แรงปรารถนา ตอนที่ 15
พิทยากำลังทำข้าวต้มสูตรคุณหนูกระแต พลางนึกย้อนกลับไป
“ฉันไม่ชอบข้าวต้มที่นายทำ มันหวานเกินไป”
“แล้วคุณอยากทานรสชาติไหนล่ะ”
“อืมม์..ไม่รู้สิ”
“เอ้า..ถ้าไม่รู้ แล้วผมจะทำให้ถูกใจคุณได้ไงถ้างั้นก็มาทำด้วยกัน คุณจะได้หัดทำข้าวต้มเป็นอีกหนึ่งอย่างนอกจากการชงกาแฟ”
สุอาภามองพิทยา..เห็นด้วย
พิทยาตักข้าวต้มใส่ช้อน เป่าให้หายร้อน แล้วยื่นไปให้สุอาภาชิม เธอชิมแล้วก็ส่ายหน้าไม่ชอบ ก่อนจะยืนนึก..แล้วก็หันไปหยิบซีอิ๊วเหยาะลงไป ตามมาด้วยพริกไท พริกป่น น้ำส้มสายชู เห็นอีกทีข้าวต้มก็เต็มไปด้วยพริก
พิทยามองแบบไม่น่ากิน แต่สุอาภาภูมิใจมาก ตักข้าวต้มขึ้นมาเป่าให้หายร้อน แล้วยื่นไปตรงหน้าพิทยา เขาส่ายหน้า สุอาภายื่นช้อนไปใกล้เพื่อให้พิทยากิน พิทยากล้าๆกลัวๆแต่ก็กินเข้าไป
พิทยานิ่งไปสองวินาทีแล้วหันไปมองสุอาภาพร้อมกับยกนิ้วโป้งบอกว่าอร่อย สุอาภาดีใจ
ข้าวต้มสองชามวางอยู่ สุอาภากับพิทยายืนอยู่ด้วยกัน
“นี่เรียกว่าข้าวต้มสูตรคุณหนูกระแต นายห้ามทำข้าวต้มสูตรนี้ให้ใครทานเด็ดขาด นอกจากฉันคนเดียว”
พิทยามองข้าวต้มที่กำลังทำหน้าเศร้าอย่างที่สุด พิทยาทำไม่ได้อีกต่อไป แล้วก็หยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก
ภายในครัว เวลาเย็น ณีกำลังเก็บจาน พลันเสียงมือถือดังขึ้น ณีหยิบขึ้นมากดรับสาย
“ค่ะคุณพิท”
“ป้าอยู่คนเดียวรึเปล่าครับ”
“ใช่ค่ะ คุณพิทมีอะไรเหรอคะ”
พิทยาหน้านิ่ว
“ผมอยากรู้ว่าคุณแตเป็นยังไงบ้าง”
ณีพูดไปก็เก็บจานไป ด้วยใบหน้าที่เศร้า
“ก็สบายดีค่ะ ไม่เจ็บไม่ไข้ ไม่ทุกข์ไม่ร้อน นี่ก็นัดคุณพราวออกไปข้างนอกตั้งแต่กลางวันแล้วค่ะ”
พิทยาหน้าจ๋อย
“แสดงว่ามีความสุขดี “
“คุณพิทว่าไงนะคะ”
“ไม่มีอะไรครับป้า”
พิทยาสลดใจมากคิดว่าสุอาภาไม่แคร์เค้าเลย พลันเสียงกดออดดังขึ้น พิทยาหันไปมอง
บวรเอาถุงอาหารวางบนโต๊ะ ก่อนจะหันไปทางพิทยา
“เห็นแกอยู่คนเดียว ฉันเป็นห่วงก็เลยซื้ออะไรมาให้กิน”
“ขอบคุณครับ แต่ผมทานอะไรไม่ลง”
บวรถอนใจ
“ฉันไม่เข้าใจว่า ทำไมแกถึงยอมหย่ากับแต”
“ผมไม่ได้อยากหย่า แต่ถ้ามันเป็นความต้องการของคุณแต ผมก็จะทำ”
“แกไม่คิดบ้างเหรอว่าบางทีแตอาจจะไม่ได้อยากทำ ทำไมแกสองคนถึงไม่เปิดใจคุยกัน”
“ไม่มีอะไรต้องคุยอีกแล้วครับ ทุกอย่างมันชัดเจน บางทีการหย่าอาจจะทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคน”
