xs
xsm
sm
md
lg

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 15

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หยกเลือดมังกร ตอนที่ 15

ค่ำนั้น...ธงรบขับรถมาตามถนนเปลี่ยวๆเส้นหนึ่ง ระหว่างนั้นมีรถจอดเสียข้างทางเปิดไฟฉุกเฉิน เขาจอดรถแล้วลงไปสอบถามเรื่องความช่วยเหลือเพราะเห็นว่าเป็นหญิงสาวคนเดียว

“รถเป็นอะไรเหรอครับคุณ”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ขับมาดีๆก็ดับไปเอง”
“งั้นเดี๋ยวผมดูให้ครับ”
ธงรบลงจากรถแล้วเข้าไปช่วยดูที่หน้ารถซึ่งเปิดฝากระโปรงคาเอาไว้ แต่ก้มดูเครื่องได้ครู่ก็รู้สึกผิดสังเกตเพราะ เหมือนมีคนแอบเข้ามาข้างหลัง พอหันขวับไปก็เจอเก่งยิ้มร้ายพร้อมกับปืนที่จ่อตรงหน้า
“น่าเสียดายนะหมวด เป็นคนดีมีน้ำใจ แต่ผิดที่ผิดทางไปหน่อย”
เก่งพยักหน้าให้หญิงสาวที่จ้างมาออกไป ธงรบคิดจะฮึดสู้ แต่ถูกเล่นงานจนทรุด
“อ๊ะๆๆ อย่าดีกว่าครับหมวด...ว่าง่ายๆจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวมาก”
เก่งเข้าไปชกเข้าที่ลิ้นปี่แล้วจิกหัวธงรบมากระแทกกับเข่า ธงรบหมดสติไป

หยกยืนอยู่ที่ดาดฟ้าหน้าเครียดเพราะต้องตัดสินใจทำเรื่องเสี่ยงต่อชีวิตธงรบ ดุจแพรเข้ามาหา
“หยก...คืนนี้ฉันค้างกับเธอที่นี่นะ”
“จะดีเหรอครับคุณแพร...ผมว่าคุณน่าจะกลับไปนอนที่คอนโด”
“ไม่เอาหรอก ฉันไม่ไว้ใจป๋า ถ้าเธออยู่คนเดียว ป๋าอาจจะส่งลูกน้องมาทำอะไรเธออีกก็ได้”
“แต่ที่นี่มันไม่สะดวก”
“ฉันบอกเธอแล้วไง ฉันตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตร่วมกับเธอแล้ว ต่อให้ต้องอยู่อย่าง ลำบากขนาดไหนฉันก็อยู่ได้ ขอแค่มีเธออยู่ข้างๆฉันก็พอ”
ดุจแพรพูดไปก็เข้าไปสวมกอดเขาอย่างอบอุ่นรักใคร่ หยกนิ่งไปครู่ด้วยความสงสารหญิงสาว
“แต่ที่นอนผมเล็กนิดเดียว ผมยกให้คุณแล้วกัน ส่วนผมจะเอาผ้าใบมานอนข้างนอก”
“จะดีเหรอ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
“ถ้าแค่เจอลมเจอน้ำค้างแค่นี้แล้วทำให้ผมไม่สาย แล้วต่อไปผมจะดูแลคุณแพรได้ยังไง”
หยกพูดไปก็ลูบหัวอย่างเอ็นดู ดุจแพรยิ้ม ยิ่งกอดเขาแน่น
“ฉันตัดสินใจไม่ผิดจริงๆที่ยกทั้งชีวิตของฉันให้อยู่ในมือเธอ...” ดุจแพรดีใจอยู่ครู่แล้วนึกขึ้นได้ “เอ้อ ฉันเกือบลืมไป ที่บ้านฉันเธอไปตกลงอะไรกับป๋า เขาถึงยอมปล่อยเราออกมา”
หยกนิ่งไปครู่ ดุจแพรสงสัย
“หยก...คนอย่างป๋าไม่เคยเสียอะไรไปง่ายๆ ถ้าเขาบังคับให้เธอทำอะไรที่มันผิด อยู่ เธอไม่จำเป็นต้องทำตาม และไม่จำเป็นต้องไปเกี่ยวข้องกับเขาอีก”
“คุณหนูคิดมากแล้ว...ผมก็แค่บอกเสี่ยว่า ผมจะดูแลลูกสาวเสี่ยให้ดีที่สุดก็แค่นั้น”
“จริงนะหยก”
“จริงสิครับ” หยกแกล้งหาว “ผมง่วงจังเลยครับ...ไปนอนกันเถอะ”
ชายหนุ่มโอบไหล่พาหญิงสาวกลับเข้าไปในที่พัก

ธงรบหมดสติคอพักถูกจับมัดอยู่กับเก้าอี้ เก่งเอาน้ำสาดใส่หน้าทีเดียวเขาสะดุ้งรู้สึกตัว พอลืมตาได้ก็ เห็นตงเดินเข้ามา
“แก...ไอ้...ไอ้เสี่ยตง...” ธงรบคลั่งเจ็บใจ “แน่จริงก็มาตัวๆกันสิเว้ย ไอ้หมาลอบกัด”
ธงรบโวยวายโมโหพยายามดิ้นจากเชือกที่มัด แต่ทำอะไรไม่ได้
“จุ๊ๆๆ หมวด...ไม่เอาน่า วันนี้ผมอารมณ์ดี ปกติแล้วถ้าใครเรียกหมาบ้าตงว่าหมาลอบกัด ถ้ามือไม่ขาด เท้ามันไม่ด้วน ก็ต้องโดนกระซวกให้ร้องทรมานจนกว่าจะตาย”
“ก็เอาสิวะ...อย่าดีแต่เห่า เพราะถ้าแกพลาดปล่อยให้ฉันรอดไปได้เมื่อไหร่ แกได้เป็น หมาเน่าแก่ตายในคุกแน่”
ตงจิกหน้าเจ็บใจเข้าไปกระชากหัวมาจ้องหน้า
“ปากหมาๆอย่างแก...ชักจะทำให้ฉันเริ่มอารมณ์เสียแล้ว ไอ้เก่ง!”
เก่งรู้ว่าตงต้องการอะไรเลยเข้ามาที่ธงรบ ยิ้มเหี้ยมหักนิ้วดัง...กร๊อบ! ก่อนจะระดมประเคนหมัดสั่งสอน

ผู้การสมิงมารอหยกที่ดาดฟ้า ไม่นานนักหยกเดินออกมา
“ลูกสาวเสี่ยตงล่ะ”
“หลับไปแล้วครับ แล้วของที่ผมขอให้ท่านเตรียมไว้ให้ผมล่ะครับ”
ผู้การสมิงมองหยกแล้วเอาปืนพกที่เตรียมมายื่นให้ หยกรับปืนมาจากมือผู้การที่ยังไม่แน่ใจไม่ยอมปล่อยมือ
“ฉันไม่ค่อยแน่ใจกับแผนการแบบนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันช่วยธงรบเถอะ”
“ไม่ได้ครับท่าน ถ้าทำแบบนั้นเท่ากับท่านจะถูกเผยตัวไปด้วย ผมว่าปล่อยให้เสี่ยตงคิดว่าหมวดธงรบอยู่เบื้องหลังงานนี้เองดีกว่า”
ผู้การสมิงนิ่งไป ก่อนจะยอมปล่อยมือให้หยกเอาปืนไปใช้
“ถ้าเธอมั่นใจ...ฉันก็คงต้องรออย่างเดียว”
“ครับ...ถึงเขาจะเหม็นขี้หน้าผม แต่ผมจะไม่ยอมให้ตำรวจต้องตายเพราะพวกมาเฟียอีก”
หยกเหน็บปืนเข้าหลังเอวแล้วเดินหน้าตาจริงจังออกไป ผู้การสมิงมองตามอย่างหนักใจ

ธงรบถูกเก่งอัดซะจนเลือดกลบปาก สภาพสะบักสบอมเต็มที่
“แค่...แค่นี้เองเหรอวะที่พวกเลวๆอย่างแกทำได้...กระจอกว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ”
ธงรบเค้นหัวเราะออกมาทับถมพวกมัน เลยยิ่งกระตุ้นต่อมโมโหของเก่งจะซ้ำให้หนัก แต่ตงห้ามไว้
พอได้แล้วไอ้เก่ง...มันก็แค่อยากยั่วโมโหเราเท่านั้น ฉันยังไม่อยากให้มันตายด้วยมือแก”
“แกจะให้ฉันตายด้วยฝีมือใครมันก็ไม่ต่างหรอกไอ้เสี่ยตง เพราะถึงยังไงที่แกเอาไปได้ ก็แค่ชีวิตฉัน แต่ตำรวจอีกเป็นร้อยเป็นพันจะตามล่าแก”
“แกมั่นใจว่าพวกเดียวกับแกจะมาช่วยแก้แค้นให้ขนาดนั้นเลยเหรอ ฮ่าๆๆ...งั้นฉันคง ต้องบอกแกแล้วล่ะว่าคนที่จะมาฆ่าแกมันเป็นใคร”
“ใคร”
ตงยิ้มร้ายเจ้าเล่ห์ก่อนจะขยับถอยออกมา หยกเดินเข้ามา ธงรบชะงัก
“ไอ้หยก!”
ตงมองหยกกับธงรบที่มองหน้ากัน แล้วพยักหน้าให้ลูกน้องเข้าไปประกบหยกล็อคตัวเอาไว้
“ลากมันมานี่”
พวกลูกน้องลากหยกเข้ามาประจันหน้ากับธงรบ ทั้งคู่ต่างมองหน้ากัน
“มองหน้ากันแบบนี้แสดงว่าพวกแกสองคนรู้จักกันจริงๆ คนหนึ่งเป็นตำรวจไฟแรง ส่วนอีกคนเป็นกุ๊ยฝีมือดี ขาวกับดำแบบนี้มันไม่มีทางรู้จักกันได้หรอกถ้าไม่ใช่พวกเดียวกัน”

หยกพูดขึ้นเรียบนิ่ง

“ผมบอกเสี่ยแล้วไง ผมไม่ได้เป็นพวกเดียวกัน เขาต่างหากที่ตามรังควาญผม พยายาม ยื่นข้อเสนอให้ผมเป็นสายให้”

ธงรบอึ้ง
“ไอ้หยก...นี่แก”
ตงเข้าไปจิกหัวธงรบถาม
“ว่าไงหมวด...ที่คนของผมพูดมาจริงหรือมั่วนิ่ม”
ธงรบจ้องหน้าอย่างเคียดแค้นหยก
“ไอ้สารเลวหยก...ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะลิ้นสองแฉก แกมันชาติชั่ว ชาตินี้แกไม่มีวันได้ตายดีแน่”
ตงหัวเราะ
“ฮ่าๆ!...งั้นก็แสดงว่าฉันควรจะต้องเชื่อตามที่แกบอกมาใช่มั้ยไอ้หยก”
“ครับเสี่ย และตามที่เราตกลงกันไว้ ผมจัดการกับเสี้ยนหนามของเสี่ยแลกกับคุณแพร เป็นของผม”
ตงนิ่งมองหยก ธงรบได้ฟังเหตุผลของหยกก็ยิ่งคลั่ง
“แกตีสองหน้ากับฉันเพื่อจะได้เป็นลูกเขยมาเฟีย...ไอ้หยก ! ไอ้สันดานเอ้ย แกมันเลวเข้าสายเลือดแล้ว ปล่อยให้มันมาซัดตัวๆกับฉัน ปล่อยสิเว้ย...ปล่อย”
ธงรบดิ้นและร้องโวยวายไม่หยุด เก่งหันไปถามความเห็น
“เอาไงครับเสี่ย”
“ฉัน...ชอบดูหมากัดกันอยู่แล้ว...ฮ่าๆ!” ตงหัวเราะชอบใจ

