คู่กรรม ตอนที่ 16
พระอาทิตย์แย้มแสงหลังก้อนเมฆ แต่ท้องฟ้าโดยรวมยังมืดมิดอยู่ ลำแสงแรกยามรุ่งเช้าจางๆ สาดส่องผ่านหน้าต่างมากระทบลายเส้นบนฉากกั้นในห้องนอน
ผ้าแพรเพลาะยับย่น ในมืออังศุมาลินที่จิกขยำขยุ้มผ้านั้นไว้แน่น มองเรื่อยไล่ขึ้นมาเห็นอังศุมาลินนอนหงายผมยุ่งเผ้ากระจาย
อังศุมาลินนอนลืมตาเหม่อมองเพดานนิ่ง เม้มริมฝีปากแน่น สองมือกุมจับขอบผ้าห่มแพรที่คลุมปิดร่าง ไม่ยอมขยับเขยื้อนตัว
โกโบรินอนตะแคง มองหน้าอังศุมาลินนิ่งๆ ตรงหัวไหล่มีรอยฟันอังศุมาลินที่กัด และเป็นรอยแดงช้ำเหวอะ
โกโบริเดือดเนื้อร้อนใจด้วยความรู้สึกผิดมากกับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้
“ฮิเดโกะ..ผมเสียใจ”
โกโบริลูบๆ ผมอังศุมาลินอย่างทะนุถนอม แล้วก้มลงจุมพิตหน้าผากขาวซีดของอังศุมาลินที่ยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติงใดๆ
“ผมเป็นคนผิดเอง..เพราะ..ผมรักคุณเหลือเกิน”
อังศุมาลินยังคงนิ่งเหมือนเดิม
“ผมเลว คุณจะให้ผมทำยังไง ผมยอมทั้งนั้น”
อังศุมาลินเหมือนไม่มีชีวิต ปล่อยให้โกโบริขอโทษอยู่อย่างนั้น
“ผมเมามาก ผมไม่ทันยั้งคิด ผมรู้แต่ว่า..ผมรักคุณ..ผมรักคุณ..ผมรักคุณ..อย่าโกรธผมเลย ฮิเดโกะ”
อังศุมาลินเหม่อมอง แววตาเลื่อนลอย เหมือนคนที่คิดไม่ออก ว่าชีวิตจะไปยังไงต่อ
“พูดกับผมซักนิดเถอะ ผมเสียใจจริงๆ นะ..ฮิเดโกะ โกรธผม ด่าว่าผม ทำอะไรๆ ผมก็ได้ทั้งนั้น...แต่อย่านิ่งอย่างนี้ ผมใจไม่ดี” โกโบริพร่ำรำพันขอโทษไม่เลิกรา
อังศุมาลินยังนิ่ง เหมือนหุ่นที่ไม่มีชีวิตไปแล้ว แต่ประกายตาวูบไหวปวดร้าว
“พูดอะไรก็ได้...สักนิดเถอะ”
อังศุมาลินนิ่ง
โกโบริร้อนรน ขยับตัว จับมืออังศุมาลินขึ้นมา แล้วจับมืออังศุมาลินมา ตบๆๆๆ ที่ใบหน้าตน
ทว่ามือของอังศุมาลินไม่มีปฏิกิริยา เหมือนจับมือหุ่นที่ไร้ชีวิตไร้แรง
โกโบริจับมืออังศุมาลินให้กระชับขึ้น แล้วจับมาตบๆๆ ให้แรงขึ้นอีก เพื่อให้ตนเจ็บจริงๆ
แต่มืออังศุมาลินยังคงปล่อยวาง
โกโบริยอมแพ้ เอามืออังศุมาลินมาจูบอย่างดูดดื่ม แล้ววางมืออังศุมาลินอย่างอ่อนโยน ทะนุถนอม แล้วผวาเข้าไปกอดอังศุมาลินแน่น ด้วยความกลัวจับขั้วหัวใจว่าจะสูญเสียไปเพราะความเกลียดที่อังศุมาลินจะมีต่อตนมากขึ้นอีกหรือเปล่า
อังศุมาลินยังนอนนิ่ง เหมือนวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว ดวงตาเหม่อลอย
น้ำในคลองไหลไปเรื่อยเอื่อย แสงสะท้อนเงินยวงเทาชมพูทองๆ เงินๆ ของอาทิตย์ยามเช้าส่องกระทบ กอดอกผักตบชวาสีม่วง ไหลไปตามน้ำ แลเห็นผึ้งตอมดอมดมดอกไม้สวยงาม
ส่วนในห้องนอน อังศุมาลินยังคงนอนนิ่งงันในอ้อมกอดโกโบริ
“ผมจะไม่โทษเหล้า ไม่โทษความเมา...เพราะผม..ไม่ได้ทำไปโดยไร้สติ แต่ผมผิดที่ข่มสติไว้ไม่อยู่ สติที่ผมพยายามข่มไว้ตลอดมา ผมผิด..ตรงที่รักคุณมากจนเกินไป มากจน...เวลาปกติ ผมไม่กล้าผิดสัญญา แต่ความเมามันทำให้...”
โกโบริพูดต่อไม่ออก พลางถอนใจยาว และหนักหน่วง
“เอาเป็นว่า..ผมไม่เคยเสียสัญญากับใคร นอกจากครั้งนี้...ฮิเดโกะ แต่ไม่ว่าอย่างไรผมก็ยังรักคุณ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกลึกซึ้งเพียงนี้ ผมรู้แต่ว่า ชั่วชีวิตของคนเรา หากจะเลือกรักใครได้สักคนด้วยหัวใจทั้งหมด ผมก็ได้เลือกแล้ว ทั้งๆ ที่รู้ว่าคุณไม่ชอบผมเลย”
สีหน้าอังศุมาลินเศร้าลงเหมือนยอมรับฟัง แต่แล้วกลับตัดสินใจ พลิกตะแคงหันหลังให้
โกโบริยิ่งสะเทือนใจมาก “ผมเคยถามตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมผมจะต้องรักคุณ เพราะรักแล้วก็มีแต่ความทุกข์ตลอดมา ทุกข์เพราะผิดหวัง ทุกข์เพราะสลัดความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้ และยังทุกข์..เพราะรู้ดี ว่าคุณมีคนอื่นที่ไม่ใช่ผม”
คำพูดนี้กระแทกเข้าใบหน้าอังศุมาลิน จนเจ็บปวดขึ้น
โกโบริไม่เห็นสีหน้าอังศุมาลินแล้ว ไม่รู้ว่าอังศุมาลินรู้สึกยังไง ได้แต่กอดไว้จากข้างหลัง ตั้งใจสารภาพทั้งหมดแบบเปิดใจ
“วันที่เราแต่งงานกัน คุณรู้ไหม ฮิเดโกะ ผมอยากบอกใครๆ ทั้งโลกว่า คุณเป็นของผมแล้ว ถึงผมจะแตะต้องคุณไม่ได้แม้ปลายเล็บ แต่ผมก็พอใจ คงเหมือนกับเด็กที่ได้ของที่ตัวรักมาเก็บใส่ตู้ไว้ดูคนเดียว ผมอาจเห็นแก่ตัวไปบ้าง แต่ก็เพราะรักอย่างเดียว! ผมคิดว่าจะพอใจเพียงแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ ไปอย่างนั้นจนถึงวันที่เราจากกัน”
ดวงตาของอังศุมาลินวูบไหวขึ้น แต่ไม่ร้องไห้
ดวงอาทิตย์ลอยตัวสูงขึ้น จนเหนือทิวมะพร้าวริมคลอง กระรอกน้อยกระโดดไประหว่างต้นไม้หาอาหารเปลือกไม้สุดโปรด
ขณะที่อังศุมาลินยังคงนอนหันหลังให้โกโบริ พยายามรวมรวมความคิดตัวเอง โกโบริตัดสินใจ ลุกขึ้น นั่งคุกเข่าสารภาพจริงจังอย่างซามูไร
“จริงๆ นะครับ...ฮิเดโกะ..ผมคิดเสมอมาจริงๆ ว่าสงครามทำให้ชีวิตผมคงไม่ยืนนานนักหรอก ผมตั้งใจไว้ว่า...ในยามนั้น...ผมคงพาความสุขจากความรู้สึกที่ได้ชื่นชมคุณเพียงในฝันแค่นั้น...ติดตามไปในโลกหน้าด้วย คุณเองก็จะได้เป็นอิสระ ได้ไปพบกับคนที่คุณรักเขาอย่างจริงใจ”
โกโบริเมียงมอง แล้วตัดสินใจ เอื้อมมือไปแตะแขนเบาๆ สัมผัสรับรู้ว่าอังศุมาลินตัวแข็งทื่อ แล้วจังหวะต่อมาตัดสินใจ พลิกขยับตัวหันกลับมานอนหงาย ภาษากายแสดงความหวงตัวมาก ดึงผ้าแพรปิดถึงคอ เหมือนประกาศว่าอย่ามาแตะ
โกโบริหดมือกลับ ก้มหัวลง “ผมไม่คิดเลย ว่าจะมีเวลาที่..ผมคุมตัวเองไม่ได้ คุมสติไม่อยู่ขนาดนี้ ผมเสียใจเหลือเกิน ผมไม่หวัง...ว่าคุณจะรักผมได้ ผมขอหวังเพียงว่า..คุณจะยอมยกโทษให้..ได้ใช่ไหม..ฮิเดโกะ”
โกโบริมองหน้า ดวงตาอังศุมาลินวาววับขึ้นมา
โกโบริใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าอังศุมาลินอย่างทะนุถนอม พูดแผ่วเบา ก้มลงไปจนชิดใกล้
“ยกโทษให้ผมนะ..ฮิเดโกะ”
อังศุมาลินสบตานิ่ง เย็นชา ตอบด้วยเสียงแผ่วเบา แต่ชัดเจนจับขั้วใจ
“ไม่มีวัน...ไม่มีวัน”
โกโบริสบตาคู่นั้นใกล้ ถึงกับผงะ แล้วถอยออกมา
อังศุมาลินหันมามองตาม “ไม่มีวัน..ที่ฉันจะลืมความเกลียดครั้งนี้”
ความหวังที่จะได้รับการอภัยเป็นศูนย์ โกโบริใจแป้วเหมือนโดนฟาดด้วยแส้ครางออกมาแผ่วๆ
“ฮิเดโกะ”
อังศุมาลินนอนท่าเดิมผินหน้ามองไปทางอื่น ดวงตาคู่งามแข็งกร้าวคมกริบ
“ฟังฉันบ้างนะ” ย้อนด้วยสำนวนของโกโบริเอง “ไม่ว่าฉันจะอยู่หรือฉันจะตาย ฉันจะเอาความรู้สึกนี้ติดตัวไปด้วยทุกขณะจิต” อารมณ์โกรธเกลียดมาเป็นริ้วๆ อังศุมาค่อยๆ พูดแรงขึ้น อย่างลืมตัว “ไป ไปให้พ้น ไปเดี๋ยวนี้”
โกโบริเกรงใจห้องข้างๆ “ค่อยๆ ยังเช้าอยู่นะ”
อังศูมาลินพูดโดยไม่ยอมมองหน้าอีก “ฉันบอกให้ไป!”
