เสือสมิง ตอนที่ 12
หมู่กับแววนั่งรอจ่าชิตกับเสือใจอย่างใจจรดใจจ่อ
“พวกนั้นไปตั้งนานแล้วนะ”
แววกังวล เพราะเป็นห่วงเสือใจ ขณะที่หมู่กลัวเสือสมิง
“หวกนั้นน่ะเขามีวิชา อาคมเอาตัวรอดได้ แต่เราน่ะสิ...เกิดเสือสมิงมันโผล่มาจะทำยังไง”
“ก็ตายน่ะสิ...แต่ฉันไม่กลัวหรอก เพราะเขาว่ากันว่าเสือสมิงมันชอบแต่ผู้ชาย”
หมู่ยิ่งขนหัวลุกใหญ่ยกมือพนม บอกกล่าวเจ้าป่าเจ้าเขา
“จริงหรือ...ตายแล้ว....เจ้าพ่อเจ้าป่าเจ้าเขาคุ้มครองลูกด้วย”
ทันใด มะค่าเดินมาที่ใต้ต้นไม้
“น้า...น้า...น้าสองคนน่ะ....ช่วยฉันหน่อย ฉันหนีพวกโจรมา”
หมู่มองลงมาสะดุ้งโหยง
“สะ..สะ..เสือสมิง...”
“ฉันไม่ใช่เสือนะ....ฉันเป็นคน”
แววพินิจมอง
“ไหนเดินมาให้ข้าดูหน้าใกล้ๆซิ”
มะค่าเดินมาที่ต้นไม้ใกล้กองไฟ
“นี่ไงน้า...”
แววจ้องตามะค่า แล้วหยิบหญ้าเสกขึ้นมาอธิฐานแล้วขว้างใส่มะค่าทันที แต่มะค่าไม่เป็นอะไร
“อะไรเนี่ยน้า..ปาอะไรใส่ฉัน” มะค่าโวยวาย
“หญ้าเสก ถ้าเธอเป็นเสือสมิงมันจะกลายร่างให้เห็นทันที เอาล่ะฉันเชื่อแล้วว่าเธอเป็นคน เธอหนีโจรที่ไหนมา”
ยังไม่ทันที่มะค่าจะตอบ กินรีก็เดินเข้ามากับจ่าชิต เสือใจ และภราดร
“มะค่า”
“พี่กินรี”
มะค่าดีใจวิ่งเข้ามาหากินรี
“โล่งอกไปที”
ภราดรมองดูกินรีอย่างพอใจที่ได้เจอแต่แอบเอาไว้
หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชาวบ้านที่ทำหน้าที่เป็นยามเดินมาตีเกราะบอกเวลา ว่าเป็นเวลายามสาม ห่างออกไปในมุมมืด....เสือทศ เสือเรือง เสือชิน และลูกน้องสองสามคน นั่งอยู่บนหลังม้ายืนมองอยู่
“คลุมหน้าให้หมดทุกคน” เสือทศสั่ง
“พี่แน่ใจหรือว่าจะปล้นที่นี่ ดูไปแล้วมันไม่น่าจะมีทรัพย์สมบัติอะไรเลย” เสือเรืองสงสัย
“ไอ้โง่ ข้าไม่ต้องการเงิน แต่ต้องการอย่างอื่น ไม่ต้องปากมากทำตามที่ข้าสั่ง”
เสือเรืองจ๋อย เสือชินเสริม
“แล้วจะให้เอายังไงล่ะพี่ทศ”
“ไม่ต้องเน้นทรัพย์สิน เน้นฆ่าเด็กและผู้หญิง อย่าฆ่าให้หมดเหลือเอาไว้ ให้มันบอกกันปากต่อปาก...คราวนี้แหละเสือใจไม่มีแผ่นดินอยู่แน่...เอาล่ะไปได้”
เสือทศคลุมใบหน้า ลูกน้องทั้งหมดคลุมตามแล้วไสม้าตรงเข้าไปที่หมู่บ้าน
“เสือใจ....บุก....”
เสือทศยิงยามตายไปหนึ่งคน เพื่อข่มขวัญ
“กูเสือใจ...วันนี้มาเยือนที่นี่ ใครขวางฆ่าให้หมด”
พวกชาวบ้าน ลูกเด็กเล็กแดงต่างโกลาหล หัวหน้าชาวบ้าน ได้ยินว่าเสือใจแล้วตะโกนบอกทุกคน
“เฮ้ย...หนีเร็ว...เสือใจมันมาปล้นแล้ว”
ทุกคนรีบจูงลูกหลานหนี
“เสือใจหรือ...ไปหนีเร็ว”
เสือทศชักม้าไล่ยิงชาวบ้านที่เป็นเด็กและผู้หญิงอย่างโหดเหี้ยม
“เผา...เผาให้ราบ”
พวกลูกน้องเสือต่างโยนคบไฟเผากระท่อมบางหลัง พวกผู้ชายบางคนยิงต่อสู้แต่ก็ถูกเสือเรืองยิงตายไปบ้าง ผู้คนโดยเฉพาะผู้หญิงกับเด็กล้มตายอย่างโหดร้าย เสือชินบุกเข้าบ้านค้นเอาทรัพย์สินออกมา
ลูกน้องบางคนฉุดกระชากเด็กสาวแล้วพาขึ้นม้าไป
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
“อย่าเอาลูกฉันไป อย่า...แม่ของเด็กสาวมาขอชีวิต ลูกน้องคนนั้นยิงทิ้งทันที”
เสือทศมองดูแม่เด็กตายอย่างสะใจแล้วสั่ง
“เฮ้ย...พอแล้ว..ไอ้เสือถอย”
เสือทศโยนผ้าแดงทิ้งไว้ที่พื้น ทุกคนได้ยินเสียงเสือทศแล้วทำตามคำสั่ง ทุกคนชักม้าขี่ออกไป พวกเสือทศถอยไปแล้วคนที่มีชีวิตรอดต่างออกมาดูคนบาดเจ็บ ญาติพี่น้องตัวเอง
หัวหน้าหมู่บ้านวิ่งมาที่ศพแม่เด็กสาวที่ถูกยิง เขาทั้งเสียใจและแค้น
“โธ่...แม่...ลูกกู....ไอ้เสือใจ...มึงมาฆ่ากูอีกคนสิวะ....ไอ้เสือใจ”
เสียงตะโกนว่าเสือใจก้องกังวานไปทั่วป่า ทุกอย่างมืดลง
เสือใจโกรธ เมื่อรู้เรื่องจงใจ
“ใคร รู้ไหมว่าใครจับจงใจไป”
“ไม่รู้จ้ะเสือใจ แต่ท่าทางจะไม่ใช่คนไทย”
เสือใจเจ็บแค้น
“ไอ้หมวดนะไอ้หมวด ผู้หญิงคนเดียวดูแลไม่ได้ จะไปทำอะไรกินวะน่าเจ็บใจจริงๆ”
ภราดรแยกตัวออกไปนั่งอยู่ห่างๆเขานั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แววกระแอมเตือน
“พูดเหมือนยกลูกสาวให้เขาแล้วอย่างนั้นแหละ”
เสือใจสะอึกจ่าชิตตัดบทและสรุป
“ข้าเชื่อในฝีมือหมวดของข้าเอ็งไม่ต้องห่วง อีกอย่างไมมีใครอยากให้คนที่ตัวเองรักเป็นอันตรายหรอก เหมือนเอ็งนี่ไง”
จ่าชิตมองไปทางแวว เสือใจเขินๆรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เออ...แล้วจะเอายังไงกันล่ะคุณจ่า”
“ตามไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ นอนเอาแรงก่อนแล้วกันพรุ่งนี้เราจะออกตามแต่เช้า...”
ทุกคนเห็นด้วย จ่าชิตหันไปเรียกหมู่
“หมู่...เตรียมอาวุธ....ให้...อ้าว...หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“เกียรติตำรวจของไทย...”
เสือใจหัวเราะ แยกไปนอนด้านที่แววนอน กินรี มะค่า แยกไปนอนห่างออกไป กินรีชำเลืองมองภราดรอย่างอาลัย
“ทำไมหมอแยกไปนั่งตรงนั้นนะ” มะค่าสงสัย
“ไม่รู้สิคงคิดถึงระรินแฟนเขามั้ง”
ภราดรนั่งคิดแล้วนึกถึงอะไรบางอย่าง
หินและ ประเดิม นอนหลับอยู่มุมหนึ่ง สมรักษ์นั่งพิงต้นไม้อยู่เขาทำแผลเรียบร้อย แก้วอยู่ข้างๆคอยดูแลไม่ห่าง
“เป็นยังไงบ้างหมวด”
“ไม่เท่าไหร่ ยังพอไหว ขอบใจแก้วมากนะที่คอยดูแลฉัน”
แก้วรู้สึกดีใจและลิงโลดเมื่อได้ใกล้ชิดสมรักษ์
“มันเป็นหน้าที่ของแก้วอยู่แล้ว หมวดกินยาก่อนนะ...อ้าปากสิหมวด”
แก้วป้อนยา ป้อนน้ำให้ ประเดิมที่เพิ่งตื่น เดินเข้ามาแล้วแซว
“น่าอิจฉาจัง”
แก้วหน้าแดง สมรักษ์เขินๆ
“แก้วไปนอนได้แล้วไป...”
แก้วทำตามที่สมรักษ์บอก หินแซว
“เฮ้อ....ใกล้ชิดกันขนาดนั้นระวังเป็นรักสามเส้านะ”
แก้วนอนหันหลังให้หิน ไม่พูดอะไร แต่รู้สึกไม่สบายใจสักนิด
มะค่าบีบนวดขาให้กินรี พลางถามอย่างเป็นห่วง
“เป็นยังไงพี่”
“พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว”
กินรีเหลือบมองภราดรที่นั่งห่างออกไปเป็นระยะๆ ตัดสินใจลุกไปหาภราดรและพยายามจะพูดให้ภราดรได้สติ
“หมอคะ...”
“มีอะไรหรือ”
“เอ่อ...หมอเป็นห่วงคุณระรินใช่ไหมคะ”
“ใช่...เราก็ต้องเป็นห่วงคนที่เรารักสิ...ถามได้ ไม่รู้ป่านนี้ระรินจะเป็นยังไงบ้าง”
ภราดรพยายามหลบสายตากินรี เพราะเขาโกหก กินรีพยายามเลียบๆเคียงๆพาม
“คุณหมอจำเรื่องของเราไม่ได้เลยหรือคะ”
“เรื่องของเรา...หมายความว่ายังไง มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ...ไม่หรอก เราไม่ได้เป็นอะไรกัน จะมีอะไรเกี่ยวข้องกันได้ยังไง ไปนอนเถอะไปฉันง่วงแล้ว”
กินรีรู้สึกมีก้อนอะไรมาติดที่ลำคอ น้ำตาเอ่อ แล้วเดินไปที่มะค่า ภราดรมองตามอย่างไม่สบายใจ
“ขอโทษนะ กินรี ฉันจำเป็นจริงๆ”
เหตุการณที่ผ่านมานั้น...เสือใจนั่งบริกรรมคาถา ในมือมีหุ่นคุ๊กตาเสน่ห์อยู่ เบื้องหน้าเขามีภราดรที่ยังนอนหมดสติอยู่ จ่าชิตอยู่ด้านหลัง
“ไม่น่าเชื่อว่าระรินจะถึงกับต้องทำเสน่ห์หมอภราดร” จ่าชิตบ่น
“ความรักไม่ได้ทำให้คนตาบอดอย่างเดียว มันทำให้คนดีๆเป็นคนชั่วได้เลยล่ะ”
“แล้วเอ็งแก้เสน่ห์ได้หรือ”
“ทำไมจะไม่ได้ เพราะเสน่ห์แบบนี้ เป็นวิชาของอาจารย์ข้าเองข้าเรียนผูกมาก็ต้องแก้ได้สิวะ อยู่เฉยๆเถอะ”
จ่าชิตเงียบ เสือใจบริกรรมคาถาต่อ ที่ร่างภราดรที่หลับสนิทบังเกิดแสงออกมาจากทวารทั้ง 9 ปรากฏเป็นผีเจ็ดป่าช้า จ่าชิตถึงกับตาเหลือกด้วยความตะลึง
“ออกมาแล้วหรือ”
ผีเจ็ดป่าช้ารวมร่างเป็นร่างเดียว
“เจ้ามันแส่ไม่เข้าเรื่อง คงไม่อยากหายใจต่อไปแล้วสิ ได้ข้าจะสงเคราะห์ให้”
ผีตนนั้นตรงเข้ามาใช้อาคมหมายจะทำร้าย แต่เสือใจสู้ด้วยอาคมและมีดหมอ จังหวะหนึ่งเสือใจถูกบีบคอกำลังจะสิ้นลม ส่วนอีกมือหนึ่งของผีก็บีบคอจ่าชิตกำลังจะสิ้นลมเช่นกัน ในมโนภาพของเสือใจพระธุดงค์ผุดเข้ามาแล้วเตือนสติ
“ตั้งสติเอาไว้โยม สัมพเวสีพวกนี้ไม่ได้มีตัวตนอย่างที่สายตาโยมเห็น จิตเท่านั้นที่จะมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง”
เสือใจได้สติลืมตาขึ้นรวบรวมพลังและสมาธิ แล้วบังเกิดไฟบรรลัยกัลป์ พุ่งขึ้นมาใส่ผีจนร่างของมันมอดไหม้ ในที่สุดผีเจ็ดป่าช้าก็พ่ายไป ภราดรฟื้นคืนสติขึ้นมาอย่างงงๆ เห็นจ่าชิตและเสือใจที่เพิ่งรอดตายมาอย่างหวุดหวิด กำลังหายใจหอบ
“ผมเป็นอะไรไปเนี่ย”
จ่าชิตมองภราดรอย่างโล่งอก เล่าเรื่องราวที่ภราดรถูกระรินทำเสน่ห์
“ระรินทำเสน่ห์ผมหรือนี่” ภราดรตกใจมาก
“ใช่...ท่าทางหมอจะเนื้อหอมนะ ลูกสาวเสี่ยรงค์นี่มันร้ายไม่ผิดพ่อมันจริงๆ...”
จ่าชิตสงสัย
“หมอมาที่นี่ได้ยังไง”
“ผมจำได้เค้าๆว่า ผมกับระริน ประเดิมได้รับคำสั่งให้มาออกหน่วยที่นี่ ยังมีกินรีกับน้องเขาที่มาด้วย แล้วจ่าล่ะ”
“ผมมาตามหาหมวดสมรักษ์ ที่ตอนนี้กลายเป็นผู้ร้ายไปแล้ว ส่วนเสือใจมาตามหาจงใจลูกสาวเขา”
“อ้าว...ไหงเป็นอย่างนั้น”
“ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้เสี่ยรงค์แล้วจะมีใคร ไอ้เสี่ยรงค์นี่มันจริงๆเมื่อไหร่จะปราบมันอยู่เสียทีนะ”
“ตอนนี้ทุกคนอยู่ที่โบสถ์รีบไปกันเถอะ” ภราดรบอก
“หมอ ผมมีเรื่องจะขอร้องหมอสักอย่าง”
จ่าชิตรีบบอก ภราดรมองหน้าสงสัย
“ผมอยากให้หมอทำเป็นว่าหมอถูกเสน่ห์ และทำตัวกับระรินเหมือนเดิมไปก่อน”
“ทำไมล่ะ”
“ผมอยากให้หมอดูความเคลื่อนไหวของเสี่ยรงค์ ผมอยากได้หลักฐานที่จะทำให้เสี่ยรงค์ดิ้นไม่หลุด ผมใช้เวลาทำเรื่องนี้มาหลายปีแต่ก็ไม่สำเร็จ ผมเลยอยากให้หมอช่วยสักครั้งนึกว่าเป็นแก่ประเทศชาติเถอะ”
“แล้วกินรีล่ะ”
“ให้ทุกคนรู้ไม่ได้ โดยเฉพาะกินรี เพราะถ้ามีอะไรผิดพลาดหรือพวกมันไหวตัวกินรีนั่นแหละจะมีอันตรายกว่าใครทุกคน”
เสือใจกำชับ
“เอ็งต้องเล่นให้สมบทบาทนะโว้ย พลาดมามีหวังเน่ากันทั้งยวง”
ภราดรหนักใจ เสือใจตบไหล่แสดงความเห็นใจภราดร
“รักย่อมเข้าใจในรัก หมอ...”