ธงรบถูกแก้มัด ปล่อยตัวออกมาอยู่ท่ามกลางวงล้อมของพวกตง โดยมีหยกยืนเตรียมพร้อม
“หมาจนตรอกที่ไม่มีทางรอดมันจะพยายามดิ้นรนก่อนตาย ในเมื่อแกอยากอัดไอ้หยก ฉันก็จะให้ โอกาสแกได้ดิ้นรนดู”
ธงรบจ้องหน้าหยกอย่างดุดันและโกรธแค้น ตงตบบ่าหยกแล้วบีบแรง
“กระทืบมันซะ ให้ฉันเห็นว่า ฉันคิดไม่ผิดที่ต้องตามใจลูกสาวยอมให้แกสองคนคบกัน”
ตงผลักหยกเข้าไปในวง ธงรบปรี่เข้าไปซัดหมัดใส่ทันที รัวหมัดราวกับพายุจนหยกตั้งตัวไม่ ทันโดนไปหลายดอกจนเซล้ม ธงรบตามมาจะซัดต่อแต่ก็ถูกหยกเตะตัดขาจนล้มแล้วตามไปประเคน หมัด เข่า ศอก ครบเครื่องชุดใหญ่จัดเต็ม ธงรบโดนไปจนซวนเซท่ามกลางเสียงเชียร์ของพวกลูกน้องตง หยกเข้าไปกระชากคอธงรบขึ้นมาแล้วใช้ โอกาสนี้บอกให้ธงรบรู้ตัว
“เลิกพยายามสู้กับผมได้แล้วหมวด ไม่งั้นจะไม่มีโอกาสรอด”
“แกไม่ต้องมาทำพูดดีเลย...ไอ้อสรพิษ ไอ้ลิ้นสองแฉก”
ธงรบเหวี่ยงหมัดใส่ทั้งๆตัวเองแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง หยกเอี้ยวตัวหลบหมัดแล้วซัดกลับ กระชากคอมาพูดต่อ
“ผมพูดจริงๆนะหมวด...คุณต้องไว้ใจผม คุณถึงจะรอด”
“ไว้ใจแกเหรอ เหมือนอย่างที่กิ่งเหมยไว้ใจแก แล้วถูกแกทำร้ายจนหัวใจเธอแหลก เหลวไม่มีชิ้นดีน่ะเหรอ”
ธงรบใช้หัวโขกใส่หน้าอย่างแรง จนหยกผงะ ธงรบยืนโงนเงนตั้งการ์ดพร้อมสู้ เมื่อโถมตัวเข้าใส่หยกจึงจับธงรบ กดลงพื้นแล้วยืนยันจริงจัง
“ฟังผมให้ดีนะหมวด...ผมไม่มีทางเลือก ถ้าหมวดอยากรอด หมวดต้องหนี”
ธงรบแปลกใจ
“แกหมายความว่ายังไง”
ขณะเดียวกันนั้นตงตะโกนขึ้น
“เฮ้ย ไอ้หยก...พอได้แล้ว ฉันขี้เกียจดูแกกระทืบมันแล้ว ฆ่ามันซะ!”
หยกกับธงรบชะงักมองหน้ากัน
“คุณต้องไว้ใจผมนะหมวด”
หยกจ้องหน้าธงรบแล้วใช้สายตาเป็นการสื่อสารว่านี่คือโอกาสเดียวที่จะรอด ธงรบตัดสินใจเสี่ยงตามที่หยกใช้สายตาบอก ชกหน้าหยกจนผงะแล้วรีบวิ่งหนี เก่งกับพวกลูกน้องรีบชักปืน
“ไม่ต้อง!...มันหนีไม่รอดหรอก ฉันรับปากเสี่ยแล้วมันต้องตายด้วยมือฉัน”
หยกชักปืนที่เหน็บหลังเอวซึ่งได้มาจากผู้การสมิงออกมาแล้วเล็งไปที่ธงรบที่พยายามวิ่งหนีแต่ล้มลง ตงตะโกนลั่น
“ฆ่ามัน !”
หยกพยักหน้ารับแล้วลั่นไกใส่ธงรบทันที...เปรี้ยงๆ! ธงรบหันมาโดนหยกยิงใส่อกจนเลือดท่วมตัว
“ไอ้...ไอ้...ไอ้หยก!”
ธงรบล้มลงแน่นิ่งเลือดเต็มตัว ตงกับเก่งเดินเข้ามาดูที่ร่างของธงรบพอเห็นสภาพก็หัวเราะชอบใจ
“ฮ่าๆ!...ทำดีมากไอ้หยก วันไหนที่ฉันได้เห็นตำรวจตายต่อหน้าต่อตา มันคือวันที่ฉันมี ความสุขที่สุด ไอ้เก่ง...แกกับไอ้หยกจัดการศพมันด้วย”
“ครับเสี่ย”
ตงเดินออกไปพร้อมกับพวกลูกน้อง ทิ้งหยกให้ยืนมองร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดของธงรบ

เก่งกับหยกช่วยกันแบกร่างของธงรบเข้ามาที่กองยางรถยนต์ที่ถูกเตรียมเอาไว้สำหรับเผาอำพราง เก่งเอาแกลลอนน้ำมันมาเทรอบๆจนหมดแกลลอนแล้วเอาไฟแช็คขึ้นมาเตรียมจุดไฟเผา
“อยากอวดเก่งนักนะไอ้หมวดธงรบ เป็นขี้เถ้าอยู่แถวนี้นั่นแหละเหมาะกับแกแล้ว”
เก่งจุดไฟแช็คจะโยนลงน้ำมัน แต่หยกจับมือเก่งเอาไว้
“เดี๋ยว...ฉันอยากเผามันด้วยมือฉันเอง”
เก่งนิ่งมองหยกอยู่ครู่เหมือนจะสงสัยแต่ไม่มีอะไร
“ก็ได้...แกอาจยังไม่สะใจที่ได้ฆ่ามัน ตามใจแล้วกัน ยังไงวันนี้แกก็พ้นข้อสงสัยของเสี่ยแล้ว”
เก่งให้ไฟแช็คกับหยก ตบบ่าแล้วเดินออกไป หยกหันไปมองเก่งหน้าเคร่งเครียดก่อนจะหันไปที่ร่างของธงรบ

ผู้การสมิงจอดรถรออยู่ที่ริมทางอยู่กับณรงค์
“ป่านนี้ไอ้หยกยังไม่พาหมวดธงรบมาอีก หรือว่าแผนการจะผิดพลาดถูกพวกมันจับได้”
“หยกบอกให้ฉันมั่นใจว่าเขาจะไม่ทำพลาด ฉันต้องเชื่อใจเขา”
“แต่ถ้าช้ากว่านี้ ผมกลัวว่าเราจะช่วยชีวิตหมวดเขาไม่ทันน่ะสิครับ”
สมิงหน้าเครียดๆลุ้นเหมือนกับที่ณรงค์คิด ระหว่างนั้นเองหยกก็ประครองร่างของธงรบที่หายใจรวยรินเลือดท่วม ตัวเข้ามาอย่างรีบร้อน
“ผู้การครับ...ผู้การ!”
“หยก...ธงรบเป็นยังไงบ้าง”
“ผมต้องเสียเวลาหลอกล่อให้พวกมันตายใจว่าผมฆ่าเขาแล้วจริงๆ อาการตอนนี้ไม่ดีเลย ผู้การรีบพาเขาไปเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันช่วยเขา”
“หมวด...รีบพาธงรบไปเร็ว”
ณรงค์รีบเข้าไปช่วยประครองพาธงรบเข้าไปในรถ ผู้การสมิงเข้ามาตบบ่าหยก

“ขอบใจมากนะหยก ฉันเองก็จะปล่อยให้ธงรบตายไม่ได้เหมือนกัน”

ผู้การสมิงบอกหยกแล้วรีบไปที่รถขับพาธงรบออกไปทันที หยกมองตามแล้วเอาปืนที่ใช้ยิงธงรบขึ้นมามอง ก่อนจะนึกถึงสิ่งที่เขาโทรหาผู้การสมิงก่อนหน้านี้...
 

“แต่มันไม่ใช่แค่นั้นแล้วครับผู้การ เสี่ยตงสงสัยว่าผมเป็นสายให้หมวดธงรบ ถ้าผมไม่ ฆ่าเขาต่อหน้าเสี่ยตง ผมก็จะเป็นฝ่ายถูกเสี่ยตงฆ่าเอง...ผมไม่มีทางเลือกให้ตัดสินใจ คงต้องขอให้ผู้การช่วยเตรียมปืนที่ลดดินปืนลง เปลี่ยนหัวกระสุนเป็น.22 ถ้าโชคเข้า ข้างหมวดจะไม่ตายด้วยน้ำมือผม”

เที่ยงคืนกว่าแล้ว หยกมาเคาะประตูเรียกคมทวน
“ใครวะ...มาดึกๆดื่นๆ”
คมทวนลุกจากที่นอนเดินไปเปิดประตู แล้วก็แปลกใจที่เห็นหยกมาเอาเวลานี้
“ไอ้หยก...มีเรื่องอะไรเหรอวะ เอ็งถึงมาดึกๆดื่นๆแบบนี้”
“ไม่มีอะไรหรอกพ่อ...คืนนี้ฉันขอค้างที่นี่ได้มั้ย”
“แล้วบ้านเอ็งล่ะ...ทำไมไม่กลับไปนอน”
หยกนิ่งไปครู่แล้วตอบเลี่ยงๆพร้อมเดินเข้าไปข้างใน
“พ่อนี่ก็ถามแปลก เมื่อก่อนชอบสั่งให้ฉันย้ายข้าวของกลับมาอยู่ด้วยกัน พอถึงเวลาฉัน จะมาอยู่ด้วยดันไล่ไม่ให้ฉันมา...เอ๊ะ...หรือว่าพ่อนอกใจแม่ ซุกผู้หญิงไว้ในบ้าน”
หยกทำกวนๆเปิดผ้าห่ม เปิดตู้หากิ๊กพ่อ
“ไอ้เวร !! ข้ามันปูนนี้แล้ว จะพาผู้หญิงที่ไหนมาซุกได้วะ”
“อย่างพ่อไม่ได้เรียกว่าแก่สักหน่อย แถมหน้าตาก็ยังหล่ออยู่ ฉันพอจะได้ยินมาบ้างนะ ว่าเจ๊นิดขายข้าวมันไก่น่ะ ชอบแถมให้พ่อเป็นพิเศษ ความดันพ่อยังไม่หายเจอมันส์ๆ เข้าไปเยอะๆ ระวังจะจุกอกนะ ฮ่าๆ!”
“ไอ้หยก...ไอ้ปากเสีย นี่พ่อเอ็งนะเว้ย ไม่ใช่เพื่อนเล่น”
“ฉันล้อเล่นน่าพ่อ รู้อยู่แล้วว่าพ่อรักแม่แค่คนเดียว” หยกทำเป็นหาว “ฉันง่วงแล้ว ขอไปอาบ น้ำนอนก่อนนะ”
หยกเดินเข้าไปอย่างเนียนๆ คมทวนมองตามลูกชายแล้วยิ้มดีใจที่ลูกชายมาอยู่ด้วยจนลืมเรื่องสงสัยไปเลยว่า ทำไมหยกถึงมานอนที่นี่

