xs
xsm
sm
md
lg

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 6

พุฒิภัทรในชุดลำลองอยู่บ้าน กำลังนั่งจิบกาแฟอย่างเคร่งเครียด หม่อมเอียดกับย่าอ่อนเดินเข้ามาหา หม่อมเอียดพูดเสียงเด็ดขาด

“ชายภัทร..ย่าขอสั่งให้ลูกเลิกติดต่อกับนางงามคนนั้นเด็ดขาด ย่าไม่รับฟังข้ออ้างใดๆ เข้าใจมั้ย”
พุฒิภัทรจำใจก้มหน้ารับเพราะไม่อยากมีปัญหา “ครับ”
“ผู้หญิงคนเดียวที่ชายภัทรควรจะใส่ใจคือหนูมารตี”
“อีกไม่กี่วันจะมีงานลีลาศการกุศลที่วังของท่านชายเกริก เป็นงานเต้นรำเพื่อหาเงินช่วยเหลือทหารชายแดนประจำปี ท่านชายเกริกท่านเคยทรงเชิญท่านพ่อ- ท่านแม่ของหลานไปร่วมงานทุกปี” ย่าอ่อนบอก
“ใช่ ชายภัทร ปีนี้หลานจะต้องพาหนูมารตีไปร่วมเต้นรำในงานนี้.. เข้าใจใช่มั้ย” หม่อมเอียดสั่ง พุฒิภัทรอึ้งแล้วจะอ้าปากปฏิเสธ แต่หม่อมเอียดพูดต่อ “ย่าเชิญหนูมารตี..และขออนุญาตคุณชายเทวพันธ์แล้ว หลานจะทำให้ย่าเสียผู้ใหญ่ก็ลองดู”
พุฒิภัทรจำใจยอมรับ หม่อมเอียดกับย่าอ่อนสบตากันแล้วมองพุฒิภัทรแบบจะไม่ปล่อยให้หลุดรอด รัชชานนท์กับรณพีร์แอบดูอยู่ที่มุมหนึ่ง
“เฮ้อ ท่าทางจะไม่รอด สงสารชายภัทรจริงๆ” รณพีร์บอก
“งั้นนายก็แต่งงานกับมารตีแทนสิ” รัชชานนท์เสนอ
รณพีร์รีบพูด “นายสิ นายแก่กว่า ต้องรับผิดชอบก่อน”
ทั้งสองหนุ่มถองศอกเกี่ยงกันไปมา

ทางด้านพินิจนอนหลับอยู่ในสภาพถอดเสื้อมีผ้าปิดอก สุนันท์ที่อยู่ในชุดคลุมผ้าไหมบางๆ ลุกออกมาจากผ้าห่ม ก่อนจะเปิดประตูเดินออกมาจากห้องนอนด้วยสีหน้าเชิดที่ได้เป็นเมียพินิจแล้ว ราวกับได้เป็นนางพญาของเรือนสีชมพูแห่งนี้
บรรดาสาวน้อยและสาวใหญ่ที่กำลังซ้อมเต้นรำบอลรูมอยู่ด้านนอกเปิดเครื่องเล่นแผ่นเสียงเพลงจังหวะรุมบ้า ทุกคนต่างชะงักแล้วหันมามอง สุนันท์เดินเชิดไม่แคร์ใครไปปิดเครื่องเล่นแผ่นเสียง เพลงเงียบลงกะทันหัน สาวๆ รวมทั้งกนกลักษณ์ที่กำลังเต้นอยู่ชะงักแล้วหันมา
“นี่ ใครก็ได้ ไปเอาน้ำชาอุ่นๆมาให้ชั้นทีสิ” สุนันท์ออกคำสั่ง
สาวสูงวัยกว่ายืนเฉยอย่างไม่สบอารมณ์ที่ถูกจิกใช้อย่างไร้มารยาท
“ครัวอยู่ข้างหลัง” สาวสูงวัยบอก
“ชั้นใช้แก” สุนันท์ว่า
“ชั้นไม่ใช่คนใช้”
“อ้อเหรอ..นางบำเรอปลดระวาง แต่ไม่มีทางไป เลยอยู่รับใช้ท่านจนกลายเป็นหินงอกหินย้อย..ประดับวิมานสีชมพูเหรอ”
“มันจะมากไปแล้วนะ”
สุนันท์เชิดหน้าอย่างไม่แคร์ “ไปเอาชามา”
กนกลักษณ์เดินเข้ามาว่าสุนันท์ “นังคางคกขึ้นวอ”
สุนันท์หันขวับ “แกว่าใคร”
“ว่าพวกสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ผิวหนังเป็นตะปุ่มตะป่ำ แต่ไม่รู้จักเจียมตัว”
“แกว่าชั้น”
“อ้าว แกเป็นคางคกเหรอ หรือว่านางอุทัยเทวีเพิ่งลอกออกมาจากคราบ..พวกเรามาดูเร็วๆๆ ฮะๆ”
กนกลักษณ์ขำๆ พวกสาวๆ คนอื่นๆในเรือนก็ขำตาม สุนันท์ฉุน
“อยากจะพูดอะไรก็เชิญ ฉันไม่มีแรงจะเถียงด้วย เพราะฉันจะต้องออมแรงเอาไว้ปรนนิบัติท่านคืนนี้”
“คืนนี้ คิวชั้นย่ะ” กนกลักษณ์บอก
“ชั้นคือคนโปรด แกตกกระป๋องแล้ว ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ ยัยตัวสำรอง” สุนันท์ว่า
สุนันท์เดินไปนั่งที่ม้านั่งที่มีพนักสวยงามราวกับบัลลังก์ซึ่งตั้งอยู่หัวโต๊ะ
“เก้าอี้ตัวนี้ของชั้น” กนกลักษณ์บอก
“ชั้นจะนั่ง ชั้นเหนื่อย”
“ชั้นบอกให้ลุก”
สุนันท์ลอยหน้าลอยตา “ท่านหลับอยู่ในห้อง แน่จริงก็ไปฟ้องสิ ชั้นจะได้ขอเก้าอี้ตัวนี้เป็นรางวัลซะเลย..พวกแกทุกคนฟังให้ดีนะ ใครกล้าขัดใจชั้น เรื่องถึงหูท่านแน่”
กนกลักษณ์เดินเข้าไปกระชากคอเสื้อสุนันท์แล้วดึงออกมาจากเก้าอี้
“แกคิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมาจากไหน ชั้นจะบอกให้นะ ว่าในที่นี้มันก็อนุท่านเหมือนกันหมดนั่นแหละ”
“อีบ้า” สุนันท์ผลักกนกลักษณ์ออก “ถึงชั้นจะเป็นอนุ แต่ชั้นก็คืออนุอันดับหนึ่ง ไม่ใช่อนุแก้ขัดอย่างเธอ”
“อนุอันดับหนึ่งเหรอ”
กนกลักษณ์คว้าเหยือกน้ำมาสาดใส่หน้าสุนันท์ สุนันท์ร้องกรี๊ดแล้วกระโดดใส่ ทั้งคู่ล้มลงไปเกลือกกลิ้งกับพื้นแล้วผลัดกันขึ้นคร่อม สุนันท์ที่คร่อมกนกลักษณ์อยู่ถูกกนกลักษณ์ถีบจนกระเด็น
พวกสาวๆ ส่งเสียงเชียร์กนกลักษณ์
พินิจเดินออกมาจากห้องนอน
“เสียงดังอะไรกัน”
สุนันท์ถูกเหวี่ยงมาเข้าอกพินิจพอดี กนกลักษณ์จะตามมาตบแต่พอเห็นหน้าพินิจก็ต้องผงะหดมือ ทรุดลงนั่งกับพื้น สุนันท์รีบออเซาะ
 
“ท่านขา ท่านช่วยสุนันท์ด้วย ฮือๆๆ”

สุนันท์กับกนกลักษณ์นั่งอยู่กับพื้นตรงหน้าคุณหญิงดารา โดยที่ทั้งคู่ยังฮึ่มๆใส่กันไปมาแต่พอเห็นว่าพินิจจ้องเขม็งก็จ๋อยกันไป พินิจที่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วกำลังขอร้องคุณหญิงดาราอยู่อีกด้าน

“คุณหญิง.. เรื่องหยุมหยิมของผู้หญิงพวกนี้ มันเกินความสามารถของผมจริงๆ คุณหญิงช่วยกำราบแม่พวกนี้ให้ผมทีเถอะ”
“ทำไมคุณไม่จัดการเองล่ะคะ ปัญหาของคุณ”
“ผมรู้ ว่ามันเป็นปัญหาของผม แต่..”
ลูกน้องคนหนึ่งของพินิจวิ่งเข้ามารายงาน
“ท่านครับ..เอ่อ มีแขกมาขอพบท่านครับ”
“เห็นมั้ยครับคุณหญิง..ผมมีแขก มีงานของส่วนรวมต้องทำเยอะแยะ ผมต้องไปจัดการปัญหาระดับประเทศชาติ” พินิจบอก
“คุณน่าจะเห็นใจความรู้สึกของชั้นบ้าง” คุณหญิงดาราว่า
“ครับๆ ผมเห็นใจ แต่ครั้งนี้คิดว่าทำเพื่อส่วนรวมนะครับแม่ยอดภรรยาของผม”
พินิจหอมแก้มคุณหญิงดาราแล้วเดินแยกออกไปทันที
คุณหญิงดาราได้แต่ท้อใจ เธอนั่งลงที่โซฟาอย่างหมดแรงแล้วหันมามองสุนันท์กับกนกลักษณ์อย่างเหนื่อยหน่ายใจสุดๆ
“จะให้นันท์คุกเข่าอีกนานแค่ไหนคะ เข่าด้านหมดแล้ว” สุนันท์ถาม
คุณหญิงดาราจ้องเพื่อกำราบ
สุนันท์หุบปากแล้วทำท่ากระฟัดกระเฟียดเพราะรำคาญ ส่วนกนกลักษณ์ทำหน้าสวยสง่า

พินิจเดินตามลูกน้องมาที่ศาลารับรองในสวนจนพบว่าใบบัวกับลูกน้องยืนรออยู่
“คุณยังมีหน้ามาพบผมอีกเหรอคุณใบบัว” พินิจถาม
ใบบัวประจบเอาใจ “ท่านขา..ใบบัวไม่เกี่ยวข้องอะไรกับแม่อิงอรเลยนะคะ นังนั่นโกหกอะไรท่าน ใบบัวไม่ทราบเลยจริงๆ..เรื่องที่แม่กรองแก้วไปงานการกุศลที่สถานเลี้ยงกำพร้า มันก็ไม่บอกใบบัวเลยสักคำ”
“อิงอรก็ไม่ได้บอกชั้นเหมือนกัน ชั้นรู้เองจากคนอื่น”
“ใบบัวบอกท่านแล้วว่านังนี่ไว้ใจไม่ได้ มันไม่ซื่อกับท่าน..มันคิดจะเอาแม่แก้วไปเวียนเทียนขายคนอื่นก่อนจะมาถึงมือท่านหรือเปล่าก็ไม่ทราบ..ท่านเชื่อใบบัวนะคะ..เฉดหัวมันไป แล้วมีอะไรเรียกใช้แต่ใบบัวคนเดียวก็พอ”
“ใช้คุณคนเดียวเหรอ แล้วคุณมีปัญญาเหรอคุณใบบัว”
“นังอิงอรมันชอบเอาชื่อท่านไปข่มขู่บังคับเด็ก เด็กถึงได้รู้สึกว่าท่านน่ากลัว เลยตกใจ..หนีเตลิดไปหมด แต่ใบบัวจะไม่ทำอย่างนั้น ใบบัวจะทำให้หนูแก้วประจักษ์แก่ตาว่าท่านน่ารักและมีน้ำจิตน้ำใจกับคนทุกคนขนาดไหน”
“คุณจะทำอะไร” พินิจถาม
“อีกไม่กี่วัน จะมีงานลีลาศการกุศลประจำปีที่วังแสงอรุณของท่านชายเกริก ใบบัวรู้จักกับคนใกล้ชิดท่านดี ใบบัวจะทูลเสนอให้ท่านทรงเชิญแม่กรองแก้วไปร่วมงานด้วย เพื่อให้มีการประมูลเต้นรำกับนางสาวศรีสยาม แล้วท่านก็จะเป็นคนประมูลเต้นรำนั้นได้..ทีนี้ท่านก็จะมีโอกาสคุยกันสองต่อสองกับหนูแก้ว ใบบัวเชื่อว่าท่านจะทำให้หนูแก้วปลื้มได้อย่างแน่นอนค่ะ”
“ทุกวันนี้ หนูแก้วทำตัวลึกลับ ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน กับใคร แล้วเธอจะทำยังไงให้หนูแก้วมาร่วมงานนี้”
“ท่านไม่ต้องห่วงค่ะ นางสาวศรีสยาม..ย่อมไม่ปฏิเสธงานมอบรางวัลประจำตำแหน่ง..ที่จะจัดร่วมในงานเต้นรำ..ทำประโยชน์ให้กับทหารชายแดนของชาติ..ไม่ใช่เหรอคะ”
ใบบัวยิ้มมั่นใจ พินิจมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง

กรองแก้วกำลังสอนเกษรากับแย้มทำขนมจีบอยู่ในครัว
“เวลายัดไส้ต้องใจเย็นๆ มือเบาๆ ระวังไส้มันจะทะลักนะคะ”
“ป้ามือเบาอยู่แล้วค่ะ” แย้มยัดแรงจนไส้หก “ว้ายหกๆๆ พูดไม่ทันขาดคำเลยนะคะป้าเนี่ย ฮ่าๆ”
“โชคดีจริงๆเลยที่แก้วมาพักที่นี่ ชั้นเลยได้อาหารสูตรใหม่ๆเอาไว้ทำให้คุณชินทาน โดยเฉพาะขนมจีบแบบนี้ ขายดีมากๆเลยนะ ลูกค้าเรียกร้องกันเกรียว” เกษราบอก
“แก้วสอนแค่สูตรขนมจีบเอง แต่ที่คุณเกษสอนแก้วสิคะ สูตรขนมทั้งร้านเลย งานนี้แก้วคุ้มยิ่งกว่าคุ้มค่ะ”
ชินกรเดินเข้ามาพร้อมหนังสือพิมพ์

“แก้ว คุณเกษ..ดูข่าวนี้สิครับ”

ชินกรเปิดหนังสือพิมพ์ให้ดูหน้าข่าวประชาสัมพันธ์ เกษราเป็นคนอ่าน

“ราตรีลีลาศการกุศล ณ วังแสงอรุณ” เกษราหันมาหาชินกร “งานนี้เกษเคยไปค่ะ ท่านชายเกริกท่านเคยทรงเชิญคุณพ่ออยู่บ่อยๆ คุณชินอยากไปหรือคะ”
“อยากควงคุณเกษไปเต้นรำใช่มั้ยล่ะคะ” แย้มแซว
“อ่านต่อให้จบก่อนสิครับ” ชินกรบอก
“ขอเชิญแขกผู้มีเกียรติซื้อบัตรเข้างาน เพื่อร่วมประมูลเต้นรำครั้งหนึ่งในชีวิตกับนางสาวศรีสยาม พุทธศักราช ๒๕๐๒ นางสาวกรองแก้ว บุญมี โดยในงานนี้จะมีพิธีมอบเงินรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดนางสาวศรีสยามด้วย”
กรองแก้วตกใจ “อะไรกันนี่..แก้วต้องไปงานนี้หรือคะ ทั้งๆที่แก้วไม่ได้ทราบอะไรล่วงหน้าเลย”
“กองประกวดคงติดต่อแก้วไม่ได้ ก็เลยใช้วิธีลงประกาศหนังสือพิมพ์แทน แล้วเดี๋ยวแก้วคงจะติดต่อกลับไปเหมือนครั้งก่อน”
กรองแก้วหน้าซีด “เหมือนครั้งก่อน..ก็แสดงว่าพวกเขาวางแผนคิดจะเอาตัวแก้วไปให้ได้อีกแล้ว ใช่มั้ยคะ”
“งั้นคุณแก้วอย่าไปเลยค่ะงานนี้” แย้มบอก
“ไม่ไปได้ยังไง เงินรางวัลเป็นสิทธิ์ของแก้ว ถึงคุณชายพุฒิภัทรจะช่วยดูแลพ่อของแก้วให้ แต่แก้วก็ยังจำเป็นต้องมีเงินสำรองเอาไว้ดูแลพ่อต่อไปในอนาคต..แล้วที่สำคัญ งานนี้ไม่ใช่งานธรรมดา แต่เป็นงานเลี้ยงสโมสรของท่านชายเกริกเชียวนะ ลงประกาศหนังสือพิมพ์ขนาดนี้ ถ้าแก้วไม่ไป คนที่เสียชื่อก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากท่านชายเกริกท่านเจ้าภาพน่ะสิจ๊ะ” เกษราพูด
ชินกรเห็นด้วย “มันจะกลายเป็นว่าแก้วไม่ให้เกียรติ ไม่มีสัมมาคารวะกับท่าน ซึ่งไม่ดีแน่ๆ”
“ถ้าอย่างนั้น แก้วก็ต้องไปงานนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ใช่มั้ยคะ” กรองแก้วถาม
“แก้วไม่ต้องกลัวนะ เพราะงานระดับนี้ มีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ชนชั้นสูงเท่านั้น..พวกคุณอิงอรกับลูกๆ มาร่วมงานไม่ได้แน่ๆ” เกษราบอก
“แล้วท่านพินิจล่ะคะ” กรองแก้วถาม
เกษรากับชินกรไม่รู้จะตอบยังไง
“ถ้ามันเลี่ยงไม่ได้ แก้วก็จะไปค่ะ แต่คุณเกษช่วย..”
เกษราพูดทันที “ไม่ต้องห่วงเลยแก้ว พวกเราจะไม่ทิ้งเธอ เราจะช่วยกันวางแผนหาทางหนีทีไล่เอาไว้ เอาให้รัดกุมกว่าครั้งก่อน ดีมั้ย”
“แก้วจะบอกว่า..คุณเกษช่วยสอนแก้วเต้นรำได้มั้ยคะ..แก้วเต้นรำไม่เป็นค่ะ”
กรองแก้วหน้าเครียด