ภราดรตัดสินใจตอบตกลง
จ่าชิตนั่งคิดถึงลูกเมียที่เสียชีวิตไปนานแล้ว เสือใจเห็นจ่าชิตนั่งเหม่อก็เดาออก
“คิดถึงลูกเหรอ”
จ่าชิตพยักหน้ารับ
“ตอนนั้น ลูกข้าเพิ่งได้ไม่กี่เดือนเอง”
เสือใจคิดถึงเมียที่เสี่ยรงค์ขืนใจจนตาย แล้วถอนใจ
“ข้าเข้าใจเอ็ง เข้าใจความรู้สึกว่าการสูญเสียคนที่เรารักมันเป็นยังไง”
“แต่เอ็งก็ยังเหลือลูกสาว”
เสือใจพยักหน้ารับในใจมีปมบางอย่าง
“อืม....ข้ายังเหลือลูกสาว”
จ่าชิตรีบต่อ
“และก็แม่หม้ายแววอีกคน”
เสือใจนึกขันแล้วส่ายหน้า
“ถ้าเอ็งหมายถึงเพื่อนคู่คิด และคนที่คอยดูแลข้าน่ะใช่ แต่ถ้าจะให้คิดเป็นอย่างอื่นคงไม่ได้แล้ว และข้าก็คิดว่าเอ็งก็น่าจะเข้าใจความรู้สึกนี้ เพราะเอ็งก็ยังไม่ยอมมีเมียใหม่”
จ่าชิตพยักหน้ารับเบาๆ เสือใจตัดบท
“นอนเถอะ ผลัดนี้ข้าจะเป็นยามให้เอง”
เสือใจลุกไป จ่าชิตล้มตัวลงนอน
วันใหม่...เหล่าชาวบ้านเดินถือเครื่องไม้เครื่องมือออกไปทำไร่ เสือทศ เสือเรือง และเสือชินเดินสวนเข้ามา ชาวบ้านที่ผ่านไปท่าทางนอบน้อมกับเสือทศ
เสือทศยืนยืดอกสูดอากาศเข้าเต็มปอดอย่างสบายใจ
“แหม...ชุมเสือเวลาไม่มีพ่อเสือนี่มันช่างน่าอยู่จริงๆ ไม่ว่าจะทำอะไร เดินไปทางไหนมันดูยิ่งใหญ่ไปหมด”
เสือดำกับเสือเข้มรีบเข้ามาหา
“พี่ทศ....เป็นยังไงบ้างได้ข่าวพ่อเสือบ้างไหม”
เสือทศตีหน้าสลด
“ไม่เจอเลย พวกข้าวนเวียนตามหาทั้งคืน ...เฮ้อ...ไม่รู้พ่อเสือจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
เสือดำเสนอความเห็น
“งั้นให้ฉันกับไอ้เข้มเอาคนออกตามหาอีกทางดีไหม”
“ไม่ต้อง...ข้ากลับมาเอาเสบียงเดี๋ยวสักพักข้าก็จะออกไปแล้ว”
เสือเข้มกังวลและจะยื้อ
“แต่ฉันเป็นห่วงพ่อเสือนี่”
“ไอ้เข้ม....ข้าเป็นลูกพ่อเสือ ข้าเป็นห่วงพ่อเสือ ไม่น้อยไปกว่าเอ็งหรอก ข้าฝากชุมเสือด้วยก็แล้วกัน” เสือทศพูดเอาความดีเข้าตัว
เสือเข้มและเสือดำจึงยอม เสือทศกับพวกเดินจากไป
“ไอ้สองคนนี่มันช่างภักดีจริงๆ” เสือเรื่องเยาะๆ
“พี่จะไปไหนต่อ” เสือชินถาม
“อาบน้ำอาบท่า เรียบร้อยข้าจะไปหาเสี่ยรงค์ซะหน่อย”
“แล้วจงใจล่ะ”
“ปล่อยไว้ก่อน นั่นมันของตาย”
เสือทศยิ้มอย่างอารมณ์ดี
บ้านหัวหน้าว้าแดงเป็นบ้านหลังเดี่ยวอยู่ห่างจากชุมชนกลางป่า ระรินกับจงใจถูกขังอยู่ในห้องหลังหนึ่งบนบ้าน ระรินรังเกียจจงใจเธอนั่งอยู่คนละมุม จงใจนอนหนาวสั่นด้วยพิษไข้ร้องครางฮือๆ
“นี่เงียบๆหน่อยได้ไหมนังลูกโจร ร้องครางทั้งคืนฉันรำคาญจะตายอยู่แล้ว”
จงใจยังคงหนาวสั่น ระรินเข้ามาดูและพบว่าจงใจไข้ขึ้นสูง
“อุ๊ย...ตัวร้อนจี๋เลย”
จงใจสลึมสลือคล้ายจะหมดสติระรินตัดสินใจเรียกพวกว้า
“ตายแล้วแบบนี้เดี๋ยวก็ชักกันพอดี....นี่..นี่..มีใครอยู่ข้างนอกไหม...มีใครอยู่ไหม”
หัวหน้ากับลูกน้องสองคนเปิดประตูเข้ามา
“มีอะไรกัน ร้องเอะอะโวยวาย”
“ก็นังนี่น่ะสิ มันไข้ขึ้นสูงรีบพามันไปหาหมอซะไม่อย่างนั้น มันอาจจะชักตายก็ได้”
หัวหน้าตกใจถ้าจงใจตายขึ้นมาเขาชวดเงินแน่
“แกรู้ได้ยังไง”
“ก็ฉันเป็นหมอน่ะสิ”
หัวหน้าใจชื้น
“แกเป็นหมอ ก็รักษาสิ ไม่เห็นจะต้องพาไปหามงหาหมอที่ไหนเลย แกรู้ไหมหมอที่ใกล้ที่สุดต้องเดินทางไปวันครึ่งเชียวนะ นังนี่ตายก่อนแน่”
ระรินมองดูจงใจอย่างเหยียดๆ
“ไม่มีทาง ยังไงฉันก็ไม่มีวันรักษานังลูกโจรนี่หรอก”
“ลูกโจรหรือ...แล้วแกเป็นใคร สูงส่งนักหรือไง”
ระรินชูคอ
“ใช่ฉันสูงส่ง....สูงส่งกว่าพวกโจรกระจอกอย่างแกหลายขุมนัก รู้ไว้แล้วจำใส่กระโหลกพวกแกไว้ด้วยว่า ฉันเนี่ยลูกเสี่ยรงค์ มหาเศรษฐีของแม่ฮ่องสอน”
หัวหน้ากับลูกน้องแกล้งตกใจ
“หา...จริงหรือ”
ระรินเชิด
“รู้แล้วก็รีบปล่อยฉันไปซะ ถ้าพ่อฉันรู้เรื่องแกถูกล้างชาติพันธุ์แน่”
หัวหน้ากับลูกน้องมองหน้ากันจริงจังอย่างตัดสินใจ...อย่างไม่คาดคิด ทุกคนปล่อยก๊าก...ขำกลิ้ง
“โอ๊ย....ถ้าแกลูกเสี่ยรงค์ ฉันก็ลูกเจ้าเมืองล่ะวะ...นังนี่นี่ ขู่แค่นี้นึกว่าข้าจะเชื่อหรือไง”
ระรินหน้าซีดแล้วพยายามบอก
“ฉันเป็นลูกเสี่ยรงค์จริงๆ”
หัวหน้าพูดอย่างจริงจัง
“เลิกบ้าได้แล้ว แล้วก็รักษานังนี่ซะ ไม่อย่างนั้นแกจะมีผัวพร้อมกันทีเดียวสิบคน”
ระรินสะอึกกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอด้วยความกลัว
“อยากได้อะไรก็บอกมา”
หัวหน้ากับลูกน้องเดินออกไป ระรินเจ็บใจแล้วมองไปที่จงใจที่ยังนอนสั่นเทา
กลุ่มของสมรักษ์ เริ่มออกเดินทางตามหาจงใจ สมรักษ์เดินนำหน้าแกะรอยเท้าม้าไป เขายังบาดเจ็บอยู่แต่ก็พยายามเดิน แก้วเดินตามหลัง หินกับประเดิมเดินตามหลังดูเหนื่อยล่าอ่อนแอ ประเดิมทรุดนั่งลงแล้วร้องขอ
“โอย...พักสักครู่เถอะหมวด ผมหิวน้ำ”
ทุกคนหยุด หินรีบถาม
“น้าเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันเหนื่อย ขอพักก่อน”
สมรักษ์เข้ามาดูประเดิม
“พักกันก่อนก็ได้ น้ำผมก็จะหมดแล้ว”
แก้วรับอาสา
“เดี๋ยวแก้ว ไปหาน้ำมาให้นะ”
“ฉันไปด้วย”
หินวิ่งตามแก้วไป สมรักษ์ส่งกระติกน้ำให้ ประเดิมรับไปแล้วดื่ม
“ดื่มประทังไปก่อน”
สมรักษ์มองประเดิมอย่างเห็นใจ หินกับแก้ววิ่งกลับมา สมรักษ์แปลกใจ
“อ้าว....บอกให้ไปหาน้ำทำไม....”
“หมู่บ้าน...มีหมู่บ้านข้างหน้าหมวด”
“อ้าว...งั้นก็ดีสิ จะได้มีข้าวมีปลากินกันด้วย”
“ก็ดีเหมือนกันเผื่อจะได้ข่าวจากชาวบ้านบ้าง ไป..แก้ว”
แก้วกับหินนำทางไปทันที ทุกคนตามไป
สมรักษ์ แก้ว หิน ประเดิมเดินเข้าไปในหมู่บ้าน เห็นว่ามีร่องรอยการถูกปล้น มีร่องรอยการเผา และที่สำคัญมันเงียบเหมือนหมู่บ้านร้าง ทุกคนเดินเข้ามากลางลานหมู่บ้าน
“วู้...มีใครอยู่บ้าน....เรามาดี...”
ประเดิมมองและสังเกตไปรอบๆแล้วรำพึง
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่นะ”
“เหมือนกับว่าที่นี่ถูกปล้น”
“มีใครอยู่บ้าน เราจะมาขอปันข้าวปันน้ำหน่อย”
ทันใดลูกปืนยิงมากระทบที่พื้นดินห่างขาสมรักษ์ไปแค่คืบ มีเสียงตามมา
“พวกเอ็งเป็นใคร ต้องการอะไร”
“ฉันเป็นตำรวจ ส่วนคนนี้เป็นหมอ”
สมรักษ์เพยิดหน้าไปที่ประเดิม เมื่อได้ยินคำว่าหมอ หัวหน้าหมู่บ้านจึงเดินออกมาพร้อมกับลูกบ้านชายฉกรรจ์สองสามคน ในมือมีปืนบางคนมีดาบและจอบ
“หมอหรือ...พวกเรากำลังต้องการหมอ”
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่”
หัวหน้าหมู่บ้านจ้องหน้าสมรักษ์สีหน้าเข้มแต่แววตาเศร้า
สมรักษ์โพล่งออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง หลังจากได้ฟังจากหัวหน้าหมู่บ้าน
“เสือใจหรือ...แน่ใจนะว่าเป็นเสือใจที่มาปล้นที่นี่เมื่อคืน”
“แน่ใจ และมันไม่ใช่ข้าคนเดียวที่แน่ใจ อีกสามสี่หมู่บ้านที่มันปล้นเมื่อคืนก็เป็นฝีมือของมัน....ไอ้สารเลวเอ้ย...เจอกันตัวต่อตัวล่ะมึงน่าดู เสือใจก็เสือใจเถอะวะ”
สมรักษ์แปลกใจ หินโพล่งเข้ามา
“ไม่จริง พ่อเสือไม่ได้เป็นคนอย่างนั้นแน่”
หัวหน้าหันตาขวางมาทางหิน
“เอ็งรู้ได้ยังไง”
หินอ้ำอึ้ง แก้วเข้ามาช่วยไว้
“เอ่อ...คือฉันกับน้องเคยได้ยินมาว่า เสือใจเป็นเสือวีรบุรุษชอบปล้นคนรวยช่วยคนจนน่ะจ้ะ”
“ถุย....ข้าก็เคยได้ยินมาแต่ที่ข้าเห็นมันฟ้ากับเหวเลย มันฆ่าเมียข้า ฉุดลูกสาวข้าไปอีก...ดูสิหมู่บ้านเราเคยอยู่กันอย่างมีความสุข เพราะมันคนเดียว....นี่ไงหลักฐาน”
หัวหน้าโยนผ้าแดงขมวดปมที่เสือทศทิ้งเอาไว้
“เขาว่าเวลามันปล้นเสร็จมันจะทิ้งไอ้นี่ไว้ให้ดูต่างหน้า นายต้องช่วยพวกเรานะ”
สมรักษ์นั่งอึ้งในใจเริ่มเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือเสือใจจริง แก้วกับหินก็อึ้งและคุมหินที่สีหน้าแค้นแทนเสือใจเขาไม่เชื่อว่าเสือใจจะทำ
“ฉันจะเร่งติดตามคดีนี้ให้” สมรักษ์ตัดสินใจบอก
“ขอบใจมาก พวกฉันก็กำลังรวมตัวกันไล่ล่ามันอยู่ จะได้ช่วยอีกทาง แล้วนี่พวกนายกำลังจะไปไหนกัน”
“พวกเรามาตามหาคน พวกโจรมันจับคนของฉันกับ...”