ดุจแพรนอนอยู่คนเดียวบนที่นอนของหยก สักพักเธอรู้สึกว่าอากาศเย็นแม้จะห่มผ้าห่มแล้ว จนทำให้รู้สึก ตัวตื่น เมื่อมองเวลาพบว่าเกือบจะตีหนึ่งแล้ว
“คืนนี้หนาวจังเลย...ตายแล้ว หนาวขนาดนี้หยกไม่สบายแน่”
ดุจแพรรีบออกมาตามหยก
“หยก...เข้าไปนอนข้างในเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
ดุจแพรเรียกหาแต่ไม่เจอเห็นเพียงเตียงผ้าใบที่ว่างเปล่า
“หยก...หยก...”
ดุจแพรเรียกหาแต่ก็ไม่มีเสียงตอบ และเพิ่งจะเห็นกระดาษโน้ตโพสต์อิทเขียนติดไว้ใกล้ๆ
“ผมมีงานต้องไปทำ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
ดุจแพรอ่านแล้วเริ่มผิดปกติสงสัย
“อีกแล้วเหรอ”

วันใหม่...หยกพับที่นอนเก็บให้พ่อระหว่างนั้นคมทวนเข้ามาบอก
“ไอ้หยก เอ็งอย่าเพิ่งกลับนะ เดี๋ยวพ่อไปตลาดซื้อสะเดามาน้ำปลาหวานกับปลาดุกให้”
“ไม่ต้องหรอกพ่อ ยุ่งยากเปล่าๆ”
“จะไปยุ่งอะไรวะ ของโปรดเอ็งไม่ใช่เหรอ ทำทีไรกินเกลี้ยงทุกที”
คมทวนจะออกไปแต่หยกตามไปเรียก
“เดี๋ยวก่อนพ่อ”
“เอ็งอยากกินอะไรอีกล่ะ”
“ไม่หรอกพ่อ...ฉันแค่...” หยกรู้สึกผิด “ฉันอยากขอโทษพ่อเรื่องที่...”
“เรื่องยาเสพติดที่เอ็งกวาดล้างไอ้พวกมาเฟียไม่ได้น่ะเหรอ”
หยกพยักหน้ารับ
“เอ็งทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว ถึงครั้งนี้จะพลาด แต่พวกทำชั่วทำเลว ยังไงสักวันกรรม ก็ต้องตามทัน พ่อขออย่างเดียว แค่เอ็งปลอดภัย พ่อก็ดีใจ”
“แต่ฉันสัญญากับพ่อไว้ว่าจะพาพ่อไปอยู่ด้วยกันที่บ้านเก่าแม่”
“พ่อรอเอ็งได้ เพราะพ่ออยากเห็นเอ็งกวาดล้างพวกมาเฟีย ส่งพวกมันเข้าคุกเข้าตะราง ให้สิ้นซาก มันจะได้ไม่ออกมาทำร้ายใครได้อีก เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับแม่เอ็ง พ่อไปล่ะ เดี๋ยวตลาดจะวาย”
คมทวนเดินออกไป หยกหันมาเก็บที่นอนต่อ...กิ่งเหมยใช้ไม้เท้านำทางเดินเข้ามาที่บ้านคมทวนพร้อมหิ้วกระติกใส่น้ำซุปมาด้วย และมองไม่เห็นคมทวนที่เพิ่งเดินออกจากบ้านไป
“น้าคมทวนจ้ะ...น้าคมทวน”
กิ่งเหมยเรียกอยู่ที่หน้าบ้าน หยกเดินออกมามองแล้วไม่พูดอะไรเอาแต่เงียบ

ดุจแพรคุยกับอ่างและสลึงอยู่ที่ร้านมอเตอร์ไซค์
“พวกผมไม่รู้หรอกครับ ไอ้หยกมันจะไปทำอะไร ที่ไหนมันไม่เคยบอกเราเลย”
“แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะ เวลาฉันอยู่กับเขาทีไร เขาต้องแอบหายไปต้องทุกที”
อ่างส่ายหน้า
“นิสัยมันเป็นอย่างนี้แหละครับ ขนาดมันจะคบกับคุณแพร มันยังไม่บอกพวกเราเลย อยู่ๆก็ชวนมาอยู่ด้วยกัน ทำเอาพวกผมตกใจแทบแย่”
ดุจแพรสงสัย
“พวกน้าสนิทกับเขา หยกไม่เคยพูดเรื่องฉันให้ฟังเลยเหรอ”
อ่างจะตอบแต่โดนสลึงตบกบาลแรงๆทันที
“เฮ้ย...ตบกบาลข้าทำไมวะไอ้สลึง”
“ข้าเห็นแมงวันที่หัวเอ็ง ปากมันโป้ง ข้าเลยต้องตบ”
“แมงวันอะไรของเอ็งวะปากโป้ง”
“อยากรู้เหรอ เดี๋ยวพาไปดู” สลึงยิ้มกับดุจแพร “ขอตัวนะครับคุณแพร”
สลึงล็อคแขนอ่างแล้วพาเดินออกไปข้างนอก ดุจแพรมองตามสงสัยแต่ไม่ได้ติดใจอะไรมาก...อ่างตามสลึงออกมาที่ด้านหลังร้าน
“ไอ้สลึง...พูดมาให้เคลียร์นะเว้ย ถ้าเอ็งหาเรื่องตบกบาลข้าเล่น ข้ากระทืบเอ็งไส้แตกแน่”
“โธ่...ไอ้ฟายเอ้ย...ข้าต้องตบให้เอ็งหยุดพล่าม เพราะเอ็งจะทำให้ไอ้หยก มันตกที่นั่งลำบาก”
“แกพูดอะไรวะ เข้าใจยาก...ไม่เอาแล้วเว้ย”

“ไอ้ฟายเอ้ย...เอ็งเลี้ยงไอ้หยกมา เอ็งไม่รู้จักนิสัยมันเหรอวะ”

สลึงทักไปเลยทำให้อ่างชะงักฉุกคิดขึ้นมาได้ก่อนจะหันไปมองดุจแพรที่นั่งหน้าเศร้า

“เออ...จริงด้วยว่ะ เวลาที่ไอ้หยกมันรักใคร มันแทบจะถวายชีวิตให้ คอยดูแลไม่ให้ห่างตา ไม่มีทางที่จะปล่อยให้นอนคนเดียวเด็ดขาด”
อ่างและสลึงมองดุจแพรอย่างสงสาร

กิ่งเหมยคิดว่าคมทวนอยู่ในบ้านไม่รู้ว่าเป็นหยก
“อาม่าต้มซุปยาจีนไว้เยอะ ก็เลยเผื่อมาให้น้าด้วยจ้ะ”
กิ่งเหมยยื่นให้ แต่หยกยืนมองนิ่งจนกิ่งเหมยแปลกใจ
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ซุปยาจีนของอาม่าบำรุงดีนะ น้ายิ่งเป็นความดันอยู่ ยิ่งต้องระวัง เรื่องอาหารการกิน รับไปสิจ๊ะน้า”
หยกตัดสินใจรับมาจากกิ่งเหมย เพื่อไม่ให้เธอผิดสังเกต
“กินตอนร้อนๆนะจ๊ะน้า...จะได้อร่อย ฉันไปล่ะ”
กิ่งเหมยจะกลับ แต่หยกอยากอยู่ใกล้ๆเธออีกเลยต้องหาทางรั้งเอาไว้ หันไปหันมาก็รีบไปคว้าผ้าขน หนูผืนเล็กๆมาปิดปากแล้วไอเสียงดังผ่านผ้าขนหนู กิ่งเหมยชะงัก
“น้า...น้าไม่สบายเหรอ”
หยกไอผ่านผ้าเช็ดหน้าแล้วตอบเสียงอู้อี้
“น้า...น้าเป็นหวัดน่ะ”
“เป็นหวัดเหรอ...มิน่าล่ะน้าถึงไม่ยอมพูดกับฉันเลย แล้วน้ากินยารึยัง ตัวร้อนมากรึเปล่า”
หยกชะงักพยายามใช้ความคิดหลอกให้กิ่งเหมยอยู่กับเขาหันไปเห็นกระติกที่ใส่น้ำซุปร้อนๆ เขาตัดสินใจหยิบ กระติกมาแตะที่หน้าผาก กระติกร้อนมากจนเขาแทบจะร้องออกมาแต่ต้องกลั้นเอาไว้
“ขอโทษนะจ๊ะน้า...ขอฉันแตะหน้าผากน้าหน่อยนะจ๊ะ”
กิ่งเหมยยื่นมือแตะหน้าผากที่ไม่รู้ว่าเป็นหยก พบว่าตัวร้อนมาก
“น้าตัวร้อนจังเลย...เดี๋ยวฉันไปตามน้าอ่างมาพาน้าไปโรงพยาบาลนะ”
หยกรีบดึงแขนกิ่งเหมยไว้แล้วไอกลบเกลื่อน
“ไม่ต้องหรอก...เช็ดตัวกินยา เดี๋ยวก็หาย...”
หยกทำเป็นไอ
“งั้น...เดี๋ยวฉันเอาผ้าชุบน้ำมาให้น้านะ”
กิ่งเหมยใช้ไม้เท้าช่วยคลำทางเดินเข้าไปในบ้าน หยกมองตามอย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษนะกิ่งเหมย...ฉันไม่อยากโกหกเธอ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ฉันก็คงไม่ได้อยู่ใกล้เธอ”

บริเวณตรอกศาลเจ้า มานพยืนรออยู่ครู่ ชาญก็พาตัวกิจชัยเข้ามา
“นี่น่ะเหรอเจ้านายแก”
กิจชัยมองมานพหัวจรดเท้าเห็นท่าทางรวยดีก็ชอบใจ รีบยกมือไหว้ท่วมหัว
“สวัสดีคร้าบ...เจ้านาย อยากเรียกใช้ผมให้ทำอะไรสั่งมาได้เลยนะครับ ขออย่าง เดียวเงินต้องถึง จ่ายสดๆแบบเต็มๆ ไม่มีตามเก็บทีหลัง”
มานพมองหัวจรดเท้าแล้วไม่ชอบ
“หน้ากุ๊ยข้างถนนอย่างมันเนี่ยนะ แกหาที่ไว้ใจได้ไม่มีแล้ว เหรอวะไอ้ชาญ”
มานพไม่พอใจจะเดินออกไป แต่กิจชัยคว้าหมับที่ไหล่
“เดี๋ยว คิดว่าหน้าตาดีแล้วจะมาจิกหัวด่าแบบนี้ได้เหรอวะ ไม่รู้จักไอ้กิจชัยซะแล้ว”
กิจชัยเหวี่ยงหมัดใส่แต่มานพใช้มือเดียวรับหมัด...หมับ กิจชัยตกใจ มานพหน้าเหี้ยมเอาเรื่องก่อนจะจับมือมันมา บิดแล้วใช้เชิงมวยเล่นงานจนกิจชัยกระเด็นเลือดกบปาก มานพจะตามไปกระทืบซ้ำกิจชัยรีบยกมือร้องขอ
“พอแล้ว...พอแล้ว รู้แล้วว่าเก่ง ไม่สู้แล้ว”
“ไอ้กุ๊ยกระจอก!”
“ขอโทษด้วยครับมานพ แต่ไอ้หมอนี่มันเป็นขาใหญ่ที่สุดในตรอกศาลเจ้าแล้ว ไม่ค่อย มีใครอยากมีเรื่องกับมันหรอกครับ เพราะมันทำงานให้เสี่ยตงด้วย”
มานพฟังชาญแล้วครุ่นคิดอย่างสนใจ เดินเข้าไปหา กิจชัยนึกว่าจะโดนซ้ำเลยถอยสุดฤทธิ์
“ไม่ต้องกลัว ฉันไม่กระทืบแกซ้ำหรอก แค่อยากจะถามแกหน่อย ว่าถ้าฉันอยากกว้านซื้อ ที่ตรอกศาลเจ้าทั้งหมดในราคาที่น่าสนใจสำหรับฉัน แกจะช่วยฉันได้รึเปล่า”
“ถ้างานแบบนั้น...หมูผมเลยครับเจ้านาย พวกในตรอกมันกลัวผมทั้งนั้น”
“แกแน่ใจนะ”
“แน่สิครับ...ถ้าไม่เชื่อ ตามไปดูผมลากคนในตรอกมากระทืบเล่นๆก็ได้”
“ไม่ต้อง...ถ้าแกรับปากฉันก็จะไว้ใจ เรื่องข้อตกลงของแกฉันก็เต็มที่ให้เหมือนกัน”
มานพพยักหน้าให้ชาญเอาเงินปึกหนึ่งที่คะเนดูน่าจะเป็นแสนให้กิจชัยรับไปจนมันตาโต
“และถ้าทุกอย่างราบลื่นไม่มีปัญหา ฉันจะตอบแทนแกอีกเท่าตัว”
มานพตบบ่ากิจชัยแล้วยิ้มร้ายก่อนจะเดินออกไป กิจชัยมองปึกเงินในมือแล้วชอบใจ
“ลาภปากกูแล้ว...ฮ่าๆๆๆ”