“ผมยังไปไม่ได้ จนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง..คุณกำลังโกรธ ผมรู้ว่าผมเป็นคนไม่ดี แต่คุณฟังผมก่อนได้ไหม”
อังศูมาลินขึ้นเสียงใส่ “ไม่ ฉันไม่ฟัง ไป๊”
“ฮิเดโกะ”
อังศูมาลินเหลียวขวับมา “ฉันไม่ใช่ชื่อนี้ และไม่มีวันที่ฉันจะปลงใจเห็นดีกับคนญี่ปุ่น ไม่ว่าหน้าไหนทั้งสิ้น”
โกโบริถอนใจเบาๆ ลูบไล้ผมอังศุมาลิน แต่ถูกอังศุมาลินปัดออกอย่างรุนแรง
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”
โกโบริผงะ มองอังศุมาลินนิ่งครู่หนึ่ง
“วันนี้เราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว..เช้าแล้ว ผมมีงานด่วนค้างอยู่ เอาไว้เย็นๆ คุณพอสบายใจขึ้น ผมจะมาใหม่”
โกโบริโน้มลงมาจะจุมพิตหน้าผาก อังศุมาลินรีบเบี่ยงหลบทันควัน โกโบริชะงักไว้
“คุณจะโกรธผมยังไงก็ตาม...แต่ผมก็ยังรักคุณอยู่นั่นเอง”
โกโบริลุกขึ้น เครื่องแบบที่ถูกถอดวางไว้ที่พื้น ยังกองงอยู่ โกโบริเก็บเสื้อผ้า แล้วเดินหายออกไปหลังฉาก
อังศุมาลินนอนนิ่ง ใบหน้าหมองหม่น แววตาเจ็บปวด ร้าวราน สับสน
ตรงฝั่งที่มีฉากกั้น โกโบริล้างหน้าล้างตาที่ริมหน้าต่าง ด้วยเหยือกน้ำและอ่างที่โต๊ะล้างหน้า เสร็จแล้วคว้าหาผ้าเช็ดหน้า ที่ราวแขวนผ้า มีผ้าขนหนูของอังศุมาลินพาดอยู่
โกโบริหยิบมา แล้วเอามาดม หลับตาลงด้วยความซาบซึ้งในกลิ่นหอมนั้น โกโบริเช็ดๆ หน้า แล้วเช็ดมาที่บ่าที่มีน้ำเปื้อน แล้วสะดุ้ง แผลที่อังศุมาลินกัด เจ็บมาก
แต่โกโบริทำหน้าสะใจ เอามือแตะเบาๆ ที่แผลนั้น
โกโบริมาดูที่กระจกตรงโต๊ะล้างหน้า ดูแผลตัวเองในเงากระจก แล้วยิ้มออกมาอย่างปวดร้าวแต่สาแก่ใจ สมน้ำหน้าตัวเอง
ครู่ต่อมาโกโบริเดินกลับมาที่ฉาก พร้อมสวมชุดเครื่องแบบกำลังติดกระดุม มองมาที่อังศุมาลิน
เห็นอังศุมาลินนอนนิ่งในท่าเดิม แต่หลับตาไม่อยากรับรู้อะไร
“ผมไปละ เย็นนี้เราค่อยคุยกัน”
โกโบริลังเล อยากเข้ามาหาอีก แต่ระงับใจไว้ ตัดใจเดินออกไป
เสียงประตูห้องปิดลง อังศุมาลินค่อยๆจิกกดกำมือแน่น กัดริมฝีปากแน่นจนเจ็บ อาการหายใจขัดๆทวีขึ้น น้ำตารื้นเป็นริ้ว ค่อยๆ เอ่อล้นรินไหลเป็นทาง
เสียงโกโบริในความทรงจำ ดังหลอกหลอน
“ฮิเดโกะ ผมรักคุณ”
อังศุมาลินพูดออกมา เหมือนเถียงกับเสียงนั้น
“ไม่! ฉันเกลียด..ฉันเกลียดแก”
อังศุมาลินร้องไห้ ความรู้สึกขัดแย้งรุนแรง และยิ่งเกลียดตัวเอง ที่ความจริง ดันไปรู้สึกดีมาก กับความรักของโกโบริ
มืออังศุมาลินกำแน่น จนเมื่อคลายออก จึงเห็นรอยเล็บ ที่จิกลงบนฝ่ามือตัวเองเป็นแผลลึก
เวลาผ่านไป ภายในครัว เห็นไฟจากถ่านสีแดงในเตา ถูกน้ำที่ล้นเดือดจากหม้อข้าวหยดใส่ปุดๆ แม่อรที่ขยับหม้อข้าวบนเตาไฟไปมาจนเสร็จ จึงผละออกมานั่งลงที่เขียง ตรงชานเรือน ถัดไม่ไกลยายศรนั่งเจียนหมากอยู่
เสียงอังศุมาลินดังขึ้น “ทำอะไรคะ”
“ซอยหอมเจียวไข่จ้ะ แล้วพ่อโกโบริตื่นรึยังล่ะลูก”
แม่อรที่กำลังหั่นซอยหอมยิก หันไปทางเสียง
อังศุมาลินโผล่เข้ามาจากหน้าบันได ตัวเปียก ผมเปียก ใส่กระโจมอกที่ผลัดแห้งแล้ว มีผ้าขนหนูคลุมบ่าไหล่ ถือผ้าเปียกในมือ
“ไปแล้วค่ะ” อังศุมาลินบอกห้วนๆ แล้วรีบหันหน้าหนี เดินไปตากผ้าเปียกที่นอกชาน
ยายบ่น “อาไร้ ไปแต่เช้าเชียว ข่าวปลายังไม่ได้ทันได้กิน”
“แล้วเมื่อคืนได้ยินว่าเมามากเลยหรือลูก”
“ค่ะ” อังศุมาลิน เดินเช็ดผมมาเมียงมองยายกะแม่ รีบเปลี่ยนเรื่อง “แล้วหมูทอดนั่นใส่บาตรหรือคะ”
ยายศรจดจ่ออยู่แต่โกโบริ “เขาไปเมาที่ไหนมาละ”
“ที่วงรำโทนค่ะ” อังศุมาลินว่า
“งั้นก็คงโดนมอมนั่นละ แล้วนี่เย็นๆ จะกลับมากินข้าวหรือเปล่าล่ะ” แม่อรบอก พลางถาม
“ไม่..ไม่ทราบสิคะ แต่คงไม่มาหรอกค่ะคงอยู่ที่อู่มากกว่า”
แม่อรติง “หนูควรถามเขานะลูก”
“ช่างเถอะค่ะแม่”
อังศุมาลิรีบเดินหนีเข้าห้องไป แม่อรมองหน้ายายศร บ่นอุบ
“ลุกขึ้นอาบน้ำแต่เช้า เขาไม่เคยหนาวเลยนะ แม่คนนี้”
ตอนสายๆ โกโบริยืนใจลอยอยู่ท่ามกลางพวกทหารในอู่ ที่ทำงานกันอยู่ หมอทาเคดะเดินมา แล้วตบลงบนบ่าข้างที่โดนสาวไทยกัดเต็มแรง
โกโบริสะดุ้งโหยง “โอ๊ย”
หมอทาเคดะงง “เป็นอะไร”
“เปล่าๆ” โกโบริถอยเอาๆ
หมอทาเคดะมองสำรวจ “ทำไมผู้กองทำท่าเหมือนเจ็บมาก เป็นอะไรอีกหรือเปล่า”
“เปล่าๆ” โกโบริเอามือจับที่แผลไว้
“ตรงนั้นเป็นอะไร มีแผลอะไรเหรอ”
“ไม่มี…”
หมอทาเคดะซักไซ้ “แล้ว..เพราะอะไรถึงทำยังกับว่า...”