“ฉันถามจริงนะพิท แกรู้สึกยังไงกับน้องสาวฉันกันแน่”
“ความรู้สึกของผมไม่สำคัญเท่ากับความสุขและความเหมาะสมของคุณ คุณแตควรได้เจอคนที่ดีและเพียบพร้อม”
“แกตอบไม่ตรงคำถาม”
“ไม่ว่าคำตอบของผมจะเป็นยังไง มันก็สายไปแล้วครับคุณใหญ่”
กลางวัน วันต่อมา ที่บ้านสวน ภูวดลก้มลงกราบเท้าจันทร์จำนง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา
“ผมรู้ว่าการกระทำของผม มันเกินจะให้อภัย คุณย่าจะไม่ยกโทษให้ผมก็ได้นะครับ”
จันทร์จำนงจับไหล่ภูวดลให้ลุกขึ้นมานั่งข้างๆ
“ย่าจะไม่ยกโทษให้เราได้ยังไง ในเมื่อเราเป็นหลานของย่า”
ภูวดลตื้นตันจนน้ำตารื้นขึ้นมา
“คุณย่ายังเห็นผมเป็นหลานอยู่เหรอครับ”
จันทร์จำนงลูบหัวภูวดล
“แน่นอนสิ...จะให้ย่าเห็นเราเป็นคนอื่นได้ยังไง ย่ารักเรามากนะ เราเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของย่า รู้มั้ยตอนที่เราเจ็บ หัวใจย่ามันจะขาด ย่าดีใจนะเราคิดได้ และกล้าที่จะยอมรับความผิด”
ภูวดลโผกอดจันทร์จำนงเอาไว้
“ผมขอบคุณคุณย่ามากนะครับที่ให้โอกาสผมอีกครั้ง ผมรักคุณย่านะครับ คุณย่าเป็นยิ่งกว่าพ่อยิ่งกว่าแม่ของผม คุณย่าเป็นคนเดียวที่รักผมจริง”
จันทร์จำนงดึงภูวดลออกมามองหน้า
“ใครว่าย่าเป็นคนเดียวที่รักเรา พ่อ แม่ เค้าก็รักเราเหมือนกัน จำไว้นะพ่อดลว่าไม่มีใครที่จะรักและพร้อมให้อภัยเราเท่ากับคนในครอบครัวอีกแล้ว”
ภูวดลพยักหน้าและโผกอดจันทร์จำนงอีกครั้งด้วยความรู้สึกดีสุดๆ
ภูวดลเดินมาเจอพิทยาที่ถือกระเป๋าใส่แบบมาหาจันทร์จำนงพอดี ภูวดลกับพิทยาต่างชะงัก ภูวดลขยับตัวเดินออกไป
“ผมเอาแบบห้องสมุดมาให้คุณนายจันทร์”
ภูวดลหยุดเดินหันมา
“ไม่ต้องบอกว่ามาหาย่าฉันทำไม”
พิทยาชะงัก อึ้ง
“ที่ผ่านมา ทั้งคำพูด และการกระทำที่ฉันทำไม่ดีกับแกเอาไว้ ถ้าอันไหนที่ฉันผิดจริง ฉันก็ขอโทษ แต่อย่าเพิ่งได้ใจว่าที่ฉันขอโทษแก จะหมายความว่าฉันให้อภัยแกทุกเรื่อง ขอให้แกรู้ไว้ว่าฉันก็ยังเป็นหลานเบอร์หนึ่งของคุณย่า แก..มันก็เป็นได้แค่หลานเบอร์สองเท่านั้น”
พิทยามองภูวดลสายตาอ่อนลง
“ผมรู้ดีว่าผมอยู่ในฐานอะไร และขอให้คุณวางใจได้ว่าผมไม่เคยคิดเรียกร้องในการเป็นหลานคุณนายจันทร์จำนง คุณเป็นคนเดียวที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของท่าน ลาก่อนนะครับ”
พิทยาจะเดินออกไป ภูวดลหันมา
“เดี๋ยว อีกอย่าง..ขอบคุณที่ไม่เอาเรื่องฉัน”
“คนที่คุณต้องขอบคุณ ไม่ใช่ผม...”