พุฒิภัทรยืนอยู่ตรงหน้ามารตี
“จะให้ผมสอนน้องมารตีเต้นรำ?”
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนบังคับ
“ก็ชายภัทรหัดเรียนเต้นรำมาตั้งแต่เด็กเล็กๆ เต้นได้ทุกประเภท ก็ช่วยสอนน้องหน่อยสิ” หม่อมเอียดว่า
“คือ..ผมก็ไม่ค่อยได้เต้น..ก็เลยเต้นไม่คล่องครับย่า”
“อย่าถ่อมตัวหน่อยเลย ถึงชายภัทรจะไม่ใช่คนที่เต้นรำเก่งสุดในพี่น้องห้าคน ถ้าเทียบกับคนอื่นๆทั่วไป ชายภัทรก็เชี่ยวชาญกว่ามาก” หม่อมเอียดยืนยัน
“หนูมารตี มาๆๆ”
ย่าอ่อนจับมารตีมายืนคู่พุฒิภัทรแล้วจับมือไปวางตรงตำแหน่งที่ต้องเกาะตอนเต้นรำ
“ฝึกเต้นคู่กันเอาไว้ ให้คล่องๆ พอไปออกงาน จะได้สวยงามโดดเด่นเหมือนเจ้าหญิงเจ้าชายให้คนเขาอิจฉา พวกเสียงลือเสียงเล่าอ้างทั้งหลาย จะได้หมดๆไปซะที”
ย่าอ่อนเดินไปเปิดเพลง
“มารตีฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะพี่ชาย” มารตีพูด
“คุณย่าครับ ผมไม่ได้เต้นนาน ผมลืมไปหมดแล้ว” พุฒิภัทรย้ำ
“ลืมอะไร..เดี๋ยวดนตรีมา..ลีลาก็ไปเองนั่นแหละ” ย่าอ่อนเปิดแผ่นเสียง
อยู่ๆ รัชชานนท์ก็วิ่งออกมา
“เดี๋ยวครับๆๆ จะสอนคุณมารตีเต้นรำหรือครับ แหม ผมสอนให้ดีกว่าครับ เพราะผมเชี่ยวชาญที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมด เชิญครับ” รัชชานนท์ดึงมารตีมาทันที
มารตีไม่อยากผละไปจากพุฒิภัทร “เดี๋ยวคะ เดี๋ยว”
“ชายเล็ก ชายพี อะไรกัน” หม่อมเอียดไม่พอใจ
รณพีร์รีบเข้ามากัน “หม่อมย่าไม่ต้องกังวลครับ เรียนกับพี่ชายเล็ก รับรองเป็นเร็วเป็นไว ถูกต้องตามทฤษฎีเป๊ะๆ..เริ่มเลยนะครับ” รณพีร์รีบเปลี่ยนแผ่นเสียงเป็นเพลงจังหวะชะชะช่า
“ชายภัทร หลบหน่อยสิครับ หลบๆๆ” รัชชานนท์พยักเพยิดเพื่อส่งซิกให้พุฒิภัทรออกไป
“ผมขอตัว ไปโทรศัพท์ถึงที่โรงพยาบาลสักครู่นะครับ”
พูดจบพุฒิภัทรก็เดินแยกไป
มารตีจะเดินตาม “เดี๋ยวค่ะพี่ชายภัทร เดี๋ยว..”
รัชชานนท์ดึงมารตีที่กำลังจะเดินไปกลับมา มารตีม้วนเข้ามาในอ้อมอกของรัชชานนท์
“หมุนตัวได้สวยงามมากครับ เห็นแววว่าคุณมารตีจะเอาดีทางนี้ได้” รัชชานนท์ชม
รัชชานนท์จับมารตีหมุนแล้วหมุนอีกโดยเน้นสอนแต่ท่าหมุน รณพีร์ยืนเชียร์อยู่ข้างๆ
“เยี่ยมมาก สวยมาก”

หม่อมเอียดกับย่าอ่อนดูการสอนไปก็ลุ้นไป

พุฒิภัทรจอดรถที่หน้าบ้านเกษราแล้วนั่งสักพักเพื่อตั้งสติที่รอดมาได้

“ขอบใจจริงๆ ชายเล็กชายพี”
แต่แล้วก็มีเสียงเพลงชะชะช่าดังขึ้น พุฒิภัทรแปลกใจ

พุฒิภัทรเดินตามเสียงดนตรีมาจนกระทั่งเห็นว่าเกษรากำลังสอนกรองแก้วเต้นรำอยู่ โดยมีแย้มนั่งเอาใจช่วยอยู่ข้างๆ และคอยเปิดปิดเพลงอย่างลุ้นไปด้วย พุฒิภัทรยืนมอง กรองแก้วเงอะๆเงิ่นๆ จนเหยียบเท้าเกษรา
“คุณเกษ แก้วขอโทษค่ะๆๆ”
“ไม่เป็นไร เอาใหม่นะ ใจเย็นๆ..สองสามสี่และหนึ่ง..สองสามสี่และหมุน”
กรองแก้วเต้น พอจะหมุนรองเท้าส้นสูงที่เธอสวมอยู่ก็ทำให้ลื่นจนแทบจะล้ม กรองแก้วเป๋ไปเป๋มา จนต้องรีบยึดเกษราเอาไว้ แย้มหัวใจจะวายแต่ก็ขำๆที่กรองแก้วจะล้ม
“ไหวมั้ยแก้ว” เกษราถาม
“แก้วว่า แก้วไม่รอดแน่ๆเลยค่ะ ทั้งรองเท้าทั้งสมองต้องจำท่า..แก้วพอดีกว่า”
พุฒิภัทรเดินเข้าไป
“ขออนุญาตนะครับคุณเกษ”
พุฒิภัทรยื่นมือให้กรองแก้ว
“อะไรกันคะคุณชาย” กรองแก้วงง
“จะหัดเต้นรำไม่ใช่เหรอ ชั้นจะสอนให้เธอเอง ขอมือชั้นสิแก้ว”
“จะดีหรือคะคุณชาย แก้ว เอ่อ”
“คุณชายคะ เกษสอนเองดีกว่า” เกษราบอก
“ผู้หญิงสอนผู้หญิงด้วยกันจะสอนได้แค่ท่า..แต่ถ้าจะเต้นให้เข้าใจและคล่อง ต้องหัดกับคู่เต้นผู้ชายที่เก่งๆ..ขอมือให้ชั้นสิแก้ว”
กรองแก้วนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจวางมือลงไป พุฒิภัทรกุมมือนั้นเบาๆ อย่างอ่อนโยน กรองแก้วเขินจนสีหน้าแดงระเรื่อ พุฒิภัทรเองก็ตื่นเต้นเช่นกัน เขามองใบหน้ากรองแก้วที่ก้มหลบตาเขาอยู่แล้วค่อยๆ เอื้อมมือไปแตะที่เอวของกรองแก้วโดยที่ต่างคนก็ต่างเขิน
“วางมือสบายๆ ไม่ต้องเกร็ง..เชิดหน้าสิแก้ว อย่ามองเท้า ต้องหลังตรงถึงจะสวย” พุฒิภัทรสอน
กรองแก้วค่อยๆยืดหลังตรง แล้วเงยหน้าขึ้นมา แต่ก็ไม่ยอมสบตา
“สบตาชั้นสิแก้ว” พุฒิภัทรบอก
กรองแก้วค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตา พุฒิภัทรนิ่งอึ้งไม่น้อยกว่ากรองแก้ว แล้วทั้งสองก็นิ่งไป เหมือนโดนสะกด แย้มเปิดแผ่นเสียงแล้วแอบสังเกตการณ์อยู่แถวๆนั้น
“คุณชายคะ” กรองแก้วเรียก
พุฒิภัทรเพิ่งได้สติ “คะ ครับ”
“เพลงมาแล้วค่ะ” กรองแก้วบอก
“ครับๆ..เอ่อ..ก้าวตามชั้นนะแก้ว”
พุฒิภัทรก้าวนำ กรองแก้วก้าวตามอย่างเกร็งๆ กรองแก้วสะดุดเล็กน้อยแล้วก็เผลอก้มหน้ามองเท้า
“แก้ว..หลังตรง เชิดหน้า มองที่ผม ไม่ต้องกังวลเท้าหรืออะไรทั้งนั้น ขอให้ฟังเพลงให้ดีและจับจังหวะให้ได้”
“แต่แก้วไม่ชินกับรองเท้า แก้วกลัวเหยียบเท้าคุณชาย”
ไม่ทันขาดคำ กรองแก้วก็เหยียบเท้าพุฒิภัทร กรองแก้วผงะจนหน้าซีด พุฒิภัทรนิ่งๆ ยิ้มๆ เพราะไม่ได้เจ็บอะไร เขาออกจะขำๆด้วยซ้ำ

มารตีผละออกจากรัชชานนท์
“พอ!!”
มารตีเดินซวนเซแล้วรีบหาที่ยึดเพราะมึนหัวเนื่องจากถูกจับเหวี่ยงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“คุณย่าขา มารตีมึนไปหมดแล้วค่ะ”
“หนูมารตี ระวังๆๆ” หม่อมเอียดเตือน
“ยืนไหวมั้ยจ้ะ” ย่าอ่อนถาม
รัชชานนท์จะตามมาสอนต่อ
“อดทนอีกนิดสิครับ คุณมารตีกำลังจะแม่นท่านี้แล้ว อย่าเพิ่งหยุดตอนนี้”
“หนูไม่ไหวแล้ว หนูจะอาเจียนอยู่แล้วค่ะคุณย่า”
หม่อมเอียดปราม “พอๆๆ พ่อชายเล็ก ใครเค้าสอนลีลาศแบบเรากัน ฝึกแต่ท่าหมุน คนเรียนก็หัวหมุนแย่สิ”
“เอ้า หม่อมย่าครับ นี่เป็นท่าเบสิคของการฝึกหัดลีลาศนะครับ ถ้าคุณมารตีทำท่านี้ได้ ก็จะสามารถทำท่าอื่นๆได้” รัชชานนท์บอก
“หนูไม่ฝึกแล้ว หนูจะฝึกกับพี่ชายภัทรเท่านั้น”
“เอ้อ แล้วชายภัทรหายไปไหนแล้วล่ะ” ย่าอ่อนถาม
“ไปเข้าห้องน้ำมั้งครับ..แต่ถ้าคุณมารตีไม่อยากฝึกกับพี่ชายเล็กแล้ว งั้นก็มาฝึกกับผมแล้วกันนะครับ ผมจะสอนลีลาศหลักสูตรนักบินให้” รณพีร์ดึงมารตีมา
“ไม่เอา ไม่ฝึกแล้ว” มารตีบอก
รณพีร์ดึงมารตีมาแล้วจับเหวี่ยงไปแล้วกระชากมือก่อนจะดึงกลับให้หมุนเข้ามาในอ้อมแขนของเขาแล้วก็เหวี่ยงออกไปใหม่ซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ
“ชายภัทรหนีหายไปแล้วใช่มั้ยเนี่ย ฮึ่มๆ”

หม่อมเอียดไม่ค่อยพอใจนัก

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 6 (ต่อ)

กรองแก้วเต้นตามสเต็ปเท้าพุฒิภัทรโดยยังคงมองพื้นอยู่ แต่เริ่มแม่นจังหวะเท้ามากขึ้น

“สบายๆ ไม่ต้องเกร็ง ฟังเพลง จับจังหวะ แล้วก็ปล่อยร่างกายไป” พุฒิภัทรสอน
พุฒิภัทรมองกรองแก้วตลอดเวลาอย่างฉวยโอกาส
กรองแก้วเริ่มคล่องจังหวะเท้ามากขึ้น
“อย่างนั้นแหละ ดีมากแก้ว ทีนี้พยายามไม่มองพื้นนะ มองแค่หน้าชั้น”
กรองแก้วเงยหน้ามองพุฒิภัทรในขณะที่ยังเต้นไป เพราะเริ่มมั่นใจขึ้นว่าทำได้ พอทำเต้นตามสเต็ปนั้นซ้ำสักสองจังหวะกรองแก้วก็ดีใจที่ตัวเองเต้นโดยไม่เหยียบเท้าพุฒิภัทร
กรองแก้วยิ้มออกมา “แก้วทำได้แล้ว”
กรองแก้วยิ้มดีใจสดใสที่ตัวเองจำสเต็ปได้โดยไม่ต้องมองพื้น
พุฒิภัทรตะลึงกับรอยยิ้มและความสดใสของกรองแก้ว พุฒิภัทรเผลอกุมมือกรองแก้วแน่นขึ้นส่วนมือที่ประคองเอวของเธอก็กระชับแน่นขึ้นอีกจนกรองแก้วรู้สึกได้
“เอ่อ คุณชายคะ”
“ครับ”
“คุณชายกอดแก้วแน่นไปหรือเปล่าคะ”
พุฒิภัทรเพิ่งรู้ตัวจึงรีบผ่อนมือในขณะที่ยังเต้นอยู่ “ชั้นขอโทษนะแก้วๆ ชั้นไม่ได้ทำให้เธอเจ็บใช่มั้ย”
“ไม่ค่ะ” กรองแก้วยิ้มแซว “คุณชายมัวแต่คิดอะไรอยู่คะ”
“คิด..คิดเรื่อง..”
พุฒิภัทรมองหน้าอันสดใสของกรองแก้ว เขาอยากจะพูดแต่ก็พูดอะไรไม่ออก ทันใดนั้นกรองแก้วก็ร้องโอ๊ยลั่นเพราะถูกพุฒิภัทรเหยียบเท้า
พุฒิภัทรตกใจ “แก้ว!!”
พุฒิภัทรรีบผละออก
“ชั้นขอโทษนะแก้ว ชั้นไม่ได้ตั้งใจ” พุฒิภัทรก้มตัวลงมาประคองเท้ากรองแก้ว
“อย่าค่ะคุณชาย แก้วไม่ได้เจ็บอะไร”
พุฒิภัทรก้มลงดูเท้ากรองแก้วด้วยความห่วงใยมาก กรองแก้วยังมองพุฒิภัทรด้วยความไม่เข้าใจ

