถือว่าพี่ฝนทำงานมาก่อนแพท ยังไงก็ย่อมมีประสบการณ์มากกว่า รู้อะไรๆ มากกว่าอยู่แล้ว”
ชูผสมโรงท่าทีชื่นชม “ใช่เลยครับ ถูกคนเลยล่ะครับ เพราะถ้าคุณแพทอยากรู้อะไรในรีสอร์ตแห่งนี้ต้องถามเธอคนนี้ละครับ”
ประทินเห็นด้วย “เออจริง ของไอ้ชูมันครับ พูดง่ายๆ ว่าสู่รู้ไปเสียทุกเรื่องนั่นเอง”
“แหมพี่ทิน จะว่าฉันชอบสาระแนใช่มั้ย แต่เอาเถอะ ..วันนี้วันดี ฉันจะถือว่านี่เป็นคำชมก็แล้วกันนะ”
ทั้งหมดหัวเราะกันครื้นเครง เฉิดโฉมเดินเฉิดฉายเข้ามาพร้อม เชอรี่ ลูกคู่
“โอ๊ะ ตายๆ ไม่ทันไร ก็เอาญาติโยมมาทำงานเสียแล้ว...แบบนี้ต่อให้ พวกเรา ทำงานกันจนหลังขดหลังแข็ง แต่คงไม่มีโอกาสดีๆ หรอก เพราะเราไม่มีหลานสาวสวยๆ มาล่อ”
เชอรี่รับลูกต่อ “อ๋อ ที่เค้าเรียกว่าใช้เต้าไต่ใช่มั้ย”
แพทหันไปมอง ด้วยแววตาเย็นชา
“บางคนถึงมีก็ใช้ไต่ไม่ได้นะคะ เพราะเป็นนมพลาสติก” ฝนแขวะ
เฉิดโฉมเผลอปาก “เค้าเรียกซิลิโคนต่างหากไม่ใช่พลาสติก แต่แกรู้ได้ยังไง ว่าเราไปทำมา”
เชอรี่บอกเฉิดโฉม “ไปบอกเค้าทำไมล่ะ”
นั่นแหละเฉิดโฉมถึงได้สติ เอามืออุดปากไว้
“ฉันคิดว่าถ้าคุณคิดแค่นั้น คุณก็กำลังดูถูก คุณพีทเจ้านายคุณอย่างมาก...แต่ที่สำคัญ เอาไว้ ให้ฉันทำงานก่อนดีมั้ยค่ะ แล้วค่อยวิจารณ์” แพทว่า
“อุ๊ยตาย เชอรี่ เห็นมั้ย ใครก็ไม่รู้ร้อนตัว แล้วฉันพูดผิดตรงไหน อ่ะ ก็ได้ ฉันจะให้อยู่โอกาส ทำงานแผนกอะไรนะ กิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์งั้นเหรอ .. ก็ดีเหมือนกันนะ”
เฉิดโฉมยิ้มเยาะในทีทุกคนมองอย่างไม่ค่อยไว้ใจ
ครู่ต่อมาทุกคนย้ายมาที่อีกมุมในรีสอร์ต เฉิดโฉมส่งลูกหมาให้แพท
“นี่คือเจ้าหญิงลูกหมอของคุณหญิงจี๋ ภรรยารัฐมนตรีพนิตที่เป็นแขกวีไอพีของเรา เค้าอยากให้เธอจัดกิจกรรมให้สุนัขของเค้าเพลินเพลินระหว่างที่เค้าไปขี่ม้า”
ประทินขัดขึ้น “มันไม่ใช่หน้าที่ของเรานะเฉิด คุณหญิงท่านมีคนเลี้ยงไอ้เจ้าหญิงมาด้วยไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ค่ะคุณประทิน แต่คนเลี้ยงเค้าเป็นไข้ คุณหญิงท่านก็เลยมาถามเฉิดว่า พอจะช่วยได้มั้ย นี่มันก็ถือเป็นการดูแลแขกไม่ใช่เหรอคะ...เป็นหน้าที่ของพวกลูกค้าสัมพันธ์โดยตรง...ถ้าไม่ถือว่าตัวเองเป็นเด็กเส้นก็น่าจะทำได้นะคะ” เฉิดโฉมปรายตามองมายังแพท
เชอรี่ผสมโรงตามเคย “ใช่ หรือว่ารังเกียจไม่ยอมทำ”
ระหว่างนี้รัญธิดาเดินเร็วๆ เข้ามากับฝน ซึ่งฝนไปตามนั่นเอง
“เกิดอะไรขึ้นคะ น้าแพท”
“โอ๊ะ ตายๆ นี่ถึงขนาดยกพวกกันมาเลยเหรอ ขาดคำเสียที่ไหน ยังไม่ทันไร ก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่เสียแล้ว เอ๊า พวกเรา” เฉิดโฉมตะโกนบอกพนักงาน “มาดูเร็ว พนักงานตัวเล็กๆ ที่น่าสงสาร กำลังจะโดนแฟนสาวคุณพีทรังแก”
ชูอึ้งๆ “เอ๊ะ นี่คุณเฉิดเค้าสับสนอะไรหรือเปล่า เค้าต่างหากเป็นฝ่ายรังแกคนอื่นอยู่เห็นๆ”
“ไหนๆ ก็ไหนๆ งั้นก็ตบให้สมองคุณเฉิดเข้าที่แล้วกัน”
ฝนว่าพลางถลาเข้าไปจะตบเฉิดโฉม ชูกับแพทดึงไว้ แต่เฉิดโฉมกับเชอรี่ถลาเข้ามา
“กล้ากับชั้นเหรอพี่ฝน”
ประทินรีบห้ามทัพ “หยุด เอาล่ะ พอแล้วๆ ทั้งหมดนั้นแหละ ช่วยเกรงใจคนที่ ยืนเป็นหัวหลักหัวตออยู่ตรงนี้หน่อยนะ ผมคือผู้จัดการที่นี่คงลืมกันไปแล้ว”
แพทยกมือไหว้ประทิน “ขอโทษค่ะ ที่ทำให้วุ่นวาย” แล้วหันไปหาเฉิดโฉมตัดสินใจแล้ว “ส่งหมามาสิคะ”
แพทรับลูกหมามา ฝั่งแพทฮือฮา ไม่อยากให้รับ เฉิดโฉมสะใจมากคิดว่าแกล้งแพทได้สำเร็จ
“น้าแพทคะ มันไม่จำเป็น” รัญธิดาห้าม
ฝนขัดขึ้น “จริงคะ คุณแพท ส่งมานี่ เอามาเดี๋ยวพี่ให้ชูจัดการเอง”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่พาหมาไปเดินเล่นมันไม่ได้ยากอะไร ถือเป็นการสำรวจรีสอร์ทไปในตัว” แพทหันมาหาเฉิดโฉม “วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันเข้ามาทำงานที่นี่ ยังไม่อยากมีเรื่องกับใครให้เสียสิริมงคลในชีวิต อีกอย่างคนเราถ้าลองคิดจะแกล้งคนอื่น มันก็ต้องหาเรื่องมาจนได้ ไม่ว่าเรื่องนั้นมันจะปัญญาอ่อนขนาดไหน...ไปเจ้าหมาน้อย”
แพทเดินจูงหมาออกไป รัญธิดารีบตาม เฉิดโฉมยืนอึ้งคาที่
เชอรี่รีบกระซิบ “เค้าด่าเธอ ใช่มั้ยเฉิด”
เฉิดโฉมตวาดแว้ด “หุบปาก! ชั้นรู้แล้ว”
จากนั้นเฉิดโฉมก็สะบัดหน้าเดินหนีไป เชอรี่ตามติด ชูกับฝนหัวเราะชอบใจ
แพทเดินจูงหมาในสนามหญ้า รัญธิดารีบตามมาอย่างร้อนใจ
“น้าแพททำแบบนี้เพราะรัญใช่มั้ยคะ ปกติน้าแพทไม่ใช่คนยอมใครแบบนี้”
แพทหันมามอง แต่ไม่ตอบ “ไม่ว่าทำงานอะไรก็ต้องอดทนกันต้องนั้น ไม่ว่าจะอดทนเรื่องงาน หรือเรื่องคน ความจริงมันก็ถูกของเค้านะ น้าได้มาทำงานที่นี้ก็เพราะรัญจริงๆ เพราะงั้นก็ยิ่งต้องตั้งใจไม่ทำให้รัญเสียชื่อ”
แพทก้มลงปล่อยให้หมาวิ่งเล่น
“น้าแพท”
“ขอที อย่ามาทำหน้าซึ้งแถวนี้ เห็นมั้ยว่าน้าตั้งใจมาทำงานจริงๆ ไม่ได้ค่อยตามจับผิดเรากับคุณพีทอย่างเดียว ไปเถอะเจ้าหมา...” แพทพูดไม่ทันจบ เหลียวมองไป เพิ่งเห็นว่าหมาหายไปแล้ว “...เฮ้ย..ไปไหน”
ปรากฏว่าในมือแพทเหลือแต่สายจูง หมาน้อยของคุณหญิงจี๋หายไปแล้ว