ภูวดลนิ่วหน้ามองพิทยาอย่างสงสัย
ภายในบ้าน ภาสันต์หน้าซีดไม่ค่อยสบาย กำลังจะหยิบยามากิน แต่มีมือของภูวดลยื่นมาหยิบยาให้
ภาสันต์รับมากิน ทั้งคู่ต่างไม่พูดอะไรกันออกมา ภาสันต์จะเดินออกไป
“ขอโทษที่ผมเคยพูดว่าพ่อไม่เคยทำอะไรเพื่อผม”
ภาสันต์หยุดเดินหันไป ศรีพิไลเดินมาเห็นพ่อลูกคุยกันก็แปลกใจ
ภูวดลเดินมาตรงหน้าภาสันต์
“ผมรู้แล้วว่าทำไม...พิทยาถึงถอนฟ้อง และยกที่ดินคืนให้พ่อ”
ภาสันต์ชะงักนิ่งไป ศรีพิไลตั้งใจฟัง
“พ่อยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อผม ขอบคุณนะครับพ่อ ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ”
ภูวดลทรุดตัวลงนั่งและก้มกราบภาสันต์อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต
ภาสันต์น้ำตาคลอๆ ทรุดตัวลงนั่งหน้าภูวดล เอื้อมมือไปจับไหล่ภูวดลให้เงยหน้าขึ้นมา แล้วก็ดึงภูวดลเข้ามากอดด้วยความรักเป็นครั้งแรก ทำให้ภูวดลอึ้งมาก กอดภาสันต์ตอบ
“ที่ผ่านมาฉันอาจจะดุด่าแกมาตลอด แต่นั่นก็เพราะแกเป็นลูกชายคนเดียวของฉัน ฉันคาดหวังในตัวแกไว้มาก อยากให้แกได้ดี แต่บางทีฉันคงจะกดดันแกมากเกินไป ทุกอย่างมันถึงกลายเป็นแบบนี้”
แรงปรารถนา ตอนที่ 15 (ต่อ)
ภูวดลน้ำตาคลอ
“ผม… ผมขอโทษนะครับพ่อ ขอโทษที่เป็นลูกที่เลว เป็นลูกที่ไม่ได้เรื่อง ไม่เคยทำอะไรสำเร็จให้พ่อกับแม่ได้ภูมิใจสักอย่าง ผมขอโทษครับ”
“ช่างมันเถอะ อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป เรามาเริ่มต้นใหม่กันดีกว่า จำไว้นะภูวดล พ่อรักแกเสมอ”
ภูวดลดีใจที่สุดในชีวิต
“ครับพ่อ...ผมก็รักพ่อครับ”
สองพ่อลูกซาบซึ้ง น้ำตาไหล ศรีพิไลร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งกับภาพตรงหน้า
ศรีพิไลมองภูวดลด้วยความตกใจ แต่ภาสันต์นิ่งมาก
“ลูกหมายความว่ายังไง ที่บอกว่าจะไปจากที่นี่”
“ผมต้องการพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าผมสามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องมีพ่อคอยเป็นแบคอัพ”
“ไม่เห็นจำเป็นที่ลูกจะต้องคิดแบบนั้น หลังจากวันนี้ ลูกก็มาช่วยงานคุณพ่อเต็มตัวก็ได้นี่”
“นั่นมันก็ไม่ต่างจากเดิม”
“แล้วแกจะไปทำอะไร ไปอยู่ที่ไหน”