พุฒิภัทรบีบยาจากหลอดยาแก้กล้ามเนื้ออักเสบลงบนฝ่ามือ กรองแก้วนั่งที่พื้นโดยพยายามบ่ายเบี่ยง
“อย่าค่ะ คุณชาย แก้วทำเองได้”
“เอ๊ะ ชั้นเป็นหมอนะ ชั้นทำเธอเจ็บ ชั้นต้องรักษาสิ”
พุฒิภัทรมานั่งเคียงข้างแล้วดึงเท้ากรองแก้วมาจัดการทายาก่อนจะทาถูนวดอย่างรวดเร็ว
“คุณชาย..พอเถอะค่ะ แก้วไม่ได้เจ็บมาก..มาค่ะ เดี๋ยวแก้วทาต่อเองดีกว่า”
“ไม่..นี่เหรอ ไม่ได้เจ็บมาก ดูสิ แดงเลย”
“คุณชายคะ เท้า มันเป็นของต่ำนะคะ แล้วแก้วเป็น..”
“เป็นอะไร”
“เป็นเด็ก..บ้านนอก ไม่มีสกุลรุณชาติ”
“เธอนี่มันมิสซ้ำซากชัดๆ” พุฒิภัทรงอน “แล้วไง ชั้นเป็นคุณชาย..ผู้สูงส่งล่ะสิ” พุฒิภัทรกระแทกเสียง “ชั้นล่ะ..เบื่อเต็มทีกับเหตุผลนี้ ถ้าอยากแบ่งชนชั้นนัก ก็ไปเกิดสมัยอยุธยานั่นไป นี่สมัยประชาธิปไตย เท้าที่เจ็บ ต้องได้รับการเยียวยา ไม่ใช่เท้าสามัญชน ถ้าเจ็บขึ้นมา ก็ช่างหัวมัน” พุฒิภัทรเผลอนวดหนักมือ
“โอ๊ย”
“ขอโทษๆ ชั้นทำเธอเจ็บหรือ”
“คุณชายแกล้งแก้ว”
“เปล่านะ ชั้นไม่ตั้งใจ ขอโทษ”
“งั้น..เราหายกัน..นะคะ..ให้แก้วทายาเองนะคะ” กรองแก้วพนมมือ “ขอร้องล่ะค่ะ แก้วไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอก..นี่ไง..หายแล้ว คุณชายเก๊งเก่ง ยานี่ก็ดี๊ดี ทานิดเดียว..หายเลย..เราไปหัดเต้นต่อกันนะคะ “ กรองแก้วรีบลุกแล้ววิ่งนำออกไป
พุฒิภัทรมองตามแล้วอดยิ้มไม่ได้ แย้มที่แอบดูอยู่ชอบใจ
“ดีมาก..รักนวล สงวนตัว มีวิธีที่เอาตัวรอดอย่างฉลาด บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น”

ขณะที่ชินกรเดินเข้ามาที่ลานหน้าตึกวังเทวพรหม แต่แล้วก็ชะงัก เสียงเพลงวอลทซ์ดังขึ้น ในแสงที่สว่างจากเสาไฟริมสนาม กรองแก้วกับพุฒิภัทรกำลังเต้นรำคู่กันไปรอบๆ สนามอย่างสวยงาม
กรองแก้วมองหน้าพุฒิภัทร ขณะที่พุฒิภัทรก็มองหน้ากรองแก้ว ทั้งคู่ต่างเต้นกันด้วยเท้าเปล่าบนพื้นหญ้าเขียวของสนามหน้าบ้านแต่ดูพลิ้วปลิวราวกับลอย
เกษรายืนมองอยู่ข้างๆ เครื่องเล่นแผ่นเสียงอย่างเคลิ้มฝัน ส่วนแย้มที่นั่งดูอยู่อ้าปากค้าง ชินกรเดินเบาๆไปอยู่ข้างๆ เกษรา
“สวยงามเหลือเกิน”
“ชินกรคะ..คุณ..เห็นเหมือนชั้นใช่ไหม” เกษราถามท่าทีตื่นเต้น
“ยังกับภาพในฝัน” ชินกรบอก
“ใช่..ไม่น่าเชื่อเลย เหมือนกับเจ้าหญิงเจ้าชายในนิทาน”
“นี่ไง กิ่งทอง ใบหยก ของจริงเลยค่ะคุณ”

เกษราบอกสามียิ้มๆ

ด้านกรองแก้วกับพุฒิภัทร เต้นไปจนกระทั่งจบเพลง แต่ทั้งสองยังยืนในอ้อมกอดและมือของกันและกัน

“คุณชายคะ..เพลงจบแล้ว” กรองแก้วบอก
“ไม่อยากให้จบเลย” พุฒิภัทรพูด
“แก้ว..แก้ว..ไม่นึกมาก่อน ว่า..” กรองแก้วนิ่งไป
“ว่าอะไร”
“ว่าการเต้นรำ มันจะสนุกดีแบบนี้..”
“จริงด้วย..สนุกมากๆ..ชั้นไม่เคยเต้นรำกับใครสนุกอย่างนี้มาก่อน”
“มิน่าล่ะคะ คนเขาถึงชอบเต้นกันนัก”
“ถ้าเธอชอบ..ชั้นจะ..” พุฒิภัทรพูดแล้วก็เงียบไป
“จะ..อะไรคะ”
“จะพาเธอไปเต้นรำ ทุกงาน ที่เธออยากไป”
ทั้งสองยังยืนอยู่เหมือนเดิมโดยไม่ยอมปล่อยมือจากกัน
“เอ่อ..นี่..มันยังไงกันคะ” เกษรางง
“ผมว่า..เราไม่ควรจะไปขัดคอนะจ๊ะ เข้าไปข้างในดีกว่า” ชินกรชวน
“จะดีหรือคะ”
“ทำไมล่ะ”
“เวลานี้ เราคือผู้ปกครองของแก้วค่ะ”
แย้มรีบเข้าไปแล้วกระแอมดังๆ กรองแก้วได้สติจึงรีบดึงตัวออกมาแล้วหัวเราะ
“พี่แย้ม..นี่มันกี่ทุ่มกี่ยามแล้วคะ” กรองแก้วถาม
“สองทุ่มค่ะ ไม่หิวกันเลยหรือคะ ยังไม่ได้รับทานข้าวเย็นกันเลย รับของว่างไปตอน5โมง..เวลานี้ก็คงย่อยไปหมดแล้ว”
“นั่นสิ พอคุณแย้มทัก ผมก็หิวขึ้นมาติดหมัดเลย” พุฒิภัทรบอก
ชินกรเดินปรบมือเข้ามา “สวยมาก เต้นกันสวยจริงๆ ถ้ามีประกวด นักลีลาศคู่นี้น่าจะไปสมัครเข้าแข่งชิงถ้วยนะ”
“คุณชายเก่งเหลือเกิน ทำให้ลูกเป็ดน้อยๆน่ารักของเรา กลายเป็นนางหงส์ไปแล้วจริงๆ งานเต้นรำคราวนี้ กรองแก้ว บุญมี คงทำให้วงสังคมตกตะลึงเป็นแน่” เกษราชม
ทุกคนยิ้ม พุฒิภัทรกับกรองแก้วสบตากัน กรองแก้วยิ้มกว้างเพราะดีใจ พุฒิภัทรทำหน้าชื่นชม และดวงตามีความหมาย กรองแก้วหลบตาเพราะเกิดความเขินชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ด้านมารตีเดินไปเดินมาด้วยความหงุดหงิด วิไลรัมภาเดินออกมาดูแล้วก็ส่ายหน้าด้วยความสมเพช
“แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ อย่างที่วิไลเคยเตือน...เห็นไหมล่ะคะ”
มารตีไม่พอใจ “ไม่จริง!”
วิไลรัมภารีบพูด “จริง!”
“ไม่!”
“ถ้าพี่มารตีกับคุณพ่อไม่เข้าใจข้อนี้..ก็อย่าหวังเลย ว่าจะประสบความสำเร็จ” วิไลรัมภาบอก
“ชั้นต้องได้พี่ชายภัทรสิ เราคู่กัน มันคือคำมั่นสัญญาที่มิอาจละเมิดได้นะ”
“ไม่มีใครอยากถูกจับ ไม่มีใครอยากมีเจ้าของ ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากเป็นคนโดนล่า แต่เขาต้องเป็นผู้ล่า ยิ่งเขารู้สึกว่า เรื่องนี้เป็นภาระหน้าที่รับผิดชอบ เป็นสัญญาที่ละเมิดมิได้..อย่างที่พี่ว่า เขาก็จะยิ่งเกลียด ยิ่งต่อต้าน”
“พอเถอะ นังวิไล แกเองก็ไม่ได้วิเศษอะไรมาจากไหน อย่ามาทำมารู้ดี” มารตีว่า
“พี่มารตีคะ ถ้าอยากชนะ พี่ต้องใช้สมอง”
“บ้า..แล้วอีนังกรองแก้วมันใช้อะไร..ใช้ขาอ่อน ทรวดทรงองเอว กับรอยยิ้มดัดจริตทั้งนั้น และทุกอย่างที่ว่ามา..ชั้นก็มีเหมือนกัน”
“ถ้าพี่มารตีเป็นแบบนี้ ถึงไม่มียายกรองแก้วโผล่มาข้องเกี่ยว พี่ชายภัทรก็ไม่เอาพี่อยู่ดี”
มารตีผงะแล้วตบหน้าวิไลรัมภาดังเพี้ยะ
“แก..แกขัดขวางชั้น ดูถูกชั้น ที่จริงก็บอกมาเถอะ ว่าแกอิจฉาชั้น..นังวิไล..แล้วชั้นจะทำให้แกเห็น ว่าพี่ชายภัทรจะเป็นของใครไม่ได้ นอกจากชั้นเท่านั้น” มารตีเดินเชิดจากไป
วิไลรัมภาอึ้ง เธอมองตามด้วยความเจ็บใจก่อนจะกุมแก้มแล้วก็น้ำตาไหล

เช้าวันใหม่ พุฒิภัทรในชุดทำงานเดินลงบันไดวังจุฑาเทพมาอย่างร่าเริง เขาผิวปากเป็นเพลงเต้นรำ และก็เดินจนแทบร่อนแบบเต้นรำลงมาก่อนจะชะงักกึกเมื่อเห็นหม่อมเอียดกับย่าอ่อนนั่งขรึมรออยู่
“หม่อมย่าครับ ย่าอ่อน” พุฒิภัทรไหว้ทั้งสอง
หม่อมเอียดสั่งอย่างเด็ดขาด “ตั้งแต่นี้ไป เลิกงานแล้ว ห้าโมงเย็น หลานจะต้องกลับมาถึงวัง เพื่อสอนมารตีเต้นรำ พามารตีกลับมา ในรถของหลานเอง..ทุกวัน ห้ามขาดสักวันเดียว”
“อ้าว..แล้ว ถ้าผมมีผ่าตัด..หรือมีคนไข้ฉุกเฉิน”
“หากวันไหนจำเป็น มีธุระสำคัญ จำเป็นต้องขาดการซ้อม ให้หลานโทรมาขออนุญาต” ย่าอ่อนบอก
“ใช่ ขออนุญาต..และแจกแจงเหตุผลที่แท้จริง เพื่อให้ย่าพิจารณาเป็นวันๆไป เข้าใจไหม”
พุฒิภัทรก้มหน้า “คุณย่าคิดว่า..วิธีนี้ จะทำให้..ผม..รักมารตีได้หรือครับ”
“แล้วมารตีมีอะไรไม่ดี ที่ไม่สมควรรัก..แกนี่มันเล่นบทเด็กดื้อตอนโตนะ ชายภัทร เป็นเด็กดื้อ..แบบที่ ถ้าย่าบอกว่าอย่า อย่าทำ แกจะทำ แล้วถ้าบอกว่า ให้ทำ ต้องทำ แกจะไม่”
อ่อนพูดต่อ “หลานควรนึกถึงความดีของคุณชายเทวพันธุ์ นึกถึงบุญคุณ แล้วก็รู้จักความกตัญญู ลูกผู้ชายที่แท้น่ะ เขาต้องรักษาคำพูดของพ่อแม่”
“หลานควรนึกถึงความสุขของย่าด้วย ความต้องการของย่าไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงอะไรเลย ถ้าหลานแต่งงานกับมารตี ย่ามีความสุข ถ้าหลายผิดสัญญา ย่าจะมีความทุกข์..แต่ถ้าหลานไม่แคร์ ย่าก็คงหมดปัญญา ไป แม่อ่อน” หม่อมเอียดทิ้งท้ายเป็นเชิงตัดพ้อ แล้วหันไปชวนน้องสาว
“ค่ะ..คุณพี่”

แล้วสองหญิงชราก็เดินเชิดๆ ออกไป พุฒิภัทรหน้าซีดขาวราวกระดาษ

ฟากกรองแก้วแบ่งขนมจีบใส่ถาดมาส่วนหนึ่ง พลางฮัมเพลงวอลทซ์และเต้นรำหมุนตัวอยู่คนเดียวในครัวด้วยอารมณ์รื่นเริง

แย้มมองขำๆ “อ้าว...จะแบ่งไปไหนล่ะแก้ว ยิ่งขายไม่ค่อยพออยู่ด้วย ลูกค้าเรียกร้องกันเกรียว”
“แก้วขอเก็บไว้ให้คุณชายหน่อยเดียวนะคะ คุณชายอุตส่าห์มาสอนแก้ว”
“อ๋อ ถ้าเผื่อสำหรับคุณชาย..ก็เอาไปอีกเยอะๆเลยก็ได้ พวกลูกค้าช่างมัน” แย้มบอก
ทั้งสองหัวเราะขำกันเอง
เกษราเดินเข้ามา “เดี๋ยวคุณชายมากี่โมงแก้ว”
“ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เห็นบอกว่า..เลิกงานจะมานะคะ”
“ดีแล้ว งั้นเราเชิญแกรับประทานข้าวเย็นก่อน แล้วค่อยซ้อมนะ ดีไหมแก้ว” เกษราถามความเห็น
กรองแก้วยิ้มสดใส “ดีค่ะ งั้น..เดี๋ยวแก้วขออนุญาต..ทำกับข้าวเอง..นะคะ” กรองแก้วกระตือรือร้นมากเป็นพิเศษ
ทุกคนร่าเริง

อาหารบนโต๊ะถูกจัดอย่างสวยงามมียำที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ไข่ต้มที่วางประดับจักเป็นดอก น้ำพริกลงเรือที่ตกแต่งสไตล์ชาววังและแกงจืดฟักกับไก่ที่สลักฟักเป็นดอก ชินกรเอาช้อนกลางตักฟักขึ้นมาดูอย่างตื่นตา
“แม่เจ้าโว้ย..แก้ว..เธอแกะสลักฟักเสียยังกับแม่ของพระสังข์เลยนะ ชิ้นหนึ่งทรงครรถ์กัลยา คลอดลูกออกมาเป็นหอยสังข์..ชิ้นสองโดนขับเที่ยวเซซัง อุ้มลูกไปยังพนาลัย”
กรองแก้วอาย “คุณชินกรก็..แต่สลักเป็นดอกรักเร่เท่านั้นเองค่ะ”
“รักเร่..ยังเท่านั้นเองอีกหรือ แก้ว..เธอเรียนมาจากไหน เก่งกว่าชาววังเสียอีกนะ” เกษราว่า
“แก้วไปรับจ้างทำกับข้าวบ่อยๆค่ะ ไปเป็นลูกมือแม่ครัวเก่งๆบ้าง แก้วก็ครูพักลักจำเขามา”
“หนูแก้วเป็นคนหัวไวมาก มีพรสวรรค์ทางด้านนี้จริงๆ มีความเป็นกุลสตรีข้างครัวมากค่ะ” แย้มบอก
“นั่นสิ..ที่จริง..นี่แหละ ที่เป็นคุณสมบัติที่หม่อมเอียดต้องการที่สุด”
“หม่อมเอียดคือใครเหรอคะ” กรองแก้วถาม
ทุกคนสบตากัน
“เปล่าๆ ญาติคนหนึ่งของฉันน่ะ” เกษราตอบ
“เอ..แต่ป่านนี้..ทำไมคุณชายยังไม่มา..ผมหิวแล้วสิ” ชินกรบอก
เกษรามองกรองแก้วด้วยความเกรงใจ “รอเดี๋ยวสิคะ..ชินกร..นะคะ..อีกแป๊บเดียว..คุณชายคงมา อาจมีตรวจคนไข้ฉุกเฉิน”
“เอ่อ..หรือว่า..คุณๆจะรับประทานกันก่อนดีคะ” กรองแก้วถาม
“อย่าเลย ไม่งั้นของสวยๆที่แก้วทำ ก็จะแหว่งไปหมดน่ะสิจ๊ะ” เกษราบอก
“ยังมีอีกเยอะค่ะ” กรองแก้วเขิน “เดี๋ยวแก้วจัดให้คุณชายใหม่ก็ได้”
“ไม่เป็นไรๆ เรารอคุณชายกันดีกว่า นะๆๆๆ” ชินกรสรุป
กรองแก้วยิ้มเจื่อนแล้วก็อดมองนาฬิกาไม่ได้ นาฬิกาบอกเวลาว่าอีก10นาที จะเป็นเวลา1ทุ่ม