สองสาวน้าหลานมองหากัน ด้วยความตกใจ
อ่านต่อหน้า 2
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 5 (ต่อ)
รัญธิดาแยกตัวเดินตามหาน้องหมามาอีกทาง
“เจ้าหญิง...เจ้าหญิง...ไปไหนนะ”
รัญธิดาเห็นหางหมาวิ่งดุ๊กดิ๊กไป รีบตามไป ปรากฏว่าหมาวิ่งมาเลียมือธาริศอยู่
“เจ้าหญิง” รัญธิดาชะงักกึก
“หมาของเธอเหรอ”
รัญธดาตกใจจนเหวอ “ไม่ใช่ เอ่อ ใช่”
“ตกลงยังไงกันแน่ แค่หมาของตัวเองรึเปล่ายังจำไม่ได้ รู้สึกเธอจะเป็นพวกความจำสั้นจริงๆ นะ มิน่า..ถึงได้บอกว่าจำเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้”
“เรื่องบางเรื่องที่ไม่มีค่าควรจำ มันก็ไม่รู้จะต้องจำไปทำไมให้รกสมองในเมื่อมีสิ่งดีๆ รออยู่ในชีวิตมากมาย” รัญธิดาย้อนเจ็บ
ธาริศโกรธจัด “อย่างเช่นพี่งั้นซิ”
“ค่ะ”
“หน้าไม่อาย ผู้หญิงอย่างเธอมันก็แค่ผู้หญิงใจแตก ไม่เหมาะสมกับพี่ชายฉันแม้แต่นิดเดียว”
รัญธิดาพูดออกมาด้วยเสียงอันขมขื่น “เหมาะหรือไม่เหมาะ ตอนนี้ก็คงไม่เกี่ยวกับคุณ เพราะเป็นเรื่องของฉันกับคุณพีท...เรื่องของคนสองคนที่...ที่...รักกัน” รัญธิดาเน้นคำตอนท้าย
ธาริศเยาะหยัน “หึ...คำว่ารักสำหรับผู้หญิงอย่างเธอมันช่างง่ายดายนักนะ ฉันไม่น่าโง่เลย เมื่อหกปีก่อน ฉันก็เคยได้ยินคำพูดนี้หลุดมาจากปากดธอไม่ใช่เหรอ พี่ธาริศคะ พี่ธาริศขา รัญรักพี่คนเดียว หรือว่าสำหรับเธอคำว่ารักก็เป็นแค่การพูดลอยๆ เพื่อจับผู้ชายเท่านั้น”
รัญธิดาบันดาลโทสะ ตบหน้าธาริศฉาดใหญ่ น้ำตาเริ่มเอ่อกลบตา
“สิ่งที่ฉันเสียใจที่สุดในชีวิต ก็คือเป็นการได้เจอกับคุณ”
รัญธิดาวิ่งออกไป ธาริศได้แต่ยืนอึ้ง
จังหวะที่รัญธิดาเลี้ยวออกมา ก็เจอกับทักษอรพอดี
“คุณรัญ...เห็นพี่ธาริศบ้างมั้ยคะ”
ขาดคำธาริศก็อุ้มลูกหมาตามออกมาพอดี
“เดี๋ยว รัญ”
ทั้งธาริศ และรัญธิดาต่างตกใจ ทักษอรเองก็ประหลาดใจมาก
ด้านแพทเดินแยกตามหาน้องหมา คนละทางกับรัญธิดา แพทเดินมาจนถึงด้านหลังโรงซักรีดซึ่งมีราวผ้าตากไว้เป็นแนว
“เจ้าหญิง...เจ้าหญิง” แพทร้องเรียกหมาน้อย แต่ต้องชะงัก เพราะไกลออกไปหน่อย เปลี่ยนยืนด่าคนงานหญิงอยู่
“ถือว่าฉันขอร้องเถอะ พ่อเปลี่ยน ลูกฉันไม่สบายจริงๆ”
แพทรีบหลบหลังผ้าที่ตากแอบฟังเงียบๆ
“คนที่ยากทำงานที่นี่มีเยอะแยะ ถ้าใครนึกจะมาก็มาอย่างเอ็ง งานการก็เสียหายหมด”
“ค่าแรงก็ไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยอยู่แล้ว ถ้าพ่อเปลี่ยนหักเงินฉันอีก แล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่ายาให้ลูก” ลูกจ้างหญิงว่า
“อ๋อ นี่เอ็งว่าข้าโกงค่าแรงเอ็งเหรอ อย่าลืมนะ ว่าเอ็งยินยอมให้ข้าหักเงินเอ็งตั้งแต่ต้น อย่าลืมนะว่าตอนเอ็งไม่มีงานทำ ใครกันที่มาอ้อนวอนขอให้ข้าช่วยรับเข้างานทำ”
แพทยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่ามันแปลกๆ
“ตกลงจ้ะ หักก็หัก แต่ขอก็หักออกไปจากค่าแรงของอาทิตย์นี้ไปได้มั้ย”
“ก็แค่นั้น เรื่องมากอยู่ได้” เปลี่ยนยิ้มเจ้าเล่ห์ หันไปหาลูกน้องคู่ใจ ชิดชักตังค์ออกมานับ แล้วส่งสมุดให้
“เซ็นชื่อให้เรียบร้อยเสียด้วย”
ลูกจ้างหญิงเซ็นชื่อเสร็จ ก็คืนปากกาให้ แต่ปากกาหล่น ชิดก้มลงเก็บ เห็นรองเท้าแพทโผล่มา
“นั่นใคร”
เปลี่ยนหันขวับไปมองตามชิด
“ฉันบอกให้ออกมาไง”
ชิดชักปืนออกมาทันที แพทตกใจ แล้วตัดสินใจจะก้าวออกไป ชิดค่อยๆ เดินมาเช่นกัน
แต่แล้วกลับมีมือของใครคนหนึ่งมาปิดปากแพทเสียก่อน และลากตัวออกไป
ที่แท้เป็นชูนั่นเองที่เป็นคนปิดปากและลากแพทมาอีกมุมของรีสอร์ท แพทแกะมือออกถามทันที
“ทำอะไรอ่ะ ชู...ดึงฉันมาทำไม”
“เชื่อผมเถอะครับ อย่าไปยุ่งกับคนพวกนั้นเลย” ชูย้ำ
“ทำไมถึงยุ่งไม่ได้ เค้าเป็นใครเหรอ ทำไมดูทุกคนต้องกลัวเค้า” แพทงง
“น้าเปลี่ยน เค้าเป็นหัวหน้าคนงาน เป็นคนเก่าคนแก่ มาตั้งแต่สมัยพ่อคุณพีทแล้ว พวกคนงานที่เป็นลูกจ้างรายวัน น้าเปลี่ยนแกจะเป็นคนคอยดูแล”
“แต่ฉันรู้สึกว่าสิ่งที่เค้าทำกับผู้หญิงคนนั้นมันไม่ถูกต้องนะ”
แพทมองไปเห็นคนงานหญิงคนเดิมเดินอยู่ รีบเรียกไว้
“นั่นไง พี่คนเมื่อกี้ ตกลงมันเป็นไง ทำไมเค้าถึงมีสิทธิหักค่าแรงพี่ล่ะ ก็พี่รับค่าจ้างรายวันไม่ใช่เหรอ”
คนงานหญิงอึกอัก แพทซักต่อ
“แล้วที่บอกว่าไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยนี้มันหมายความว่ายังไง บอกมาเถอะพี่ไม่ต้องกลัวนะ มีเรื่องอะไรไม่ถูกต้องก็ต้องบอกกัน เราทำงานที่เดียวกันนะ”
“ไม่...ไม่มี ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
คนงานหญิงสะบัดมือแล้วรีบเดินหนีไป
“มีซิ ก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามันไม่ใช่เรื่องปกตินะ เดี๋ยวซิ อย่าเพิ่งไป” แพทเรียกใหญ่
เสียงเปลี่ยนดังขัดขึ้น “อะไรที่ไม่ใช่เรื่องตัวเอง ก็อย่ายุ่งดีกว่า”
แพทหันไปมองตามเสียง เห็นเปลี่ยนเดินมา มีชิดตามติด ชูหน้าซีด ค่อยๆ ถอยไป
“น้าเปลี่ยน”
เปลี่ยนมองแพทอย่างสำรวจ “พนักงานคนใหม่เหรอ ฉันไม่เคยเห็นหน้า”
“เอ่อ นี่ คุณแพท น้าสาวของคุณรัญ เพิ่งจะมาทำงานที่นี่” ชูแนะนำ