“น้องสาวของเขาไป หัวหน้าพอจะได้ข่าวบ้างไหม”
สมรักษ์รีบสวนทันที กลัวประเดิมจะหลุดปากว่าเป็นจงใจลูกสาวเสือใจ
“ฉันจะให้คนของฉันไปสืบดู คนของฉันเป็นยังไงบ้างหมอ
“ฉันทำแผลให้ใหม่ ฉีดยาแล้วจ่ายยาให้ทุกคนเรียบร้อยแล้วไม่ต้องเป็นห่วง”
สมรักษ์กระซิบ
“แน่ใจนะว่าไม่มีใครตาย”
“โธ่..มือชั้นนี้แล้ว ผมมองหมอมองคุณระรินรักษา คนไข้ทุกวัน”
สมรักษ์เบาใจ หัวหน้าชักชวน
“ข้าวปลาคงพร้อมแล้ว ไปกินข้าวกินปลากันก่อนเถอะ”
ทุกคนพยักหน้ารับ
หัวหน้าว้าแดงนั่งดื่มเหล้ากับลูกน้องอย่างสบายใจอยู่ที่หน้าบ้าน
“งานนี้คงได้เงินโขใช่ไหมพี่”
“แน่นอน เสือทศมันอุตส่าห์เพิ่มให้ตั้งสองเท่า”
“แล้วอีกคนนึงล่ะ”
หัวหน้ายิ้ม
“หน้าตามันก็ไม่เลว ถึงจะปากมากไปหน่อยแต่เอาไปขายยังก็มีราคา”
“พี่จะเอาไปขายที่ไหน”
“เสี่ยรงค์ เขาว่าไอ้นี่มันตัณหากลับชอบเด็กสาวๆ คงได้ราคาดี”
พูดจบลูกน้องคนหนึ่งก็ขี่ม้าเข้ามาแล้งลงม้ามาหาอย่างเร่งรีบ
“ว่าไง....เสือทศว่ายังไง นัดจ่ายเงินที่ไหน”
“เสือทศบอกว่าให้ดูแลเอาไว้อีกวันสองวัน...เขาจ่ายมาให้ครึ่งนึงก่อน”
หัวหน้าพอใจ แล้วสั่งลูกน้องอีกคนหนึ่ง
“ก็แฟร์ดี เฮ้ยได้เวลาเอาข้าวให้นังสองคนนั่นแล้ว”
ลูกน้องคนหนึ่งรีบลุกไป หัวหน้าเปิดถุงเงินมองแล้วยิ้มอย่างพอใจ
เสือสมิง ตอนที่ 12 (ต่อ)
จงใจนอนหลับสนิท ระรินกำลังเช็ดตัวเช็ดหน้าให้จนไข้ลดลงมาก
“เฮ้อ..ไข้ลดลงซะที...ทำไมฉันต้องมาดูแลแกด้วยนะนังลูกโจร”
ระรินไม่ค่อยพอใจแต่ต้องทำ ลูกน้องถือข้าวเข้ามาให้ แล้ววางลง
“นี่ข้าวกินซะ ของแกจานนี้ส่วนข้าวต้มของนังนี่มัน”
ระรินหิวมองดูข้าวที่ลูกน้องเอามาให้ เห็นว่าของเธอเป็นข้าวมีเนื้อแห้งใส่มาไม่มากนัก ส่วนของจงใจเป็นข้าวต้มมีปลาแห้ง
“แค่นี้จะกินอิ่มอะไรกัน”
“มีแค่นี้จะกินก็กินไม่กินจะได้เอากลับ”
ลูกน้องทำท่าจะเอาข้าวกลับระรินยื้อเอาไว้
“กิน...กิน...”
ลูกน้องออกไป ระรินลงมือกินข้าวอย่างมูมมามจนหมด
“เฮ้อ ยังไม่อิ่มเลย...เธอยังหลับอยู่เลยเดี๋ยวข้าวต้มเย็นหมด งั้นฉันขอข้าวต้มเธอละกันนะ”
ระรินคว้าข้าวต้มจงใจไปกินอย่างเห็นแก่ตัว
เสือใจเดินนำทางทุกคนเข้าไปตามทางในป่า เขาหาร่องรอยแล้วหันมาถามกินรีให้แน่ใจ
“แน่ใจนะว่าพวกมันไปทางเหนือ”
“แน่ใจ...”
“เอาให้แน่นะ ขืนบอกมั่วๆระรินของฉันเป็นอะไรไปล่ะก็ เธอไปหางานใหม่ได้เลย”
ภราดรแกล้งดุ กินรีน้อยใจ
“แน่ค่ะ...ฉันจำได้ดี คุณระรินต้องปลอดภัยค่ะ”
กินรีกล้ำกลืนแล้วเดินไปหามะค่า ภราดรมองตามแววตาแข็งแล้วอ่อนลงนึกสงสารกินรีแล้วมองไปทางจ่าชิตที่ลอบมองเขาอยู่ ยิ้มให้พร้อมกับแอบยกนิ้วโป้งให้ว่าเยี่ยมมาก เสือใจเดินดูไปทั่วอยู่สักพักหันมาถามอีก
“แน่ใจหรือว่าเรามาถูกทาง เข็มทิศก็ไม่มีเสือใจจะแกะรอยได้ยังไง”
แววเชื่อในตัวเสือใจ
“ในเขตห้าขุนเขาแถบนี้ฉันกล้าเอาหัวประกันได้ว่า ไม่มีใครแกะรอยเก่งเกินพี่เสือหรอก”
สักครู่เสือใจเจออะไรบางอย่างแล้วเรียกจ่าชิต
“ไอ้ชิต”
“มีอะไร”
”รอยม้า...เอ็งบอกว่ามันมากี่คนนะนังหนู”
เสือใจหันไปถามกินรี
“5 – 6 คนจ้ะ”
เสือใจพินิจดูรอยเท้าม้าเห็นว่ามันมีแบบที่กินรีบอกจริงๆ
“ใช่จริงๆด้วย รอยเท้าสองตัวนี้ลึกกว่าทุกตัวมันต้องบรรทุกหนัก แสดงว่ามันต้องจับจงใจไปด้วยตัวหนึ่งแล้วระรินอีกตัวหนึ่ง....เรามาถูกทางแล้ว...รอพ่อก่อนนะจงใจ พ่อกำลังจะไปช่วยลูกแล้ว”
เสือใจบอกอย่างมั่นใจ หมู่ทึ่งมาก
“งั้นก็ไปกันต่อสิ...”
ทุกคนขึ้นม้าตามเสือใจไป
สมรักษ์นั่งเตรียมอาวุธปืนให้พร้อม หินนั่งมองอยู่ข้างๆ ไม่ห่างนักแก้วกับประเดิม กำลังเตรียมเสบียงใส่เป้
“เป็นตำรวจนี่มันดีไหมหมวด” หินถามด้วยความสนใจ
“เป็นอะไรมันก็ดีทั้งนั้น...มันอยู่ที่เราชอบ ฉันชอบการเป็นตำรวจ จะได้ช่วยคนดีปราบปรามคนร้าย”
“แล้วลุงเสือล่ะ....หมวดจะจับหรือเปล่า”
สมรักษ์หยุดคิดแล้วตอบอย่างมั่นใจ
“ใครทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ฉันต้องจับกุมทั้งนั้น”
แก้วเดิมเข้ามากับประเดิมแล้วรวบรวมข้าวของพร้อมเดินทาง
“แก้วเชื่อว่าพ่อเสือไม่ได้ปล้นตามที่พวกเขาบอก”
หินยืนยัน
“ฉันก็ไม่เชื่อ...พ่อเสือไม่มีวันฆ่าเด็กกับผู้หญิงเด็ดขาด”
ประเดิมเข้ามาเสริม
“มันก็ไม่แน่นะ บางทีเสือใจอาจเปลี่ยนนโยบายก็ได้”
หินหน้าเหวอ
“น้าจะบ้าหรือ พวกเสือมีนโยบายด้วยหรือ”
“มีสิ...ขนาดรัฐบาลยังมีนโยบายเลย ประสาอะไรกับโจร”
สมรักษ์ตัดบท
“เราก็ต้องฟังทั้งสองฝ่าย แล้วเรื่องผ้าแดงที่เสือใจมักใช้เป็นสัญลักษณ์ตอนปล้นเสร็จอีกล่ะ มันก็น่าสงสัย”
แก้วให้ความเห็น
“มันก็ถูกของหมวดผ้าแบบนี้ทอที่ชุมเสือที่เดียว”
สมรักษ์ใช้ความคิด
“มีใครรู้เรื่องผ้านี้บ้าง”
“มีพี่ทศและพวกเสือที่เป็นคนสนิทของลุงเสือ”
สมรักษ์นิ่งคิดแต่ยังไม่ทันถามอะไรต่อ พอดีหัวหน้าหมู่บ้านเดินเข้ามา
“ได้เรื่องหรือเปล่าครับ” สมรักษ์หันไปถาม
“มีคนบอกว่าเห็นพวกว้าแดง 5-6 คนกับผู้หญิงสองคนขี่ม้าขึ้นไปทางเขาโน้น”
ทุกคนเข้ามาฟังอย่างสนใจ สมรักษ์มั่นใจ
“ต้องใช่พวกมันแน่ พวกเราต้องรีบตามไป”
“จะตามไปงั้นหรือ คิดให้ดีนะ”
“ทำไม”
หัวหน้ากังวล
“นั่นมันเลยเขตประเทศเราไปแล้ว อีกอย่างมีทหารชนกลุ่มน้อยลาดตะเวนอยู่เต็มไปหมด”
สมรักษ์หน้ามุ่งมั่น
“ยังไงผมก็ต้องไปช่วยสองคนนั้นกลับมา”
หัวหน้าหันมาถาม
“แล้วเรื่องเสือใจล่ะ”
“ป่านนี้ พวกตำรวจคงเต้นแล้วล่ะ”
สมรักษ์คาดการณ์อย่างมั่นใจ
เสี่ยรงค์ตบโต๊ะหัวเราะชอบใจ
“ทำได้ดีมาก เสือทศ อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่ารักกันจริง ร่วมงานกันได้”
เสือทศอมยิ้มอย่างยโส
“มันก็ได้ประโยชน์ร่วมกันไม่ใช่หรือฉันก็ได้ของที่ปล้นมา สำคัญว่าอย่าดัดหลังฉันเอาตำรวจไปรอต้อนรับก็แล้วกัน”
ศักดากระดกเหล้าแล้วหันมาหาเสือทศ
“เสือทศพูดอะไรอย่างนั้น เรามันลงเรือลำเดียวกันแล้ว มันก็ต้องมีสัจจะต่อกันฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอก”
“ดี...อย่างนี้ค่อยคบกันนานหน่อย”
เสี่ยรงค์พอใจ
“แล้วตอนนี้ทางตำรวจเขาว่ายังไง”
ศักดามั่นใจ
“ให้เสือใจมีปีกมันก็ไม่รอด ทางกองบัญชาการเขาส่งหน่วยเฉพาะกิจมาไล่ล่ามันโดยเฉพาะ นับแต่วินาทีนี่เป็นต้นไป ไม่มีที่ไหนให้มันยืนอีกแล้ว”
เสือทศพูดต่อทันที
“นอกจากในชุมเสือ”
เสี่ยรงค์กับศักดาหันหน้ามามองเสือทศด้วยความสงสัย
“เสือทศหมายความว่ายังไง”
เสือทศไม่บอกความจริงแล้วกลบเกลื่อน
“ไม่มีอะไรหรอก”
“งั้นก็เตรียมสั่งดอกไม้จันทน์ได้เลย”
เสี่ยรงค์หัวเราะสะใจ ทั้งหมดดื่มกันอย่างมีความสุข บรรดาลูกน้องก็ดื่มอยู่ห่างออกไป
เสือใจเดินนำทุกคนมาตามป่า...
“นี่มันเลยเขตชายแดนแล้วนะ ไอ้ใจ”จ่าชิตเตือน
“ข้ารู้ แถวนี้ข้าหลับตาเดินได้หมดแล้ว”
หมู่กับแววเดินมาที่เสือใจ แววเข้ามาถาม
“มีอะไรหรือพี่เสือ”
“ไม่มีอะไรหรอก เราพักที่นี่กันก่อนเถอะ”
ทุกคนแยกย้ายกันพัก เสือใจตามมานั่งคุยกับภราดร
“เป็นไงหมอ”
ภราดรไม่ตอบตรงๆ
“เสือใจเคยเจ็บปวดเพราะฝืนความรู้สึกตัวเองไหมล่ะ”
“เคย...ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่”
“แล้วเสือใจทำยังไง”
“ไม่ต้องทำยังไง ก็ทนต่อไป”
ภราดรส่ายหน้าเสือใจเดินยิ้มจากไป ขณะเดียวกันแววถามกินรีด้วยความเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้าง เหนื่อยไหม”
“ไม่จ้ะ พวกฉันชินซะแล้ว”
มะค่าหันมาบอกแวว
“ฉันขอออกไปหาน้ำหน่อยนะ”
เสือใจแปลกใจ
“เอ็งรู้ได้ยังไงว่าแถวนี้จะมีน้ำ”
“ข้าได้กลิ่น”
จ่าชิตสงสัย
“อย่างนั้นเลยหรือวะมะค่า”
กินรีอธิบาย
“มะค่าเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว มะค่ามักจะรู้ว่าที่ไหนมีน้ำ แล้วก็รู้ว่าที่ไหนมีสัตว์”
เสือใจทึ่งๆ
“เก่งนี่หว่า รีบไปรีบมานะ”
มะค่าวิ่งออกไป เสือใจปรึกษากับจ่าชิตต่อ
“ข้าคิดว่ารอยม้ามันต้องขึ้นไปบนเขา”
“แถวนั้นมันถิ่นของว้าแดง ไม่ง่ายเลยที่จะเข้าไปเหยียบถิ่นมัน”
เสือใจคิดหนัก
“ข้ารู้...แต่ยังไงข้าก็ต้องไปช่วยลูกข้า”
จ่าชิตมองกินรีกับแววอย่างเป็นห่วง
“แล้วเมียเอ็งกับเด็กพวกนี้ล่ะ”
เสือใจสะอึกทุกครั้งที่จ่าชิตบอกว่าแววเป็นเมีย...เขามองไปที่แววกับกินรี คิดหาทางออก
“ข้ามีลูกน้องเก่าอยู่แถวนี้”
“ใคร...”
“กระเหรี่ยงพุทธ พวกนี้มันไม่ค่อยถูกกับพวกว้าแดง ข้าจะให้แววกับเด็กๆอยู่ที่นี่ก่อน พวกนี้มันไม่ถูกกับพวกว้าแดง คนของเราน่าจะปลอดภัย”
จ่าชิตพยักหน้ารับ มะค่าถือน้ำเดินตะโกนมาแต่ไกล
“พี่กินรี...นี่ ไงมีน้ำแถวนี้จริงๆด้วย”
กินรียิ้มรับ เสือใจชื่นชม
“เออ...นังหนูนี่มันใช้ได้โว้ย”
ระรินเดินไปเดินมาอย่างหงุดหงิดอยู่ในห้องขังแล้วบ่น
“โอ๊ย...เบื่อ...มันจะขังอีกนานไหมเนี่ย คอยดูนะ ออกไปได้ จะให้พ่อมาล้างบางให้เกลี้ยงเลย...”
