xs
xsm
sm
md
lg

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายธราธร ตอนที่ 10 อวสาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายธราธร ตอนที่ 10 อวสาน

เย็นนั้น มารตีกับวิไลรัมภาเข้ามาในห้อง เกษราวางหวีลงบนโต๊ะหน้ากระจก และหันมาถามมารตีที่ยืนคู่กับวิไลรัมภาอยู่ด้านหลัง

“คุณชินกรมาซื้อขนมที่ร้านเหรอ”
“ใช่ค่ะ...มารตีเจอตอนที่กำลังกลับพอดี เธอเหมาหมดร้านเลยนะคะ ประชดพวกปากหอยปากปูที่มายืนนินทาพี่เกษอยู่หน้าร้าน”
“ตายแล้ว...คุณชินกรเนี่ยน่ารักจังเลยนะคะพี่มารตี เป็นสุภาพบุรุษมากๆ”
“มารตีได้คุยกับเธอด้วยนะคะ เธอเล่าให้ฟังว่า เธอไปกับคณะสำรวจปราสาทด้วย ตอนอยู่ในป่า จริงๆแล้วพี่เกษผลัดหลงไปกับเธอ ไม่ใช่ไปกับพี่ชายใหญ่ เป็นความจริงหรือเปล่าคะ”
มารตีแอ๊บถาม เหมือนไม่รู้เรื่อง เกษราหน้านิ่ง
“จริงจ้ะ พี่หลงป่าอยู่กับคุณชินกร เธอช่วยเหลือพี่ทุกอย่าง ดูแลพี่อย่างดี แม้แต่ตอนที่โจรมันจับพวกเราได้ เธอก็เอาตัวเองบังกระสุนเพื่อให้พี่หนี”
มารตีตาโต
“อุ้ยตาย...คุณชินกรเอาตัวบังกระสุนเพื่อปกป้องพี่เกษ น่ารักเสียจริง ถ้ามีคนมาทำแบบนี้กับมารตี...มารตีรักตายเลย”
เกษราสะอึก..โดนใจดำ วิไลรัมภาเสริม
“ใช่ๆ ถ้าไม่รักกันจริง ทำแบบนี้ให้กันไม่ได้นะคะ”
มารตีทำเป็นคิด
“แต่เอ...คุณชินกรเล่าอีกว่า...เหตุที่คุณมะปรางและพี่ชายใหญ่ พลัดหลงไปด้วยกัน เพราะคุณมะปรางลื่นตกหน้าผา และพี่ชายใหญ่สละชีวิตตัวเองกระโดดตามลงไปช่วย”
วิไลรัมภาปิดปากตกใจ
“หะ...พี่ชายใหญ่กระโดดหน้าผาตามคุณมะปราง นี่ถ้าไม่รักกันจริงๆก็ทำแบบนี้ไม่ได้เหมือนกันค่ะ”
เกษราสะอึกหน้าเสีย หนักกว่าเดิม มารตีรีบใส่ไฟ
“รัมภาพูดถูก พี่ชายใหญ่กับมะปรางสนิทกันมาก แล้วข่าวที่ออกไปมะปรางก็เสียหายไม่น้อยไปกว่าพี่เกษ ถ้าเขามีอะไรกันจริงๆ และไม่ยอมเลิกรา บังคับให้พ่อมาบีบพี่ชายใหญ่ให้รับผิดชอบ พี่เกษจะทำยังไง”
เกษราหน้าเสียหนักเข้าไป...มารตีและวิไลรัมภาแตะมือกันยุต่อ วิไลรัมภารีบรุก
“ก็คงต้องอยู่กันแบบ สามคนผัวเมีย มั้งคะ ที่ไหนก็มีบ้านเล็กบ้านน้อยกันทั้งนั้น ถ้าพี่ชายใหญ่จะมีบ้างก็ไม่แปลก”
มารตีเสริม
“แต่พี่ยอมไม่ได้หรอกนะ พี่จะไม่ยอมแต่งงานผู้ชายที่ไม่ใช่ของเราคนเดียว แต่งไปก็มีแต่จะอกช้ำกล้ำกลืน น้ำตาจะได้เช็ดหัวเข่าทุกวัน”
เกษราหน้าเครียด...มารตีเห็นว่าน่าจะพอ ก็ตัดบท
“เราสองคนไม่ได้ขู่นะคะ แต่เราพูดด้วยความเป็นห่วง พี่เกษก็ลองเก็บไว้คิดดูนะคะ” มารตีทำเป็นเพิ่งนึกออก “อ้อ...อีกเรื่องค่ะ...เมื่อกลางวันหม่อมย่าเอียดโทร.มา ท่านเชิญให้พี่เกษไปพบที่วังวันพรุ่งนี้ มารตีคิดว่าคงจะพูดเรื่องแต่งงาน” มารตีทำเป็นเดินมาพูดเตือน ด้วยความหวังดี “พี่เกษควรเตรียมคำตอบไว้ให้ดีๆว่าจะตัดสินใจยังไง แล้วก็ระวังไว้นะคะ...คนแก่รักหลาน คงอยากให้สมหวังกันหมด ทั้งสามคน”
มารตีพูดจบก็หันมาคล้องแขนวิไลรัมภาแล้วก็เดินออกไปอย่างสบายอารมณ์ ทิ้งเกษรานั่งเครียดอยู่คนเดียว

มารตีและวิไลรัมภาเดินออกมาจากห้องเกษรา พอประตูปิดลง สองสาวก็ขำกันคิกคัก วิไลรัมภารีบลากแขนมารตีมากระซิบกระซาบกันอีกมุม ให้พ้นประตูห้องเกษรา
“พี่มารตีฉลาดมากๆ พูดซะจนพี่เกษหน้าซีดเลย ถ้าพรุ่งนี้พี่เกษไปตอบตกลงแต่งงานกับพี่ชายใหญ่ ก็โง่เต็มที”
“ถ้าพี่เกษไม่ได้แต่งกับพี่ชายใหญ่ เราสองคนก็จะได้แต่งแทน”
วิไลรัมภายิ้มเห็นด้วย
“แต่เอ๊ะ...แล้วถ้าพี่มารตีได้แต่งกับพี่ชายภัทร แล้วรัมภาล่ะคะ รัมภาก็ไม่ได้แต่งกับพี่ชายพีร์สิคะ รัมภาไม่ยอมนะคะ”
“เรื่องนั้นไม่ต่องห่วง...พี่ไม่ยอมให้คนอื่นเข้ามามีส่วนในสมบัติของวังจุฑาเทพ เพราะฉะนั้นถ้าพี่ได้เข้าไปเป็นสะใภ้ได้เมื่อไหร่ พี่จะต้องเป็นคนเลือกคู่สะใภ้ด้วยตัวเอง และหนึ่งในนั้นก็คือ รัมภาน้องรักของพี่”
วิไลรัมภายิ้มกว้าง อย่างเชื่อใจ
“พี่มารตีน่ารักที่สุดเลย”
วิไลรัมภาจับมือมารตีไว้ด้วยความรัก และชื่นชม มารตียิ้มรับอย่างเอ็นดูเหมือนน้องที่อยู่ในโอวาทอย่างดี
“ที่เหลือก็ได้แต่ภาวนา ให้พี่เกษฉลาดพอที่จะปฎิเสธการแต่งงานกับพี่ชายใหญ่”
“แล้วถ้า...พี่เกษไม่ฉลาดล่ะคะ เราจะทำยังไง”
มารตีนิ่งคิด...ตอบไม่ได้ แต่ก็ยังลุ้นอย่างมีหวัง

เกษรานั่งอยู่บนเตียงคิดถึงสิ่งที่สองสาวมาเป่าหู
“พี่เกษก็รู้ว่าพี่ชายใหญ่กับมะปรางสนิทกันมากแค่ไหน แล้วข่าวที่ออกไปมะปรางก็เสียหายไม่น้อยไปกว่าพี่เกษ”
เกษราคิดถึงมะปราง

ระวีรำไพนั่งอยู่ท่ามกลางของที่กำลังจะจัดใส่กระเป๋าเดินทาง เธอหันไปหยิบตั๋วเครื่องบิน และหนังสือคู่มือเดินทางไปอังกฤษมาดู หน้าเศร้า ดาวเรืองเดินมารายงาน
“คุณมะปรางคะ...คุณชายธราธร...”
ระวีรำไพพูดสวนกลับไป
“พูดเหมือนเดิม...”
“ค่ะ”
ดาวเรืองเดินออกไป ระวีรำไพพยายามใจแข็ง...ทั้งที่ในใจแสนเศร้า...ธราธรยืนถือหูโทรศัพท์อยู่หน้าเศร้าๆ
“ขอบใจมาก”
ธราธรวางสายไป พร้อมกับถอนหายใจ...คุณชายทั้งสี่ยืนอยู่ด้านหลังไม่ห่างออกไป แอบดูด้วยความเป็นห่วง...

กล่องขนมวางอยู่เต็มโต๊ะ ชินกรจิ้มขนมกินด้วยความคิดถึงเกษรา กินไปได้สองสามคำก็กินไม่ เขาจิ้มๆๆ แล้วก็ไม่กิน มองออกไปข้างนอกด้วยความคิดถึง ชินกรนั่งเศร้าอยู่ในบ้านคนเดียว

พุฒิภัทรเล่นเปียโนอยู่ในมุมประจำ ธราธรเดินมาหยุดข้างๆ


“ชายภัทร...”
พุฒิภัทรหยุดเล่นหันมา เห็นพี่ชายหน้าเครียดๆ
“พี่ชายใหญ่ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“พี่มีเรื่องอยากจะถามหน่อย ระหว่างที่พี่ไม่อยู่ เราได้เจอกับน้องมารตีบ้างหรือเปล่า”
“เจอครั้งนึง...ตอนเธอมาหาหม่อมย่าที่วัง พวกเราเลยต้องหาทาง เลี่ยงไม่ให้เจอกัน เพราะกลัวว่าเรื่องคุณเกษและพี่ชายใหญ่จะแตก ชายเล็กออกอุบายให้ผมกับชายพีร์พามารตีและน้องรัมภาออกไปเที่ยวข้างนอก”
“แล้วเป็นยังไงบ้าง ได้เที่ยวด้วยกันแล้วรู้สึกยังไง ถูกใจหรือเปล่า”ธราธรถามแล้วตั้งใจฟังคำตอบเต็มที่

รณพีร์แต่งเครื่องแบบเตรียมเข้ากรม เขาหันมามองธราธรที่ยืนอยู่หน้าห้องอย่างสงสัย
“ไม่แม้แต่นิดเดียว”
“ทำไม”
“น้องรัมภา...พูดมากเกินไป”
“แล้วนายชอบผู้หญิงพูดน้อยๆเหรอ”
รณพีร์หยุดคิด
“ก็เปล่า...”
“อ้าววว...”
ธราธรงง รณพีร์ตอบใหม่
“ก็...ไม่ต้องถึงกับพูดน้อย แต่ก็ไม่ต้องพูดมากจนฟังแล้วปวดหัว อีกอย่าง..น้องรัมภาเขาเอาแต่ใจตัวเองมากเกินไป นิสัยน้องคนเล็ก ผมไม่ค่อยชอบ”
“นายก็เป็นน้องคนเล็ก นายก็ไม่ชอบนิสัยตัวเองสิ”
รณพีร์ชะงัก เออ ก็จริง แต่ไม่ยอมรับ
“แต่น้องคนเล็กที่เป็นผู้หญิง กับ น้องคนเล็กที่เป็นผู้ชาย มันต่างกันนะครับ”
ธราธรส่ายหน้าในความแถกแถของรณพีร์
“เอาล่ะ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เอาเป็นผมไม่ถูกใจน้องรัมภา”
ธราธรฟังแล้วก็หนักใจคิดถึงที่พุฒิภัทรพูดเมื่อครู่นี้...
“ผมไม่เชื่อในการคลุมถุงชน คนจะรักกัน มันบังคับกันไม่ได้ เริ่มต้นแบบนี้ ผมก็ต่อต้านแล้ว พอจิตใจต่อต้าน มันก็ยากที่ผมจะรัก”
ธราธรฟังแล้วก็เห็นด้วย ถามต่อ
“แล้วชายรุจล่ะ พอจะรักใครในสองคนนี้หรือเปล่า”
“พี่ชายใหญ่ก็รู้ ว่าชายรุจมีคุณวาดดาวอยู่แล้ว”
“จริง....แล้วชายเล็กล่ะ”
พุฒิภัทรถามด้วยความสงสัย
“พี่ชายใหญ่จะรู้ไปทำไมเหรอครับ”
ธราธรอึกอักนิดๆก่อนตอบ
“ก็...พี่แค่อยากรู้ว่าตอนที่พี่ไม่อยู่มีเหตุการณ์อะไรคืบหน้าบ้างก็เท่านั้น....”
ธราธรพูดเศร้าๆกับพุฒิภัทร
“แต่เท่าที่ฟัง .. ดูเหมือนจะไม่มี...”
ธราธรพูดจบก็เดินจากไป พุฒิภัทรงงๆและเป็นห่วง