“เพิ่งเข้ามาทำ มิน่า” เปลี่ยนจ้องหน้าแพท พูดขู่กลายๆ “ถ้าอยากทำงานที่นี่นานๆ ก็ควรเรียนรู้สักหน่อยนะ ว่าอะไรควรยุ่ง อะไรไม่ควรยุ่ง และใครเป็นใคร”
“แต่ยังไงชั้นก็ฉันคิดว่า ไม่ควรจะมีคนที่ใหญ่กว่าคุณพีทซึ่งเป็นเจ้าขอรีสอร์ตหรอกนะคะ คุณว่าจริงมั้ย แต่ก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำให้พนักงานใหม่อย่างฉัน” แพทย้อนอย่างไม่เกรงกลัว
เปลี่ยนมองหน้าเอาเรื่อง พูดเสียงเรียบๆ
“ที่พูดก็เพราะเตือนด้วยความหวังดี เก็บเอาไปคิดไว้บ้างก็แล้วกันนะ”
จากนั้นเปลี่ยนพยักหน้าลูกน้องให้เดินออกไป แพทมองตามไม่กลัว ชูกลืนน้ำลายลงคอ ท่าทางสยองขวัญ แพทหันมามอง ชูชิ่งเดินเลี้ยวไปอีกทางแล้ว
สามคนอยู่ตรงล็อบบี้ ทักษรอรเกาะแขนธาริศนั่งลง รัญธิดาแอบมองอยู่ หมาน้อยอยู่กับรัญธิดาแล้ว
“ยังดีนะคะ ที่พี่ธาริศจับลูกหมาไว้ได้ แต่แหมเพิ่งรู้นะคะ ว่าระดับแฟนเจ้าของรีสอร์ต ต้องคอยทำเรื่องพวกนี้ด้วย”
“เรามีหน้าที่บริการลูกค้า อะไรที่ทำให้ลูกค้าพอใจเราก็ยินดีทำค่ะ” รัญธิดาว่า
“นี่ถ้าเป็นอร อรไม่มีวันทำหรอก หมาตัวเองเอามาเที่ยว ก็ควรจะรับผิดชอบไม่ให้คนอื่นเค้าเดือดร้อน คุณรัญน่ารักอย่างนี้นี่เองถึงมัดใจพี่พีทไว้ได้ จริงมั้ยคะ พี่ธาริศ”
“คนเราต้องคบ ต้องรู้จักกันนานๆ ถึงจะรู้นิสัยกัน ยิ่งคนจะแต่งงานกัน นิสัยอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องรู้จักไปถึงสันดานคนนั้นด้วยนะ พี่ว่า” ธาริศจงใจแดกดันรัญธิดา
“อุ๊ย วันนี้พูดจาดุเดือดจังนะคะพี่ธาริศ คุณรัญอย่าถือเลยนะคะ พี่ธาริศเค้าเป็นคนแบบนี้ล่ะค่ะ ไม่ค่อยหวาน เรื่องโรแมนติกอย่าหวัง แต่สิ่งที่น่ารักคือ พี่เค้าคอยดูแลเมียขี้โรคแบบอรเป็นอย่างดีมาตลอด และ สม่ำเสมอ”
ทักษอรหันไปยิ้มหวานให้พร้อมกับจับมือธาริศมากุม ธาริศจำต้องยิ้มตอบ รัญธิดาเจ็บแปลบในใจขึ้นมา แกล้งถาม
“คุณธาริศคอยดูแลคุณอรขนาดนี้ คงจะ...รักคุณอรมาก”
“คนเป็นสามีภรรยา...แต่งงานกันก็ต้องรักกันซิครับ แล้วคุณรัญกับพี่พีทล่ะครับ” ธาริศย้อนถาม
“คุณพีทเป็นคนเอาใจใส่ฉันมากค่ะ เป็นสุภาพบุรุษมาก อย่างที่ฉันไม่เคยเจอในผู้ชายคนไหนมาก่อน” ธาริศได้ยินก็หึงขึ้นมา รัญธิดาหันมาทางทักษอร “ขอบคุณมากนะคะที่จับลูกหมานี้ให้ ขอตัวไปทำงานต่อก่อนค่ะ”
รัญธิดาอุ้มน้องหมาออกไป รีบหันหลังกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลอีกรอบ
“อยากรู้จริงๆ คุณรัญมีดีอะไรน่ะ เสือผู้หญิงอย่างพี่พีท ถึงยอมถอดเขี้ยวเล็บคิดจะลงเอยกับสาวน้อยไร้เดียงสาอย่างนี้” ทักษอรเจื้อยแจ้ว
ธาริศยิ่งได้ฟังยิ่งหึง
“อย่าไปยุ่งกับเค้าเลย น่าอร”
“เอ๊ะ จะได้ยังไงเค้ากำลังจะมาเป็นพี่สะใภ้คุณนะ เราก็ควรรู้จักกันให้มากกว่านี้ซิ จริงมั้ยคะ”
ธาริศอึ้ง นิ่งงันไป
แพทเดินเข้ามาตรงหน้าโรงเรือนเก็บหญ้าให้ม้า และยังมองหาเจ้าลูกหมาต่อ
“เจ้าหญิง...เจ้าหญิง...เฮ้อ ตกลงต้องตามเจ้าลูกหมาตัวแสบกันทั้งวัน ใช่มั้ยเนี่ย”
ระหว่างนี้เหมือนมีสายตาใครคนหนึ่งจ้องมองแพทจากด้านหลัง แพทรู้สึกหันมามอง แต่ไม่มีใคร เลยเดินเข้าไปข้างในที่เก็บหญ้าให้ม้า แพทได้ยินเสียงแอ๊ดของประตูก็เอะใจ รีบวิ่งออกมาดู พบว่าเป็นประตูถูกปิดล็อคจากด้านนอกโรงเรือน
“เฮ้ย” แพทตบประตู พร้อมกับตะโกนเสียงดัง “ใครอยู่ข้างนอก...เปิดเดี๋ยวนี้นะ เปิด”
แพททุบประตูอุตลุด
ส่วนด้านนอกประตู เห็นมือชิดกำลังคล้องโซ่คล้องประตูล็อคกุญแจไว้ โดยมีเปลี่ยนยืนดูอยู่ แล้วยิ้มร้ายออกมาอย่างสะใจ
แพทได้ยินเสียงล็อค ก็รีบเอาหูแนบประตู ได้ยินเสียงหัวเราะหึ หึ หึ ซึ่งเปลี่ยนจงใจให้แพทได้ยิน
“ใคร! นั่นใคร! มีคนอยู่ข้างนอกใช่มั้ย เปิดประตูซิ...มีใครอยู่ข้างนอก”
ทุกอย่างเงียบกริบ แพทโดนขังอยู่ข้างในโรงเรือนเก็บหญ้า ขณะที่เวลาค่ำลงทุกที
อ่านต่อหน้า 3
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 5 (ต่อ)
ทางด้านประทินฝน และชู อยู่ที่ออฟฟิศ พีระ แรนโช รีสอร์ต ประทินเริ่มเป็นห่วงแพท เพราะหายไปนาน
“คุณแพทหายไปงั้นเหรอ ก็โทร.เข้ามือถือซิวะ”
“โทร.เรียบร้อยแล้วน้า” ฝนบอก
“อ้าว แล้วเจอมั้ยวะ ตกลงอยู่ไหน”
“เจอ” ฝนชูโทรศัพท์แพทให้ดู “นี่ไง วางอยู่ที่โต๊ะทำงาน”
“หรือว่า...หรือว่า...” ชูหน้าตาตื่น
“อะไรวะ ไอ้ชู พูดซักทีซิ” ประทินหงุดหงิด
“เมื่อตอนสาย คุณแพทเจอกับน้าเปลี่ยน น้าเปลี่ยนแก...แกเตือนคุณแพทเป็นนัยๆ อยู่” ชูว่า
ฝนฉงน “ทำไมต้องเตือน คุณแพทก็ไปรู้เห็นอะไร”
“ก็เรื่องที่เรารู้ๆ กันนั่นแหละ” ชูบอก
คราวนี้ฝนมองหน้ากับประทิน แล้วถอนหายใจ เพราะพูดไม่ออก เปลี่ยนเดินเข้ามาอย่างสบายใจกับชิด ทันได้ยินประโยคที่ชูบอกสองคน จ้องหน้าชูเขม็ง
“อ้าวๆ ไอ้ชู พูดอะไรก็ระวังๆ หน่อยนะโว้ย ข้าเสียหายนะ ข้าก็แค่พูดจาทักทายให้คำแนะนำ สั่งสอนไปตามที่ควรในฐานะคนเก้าคนแก่ มันก็แค่นั้นเอง ไหนเอ็งพูดมาซิ ไอ้ชู ว่าข้าพูดผิดไปจากที่เอ็งเห็นหรือเปล่า”
ชูหลบตาวูบไม่กล้าพูดอะไรอีก
“ไม่ผิดจ๊ะ...”