“นี่..คนป่วยอยู่กันเต็มห้องพยาบาล คุณจะมาสนใจอะไรผมนักนะ แปลกจริง” โกโบริตัดบท
“ใครกันแน่ที่แปลก”
โกโบริหันตัวจะเดินหนี เจอกับเคสุเกะที่พรวดพราดเข้ามา
“ไฮ้ ผู้กอง..ผู้กองโกโบริ”
“มีอะไร”
ไม่นานต่อมาเคสุเกะชิดเท้าพรึบตัวตรงแน๋วทำความเคารพอยู่ตรงชานเรือน บ้านอังศุมาลิน พูดตะกุกตะกัก แต่พยายามพูดไทย
“ผู้กองโกโบริ ฝากมาแจ้งต้องไปที่กองบัญชาการด่วน เย็นนี้มาไม่ได้ ครับ”
แม่อรกะยายศร มอง ลุ้นฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ พยักหน้าตาม ส่วนอังศุมาลินฟังเนือยๆ
เคสุเกะชิดเท้าอีกครั้ง แล้วหันกลับจากไปทันที
“อ้าว พ่อ ไปเลยเหรอ” ยายงง
แม่อรสงสัย “แล้วมีเรื่องอะไรกันอีก”
อังศุมาลินบอก “คงประชุมอะไรกันมังคะ”
“นั่นสิ น่าจะมีเรื่องผิดปกติอะไรสักอย่าง เลยโดนตามตัวไปแบบนี้”
อังศุมาลินใจหายวาบ คิดไปถึงความเป็นไปได้ต่างๆ ชักเริ่มกังวล ใบหน้าร้อนวูบขึ้นมาทันที
คู่กรรม ตอนที่ 16 (ต่อ)
ส่วนที่กองบัญชาการกองทัพญี่ปุ่นฯ บ่ายวันนั้น
ฮิชิดะยืนตัวตรงอยู่ข้างนายทหารจากกองสืบราชการลับญี่ปุ่นนายหนึ่ง พลางเหลียวมองสังเกตอาการโกโบริที่ ยืนตัวตรงนิ่ง อยู่ฝั่งตรงข้ามฮิชิดะ
นากามูระมีสีหน้าจริงจัง นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน กำลังซักถามโกโบริ
“ที่คุณพูดเมื่อสักครู่นี้ว่าชาวบ้านที่นั่นไม่เป็นภัยกับกองทัพ แต่กองสืบราชการลับรายงานผมว่า มีชายแก่สองคนที่เคยโดนคุณจับได้ตอนขโมยน้ำมันใช่ไหม”
“เออใช่ครับ” โกโบริบอก
“และสองคนนี้ก็มีลักษณะใกล้เคียงกับที่สปายชาวเยอรมันให้การ” นากามูระว่า
โกโบริเริ่มอึดอัด
ประตูห้องอังศุมาลินเปิดแง้มออก เห็นแสงเงาแดงของแดดยามเย็นย่ำตกกระทบหน้าแม่อรที่โผล่หน้าเข้ามามองหา ด้วยสีหน้างงๆเล็กน้อย
ครู่หนึ่งแม่อรผละออกมาจากปากประตูห้องอังศุมาลิน หันมาทางยายศร
“แม่เห็นยัยอังไหม”
ยายศรที่กำลังนาบใบพลูอยู่ไม่ไกล หันมาตอบ
“อ้าว ยังไม่ขึ้นมาอีกหรือ ก็เห็นว่าจะลงไปทำอะไรไม่รู้ ฉันก็ฟังไม่ทัน มีอะไรล่ะ”
“เปล่า หนูเห็นอาทิตย์จะลับฟ้าแล้ว”
แม่อรกังวล
อังศุมาลินเดินวนไปมาที่ท่าน้ำ ในแสงยามเย็นตะวันโพล้เพล้ อีกครู่หนึ่งอังศุมาลินวนกลับมานั่งที่ม้านั่งศาลา สีหน้ามีกังวล สายตาเหลือบมองไปทางคุ้งน้ำ เห็นแต่ความว่างเปล่า ไม่มีวี่แววของสิ่งใดผ่านเวียนมาให้เห็น
อังศุมาลินพลางถอนใจเป็นระยะยังมองออกไปจ้องนิ่ง ในที่สุดจึงตัดสินใจพรวดลุกขึ้น
เย็นย่ำ แม่อรตรงมาที่ประตูเรือน แต่ต้องผงะ เจออังศุมาลินสวนขึ้นมาพอดี
“อ้าวลูก แม่จะไปตามพอดี”
“ค่ะ”
อังศุมาลินรีบเดินลิ่วหายเข้าไปในห้องนอน แล้วสวมเสื้อแขนยาวคลุมรีบๆ ออกมา ไปคว้าไฟฉายที่วางอยู่ตรงหัวเสาเรือน แล้วตรงลิ่วกลับมาที่ประตู
“หนูจะไปไหนจ๊ะ”
“จะเอาเรือไปตรงนี้เดี๋ยวค่ะ”
อังศุมาลินเดินกลับลงประตูลิ่วไป
แม่อรทักท้วง “อัง มันมืดแล้วนะลูก น้ำก็เชี่ยว”
ยินเสียงอังศุมาลินดังมา “เดี๋ยวหนูรีบมาค่ะ”
แม่อรมองตามห่วงปนงง
ไม่นานหลังจากนั้น ตรงบริเวณคลองย่านชุมชนยามค่ำ แสงจากตะเกียงของเรือพายบางลำที่ลอยอยู่ไกลๆ ทั่วลำน้ำดูเงียบสงบ ความมืดปกคลุมทั่วบริเวณ อังศุมาลินที่พยายามออกแรงจ้วงพายอย่างหนัก จนเหนื่อยหอบ
กระแสน้ำเชี่ยวกรากไม้พายกำลังจ้วงปะทะกับสายน้ำจนครูดไปดับตัวเรือสัมปั้น อังศุมาลินยังพยายามพาเรือต้านกระแสน้ำต่อไปยังอีกฝั่งแต่ด้วยความล้าทำให้ต้องพักเป็นระยะ
ทันใดแสงไฟฉายแรงสูงพุ่งสาดมาเข้าหน้า ทำให้อังศุมาลินต้องรีบรามือเบือนหน้าหลบ ระลอกคลื่นวิ่งเข้าปะทะเรือ จนซวนเซ
อังศุมาลินร้อง “ว้าย”
น้ำทะลักสาดเข้าเรือเต็มๆ จนตัวเปียกไปแถบหนึ่ง อังศุมาลินก้มมอง เห็นน้ำเข้าเรือกว่าครึ่งลำแล้ว
อังศุมาลินนึกฉุนตำหนิ กึ่งตระหนก แต่ยังมุ่งมั่นจ้วงพายต้านแรงน้ำต่อไป ขณะที่เสียงเรือเร็วลำหนึ่งแล่นใกล้เข้ามา พร้อมกับแสงไฟฉายที่ส่องกวาดกลับมาส่งสัญญาณถี่เร่งร้อนเข้ามาหาอีก น้ำพุ่งสาดกระเซ็นเข้ามาอีกระลอก จนโดนหน้า
“บ้าจริง”
อังศุมาลินยกมือปาดน้ำที่หน้า เรือโคลงยวบ จนต้องพยายามรีบคัดท้ายเรือหลบ เรือแล่นผ่านไป อังศุมาลินหันมองท่าทีฉุนเฉียว
แต่แล้วเรือลำนั้นกลับชะลอความเร็วลง แล้วหันกลับวกมา พลางส่องไฟสว่างจ้าจับตรงเข้ามาหา
อังศุมาลินตกใจ รีบหาทางพายหลบทางเรือ
เรือเร็วลำนั้นดับเครื่องลงเมื่อเข้ามาใกล้ อังศุมาลินพยายามเบือนหลบแสงไฟที่ส่องจ้าจับเข้าตาตน
ตะโกนอย่างโมโห “นี่ จะหาเรื่องกันหรือไง”
เรือเร็วเข้ามาเทียบก่อนจะมีมือยื่นออกมาคว้าจับเรือของอังศุมาลินหมับ
เสียงโกโบริถามอย่างร้อนรน “ฮิเดโกะ..คุณจะไปไห”
อังศุมาลินมองหน้า แสงจับเห็นหน้าโกโบริ อังศุมาลินรู้สึกดีใจวาบขึ้นมาทันที
ตรงคลองย่านชุมชน ช่วงหัวค่ำเวลาต่อมา แสงไฟที่ส่องลำเรืออังศุมาลิน เบือนหลบลง เห็นอังศุมาลินที่เปียกโชก พร้อมกับน้ำที่ขังเอ่อเกือบค่อนลำ โกโบริโน้มมาจ้องเขม็ง
“น้ำเข้าจนจะเต็มลำอยู่แล้ว ขึ้นมานี่..เร็ว”
โกโบริยื่นมือมาเกี่ยวตัวอังศุมาลินขึ้นเรือไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวเรือหาย” อังศุมาลินห่วงเรือ
โกโบริหันไปสั่งพลขับ “เคอิโงะลงไปเอาเรือพายลำนี้กลับไปที่ท่าบ้านข้างอู่”
พลทหารเคอิโงะร้อง “ไฮ้”
ทหารพลขับก้าวลงไปในเรือสัมปั้นอย่างรวดเร็ว
“คุณจะไปไหน”
“ออ..ฝั่งโน้น”
“ไปทำไม”
โกโบริโน้มเข้ามาเค้นใกล้ อังศุมาลินเงียบไม่ตอบ
“ผมก็รีบ..เกือบไปแล้วเชียว ดีที่คุณหันหน้ากลับมา ผมถึงเห็น แล้วคุณจะไปฝั่งนู้นตอนนี้ทำไม มีเรื่องอะไรอีก”
อังศุมาลินนิ่ง ปาดหน้าเช็ดน้ำไปมา
“คุณเปียกไปหมดแล้ว หนาวไหม เรากลับบ้านกันก่อน เรือคุณทหารจะจัดการให้”