เมื่อธราธรถามถึงรัชชานนท์ รณพีร์ตอบอย่างมั่นใจ
“รายนั้นยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ชอบโดนบังคับ แล้วก็ไม่ชอบผู้หญิงจัดจ้าน สังคมจ๋าเหมือน 2 คนนี้แน่นอน ขืนบังคับมากๆมีหวังชายเล็กหนีเข้าป่าไปแต่งกับสาวชาวดงประชดเข้าให้”
ธราธรคิดหนัก รณพีร์สงสัย
“พี่ชายใหญ่ถามเรื่องนี้ไปทำไมครับ”
ธราธรไม่ตอบ หันหลังให้รณพีร์แล้วก็ถอนใจ...
“เฮ่อ...”
แล้วก็เดินจากห้องไป รณพีร์งงๆ

เกษรานั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าหม่อมเอียด ย่าอ่อน ไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะหม่อมย่า สวัสดีค่ะคุณย่า
ทั้งสองคนรับไหว้
“สวัสดีจ้ะ”
หม่อมเอียดมองอย่างเป็นห่วง

“ย่าเสียใจ และต้องขอโทษแทนชายใหญ่ด้วย สำหรับข่าวที่ออกไป”

เกษรารีบบอก

“ไม่เป็นไรเลยค่ะหม่อมย่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเกษที่ตัดสินใจไปด้วยตัวเอง ไม่ใช่ความผิดของพี่ชายใหญ่เลยนะคะ”
“พูดแบบนี้แสดงว่าไม่โกรธชายใหญ่ใช่มั้ย”ย่าอ่อนรีบถาม
“ไม่เลยค่ะ เกษไม่มีเหตุผลที่ต้องโกรธพี่ชายใหญ่แม้แต่น้อย”
“ไม่โกรธก็ดี ย่าจะได้ถามตรงไปตรงมา...ตกลงหนูไม่ได้หลงป่าไปกับชายใหญ่ แต่หนูหลงไปกับอาจารย์ชินกรใช่มั้ย แล้วมันเป็นยังไงมายังไง ทำไมไปกับเขา ทำไมไม่มากับชายใหญ่”
หม่อมเอียดสะดุ้งนิดๆ กับความขวานผ่าซากของย่าอ่อน เกษราหน้าเสีย
“อ่อน...นั่งเฉยๆฟังพี่ดีกว่ามั้ย ของแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เราต้องหันหน้ามาช่วยกันหาทางแก้ไข ไม่ใช่จะมาฟื้นฝอยหาตะเข็บ”
ย่าอ่อนค้อนวงเล็กๆใส่ และจำใจนั่งเงียบ หม่อมเอียดหันมาบอกเกษรา
“ย่าตัดสินใจแล้ว...ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง แต่ข่าวออกมาแบบนี้ ชายใหญ่จะต้องแต่งงานเพื่อปกป้องชื่อเสียงของหนูเกษ”
เกษราตกใจ รีบถามกลับ
“แล้วน้องมะปรางล่ะคะ ข่าวก็ออกไปว่าเธอค้างแรมในป่ากับพี่ชายใหญ่ แล้วใครจะปกป้องชื่อเสียงของเธอ”
ย่าอ่อนทนไม่ได้ขอแทรก
“ใช่ หนูเกษคิดเหมือนย่า ข่าวนี้มีผู้หญิงเสียหายสองคน ย่าคิดว่าให้คุณชายใหญ่แต่งงานกับผู้หญิงทั้งสองคนเลยดีมั้ยจ้ะ ใครๆก็ทำกัน ท่านชายวิชชากรก็มีเมียถึงสามคน ให้หนูเกษขึ้นทะเบียน ฝ่ายโน้นอายุน้อยก็เป็นรองไป”
เกษราหน้าเสีย หม่อมเอียดรีบแย้ง
“พูดอะไรแบบนั้น หนูมะปรางไม่ใช่ลูกตาสีตาสา นั่นลูกสาวคุณชายอาทิตยเชียวนะ ลองทาบทามสิ จะได้ไม่ต้องมองหน้ากันไปตลอดชีวิต”
“ก็เราอยากรับผิดชอบทั้งสองคน แล้วคุณพี่จะให้ทำยังไงล่ะเจ้าคะ”
“เรื่องนี้ไว้พี่จะจัดการเอง ทางคุณชายอาทิตย์ฯก็เงียบๆ ไม่ได้ติดต่อ หรือเรียกร้องอะไร เราจะเสนอตัวก็น่าเกลียด แต่ทางนี้ผู้ใหญ่มีสัญญาใจต่อกัน พี่อยากจัดการให้สมน้ำสมเนื้อ ยิ่งเกิดเรื่องยิ่งต้องรีบแก้ไข”
“ค่ะคุณพี่...” ย่าอ่อนเสียงอ่อน
เกษราก้มหน้านิ่ง อึดอัดใจ แต่ไม่กล้าพูด ไม่กล้าคิด
“ที่ย่าเชิญหนูเกษมา เพื่อจะบอกว่าทางเราจะไม่ปล่อยปละละเลยเรื่องนี้ อยากให้หนูเกษเตรียมตัวสำหรับงานหมั้นและงานแต่งให้พร้อม แล้วย่าจะรีบหาฤกษ์หายามให้เร็วที่สุด คิดว่าหนูคงจะไม่ขัดข้อง”
เกษราคิด..แล้วก็เงยหน้าขึ้นตอบ
“แล้วพี่ชายใหญ่ล่ะคะ...ถ้าต้องแต่งงานกับเกษ พี่ชายใหญ่จะขัดข้องหรือเปล่า”
หม่อมเอียดกับอ่อนสะอึกเบาๆ เพราะคำถามจี้ใจดำ

เกษราเดินออกมาหน้าวังจุฑาเทพ เธอครุ่นคิดถึงสิ่งที่คุยกับหม่อมเอียด ย่าอ่อนเมื่อครู่
“ย่ายังไม่ได้คุยกับชายใหญ่ เขาขอเวลาตัดสินใจ แต่คิดว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะรักษาชื่อเสียงของหนูเกษไว้ สุดท้าย...เขาคงจะตามใจผู้ใหญ่ เรื่องแบบนี้จัดการให้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะเราเป็นผู้หญิง ยิ่งปล่อยไว้ยิ่งมีแต่จะเสียหาย...”
เกษราหยุดคิด...
“แต่ผู้หญิงที่เสียหายมีสองคน ไม่ใช่เราคนเดียว ...เฮ่อ...จะมีใครเข้าใจเราบ้างนะ...”
เกษราเศร้า..แล้วในแว่บนั้น..ก็คิดถึงชินกรขึ้นมาจับใจ

กล่องขนมเกษราวางเต็มโต๊ะไปหมด อาป๊า อาม๊ายืนมองงงๆ
“อาชินซื้อขนมร้านนี้มาอีกแล้วเหรอ ซื้อมาทุ๊กวัน ซื้อมาเยอะแยะขนาดนี้ อาม๊าว่ามันผิดปกติหรือเปล่า”
อาม๊าส่ายหน้า
“มันก็ไม่น่าจะปกตินะ นี่ป๊า วันหลังเราแอบไปดูที่ร้านนี้กันหน่อยมั้ย ไปดูหน้าเจ้าของร้านสักหน่อย ดีไม่ดี อาตี๋เราจะไปติดใจเจ้าของร้านขนมเข้าให้นะเนี่ย”
“เออ...จริง..ไหนดูสิร้านอะไร”
อาม๊าหยิบมาอ่าน
“ร้านขนมหวานวังเทวพรหม...”
อาม๊าพูดจบปุ๊บ เด็กรับใช้ก็เดินเข้ามา
“คุณท่านคะ มีคนมาขอพบคุณชินกรค่ะ”
อาม๊าหันไปถาม
“ใคร”
“หม่อมหลวงเกษรา เทวพรหมค่ะ”
อาม๊า อาป๊าขมวดคิ้ว คิดๆ
“เกษรา เทวพรหม...เทวพรหม!”
อาม๊า อาป๊า โพล่งออกมาพร้อมกัน แล้วก็ก้มลงดูที่กองขนมตรงหน้า

ขนมหวานอยู่ในจานวางอยู่หน้าชินกร ข้างๆมีชุดน้ำชา ชินกรจิ้มขนมกินด้วยความคิดถึงเกษรา ทันใดนั้นเสียงเกษราก็ดังขึ้น
“ขนมอร่อยมั้ยคะ”

“อร่อยมาก...”

ชินกรชะงัก หันขวับไปเห็นเกษรายืนอยู่ตกใจ
 

“คุณเกษ!”
ชินกรลุกพรวดชนโต๊ะกระดก แก้วน้ำชา กาน้ำชาถึงกับตกกระเด็นกระดอน ชินกรลนลาน
“ขะ..ขอโทษครับ”
ชินกรจับมาก็ยังตั้งไม่อยู่ล้มอีก เคร้ง! ชินกรต้องเก็บอีกรอบ เกษราขำๆแล้วก็ช่วยหยิบแก้วน้ำที่กลิ้งมาตรงหน้า
“นี่ค่ะ”
ชินกรรับมาอายๆ
“ขอบคุณครับ .. คุ..คุณเกษมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ แล้วมีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ ถึงได้มาถึงที่นี่”
“ฉันทราบข่าวว่าคุณชินกรแวะไปซื้อขนมที่ร้าน ก็เลยจะแวะมาขอบคุณและมาถามอาการบาดเจ็บด้วยค่ะ แผลเป็นยังไงบ้างคะ”
“แผลแห้งแล้วครับ ขอบคุณมาก คุณมาหาผม...เพื่อขอบคุณที่ผมไปซื้อขนมและมาถามอาการบาดเจ็บ...แค่นี้เหรอครับ”
เกษราชะงัก มองหน้าชินกร แล้วก็หลบตาพร้อมระบายออกมา
“ไม่ใช่ค่ะ...ที่ฉันมา เพราะฉันสับสน อยากคุยกับใครสักคน...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ทำไม...ฉันถึงมาหาคุณ”
ชินกรใจพอง แม้จะรู้ว่าเป็นแค่ที่ปรึกษาแต่ก็ยังดีใจ
“ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไร ขอบคุณที่คุณไว้วางใจผม ผมยินดีฟังทุกเรื่อง และจะเก็บไว้เป็นความลับ”
ชินกรให้คำมั่น ผายมือให้เกษรานั่งลง และเรียกให้เด็กยกชุดน้ำชามาเปลี่ยน...ทั้งสองคนนั่งอยู่ในโต๊ะหินขัดกลางสวน เกษราผ่อนคลาย เป็นกันเองกับชินกรและสิ่งแวดล้อมอย่างรวดเร็ว

อาม๊าแอบดูไปที่สวน ในขณะที่อาป๊าทำเป็นกินขนมแกล้มน้ำชา แต่ในใจก็อยากรู้สุดฤทธิ์
“ม๊าว่า..ที่อาชินไปเหมาขนม ต้องเป็นเพราะอาหนูคนนี้แน่เลย ลูกเราดูเขินๆ อายๆ แต่ม๊าก็สงสัย..เป็นสาวเป็นแส่ ทำไมถึงได้มาหาผู้ชายถึงบ้าน นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นหม่อม ม๊าไล่กลับไปแล้ว”
อาป๊าสะดุ้ง
“อ้าวววว เป็นหม่อมแล้วยังไง”
อาม๊ายิ้ม
“เป็นหม่อม ก็แสดงว่าเป็นผู้ดี เป็นผู้ดีก็แสดงว่าคงจะมีธุระสำคัญถึงได้มาหาถึงบ้าน ไม่ได้จะมาวิ่งไล่จับผู้ชาย”
อาม๊าพูดด้วยความลำเอียง อาม๊าพูดจบก็ส่องต่อ อาป๊าส่ายหน้าขำๆ แล้วก็กินขนมต่อ