เปลี่ยนยิ้ม ยักไหล่ประมาณว่านั่นไง
“เรื่องบางอย่างที่คนเค้าไม่พูด ก็อย่าคิดว่าคนอื่นไม่รู้นะ บาปกรรมมันมีจริงสักวันมันจะตามสนอง”
เปลี่ยนย้อนฝนหันมาทางประทิน “เหรอ...ญาติเอ็งนี่ปากดีจริงนะไอ้ทิน หัดสั่งสอนให้รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่เสียบ้างก็ดีนะ ก่อนที่ข้าจะคันไม้คันมืออยากสั่งสอนมันแทนเอ็ง”
ประทินเดินขึ้นมารับหน้าแทนฝน มองหน้ากับเปลี่ยน ประมาณว่ายังเกรงๆ กันอยู่ เพราะรุ่นใหญ่พอกัน เปลี่ยนเดินหนีไป ชิดตามติด
“น้าทินอ่ะ...ทำไมถึงปล่อยให้เค้ากำเริบขนาดนี้”
“ก็มันไม่มีหลักฐาน ไม่มีคนงานคนไหนยอมพูด จะให้ข้าทำไง ช่างหัวมันเถอะ ช่วยกันตาม คุณแพทดีกว่า” ประทินตัดบท
ส่วนที่โรงเก็บหญ้าม้า แพททุบประตูจนหมดแรง ทรุดตัวลงนั่งหมดอาลัยตายอยาก สักพักหนึ่งประตูค่อยๆ ขยับ เหมือนจะเปิด แพทเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจ
“หรือพวกมันจะย้อนกลับมา”
แพทมองซ้ายมองขวาหาอาวุธ ว่าจะเอาไงดี
ประตูเปิดออกจริงๆ มีใครคนหนึ่งยืนอยู่ แพทหลบอยู่ข้างประตู แล้วตัดสินใจทุ่มฟ่อนฟางเข้าไปเต็มแรง ร่างใครคนนั้นทรุดลงไปกับพื้น แพทเอาฟางอีกก้อนทุ่มซ้ำ
“นี่แน่ะ นึกเหรอว่าจะรังแกชั้นได้”
ร่างนั้นค่อยๆ พลิกตัวมาเห็นว่าเป็นพีท ยกหัวขึ้นมานิดหนึ่ง แล้วหมดสติไป แพทช็อก
“คะ.....คุณ” แพทรีบเข้าไปดู เรียกสติ
“เฮ้ย คุณๆ เป็นอะไรหรือเปล่า แย่แล้ว ฉันเพิ่งฆ่านายจ้างตัวเองไปเหรอเนี่ย”
แพทเอามืออังจมูกว่ามีลมหายใจหรือเปล่า ปรากฏว่าไม่มี
“ไม่หายใจ เฮ้ย เป็นไปได้ไง”
แพทช็อกต่อ ก่อนจะแนบหน้ากับอกฟังเสียงหัวใจ พีทลืมตาโพลงยิ้มขำโพล่งขึ้น
“ฆาตกร! คุณฆ่าผม”
แพทตกใจหงายหลังเงิบ พีทค่อยๆ ลุกขึ้น แพทถดตัวถอยหนี พีทจับขอเท้าไว้
“คิดจะฆ่ากัน แล้วยังจะหนีอีก จะไปไหน”
“ปล่อยฉันซิ...นายยังไม่ตาย เจ้าเล่ห์ชะมัด นี่แน่ะ”
แพทสะบัดขาถีบสุดฤทธิ์ พีทที่นั่งไม่มั่นคงเลยเสียหลักหงายหลังก้นจ้ำเบ้าไป
“เฮ้ย! อะไรกันเนี่ยะ คุณคิดจะฆ่าผมเหรอถึงเอากองฟางมาทุ่มใส่ผม แล้วยังจะมาถีบผมอีก คุณทำแบบนี้ทำไม อ๋อ รู้แล้ว ห้ามไม่ให้รัญคบกับผมไม่ได้ คิดจะฆ่ากันเลยเหรอ ใจร้ายมากนะคุณ”
“จะบ้าเหรอ ใครจะไปคิดทำอย่างนั้น” แพทปรี๊ด
“อ้าว แล้วที่คุณเอาก้อนฟางทุ่มใส่ผมเมื่อกี้ อย่าบอกนะว่าผีผลัก”
“ฉันเป็นคนทุ่มเอง ฉันยอมรับ ก็มีคนแกล้งขังฉันไว้ในนี่ นึกออกแล้ว ต้องเป็นคุณแน่ๆ ที่แกล้งฉัน ฉันเพิ่งมาทำงานวันแรก จะไปมีเรื่องกับใคร ก็คุณนี่แหละ ที่ไม่ชอบหน้าฉัน อ๋อ มียายเฉิดโฉมอะไรอีกคน” แพทใส่เป็นชุด
“เฮ้ย ผมเพิ่งมาถึง อย่าเพ้อเจ้อได้มั้ย” พีทโวยกลับ
“ฉันไม่ได้เพ้อเจ้อ ฉันพูดเรื่องจริง มีคนตั้งใจขังฉันในนี้แน่นอน เพราะตอนฉันเข้ามา ประตูยังไม่ได้ล็อก”
“ทำเพื่อ...”
“ไม่รู้ รู้แต่ว่าถ้าไม่มีคนมาเจอ ชั้นคงต้องตายอยู่ที่นี้แน่ๆ” แพทมั่นใจมาก
พีทไม่ค่อยเชื่อ “โอ๊ย โอ๊ย ปวดหัว สงสัยที่ล้มหัวฟาดไปเมื่อกี้แน่ๆ
พีทแกล้งจับหัวทำเป็นเจ็บเต็มประดา แพทตกใจมาก ขยับเข้าไปดูใกล้ๆ พีทได้ทีแกล้งหมดสติ คว่ำหน้าลงไปทับแพทเต็มๆ แพทถึงกับตัวแข็งทื่อ จะผลักขึ้นก็ไม่รอดเพราะพีททับลงมาทั้งตัว แถมหน้ายังซบอยู่ใกล้นิดเดียว
“คุณ คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า อุ๊ย”
แพทตกใจขึ้นไปอีก เมื่อหน้าพีทอยู่ใกล้หน้าตัวเองนิดเดียว แถมยังลืมตามอง ตาประสานกัน พีทยักคิ้วให้อย่างกวนๆ
“โอเค ค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว”
“อีตาบ้า ทำไมกวนขนาดนี้นะ”
แพทหมั่นไส้เลยยกเข่ากระแทกเข้า ตรงหว่างขาพีทไปเต็มๆ พีทจุกถึงกับตัวงอ แพทผลักพีทออก เดินหนีไปอย่างโมโห
พีททั้งจุกทั้งเจ็บ ค่อย ๆ ลุกขึ้น เขย่งตามมา
แพทเดินออกมาอย่างโมโห พีทตามมา
“เฮ้ย นี่ คุณ ทำร้ายร่างกายแล้วหนีเหรอ”
“อย่างนายน่ะ ไม่ตายง่ายๆ หรอก เจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ฉันไม่เข้าใจเลยนะ ยายรัญเลือกนายได้ไง กระล่อนขนาดนี้ ไม่เห็นจะมีดีตรงไหน เค้าว่าสาวๆ กรี๊ดนายนัก ฉันว่าเค้ากรี๊ดเพราะสมบัติของนายมากกว่า”
“ผมถึงเลือกหลานสาวคุณไง” แพทชะงักทันที “คุณรัญไม่เคยเห่อผมเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ รวมทั้งการวางตัว กริยามารยาท เรื่องส่วนตัวก็ไม่มีอะไรเสียหายเลย ผมขอแค่นี้เองสำหรับ ผู้หญิงที่จะมาเป็นนายหญิงของ พีระ แรนโช”
แพทอึ้งๆ “นี่ คุณ...คิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ”
“ใช่ รัญเป็นผู้หญิงที่เฟอร์เฟคท์ที่สุดสำหรับผม ผมชื่มชมรัญด้วยซ้ำนะ ทั้งๆ ที่เป็นกำพร้าทั้งพ่อและแม่ แต่ก็ไม่ได้ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา เรียนจนจบมีงานทำ”
แพทแปลกใจ “กำพร้างั้นเหรอ ยายรัญบอกคุณว่าแกกำพร้างั้นเหรอ”
“ใช่ ในใบสมัครงานก็เขียนไว้แบบนั้น มีอะไรเหรอ”