โกโบริรีบปลดถอดเสื้อเครื่องแบบตนออกมา รีบคลุมให้อังศุมาลิน แล้วขยับไปที่หลังพวงมาลัยเรือ ติดเครื่องยนต์ หันมามองอังศุมาลินอีกครั้งอย่างห่วงใยระคนสงสัย
อังศุมาลินขยับเสื้อคลุม เลี่ยงหลบสายตาที่มองมา โกโบริหันไปขับแล่นเรืออกไป
ไม่นานหลังจากนั้นเรือเร็วโกโบริค่อยๆ ลอยลำเข้ามาเทียบที่ท่าน้ำ อังศุมาลินขยับเตรียมจะลุก
“ส่งดิฉันแค่นี้ล่ะ..เออ..คุณจะได้ ไปอู่เลย”
โกโบริที่เหมือนไม่ได้ฟังกลับลุกพรวด ทันทีที่เรือชิดถึงท่า ดึงโซ่หัวเรือกระโดดขึ้นไปคล้องไว้เสาที่ท่าแล้วหันมาพยุงดึงมืออังศุมาลินที่พยายามบ่ายเบี่ยงให้ก้าวข้ามขึ้นไปบนท่า
“ก็ผมบอกไว้แล้ว ว่าผมต้องมาพูดกับคุณไง เดี๋ยวทหารก็จะเอาเรือคุณกลับมาส่งให้ แล้วเอาเรือเร็วนี่กลับไปอู่เอง”
“คุณมีเรื่องอะไรก็พูดมาเสียเลย”
โกโบริฟังแล้วขมขื่น “คุณไม่อยากให้ผมขึ้นไปบนเรือนอย่างนั้นซิ”
อังศุมาลินนิ่งไม่ตอบ
โกโบริถอนใจ “ก็ได้”
ครู่ต่อมาโกโบริเดินมาทรุดตัวนั่งลงที่ม้านั่งท่าน้ำ ด้านหลังเห็นบรรดาหิ่งห้อยวับแวมบินวนอยู่ที่ต้นลำพู
“คุณยังไม่บอกผมเลย ว่าคุณข้ามไปฝั่งโน้นทำไม”
อังศุมาลินยืนนิ่งงัน ไม่รู้จะตอบอะไรยังไง
โกโบริมองจ้อง
“คุณมีเรื่องอะไรอีกหรือ”
อังศุมาลินรีบตอบ “ไม่มี..ไม่มี”
โกโบริถอนใจหนักหน่วง “คุณก็ยังไม่ยอมบอกผมอีกตามเคย...ทั้งที่ผมก็มีเรื่อง...” โกโบริเสียงเบาลงพูดกับตัวเอง “มากพออยู่แล้ว”
โกโบริถอนใจอีกครั้ง แล้วทิ้งตัวพิงพนักพิงอย่างเหนื่อยอ่อน
อังศุมาลินรีบหันถาม “มีเรื่องอะไรหรือ” ลดเสียงเบาลง “กองบัญชาการเรียกคุณไปทำไม”
โกโบริเลียนเสียงที่อังศุมาลินถาม “ไม่มี”
อังศุมาลินรีบก้มหน้ามาถามซัก
“คุณตอบมาอย่างนี้แสดงว่ามี”
“ยังไง”
จากนั้นโกโบริก็หัวเราะกลบเกลื่อนอย่างเหนื่อยอ่อน อังศุมาลินพรวดมานั่งลงข้างๆ ถามด้วยเสียงอ่อนโยน เป็นเชิงปลอบ
“มีอะไรหรือคะ”
โกโบรินิ่งไป ก่อนสั่นศีรษะเบาๆ
“ฉันกำลังทำให้คุณลำบากอีกใช่ไหม”
โกโบริปฏิเสธ “เปล่า”
“ถ้าอย่างนั้น คุณโดนเรียกตัวไปทำไม”
“ประชุม..ตามปกติ..ไม่มีอะไร”
อังศุมาลินขยับจะลุกขึ้น โกโบริคว้ามือไว้ก่อน
“ฮิเดโกะ..ได้โปรด ผมแค่เพียงอยากรู้ว่า คุณยกโทษให้ผมแล้ว เรื่องอื่นจะเป็นอย่างไรผมไม่สนใจทั้งนั้น”
อังศุมาลินรู้สึกวูบวาบ อุ่นขึ้นในความรู้สึกอย่างประหลาด แต่พยายามบิดมือออกแต่ไม่เป็นผล
“ผมทนได้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดกับตัวผม ยกเว้น ความรู้สึกที่คุณจะไม่ยอมอภัยให้ผม”
อังศุมาลินเงียบนิ่ง โกโบริถอนใจหนัก
“แต่ถ้าคุณเคยรักใครสักคน คุณย่อมจะรู้ได้ว่า ความรักมักทำให้เราหลงลืมตัวได้เสมอ”
โกโบริคลายมืออังศุมาลินออกบอกเรียบๆ
“งั้นคุณขึ้นบ้านเถอะ ผมจะรอทหารอยู่ที่นี่ จะได้เอาเรือเร็วกลับอู่”
อังศุมาลินเหลือบมองนิ่ง
อังศุมาลินถอดเสื้อเครื่องแบบออกพาดลงตรงที่นั่งท่าน้ำ ข้างๆ
“คุณ..จะไม่ขึ้นข้างบนก่อนหรือ”
“อย่าเลย แค่นี้คุณก็เกลียดหน้าผมจะแย่อยู่แล้ว” โกโบริตัดพ้อ
“แต่ถ้าคุณ...บอกว่าไปฝั่งโน้นมาทำไม ฉันก็ อาจจะ...”
โกโบริพูดเสียงราบเรียบ “คุณอยากรู้ไปทำไม..มันไม่มีประโยชน์กับทางคุณหรอก”
อังศุมาลินร้อนวูบขึ้นมาทันที
“ฉันไม่เคยคิดหาประโยชน์จากคุณเลย นอกจากเห็นว่าคุณก็เคยช่วยเหลือเรา เราเลยกลัวกันว่าคุณจะเดือดร้อนจากเรื่องเมื่อวานอีก แต่ถ้าคุณคิดว่าเราต้องการหาข่าวอะไรจากคุณละก็ เราก็คงไม่ต้องพูดกันอีก”
อังศุมาลินที่ขยับจะลุก แต่ช้ากว่าโกโบริที่ลุกขึ้นมาแล้วชะโงกก้มไปถามใกล้ๆ
“คำว่า เรา หมายถึงคุณด้วยใช่หรือเปล่า”
อังศุมาลินขยับเบี่ยงตัวจะลุกหนี โกโบริรีบคว้ามือดึงไว้
“คุณไปฝั่งโน้น เพราะคุณห่วงผมใช่ไหม”
อังศุมาลินสลัดมือแรงแต่โกโบริไม่ยอมปล่อย จับไว้แน่น
“ฮิเดโกะ” โกโบริตื้นตัน “เท่านี้ละที่ผมต้องการ แม้ไม่ได้ทั้งหมดทั้งหัวใจ ผมขอเพียงส่วนน้อยนิดก็ยังดี..ที่คุณพูดมาก็ถูกอยู่บ้าง ผมถูกเรียกไปถามเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ทางนั้นสงสัยที่ตาสองคนนั่นเคยขโมยน้ำมันที่อู่จะเกี่ยวข้องกับพวกใต้ดิน ผมเลยจำต้องบอกไปตามความจริง เพียงแต่ตอนนี้คุณก็อย่าให้สองคนนั่นกลับมาแถวนี้ เดี๋ยวจะพาชาวบ้านคนอื่นเดือดร้อนไปอีก แล้วตอนนี้ทางกองสืบราชการลับก็กำลังจับตาดู คุณเองก็ระวังตัวให้ดี ผมรู้ว่าทางนั้นคิดยังไงกับคุณ”
“ถ้าอย่างนั้น คุณก็ต้องถูกจับตาอยู่ด้วย”
“ช่างมันเถอะเรื่องนั้น”
อังศุมาลินสะท้อนใจ “คุณเลยพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
“ไม่เป็นไร แต่ผมบอกคุณหมดแล้วนะ คุณ..ยกโทษให้ผมแล้วใช่ไหม”
อังศุมาลินเงียบนิ่ง โกโบริกุมมืออังศุมาลินไว้
“คุณสัญญาผมแล้วนะ ว่าคุณจะยกโทษให้ ผมถ้าผมเล่าเรื่องที่กองบัญชาการให้คุณฟัง”
ทหารพลขับกำลังพายเรือสัมปั้นแล่นใกล้เข้ามาที่ท่า
“ทหารคุณมาแล้วค่ะ ดิฉันจะขึ้นเรือน”
“แต่เมื่อกี้คุณชวนผมขึ้นไปด้วยนี่”
“กลับไปอู่เถอะคะ” อังศุมาลินเผลอประชด “คุณมีงานด่วนอยู่”
โกโบริหัวเราะร่าเริงยอ้มแย้มแจ่มใส “ผมมันต้องมีงานด่วนอยู่แล้วละ เพราะไม่รู้จะบอกใครได้ว่าโดนเขาไล่ออกจากบ้าน”
อังศุมาลินไม่เล่นด้วย มองและพยายามกระตุกมือออก โกโบริปล่อยมืออังศุมาลินลง
โกโบรินึกน้อยใจ “ถ้าคุณยังไม่อยากให้ผมขึ้นไปก็ไม่เป็นไรหรอก”
โกโบริพลางขยับหันไปที่ท่า อังศุมาลินยืนรีรอส่ง ทหารพลขับพาเรือเข้าจอดเทียบ ผูกไว้กับบันไดท่า แล้วโดดลงเรือเร็วไป โกโบริขยับจะเดินไป
อังศุมาลินบอก “คุณลืมเสื้อ”
โกโบริหันมารับ “ขอบคุณ”
มือทั้งสองสัมผัสกันอีกครั้ง
โกโบรินิ่งขึงไปครู่ สองจิตสองใจ แต่แล้วรีบตัดใจหันกลับเดินไปที่ท่าทันที