ชินกรรินน้ำชาให้เกษราอย่างนุ่มนวล เกษราเริ่มระบายความไม่สบายใจ
“เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าคนจะนินทายังไงก็ช่าง ถ้าเราไม่ได้ทำจริงก็ไม่ต้องไปสนใจ แต่ตอนนี้ฉันเห็นแล้วว่า...สายตาของคนนอกพร้อมที่จะฆ่าเราให้ตายทั้งเป็นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะทำสิ่งนั้นหรือไม่”
เกษราพูดด้วยความกลุ้มใจ ชินกรมองด้วยความเห็นใจ
“ที่จริงผมเองก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ ถึงแม้จะไม่มีชื่อผมอยู่ในข่าวก็ตาม”
ชินกรพูดด้วยความเจียมตัว เกษราไม่เข้าใจ และไม่ทันสังเกตความหวังดีนั้น
“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันคงไม่รบกวน เพราะวันนี้หม่อมย่าเอียดเรียกฉันไปคุย และบอกว่าจะให้พี่ชายใหญ่รับผิดชอบ ด้วยการ...แต่งงาน”
ชินกรใจหายวาบ หน้าชื่นอกตรม
“เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วครับ”
เกษราเสียงแข็ง
“มันจะถูกต้องได้ยังไง”
ชินกรผงะ ไม่เคยเห็นเกษราเสียงแข็ง
“ในเมื่อคนที่ติดป่าอยู่กับคุณชายไม่ใช่ฉัน แต่เป็นน้องปราง...น้องปรางก็เสียชื่อเสียงเหมือนกัน และสิ่งที่สำคัญมากกว่าความถูกต้องคือ...ความรู้สึกของเธอ”
เกษรานึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในแคมป์ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน
“ฉันรู้สึก...รู้สึกว่าพี่ชายใหญ่ห่วงน้องปรางมาก...และน้องปรางก็เหมือนกัน...เหมือน...เหมือนเธอรักพี่ชายใหญ่”
“คุณชายก็ห่วงคุณเหมือนกันนะครับ ไม่ใช่เฉพาะแต่คุณมะปราง”
“ฉันเทียบกับน้องปรางไม่ได้หรอกค่ะ น้องปรางเป็นคนสดใส มีน้ำใจ กล้าหาญใครอยู่ใกล้ก็รักเธอ ฉันเองยังรักเธอเหมือนเป็นน้องสาวจริงๆ ต่างจากฉัน...ที่จืดชืด เย็นชา ต้องทำงานหนักจนไม่เหลือความสดใสในชีวิตอีกแล้ว”
เกษราพูดจบน้ำตาก็ร่วงเผาะลงมา...ชินกรใจหาย...
“ไม่จริงครับ คุณไม่ได้ไร้ค่าแบบนั้น อย่างน้อยก็มีผมหนึ่งคนที่มองเห็นคุณค่าในตัวคุณ”
เกษราชะงักกึก เงยหน้ามองชินกร เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจ เกษราอึ้ง..ใจเต้นแรง
“ไม่วาคุณจะเป็นเกษราหรือก้องเกียรติ ผมก็มีสายตาไว้เพื่อมองคุณคนเดียว
เกษราอึ้ง..กระพริบตาปริบๆ ชินกรสารภาพรักออกมาอย่างหมดเปลือก

“ผมรักก้อง เพราะคิดเสมอว่าก้องคือคุณ ผมไม่เคยลืมใบหน้าของคุณตั้งแต่แรกเห็น...ผมเฝ้าถามตัวเองว่าทำไม...แล้วผมก็ได้คำตอบ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะ...ผมรักคุณ”

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายธราธร ตอนที่ 10 อวสาน (ต่อ)

เกษราอึ้งซ้ำสอง

“ผมรักคุณ รักทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ คุณมอบหัวใจให้คุณชายใหญ่เพียงคนเดียว แม้ผมเสนอตัวแต่งงาน คุณก็คงไม่ยอมรับ และคงจะมองผมด้วยความรังเกียจที่ไม่เจียมตัว”
“ฉันไม่เคยคิดว่าคุณต้อยต่ำ คุณก็รู้ว่าฐานะทางบ้านฉันเป็นยังไง ถ้าเทียบกัน แล้ว คุณไม่มีอะไรน่ารังเกียจเลย”
“แต่คุณก็ตอบรับรักผมไม่ได้”
เกษราสะอึก
“เอ่อ..คือ...”
ชินกรพูดยิ้มๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมรู้ตัวมานานแล้วว่าไม่ควรยุ่งกับคุณ แค่คุณให้เกียรติมาหาผมที่นี่ คิดว่าผมเป็นเพื่อน ผมก็ดีใจแล้ว ที่ผมบอกความในใจให้คุณทราบ เพื่อคุณจะได้เห็นคุณค่าในตัวเอง ไม่ดูถูกตัวเองอีก”
เกษราอึ้ง...ซึ้งใจ ชินกรพยายามปรับอารมณ์กลับมา
“ส่วนเรื่องระหว่างคุณ กับ คุณชายใหญ่ ผมแนะนำให้ทำตามเสียงหัวใจของคุณ ถ้าเขาคือคนที่คุณรอคอย อย่าลังเลที่จะทำตามความต้องการของตัวเอง เรื่องคำครหาไม่ต้องไปสนใจ ส่วนเรื่องมะปราง...คุณควรจะไปถามเธอให้รู้เรื่อง คุณสองคนสนิทสนมกันมากพอจะคุยเรื่องนี้กันได้ จะได้ไม่คลางแคลงใจต่อกัน”
เกษราคิดตาม ค่อนข้างเห็นด้วย
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ”
“ด้วยความยินดีครับ ผมคงทำได้แค่นี้ โชคดีนะครับ...เพื่อนของผม”
ชินกรพูดคำว่าเพื่อนด้วยความสะเทือนใจ เกษรามองด้วยความเห็นใจ เข้าใจ และสงสารจับใจ ทั้งสอง
คนยืนอยู่ในซุ้มกลางสวนสวยงาม กับ....รักที่ยังไม่ลงตัว

ธราธรนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกวังแสงอาทิตย์ ดาวเรืองเดินมารายงาน
“คุณชายอาทิตย์เข้ากรม คุณผู้หญิงไปงานสมาคม คุณหนูมะปราง...ไม่อยู่ค่ะ”
ธราธรงง
“อ้าว..น้องมะปรางไปไหน”
“เหมือนว่าจะไปโรงพยาบาลหรือยังไงนี่ล่ะค่ะ”ดาวเรือง กุกกักไม่ถนัดโกหก
“ไปโรงพยาบาล คุณมะปรางเป็นอะไร ทำไมต้องไปโรงพยาบาล”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ปะ..ไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ ยังไม่กลับมาเลยค่ะ”
ธราธรเป็นห่วง แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่พยักหน้า
“ถ้าเธอกลับมา ฝากบอกว่าฉันมาหา...เดี๋ยวฉันจะไปที่ทำงานสักพัก แล้วฉันจะแวะมาใหม่”
“จะมาใหม่เหรอคะ”
“ใช่...มีอะไรหรือเปล่า”
“มะ..ไม่มีค่ะ สวัสดีค่ะ”
ดาวเรือง ใช้ยกมือไหว้ ธราธรรับไหว้และเดินออกไป ก่อนจะเดินพ้นประตูเรือนรับรองก็หันมามองเข้าไปในวังอีกครั้ง แล้วก็หันหลังเดินออกไป
คล้อยหลังธราธร ในวัง...ระวีรำไพแอบยืนมองอยู่
“พี่ชายใหญ่ ปรางขอโทษนะคะ”
ระวีรำไพมองตามไปด้วยความรู้สึกผิด แต่ก็ต้องใจแข็ง

ปวรรุจฟังด้วยความแปลกใจ แล้วย้อนถาม
“พี่ชายใหญ่ถามชายภัทร กับ ชายพีร์ เรื่องน้องมารตีกับน้องรัมภาเหรอ”
พุฒิภัทรพยักหน้า
“ใช่แล้วยังถามถึงชายรุจด้วย”
"ถามถึงชายเล็กด้วยครับ”รณพีร์รีบบอก
“แล้วนายตอบไปว่ายังไง”รัชชานนท์สงสัย
“ก็บอกว่านายไม่มีทางสนใจน้องรัมภา ถ้าบังคับมากคงจะหนีไปแต่งงานกับสาวชาวป่า”
รัชชานนท์ชูนิ้วโป้ง
“ตอบได้ดี”
รณพีร์ยกไหล่รับ...
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ปวรรุจตั้งข้อสังเกต
“ทำไมพี่ชายใหญ่ถึงได้มาถามเรื่องนี้”
“หรือว่า...พี่ชายใหญ่หาข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ”พุฒิภัทรสงสัย
“ถ้ามีใครสักคนชอบน้องมารตี หรือ น้องรัมภา พี่ชายใหญ่อาจจะตัดสินใจไม่แต่งงานกับคุณเกษ”
“แต่คำตอบที่ได้คือ...ไม่มี แสดงว่าพี่ชายใหญ่ก็อาจจะตัดสินใจแต่งงานกับคุณเกษ...”รัชชานนท์ออกความเห็น
“เพื่อเสียสละให้พวกเราทุกคน” รณพีร์หน้าเสีย
ทั้งสี่คุณชายอึ้งๆไป รณพีร์ถามขึ้น
“พี่ๆคิดว่า...มันถูกต้องแล้วเหรอครับ”

“ไม่ถูกต้อง” ทุกคนตอบพร้อมกัน

ที่วังเทวพรหม...เทวพันธ์ มารตี และระวีรำไพคุยอยู่ด้วยกัน
 

“มันไม่ถูกต้องค่ะ รัมภาจะไม่ยอมให้พี่เกษต้องฝืนใจแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักตัวเอง เพียงเพื่อรักษาคำมั่นสัญญาของสองตระกูลเด็ดขาด” วิไลรัมภาบอกทันที
เทวพันธ์ส่ายหน้า...ไม่เห็นด้วย มารตีนั่งอยู่ข้างๆ ยังรักษาท่าที รอจังหวะซ้ำ
“แล้วเรารู้ได้ยังไงว่าชายใหญ่ไม่ได้รักชอบพี่สาวเรา”
“โธ่คุณพ่อคะ ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้น”
เทวพันธ์ขมวดคิ้ว มารตีรีบเสริม
“ใช่ค่ะ ใครๆเขาก็ลือกันว่า พี่ชายใหญ่จะเลือกหม่อมหลวงระวีรำไพ ไม่เลือกพี่เกษ เพราะทั้งสองคนเขารักกันมาตั้งแต่เด็ก”
วิไลรัมภายุอีก
“ยิ่งมีข่าวแบบนี้ คุณชายอาทิตยรังสีไม่ยอมแน่ ต้องให้พี่ชายใหญ่รับผิดชอบคุณมะปรางด้วย คราวนี้พี่เกษจะต้องกลายเป็นนางน้อยๆของพี่ชายใหญ่ อายชาวบ้านเขาแย่ สู้ไม่ให้แต่ง แล้วรอพี่ชายภัทรแต่งกับพี่มารตียังจะดีซะกว่า”
มารตียิ้มรับ วิไลรัมภาลุ้น เทวพันธ์ไม่หวั่นไหว
“ไม่ได้...ถึงชายใหญ่ไม่ได้รักก็ต้องแต่ง เพื่อรักษาชื่อเสียงของเทวพรหม พ่อไม่สนใจว่าชายใหญ่จะรักใคร และจะมีเมียกี่คน แต่คนที่แต่งออกหน้า เป็นที่ยอมรับของสังคมจะต้องเป็นเกษราเท่านั้น!”
เทวพันธ์ประกาศด้วยความมั่นใจ มารตีและระวีรำไพได้แต่หันมามองตากันปริบๆว่าทำไงดี

เกษรานั่งรออยู่ในห้องรับแขกในวังแสงอาทิตย์ เกษรามองไปรอบๆอย่างประหม่าๆ เสียงระวีรำไพดังขึ้น
“พี่เกษ”
เกษราหันมาเห็นระวีรำไพเดินมาทั้งสองคนยิ้มให้กัน ระวีรำไพยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ”
เกษรารับไหว้
“สวัสดีค่ะ...”
ทั้งคู่เดินมาหาจับมือกันไว้ด้วยความคิดถึง
“พี่เกษเป็นยังไงบ้างคะ ถูกคุณพ่อดุมั้ยคะ”
“โดนดุพอควร แล้วน้องปรางล่ะคะ พอคุณพ่อรู้ความจริงโดนดุหรือเปล่า”
“ก็..คุณพ่อไม่ดุค่ะ แต่...เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ปรางต้องเดินทางไปอังกฤษเร็วขึ้น ปรางเชื่อว่า..ถ้าปรางไม่อยู่สักคน ข่าวก็คงจะเงียบเร็วขึ้น”
เกษราตกใจ
“น้องปรางจะออกเดินทางเมื่อไหร่”
ระวีรำไพตอบพลางเดินมานั่งคุยกันที่โซฟา
“ปลายเดือนนี้ค่ะ นี่ก็เก็บของเกือบจะเสร็จแล้ว”
เกษราเศร้า
“พี่เสียใจจริงๆ ที่เรื่องลงเอยแบบนี้”
“ปรางก็เสียใจ แต่ในเมื่อปรางเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ปรางยอมรับผลที่เกิดขึ้นค่ะ พี่เกษอย่ากังวลไปเลยนะคะ”
“พี่คงทำแบบนั้นไม่ได้ พี่เลิกกังวลไม่ได้ ตราบใดที่พี่ยังไม่ได้คำตอบที่แท้จริง”
ระวีรำไพขมวดคิ้ว
“คำตอบอะไรคะ”
เกษราจับมือระวีรำไพ...และมองตา น้ำเสียงจริงจัง
“น้องปรางรักพี่ชายใหญ่หรือเปล่า”
ระวีรำไพสะอึกนิดๆ กับคำถามที่จี้ลงไปกลางใจ
“พี่คิดว่า พี่ควรจะรู้ความจริง น้องปรางรักพี่ชายใหญ่หรือเปล่า”
ระวีรำไพตอบอย่างจริงใจ
“รักค่ะ ปรางรักพี่ชายใหญ่มาก รักมากที่สุด แต่รักในฐานะพี่ชาย เราสองคนเติบโตมาด้วยกัน ความผูกพันของเรา มันมากเกินกว่าจะแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น”
“แล้วถ้าพี่ชายใหญ่ไม่ได้รักน้องปรางเหมือนน้อง”
“มันเป็นไปไม่ได้ค่ะ”
“เป็นไปได้สิ การที่พี่ชายใหญ่กระโดดจากหน้าผาตามน้องปรางลงไปในน้ำตก มันพิสูจน์แล้วว่า พี่ชายใหญ่รักน้องปรางมากจริงๆ”
“ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นพี่เกษ พี่ชายใหญ่ก็กระโดดตามไปเหมือนกันค่ะ”
เกษราชะงักว่าอาจจะจริง
“พี่ชายใหญ่มีความเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะเสียสละชีวิตของตัวเอง เพื่อปกป้องคนที่อยู่ในความปกครอง เหตุการณ์นั้นจึงตอบไม่ได้ว่าพี่ชายใหญ่รักปรางมากกว่าน้องสาว ในสายตาพี่ชายใหญ่ ปรางเป็นเด็ก เป็นน้องจอมยุ่ง ไม่ได้คิดเกินเลยกับปรางแม้แต่น้อย...”
“พี่จะไม่สบายใจเลย ถ้าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้คนสองคนที่รักกันแต่ไม่ได้แต่งงานกัน”
“เช่นกัน....ถ้าพี่ชายใหญ่ไม่ได้แต่งงานกับพี่เกษเพราะปราง ปรางจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต”
เกษราพูดไม่ออก ระวีรำไพจับมือเกษรา