แพทถึงกับอึ้ง ยังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ประทิน กับ ฝน และชูเข้ามาเสียก่อน
“อ้าว คุณแพทอยู่นี่เอง ผมตามหากับแทบแย่ ไหนว่าคุณแพทหายไปยังไง ไอ้ชูนี่ มันมั่วจริงๆ” ประทินด่าชูเอา
แพทยิ้มให้ แต่ก็ยังอดนึกถึงเรื่องที่พีทพูดไม่ได้
เย็นนั้นผู้คุมตามทิฟปภามารับโทรศัทพ์ในห้องธุรการ โดยให้คุยกันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ที่ยกหูฟังด้วย
“มีอะไรเหรอแพท”
แพทคุยโทรศัทพ์ต่อหน้ารัญธิดา ตรงมุมหนึ่งในพีระฯรีสอร์ต ซึ่งยืนก้มหน้าอยู่ข้างๆ
“พี่ทิพ วันก่อนรัญมาเยี่ยมพี่ทิพหรือเปล่า”
“ก็...” ทิพปภานิ่งไปพัก ก่อนตัดสินใจโกหก “มา แต่แบ๊ปเดี๋ยวแล้วก็ไป”
“แน่ใจนะ อย่าโกหกแพท”
ทิพปภาฉุน “ฉันจะโกหกแกให้ได้อะไรขึ้นมา ยายรัญมันลูกฉัน มันคิดถึงแม่ ก็มาเยี่ยมแม่ แค่นี้ฉันก็สบายใจแล้ว จะมาคาดคั้นอะไรนักหนา วันหลังถ้าไม่มีเรื่องที่ดีกว่านี้ก็ไม่ต้องมาเยี่ยมอีก น่ารำคาญ” ทำท่าจะวางโทรศัพท์
แพทจ๋อยไป ที่โดนด่ากลับ “เดี๋ยวค่ะ พี่ทิพ มีอีกเรื่องเจ้าหน้าที่เค้าบอกว่าทำเรื่องขอลดโทษให้พี่อีกแล้วนะจ๊ะ ในฐานะที่เป็นนักโทษชั้นดี พี่คงหมดโทษเร็วขึ้นอีกหลายปี
“ให้มันออกไปก่อนแน่ๆ เถอะ แล้วค่อยพูดกัน”
ทิพปภาวางหูโครม
กลับจากที่ทำงาน สองสาวหยุดคุยกันที่หน้าบ้าน
“ก็บอกแล้วว่ารัญแวะไปจริงๆ ไม่ได้โกหก น้าแพทเป็นคนส่งรัญเองนี่นา” รัญธิดารับลูกจากแม่
“ดี แต่รัญก็ยังไม่ได้บอกพี่ทิพเรื่องคุณพีทใช่มั้ย”
“รัญ...” รัญธิดาคิดหาข้อแก้ตัว “ไม่ได้เจอแม่ตั้งหลายปี แม่มีเรื่องคุยเต็มไปหมด รัญไม่รู้จะหาจังหวะไหนบอก”
แพทถอนหายใจไม่รู้จะว่าไง “เอาเถอะ แล้วทางนี้ละ รัญจะบอกยังไงถ้าที่ทิพออกมา บอกว่าแม่ที่ตายไปแล้วฟื้นขึ้นมางั้นเหรอ”
รัญธิดาสะดุ้ง ไม่คิดว่าแพทจะรู้
“น้าแพท!”
“น้าคิดว่ามีอีกเรื่องนะ ที่เราต้องคุยกัน”
จังหวะนี้พีทขับรถเข้ามาจอด ทั้งคู่ชะงัก รัญธิดารีบชิ่งวิ่งไปหา
“คุณพีท มีอะไรคะ”
แพทเลยเงียบ
“ไปกันหรือยัง” พีทถาม
“จะไปไหนกัน” แพทสงสัย
พีทงงๆๆ “ผมจะมารับคุณรัญไปกินข้าวเย็น” พีทหันมาทางรัญ “รัญครับ”
รัญธิดาทำท่าจะเดินตามไป
“ชั้นไปด้วย!” แพทโพล่งขึ้น
สองคนชะงักมองแพทอึ้งๆ แพทยักไหล่พรืด
“ชั้นก็หิวแล้วเหมือนกันนี่ หวังว่าคุณคงไม่รังเกียจชั้นกับอะตอมหรอกนะคะ” แพทมัดมือชก พีททำตามแบบงงๆ และงง
ด้านทิพปภาอยู่ที่บริเวณสวนผักเรือนจำ ทิพปภานั่งดูกระดาษในมือ เป็นข้อความที่รัญฝากไว้ให้วันก่อน
“รัญมาเยี่ยมแม่ แต่มีธุระด่วน รอไม่ได้ ไปก่อนนะ”
ทิพปภามองกระดาษอย่างชื่นใจ แล้วพับเก็บใส่กระเป๋า
“พิพ...อีทิพ”
เพื่อนสะกิดเรียกให้ทิพปภารู้ตัว ทิพปภารดน้ำต่อ
“มีอะไรเหรอ”
“ไอ้สมมันเล็งมาทางนี้ ไม่รู้จะเกี่ยวกับที่เอ็งเจอของเมื่อวันก่อนหรือเปล่า”
สมกับพวกที่อยู่อีกแปลงหนึ่งมองจ้องหน้าทิพปภาเขม็ง
“ช่างมันซิ ไม่เห็นต้องกลัว”
สมกับพวกเดินกร่างเข้ามาหา
“ขยันจริงนะ อีทิพ” ทิพปภาเงียบ “ได้ข่าวว่าลูกสาวมาเยี่ยมเหรอ หน้าตาสวยดีนะ มีผัวหรือยังล่ะ”
“ลูกกูมีผัวหรือไม่มี คงไม่หนักหัวส่วนไหนของเอ็งหรอก” ทิพปภาสวนอย่างไม่กลัวเกรง
“อะอ้าว พูดแบบนี้ ก็ไม่แน่ เพราะเพื่อนกูที่อยู่นอกคุกบางทีเค้าอาจจะอยากเป็นผัวลูกสาวเอ็งขึ้นมาก็ได้”
ทิพปภาตะลึง ใจหายวับ เพราะรักลูกสุดชีวิต
“จะทำอะไรลูกกู ถ้าแตะลูกกู กูเอาเอ็งตายอีสม”
“ใจเย็นๆ กูก็แค่ล้อเล่นนะ” สมพูดหน้านิ่งๆ ก่อนจะมองซ้ายมองขวา พยักหน้าให้ลูกน้องช่วยเบียด ตัวบังผู้คุม ตัวเองมากระซิบคุยกับทิพปภาให้ถนัดยิ่งขึ้น
“กูไม่ได้อยากมีเรื่องกับเอ็งนะ แต่เห็นเอ็งใจกล้า ก็อยากหาตังค์ให้เก็บไว้ตอนออกไปจากที่นี่ คนอย่างเราออกไปจะหากินอะไรได้ ใครจะรับคนอย่างเราเข้าทำงาน มีอย่างเดียวคือนั่งแบมือขอลูกกินเท่านั้น”
ทิพปภาคิดหนัก
“เอ็งไม่สงสารลูกมันเหรอวะ”
ทิพปภานิ่งไปพักหนึ่งก่อนตัดใจถาม “เอ็งต้องการอะไร”
“เย็นนี้เวรเอ็งช่วยงานโรงครัวใช่มั้ย”
ตอนเย็นวันเดียวกัน นักโทษช่วยกันขนเข่งใส่ผักต่างๆ เข้ามาในโรงครัว มีผู้คนยืนคุมอยู่ห่างๆ ทิพปภากำลังหั่นผักอะไรไปตามเรื่อง แต่สายตาสอดส่องมองรอบๆ ตัว อย่างสังเกตการ
ครู่ต่อมาลังผักถูกขนมาที่ทิพปภาหั่นผักอยู่ ทิพปภาเริ่มมือไม้สั่นตั้งท่าจะหยิบฟักทอง
“เดี๋ยวก่อน”
ผู้คุมเดินมามองหน้าทิพปภา แล้วก็เปิดลังใบหนึ่งหยิบฟักทองขึ้นมาดู คิดว่าอาจจะมีการซ่อนของในนี้ แต่ไม่มีอะไร
“ฉันทำต่อได้หรือยัง”
ผู้คุมพยักหน้า ทิพปภาค่อยๆ หยิบฟักทองขึ้นมา เห็นช่องที่ถูกเจาะเอาไว้ จึงหยิบถุงโคเคนที่ใส่ยัดมาในนั้นเหน็บเข้าที่เอว
ไม่นานหลังจากนั้นทิพปภาถือขันเตรียมตัวไปอาบน้ำเดินสวนกับลูกน้องสม แล้วแอบยื่นมือส่งถุงโคเคนให้
ตกตอนกลางคืน ภายในเรือนนอนนักโทษหญิง ทุกคนกำลังสวดมนต์ พร้อมกันรวมทั้งทิพปภา
“อะระหังสัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา... สังฆังนะมามิ”