จงใจเริ่มรู้สึกตัวขยับไปมา
“ฉันอยู่ที่ไหน”
“ฟื้นแล้วหรือยะ”
ระรินเดินเข้าไปหา จงใจยังงัวเงีย
“ฉันหลับไปนานไหม”
“ก็วันนึงมั้ง”
จงใจพยายามลุกขึ้น
“พวกมันจับเรามาขังที่ไหน”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง นี่อย่าถามมากได้ไหม”
จงใจตั้งสติได้แล้วมองไปที่ชามข้าวที่วางอยู่ แต่ไม่มีข้าวแล้ว
“หิวจังเลย”
“แหม ฟื้นแล้วก็หิวเลยนะ เสียใจพอดีฉันกินส่วนของเธอไปแล้ว รอมื้อหน้าก็แล้วกัน”
จงใจรับรู้ในความเห็นแก่ตัวของระริน แล้วพยายามลุกขึ้นเพื่อที่จะมองไปรอบๆหาทางหนี
“นี่...นอนพักก่อนเหอะ เดี๋ยวก็ตายกันพอดี ฉันไม่อยากนอนกับศพนะ”
จงใจเซ็งแล้วหันไปบอก
“อยากอยู่ที่นี่ก็เอา ฉันจะหาทางหนีก่อนล่ะ”
“หนี”
ระรินมีความหวังขึ้นมา
สมรักษ์เดินนำทาง ประเดิม หิน แก้ว มาตามป่า มุ่งหน้าสู่เขาอย่างระวัง สักพักก็มาหยุดดูเข็มทิศ และร่องรอยต่างๆ แก้วท่าทางเป็นห่วงสมรักษ์ตลอดเวลา สักครู่ก็เดินเอาน้ำไปส่งให้
“น้ำจ้ะหมวด”
“ขอบใจนะแก้ว”
แก้วมองสมรักษ์ดื่มน้ำแบบพอใจและอิ่มใจ
หินมองแบบรู้เลยว่าแก้วต้องแอบชอบสมรักษ์แน่นอน ประเดิมเดินมาที่สมรักษ์
“เราอยู่ที่ไหนแล้วหมวด”
“ออกนอกเขตเมืองไทยมาแล้ว ทุกคนระวังตัวด้วย”
“ถ้าเราเจอพวกชนกลุ่มน้อยเราจะทำยังไงหมวด”
สมรักษ์ครุ่นคิดแล้วคัดสินใจ
“หลีกเลี่ยงการปะทะ เราจะไม่ปะทะกับใครทั้งนั้นจนกว่าจะช่วยสองคนนั่นมาได้”
ทุกคนรับรู้ สมรักษ์ให้สัญญาณทุกคนออกเดินทางต่อ
เสือใจกับจ่าชิตนำหมู่ ภราดร กินรี แวว และมะค่ามาที่บ้านวินมิกเพื่อนกระเหรี่ยงของเขา เสือใจก้าวเข้ามาที่ลานบ้านกับจ่าชิตแล้วเห็นว่ามันเงียบเชียบเกินไป ทั้งคู่ระวังตัว จ่าชิตกวาดตามองอย่างไม่ไว้ใจ
“ทำไมมันเงียบอย่างนี้วะ”
เสือใจประชด
“สงสัยตายกันหมดแล้วมั้ง...”
ภราดร หมู่ แวว กินรี มะค่า เดินเข้ามาสมทบ ภราดรแปลกใจ
“ไม่เห็นมีคนอยู่เลย”
“เกิดอะไรขึ้นนะ”
เสือใจครุ่นคิดและมองไปรอบๆ ทันใดนั้นมีหน้าไม้พุ่งมาจากทิศทางหนึ่งเข้ามาหาเสือใจแต่เขาคว้ามันเอาไว้ได้ก่อนที่มันจะเสียบเข้าหัวใจ เสือใจตะโกนออกไป
“ข้าเอง เสือใจ...”
ผู้ชายสองสามคนค่อยๆโผล่ออกมาจากที่ซ่อน มีหน้าไม้และอาวุธครบมือ วินมิกเดินเข้ามาหาเสือใจแล้วจำได้
“นาย...นายเสือ นายเสือจริงๆด้วย”
“วินมิก เกิดอะไรขึ้นหรือ”
วินมิกมองหน้าเสือใจหน้าตาเครียด
จงใจเดินไปรอบๆบ้าน แม้ว่าเธอจะยังไม่หายดีแต่ก็ใจเด็ด พยายามหาทางหนี
“เป็นไง พอมีทางหนีออกไปไหม” ระรินมองจงใจอย่างมีความหวัง
“ไม่มี...”
“อ้าว...โธ่หลงลุ้น...ที่แท้ก็เหลว...”
“ก็มันปิดซะแน่นหนาแบบนี้ใครจะไปหนีได้ล่ะ นอกจาก...”
ระรินมีความหวังขึ้นมาอีก
“นอกจากอะไร”
“ออกไปทางประตู”
“จะบ้าหรือ...เธอนี่สติไม่ดีแน่เลย พวกมันเฝ้าอยู่อย่างนั้นจะออกไปยังไง”
จงใจท่าทางมั่นใจ
“พ่อฉันบอกว่ายามคับขัน ให้ใช้สติ...สมองนี่แหละจะพาเราออกไป”
ระรินสงสัยในใจยังลังเลไม่เชื่อ จงใจมีแผน
เสือใจทั้งงงทั้งแค้นเมื่อวินมิกเล่าเรื่องปล้นให้ฟัง
“เอ็งก็รู้ว่าข้าเลิกปล้นมานานแล้ว”
“ฉันรู้...ฉันถึงได้งงไง เพราะฉันไม่เชื่ออยู่แล้ว ว่านายเสือจะปล้นจริง”
“เรื่องมันเป็นยังไง”จ่าชิตชักสงสัย
“ตอนนี้เขาลือกันให้แซ่ดว่าเสือใจออกปล้นแถบชายแดนอย่างโหดเหี้ยม ฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า ไม่เว้นแม่แต่เด็กและผู้หญิง”
เสือใจโกรธมาก
“ไอ้บัดซบ...นั่นมันไม่ใช้ข้า”
จ่าชิตถอนใจ
“มันทะแม่งๆนะไอ้ใจ สงสัยเอ็งคงโดนสวมเขา...เอ๊ย...สวมรอยแล้วล่ะ”
“เรื่องนั้นข้ารู้อยู่แล้ว...แต่ที่อยากรู้มากกว่าคือ ใคร...มาสวมรอยเป็นข้า”
ภราดรพูดขึ้น
“แต่สำหรับฉัน ช่วยคนสำคัญกว่า”
จ่าชิตนิ่งมองหน้าเสือใจ
“จริงของหมอ...เอาไว้ให้ข้าช่วยจงใจมาได้ก่อน ข้าจะสะสางเรื่องนี้ วินมิก ข้าจะขึ้นไปบนโน้น ว่าจะฝากผู้หญิงกับเด็กให้เอ็งดูแลสักพักได้ไหม”
วินมิกพยักหน้ารับอย่างเต็มใจ
“ด้วยความยินดีนายเสือ”
เสือใจพยักหน้ารับมองไปที่กินรีกับแววอย่างให้ความมั่นใจ
“ระวังตัวนะพี่เสือ”แววบอกเสือใจ
กินรีห่วงภราดรจึงพูดออกมาลอยๆ
“หมอระวังตัวด้วยนะ”
ภราดรสะดุดกึกในใจรู้สึกดีแต่ต้องทำเป็นเข้มรับคำแล้วไม่สนใจ
“อืม...”
กินรีรู้สึกแปล๊บที่ใจที่เขาไม่ใส่ใจ จ่าชิตบอกทุกคน
“ถ้าหมวดแกะรอยมาถูก เราอาจจะได้เจอกัน”
เสือใจพยักหน้าให้จ่าชิต
สมรักษ์เดินนำทุกคนมาที่บริเวณป่าทึบต่อกับป่าโปร่ง เบื้องหน้ามีพวกว้าแดงตั้งแคมป์อยู่ประมาณ 7-8 คน
“หยุด พวกมันตั้งแคมป์อยู่นั่น”สมรักษ์เตือนทุกคนด้วยสัญญาณที่เงียบ
ประเดิมหันมาถาม
“เอายังไงหมวด”
สมรักษ์มองแล้วคิดๆ
“แสดงว่าคงใกล้ที่พักของมันแล้ว ซุ่มเงียบๆไว้ก่อน”
แก้วอยู่หลังสุดและห่างจากกลุ่มไปนิดหน่อย หินขึ้นมาหาสมรักษ์
“เราคงต้องอ้อมไปแล้วมั้งหมวด”
“อาจจะไม่จำเป็น เราอาจจะใช้พวกมันนำทางเราไปก็ได้”
แก้วอยู่หลังสุดรู้สึกว่ามีคนมาด้านหลังแล้วหันไปพบทหารว้าแดงคนหนึ่งยืนยิ้มอยู่อย่างย่ามใจ
“หมวด...”
ทุกคนหันมาที่แก้วแต่ไม่ทันแล้ว พวกว้าแดงสี่ห้าคนเข้ามาล้อมยกปืนประทับเล็งที่พวกเขาทั้งหมด สมรักษ์ หน้าเครียด ทุกคนตกเป็นเชลย ทหารว้าแดงคนหนึ่งสั่ง
“ไปตามหัวหน้ามา”
ทหารคนหนึ่งวิ่งออกไป
จงใจคิดแผนที่จะหนี เธอหันไปเห็นขวดเบียร์วางอยู่ริมห้องแล้วหยิบขึ้นมาส่งให้ระริน แล้วสั่ง
“นี่คุณ ฉันจะร้องโอดโอยทำเป็นปวดท้อง พอพวกมันเข้ามาเธอฟาดมันเลยนะ”
ระรินแหยๆ
“ไม่เอาหรอก ฉันไม่กล้าเดี๋ยวมันสวนกลับขึ้นมาฉันไม่ตายหรือ”
“โธ่...จะไปกลัวอะไร...หลับหูหลับตาฟาดไปเถอะ หรือว่าเธอจะอยู่รอให้มันเอาทำเมีย หรือเอาไปขายฝั่งโน้นล่ะ...เอ้าเอาไป”
ระรินรับไปแล้วไปแอบด้านข้างประตูรอให้ลูกน้องเปิดประตูเข้ามา...ด้านนอกหัวหน้ากำลังเตรียมข้าวของอาวุธอยู่กับลูกน้องพร้อมดื่มเหล้าไปด้วย มีเสียงจงใจลอดออกมาอย่างเจ็บปวด
“โอ๊ย...ช่วยด้วยปวดท้อง”
ระรินตะโกนเรียก
“นี่...มาดูกันหน่อยซิ...นังนี่มันปวดท้องน่ะ”
หัวหน้าชะงักและรำคาญ
“อะไรกันวะ...โวยวายอะไรกันนักหนา”
“ฉันไปปิดปากมันให้พี่”
หัวหน้าเห็นว่าลูกน้องกำลังทำงานจึงอาสาไปเอง
“ไม่ต้อง...ข้าไปเอง เดี๋ยวถ้ามันไม่หยุดร้องข้าจะเอาปากข้าอุดปากมันเอง”
หัวหน้าหัวเราะลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นบ้านไป เขาตรงไปไขกุญแจ จงใจได้ยินเสียงไขกุญแจจึงรีบทำนอนบิดปวดท้อง
“ปวดท้อง...ปวดท้องจังเลย”
ระรินเตรียมหลบอยู่ข้างประตูในมือกำขวดเบียร์แน่น กะว่าประตูเปิดออกเมื่อไหร่จะฟาดทันที หัวหน้าไขประตูไปบ่นไป
“เออรู้แล้ว กำลังจะเข้าไปดู”
ประตูเปิดออกหัวหน้าถลำเข้ามายืนมองจงใจโดยที่ไม่เห็นระรินที่อยู่ด้านข้าง
“เป็นอะไรนักหนา”
จังหวะนั้นลูกน้องเรียกหัวหน้าจากด้านนอก
“พี่...ทหารของเรามา”
หัวหน้าหันขวับเดินออกไป ระรินหวดขวดลงมาพอดีแต่วืดไปอย่างหวุดหวิดหัวหน้าไม่รู้เรื่อง ระรินหัวคะมำลงไป หัวหน้าเดินออกไปข้างนอกแล้วไปหาทหาร
“มีอะไรกัน”
จงใจมองอย่างเสียดาย
“โธ่เว้ย...”
หัวหน้าปิดล็อกประตูแล้วไปคุยกับทหารที่มาส่งข่าวจากเชิงเขา
“หัวหน้าครับเราจับคนไทยได้ห้าคนเป็นตำรวจคนนึง มีเด็กกับผู้หญิงด้วย”
หัวหน้าสั่งเสียงเข้ม
“เฝ้าไว้ให้ดี ข้าจะไปดูพวกมันหน่อย”
ระรินกับจงใจได้ยินชัดเจน
“หมวดสมรักษ์”
จงใจกับระรินมีความหวัง หัวหน้าขับรถจี๊ปออกไป
เสือใจกับทุกคนพร้อมอาวุธครบมือเดินแกะรอยขึ้นเขามาอีกด้านหนึ่ง เขามองเห็นบ้านที่ขังจงใจอยู่ไกลๆ เสือใจหยุดแล้วประเมินสถานการณ์
“ข้าว่าบ้านหลังนั้นมันมีอะไรแปลกๆ”
จ่าชิตแปลกใจ
“ทำไม”
เสือใจสังเกตอย่างละเอียด เห็นลูกน้องนั่งเฝ้าอยู่ 4 คน
“บ้านหลังเบ้อเริ่ม ทำไมมันออกมานั่งนอกบ้านกันวะ”
“จริงด้วยสิ...ท่าทางนั่งคอยระวังอะไรสักอย่าง”
“หรือว่ามันมานั่งเฝ้าอะไรข้างในบ้าน” จ่าชิตสันนิษฐาน
เสือใจยิ้มในที
“ไปเถอะ อ้อมไปทางโน้น”
ทั้งสี่คนลอบไปอีกทางหนึ่ง
จงใจแอบชะโงกดูทางหน้าต่างเห็นว่ามีลูกน้องเฝ้าอยู่ 4 คน เธอเริ่มแผนใหม่
“หัวหน้ามันไปแล้ว ออกไปจากที่นี่ดีกว่า”
ระรินงง
“ออกไปยังไง”
“มายืนตรงนี้”
จงใจดึงมาที่หน้าต่าง ระรินงงๆแต่ทำตาม
“ปลดกระดุมเสื้อ”
“จะบ้าหรือ...ปลดเองสิ”
จงใจเซ็ง
“เธอนั่นแหละปลด ของฉันมันไม่มีอะไรจะโชว์ เร็ว...สิ...”
ระรินจำใจทำตาม จงใจสั่งแล้วผิวปากเรียกลูกน้องข้างล่าง
“ทำท่ายั่วยวนเข้าไว้...”
จงใจผิวปากเรียก รีบไปรอที่ประตู ลูกน้องเงยหน้าขึ้นมามองผ่านหน้าต่างเห็นระรินกำลังทำท่ายั่วยวน
“มีอะไรหรือน้องสาว”
“เหงาน่ะ...”
จงใจคอยกำกับระรินเป็นฉากๆ
“ยั่วเข้าไว้หลอกพวกมันเข้ามา”
ลูกน้องด้านล่างมารวมกันยืนยิ้มให้ระรินที่ยั่วยวนสุดฤทธิ์
“พี่ขึ้นมาช่วยแก้เหงาฉันหน่อยสิจ๊ะ”
“ได้เลย...”
ลูกน้องอีกคนเอาด้วย
“ข้าด้วย...”
ระรินปราม
“อ๊ะๆ...ทีละคนสิคะ มาพร้อมกันฉันอายน่ะ”
ลูกน้องทั้งหมดตกลงกันจับไม้สั้นไม้ยาว
“งั้น...ไม้สั้นไม้ยาว”
ลูกน้องรับคำพร้อมกัน
“โอเค...”
ลูกน้อง เปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นว่าระรินกำลังยืนยั่วอยู่ ลูกน้องน้ำลายหกรีบเข้าไปหมายจะปล้ำโดยไม่ได้ระวัง จงใจย่องมาตีศีรษะเข้าให้โป้งสลบเหมือดไปทันที
“เสร็จไปหนึ่ง...”
