คอลัมน์ : ฝ่าเกลียวคลื่น
โดย...บรรจง นะแส
ระฆังทองเหลืองริมระเบียงหน้าห้องครูใหญ่ส่งเสียง 3 ระลอก ครั้งแรกบอกให้พวกนักเรียนที่วิ่งเล่นกันในสนาม บ้างก็กำลังรดน้ำต้นไม้ รดน้ำผักที่ปลูกไว้หลังอาคารเรียน ได้หยุด และทำหน้าที่ประจำวันที่ได้รับมอบหมายคือ การเก็บขยะรอบๆ อาคารเรียนที่ครูประจำชั้นแต่ละชั้นได้มอบหมายไว้ ระฆังระลอกที่ 2 หมายถึงทุกคนต้องไปยืนเตรียมเคารพธงชาติหน้าอาคารของโรงเรียน หลังจากนั้นเสียงเพลงชาติไทย และเสียงสวดมนต์ก็จะตามมา
ปกติของทุกวันที่จะต้องมีนักเรียนจำนวนหนึ่งที่มาเข้าแถวไม่ทัน และต้องไปยืนรอรับโทษหน้าแถว จ้อนก็โดนบ่อยจนชาชิน และมองเป็นเรื่องปกติที่จะต้องถูกหวดน่องด้วยไม้เรียว จากครูเวรประจำวัน มันมักเป็นวันที่จ้อนต้องไปส่งวัวให้พ่อที่ไกลออกไปจากหมู่บ้านมากๆ สิ่งเดียวที่จ้อนทำได้ก็คือ นึกในใจไว้ล่วงหน้าว่า วันนี้ขอเพียงได้พบกับครูเวรบางท่านที่ใจดี และไม่หวดแรงๆ เหมือนครูโกมล กับครูหวง เป็นที่ร่ำลือถึงมือหนัก และได้รอยเขียวช้ำติดใต้น่องกลับบ้าน
ไอ้เขียว จากบ้านยางงาม กับเพื่อนๆ มันอีก 3-4 คนคือขาประจำทุกๆ วันก็ว่าได้ ที่กลุ่มนั้นต้องออกไปยืนหน้าเสาธงให้ครูตีเพราะมาสายเป็นประจำ จ้อนรู้จักทีมนั้นดีเพราะหมู่บ้านที่พวกเขาอยู่ไกลสุดจากโรงเรียน เวลาจ้อนไปส่งวัวให้พ่อในแปลงนาที่อยู่ในหมู่บ้านนั้น จ้อนก็ได้ร่วมทีมยืนรับไม้เรียวร่วมกับทีมนั้นทุกครั้งไป จ้อนเคยเดินผ่านบ้านของเจ้าเขียว และตื่นตาตื่นใจกับควายฝูง 20-30 ตัวที่บ้านของมัน เคยพบเขียวเดินไล่ต้อนฝูงควาย และ “เวียนควาย” ในพรุเพื่อปรับพรุให้เป็นโคลนเพื่อดำนาปลูกข้าวกับพ่อของเขา จ้อนเคยถามเขียวว่า ควายนี่เหมือนกันทุกตัวเลยนะจะจำมันได้อย่างไร ระหว่างควายของเรากับของเพื่อนบ้าน เขียวบอกว่า “รู้สิ..จำได้หมดทุกตัวแหละ”
ส่วนเจ้าเส้ง เพื่อนของเขียว จ้อนมักพบกับเขาทุกเสาร์/อาทิตย์ตอนนำวัวออกไปเลี้ยงที่ทุ่งสงวน เส้งมีฝูงวัว 30 กว่าตัว เส้งนิสัยดี แม่นเรื่องยิงนกมาก เวลาล้อมไล่นกคุ่มกันในบริเวณจอมปลอกหรือป่าละเมาะ นกมักตกเป็นของเส้งเป็นส่วนใหญ่เพราะเขายิงแม่นกว่าคนอื่นๆ หนอดเป็นอีกคนในกลุ่มนักโทษหน้าแถวของทีมเจ้าเขียว หนอดตัวผอมสูง และเลี้ยงฝูงควายเช่นเดียวกับเขียว หนอดเป็นคนสอนให้จ้อนหัดว่ายน้ำ และสอนวิธีข้ามลำน้ำลึกโดยจับหางควายเวลาข้ามลำน้ำ จ้อนจำได้ว่าการจับหางควายเพื่อให้ควายดึงร่างไปด้วยกันนั้นช่างตื่นเต้นยิ่งนัก