อังศุมาลินทอดสายตามองตาม เห็นเรือเร็วขับแล่นหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
อังศุมาลินยืนอยู่ใต้ต้นลำพูริมท่าน้ำ ยินเสียงเครื่องจักร เสียงคนงานตอกตีโลหะดังแว่วมา หิ่งห้อยน้อยบินแตกตัวทันทีที่ลมกรรโชกแรงมาปะทะหมู่กิ่งไม้ไหวยวบไปมา
อังศุมาลินยืนนิ่งมองเหม่ออยู่ใต้ต้นลำพู ทันใดนั้นเสียงหวอยาวดังโหยหวนดังขึ้น
อังศุมาลินตระหนกขึ้นมาทันที
คู่กรรม ตอนที่ 16 (ต่อ)
อังศุมาลินสาวเท้ารีบจ้ำเดินของท่ามกลางแสงสลัวยามค่ำคืน และเสียงหวอสัญญาณเตือนภัยดังโหยหวน อังศุมาลินเดินพลางแหงนมองฟ้าไปด้วย ก้าวมาหยุดชะงักอยู่หน้าเรือน
เพราะที่บันได แม่อรกำลังพยุงยายลงมาและหอบเสื่อกับผ้านวมมาด้วยกันมาท่าทีเก้กัง
“แม่คะ”
“ยายอัง นี่แม่กำลังเป็นห่วงจะแย่”
“ไม่ต้องรีบค่ะคุณยาย ค่อยๆ ค่ะ”
“หวอมาทีไรฉันละหนาวจับขั้วหัวใจ” ยายบอก
“คุณยายทำใจดีๆ ซิคะ มาค่ะ”
อังศุมาลินขึ้นมารับยาย ช่วยพยุงยายลงบันได
ไม่นานต่อมาอังศุมาลินจัดการปูเสื่อลงบนพื้นดินตรงร่องลึกในสวน เสร็จแล้วรีบดับไฟฉาย ประคองยายนั่งลง แล้วคลี่ผ้าห่มคลุมให้ยาย
แม่อรนึกได้ “ตายจริง”
อังศุมาลินฉงน “อะไรคะแม่”
“แม่ลืมดับไฟ” แม่อรว่า
ยายศรกลัวจนตัวสั่น “แย่แล้ว เครื่องบินมันจะเห็นละสิเนี่ย”
“งั้น เดี๋ยวหนูไปดูเอง”
“ยัยอัง…” แม่ห่วงไม่อยากให้ไป
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูมา”
“อ้อ กระเป๋าแม่ด้วย แม่ลืมไว้ข้างประตู...ระวังนะลูก”
อังศุมาลินลุกพรวดรีบออกไป
แสงไฟฉายกวัดแกว่งส่องตามทางเดินในสวนที่ลดเลี้ยวมืดมิด อังศุมาลินกึ่งเดิน กึ่งวิ่ง กดไฟฉายลงต่ำกวาดไปตามพื้น พลันเสียงเครื่องบินครางฮือฝูงใหญ่ใกล้เข้ามา อังศุมาลินแหงนมองท้องฟ้า รีบดับไฟในมือลง แล้วรีบก้าวจ้ำต่อไป
มืออังศุมาลินไขกุญแจประตูเรือนทุลักทุเล เสียงหวอสัญญาณยังดังโหยหวนระคนเสียงเครื่องบินยักษ์กระหึ่มดังชัดมากขึ้น
พอประตูชานเรือนถูกผลักเปิดพรวด อังศุมาลินรีบเข้ามาตรงรี่ไปที่ตะเกียงเจ้าพายุที่แขวนอยู่หัวเสากลางชานเรือนแล้วรีบดับลง แล้วหันไปคว้าเสื่อผืนใหญ่ขึ้นมา
ไม่นานเสียงและแรงสั่นสะเทือนดังตูม...เกิดขึ้น พื้นเรือนไหวๆ ตามแรงนั้น กระจก ถ้วยชาม หม้อไห ในบ้านดังเคล้งๆๆ ตามมาด้วยเสียงปืนกลต่อต้านดังระรัว ทำเอาอังศุมาลินชักหวั่นๆ
อังศุมาลินรีบเดินไปที่เพื่อจะหยิบคว้ากระเป๋าที่หน้าประตู พลันมีมือของใครคนหนึ่งมาหยิบคว้าไว้เสียก่อน
อังศุมาลินเงยหน้ามอง ตกใจ
“ฮิเดโกะ”
เป็นโกโบรินั่นเอง อังศุมาลินดีใจขึ้นมาบัดดล
“แล้วคนอื่นละ” โกโบริถามอย่างร้อนใจ
“ไปกันหมดแล้วคะ”
“แล้วทำไมคุณยังไม่ไป”
“แม่ลืมดับไฟค่ะเลยรีบกลับมา”
“โธ่ ไฟดวงนิดเดียว เครื่องบินที่ไหนก็ไม่มีทางเห็นหรอก”
“ห่วงกลัวไฟจะไหม้บ้านนะค่ะ” อังศุมาลินว่า
“รีบไปเถอะ ระลอกแรกอีกเดี๋ยวคงมา โจมตีแรงแบบนี้ มายืนอย่างนี้ไม่ปลอดภัย”
โกโบริคว้าแขวนอังศุมาลินลงบันได พอดีกับเสียงระเบิดกึกก้องสะท้าน ทำเอาตัวเรือนไหวสะเทือน
ตาม อังศุมาลินรีบคว้าเกาะแขนโกโบริไว้
“โกโบริ”
โกโบริพลันคว้าเอวอังศุมาลินเข้ามาแนบตัวไว้ แล้วรีบก้าวพาลงบันไดที่กำลังไหวโคลงเคลงไปมา
“ประตูค่ะ”
โกโบริปล่อยอังศุมาลินครู่หนึ่ง ก่อนหันโน้มเอื้อมผลักปิดประตูลง
โกโบริประคองพาอังศุมาลินรุดลงบันไดเรือนลงมาถึงหน้าเรือนด้านล่าง
“นี่เป็นระเบิดชุดสุดท้ายของระลอกแรก คุณระวังตัวดีๆ” โกโบริพูดด้วยอาการห่วงหา และอาวรณ์ “ถ้ามีเสียงปืนต้องรีบหมอบราบก้มลงพื้น เข้าใจไหม”
“ค่ะ”
โกโบริยื่นกระเป๋าให้อังศุมาลิน
“รีบไปเร็วเข้า คงไม่เกินสิบนาที ระลอกแรกจะบินกลับมา”
โกโบริรุนหลังอังศุมาลินให้วิ่งไป แต่อังศุมาลินกลับลังเล
“รีบไปเร็วๆ”
“คุณระวังตัวหน่อยนะคะ”
โกโบริมองสบตาอังศุมาลิน พลันคว้าเกี่ยวตัวอังศุมาลินเข้ามากอดแน่นแนบอก รักและห่วงใยเหลือแสน
“ฮิเดโกะ”
อังศุมาลินทำอะไรไม่ถูก
โกโบริที่ราวกับจะฝากความห่วงใยทั้งหมดไปในอ้อมกอดนั้น ก่อนรีบผละออก
“ไปเถอะ ผมจะไปอู่เหมือนกัน”
อังศุมาลินพยักรับก่อนหันผละรีบเดินไป โกโบริมองส่งตาม
พอเดินไปถึงมุมเลี้ยว อังศุมาลินเหลียวกลับมามอง โกโบริพยักหน้าให้รีบไป
อังศุมาลินรีบหันก้าวเดินจ้ำเลี้ยวหายไป โกโบริหันออกตัวไปอีกทาง
กองกำลังทางอากาศของฝ่ายสัมพันธมิตรโจมตีด้วยการทิ้งระเบิด โดยเลือกเวลาตอนกลางคืน
หมู่ปืนต่อสู้อากาศยานของญี่ปุ่นและอักษะยิงกราดขึ้นไปทั่วฟ้า
ระเบิดพลุถูกทิ้งลงจากเครื่องบิน แล้วจุดระเบิดสว่างจ้ากลางอากาศ มองเห็นหมู่แมกไม้บ้านเรือนเบื้องล่างชัดเจนไปทั่วบริเวณ
ป้อมบินยักษ์ปลดระเบิดทิ้งลงมาเป็นสาย พื้นที่ต่างๆ เบื้องล่าง ถูกระเบิดบอมบ์กระจายเป็นหย่อมๆ เครื่องบินคุ้มกันขับไล่โฉบยิงกราด
เสียงเครื่องบินระลอกแรกไล่หลังใกล้เข้ามามาก อังศุมาลินรีบวิ่งเร็วสุดชีวิต มือหนึ่งปัดป่ายกิ่งไม้ที่ขวางไปมาอีกมืออุ้มหอบเสื่อและกระเป๋าทุลักทุเล
อังศุมาลินใจไม่ดีหันกลับ นึกกังวลถึงโกโบริที่วิ่งกลับไปอู่ เสียงปืนกลต่อต้านดังจากอู่ชุดแรกปะทุกระหึ่ม อังศุมาลินตกใจ เสียหลัก เซถลาล้มลงไป ข้าวของที่หอบมากระจัดกระจาย
ฉับพลันทันใดนั้นแสงสว่างจ้าจากเบื้องบนก็วาบขึ้น จนทำให้แมกไม้และทางเดินในสวนสว่างชัดราวกับกลางวัน อังศุมาลินเหลียวหันขึ้นไปดู
เสียงยิงต้านจากท้องฟ้าเหนืออู่พุ่งขึ้นฟ้าระรัวไม่ยั้ง พร้อมกับเสียงหวีดแหลมของห่าฝนเหล็กพุ่งสวบสาบปะทะลงพื้นดินตูมสะเทือน 3-4 ตูมไล่ระยะใกล้เข้ามา
อังศุมาลินก้มหมอบยกมือปิดหูเสียงดังอื้ออึงที่ใกล้เข้ามา จนกระทั่งมีอยู่ลูกหนึ่งแหวกอากาศลงมาเสียงดังแหลม และมาหล่นดังตั้บ ตามด้วยเสียงระเบิดดังกึกก้องกัมปนาท อังศุมาลินร้องวี้ด
