เสือสมิง ตอนที่ 10
เสี่ยรงค์คุยอยู่กับศักดาที่ปางไม้ เบิ้มอยู่ไม่ห่างนัก
“เสี่ยนี่แน่จริงๆ ป่านนี้เสือทศคงส่งหมวดสมรักษ์ไปทัวร์นรกแล้ว”
“ฉันต้องตัดสินใจเด็ดขาด...นิ้วไหนที่พูดไม่ฟังก็ต้องตัดทิ้งไป...ถามจริงๆเถอะผู้กอง ผู้กองไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือที่ผมสั่งฆ่าลูกน้อง”
ศักดาไม่แยแส
“จะต้องไปสนมันทำไมเสี่ย ผมก็คิดเหมือนเสี่ยนั่นแหละ ใครขวางก็เขี่ยทิ้ง”
เสี่ยรงค์พยักหน้ารับรู้ในนิสัยของศักดา เสือทศกับเสือเรืองและเสือชินเดินเข้ามา เสี่ยรงค์หันไปถาม
“เรียบร้อยใช่ไหม”
เสือทศอ้อมแอ้ม
“ก็ประมาณนั้น”
เสือทศตอบแบบไม่มั่นใจเสี่ยรงค์สงสัย
“หมายความว่ายังไง”
“ก็มันอาจจะตกหน้าผาตายไปแล้ว”
“แล้วศพล่ะ”
“ใครจะลงไปดูล่ะ...หน้าผาทั้งชันทั้งลึก”
ขณะเดียวกันมีวิทยุเข้ามาหาศักดา เขาเดินเลี่ยงออกไปคุย เสี่ยรงค์ไม่มั่นใจว่าสมรักษ์จะตกหน้าผาตาย
“อย่างนั้นฉันถือว่ามันยังไม่ตาย”
เสือทศกำลังจะแก้ตัวโต้ตอบ ศักดาแทรกเข้ามา
“เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงกัน ผมมีทางออกแล้ว”
เสี่ยรงค์และเสือทศหยุดแล้วมองหน้าศักดาอย่างมีคำถาม
จ่าชิตกับตำรวจสองสามนายมาตรวจที่เกิดเหตุตรงที่เสือทศซุ่มยิ่งสมรักษ์ มีตำรวจสองนายเสียชีวิต
ตำรวจนายหนึ่งสงสัย
“นี่มันยังไงกันเนี่ยจ่า”
“ดูจากรถและรอยระเบิดแล้ว หมวดอาจถูกซุ่มโจมตี”
“ใครกันนะ...หรือว่าจะเป็นเสือใจ”
จ่าชิตไม่เชื่อว่าจะเป็นเสือใจ ศักดาขับรถเข้ามาจอดแล้วรีบลงมาดู
“เกิดอะไรขึ้น...ฝีมือใคร”
จ่าชิตหันมาบอก
“ก็อย่างที่เห็นแหละครับ...เรายังไม่รู้แน่ว่าเป็นใคร”
“แล้วหมวดสมรักษ์ล่ะ”
จ่าชิตหน้าเครียดเพราะไม่มีแม้แต่ศพของสมรักษ์
“หมวดไม่อยู่ที่นี่ครับ”
ศักดาโพล่งออกมาทันที
“เสือใจ...”
จ่าชิตคิดจะแก้ต่างให้แต่ต้องนิ่ง
“ต้องเป็นมันแน่ๆ...ทำไมหมวดสมรักษ์หายตัวไปหรือว่า...”
จ่าชิตแทรกขึ้น
“ถูกจับตัวไป”
“หรือไม่ก็...ต้องคบคิดกับเสือใจ”
จ่าชิตตะลึงไม่คิดว่าศักดาจะคิดแบบนี้
“จัดกำลังตามหาหมวดสมรักษ์ คงต้องมาสอบสวนกันหน่อยแล้ว”
ศักดาโมเมไปเป็นเรื่องเป็นราว จ่าชิตรู้ทันแต่ทำอะไรไม่ได้
ภายในโบสถ์...มีการจัดโต๊ะอาหารไว้ต้อนรับกลุ่มของภราดรอย่างเต็มที่ สาวชาวกระเหรี่ยงสองคนกับจอบิช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร กินรี มะค่าและประเดิม เดินเข้ามาจะช่วย
“มาจ้ะ...ฉันช่วย”
ทุกคนกำลังจะช่วยจัดโต๊ะ แต่บาทหลวงเดินเข้ามาห้ามไว้
“ไม่เป็นไรหรอก ปล่อยเป็นหน้าที่ของพวกเขาเถอะ เชิญพวกลูกๆนั่งกันให้สบายเถิด”
ระหว่างนั้นกินรีสังเกตว่าบาทหลวงมองเธออย่างพินิจอยู่นานจึงแปลกใจ จนเธอรู้สึกอึดอัด
“มีอะไรหรือคะคุณพ่อ”
“ไม่มีอะไรหรอกลูก เพียงแต่ลูกมีใบหน้าคล้ายกับคนที่พ่อเคยรู้จักน่ะ...ไม่มีอะไรหรอก”
กินรียิ้มให้ตามมรรยาทแล้วรู้สึกดีขึ้น จอบิยิ้มให้ทุกคนแบบ เชื้อเชิญ
“เชิญครับ อาหารเรียบร้อยแล้ว”
บาทหลวงหันมาบอกทุกคน
“นั่งเถอะ”
ทุกคนนั่งลง กินรีนั่งเป็นคนสุดท้าย ระรินเสียงแหวเข้ามา
“ใครใช้ให้พวกแกมาร่วมโต๊ะกับเรา”
ระรินกับภราดรเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ กินรีหน้าเสียทำท่าจะลุก บาทหลวงแย้งด้วยเมตตา
“ที่นี่เราไม่แบ่งชนชั้นนะลูก ทุกคนเสมอเท่าเทียมกันหมด นั่งรับประทานอาหารด้วยกันนี่แหละ...ทุกคน”
บาทหลวงมองตาปราดไป ในใจรู้ว่าใครดีใครร้าย ทุกคนเริ่มรับประทานอาหาร บาทหลวงหันมาถามภราดร
“ที่ตลาดเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ”
ระรินสะอึกเล็กน้อย ภราดรหน้าเสียหน่อยๆเมื่อนึกถึงเรื่องที่ระรินทำขายหน้า มะค่ายิ้มๆ
“ก็ดีครับ ผมไม่นึกว่าตลาดชายแดนจะใหญ่ขนาดนี้”
“ที่นี่เป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนสินค้าของพวกชาวไทย พม่าและชนกลุ่มน้อยต่างๆ แต่ละวันมีผู้คนไปมาเยอะแยะไปหมด และนี่ก็คือเหตุผลที่เราขอให้หมอมาที่นี่”
ระรินสงสัย
“มีอะไรหรือคะ”
“ก็เชื้อโรคระบาดต่างๆก็จะติดมากับคนเดินทางไง ตอนนี้มีไข้หวัดใหญ่กับอหิวาตกโรค”
“ผมพอจะเข้าใจครับ...เรื่องนี้คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงพรุ่งนี้เราจะเริ่มงานกันแต่เช้าเลย”
บาทหลวงยิ้มพอใจ
“ขอบใจมากนะ จอบิเขากระจายข่าวไปแล้วล่ะ...มา...ทานอาหารกันเถอะ...อ้อ...ตอนกลางคืนถ้าไม่จำเป็นก็อย่าออกมาข้างนอกนะ”
ประเดิมแปลกใจ
“ทำไมหรือครับ”
จอบิตอบแทน
“เอ่อ...คนมากมาย เราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร...ผมไม่ได้ว่าพวกเขาไม่ดีนะ แต่เรากันไว้ก่อนดีกว่า โดยเฉพาะผู้หญิง”
ทั้งหมดลงมือทานอาหาร ระรินเอาใจภราดรจนออกนอกหน้า กินรีก้มหน้าน้อยใจ
จ่าชิตเป็นหัวหน้า ติดตามหมวดสมรักษ์มาสอบปากคำกับตำรวจ 4 – 5 นาย จ่าชิตบ่นอย่างเซ็งๆ
“เฮ้อ...อยู่ดีๆหมวดก็มาเป็นผู้ต้องสงสัยซะงั้น”
“แหม...มันก็น่าสงสัยอยู่นี่จ่า คนอื่นตายหมด มีหมวดรอดอยู่คนเดียว ตามระเบียบมันก็ต้องสอบสวนอยู่แล้ว ยิ่งมีข่าวว่าคบคิดกับเสือใจก็ยิ่งไปกันใหญ่”
จ่าชิตส่ายหน้า
“ผู้กองแกคิดได้ยังไงนะ...ตลก...หมวดสมรักษ์ไปเข้าพวกเสือใจ...ประสาทกันไปใหญ่แล้ว”
จ่าชิตสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เขาหยิบมาดู
“เอ๊ะนี่...ปลอกกระสุน ของหมวดสมรักษ์นี่”
ทุกคนมารุมดูเห็นพ้องกันว่าใช่
“ใช่จริงๆด้วย”
“ไปดูรอบๆซิ”
ตำรวจสองสามนายแยกออกไปดูรอบๆ จ่าชิตมองไปรอบๆแล้วสรุป
“ต้องมีคนไล่ล่าหมวดมาทางนี้ แล้วหมวดก็เปลี่ยนกระสุนตรงนี้ แล้วน่าจะวิ่งต่อไปทางโน้น”
ตำรวจที่แยกไปรีบวิ่งกลับมา แล้วส่งปลอกกระสุนลูกซองให้จ่าชิต
“จ่า...ปลอกกระสุนครับ”
จ่าชิตรับมาดู ตำรวจเข้าใจ
“จริงของจ่า...หมวดถูกไล่ล่าจริงๆด้วย”
ทั้งคู่มองหน้ากันจ่าชิตเป็นกังวลในใจห่วงสมรักษ์
สมรักษ์เดินเกาะมาตามลำธารที่ทอดยาวดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด และก็ไม่เจอบ้านคนสักหลัง เขาทรุดนั่งด้วยความเหนื่อยอ่อน
“เฮ้อ...จะมืดแล้วด้วย...คืนนี้นอนนี่ก็แล้วกัน”
สมรักษ์มองไปที่ขอบฟ้าเห็นพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เขาเริ่มเดินหาฟืนเพื่อก่อไฟ
ค่ำนั้น กินรีเก็บข้าวของในห้องพักให้เป็นระเบียบ มะค่าอาบน้ำเสร็จเดินสั่นๆเข้ามา
“ที่นี่หนาวจัง”
กินรีอธิบาย
“ที่นี่เป็นภูเขาสูงนี่ อากาศก็ต้องหนาวเป็นธรรมดา”
มะค่านั่งลงหวีผมแล้วเปลี่ยนเรื่อง
“วันนี้สะใจยายระรินจริงๆ...สงสัยไม่กล้าไปตลาดอีกนาน”
กินรีมองหน้า
“นี่อย่าบอกนะว่าฝีมือเธอ”
มะค่านั่งนิ่ง ประเดิมเดินเข้ามา
“ก็จะมีใครเสียอีกล่ะ”
กินรีเคืองๆ มะค่าก้มหน้า
“ก็มะค่าทนไม่ไหวนี้ เห็นใช้พี่กินรีอย่างคนใช้เลย หมอภราดรก็เป็นไปกับเขาด้วย”
“อย่าไปว่าคุณหมอเขาเลย ตอนนี้สติเขาไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว”
ประเดิมเห็นด้วย
“นั่นสิไม่รู้คุณหมอเป็นอะไร เหมือนเลือดจะไปลมจะมา”
กินรีหน้าเครียดแต่ไม่อยากบอกเรื่องเสน่ห์ให้ประเดิมรู้
“เอ่อ...ฉันว่าเดี๋ยวหมอคงดีขึ้นเองนั่นแหละ”
ขาดคำกินรีก็มีเสียงกรีดร้องของสัตว์กลางคืน แล้วมีเสียงตีปีกบินผ่านไป มะค่าตกใจ
“เสียงอะไรน่ะ...”
ทุกคนมองไปตามเสียงอย่างสงสัย
ระรินอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วบริกรรมคาถาที่ตุ๊กตาเสน่ห์ก่อนจะเก็บใส่ใต้หมอน ทันใดนั้นมีเสียงกรีดร้องของสัตว์ดังขึ้นและเสียงตีปีกบินผ่านไป ระรินตกใจหน้าซีด
“เอาอีกแล้ว...เสียงอะไรเนี่ย...”
ระรินขาแข็งก้าวเดินไม่ถนัด
“มะ...หมอ...”
ระรินพยายามจะเรียกภราดรแต่เสียงไม่ออก แล้วถือตะเกียงเดินถอยหลังมาที่ประตูห้อง เธอชนกับอะไรบางอย่างอย่างจัง แล้วหันไปมอง ก่อนจะตะโกนลั่น
“ผะ...ผะ...ผีหลอก...”
สาวชาวกระเหรี่ยงถือผ้าห่มอยู่ในมุมมืด จึงดูเหมือนผีดูน่ากลัวรีบบอก
“ไม่ใช่ผี...ฉันเอง...คุณพ่อให้เอาผ้าห่มมาให้”
ระรินลืมตาแล้วเห็นสาวกระเหรี่ยง ภราดรได้ยินเสียงรีบตรงเข้ามา
“มีอะไรกันครับ”
สาวกระเหรี่ยงเน้นน้ำเสียงดูน่ากลัว
“ก็นายผู้หญิงนี่สิ...อยู่ดีๆก็เห็นฉันเป็นผี...ไม่เอาละ...ไปดีกว่า”
สาวกระเหรี่ยงยัดผ้าห่มใสมือระรินแล้วจากไปอย่างฉุนเฉียว ระรินหน้าเสีย
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ปะ...ปะ...เปล่าค่ะ...หมอได้ยินเสียงอะไรแปลกๆหรือเปล่าล่ะ”
ภราดรพยักหน้ารับช้าๆ
“ที่นี่ดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้”
“คิดมากน่า เข้านอนเถอะ...นะครับ”
ระรินพยักหน้ารับแล้วปิดประตูเดินไปนอนพลางบ่น
“เฮ้อ...ฉี่เกือบราด...นี่ดีนะที่เอายานอนหลับมาด้วย”
บาทหลวงนั่งคุกเข่าหันหลังให้ประตูทางเข้า เบื้องหน้าบาทหลวงเป็นแท่นบูชาและไม้กางเขน จอบิกับสาวกระเหรี่ยงสองคนเดินเข้ามายืนด้านหลัง
“พวกนั้นเป็นยังไงบ้าง” บาทหลวงสอบถามโดยไม่หันหน้ามา
“ทุกคนอยู่ดีครับ...จะให้ทำยังไงต่อไปครับคุณพ่อ”
บาทหลวงเสียงเข้มอย่างน่ากลัว
“ยัง...เราต้องใช้พวกเขาดึงคนเข้ามาหาเรา...”
บาทหลวงลุกขึ้นแล้วหันหน้ามา แววตาสีแดงดูน่ากลัวใบหน้าเหมือนปีศาจ และมีเขี้ยวแบบแวมไพม์
“เราจะมีอาหารกินตลอดไป”
บาทหลวงแยกเขี้ยวอย่างน่ากลัว จอบิกับสาวกระเหรี่ยงสองคนก็แยกเขี้ยวและมีใบหน้าไม่ต่างกับบาทหลวงนัก ...ทั้งหมดคือแวมไพร์ ผีดูดเลือดนั่นเอง
จงใจช่วยหินกับแก้วเก็บของที่จำเป็น เตรียมเดินทาง
“แม่...พรุ่งนี้ฉันขอซื้อปืนนะ” หินหันไปบอกแวว
“ซื้อทำไม ปืนผาหน้าไม้ ที่ชุมเสือเรามีตั้งมากมาย”
หินงอน
“ก็ลุงเสือไม่ยอมให้ฉันสักทีนี่ อยากใช้ทีก็ต้องขโมยกันออกมา”
จงใจหันมาหาหิน
“พ่อเสือเขามีเหตุผลนะ หินยังอายุไม่ถึงที่จะใช้ปืน...แต่...”