ระรินหันมาถาม
“เอาไง”
“มัดเอาไว้ มัดปากด้วย”
ระรินรีบจัดการ จงใจไปที่หน้าต่างแล้วแสดงท่ายั่วยวนด้วยการสยายผมให้ลูกน้องข้างล่างดู
“เฮ้อ...อิจฉาคู่นี้จังเลย พี่ขึ้นมาแก้เหงาให้ฉันหน่อยสิ”
ลูกน้องอีกคนรีบวิ่งขึ้นมาทันที จงใจยิ้มเจ้าเล่ห์พอใจ
เสือสมิง ตอนที่ 12 (ต่อ)
เสือใจ จ่าชิต ภราดร และหมู่ลอบเข้ามาถึงตัวบ้าน แล้วไม่พบว่ามีใคร เสือใจมองด้วยแววตาเข้ม ทั้งหมดยังไม่ไว้ใจ...มีเสียงตึงตังข้างบนบ้าน เสือใจส่งสัญญาณเงียบให้จ่าชิตกับหมู่แล้วตัวเขาก็เดินนำขึ้นบ้านไป เมื่อถึงหน้าประตูบ้านเสือใจตัดสินใจถีบประตูเข้าไป สิ่งที่เห็นข้างในคือ ลูกน้องทั้งสี่คนสวมกางเกงใน ถูกมัดปาก ถูกมัดมือด้วยเสื้อกางเกงตัวเอง กำลังดิ้นกันไปมา เสือใจหน้าตื่น
“เฮ้ย...อะไรวะเนี่ย"
จ่าชิตกับหมู่และภราดรเข้ามา จ่าชิตหน้าเหวอ
“อ้าว...ไหงเป็นงั้นวะ”
เสือใจมองไปรอบๆเห็นข้าวของเครื่องใช้ผู้หญิงจึงสันนิษฐาน
“ลูกข้าล่ะ...”
ลูกน้องทั้งสี่คนมองหน้าเสือใจเลิ่กลั่ก
จงใจวิ่งนำหน้าระรินมาตามชายป่า ระรินวิ่งตามอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วหยุดหายใจหอบ
“นี่...จะวิ่งไปถึงไหนเนี่ย...ฉันลิ้นห้อยออกมาจนจะถึงหน้าอกแล้ว...หยุดก่อน”
จงใจหยุดแล้วเตือน
“วิ่งไปก่อนเถอะเดี๋ยวพวกมันก็ตามมาทันหรอก เร็ว”
ระรินถอนหายใจท่าทางไม่ไหว
“ฉันปวดขาไปหมดแล้วดูสิ เท้าระบมไปหมดเลย”
จงใจก้มมองดูแล้วเห็นว่าเป็นจริง
“จริงด้วย” จงใจมองซ้ายมองขวา “ไปหาที่หลบก่อน ฉันจะหายามาพอกให้ เธอพอจะเดินไหวไหม”
ระรินพยักหน้ารับ จงใจมองไปรอบๆเห็นว่าไม่ห่างนักมีซอกถ้ำเล็กๆ
“ไปหลบในนั้นก่อน”
จงใจประคองระรินไป
สมรักษ์ ประเดิม หิน แก้ว ถูกมัดโยงกับต้นไม้เรียงกันเป็นแถว หัวหน้าลงมาจากรถจี๊ปแล้วเดินเข้ามาทักทายท่าทางยียวน
“พวกแกอีกแล้ว...สงสัยคงรักกันมากสินะ”
สมรักษ์ไม่หวั่นแล้วท้าทาย
“ไม่ต้องพูดมาก คนของฉันอยู่ที่ไหน”
“นั่นแน่...โดนมัดขนาดนี้ยังไม่ทิ้งมาดตำรวจอีก แหมมันช่างน่าประทับใจตำรวจไทยจริงโว้ย...”
หัวหน้าพูดพลางซัดสมรักษ์เข้าพลั่กใหญ่ที่ปลายคาง สมรักษ์หน้าหันเลือดกบปาก
“แกไม่ต้องห่วงหรอก แฟนของแก ปลอดภัยดี แต่อาจจะสิ้นบุญกันแค่นี้เพราะฉันคงไม่เอาพวกแกไว้แน่ ยกเว้นนังเด็กนั่น”
หัวหน้ามองไปที่แก้วแล้วเดินไปหาพยายามลูบไล้ตามใบหน้าแก้วเพื่อลวนลาม แก้วสะบัดหน้าหนีและหลับตา สมรักษ์เป็นเดือดเป็นแค้น
“อย่าทำอะไรเธอนะ...”
หัวหน้ามองหน้า
“ทำไม...หวงเหรอ...ตกลงแกจะรวบเอาหมดเลยเหรอ...มากไปมั้งเพื่อนของแบบนี้มันแบ่งกันได้นี่”
แก้วหวาดกลัว
“อย่า...ฉันกลัวแล้ว...”
หัวหน้าหยุดด้วยความกระหยิ่ม
“ฉันยังไม่ทำอะไรแกหรอก...มันยังไม่ถึงเวลา...เอาตัวพวกมันกลับไป”
หัวหน้าเดินนำไปที่รถแล้วขับกลับไป ลูกน้องพาพวกสมรักษ์ร้อยเชือกต่อๆกันแล้วจูงไปเป็นพรวน สมรักษ์มองแก้วอย่างเห็นใจ
แววนั่งหน้าสลดอมทุกข์อยู่ กินรีเข้าใจความรู้สึกของแวว
“น้าเป็นห่วงเสือใจหรือจ๊ะ”
“น้าก็เป็นห่วงหมดทุกคนนั่นแหละ ไม่รู้เป็นเวรกรรมอะไรกัน”
“เสือใจเขาคงรักลูกเขาน่าดูสินะ”
แววภูมิใจ
“ใช่...พี่เสือเขารักจงใจมาก”
“จงใจโชคดีนะที่มีพ่อแบบนี้”
“อ้าว...แล้วหนูไม่มีพ่อแม่หรือ”
กินรีหน้าเศร้า
“หนูไม่มีพ่อแม่หรอก เราอยู่กับยาย”
“ฉันขอโทษนะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะน้า...พวกเราชินซะแล้ว”
“ฉันเห็นหนูหน้าเศร้าๆ หนูเป็นห่วงหมอหรือ”
“เอ่อ...ค่ะ”
“ขอโทษนะ เขาเป็นคนรักของหนูหรือ”
กินรีอ้อมแอ้มและปิดบัง
“เคยเป็นน่ะค่ะ”
แววเข้าใจความรู้สึกกินรีปลอบอย่างจริงใจ
“หนูเป็นเด็กที่หน้าตาสะสวยแถมยังมีมรรยาทดี ฉันเชื่อว่าวันหนึ่งหนูจะได้เจอคนที่ดี”
กินรีรู้สึกซึ้งใจในความมีเมตตาของแวว แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะคุยกันต่อ มะค่าก็เดินเข้ามาพร้อมกับวินมิกและลูกบ้านของเขา วินมิกกล่าวชมมะค่า
“แหม เห็นเป็นเด็กผู้หญิงแบบนี้หาปลาเก่งไม่เบา”
มะค่ายิ้มแล้ววางข้องปลาที่มีปลาเต็มไปหมด แววมองทึ่งๆ
“นี่กินได้ถึงพรุ่งนี้เลยนะเนี่ย...ไป..รีบก่อไฟหุงหากินกันดีกว่า”
วินมิกยิ้ม
“เชิญเข้าครัวกันตามสบายเลย พวกผู้ชายจะตั้งวงกันแล้วล่ะ...”
ทั้งหมดยิ้มหัวกันอย่างมีความสุข
เสือทศ กับลูกน้องเสือทั้งหลายขี่ม้าเลียบชายป่ามาเรื่อยๆ เสือเรืองไสม้าขึ้นมาประกบ
“ท่าทางพี่ทศดูมีความสุขนะ”
เสือทศยิ้มกริ่มในใจ
“เออสิวะ...คืนนี้ข้าก็จะได้เข้าห้องหอกับจงใจแล้ว หลังจากรอมาหลายปี”
“พี่ทำแบบนี้แล้วไม่กลัวพ่อตาพี่หรือ”
เสือทศหัวเราะ
“เฮ้ย...ของแบบนี้พอมันได้เคยขาเคยขี่กันแล้วนกมันยังเป็นไม้ได้เลย เมื่อจงใจเป็นของข้าแล้ว พ่อเสือจะมีปัญญาอะไรมาปรามข้า พ่อเสือรักจงใจจะตายคงไม่อยากให้ลูกสาวเป็นหม้ายหรอก”
เสือเรืองพลอยมีความสุขกับลูกพี่ไปด้วย เสือทศสังเกตเห็นควันไฟลอยขึ้นมาจากเบื้องหน้าห่างออกไปไกลพอสมควร เขาฉุกคิด
“แถวนี้มีบ้านคนด้วยหรือวะ”
เสือชินไสม้าขึ้นมา
“นั่นสิพี่”
“ดีเหมือนกัน ว่างๆก็ปล้นมันซะเลยเผื่อจะได้อะไรติดไม้ติดมือ ไปเป็นสินสอดให้จงใจ...เตรียมตัวโว้ยพวกเรา”
บรรดาเสือทุกคนต่างรู้งานเตรียมอาวุธแล้วเอาผ้าคลุมใบหน้า
ระรินนั่งพักอยู่ในถ้ำ เอามือนวดขาไปพลาง
“โอย...มีมันเวรกรรมอะไรของฉันนะเนี่ย...ยายนั่นไปไหนของเขานะ...หิวน้ำก็หิว”
ระรินรู้สึกท้อแท้และกลัว แล้วนึกขึ้นมาในทางร้าย
“เอ๊ะ...หรือว่านังนั่นมันหนีไปแล้ว...หนอย...ฉันไม่ยอมตายที่นี่หรอก”
ระรินรีบลุกแล้วพยายามตะเกียกตะกายออกมาเพื่อเอาตัวรอด เธอออกมานอกถ้ำเพราะคิดว่าจงใจทิ้งเธอไปแล้ว ขณะที่เธอกำลังหวาดระแวงอยู่นั้น...ทันใดนั้นมีมือมาจับที่ไหล่ของเธอ ระรินสะดุ้งหลับตาแล้วร้องขอชีวิต
“ว้าย...อย่าทำอะไรฉันเลยฉันกลัวแล้ว”
“ฉันเอง จงใจ...”
ระรินลืมตาแล้วเห็นเป็นจงใจที่ถือสมุนไพรและกระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำมาด้วย
จงใจเอาสมุนไพรบดขยี้แล้วเอาพอกที่ขาของระรินอย่างนุ่มนวลและตั้งใจ ระรินสบายขึ้น ท่าทีที่ก้าวร้าวอ่อนลง
“เป็นไง สบายขึ้นไหม”
“อืม...เธอไปเรียนเรื่องยาพวกนี้มาจากไหน”
จงใจทำพลางตอบพลาง
“พ่อฉันสอน”
ระรินหัวเราะเยาะๆ
“พ่อเธอสอนหรือ...ไม่นึกว่าพวกเสือพวกปล้นเขากิน จะมีความรู้แบบนี้ด้วย”
จงใจไม่พอใจ
“ทำไมหรือพ่อฉันเป็นเสือก็ต้องปล้น แต่เสือใจปล้นเฉพาะคนที่มันรังแกชาวบ้านเท่านั้น”
“จะปล้นยังไงมันก็ขึ้นชื่อว่าปล้นอยู่นั่นแหละ”
จงใจไม่ลดละ
“ถ้าจะพูดไปพ่อเธอก็ปล้นเขากินเหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่พ่อฉันปล้นซึ่งหน้า แต่พ่อเธอมันปล้นลับหลังใช้เล่ห์เพทุบาย ต่างๆนานา และที่สำคัญและเลวร้ายกว่า พ่อฉันก็คือพ่อเธอมันไม่รู้จักพอ”
ระรินอึ้งหน้าชาเมื่อโดนด่าเข้าเต็มๆแต่ทำอะไรไม่ไม่ถูก จงใจตัดบท
“พักซะ ฉันจะไปหาอะไรมาให้กิน”
จงใจเดินออกไปแล้วใช้ใบไม้อำพรางซอกถ้ำเอาไว้ ระรินมองตามอย่างเจ็บใจ
วินมิกและลูกน้องนั่งดื่มเหล้ากันอย่างสบายอารมณ์ ลูกน้องสอบถามเรื่องเสือใจ
“เสือใจนี่ใครเนี่ยพี่”
“เขาเป็นเสมือนอาจารย์ข้าเลยล่ะ ทั้งเก่งทั้งมีคุณธรรม นักเลงที่ไหน ได้ยินชื่อพากันหัวหดไปตามๆกัน นี่ยังดีนะที่หัวหน้าเสือ เบาไปเยอะ เป็นเมื่อก่อนล่ะมึงเอ๊ยพูดชื่อยังไม่มีใครกล้าเลย”
วินมิกรู้สึกภูมิใจลูกน้องอีกคนถาม
“อ้าว...แล้วทำไมเขาปล้นโหดจัง”
“ไอ้ที่ได้ยินมาน่ะมันไม่จริงหรอก ข้ารู้จักหัวหน้าใจดี”
ลูกน้องยังไม่มีใครซักต่อ กระสุนก็พุ่งเข้ามาใส่ลูกน้องคนหนึ่งเต็มหน้าอกหงายลงแคร่ไป
“อ้ากก...”
ทุกคนในที่นั้นตื่นตัวทันที วินมิกตกใจ
“ใครวะ”
กลุ่มม้าของเสือทศวิ่งดาหน้าเข้ามาทุกคนคลุมใบหน้าหมด เสือทศประกาศก้อง
“กูเสือใจ ใครยังไม่อยากตายมาหมอบที่แทบเท้ากูนี่”
“ไอ้ตอแหล...มึงหรือเสือใจ แน่จริงเปิดหน้าให้กูดูหน่อยซิ”
เสือทศสะอึกแล้วกลบเกลื่อน
“ปล้น...เผาให้เรียบ”
ขบวนม้าแยกกันออก วินมิกกับลูกบ้านตั้งรับด้วยการยิงตอบโต้
แวว กินรี มะค่า และผู้หญิงในหมู่บ้านที่ล้อมวงกันทำกับข้าวอยู่ด้านในแล้วได้ยินเสียงปืน
“เสียงปืน...” กินรีตกใจ
แววสงสัย
“มีอะไรกันหรือ”
มะค่ามองไปที่ด้านหน้าแล้ววิ่งไปดูอย่างระวัง
“เสือ...เสือบุกมาปล้น”
เสียงเสือทศตะโกนเข้ามา
“ปล้นมันให้หมด เผาให้เกลี้ยง ใครขวางยิงทิ้ง”
แววตื่นตระหนก
“พวกปล้น”
แววกับกินรีวิ่งหนีหลบไปอีกทางหนึ่ง พวกผู้หญิงวิ่งกระเจิงๆไป วินมักกับพวกยิงพลางหาที่มั่นพลาง ลูกน้องวินมิกถูกยิงตายไปคนหนึ่ง แวววิ่งมาหลบมุมหนึ่ง เสือทศฮึกเหิม
“กูเสือใจ ใครยังไม่อยากตายวางอาวุธซะ”
แววไม่พอใจ
“เสือใจ...ไม่จริง อยากรู้นักว่าแกเป็นใครกันแน่”
แววฮึดแล้ววิ่งไปหยิบปืนที่วางอยู่ในบ้านออกมาแล้ววิ่งไปที่พวกเสือที่กำลังปล้น กินรีวิ่งตามหามะค่า
“มะค่า”
มะค่าเอาหน้าไม้ยิงพวกที่เข้ามาปล้นถูกกลางหลังแต่ไม่ตาย ลูกน้องเสือทศคนหนึ่งยิงมะค่า แต่วินมิกมาพุ่งผลักออกไปได้
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ...เอ็งพาพี่เอ็งหลบไปก่อน”
มะค่าทำตามคำสั่ง ลูกน้องเสือคนหนึ่งจับมะค่าดึงหมายจะเอาขึ้นม้าไป
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
กินรีหันไปเห็นมะค่ากำลังเสียทีจึงวิ่งจะเข้าไปช่วย เสือเรืองขี่ม้าเข้ามาขวางแล้วชนกินรีกระเด็น
“นังแม่ผีฟ้านี่...ไปเป็นเมียพี่เถอะ”
เสือเรืองวนมาหมายจะจับกินรี เสือทศอยู่อีกมุมหนึ่งเขามองดูเหตุการณ์โดยรวม มะค่ากำลังจะเสียที แต่ทันใดนั้น วินมิกพุ่งทะยานจากพื้นไปหาลูกน้องคนนั้นแล้วลากมันกลิ้งลงมาจากม้า วินมิกจ้วงแทงมันตายทันที มะค่าปลอดภัย
“ขอบใจนะน้า”
มะค่าวิ่งไปที่ปลอดภัย เสือเรืองกำลังจะเข้ามาจับ แววโผล่เข้ามาแล้วเอาลูกซองยิงเสือเรืองถูกเข้าที่ไหล่ตกม้าไป
“อ้ากก...”