“ผมยังไม่ทราบครับ ผมรู้แต่ว่าผมต้องทำให้ได้ ถึงแม้ว่ามันจะลำบาก แต่ผมก็จะอดทน บทเรียนในอดีตที่ผ่านมา สอนให้ผมเรียนรู้อะไรหลายอย่าง ผมถูกตราหน้าจากคนอื่นว่าเลวมาตลอด แต่หลังจากวันนี้ ผมจะทำให้ทุกคนรู้ว่าพวกเค้าคิดผิด”
“ลูกไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรให้ใครเห็น แม่กับพ่อรู้ว่าลูกเป็นยังไง เท่านี้ก็พอแล้ว”
ภาสันต์ถอนหายใจบอก
“ปล่อยให้ลูกไปเถอะคุณ”
ภูวดลกับศรีพิไลหันไปมองภาสันต์
“ทำไมคุณพูดแบบนี้ล่ะคุณภาสันต์”
“เพราะผมมั่นใจว่าลูกต้องทำได้ ฉันเชื่อในตัวแก เพราะว่าแกมีเลือดของฉันอยู่ครึ่งหนึ่ง ถ้าแกตั้งใจจริง แกจะทำสำเร็จ”
ภาสันต์ดึงภูวดลเข้ามากอด ภูวดลน้ำตาคลอ แล้วก็ผละออกมาหันไปทางศรีพิไล
ศรีพิไลเข้ามาจับมือภูวดลแล้วร้องไห้
“ไปอยู่ที่ไหน ก็ส่งข่าวมาบ้างนะลูกนะ”
ภูวดลพยักหน้าแล้วก็กอดศรีพิไลเอาไว้ ภาสันต์มองภูวดลด้วยความภาคภูมิใจ
ภายในร้านกาแฟ พิทยาสีหน้าประหลาดใจนั่งตรงข้ามรวีพรรณ
“รวีจะไปทำอะไรที่อังกฤษ”
“รวีจะไปพักผ่อนน่ะค่ะ แล้วก็ว่าจะไปหาที่หาทางทำร้านอาหารที่นั่นด้วย”
“ก็ดีนะครับ ขอให้คุณโชคดี”
รวีพรรณพยักหน้า
“ขอบคุณพิทมากนะคะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา พิทคือเพื่อนที่ดีที่สุดของรวี แล้วนี่พิทกับคุณแตเข้าใจกันเหรอยัง”
พิทยาหน้าสลดทันที
“ผมกับคุณแต...เรากำลังจะหย่ากัน”
รวีพรรณตกใจ
“ทำไม พิทไม่ได้บอกคุณแตไปเหรอว่าพิทรู้สึกยังไง”
“บอกไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะคุณแตไม่ได้รักผม”
“พิทรู้ได้ยังไง อย่ามาคาดเดาเอาเองแบบนี้ เชื่อรวีเถอะนะ พิทยังมีโอกาส อย่าปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป ไม่อย่างนั้นพิทอาจะเสียใจไปจนชั่วชีวิต”
พิทยานิ่งคิดตามที่รวีพรรณพูด
ณีสีหน้ากระอักกระอ่วนเดินเข้ามาในบ้าน เจอสุอาภาเดินออกมาพอดี
“มีคนมาขอพบคุณแตค่ะ”
สุอาภาแปลกใจ
สุอาภากับรวีพรรณนั่งคุยกัน
“ขอโทษนะคะที่มาโดยไม่ได้บอก”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณมีอะไรกับฉัน”
“ฉันเพิ่งรู้จากพิทว่าเรื่องของพวกคุณ”
สุอาภาน้ำเสียงไม่แยแส
“เหรอคะ”
“อย่าหย่ากับพิทเลยนะคะคุณแต”
“นี่คุณจะมาไม้ไหนอีก การที่พิทหย่ากับฉัน มันก็น่าจะสมใจคุณแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วคุณจะมาพูดเพื่ออะไร”