ทิพปภาสวดมนต์พลางเหลือบมองไปที่สมอยู่ สองคนสบตากัน สมยิ้มให้
แต่ทิพปภายังรู้สึกผิดอยู่ในใจ ยิ้มได้ไม่เต็มที่ แล้วหลบตาวูบ
อ่านต่อหน้า 4
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 5 (ต่อ)
เช้าวันต่อมา พีทเดินคุยมากับรัญธิดาตรงถนนในรีสอร์ท์ แถวสนามกอล์ฟ ท่าทีสบายอกสบายใจมากมาย
“เป็นอะไรคะคุณพีท ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่”
“ก็มันสบายใจนี่ ค่อยยังชั่ว วันนี้มีเราแค่สองคน”
รัญธิดาหัวเราะเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร
“ให้ตายเถอะ ผมคิดถูกหรือผิดก็ไม่รู้ที่ชวนน้าคุณมาทำงานด้วย โอ้โห้เค้าไม่ยอมให้เราสองคนอยู่ด้วยกันลำพังบ้างเล้ย... ยังดีนะที่วันนี้ผมไหวตัวทัน เลยให้ ไปซื้อของในอำเภอ” พีทยักคิ้วให้พร้อมทำหน้าเจ้าเล่ห์ “เราต้องมีโอกาสอยู่ด้วยกัน 2 คน”
“คุณพีท” รัญธิดาตกใจนิดๆ
“โธ่รัญ ถ้าไม่ทำแบบนี้ เมื่อไหร่เราจะได้อยู่ด้วยกันล่ะ”
รัญธิดาแกล้งขู่ “เจ้าเล่ห์จริงๆ เดี๋ยวเถอะน้าแพทกลับมารัญจะฟ้อง”
“ถ้าขืนรัญบอกมีหวังโดนคุณน้าจอมแสบ” พีททำท่าเชือดคอขณะพูด “จัดการผมแน่”
รัญธิดาหัวเราะขำอีกที พีทเลยขำไปด้วย
จังหวะนี้จากอีกมุมไกลๆ เห็นธาริศจ๊อคกิ้งอยู่ แต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นรัญธิดากับพีทเดินเล่นหัวเราะกันอย่างมีความสุข ธาริศหยุดดู เริ่มหึงและไม่พอใจ
“รัญ เมื่อวันก่อนที่ไปทานข้าว คุณแม่แอบถามผมว่าเมื่อไหร่เราสองคนจะแต่งงานกัน ท่านบอกแอบไปดูฤกษ์มาแล้วนะ เดือนหน้านี้มีฤกษ์ดีเสียด้วย น่าเสียดายชะมัด”
พีทพารัญธิดาลงรถ แล้วเดินคุยกันริมบ่อน้ำในรีสอร์ต
“บางทีนะ ผมอยากเรียกน้าคุณมาคุยตัวต่อตัวเลย มันมีปัญกาอะไรนักหนาถึงไม่ยอมอนุญาติให้เราแต่งงานกันเสียที”
รัญธิดารีบบอก “อย่านะคะ รัญรับปากกับน้าแพทแล้วจะเป็นคนบอกเรื่องนี้เอง”
พีทชะงัก รัญธิดาเองตกใจที่ตัวเองเผลอหลุดปาก
“บอกเอง เรื่องอะไรรัญ คุณสองคนตกลงอะไรกัน”
“คือ...” รัญธิดานิ่งไปรวมรวมสติพักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูด “ถ้ารัญมีเรื่องบางอย่าง...อยากบอกให้คุณพีทรับรู้...เรื่อง ...เรื่อง...”
ทว่ารัญธิดายิ่งพูดยิ่งติดๆ ขัดๆ ใจสั่น ด้วยความกลัว มือบิดกันไปมา จนพีทต้องจับมือไว้
ธาริศยิ่งเห็นยิ่งโมโห
“คงอ้อนพี่พีทเต็มที่ละซิ”
ธาริศมองรอบตัวแล้วหยิบลูกมะพร้าวลูกใหญ่เหมาะมือแถวๆ นั้นขึ้นมาถือ
“พูดมาเถอะรัญ ไม่ต้องกลัว ผมพร้อมจะฟังรัญเสมอ”
รัญธิดาตั้งใจใหม่ “เรื่อง แม่ ของรัญ...”
จังหวะนี้เสียงลูกมะพร้าวหล่นลงน้ำตูมใหญ่ น้ำกระเซ็นโดนทั้งคู่
พีทโวยวาย “เฮ้ย อะไรวะ!” พีทมองหันตามลูกมะพร้าว เลยมองรอบตัวงงๆ “ลูกมะพร้าวมันมาจากไหนเนี่ย”
รัญธิดามองรอบๆ ตัว งงๆ เช่นกัน พีทเดินดูแถวๆ นั้น ที่เมื้อกี้ธาริศอยู่ก็ไม่มีใคร เลยเดินกลับมานั่ง
“ไม่เห็นมีใครเลย...” แล้วนึกได้ “เอ๊ะ...เมื่อกี้รัญจะบอกอะไรเรื่องแม่ เหรอ”
รัญธิดาอึ้งไปนิด เกิดเปลี่ยนใจ “รัญ เอ่อ...รัญจะบอกว่า รัญเคยรับปากน้าแพท ว่ารัญจะทดแทนบุญคุณที่น้าแพทเลี้ยงดูรัญมาแทนแม่ให้สุขสบาย ก่อนที่รัญแต่งงาน”
“โธ่เอ๋ย เรื่องนี้เองเหรอ สรุปว่าน้าคุณเค้ากลัวว่าถ้าคุณแต่งงานจะไม่เลี้ยงเค้าเหรอ เห็นแก่ตัวมากนะ ผมว่า...”
“อย่าว่าน้าแพทอย่างนั้นเลยค่ะ รัญเป็นคนตั้งใจเอง แต่รัญก็ผิดสัญญา เมื่อเจอคุณ”
“รัญเป็นผู้หญิงที่ดีจริง ๆ ไม่ต้องห่วงนะรัญ ผมจะทำให้น้าคุณเชื่อมั่นจนยอมเอ่ยปากอนุญาติออกมาเองให้ได้”
รัญธิดายิ่งรู้สึกผิดที่ต้องโกหกอีก แต่ไม่รู้จะทำยังไง
ธาริศกลับมาเข้ามาในบ้านพัก หน้ามุ่ยยังหงุดหงิดนิดๆ เจอทักษอรเดินไปเดินมาในชุดนอนด้วยความร้อนใจ
“ไปไหนแต่เช้า โทรศัพท์ก็ไม่เอาไป อรเกือบจะแจ้งความคนหายแล้วนะ”
ธาริศข่มอารมณ์ตอบไป “พี่ก็บอกอรแล้วนะ ก่อนออกไปว่าจะไปวิ่ง อรบอกเอง ว่าไปเถอะจะนอนต่อ”
ทักษอรเปลี่ยนท่าทีอ่อนลง “อ้าวเหรอค่ะ ก็...อรคงยังไม่ตื่นดี ช่างเถอะ...อรมีข่าวดีจะบอก ตอนแรกก็ไม่แน่ใจ แต่ว่านี่เลทก็เดือนกว่าๆ จะสองเดือนแล้ว พี่ธาริศจะไม่พูดอะไรเหรอ”
ธาริศอึ้งไปนิดหนึ่ง แล้วเข้าใจ เพราะอรคลำท้องตัวเองอย่างมีความสุข
“พี่ดีใจ แต่อยากให้อรเผื่อใจไว้บ้าง ไม่อยากให้อรผิดหวังอีก”
“แต่ครั้งนี้อร แน่ใจค่ะ อรรู้สึกว่าต้องใช่แน่ๆ” ทักษอรลูบท้อง “แหม ดีจริง พี่พีทก็กำลังจะแต่งงาน คุณรัญก็ยังเด็กอยู่ คงมีลูกไม่ยาก อุ๊ย ลูกเราเป็นผู้ชาย แล้วลูกพี่พีทถ้าเป็นผู้หญิง ก็ดีสิ เผื่อจะได้หมั้นหมายกัน”
“ไม่ ไม่ดี” ธาริศโพล่งขึ้น ทักษอรมองหน้าชักไม่พอใจ
“ทำไมล่ะคะ ต้องดีซิ ก็เหมือนเราสองคนไงค่ะ พ่อแม่เป็นเพื่อนกัน เราก็ได้แต่งงานกัน หรือว่า...” ทักษอรพูดเสียงแข็ง “พี่ธาริศไม่พอใจที่ต้องแต่งงานกับอร”
ธาริศรีบแก้ตัว “มัน ไม่ใช่แบบนั้น...แต่พี่หมายความว่า...”