เปลวไฟพุ่งพุ่งวาบขึ้นที่หลังแมกไม้บนท้องฟ้าเหนืออู่ เสียงทหารที่อู่ร้องโหวกเหวกดังระงม
อังศุมาลินเหลียวมอง หน้าซีดเป็นกังวล ห่วงโกโบริจับใจ
ที่อู่ต่อเรือ เห็นไฟลุกท่วมใกล้โกดังอู่ที่มีป้อมปืนกลต่อต้านเครื่องบินตั้งอยู่ ป้อมปืนกลถูกไฟลุกท่วมเสียหายหนัก พลยิงตายคาที่ ทหารบางส่วนวิ่งตระกายหนีเปลวเพลิงกันออกมา พลุไฟยังส่องสว่างจ้าลงมา
เครื่องบินขับไล่โฉบยิงกราดลงมา ขณะที่โกโบริวิ่งมาถึงปากทางเข้าอู่ รีบล้มตัวพุ่งหมอบนิ่ง แนวกระสุนกราดไล่ไปโดนอะไรบางอย่างระเบิดไฟลุก ทหารบางคนทะเล่อทะล่าวิ่ง โดนยิงล้มไป
ป้อมปืนกลอีกจุดหนึ่งยิงต้านสู้สุดชีวิต แนวกราดปืนกลจากเครื่องบินขับไล่พุ่งมาถูกพลยิงเสียชีวิตคาที่ เคสุเกะที่หมอบหลบอยู่มุมหนึ่งใกล้ๆ หันไปเห็น
ส่วนที่ท้องร่องในสวนแม่อร ยายศร ห่มคลุมผ้ากอดกันแน่น เสียงระเบิด ปืนกลต่อสู้ยังดังสนั่น พลันอังศุมาลินพรวดลงมาถึง
“ยายอัง”
“แม่ขา คุณยาย หมอบไว้คะ”
อังศุมาลินรีบโอบคนทั้งสองกดลงราบกับพื้นท้องร่อง
ปืนกลกราด ยอดไม้เหนือหัวพวกอังศุมาลิน หักเป็นแถบ ไล่ไปยังบริเวณอู่ ตามมาด้วยเสียงตูมดังจากอู่ขึ้นอีกครั้ง ลูกไฟโชนพวยพุ่งเหนืออู่ อังศุมาลินเหลียวมอง ประกายไฟวาบกระทบหน้าพลันนึกหวั่นห่วงกังวลโกโบริ
ที่อู่เรือญี่ปุ่น เสียงปืนกลยิงต้านยังดังสนั่น หมอทาเคดะที่ได้รับบาดเจ็บ พยายามตะกายคลานต่ำออกมาจากอาคารพยาบาลที่เพลิงกำลังโหมไหม้ เพื่อเข้าไปหาที่หลบในหลืบเงามืดใกล้ๆ พลันโกโบริพุ่งมาคว้าดึงตัว
“หมอ เป็นไงบ้าง”
“โกโบริซัง”
แนวปืนกลกราดดิ่งพื้นเป็นแนวไล่หลังเข้ามา
“เร็ว ไป”
โกโบริ รีบดึงกึ่งลากพาหมอทาเคดะกระโจนหลบ กลิ้งกันไปที่มุมกำบังมุมหนึ่งได้ทัน
ด้านเคสุเกะกำลังกราดป้อมปืนกลยิงขึ้นฟ้าต้านสู้สุดชีวิต
ที่ท้องร่องในสวน เสียงเครื่องบินระลอกแรกค่อยๆห่างออกไป แม่อรก้มขดสั่น เสียงเครือ นอนราบนิ่ง ข้างๆ มียายศรนอนคลุมผ้าสวดมนตร์พึมพำๆ อังศุมาลินก็ขดยกมือพนมนอนราบกับพื้น
อังศุมาลินพึมพำเบาๆ กับตัวเอง “คุณพระคุณเจ้าช่วย..อย่าให้เขาเป็นอะไร อย่าเป็นอะไร”
อู่ต่อเรือญี่ปุ่นถูกถล่มอย่างหนัก โกโบริ และหมอทาเคดะ ก้มนิ่งอยู่ที่มุมกำบัง แรงระเบิดทำให้เศษไหม้จากตัวอาคาร กระเด็นปลิวตกลงมาใกล้ๆ โกโบริหันขวับไปมองซากไหม้อาคารที่อยู่ใกล้มาก
หอคอยกำลังโยกคลอนจะพังล้มรอมร่อ
“หมอไป”
โกโบริ รีบดึงกระชากตัวหมอทาเคดะขึ้น จะวิ่งหลบ แต่หมอทาเคดะตั้งตัวไม่ทัน ก้าวลื่นจะล้มคะมำ โกโบริเลยผลักทาเคดะให้พุ่งไถลไปทางหนึ่ง หอคอย โค่นล้มครืนลงมา
โกโบริที่ล้มหงายอยู่รีบกระเสือกตัวกระโจนสุดชีวิต หอคอยล้มโครมฟาดพื้นดังสนั่น
หมอทาเคดะล้มกลิ้งไปอยู่ฝั่งหนึ่ง โกโบริกลิ้งฟุบกับพื้น พลาดไปเส้นยาแดง อีกฝั่งหนึ่ง เครื่องบินขับไล่พุ่งแหวกโฉบต่ำลงมา แนวปืนกลกราดไล่แนวมายังร่างโกโบริที่นอนฟุบอยู่ เคสุเกะที่บังคับปืนอยู่ตรงจุดใกล้ มองเห็นโกโบริ หันปืนกราดยิงขึ้นต้าน
เคสุเกะตะโกนดัง “ผู้กองโกโบริ”
โกโบริตั้งสติได้ รีบกลิ้งพลิกตัวหลบแนวกระสุนกราดไปได้หวุดหวิด โกโบริหันไปทางเคสุเกะ เห็นเคสุเกะยังรัวยิงต้านไม่ยั้ง
โกโบริมองขอบใจ เสียงหวีดดังแหวกอากาศพุ่งดิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว โกโบริแหงนมอง ลูกระเบิดแหวกอากาศดิ่งลงมาที่ป้อมปืนกล เสียงตกดังตึ้บ ก่อนระเบิดตู้ม
โกโบริตะโกนสุดเสียง “เคสุเกะ”
ขณะเดียวกันที่ท้องร่องในสวน เสียงระเบิดตูมใหญ่ พื้นสั่นสะเทือนเลื่อน ทั้งสามร้องวี้ดเลิกสวดกันเป็นแถบ แล้วรีบฟุบราบพื้นกัน เศษดิน กิ่งไม้ลอยคลุ้งปลิวตกกระจายเต็มเสียงเครื่องฝูงบินระลอกแรกห่างไกลออกไป
ยายศรร้อง “โอ๊ะ”
อังศุมาลินตกใจเรียกเสียงดัง “คุณยาย คุณยายเป็นอะไรคะ”
อังศุมาลินรีบผงกศีรษะขึ้นมาดู แม่อรลืมกลัวพรวดขึ้นดูตาม
แม่อรเรียกเสียงดัง “แม่คะ แม่เป็นอะไร โดนตรงไหนหรือเปล่า ยัยอังดูคุณยายสิ”
อังศุมาลิน กับแม่อรลุกขึ้นนั่งลูบคลำทั่วตัวยายกันไปมา
“ตรงไหนคะ โดนตรงไหน” อังศุมาลินถาม
“หลัง…” ยายบอก
อังศุมาลินรีบก้มไปดูที่หลังยาย คลำดูเห็นเป็นโคลนเลนติดมือขึ้นมาเต็ม เลยถอนใจเฮือก
“มีแต่โคลนค่ะคุณยาย”
“เหรอ..มิน่าละ”
แม่อรกำชับ “โคลนอย่างเดียวหรือลูก ดูดีๆ นะ”
“ค่ะ”
“โล่งไปที แผ่นดินแทบถล่ม ใครโดนเข้าไม่รู้” ยายปรารภ
“น่ากลัวลงที่อู่นี่ละ มันใกล้เหลือเกิน” แม่อรว่า
อังศุมาลินที่ปัดๆ โคลนดูให้แน่ใจ พลางกังวลขึ้นมาอีก
“มันไปกันแล้วใช่มั้ย” ยายศรถาม
“อย่าเพิ่งค่ะ ยังไม่มีสัญญาณ”
พลันมีเสียงระเบิดลงเป็นชุดแถวฝั่งพระนคร เสียงดังกระเทือนสนั่นแว่วกระหึ่มมา
ยายศร และแม่อร สะดุ้ง สีหน้าตระหนก
“นั่นค่ะ ระบิดระลอกสอง”
อังศุมาลินใจหวิว หวั่นวิตกและเป็นห่วงโกโบริมากยิ่งขึ้น
คู่กรรม ตอนที่ 16 (ต่อ)
การโจมตีทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร เห็นพื้นที่ต่างๆ เบื้องล่างถูกระเบิดบอมบ์กระจาย อาคารบ้านเรือนเสียหาย ไฟลุกท่วมทุกหย่อมหญ้า
ตกตอนค่ำ เสียงหวอสัญญาณปลอดภัยดังยาว อังศุมาลิน แม่อร ยายศร ที่ต่างนอนหมอบก้มกันอยู่พลางค่อยขยับพลอยโล่งใจ ค่อยลุกกันขึ้นเสียงทหารอู่แว่วโหวกเหวกกันไปมา แม่อร จับประคองยายให้ลุก
“โอย แล้วนี่พ่อดอกมะลิ จะเป็นยังไงบ้างหรือเปล่าหนา” ยายศรนึกห่วงหลานเขย
อังศุมาลินมีสีหน้ากังวล
สามคนเดินมาถึงหน้าเรือนที่มีเศษกิ่งไม้ ใบไม้ เศษกระเบื้องหลังคา กระจายเกลื่อน แม่อรมองอังศุมาลินที่ดูกังวลร้อนใจในที
“ตายดูซิ ดูไม่จืด” ยายรีบบอกอังศุมาลิน “หนูรีบไปดูพ่อดอกมะลิที่อู่เถอะ”
“ค่ะ”
อังศุมาลินผละไปวางเสื่อไว้ที่บันได แล้วรีบวิ่งออกไปทางสวน