“ฉันรู้ว่าคุณไม่ชอบฉัน เพราะที่ผ่านมา ฉันทำกับคุณเอาไว้มาก ฉันอยากจะขอโทษ ที่ฉันพยายามทำลายคุณกับพิท เพราะฉันเข้าใจผิดว่าคุณกับพิทต้องการทำลายฉัน ฉันไม่อยากให้คุณสองคนต้องมาแตกหักกัน พิทไม่ได้รักฉันอีกแล้ว คนที่พิทรักคือคุณนะคะคุณแต”
สุอาภานิ่งฟัง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“คุณเลิกเล่นละครซะทีเถอะค่ะ”
“คุณไม่เชื่อคำพูดฉันก็ไม่เป็นไร แต่ฉันอยากให้คุณเชื่อหัวใจของตัวเอง เชื่อในความรักที่คุณกับพิทมีให้กัน”
สุอาภาลังเล
“พิทไม่เคยรักฉัน ที่เค้าแต่งงานกับฉันก็เพราะต้องการตอบแทนบุญคุณป๋า”
“เลิกคิดเอง เออเองแบบนั้นซะทีเถอะค่ะ มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลย”
สุอาภาชะงัก
“ดูอย่างฉันสิคะ ฉันคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่าพิทรักฉัน ไม่ยอมเปิดใจรับรู้ความจริงว่าเขารักคุณ จนทำให้ฉันขาดสติทำอะไรผิดพลาดไปมาก แล้วสิ่งที่ฉันทำมันก็ทำร้ายทั้งคนที่ฉันรัก และตัวฉันเอง ฉันไม่อยากให้คุณต้องเป็นแบบนั้นนะคะ”
สุอาภานิ่งไป เริ่มอ่อนลง
“แล้วคุณมาบอกฉันทำไม”
“เพราะฉันทำผิดกับคุณสองคนเอาไว้มาก ถ้าคุณจะไม่ได้ลงเอยกันเพราะฉัน ฉันคงจะรู้สึกผิดไปจนชั่วชีวิต เชื่อฉันสักครั้งเถอะนะคะคุณแต เปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทัน ให้โอกาสพิทได้พูดความในใจที่มีต่อคุณเถอะนะคะ”
สุอาภามองรวีพรรณแล้วนิ่งไป ในใจเริ่มสับสน
เช้า วันถัดมา … พิทยากับสุอาภาเดินมาเจอกันตรงหน้าที่ว่าการอำเภอฯ
“มาตรงเวลาดี รีบเข้าไปกันเถอะ มันจะได้จบ”
สุอาภาจะเดินเข้าไป
“คุณแต ก่อนที่เราจะหย่ากัน ผมขอพูดบางอย่าง หลังจากที่คุณฟังแล้ว ถ้าคุณยังตัดสินใจที่จะหย่ากับผม ผมก็ยอม”
สุอาภานิ่งไป หัวใจเต้นแรง
“หลังผ่านเหตุการณ์ที่ผมเกือบตาย ผมก็คิดได้ว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ผมก็เลยอยากจะพูดทุกอย่างกับคุณ ไม่อยากให้สิ่งที่อยู่ในใจต้องตายไปพร้อมกับผม แล้วจะไม่มีวันได้พูดมันออกมาอีก”
พิทยาขยับมายืนข้างหลังสุอาภาใกล้มากๆ จนสุอาภารู้สึกได้ แต่ก็ยังไม่ยอมหันกลับมา