“แต่อะไรพี่”
“ถ้าหินอยากได้จริงๆ พรุ่งนี้พี่จะหยิบของพ่อเสือมาให้สักกระบอกนึง”
หินดีใจ และมีความหวัง
“ไชโย...แหมพี่จงใจนี่น่ารักจริงๆ”
แก้วถอนใจ
“แหม...นึกว่าจะห้าม...กลับส่งเสริมกันซะนี่”
จงใจหันมาบอก
“เวลาเดินทาง มีติดตัวบ้างก็ดีนะน้า”
แววเห็นด้วยแล้วไม่ว่าอะไร
“ตามใจละกัน แต่อย่างไปหาเรื่องเดือดร้อนกันล่ะ”
จงใจพยักหน้ารับปาก
“จ้ะ...แล้วพรุ่งนี้น้าแววไม่ไปด้วยจริงๆหรือ”
“ไม่ล่ะ น้ามีอะไรต้องทำอีกหลายอย่าง ทั้งดองผัก ทำปลาแห้ง โอ๊ย...เยอะแยะ...ไป...ไป...ดึกแล้วเข้านอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า”
“จ้ะ...”
จงใจ หิน แก้วเข้ามุ้งนอน แววทำงานพับผ้าเก็บของต่อ
เสือใจนั่งดื่มเหล้าที่ต้มเองบนแคร่หน้าบ้าน เสือเข้มกับเสือดำนั่งดื่มด้วยทั้งหมดคุยเรื่องพรุ่งนี้
“พรุ่งนี้ดูให้ดีล่ะ เดินทางก็ระมัดระวังกันหน่อย”
เสือเข้มรับคำ
“ครับ...พ่อเสือ...พ่อเสือจะให้ฉันซื้ออะไรเป็นพิเศษไหม”
“ถ้ามีเงินเหลือก็ซื้อกระสุนปืนมาเก็บไว้บ้าง”
เสือดำและเสือเข้มแปลกใจ
“กระสุนหรือ...พ่อเสือจะออกปล้นแล้วหรือ”
“เปล่า...ข้าแค่อยากมีสำรองเอาไว้”
การสนทนายังไม่ทันจะจบ เสือทศ เสือเรืองและเสือชินก็เดินเข้ามา
“จงใจล่ะพ่อเสือ”
“นอนอยู่บ้านแววโน่น นั่งก่อนสิ”
เสือทศทรุดลงนั่ง ลูกน้องที่ตามมาก็นั่งด้วย
“เห็นว่าพรุ่งนี้จะเอาของไปขายกันหรือ จงใจไปด้วยใช่ไหม...ให้ฉันไปด้วยนะพ่อเสือ”
“เอ็งจะไปทำไมวะ ปล่อยเด็กๆมันไปเถอะ พรุ่งนี้ข้ามีงานจะใช้เอ็งทำด้วย”
เสือทศรู้สึกไม่ค่อยพอใจ และรู้อยู่แก่ใจว่าเสือใจกันท่า เขาทำเฉยๆและยอมรับ
“ก็ได้พ่อ...”
เสือทศยกเหล้าดื่ม เสือใจมองเสือทศอย่างไม่ไว้ใจ
สมรักษ์ก่อกองไฟและย่างปลากินประทังชีวิต เขาปืนออกมา บรรจุกระสุน หกนัดสุดท้ายลงไป
แล้วเอนกายนอนมองท้องฟ้า ในใจคิดจะเดินไปตามลำน้ำต่อไปในวันพรุ่งนี้
เสือทศเมาเดินเซกลับมาที่กระท่อมด้วยความขุ่นข้องใจ เขาเตะกระชุที่ขวางหน้าอย่างอารมณ์เสีย แล้วทรุดนั่งลงบนแคร่
“โธ่เว้ย...ไอ้ชินไปเอาเหล้าข้างในมากินซิ”
เสือชินทำตามคำสั่ง เสือเรืองสอดเข้ามา
“อ้าว...ไหนบอกว่าไม่อยากกินเหล้าแล้วไง”
“นั่นมันเหล้าของพ่อเสือ นับวันข้ายิ่งกินของพ่อเสือไม่ลงเข้าทุกที เรื่องแค่นี้ต้องกันท่าข้ากับนังจงใจมันด้วย สงสัยมันอาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้”
เสือชินเอาเหล้าออกมา เสือเรืองตาโต
“ดีสิพี่ พวกเราจะได้ลืมตาอ้าปากสักที”
“ใจเย็น ข้าต้องค่อยๆซึม แต่เรื่องนึงที่ข้ารอไม่ได้คือ จงใจ...”
เสือทศกระดกเหล้าแล้วสั่งเสือชิน
“ไอ้ชิน พรุ่งนี้หัวรุ่งเอ็งรีบออกไปหาไอ้พวกว้าแดงแต่เช้า”
“มีอะไรหรือพี่”
เสือชินสงสัย เสือทศยิ้ม ในใจมีแผนบางอย่าง
เช้าวันใหม่...ที่ลานกว้างมีการตั้งเต็นท์สำหรับเตรียมตรวจรักษาพยาบาลชาวบ้าน ประเดิมกับภราดร และระรินกำลังจัดข้าวของ อีกมุมหนึ่งกินรีกำลังเตรียมอาหารเช้า กับมะค่า บาทหลวงและจอบิเดินมาหาภราดร
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณหมอ”
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“แหม...เตรียมกันตั้งแต่เช้าเลยนะครับ”
“ปกติเราก็ทำกันอย่างนี้อยู่แล้วครับ”
บาทหลวงมองระรินและประเดิม
“เมื่อคืนนอนหลับสบายไหมครับ”
ระรินแทรกเข้ามาทันที
“ไม่หรอกค่ะ...เมื่อคืนมีเสียงอะไรไม่รู้น่ากลัวจังเลย”
บาทหลวงกับจอบิมองหน้ากัน
“คงเป็นพวกสัตว์กลางคืนน่ะครับ แถวนี้มีสัตว์แปลกๆเยอะ ผมถึงบอกว่าอย่าออกไปไหนตอนกลางคืนไงครับ”
ทุกคนรับรู้บาทหลวงเดินไปทางกินรีที่กำลังเตรียมอาหาร
“ความจริงให้ทางโบสถ์เขาจัดให้ก็ได้นี่ลูก”
กินรียิ้ม
“ไม่เป็นไรค่ะ...ทางอนามัยจ้างพวกเรามาเราก็ต้องทำตามหน้าที่”
“มีอะไรขาดเหลือก็บอกได้นะ”
“ค่ะ”
บาทหลวงมองกินรีแบบไม่เต็มตาเท่าไหร่ รู้สึกเหมือนมีอำนาจบางอย่างในตัวหญิงสาว มะค่าหันมาถาม
“แถวนี้มีลำธารไหมจ๊ะ...เผื่อจะซักผ้า”
จอบิส่ายหน้าบอก
“ไม่มีหรอก แต่เรามีบ่อน้ำ อยู่ด้านหลังโบสถ์”
มะค่ารับรู้ กินรีสั่ง
“ไปเรียกคุณหมอมากินข้าวไป” กินรีหันมาชวนบาทหลวง “กินข้าวด้วยกันสิคะคุณพ่อ”
บาทหลวงยิ้มให้
“ไม่ล่ะขอบใจ พ่อเรียบร้อยแล้ว ขอตัวไปเตรียมรับชาวบ้านก่อนดีกว่า ตามสบายนะ”
มะค่าวิ่งไปตามภราดร บาทหลวงและจอบิเดินผ่านไปวูบหนึ่ง จอบิจ้องตากินรีอย่างบังเอิญ เขารู้สึกเหมือนมีอำนาจบางอย่างในแววตาขอดงเธอ เขารีบหลบตาและจากไปทันที
ขบวนเกวียนขนสินค้าที่เตรียมไปขายตั้งแถวเตรียมเดินทางเสือใจ แวว มายืนส่งและกำชับในการเดินทาง
“ดูแลให้ดีนะไอ้เข้ม ไอ้ดำ”
“ครับพ่อเสือ”
“จงใจ...อย่าซนล่ะ”
จงใจงอนๆ
“แหม...พ่อก็จงใจโตแล้วนะ”
แววกำชับ
“ดูแก้วกับไอ้หินมันด้วยล่ะ”
จงใจยิ้มรับ
“จ้ะ”
เสือใจตัดบท
“ไปได้แล้วเดี๋ยวจะสาย”
จงใจวิ่งไปขึ้นเกวียนคันหน้ากับหิน และแก้ว เสือเข้มขี่ม้าคุมหน้า เสือดำขี่ม้าคุมด้านหลัง เกวียนเคลื่อนที่ออกไป
จงใจเปิดห่อผ้าออกมามีปืนสั้นพร้อมกระสุนจำนวนหนึ่ง เธอยื่นให้หิน
“เอ้า...หิน ตามสัญญา”
หินรับมาอย่างดีใจ
“ขอบใจนะพี่...แหม...กำลังเหมาะมือเลย”
จงใจหยิบอีกกระบอกส่งให้แก้ว
“พี่เอามาเผื่อแก้วด้วยนะ เอ้า...”
“ขอบใจนะพี่”
หินจับปืนอย่างทะมัดทะแมง แก้วไม่ค่อยตื่นเต้นเรื่องปืนเท่าไหร่แต่ก็เก็บเอาไว้ในที่ๆพร้อมใช้งาน
ชาวบ้านมารับการรักษาและตรวจกันมากมายหลายชนเผ่า ภราดรเป็นหมอคนเดียวจึงไม่ค่อยจะทัน ระริน ประเดิม กินรี มาช่วยด้านหน้า มะค่าคอยเก็บพวกเศษผ้าเอาไปซัก ประเดิมหันมาถามกินรี
“คนมาเยอะจริงๆเลย ไหวไหมกินรี”
“ไหวสิ”
ระรินเหน็บแนมกินรีต่อหน้าภราดร
“แหม กินรีเธอน่ะเปิดรักษาแบบหมอผีของเธออีกแรงนะ”
ระรินหัวเราะ ภราดรเห็นด้วย
“นั่นสิ...จะได้เบาไปบ้าง คนเยอะจริงๆเลย”
ภราดรหัวเราะเยาะ กินรีตอบโต้
“นั่นสิ...ถ้าไม่ติดว่าไม่ได้เอาเครื่องเซ่นกับหน้ากากเจ้าแม่หน้าทองมานะฉันช่วยไปแล้ว ฉันเอาพวกนี้ไปเก็บก่อนนะเดี๋ยวจะเอายามาเพิ่ม”
กินรีเข้าไปในโบสถ์อย่างไม่สนใจ ประเดิมเดินตามไป ระรินหน้าชาแต่ทำอะไรไม่ได้แล้วมองตามไป บาทหลวงเดินเข้ามาดูแล้วบอกภราดร
“คนเยอะอย่างนี้ วันนี้จะตรวจหมดหรือหมอ”
“คงไม่หมดหรอกครับ มีหมอแค่คนเดียวเอง”
“พ่อก็ไม่คิดว่าคนจะมาเยอะขนาดนี้”
ระรินออกความเห็น
“คงต้องให้กลับไปก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ดีกว่าค่ะ”
“คงไม่ได้หรอกลูก พวกนี้มาไกลกันทั้งนั้น เอาอย่างนี้ พ่อจะให้คนที่ยังไม่ได้ตรวจพักที่นี่ก่อนก็แล้วกัน”
ภราดรเห็นดีด้วย
“ก็ดีเหมือนกันครับ”
บาทหลวงพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
กินรีเดินมาที่หน้าประตูโบสถ์ ประเดิมเดินตามมาเรียก
“กินรี...เดี๋ยวสิ”
“มีอะไรหรือพี่ประเดิม”
ประเดิมรู้สึกเห็นใจกินรี
“ก็เรื่องเมื่อกี้น่ะสิ...กินรีทนได้ยังไง เป็นพี่นะ...อึ๊ย...พ่อจะ...”
กินรียิ้มใจเย็น
“ช่างเขาเถอะพี่ประเดิม”
“ช่างไม่ได้หรอกกินรี ใครๆก็รู้ว่าหมอคิดกับกินรียังไง คุณระรินยังมาแย่งกันหน้าด้านๆ”
ทันใดนั้น ระรินแหวเข้ามาเธอฟังไม่ค่อยชัด
“อะไรนะประเดิม ใครแย่งอะไร ใครหน้าด้าน”
ประเดิมกลับตัวทันแล้วหลอกด่าระริน
“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณระริน ผมแค่พูดเรื่องคนหน้าด้านสันดานไพร่เที่ยวแต่อยากได้ของของคนอื่น บางคนนะพยายาม...” ประเดิมเสียงสูง “พยายาม ยิ่งเป็นเรื่องผู้ชายล่ะชอบนักเชียว”
ระรินมองไปที่กินรีแล้วคล้อยตามประเดิม
“ได้ยินแล้วใช่ไหม นังกินรี ขนาดประเดิมดูโง่ๆเซ่อๆยังมองออกเลย ฉันว่าเธอเลิกพยายามดีกว่า ยังไงหมอก็รักฉันอยู่ดี”
กินรีอมยิ้ม ไม่อยากต่อคำแล้วเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร
“อ้าว...กินรี ไปแล้วหรือ”
“ปล่อยมันไปเถอะ คนหน้าด้านก็เป็นแบบนี้แหละ”
ระรินเดินจากไป ประเดิมอมยิ้ม
“ใครโง่ ใครเซ่อกันแน่วะ...”
ประเดิมหัวเราะขำ
กินรีเข้าไปในโบสถ์ เธอมองไปรอบๆ ก่อนจะรู้สึกว่าที่นี่มันยังไงชอบกล ทันใดนั้นเธอได้ยินเสียงกุกกักออกมาจากห้องด้านหลังมันคล้ายกับคนเคาะอะไรสักอย่าง กินรีค่อยๆเดินไปดู เมื่อมาถึงหน้าห้องเสียงเคาะกลับเงียบไป กินรีสงสัยจะเอามือเอื้อมไปเปิด...ทันใดนั้นเสียงจอบิดังมาจากข้างหลังน้ำเสียงดุ
“ทำอะไรน่ะ”
กินรีสะดุ้งสุดตัว แล้วหันมามองเห็นเป็นจอบิจึงโล่งอก เธอถอนหายใจออกมา
“โธ่...จอบินั่นเอง...”
จอบิน้ำเสียงเป็นปกติ
“คุณจะทำอะไร”
“เอ่อ...ฉันได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากในห้องนี้”
“นั่นห้องของคุณพ่อ...ไม่มีใครอยู่ในนั้นหรอก ออกไปได้แล้วคุณพ่อไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามห้องของท่าน”
กินรีพยักหน้ารับเกรงๆแล้วเดินค้อมตัวออกไป จอบิมองตามด้วยแววตาปีศาจ
อ่านต่อเวลา 17.00น.
เสือสมิง ตอนที่ 10 (ต่อ)
ขบวนเกวียนของจงใจเคลื่อนขบวนมาตามทางราบเชิงเขา หินเริ่มบ่น
“เมื่อไหร่จะถึงเสียทีนี่นะ”
“ใจเย็นๆ...ก็อีกไกลพอดู”
“โห...ก้นฉันจะกลายเป็นหินอยู่แล้วเนี่ย”
แก้วนึกขัน
“แล้วใครใช้ให้มาล่ะ”
หินเงียบยอมรับสภาพ เสือเข้มหยุดม้าแล้วสั่ง
“พักกันตรงนี้ก่อน เอาน้ำให้วัวด้วย”
เสือเข้มชักม้ามาที่จงใจ
“พักวัวสักเดี๋ยวนะจงใจ”
“จ้ะ...”