เสือทศรีบหันมาแล้วสบตากับแวว เสือทศตะลึง แววจ้องตาเสือทศเหมือนกับว่าเคยเห็นแววตานี้ที่ไหน เสือทศสั่ง
“ถอย...ถอย...”
เสือชินงง
“ถอยทำไมพี่”
“ข้าบอกให้ถอย...เร็ว...เอาคนเจ็บไป...”
พวกบรรดาเสือต่างทำตามคำสั่ง แล้วล่าถอยไป แววมองตามเสือทศอย่างสงสัยแต่นึกไม่ออก กินรี และมะค่าเดินมาหากันทั้งหมดปลอดภัย
หัวหน้าว้าแดงนั่งรถจี๊ปนำขบวนมาช้าๆ ลูกน้องคุม พวกสมรักษ์ ประเดิม หิน และแก้วเดินตามมาเป็นพรวน สมรักษ์นิ่งโดยมีประเดิมอยู่ข้างๆคอยสอบถามแผนการ
“นี่หมวด จะปล่อยให้มันทำกับเราอย่างนี้หรือ”
“แล้วนายมีวิธีที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ”
ประเดิมนิ่งอึ้ง
“ทำตามมันไปก่อน อย่างน้อยเราก็จะได้เจอสองคนนั่น”
ประเดิมพยักหน้ายอมรับ แก้วหน้าเศร้าและวิตก หินคอยปลอบใจ
“กลัวหรือ”
“เปล่า ข้ายอมตายถ้ามันทำอะไรข้า”
“ข้าก็ไม่ปล่อยให้มันทำอะไรพี่หรอก”
หินมั่นใจ แก้วรู้สึกซึ้งใจ ขบวนเชลยยังคงเดินทางต่อไป
ห่างออกไปเสือใจ จ่าชิต ภราดร และหมู่ เดินกันไปตามป่าเพื่อตามหาจงใจและระริน เสือใจหัวเสียแต่ก็ยังดีใจที่จงใจปลอดภัย
“สองคนนั่นหนีไปทางไหนกันนะ”
“นั่นสิ ไม่เห็นมีร่องรอยอะไรไว้ให้ตามเลย”
เสือใจกระหยิ่ม
“ลูกเสือมันก็ต้องมีลายสิวะไอ้ชิต ใครจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้คนตาม”
จ่าชิตพยักหน้ารับ หมู่รู้สึกทึ่งในตัวเสือใจ
“เสือใจนี่เก่งเนอะ ว่างๆช่วยสอนฉันบ้างสิ”
ภราดรเห็นด้วย
“เป็นเสือนี่มันก็สนุกเหมือนกันนะ สอนฉันด้วยนะเสือใจ”
เสือใจหัวเราะ
“กรมตำรวจไม่มีครูแล้วหรือไง...เอาเหอะ ถ้าเขาไล่เอ็งออกจากตำรวจเมื่อไหร่มาหาข้าก็แล้วกัน ส่วนหมอจับเข็มฉีดยาน่ะดีอยู่แล้ว เวลาใครเจ็บจะได้รักษา”
เสือใจหัวเราะหึๆ หมู่เขินๆ เสียงรถจี๊ปดังแว่วมา เสือใจกับจ่าชิตตื่นตัว
“ไอ้ใจ”
เสือใจพยักหน้ารับรู้ เขาเงี่ยหูฟัง
“ทางโน้น”
เสือเรืองหล่นจากม้าด้วยท่าทางที่บาดเจ็บ เสือทศกับเสือชินเดินเข้ามาหา
“ไหวไหมไอ้เรือง”
“ไหวพี่...”
เสือชินเข้าไปดูบาดแผล
“แผลไม่เท่าไหร่ มาข้าทำแผลให้”
เสือทศครุ่นคิด
“น้าแวว...นี่แสดงว่าพ่อเสือต้องอยู่แถวนี้แน่”
“ดีแล้วไงพี่ เราก็ถือโอกาสเก็บซะเลยแถวนี้มันถิ่นเราอยู่แล้ว”
เสือทศพยักหน้า
“ข้าก็ว่าอย่างนั้น”
เสือทศกำลูกปืนเสกที่อองไชยให้มาแน่นหน้ากระหยิ่ม
หัวหน้ายังคงขับรถนำขบวนมาช้าๆตามทางขรุขระ ขบวนเดินตามมาท่าทางอิดโรย หัวหน้าหันไปเร่ง
“เดินให้มันเร็วๆหน่อยได้ไหม”
ประเดิม หิน แก้ว ก้มหน้าก้มตาเดินแบบไม่มีปากเสียง ลูกน้องที่คุมขบวนเอาปืนผลักให้ทุกคนเดินเร็วขึ้น
“เร็ว...”
ทุกคนเดินต่อไป
ห่างออกไปไม่มาก เสือใจ จ่าชิต ภราดร และหมู่ซุ่มดูขบวนเชลยสมรักษ์และทุกคนอยู่ จ่าชิตแววตาเข้ม
“หมวด”
เสือใจแววตาวาวโรจน์
“หิน แก้ว...”
จ่าชิตประเมินสถานการณ์
“สงสัยจะยากว่ะ ขืนบุกเข้าไปเสี่ยงแน่ๆ”
“เอ็งเป็นตำรวจงั้นเอ็งลองไปคุยกับมันสิ”
จ่าชิตมองหน้าเสือใจแบบงงๆ เสือใจมีแผนและยียวน
ขบวนเชลยยังคงเดินไปตามทางตามปกติ ด้านหลังมีทหารคนหนึ่งคุมท้ายขบวนอยู่ต่อจากหิน ทหารคนนั้นทรุดลงขาดใจตายกองกับพื้นโดยไม่มีใครรู้ และมีคนเดินเข้ามาแทน เป็นเสือใจนั่นเอง เขาเดินตามขบวนไปเรื่อยๆในใจเตรียมพร้อมตลอดเวลา...ข้างหน้าขบวนจ่าชิตเดินออกมากลางถนนแล้วขวางรถเอาไว้ หัวหน้าว้าแดงแปลกใจและตกใจมองจ่าชิตแบบไม่เชื่อสายตา เบรกรถเอี๊ยด
“เฮ้ย...”
“สวัสดี...จะไปไหนกันหรือ”
หัวหน้าและพวกทหารต่างงง สมรักษ์ ประเดิม หินและแก้วต่างไม่เชื่อสายตา สมรักษ์แปลกใจ
“จ่าชิต”
หมู่ซุ่มอยู่บนเนินระวังเตรียมยิง...
“นี่มันถิ่นข้า แกยังตามมาตั้งด่านอีกหรือ”
หัวหน้าถามกวนๆ จ่าชิตจ้องเขม็ง
“ปล่อยคนของฉันมา”
หัวหน้ามองจ่าชิตที่มาคนเดียวแล้วขำ
“นี่เอ็งบ้าหรือเมาวะเนี่ย พวกข้ามีกับเป็นสิบ เอ็งมาคนเดียว แล้วยังมาสั่งโน่นสั่งนี่อีก...เอ็งนั่นแหละทิ้งปืนแล้วคุกเข่าลงซะ...เร็ว...เฮ้ย”
ทหารเดินรี่เข้าไปหาจ่าชิตอย่างย่ามใจ ทันใดนั้นกระสุนจากหมู่ปลิวมาที่ปลายเท้าของทหารคนนั้น หัวหน้ามองไปรอบๆแล้วยิ้ม
“ไม่เลวนี่จ่า มากันกี่คนล่ะ”
“ก็มากพอที่จะจับตายพวกแกแหละ”
จ่าชิตแววตาเข้มแล้วเตรียมตัว หัวหน้าชักปืนยิง จ่าชิตโดดหลบเข้าข้างทาง หมู่ยิงปืนลงมาทันทีถูกทหารร่วงไป ภราดรยิงปืนช่วยคุ้มกันจ่าชิตด้วย เสือใจมองภราดรแล้วยิ้มๆ
“วางเข็มฉีดยาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
หัวหน้าเห็นหมู่แล้วตะโกนบอก
“มันอยู่บนนั้น...”
ทุกคนหันไปแล้วกระหน่ำยิงใส่หมู่...เสือใจเผยใบหน้าออกมาเขาใช้มีดสั้นจัดการทหารคนที่อยู่ใกล้เขา แล้วตัดเชือกให้หินกับแก้ว ทั้งสองดีใจ
หินกับแก้วดีใจที่ได้พบเสือใจ ร้องเรียกออกมาพร้อมกัน
“ลุงเสือ”
เสือใจมองสมรักษ์ เขารู้สึกพอใจที่สมรักษ์ออกมาตามหาและช่วยจงใจ เสือใจวาดลวดลายตัดเชือกออกให้ทุกคนเป็นอิสระแล้วสังหารพวกทหารไปด้วย
สมรักษ์ช่วยเสือใจกำจัดลูกน้องไปคนหนึ่ง ทุกคนเป็นอิสระ หิน แก้ว ประเดิมและภราดร เข้าไปหลบข้างหินอย่างโล่งใจ เสือใจกับสมรักษ์หันหลังชนกันยิงสู้ทหาร หัวหน้าเห็นท่าไม่ดีจึงสั่งลูกน้อง
“ขับรถออกไป...ขับไป”
ลูกน้องเหยียบคันเร่ง เร่งเครื่องพุ่งเข้าใส่ จ่าชิตกระโดดหลบทัน รถของหัวหน้าหนีไปได้ ทุกคนหยุดไม่ตามไป
“รีบไปจากที่นี่เถอะ เดี๋ยวมันคงมาเป็นกองทัพแน่”จ่าชิตหันมาเตือน
ทุกคนรับรู้แล้วแยกไป
เมื่อเห็นว่าเสือเรืองทำแผลเสร็จแล้ว เสือทศหันมาสั่ง
“เอ็งกลับไปที่ชุมเสือก่อน ไอ้เรือง แล้วจัดคนไปส่งข่าวให้เสี่ยรงค์รู้ด้วยว่าพ่อเสืออยู่แถวนี้ข้าต้องการกำลังเสริม”
เสือเรืองรับคำ
“ได้พี่...แล้วเรื่องปล้นล่ะ”
“เราคงต้องหยุดเอาไว้ก่อน พ่อเสืออยู่นอกชุมเสือเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะ...”
เสือชินแทรกเข้ามาแบบไม่ค่อยมั่นใจ
“พี่แน่ใจนะ”
“ถ้าไม่กล้าก็ไม่โต ไปเอ็งรีบไปจัดการได้แล้วเรือง...ไปไอ้ชิน”
เสือทศสั่งการแล้วแยกไปกับเสือชินพร้อมลูกน้องอีกสองคน
รถจี๊ปของหัวหน้าวิ่งมาที่บ้านพักอย่างรีบด่วนแล้วสั่งลูกน้อง
“ไปเอาอาวุธมาให้เต็มที่”
ลูกน้องต่างวิ่งลงไปแยกย้ายกันไปเอาอาวุธหนักหัวหน้าแค้นจัดประกาศลั่น
“มา...ตามมาเลยไอ้พวกแมงเม่า”
ลูกน้องเอาอาวุธมาตั้งรับกันอย่างแข็งขัน
“แบ่งกำลังออกไปไล่ล่าพวกมัน”
ลูกน้องบางส่วนจัดกำลังออกไป ลูกน้องคนหนึ่งวิ่งหน้าตื่นมาบอก
“แย่แล้วหัวหน้า”
“มีอะไร” หัวหน้าสงสัย
“ผู้หญิงพวกนั้น...”
หัวหน้ารู้ว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้น
เสือใจ นำทุกคนมาที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง ห่างจากบริเวณนั้น
“พักที่นี่กันก่อน”
ทุกคนแยกย้ายกันพักผ่อน เสือใจอยู่อีกมุมหนึ่งกับแก้วและหิน สมรักษ์กับจ่าชิตและหมู่อยู่อีกมุมหนึ่งที่ไม่ห่างกันนัก ถัดมาเป็นภราดรกับประเดิม
“หมวด มัวมานั่งอยู่ทำไม ทำไมไม่รีบไปช่วยระรินล่ะ”ภราดรร้อนใจ
ประเดิมขัดขึ้น
“ใจเย็นๆสิครับหมอ ลืมไปหรือเปล่าว่าเราเพิ่งรอดตายมาหยกๆ”
“ผมไม่สน ผมเป็นห่วงระริน”
“ไปตอนนี้ก็เอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ”สมรักษ์อธิบาย
เสือใจมองมาที่ภราดรอย่างเข้าใจ
“รักกันจริงๆนะ...”
เสือใจหัวเราะ ภราดรยังไม่ยอมลดละ
“ถ้าไม่มีใครไปผมไปคนเดียวก็ได้”
สมรักษ์ไม่เข้าใจภราดรจริงๆ จ่าชิตห้ามไว้
“ใจเย็นหมอ...ผมรับปากว่าจะไปกับหมอเอง...มานี่มา”
จ่าชิตชวนภราดรออกมาคุยห่างออกมา
“ดีมากหมอ...ตอนนี้ทุกคนคงสนิทใจว่าหมอชอบนังระรินเข้าเส้นแล้วล่ะ” จ่าชิตหันไปหาเสือใจ “แล้วเอ็งจะเอายังไงต่อ ไอ้ใจ”
“ให้พวกเด็กๆกับหมอไปอยู่กับวินมิกก่อน ส่วนเราคงต้องตามหาจงใจก่อนที่พวกมันจะเจอ” เสือใจหันไปสั่งหิน “ไอ้หิน...เอ็งพาพวกนี้ไปทางทิศตะวันตก เรื่อยๆจะเจอบ้านเพื่อนข้า แม่ของเอ็งอยู่ที่นั่น”
แก้วแปลกใจ
“แม่อยู่ที่นั่นหรือ”
แก้วกับหินยิ้มออกมาได้
หัวหน้าว้าแดงตบหน้าลูกน้องทั้ง 4 คนเรียงตัวอย่างโกรธจัดที่ปล่อยให้จงใจกับระรินหนีไปได้
“ไอ้พวกบัดซบเอ๊ย...พวกเอ็งนี่ไว้ใจไม่ได้จริงๆ เอ็งรู้ไหมว่าเราต้องการเงินซื้ออาวุธ และนังสองคนนั่นก็มีค่ามากมายมหาศาล...”
ลูกน้องคนข้างๆเสนอความคิด
“ฉันว่าจัดทีมออกตามหามันก็น่าจะเจอนะ นังสองตัวนั้นไม่รู้จักแถวนี้คงไปไหนไม่ถูกหรอก”
“เรื่องนั้นข้ารู้”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงเสือทศดังเข้ามา
“รู้แล้วก็รีบไปตามซะสิ...”