อังศุมาลินวิ่งมาถึงสะพานข้ามลำประโดง หน้าทางเข้าอู่ เสียงโหวกเหวกวุ่นวายดังทั่วแว่วมา อังศุมาลินถึงกับหยุดชะงัก เปลวเพลิงสะท้อนวูบวาบบนใบหน้า
สภาพอู่ยับเยิน ไฟลุกท่วมเป็นแถบ อาคารกว่าครึ่งพังกองกลายเป็นซาก โดยเฉพาะบริเวณที่ทำงานของโกโบริ อังศุมาลินหน้าซีด แทบหมดแรง
อังศุมาลินยืนว้าวุ่นอยู่ริมประตูทางเข้า ชะโงกชะแง้ มองเข้าไปภายในอู่ สภาพวุ่นวายโกลาหล ไฟสปอตดวงใหญ่ส่องสว่างจ้า ผสมกับไฟจากกองเพลิงที่ลุกท่วมที่ทหารญี่ปุ่นกำลังรุมกันดับวุ่นวาย วิ่งวุ่น บ้างช่วยพยุงหามคนเจ็บ บ้างเลือดนองตัวเดินไปมา
อังศุมาลินใจชักไม่ดี รีบมองหาทางเข้าไป
เพลิงยังโหมลุกไหม้ไม่มีทีท่าจะมอดลง ภาพตรงหน้าเห็นมีแต่คนถูกลำเลียงออกมาจากซากสิ่งก่อสร้างและกองเพลิง อังศุมาลินว้าวุ่นหนัก
เสียงโกโบริตะโกนลั่น “เร็วเข้า รีบเอาคนเจ็บออกไปก่อน เดี๋ยวอาคารจะพัง”
อังศุมาลินรีบสอดส่ายมองหาเสียงนั้น
เสียงโกโบริตะโกนลั่น “เร็วๆ มีตรงนี้อีกสองคน”
ทหารวิ่งวุ่น พลันเห็นโกโบริเดินแบกเคสุเกะที่บาดเจ็บขาหักพาดไหล่ออกมา อังศุมาลินเพ่งมองจนแน่ใจว่าใช่ สีหน้าโล่ง พลางถอนใจยาว
“เคสุเกะ ไหวไหม”
“ขา..ขาผม ยังอยู่ครบไหม” เคสุเกะถาม
“ครบสิ ครบ”
อังศุมาลินโล่งใจ ถอยตัวหันกลับเดินออกไป โดยที่โกโบริไม่เห็น
ดวงอาทิตย์แดงระเรื่อโผล่ขึ้นเหนือแนวขอบฟ้า เช้านั้น เห็นหลังคาบ้านอาโกในตลาดชุมชนเป็นรูเบ้อเริ่ม เสียงชาวบ้านฮือฮาวิจารณ์เซ็งแซ่ ตาแกละ ยายเมี้ยน แหงนเงยมองอย่างสงสัย แล้วก้มมองลงมาที่พื้นล่าง
เด็กหนุ่มสองคนกำลังก้มคุ้ยแงะหลุมใหญ่บนพื้นกลางร้าน มีอาโกยืนลุ้นมองใกล้ๆ ชาวบ้านมุงรอบเต็ม
“โอ้โห..นี่ใช่มั้ยนี่ ที่เขาเรียกว่าบุญหล่นทับ” ยายเมี้ยนว่า
“อ๋อ เออ..เว้ย อย่างนี้เขาเรียกซวยมาเยือนซีวะ ร้านอั๊วพังอย่างงี้..ดีเมื่อคืนไม่ลงเอากะบาลอั๊วะก็บุญแล้ว” อาโกว่า
กำนันนุ่มรีบแหวกโผล่เข้ามา
“ไหนๆ มันอะไรกันโก”
เด็กหนุ่มสองคนคุ้ยลึกจนเห็นเป็นหางของลูกระเบิดขนาดใหญ่
เฮียเม้งชี้ “นั่นๆ อะไรวะนั่น”
“เฮ้ย นี่มันลูกระเบิด” กำนันบอก
วิภาร้องลั่น “เตี่ย หนีเร็ว”
“อ๊ายหยา”
อาโกหันตัวโกยอ้าวเป็นคนแรก ไทยมุงทั้งมวลรีบตะกายหนีแหวกแตกหือกันคนละทิศละทาง เมี้ยนไปหลบอยู่มุมหนึ่งแกละอีกมุมหนึ่ง โกกระโจนเกือบลงน้ำ เหลือกำนันนุ่มยืนนิ่งอยู่กับที่กับเด็กที่ขุดหลุม
“เอ้าๆ นี่ ถ้ามันจะระเบิดก็ตั้งแต่เมื่อคืนนู้น มาๆ แกละ โกมาช่วยเด็กมันยกนี่ ไม่รีบมาช่วยเดี๋ยวมันก็ระเบิดเข้าจริงๆหรอก เร้ว มายกออกไปเสียก่อน ลูกขนาดนี้ได้ตายกันทั้งตลาด”
“ไอ้แกละ ไปกันเถอะ..ไม่ใช่กิจของชาวบ้าน ทำไมชอบยุ่งเรื่องคนอื่นนัก” ยายเมี้ยนบอกผัว
“นั่นสิ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ไอ้โกควรช่วยตัวเอง”
ตาแกละ อาโก ออกอาการแหยงๆ เกี่ยงกันเดินกลับไปที่หลุม
ที่อู่ต่อเรือญี่ปุ่น เช้าวันเดียวกันโกโบริ กับหมอทาเคดะ และทหารญี่ปุ่นมากมาย สำรวจความเสียหาย เห็นเรือที่จอดซ่อมอยู่ที่ท่าพังยับไหม้เป็นแถบ มีทหารยืนฉีดน้ำเลี้ยงให้ดับสนิท 2-3 สายฉีด
อาคารหลักของอู่พังดำไหม้เป็นตอตะโก ควันคละคลุ้งทหาร 3-4 คนช่วยกันรื้อยกซากไม้ออก เจอแขนคนโผล่ออกมา เสียงตะโกนบอก
“เจออีกหนึ่งศพ”
โกโบริที่เดินอยู่ไม่ไกลหันมา เดินเข้ามาดูใกล้ โกโบริกับหมอทาเคดะ สลดหดหู่ใจ
ส่วนบริเวณเรือนอังศุมาลิน เศษแตกกระจายของแก้ว กระจก กระเบื้องเกลื่อนพื้น ถูกกวาดมากองรวมกันโดยอังศุมาลิน ที่ก้มเก็บเศษแตกๆ ลงถังอย่างระวัง
แม่อรยกกรอบรูปที่ตกแตกขึ้นมามองอย่างเสียดาย พลางถอนใจ ยายศรเดินดูตู้กระจกที่ร้าวเป็นทาง ข้างในตู้มีชามล้มบิ่นบ้างร้าวบ้าง ถึงกับส่ายหน้าอ่อนใจ
“หมดเลย ชามโคมฉัน ของเก่าแก่สมัยยายชวด”
“ช่างมันเถอะค่ะแม่ ตัวเราไม่บิ่นเหมือนชามนั่นก็ดีถมแล้ว”
“ฉันเสียดาย..เฮ้อ แล้วที่อู่เป็นยังไงกันบ้างละยัยอัง” ยายหันมาถามอังศุมาลิน
“ก็เห็นคนเจ็บหลายคนค่ะ”
“พังกันไปครึ่งอู่อย่างนี้ คงอีกนานสิกว่าจะทำงานกันต่อได้”
“โอ้ยรบกันไปรบกันมาก็เท่านั้น ใครชนะก็ได้แต่ของหักๆพังๆ ใครที่แพ้ก็เหลือแต่ของหักๆพังๆเหมือนกัน ฆ่าฟันกันทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากัน ไม่รู้จะรบกันไปถึงไหน เออ..จะว่าฆ่ากันเพราะมีเรื่องบาดหมางเคืองแค้นกันก็ไปอย่าง แต่นี่ไม่มีอะไรกัน มาทิ้งระเบิดกันโครมๆ ไม่รู้ละว่ามันจะโดนใคร หรือไอ้ที่ยิงขึ้นไปนั่นก็ยิ่งไม่รู้ว่า คนข้างบนมันหน้าตาเป็นยังไง เจ้าประคุณเอ๊ย เมื่อไรมันจะเลิกยุ่งกันซะที”
อังศุมาลินฟังแล้วสะดุดใจ พลางก้มเก็บเศษแตกๆ ต่อไปเงียบๆ
ส่วนที่วัดตอนบ่ายวันนั้น โกโบริก้มเล็กน้อย สีหน้าเรียบนิ่งสงบเสียงพระ 2 รูป สวดบังสุกุลดัง ที่หน้าเมรุเผาศพ โกโบริมือขวาพันแผล หมอทาเคดะแขนสะพายเข้าเฝือกอ่อน และนายทหารอีก 3-4 นายเรียงแถว ยืนสงบนิ่งไว้อาลัย
ส่วนเคสุเกะมีที่ค้ำจักกะแร้ช่วยยืน เพราะขาเข้าเฝือก ข้างหน้าทุกคนมีโลงศพ 6 โลงมีธงอาทิตย์อุทัยคลุมวางเรียง
ไม่นานหลังจากนั้นโกโบริก้าวขึ้นบันไดฉับๆ อังศุมาลินที่กำลังช่วยยายเรียงจัดข้าวของในตู้ให้เข้าที่ รู้ได้ทันที เลยค่อยๆ หันไปมอง
โกโบริที่มอมแมมทั้งตัว มือขวาถูกพันแผล ก้าวเดินขึ้นมา แม่อรเดินออกมาจากครัว
“เป็นไงบ้างพ่อดอกมะลิ”
“อ้าวมาละ เมื่อคืนยายอังเขาวิ่งไปดูที่อู่ เห็นว่าไม่เป็นไร แต่อู่พังหมดเลยนี่พ่อ”
โกโบริหันมามองอังศุมาลิน อังศุมาลินหน้าร้อนผ่าว ทำไม่รู้ไม่ชี้จัดของต่อไป
“เอ๊ะ..เมื่อคืน” โกโบริประหลาดใจ งงๆ “ฮิเดโกะ..เอ่อ..อังศุมาลินไปที่อู่ตอนไหน”
“ตอนหวอดังปลอดภัยแล้วน่ะจ้ะ เขาวิ่งไปดู”
โกโบริยิ้มบางๆ พอใจ “อ้อ...”