ทุกคนต่างลงจากเกวียนแยกย้ายหาที่ร่ม
กองเกวียนยังคงพักเหนื่อยกันอยู่ จงใจ แก้วและหินนั่งพักใต้ต้นไม้ เสือเข้มและเสือดำกับคนอื่นๆต่างแยกไปทำธุระ บางคนเอาน้ำให้วัว บางคนจัดเก็บและมัดข้าวของ ทันใดนั้นลูกปืนลอยเปรี้ยงมาปะทะร่างของชาวชุมเสือคนหนึ่งกระเด็นตกเกวียนสิ้นใจทันที หินเห็นเหตุการณ์ก็ตะลึง
“น้า...”
ทุกคนตกใจที่ได้ยินเสียงปืน พวกว้าแดงกลุ่มใหญ่เผยตัวออกมาหัวหน้าว้าแดงประกาศก้อง
“ไอ้พวกกองเกวียน ฟังให้ดี ทิ้งของและผู้หญิงเอาไว้แล้วไสหัวไปซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเอ็ง”
ทุกคนที่กองเกวียนตกใจ เสือเข้มรีบดึงตัวจงใจ แก้วและหินมาหลบที่กำบัง เสือดำหันมาถามเสือเข้ม
“ใครวะ”
“ไม่รู้...เดินทางเส้นนี้มาจะสิบปียังไม่เคยเจอเลย”
จงใจร้อนใจ
“เอาไงดีล่ะพี่เข้ม”
เสือเข้มแววตากร้าว
“พี่คงไม่ปล่อยจงใจไว้หรอก”
เสือเข้าตะโกนก้อง
“แน่จริงก็เข้ามาเอาสิวะ...จัดไว้ให้แล้ว”
ขาดคำ เสือเข้มกับเสือดำก็ยิงปืนใส่พวกว้าแดงอย่างไม่กลัว หินควงปืนใจฮึกเหิม
“แหม...ได้ลองปืนใหม่พอดี มาเลย...”
แก้วเตือน
“ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะหิน”
หินวิ่งออกจากจงใจไปหาที่กำบังที่ห่างออกไปแล้วยิงต่อสู้ จงใจเป็นห่วง
“หิน...ระวังด้วย”
จงใจเอาปืนยาวมายิงต่อสู้เหมือนกัน แก้วใช้ปืนสั้นที่จงใจให้ยิงต่อสู้ พวกว้าแดงยิงตอบโต้อย่างไม่กลัวเกรง
สมรักษ์เดินมาตามป่าแล้วได้ยินเสียงปืน เขาหยุดฟังที่มาของมัน
“ยิงสนั่นกันแบบนี้คงไม่ใช่มาล่าสัตว์กันแน่...”
สมรักษ์รีบไปตามเสียงอย่างระวังตัว
การต่อสู้ระหว่างกลุ่มเสือเข้มกับกลุ่มว้าแดงยังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด พวกว้าแดงฮึกเหิม หัวหน้าประกาศกร้าว
“เอาผู้หญิงไว้ นอกนั้นยิงทิ้งให้หมด”
ฝ่ายเสือเข้มกำลังจะเสียเปรียบ ชาวบ้านชุมเสือถูกยิงตายไปอีกสองคน
“แบบนี้คงไม่ไหวแน่ว่ะ...ไอ้ดำ” เสือเข้มหันมาหาเสือดำ
“อย่างดีก็แค่ตายวะ”
เสือดำใจห้าวหาญ ยิงต่อสู้ต่อ เสือเข้มเคลื่อนตัวไปหาหิน
“ไอ้หิน แก้ว เอ็งพาจงใจหนีไปก่อน”
แก้วหน้าเครียด
“จะดีหรือพี่ แล้วพวกพี่ล่ะ”
“เอาเถอะน่า...พาจงใจไปก่อน”
“เอาก็เอา พี่เข้มระวังตัวด้วยนะ”
เสือเข้มพยักหน้ารับแล้วยิงตอบโต้ไป หินกับแก้วตัดสินใจแล้วเคลื่อนที่ไปหาจงใจ
“หนีก่อนเถอะพี่จงใจ” แก้วบอก
“แล้วของพวกนี้ล่ะ”
“ช่างมันเถอะ เดี๋ยวพี่เข้มเขาจัดการเองล่ะน่า...ไป...”
หินกับแก้วพาจงใจหนีเข้าป่าไป หัวหน้าว้าแดงเห็นจึงสั่งลูกน้อง
“เฮ้ยผู้หญิงหนีไปแล้ว ตามไปเร็ว ที่เหลือยิงกดหัวมันไว้ ฆ่าให้หมดทุกคน”
หัวหน้านำทีมลูกน้อง 3 คนค่อยๆเคลื่อนที่ตามหินกับจงใจไปอย่างระวัง เสือเข้มไม่รู้ตัว ลูกน้องที่เหลือยังคงยิงตอบโต้กับเสือเข้ม
หินกับแก้วพาจงใจว่างเข้าป่ามาอย่างร้อนรน หัวหน้ากับกลุ่มว้าแดงวิ่งตามมาห่างพอสมควร
“แย่แล้วพี่...มันตามมาแล้ว” หินรู้ตัว
จงใจหันไปมองแล้วรีบวิ่ง หัวหน้ามองเห็นหินกับจงใจ อยู่ไวๆ
“มันอยู่ทางนั้น...เร็ว”
ทั้งหมดตามหิน แก้ว และจงใจไป
เสือเข้มกับเสือดำยังคงยิงต่อสู้กับพวกว้าแดงที่เหลือประมาณ 6 คน ชาวชุมเสือคนสุดท้ายถูกยิงตาย เสือดำวิ่งเข้าไปดูถูกกระสุนเข้าที่ไหล่เต็มเปา
“โอ๊ย...ไอ้ระยำเอ๊ย”
เสือเข้มเห็นจึงรีบเข้าไปช่วยดึงเข้าที่กำบัง เขาสังเกตว่าคนฝ่ายโน้นน้อยลง
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ไม่เท่าไหร่”
“ทำไม พวกมันดูน้อยลงวะ”
เสือดำคิดได้
“หรือว่า...”
“จงใจ...ซวยแล้วมึง...รีบตามไปเร็ว”
ทั้งคู่กำลังจะออกไปจากที่นั่นแต่ถูกยิงกดหัวไว้ เสือเข้มโมโห
“โธ่โว้ย...”
พวกว้าแดงรุดเข้ามาเรื่อยๆอย่างไม่กลัวเกรง เสือดำกับเสือเข้มกำลังเสียเปรียบ ทันใดนั้นสมรักษ์ เข้ามาช่วยยิงพวกนั้นตายไปสองคน เสือเข้มแปลกใจ
“ไอ้หมวดหน้าจืด”
เสือดำมองอย่างคาดไม่ถึง
“มาได้ยังไงเนี่ย...”
สมรักษ์ยิ้มให้
“มาเมื่อชาติต้องการ”
เสือเข้มรีบบอก
“รีบไปช่วยจงใจก่อน...ทางโน้น”
สมรักษ์รู้ทันทีแล้วรีบออกไปด้วยสัญชาตญาณ เสือเข้มโล่งใจไปบ้างแล้วยิงต่อสู้กับพวกว้าแดงต่อไป
จงใจกับหิน และ แก้วยังคงหนีพวกว้าแดงอยู่ หินตัดสินใจยิงเข้าใส่พวกมันเพราะ มันใกล้เข้ามาทุกที แก้วจูงจงใจวิ่งหนีไป หัวหน้ากับลูกน้องว้าแดง หลบกระสุนเป็นพัลวัน
“เก่งนักหรือไอ้เปี๊ยก...”
หินกับจงใจลุกขึ้นวิ่งต่อ หัวหน้ายิงหินเข้าที่ขาล้มลง
“โอ้ย...”
จงใจตกใจ
“หิน...”
แก้วหน้าตื่น
“หิน”
“หนีไปพี่...ไม่ต้องห่วงฉัน ไป...”
จงใจกับแก้ววิ่งหนีไป หัวหน้าตามมาทันที่หิน
“เอ็งช่วยส่งมันไปหายมบาลที”
หัวหน้าวิ่งตามจงใจกับแก้วไป ลูกน้องคนหนึ่งเฝ้าหินเอาไว้ แล้วยกปืนกำลังจะเหนี่ยวไก ทันใดนั้นมีดสั้นลอยมาจากด้านหลังปักเข้าที่กลางหลังของมันขาดใจตายทันที เป็นสมรักษ์ที่ปามีดมา หินตะลึง
“หมวด”
แก้วพาจงใจวิ่งหนีเตลิดมาตามทางในป่าแล้วสะดุดล้มลงทั้งคู่ หัวหน้าและลูกน้องตามมาทันแล้วยืนล้อมจงใจเอาไว้ หัวหน้ายิ้มยียวน
“หมดแรงแล้วรึ...หน้าตาสะสวยอย่างนี้นี่เอง...”
“พวกแกจะทำอะไรฉัน”
“เดี๋ยวก็รู้...เอาตัวไป”
ลูกน้องสองคนหิ้วปีกจงใจลุกขึ้น จงใจสะบัดต่อสู้ดิ้นรนแต่สู้แรงสองคนนั่นไม่ได้ ส่วนแก้วหัวหน้าดึงขึ้นมาเองแววตาหื่น
“นังคนนี้ก็พอได้ ไม่มีในออเดอร์นี่หว่า...งั้นข้าจะเก็บเอ็งไว้ทำเมียละกัน”
แก้วด่า
“ไอ้บ้า...อย่านะ...”
ทั้งแก้วและจงใจต่างดิ้นรน ทันใดนั้นสมรักษ์ยิงหน้าไม้ที่คว้ามาจากหินใส่ลูกน้องเข้าทะลุลำคอจากข้างหลังสิ้นใจตายทันที ทุกคนหันไปมอง
“หมวด” จงใจอึ้ง
แก้วชะงัก
“หมวด...”
จงใจสะบัดตัววิ่งเข้ามาหาสมรักษ์ ลูกน้องยิงใส่จงใจด้วยสัญชาตญาณ เข้าที่ไหล่ด้านหลัง จงใจทรุดลง
สมรักษ์ตกใจสุดขีด แล้วยิงปืนใส่ลูกน้องคนนั้นเข้าที่อกขาดใจตายทันที
“จงใจ...”
หัวหน้าว้าแดงรีบยกปืนจะยิงสมรักษ์ แต่มีกระสุนปลิวมาเฉียดศีรษะมันไปนิดเดียว หัวหน้าหาที่หลบ
คนที่ยิงคือหินนั่นเอง หินยิงใส่หัวหน้าอย่างไม่หวั่นเกรง
“ออกมาสิวะ...มาเลย...”
สมรักษ์ช่วยหินยิง หัวหน้าเห็นท่าไม่ไหวจึงหนีไป สมรักษ์ปล่อยมันไปแล้วหันมาดูจงใจ
“ไม่ต้องตาม...หิน...จงใจ เป็นยังไงบ้าง”
แก้วรีบเข้ามาดู
“พี่จงใจ...”
จงใจเลือดออกมาก แข็งใจพูด
“หมวด...นึกว่าจงใจจะไม่ได้เจอหมวดแล้ว...”
“ไม่ต้องพูดแล้ว”
สมรักษ์ฉีกแขนเสื้อแล้วปิดที่ให้จงใจเอามือกดไว้
“เอามือกดตรงนี้เอาไว้” สมรักษ์หันไปบอกสองคน “ไปหิน...แก้ว...”
สมรักษ์อุ้มจงใจลุกไปที่กองเกวียน หินมัดแผลด้วยผ้าขาวม้าของเขาแล้วเดินกระเผกตามไปโดยมีแก้วช่วยประคอง
เสือเข้มกับเสือดำยิงต่อสู้กับพวกว้าแดงอยู่ พวกว้าแดงตายไปอีกคนหนึ่ง เสือดำถูกยิงบาดเจ็บ
“เป็นยังไงบ้างไอ้ดำ”เสือเข้มถามอย่างเป็นห่วง
“ยังไหวโว้ย...”
เสือดำเอาผ้าขาวม้ามัดแผลห้ามเลือด เสือเข้มมองไปข้างหน้าเห็นมีคนขี่ม้ามาหลาย
“แต่ข้าว่าอีกสักเดี๋ยว ก็คงจะไม่ไหวแล้วว่ะ” เสือเข้มหน้าตระหนก
เสือดำเงยหน้าขึ้นมองหน้าเครียด
“บรรลัยแล้ว เอาไงดีวะ”
“ถอยก่อน ขืนอยู่เสร็จแน่ ลูกปืนใกล้จะหมดแล้วด้วย”
“แล้วจงใจล่ะ”
“ไอ้หมวดนั่นฝีมือไม่เบา มันคงช่วยจงใจรอดได้ รีบไปเถอะ”
พวกว้าแดงยังคงยิงปืนใส่มาตลอด แต่เสือเข้มกับเสือดำใช้ความว่องไวดึงม้าขี่ออกไปได้อย่างปลอดภัย พวกว้าแดงเห็นทั้งหมดจึงขี่ม้าตามไป
“มันไปแล้ว ตามไปเร็ว...”
เสือใจเอาเขี้ยวเสือคล้องคอที่หน้าหิ้งบูชา แต่แล้วเขาทำเชือกที่ห้อยขาดเขี้ยวเสือตกลงพื้น เขาเก็บมันขึ้นมาหน้าตาไม่ค่อยสบายใจ แล้วออกมาถักเชือกใหม่ที่หน้าบ้าน แววเดินเข้ามาหาพร้อมกับเนื้อเค็มถุงใหญ่
“อ้าว...แววเอาอะไรมาน่ะ”
“เนื้อเค็ม วันก่อนพวกทิดมิ่ง ได้เก้งมาหลายตัวเลยทำเนื้อเค็มมาให้พี่เสือ”
เสือใจมองดูเนื้อเค็มรับรู้แล้วถักเชือกต่อไปหน้าไม่ดี แววสังเกตเห็น
“เป็นอะไรไปหรือพี่เสือ ดูสีหน้าไม่ดีเลย”
“ไม่รู้สิ อยู่เชือกที่ห้อยเขี้ยวเสือของฉันก็ขาด ฉันไม่ค่อยสบายใจเลย เป็นห่วงจงใจยังไงไม่รู้”
แววปลอบใจ
“โธ่ พี่เสือ นึกว่ามีอะไร...เชือกมันเก่าใช้งานมานานมีก็คงขาดตามสภาพนั่นแหละอย่าคิดมากเลย”
เสือใจรู้สึกดีขึ้นแต่ใจยังกังวล
สมรักษ์แบกจงใจมาตามทางกำลังตรงมาที่กองเกวียน ได้ยินเสียงปืนมาตลอดแล้วเงียบไป
“หยุดก่อนหิน...ทำไมเสียงปืนเงียบไป”สมรักษ์สงสัย
“หรือว่าพวกนั้น...เอ่อ...เสร็จพวกมันหมดแล้ว”
สมรักษ์กังวลและเครียด
“ระวังตัวด้วย”
หินพยักหน้ารับ แก้วระวังตัว จงใจท่าทางอ่อนแรงบนหลังหมวดสมรักษ์ ทั้งหมดเดินต่อไปอย่างระมัดระวัง
เสือเข้มกับเสือดำขี่ม้ามาถึงช่องเขาทั้งคู่ขี่หลบเข้ามาในหุบเขา พวกว้าแดงตามมาไม่ทัน เสือเข้มวางแผนอะไรบางอย่าง
“ไอ้เข้ม เอ็งหยุดทำไมวะ” เสือดำสงสัย
“เดี๋ยวก็รู้” เสือเข้มบอกอย่างมั่นใจ
พวกว้าแดงขี่ม้าตามเสือเข้มกับเสือดำมาแล้วคลาดกันทั้งหมดหยุดม้า แล้วปรึกษากัน
“มันไปทางไหนของมันวะ”
“ไม่รู้สิ...แหมคลาดกันนิดเดียว”
ลูกน้องคนหนึ่งเห็นม้าของเสือดำและเสือเข้ม วิ่งอยู่ไม่ไกลนักมุ่งหน้าเข้าป่าไป
“นั่นไง...มันอยู่นั่น”
“ไปเร็ว...”