มานพเดินคุยกับชาญมาตามทางในตรอกใกล้กับร้านมอเตอร์ไซค์
“แกคอยตามงานกับไอ้กุ๊ยนั่นด้วยแล้วกันนะชาญ”
“ได้ครับนาย”
“ฉันต้องทำโครงการนี้ให้สำเร็จ มันจะเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงในงานที่พ่อจะประกาศแต่ง ตั้งให้ฉันเป็นเจ้าของมังกรวารี ฉันอยากเห็นเขาตายใจหลงใหลได้ปลื้ม คิดว่าที่ฉันเก่ง เพราะเป็นสายเลือดของเขา...”
มานพยิ้มร้ายแล้วหยิบแว่นดำจะมาสวมแต่ชะงักเพราะเห็นดุจแพรอยู่ที่หน้าร้านมอเตอร์ไซค์
“น่า...นะคะน้าอ่าง...แพรอยากลองหัดซ่อมมอเตอร์ไซค์ดู”
“อย่าเลยครับคุณแพร มือไม้อย่างคุณทำไม่ได้หรอก”
“ถ้าไม่ให้แพรลองแล้วจะรู้ได้ยังไง นะคะ...น้า เพราะถ้าวันนึงหยกมีร้านเป็นของตัวเอง แพรก็ต้องช่วยหยกดูแล”
“ก็ได้ครับ...งั้นลองขันน๊อตตัวนี้ดู”
อ่างยื่นประแจให้ดุจแพรลองขันน็อต แต่เธอทำไม่เป็นออกแรงงัดจนล้มก้นจ้ำเบ้า
“อู้ยย...เจ็บจังเลย”
ดุจแพรจะลุกขึ้นแต่มีมือยื่นเข้ามาจะช่วยดึงเธอให้ลูก
“คุณแพรมาทำอะไรที่เหรอครับ”
ดุจแพรเงยหน้ามองอึ้ง
“คุณมานพ”

สองคนมองหน้ากัน อ่างกับสลึงมองทั้งคู่อย่างงงๆ

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 15 (ต่อ)
 

กิ่งเหมยเอาผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆยื่นให้หยกที่คิดว่าเป็นคมทวน


“ดีนะคะเนี่ยที่เหมยวิ่งเข้าวิ่งออกบ้านนี้มาตั้งแต่เล็กๆ เลยพอรู้ว่าจะหยิบอะไรได้”
หยกมองผ้าชุบน้ำที่เธอยื่นให้ก่อนจะรับผ้ามา
“แล้วเมื่อกี้นี้น้ากินยารึยัง ต้องกินตามที่หมอสั่งมานะคะ ช่วงนี้หยกเขางานยุ่ง คงไม่ ค่อยได้มาดูแลน้า แต่เหมยจะหมั่นแวะมาหาน้าบ่อยๆนะ น้าอยากกินอะไรเป็นพิเศษ ก็บอกเหมยได้นะ เหมยจะแวะซื้อมาให้”
ยิ่งกิ่งเหมยแสดงน้ำใจอันงดงาม หยกก็ยิ่งได้แต่มองด้วยน้ำตาคลออย่างเจ็บปวด หยกอยากสัมผัสกิ่งเหมยจึงยื่นมือออกไปทำเหมือนจะลูบหน้าแต่ทำได้เพียงแค่ห่างๆไม่ให้สัมผัสถูกผิวจริงๆ และได้แต่มองเพ่งไปที่ดวงตาของเธอเหมือนคนสบตากันแต่กิ่งเหมยมองไม่เห็น
“น้าจ้ะ...ทำไมน้าถึงเงียบไปล่ะ”
หยกชะงักดึงมือกลับแล้วแกล้งไอให้เธอยังเข้าใจว่าเป็นคมทวน
“ฉันว่าฉันไปดีกว่า ขืนให้น้ามานั่งฟังฉันพูดเป็นนกแก้วนกขุนทองแบบนี้ เดี๋ยวจะไม่ได้ นอนพัก ฉันไปนะจ๊ะ”
กิ่งเหมยลุกขึ้นคว้าไม้เท้ามาช่วยคลำทางเดินออกไป หยกได้แต่มองตามอย่างเสียดายจนได้ยินเสียงเธอล้ม หยกรีบวิ่งออกมาที่หน้าบ้านเห็นกิ่งเหมยสะดุดล้มนั่งอยู่ที่พื้น
“เหมยไม่เป็นไรหรอกค่ะน้า...ลืมไปว่าตรงนี้มีโต๊ะขวางอยู่”
กิ่งเหมยพยายามลุกขึ้นแต่ข้อเท้าพลิกเลยร้องเจ็บ หยกรีบเข้าไปช่วยประครอง
“ขอบคุณค่ะน้า”
กิ่งเหมยจับมือหยกที่คิดว่าเป็นคมทวน แต่พอได้สัมผัสก็รู้สึกทันทีว่ามือคู่ที่ประครองเธออยู่ไม่ใช่มือคมทวน
“นี่...นี่คุณเป็นใคร...คุณไม่ใช่น้าคมทวนนี่”
กิ่งเหมยปัดมือแล้วเดินกะเผลกถอยออกมาอย่างตกใจ
“คุณเป็นใคร!”
หยกอึกอัก
“กิ่งเหมย...คือว่า...”
“หยก!”
กิ่งเหมยรีบเดินกะแผลกออกไปอย่างไม่พอใจ
“เดี๋ยวสิกิ่งเหมย!”
“อย่าตามฉันมานะหยก...ห้ามเธอตามฉันมาเด็ดขาด!”
กิ่งเหมยน้ำตาคลอๆอย่างเสียใจแล้วรีบเดินกะเผลกออกไป หยกมองตามอย่างเป็นห่วง

มานพเดินคุยกันมาตามทางเดินในตรอกกับดุจแพร
“ผมกำลังจะทำธุรกิจแถวนี้เลยแวะเข้ามาดูไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคุณที่นี่”
“ทำไมคะ...เพราะว่าสถานที่แบบนี้มันไม่เหมาะกับฉัน”
“คุณดุจแพรครับ...คุณเป็นใครใช่ว่าผมจะไม่รู้จัก”
“ค่ะ...คุณอาจจะเคยรู้จักฉันในฐานะลูกสาวเสี่ยตง มาเฟียที่ใครๆก็เกรงขาม แต่นั่นมัน เมื่อก่อน ไม่ใช่ฉันในตอนนี้”
“คุณหมายความว่ายังไง”
“ฉันมีคนรักแล้วค่ะ ฉันอยู่กับเขาที่นี่ และจะไม่กลับไปเป็นลูกสาวมาเฟียอีก”
มานพชะงัก
“คนรัก...คนในสลัมแบบนี้เนี่ยนะที่คุณมาอยู่ด้วย ผมไม่เชื่อหรอกครับ”
“ฉันว่าคุณเคยรู้จักเขาแล้วนะคะ หยกไงคะ”
“นายหยก”
“ใช่ค่ะ...หยกลูกน้องของป๋าที่ฉันเคยขอให้เขาช่วยคุณไม่ให้ถูกป๋าเล่นงาน”
มานพอึ้งไปทันทีที่รู้ว่าดุจแพรลงเอยกับหยก

มานพเดินหัวเสียออกมาที่ลานด้านนอกตรอกศาลเจ้า ตรงมาที่รถของเขาจอดอยู่
“ไอ้หยก...แกมันก็แค่ไอ้กุ๊ยกระจอก มีดีอะไรวะถึงทำให้คุณแพรเลือก”
“คงเพราะความใกล้ชิดมั้งครับ ที่ผ่านมานายมัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องตั้งแกงค์พยัคฆ์เมฆา มันเลยฉวยโอกาสคาบไปกิน”
มานพหันมากระชากคอเสื้อชาญ
“เพราะฉันมัวแต่ไปเชื่อคำพูดของไอ้โหงว ให้เล่นงานมัน พร้อมกับพ่อฉันทีหลัง รู้อย่างนี้เก็บมันซะตั้งแต่แรกก็ดีแล้ว”
ดวงแขเข้ามา
“ทำตามอย่างที่ไอ้โหงวว่านั่นแหละถูกต้องแล้วมานพ เราต้องให้เล้งได้เห็นสาย เลือดมันตายต่อหน้าต่อตา”
มานพชะงัก
“แม่”
“สำหรับผู้หญิงโง่ๆที่เลือกลงไปเกลือกกลิ้งกับดินโคลนสกปรก แทนที่จะเลือกแก แม่ว่า แกอย่าไปเสียเวลาเลย ไว้แม่จะหาผู้หญิงคนอื่นให้”
“ผมไม่ต้องการผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น เพราะดุจแพรแตกต่างจากทุกคนที่ผมเคยเจอ”
“ทั้งๆที่เป็นของมีตำหนิเนี่ยนะตานพ”
“ผมไม่แคร์ ตอนนี้เธออาจจะไม่ใช่ของผม แต่ต่อไปเมื่อแผนการของผมสำเร็จ เธอจะ เป็นนกน้อยในกรงทองของผมคนเดียว”
“แกก็เป็นซะอย่างนี้ ตั้งแต่เล็กๆแล้วอยากได้อะไรต้องได้ ฉันห้ามทีไรเป็นต้องอาละวาด”
“ว่าแต่แม่มาที่นี่ทำไม”
ดวงแขมองมานพด้วยแววตาร้ายกาจ

คมทวนเลือกซื้อของอยู่บริเวณตลาด พูดคุยกับแม่ค้าอย่างอารมณ์ดี
“เอาหมดนี่เลยนะแม่ค้า”
“ถูกหวยเหรอจ๊ะพ่อคมทวน ถึงได้มาซื้อกับข้าวเต็มไปหมดเลยเนี่ย”
“ฉันเล่นหวยที่ไหนล่ะ ซื้อกลับไปทำกับข้าวให้ลูก”
“พ่อตัวอย่างเลยนะเนี่ย พ่อคมทวน”
คมทวนยิ้มรับกับแม่ค้าแล้วเดินเลือกซื้อของในตลาดต่อ พอเดินพ้นไปดวงแขก็พามานพเดินเข้ามา
“นั่นมันพ่อของไอ้หยก...ผมเคยเห็นมันที่สนามมวย”
“ใช่...มันชื่อคมทวน เป็นพ่อที่เลี้ยงดูไอ้หยกมา และเป็นคนเดียวที่กำความลับของเรื่อง สายเลือดของไอ้หยกไว้”

“แม่บอกผมมาเลยดีกว่าว่า แม่คิดจะทำอะไรกันแน่”

“แกคิดว่าถ้ามีคนรู้เรื่องสายเลือดที่แท้จริงของเล้ง เดินไปเดินมาอยู่แบบนี้ มันจะเป็นผล ดีกับเรารึเปล่าล่ะตานพ”
 