เวลาผ่านไปจนถึง 2 ทุ่ม ชินกรนั่งท้าวคางมองกับข้าวตาละห้อย กรองแก้วชะเง้อที่ประตู เกษราแอบถอนหายใจ
กรองแก้วเดินกลับเข้ามา “คงไม่มาแล้วล่ะค่ะ คุณชินกรรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวแก้วอุ่นแกงจืดก่อน แล้วค่อยรับประทานกันนะคะ”
“อ้าว..แล้วไม่รอ..คุณชาย” ชินกรถาม
“อย่ารอเลยค่ะ เดี๋ยวยำจะเซ็งหมด” กรองแก้วยกถ้วยแกงออกไป “รอแป๊บเดียวนะคะ”
เกษรากับชินกรสบตากัน
“คุณชายจะไม่มา..ก็น่าจะโทรศัพท์มาบอกกันก่อนนะ” เกษราว่า

หม่อมเอียดนั่งมองอย่างเคลิบเคลิ้ม แต่ย่าอ่อนเคลิ้มกว่า เสียงเพลงวอลทช์ดังหวานไปทั่ว รัชชานนท์กับรณพีร์ยืนมองอยู่อีกทางด้านนึงพลางวิพากษ์ วิจารณ์ สมศรีกับแจ๋วนั่งดูตาโต
พุฒิภัทรโอบประคองมารตีในชุดกระโปรงบานเต้นอย่างแข็งขืน มารตีเต้นแบบมั่นใจในตัวเองเกินเหตุ เธอทั้งเชิดและหยิ่ง พอพุฒิภัทรนำไปอีกทาง มารตีก็ไม่ตามแต่จะเต้นไปอีกทาง พุฒิภัทรอึดอัด มารตีโชว์ว่าตัวเองเต้นเก่ง เธอหันมาโปรยยิ้มให้กองเชียร์รอบๆ
“คุณมารตีก็เต้นเก่งแล้วนะ ทำไมจะต้องจัดให้มีการสอนด้วย” รัชชานนท์ว่า
“ก็คุณย่าแหละ..อยากให้พี่ชายภัทรได้กอดและจับมือคุณมารตีบ่อยๆ เผื่อจะเกิดไฟลัดวงจร สปาร์คขึ้นมาได้” รณพีร์บอก
เพราะการเต้นแบบขัดกันไปขัดกันมาทำให้มารตีเหยียบเท้าพุฒิภัทรด้วยรองเท้าส้นสูงเข็มไปเต็มๆ
พุฒิภัทรร้องลั่น “อ๊า..!!”
“ว้ายๆๆ พี่ชายภัทรขา มารตีขอโทษค่ะ”
ทั้งสองกระโดดออกจากกัน
“พี่ชายภัทรเจ็บมากมั้ยคะ” มารตีถาม
พุฒิภัทรยิ้ม “ไม่เป็นไรจ้ะ ไม่เท่าไหร่”
ทั้งสองจะเต้นรำกันต่อ ทันทีที่ก้าวเท้าแรก พุฒิภัทรก็เหยียบเท้ามารตีเต็มๆ
มารตีร้อง “วี้ด”
“โอ๊ะ..ขอโทษๆๆ มารตี..ไหน ขอพี่ดูหน่อยสิ เจ็บมากมั้ย”
มารตีเหวี่ยง “พี่ชายภัทรแก้แค้นมารตีเหรอคะ แหม โดนมารตีเหยียบเท้าเข้าทีนึง ต้องมากระทืบบนเท้ามารตีเป็นการเอาคืนทันทีเลยนะคะ”
“มารตี..พี่..ไม่ได้ตั้งใจนะครับ”
“อย่าเลยค่ะ พี่ชายภัทรไม่เคยเต็มใจจะมาสอนน้องอยู่แล้ว เลยแกล้งน้อง..น้องรู้ทันหรอกน่า พวกเด็กผู้ชายพี่น้องจุฑาเทพ เกเรจะตาย ตั้งแต่เด็กจนโต มีแต่แกล้งพวกเราตลอดเวลา” มารตีหันไปค้อนให้คุณชายอีก2คนด้วย
พุฒิภัทร รัชชานนท์และรณพีร์ร้องพร้อมกัน “อ้าว!”
ย่าอ่อนกับหม่อมเอียดสบตากันแล้วเห็นท่าไม่ดี
“เอาล่ะๆๆ เด็กๆ อย่าทะเลาะกันจ้ะ ซ้อมกันมาตั้งนาน..คงจะเมื่อยแย่แล้วล่ะสิ มาๆๆ พักรับประทานอะไรกันก่อนดีกว่า” ย่าอ่อนรีบเบรก
หม่อมเอียดเข้ามากอดมารตี “หนูมารตีเต้นสวยมากจ้ะ แต่ว่า..ยังเต้นแข็งๆเป็นเด็กนักเรียนไปหน่อย” หม่อมเอียดหันมาจ้องหน้าพุฒิภัทร “ชายภัทรเต้นเก่งกว่า นุ่มนวลกว่า จะต้องเข้าใจ และรู้จักปราบน้อง..ให้อ่อนโยนลง”
พุฒิภัทรสลด
หม่อมเอียดพูดต่อ “แต่ว่า..ตอนนี้เราก็เต้นกันมานานพอแล้วนะ..มาๆๆ มารับประทานอาหารเย็นกันดีกว่า”

หม่อมเอียดใช้แขนนึงกอดมารตีส่วนอีกแขนหนึ่งกอดพุฒิภัทรแล้วจับไปนั่งด้วยกัน

ขณะเดียวกัน กรองแก้วเปิดเครื่องเล่นแผ่นเสียงจังหวะบีกินด้วยสีหน้าเหงาๆ แล้วมานั่งยิ้มดูเกษรากับชินกรเต้นรำด้วยกัน แล้วทั้งสองก็หัวเราะกันเอง

“เต้นต่อสิคะ น่ารักดีค่ะ” กรองแก้วบอก
“ผมเต้นไม่เอาไหนเลย สู้คุณชายพุฒิภัทรไม่ได้หรอกครับ” ชินกรพูด
กรองแก้วชะงัก ทุกคนชะงักแล้วต่างก็เงียบไป
เกษรารีบเปลี่ยนบรรยากาศ “แก้ว..สงสัยคุณชายไม่ว่างน่ะ มา..เธอมาซ้อมกับชั้นก็ได้ วันนี้เราเริ่มด้วยจังหวะบีกินก่อน..ดีไหม”
กรองแก้วพยายามทำร่าเริง “ดีค่ะ”
เกษราเข้ามาจับคู่กับกรองแก้วแล้วเต้นรำกันประสาผู้หญิง เกษราสอนให้กรองแก้วนับและทำตาม กรองแก้วก็ทำตามได้เร็วแบบคนมีพรสวรรค์
ยศวินก้าวเข้ามายืนดูอย่างตื่นตา
ชินกรเห็นก็ทัก “อ้าว คุณหมอ ไปไงมาไงครับ”
ยศวินไหว้ “ก็ มาเยี่ยมคุณกรองแก้วนี่แหละครับ”
กรองแก้วกับเกษราหยุดเต้นแล้วพากันมาทักทาย
“คุณหมอ..รับประทานอะไรมาหรือยังคะ” เกษราถาม
“โอ๊ะ เรียบร้อยแล้วครับ พอดีผ่าตัดเสร็จออกมา หิวซ่กเลย เลยรับประทานซะก่อน แล้วค่อยมานี่”
“อ้อ..” กรองแก้วอยากถามถึงพุฒิภัทรแต่ก็ไม่กล้า
“ไม่นึกเลย ว่าจะมาเจอคุณแก้วก็ซ้อมลีลาศกับเขาเหมือนกัน” ยศวินบอก
“เหมือนใครครับ” ชินกรถาม
“คุณชายหมอ กับมารตีน่ะสิครับ พอเสร็จงาน คุณชายก็ต้องรีบพาคุณเธอกลับไปซ้อมลีลาศกันที่วัง คุณมารตีคุยฟุ้ง คับโรงพยาบาล ว่าเขาจะต้องเต้นรำคู่กันเป็นคู่เอกในงานวังท่านชายเกริก” ยศวินหัวเราะแล้วกระซิบกระซาบ “แต่ท่าทางคุณชายอึดอัดใจมากเลยครับ”
กรองแก้วหน้าซีดไป
เกษรากระอักกระอ่วน “เอ่อ..จริงสิ งานแบบนี้ มารตี..ก็ต้องไปกับชายภัทร..เป็นหน้าที่อยู่แล้ว..ครอบครัวเรามีธรรมเนียมปฏิบัติแบบนี้มาตลอดเวลา” เกษราหันมาถามยศวิน “คุณหมอเต้นเก่งไหมคะ”
“ก็..พอตัวครับ”
“งั้น..กรุณาเป็นคู่เต้นให้แก้วหน่อยสิคะ เร้ว..จะได้เข้าทีหน่อย ผู้หญิงเต้นกันเอง มันไม่ได้เรื่องหรอก” เกษราบอก
“ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับ” ยศวินหันมายิ้มหน้าบาน แล้วยื่นมือมาแบต่อหน้ากรองแก้ว “จังหวะบีกิน..ต่อเลยนะครับ”
กรองแก้วอึ้งๆ ก่อนจะหันมามองหน้าชินกรสลับกับเกษรา ทั้งสองยิ้มให้แล้วพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย กรองแก้วหันมาหายศวินแล้วยิ้มให้ในท่าทีเกรงใจ
“คุณหมอกรุณาแก้วด้วยนะคะ” พลางกรองแก้ววางมือลงบนมือยศวิน
ทั้งสองเริ่มเต้น เกษราหันมาพยักหน้าให้กับชินกร
แล้วเกษรากับชินกรก็เต้นไปด้วยกัน ทั้งสองต่างมองหน้ากันแล้วหัวเราะชอบใจ

สมศรีกับแจ๋วช่วยกันเสิร์ฟอาหารต่างๆ รวมทั้งขนมจีบจานใหญ่ หม่อมเอียดเอ่ยขึ้น
“ขนมจีบ..แหม..ดีจริง กำลังอยากรับประทานพอดี วันก่อนได้ชิมไปนิดเดียว พอดีหมดซะก่อน”
“ขนมจีบนี่ไง ชายภัทร คราวที่แล้วได้ชิมหรือเปล่า” รัชชานนท์ถาม
“พี่ชายภัทรเค้าไม่อยากชิมหรอกค่ะ เขาสนใจแต่..ใคร..กล้าเปิดเนื้อหนังมังสาให้ดูมากแค่ไหน” มารตีค้อนขวับ “เขาไม่สนใจอาหารฝีมือมารตี.. ไม่สนใจเรื่องเสน่ห์ปลายจวักอะไรทั้งนั้น”
พุฒิภัทรอึ้งเพราะทำหน้าไม่ถูก
“หา..นี่เหรอ ฝีมือเธอ มารตี ไม่ใช่ฝีมือพี่เกษราเหรอ” รณพีร์ถาม ไม่อยากเชื่อ
“ก็..เอ้อ..ก็..พี่เกษราสอนให้มารตีทำน่ะค่ะ”
ย่าอ่อนจิ้มขึ้นมากิน “แหม..อร่อย..หนูมารตีเก่งมากๆเลย ชายภัทร ชิมเร้ว เร็วๆๆๆ แล้วจะติดใจ”
“ครับๆๆ” พุฒิภัทรจิ้มแล้วชิม เขาเคี้ยว2-3ทีแล้วก็ชะงักก่อนจะเลิกคิ้วแล้วหันมาสบตากับรัชชานนท์กับรณพีร์
คุณชายทั้งสามสบตากันแล้วก็เงียบ
“เป็นไงล่ะ อึ้งไปเลย ชายภัทร” หม่อมเอียดว่า
“ไม่อร่อยเหรอคะ” มารตีถาม
“อร่อยสิ อร่อยมาก เป็นรสชาติที่..พวกเรา..เคย..รับประทานมาก่อน” พุฒิภัทรบอก
รัชชานนท์กับรณพีร์พูดพร้อมกัน “ใช่!”
“ขนมจีบสูตรนี้..ไม่ค่อยมีคนทำเป็น ไม่เคยรู้มาก่อน ว่าคุณเกษราก็ทำได้ด้วย” พุฒิภัทรว่าเหมือนไม่เชื่อ
“เอ๊ะ..ก็มารตีบอกกี่ครั้งแล้วคะ ว่ามารตีทำ..พี่เกษราแค่สอนเท่านั้น”
“หนูมารตีเก่งจริงๆ ยอดเยี่ยม..จริงไหมคะ..คุณพี่” ย่าอ่อนหาพวก
“จ้ะ ยอดเยี่ยมมาก ทุกคน..ว่างั้นไหมจ๊ะ” หม่อมเอียดถาม
“ครับๆๆ ว่างั้นครับ” คุณชายทั้งสามตอบอย่างพร้อมเพรียง

มารตีแอบค้อนปะหลับปะเหลือก

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 6 (ต่อ)

เกษราเอาชุดราตรี 2-3 ชุดมาวางให้กรองแก้วเลือก

“แล้วคุณเกษราไม่ใช้แล้วหรือคะ” กรองแก้วถาม
“เวลามีงานอะไรที ชั้นก็จะอยากตัดชุดใหม่ทุกที ของเก่าเลยได้แต่เก็บไว้ดูเล่น” เกษราหัวเราะ “ใส่แค่ชุดละครั้งเดียวเอง นิสัยเสีย เนอะ” เกษราขำตัวเอง
“คุณเกษราตัดเย็บได้เองนี่คะ แล้วคุณก็สนุกที่จะได้หัดทดลองตัดเย็บแบบเสื้อใหม่ๆ ด้วย” แย้มบอก
“แก้วชอบชุดไหนล่ะ หรือไม่ชอบเลย ถ้าเราแก้ แล้วก็ตกแต่งอะไรเพิ่มลงไป..คนคงจำไม่ได้หรอก”
ทันใดนั้นมารตีก็เดินเข้ามา
มารตีส่งเสียงนำมา “พี่เกษราคะ พี่เกษราอยู่หรือเปล่า”
แย้มกับเกษราตกใจ “มารตีมา!”
กรองแก้วรีบรวบชุดทั้งสามแล้ววิ่งไปแอบซ่อนทันที
มารตีเดินเข้ามายกมือไหว้ “พี่เกษรา..แม่แย้ม”
แย้มรีบรับไหว้ “คุณมารตี..มาถึงนี่เลยนะคะ”
“สัปดาห์หน้า..มารตีอยากได้ขนมจีบอันใหม่นั่น5ชุดนะคะ แต่อยากให้ห่อตัวแป้งแบบพิเศษๆหน่อย ทำเป็นดอกๆ หรือจับเป็นตัวนกกระทุงได้ไหมคะ จะได้ดูสมเป็นชาววังมากกว่าเดิม” มารตีสั่ง
กรองแก้วที่แอบฟังอยู่มุมนึงทำหน้าแปลกใจ
“อ๋อ ขนมจีบที่คุณแก้ว เอ๊ย” แย้มรีบปิดปาก
ทั้งกรองแก้วและเกษราสะดุ้ง
“คุณ..อะไรนะ” มารตีถามย้ำ
“คุณ..คุณแก้วฟ้าไงคะ” แย้มพูดเสียงสูง
“แก้วฟ้า..?” มารตีงง
“ครูแก้ว...ครูแก้วที่แต่งเพลงให้วงดนตรีสุนทราภรณ์น่ะค่ะ ท่านชอบมาซื้อทีละมากๆ น่ะค่ะ” แย้มบอก
“แหม..มีคนดังมาเป็นลูกค้าเยอะจริงนะ..ขนมร้านนี้เนี่ย” มารตีทำเสียงหมั่นไส้ “นั่นแหละๆๆ ขอ5ชุด..วันจันทร์นะ มารตีจะเอาไปตอบแทนหม่อมย่าเอียดซักหน่อย พวกหนุ่มๆจุฑาเทพก็ชอบกันมาก..พี่ชายภัทรงี้..รับประทานตั้ง 7-8 ตัว จนไม่เป็นอันรับประทานข้าว”
มารตีโอ้อวดสุดๆ ทำเอากรองแก้วได้แต่อึ้ง
“หม่อมย่าเอียดท่านเมตตามารตีมากๆเลยนะคะ พี่เกษรา งานเต้นรำที่วังท่านชายเกริก..หม่อมย่าท่านสั่งตัดชุดราตรีให้มารตี จากร้านระพีเชียวนะ..เป็นผ้าไหมปักเลื่อมแพรวพราวเลยล่ะ แล้วก็จะให้มารตียืมเครื่องเพชรไปแต่งไม่ให้น้อยหน้าใครด้วย ท่านเอามาให้มารตีเลือกตั้ง5ชุด” มารตีคุย
เกษราตกใจ “โอโห..ตั้ง 5 ชุด”
“ค่ะ..มีชุดเพชร ชุดไข่มุก ชุดทับทิม ชุดมรกต แล้วก็ชุดไพลิน..มารตีชอบชุดไหน ก็เลือกไปแต่งได้เลย”
“ตายล่ะ งั้นมารตีต้องรักษาของๆท่านดีๆนะน้อง..ของๆท่านมีแต่ล้ำค่าทั้งนั้น อย่าให้แตกหักสูญหายไปล่ะ ท่านพ่อเราไม่มีปัญญาหาไปใช้คืนท่านแน่”
“อุ๊ย..คิดอะไรพิลึกจริง พี่เกษรา ท่านรักมารตีจะตาย เผลอๆ ถ้าหม่อมย่าเห็นมารตีใส่แล้วสวย..ท่านอาจจะยกให้ก็ได้ เพราะ..ยังไงๆ มารตีก็ต้องเป็นหลานสะใภ้ท่านอยู่แล้ว”
กรองแก้วได้ยินก็หน้าเจื่อน แล้วเธอก็ตัดสินใจหลบหายไปเพราะไม่อยากฟังอีก เกษรากับแย้ม สบตากันอย่างอึ้งๆ

