xs
xsm
sm
md
lg

หน้าผาการคลัง หน้าผาฆ่าตัวเอง

เผยแพร่:   โดย: ไสว บุญมา

ผู้ติดตามข่าวโลกคงได้ผ่านหูผ่านตากับคำว่า “หน้าผาการคลัง” กันบ้างแล้ว คำนี้เป็นคำใหม่ในแวดวงเศรษฐกิจซึ่งแปลมาจากคำว่า Fiscal Cliff ใครจะเป็นคนคิดขึ้นใช้ไม่เป็นที่ประจักษ์อย่างแจ้งชัดนักนอกจากมันเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าหมายถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ถ้ารัฐบาลไม่ออกกฎหมายใหม่เพื่อแก้กฎหมายเก่าที่จะมีผลผูกพันทันทีเมื่อขึ้นปี 2556

หากไม่ออกกฎหมายใหม่มาแก้กฎหมายเก่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอเมริกามีสองอย่างด้วยกันคือ รัฐบาลกลางจะต้องลดการใช้จ่ายลงอย่างฮวบฮาบและภาคเอกชนจะต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นจำนวนมาก หากสองอย่างนั้นเกิดขึ้นพร้อมกัน มันหมายถึงการใช้จ่ายโดยทั่วไปในเศรษฐกิจจะลดวูบลงทันทีอันมีลักษณะคล้ายเดินๆ ไปแล้วทางสุดลงตรงหน้าผาทันที ผลที่ตามมาคือความถดถอยร้ายแรงของเศรษฐกิจอเมริกันซึ่งตกอยู่ในภาวะลูกผีลูกคนมานานหลังวันที่ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์แตกเมื่อปี 2551

รัฐบาลอเมริกันอันมีฝ่ายบริหารเป็นผู้นำสามารถหาข้อตกลงกับฝ่ายนิติบัญญัติได้ภายในกำหนดเวลา การตกหน้าผาจึงไม่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัญหายังไม่หมดไปเพราะอีกไม่นานรัฐบาลกลางจะต้องเผชิญกับเพดานหนี้ คงเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า รัฐบาลอเมริกันอยู่ได้ด้วยการกู้หนี้ยืมสินซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นดินพอกหางหมูติดต่อกันมานาน วันไหนที่รัฐบาลกู้เงินเพิ่มไม่ได้เพราะมีกฎหมายเพดานหนี้บังคับอยู่ วันนั้นก็จะเป็นวันที่เศรษฐกิจตกหน้าผาย่อยๆ สภาพเช่นนี้ทำให้มีผู้ตราเศรษฐกิจอเมริกันว่ากำลังเดินทางตามยุโรปอันเป็นการพูดเชิงดูแคลน

อะไรทำให้บางคนดูแคลนยุโรป

ผู้ติดตามข่าวคงทราบดีแล้วว่าล่าสุด กรีซแซงหน้าสเปนในด้านการมีอัตราการว่างงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นั่นคือ ผู้อยู่ในวัยทำงานถึง 26.8% หางานทำไม่ได้ในขณะที่อัตราในสเปนซึ่งครองอันดับหนึ่งมานานอยู่ที่ 26.6% อัตราการว่างงานในระดับนั้นหมายถึงอะไรคงไม่ต้องขยายความมากนักนอกจากการรอวันที่สังคมจะล่ม หรือตกหน้าผาตาย ในสเปน รัฐคาตาโลเนียซึ่งเป็นที่ตั้งของเมื่องบาเซโลนาที่มีความเป็นเลิศในหลายอย่างรวมทั้งฟุตบอลและเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่ารัฐอื่นอาจขอแยกตัวออกเป็นเอกราช เหตุการณ์เช่นนั้นจะเป็นการเริ่มต้นของการแบ่งแยกสเปนซึ่งจะจบลงอย่างไรยากที่จะหยั่งได้

กรีซคงไม่ประสบปัญหาเช่นนั้น แต่ก็มีการฆ่ากันเกิดขึ้นแล้วหลังรัฐบาลตัดงบประมาณลงเพื่อทำตามความต้องการของสหภาพยุโรปและไอเอ็มเอฟในแนวที่ไทยต้องทำในปี 2540 ต้นตอของวิกฤตในกรีซได้แก่การใช้นโยบายประชานิยมแนวเลวร้ายติดต่อกันมานานโดยรัฐบาลจ้างพนักงานพร้อมให้สวัสดิการและค่าแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเพิ่มสวัสดิการให้พนักงานของรัฐก็ต้องเพิ่มให้ประชาชนโดยทั่วไป ในขณะเดียวกัน รัฐบาลก็พยายามเอาใจประชาชนโดยการลดอัตราภาษี หรือไม่เก็บเพิ่มขึ้นไปพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายส่งผลให้เกิดภาวะงบประมาณขาดดุลรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