มานพมองแม่แล้วนิ่งคิดอย่างสนใจ

กิ่งเหมยเดินกะเผลกเจ็บข้อเท้าเสียใจมาตามทางเดินก่อนจะหยุดร้องไห้ หยกเดินตามหลังเข้ามาหยุด
“กิ่งเหมย”
“บอกแล้วไงว่าไม่ให้ตามฉันมา”
“แต่ขาเธอเจ็บ จะเดินกลับไปได้ยังไง”
“ตาฉันบอดฉันยังเดินไปไหนมาไหนได้ แล้วกับไอ้แค่ขาเจ็บแค่นี้ ฉันไม่เป็นไรหรอก”
กิ่งเหมยฝืนเจ็บขาพยายามเดินให้หยกเห็น แต่ไปได้แค่ไม่กี่ก้าวก็ทนไม่ไหวเกือบจะล้ม หยกรีบเข้ามาประคอง
“ให้ฉันช่วยเธอเถอะนะ ขี่หลังฉันเถอะ ฉันจะพากลับเอง”
“ขอบใจ...แต่ไม่ต้อง ฉันยอมเดินไปเจ็บไปดีกว่าอยู่ใกล้เธอแล้วให้เธอทำฉันเจ็บซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า !”
กิ่งเหมยฮึดฝืนความเจ็บเดินกะเผลกลากขาไป

กิ่งเหมยเดินลากขาที่เจ็บและใช้ไม้เท้าช่วยคลำทางเดินมาตามทางในตรอกมุ่งหน้าไปศาลเจ้า หยกพยายามเดินตามหลังกิ่งเหมยมาห่างๆทิ้งระยะไม่ยอมทอดทิ้งกิ่งเหมยให้เดินตามลำพัง
“กิ่งเหมย...ให้ฉันช่วยเธอเถอะ อย่างน้อยให้ฉันประครองเธอก็ยังดี”
“เธอฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอหยก เลิกตามฉันซะทีได้มั้ย”
“แต่ฉันเป็นห่วงเธอ”
“แต่ฉันไม่อยากได้ความเป็นห่วงของเธอ”
กิ่งเหมยหันไปต่อว่าหยกเลยทำให้เกือบจะล้มอีก หยกจะเข้าไปช่วย กิ่งเหมยเสียงดังห้าม
“อย่าเข้ามานะ...ฉันเกลียดที่เธอเข้าใกล้ฉัน เพราะยิ่งเราอยู่ใกล้กันมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่ง ทำให้ฉันเจ็บมากเท่านั้น”
หยกโกรธ
“เธอว่าฉันว่าทำเธอเจ็บ แล้วเธอล่ะ...เธอไม่ได้ทำฉันเจ็บเลยเหรอไง”
“ฉันให้เธอได้ในสิ่งดีๆต่างหากนะหยก”
“ฉันก็อยากให้เธอได้ในสิ่งที่ดีเหมือนกันนะกิ่งเหมย”
“ขอบใจ...เธอให้โอกาสนั้นกับฉันแล้วล่ะ หมวดธงรบเป็นคนดี เขาดูแลฉันได้ดีไม่น้อยไป กว่าเธอเลย”
หยกอึ้ง กิ่งเหมยกลั้นใจฝืนเดินต่อ หยกเจ็บใจตามไปดึงเธอเข้าหาตัวทันที
“งั้นฉันก็ไม่ได้ทำเธอเจ็บคนเดียวหรอกกิ่งเหมย เธอต่างหากที่ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งทำให้ฉันเจ็บ”
“งั้นก็อย่ามาอยู่ใกล้ฉันสิ...อย่าทำอย่างที่บ้านน้าคมทวนอีก เราจะได้ไม่ต้องเจ็บด้วยกัน”
“นี่เธอ!” หยกโกรธจนเผลอบีบแขนเธออย่างแรง “ฉันเจ็บกว่าเธอ...รู้บ้างมั้ยว่าฉันเจ็บกว่า!”
“ฉันเจ็บนะหยก...ฉันเจ็บ!”
หยกเผลอตัวจนนึกขึ้นได้รีบปล่อยมือ กิ่งเหมยน้ำตาคลอเสียใจ หยกรู้สึกผิด
“กิ่งเหมย...ฉัน...ฉัน...”
หยกจะพูดว่าขอโทษ กิ่งเหมยแทรกทันที
“อย่าเข้ามานะหยก...ฮือๆๆ”
กิ่งเหมยเดินกระเผลกออกไปพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย หยกเจ็บปวดน้ำตาคลอ
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย...กิ่งเหมย!”
หยกระเบิดเสียงพร้อมกับอารมณ์โกรธแค้นตัวเอง กำหมัดแน่นหันไปรัวหมัดชกกำแพงไม่หยุดอย่างบ้าคลั่ง

ดุจแพรมายืนรอกิ่งเหมยที่หน้าศาลเจ้า หน้าตาท่าทางรอมานานจนเริ่มเบื่อหลังจากที่กดโทรศัพท์โทรออก แล้วหยกไม่ยอมรับสายเธอเลย
“หยกนะหยก ไม่ยอมรับสายเลย...ก็ไหนสัญญากันแล้วไง”
ดุจแพรถอนใจอย่างเศร้าๆ ระหว่างนั้นกิ่งเหมยเดินกระเผลกเข้ามาพร้อมกับใช้ไม้เท้าคลำทาง น้ำตาคลอเสียใจ
“กิ่งเหมย ! เกิดอะไรขึ้นน่ะ”
กิ่งเหมยชะงัก
“คุณแพร !”
“เธอไปทำอะไรมา”
“เอ่อ...ฉัน...ฉันไปสะดุดล้มมาค่ะ ขาฉันก็เลย...”
“รีบเข้าไปข้างในเถอะ ฉันจะดูให้”
ดุจแพรเข้าไปประครองพากิ่งเหมยเข้าไปในศาลเจ้าอย่างเป็นห่วง

ดุจแพรเอาผ้ามาช่วยพันข้อเท้าให้กิ่งเหมยเสร็จเรียบร้อย
“อยู่นิ่งๆสักพักนะ แค่ข้อเท้าแพลงเดี๋ยวก็หาย”
“ขอบคุณค่ะคุณแพร”
“ทีหลังถ้าเธอไปล้มที่ไหน อย่าฝืนเดินแบบนี้อีกนะกิ่งเหมย โทรหาฉัน ฉันจะได้รีบมาช่วย”
“คุณจะมาช่วยฉันตลอดเวลาได้ยังไงคะคุณแพร”
“ได้นะ...เพราะตอนนี้ฉันว่าง ไม่มีอะไรทำ เบื่อจะแย่อยู่แล้ว”
กิ่งเหมย สงสัย
“ทำไมเหรอคะ”
ดุจแพร ถอนใจยาว
“ก็หยกน่ะสิ...หายไปไหนไม่รู้ตั้งแต่เมื่อคืน โทรหาก็ติดต่อไม่ได้ ถามใครๆก็ ไม่รู้ ชอบแต่เขียนโน้ตทิ้งไว้ ฉันว่าอีกหน่อยคงต้องคุยกันผ่านกระดาษโน้ตแปะทั่วห้อง”
กิ่งเหมยนิ่งไปอย่างสงสารดุจแพร จึงยื่นมือควานหามือดุจแพรมากุม
“ผู้ชายที่พูดน้อยแต่รักเรามากกับผู้ชายที่ดีแต่พูดแล้วไม่รักเราเลย พูดน้อยๆดีกว่านะคะ”
“นั่นสิเนอะ...ประเภทพูดมาก หวานเลี่ยน เช้ากลางวันเย็น แบบนั้นฉันก็ไม่เอาเหมือนกัน”
กิ่งเหมยยิ้มให้
“ฉันว่าคุณกลับไปหาหยกเถอะค่ะ ป่านนี้เขาคงรอคุณอยู่ที่บ้านแล้ว”
ดุจแพรแปลกใจ
“เธอรู้ได้ยังไงว่าหยกกลับบ้านแล้ว”

กิ่งเหมยชะงัก

“ฉันก็เดาน่ะค่ะ แต่ถ้าคุณลองกลับไปดูแล้วเจอเขา คุณค่อยมาเลี้ยงข้าวฉัน”
กิ่งเหมยบีบมือดุจแพรแล้วยิ้มให้อย่างกลบเกลื่อน

หยกยืนเศร้าอยู่บนดาดฟ้า ค่อยๆยกมือที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดที่ชกกำแพงมาดู ดุจแพรเข้ามามองหาจนเห็นเขา
“หยก!”
“คุณแพร”
“เธอกลับมาแล้วจริงๆด้วย...เธอหายไปไหนมาเหรอหยก”
หยกไม่ทันจะตอบดุจแพรก็เห็นว่าที่มือของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือด
“นี่มือเธอไปโดนอะไรมา”
หยกมองดุจแพรนิ่งไม่ตอบ

ดุจแพรพาหยกมาช่วยทำแผลที่สันหมัดทั้งสองข้างช่วยพันผ้าพันแผลอย่างเป็นห่วง
“แน่ใจนะว่าโดนฝากระโปรงรถหนีบมือจริงๆ”
“จริงสิครับคุณแพร...เมื่อคืนแท๊กซี่พ่อผมเสียกลางทางก็เลยตามผมไปช่วยดู กว่าจัดการ เรียบร้อย กว่าจะพาพ่อกลับบ้าน”
“ไม่ต้องอธิบายเยอะแยะหรอก ฉันรู้ว่าเธอไม่โกหกฉัน แต่ทีหลังปลุกฉันขึ้นมาบอกก็ได้ นะ ฉันไม่ชอบอ่านจากกระดาษโน้ต”
“ผมไม่อยากกวนคุณหลับ”
“ฉันไม่โกรธหรอก ดีกว่าตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอเธอ...เสร็จแล้ว”
“แปลกนะ...ผมนึกว่าคุณจะโกรธที่ทิ้งคุณไว้”
“โกรธสิ...ทำไมจะไม่โกรธ”
“แล้ว…”
“แล้วทำไมถึงใจเย็นอยู่แบบนี้น่ะเหรอ ก็เพราะกิ่งเหมยไง”
หยกชะงัก
“กิ่งเหมยทำไม”
“ฉันไปคุยกับกิ่งเหมยมา ฉันว่ากิ่งเหมยรู้จักนิสัยเธอดีมากเลยนะ เวลาฟังเขาพูดเรื่อง เธอทีไร ทำให้ฉันเข้าใจเธอทุกที”
“เข้าใจว่า...”
ดุจแพรมองหยกแล้วอมยิ้มก่อนจะใช้สองมือโอบคอเขาดึงให้เข้ามาใกล้ๆจนหน้าแทบชิดอย่างน่ารัก
“รักฉันรึเปล่าหยก”
“ทำไมอยู่ๆถามล่ะครับ”
ดุจแพรยิ้มน่ารัก
“เธอไม่ชอบพูดใช่มั้ย...ไม่เป็นไร ฉันมองตาเธอฉันก็รู้แล้วว่าเธอรักฉัน”
ดุจแพรนั่งตักเขาแล้วสบตาเขาอย่างรักใคร่ก่อนจะจูบที่ปากเขาอย่างมีความสุข หยกไม่ทันตั้งตัวแต่ก็ยอมให้ ดุจแพรจูบจนเธอพอใจ
“ฉันว่าฉันชอบที่เธอไม่พูดแบบนี้แหละ เพราะดูเธอรักฉันมากกว่าบอกด้วยคำพูดเยอะ เลย เอาล่ะ...เธอคงหิวแล้ว เดี๋ยวฉันไปทำของอร่อยๆมาให้กินนะ”
ดุจแพรอารมณ์ดีมีความสุข หยกมองตามแล้วนึกถึงคมทวนขึ้นมา