กรองแก้วเย็บเลื่อมทับลูกไม้ที่ตัดแยกเป็นดอกๆ ปักไปบนเนื้อผ้าเรียบๆ ของชุดราตรีชุดเก่าของเกษรา กรองแก้วก้มหน้าก้มตาตั้งใจเย็บไปอย่างเจียมตัวด้วยความรู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ
กรองแก้วรู้สึกแปลกๆ จึงเงยหน้าขึ้นมาแล้วก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นพุฒิภัทรยืนมองอยู่เงียบๆ
กรองแก้วรีบลุก “คุณชาย” กรองแก้วยกมือไหว้
“นั่น..ปักชุดที่จะใช้ไปงานเต้นรำหรือ” พุฒิภัทรถาม
กรองแก้วยิ้ม “ค่ะ..” กรองแก้วชูชุดขึ้นอวด “สวยไหมคะ แก้วคิดเอง”
“เก่งหลายอย่างจริงนะ”
กรองแก้วดูนาฬิกาที่ผนังก็เห็นว่าเป็นเวลา10โมง
“แล้วคุณชายไม่ไปโรงพยาบาลหรือคะ..สายแล้วนะ”
“กำลังจะไป แต่แวะมา..ดูเธอหน่อย..เป็นไง เต้นรำไปถึงไหนแล้ว” พุฒิภัทรถาม
“อ๋อ..สบายมากค่ะ คุณเกษราสอนแก้วเพิ่มอีก2-3จังหวะ คงพอออกแขกได้ ไม่อายใครแล้วล่ะค่ะ ขอบพระคุณคุณชายมากนะคะ ที่อุตส่าห์เป็นห่วง” กรองแก้วแอบงอนนิดๆ
“แล้วนั่งเย็บทีละดอกแบบนี้ จะเสร็จทันเหรอ”
กรองแก้วหัวเราะหยิ่งๆ “ไม่เป็นไรคะ เสร็จแค่ไหนแค่นั้น คนสวมสวยเสียอย่าง..ใครจะมามัวนั่งนับดอกไม้บนกระโปรงก็แย่เต็มที” กรองแก้ววางกระโปรงลงแล้วลุกขึ้น “แก้วเสียมารยาทจัง คุณชายรอสักครู่นะคะ แก้วจะไปเชิญคุณเกษรามาพบ แล้วจะได้ยกน้ำมาเสิร์ฟด้วย”
“ชั้นไม่ได้มาหาคุณเกษรา ปล่อยให้เธอทำขนมไปเถอะ แล้วน้ำก็ไม่ต้อง ฉันดื่มมาจนเต็มท้องจากวังแล้ว”
“อ้อ..” กรองแก้วยืนมองหน้าพุฒิภัทรนิ่งแล้วเมินไปเพราะรู้สึกน้อยใจ
“เป็นอะไร..โกรธอะไรฉันหรือเปล่า”
“เปล่านี่คะ..แก้วจะไปโกรธคุณชายเรื่องอะไร”
“เรื่อง..ที่เมื่อวาน..ฉันติดธุระ..มาสอนเธอไม่ได้”
“อ๋อ..ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เรื่องสอนแก้วไม่สำคัญหรอก..ธุระของคุณชายสำคัญกว่า”
“รู้ได้ยังไง”
“อ้าว..ก็..มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว..ไม่ใช่หรือคะ”
“ไม่ใช่”

พุฒิภัทรจ้องหน้าแล้วพยายามอ่านใจว่ากรองแก้วงอนเขาหรือเปล่า

กรองแก้วหันมาเจอสายตาพุฒิภัทรก็ถึงกับหน้าแดงแล้วก็ทำเมินไป

“เธอ..ไม่พอใจอะไรสักอย่างแน่ๆ..มีอะไร พูดออกมาสิ”
“เปล่านี่คะ”
“อยากจะถามอะไรไหม ฉันจะได้ตอบ”
“ก็คุณชายอยากบอกอะไรก็บอกมาสิคะ ทำไมต้องให้แก้วถามด้วย”
“ก็ ถ้าเธอไม่ถาม ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง”
“แก้วไม่ถามหรอกค่ะ”
“ทำไมล่ะ”
กรองแก้วยอกย้อน อดเหวี่ยงไม่ได้ “แก้วกลัวจะถามไม่ตรงคำตอบ”
พุฒิภัทรอดหมั่นไส้ไม่ได้ “แหม เดี๋ยวนี้เก่งขึ้นเยอะนะ”
“เก่งยังไงคะ”
“ไม่เห็นคนนี้มีความหมายแล้วไงล่ะ งานก็เยอะ อุตส่าห์แวะมาดูก่อนไปทำงานนิดนึง แทนที่จะดีใจ หรือทำตัวให้มันน่ารัก สมกับที่คนเขา เอ้อ คิดถึงหน่อยก็ไม่ได้ ทำเป็นคนแปลกหน้า จะเอาชั้นเอาเชิงเอาชนะอะไรก็ไม่ทราบ”
กรองแก้วหน้าแดงแล้วก็เมินไป “ใครจะไปกล้าเอาชนะคุณชาย คนอย่างแก้วหรือคะ จะกล้าผยองขนาดนั้น แก้วรู้ตัวหรอกน่า ว่าตัวเองควรจะ..” กรองแก้วนิ่งไปเล็กๆ “รู้ที่ต่ำที่สูง ไม่ลามปามผู้ใหญ่ ผู้มีพระคุณ”
พุฒิภัทรงอน “เด็กอวดดี งั้นเชิญปักเสื้อไปตามสบายเถอะ ไม่กวนแล้ว” พุฒิภัทรหันเดินกระแทกเท้าปังๆออกไป
กรองแก้วหันไปมอง เธออยากจะวิ่งไปง้อแต่ก็ทำงอนแล้วเมินไปบ้างอีกทาง

ณ ห้างหยกฟ้า ผู้คนบางตา มีคุณนายจำนวนหนึ่งกำลังเลือกน้ำอบ น้ำหอมต่างประเทศอยู่ที่แผนกเครื่องสำอางค์ อีกด้านหนึ่งมีคุณนายอีกคนกำลังดูเครื่องประดับ ทั้ง เข็มกลัด ต่างหู แหวน จำพวกจิวเวลรี่จากเมืองนอกอยู่ แผงแขวนผ้าพันคอผ้าแพรๆ กระเป๋าถือ รองเท้าสตรีอยู่ไม่ไกล
พุฒิภัทรเดินหน้าขรึมเข้ามาในห้าง ผู้จัดการห้างที่กำลังเอาน้ำหอมต่างๆมาฉีดให้คุณนายลองอยู่หันมาเห็นก็รีบส่งต่อให้พนักงานขายแล้วเดินมาไหวพุฒิภัทร
“คุณชายครับ ไม่มาตั้งนาน..สบายดีหรือครับ”
“สบายดี อาก๋งผมล่ะ เป็นไงบ้าง” พุฒิภัทรถาม

ที่ชั้นดาดฟ้าของห้างหยกฟ้ามีสวนไม้ดัด บอนไซ โต๊ะน้ำชาแบบเช็คโกในศาลาแบบจีน เจ้าสัวซ้งกำลังนั่งอ่านนสพ.ภาษาจีนพลางจิบน้ำชา เปิดวิทยุจีนที่มีเพลงงิ้วขับกล่อม คนรับใช้ชายคอยพัดวีไล่ยุงและแมลงด้วยแส้หางม้าให้เขาอยู่ ผู้จัดการห้างเดินนำพุฒิภัทรขึ้นมา
“เชิญครับ คุณชาย..นั่นไง..กำลังติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่พอดี..งั้น..ผมขอตัว..ลงไปทำงานต่อนะครับ” ผู้จัดการรีบไป
เจ้าสัวช้องได้ยินเสียงคนก็หันมา แล้วเขาก็ดีใจจึงลุกขึ้น
“คุงชายพุกทิพัก..อาคุงหลางซาย มาหาอากงล่าย..สงสัยวังนี้หิมะจะตกที่กุงเทพพระมหานะคองเป็นแน่แท้”
พุฒิภัทรเดินเข้ามาคุกเข่านั่งแล้วไหว้ เขาจะกราบเท้าแต่อากงก้มลงมาจับไว้ทำให้กราบอยู่ในระดับเข่า
“อากงครับ..สบายดีหรือเปล่า”
“ซาบายๆๆ” เจ้าสัวช้องน้ำตาไหลก่อนจะดึงหลานชายเข้ามากอด “หลางรักของอากง..ดูซี่ ยิ่งโตยิ่งเหมืองแม่..เหมืองอาหม่อมหยกผู้จากไปเหลือเกิง โฮๆๆๆ”
พุฒิภัทรกอดตอบ แล้วคนรับใช้ก็ส่งผ้าเช็ดหน้าให้ พุฒิภัทรรับไปซับน้ำตาให้อากง
“อากงอย่างร้องไห้สิครับ เดี๋ยววิญญาณหม่อมแม่จะไม่เป็นสุขนะ”
เจ้าสัวช้องหยิบรูปที่ใส่กรอบตั้งบนโต๊ะนั้นให้หันมาให้พุฒิภัทรดู
“กงคิดถึงอาหม่อมหยกซาเหมอ ทุกๆเช้า ก็ใส่บาตรไปให้ทั้งท่านพ่อ แล้วก็อาคุงหม่อมอีกทั้งสองท่างล่วย ลูสิ ถ้าทุกคงยังมีซีวิกอยู่ แล้วล่ายเห็นห้าสิงห์แห่งจุฑาเทพ เติบโตมาเป็นคงเก่ง คงลี ทำคุงปะโหยกให้ปาเท็กซากอย่างงี้..ทุกท่างคงลีจายมากๆเลยนะ”
“อากงครับ..ผมมาหาอากงทีไร ทำให้อากงร้องไห้คิดถึงหม่อมแม่ทุกทีแบบนี้ ผมก็ไม่สบายใจนะครับ”
“อ้าวๆๆ ไม่ล่ายๆซี งั้งอากงหยุกร้องเลี้ยว..เดี๋ยวคุงชายจะไม่อยากมาหาอากง..แล้วเป็นงาย คุงชายกาง รักซานงท์ล่ะ ซาบายลีเหมืองกางหมาย”
“รายนั้นเขาสบายมากๆเลยครับ..แต่ผมสิ ไม่ค่อยสบายครับ”
“อ่าว..เปงอาลายปาย คุงชายเป็นหมอม่ายช่ายเหลอ แล้วทามมายไม่ซาบายซะเอง”
“คือ..” พุฒิภัทรเขิน “ผม..มีเรื่องอยากจะมารบกวนอากงหน่อยน่ะครับ”
“หา..จิงเหลอ ลีๆๆ ลบกวงเลยๆ อากงชอบมากๆ ลบกวงมาเยอะๆเลย”
“เกรงใจจัง เวลาไม่มีมีอะไร ก็ไม่ได้ค่อยได้มาหาอากงเลย พอโผล่มาที..ก็มีเรื่องมาให้อากงช่วย”

พุฒิภัทรยิ้มอ้อน

กรองแก้วยังคงนั่งปักกระโปรงอยู่ เกษราเดินเข้ามาหา

“แก้ว..ถึงไหนแล้ว อีกเยอะไหม”
กรองแก้วรีบวางกระโปรง “คุณเกษราจะให้แก้วทำอะไรคะ”
“เปล่าจ้ะ กำลังเป็นห่วง..ว่าจะเสร็จทันหรือเปล่า”
แย้มเดินออกมา “แก้ว..พักเดินเล่นก่อนไหม นั่งหลังขดหลังแข็งอยู่แบบนั้น เดี๋ยวเส้นยึดนะ แล้วเลยเต้นรำไม่สวยพอดี”
กรองแก้วหัวเราะ “แก้วไม่ใช่คนแก่นะคะ จะได้เส้นยึด พอดี..ปักๆไปแล้วมันเพลินน่ะค่ะ ไม่อยากหยุด อยากทำรวดเดียวให้เสร็จเลย ไม่ต้องห่วงค่ะ แก้วเคยรับจ้างปักเสื้อโหล..ปัก3วัน3คืนไม่หยุด ก็ทำมาแล้ว”
“เฮ้อ..ถ้าไปบอกใคร..ว่านางสาวศรีสยามต้องมาทำอะไรเองแบบนี้ ใครเขาจะเชื่อ” แย้มว่า
“นั่นสิ แต่ร้านสปอนเซ่อร์ก็พึ่งพาไม่ได้ ขืนเข้าไปขอเสื้อผ้า หรืออะไรจากเขา เขามิส่งตัวเราให้ท่านพินิจเหรอ” เกษราบอก
“นั่นน่ะสิคะ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงกดกริ่ง
เกษราสงสัย “ใครมา”
“คนสนิทๆ ก็จะรู้ว่าต้องเปิดประตูเล็กเข้ามาเองได้..แต่..นี่..แปลว่าเป็นคนแปลกหน้า แย้มไปดูเองค่ะ” แย้มรีบไป
“แก้วไปทำข้างบนดีกว่า” กรองแก้วรีบเก็บของ
เกษราช่วย
แย้มรีบเดินกลับมาด้วยหน้าบานแฉ่งเหมือนคนตื่นเต้นๆ
“คุณเกษราคะ คุณแก้วคะ..ผู้จัดการร้านหยกฟ้า..ของท่านเจ้าสัวซ้ง คุณตาของคุณชายพุฒิภัทรกับคุณชายรัชชานนท์มาค่ะ..เขาจะมาขอพบคุณแก้วค่ะ”
“อะไรนะ”
ผู้จัดการเดินเข้ามาพร้อมพนักงานขายที่ช่วยกันยกกล่องกระดาษต่างๆเข้ามาเยอะแยะ
“สวัสดีครับ คุณเกษรา ใช่ไหมครับ” ผู้จัดการทัก
“ค่ะ..สวัสดีค่ะ”
“แล้วนั่น..คุณกรองแก้วใช่ไหมครับ สวัสดีครับ”
“เอ้อ สวัสดีค่ะ” กรองแก้วงงๆ
“ผม..สมชายชาติ ผู้จัดการห้างหยกฟ้าครับผม ท่านเจ้าสัวซ้ง..สั่งให้ผมนำของมาให้คุณกรองแก้วครับผม เป็นอภินันทนาการจากห้างหยกฟ้า สำหรับนางสาวศรีสยามครับผม”
“อภินันทนาการ..จากห้างหยกฟ้า..คืออะไรหรือคะ” เกษราถาม
“เป็นชุดราตรีสำเร็จรูป..กระเป๋า รองเท้า..และเครื่องประดับ..ที่เพิ่งออกมาใหม่ล่าสุดจากฮ่องกงครับ เรานำมาให้คุณกรองแก้วเลือก และลองดูก่อน ว่าใช่ไซส์..เอ้อ..ขนาดที่ถูกต้องหรือเปล่า หากว่าเล็ก หรือใหญ่เกินไป..เราก็มีมาสำหรับเปลี่ยนครับผม..หรือหากว่าจะต้องแก้ไขอะไร เราก็ยินดี รีบแก้ให้ทันทีครับ ขอเชิญคุณกรองแก้วเลือกดูก่อน..ครับผม”
“เอ้อ..แต่ว่า..อะไรกันคะนี่..ทำไม” กรองแก้วงง
“นี่สิ ถึงสมกับตำแหน่งนางสาวศรีสยาม..มาเลยแก้ว มาเลือกดูก่อน..เจ้าสัวซ้งเป็นเทวดาเสกชุดให้แก้ว..แทนนางฟ้าแม่ทูนหัวของซินเดอเรลล่าแล้วล่ะ..น่าสนุกแทนจริงๆ” เกษราบอก
“มาเลือกเลยค่ะ คุณแก้ว อยากเห็นจังๆ ว้ายๆๆๆ” แย้มตื่นเต้น
กรองแก้วอึ้ง