ทุกคนหันไปตามเสียง เห็นเสือทศเดินเข้ามาพร้อมเสือชินและลูกน้อง 2 คน
“แกต้องรีบไปตามให้เจอก่อนที่พวกเสือใจจะเจอ”
“ฉันรู้แล้ว...” หัวหน้าหันไปสั่งลูกน้อง “จัดทีมออกไปตามให้เจอ จับเป็นทั้งสองคน”
เสือทศสงสัย
“สองคน...แกหมายความว่าอะไร อีกคนนึงใคร”
“ผู้หญิงทั่วไปน่ะ ไม่มีอะไรหรอก ฉันเอาติดไม้ติดมือมาค้ากำไรนิดหน่อย”
เสือทศสั่งทันที
“ถ้ามีปัญหามาฉันแนะนำให้เอาจงใจกลับมาคนเดียว ส่วนนังนั่นยิงทิ้งซะ”
หัวหน้าพยักหน้ารับ
“แล้วเรื่องเสือใจ...”
“ป่านนี้กำลังเสริมคงพร้อมยกขบวนมาที่นี่กันแล้วมั้ง”
เสือทศยิ้มพอใจ
เสือสมิง ตอนที่ 12 (ต่อ)
ขบวนรถจี๊ปของตำรวจ 2 คันวิ่งไปตามถนนเลียบชายป่า ในรถคันหน้ามีศักดา เสี่ยรงค์ อองไชยนั่งมาด้วย ศักดานั่งบัญชาการจากวิทยุสื่อสาร เสียงจากวิทยุดังมา
“อินทรี ว.2 อินทรี ว. 2”
ศักดาตอบกลับ
“อินทรีทราบ ว.2 มีข่าวส่งได้”
“มีรายงานว่า เสือใจหลบอยู่แถว พิกัด NP 231075”
ศักดาทวน
“NP 231075 หรือ...รับทราบกำลังเดินทางไป...สแตนด์บาย”
เสี่ยรงค์ได้ยินการสนทนาแล้วสั่งทันที
“ตามมันไป”
ศักดารับทราบ ปิดวิทยุแล้วสั่งคนขับ
“ไปที่นั่น”
พลขับอึกอักลังเล
“แต่...เอ่อ...มันนอกเขตประเทศเราแล้วนะครับ”
ศักดาสั่งเสียงเข้ม
“ผมอยากให้คุณขับ ไม่อยากขัง...มีอะไรผมรับผิดชอบเอง”
พลขับยอมรับ เสี่ยรงค์พอใจ
“ดูซิว่ามึงจะหนีไปไหน...ไอ้ใจ”
อองไชยนั่งนิ่ง ในใจคิดถึงเสือใจเพื่อนร่วมสำนัก รถวิ่งผ่านถนนไป
จงใจเดินเดินถือผลไม้และน้ำเข้ามาในถ้ำ ระรินนั่งพิงผนังถ้ำแบบผ่อนคลายเธอรู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นมาก
“เอ้า...กินประทังหิวไปก่อน”จงใจส่งผลไม้และน้ำให้
ระรินสงบลงและรับไปกินอย่างหิวโหย
“อืม...ขอบใจนะ...แล้วเธอล่ะ”
“ฉันยังไม่ค่อยหิว...”
ระรินกินไปสักพักจึงหยุด
“เมื่อไหร่เราจะออกไปจากที่นี่ล่ะ อยู่นิ่งๆแบบนี้ไม่กลัวพวกมันตามเจอหรือ”
จงใจบอกอย่างมั่นใจ
“พ่อฉันเคยสอนว่าที่ ที่อันตรายที่สุด ก็จะเป็นที่ปลอดภัยที่สุด พวกมันคงคิดไม่ถึง
หรอกกว่าเราจะหลบอยู่แถวนี้”
“เธอนี่ก็ฉลาดเหมือนกันนี่”
จงใจไม่ค่อยพอใจแต่รักษามรรยาท
“ทำไมพวกคนเมืองชอบดูถูกว่าคนชาวป่าชาวไร่อย่างเราโง่นักนะ ดูคุณสิคิดว่าตัวเองสูงส่งเป็นถึงพยาบาล แต่พอเอาเข้าจริงๆ ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด”
ระรินรู้สึกหน้าชาและโกรธเธอขึ้นเสียงใส่
“นี่...มันจะมากไปแล้วนะ คิดว่าหาอะไรมาให้ฉันกินแล้วจะมีบุญคุณนักหนาหรือ เอาไว้ให้พ่อฉันมาช่วยก่อน ฉันจะใช้คืนให้เป็นร้อยเท่าเลย”
จงใจไม่แยแส
“เก็บเงินของคุณเอาไว้เถอะ สำหรับฉันของที่กินได้เท่านั้นที่มีค่าต่อชีวิต”
จงใจตัดบทด้วยการกินผลไม้ ระรินมองหมั่นไส้แต่ต้องทนอยู่ด้วย
แวว กินรี มะค่า และคนอื่นๆกำลังเก็บกวาดทำความสะอาดหมู่บ้านอยู่ กินรีรู้สึกหดหู่และเสียใจที่เห็นคนบาดเจ็บ
“ใครกันนะที่สวมรอยเป็นเสือใจ น้าพอจะรู้จักพวกเสือชุมอื่นๆหรือเปล่าจ๊ะ”
“ไม่...เท่าที่รู้มาไม่มีใครกล้ากับพี่เสือเลย แต่...”
แววคิดๆ กินรีสงสัย
“แต่อะไรหรือน้า”
“น้าคุ้นกับแววตาของมันมากเลย เหมือนกับเคยเห็นแววตาคู่นี้ที่ไหน”
แววนึกถึงตอนที่สบตากับเสือทศที่มาปล้น...ขณะเดียวกันนั้นเสียงหินกับแก้วแว่วเข้ามา
“แม่...”
แววหันไปตามเสียงเห็นว่าเป็นหินกับแก้ว ก็ดีใจรีบลุกไปหาลูก
“หิน แก้ว...ลูกแม่”
แววกับหินและแก้วกอดกันกลม กินรีเดินตามมา
“โธ่...แม่คิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเอ็งสองคนแล้ว”
แก้วบอกแม่
“ลุงเสือไปช่วยพวกเรามา”
“แม่รู้แล้ว”
กินรีรู้สึกยินดีด้วย ประเดิมกับภราดรเดินเข้ามา ประเดิมทักทาย
“กินรี...ปลอดภัยนะ”
“จ๊ะ”
ภราดรมองกินรีอย่างเย็นชา แล้วมองไปรอบๆเห็นสภาพเละเทะและคนบาดเจ็บ
“เกิดอะไรขึ้น”ภราดรตกใจ
วินมิกก้าวเข้ามา
“พวกโจรมันมาปล้น”
“พวกไหน...อย่าบอกว่าพวกเสือใจนะ...”
วินมิกพยักหน้ารับ
“ใช่...แต่เป็นเสือใจตัวปลอม หมอมาก็ดีแล้วเรากำลังต้องการหมอพอดี”
“เอาสิ...มาประเดิม ไปดูคนเจ็บกัน”
ภราดรมองข้ามกินรีไปแล้วเดินไปกับประเดิม กินรีกล้ำกลืนข่มความเจ็บปวดของหัวใจ
สมรักษ์เดินนำทาง เสือใจ จ่าชิต และหมู่เดินมาตามชายป่าและหยุดพัก
“นี่มันใกล้เย็นแล้วนะหมวด ผมว่าเราเดินแบบไร้จุดหมายไปหน่อยหรือเปล่า” จ่าชิตประเมินสถานการณ์
สมรักษ์ในใจว้าวุ่นแต่ยังดันทุรัง
“ผมไม่รู้ รู้อย่างเดียวต้องหาจงใจกับคุณระรินให้พบก่อนค่ำ”
“แล้วจะไปหาที่ไหนล่ะ คุณตำรวจ” เสือใจถาม
สมรักษ์นิ่งลงแล้วสารภาพแบบหมดปัญญา
“ผมก็ไม่รู้”
“คำก็ไม่รู้ สองคำก็ไม่รู้ ตำรวจประเทศไทยเป็นแบบนี้หมดเลยหรือไงนะ...”
เสือใจหัวเราะ สมรักษ์เริ่มคุมสติไม่ได้เพราะเป็นห่วงจงใจ เขาเดินเข้าไปผลักอกเสือใจ
“มันจะมากไปแล้ว เสือใจ”
“แล้วไง...หรือหมวดอยากจะวัดกับเสือบ้านป่าอย่างผม ถ้าคิดว่ามีน้ำยาก็เข้ามา”
เสือใจยั่วโมโหสมรักษ์ เพื่อจะดูลักษณะบางอย่าง จ่าชิตกระโดดเข้าห้าม
“เฮ้ย...ไม่เอาน่า...หน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้ยังมาทะเลาะกันอีก”
“ข้าไม่ได้ทะเลาะ แต่อยากจะดูไอ้ผู้หมวดหน้าอ่อนนี่ซิ ว่าจะมีปัญญาหาลูกสาวข้าเจอหรือเปล่า หรือว่าดีแต่ปาก”
สมรักษ์โดนกระเซ้าเข้าอีก จะเข้ามาเอาเรื่องเสือใจ แต่หมู่ดึงและล็อคเอาไว้
“ไม่เอาน่าหมวด”
สมรักษ์สะบัดออกแล้วเดินเลี่ยงไปสงบสติอารมณ์ จ่าชิตหันมาถามเสือใจ
“เอ็งเดาใจลูกเอ็งไม่ได้เลยหรือว่า จะไปหลบที่ไหน”
“ข้ารู้ว่าลูกข้าจะไปไหน”
สมรักษ์หูผึ่งแล้วหันมามองเสือใจอย่างขอความเห็น
เสือทศนั่งกินเหล้าอย่างใจเย็น กับหัวหน้าว้าแดง แล้วสั่ง
“หวังว่าลูกน้องของแกคงตามหาจงใจของฉันเจอนะ”
“อย่าห่วงไปเลย สองคนนั่นไม่มีทางหนีไปได้ไกลหรอก ที่นี่เป็นป่าทึบทั้งนั้น”
“ขอให้มันจริงเถอะน่า”
เสือทศดื่มเหล้าต่อในใจมีความหวัง ลูกน้องว้าแดงเข้ารายงานด้วยการกระซิบข้างหู หัวหน้าไม่ค่อยพอใจแต่ยอมรับหัวหน้า
“อืม...หาต่อไป”
ลูกน้องจากไป เสือทศมองตามแววตาสงสัย
“ยังไม่เจอ...”
หัวหน้าแสยะยิ้ม
“มันไม่มีทางรอดไปได้หรอกน่า บอกแล้วไงว่าแถวนี้มันเป็นป่าทึบ”
เสือทศคิดทบทวนคำพูดของหัวหน้า
“ไปได้ไม่ไกลหรือ...ว่าไม่ได้ไป”
“นายหมายความว่ายังไง”
“แกเคยได้ยินประโยคที่ว่า ที่อันตรายที่สุดก็คือ ที่ที่ปลอดภัยที่สุด...พ่อเสือเคยสอนฉันกับจงใจเสมอ” เสือทศบอกอบ่างมั่นใจ
เสือใจหันมาบอกจ่าชิต
“ที่ๆปลอดภัยที่สุด...ฉันสอนลูกแบบนั้นเสมอ”
สมรักษ์ จ่าชิต และหมู่กำลังตั้งใจฟัง
“แกหมายความว่าลูกสาวแกยังอยู่แถวนั้นหรือ” จ่าชิตแปลกใจ
“ฉันคิดว่าใช่ จงใจต้องหาที่ซ่อนอยู่ไม่ไกลจากที่นั่นหรอก”
สมรักษ์ร้อนใจ
“งั้นเราก็รีบออกตามหาสิ”
เสือใจปราม
“นี่หมวดเป็นอะไรกับลูกสาวฉันหรือถึงได้ดูร้อนรนจัง ขนาดฉันเป็นพ่อฉันยังไม่ขนาดนี้เลย”
สมรักษ์รู้สึกเขิน จ่าชิตกระเซ้า
“อ้าว...เกิดวันดีคืนดีหมวดอาจจะกลายเป็นลูกเขยแกก็ได้”
เสือใจนิ่งมองสมรักษ์ด้วยหางตา ก่อนจะหัวเราะออกมา
“มีปัญญารึ...”
สมรักษ์รู้สึกหน้าชาที่เสือใจดูถูกแล้วพูดลอยๆข่มบ้าง
“เออ...คอยดูก็แล้วกัน อยากมีพ่อตาเป็นเสือมานานแล้ว”
เสือใจถึงกับสำลัก หมู่และจ่าชิตหัวเราะดังลั่นด้วยความขำบรรยากาศดูดี
“อ้าว...จ่า หมู่ มันขำอยู่ทำไมรีบออกไปตามหากันสิ...ไป” สมรักษ์หันมาเร่ง
“ไม่ต้องไปไหนหรอก ยิ่งค่ำจงใจยิ่งปลอดภัย...พวกแกจะไปกันก็ได้นะ แต่ฉันว่าจะพักเอาแรงซะหน่อย”
เสือใจหาที่พักผ่อนเพราะอาทิตย์กำลังจะตกดิน จ่าชิตเข้าใจแล้วพยักหน้าให้สมรักษ์ยอมรับ
“เสือใจแน่ใจหรือว่าพวกนั้นจะไม่ออกตามหาจงใจ” สมรักษ์มองหน้าเสือใจ
“ไม่แน่ใจ และคิดว่ามันต้องออกตาม”
สมรักษ์ชะงัก
“อ้าว...งั้น...จงใจก็....”
“อยู่ในอันตรายใช่ไหม...ฉันมั่นใจในลูกสาวฉัน หมวดอย่าเป็นห่วงเลย แถวนี้ถิ่นมันทุกซอกทุกมุมมันรู้จักหมด ออกไปกลางค่ำกลางคืนเป็นเป้าให้มันสอยเปล่าๆ”
สมรักษ์ยอมรับ แต่จ่าชิตรู้สึกว่าเสือใจดูแปลกไปที่ใจเย็นอย่างนี้
ระรินรู้สึกเบื่อ จงใจนั่งอยู่ไม่ห่างนักแล้วมองพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน
“นี่...จะมืดแล้วทำไมไม่ไปหาฟืนมาก่อไฟล่ะ”
“เธอจะบ้าหรือ ขืนก่อไฟพวกมันก็เจอเราน่ะสิ”
ระรินไม่พอใจและเอาแต่ใจ
“จะให้อยู่มืดๆแบบนี้น่ะหรือ...ตายกันพอดี ออกไปไหนก็ไม่ได้แล้วเมื่อไหร่จะมีคนมาช่วยเราเนี่ย...ฮือ...ฮือ...ปวดฉี่ปวดอึจะทำยังไงล่ะเนี่ย”
จงใจรู้สึกเห็นใจ
“เดี๋ยวพอมืดแล้วจะออกไปก็ได้”
“ก็ได้...”