“ปรางกับพี่ชายใหญ่ไม่มีอะไร...นอกไปจากความเป็นพี่น้อง และคนที่พี่ชายใหญ่รักคือพี่เกษค่ะ” ระวีรำไพยิ้มด้วยความจริงใจ

เกษรายิ้มรับนิดๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมคำตอบที่ชัดเจนกลับไม่ทำให้เบาใจแม้แต่น้อย

 
หน้าวัง...เกษราเดินออกมาในอาการครุ่นคิด คำพูดของระวีรำไพยังดังก้องอยู่ในความคิด

“ปรางรักพี่ชายใหญ่มาก รักมากที่สุด แต่ในฐานะพี่ชาย...ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นพี่เกษ...พี่ชายใหญ่ก็กระโดดตามไปเหมือนกันค่ะ...พี่ชายใหญ่มีความเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะเสียสละชีวิตของตัวเอง เพื่อปกป้องคนที่อยู่ในความปกครอง...เหตุการณ์นั้นจึงตอบไม่ได้ว่าพี่ชายใหญ่รักปราง..มากกว่าน้องสาว....ปรางกับพี่ชายใหญ่ไม่มีนอกไปจากความเป็นพี่น้อง และคนที่พี่ชายใหญ่รักคือพี่เกษค่ะ”
เกษราครุ่นคิดด้วยความไม่สบายใจ เสียงแตรรถดังขึ้น เกษราหันไปเห็นธราธรขับรถมาจอดเทียบที่หน้าเกษรา ต่างคนต่างงง
“พี่ชายใหญ่”

ในร้านอาหาร...ระหว่างที่นั่งทานอาหารอยู่ด้วยกัน ธราธรพูดขึ้นด้วยความผิดหวัง และเสียใจลึกๆ
“น้องมะปรางอยู่ที่วัง แต่ไม่ยอมออกมาพบพี่...”
“ตอนพี่ชายใหญ่ไปหา เธออาจจะไม่อยู่จริงๆก็ได้”
ธราธรส่ายหน้า
“ไม่หรอก เพราะพี่เพิ่งแวะไปหาเธอไม่นานนี้เอง พี่คิดว่าจะกลับไปทำงานแต่เปลี่ยนใจจะมารอเธอที่วัง พี่คิดว่าเธอคงต้องการจะหลบหน้าพี่”
เกษราหยั่งเชิง
“แล้วทำไมน้องปรางต้องทำแบบนั้น ในระหว่างที่หลงป่าด้วยกัน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า น้องปรางถึงได้อยากหลบหน้าพี่ชายใหญ่”
ธราธรคิดถึงเหตุการณ์ที่เขากอดและเผลอจะลูบไล้ ไซร้คอ จนระวีรำไพร้องห้าม และเหตุการณ์ที่เธอสารภาพรัก ธราธรใจเต้น แต่พยายามทำปกติ
“พี่ไม่แน่ใจ...แต่ไม่ต้องห่วง พี่จะต้องหาทางคุยกับน้องปรางให้เข้าใจ พี่จะต้องหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนให้ได้”
เกษราเห็นแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรับผิดชอบ แล้วก็ตอบกลับไป
“หาทางออกที่ดีให้คนอื่นแล้ว...พี่ชายใหญ่ก็อย่าลืมหาทางออกที่ตรงใจให้กับตัวเองด้วยนะคะ”
ธราธรชะงักนิดๆ เกษรามองหน้าธราธรด้วยความเข้าใจและเป็นห่วง

น้องๆสี่คนนั่งฟังธราธรที่กำลังยืนพูดอยู่ตรงหน้า
“พี่ต้องการให้ทุกคนช่วย...น้องมะปรางหลบหน้าพี่ ไม่ยอมรับโทรศัพท์ ไปหาที่วังก็ไม่ยอมออกมาพบ พี่ควรจะทำยังไง”
สี่คนมองหน้ากัน และปวรรุจก็พูดขึ้น
“พี่ชายใหญ่จะต้องเริ่มต้นจาก...ตอบคำถามของพวกเรา”
“ได้ ถามมาเลย”
พุฒิภัทรเป็นคนถาม...
“พี่ชายใหญ่รู้สึกยังไงกับน้องปราง”
ธราธรสะอึก...จุก...ใจเต้นแรง...ตอบไม่ถูก รัชชานนท์เสริมทันที
“ถ้าพี่ชายใหญ่ไม่ตอบ เราก็ไม่ช่วย”
“ทำไม”
รณพีร์ตอบแทน
“เพราะมันไม่ยุติธรรม เราเล่าทุกเรื่องที่พี่อยากรู้ บางเรื่องไม่อยากรู้เราก็เล่า เราตอบทุกคำถาม ถึงไม่ถามเราก็ตอบ แต่พี่ชายใหญ่ไม่เล่าความในใจให้พวกเรารู้แม้แต่น้อย”
รัชชานนท์พูดต่อ
“ซึ่งมันไม่ยุติธรรม พี่ชายใหญ่จะเก็บความทุกข์เอาไว้ให้แน่นอกอยู่คนเดียวไม่ได้”
“พวกเราอยากช่วย...” ปวรรุจบอกอย่างจริงใจ
พุฒิภัทรสรุป
“แต่พี่ชายใหญ่ต้องตอบมาก่อนว่า..รู้สึกยังน้องปรางยังไง”
ธราธรมองน้องๆ ที่รอฟังคำตอบ แล้วธราธรก็ยอมรับออกมา
“พี่มองเห็นภูเขาที่ซ่อนอยู่หลังเส้นผมแล้ว”

ธราธรนึกถึงที่ปวรรุจพูดถึงเรื่องความรัก
‘พี่ชายใหญ่เคยถามตัวเองหรือเปล่าครับว่าเคยอยากเห็นหน้าเธอทุกค่ำคืน วันไหนไม่เห็นหน้าก็ทานข้าวไม่ลง อยากได้ยินเสียงเธอทุกเช้าค่ำ โทรศัพท์ไปคุยหน่อยก็ยังดี อยากกอด อยากจูบ อยากปกป้องเธอไปตลอดชีวิต’
‘ไม่ใช่แค่กับน้องเกษ...แต่..ตั้งแต่เกิดมาพี่ยังไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย’
‘แต่มันก็ไม่แน่นะครับ...การที่พี่ชายใหญ่ไม่รู้สึกชอบคุณเกษ อาจจะเป็นเพราะจริงๆแล้วพี่ชายใหญ่ชอบคนอื่นอยู่ก็ได้ ลองเปิดใจเผื่อสำหรับผู้หญิงอีกคนด้วยนะครับ บางที เส้นผมอาจจะบังภูเขาอยู่ก็ได้’

ธราธรยอมรับแต่โดยดี
“คนที่พี่รัก...คือน้องมะปราง”
ธราธรพูดออกมาอย่างไม่อาย ไม่เก็บความรู้สึกอีกต่อไป น้องๆทั้งสี่คนพยักหน้ารับเพราะไม่เกินความคาดหมาย และโล่งใจที่ธราธรยอมพูดความจริง ปวรรุจเดินมาหยุดตรงหน้าธราธร
“พวกเราจะช่วยพี่ชายใหญ่เอง”

คุณชายอีกสามคนพยักหน้ายิ้มๆ ให้กำลังใจ ธราธรยิ้มรับนิดๆ พร้อมกับถอนใจเบาๆ โล่งใจที่ได้พูด

ดาราฉาย โสภิตา เดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะกับระวีรำไพ ทั้งสองคนเดินไปพูดไป ในขณะที่ระวีรำไพหน้าอมทุกข์

“เราสองคนเห็นว่าปรางจะไปเรียนอังกฤษตั้งหลายปี ก็เลยชวนมาเดินเล่นในสวน แล้วก็ปิคนิคกันแบบฝรั่ง เวลาไปอยู่ที่โน่นจะได้เคยชิน”
“ปิคนิคแค่ครั้งเดียว จะชินได้ยังไง แล้วเราจะกินอะไรกัน ไม่เห็นมีอาหารเลย ปิคนิคลมหรือไงจ้ะ” ระวีรำไพแย้ง
“ก็เราสองคนกำลังจะไปซื้อที่ร้านข้างหน้านี่แหละ ส่วนปรางก็รออยู่ตรงนี้”
โสภิตาลากมานั่งรออยู่ที่ซุ้มดอกไม้ที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงาม
“แล้วทำไมไม่ให้ฉันไปด้วย”
“ก็งานนี้เราสองคนเป็นเจ้าภาพเลี้ยงส่งเธอ เพราะฉะนั้นวันนี้เป็นวันของเธอ อยู่เฉยๆ รอกินอย่างเดียว”
ระวีรำไพจำใจต้องพยักหน้ารับ ดาราฉายกับโสภิตายิ้มโล่งอก
“เดี๋ยวเราสองคนมานะ”
ระวีรำไพพยักหน้ารับ สองคนมองหน้ากันแล้วก็รีบเดินไปเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ ระวีรำไพยังนั่งซึมไม่รู้ถึงความผิดปกตินั้น

ดาราฉายและโสภิตารีบเดินมาที่จุดนัดพบ คุณชายทั้งสี่รออยู่
“น้องดาราฉาย น้องโสภิตา เป็นยังไงบ้าง ทุกอย่างเรียบร้อยมั้ยคะ” รณพีร์ถามอย่างร้อนใจ
ดาราฉายยิ้มกว้าง
“เรียบร้อยค่ะคุณชายพีร์”
โสภิตายิ้มปลื้ม
“มะปรางไม่สงสัยเลยค่ะ”
“เก่งมากทั้งสองคนเลยค่ะ”รัชชานนท์ยิ้มให้
“ขอบคุณค่ะคุณชายเล็ก” สองสาวยิ้มปลื้มสุดๆ
“เราสองคนออกไปซื้ออาหารตามแผนก่อนนะคะ” ดาราฉายบอก
“ผมกับชายเล็กไปช่วยนะครับ เชิญครับ...” รณพีร์ผายมือให้
สองสาวยิ้มเขินแล้วก็พยักหน้ารับด้วยความอาย ก่อนจะเดินนำไป สองหนุ่มเดินตามไปอย่างสุภาพ
รณพีร์กับรัชชานนท์ยิ้มหวาน หว่านสเน่ห์ให้สองสาว ทั้งสองบิดไปมาปลื้มสุดๆ ปวรรุจเห็นแล้วก็ยิ้มขำๆ ก่อนหันไปทางพุฒิภัทร
“แผนขั้นแรกเรียบร้อย”
พุฒิภัทรไม่ได้สนใจ เหตุการณ์ตรงหน้าแต่คิดถึงธราธร
“ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของพี่ชายใหญ่”
ปวรรุจพยักหน้าเห็นด้วย ลุ้นในใจ