“นั่นมือโดนอะไรเข้าล่ะ” แม่อรถาม
“ไม่แน่ใจครับ กระจก กับสังกะสีปลิวว่อน เมื่อคืนโดนโจมตีสองระลอก”
โกโบริเดินมานั่งลงใกล้ๆ มองอังศุมาลินกับยายจัดของไปมา
“ใครเป็นอะไรกันบ้างไหม”
โกโบรินิ่งไปครู่ สลดเล็กน้อยขณะบอก “ตายไปหก เจ็บสาหัสอีกเจ็ด ห้องผมก็พัง เสื้อผ้าข้าวของไม่เหลือเลย”
“แล้วทำยังไงกันละนี่” แม่อรถาม
“ก็ต้องซ่อมกันใหม่ครับ”
“นี่มอมมาทั้งตัว ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนไป๊” ยายบอก
“แล้วนี่มีเสื้อผ้าอยู่นี่บ้างหรือเปล่า อังไปดูให้สิลูก”
อังศุมาลินอึกอักๆ เงยหน้าละงานหันมามองเห็นหน้าโกโบริมอมแมมอิดโรย เลยใจอ่อน
“ขอผมล้างหน้านิดเดียว เสื้อผ้าคงต้องไปเบิกใหม่ เดี๋ยวผมต้องข้ามไปรายงานที่กองบัญชาการด้วย”
อังศุมาลินถอนใจเล็กน้อย ก่อนขยับตัวลุกเดินไป
อังศุมาลินจ้วงตักน้ำจากโอ่งตรงมุมนอกชานขึ้นมา โกโบริมอง งงว่าจะยื่นให้ หรือจะราดให้ เลยเอื้อมมือจะไปรับขันแทน อังศุมาลินถอนใจ พลางบอก
“ยื่นแขน”
โกโบริรีบยื่นแขนออกมา อังศุมาลินเทน้ำราดล้างให้ โกโบริใช้มือเดียวถูข้างขาวไปมา ไล่ตั้งแต่ต้นแขนลงมา แต่พอถึงข้างซ้ายเลยต้องกำมือขวาถู
อังศุมาลินเห็นแล้วรำคาญตา เลยเอื้อมมือไปช่วยถูให้ โกโบริมองยิ้มชื่นใจอย่างบอกไม่ถูก
“ฮิเดโกะ..ขอบคุณนะ ที่วิ่งไปดูผม..เมื่อคืน”
อังศุมาลินเห็นถูแรงขึ้นไปมา ทำไม่สนใจ
“ถ้าผมตาย คุณจะร้องไห้ไหม”
“ไม่”
“งั้น ผมจะคอยดู”
อังศุมาลินดุ “นี่ คนไทยเขาถือ”
โกโบริฉงน “ถือ..ถืออะไร ไม่เข้าใจ”
“เขาไม่เอาเรื่องตายมาพูดเล่นๆ”
“งั้นมาพูดเรื่องจริงๆ ก็ได้ ตอนนี้ผมไม่มีที่อยู่แล้ว เรือนผมที่อู่พังไม่มีเหลือ แล้วผมควรจะทำยังไง คุณช่วยคิดหน่อยสิ”
อังศุมาลินวางขันน้ำทิ้งลงในโอ่งทันที หันตัวจะเดินหนี
“ผมพูดความจริง..ก็ไม่ได้อีก แล้วเอายังไง”
โกโบริถอนใจ พลางตักน้ำขึ้นมาล้างหน้าเองไปมาเก้กังจน น้ำเปียกเสื้อเป็นทาง
อังศุมาลินกลับหยุดแล้วแอบหันมองแวบหนึ่ง
“ผ้าเช็ดตัวอยู่ในห้อง”
โกโบริแทบวางขัน เงยหน้ามองจนน้ำเข้าตาหยี
ครู่ต่อมาผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่ง ถูกยื่นมาให้ แต่เป็นแบบแทบโยนใส่ที่อก โกโบริรับมาเช็ดๆ ตัวไปมา เมียงมองอังศุมาลิน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แอบชื่นใจมากมาย ดึงแขนเสื้อที่พับขึ้นไว้ลงมา เพื่อติดกระดุมปลายแขน แต่พอมาถึงข้างซ้ายเลยจนปัญญา ต้องยื่นไปให้อังศุมาลินที่ยืนดูห่างๆ ให้ช่วย
อังศุมาลินที่ทำทีเป็นไม่ค่อยสนใจ เดินเข้ามาก้มหน้าก้มตาติดให้
“ผมจะไปฝั่งนู้น คุณอยากได้อะไรไหม”
“ไม่”
โกโบริมองด้วยแววตามีความสุข
แสงจากดวงอาทิตย์ยามเย็นส่องกระทบริ้วธงไทย และธงญี่ปุ่น ที่ปลิวไสวอยู่คู่กัน ที่หน้าอาคารกองอำนวยการคณะกรรมการผสม สนามเสือป่า พระนคร
หลวงชลาสินธุราช ที่นั่งคุยกับแม่ทัพเรือ และสารวัตรองอาจกันเพิ่งเสร็จ ก็กำลังลุกจะแยกย้ายกลับ เหลียวมองไปทางโกโบริที่เดินคุยออกมากับพวกนายทหารญี่ปุ่น 5-6 นาย แล้วหันมองมาที่คุณหลวงพอดี โกโบริเลยแยกตัวเดินตรงมา สองคนทักทาย ถามไถ่กันไปมา
“สวัสดีครับ” โกโบริโค้งศีรษะให้
“สวัสดีโกโบริ สบายดีนะ ผมเสียใจด้วยนะเรื่องการสูญเสียที่อู่เรือ”
“ครับ แล้วท่านสบายดี”
“ใช่สบายดี แล้วยัยอัง..เออ อังศุมาลินเป็นยังไงบ้าง”
“อังศุมาลินและทุกคนที่นั่นปลอดภัยดี ท่านมีอะไรจะฝากถึงไหมครับ”
“บ้านนั้นก็ใกล้อู่เหลือเกิน ฝากให้คุณดูแลอังศุมาลินกับแม่และยายเขาแทนผมด้วย”
“ครับ”
“นี่กลับไปคงยุ่งมากสินะ แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะมีหลานมาให้ผมละ”
“เอ่อ...”
โกโบริอึกอักไม่รู้จะตอบยังไง หลวงชลาสินธุราชมองแล้วรู้สึกเป็นมิตรกับโกโบริมากขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน ที่ชานเรือน บ้านอังศุมาลินยามเย็น ห่อข้าวของในมือพะรุงพะรังทั้งสองมือ สีหน้าโกโบริยิ้มแฉ่งจนตาหยี อย่างอารมณ์ดี อังศุมาลินมองท่าทีเฉยๆ แล้วตรงเข้าไปช่วยถือ ข้าวของถูกโกโบริเอามาวางลงที่ยกชาน
“นี่น้ำตาล นม นี่กาแฟ มีเครื่องกระป๋อง แล้วนี่ห่อเสื้อผ้าผมเองกับมีสบู่หอมของคุณ”
โกโบริที่วางของลงเสร็จหมด รีบล้วงหยิบซองยาวสีน้ำตาลหนาออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นส่งให้ อังศุมาลินเงยมองอย่างสงสัย
โกโบริยิ้มเขินๆ
“ซองเงินเดือนผม”
อังศุมาลินรีบหันข้างให้ ไปสนใจแก้ข้าวของออกดูแทน โกโบริรีบคว้ามืออังศุมาลินมายัดซองใส่มือรับไป
“ยังไงคุณก็ต้องรับไปเพราะ...เอ่อ ร้อนจัง”
อังศุมาลินรีบวางซองลง มองหน้า แล้วลุกหนีไป โกโบริมองตาม งงๆ
ครู่ต่อมาโกโบริปลดกระดุมเสื้อ โกโบริกระพือพัดให้คลายร้อนไปมา ขันน้ำลอยดอกมะลิมาวางให้ตรงหน้า
โกโบริยกขันน้ำขึ้นดื่มพรวดเดียวหมดอย่างชื่นใจ
“เดี๋ยวผมต้องไปที่อู่ต่อ”
โกโบริลุกขึ้นยืนอ้อยอิ่ง อังศุมาลินหันมาชำเลืองมอง
“กลับมากินข้าวเย็นหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร ผมกินกับทหารที่อู่ได้ เพราะไปดูเรื่องที่พักทหาร ต้องรีบซ่อมให้ใช้งานได้เร็วๆ”
โกโบริเล่าเหนื่อยๆ
“นายสิบที่อยู่บ้านใกล้บ้านผมตาย” โกโบริพูดเบาลงเล็กน้อย “ยังไม่รู้เลย ว่าจะเขียนจดหมายไปบอกลูกเมียเขายังไง”
อังศุมาลินซัก “มีลูกกี่คนคะ”
“มีสองคนครับ กำลังน่ารักทั้งคู่”
อังศุมาลินใจหาย
โกโบริหนักใจ “นี่ละนะสงคราม ไม่ว่าจะฝ่ายไหน ก็จะมีคนที่รักรอคอยอยู่ข้างหลัง” โกโบริถอนใจยาว “ผมไปละ..ไม่รู้คุณผิดหวังแค่ไหนที่คนตายยังไม่ใช่ผม”
โกโบริขยับใส่หมวกอีกที แล้วหันเดินออกไป
อังศุมาลินอึ้ง ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนมือสั่นๆ จัดวางข้าวของต่อไป
ติดตาม "คู่กรรม" ตอนที่ 17