ระรินยังคงเบื่อและเซ็ง นั่งรอให้ตะวันตกดิน
ฟ้ามืดลงแล้ว...ในบ้านวินมิก กินรีจุดตะเกียงน้ำมันเดินมาหาภราดร ที่กำลังทำแผลให้คนไข้ที่ถูกยิง ซึ่งเป็นคนไข้คนสุดท้ายแล้ว โดยมีประเดิมคอยช่วยภราดร กินรีเอาตะเกียงมาวางให้แสงสว่าง
“เสร็จหรือยังคะ”
“คนสุดท้ายแล้ว”
ภราดรตอบนิ่งๆ กินรีรู้สึกผิดหวังแต่ก็อดทน
“ฉันเตรียมน้ำอาบไว้ให้คุณหมอแล้วนะ อยู่ที่บ้านพัก ไปอาบได้เลยค่ะ”
วินมิกเดินเข้ามาท่าทางพอใจ
“ขอบใจมากนะหมอ”
“ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว ไม่มีคนไข้แล้วใช่ไหม”
วินมิกพยักหน้ารับ ภราดรบิดตัว
“เฮ้อ...เสร็จสักทีอยากอาบน้ำ เหนียวตัวจะแย่อยู่แล้ว”
“ตามสบายเลยหมอ กินรีพาคุณหมอไปที่พักหน่อยสิ”
ภราดรมองหน้ากินรีแบบเฉยเมยแล้วปฏิเสธ
“ผมเดินไปเองได้”
“ให้กินรีพาไปเถอะเผื่อขาดเหลืออะไรหมอจะได้เรียกใช้”
ภราดรยอมตามวินมิก
ภราดรเดินมาตามทางกับกินรีตรงไปที่บ้านพัก เขาเฉยเมยกับเธอ
“ความจริงคุณไม่ต้องลำบากก็ได้”
กินรีเศร้า แต่พยายามเตือนความจำ
“ฉันก็แค่อยากให้คุณหมอทบทวนอะไรบางอย่าง”
“อะไร”
“เรื่องราวที่ผ่านมา”
ภราดรนึกตามในใจ เขารู้สึกเศร้าและกล้ำกลืนแต่เก็บอาการ
“สิ่งที่ผมรู้ก็คือ ผมเป็นหมอย้ายมาทำงานที่บ้านสาง แล้วพบกับคนรักชื่อระริน...”
กินรีไม่ยอมถอดใจ
“แล้วที่คุณหมอเคยบอกรักผู้หญิงคนหนึ่งที่บ้านสางล่ะ จำได้ไหมคะ หน้ากากเจ้าแม่หน้าทอง วันแรกที่คุณหมอทำหน้ากากตกแล้วได้เจอกับเธอคนนั้น”
ภราดรฟังแล้วคิดตามในใจเริ่มคล้อยตาม แต่จำใจทำให้เป็นเหมือนเดิม
“ใช่...ฉันเอ่อ...” เขาเหมือนว่าจะจำได้แต่เปลี่ยนทันที “เธอเสียสติไปแล้วหรือไงหน้ากากอะไร เจ้าแม่อะไร ฉันไม่เคยรู้เรื่อง ถึงเรือนแล้ว ฉันอยากพักผ่อน”
ภราดรกับกินรีเดินมาจนถึงเรือนพักพอดี เขาหันหลังจะขึ้นเรือนแต่เธอเรียกเอาไว้
“เดี๋ยวค่ะหมอ”
กินรีจ้องหน้าอย่างน่าสงสาร แววตาทั้งคู่สบกันบ่งบอกถึงความรัก ภราดรเริ่มใจอ่อนและเผลอตัว ทั้งคู่เข้าสวมกอดกันไปสักพัก
“หมอ...หมอจำได้แล้วใช่ไหม หมอจำความรักของเราได้แล้ว”
ภราดรรู้สึกตัวสะดุ้งตัวตกใจผลักกินรีออกจากตัว กินรีเซไปและตกใจ
“กลับไปได้แล้ว” ภราดรทำเป็นไม่แยแส... “ไปให้พ้นเลย”
กินรีน้ำตานองหน้า เดินจากไปโดยไม่มีคำพูด ภราดรมองตาม เห็นปิ่นปักผมของกินรีตกอยู่ที่พื้น เขาเก็บขึ้นมา
หินนอนหลับอยู่ในบ้าน ส่วนแก้วนั่งซึมอยู่คนเดียวหน้าบ้าน เธอคิดถึงสมรักษ์ แววอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเดินออกมาเห็นแก้วนั่งเหม่อจึงทัก
“แก้ว...แก้ว...”
แก้วสะดุ้งหายจากอาการใจลอย
“อ้าว...แม่...หินล่ะ”
“โน่นหลับปุ๋ยติดข้างฝาอยู่โน่นแน่ะ ยังหัวค่ำแท้ๆ ท่าทางจะเพลีย”
แววนั่งลงข้างลูกสาว
“แล้วเอ็งทำไมมานั่งตรงนี้ล่ะ”
“ฉันไม่ง่วงเลยมานั่งคิดอะไรเพลินๆ”
แววเข้าใจความรู้สึกของแก้วดี
“คิดถึงหมวดหรือ”
แก้วไม่พูด แต่แววตามันฟ้อง แววปลอบใจแก้วแล้วให้สติ
“การที่เรารักใครสักคน แล้วคิดถึงเขามันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก”
“แต่หมวดเขามีพี่จงใจอยู่แล้วนี่แม่”
แววสายตาอ่อนโยนปลอบลูก
“เอ็งก็รู้ดีนี่”
แก้วน้ำตาซึม
“แต่ฉัน...หักใจไม่ได้”
“แม่เข้าใจเอ็งนะแก้ว เข้าใจว่าเอ็งรักเขาจริง แต่ความรักมันไม่จำเป็นต้องครอบครอง แค่เราเห็นคนที่เรารักมีความสุขเราก็ควรจะมีความสุข”
แก้วนิ่งและคิด
“เหมือนแม่กับลุงเสือหรือ...”
แววนิ่งแววตามีประกายและพูดความจริงให้ลูกสาวฟัง
“ใช่...แม่พอใจและยินดีที่จะยืนมองคนรักของแม่อยู่ห่างๆ เพราะแม่รู้ดีว่าไม่มีใครครอบครองหัวใจของพ่อเสือได้อีกแล้วนอกจากจันทร์แก้วแม่ของจงใจ”
แก้วนิ่งมองแม่แล้วรู้สึกว่าแม่เป็นคนดีมั่นคง
“มันก็คือการเสียสละใช่ไหมแม่”
“ใช้...ความรักที่แท้จริงคือการเสียสละ”
แก้วพยักหน้าเข้าใจแล้วก้มลงหนุนตักแม่
“ฉันคิดถึงแม่จังเลย ร้องเพลงกล่อมฉันหน่อยสิ”
แววยิ้มอิ่มเอม แล้วร้องเพลงกล่อมเบาๆ
“ไม่รู้ป่านนี้พี่จงใจจะเป็นยังไงบ้างนะ”
แก้วบอกอย่างรู้สึกเป็นห่วง
กินรีนั่งอยู่ที่หน้ากระจก มะค่าหวีผมให้แล้วชม
“พี่กินรีนี่ผมสวยจัง”
กินรียิ้มรับคำชม
มะค่าหวีเสร็จจึงรวบผมแล้วถามหาปิ่นปักผม
“ปิ่นล่ะ”
กินรีมองหาไปมาแล้วไม่เจอคิดไม่ออกว่าหายไปไหน
“เอ๊ะ...หายไปไหนนะ”
กินรีสงสัย
ปิ่นปักผมของกินรีที่ภราดรเก็บมาวางอยู่ข้างๆตะเกียงที่หัวเตียง ภราดรนอนลืมตามองเพดานอยู่ในใจครุ่นคิดถึงกินรีแล้วเอาปิ่นมาดูย่างเศร้าๆ
“ขอโทษนะกินรี”
ระรินนั่งเซ็งอยู่แล้วมองออกไปข้างนอก
“ถ้าเกิดเรารอถึงพรุ่งนี้แล้วไม่มีใครมาช่วยล่ะ”
จงใจนั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง
“เราก็ต้องรอต่อไป...รอจนกว่าจะมีคนมาช่วย”
“ดูเธอแน่ใจเสียเหลือเกินนะ”
จงใจบอกทันที...
“ฉันมั่นใจในครอบครัวพ่อและพี่น้องของฉัน เขาไม่มีวันทิ้งฉันแน่”
“ก็ดี...นี่ดึกขนาดนี้แล้วฉันออกไปสูดอากาศ ทำธุระส่วนตัวบ้างได้หรือยัง”
จงใจพยักหน้าอนุญาต
“ได้ แล้วรีบมาล่ะ”
“รู้แล้วน่า”
ระรินรีบออกไปทันที จงใจมองตามรู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนจะมีเรื่องเกิดขึ้น
ในแคมป์เสี่ยรงค์มีเต็นท์ตั้งอยู่หลายเต็นท์ มีไฟส่องสว่างโดยรอบ เสี่ยรงค์กับทุกคน นั่งดื่มและปรึกษากันอยู่
“ผู้กองแน่ใจหรือว่าตั้งแคมป์ศูนย์กลางที่นี่เหมาะแล้ว” เสี่ยรงค์สอบถามศักดา
“ที่นี่มันเป็นจุดต่อชายแดนฝั่งไทย มันไม่เสี่ยงเท่าไหร่ แต่ตอนที่เราลาดตะเวนเราก็จะข้ามไป”
เสี่ยรงค์รับรู้
“แล้วเสือใจล่ะ ได้ข่าวมันบ้างหรือยัง”
“ยัง...ใจเย็นๆสิ...ตอนนี้ทั้งตำรวจทั้งชาวบ้านต่างก็ไล่ล่ามันอยู่ ผมว่าบางทีอาจไม่ถึงเช้า ไอ้เสือใจมันอาจจะมานอนหมอบอยู่ตรงนี้ก็ได้”
ศักดาหัวเราะ เสี่ยรงค์พอใจ
“ให้มันได้อย่างนั้นสิ...ฉันจะตบรางวัลให้อย่างงาม อ้อ...ควรจะจับเป็นมันนะ ฉันอยากรู้อะไรบางอย่างจากมัน”
อองไชยหูผึ่ง
“เรื่องพลอยแดงนั่นใช่ไหม”
“ใช่...สำหรับฉันแล้วพลอยเม็ดนั้นมันคือตัวแทนของจันทร์แก้ว”
เสี่ยงรงค์แค้นๆเมื่อนึกถึงความหลัง อองไชยรู้สึกเบื่อๆ
“ฉันจะออกไปข้างนอกหน่อยเผื่อจะเจออะไรบ้าง”
“ตามสบาย ระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน”
อองไชยรับคำด้วยสายตาเข้มแล้วเดินหายไปในความมืด เสี่ยรงค์ดื่มต่ออย่างสบายใจ ตำรวจส่วนหนึ่งมาสมทบแล้วมาหาศักดาพร้อมรายงาน
“ตรวจสอบที่โบสถ์แล้วครับ ไม่พบใคร พบแต่รถของอนามัยสองคัน ครับ ที่โบสถ์มีร่องรอยการต่อสู้ แต่ไม่พบศพครับ”
ศักดามองไปที่รถของอนามัย เห็นว่ารถจอดอยู่ ศักดารับรู้ เสี่ยรงค์เป็นห่วงระริน
“พวกนั้นไปไหนกันหมดนะ”
“จัดกำลังออกค้นหาดู” ศักดาสั่ง
“ครับ”
ตำรวจรับคำสั่งแล้วรีบจากไป ศักดากับเสี่ยรงค์ครุ่นคิด
สมรักษ์นอนหลับสนิท จ่าชิตกับหมู่ก็เหมือนกัน ทั้งหมดนอนอยู่คนละมุม เสือใจนอนหลับแล้วลืมตาโพลงค่อยๆลุกขึ้นมา เขามองทุกคนแล้วเก็บอาวุธเดินออกไป ทุกคนนอนหลับไม่รู้เรื่อง
ระรินเดินออกมาข้างนอกอย่างสบายใจ
“เฮ้อ...ค่อยหายใจหน่อย อยู่ในนั้นอึดอัดจะตาย”
ระรินตรงเข้าไปในพุ่มไม้เพื่อทำธุระส่วนตัว ขณะที่นั่งซุ่มอยู่ ก็เห็นมีคนเดินมาสองสามคน เธอนิ่งแล้วระวังตัว
กลุ่มชายที่มาคือหัวหน้า และทหารว้าแดงที่ออกมาติดตามหาเธอกับจงใจ ระรินรำพึงเบาๆ
“ตายแล้ว”
ระรินพยายามจัดกางเกงให้เข้าที่อย่างช้าๆและระวัง พวกทหารเดินมาหยุดหน้าพุ่มไม้พอดี หัวหน้าบ่นอุบ
“เฮ้อ...นี่ต้องตามหามันถึงเช้าเลยหรือ คอยดูนะถ้าเจอแม่จะจูบให้หายแค้นเลย”
“แบ่งฉันด้วยนะ...เอ...แถวนี้มันเหม็นๆอะไรวะ”
ทหารทุกคนทำจมูกฟุดฟิด
“จริงด้วย เหม็นเหมือนฉี่แรด”
หัวหน้าพยายามจะมาตามกลิ่น
“กลิ่นมันอยู่แถวนี้แหละ”
ระรินหน้าเสียคิดหาทางออก แล้วตัดสินใจหยิบก้อนหินโยนไปอีกด้านหนึ่ง เกิดเสียงสวบสาบ ทหารทุกคนหันไปด้วยความไว แล้ววิ่งไปตามเสียง
“นั่น ทางนั้น”
ระรินโล่งใจแล้วลุกขึ้นย่องเดินไปอีกทางหนึ่ง
สมรักษ์ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก เขามองไปรอบๆเห็นจ่าชิตและหมู่นอนหลับอยู่ แต่ไม่เห็นเสือใจ
“เสือใจ...”
สมรักษ์รีบลุกไปดูพบว่าอาวุธและข้าวของเสือใจหายไปแล้ว เขารีบไปปลุกจ่าชิต
“จ่า หมู่ ตื่นเร็ว”
จ่าชิตและหมู่ตื่นมาพร้อมกัน
“มีอะไรหรือหมวด”
“เสือใจ หายไป”
จ่าชิตครุ่นคิดแล้วเข้าใจ ยิ้มออกมา
“นึกอยู่แล้วว่าไอ้ใจต้องมาไม้นี้”
สมรักษ์งงๆ
“จ่าหมายความว่ายังไง”
“มันออกไปตามลูกสาวมันแล้วล่ะ”
สมรักษ์แปลกใจและไม่เข้าใจ
“อ้าว...ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ”
“ไอ้ใจมันคงไม่อยากให้พวกเราเดือดร้อนมั้ง หรือไม่มันก็หวงลูกสาวไม่อยากให้หมวดไปยุ่ง”
จ่าชิตหัวเราะ หมู่เสริมเข้ามา
“ตกลงหมวดชอบลูกสาวเสือใจหรือ”
สมรักษ์เขินและเซ็งก่อนจะกลบเกลื่อน
“ใครบอก ลูกสาวเสือใจมาชอบผมต่างหาก...”
สมรักษ์ถอนหายใจ
“เสือใจนี่จริงๆเลย...นึกว่าตัวเองแน่นักหรือ ไปจ่า...”
จ่าชิตงง
“ไปไหน”
“เสือใจไปตามลูกสาวได้ ผมก็ไปตามแฟนผมได้เหมือนกัน...ไป”
จ่าชิตยิ้มแล้วส่ายหัว ในความทิฐิของทั้งคู่ ทั้งหมดเก็บของแล้วเดินทางไป
เสือใจลอบแกะลอยมาตามป่าแล้วคิดว่าจงใจน่าจะอยู่ที่ไหน
“จงใจน่าจะไปซ่อนที่ไหนนะ”
เสือใจใช้ความคิดสักครู่แล้วคาดเดา
“แถวนี้เป็นทิวเขาสูงน่าจะมีซอกถ้ำบ้างสินะ”
เสือใจเดินทางต่อไป
จงใจอยู่ในถ้ำแล้วรู้สึกเป็นห่วงระริน เธอออกมาสังเกตที่หน้าซอกถ้ำ
“ระรินไปไหนของเขานะ...”
จงใจกังวลใจ
จบตอนที่ 12