คมทวนกลับเข้ามาพร้อมหิ้วถุงกับข้าวที่ซื้อมาเต็มสองมือ
“ไอ้หยก...พ่อซื้อกับข้าวมาเต็มเลยว่ะ เอ็งต้องอยู่กินให้หมดนะเว้ย ไม่งั้นเสียดายแย่”
คมทวนพูดไปก็เอาถุงกับข้าววางที่โต๊ะในบ้านแล้วแปลกใจที่เห็นบ้านเงียบ
“อ้าว...ไม่อยู่แล้วเหรอวะเนี่ย...ไอ้หยก...ไอ้หยก”
คมทวนเรียกแล้วแต่ก็ไม่เจอตัว ระหว่างนั้นลูกน้องมานพ 2 คนท่าทางมีฝีมือปรากฏตัวขึ้นข้างหลังอย่างเงียบ เชียบ พวกมันหน้าตาเอาเรื่องพร้อมเล่นงานคมทวน คมทวนเกือบจะหันหลังไปเจอพวกมันแต่ระหว่างนั้นโทรศัพท์ดังซะก่อน คมทวนจะเดินไปรับสาย แต่เหลือบมอง เห็นพวกมันจากกระจกข้างๆผนัง คมทวนหันขวับไปหลบอีดาบที่พวกมันฟาดลงมาได้อย่างเฉียดฉิว แล้วเปิดฉาก สู้กับพวกมันด้วยมือเปล่าทั้งๆที่เสียงโทรศัพท์ยังดัง

หยกเป็นคนโทรศัพท์หาพ่อแต่แปลกใจที่พ่อไม่ยอมรับสายสักที
“ป่านนี้พ่อน่าจะอยู่บ้านแล้วนี่...ทำไมไม่รับสาย”
หยกยังรอให้พ่อมารับสาย

คมทวนต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายรับมือกับลูกน้องมานพ 2 คนที่ฝีมือเอาเรื่อง พวกมันใช้อีดาบฟาดฟันใส่ แต่คมทวนก็หลบได้แล้วใช้เชิงมวยเล่นงานกลับจนพวกมันคนหนึ่ง กระเด็นออกไปหมดสติ อีกคนเลยปรี่เข้ามาสู้อย่างหนักหน่วง
หยกตัดสินใจวางสายแล้วสังหรณ์ใจไม่ดี ระหว่างนั้นดุจแพรออกมาตาม
“หยก...ฉันทำกับข้าวให้เธอเสร็จแล้วนะ”
“เอ่อ...คุณแพรครับ คือว่า...ผมรับปากว่าจะกินข้าวที่บ้านพ่อ”
“อ้าวเหรอ...งั้นไม่เป็นไร เราไปกินข้าวที่บ้านพ่อเธอด้วยกันก็ได้ เพราะเธอยังไม่แนะนำให้ ฉันร้จักกับพ่อเธอเลย”
ดุจแพรควงแขนหยกแล้วยิ้มให้

คมทวนสู้กับลูกน้องมานพที่เหลืออยู่แม้จะยากเย็นโดนเล่นไปหนักแต่สุดท้ายก็สามารถจับมันมาเข่าเสยทีเดียวหมดสภาพ คมทวนโซซัดโซเซจับคอเสื้อมันมาตะคอกถาม
“กะเล่นข้าเอาตายแบบนี้ พวกเอ็งคงไม่ได้มาปล้นแน่...บอกมา...ใครส่งพวกเอ็งมา”
ลูกน้องมานพไม่ยอมตอบ คมทวนซัดมันให้พูด ระหว่างนั้นเองที่มานพโผล่มาข้างหลังแล้วใช้ปืนทุบที่ต้นคอ คมทวนทีเดียวหมดสติทรุดฮวบ
“ฉันบอกพวกแกแล้วไง เห็นมันแก่ๆแบบนี้ แต่ฝีมือมันไม่ธรรมดา”
“ของโทษครับนาย”
มานพดูคมทวนที่หมดสติอยู่ที่พื้น ดวงแขตามเข้ามาด้วย
“รออะไรอยู่ล่ะมานพ...จัดการมันเลยสิ ปิดปากพวกที่รู้เรื่องสายเลือดของไอ้เล้งให้หมด จะได้ไม่สร้างปัญหาให้เราทีหลัง”
มานพมองคมทวนแล้วชักปืนออกมาพร้อมจะยิง แต่ระหว่างนั้นชาญเข้ามาตาม
“นายครับ...รีบไปจากที่นี่เถอะครับ ไอ้หยกกับคุณดุจแพรกำลังมาที่นี่”
“ว่าไงนะ!”
มานพหันมามองคมทวนแ ล้วหันมามองหน้าดวงแขคิดกันว่าจะเอายังไงต่อ

หยกเข้ามาในบ้านเรียกพ่อ
“พ่อครับ...พ่อ...”
หยกกับดุจแพรเข้ามาแต่เห็นสภาพบ้านเละเทะไปหมด เพราะเกิดการต่อสู้ไปเมื่อครู่
“เกิดอะไรขึ้นน่ะหยก...เละเทะไปหมดเลย”

หยกเริ่มเครียดเรียกหาพ่อแล้วเดินเข้าไปดูทั่วๆ เจอแต่ถุงกับข้าวที่ตกอยู่ที่พื้นจึงหยิบขึ้นมาเป็นกังวลเพราะ มั่นใจว่าพ่อถูกทำร้ายแล้วโดนพาตัวไปแน่นอน

ภายในโรงสี...คมทวนที่ยังหมดสติคอพับ ถูกจับมัดติดกับเก้าอี้ ชาญกับลูกน้องมานพอีกคนประกบอยู่ สักพักมานพตามเข้ามา
 

“มันยังไม่รู้สึกตัวอีกเหรอ”
“ครับนาย...จะให้ผมลงมือเลยมั้ยครับ”
“พวกแกไม่ต้อง วันไหนไม่ได้ยิงคน รู้สึกหงุดหงิดยังไงไม่รู้”
มานพชักปืนออกมาแล้วเตรียมจะจ่อยิงคมทวน แต่ระหว่างนั้นโหงวเข้ามาขัดจังหวะ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะมานพ...ทำบ้าอะไรของแก...ห๊ะ !”
“ก็เห็นอยู่แล้วไง อย่ามาเกะกะ”
“แต่ฉันต้องเตือนแก ฉันไม่อยากให้แกไปสะกิดแผล ปล่อยให้เลือดไหลออกมาตอนนี้”
“แต่มันเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องสายเลือดที่แท้จริงของมังกรวารี เพราะฉะนั้นมันไม่สมควร มีชีวิตอยู่”
มานพหันปากกระบอกปืนเตรียมจะยิงทิ้ง โหงวรีบเอามือไปจับที่ตัวปืนไม่ให้ลั่นไก
“ถ้ามันตายด้วยน้ำมือแก คิดเหรอว่าลูกชายมันจะไม่ตามสืบ อย่างไอ้หมอนั่นมันต้อง ตามกลิ่นจนรู้หมดแน่”
“ถ้าเรื่องจะมาแดงตอนนี้ฉันก็ไม่กลัว เพราะฉันคือพยัคฆ์เมฆาที่ใครๆก็ต้องหวาดกลัว”
มานพจะดึงปืนคืน แต่กลับถูกโหงวใช้ความเก๋ากว่าจับมือบิดจนแย่งปืนมาได้แล้วโหงวก็จัด การปลดแม๊กกาซีน เอากระสุนออกจากรังเพลิงอย่างคล่องแคล่ว
“แกมันโอหังเกินไป เวลาที่แกพร้อมยังไม่ใช่ตอนนี้ ไว้ไอ้เล้งแต่งตั้งแกเป็นเจ้าสัวคนต่อ ไปเมื่อไหร่ ฉันจะไม่ห้าม อยากจะฆ่าอีกสักกี่ศพมันก็เรื่องของแก”
มานพเจ็บใจ
“ไอ้เป๋...แก!”
มานพจ้องหน้าโหงวอย่างหงุดหงิด ระหว่างนั้นดวงแขเข้ามาท่าทางร้อนใจ
“ตานพ...ตานพ”
“อะไรครับแม่”
“พ่อแกมาที่นี่น่ะสิ...รีบไปรับหน้าเขาก่อน ส่วนไอ้หมอนั่นเดี๋ยวค่อยว่ากัน”
มานพหันมามองหน้าโหงวอย่างหัวเสียแล้วเดินออก ชาญเดินตามหลัง ส่วนโหงวเข้าไปบีบแขนดวงแขจ้องหน้าอย่างไม่พอใจ แล้วหันไปสั่งลูกน้องมานพ
“แกเฝ้ามันไว้...ส่วนเธอมากับฉันเดี๋ยวนี้”

เจ้าสัวเล้งยืนรออยู่ที่บริเวณด้านหน้าโรงสีมานพ รีบเดินเข้ามา
“ขอโทษด้วยครับพ่อ ผมไม่รู้ว่าพ่อจะมา”
“ฉันเพิ่งกลับมาจากท่าเรือ เลยแวะมาดูแกสักหน่อย”
“ถ้าพ่อจะตามความคืบหน้างานที่เราคุยกันไว้ เดี๋ยวผมให้ชาญเอารายงานที่ผมเพิ่งทำ เสร็จมาให้พ่อตรวจดู...ชาญ”
ชาญพยักหน้ารับและจะออกไป แต่เจ้าสัวเล้งเรียกไว้
“ไม่ต้องหรอกชาญ ฉันไม่ได้มาตามงานกับแกหรอกนะมานพ แต่อยากจะมาคุยเรื่อง งานเปิดตัวเจ้าสัวแห่งมังกรวารีคนต่อไปต่างหาก”
มานพอึ้ง
“พ่อ”
เจ้าสัวเล้งยิ้มให้มานพอย่างไว้ใจ โดยไม่รู้เบื้องหลังอันชั่วร้ายของลูกชาย

คมทวนหมดสติคอพับอยู่โดยมีลูกน้องมานพนั่งเฝ้าอยู่ไม่ไกล ระหว่างนั้นคมทวนเริ่มรู้สึกตัวได้สติ พอลืมตาขึ้นมาได้ก็พบว่าตัวเองถูกมัดอยู่ในสถานที่ไม่คุ้นตา ลูกน้องมานพเห็นคมทวนรู้สึกตัวรีบเอามีดมาจ่อที่คอแล้วข่มขู่
“อยู่เฉยๆ แล้วก็เงียบๆด้วยไอ้แก่...ไม่งั้นเอ็งโดนเชือดคอแน่”
คมทวนมองหน้ามันอย่างครุ่นคิด

ดวงแขโดนโหงวบีบแขนลากออกมามุมหนึ่ง ด้านหลังที่ปลอดคน
“ปล่อยฉันนะไอ้โหงว”
“เธอมันแส่หาเรื่อง อยู่เฉยๆแล้วมันหงุดหงิดงุ่นง่านมากนักเหรอไง หรือว่าต้องการให้ฉัน ไปปรนเปรอเธอทุกวันถึงจะหายคัน”
ดวงแขตบหน้าผลักอกโหงว
“อย่ามาปากหมากับฉันนะไอ้เป๋ ลูกชายฉันกำลังจะยิ่งใหญ่ ฉันไม่ อยากให้มีใครมาขัดขวางเขา”
“แต่ฉันปูทางวางแผนไว้ให้หมดแล้ว ถ้าออกนอกแผนไปแม้แต่นิดเดียว ทุกอย่างอาจจะ พังพินาศเพราะความโอหังอวดเก่งของพวกแกสองคนแม่ลูก”
“ไม่มีทาง...ตอนนี้อะไรก็มาหยุดมานพไม่ได้แล้ว เพราะเขาใกล้จะได้เป็นผู้สืบทอดของ เล้ง เพราะฉะนั้นรู้ตัวไว้ด้วยว่าหน้าที่ของแกมันใกล้จบแล้ว”
“นี่เธอ!”
โหงวบีบแขนดวงแขจ้องหน้า แต่ดวงแขจ้องตอบแล้วแกะมือโหงวอย่างไม่หวั่นเกรง