ทั้งหมดรีบควบม้าตามไป ที่มุมหนึ่งในซอกเขา เสือเข้มกับเสือดำไม่สวมเสื้อยืนมองอยู่ ที่แท้ทั้งคู่ใช้อุบายปล่อยม้าให้วิ่งไป เสือเข้มกับเสือดำยืนมองพวกว้าแดงควบม้าออกไปอย่างโล่งอก เสือเข้มหันมาบอก
“รีบไปบอกพ่อเสือกันดีกว่า”
ทั้งคู่พยักหน้าให้กัน
สมรักษ์ค่อยๆลอบมาที่กองเกวียน เขาเดินออกมาคนเดียว แล้วมองไปรอบๆ ที่กองเกวียนไม่มีใคร เหลือไว้แต่ศพและร่องรอยความต่อสู้ สมรักษ์เรียกทุกคนออกมา
“หิน แก้ว จงใจออกมาเถอะ”
แก้วพยุงจงใจออกมา สมรักษ์เข้าไปรับ หินมองไปรอบๆ
“พี่เข้มกับพี่ดำล่ะ”
“ท่าจะเอาม้าหนีไป ดูรอยเท้าสิ พวกมันคงมาสมทบเพิ่ม สองคนนั่นคงเอาไม่อยู่”
จงใจรู้สึกเสียใจ
“โธ่...พี่เข้ม พี่ดำ จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
สมรักษ์มองจงใจอย่างเป็นห่วง
“ท่าทางจงใจจะไม่ไหว พาไปหาหมอก่อนดีกว่า...แต่...จะไปทางไหนดีล่ะ”
“ตลาดชายแดน อยู่ไม่ห่างจากที่นี่หรอก ที่นั่นน่าจะมีหมอ”
“ใช่...ฉันเคยไปที่นั่นกับแม่มาแล้ว ที่นั่นเป็นชุมชนใหญ่น่าจะมีหมอ”
สมรักษ์พยักหน้ารับแล้วเดินไปที่เกวียน
“งั้นรีบไป...”
ทั้งหมดขึ้นเกวียนออกเดินทางทันที
เสือทศ เสือชิน เสือเรือง นั่งอยู่บริเวณชายป่า
“อีกสักประเดี๋ยวข้าก็จะได้ขึ้นวิมานกับจงใจแล้ว ดูซิต่อไปจะดีดดิ้นอีกหรือเปล่า” เสือทศบอกอย่างมีความสุขมาก
“แหม...ของมันเคยขี่เคยค้า ต่อไปอะไรมันก็ง่ายไปหมด”
“นั่นสิ...ชุมเสือเราไม่มีงานแต่งงานมานานแล้ว”
สองเสือลูกสมุนเยินยอเสือทศจนยิ้มแก้มบาน หัวหน้าว้าแดงวิ่งกระหืดกระหอบมารายงาน
“พังหมดแล้วนาย”
“พังอะไร แล้วผู้หญิงล่ะ”
“มีตำรวจมาช่วยมันไป”
“ตำรวจหรือ...ไอ้บัดซบเอ๊ย...”
เสือทศชกลมด้วยความโกรธ ใบหน้าแค้นๆ
ชาวบ้านยังคงทยอยมารักษากันอย่างเนืองแน่น บางคนที่อาการหนักบาทหลวงกับพวกสาวกระเหรี่ยงก็พาเข้าไปพักในโบสถ์ ภราดรรู้สึกเหนื่อยล้าแล้วขอพักสักหนึ่งชั่วโมง ประเดิมจึงประกาศ
“ชาวบ้านที่มารักษาทุกคนฟังทางนี้ครับ เที่ยงนี้เราจะขอพักกินข้าวสักชั่วโมงนึง ขอให้พี่น้องชาวบ้านทุกคนแยกย้ายกันไปกินข้าวกันก่อนครับ”
ชาวบ้านต่างแยกย้ายกันไป ภราดรเช็ดเหงื่อด้วยความเหนื่อย กินรีสังเกตเห็นว่าเขาเหนื่อยมาตั้งนานแล้วจังหวะนั้นระรินเอาของไปเก็บพอดี เธอจึงถือน้ำไปให้
“คุณหมอคะ ดื่มน้ำเย็นๆก่อนค่ะ”
ระริน แจ้นเข้ามาดึงกินรีเหวี่ยงออกไป แก้วน้ำตกแตก
“นังกินรี...แกทำอะไร”
กินรีตกใจ
“คุณระริน...”
“ใครใช้ให้แกแส่”
ภราดรมองหน้ากินรีแล้วเข้าข้างระริน
“นั่นสิ ใครใช้ ฉันไม่ได้อยากได้น้ำเสียหน่อย แส่ไม่เข้าเรื่องดูสิ...หกเลอะเทอะหมด”
ระรินจ้องมาที่กินรีตาแข็ง กินรีหลบตาต่ำลง น้อยใจในภราดร
“ทีหลังไม่ต้องมายุ่ง หมอเป็นคนรักของฉัน ฉันดูแลเองได้ ไปค่ะหมอไปทานข้าวกันดีกว่า”
“ดีครับ กำลังหิวเลย”
ทั้งคู่ตะกองกอดกันไป กินรีมองตามอย่างสงสารภราดร
มะค่าขนเอาผ้าที่ใช้แล้วมาซักที่บ่อน้ำ บริเวณบ่อน้ำดูครึ้ม และรกไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เยือกเย็นดูน่ากลัว และอยู่ห่างจากด้านหลังโบสถ์พอสมควร
“ที่อื่นมีตั้งเยอะแยะ ไม่ขุด มาขุดบ่อแถวนี้ ดูมันวังเวงยังไงก็ไม่รู้”
มะค่าหย่อนกะชุลงไปในบ่อสาวน้ำขึ้นมา มะค่าเอาผ้าซักแล้วรู้สึกเหมือนได้กลิ่นสาปๆของซากอะไรสักอย่าง แล้ว
“กลิ่น...กลิ่นสาปๆ...กลิ่นมันโชยมาจากทางโน้นนี่”
มะค่ามองที่มาของกลิ่น
“อะไรมาตายแถวนี้นะ”
มะค่าเดินตรงไปยังที่มาของกลิ่น ยิ่งเดินเข้าไปใกล้กลิ่นยิ่งแรงขึ้นทุกทีเหมือนกลิ่นซากอะไรตาย ขณะที่มะค่ากำลังจะไปถึงที่มาของกลิ่นอยู่แล้ว สาวกระเหรี่ยงคนหนึ่งก็เอามือมาแตะไหล่
“เฮ้ย...โธ่ พี่ตกใจหมดเลย”
“จะไปไหน”
“พี่ไม่ได้กลิ่นอะไรทางโน้นหรือ”
สาวกระเหรี่ยงกลบเกลื่อน
“คงเป็นพวกซากหมูที่ชาวบ้านเอามาทิ้งน่ะ ไม่ต้องไปสนใจ อีกอย่างหนึ่งคุณพ่อท่านไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามเพ่นพ่านแถวนี้...จะไปทำอะไรก็ไปๆ”
“จ้ะ...จ้ะ...”
มะค่างงๆ แล้วกลับไปซักผ้าต่อ สาวกระเหรี่ยงมองๆก่อนจะเดินออกไปแววตาเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวดูน่ากลัวแล้วแยกเขี้ยวออกมาด้วยความหิวและอยากกินเลือด จอบิเดินเข้ามาแล้วเตือนสาวกระเหรี่ยง
“เจ้าควรจะรอบคอบกว่านี้”
สมรักษ์ขับเกวียนมาตามทางของทุ่งโล่ง แดดร้อนจัด จงใจนอนอยู่บนเกวียน มีหินคอยดูแล จงใจอิดโรยร้องขอน้ำด้วยเสียงแหบแห้ง
“น้ำ...หิน ขอน้ำกินหน่อย”
หินหยิบถุงหนังใส่น้ำออกมาแต่น้ำมันเหลือน้อย จงใจดื่มไม่พอ หินหันไปบอกสมรักษ์
“น้ำหมดแล้วหมวด”
สมรักษ์หน้าเครียดและกังวล
“ทุ่งโล่งแบบนี้คงหาน้ำไม่ได้หรอก อดทนหน่อยนะ จงใจ ใกล้จะถึงหรือยังแก้ว”
แก้วยืนขึ้นมองไปข้างหน้า
“อีกไม่ไกลหรอกหมวด เลยทุ่งนี้ไปก็น่าจะเข้าเขตหมู่บ้านแล้ว”
สมรักษ์ใจชื้นขึ้นหันไปมองจงใจอย่างเป็นห่วง
เสือทศ หัวหน้าว้าแดง เสือชิน และเสือเรือง ยังคงอยู่ที่จุดนัดพบ พวกว้าแดงที่ไล่ล่าเสือเข้มกับเสือดำขี่ม้าเข้ามา
“เป็นยังไงบ้าง”หัวหน้าว้าแดงถามทันที
“มันหนีไปได้”
เสือทศยิ่งแค้นเข้าไปใหญ่
“ไอ้เข้ม ไอ้ดำ”
เสือเรืองกังวลใจ
“มันต้องรีบไปรายงานพ่อเสือแน่เลย เราจะทำยังไงดีพี่”
เสือชินหน้าเสีย
“นั่นสิพี่ เราจะทำยังไงดี”
เสือทศรู้สึกปวดหัวกับไอ้ลูกน้องสองตัวนี่จริงๆ
“ก็ไม่ต้องทำอะไรสิวะ พวกเอ็งนี่มันสมองบางกะโหลกหนาจริงๆ เราไม่ได้เป็นคนปล้น ใครก็รู้ ไอ้เข้มกับไอ้ดำมันก็ต้องรายงานไปตามที่เห็น”
เสือเรืองกับเสือชินนึกขึ้นได้
“จริงด้วย”
เสือทศโยนถุงเงินค่าจ้างให้หัวหน้า
“เราทำงานไม่สำเร็จรับเงินไม่ได้หรอก”
“สำเร็จไม่สำเร็จพวกนายก็เหนื่อยแล้วก็เสียคนไป เอาไปเถอะ ขอกันกินมากกว่านี้”
หัวหน้าว้าแดงรับมา
“ขอบใจ”
“ไปโว้ยพวกเรา”
เสือทศ เสือเรือง เสือชิน ขี่ม้าออกไป หัวหน้าว้าแดงมองตามเสือทศรู้สึกรักในน้ำใจ
สมรักษ์เดินทางมาจนถึงตัวตลาด สวนกับชาวบ้านหลายคน สมรักษ์พยายามสอบถาม
“พี่ครับ ที่นี่มีหมอบ้างไหม”
ชาวบ้านชายคนหนึ่งส่ายหน้า
“ข้าไม่ใช่คนที่นี่...ลองไปถามที่ร้านค้าดูสิ”
สมรักษ์ขับเกวียนไปที่ร้านค้า จงใจท่าทางแย่
“เร็วเถอะหมวด” แก้วกังวล
สมรักษ์มาถึงร้านค้าแล้วลงไปถาม
“พ่อค้า...แถวนี้พอจะมีหมอบ้างไหม”
“แถวนี้ไม่มีหมอหรอก”
สมรักษ์ แก้วและหินผิดหวังมองจงใจอย่างหดหู่ พ่อค้าพูดต่อ
“แต่ที่โบสถ์มี เพิ่งมีหมอมาจากในเมืองเมื่อวานนี้ ตอนนี้ชาวบ้านแห่กันไปรักษากันเต็มไปหมด”
สมรักษ์กับแก้วใจชื้นขึ้นมาทันที
“โบสถ์...โบสถ์อยู่ที่ไหนหรือ”
“ไปตามทางนี้ ประมาณ 5 กิโลก็ถึง”
“ขอบใจนะ”
สมรักษ์รีบเคลื่อนเกวียนไปตามทางที่พ่อค้าบอก
ภราดรตรวจคนไข้คนสุดท้ายเป็นคนไข้แผลพุพอง ระรินคอยช่วยอยู่ข้างๆ
“จำไว้นะอย่าให้แผล ถูกน้ำ และต้องทำความสะอาดแผลวันละ 2 ครั้ง แล้วอย่าลืมกินยาให้ครบด้วยล่ะ...เอาล่ะ เสร็จแล้ว”
คนไข้รับคำแล้วลุกไป ระรินเข้ามากระแซะแสดงความโล่งใจ
“เฮ้อ...เสร็จซะที”
“เหนื่อยเป็นบ้าเลย อยากอาบน้ำจัง”
บาทหลวงเดินเข้ามาแล้วบอกภราดร
“เป็นยังไงลูก ท่าทางดูเหนื่อยน่าดูสินะ”
“ก็มีบ้างครับ”
“แต่มันก็เป็นกุศลอันใหญ่หลวงเลยนะ...เออ...พ่อให้คนที่รักษาไม่ทันในวันนี้พักที่โบสถ์ไปก่อน พรุ่งนี้จะค่อยว่ากันใหม่”
จอบิกับสาวกระเหรี่ยงกำลังนำคนเข้าไปพักในโบสถ์ ภราดรขอตัว
“ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับ”
“ตามสบายลูก”
ภราดรเดินออกไปกับระริน บาทหลวงมองผู้คนไปรอบๆอย่างกระหายเลือด
กินรีมองภราดรกับระริน เดินเกี่ยวแขนกันไปที่พักก็หน้าสลดลง มะค่ากับประเดิมกำลังเก็บของมะค่าเห็นกินรีจึงเข้าไปปลอบใจ
“หมอนะหมอ น่าจะรักษาจิตใจกันบ้าง พี่กินรีอย่าเศร้าไปเลยนะ”
กินรียิ้มแล้วลูบศีรษะของมะค่าอย่างเอ็นดู
“ขอบใจนะมะค่า พี่ไม่เป็นอะไรหรอก”
มะค่ายิ้มได้แล้วช่วยกันทำงานต่อ พลางบ่นกับประเดิม
“นี่...น้าประเดิมว่าไหมว่าที่นี่มันดูลึกลับยังไงก็ไม่รู้ โดยเฉพาะยายสาวกระเหรี่ยงสองคนนั่นน่ะ”
“คิดมากไปหรือเปล่า น้าว่ามันก็ธรรมดา ไม่เห็นมีอะไร สองคนนั่นก็ดูดี ทั้งสวยทั้งน่ารัก”
มะค่าเซ็ง
“ผู้ชายก็อย่างเนี๊ยะ...เห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้...ระวังให้ดีเหอะ”
มะค่าเดินเอาของไปเก็บประเดิมหัวเราะเบาๆ ในใจคิดถึงสาวกระเหรี่ยงสองคนนั่น
เสือสมิง ตอนที่ 10 (ต่อ)
ภราดรนั่งพักอยู่ที่หน้าบ้าน ระรินเดินมาหาพร้อมแก้วน้ำ
“น้ำเย็นๆค่ะ...”