ระวีรำไพนั่งรออยู่ที่ซุ้มดอกไม้ ทันใดนั้นเสียงธราธรก็ดังขึ้น
“น้องปราง”
ระวีรำไพหันมาเห็นธราธรยืนอยู่ ต่างคนต่างตื่นเต้น เพราะตั้งแต่กลับจากปราสาทยังไม่ได้เจอกันเลย ภาพที่เห็นทำให้ทั้งสองคนชะงักงัน ใจเต้นโครมครามทั้งคู่ และทันใดนั้นระวีรำไพก็ลุกขึ้น หันหลัง พร้อมจะเดินหนี ธราธรดักคออย่างรู้ทัน
“ทำไมน้องปรางใจร้ายกับพี่ขนาดนี้ ทำไมต้องหลบหน้า ถ้าไม่อยากเจอบอกแค่คำเดียว พี่ชายใหญ่จะไม่มาให้เห็นหน้าอีกตลอดชีวิต”
คำตัดพ้อทำให้ระวีรำไพถึงกับชะงักเท้า...หยุดยืนนิ่ง ไม่กล้าเดินต่อ จิตใจสับสน ธราธรเดินเข้ามาหา
“พี่มีบางอย่างจะบอกน้องปราง ถ้าไม่ได้พูดวันนี้ พี่คงไม่มีโอกาสได้พูดอีก”
ระวีรำไพยังตื่นเต้น ไม่กล้าหันไปเผชิญหน้า ธราธรพูดระบายออกมาจากใจ ระวีรำไพฟังด้วยความตื่นเต้น
“ก่อนออกเดินทางไปสำรวจ พี่ตั้งใจไว้ว่าระหว่างอยู่ที่นั่น พี่จะค้นหาหัวใจตัวเองว่าแท้จริงแล้ว พี่รักใคร แล้วพี่ก็พบว่า พี่หลงรักความสดใส ความมีชีวิตชีวาของผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่ยิ้มแล้วทำให้พี่ยิ้มตามได้ทุกครั้ง คนที่ทำให้ทุกวินาทีในชีวิตสว่างสดใส ทำให้พี่หลุดออกจากกรอบที่ถูกวางไว้”
ธราธรต้องจับไหล่หันตัวระวีรำไพหันมาอย่างนุ่มนวล และพูดพร้อมกับมองตาอย่างตั้งใจ
“คนคนนั้นก็คือ น้องปราง”
ระวีรำไพใจเต้นแรง...ตื่นเต้น และสับสน ในสมองคิดพล่านไปหมด แววตาระริกไปมากลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
“พี่ไม่เคยรู้เลยว่าหัวใจพี่อยู่ที่ใคร จนกระทั่งวินาทีนั้น พี่ยอมตายได้เพื่อน้องปราง พี่ถึงรู้ว่า ใจเราตรงกัน พี่รักน้องปราง ไม่ใช่รักแบบพี่น้อง แต่เป็นความรักแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งพึงมีให้หญิงสาว...พี่รักน้องปรางนะครับ”
ธราธรสารภาพอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมาอย่างที่สุด ระวีรำไพมองตา น้ำตารื้น...แต่กลั้นไว้
“ขอบคุณค่ะ...ขอบคุณในความรักที่มีให้ปราง...แต่มันสายเกินไปแล้วค่ะ”
ธราธรชะงักใจหายวาบ ระวีรำไพรีบพูดต่อ ด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ไม่ให้เห็นความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่
“จริงอยู่ในป่า ปรางบอกความรู้สึกตัวเองออกไป แต่มันเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ เมื่อกลับมาปรางพบว่า ปรางไม่ได้รักพี่ชายใหญ่แบบชายหญิง แต่ปรางรักพี่ชายใหญ่ เหมือนพี่ชายคนหนึ่งของปราง ปรางจึงตัดสินใจรีบไปอังกฤษ และไม่เจอพี่ชายใหญ่อีก ปรางขอโทษที่ทำให้พี่ชายใหญ่เข้าใจผิด อภัยให้ปรางด้วยนะคะ...นะคะ”
“ครับ” ธราธรตอบอย่างชอคๆ
“อีกไม่กี่วันปรางก็จะไปเรียนแล้ว วันที่ปรางกลับมา เราสองคนจะกลายเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม”
“...ครับ...”
“ขอบคุณอีกครั้งสำหรับความรักที่มีให้ปราง ลาก่อนนะคะ พี่ชายใหญ่ของปราง”
“...ลาก่อน...”

ระวีรำไพยิ้มนิดๆรับคำว่าลาก่อน แล้วค่อยๆหันหลังให้ธราธรทันทีที่หันหลังให้ระวีรำไพน้ำตาหยดเผาะ รอยยิ้มหายไป เหลือแต่ความเศร้าในแววตา ระวีรำไพปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม ไม่ยกมือเช็ดให้มีพิรุธธราธรยืนอึ้งอยู่ที่เดิม มองตามระวีรำไพไป เห็นเพียงแผ่นหลังที่เหยียดตรง ไม่บ่งบอกถึงความอ่อนแอภายใน ธราธรยืนเศร้าอยู่ที่ศาลา ได้แต่มองระวีรำไพเดินไปพร้อมหัวใจที่หายตามเธอไปด้วย

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายธราธร ตอนที่ 10 อวสาน (ต่อ)

ดาราฉาย โสภิตา เดินอยู่กับรัชชานนท์ และรณพีร์ ทั้งสองคนถือของให้อย่างน่ารัก สองสาวเดินยิ้มอายๆ พลันสายตาก็เหลือบมาเห็นระวีรำไพเดินอยู่ไกลๆ
“มะปราง”
ทุกคนหันไปพอเห็นระวีรำไพ รัชชานนท์กับรณพีร์รีบส่งของให้สองสาว
“ผมรีบไปก่อนนะ ขอบใจมากครับ ที่ช่วยให้ความร่วมมือในวันนี้” รณพีร์ยิ้มหวานให้
“ด้วยความยินดีค่ะ” สองสาวยิ้มกว้าง
“สวัสดีครับ”
รัชชานนท์รีบลากรณพีร์ไป ก่อนที่ระวีรำไพจะเห็น ดาราฉายและโสภิตารีบเดินไปมาระวีรำไพทันที

ระวีรำไพเดินอยู่ในสวน ยกมือขึ้นปาดน้ำตา หน้ายังอมเศร้า ดาราฉายและโสภิตารีบเดินตามมาข้างหลัง
“ปรางจะไปไหน”
ระวีรำไพหยุดเดิน กลั้นน้ำตา พยายามทำปกติ และหันมาทางเพื่อนที่ยืนหอบอยู่
“ฉันจะกลับวัง”
“อ้าว...แต่อาหาร...”
“ขอบใจมาก แต่ฉันคงกินไม่ลงแล้ว เธอสองคนกินกันเถอะนะ...ฉันขอบใจเธอมาก ขอบใจจริงๆ”
ระวีรำไพพูดแฝงความหมายบางอย่าง แล้วก็หันหลังเดินออกไป ดาราฉายกับโสภิตาหันมามองหน้ากันงงๆ

รัชชานนท์กับรณพีร์เดินมาหาปวรรุจและพุฒิภัทรที่รออยู่ที่เดิม
“พี่ชายใหญ่ยังไม่มาเหรอครับ” รัชชานนท์ถาม
ธราธรเดินหน้าซึมๆมาหาน้องชาย ปวรรุจเห็นเป็นคนแรก
“มาแล้ว”
ทุกคนหันไปเห็นธราธรเดินหน้าซึมมา ทุกคนรีบเดินมาหา
“พี่ชายใหญ่คุยกับน้องปรางแล้วเป็นยังไงบ้างครับ”
ธราธรเสียงเศร้า
“พี่คิดว่า...เรารีบกลับวังกันดีกว่า พี่จะไปเรียนหม่อมย่าเรื่องเตรียมจัดงานแต่งงาน”
สี่หนุ่มตาวาว ตื่นเต้นดีใจ
“แต่งงาน”
“พี่จะให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอน้องเกษ”
อ้าว !! สี่หนุ่มขมวดคิ้วในฉับพลัน ...คุณเกษ ?
ธราธรหน้านิ่งขรึม เก็บความเสียใจไว้ข้างใน ปล่อยให้คุณชายทั้งสี่งุนงงสงสัยและตกใจอย่างแรง

มารตีและวิไลรัมภาตกใจอย่างแรงมาก
“พี่ชายใหญ่ส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอพี่เกษ!”มารตีถามย้ำ
วิไลรัมภาส้ายหน้ารับไม่ได้
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ พี่ชายใหญ่ไม่ได้รักพี่เกษสักหน่อย”
เกษราสะอึก เทวพันธ์รีบปราม
“รัมภาพูดอะไรอย่างนั้น ถ้าไม่รัก เขาจะส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอทำไม...จริงมั้ยเกษ”
เกษรายิ้มนิดๆ แต่ไม่ตอบ เทวพันธ์ยิ้มพอใจ
“ทางโน้นเขามาสู่ขอเป็นเรื่องเป็นราว และพ่อก็ตอบตกลงไปแล้ว”
มารตีและวิไลรัมภาชักสีหน้าไม่พอใจสุดๆ เกษราหน้านิ่ง ไม่ดีใจแม้แต่น้อย
“เกษก็เตรียมตัวได้เลยนะลูก หม่อมเอียดจะรีบหาฤกษ์หมั้นแล้วก็แต่งวันเดียวกันไป เราเห็นตรงกันว่าจะรีบจัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุด”
เกษราใจหายวาบ....จริงหรือนี่?

ปวรรุจทำหน้าที่จดบันทึกสิ่งที่ต้องทำ มีหม่อมเอียดกับย่าอ่อนคอยสั่ง
“หลังจากได้ฤกษ์แล้ว ก็ทำหนังสือเชิญ ชายรุจหาโรงพิมพ์และแบบมาให้ย่าเลือกก่อนนะ”
“ครับ”
“ส่วนรายชื่อแขกในงานเลี้ยงฉลองสมรสตอนเย็น ย่าจะเรียกมาจดอีกครั้ง ส่วนงานหมั้นเช้า และรดน้ำตอนสาย เราจะเชิญคนไม่มาก มีเฉพาะคนในครอบครัว และเพื่อนสนิท”
“ครับ”
ย่าอ่อนเสริมอยบ่างมีความสุข
“เรื่องของหมั้น น้องเตรียมเองค่ะ โดนยืมตัวไปจัดให้วังอื่นมามากแล้ว ครั้งนี้ได้จัดให้หลานตัวเอง มันชื่นใจบอกไม่ถูกจริงๆ”
หม่อมเอียดยิ้มรับ
“ดี...พี่ฝากด้วยนะ”
“ค่ะ น้องจะจัดให้เต็มที่ รับประกันไม่มีขายหน้าวังอื่น”
หม่อมเอียดหันมาทางปวรรุจ
“พอได้ฤกษ์แล้วย่าอยากให้ชายรุจส่งข่าวไปที่หนังสือพิมพ์ สังคมจะได้รับรู้ว่าเรารับผิดชอบกับข่าวที่ออกไป และเป็นการให้เกียรติหนูเกษด้วย”
“ครับ”

ปวรรุจรับคำอย่างว่าง่าย แต่ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความหนักใจบางอย่าง

หลายวันต่อมา...ชินกรอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ อ่านข่าวงานแต่งงานของธราธรและเกษราด้วยความเศร้า

หนังสือพิมพ์วางอยู่บนโต๊ะ ในห้องนั่งเล่นของวังแสงอาทิตย์เช่นกัน ระวีรำไพนั่งอ่านอยู่
“ดีใจด้วยนะคะพี่เกษ...พี่ชายใหญ่...”
ระวีรำไพพยามยามเก็บความเศร้าไว้ ด้านหลังกัลยายืนมองอยู่ด้วยความเป็นห่วง

กัลยานั่งคุยกับอาทิตยรังสีอยู่อีกห้องหนึ่ง
“คุณทราบวันแต่งงานของคุณชายใหญ่หรือยังคะ”
“วันเดียวกับวันเดินทางของมะปราง เวลาหมั้น ก็เป็นเวลาเดียวกับที่เราจะต้องไปส่งลูกที่สนามบิน หม่อมเอียดส่งหนังสือมาเชิญแล้ว แต่ผมตอบกลับไปว่าคงไปงานเช้าไม่ได้ แต่จะร่วมงานแต่งในตอนเย็น”
“บังเอิญจังนะคะ”
“แต่เป็นความบังเอิญที่ส่งผลดีกับลูกเรา”
กัลยาพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งสองคนเห็นใจระวีรำไพ