วันงานยามค่ำคืน น้ำพุหน้าวังมีไฟสีรุ้งส่องกระทบ รถแล่นมาส่งแขกหน้าบันไดหน้าตึกของวัง พนักงานต้อนรับมาเปิดประตูรถให้ พวกแขกไฮโซ คุณหญิง คุณนายก้าวลงจากรถในชุดราตรีสโมสร
รถคันที่สองมาจอดใบบัวลงมาในชุดราตรียาวพร้อมคู่เต้นที่เป็นครูลีลาศลักษณะตุ้งติ้งแต่งหน้าเกินชาย ทั้งสองรีบควงกันเข้างานแบบเชิดๆ
รถคันที่สามมาจอด นายพลพินิจและคุณหญิงดาราอำไพก้าวลงมา พินิจใส่สูทโก้ คุณหญิงมาในชุดคล้ายดาราที่มาเดินพรมแดง
ทั้งหมดยืนทักกันและรับไหว้แขกคนอื่นๆ ด้วยใบยิ้มย่องผ่องใส

ทุกคนพยายามโขมยซีนต่อหน้าช่างภาพที่ยืนรอถ่ายภาพแขกตั้งแต่พรมแดงหน้างาน

ครู่ต่อมา รถคันที่สี่แล่นมาจอด สุนันท์และกนกลักษณ์ที่ต่างเชิดแข่งกันก้าวลงมาด้วยชุดที่ทั้งแหวก ทั้งคว้าน โชว์อึ๋ม และเครื่องเพชรคนละสี

สุนันท์แกล้งเหยียบชายกระโปรงกนกลักษณ์จนเกาะอกเกือบหลุด กนกลักษณ์ทำตาเขียวแล้วปรี่จะเข้าไปตบ บอดี้การ์ดพินิจ 2 คนที่แต่งชุดทักษิโด้มาทำหน้าที่คู่ควงและเป็นพาร์ทเนอร์เต้นรำของสองสาว ต้องรีบเข้ามาจับแต่ละคนไว้แล้วพาเดินเข้าไป
อิงอรกับไกรฤกษ์ที่อยู่ในชุดรัดกุมแอบมองอยู่ที่พุ่มไม้
“นั่นๆๆ ยัยสุนันท์ มันเข้าไปแล้ว” ไกรฤกษ์บอก
“นั่นนังใบบัว นังมารร้าย อีนี่มันเลวมาก มันกีดกันไม่ให้แม่ได้บัตรเชิญจากท่านชายเกริก” อิงอรว่า“นั่นไอ้ท่านก็เข้าไปโน่นแล้ว เดี๋ยวนังแก้วมา..ท่านก็จะได้ตัวมันไป โดยเราอาจจะไม่ได้อะไรเลย..ก็เป็นได้!!”
“นังนี่..นังแก้ว..มันอยู่ที่ไหน กับใคร..แม่สืบยังไงก็ไม่สำเร็จ ยัยครูใหญ่เพื่อนแม่ก็ไม่รู้เลย”
“ทุกคนก็มารอรวบตัวมันวันนี้ทั้งนั้นแหละแม่ แต่เราเสียเปรียบ..เพราะนังใบบัวมันเข้าไปได้ แต่เราเข้าไม่ได้”
“แม่ไม่ยอม..เราอุตส่าห์ทั้งปั้น ทั้งปลุกนังแก้วมาจนมีวันนี้ เปรียบไป ก็เหมือนเราเป็นชาวนา แล้วนังแก้วเป็นข้าว..เราทั้งดำ หว่าน ไถ เก็บเกี่ยว สีข้าว..จนเอามาหุงขึ้นหม้อ..กลายเป็นนางสาวศรีสยาม..แล้วอยู่ๆ นังใบบัวมาจากไหนไม่รู้ มันจะมาชุบมือเปิบกินสบายๆที่โต๊ะดินเน่อร์หรูแบบนี้ แม่ไม่ยอมเด็ดขาด”
“นั่นสิ เพราะฉะนั้น..แม่ก็ทำตามแผนของผมละกัน”
“แต่..มันเสี่ยงมากนะ ไกร”
“การเสี่ยงคือการลงทุน..ถ้าไม่เสี่ยง..ก็ไม่ได้อะไร..จริงไหมล่ะแม่”
“ก็..แม่ก็ยังไม่รู้..ว่านังอิงอรมันจะทำไง แล้วไอ้ท่าน..มันจะเอายังไง”
“เอาน่า..ผมนัดกะนังสุนันท์ไว้แล้ว..ถ้ามันได้ดีแล้วทรยศพี่ชาย..กะแม่ของมัน ก็ให้มันรู้ไปสิ”
สองแม่ลูกออกอาการกระเหี้ยนกระหือ

มารตีในชุดราตรีสวยเปรี้ยว ส่องกระจกสำรวจความสวยของตัวเองอยู่ที่หน้ากระจกในห้องนอน ของเธอ มารตีเติมปากเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อชื่นชมตัวเอง วิไลรัมภายืนมองพี่สาวอยู่ที่หน้าประตู
มารตีหันกลับมาถาม “สวยมั้ย” มารตีหมุนโชว์ให้วิไลรัมภาดู
“ชุดสวย..ใส่ยังไงก็สวย” วิไลรัมภาบอก
“คนสวยต่างหากใส่อะไรก็ดูสวย ยัยเด็กขี้อิจฉา..โชคดีนะที่ชั้นไม่เชื่อแก ไม่งั้นคืนนี้ชั้นก็คงไม่มีคู่เต้นรำแน่ๆ..จำใส่กะโหลกไว้ด้วยนะว่าสมองแก ไม่ได้เรื่อง”
เสียงรถดังเข้ามา
มารตีเย้ย “ขอตัวก่อนนะ พี่ชายภัทรมารับชั้นแล้ว”
รถหรูของวังจุฑาเทพแล่นมาจอด ถนอมที่เป็นคนขับรถรีบลงมาเปิดประตูด้านหลัง มารตีเดินออกมาหน้าบานแฉ่ง แต่แล้วเธอก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นรณพีร์ในชุดสูททักษิโด้หรูก้าวลงมา
มารตีมองที่รถเพราะคิดว่าพุฒิภัทรจะออกมาจากรถอีกคน “คุณชายพีร์.. แล้วพี่ชายภัทรล่ะคะ”
“คุณชายพุฒิภัทรติดผ่าตัดด่วนครับ ยังไม่แน่ใจว่าจะเสร็จกี่โมง หม่อมย่าเลยให้ผมมารับคุณมารตีไปที่งานด้วยกันก่อนครับ” รณพีร์ตอบ
“ผ่าตัด..วันงานทั้งที พี่ชายภัทรยังจะมีผ่าตัดอีกเหรอ”
“เอ้า คนจะป่วยมันห้ามกันได้ด้วยเหรอครับ”
วิไลรัมภาเดินตามมา พอเห็นรณพีร์เธอก็ดีใจแต่ไม่แสดงออก วิไลรัมภาทำพูดเรียบร้อย
“คุณชายพีร์..อ้าว แล้วพี่ชายภัทรไม่ว่างมารับพี่มารตีเหรอคะ”

วิไลรัมภาแอบเยาะพี่สาว มารตีเซ็งและรู้สึกเสียหน้า

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 6 (ต่อ)

ส่วนที่โรงพยาบาล พุฒิภัทรกำลังเคร่งเครียดกับการผ่าตัดเปิดหน้าท้องคนไข้อยู่ โดยมียศวินเป็นผู้ช่วยผ่าตัด ส่วนพวกพยาบาลช่วยส่งอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ให้ทั้งคู่

“ยศ ช่วยผมจับที ผมจะเย็บปิดแผล” พุฒิภัทรบอก
ยศวินช่วยจับเครื่องมือที่ค้างอยู่เพื่อให้พุฒิภัทรมีมือว่างไปทำอย่างอื่น

เวลาผ่านไป พุฒิภัทรกำลังล้างมือหลังการผ่าตัดอยู่
ยศวินรีบตามมาล้างมือ “ได้ผ่าตัดร่วมกับคุณชายอะไรๆก็ดูง่ายไปหมดเลยนะครับ”
“ยศ เดี๋ยวผมจะต้องไปงานที่วังท่านชายเกริก ผมฝากคุณไปแจ้งญาติคนไข้..”
ยศวินถอดเสื้อคลุมด้วยความรีบร้อน “ผมขอโทษนะครับคุณชาย ผมต้องรีบไปจริงๆ มีธุระด่วนมาก..ยังไงคุณชายไปฝากพยาบาลแทนนะครับ”
“ไม่เป็นไร ผมไปแจ้งเองก็ได้”
“เยี่ยมเลยครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ยศวินรีบร้อนเดินออกไป
พุฒิภัทรล้างมือเสร็จก็เช็ดมือ
“คุณชายคะ” เพียงพรเข้ามาพูดกับพุฒิภัทร “หม่อมย่าของคุณชายท่านโทรศัพท์มาฝากข้อความไว้ค่ะ ท่านบอกว่าคุณมารตีไปที่งานก่อนแล้ว ถ้าคุณชายผ่าตัดเสร็จ ให้รีบตามไปทันที”
“ครับ ขอบคุณมากครับ”
พุฒิภัทรเช็ดมือแต่แล้วก็เกิดความคิดขึ้นมาว่าเขาสะดวกจะไปรับกรองแก้วด้วยตัวเองแล้ว

รถของพุฒิภัทรแล่นมาจอดที่บ้านเกษรา สมบุญลงมาเปิดประตู พุฒิภัทรในชุดสูทออกงานเดินลงจากรถแล้วมองเข้าไปในบ้านอย่างตื่นเต้น
“คุณชายมาที่บ้านคุณเกษราทำไมเหรอครับ” สมบุญถาม
“เอ่อ มารับเพื่อน เขาคงอยากจะติดรถไปที่งานด้วย” พุฒิภัทรบอก
“เพื่อน อ้อ เพื่อนคนไหนเหรอครับ”
“ถ้ารู้แล้ว ห้ามบอกใคร ทำได้มั้ย”
“ได้สิครับ”
พุฒิภัทรเดินเข้าไปในบ้านทันที
สมบุญงง “เอ้า ก็นึกว่าจะบอก”
เกษรากับชินกรเดินออกมาเพราะได้ยินเสียงรถเข้ามาในบ้าน
“คุณชายภัทร”
“สวัสดีครับคุณเกษ คุณชิน ผมมารับแก้วไปงานเลี้ยงครับ”
“อ้าว ไม่เห็นแก้วบอกเลยว่าคุณชายจะมารับ” เกษราว่า
“ผมไม่ได้บอกเองครับ เพราะคิดว่าจะไม่สะดวก แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้าแก้วแต่งตัวอยู่ ผมรอได้”
“แก้วแต่งตัวเสร็จนานแล้วครับ” ชินกรบอก
“แล้วก็ออกไปงานแล้วด้วย” เกษราพูดต่อ
พุฒิภัทรงง “ออกไปแล้ว?”
“ค่ะ ก็เกษไม่ทราบว่าคุณชายจะมา ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ให้แก้วออกไปกับ..”
“กับใครครับ แก้วออกไปกับใคร” พุฒิภัทรถาม
เกษรากับชินกรอึ้งไป

รณพีร์กับมารตีเข้ามาในงาน มารตีเดินทิ้งระยะเพราะไม่อยากเดินใกล้มาก
“ไม่ต้องใกล้ชิดมากก็ได้ค่ะคุณชายรณพีร์ ประเดี๋ยวใครจะเข้าใจผิด” มารตีบอก
“งานนี้เขามาเป็นคู่ๆ ถ้าคุณมารตีอยากจะอยู่คนเดียวเงียบๆเหงาๆ..เชิญเลยครับ”รณพีร์จะเดินไป
มารตีไม่อยากยืนคนเดียว “เดี๋ยวสิ..เดี๋ยว”
“ไงครับ”
มารตีทำฟอร์ม “แล้ว..อีกนานแค่ไหนพี่ชายภัทรถึงจะมา”
“ผมไม่ทราบครับ”
แล้วมารตีก็หันไปเห็นรัชชานนท์กำลังยืนทักทายกับแขกในงานซึ่งในกลุ่มนั้นมีนางงามอันดับ3-4ยืนอยู่ด้วย
“นั่นชายเล็กนี่ แล้วผู้หญิงพวกนั้น..พวกนางงามใช่มั้ย” มารตีถาม
มารตีเดินดุ่มเข้าไปหารัชชานนท์แล้วดึงตัวออกมาทันที
“ชายเล็ก..มายืนร่วมกลุ่มอะไรตรงนี้คะ”
มารตีจ้องอย่างไม่เป็นมิตรจนพวกผู้หญิงเหล่านั้นถอยไป
“อ้าว คุณมารตี..ทำไมครับ..ผมจะทักทายพูดคุยกับสาวๆบ้าง ไม่ได้หรือครับ” รัชชานนท์ว่า
“ผู้หญิงพวกนั้นเป็นนางงาม มันสมควรแล้วหรือคะที่ชายเล็กจะคุยอย่างสนิทสนมด้วยในงานอย่างนี้ อยากให้คนเขาเอาไปนินทาหรือยังไงกัน..ทำไมเขาถึงปล่อยให้คนพวกนั้นเข้ามาได้ แย่จริงๆเลย”
“นี่คุณไม่ทราบเหรอครับ งานนี้มีการมอบเงินรางวัลให้กับนางสาวศรีสยามและนางงามที่ได้ตำแหน่งทุกท่านด้วย..คุณผู้หญิงพวกนั้น ได้รับเชิญ เพื่อมารับรางวัล” รัชชานนท์บอก
“จริงเหรอคะ”
“ไม่ได้สังเกตเหรอครับ ว่าปีนี้แขกเยอะเป็นพิเศษ เพราะใครๆก็อยากจะมาประมูลเพื่อเต้นรำกับนางสาวศรีสยามทั้งนั้น”
“เขาลงประกาศในหนังสือพิมพ์เอิกเกริก คุณมารตีไม่เคยอ่านเลยเหรอครับ” รณพีร์ถาม
“ก็..ปกติมารตีอ่านแต่ข่าวการเมือง..เดี๋ยวนะ มีประมูลเต้นรำกับนางสาวศรีสยาม อย่างนี้แม่กรองแก้วก็ต้องมางานนี้ด้วยน่ะสิ” มารตีเซ็ง