คมทวนมองลูกน้องที่คุมตัวเขาอยู่อย่างครุ่นคิดหาทาง มือของเขาถูกมัดแน่นจนไม่สามารถแก้เชือกได้ แต่ก็ยังพยายามบิดข้อมือ
“เฮ้ย...ไอ้แก่...บอกแล้วไงว่าให้อยู่เฉยๆ คิดว่าไม่กล้าเหรอไงวะ”
“คนอย่างข้าไม่ยอมให้ถูกจับเชือดง่ายๆหรอกเว้ย”
“ปากเก่งนักนะ...ยังไงนายกลับมาก็ต้องฆ่าแกอยู่แล้ว ขอกระซวกให้เลือดทะลักออกมา หน่อยเถอะวะ”
ลูกน้องมานพควงมีดจะเข้าไปเล่นงานซึ่งก็เข้าทางคมทวนอยู่แล้ว พอมันเข้ามาใกล้ คมทวนก็ใช้ขาที่ไม่ได้ถูกมัด ถีบหน้าแข้งมันจนล้มแล้วเตะเสยทีเดียวมันสลบเหมือด มีดในมือมันตกอยู่ที่พื้นไม่ห่างจากเขาเท่าไหร่

เจ้าสัวเล้งเดินคุยกับมานพตามทางเดินในโรงสี นนท์กับชาญเดินตาม
“ผมไม่คิดว่าพ่อจะแต่งตั้งให้ผม ขึ้นมาแทนพ่อเร็วขนาดนี้”
“พ่อช้าไม่ได้แล้วมานพ ตอนนี้แถบอาเซียนของเรากำลังจะเป็นเขตเศรษฐกิจใหญ่ ถ้าเรา ไม่รีบปูทางขยายธุรกิจไว้ล่วงหน้า เราจะเป็นผู้ตามไม่ใช่ผู้นำ”
“แต่ผมไม่มั่นใจว่าผมจะทำให้พ่อภูมิใจได้ ยุคนี้แข่งขันกันสูงกว่ายุคของพ่อ”
“แกเป็นสายเลือดของฉันนะมานพ เลือดของมังกรวารีไม่มีคำว่ายอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ลง มือทำ ตอนนี้เราต้องมองไปข้างหน้า และคนที่เหมาะสมกว่าแกก็ไม่มีอีกแล้ว”
เจ้าสัวบีบไหล่ลูกชายอย่างมั่นใจ มานพเสแสร้งเป็นกตัญญูรีบคุกเข่าลง

“แกจะทำอะไรน่ะมานพ”

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 15 (ต่อ)

“ผมอยากกราบเท้าขอบคุณที่พ่อให้โอกาสผมครับ”
 

มานพพนมมือแล้วกราบลงไปที่เท้าของเจ้าสัวเล้งเพื่อให้พ่อภาคภูมิใจ แต่เขาแอบซ่อนรอยยิ้มร้ายกาจ ระหว่างนั้น คมทวนที่พยายามหนีออกมาหยุดชะงักอึ้งอยู่ห่างๆเพราะเห็นเจ้าสัวเล้งอยู่กับลูกชาย
“ลุกขึ้นเถอะมานพ”
“ยังครับพ่อ...พระคุณที่พ่อมีให้ผมมันยิ่งใหญ่มาก เกินกว่าที่ชาตินี้ผมจะทดแทนได้”
เจ้าสัวเล้งจับไหล่ลุกขึ้นมา
“พ่อไม่อยากให้แกมาทดแทนบุญคุณอะไรหรอกนะมานพ พ่ออยาก ให้แกตั้งใจทำงานเพื่อตอบแทนเลือดทุกหยดของบรรพบุรุษที่เสียสละให้เรามีวันนี้”
“ครับพ่อบุญคุณของบรรพบุรุษผมจะไม่มีวันลืม”
“ดี...พ่อสัญญานะมานพ ด้วยชีวิตของพ่อ พ่อจะปกป้องแก และจะสร้างให้แกเป็นมังกร วารีที่ยิ่งใหญ่ให้ได้”
เจ้าสัวเล้งดึงมานพมากอด คมทวนมองด้วยแววตาเคียดแค้น มือกำมีดที่ได้มาจากลูกน้องมานพแน่นอย่างเจ็บใจ เพราะคิดว่าเจ้าสัวเล้งเป็นคนสั่งให้ลูกน้องลากตัวเขามาฆ่า
“ไอ้เล้ง...คนที่ลากฉันมาที่นี่ก็คือแกเหรอ แต่มันจะฆ่าเราทำไม...” คมทวนสงสัย “หรือว่ามันรู้ ความจริง”
คมทวนสงสัยและครุ่นคิดจนเผลอขยับเท้าไปเหยียบเศษกระเบื้องเสียงดัง เจ้าสัวหันขวับ
“นั่นใคร!”
นนท์รีบชักปืนแล้วตรงไปดูแต่ไม่พบอะไรผิดปกติ เพราะคมทวนได้ออกไปแล้ว
“ไม่มีอะไรครับเจ้าสัว”

ดวงแขเดินกลับเข้ามา โหงวเดินตาม
“ดวงแข...ดวงแข...หยุดนะ คิดว่าฉันจะยอมให้แกสองคนแม่ลูกถีบหัวฉันส่ง หลัง จากที่พายเรือถึงฝั่งแล้วงั้นเหรอ”
“แกไม่ต้องกลัวว่าฉันจะให้มานพฆ่าแกหรอกไอ้โหงว ยังไงซะข้อดีเรื่องทำงานเก่งของแก ก็ยังมีประโยชน์สำหรับมานพอยู่ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่แกหมดประโยชน์ล่ะก็...ฉันนี่แหละจะ ยิงแกเอง...” ดวงแขมองไปที่เป้ากางเกง “เริ่มจากไอ้ของสกปรกของแกก่อน”
โหงวเข้าไปบีบปากดวงแข
“ถ้าคิดว่าฉันจะยอมให้แกมาข่มฉันง่ายๆล่ะก็...แกคิดผิดแล้ว”
โหงวกับดวงแขจ้องหน้าชิงชังกัน ระหว่างนั้นลูกน้องมานพที่โดนคมทวนเล่นงานเดินกุมหัวที่เลือดอาบเข้ามา
“คุณนาย...คุณนาย ไอ้...ไอ้คมทวนมันหนีไปแล้ว”
“แกว่าไงนะ!” ดวงแขร้องอย่างตกใจ

เจ้าสัวเล้งเดินออกมาที่รถเพื่อเตรียมจะกลับ มานพเดินมาส่งที่รถ
“ส่งพ่อแค่นี้แหละมานพ กลับไปทำงานของแกต่อเถอะ”
“ครับพ่อ”
มานพเปิดประตูให้เจ้าสัวเล้งเข้าไปนั่ง ยืนมองส่งพ่อจนลับตาแล้วก็กระหยิ่มยิ้มหัวเราะออกมา
“แกได้ยินแล้วใช่มั้ยไอ้ชาญ”
“ครับนาย...ไม่มีเรื่องไหนที่จะน่ายินดีไปกว่านี้อีกแล้ว”
มานพหัวเราะร่า
“ฮ่าๆๆๆ มันก็แค่ไอ้มังกรเฒ่าที่หมดน้ำยาไล่ตามพยัคฆ์อย่างฉันไม่ทัน...ฮ่าๆๆๆ ไปเว้ย...มีเหยื่อรอให้ฉันไปยิงฉลองความสำเร็จอยู่”
มานพจะเดินเข้าไปในโรงสีแต่ดวงแขรีบวิ่งออกมา
“ตานพ...ไอ้คมทวนมันหนีออกไปได้”
มานพตกใจ

มานพหยิบเชือกที่ใช้มัดคมทวนขึ้นมากำอย่างเจ็บใจ
“ผมขอโทษครับนาย...ผมจะรีบไปตามตัวมันกลับมา”
“ตามมันกลับมาเหรอ...หึ”
มานพหงุดหงิดหันไปเอาปืนจากเอวชาญแล้วหันขวับมายิงใส่ลูกน้องทันที เปรี้ยง ! ลูกน้องโดนกระสุนเจาะเข้ากลางอกล้มลงตายคาที่ ดวงแขตกใจหน้าเสีย
“ตานพ!”
มานพเจ็บใจตามเข้าไปยิงซ้ำอีกสองสามนัดอย่างโหดเหี้ยม ดวงแขห้าม
“พอเถอะตานพ...มันตายแล้ว”
โหงวมองสองแม่ลูก
“ฉันเตือนพวกแกสองคนแล้วไงว่าอย่าหาเรื่อง...แล้วเป็นไง เก่งกันนัก”
มานพฉุนเอาปืนจ่อไปที่โหงวทันที
“ถ้าแกจะมาทับถมฉันล่ะก็ หุบปากไปเลย”
“ฉันพ่อแกนะเว้ยไอ้มานพ...ถ้าฉันไม่วางแผนให้ มีเหรอที่ไอ้เล้งจะไว้ใจจนเตรียมยกทุก อย่างให้แกแบบนี้”
มานพไม่ลดปืนลง โหงวจ้องหน้าไม่เกรงกลัวแล้วขยับให้ปืนจ่อที่หน้าผากอย่างเหนือชั้น
“ฉันเก็บก้อนกรวดออกจากทางเดิน แล้วปูด้วยกลีบกุหลาบให้แกได้ขึ้นบัลลังค์ แต่ถ้าแก อยากจะกวาดทิ้งแล้วเปลี่ยนเป็นเดินบนคมหอกคมดาบแทน...เอาเลยมานพ ยิงฉันเลย”
มานพนิ่งงันมองหน้าโหงวอย่างตัดสินใจ สายตาของมานพมองไปที่ดวงแขอย่างขอความเห็น ดวงแขเองก็อ้ำอึ้ง

เจ้าสัวเล้งนั่งอยู่ในรถที่มุ่งหน้ากลับบ้าน มองออกไปนอกกระจกมีความสุขและหมดห่วง
“ฉันอดภูมิใจในตัวลูกชายฉันไม่ได้จริงๆ ทั้งๆที่ฉันเกือบคิดไปว่าความยิ่งใหญ่ของ มังกรวารีจะต้องมาจบลงที่ฉัน”
นนท์เห็นด้วย
“คุณมานพเป็นคนเรียนรู้เร็ว โชคดีที่กลับตัวหันมาตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เลยทำให้ท่าน ได้ภูมิใจ”
เจ้าสัวนิ่งไปแล้วหันมามองนนท์
“ขอโทษครับเจ้าสัว”
“ไม่เป็นไรหรอกนนท์..แกพูดถูกแล้วล่ะ ตั้งแต่ฉันเลี้ยงมานพมา เขามีข้อบกพร่องมาก มายที่ทำให้ฉันต้องคอยห่วง และยิ่งห่วงมากฉันก็ยิ่งเคี่ยวเข็ญกับเขามาก จนฉันอดกลัว ไม่ได้ว่าเขาจะไม่รักฉัน”
“แต่วันนี้คุณมานพ ก็ทำให้ท่านเห็นแล้วว่าเขารักท่านมาก”
เจ้าสัวยิ้มดีใจ

“ใช่...ลูกชายฉันจะต้องไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”

โหงวเห็นท่าทางของมานพที่ลังเล ก็รู้ว่าไม่กล้าเลยยิ้มสะใจ แล้วปัดปืนในมือมานพออกช้าๆ
 