เกษรายืนอยู่หน้ากระจก กำลังลองชุดไทยที่จะใส่ในพิธีหมั้นช่วงเช้า มารตีและวิไลรัมภายืนอยู่ไม่ห่าง
ทั้งสองคนกอดอกมองแววตาริษยา
“ชุดก็สวยดี แต่ไม่มีเครื่องทอง ดูหมองๆพิกล” มารตีเบาะปาก
“แหม..ก็ทองมีเท่าไหร่ คุณพ่อก็เอาไปขาย เอาเงินมาลงทุนจนหมด จะเอาทองที่ไหนมาประดับล่ะคะพี่มารตี”วิไลรัมภาแย้ง
“พี่เกษไม่เปลี่ยนใจแน่นะคะ งานนี้ทางโน้นถึงกับลงประกาศหนังสือพิมพ์ คงจะเตรียมจัดเลี้ยงใหญ่ แต่พี่เกษกลับไม่มีสง่าราศรี เครื่องเพชร เครื่องทองก็ไม่มี ไม่อายเขาเหรอคะ”
วิไลรัมภายุส่ง
“ใช่ค่ะ ถ้าเป็นรัมภา..รัมภาไม่กล้าแต่งหรอกนะคะ”
เกษราพยายามอดทน อดกลั้นกับคำพูดของน้องๆ ทันใดนั้นแย้มก็เดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับกล่องกำมะหยี่สีแดงสด ขนาดใหญ่ อลังการณ์
“คุณเกษคะ....คุณชินกรให้คนนำของมาส่งให้ค่ะ”
ทุกคนหันมาด้วยความแปลกใจ
“ของอะไร” มารตีถาม
“แย้มไม่ทราบหรอกค่ะ แย้มไม่กล้าเปิดดู มันเสียมารยาท”
วิไลรัมภามองค้อน ยื่นมือขอ
“นี่ไม่ต้องมามัวแต่เล่นลิ้น รีบส่งมาเลย”
แย้มส่งให้เกษราแทน
“นี่ค่ะคุณเกษ”
วิไลรัมภาแค้น กัดฟัน กรอด
“นังแย้ม”
มารตีปราม
“ช่างมันเถอะน่ะ พี่เกษรีบเปิดสิคะ จะได้รู้ว่าเป็นอะไร”
เกษราแอบเซ็งน้องนิดๆ แต่ก็เปิดกล่องดูข้างใน ภายในกล่องมีกล่องเล็กกล่องน้อยอีก 4-5 ใบ เกษรากำลังจะหยิบกล่องหนึ่งมาเปิดดู มารตีก็แย่งเปิดอีกกล่อง
“มารตีช่วยค่ะ”
พอมารตีเปิดออกมาก็ตกตะลึง ข้างในเป็นเข็มขัดทองเหลืองอร่าม เกษราเปิดแล้วก็ต้องตกใจพอกัน ในกล่องเป็นสร้อยทองลายโบราณสวยเก๋ ..
“ทอง”
“จริงเหรอคะ” วิไลรัมภารีบมาเปิดดูอีกกล่อง เห็นเป็นกำไลทอง
มารตี และ วิไลรัมภา เปิดกล่องโน้นกล่องนี้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ เกษราค่อยหยิบสร้อยมาทาบที่คอ สวยเข้ากับชุดไทยได้เป็นอย่างดี แย้มค่อยๆมากระซิบพร้อมกับส่งซองให้
“มีจดหมายมาด้วยค่ะ”
เกษรารับมา หันหลังให้น้องๆ และเดินเลี่ยงออกมาแล้วเปิดอ่าน
“สวัสดีครับคุณเกษรา..ผมส่งของขวัญวันแต่งงานมาให้คุณล่วงหน้า เพราะคิดว่าคุณอาจจะจำเป็นต้องใช้ สำหรับใส่ในงานหมั้นตอนเช้า ถือว่าเป็นสินน้ำใจจากเพื่อนใหม่ของคุณ...ชินกร”
เกษราคิดถึงชินกรจับใจ...ทั้งดีใจและเศร้าใจในคราวเดียวกัน

ชินกรรินน้ำชาให้ธราธรที่มาหาที่บ้าน
“ขอบคุณคุณชายใหญ่มากครับที่มาเชิญผมถึงที่บ้าน”
“ถ้าอาจารย์ไม่มีธุระอะไร ผมขอเชิญตั้งแต่งานหมั้นตอนเช้าเลยนะครับ”
ชินกรฝืนยิ้ม
“ถึงมีธุระผมก็ต้องไปให้ได้ วันสำคัญของคุณชายใหญ่และคุณ..เกษ..ผมต้องไปอยู่แล้วครับ”
ธราธรยิ้มรับ ไม่สังเกตความผิดปกติตอนเรียกชื่อเกษรา
“ผมต้องขอบคุณอาจารย์อีกครั้งที่ดูแลน้องเกษอย่างดี ตอนที่หลงกันอยู่ในป่า ถ้าไม่ได้อาจารย์ เราสองคนอาจจะไม่มีวันนี้”

“ไม่ต้องขอบคุณเลยครับ มันเป็นสิ่งที่ผมยินดีทำอยู่แล้ว...คือ...ตอนนั้นผมคิดว่าคุณเกษเป็นก้องเกียรติเป็นนักศึกษาที่เราต้องดูแลอยู่แล้วน่ะครับ”
 

ธราธรายิ้ม เข้าใจ ชินกรโล่งอก..รอดไป ชินกรคิดแล้วก็พูดขึ้น

“คุณชายใหญ่ครับ มีเรื่องหนึ่งที่ผมจะขอฝาก...คุณเกษเธอมักจะน้อยเนื้อต่ำใจ คิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับคุณชาย ถ้าแต่งงานกันไปแล้ว คุณชายจะเชิดชู และให้เกียรติเธอ ทำให้เธอสบายใจได้หรือเปล่าครับ”
ธราธรแปลกใจ แต่ก็ตอบรับ
“ได้ครับ..ผมจะทำให้น้องเกษสบายใจและมั่นใจว่าเธอเหมาะสมที่จะเป็นสะใภ้ใหญ่แห่งจุฑาเทพ”
“ขอบคุณมากครับ”
“แปลกดีนะครับ...น้องเกษเปิดใจพูดเรื่องนี้กับอาจารย์ด้วย กับผมเธอไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ ถามคำตอบคำ ถ้าเธอเปิดใจพูดคุยกับผมบ้างก็คงดี”
ธราธรปรับทุกข์ด้วยความไม่สบายใจ ชินกรยิ่งเห็นยิ่งเป็นห่วง ...

ระวีรำไพคุยโทรศัพท์อยู่ในวังแสงอาทิตย์
“ปรางทราบข่าวแล้วค่ะ แสดงความยินดีด้วยนะคะพี่เกษ ปรางต้องขอโทษด้วยที่ไปร่วมงานไม่ได้ เพราะเป็นวันเดียวกับที่ปรางเดินทางไปต่างประเทศพอดี”
เกษราตกใจ
“วันเดียวกันเลยเหรอคะ น่าเสียดายจัง พี่อยากจะเชิญน้องปรางมาเป็นเพื่อนเจ้าสาว คืออย่างที่รู้ว่าพี่เป็นคนไม่ได้มีเพื่อนที่ไหน จะมีก็แต่น้องปรางที่เป็นเพื่อนที่พี่สนิทที่สุด”
ระวีรำไพเสียงเศร้า
“ปรางก็เสียดายค่ะ ถ้าพี่เกษไม่รังเกียจ ปรางหาเพื่อนเจ้าสาวแทนปรางให้ได้ 2 คนค่ะ”

โสภิตาถามด้วยความแปลกใจ ขณะที่นั่งเล้นอยู่กับระวีรำไพ และดาราฉายในห้องรับแขก
“เธออยากให้เราสองคน เป็นเพื่อนเจ้าสาวให้พี่เกษ”
“ใช่จ้ะ...เธอสองคนช่วยไปเป็นตัวแทนฉันหน่อยนะ”
สองคนมองหน้ากัน แล้วก็หันมาพูดตรงๆ
“ฉันทำให้เธอได้นะปราง...แต่เธอบอกเราสองคนหน่อยได้มั้ย ว่าจริงๆแล้วเธอคิดยังไงกับอาจารย์หม่อมกันแน่”
โสภิตาพยักหน้าเห็นด้วยกับคำถาม
“ใช่...เราสองคนจะได้วางตัวถูก เราไม่อยากทำตัวเบิกบานในงานแต่งงาน ในขณะที่เพื่อนรักของเราเศร้าใจจนต้องหนีไปต่างประเทศ”
ระวีรำไพคิด และตอบอย่างมีสติ
“ฉันขอบคุณเธอสองคนมากที่เป็นห่วง...แต่...ฉันจะรู้สึกยังไงมันไม่สำคัญ...ฉันแค่ได้เห็นคนที่ฉันรักสองคนมีความสุข...ฉันก็มีความสุขแล้ว”
ระวีรำไพตอบอย่างจริงใจ ดาราฉาย และโสภิตาฟังแล้วรู้ทันทีว่าเพื่อนคิดอย่างไร ดาราฉายเอื้อมมือมาจับแขนระวีรำไพปลอบใจ

ชุดไทยในห้องเกษรา ถูกแขวนไว้อย่างสวยงาม เกษรายืนมอง และหันมามองเครื่องทองที่ชินกรส่งมาให้ แล้วหยิบจดหมายชินกรมาอ่านแล้วก็เศร้า
ชินกรยืนอยู่ในบ้าน...เห็นกล่องขนมร้านเทวพรหม แล้วก็เศร้า
ธราธรยืนอยู่ในห้องทำงาน....ข้างๆ มีชุดไทยราชปะแตนแขวนอยู่ ธราธรมองดูด้วยความเศร้า
ระวีรำไพนั่งอยู่ในห้องอย่างเศร้าๆเช่นกัน เมื่อมองกระเป๋าเดินทางจัดเรียบร้อย พร้อมเดินทาง...

คุณชายทั้งสี่คน ยืนอยู่นอกห้อง มองธราธรที่กำลังยืนดูชุดด้วยความเศร้า
“พรุ่งนี้ก็วันงานแล้ว...ตกลงพี่ชายใหญ่จะแต่งงานกับคุณเกษจริงๆเหรอครับ”
รณพีร์ถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ อีกสามคุณชายไม่มีคำตอบได้แต่ถอนใจเบาๆ
“เราคงต้องรอดูว่าจะมีปาฎิหารย์หรือเปล่า...” ปวรรุจพูดขึ้นเบาๆ

เช้าวันงาน...ในวังจุฑาเทพ สินสอดทองหมั้นถูกวางเรียงไว้อย่างสวยงาม หม่อมเอียด ย่าอ่อน อยู่ในชุดผ้าไหมตัดเย็บแบบไทยสมัยนิยม ดูสง่างาม น่าเกรงขาม
“ของหมั้นอื่นๆ น้องให้คนของเราทะยอยไปตั้งขบวนรอที่หน้าวังหมดแล้ว ที่เหลือก็มีแต่สินสอดทองหมั้น ที่จะให้คุณชายทั้งหลายเป็นคนถือไปเอง” ย่าอ่อนบอก
“แล้วคุณชายทั้งห้า เรียบร้อยกันหรือยัง”
ย่าอ่อนปรายตาไปเห็นพอดี
“มากันทางโน้นแล้วค่ะ”
หน้าประตูอาคารหลังใหญ่ คุณชายทั้งห้า เดินออกมาในชุดราชปะแตน นุ่งโจง อย่างเท่ แต่ละคนดู
ภูมิฐาน สง่างามสมกับฉายา ห้าสิงห์แห่งจุฑาเทพ
“ทุกคนพร้อมนะ” หม่อมเอียดถาม
“พร้อมครับ”
น้องๆหันมามองธราธรเพราะไม่ตอบอยู่คนเดียว ธราธรรู้ตัวตอบแบบเลี่ยงไม่ได้
“พร้อมครับ”
“พร้อมแล้วก็ไปกันได้ ทางโน้นรออยู่แล้ว”

หม่อมเอียด และย่าอ่อน เดินนำไป คุณชายทั้งสี่หันมามองธราธรที่หน้าตาสับสน ธราธรฝืนยิ้มและเดินตามไป สี่คุณชายมองตามอย่างรู้ว่า...พี่ชายใหญ่ไม่พร้อม

วังเทวพรหมคึกคัก ประดับประดาไปด้วยดอกไม้ พานพุ่ม สวยงาม เทวพันธ์ยืนต้อนรับแขกอยู่หน้าตาชื่นบาน มีมารตีและวิไลรัมภาคอยชะเง้อมองหาคุณชายตาไม่กระพริบ

เกษรายืนอยู่หน้ากระจก อยู่ในชุดไทย เครื่องทอง แต่งหน้า ทำผม ครบชุด ดาราฉาย และโสภิตาเดินมายืนข้างๆ มองด้วยความชื่นชม
“พี่เกษสวยมากเลยค่ะ”
“ทั้งสวย ทั้งสง่าเลยค่ะ”
เกษรายิ้มเขินๆ
“ต้องขอบคุณน้องโส กับ น้องดารา ที่พาช่างที่ร้านมาแต่งหน้าทำผม แล้วก็ช่วยพี่แต่งตัว ไม่อย่างนั้น ก็ไม่ออกมาเป็นแบบนี้”
ดาราฉายยิ้มรับ
“ไม่ต้องขอบคุณเลยค่ะ ดาราต้องดูแลพี่เกษอย่างดี เพราะมะปรางกำชับไว้ว่าต้องดูแลพี่เกษให้ดีที่สุด”
เกษราได้ยินชื่อปรางแล้วเศร้าลง
“น่าเสียดายที่น้องปรางมาร่วมงานไม่ได้ และก็น่าเสียดายที่พี่ไม่ได้ไปส่งเธอที่สนามบิน
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ มะปรางเข้าใจ ขนาดเราสองคนมะปรางยังบอกว่าไม่ต้องไปส่งเลยค่ะ มะปรางเขาเป็นคนเข้มแข็งค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”
เกษราคิดแล้วก็ถาม
“พี่ขอถามอะไรตรงๆสักอย่างจะได้มั้ยคะ”
ดาราฉายกับโสภิตามองหน้ากัน แล้วก็หันไปพยักหน้า
“ถามมาเถอะค่ะ”
“ถ้าเรารู้ เราจะตอบค่ะ”
เกษราตัดสินใจถามตรงๆ
“พี่อยากรู้ว่า น้องมะปรางคิดอย่างไรกับพี่ชายใหญ่”
สองสาวถึงกับอึ้งไป

ระวีรำไพอยู่ในชุดเตรียมเดินทาง ยืนอยู่กลางห้อง มองรอบๆ ด้วยความอาลัย ก่อนจะตัดใจหันไปหยิบกระเป๋าถือ และเดินออกไปจากห้อง