“ผมขอโทษที่ทำร้ายจิตใจของคุณครั้งแล้วครั้งเล่า ผมเสียใจทุกครั้งที่ผมทำแบบนั้น”
สุอาภาหันมาจ้องหน้าพิทยา
“แล้วนายทำทำไม”
“เพราะว่าผมรักคุณ ผม-รัก-คุณ รักจนไม่อยากที่จะรัก”
สุอาภาอึ้งที่ได้ยินพิทยาบอกรักตรงหน้า
“เพราะอะไร”
“เพราะผมรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย ไม่คู่ควรกับคุณหนูสูงศักดิ์ แถมคุณยังเป็นลูกสาวของผู้มีพระคุณของผม ผมหลงรักคุณมาตั้งแต่เด็กหลงรักความน่ารักสดใส หลงรักความร้ายกาจ”
แรงปรารถนา ตอนที่ 15 (ต่อ)
สุอาภาเหวอมาก พิทยาพูดไปก็อมยิ้มไปเมื่อนึกถึงอดีต
“แต่ผมก็ไม่อยากคว้าดาวอย่างคุณให้ลงมาคลุกคลีกับธุลีดินอย่างผม ผมถึงต้องล็อกกุญแจปิดตายหัวใจของตัวเองที่มีแต่คุณอยู่ในนั้น โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันได้ทำร้ายหัวใจของคนที่ผมรักให้เจ็บปวดไปด้วย”
สุอาภาน้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความตื้นตัน พิทยาจับมือสุอาภาขึ้นมากุมเอาไว้แน่น
“ผมบอกความในใจทุกอย่างของผมให้คุณรู้หมดแล้ว แล้วคุณล่ะ คุณจะบอกผมได้หรือยังว่าคุณรู้สึกกับผมยังไง”
“ฉันเกลียดนาย”
พิทยาอึ้งหน้าเสีย
“ฉันเกลียดเวลาที่นายรู้ใจฉัน ฉันเกลียดเวลาที่นายพูดไม่ดีกับฉัน ฉันเกลียดเวลาที่นายมองฉันแบบเนี้ย แล้วฉันก็เกลียด เกลียดที่ตัวเองรักนาย”
สุอาภาน้ำตาไหล พิทยายิ้มออกมา
“ทำไมฉันต้องรักนายด้วยนะนายพิทบลู”
พิทยายกมือเช็ดน้ำตาให้สุอาภา เธอยิ้มทั้งน้ำตา เขาดึงสุอาภามากอดแน่น ไม่นานก็ผละออกจากกัน
“ตกลงว่าคุณรักผมใช่มั้ย”
“ก็ต้องรักสิ”
พิทยากับสุอาภายิ้มให้กัน แล้วพิทยาก็ยกสุอาภาขึ้นมาจนตัวลอยก่อนจะหมุนไปรอบๆ สุอาภาหัวเราะชอบใจ พิทยาวางสุอาภาลงบนพื้น สองคนยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
รวีพรรณเดินลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาในสนามบิน แต่เพราะมัวมองพาสปอร์ตในมือ ไม่ทันระวังจึงชนกับภูวดลที่เดินลากกระเป๋าเดินทางมาจากอีกด้านเข้าอย่างจัง ทั้งคู่ต่างตกใจ
“ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษครับ”
แล้วทั้งคู่ก็เห็นหน้ากัน ทันทีที่เห็นหน้า ก็แทบช็อก ต่างฝ่ายต่างอึ้ง
“คุณ! คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หรือว่าคุณ...”