“งั้นก็ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น”
เด็กรับใช้เข้ามาพอดี
“คุณคะ...คุณหมอมาแล้วค่ะ”
ทักษอรยิ้มระรื่นด้วยความดีใจ
สักพักหนึ่งธาริศออกมาส่งหมอ
“ขอบคุณ คุณหมอมากนะครับ รบกวนให้คุณหมอมาถึงที่นี่ เกรงใจจริงๆ”
“ไม่เป็นไรครับ...เราดูแลกันประจำอยู่แล้ว...ผมว่า คุณธาริศเข้าไปดูคุณอรดีกว่า”
ทักษอรนอนขดตัวอยู่บนเตียง ธาริศเข้ามา ทักษอรน้ำตาไหล พยายามปฏิเสธความจริง
“อรไม่น่าโทร.ตามหมอมาเลย บางทีรอให้แน่ใจอีกหน่อยก็น่าจะดี”
ธาริศถอนหายใจ เพราะรู้ดี “หมอบอกว่าช่วงนี้อรไม่ค่อยแข็งแรง เรื่องประจำเดือนที่ขาดไป...หมอสั่งยาให้แล้ว เดี๋ยวก็คงมาปกติ”
“จะช่วงไหนอรก็ไม่เคยแข็งแรง เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะมีลูกได้เสียที” ทักษอรคร่ำครวญ
“อร...ความจริงเราอยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว บางที...” ธาริศตัดใจพูด “การมีลูกมันไม่ใช่ ทุกอย่างของชีวิตคู่หรอกนะ ไม่มีลูกก็ไม่เป็นไร”
“ไม่ค่ะอรอยากมี ไม่งั้นชีวิตคู่มันจะสมบรูณ์ได้ยังไง อรรู้พี่ธาริศพูดเอาใจอรไปยังงั้นเอง ทั้งคุณแม่ พี่ธาริศก็อยากมีลูกหลานไว้สืบสกุลทั้งนั้น ใครๆ ก็มี อรก็ต้องมีซิ มีอะไรบ้างที่อรอยากได้แล้วไม่ได้ ฮือๆๆ”
ทักษอรร้องไห้ออกมา เพราะรู้ดีอยู่ลึกๆ ว่าสิ่งที่จะยึดธาริศอยู่กับตัวเองตลอดไปคือลูก ธาริศไม่รู้ทำยังไง เลยมากอดภรรยาเอาไว้เพื่อปลอบใจ ทักษอรยิ่งกอดธาริศไว้แน่น
“พี่ธาริศอย่าทิ้งอรไปไหนนะ พี่ต้องรักอร อยู่กับอรนะ”
ธาริศกอดตอบตบเนื้อตัวเบาๆ เหมือนปลอบโยน ด้วยอดสงสารทักษอรไม่ได้เช่นกัน
ทางด้านกันตาเดินเลือกซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ตไป คุยโทรศัพท์ไป คู่สนทนาคือรุจรวี มารดาธาริศ
“ไม่ต้องห่วงหรอกรวี ธาริศกับยัยอรก็ดูมีความสุขกันดี...เธอเองก็น่าจะมาพักผ่อนซะที่นี้ด้วย โธ่... คนกันเองแท้ๆ ไม่เห็นต้องเกรงใจ...จ้ะ...พี่นะเหรอ...ก็” ตัดใจไม่บอก “สบายดีจ้ะ...แข็งแรงดีเหมือนเดิม... ใช่...แล้วเจอกันนะ สวัสดีจ้ะ”
กันตาปิดโทรศัทพ์ เข็นรถไปได้อีกหน่อย ก็ต้องชะงัก จับชั้นวางของใกล้ๆ มือป่ายของบนชั้นล้ม รู้สึกคลื่นไส้
จังหวะเดียวกันนี้แพทเดินซื้อของอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตเดียวกัน เดินเลือกตามโพยยาวเหยียด รถเข็นเต็มแน่น พอซื้ออย่างหนึ่งก็ขีดติ๊กว่าซื้อแล้ว
“น้ำยาขัดห้องน้ำ...แล้วอะไรอีกอย่างเนี่ยะ...โอ้ย! อดทนไว้ แพท เค้าเป็นเจ้านายจะใช้อะไรก็ต้องทำ ถึงมันไม่เกี่ยวกับงานก็ตาม” แพทพิงรถเอาโพยขึ้นมาดู “ยังขาดอะไรอีกล่ะ เนี่ย”
แพทเข็นรถเลี้ยวตรงหัวมุมชั้นวางของ แต่ต้องชะงักเมื่อมองไปเห็นร่างกันตากำลังรูดลงทรุดกับพื้น หมดสติคว่ำหน้าอยู่
“คุณ เป็นอะไร....คุณคะ” แพทประคองขึ้น พอเห็นหน้าคนเจ็บถนัดก็ตาโตด้วยความตกใจ “นายแม่!”
ส่วนรัญธิดาเดินเข้ามาในบริเวณบ้านพักถือตระกร้าใส่อาหารมาด้วย ท่าทีไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แล้วชะงัก เมื่อเห็นธาริศโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ เปิดฉากแขวะทันที
“พลอดรักริมสระน้ำกับพี่พีทเสร็จแล้วเหรอ ถึงได้มาที่นี่”
รัญธิดาสะดุ้ง มองไปเห็นธาริศยืนอยู่ แล้วก็คิดได้
“อ๋อ...ที่แท้ก็คุณนั้นเอง ที่ปาก้อนหินนั้นมา...อันธพาลชัดๆ คุณทำเพื่ออะไร”
ธาริศยักไหล่ ไม่ยอมตอบรู้ว่าพลาดจึงรีบถามเรื่องอื่น “เธอเข้ามาทำอะไรที่นี่”
“คุณประทินบอกว่าคุณอรไม่สบาย เลยสั่งให้ฉัน เอาอาหารอ่อนๆ มาให้น่ะค่ะ”
“อรไม่ได้เป็นอะไรมาก ผมดูแลภรรยาผมได้”
“ฉันทราบว่าคุณรักภรรยาคุณมาก ฉันก็ไม่ได้อยากเข้ามายุ่มยามชีวิตคู่ของคุณ แต่ฉันทำตามที่ได้รับคำสั่งสั่งเท่านั้น”
รัญธิดาเอาชามข้าวต้มออกมาวางบนโต๊ะหน้าบ้าน
“เพราะนอกจากคุณทั้งสองจะเป็นแขกของรีสอร์ทของเราแล้ว คุณก็ยังเป็นน้องชายของคุณพีทอีกด้วย”
ธาริศเยาะ “รีสอร์ตของเรา พูดจาเต็มปากเต็มคำเหลือเกิน นี่คงอยากเป็นเมียพี่พีทจนตัวสั่นเลยสินะ”
รัญธิดาโกรธแต่ข่มอารมณ์ แต่เถียงต่อ “ฉันพูดผิดงั้นเหรอ ก็ในเมื่อสามีภรรยา คือคนๆ เดียวกัน ของๆ สามีก็คือของๆ ภรรยา”
ธาริศยิ่งหึง “เธอนอนกับพี่พีทแล้วซิ”
“มันก็เป็นเรื่องของฉัน”
ธาริศเดินเข้าใกล้ กระซิบใส่
“แล้วเธอบอกพี่พีทหรือเปล่า...ว่าเธอเคยมีอะไรกับชั้นแล้ว”
รัญธิดามือไม้สั่นระริกเม้มปากด้วยความปวดใจ ธาริศเข้ามาใกล้ ตามองรัญธิดาเขม็ง
“ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ ที่เคยเป็นเมียน้องแล้วยังจะมายุ่งกับพี่ชายเค้าอีกน่ะ”
รัญธิดาสุดทนหยิบแก้วน้ำในถาดบนโต๊ะ สาดธาริศเต็มแรง ธาริศอึ้งไป
รัญธิดาพูดอย่างเจ็บปวด “ถ้าเทียบกับคุณพีทแล้ว ผู้ชายอย่างคุณมันไม่ได้เรื่องสักนิดเลยได้ยินมั้ยคะ”
รัญธิดาสะบัดหน้าจะเดินออกมา ธาริศดึงเอาไว้โกรธจัด
“จะไปไหน”
ร่างรัญธิดาโดนเหวี่ยงมาติดผนังบ้านพักอีกมุม แล้วธาริศดึงแขนไว้ทั้งสองข้าง รัญธิดาตกใจมาก
“ปล่อยฉันนะ จะทำอะไร”
รัญธิดาเบือนหน้าหนี ธาริศก้มหน้าลงมาจนใกล้ เหมือนจะจูบแล้วพูดใส่
“ไม่มีใครสอนเหรอ ว่าอย่าดูถูกศักร์ศรีผู้ชายกันแบบนี้”
“คุณมีศักดิ์ศรีของคุณ ฉันก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน อย่าเหยียบย่ำกันให้มากนัก”
ธาริศเย้ยหยัน “ผู้หญิงอย่าเธอมีศักดิ์ศรีตรงไหน เธอมันก็แค่ เด็กสาวใจแตกมาให้ท่าผู้ชายถึงห้อง ถ้าใครไม่เอาก็โง่เต็มที่แล้ว”
รัญธิดาถึงกับอึ้งไปด้วยความเจ็บปวด แล้วยิ้มเยาะให้กับตัวเอง หลับตานิ่งน้ำตาไหลพรากลงมา เงียบๆ เจ็บแสบไปถึงทรวงใน
ธาริศเองพอเห็นน้ำตาของรัญธิดา ก็ได้สติว่าตัวเองทำเกินไป เพราะความรักที่มีต่อรัญไม่เคยหายไป ค่อยๆ ปล่อยมือที่จับรัญธิดาออก
“พี่..ขอโทษนะรัญ....พี่ไม่ได้ตั้งใจจะ...”