เกษรารอฟังคำตอบ
“บอกพี่ได้มั้ยคะว่า...น้องปรางคิดอย่างไรกับพี่ชายใหญ่”
โสภิตากับดาราฉายตัดสินใจตอบ
“บอกตรงๆนะคะ เราก็ไม่ทราบเหมือนกัน”
“เราเคยถามปรางแล้ว แต่เธอก็ไม่ตอบ ปรางบอกแค่ว่า...แค่ได้เห็นคนที่รักสองคน มีความสุข เธอก็มีความสุขแล้ว”
เกษราฟังแล้วสะอึกไป
“เรารู้แค่ว่าปรางรักพี่ชายใหญ่ และ พี่เกษมาก และเธอก็ยินดีที่พี่ทั้งสองได้แต่งงานกัน เรารู้แค่นี้จริงๆค่ะ”
เกษรานิ่ง..คิด..เต็มไปด้วยความกังวล ไม่สบายใจอย่างรุนแรง แย้มเดินเข้ามา
“คุณเกษคะ คนจากวังจุฑาเทพมาถึงแล้ว จะได้ฤกษ์แล้วค่ะ”
เกษราหันไปทางแย้ม ความรู้สึกยังสับสนเป็นอย่างมาก

ภายในวังเทวพรหม เครื่องหมั้น และ ชุดสินสอดวางเรียงอย่างสวยงาม หม่อมเอียด ย่าอ่อน เทวพันธ์ นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้ใหญ่ของบ่าวสาว ธราธรนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้น อีกสี่คุณชายนั่งประกบไม่ห่าง มารตี และวิไลรัมภานั่งอยู่ทางฝั่งเจ้าสาว พยายามส่งสายตาให้พุฒิภัทร และรณพีร์ สุดฤทธิ์ ชินกรเดินเข้ามาในห้อง และนั่งลงในมุมที่เห็นค่อนข้างชัด ผู้ใหญ่ที่มาช่วยงานพิธีกล่าวขึ้น
“ได้ฤกษ์แล้วค่ะ เชิญเจ้าสาวออกมาได้เลยค่ะ”
เกษราเดินเข้ามาในห้องจัดงาน ความสวย สง่า เปล่งออกมาอย่างเห็นได้ชัด คนในห้องมองด้วย
ความชื่นชม ชินกรที่มองด้วยความอึ้ง เกษราหันมาเห็นชินกรก็อึ้งพอกัน ต่างคนต่างมองกันอยู่หนึ่งอึด
ใจ เกษราก็ก้มหน้าเดินมานั่งประจำที่
รัชชานนท์ กับ รณพีร์ เห็นจังหวะที่สองคนมองกันพอดี สองหนุ่มสะกิดให้มองอย่างรู้กัน โสภิตา และดาราฉายเดินตามเข้ามาและนั่งรวมกับญาติคนอื่น เกษรามานั่งลงข้างๆธราธร สองคนมองหน้ากัน และยิ้มให้กันตามมารยาท ธราธรยิ้มแล้วก็หันหน้าไปทางอื่น หน้าตาอมทุกข์อย่างเห็นได้ชัด เกษราถึงกับสะอึก ค่อยๆปรายตาไปทางชินกรที่มองเธอไม่วางตา มองด้วยความชื่นชม มองด้วยความรัก เกษราเห็นแล้วก็คิดเครียด...
“ได้ฤกษ์...เจ้าบ่าวสวมแหวนหมั้นให้เจ้าสาวค่ะ”
รณพีร์ส่งแหวนให้ ธราธรรับมาและตั้งท่าจะสวมให้ เกษราที่ยังนั่งนิ่ง ไม่ยืนมือไป เธอคิดถึงวันที่ไปพบชินกร
‘ฉันรู้สึก...รู้สึกว่าพี่ชายใหญ่ห่วงน้องปรางมาก และน้องปรางก็เหมือนกัน เหมือน...เหมือนเธอรักพี่ชายใหญ่’
‘คุณชายก็ห่วงคุณเหมือนกันนะครับ ไม่ใช่เฉพาะแต่คุณมะปราง’
‘ฉันเทียบกับน้องปรางไม่ได้หรอกค่ะ น้องปรางเป็นคนสดใส มีน้ำใจ กล้าหาญใครอยู่ใกล้ก็รักเธอ ฉันเองยังรักเธอเหมือนเป็นน้องสาวจริงๆ ต่างจากฉัน...ที่จืดชืด เย็นชา ต้องทำงานหนักจนไม่เหลือความสดใสในชีวิตอีกแล้ว’

‘ไม่จริงครับ...คุณไม่ได้ไร้ค่าแบบนั้น อย่างน้อยก็มีผมหนึ่งคนที่มองเห็นคุณค่าในตัวคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นเกษราหรือก้องเกียรติ ผมก็มีสายตาไว้เพื่อมองคุณคนเดียว ผมรักก้อง เพราะผมคิดเสมอว่าก้องคือคุณ... ผมไม่เคยลืมใบหน้าของคุณตั้งแต่แรกเห็น ผมเฝ้าถามตัวเองว่าทำไม...แล้วผมก็ได้คำตอบ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะ...ผมรักคุณ...ผมรักคุณ รักทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ คุณมอบหัวใจให้คุณชายใหญ่เพียงคนเดียว แม้ผมจะเสนอตัวแต่งงาน คุณก็คงไม่ยอมรับ และคงจะมองผมด้วยความรังเกียจ ที่ไม่เจียมตัว ส่วนเรื่องระหว่างคุณ กับ คุณชายใหญ่ ผมแนะนำให้ทำตามเสียงหัวใจของคุณ ถ้าเขาคือคนที่คุณรอคอย อย่าลังเลที่จะทำตามความต้องการของตัวเอง’

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายธราธร ตอนที่ 10 อวสาน (ต่อ)

เกษรายังคิดอยู่ ธราธรมองหน้าด้วยความแปลกใจ ที่ไม่ยื่นมือมา เกษราตัดสินใจค่อยๆยื่นมือออกไป และคำพูดของโสภิตาและดาราฉายก็แว่บเข้ามาอีก...

‘บอกพี่ได้มั้ยคะว่า..น้องปรางคิดอย่างไรกับพี่ชายใหญ่’
‘ปรางบอกแค่ว่า...แค่ได้เห็นคนที่รัก 2 คน มีความสุข...เธอก็มีความสุขแล้ว’
‘ปรางรักพี่ชายใหญ่ และ พี่เกษมาก และเธอก็ยินดีที่พี่ทั้งสองได้แต่งงานกัน...’

คิดๆแล้วเกษราก็ทนไม่ไหว...โพล่งออกมา
“เกษทำไม่ได้ค่ะ”
ทุกคนตกใจ ธราธรชะงักกึก เกษราดึงมือกลับ
“เกษทำไม่ได้จริงๆ”
ทุกคนตกใจ คุณชายทั้งสี่คนมองเกษรา รอฟังการตัดสินใจของเธอ
“เกษแต่งงานกับพี่ชายใหญ่ไม่ได้ค่ะ” เกษราย้ำ
เทวพันธ์โมโห
“เกษ! จะบ้าไปแล้วหรือไง”
“เกษไม่ได้บ้า แต่เกษแต่งงานกับพี่ชายใหญ่ไม่ได้ มันไม่ถูกต้อง”
“ไม่ถูกต้องยังไง ไอ้ข่าวที่เกิดขึ้นยังงามหน้าไม่พอหรือไง”
หม่อมเอียดปราม
“ใจเย็นๆ ก่อนนะคุณชาย ให้หนูเกษพูดให้จบก่อนเถอะ”
เทวพันธ์อึดอัดขัดใจ ธราธรปลอบใจเกษรา
“น้องเกษค่อยๆสงบสติอารมณ์ก่อนนะครับ มีอะไรเราค่อยๆพูดกันได้”
“เกษคิดทบทวน ใคร่ครวญหลายหนแล้ว และเกษก็ตอบตัวเองได้ว่า...น้องปรางคือคนที่พี่ชายใหญ่สมควรจะช่วยกู้ชื่อเสียง ไม่ใช่เกษ พี่ชายใหญ่ไม่มีวันรักเกษได้อย่างที่พี่ชายใหญ่รักน้องปราง และเกษก็ไม่มีวันที่จะรักพี่ชายใหญ่ได้เหมือนน้องปรางเช่นกัน”
เกษราพูดด้วยความหนักแน่น ธราธรฟังด้วยใจเต้นระทึก
“เกษทำไม่ได้..เกษพรากความรักของทั้งสองคนจากกันไม่ได้..เกษทำไม่ได้จริงๆ”
เทวพันธ์โมโหมากขึ้น
“บ้าไปแล้ว ถ้าคุณชายใหญ่รับผิดชอบเด็กนั่น แล้วใครจะมารับผิดชอบชื่อเสียงของแกหะ”
ทันใดนั้นเสียงชินกรก็ดังแหวกอากาศมา
“ผมรับผิดชอบเองครับ”
ทุกคนหันหน้าไปทางชินกรที่ลุกขึ้นยืนด้วยสง่างาม
“ผมคือผู้ชายที่หลงป่าอยู่กับคุณเกษ ไม่ใช่คุณชายใหญ่ ผมขอรับผิดชอบทั้งหมดเอง”
เกษรายิ้มให้ ชินกรยิ้มตอบอย่างมีความสุข
“ผมจะส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอคุณเกษให้สมฐานะ และขอเป็นผู้ดูแลคุณเกษเองนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป”
สองคนมองหน้ากัน เกษราซาบซึ้งใจน้ำตาซึม ธราธรมองชินกรและมองเกษราเห็นความรักในแววตาของทั้งสองคนก็ยิ้มอย่างโล่งอก
“แล้วหนูเกษ ยินดีจะแต่งงานกับอาจารย์ชินกรหรือเปล่าลูก”
หม่อมเอียดถาม เกษรามองแล้วยิ้ม
“ยินดีค่ะ เกษยินดีจะแต่งงานกับคุณชินกรด้วยความเต็มใจ”
แขกในงานอึ้งหือกันไป เทวพันธ์กุมขมับ มารตีกับวิไลรัมภายิ้มกว้าง โสภิตา ดาราฉายยิ้มตื่นเต้น เกษรารีบหันมาทางธราธร
“พี่ชายใหญ่คะ..น้องปรางไม่ได้รักพี่ชายใหญ่เหมือนพี่ชาย แต่เธอเสียสละเพื่อเราสองคน พี่ชายใหญ่อย่าปล่อยให้เธอหลุดมือไปนะคะ น้องปรางกำลังจะขึ้นเครื่องนะคะพี่ชายใหญ่ แหวนวงนี้...”
เกษราส่งแหวนในกล่องให้
“ควรจะอยู่กับผู้หญิงที่คู่ควรกับมันค่ะ”
ธราธรรับมา
“ขอบใจมาก”
ปวรรุจรีบยื่นหน้ามา
“รีบไปเถอะครับพี่ชายใหญ่ เดี๋ยวไม่ทัน”
ธราธรพยักหน้าแล้วรีบลุกขึ้น คุณชายทั้งสี่ลุกตาม ย่าอ่อนรีบถาม
“จะรีบไปไหนกัน”
ธราธรตอบหนักแน่น
“ผมจะรีบไปหาน้องมะปราง”
“เราต้องรีบไปให้ทันก่อนน้องปรางจะขึ้นเครื่อง” รัชชานนท์บอก
รณพีร์เสริมทันที
“ไม่อย่างนั้น...ย่าอ่อนจะไม่ได้น้องปรางมาเป็นสะใภ้ใหญ่นะครับ”
ย่าอ่อนลืมตัว
“งั้นก็รีบๆไปสิ เดี๋ยวก็ไม่ทันกันพอดี”

“ครับ” หนุ่มๆรับคำ

หม่อมเอียดบ่นเบาๆ


“เฮ่อ แล้วทำไมไม่บอกความจริงกับย่าตั้งแต่แรก จะได้สู่ขอให้ถูกคน”
“ผมต้องกราบขอโทษหม่อมย่าด้วยครับ”
ธราธรยกมือไหว้ และหันมาทางแขก
“ผมต้องกราบขอโทษทุกท่านด้วยนะครับ งานหน้ารับรองว่าไม่เป็นแบบนี้แน่ ขอบคุณครับ”
ธราธรยิ้มๆ แล้วคุณชายทั้งห้าก็รีบออกไปจากงาน ทิ้งให้แขกงุนงงกันไป เทวพันธ์โวยวายตามหลัง
“ไม่ได้นะ..จู่ๆ งานจะถูกยกเลิกแบบนี้ไม่ได้ ลูกสาวของผมเสียหาย คุณชายใหญ่..คุณชายใหญ่”
ย่าอ่อนปราม
“ใจเย็นๆเถอะค่ะคุณชาย ลูกสาวคุณชายยังเหลืออีกตั้ง 2 คน หลานชายฉันก็เหลืออีกตั้ง 4 คงจะมีใครสักคนได้แต่งกันสักคู่ ส่วนชายใหญ่กับหนูเกษเขาตัดสินใจกันแล้ว อย่าไปบังคับเขาเลย”
มารตีรีบแทรก
“คุณพ่ออย่าโกรธพี่เกษเลยนะคะ คุณพ่อยังมีเราสองคนนะคะ”
วิไลรัมภาอ้อน
“ใช่ค่ะ รัมภาจะไม่ทำให้คุณพ่อผิดหวังแน่ๆค่ะ”
มารตีกับวิไลรัมภาพยายามปลอบใจ จนเทวพันธ์เย็นลง แล้วก็หันขวับมาทางชินกร ที่ส่งสายตาหวานเชื่อมให้เกษรา เหมือนโลกนี้มีเราเพียงสองคน
“คุณจะต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด และผมจะไม่ยอมลดสินสอดทองหมั้นแม้แต่สตางค์เดียว”
“ครับ ผมจะจัดมาให้สมน้ำสมเนื้อ ไม่ให้น้อยหน้าใครเลยครับ คุณพ่อ”
ชินกรทิ้งท้ายอย่างมีความสุข และหันมามองหน้าเกษรา สองคนยิ้มให้กันอย่างสุขใจ