โต๊ะเก้าอี้ของนักเรียนติดเป็นชิ้นเดียวกัน นั่งได้ 2 คน ทำด้วยไม้หนาเตอะ มีช่องใส่กระเป๋าสมุดหนังสืออยู่ด้านล่าง รอยแกะสลักชื่อบนโต๊ะด้วยมีดเหลาดินสอเต็มโต๊ะไปหมด จ้อนยังจำได้ว่าชื่อหนึ่งบนโต๊ะนั้นคือ รองเจ้าอาวาส แสดงว่าท่านเคยใช้โต๊ะตัวที่จ้อนนั่งแน่นอน แต่ละชั่วโมงเรียนเป็นไปด้วยความเหนื่อยหน่าย นานๆ จะมีครูที่ถูกใจที่ชอบเล่านิทาน เล่าเรื่องในเมืองเรื่องแปลกๆ ให้ฟัง ถึงจะเป็นชั่วโมงเรียนที่นานๆ จะเกิดขึ้นสักครั้ง ส่วนใหญ่แล้วนักเรียนรอฟังเสียงระฆังทองเหลืองว่าเมื่อไหร่มันจะดังขึ้นเสียที ครูคนนี้ออกไป คนใหม่เข้ามา และระฆังบอกเลิกพักเที่ยงมาถึง นั่นคือความคึกคักที่กลับเข้ามาให้ทุกคนได้ตื่นเต้น ตื่นเต้นที่จะได้ออกไปจากห้องเรียนเสียที
เวลาพักเที่ยง 1 ชั่วโมงน่าจะเป็นเวลาที่ทุกคนโหยหาที่สุดสำหรับชีวิตสังคมในโรงเรียนของจ้อน แม่จะฝากเงินไว้กับพี่สาวที่อยู่กันคนละชั้นปี หากจ้อนพักก่อนก็ต้องไปยืนรอพี่สาว หากพี่สาวพักก่อนก็จะมายืนรอจ้อนเพื่อออกไปกินข้าวด้วยกัน จ้อนเห็นเพื่อนหลายคนเดินมุดรั้วโรงเรียนเข้าไปในวัดตอนพักเที่ยง และมารู้ว่า พวกเขาคือเด็กวัดที่เวลาพักเที่ยงก็กลับไปกินข้าวที่วัด จ้อนหวังไว้ว่าสักวันเขาน่าจะได้มาเป็นเด็กวัดกับเขาบ้างเพราะอยู่ใกล้โรงเรียน และพวกเด็กวัดมักมีอะไรทำสนุกสนานคล่องแคล่ว จ้อนมักพบกลุ่มนักเรียนที่เป็นเด็กวัดในงานวันเข้าพรรษา วันชักพระ วันทำบุญเดือนสิบ วันเข้าพรรษา เด็กวัดจะเป็นคนจัดถ้วยน้ำมันที่หน้าเจดีย์เล็กของหลวงพ่อทวด ชาวบ้านจะนำน้ำมันมะพร้าวมาเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟแทนเทียนไข โดยใส่น้ำมันมะพร้าวลงในถ้วยเรียงเป็นแถว 20-30 ถ้วย บนแท่นหน้าเจดีย์ แล้วใช้เศษผ้าควั่นเป็นไส้แล้วจุดไฟเพื่อบูชาหลวงพ่อทวดในวันเข้าพรรษา เมื่อคนนำน้ำมันมาแย่งกันเติมจนล้นในแต่ละถ้วย พวกเด็กวัดก็คอยบริการโดยรินน้ำมันเก่าออกใส่ขวด เพื่อแจกจ่ายให้แต่ละคนนำกลับบ้าน เอาไปเก็บไว้บนหน้าพระที่บ้าน บางคนก็บอกว่าเป็นน้ำมันที่ศักดิ์สิทธิ์แก้ได้สารพัดโรค
วันชักพระ เด็กวัดก็เป็นพวกที่ได้สิทธิในการนั่งตีกลองเรือพระบนเรือพระกับพวกผู้ใหญ่ จ้อนเคยเข้าไปในวัดก่อนวันชักพระ พบว่า การตีกลองเรือพระต้องมีการซ้อมกันนาน ก่อนจะถึงวันชักพระ การได้ซ้อมตีกลองเรือพระเป็นอะไรที่เด็กในหมู่บ้านของจ้อนต่างใฝ่ฝัน มีเพื่อนนักเรียนของจ้อนคดข้าวห่อมากินตอนพักเที่ยง ส่วนใหญ่มักเป็นกลุ่มที่มีกัน 3-4 คนพี่น้อง พวกเขาจะจับกลุ่มกินกันใต้ต้นไม้เป็นกลุ่มๆ กินข้าวเสร็จสิ่งแรกที่นักเรียนส่วนใหญ่ชอบกันมากๆ คือ น้ำแข็งยัดของป้าสอน ป้าสอนกับลูกสาวมือระวิงกับการขูดน้ำแข็งยัดแก้วแล้วคว่ำแก้วราดน้ำหวานแดง แจ๊ดส่งให้นักเรียนที่แย่งกันซื้อ