รถของพุฒิภัทรแล่นมาจอดที่หน้างาน พนักงานกำลังจะเปิดประตูให้ แต่พุฒิภัทรชิงเปิดออกมาเองเสียก่อนด้วยท่าทางหัวเสีย เขารีบเดินจะเข้าไปในงานแต่มารตีวิ่งสวนออกมา
“พี่ชายภัทร!” มารตีชะโงกมองเข้าไปในรถเพราะระแวงว่ามีใครมาด้วยหรือเปล่า “พี่ชายภัทรมากับใครคะ มีใครในรถหรือเปล่า”
“ใครเขาจะมากับพี่ ฮึ”
พุฒิภัทรเดินสวนเข้าไปในงาน แต่ก็ต้องชะงักอีกเพราะรณพีร์กับรัชชานนท์เดินออกมา
“พี่ชายภัทร จะรีบไปไหน” รณพีร์ถาม
“เป็นอะไรหรือเปล่า ท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดี” รัชชานนท์ถาม
“ชั้นสบายดี” พุฒิภัทรตอบ
มารตีเข้ามาคล้องแขน “พี่ชายภัทรทราบมั้ยคะว่าเขาจะมีการมอบรางวัลให้พวกนางงามด้วย”
“มีใครบ้างไม่ทราบ” พุฒิภัทรสวน
มารตีจ๋อย
“งานจะเริ่มหรือยัง” พุฒิภัทรถาม
“เริ่มอะไรล่ะคะ แม่กรองแก้ว นางเอกของทุกงานยังไม่โผล่หัวเลยค่ะ” มารตีว่า
“แก้วยังมาไม่ถึงอีกเหรอ เป็นไปได้ยังไง ก็...”
“ก็..อะไรคะ?”
พุฒิภัทรอึกอัก “ก็..”
พุฒิภัทรอึกอักเพราะตอบไม่ถูก รณพีร์กับรัชชานนท์รู้ทันจึงรีบช่วย
รณพีร์ลากพุฒิภัทรไป “ไปๆๆ ชายภัทร เข้าไปกราบสวัสดีท่านชายเกริกก่อนเถอะ ไปๆ”
มารตีรีบเรียกไว้ “เดี๋ยว”
รัชชานนท์ลากมารตีไปอีกทาง “คุณมารตี จมูกคุณด่างนะ ไปเข้าห้องน้ำตบแป้งใหม่ดีกว่าไหม ไปๆๆ”

ใบบัวกำลังคาดคั้นทีมงานของตัวเอง
“กรองแก้วยังไม่มาอีกเหรอ ทำไมยังไม่มาอีก”
“คุณใบบัวเป็นคนบอกให้ลงข่าว ถ้าคุณกรองแก้วไม่มา เตรียมคำตอบให้กับท่านชายเกริกด้วยนะคะ” ทีมงานปัด
พินิจกำลังสนทนาอยู่กับกลุ่มคุณหญิงดารา ท่านชายเกริก และแขกอื่นๆ พินิจหันมาเห็นใบบัวเลยขอปลีกตัวออกมาจากกลุ่มนั้น คุณหญิงดาราหันมองตามมาแต่ก็หันกลับไปสนทนาต่อตามมารยาท
“ยังไงยัยแก้วก็ต้องมาแน่ๆ เธอไปรอได้เลย” ใบบัวบอก
ทีมงานแยกออกไป
“หนูแก้วจะมาแน่ใช่มั้ย” พินิจเดินเข้ามาถาม
“แน่สิคะท่าน หนูแก้วต้องมารับเงินรางวัลของตัวเองแน่นอน” ใบบัวบอก
“หนูแก้วได้บอกกับเธอเองหรือว่าจะมา หรือเธอคิดเอาเองว่าเขาจะมา”
“เอ่อ ท่านคะ”
“คุณใบบัว..ชั้นไม่มีอารมณ์ที่จะรับฟังคำแก้ตัวเรื่องหนูแก้วอีกแล้ว ถ้าวันนี้หนูแก้วไม่มา ..เธอตาย”
ใบบัวหน้าซีด
ทีมงานคนเดิมวิ่งกลับมาจากด้านหน้า
“คุณกรองแก้วมาแล้วค่ะ คุณกรองแก้วมาแล้ว”

ใบบัวดีใจที่รอดตาย ส่วนพินิจรีบผละออกไปทางหน้างาน

รณพีร์ลากพุฒิภัทรแยกมาอีกทาง

“พี่ชายภัทร พี่ไปหัวเสียเรื่องอะไรมา”
“เรื่องของชั้น” พุฒิภัทรยืนเชิด
รณพีร์รีบมาดักหน้า “โอ้โห ตั้งแต่เกิดมายันปัจจุบัน ผมเห็นพี่เป็นอย่างนี้ ครั้งนี้ครั้งแรกเนี่ยแหละ”
“ชายพี..ระยะทางจาก..เอ่อ จากวังจุฑาเทพมาที่นี่ ใช้เวลาเท่าไหร่ สิบห้านาทีใช่มั้ย..แล้วที่ๆอยู่ใกล้ที่นี่มากกว่าวังจุฑาเทพ ทำไมตั้งเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่ถึงอีก”
“พี่พูดถึงเรื่องอะไร” รณพีร์งง
“เรื่องการเดินทางไง ทำไมถึงยังมาไม่ถึง”
“พี่ชายภัทร ที่พี่พูดอยู่นี่เกี่ยวกับคุณกรองแก้วหรือเปล่า”
ทีมงานคนเดิมวิ่งผ่านไปแล้วตะโกนบอกทีมงานคนอื่นๆ
“คุณกรองแก้วมาแล้ว พวกเราเตรียมตัวๆ”
พุฒิภัทรได้ยิน
“เพิ่งจะมาถึงกันเหรอ”
พุฒิภัทรรีบออกไปอย่างฉุนๆ

นักข่าวจำนวนมากออกมายืนรอรับกรองแก้วที่หน้างาน แขกของงานจำนวนหนึ่งก็ออกมายืนรอด้วย ใบบัวจะส่งเสียงดังเพื่อขอแหวกทางให้พินิจได้มาอยู่ในตำแหน่งหน้าสุด
“ขอทางให้ท่านพินิจหน่อยค่ะๆ ขอบคุณค่ะ”
พินิจเดินแหวกออกมายืนด้านหน้าสุด

พุฒิภัทรเดินออกมาเช่นกัน แต่มารตีมาฉวยแขนของเขาเอาไว้
“พี่ชายภัทร..เข้าไปด้านในเถอะค่ะ จะไปสนใจอะไรคะกะอีแค่นางงาม”
พุฒิภัทรอึกอัก “แต่..”
มารตีเห็นรถที่แล่นมาจอดก็จำได้
“เอ๊ะ รถคันนั้น”
พุฒิภัทรเห็นรถก็จำได้เช่นกัน เขาโกรธจนลมแทบออกหู
ยศวินก้าวลงจากรถ
มารตีอึ้ง “หมอยศวิน”
อยู่ๆ นักข่าวและผู้คนรอบข้างก็ฮือฮาสวนทางไป ยศวินเดินอ้อมมาเปิดประตูข้างคนขับให้ก่อนจะเห็นกรองแก้วก้าวลงมาในชุดราตรีสีขาวดำที่สวยเด่นทันสมัย
พุฒิภัทรเห็นก็ถึงกับอึ้งแม้จะรู้อยู่แล้ว แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะโมโห
“หมอยศวินกับ แม่แก้ว..มาด้วยกันได้ยังไง” มารตีว่า
ยศวินตั้งแขนรอให้กรองแก้วคล้องเพื่อเดินเข้างาน กรองแก้วมองแขกที่มารอแล้วเห็นไกลๆว่าพินิจอยู่ด้วยจึงรีบคล้องแขนทำสนิทสนมกับยศวินทันที กรองแก้วกับยศวินยิ้มแย้มให้กันเหมือนคู่รัก พุฒิภัทรเห็นก็ยิ่งฉุน
“หนูแก้วมากับใคร” พินิจงง
ใบบัวอึกอักเพราะตอบไม่ถูก “เอ่อ คือ”
กรองแก้วควงยศวินเดินเข้ามาในงาน พวกนักข่าวเข้าไปรุมถ่ายรูปคู่จนกลายเป็นเกราะป้องกันไม่ให้พินิจเข้ามาประชิดตัวได้ กรองแก้วกับยศวินยิ้มแย้มกับนักข่าวพร้อมทั้งเดินเข้าไปด้านใน กรองแก้วเดินผ่านพินิจไปแบบไม่เหลียวมอง และกรองแก้วก็เดินผ่านพุฒิภัทรไปเช่นกัน
พุฒิภัทรได้แต่มองตามด้วยความรู้สึกโหวงในท้องที่คนที่ได้ควงคู่กรองแก้วไม่ใช่เขา
“พี่ชายภัทร..ยัยแก้วควงหมอยศวินมาได้ยังไง..ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นจะได้พูดคุยอะไรกันเลย..ตายแล้ว แม่กรองแก้วร้ายกาจจริงๆ หมอยศวินก็ด้วย เจอกันทุกวัน ไม่เคยระแคะระคายเลย” มารตีว่า
พุฒิภัทรหน้าซีดราวกับคนอกหัก

นักร้องหญิงวงสุนทราภรณ์ร้องเพลงคนึงครวญบนเวทีจนจบ ใบบัวถือไมโครโฟนทำหน้าที่พิธีกร
“ขอเสียงปรบมือให้กับคุณ..ด้วยค่ะ และก่อนที่เราจะไปสนุกสนานกับการลีลาศ ดิฉันขออนุญาตใช้โอกาสอันเป็นกุศลนี้ มอบรางวัลแก่สาวงามผู้ที่ได้ตำแหน่งนางสาวศรีสยามประจำปี ๒๕๐๒ ด้วยค่ะ..ดิฉันขอเชิญสาวงามทั้งห้าบนเวทีด้วยค่ะ”
พวกนางงามทยอยขึ้นไปบนเวที กนกลักษณ์เชิ่ดใส่สุนันท์เพราะต้องการข่มๆว่าตนสวยกว่าในขณะที่เดินกรุยกรายขึ้นไป


คุณหญิงดาราอำไพยืนเคียงคู่พินิจ สายตาของพินิจมองตรงไปอีกด้านของฟลอร์เต้นรำโดยไม่ได้สนใจสิ่งอื่น

คุณหญิงดาราเห็นว่าท่านกำลังมองกรองแก้วที่ยืนอยู่กับยศวินและท่านชายเกริก
พินิจกัดฟันกรอดๆ
“ไอ้หนุ่มคนนั้น..มันคือใคร”

กรองแก้วยืนพูดคุยอยู่กับท่านชายเกริกอยู่ที่ด้านหนึ่งรอบนอกฟลอร์เต้นรำ โดยมียศวินยืนเป็นบอดี้การ์ด
“เป็นเกียรติมากครับ ที่งานของผม ปีนี้ มีคุณกรองแก้วมาเป็นดาวของงาน”
“ขอบพระทัยเพคะ ท่านชายเกริก.. เป็นเกียรติของแก้วมากกว่า เอ่อ..แก้วอาจจะพูดคำราชาศัพท์ผิด ..ขอประทานอภัยด้วยนะคะ”
“โอ..ไม่ผิดเลยครับ”
“เขาเรียกแล้วครับ..เชิญครับคุณแก้ว” ยศวินเดินเข้ามาตั้งแขนให้กรองแก้วเกาะ
กรองแก้วมองไปเห็นพุฒิภัทรมองมาด้วยสีหน้าดุ
“เอ่อ แก้วเดินไปเองดีกว่าค่ะ”
ยศวินพยักบุ้ยใบ้ไปที่พินิจที่จ้องเขม็ง
“เพื่อความปลอดภัย อย่าปฏิเสธผมเลยนะครับ”
กรองแก้วมองไปเห็นหน้าพินิจเลยตัดสินใจยอมควงแขนยศวินแล้วเดินไปที่เวที

พุฒิภัทรจ้องกรองแก้วกับยศวินตาลุกอยู่จากอีกด้านของฟลอร์ เขารู้สึกหึงหวงปนน้อยใจแต่ก็พยายามสะกดความรู้สึกเอาไว้
มารตีควงแขนพุฒิภัทร “พี่ชายภัทรดูหมอยศวินสิ ต้องควงกันไปส่งขึ้นเวทีด้วย ทำยังกับเป็นง่อย”
“ก็ดีแล้ว ช่างเขาเป็นไร” พุฒิภัทรว่า
“ช่างไม่ได้ค่ะ หมอกับคนไข้ แค่เจอกันในห้องฉุกเฉิน..จับขากันไป จับขากันมา ก็มาคบกันได้ น่าเกลียด เสื่อมที่สุด”
ยิ่งมารตีพูดพุฒิภัทรก็ยิ่งหึงหวง
“เธอจะไปสนใจเขาให้มันได้อะไรขึ้นมานะ เสียเวลาน่า”
มารตีงงกับอาการของพุฒิภัทร

ใบบัวพูดใส่ไมโครโฟน “และดิฉันขอกราบเชิญ ท่านผู้หญิงดาราอำไพ สุภาพสตรีหมายเลข1 เป็นตัวแทนมอบรางวัลให้กับสาวงามผู้ได้ตำแหน่งด้วยค่ะ”
คุณหญิงดาราขึ้นเวทีไปอย่างสง่างาม
ทันทีที่คุณหญิงดาราเดินแยกไป สุนันท์ก็ขยับเข้ามายืนเคียงคู่พินิจทันที
ใบบัวประกาศมอบรางวัลบนเวที

“ผู้ที่ได้ตำแหน่งรองอันดับ 4 บัญชีเงินฝากมูลค่าสองพันบาท ได้แก่...”

รัชชานนท์กับรณพีร์ยืนอยู่อีกด้าน 

“ดูหน้าชายภัทรสิ..ตาละห้อย ได้แต่มองดอกฟ้าที่ไม่มีวันเอื้อมถึง มันกลับตาลปัตรดีนะ ไม่เหลือคราบสิงห์หนุ่มจุฑาเทพเลย” รัชชานนท์ว่า
“เป็นฤาษีไร้หัวใจดีๆไม่ชอบ อยากจะมีความรัก มันก็ต้องเจออุปสรรคอย่างนี้” รณพีร์บอก
“ส่วนคุณมารตีก็..เฮ้อ อย่าให้พูดถึง..ชายพี เราต้องช่วยชายภัทร”
“ถึงแม้ว่าเรา คนใดคนนึง อาจจะต้องกลายเป็นคนรับผิดชอบสัญญาใจระหว่างท่านพ่อกับลุงเทวพันธ์เองก็ตาม”
“เรามันยังไม่มีใคร ไม่มีความรัก..ยอมลำบากเสียสละ ดีกว่าทำเมินเฉย ไม่รู้ไม่ชี้ความอินเลิฟขั้นสาหัส..ของคนที่อยู่ตรงหน้า”
“ถูกต้อง และชายภัทรก็ต้องคิดเช่นเดียวกัน..เมื่อถึงคราวที่เรามีปัญหาอะไร ชายภัทรก็จะไม่ทิ้งเราเช่นกัน” รณพีร์เสียงอ่อย “ใช่มั้ย”

ยศวินกำลังปรบมือแสดงความยินดีกับสาวงามที่ได้รางวัลแต่พอหันมาข้างๆ ก็ต้องแปลกใจ เพราะพุฒิภัทรมายืนประกบข้างเขาแล้ว
“อ้าว คุณชายหมอ”
“ผมไม่ทราบมาก่อนเลยว่าคุณหมอยศวินจะมางานลีลาศการกุศลนี้ด้วย..ทั้งๆที่คุณก็รู้ว่าผมต้องมางานนี้ และทั้งๆที่ก่อนมาที่นี่ เราเพิ่งเข้าผ่าตัดด้วยกัน” พุฒิภัทรว่า
“อ้าว ผมไม่ได้บอกคุณชายหรือครับ ฮะๆ สงสัยจะลืม พักนี้ผมลืมง่าย”
“ลืมบอกเรื่องที่คุณไปรับคุณแก้วมาที่นี่ด้วยสินะครับ”
“อ๋อ เรื่องนี้ผมไม่ได้ลืมครับ”
“หมายความว่ายังไง จงใจจะปิดบังเหรอ”
“ไม่ใช่ครับ คุณเกษราเห็นว่าคุณชายต้องไปดูแลคุณมารตี เธอกลัวว่าจะไม่มีใครดูแลคุณแก้ว คุณเกษเลยโทรศัพท์มาหาผม แล้วจะให้ผมทำยังไง จะปล่อยให้คุณแก้วมางานเองคนเดียวงั้นหรือครับ”
“จากบ้านคุณเกษมาที่นี่ สิบนาทีก็มากแล้ว ทำไมถึงใช้เวลานาน”
“ผมหลงทาง ขับรถอยู่ดีๆ แล้วมันโผล่ไปออกไหนก็ไม่ทราบ ทั้งมืดทั้งเปลี่ยว”
“คุณพาแก้วไปในที่มืดและเปลี่ยวทำไม”
“ผมไม่ได้อยากพาไป..แต่มันหลงทาง คุณชายเข้าใจมั้ยครับว่าหลงทาง ถ้าถนนสว่างไสว มีผู้คน ผมก็คงไม่หลงหรอกครับ”
“ทีหลังอย่าพาไปหลงแบบนี้อีก”
“คุณชายเป็นอะไรไปครับ..เนี่ย”
พุฒิภัทรรู้ตัวว่าเผลอออกอาการมากไป เขากลัวถูกจับได้จึงรีบทำขรึมแล้วเชิดหน้ามองไปที่เวที ปรบมือและทำตัวมีส่วนร่วม
ยศวินมองพุฒิภัทรอย่างจับพิรุธ