หน้าวังเทวพรหม...รถของธราธรขับออกมาอย่างเร็ว รณพีร์เป็นคนขับ รัชชานนท์นั่งหน้า ด้านหลังเป็นปวรรุจ ธราธร และ พุฒิภัทรนั่งเรียงกัน
“เพื่อพี่ชายใหญ่ ผมต้องเร่งให้เร็วกว่านี้”
รณพีร์เร่งเครื่องอย่างเร็ว
“เฮ้ย”
เหล่าคุณชายร้องกันอี้อึง ธราธร...ลุ้น..ในมือถือกล่องแหวนไว้แน่น

ขณะที่รถอาทิตยรังสีแล่นอยู่ ทันใดนั้นรถของธราธรก็แล่นมาปาดหน้า อาทิตยรังสีเบรกเอี้ยดดด ธราธรกระโดดลงจากรถอย่างเร็ว ในมือถือกล่องแหวนไว้แน่น วิ่งมาหาระพีรำไพ
“น้องปราง”
ระวีระไพนั่งอยู่ในรถ เงยหน้าขึ้นมองต้นเสียงเห็นธราธรวิ่งมาหา
“พี่ชายใหญ่”
อาทิตยรังสี และ กัลยาหันไปเห็นเหมือนกัน สองคนยิ้มๆ อย่างรู้ทัน
“เรายังพอมีเวลา...ถ้าลูกต้องการ”
ระวีรำไพแล้วก็ตัดสินใจเปิดประตูรถลงไป ธราธรเห็นระวีรำไพลงจากรถมา ก็ยิ้มกว้างรีบวิ่งไปหาทันที
“น้องปราง...”
“พี่ชายใหญ่มาที่นี่ได้ยังไงคะ แล้วพี่เกษ...”
“น้องเกษยกเลิกงานทั้งหมด เธอบอกว่าแต่งงานกับพี่ไม่ได้ เพราะเธอไม่ได้รักพี่ และเธอยินดีจะแต่งงานกับอาจารย์ชินกร สองคนนั้นคงจะมีข่าวดีเร็วๆนี้ พอน้องเกษประกาศแบบนั้น พี่ก็เลยบอกหม่อมย่าว่าพี่จะรีบมาหามะปรางเพื่อขอหมั้น ก่อนที่ปรางจะเดินทางไปอังกฤษ”
“ขอหมั้น...”
“ใช่ครับ..หมั้นไว้ก่อน น้องปรางพร้อมเราค่อยแต่งงานกัน...”
ระวีรำไพถึงกับน้ำตาร่วง
“พี่รู้แล้วว่าที่น้องปรางไม่ได้รักพี่แบบพี่ชาย...แต่หัวใจของเราตรงกัน...พี่รักน้องปรางมากเหลือเกิน รักจนไม่สามารถจะรักคนอื่นได้อีก ตั้งแต่เล็กจนโต ในหัวใจพี่มีแต่น้องปราง”
ระวีรำไพน้ำตาไหลพราก อาทิตยรังสีและกัลยาค่อยๆลงจากรถ สี่คุณชายเฝ้ามองลุ้นๆ อย่างตื่นเต้น
“น้องปรางจะให้เกียรติแต่งงานกับพี่ได้มั้ยครับ”
ระวีรำไพเช็ดน้ำตา
“ค่ะ...ปรางจะแต่งงานกับพี่ชายใหญ่ค่ะ”
ธราธรดีใจ รีบหยิบแหวนออกมา
“แหวนวงนี้เป็นแหวนแต่งงานของคุณแม่ พี่ขอใช้เป็นแหวนหมั้นแทนใจของพี่”
ธราธรบรรจงสวมแหวนอย่างนุ่มนวล คุณชายทั้งสี่ยืนปรบมือ กัลยามองน้ำตาซึมๆ อาทิตยรังสียิ้มนิดๆ
“น้องปรางเรียนจบกลับมา พี่จะรีบไปสู่ขอและจัดงานแต่งงานทันที”ธราธรให้คำมั่นสัญญา
“ค่ะพี่ชายใหญ่”
“สัญญานะว่าจะคิดถึงพี่ และเขียนจดหมายถึงพี่ทุกอาทิตย์”
“ค่ะ ปรางจะเขียนจดหมายรายงานความเคลื่อนไหวทุกอย่าง และพี่ชายใหญ่อยู่ทางนี้ ห้ามมีผู้หญิงอื่น และต้องเขียนจดหมายตอบปรางทุกฉบับ”
“ครับผม”
ธราธรรับคำและมองระวีรำไพด้วยความรัก
“อย่าลืมนะครับ วันที่น้องปรางกลับมาประเทศไทยคือวันที่เราจะได้แต่งงานกัน ไม่ว่านานแค่ไหน พี่ก็จะรอ เราจะจากกันเพื่ออนาคต จากวันนี้ เพื่อความรักของเรา...ชั่วนิรันดร์”
“ค่ะ..เพื่อความรักของเรา...ชั่วนิรันดร์”

ระวีรำไพยิ้มรับ ธราธรค่อยเลื่อนมือที่สวมแหวนหมั้นขึ้นมาและจุมพิตเบาๆ ท่ามกลางเสียงตบมือของสี่หนุ่ม และแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักของ อาทิตยรังสี และกัลยา

 
หลายวันต่อมา...

ธราธรนั่งเขียนจดหมายอยู่ในห้องทำงาน

“น้องปรางที่รักของพี่...เป็นอย่างไรบ้าง เริ่มปรับตัวได้หรือยัง...พี่ได้รับมอบหมายจากคุณอาให้ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองน้องปรางแทนท่าน พี่กำลังหาเที่ยวบินที่เร็วที่สุด เดินทางไปหาน้องปรางที่ลอนดอน เพื่อจัดการเรื่องการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย ถ้าได้ตั๋วแล้วพี่จะรีบแจ้งให้ทราบทันที...เมื่ออาทิตย์ก่อน...อาจารย์ชินกรได้พาท่านรัฐมนตรีไปสู่ขอน้องเกษ สินสอดมากกว่าที่ทางหม่อมย่าของพี่จัดให้เสียอีก ก็นั่นเขาเป็นถึงลูกชายร้านทองใหญ่ จะให้สินสอดน้อยหน้าได้ที่ไหน....”

อาทิตย์ที่ผ่านมา...สินสอดทองหมั้นมากมายมหาศาล วางเรียงรายอยู่ในงาน เกษรากับชินกรนั่งคู่กัน ธราธรและน้องชายทั้งสี่ไปนั่งเป็นแขกแทน หม่อมเอียด ย่าอ่อน นั่งรวมอยู่ด้วย เทวพันธ์นั่งหน้าบานอยู่ในตำแหน่งเดิม ข้างๆอาม๊า อาป๊า นั่งยิ้มหน้าแป้น บรรยากาศชื่นมื่นสุดๆเกษรากับชินกรหันมายิ้มให้ธราธรอย่างมีความสุข ธราธรยิ้มรับอย่างยินดีด้วย

ธราธรเขียนเล่าต่อไปว่า...
“คุณลุงเทวพันธ์ค่อยยิ้มออก เห็นว่าจะมีบริษัทอสังหาริมทรัพย์ก็คงจะได้ทุนไปก้อนหนึ่ง ส่วนคู่หมั้นหนุ่มสาวก็ยิ้มหน้าบานกันทีเดียว พี่ดีใจที่ได้เห็นแววตาสดใสของน้องเกษ และพี่ก็เชื่อว่า..น้องเกษตัดสินใจถูกต้องแล้วที่เลือกอาจารย์ชินกร ทั้งสองคนเข้าอกเข้าใจกันดี เธอยังฝากแสดงความยินดีมาด้วยที่เราหมั้นกัน ทั้งบอกว่าจะเขียนจดหมายไปถึงน้องอีกด้วย พี่ให้พี่อยู่เธอไป อีกไม่นานคงจะมีจดหมายจากน้องเกษไปถึงอังกฤษเช่นกัน

อีกหนึ่งข่าว..ที่น่าเศร้า ตำรวจตรวจค้นโกดังที่ท่าเรือพบวัตถุโบราณจำนวนมาก รวมทั้งเศียรพระพุทธรูปหลายชิ้นเตรียมส่งออก ทางตำรวจจึงอายัดเอาไว้ เป็นขบวนการข้ามชาติอีกตามเคย แต่เราก็จับใครไม่ได้...พี่ กับ คุณอา และอ่อนศรี ปรึกษากันในปัญหานี้ และเราเห็นตรงกันว่า คนที่จะช่วยเรารักษาวัตถุโบราณไว้ได้ก็คือชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ เราจะต้องทำให้ชาวบ้านรู้ถึงคุณค่าของสิ่งวัตถุโบราณเหล่านั้น พวกเราจัดโครงการให้ความรู้กับชาวบ้าน และเด็กๆ ที่อยู่ในพื้นที่ เมื่อทุกคนรู้คุณค่าของสิ่งที่มีอยู่ เชาจะหวงแหนและช่วยกันรักษา ไม่ขายมันให้กับคนอื่น พี่พร่ำบ่นเรื่องน่าเบื่อมานาน หวังว่าน้องปรางจะเข้าใจ น้องปรางกำลังหมั้นอยู่กับนักโบราณคดี ดังนั้นอะไรที่เกี่ยวข้องกับสมบัติของชาติ มันก็คืองานของพี่ ซึ่งน้องปรางจะต้องได้ยินไปอีกนาน ก็คงจะตราบชั่วชีวิตของเรา

พี่ขอจบจดหมายแต่เพียงเท่านี้ พี่ขอฝากความรักและคิดถึงไปพร้อมกับจดหมายฉบับนี้ ไม่มีวินาทีไหนที่พี่จะไม่คิดถึงน้องปรางทั้งยามหลับและยามตื่น น้องปรางจะอยู่ในหัวใจพี่เสมอ รักและคิดถึงสุดที่รักของพี่ชายใหญ่...ธราธร จุฑาเทพ”

ธราธรลงชื่อ และเงยหน้ามองรูประวีรำไพ ยิ้มอย่างมีความสุขแม้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็เหมือนอยู่ด้วยกันเสมอ

อยู่มาวันหนึ่ง เอกสารจดหมายราชการอยู่ในมือของปวรรุจที่อ่านอย่างตั้งใจ และเล่าให้พี่และน้องๆ ฟัง รณพีร์ถามด้วยความตื่นเต้น

“พี่ชายรุจต้องไปสวิสเหรอครับ”
ปวรรุจตอบยิ้มๆ
“ใช่...หัวหน้ามอบหมายงานมาได้เกือบปีแล้ว แต่ทางโน้นเพิ่งจะตอบรับ และพี่ถูกส่งไปร่วมการประชุมว่าด้วยเรื่องกฎหมายทางทะเลที่กรุงเจนีวา เป็นการประชุมที่ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ยังไม่เคยมีมาก่อน”
พุฒิภัทรฟังปลื้มๆ
“ยินดีด้วยนะชายรุจ งานใหญ่แบบนี้มีโอกาสได้เลื่อนขั้นแน่”
ปวรรุจยิ้มรับถ่อมตัว
“แล้วนี่จะข้ามไปเยี่ยมคุณวาดดาวที่อังกฤษหรือเปล่า” ธราธรถาม
ปวรรุจหน้าเศร้าลง
“นั่นสิครับ ผมได้ข่าวจากเพื่อนๆที่โน่นว่าเธอยังอยู่ในลอนดอน” รัชชานนท์บอก
“คงไม่ได้ไป...”
ทุกคนแปลกใจ
“ทำไม”
ปวรรุจมองหน้าทุกคน
“ความจริงแล้ว...วาดดาวเธอเขียนจดหมายมาตัดสัมพันธ์ผมไปได้ราวปีกว่าแล้วครับ เราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว...”

ทุกคนตกใจ ปวรรุจเศร้าใจ ธราธรเดินเข้ามาตบไหล่ให้กำลังใจ ปวรรุจคิดถึงวาดดาว และเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
 

อวสาน 


โปรดติดตาม สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอนต่อไป "คุณชายปวรรุจ"
กำลังโหลดความคิดเห็น