เนื่องจากกรีซเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปซึ่งมีข้อตกลงว่าสมาชิกจะขาดดุลงบประมาณเกิน 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ หรือจีดีพี ไม่ได้ แต่รัฐบาลกรีซละเมิดกฏนั้นด้วยการตกแต่งบัญชีโดยมีธนาคารยักษ์ใหญ่ให้คำแนะนำ ก่อนที่เรื่องจะแดงออกมาและเศรษฐกิจของกรีซเดินเข้าสู่ภาวะวิกฤต ปรากฏว่ากรีซขาดดุลงบประมาณถึง 13% ของจีดีพีและเป็นหนี้สินแบบท่วมท้น กรีซยังโชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากสหภาพยุโรปและไอเอ็มเอฟ ครั้งหนึ่งมีการพูดถึงการไล่กรีซออกจากสหภาพยุโรป เมื่อไรกรีซถูกไล่ออก เมื่อนั้นหมายถึงการตกหน้าผาตายของกรีซ แม้จะยังไม่ตกหน้าผา แต่ตอนนี้ชาวกรีกก็ต้องทุกข์ทนจากผลของการใช้นโยบายประชานิยมและความฉ้อฉลของรัฐบาล อัตราการว่างงานที่ 26.8% เป็นตัวชี้บ่งตัวหนึ่งเท่านั้น ย้อนไปไม่นานชาวกรีกออกมาประท้วงรัฐบาลเรื่องการตัดสวัสดิการของพวกตนส่งผลให้ถูกปราบปรามจนถึงขั้นเสียชีวิต

อาจจำกันได้ว่ากรีซและสเปนมิได้เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อปี 2500 กรีซเข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2524 และสเปนเมื่อปี 2529 ทั้งที่ทั้งสองต้องการเป็นสมาชิกมาก่อนนั้น การไม่ได้เป็นจากวันที่ต้องการเป็นมีเหตุสืบเนื่องมาจากสองประเทศนั้นยังมีการปกครองในแนวเผด็จการและมีสถาบันทางเศรษฐกิจและสังคมในแนวของประเทศกำลังพัฒนามากกว่าในแนวของประเทศก้าวหน้าซึ่งเป็นสมาชิกก่อตั้งสหภาพยุโรป ประเทศทั้งสองต้องใช้เวลาปรับเปลี่ยนสถาบันและกฎหมายของตนจนเป็นที่ยอมรับของสังคมประชาธิปไตยที่ใช้ระบบตลาดเสรีเป็นแนวบริหารจัดการเศรษฐกิจจึงเข้าเป็นสมาชิกของตลาดร่วมยุโรปได้ เหตุการณ์ที่เห็นอยู่ชี้บ่งว่า แม้จะเข้าเป็นสมาชิกของประเทศที่เรียกกันว่าพัฒนาแล้ว แต่หากยังไม่ระวังเรื่องการบริหารจัดการเศรษฐกิจให้รัดกุมจริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นหน้าผาที่จะพาสังคมไปตายได้ไม่ยาก

สหรัฐอเมริกาต่างกับสหภาพยุโรปในแง่ที่มีรัฐบาลกลางอันแข็งแกร่ง ส่วนสหภาพยุโรปมีสมาชิกที่มีรัฐบาลเป็นของตนเองถึง 27 ประเทศ นอกจากนั้น รัฐบาลอเมริกันยังเป็นมหาอำนาจที่สามารถพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาใช้ได้มากมายโดยที่สังคมโลกทั่วไปยอมรับ นอกจากนั้น ทุกครั้งที่รัฐบาลต้องประสบกับเรื่องเพดานหนี้ รัฐสภาก็ร่วมมือหาทางออก อเมริกาจึงไม่น่าจะตกหน้าผาในรูปของกรีซหรือสเปน ส่วนการตกหน้าผาการคลังแบบทันทีทันใดก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น ทั้งนี้เพราะเมื่อเข้าตาจนจริงๆ ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติก็จะหาทางออกได้ดังที่มีตัวอย่างให้ดูเมื่อวันขึ้นปีใหม่ที่ผ่านมา

หันมามองเมืองไทยจากมุมมองของหน้าผาซึ่งจะพากันไปตายหรือไม่จะพบว่า ไทยไม่มีหน้าผาการคลังแบบอเมริกา ฉะนั้น การเดินไปตกหน้าผาแบบทันทีทันใดจะไม่เกิดขึ้นแน่ แต่ไทยกำลังสร้างหน้าผาเพื่อฆ่าตัวเองในแนวเดียวกับกรีซ

จะเห็นว่ารัฐบาลเพิ่มการใช้จ่ายสารพัดอย่างเพื่อสร้างความนิยมให้แก่ตัวเอง แต่แทนที่จะเก็บภาษีเพิ่มเพื่อหาเงินมาสนับสนุนการใช้จ่ายพร้อมกันไปด้วย รัฐบาลกลับพยายามลดภาษี ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายๆ ได้แก่การลดอัตราภาษีเงินได้และการให้คืนภาษีแก่ผู้ที่ซื้อรถยนต์คันแรก การทำเช่นนั้นย่อมนำไปสู่การขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น รัฐบาลปิดงบประมาณด้วยการกู้หนี้ยืมสิน แต่รัฐบาลไทยไม่สามารถพิมพ์เงินบาทออกมาใช้ได้เช่นรัฐบาลอเมริกันพิมพ์เงินดอลลาร์ ฉะนั้น ในวันหนึ่งข้างหน้ารัฐบาลไทยก็จะไม่สามารถหากู้ยืมเพิ่มอีกได้และในวันนั้นก็จะต้องคลานไปหาไอเอ็มเอฟซึ่งเป็นการล้มละลาย หรือตกหน้าผาฆ่าตัวตายในแนวเดียวกับกรีซ แน่ละ ผู้คลานไปหาไอเอ็มเอฟจะไม่ใช่ผู้บริหารบ้านเมืองชุดปัจจุบันซึ่งเชี่ยวชาญในด้านการตีกรรเชียงหลบเลี่ยงปัญหา แต่จะเป็นพรรคฝ่ายค้านเช่นเดียวกันกับเมื่อปี 2540
กำลังโหลดความคิดเห็น