หลังจากนั้น วงสังคมเป็นหย่อมบ้าน กลุ่มบ้านกลุ่มเพศก็ละลานตา พวกผู้หญิงกระโดดยาง พวกเด็กผู้ชายตั้งวงเล่นลูกข่าง ยางราว ปิดตาไล่จับ ฯลฯ จ้อนสังกัดวงลูกข่าง และลูกข่างทีมของจ้อนถือเป็นที่อิจฉาของเพื่อนๆ เพราะปู่เจ้าเสิด มีเครื่องกลึงอยู่ที่บ้าน ปู่เจ้าเสิดเป็นช่างไม้ ช่างเหล็กประจำหมู่บ้าน ทีมของจ้อน 3-4 คนมักใช้เวลาว่างๆ ไปขลุกอยู่ที่บ้านปู่เจ้าเสิด ดูท่านทำงานมีเครื่องกลึงใช้เท้าเหยียบหมุน มีสายพานระโยงระยาง มีใบเลื่อยเครื่องกลึงๆ กรงหัวนก ระแนงทำระเบียงบ้าน มีเตาตีเหล็กทำมีดพร้า ที่สูบลมเป่าไฟด้วยกระบอกสูบด้วยมือ น่าจะเป็นโรงงานและเทคโนโลยีชั้นสูงที่มีอยู่เพียงแห่งเดียวของหมู่บ้าน ลูกข่างของทีมจ้อนจึงกลมสวย เพราะมีการกลึงที่กลมได้รูปทรง เดือยก็ใช้เครื่องกลึงตัดตะปูแหลมให้พอดี มีเครื่องเจาะทำเดือยที่ได้ศูนย์ ซึ่งต่างจากของเพื่อนคนอื่นๆ ที่ใช้ขวานถากทำ
หลังจากพักเที่ยงประมาณ 1 ชั่วโมง เวลาอันทุกข์ทรมานก็คืบคลานเข้ามาปกคลุมอีกช่วงหนึ่งของวัน ระฆังบอกเลิกเรียนคือ เวลาอันแสนสุขได้กลับมาอีกครั้ง เสียงเร่งรีบท่องอาขยาน สูตรคูณ ในแต่ละห้องเป็นไปอย่างเซ่งแซ่ และรีบเร่ง เสียงเอะอะโวยวายของเวรทำความสะอาด ลุงโยภารโรงที่แสนดีเข้ามาเมี่ยงๆ มองๆ แต่ละห้องแล้วเดินไปอย่างอารมณ์ดี หลายๆ ครั้งที่พวกนักเรียนรู้สึกสนิทสนมกับลุงโยมากกว่าครูเสียอีก ลุงโยมักมีเรื่องราวสนุกๆ มาเล่าให้นักเรียนฟังเสมอๆ เรื่องผีที่วัด เรื่องเปลวผีดิบที่ข้างโรงเรียน และมักจบลงตรงที่ “พ่อแม่มึงเมื่อก่อน..................”
“มันมาสายทุกวัน.....ครูตีจนเบื่อ...”
“ทั้งพ่อทั้งแม่มึงมาเรียนเพื่อรอให้อายุครบจะได้ออก แต่ไม่จบ ป. 4 สักคน” “บอกพ่อมึงเสียมั่ง อย่าลักวัวเพื่อนนักแรงเดียวอีตายโหง”
“บอกพ่อมึงกันวันเสาร์นี้กูอีไปกินหวากที่บ้าน”
“.......ฯลฯ..........................................................”
ลุงโยเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่นักเรียนรักเกรงใจ และกลัว เพราะแกรู้จักบ้าน รู้จักพ่อรู้จักแม่ของนักเรียนเกือบทุกคน แกเหมือนสายลับที่การทำผิดใดๆ ที่โรงเรียนของนักเรียน มักรู้ถึงหูของพ่อแม่นักเรียนภายในเวลาไม่เกินอาทิตย์ แต่แกก็เป็นคนแก่ที่ใจดี มีอารมณ์ขัน หลายๆ ครั้งที่ลุงโยแอบยกร่องผักให้แก่เด็กนักเรียนที่ยกร่องผักไม่สวย โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง และหลายๆ ครั้งเด็กนักเรียนบางคนมักขโมยเส้นยาสูบที่บ้านมาฝากลุงโย.