รัญธิดาสวนคำออกมา “คุณมันเป็นผู้ชายน่าขยะแขยงที่สุด ฉันขอยืนยันว่าไม่มีส่วนไหนที่คุณจะเทียบคุณพีทได้เลย”
รัญธิดาวิ่งหนีออกไป พยายามเช็ดน้ำตา ไม่แสดงความอ่อนแอให้ธาริศเห็น ธาริศเองก็เจ็บปวดกับการกระทำของตัวเองเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะบอกยังไง ได้แต่โมโหตัวเอง
“โธ่เว้ย”
รัญธิดาวิ่งออกมาหน้าบ้านชนกับเฉิดโฉม ที่เดินเข้ามาพอดี
“ว้าย” เฉิดโฉมร้องลั่น
“ขอโทษค่ะ”
“เธอนี่เอง” เฉิดโฉมชะงัก เห็นร่องรอยน้ำตาที่ใบหน้ารัญธิดา ซึ่งรัญธิดารีบเช็ดน้ำตาแล้ววิ่งหนีไป
เฉิดโฉมบ่นงึมงำ “เป็นอะไรยะ ร้องไห้ทำไม หรือโดนอะไรเข้าตา”
ยังไม่ทันขาดคำ ธาริศก็โผล่พรวดพราดออกมา แล้วชะงักเมื่อเห็นเฉิดโฉม
“คุณธาริศ สวัสดีค่ะ” เฉิดโฉมไหว้ชดช้อยสวยงาม “อุ๊ย”
เฉิดโฉมเพิ่งสังเกตเห็นว่าธาริศตัวเปียกซ่ก และเริ่มสงสัยว่าสองคนมีอะไรกันหรือเปล่า?
ทางด้านแพทพยุงพากันตาเข้ามานั่งพักที่โซฟาในบ้าน
“ระวังค่ะ” แล้วประคองให้กันตานอน “แพทว่าเราควรไปโรงพยาบาลมากกว่านะคะ นายแม่”
“ไม่ต้องๆ ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอก คนแก่ก็เวียนหัวหน้ามือแบบนี้แหละ เดี๋ยวนอนพักก็หาย”
กันตาเสยผมแล้วติดวิกชะงักมือเอาไว้ แพทเพิ่งสังเกตเห็นว่าวิกผมเบี้ยวๆ
“เอ่อ...แพทว่า ถอดวิกออกดีกว่ามั้ยคะ จะได้สบายขึ้น”
กันตารีบจับวิกไว้ เสียงแข็งขึ้นมาทันที “ไม่ต้อง” แล้วคิดขึ้นได้ “คือ ฉันไม่อึดอัดหรอกใส่จนชินเสียแล้ว”
แพทท้วง “แต่ว่า...”
เสียงคุ้นหูดังขึ้น “แม่ไม่อยากถอด ก็ไม่ต้องถอดซิ อย่าวุ่นวายนักเลยคุณ”
แพทหันไปมอง พีทเดินเข้ามาในบ้าน มานั่งข้างแม่จับมือไว้
“ฉันหวังดีนะ ไม่เคยเรียนการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเหรอ อะไรที่ทำให้คนป่วย อึดอัด ก็ควรจะปลด ออกชั่วคราว”
พีทบอกหน้าตาเฉย “ไม่เคย” แพทเลยได้แต่มองหน้าอย่างเข่นเขี้ยวใส่ “แม่ฮะ เป็นไงบ้างฮะ”
“สบายมากจ้ะ...แค่หน้ามืดไปหน่อยเดียว”
ทักได้แค่นี้ กันตาก็ตั้งท่าจะอาเจียนอีก พีทรีบเข้ามาประคอง ในขณะที่แพทรีบเอาถังขยะใบเล็กยืนให้อาเจียรใส่ พีทหน้าตาทุกข์ร้อน
พีทอุ้มกันตาเข้ามาในห้องนอน แล้ววางบนเตียงอย่างทะนุถนอม
“เดี๋ยวแพทไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ดีกว่านะคะ จะได้สดชื่นขึ้น”
กันตายิ้มรับแต่ก็อ่อนแรงเต็มที
แพทลุกขึ้น แล้วก็ชะงักนิดหน่อย ที่ผ่านโต๊ะเครื่องแป้ง เห็นวิกผมวางอยู่หลายอัน
แพทเข้าไปในห้องน้ำ มองหาผ้าขนหนูผืนเล็ก เปิดตู้มากลับเห็นแต่วิตามินเยอะแยะไปหมด เลยยิ่งรู้สึกแปลกใจ
“โอ้โห้ นี่กินวิตามินเยอะขนาดนี้เลยเหรอ”
เสียงพีทตะโกนเข้ามา “ได้หรือยังคุณ”
“ได้แล้วค่ะ”
แพทรีบเอาผ้าชุบน้ำออกไป
สองคนนั่งอยู่ตรงโต๊ะนั่งเล่น ที่สนามมุมสวยๆ หน้าบ้านพัก
เฉิดโฉมเลื่อนจานผลไม้ให้ทักษอรอย่างเอาใจ
“ได้ข่าวว่าคุณอร ไม่ค่อยสบาย เฉิดก็เลยมาเยี่ยมน่ะค่ะ...ลองทานผลไม้ พวกนี้หน่อยซิคะจะได้ชื่นใจ”
“ทำไมไม่ปอกมาให้เรียบร้อยล่ะ”
เฉิดโฉมสะอึกกับการจิกหัวใช้ของทักษอร แต่ต้องข่มทำอ่อนหวานต่อไป
“ได้ค่ะ คราวหน้าเฉิดจะจัดการให้ เอ๊ะแล้วเมื่อกี้รัญธิดา เค้าเอาอะไรมาเยี่ยมคุณอร”
“คุณรัญธิดามาตอนไหน...ไม่ได้มาสักหน่อย...เธอเพ้อเจ้ออะไรน่ะ” ถูกด่าอีกดอก
“ไม่ได้เพ้อนะคะ ก็ตอนเฉิดเข้ามา เจอแม่...เอ่อ รัญธิดาน่ะค่ะ ท่าทางลุกลี้ลุรน แล้วสักแป๊บนึงคุณธาริศก็วิ่งตามออกไป”
ทักษอรชะงักทันที
“เฉิดไม่อยากพูดหรอกนะคะ แต่ว่า คุณอรควรระไว้บ้างก็ดีนะคะ รัญธิดานะไม่ใช่ผู้หญิงซื่อๆ หวานๆ อยากที่เห็นหรอกนะคะ ไม่งั้นคงไม่จับคุณพีทไว้ได้หรอก”
“แล้วเธอเองล่ะ...ดีกว่าเค้าตรงไหน...ชั้นได้ข่าวว่าเธอเองก็อ่อยพี่พีทน่าดูไม่ใช่เหรอ เพียงแต่พี่พีทเค้าเลือกรัญ ไม่ใช่เธอ” โดนดอกนี้เฉิดโฉมหน้าเจื่อนไปนิดๆ ที่โดนด่าตรงๆ “ขอบใจนะที่อุตสาห์หวังดีมาบอก แต่เสียดายฉันไม่ชอบวิธีการใส่ไฟแบบนี้ พี่ธาริศ เค้าไม่สิ้นคิดลงไปยุ่ง กับผู้หญิงของพี่ชายหรอก”
“คุณธาริศนะอาจจะไม่ยุ่งแน่ๆ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงเป็นฝ่ายไปยุ่งเองล่ะคะ” เฉิดโฉมทิ้งไพ่
ทักษอรถึงกับชะงักอีก
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ฉันไม่เอาไว้แน่! เธอไม่ต้องห่วง เอาล่ะ...เธอกลับไปได้แล้ว ชั้นไม่อยากคุยกับเธอ”
เฉิดโฉมอึ้งแล้วลุกออกไปงงๆ ขณะที่ทักษอรครุ่นคิดอย่างหวั่นไหว
อ่านต่อตอนที่ 6