“ขอบคุณครับ...เฮ้อ...ได้พักซะที”
ภราดรกอดและจะหอมแก้ม ระรินปัดป้อง
“แหม...หมอเนี่ยรังแกระรินอยู่เรื่อยเลย ไม่เอาละ ไปอาบน้ำดีกว่า”
ระรินลุกออกไป...แล้วเห็นว่ากินรีมายืนอยู่ข้างล่าง
“นังกินรี...มาเสนอหน้าทำไม ทำไมไม่ไปทำครัว ฉันกับหมอหิวจะตายอยู่แล้ว”
“พอดีมีคนไข้ฉุกเฉินค่ะ”
ภราดรไม่ใส่ใจ
“ใคร...ไปบอกว่าวันนี้ฉันเลิกแล้ว ไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
กินรีจริงจัง
“แต่เขากำลังจะตายนะคะ”
ภราดรมีสติขึ้นมาจากสำนึกแล้วตอบรับ
“ก็ได้”
จงใจนอนรวยรินอยู่บนเตียงในห้องของกินรี หิน แก้ว สมรักษ์ เฝ้าอยู่ข้างๆ ด้านนอกห้องมีประเดิม และมะค่ายืนมองๆอยู่
“ใจเย็นๆนะจงใจ หมอกำลังมาแล้ว” สมรักษ์ปลอบ
จงใจแววตามีความหวังและยิ้มให้ กินรีเดินนำภราดรเข้ามา
“อ้าวหมวด...ไปยังไงมายังไง...”
สมรักษ์ดีใจ เมื่อเห็นว่าเป็นภาดร
“อย่าเพิ่งถามเลยหมอ...ดูคนเจ็บก่อนดีกว่า”
สมรักษ์หลีกทางให้ ภราดรตรงเข้าไปตรวจอาการ จงใจ ชั่วครู่เขาก็สรุป
“บาดแผลไม่เท่าไหร่ แต่คนไข้เสียเลือดมาก...คุณระรินช่วยฉีดยาบำรุงหัวใจให้หน่อยครับ”
ระรินทำตามคำสั่งทันที สมรักษ์หันมาบอก
“งั้นเอาเลือดผมไปเลยครับ...”
ภราดรหันมาถาม
“เลือดหมวดกรุ๊ปอะไร”
“กรุ๊ป โอครับ”
ภราดรรับรู้แล้วพยักหน้า
“ผมขอตรวจก่อนว่าคนไข้เลือดกรุ๊ปอะไร”
ภราดรลงมือเจาะเลือดที่นิ้วแล้วเอาแผ่นใสแตะที่เลือด ทุกคนในห้องมองดูอย่างมีความหวัง
แววกับเสือใจยังคงอยู่ที่หน้าบ้าน มีชาวบ้านและเสือเข้มกับเสือดำวิ่งหน้าตื่นตะโกนมาแต่ไกล
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่อเสือ”
เสือใจแววตาเข้มสังหรณ์ใจ
“ไอ้เข้ม ไอ้ดำ...มีเรื่องอะไร”
เสือดำเข้ามาบอก
“พวกว้ามันมาปล้นเรา”
แววตกใจ
“แล้วเด็กๆล่ะ”
เสือเข้มกับเสือดำมองหน้ากันหน้าไม่ดี เสือใจรับรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กๆ เสือใจแววตากร้าวมองหาเสือทศ
“ไอ้ทศไปไหน...ไปเอาม้ามาเร็ว”
เสือเข้มกับเสือดำทำตามคำสั่ง แววกังวล คิดถึงความปลอดภัยของจงใจและลูก
เย็นนั้น ชาวบ้านและญาติที่มารอการรักษานอนและนั่งพักผ่อนเรียงรายอยู่ในโบสถ์อย่างเป็นระเบียบ บาทหลวงเดินดูความเรียบร้อยหน้ามีเมตตา สาวกระเหรี่ยงสองคนเดินตาม
“ตามสบายนะลูก...เดี๋ยวทยอยกันไปกินข้าวนะ พ่อให้คนเตรียมเอาไว้ให้แล้ว”
ชาวบ้านชายยกมือไหว้
“ขอบคุณครับคุณพ่อ...คุณพ่อช่างมีเมตตากับพวกเราจริงๆ”
“มันเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าน่ะ”
บาทหลวงเดินต่อไป จอบิเข้ามากระซิบบางอย่าง
“มีคนบาดเจ็บมาหรือ”
จอบิพยักหน้า บาทหลวงสงสัย
สมรักษ์นอนให้เลือดจงใจที่สลบอยู่ข้างๆ ภราดรเพิ่งจัดการเสร็จ เขามองอย่างพอใจ
“โชคดีนะ...ที่หมวดกับจงใจเลือดกรุ๊ปเดียวกัน”
“ขอบคุณมากครับหมอ”
ภราดรรับรู้แล้วเก็บของ กินรียืนมองดูสมรักษ์ด้วยความชื่นชม ระรินหันมาเห็นก็ดุ
“ยืนอยู่ได้...รีบเก็บข้าวของสิยะ”
ภราดรเฉยปล่อยให้ระรินโขกสับกินรี สมรักษ์รู้สึกแปลกใจที่ภราดรไม่ปกป้องกินรี ประเดิมหันมาถามแก้วที่ยืนอยู่ด้วยกัน
“แล้วพวกกองเกวียนที่มาด้วยกันไปไหนหมดแล้วล่ะ”
“ฉันก็ไม่รู้จ้ะน้า...ไม่รู้ว่าพี่เข้มกับพี่ดำเป็นยังไงบ้าง”
มะค่าถามหินอย่างสงสัย
“มันโจรพวกไหนหรือ”
หินส่ายหน้า
“ฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าพวกมันไม่ใช่คนไทย”
ทั้งหมดคิดและกังวล ยังไม่ทันได้สนทนาอะไรกัน บาทหลวงก็เดินเข้ามากับจอบิ ทุกคนทักอย่างนอบน้อม
“เห็นว่ามีคนเจ็บหนักมาหรือ”
“ครับ”
บาทหลวงเดินเข้าไปข้างในกับจอบิแล้วมองเห็นเลือดที่สมรักษ์กำลังให้จงใจ จอบิมองหน้าบาทหลวงทั้งคู่กลืนน้ำลายด้วยความกระหาย ภราดรหันมาเห็น
“อ้าว...คุณพ่อ”
“นี่เป็นตำรวจด้วยหรือ”
“ครับ เขาเป็นตำรวจที่ดูแลตำบลของเรา ถูกโจรปล้นได้รับบาดเจ็บมา”
บาทหลวงรีบทำหน้าเมตตา แต่แววตาขัดกับการกระทำ
“เช่นนั้น ก็พักที่นี่ไปก่อนนะ ตามสบายเลย คุณตำรวจ”
“ขอบพระคุณมากครับ”
บาทหลวงกับจอบิเดินจากไป มะค่าลอบมองบาทหลวงกับจอบิอย่างสงสัย
“เดี๋ยวให้ใครไปเอายาแก้อักเสบกับยาฆ่าเชื้อที่บ้านฉันหน่อยนะ ฉันรีบไปหน่อยเลยไม่ได้ติดมา” ภราดรสั่งกินรี
“ค่ะ” กินรีรับคำสั่งอย่างกระตือรือร้น
เสือใจมาถึงกองเกวียนที่ถูกโจมตี เสือเข้มและเสือดำรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้น รวมทั้งเรื่องที่สมรักษ์มาช่วย
“ไอ้หมวดนั่นน่าจะช่วยจงใจไปได้”
เสือเข้มถอนใจ
“ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”
“แต่ตอนนี้มันอยู่ที่ไหนกัน”
ทุกคนนิ่งและไม่สามารถคาดเดาได้ แววนั่งอยู่ข้างๆเสนอความเห็น
“คงไม่มีใครรู้ได้หรอกพี่ แต่อย่างน้อยจงใจ แก้วกับไอ้หินก็คงปลอดภัย”
เสือใจพยักหน้าเบาๆ ทันใดนั้นเสียงเสือทศแทรกเข้ามาจากด้านหลัง
“ฉันไม่เชื่อ ฉันว่าป่านนี้ไอ้หมวดนั่นมันคงปู้ยี่ปู้ยำจงใจป่นปี้ไปแล้วก็ไม่รู้”
เสือทศเดินเข้ามากับเสือเรืองและเสือชิน
“หุบปากเดี๋ยวนี้นะไอ้ทศ ไอ้หมวดนั่นมันไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก” เสือใจตวาด
“ใครจะไปรู้...คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ”
เสือใจมองหน้า
“แกไปไหนมา”
“ฉันก็เที่ยวเล่นอยู่แถวนี้แหละ”
เสือทศพยายามใส่ไฟสมรักษ์ แต่เสือใจและแววไม่เชื่อ เสือใจฉุกคิดขึ้นมา
“เอ๊ะ...นี่เอ็งรู้เรื่องโจรปล้นกองเกวียนได้ยังไง”
เสือทศ เสือเรืองและเสือชินมองหน้ากันอึกอัก
“โธ่...พ่อ เรื่องมันออกจะดัง ระหว่างทางที่ฉันมาที่นี่คนเขาพูดกันให้แซ่ด” เสือทศแก้ตัว
เสือใจมองเสือทศ ในใจไม่ค่อยเชื่อ แววตัดบท
“ช่างเถอะ ฉันว่าเรารีบไปตามหาพวกนั้นกันดีกว่า”
เสือใจเห็นด้วย
“อืม...แยกกันออกตามหา”
เสือทศชี้ไปทางหนึ่ง
“ฉันไปทางนี้เอง...”
เสือใจพยักหน้ารับแล้วพูดต่อ
“ดี...ไอ้เข้ม ไอ้ดำ เอ็งสองคนไปกับไอ้ทศด้วย”
เสือทศแย้ง
“ไม่ต้องก็ได้มั้ง”
เสือใจเสียงแข็ง
“นี่เป็นคำสั่ง”
เสือทศไม่ค่อยพอใจเพราะอาจจะทำอะไรไม่สะดวก แต่ก็จำยอม
จงใจนอนหมดสติให้เลือดอยู่ด้านใน สมรักษ์นั่งพักผ่อนอยู่ด้านนอกอย่างเพลียๆ แก้วอยากเอาใจสมรักษ์จึงหันไปถามกินรี
“พี่กินรีจ้ะ ที่นี่มีโอวันตินไหม”
“มีสิ...อยู่หลังบ้านมีกระติกน้ำร้อนอยู่ตรงนั้นแหละ แก้วหิวหรือ”
“เปล่า...แก้วจะชงให้หมวด หมวดเสียเลือดไปเยอะท่าทางหมวดจะเพลีย”
สมรักษ์รู้สึกเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอกแก้ว ฉันพักสักครู่ก็คงจะหาย”
หินรู้ดีว่าแก้วชอบสมรักษ์ กินรีมองออกเหมือนกัน
“เอาน่าหมวด อย่าไปขัดศรัทธา พี่แก้วเขาเลย เขาคงอยากดูแลหมวดบ้าง”
แก้วตาเขียวใส่หิน
“นี่หิน...นั่งเฉยๆก็ไม่มีใครว่าอะไรนะ”
หินหัวเราะในลำคออย่างเย้าๆ แก้วลุกออกไป
มะค่าเก็บจานชามล้างอยู่ในครัวด้านหลัง แก้วเดินเข้ามาชงโอวันติน
“จะเอาไปให้หมวดหรือ” มะค่าหันไปถาม
แก้วชะงัก
“รู้ได้ยังไง”
“อ้าว...ข้าเห็นเวลาคนเขาไปบริจาคเลือดเขาให้กินโอวันติน”
แก้วชงโอวันติพลางพยักหน้ารับ มะค่ามองรู้ทัน
“แกชอบหมวดหรือ”
“จะบ้าหรือ หมวดเขาชอบพี่สาวข้าซะหน่อย”
มะค่ายียวนต่อ
“ข้าไม่ได้ถามว่าหมวดชอบใครแต่ถามว่าแกชอบหมวดหรือ”
“เปล่า...”
แก้วชงโอวันตินเสร็จแล้วรีบตัดบทออกไปอย่างเขินๆ
จอบิเดินตามบาทหลวงมาหยุดที่หลังโบสถ์
“เจ้าคงต้องเก็บอาการให้มากกว่านี้” บาทหลวงต่อว่า
“ก็ข้าหิวนี่คุณพ่อ เลือดสดๆของมันช่างยั่วยวนข้าเสียเหลือเกิน”
“รอให้ถึงคืนนี้เสียก่อนสิ”
จอบิรับคำอย่างพอใจ กระหยิ่มในใจคิดถึงเลือดสดคืนนี้
งะดินเดหลับตานั่งสมาธิอยู่ที่บนแท่น...เขาลืมตาขึ้นอย่างรับรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับชะเวมะรัตแล้วรำพึง
“ชะเวมะรัต”
พะอูกำลังนั่งสมาธิอยู่ งะดินเดเดินเข้ามาหา
“มีอะไรหรือท่านพ่อ”
“พี่เจ้า...”
งะดินเดใช้อาคมสร้างภาพบาทหลวงที่เป็นผีดิบให้ดู
“แย่แล้ว พี่กินรี” พะอูตกใจ
“ชะเวมะรัต พี่เจ้าชื่อชะเวมะรัต”
พะอูงงว่าทำไมชื่อชะเวมะรัต แต่เขาไม่สนใจเพราะเป็นห่วงกินรี
“พี่กินรีกำลังมีอันตราย ข้าต้องไปช่วย”
“ไม่ได้ เจ้าออกไปไม่ได้ เจ้ากำลังชะตาขาด...ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่ยอมทำตามภิกษุโล้นนั่นหรอก”
“ข้าไม่ปล่อยให้พี่ข้าเป็นอะไรหรอก”
งะดินเดน้อยใจ
“แต่พี่เจ้าไม่เคยเห็นแก่ครอบครัวเลย”
พะอูแววตาเข้ม
“ข้าไม่สน”
พะอูบริกรรมต่อ งะดินเดมองพะอูสีอย่างครุ่นคิด
สมรักษ์ดื่มโอวันตินจนหมด แก้วดีใจ
“ขอบใจมากนะแก้ว”
มะค่าเดินออกมา กินรีก็บอก
“มะค่า...ไปนอนได้แล้ว...พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”
มะค่ารับคำ
“จ้ะ พี่กินรี”
กินรีกับมะค่าลุกออกไป หินรู้สึกเบื่อจึงขอไปด้วย แล้วชำเลืองมองสมรักษ์อย่างล้อเลียน
“ข้าไปด้วย ไม่อยากเป็นก้างขวางคอใคร”
มะค่า กินรี หิน ลงเรือนไป จงใจละเมอขึ้นมา
“พ่อ...พ่อเสือ...ช่วยด้วย...หมวด...ช่วยด้วย”
สมรักษ์รีบผลุนผลันเข้าไปหาจงใจ แก้วตามไปติดๆ สมรักษ์กอดจงใจเอาไว้
“ไม่ต้องกลัวจงใจ ผมอยู่นี่แล้ว...ไม่ต้องกลัวนะ”
สมรักษ์กอดจงใจแนบแน่ด้วยความเป็นห่วง แก้วมองดูอย่างเศร้าๆ
เย็นนั้น เสือใจนำแววและลูกน้องมาถึงต้นไม้ใหญ่ที่พอจะพักแรมได้ แล้วสั่งทุกคน
“เย็นมากแล้ว คืนนี้เราจะพักที่นี่ก่อน พวกเอ็งไปหาน้ำหาฟืนมาหุงหาอาหารไป”
ลูกน้องรับคำแล้วแยกย้ายกันไป แววทรุดนั่งอย่างกังวล เสือใจนั่งข้างๆ
“เป็นห่วงเด็กๆหรือ”
“จ้ะ...ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง”
เสือใจปลอบใจ
“พวกนั้นคงไม่เป็นอะไรหรอก ไอ้หมวดนั่นคงไม่ปล่อยให้เด็กๆเป็นอะไรแน่นอน”
“ฉันก็คิดอย่างนั้น”
เสือใจตัดบท
“อยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะไปหาอะไรมากินก่อน”
เสือใจเดินออกไป แววกังวลคิดถึงลูกๆและจงใจ
เสือทศนำทีมมาพักที่ลานหินแห่งหนึ่ง เขาสั่งทุกคน
“คืนนี้เราจะพักที่นี่”
เสือเข้มรู้สึกสงสัย
“ฉันสงสัยว่าเราจะมาถูกทางหรือพี่ทศ”
“ทำไม...”