ภูวดลรีบพูด
“ผมไม่ได้ตามคุณมานะ”
รวีพรรณมองภูวดลอย่างไม่ไว้ใจ
“ไม่ต้องกลัวว่าผมจะทำอะไร โดนแทงไปหนึ่งที ตรงเอวยังมีผ้าพันแผลแปะอยู่ ผมไม่กล้าทำอะไรคุณอีกแล้ว”
รวีพรรณเห็นท่าทางภูวดลสงบแปลกๆ ก็เลยวางใจได้หน่อยนึง
“ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยคิดเลยว่า วันนึงจะถูกผู้หญิงแทงแบบกะฆ่าให้ตาย”
“ถ้าฉันกะให้คุณตาย ฉันไม่แทงที่ท้องหรอก ฉันคงแทงที่หัวใจ”
ภูวดลถึงกับยิ้มขำออกมา รวีพรรณแปลกใจ
“ยิ้มอะไร”
“ไม่นึกว่าเราจะมายืนคุยกันแบบนี้ได้ ผมขอโทษ ที่ทำร้ายคุณครั้งแล้วครั้งเล่า ผมไม่ขอให้คุณอภัย เพราะผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำ มันเลวร้ายจริงๆ แต่หลังจากวันนี้ไป ผมบอกได้เลยว่าภูวดลคนเดิม..ได้ตายจากไปแล้ว”
“ฉันดีใจที่ภูวดลคนเดิมจะตายจากไป เพราะรวีพรรณคนเก่า ก็ตายจากไปแล้วเหมือนกัน ฉันเองก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน เพราะฉันก็เล่นงานคุณหลายครั้ง ฉันพูดตรงๆว่าตอนนี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับคุณ ฉันไม่ได้โกรธ และฉันก็ไม่ได้เกลียด แต่ถ้าจะให้ฉันคุยกับคุณเป็นปกติ ฉันก็ยังทำไม่ได้”
“ผมก็เหมือนกัน”
ทั้งสองคนจ้องตากันนิ่งครู่หนึ่ง
“ตั้งแต่เรารู้จักกัน ผมไม่เคยทำอะไรดีๆ ให้กับคุณ แต่ครั้งนี้ ผมขอให้คุณโชคดี...จากใจจริง”
“ฉันก็ขอให้คุณโชคดีเหมือนกัน”
รวีพรรณมองภูวดลอย่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น ภูวดลยิ้มน้อยๆ แล้วก็หันหลังเดินจากไป ส่วนรวีพรรณก็หันหลังเดินไปอีกทาง
ภูวดลและรวีพรรณเดินหันหลังแยกจากกันไปคนละทาง
อีกหลายวันถัดมา ที่บ้านพักมีบรรยากาศของการปิ้งย่างบาร์บีคิว พิทยา สุอาภา ต่าย ณี นพ ช่วยกัน ทุกคนดูมีความสุขกันมาก พิทยาป้อนสุอาภา
“อร่อยมั้ยครับ”
“อือ...นายทานมั้งนะ”
สุอาภาป้อนพิทยา สองคนยิ้มให้กัน นพ ต่าย ณีอมยิ้ม
“ทานมั้ยคะคุณท่าน”
ณีทำท่าจะป้อน นพเหล่ ณียิ้มแหย
“อุ่ย...ลืมตัว ทานเองก็ได้”
ณีกินเอง สุอาภา พิทยา วรรณวดี นพหัวเราะ แล้วสุอาภาก็นึกขึ้นมาได้
“ทำไมป่านนี้พี่ใหญ่ยังมาไม่ถึงอีก”
“จริงด้วย”
ไม่นาน...บวรก็เดินเข้ามากับปวีณา ทุกคนหันไปมองพอเห็นปวีณาก็แปลกใจ เธอยกมือไหว้นพกับวรรณวดี
“ทำไมมาช้าแบบนี้ห๊ะพี่ใหญ่” วรรณวดีถาม
บวรเขิน มองหน้ากับปวีณาแล้วก็หันมา
“พี่ไปรับเพื่อนมาน่ะ”
บวรเข้ามาจับมือปวีณา ทำเอาทุกคนผงะ แล้วก็อมยิ้มให้กันอย่างรู้กัน