ใบบัวประกาศต่อ “และรางวัลสุดท้าย ผู้ที่ได้รับตำแหน่งนางสาวศรีสยามประจำปี๒๕๐๒ นางสาวกรองแก้ว บุญมี บัญชีเงินฝากมูลค่าห้าพันบาท”
แขกในงานปรบมือ
กรองแก้วเดินเข้ามารับรางวัลซึ่งเป็นสมุดบัญชีจากคุณหญิงดารา ช่างภาพเก็บภาพ
“ขอบพระคุณนะคะ”
“ขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้มั้ย” คุณหญิงดาราอำไพบอก
“คะ?” กรองแก้วงง
“ช่วยแสดงให้ชั้นเห็นว่านางสาวศรีสยามเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีอย่างแท้จริง จะได้ไหม”
กรองแก้วแปลกใจ คุณหญิงหันไปยิ้มให้ช่างภาพถ่ายรูป

กรองแก้วและสาวงามทยอยลงจากเวที ใบบัวแอบสบตากับพินิจอย่างรู้กัน
“เวลาที่ทุกท่านรอคอยมาถึงแล้วค่ะ ฟลอร์ของเราพร้อมแล้ว แขกทุกท่านก็คงจะพร้อมแล้วเช่นกัน ในโอกาสนี้ ดิฉันอยากจะขอเรียนเชิญแขกคนพิเศษของงาน เป็นตัวแทนเต้นรำเปิดฟลอร์ด้วยค่ะ กราบเรียนเชิญท่านพินิจ ด้วยค่ะ”
นักลีลาศสาวสวยเดินไปควงแขนพินิจเพื่อพาออกมาที่กลางฟลอร์ พินิจควงนักลีลาศสาวออกมาที่กลางฟลอร์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
พินิจจับนักลีลาศสาวหมุนรอบหนึ่งแล้วปล่อยไป กรองแก้วลงมาจากเวที ยศวินกำลังจะเข้าไปรับ แต่กลับมีบอดี้การ์ดมากันยศวินออกไปแล้วก็มีนักลีลาศหนุ่มมาประกบกรองแก้วเตรียมพาออกไปให้พินิจ
“คุณแก้ว” ยศวินตกใจ
พุฒิภัทรเห็นว่ากรองแก้วกำลังจะถูกพาตัวไปเต้นรำจึงคิดจะไปช่วย แต่มารตีคล้องแขนของเขาไว้
“จะไปไหนคะ” มารตีถาม
“ไป..จะไปห้องน้ำน่ะ”
“มารตีไปด้วยค่ะ”
“งั้นมารตีไปก่อนเถอะ”
“ถ้าพี่ชายภัทรไม่ไป มารตีก็ไม่ไป”
พุฒิภัทรอึกอักที่มารตีไม่ยอมปล่อยเขา
ใบบัวประกาศต่อ “และคู่เต้นรำเปิดฟลอร์ของท่านพินิจ จะเป็นใครไม่ได้ นอกจากสาวงามที่สุดของประเทศในเวลานี้ นั่นก็คือ...”
อยู่ๆไมโครโฟนก็มีเสียงวี้ด
ใบบัวชะงักแล้วหยุดพูดเพื่อรอจนเสียงสงบ เธอกำลังจะประกาศต่อว่าคือกรองแก้ว แต่กลับพบว่า รณพีร์โค้งพาคุณหญิงดาราอำไพออกไปที่กลางฟลอร์แล้ว
ใบบัวได้แต่อึ้งเพราะพูดไม่ออก พินิจเองก็งง รณพีร์พาคุณหญิงดาราไปให้พินิจแล้วหันกลับจะเดินออกจากฟลอร์ เขาส่งสัญญาณมือโอเคให้ใบบัวราวกับเป็นทีมเดียวกัน ใบบัวไม่มีทางเลือก เพราะไม่อยากให้คุณหญิงดาราเสียหน้าจึงพูดใส่ไมโครโฟน
“นั่นก็คือ คุณหญิงดาราอำไพ ศรีภริยาของท่านค่ะ”
แขกในงานปรบมือ วงดนตรีบรรเลงเพลงวอลทซ์ พินิจผิดหวัง
“ผิดหวังมากหรือคะที่ต้องเปิดฟลอร์กับดิฉัน” ดาราอำไพถาม
นายพลพินิจเซ็งแต่ก็เต้นไปเพื่อรักษามารยาท
พุฒิภัทรเห็นว่ากรองแก้วปลอดภัยก็เผลอยิ้มโล่งอกออกมาโดยไม่รู้ตัว
รัชชานนท์มายืนข้างๆ พุฒิภัทร ออกปากแซว
“ถึงกับยิ้มออกเลยเหรอครับพี่ชายภัทร”
พุฒิภัทรรีบตีหน้าขรึมเพื่อวางฟอร์มทันที มารตีมองท่าทีฉงน
“อะไรคะ ยิ้มออกเรื่องอะไรคะ”

พุฒิภัทรกับรัชชานนท์ทำไม่รู้ไม่ชี้ มารตีสงสัยสุดๆ

นายพลพินิจเต้นรำอยู่กับคุณหญิงดาราอำไพ ช่างภาพรีบเข้ามาหามุมถ่ายภาพ คุณหญิงรีบเชิดหน้าอย่างสง่าและยิ้มหวาน พินิจก็เต้นพลิ้วเพื่อโชว์ฟอร์มสุดๆ

มารตีมองแล้วหันไปบุ้ยใบ้ทางกรองแก้วกับยศวิน “ท่านพินิจกับภริยาเปิดฟลอร์..แล้วใครจะเป็นคู่ที่ 2 นะ ต๊าย ตาย ถ้าเป็นคู่กรองแก้วกะคุณหมอยศวินล่ะก้อ..เราคงเสียหน้าแน่ๆเลยนะคะ พี่ชายภัทร พี่ชายจะยอมให้2คนนั้นเค้ากลายเป็นคู่ลีลาศแห่งปีเหรอคะ มารตีไม่ยอมหรอก”
พุฒิภัทรมองไปเห็นกรองแก้วกับยศวินกำลังซุบซิบใกล้ๆ หูแล้วก็หัวเราะต่อกระซิกกัน
พุฒิภัทรรู้สึกขวางหูขวางตาที่สุดจึงรีบยื่นมือไปให้มารตี “น้องมารตีอยากเป็นคู่ลีลาศแห่งปีหรือ..เชิญสิคะ”
“โอ๊ว พี่ชายภัทรพูดคะ..กะมารตี..น่ารักจังเลย..ยินดีที่สุดค่ะ” มารตียิ้มกระชดกระช้อยก่อนจะวางมือลงบนมือพุฒิภัทร
มารตีกับพุฒิภัทรก้าวออกไปเต้น
ถึงตอนนี้มีสองคู่บนฟลอร์ คู่หนึ่งคือคู่ผู้ใหญ่ที่ทุกคนนับถือและอีกคู่คือหนุ่มสาวที่ผู้คนลือว่าเป็นคู่รักกัน ทั้งสองคู่เต้นแบบมีแบบแผนและสวยงาม ผู้คนพากันชื่นชมและยืนชะเง้อดู
คู่ของพุฒิภัทรเต้นมาใกล้บริเวณที่กรองแก้วกับยศวินยืน มารตีทำท่าเชิดใส่เพื่อเยาะเย้ย กรองแก้วมองแล้วก็อึ้งๆ เพราะรู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจตัวเอง
“อื้อหือ คู่นี้เขาสง่างามยังกะเจ้าชายกับเจ้าหญิง ดูคุณมารตีสิ เชิดจนคางถึงเพดานแล้ว” ยศวินว่า
คู่ของพินิจเต้นผ่านมาบริเวณที่กรองแก้วกับยศวินยืน
“ส่วนนี่..ก็ราชินีแสนสวยกับราชาเจ้าฮาเร็ม” ยศวินบอก
พินิจยังไม่วายหันไปเหล่กรองแก้ว แม้จะเต้นผ่านไปแล้วก็ยังเหลียวมามองเพียงกรองแก้ว
“อุ่ย คุณแก้ว ดูพระราชามองคุณยังกะจะกลืนกลางตลอดตัวแล้วนะ เราควรแสดงบทบาทว่าคุณไม่ใช่ว่าจะว่างๆ มีผมจองแล้ว ดีไหม เผื่อจะทำให้ท่านล้มเลิกความตั้งใจไปได้” ยศวินพูดอย่างจริงใจ
กรองแก้วพยักหน้าตกลง ยศวินจึงพากรองแก้วออกไปเต้นในฟลอร์เป็นคู่ที่สาม
สุนันท์กับกนกลักษณ์รู้สึกน้อยหน้าจึงเชิดใส่กัน แล้วในที่สุดทั้งสองก็หันไปคว้าครูสอนเต้นท่าทางกระตุ้งกระติ้งที่มายืนเหล่บอดี้การ์ดของพินิจออกไปเต้น ทำให้บรรยากาศในฟลอร์คึกคักมากขึ้น

พุฒิภัทรเห็นยศวินเต้นกับกรองแก้วก็ถึงกับอึ้งและหน้าชาไปกว่าเดิม มารตีมองกรองแก้วเต้นอย่างจับผิด
“ต๊าย..กรองแก้วเขาเต้นรำเป็นด้วยเหรอ..โถๆๆ นึกว่าจะบ้านนอกขอกตื้อ เป็นแต่รำวงมาตรฐานซะอีก..ใครสอนให้นะ ช่างเต้นได้ราวกับหุ่นกระบอก..คนสอนก็คงเป็นพวกอาจารย์ครึๆ ที่พวกกองประกวดจ้างมาสอนแก้ขัด ถึงได้สอนออกมาเป็นสเต็ปโบราณอย่างนี้”
พุฒิภัทรได้ยินก็ทำหน้าชอบกล
กรองแก้วหันมายิ้มกับยศวินแบบขำๆ ที่เต้นกันอย่างจริงจังมากๆ
“อุ๊ยๆๆ พี่ชายดูสิคะ ยายแก้วสบตาหวานกับอาจารย์ยศวินของเราด้วย แหม..เพิ่งรู้ ว่าแม่นี่เขาโปรยเสน่ห์ให้หมอทั้งโรงพยาบาลเลยหรือนี่” มารตีว่า
พุฒิภัทรหน้าคว่ำ
“เก่งจังนะคะ เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลไม่กี่วัน แล้วในที่สุด..ก็คว้าหมอไปได้คนนึง”
พุฒิภัทรชักเบื่อ มารตีและพุฒิภัทรเต้นสวนกับคู่ของพินิจและคุณหญิงดาราอำไพ
มารตีมองตาม “อ๋อ เข้าใจแล้ว แม่กรองแก้วนี่ฉลาดเหนือชั้นมากเลยนะคะ พี่ชายภัทร มารตีเพิ่งคิดได้ว่าเจ้าหล่อนควงอาจารย์ยศวินมาฉายโชว์อย่างนี้ เพราะตั้งใจมายั่วท่านพินิจนี่เอง ท่านพินิจเห็นแบบนี้แล้วท่านจะต้องร้อนรนทนไม่ได้ แล้วก็ต้องสู้ราคาให้สูงขึ้นไปอีก แบบนี้มันเรียกว่าปั่นค่าตัวไงคะ โอ้โห รายกาจจัง แผนสูงจริง”
พุฒิภัทรอารมณ์เสียจึงเมินหน้าไป
รัชชานนท์และรณพีร์ยืนดื่มคอกเทลอยู่ข้างๆฟลอร์ ผู้คนจับคู่เข้าไปเต้นฟลอร์กันเพิ่มขึ้น
“นายไม่อยากออกไปเต้นบ้างหรือชายพีร์” รัชชานนท์ถาม
“โอ๊ย..ตาย..ดูท่านพินิจสิ..ไม่ได้ควบคุมอาการเลย นายดูสายตาท่านสิ”
รณพีร์พูดแล้วเอาศอกสะกิดรัชชานนท์
ไม่ว่าพินิจจะเต้นไปทางไหนก็จะหันมาจ้องกรองแก้วตาเขม็ง เพลงใกล้จบ พินิจตัดสินใจพูดกับดาราอำไพ
“เราเปิดฟลอร์แค่นี้..พอหอมปากหอมคอก็แล้วกันนะ”
พินิจพาดาราอำไพเต้นผ่านบริเวณที่ท่านชายเกริกยืนดูก่อนจะส่งมือคุณหญิงดาราให้ท่านเกริกพาไปเต้นต่อ คุณหญิงดาราเหวอแต่ก็ต้องทำเป็นยิ้ม ท่านชายเกริกเข้ามารับหน้าที่อย่างเต็มใจ
พินิจเดินตัดฟลอร์ไปแบบไม่สนสายตาคน ก่อนจะตรงไปหากรองแก้วหน้าตาเฉย เข้าไปสะกิดหลังยศวิน
“คุณหมอ.. ผมขออนุญาตเต้นกับนางสาวศรีสยามสักเพลงสิครับ”
ยศวินอึ้งเพราะจะไม่ยอมก็น่าเกลียด พินิจเข้าไปจับมือกรองแก้วมาจากยศวินแล้วโค้งให้ด้วยมาดสุภาพก่อนจะยิ้มอ่อนโยน
กรองหน้าแก้วซีดแต่ก็ฝืนยิ้มและจำใจต้องเต้น รัชชานนท์กับรณพีร์ถึงกับอ้าปากค้าง ใบบัวและสมุนแทบร้องดีใจ พุฒิภัทรมองอย่างอึ้งๆ
“เห็นไหมคะ พี่ชายภัทร มารตีพูดผิดปากซะเมื่อไหร่ล่ะค้า” มารตีหัวเราะชอบใจ

พุฒิภัทรเงียบขรึมไปในทันที

พินิจและกรองแก้วเต้นกันไป พินิจมองกรองแก้วแบบแทบจะกลืนกิน กรองแก้วยิ้มอึดอัด เธอพยายามแตะมือนิดเดียวและทำตัวห่างออกจากพินิจเท่าที่จะเป็นไปได้ เพลงจังหวะวอลทช์จบลง ต่อด้วยจังหวะฟอกซ์ทร๊อต
กรองแก้วขืนตัวไว้ “เอ้อ..ท่านคะ คือ..จังหวะนี้ ดิฉันเต้นไม่เป็นน่ะค่ะ” กรองแก้วพยายามจะแยกตัวออกไป
พินิจไม่ยอมปล่อยมือ “เออ..นั่นสิ หนูเต้นไม่เป็น ผมก็เต้นไม่คล่องเหมือนกัน อากาศในห้องก็ร้อน คนเยอะ ชักรู้สึกอึดอัด เหมือนไม่มีอากาศจะหายใจแล้ว..เราออกไปข้างนอกกันเถอะค่ะ”
พินิจจูงมือกรองแก้วแบบกึ่งลากกึ่งประคองพาออกไปทางระเบียงทันที กรองแก้วจะไม่ยอมก็กลัวคนจะสงสัยจึงฝืนยิ้มและมองรอบๆ เพื่อหาทางหนีทีไล่
ผู้คนมองตามไปเล็กน้อย คุณหญิงดาราอำไพมองตามไป เพราะรู้สึกไม่สบายใจแต่ก็หันมายิ้มกับท่านเกริกและเต้นต่อไป ยศวินมองตามแล้วคิดว่าจะเอายังไงดี พุฒิภัทรมองตามจนเหลียวหลัง
มารตีดึงไว้ “พี่ชายภัทรเห็นไหมล่ะคะ ดูสิ อาจารย์ยศวินโดนทิ้งซะแล้ว..ที่จริง ก็แค่ถูกแม่แก้วมันใช้เป็นเครื่องมือปั่นหัวท่านเล่นเท่านั้นเอง”

รัชชานนท์กับรณพีร์มองหน้ากัน แล้วคิดว่าจะหาทางช่วยพี่ชายยังไง

อ่านต่อตอนที่ 7
กำลังโหลดความคิดเห็น