เสือดำเห็นด้วย
“ก็ทางนี้มันดูแห้งแล้ง กันดารฉันว่าไอ้หมวดนั่นมันคงไม่เลือกทางนี้หรอก”
เสือทศรู้อยู่แก่ใจแล้วกลบเกลื่อน
“นี่พวกเอ็ง...ใครเป็นหัวหน้า...ข้าใช่ไหม...ข้าบอกว่าใช่มันก็ต้องใช่”
พวกเอ็งหุบปากได้แล้ว แล้วก็ไปหาฟืนหาเสบียงมา...ไป...”
แม้ว่าเสือเข้มกับเสือดำจะไม่ไว้ใจเสือทศแต่ก็ต้องยอม แล้วเดินออกไป
“ไอ้เรือง” เสือทศหันมาเรียก
“เก็บมันเลยไหมพี่...”
“เอาไว้ก่อนไอ้สวะพวกนี้ยิงทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้...ข้าอยากให้เอ็งรีบไปจัดการเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไรพี่”
“พ่อเสือต้องไม่เจอจงใจ ถ้าเป็นไปได้พ่อเสือจะไม่ได้กลับชุมเสืออีกเลย”
เสือเรืองตอบรับทันที
“ได้พี่”
เสือเรืองชักม้าออกไป เสือทศมองตามแววตากร้าวมั่นใจ
ค่ำนั้น กินรีเดินมาหาภราดรที่บ้านพักเพื่อเอายาให้สมรักษ์กับจงใจ
“คุณหมอคะ”
ภราดรมองกินรีพูดเสียงแข็งใส่
“มีอะไรหรือ”
“กินรีมารับยาไปให้ หมวดสมรักษ์กับจงใจค่ะ”
“รอเดี๋ยว”
ภราดรรับรู้แล้วลุกออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจ กินรียืนรอแล้วมองอย่างอาลัย ในใจโหยหา ทันใดนั้นระรินตวาดแว๊ดมาจากด้านหลัง
“นังกินรี...แกมาทำอะไร”
กินรีหันมาหน้าเย็นชาไม่กลัว
“ฉันมาเอายา ตามที่หมอบอก”
“มาเอายาแค่นี้ ให้คนอื่นมาเอาก็ได้ ฉันว่าแกร่านอยากมาเจอหมอมากกว่า”
กินรีไม่พอใจ
“มันจะมากไปแล้วนะคุณระริน”
“ทำไม...แกจะทำอะไรฉัน...ฉันพูดเรื่องจริง...แกมันร่าน อยากได้ผัวเป็นหมอ อยากยกระดับตัวเอง...โธ่เอ๊ย...ไอ้คนบ้านป่าบ้านดงอย่างแก ได้ผัวอย่างประเดิมก็บุญหัวกบาลแล้ว”
ระรินหัวเราะเยาะเบาๆ
“ปากคุณทำด้วยอะไรนะ”
กินรีโกรธสุดขีดเดินเข้ามาตบหน้าระรินฉาดใหญ่
“โอ๊ย...”
ระรินกระเด็นไปตามแรงตบ แล้วรีบลุกขึ้นมาอย่างแค้นๆ
“นังกินรี....แกกล้าทำกับฉันแบบนี้หรือ”
ระรินตรงเข้ามาแล้วตบคืน กินรีไม่กลัวคว้ามือระรินเอาไว้แววตากร้าว แล้วระรินก็ต้องชะงักและหวาดกลัวเมื่อ เห็นใบหน้าของกินรีเปลี่ยนเป็นชะเวมะรัต
“ว้าย...นัง...กินรี...”
“เจ้านี่มันร้ายนัก”
ชะเวมะรัตตบระรินกระเด็นไปแล้วกำลังจะตามไปซ้ำ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ” สัยงภราดรดังขึ้น
ชะเวมะรัตหันหน้ากลับมา กลายเป็นกินรีเหมือนเดิม ภราดรตบหน้ากินรีไปฉาดใหญ่
“คุณหมอ...”
ระรินรีบวิ่งมาเกาะแขนภราดรด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา ปากมีเลือดไหล
“ช่วยด้วยค่ะหมอ...นังกินรีมันไม่ใช่คน มันเป็นผี ระรินเห็นกับตา”
“ไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธออีก”
ภราดรโยนยาลงที่พื้น แล้วประคองระรินเดินขึ้นบ้านไป กินรีน้ำตาเอ่อ ในใจนึกเอาชนะระรินขึ้นมา
“หมอต้องหาย กินรีจะทำทุกวิถีทาง”
ป่าบริเวณที่พักเสือทศ...กองไฟลุกโชน มีไก่ป่าย่างอยู่สองสามตัว เสือเข้มรู้สึกสงสัยที่ไม่เห็นเสือเรือง
“นี่ไอ้เรืองมันไปไหน”
“เออ...นั่นสิไอ้ชิน ไอ้เรืองมันไปไหนของมันวะ”
เสือทศทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วโยนให้เสือชิน
“มันอยู่แถวนี้แหละ เดี๋ยวมันหิวมันก็มาเองนั่นแหละ” เสือชินตอบเรียบๆ
“แต่มันหายไปตั้งแต่เย็นแล้วนะ”
เสือดำก็สงสัยเหมือนกัน เสือทศกลบเกลื่อน
“เอ็งสองคนนี่ คิดถึงมันมากหรือไงวะ...เซ้าซี้อยู่ได้...บอกว่าเดี๋ยวมันก็มาเองนั่นแหละ”
เสือเรืองเดินเข้ามาเงียบๆ
“มีอะไรกันรึ ใครคิดถึงใคร”
ทุกคนหันไปมอง เสือเรืองยิ้มแล้วส่งสัญญาณทางสายตาให้เสือทศรับรู้
เสือใจนั่งพิงต้นไม้เช็ดปืน เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ตลอดเวลา แววเอาน้ำชาที่ต้มจากกองไฟเดินมาให้
“น้ำชาจ้ะพี่เสือ”
“ขอบใจนะแวว ยังไม่นอนหรือ”
“ฉันนอนไม่หลับ”
“ฉันเข้าใจ คนเป็นพ่อเป็นแม่คน ถึงอย่างไรก็ต้องเป็นห่วงลูกวันยังค่ำ”
“หรือพี่เสือไม่ห่วง”
“ห่วงสิ...ในชีวิตฉันสิ่งเดียวที่มีค่ากับฉันที่สุดก็คือจงใจนี่แหละ”
“ไม่มีคนอื่นอีกเลยหรือ”
เสือใจละสายตาจากปืนมองหน้าแววอย่างไม่เข้าใจ
“อะไรนะ”
“ช่างเถอะ...ฉันไปนอนก่อนนะ”
แววเลี่ยงไปนอน เสือใจนึกขึ้นได้ พูดลอยๆ
“ฉันไม่เคยลืมหรอกว่ายังมีอีกคนนึง”
“ใคร”
แววดูมีความหวัง เสือใจยิ้มแล้วสบตาแววแต่ไม่ตอบคำถาม
“ไปนอนได้แล้ว”
แววเข้าใจเสือใจในใจเปี่ยมสุข
หัวหน้าพวกว้าแดงระดมกำลังหลายคนมาซุ่มอยู่ห่างออกไปจากที่พักของเสือใจ มองเห็นกองไฟลิบๆ
“คราวนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด ฆ่าให้หมดทุกคน ใครตัดหัวเสือใจมาได้ เสือทศให้ค่าหัว 50,000 บาท เตรียมตัวให้พร้อม พระจันทร์ตรงหัวเมื่อไหร่เราจะบุกทันที”
ลูกน้องทุกคนรับรู้
เสือใจ แวว และคนอื่น นอนหลับกันอยู่ มีเวรยามอยู่สองคนเฝ้ายามกันคนละมุม บริเวณพุ่มไม้ใหญ่ไม่ห่างไปนัก หัวหน้าและพวกว้าแดงซุ่มดูอยู่ หัวหน้าว้าแดงพยักหน้าให้สัญญาณลูกน้องแยกกันไปอย่างเงียบๆ
ยามของเสือใจกำลังยืนฉี่ หัวหน้าเข้าไปทางด้านหลังใช้มีดปาดคอ ยามตายทันที...ไม่มีเสียงร้อง ลูกน้องเก็บยามอีกคนหนึ่งสิ้นใจตามกันไปแล้วรุกเข้ามาที่เสือใจลูกน้องคนหนึ่งไปเตะเชือกที่เสือใจทำกับดักเอาไว้ เชือกตึงมาที่มือของเสือใจทำให้เสือใจรู้สึกตัว เสือใจลืมขึ้นทันที
ลูกน้องของกลุ่มว้าแดง ย่องมาที่เสือใจแล้วยิงเข้าใส่ เสือใจกลิ้งตัวหลบแล้วยิงสวนกลับมาถูกลูกน้องว้าแดงตายคาที่ เสือใจรีบสั่งแววที่นอนห่างออกไปไม่ไกล
“แวว...หนีเร็ว...”
เสียงปืนทำให้เกิดการโกลาหลหัวหน้าว้าแดง สั่งฆ่ามันให้หมด
“ฆ่ามัน...”
เสือใจพาแววหลบมาที่ก้อนหินใหญ่
“มีอะไรกันพี่ พวกไหนน่ะ” แววตกใจ
“ไม่รู้ว่าพวกไหน...แววระวังตัวด้วยนะ”
ทั้งสองฝ่ายเข้าหาที่กำบังแล้วยิงใส่กัน ลูกน้องเสือใจสามสี่คนวิ่งมาหาเสือใจ
“พวกไหนพอรู้ไหม” เสือใจถาม
“สงสัยจะเป็นพวกว้าแดงจ้ะพ่อเสือ”
“ว้าแดง....เราไม่เคยมีเรื่องกับพวกมันนี่”
เสือใจครุ่นคิดและหาทางออก
“พวกมันมีกันมากเหลือเกิน เอายังไงดีพ่อเสือ” ลูกน้องถาม
“พาน้าแววหนีไปก่อน”
ลูกน้องรีบบอก
“ไม่...ฉันจะไม่ทิ้งพ่อเสือเด็ดขาด”
“ฉันก็เหมือนกัน” แววบอกอย่างเด็ดเดี่ยว
เสือใจรู้สึกซึ้งแต่ก็ยังให้แววหนีไป
“ขอบใจมากนะแวว แต่สถานการณ์แบบนี้มันอันตรายมาก ฉันเป็นผู้นำมีหน้าที่ปกป้องทุกคน แววต้องเข้าใจนะ....ไป..พวกเอ็งพาน้าแววไป ทิ้งคนอยู่กับข้าสองคน...ไปรีบไป”
ลูกน้องเสือใจตัดสินใจทำตามเสือใจ แต่ยังละล้าละลัง เสือใจยิงปืนต่อสู้อย่างห้าวหาญ
“สู้มัน...พวกเราสู้มัน”
หัวหน้าว้าแดงมองอย่างกระหยิ่ม
“คิดจะลองของกับข้าหรือ”หัวหน้าเอาปืนกลหนัก ขึ้นมาแล้วยิงใส่พวกเสือใจ ลูกน้องเสือใจตายไปหลายคน เสือใจหลบเข้าที่กำบัง
“ไปสิวะ...พาแววไป”
“แล้วพ่อเสือล่ะ” แววกังวล
“เราเป็นเสือ รู้ดีว่าเมื่อไหร่จะสู้เมื่อไหร่ต้องถอย..ไปสิ”
แววพยักหน้ารับ
“ระวังตัวด้วย...เอ็งรู้นะว่าจะเจอข้าได้ทีไหน”
“จ้ะพ่อ...”
เสือใจยิงคุ้มกันให้ลูกน้องที่พาแวว ออกไปจากที่นั่นหายไปในความมืด
แววกับลูกน้องวิ่งหนีตามคำสั่งของเสือใจ ลูกน้องว้าแดงร้องบอกกัน
“นั่น มันนี้ไปนั่นแล้ว”
“ตามมันไป...ฆ่าให้หมด”
เสือใจได้ยิน เคลื่อนตัวไปหาลูกน้องว้าแดงที่กำลังตามแววไป แล้วยิงพวกมันสองคนล้มลงขาดใจ ลูกน้องกลุ่มนั้นพาแววหนีไป หัวหน้าว้าแดงได้จังหวะใช้ปืนกลยิงใส่เสือใจและลูกน้องอีกสองคนจนร่างกระเด็นตกลำธารไป
“นี่หรือวะเสือใจ...มีน้ำยาแค่นี้เองหรือ....ถุย...” หัวหน้าว้าแดงยิ้มเยาะ
ลูกน้องสามคนพาแววหนีออกมาห่างมา กระทั่งไม่ได้ยินเสียงปืน แววตระหนกกลัวว่าเสือใจจะเป็นอะไรไป
“เสียงปืน...เสียงปืนหยุดแล้ว...พี่เสือ...”
ลูกน้องที่นำมาก็วิตก
“ไปต่อเถอะน้าแวว”
“ไม่...น้าจะกลับไปดูพี่เสือ”
แววดิ้นรนจะไปลูกน้องช่วยกันจับ ลูกน้องคนที่นำมาให้สติ
“ใจเย็นๆสิน้าแวว เสียงปืนหยุดใช่ว่าพ่อเสือจะเสียที พ่อเสืออาจจะสยบพวกมันลงแล้วก็ได้...ทำตามที่พ่อเสือสั่งเถอะ”
แววตกลงใจจะไปต่อ
หัวหน้าว้าแดงยืนมองที่ลำธารอยู่ เขาวางปืนกลหนักเอาไว้แล้วสั่งลูกน้อง
“ลงไปงมศพมันขึ้นมา...รับค่าหัวกันอานล่ะคราวนี้”
ลูกน้องรับคำสั่งพากันจุดคบแล้วจะลงไปในลำธาร หัวหน้าเดินหันหลังกลับ อย่างไม่ทันระวัง เสือใจผุดขึ้นมาจากน้ำ แล้วยิงปืนใส่ลูกน้องที่กำลังจะลงมางมล้มไปสองคน ที่เหลือกระเจิงไปคนละทาง หัวหน้ากระโดดหลบเข้าที่กำบัง ลูกน้องตั้งตัวได้ยิงปืนใส่เสือใจแต่ด้วยความเร็ว เสือใจคว้าเอาปืนกลหนักมายืนยิงกราด อย่างไม่กลัวเกรง
ลูกน้องล้มตายราวกับใบไม้ร่วง หัวหน้าหลบหัวซุกหัวซุน เห็นถ้าไม่ดีจึงสั่งถอย
“ถอยโว้ย...ถอยก่อน...”