“จับมือกันแบบนี้ไม่ใช่เพื่อนแล้วล่ะค่ะ เป็นแฟนกันก็บอกมาเหอะ”
บวรกับปวีณาเขินมากๆ เอาแต่ยิ้มไม่หุบ สุอาภาเข้ามาจับมือปวีณาแล้วพามารวมกลุ่ม
“มาช่วยย่างบาร์บีคิวกัน”
พิทยาขยับมากระซิบบวร
“ร้ายเหมือนกันนะครับคุณใหญ่”
บวรยักคิ้วแล้วก็เดินมายืนข้างปวีณา สองคนยิ้มให้กัน พิทยากับสุอาภายิ้มให้กัน อยู่กันเป็นคู่ๆ วรรณวดีมองเศร้าแล้วก็หันไปทางนพ
“เหลือต่ายคนเดียวที่ไม่มีคู่”
“ไม่มีก็ไม่เป็นไร ลูกคนเดียวป๋าเลี้ยงได้ อยู่กับป๋าไปแบบนี้แหละ”
สองพ่อลูกกอดคน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความอบอุ่น
สุอาภายืนมองวิวสวยๆ ไม่นานก็ยกมือขึ้นมากอดอกเพราะรู้สึกหนาว พิทยาเอาผ้าคลุมมาคลุมให้จากข้างหลังแล้วก็กอดสุอาภาเอาไว้ สุอาภาหันไปมองพิทยาแล้วก็ยิ้ม
“หายหนาวมั้ยครับคุณแต”
“นายกอด...ก็หายหนาวแล้ว”
พิทยากับสุอาภาหันไปดูวิวด้วยกัน
“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าผมจะได้มีคุณอยู่ในอ้อมกอดแบบนี้”
“ก็ถ้านายไม่ทิ้งฉันไป นายก็มีฉันในอ้อมกอดนานแล้ว”
สุอาภาย่นจมูกใส่ พิทยาผละออกแล้วจับไหล่สุอาภาให้หันมา
“ผมไม่ได้ทิ้งคุณนะ ที่ผมไปเพราะต้องห้ามใจตัวเอง ไม่ให้ตกหลุมรักคุณไปมากกว่านี้ต่างหาก ตอนนั้นผมเกือบตาย เพราะคิดถึงคุณตลอดเวลา”
“นายคิดว่านายเกือบตายคนเดียวเหรอไง ฉันเองก็แย่เหมือนกันนั่นแหละ”
พิทยายิ้มจับมือสุอาภา
“ถ้าตอนนั้นเราไม่ทิฐิ ตอนนี้เราคงมีลูกกันซักสามสี่คนแล้วมั้ง”
“ใครบอกว่าจะมีลูกกับนายห๊ะ!”
“ถ้าคุณไม่อยากมีลูกกับผม ผมไปหาคนอื่นก็ได้”
พิทยาปล่อยมือ สุอาภาโมโหดึงหูพิทยาจนร้องลั่น
“โอ๊ยคุณแต...ผมเจ็บนะ”
“ก็ลองทำอย่างที่พูดดูสิ นายได้เจ็บตัวมากกว่านี้แน่”
พิทยาจับมือสุอาภาออกมาจากหูตัวเองแล้วก็ยิ้มชอบใจ เขาจับแขนเธอทั้งสองข้าง มองหน้าด้วยความซาบซึ้ง
“ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ผมจะไม่จากคุณไปไหนอีกแล้ว คุณเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต เป็นหัวใจ เป็นลมหายใจของผม”
“นายเองก็เป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต เป็นหัวใจ เป็นลมหายใจของฉันเหมือนกัน”
พิทยากับสุอาภามองหน้ากันด้วยความรัก.....แล้วก็ค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาจูบกันก่อนจะผละออกมา แล้วก็พูดพร้อมกัน
“ผมรักคุณ / ฉันรักนาย”
พิทยากับสุอาภาชะงักที่พูดพร้อมกันก็พากันหัวเราะออกมา ก่อนจะค่อยๆหยุดหัวเราะ แล้วทั้งคู่ก็กอดกันอย่างมีความสุข
จบบริบูรณ์