พวกว้าแดงถอนร่นไปในความมืด เสือใจไม่ตาม วางปืนแล้วทรุดลงเอามือคลำหน้าอกด้วยความจุกแล้วกระอักเลือดออกมาเล็กน้อย
“ถึงไม่เข้าก็เอาเรื่องว่ะ...โอย”
เสือใจกัดฟันลุกไปหาแวว
เสือสมิง ตอนที่ 10 (ต่อ)
กินรีนั่งซึมอยู่ที่ลานหน้าที่พัก ที่แก้มยังมีรอยแดงจากการตบของภราดร สมรักษ์เดินผ่านมาเห็นก็แวะคุยด้วย
“อ้าวกินรี ทำไมมานั่งเงียบๆคนเดียวตรงนี้ล่ะ”
“อ้าวหมวดค่อยยังชั่วแล้วหรือ เอ่อ..ฉันนอนไม่หลับน่ะ”
สมรักษ์สังเกตสีหน้ากินรีเศร้า และมีรอยแดงที่แก้ม
“มีอะไรหรือกินรี เกิดอะไรขึ้น”
กินรีหลบสายตา
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะหมวด”
สมรักษ์สังเกตตามสัญชาตญาณของตำรวจ
“อย่าหัดโกหกเลย อย่างเธอไม่เนียนหรอก ไหนบอกมาซิว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ...กินรี”
“ช่างมันเถอะค่ะ บางทีคนเราก็ทำไปโดยไม่รู้ตัว”
“ใคร...หมอภราดรหรือ หรือคุณระริน”
กินรีถอนใจ
“ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไงให้หมวดเข้าใจ แต่วันนึงหมวดก็คงเข้าใจเอง”
สมรักษ์งงในคำพูดของกินรี แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะคุยอะไรต่อ แก้วเดินเข้ามาหาอย่างดีใจ
“หมวด...พี่จงใจฟื้นแล้ว”
“หา..จริงหรือ...เอ่อ....ฉันไปก่อนนะกินรี”
สมรักษ์ดีใจจนออกนอกหน้า รีบเดินไปทันที แก้วไม่ได้ตามสมรักษ์ไปทรุดนั่งข้างกินรี
“อ้าว...ไม่ไปดูพี่เธอหรือ”
“ไม่ต้องดูหรอก มีหมวดสมรักษ์อยู่ทั้งคน”
แก้วพูดอย่างน้อยใจ กินรีดูออกว่าแก้วคงชอบสมรักษ์
ภราดรหน้าโทรมลงเพราะโดนคุณไสย์ เขายืนรับลมอยู่ที่หน้าที่พัก ประเดิมผ่านมาจึงเข้ามาทักทาย
“สวัสดีครับคุณหมอ”
ภราดรหันหน้ามาหาประเดิมอย่างไร้วิญญาณ
“มีอะไรหรือประเดิม”
“ดูหน้าตาคุณหมอโทรมๆไปนะครับ”
“อืม...อาจเป็นเพราะสองสามวันมานี่ ฉันไม่ค่อยได้พักผ่อนมั้ง”
ประเดิมรับรู้ แต่ไม่ค่อยแน่ใจว่าภราดรเป็นอะไรกันแน่
“ผมว่าหน้าตาแบบนี้คล้ายๆคนถูกของนะครับ ประเภทคุณไสยหรือเสน่ห์ยาแฝดอะไรแบบนี้”
ภราดรแค่นหัวเราะแต่แววตาแข็ง
“ประเดิมนี่งมงายไม่เลิกนะ”
ยังไม่ทันที่ประเดิมจะพูดอะไรต่อ ระรินก็ส่งเสียงลงมาจากบนบ้าน
“หมอคะ ดึกแล้วนอนได้แล้วค่ะ”
ภราดรเชื่อฟังระรินโดยดี เดินไปที่บ้านพักทันที ประเดิมหันจะกลับที่พักแต่ก็เหลือบไปดูภราดรอีกครั้งเขาเห็นภราดรเป็นซากผีเจ็ดป่าช้า มันหันมาหาเขา
ประเดินสะดุ้งสุดตัวร้องลั่น
“เฮ๊ย!”
ภราดรหันกลับมาหาประเดิมสีหน้าเป็นคน
“มีอะไรหรือประเดิม”
ประเดิมขยี้ตาแล้วปฏิเสธ
“ปะ..เปล่า..ครับ”
ประเดิมคิดว่าตัวเองคงตาฝาดไป
จงใจที่นอนพักอยู่ ยังอ่อนแรงและงัวเงีย หินเฝ้าอยู่ข้างๆ คนอื่นๆหลับไปหมดแล้ว สมรักษ์รีบเข้ามาหา...
“จงใจ...จงใจฟื้นแล้ว”
“หมวด...ขอบคุณนะคะ”
จงใจเอื้อมมือมากุมมือของสมรักษ์
“ขอบใจเรื่องอะไร”
“เลือด...หมวดช่วยชีวิตจงใจไว้”
สมรักษ์พอจะเข้าใจว่าหินเป็นคนเล่า
“มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วจงใจ ใครจะปล่อยให้คนที่ตัวเองรักต้องตายไปต่อหน้าล่ะ”
สมรักษ์หวานใส่จงใจ หินถึงกับสำลักและอมยิ้ม
“เอ่อ...หิน ดึกแล้วยังไม่ง่วงหรือ” สมรักษ์หันไปถาม
“ฉันยังไม่ง่วงหรอกหมวด”
สมรักษ์พยายามส่งสายตาให้หินออกไป เพื่อที่จะได้อยู่กับจงใจสองต่อสอง แต่หินไม่เข้าใจ
“มีอะไรหรือหมวด อะไรเข้าตาหรือ...หือ...”
สมรักษ์พยายามส่งสัญญาณ แต่หินก็ไม่เข้าใจเสียที จนจงใจรำคาญ
“หมวดเขาหมายความว่าให้หินน่ะไปนอนได้แล้ว เขาจะได้มีอะไรคุยกับพี่สองคน”
สมรักษ์ยิ่งเขินเข้าไปใหญ่เมื่อจงใจรู้ทัน
“โธ่ แล้วก็ไม่บอกกันตรงๆ...ไปก็ได้”
หินออกไปข้างนอก สมรักษ์มองหน้าจงใจแล้วรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ช่างกล้าจริงๆ
“แก้วล่ะหมวด”
“อ้าว ยังไม่เจอกันหรือ แก้วไปบอกฉันว่าจงใจฟื้นฉันก็เลยรีบขึ้นมานี่แหละ”
จงใจรับรู้ในใจมีความผิดปกติเรื่องแก้ว แต่ก็ไม่ได้ไล่เรียงอะไร
“ไม่รู้พวกพี่เข้มพี่ดำเป็นยังไงบ้าง”
“นั่นสิ...ที่สำคัญหายมาเป็นวันขนาดนี้ ฉันว่าป่านนี้เสือใจคงต้องสงสัยแล้วล่ะ”
จงใจครุ่นคิดและกังวล
เสือใจเดินโซซัดโซเซมาตามป่าด้วยความเจ็บ และบอบช้ำจากแรงกระสุนที่ถูกยิง เขาลงนั่งพักแล้วเปิดเสื้อออกเห็นรอยช้ำจากกระสุนปืนหลายนัด ที่คอมีเขี้ยวเสือที่เป็นเครื่องรางแขวนอยู่ เสือใจยกมือไหว้แล้วขอบคุณครูบาอาจารย์
“ลูกขอบูชาและขอบคุณครูบาอาจารย์ที่ปกป้องรักษาชีวิตลูกเอาไว้....สาธุ”
เสือใจนั่งพักเหนื่อย เขาได้ยินเสียงเสือคำราม ก็ตระหนกและระวังตัว
“เสือ...ป่าแบบนี้จะมีเสือได้ยังไง”
เสือใจมองไปรอบๆ สักครู่ก็สบดวงตาเสือที่อยู่ในพุ่มไม้ มันเป็นแววตาของเสือสมิง เสือใจชักมีดหมอประจำกายออกมา
“เสือสมิง...”
อย่างรวดเร็ว แววตานั้นหายไป เสือใจสึกกังวลแล้วมองไปรอบๆเพื่อหามัน เสือสมิงคำรามอยู่ข้างหลังเสือใจห่างไปราว 4- 5 ก้าว เขาประจันหน้ากับมันในมือกำมีดหมอแน่น ทั้งคู่จดจ้องกันอยู่นาน เสือสมิงกระโจนใส่ เสือใจกระโจนบวกกับเสือสมิง ในมือมีมีดหมอหมายกระซวก ร่างของเสือใจและเสือสมิงต่างทะลุผ่านกันไปไม่ปะทะกัน เสือใจแปลกใจ เสือสมิงหายวับไป
“เสือสมิง...ทำไมมันดูอ่อนอาคมขนาดนี้นะ”
เสือใจสงสัยมาก
พะอูหลับตาบริกรรมคาถา สะดุ้งแล้วกระเด็นไปติดผนังถ้ำ งะดินเดมองดูแล้วเตือน
“อาคมของเจ้ายังไม่พอหรอกชะเวโบ”
“จะให้ข้าทำยังไง จะให้ข้ามองดูพี่สาวตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างนั้นหรือ”
“พลังของข้ามีเอาไว้ทำงานใหญ่”
พะอูมองงะดินเดอย่างไม่เข้าใจ
“ชีวิตของลูกสาวท่านยังไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกหรือ”
งะดินเดเครียดไปทันที เมื่อพะอูพูดอย่างนั้น
คนไข้ที่มารักษา ต่างพักผ่อนนอนหลับกันอยู่เรียงรายในโบสถ์ บาทหลวง จอบิ และหญิงกระเหรี่ยงสองคน ปรากฏกายขึ้นที่ประตูทางเข้า
“พวกเจ้าเลือกกันตามใจชอบ เสร็จแล้วปล่อยให้มันกลับบ้านไป สาวกของข้าจะต้องกระจายไปทั่วแผ่นดิน”
บาทหลวงมองดูพวกที่มารักษาอย่างพอใจแล้วยิ้มแยกเขี้ยวอย่างน่ากลัว จอบิ สาวกระเหรี่ยงสองคน พอใจแล้วแยกเขี้ยว
จอบิกัดคอชายคนหนึ่ง สาวกระเหรี่ยงกัดเด็กกับแม่ของเด็ก บาทหลวงกัดสาวคนหนึ่งอย่างเมามัน ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสนิท
หินนอนไม่หลับ ลงจากเรือนมาเดินเล่นแถวหน้าที่พักใน พลันสายตาก็ไปพบกับกลุ่มคนไข้ที่ถูกผีดิบกัดและดูดเลือด เดินแข็งทื่อเข้าไปในป่า หินเดินตามไปแล้วพยายามเรียก
“นี่...พวกน้าจะไปไหนกัน”
พวกที่โดนกัดหันมาหาหินไร้แววตา สีหน้าเฉยชาแล้วหันเดินต่อไป หินหยุดมองงงๆ ในใจคิดว่าพวกนั้นจะไปไหนกัน ทันใดกินรีมาแตะที่ไหล่ หินสะดุ้ง พอเห็นว่าเป็นกินรีก็โล่งใจ
“มาทำอะไรแถวนี้หิน”
“พวกคนไข้ที่มารักษานั่น...”
หินชี้ให้ดูกลุ่มคนที่ถูกกัดเดินเข้าไปในป่า กินรีมองเห็นรางๆแต่ก็รู้ว่าเป็นคนที่มารักษา
“เอ๊ะ...พวกนั้นจะไปไหนกันนะ ไปดูกันซิ”
กินรีกับหินกำลังจะเดินไปหากลุ่มพวกที่ถูกกัด กระเหรี่ยงสาวปรากฏกายขึ้นด้านหลังของทั้งคู่แล้วเรียก
“จะไปไหนกันหรือ...คนพวกนั้นน่ะเขาขอกลับบ้านไปก่อน”
กินรีสงสัย
“กลับบ้าน....พวกเขาหายแล้วหรือ”
กระเหรี่ยงสาวสงสัย
“หายแล้ว พวกเขาเป็นห่วงบ้าน อย่าไปสนใจเลย กลับไปนอนซะคุณพ่อท่านไม่ชอบให้ใครออกมายุ่มย่ามตอนดึกดื่น”
กระเหรี่ยงสาวพูดแกมบังคับเสียงแข็ง กินรีกับหินยอมเดินกลับไปนอน
“ดุจัง” หินบ่นก่อนเดินกลับไปพร้อมกินรี
กระเหรี่ยงสาวมองตามแล้วแยกเขี้ยว ในใจคิดอย่างจะดูดเลือดหิน
ระรินเอาตุ๊กตาเสน่ห์ใส่ใต้หมอนแล้วนอนลงหลับตา มีแสงเรืองขึ้นมาจากใต้หมอน จากตุ๊กตาเสน่ห์
ระรินลืมตาขึ้นแล้วมองแสงวิ่งผ่านห้องออกไปยังห้องนอนภราดรอย่างพอใจ
“ผ่านคืนนี้ไป หมอก็เป็นของเราแล้ว”
ทางด้านภราดรนอนหลับสนิท ลำแสงที่พุ่งออกมาจากห้องนอนของระรินค่อยๆวิ่งเข้าไปที่จมูก ภราดรสูดลมหายใจเข้าไป เมื่อหมดลำแสงร่างของภราดรเรืองแสงวูบหนึ่งแล้วทุกอย่างก็สงบลง
วันใหม่...กินรี ประเดิม มะค่า จัดข้าวของเพื่อจะรักษาคนไข้ บาทหลวงกับจอบิเดินเข้ามาทักทายอย่างอารมณ์ดี
“แหม...ขยันกันจริงๆ มากันแต่เช้าเลย เป็นยังไงเมื่อคืนหลับสบายไหม”
“สบายค่ะ” กินรียิ้มให้
ประเดิมเช็คจากแฟ้มประวัติคนไข้
“เอ...ทำไมคนไข้หายไปหลายคน”
“อ๋อ...เมื่อคืนฉันกับหินเห็นพากันกลับบ้านไปหลายคนน่ะ” กินรีเล่า
บาทหลวงรีบบอก
“อืม...เมื่อคืนเขามาขออนุญาตพ่อแล้วล่ะ เขาบอกว่าห่วงบ้านจะรีบไปเก็บพืชไร่”
บาทหลวงมองไปรอบๆแล้วถามถึงภราดร
“หมอภราดรยังไม่มาอีกหรือ”
กินรีกังวล ว่าทำไมภราดรมาผิดเวลา ขณะเดียวกัน สาวกระเหรี่ยงคนหนึ่งเดินเข้ามา
“คุณพ่อคะ มีชาวบ้านมาขอรับการรักษาอีกหลายคนค่ะ คุณพ่อช่วยไปดูหน่อยสิคะ”
“ได้สิ...มากันเยอะๆ เดี๋ยวหมอก็จะไม่อยู่แล้ว ไป”
บาทหลวงกับจอบิเดินจากไป กินรีคิดถึงภราดร
จงใจตื่นขึ้นแล้วนอนอยู่บนเตียง ท่าทางดีขึ้นมาก แก้วเอาข้าวต้มมาให้กิน
“ข้าวต้มจ้ะพี่จงใจ”
“ขอบใจจ้ะแก้ว...หอมจังเลย”
จงใจยังขยับมือไม่ค่อยไหว
“มาฉันป้อน”
แก้วป้อนข้าวต้มให้ จงใจเหลือบมองไปทางประตูทางเข้าห้องอยู่บ่อยๆ จนแก้วสังเกตได้และรู้ว่าจงใจมองหาสมรักษ์
“เดี๋ยวหมวดคงมา”
จงใจยิ้มได้ ครู่หนึ่งสมรักษ์กับหินเดินเข้ามา
“ท่าทางพี่จงใจดีขึ้นมากแล้ว...ดีใจจังเลย ฉันอยากกลับบ้านเต็มทีแล้ว” หินบอกอย่างรู้สึกดี
“คงอีกหลายวันน่ะหิน” สมรักษ์รีบหันมาแย้ง
“แน่ล่ะ...หมวดจะได้มีเวลาอยู่กับพี่จงใจนานๆใช่ไหมล่ะ”
แก้วไม่อยากอยู่เห็นภาพบาดตาจึงขอตัวออกมา
“ฉันไปเก็บจานชามล้างก่อนนะ”
พูดจบแก้วลุกไปทันที จงใจมองตามแล้วรู้สึกอะไรบางอย่าง แล้วหันมาบอกสมรักษ์
“นอนทั้งวันจงใจเบื่อจังเลย หมวดพาจงใจออกไปเดินเล่นหน่อยสิ”
“ได้สิไป...”
หินขยับตัวลุกขึ้น
“ไป..พี่..”
“ฉันว่าฉันคนเดียวก็ประคองจงใจได้นะ หินน่าจะไปช่วยทางโบสถ์เขาจะดีกว่า..แบบว่าทำตัวให้เป็นประโยชน์น่ะ”
สมรักษ์ไล่เนียนๆ หินหัวเราะอย่างรู้ทัน
ภราดรนั่งจิบกาแฟอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านอย่างเหม่อลอย ขณะเดียวกันระรินที่อยู่ในห้องนอนหยิบตุ๊กตาที่ทำเสน่ห์ออกมาดูเห็นว่าเริ่มหลอมเป็นคนเดียวกัน เธอนึกถึงที่อองไชยบอก...
“เมื่อถึงเพลา 7 ราตรี ร่างของเจ้าทั้งสองจะรวมกันเป็นหนึ่ง และเมื่อนั้นจะไม่มีใครมาพรากเจ้าทั้งสองคนออกจากกันได้ นอกจาก...คงไม่หรอก...มันไม่มีวันเป็นไปได้...” อองไชยพูดค้างไว้ ซึ่งมันยังเป็นปริศนาในใจระรินอยู่
ด้านหลังระรินปรากฏร่างของชะเวมะรัตยืน มองตาเขม็งอยู่แต่ทำอะไรไม่ได้
กินรีมาหาภราดรที่ยังนั่งจิบกาแฟอยู่ที่เดิม
“หมอคะ...ฉันเอาอาหารมาให้”
ภราดรมองมาที่กินรีแล้วท่าทางแข็งกร้าวอย่างไม่มีวิญญาณ
“เสร็จธุระแล้วก็ไปได้แล้ว”
กินรีรู้สึกเสียใจแทบหมดหวังที่ภราดรเปลี่ยนไปหนักขึ้น แต่ยังคงทำใจเย็น
“วันนี้หมอไม่ไปตรวจคนไข้หรือคะ”
ภราดรหันมาจ้องกินรีตาเขม็งอย่างช้าๆยังไม่ทันตอบ ระรินก็ออกมาตอบแทน
“ใช่..วันนี้หมอหยุด หมอไม่ค่อยสบาย ฉันเลยให้พัก”
“แต่ว่าคนไข้มีมาเพิ่มอีกนะคะ”
“ก็รอไปก่อนสิ หรือถ้ารอไม่ได้เธอก็รักษาแบบแม่มดหมอผีบรรพบุรุษของเธอไปพลางๆก็แล้วกัน หวังว่าคงไม่พากันตายหมดนะ”
กินรีไม่พอใจ
“มันจะมากไปแล้วนะคุณระริน กรุณาอย่าลามปามถึงบรรพบุรุษของฉัน”
ภราดรเข้าข้างระรินทันที
“อย่ามาขึ้นเสียงและทำกิริยาไพร่ๆที่นี่นะกินรี ไป...กลับไปได้แล้ว”
ภราดรพูดจบก็เดินเข้าไปข้างในบ้านอย่างรำคาญ
“ได้ฉันไปก็ได้ ฉันเห็นแก่หมอเท่านั้น อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะคุณระรินว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่...ฉันสาบานว่าฉันจะทำทุกวิถีทางที่จะให้คุณหมอกลับมาเป็นเหมือนเดิม”
ทั้งคู่จ้องตากันเขม็ง ระรินไม่ยอม
“ได้...ถ้าคิดว่ามีปัญญาก็เชิญ”
กินรีเดินจากไป ระรินมองอย่างอาฆาต
“แต่กลัวแกจะไม่มีลมหายใจอยู่ถึงวันนั้นน่ะสิ”
แก้วเอาจานมาล้างที่บ่อน้ำตามลำพัง เธอวางจานเอาไว้ไม่ได้ล้างแต่นั่งร้องไห้เบาๆเพราะน้อยใจในตัวเองเพราะหลงรักสมรักษ์
“แม่...แก้วจะทำยังไงดี”
มะค่าเดินมาเห็นแก้วที่ไม่รู้ตัว
“ทำไมมานั่งร้องไห้ตรงนี้ล่ะ ใครทำอะไรเจ้าหรือ”
แก้วหันไปเห็นมะค่าจึงรีบเช็ดน้ำตากลบเกลื่อน
“เปล่า ข้าไม่ได้ร้องไห้”
“อย่ามาโกหกข้าเลย ก็ข้าเห็นเจ้าร้องไห้อยู่ตั้งนานแล้ว มีอะไรหรือ”
แก้วถอนใจ เหม่อมองไปข้างหน้า“เจ้าไม่เข้าใจหรอก”
“เข้าใจสิ...ข้าเป็นผู้หญิงเหมือนเจ้า และข้าก็ไม่ได้โง่ด้วย...เรื่องหมวดสมรักษ์ใช่ไหม”
แก้วตกใจ
“นี่เจ้าอย่าพูดเรื่องนี้ให้ใครรู้นะ...ข้า...เอ่อ..อายเขา”
“ข้าไม่พูดหรอก ข้าเข้าใจเจ้า เจ้าชอบหมวดแต่หมวดดันไปชอบพี่สาวเจ้า แล้วเจ้าจะทำยังไง จะทำเจ็บอย่างนี้ไปทุกวันๆหรือ”
“เพื่อความสุขของคนที่ข้ารัก ข้าต้องทนและทนให้ได้จนกว่าข้าจะหมดลมหายใจ”
แก้วบอกจริงจัง มะค่ามองอย่างเห็นใจ
สมรักษ์ประคองจงใจเดินมาตามทางที่ร่มรื่น จงใจสูดอากาศบริสุทธิ์อย่างสดชื่น
“รู้สึกเป็นยังไงบ้าง จงใจ”
“สบายขึ้น แล้วก็คิดถึงบ้าน”
สมรักษ์แกล้งงอน
“โธ่..ไอ้เราหรืออุตส่าห์รักหมดใจ นึกว่าอยากอยู่ใกล้เราเสียอีก”
“แหม...ก็จงใจแค่คิดถึงพ่อเสือนี่ ไม่รู้ว่าป่านนี้เป็นยังไงบ้าง”
“เสือใจคงไม่เป็นอะไรหรอก แต่ฉันน่ะสิจะตายด้วยความคิดถึง จะไปหาดีๆก็ไม่ได้ เสือใจคอยจ้องเขม็ง ยังมีเสือทศอีก โอ๊ย..ด่านเยอะจริงๆเลย”
จงใจกุมมือสมรักษ์เอาไว้
“แหม..หมวดก็..หมวดอย่าเพิ่งท้อสิ จงใจเชื่อนะว่าสักวันพ่อเสือต้องเห็นใจเรา น้าแววบอกว่าหมวดเป็นคนดี และสามารถดูแลจงใจให้มีความสุขได้”
สมรักษ์ยิ้มอย่างรู้สึกขอบคุณแวว
“ฉันเชื่อแล้วว่า น้าแววแกโกหกไม่เป็นจริงๆ...พูดความจริงล้วนๆเลย”
“หน้าไม่อาย ชมตัวเองก็เป็น..เชอะ..”
ทั้งคู่หัวเรา ะแล้วเดินไปด้วยกันอย่างมีความสุข
เสือใจนอนหลับบนคบไม้ใหญ่ เขายังเจ็บระบมจากการถูกยิง
“อูย...เช้าแล้วหรือวะ...”
เสือใจนึกถึงเรื่องเมื่อคืน
“เสือสมิง...มันมาได้ยังไง”
เสือใจคิดถึงแววขึ้นมา แล้วรีบลงจากต้นไม้เดินทางต่อ
เสือทศเดินรอบๆบริเวณที่พักกับเสือชิน ไม่นานนักเสือเรืองกลับมา กระซิบบอกว่าเสือใจรอดไปได้
“ไม่เป็นไร ข้ารู้ว่าจุดนัดพบของพ่อเสืออยู่ที่ไหน” เสือทศบอกอย่างใจเย็น
“แล้วไอ้สองตัวนั่นล่ะ”
เสือเรืองมองไปทางเสือเข้มและเสือดำ
“ข้าจัดการเอง”
เสือทศเดินเข้าไปหาเสือเข้มกับเสือดำแล้วสั่งการ
“ข้าว่าวันนี้เอ็งสองคนคงต้องกลับชุมเสือก่อน”
เสือเข้มแปลกใจ
“อ้าว...ทำไมล่ะ พ่อเสือสั่งให้ฉันสองคนช่วยพี่ตามหาจงใจ”
“นี่เป็นคำสั่ง....เอ็งสองคนต้องกลับชุมเสือ...หรือว่าเอ็งจะขัดคำสั่งข้า”
“แต่พ่อเสือ...”
“ในชุมเสือไม่มีคนดูแล ต้องมีใครไปเฝ้าเป็นหลักไว้ เผื่อเกิดเรื่องเกิดราวอะไรและข้าเห็นว่าเอ็งสองคนเหมาะที่สุด ...ข้าคงไม่ปล่อยให้จงใจของข้าเป็นอะไรหรอก เอ็งสองคนรีบกลับไปได้แล้ว”
เสือเข้มกับเสือดำพยักหน้าให้กัน
“ถ้าพี่ไว้ใจฉันสองคนก็ได้...ไปไอ้ดำ”
เสือเข้มกับเสือดำชักม้าออกไป เสือทศมองตามอย่างกระหยิ่มแล้วสั่งเสือเรือง
“เอ็งไปสั่งให้พวกว้าแดงไปดักที่จุดนัดพบ แล้วจัดการให้เสร็จเรียบร้อย”
“แต่มันบอกว่ามันยิงพ่อเสือไปเป็นชุดกระสุนไม่ระคายผิวเลย”
เสือทศส่ายหน้าในความโง่ของพวกมัน
“ยิงไม่ตายก็จับเป็นมาสิวะ...ไปรีบไป”
“แล้วพี่ล่ะ”
“ข้าคงต้องไปหาฝ่ายพันธมิตรของข้าซะหน่อย”
เสือทศนึกถึงเสี่ยรงค์ขึ้นมา
จ่าชิตกับตำรวจชุดไล่ล่าสมรักษ์ เดินเท้ามาตามทางจนถึงหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งเป็นชุมชนคนไทย
“เข้าไปหาข่าวที่หมู่บ้านนี้ก่อน” จ่าชิตสั่ง
“ครับจ่า”
หมู่รับคำ ทั้งหมดเดินเข้าไปในหมู่บ้าน ชาวบ้านส่วนใหญ่กลัวตำรวจจึงไม่กล้าออกมาจากบ้าน ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านวัย 50 ปีเศษเดินออกมาต้อนรับอย่างไม่เกรงกลัว
“มีอะไรกันหรือคุณตำรวจ ผมเป็นผู้ใหญ่บ้านที่นี่”
“ผมชื่อจ่าชิต นำทีมมาตามหานายตำรวจคนหนึ่ง ชื่อสมรักษ์”
จ่าชิตยื่นรูปถ่ายสมรักษ์ให้ผู้ใหญ่บ้านดู
“เห็นเขาผ่านมาทางนี้บ้างไหม”
“ไม่....ไม่มีตำรวจผ่านมาทางนี้เลยนอกจากพวกนาย”
จ่าชิตมองแววตาผู้ใหญ่ แล้วมองไปรอบๆ เขาเชื่อว่าผู้ใหญ่บ้านพูดความจริง
“ไม่เป็นไร”
หมู่พูดเสริม
“แต่ถ้าเจอเขาล่ะก็ต้องระวังให้ดีนะ เขาเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายมา แล้วเห็นว่าเป็นพวกของเสือใจด้วย”
“หมู่....หมู่พูดอะไรน่ะ” จ่าชิตตกใจ
“ก็ผู้กองศักดาบอกว่าอย่างนั้นนี่”
พลตำรวจทุกนายพยักหน้าสนับสนุนหมู่ ผู้ใหญ่บ้านถอนใจ
“ผู้ร้ายฆ่าคนตาย พวกเสือใจ เฮ้อ....เมื่อไหร่จะจับไอ้เสือใจได้เสียทีนะ ชาวบ้านเขาจะได้อยู่กันอย่างสงบสุขเสียที”
จ่าชิตแปลกใจ
“เอ่อ...ทำไมหรือเสือใจมันออกอาละวาดอีกหรือ”
“ใช่ เห็นเขาลือกันไปทั่ว”
จ่าชิตรู้สึกสงสัย เพราะที่รู้มาคือเสือใจไม่ได้ออกปล้นนานแล้ว แล้วเปลี่ยนเรื่อง
“งั้นผู้ใหญ่คงต้องระวังหน่อยละกัน...เออฉันขอน้ำกับเสบียงบ้างได้ไหม แล้วฉันจะออกเดินทางต่อ”
“เอาสิ...แต่เรามีแต่ปลาแห้งกับข้าวตากนะ”
“ได้ทั้งนั้นแหละ”
“ตามฉันมา”
ทุกคนเดินตามผู้ใหญ่บ้านไป
ลูกน้องพาแววมาถึงจุดนัดพบที่เสือใจบอก
“ไม่รู้พี่เสือเป็นยังไงบ้าง” แววกังวล
“อย่าห่วงเลยน้าแวว พ่อเสือเป็นคนเก่งคงไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก นี่คือจุดนัดพบที่พ่อเสือบอกเดี๋ยวพ่อเสือก็คงจะมา”
“น้ารู้....แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้”
“น้าแววนั่งพักที่นี่ก่อนนะ ฉันจะไปหาอะไรมากินกัน”
“ตามสบายเถอะ”
ลูกน้องจากไป แววนั่งพัก ในใจเป็นห่วงเสือใจและเด็กๆ
ลูกน้องกระจายกันออกไปหาน้ำและอาหาร ทั้งสามคนอยู่ไม่ห่างจากกันนัก ลูกน้องคนหนึ่งกำลังก้มหาฟืน แล้วรู้สึกว่าพื้นดินสะเทือนเหมือนมีขบวนอะไรกำลังมุ่งหน้ามา เขาเงยหน้ามองเห็นขบวนม้าของพวกว้าแดงกว่าสิบตัววิ่งดาหน้าเข้ามา
“แย่แล้ว...เฮ้ยหนีเร็ว...พวกมันมาแล้ว”
ลูกน้องคนอื่นๆได้ยินแล้วเห็นอย่างที่คนแรก เห็นจึงรีบวิ่งมาที่แววพร้อมตะโกนให้หลบไป
“น้าแวว..หนีไป...หนีไป”
แววรู้สึกงงแต่เมื่อเห็นขบวนม้าวิ่งเข้ามา เธอจึงเข้าใจแต่แววไม่หนี เธอหยิบปืนยาวมาประทับแล้วเข้าที่กำบังพร้อมจะสู้
“มาเลยไอ้พวกเวร ข้าจะไม่หนีเอ็งอีกแล้ว เข้ามา...”
ลูกน้องวิ่งเข้ามาหลบที่กำบังตรงแวว แววยิงปืนใส่ไปที่ขบวนม้าลูกน้องว้าแดงตกลงมาตายไปคนหนึ่ง หัวหน้าว้าแดงสั่ง
“ฆ่ามัน...”
จบตอนที่ 10