“แกคิดถูกแล้วมานพ บัลลังค์ของเจ้าพ่อมันไม่ได้เดินขึ้นไปนั่งง่ายๆ และยิ่งถ้าได้นั่งแล้ว มันยิ่งอยู่ยากกว่าตอนได้มาอีก”
โหงวพูดไปก็เดินไปที่ดวงแขแล้วตบหน้าเธอทันที...เพี๊ยะ !ดวงแขหน้าหันเลือดซิบ
“แก...ไอ้โหงว ! มานพ แกจะปล่อยให้มันตบหน้าแม่แบบนี้เหรอ”
“เลือกเอานะมานพ เชื่อฟังแม่แกแล้วต้องตามแก้ปัญหาไม่รู้จักจบสิ้น หรือว่าจะฟังฉัน แล้วเดินบนกลีบกุหลาบขึ้นไปนั่งบัลลังค์”
มานพนิ่งคิดอยู่ครู่
“แล้วที่มันหนีไปได้ล่ะ”
“ฉันจะให้คนไปจับตาดูมันไว้ ถ้ามันคิดจะสร้างปัญหาจนกระทบมาถึงแก ฉันจะจัดการ ให้เอง แต่แกต้องรับปากว่าจะต้องเล่นตามเกมส์ที่ฉันวางไว้ ปล่อยไอ้หยกกับพ่อมัน ไปก่อน”
ดวงแขหันไปหาลูกชาย
“ตานพ”
มานพหน้าสลด
“ขอโทษครับแม่...งานใหญ่ของผมตอนนี้คือต้องเตรียมตัวเป็นเจ้าของมังกรวารีคนต่อไป เรื่องอื่นผมยังไม่อยากเอามาคิดให้รกสมอง”
มานพเดินออกไปพร้อมกับชาญทิ้งดวงแขให้อยู่กับโหงว
“ตานพ...ตานพ!”
โหงวหัวเราะสะใจ
“คิดจะเป็นฮองเฮาแล้วจะจัดการให้ฉันเป็นขันที...ที่นี่มันไม่ใช่วังต้องห้าม นะดวงแข”
โหงวยิ้มร้ายกับดวงแขแล้วเดินเข้าหาอย่างน่ากลัว ดวงแขหน้าเสียรู้ตัวว่าต้องโดนโหงวย่ำยีอีกแน่ๆ

ดุจแพรรออยู่ที่บ้านคมทวนอย่างกังวล ครู่หนึ่งหยกกลับเข้ามา
“เป็นยังไงบ้างหยก...ได้ข่าวพ่อเธอรึเปล่า”
หยกส่ายหน้าเดินไปนั่งเครียดๆ ดุจแพรเป็นห่วงเข้าไปกุมมือ
“ถ้าเป็นฝีมือของพ่อฉันที่คิดจะเล่นงานเธอ ฉันจะไปเอาเรื่องป๋าให้ถึงที่สุด”
หยกรีบดึงมือเธอไว้
“ไม่ใช่ฝีมือเสี่ยหรอกครับคุณแพร...ผมเช็คดูแล้ว”
“งั้นมันเกิดอะไรขึ้น...อยู่ๆพ่อเธอจะมีเรื่องแล้วหายไปได้ยังไง”
หยกมองดุจแพรแล้วก็ไม่รู้อะไรเหมือนกัน แต่ระหว่างนั้นคมทวนกลับเข้ามา
“พ่อ!!”
“ไอ้หยก”
“พ่อหายไปไหนมา แล้วมันเกิดอะไรขึ้น”
คมทวนมองหน้าหยกแล้วนิ่ง

คมทวนเข้ามาในบ้าน ทำเหมือนว่าไม่ได้มีอะไรหนักหนาสาหัส
“ก็แค่ไอ้พวกขี้ยามันเข้ามาขโมยของในบ้าน พ่อกลับมาเห็นเข้าเลยต้องลงไม้ลงมือสั่ง สอน แล้วตามไปลากคอพวกมันส่งให้ตำรวจ”
หยกสงสัย
“จริงเหรอพ่อ”
“เอ้า...แล้วข้าจะโกหกเอ็งทำไมวะ”
ดุจแพรปรามหยก
“พ่อเธอปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้วล่ะหยก”
คมทวนมองดุจแพร
“นี่แม่หนูคือ...”
“คุณดุจแพรครับพ่อ...ลูกสาวเจ้านายผม”
“อ๋อ...คุณดุจแพรนี่เอง...เห็นไอ้หยกมันเล่าให้ฟังอยู่ น่าเสียดายพ่อดันมีเรื่องซะก่อน เลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ต้อนรับ บ้านช่องก็รกไปหมด”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณน้า ปล่อยให้เป็นธุระของแพรเองดีกว่า คุณน้าพักก่อนเถอะค่ะ แพรจะช่วยเก็บกวาดแล้วเตรียมกับข้าวให้”
“อย่าเลยครับ เกรงใจ”
“แพรทำได้ค่ะ...ไม่ต้องเกรงใจเลย”
ดุจแพรรีบออกตัวช่วยเหลือแล้วรีบเดินเข้าไปในบ้านแต่ซุ่มซ่ามเตะเก้าอี้ที่ล้มอยู่ร้อง...โอ๊ย ก่อนจะหันมายิ้มกลบเกลื่อนว่าไม่เป็นอะไร
“ขอโทษค่ะ...เดี๋ยวแพรเก็บให้”
ดุจแพรรีบเก็บเก้าอี้ขึ้นแล้วยิ้มน่ารักๆก่อนจะหายเข้าไปข้างใน คมทวนมองตามแล้วสงสัยหันมาถามหยก
“นี่เหรอที่เอ็งตั้งใจจะให้มาเป็นสะใภ้ข้า”
“ก็...งั้นแหละพ่อ” หยกยอมรับ

ส้มเช้งช่วยอาม่าจัดอาหารสำหรับมื้อค่ำที่โต๊ะ
“ข่าวลื้อไม่ได้มั่วนะอาส้มเช้ง” อาม่าถามเรื่องที่ส้มเช้งเล่าอย่างสงสัย
“จะมั่วได้ไงล่ะอาม่า ฉันน่ะได้ยินเขาลือมากันจริงๆ เห็นว่ามีหลายคนสนใจอยากขายที่ แล้วย้ายออกไปจริงๆนะ”
“ถ้าเป็นเรื่องจริงอย่างที่ลื้อว่า อั้วคนนึงล่ะไม่เห็นด้วยแน่ๆ”
กิ่งเหมย เข้ามาพร้อมกับยกจานกับข้าวออกมาด้วย
“มีอะไรกันเหรอจ๊ะอาม่า”
ส้มเช้งหันไปต่อว่า
“แก...ฉันบอกแล้วไงเดี๋ยวฉันไปยกออกมาเอง ขาแกยังเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ฉันหายแล้วไม่เป็นอะไรหรอกน่า”
กิ่งเหมยใช้อีกมือช่วยคลำทาง จนสามารถวางจานกับข้าวลงที่โต๊ะได้อย่างไม่มีอะไรผิดพลาด
“แล้วตกลงจะมีใครบอกฉันได้รึยังว่าคุยอะไรกัน”
อาม่ากับส้มเช้งมองหน้ากัน ก่อนจะไปนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับกิ่งเหมย สามคนกินไปคุยกันไป
“เหมยว่าอาม่าอย่าไปยุ่งเลยดีกว่าค่ะ”

“จะไม่ให้อาม่ายุ่งได้ยังไงล่ะอาเหมย พวกเราอยู่ที่นี่กันมาเป็นสิบๆปี แล้วอยู่ๆจะมาเอา เงินฟาดหัวไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น ยังไงอาม่าก็ไม่ไปหรอก”

ส้มเช้งเห็นด้วยกับอาม่า
 

“นั่นสิกิ่งเหมย...ฉันได้ยินมาว่าเขาจะเอาที่แถวนี้ไปสร้างศูนย์การค้า ที่น่าโมโหก็คือที่ตรง ศาลเจ้าจะกลายเป็นลานจอดรถ”
อาม่าตกใจ
“หา !! ลื้อว่าไงนะ แม้แต่ศาลเจ้ามันก็จะรื้อทิ้งเนี่ยนะ ไอ้หย๋า...ไอ้พวกชิงนรก มาเกิด มันไม่กลัวบาปกลัวกรรมกันมั่งเหรอไง”
“อาม่าคะ”
“ลื้อไม่ต้องมาห้ามอั้วนะอาเหมย เรื่องนี้หัวเด็ดตีนขาดยังไงอาม่าก็ยอมไม่ได้”
อาม่ากินไม่ลงวางตะเกียบเสียงดังแล้วลุกพรวด กิ่งเหมยรีบถาม
“อาม่าจะไปไหน”
“อั้วกินไม่ลงแล้ว...ต้องไปคุยกับชาวบ้าน ถึงพวกเราจะจนแต่ก็ต้องมีศักดิ์ศรี ถ้ายอมให้ เงินซื้อได้ แล้วจะกล้าไปกราบไหว้บรรพบุรุษได้ยังไง”
อาม่าฉุนเฉียวออกไป
“อาม่า...อาม่า...” กิ่งเหมยหันมาดุเพื่อน “ส้มเช้ง...เพราะแกคนเดียวเลย”
“อ้าว...ฉันเล่าข่าวแล้วผิดตรงไหนล่ะแก”
“ผิด !!”
ส้มเช้งหน้าจ๋อย กิ่งเหมยถอนใจเป็นห่วงอาม่า

ณรงค์ขับรถเข้ามาจอด ที่หน้าบ้านเช่าหลังหนึ่งในที่เปลี่ยวลับตาคน เขาลงจากรถพร้อมกับหมอ คนหนึ่งแล้วมองซ้ายขวาอย่างระแวดระวังก่อนจะรีบพาหมอเข้าไปที่บ้านหลังนั้น...ธงรบนอนไม่ได้สติอาการไม่สู้ดีอยู่ในบ้าน มีขวดน้ำเกลืออยู่ข้างๆ สภาพเขาได้รับการผ่าตัดไปก่อนหน้านี้แล้ว ณรงค์รีบพาหมอเข้ามา
“ผมพาหมอมาแล้วครับผู้การ”
“อาการเขาเป็นยังไงบ้างครับ”
ผู้การสมิงหันมาบอก
“วันนี้ไม่ค่อยดีเลยครับ ยังไม่รู้สึกตัวแล้วก็มีไข้สูงตลอด”
“งั้นเดี๋ยวหมอขอดูเขาก่อนนะครับ”
หมอเข้าไปตรวจดูอาการเช็คชีพจร ตรวจดูบาดแผล ผู้การสมิงกับณรงค์ต้องถอยออกมามองอย่างเป็นห่วง ก่อนจะพากันไปรอนอกห้อง...สักครู่หมอออกมาจากห้อง
“เขาเป็นยังไงบ้างครับหมอ” ผู้การสมิงถามอย่างเป็นห่วง
“ผมต้องเพิ่มยาให้เขา ไม่อย่างนั้นอาการอาจจะทรุดหนักกว่านี้”
ณรงค์เป็นกังวล
“ผมว่าถ้าเราส่งเขาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล น่าจะลดความเสี่ยงได้นะครับผู้การ”
“หมวด...คุณก็รู้ว่าผมทำอย่างนั้นไม่ได้ เสี่ยงอยู่ที่นี่เรายังตามหมอมาช่วยดูให้ได้ แต่ถ้าเสี่ยงเปิดเผยตัวว่าธงรบยังไม่ตาย ถ้าไอ้พวกเสี่ยตงรู้เข้าเราได้จบเห่กันหมด”
ณรงค์จ๋อย
“ขอโทษครับผู้การ”
“ช่างเถอะหมวด...ธงรบเป็นคนใจเด็ด ผมรู้จักเขามาตั้งแต่เกิด เขาไม่ตายง่ายๆหรอก”
หมอมองผู้การสมิง
“ถ้าผู้การยืนยันอย่างนี้ เอาเป็นว่าผมจะทิ้งยาไว้ให้ แต่ถ้ามีอะไรฉุกเฉินก็เรียกผมได้ตลอดเวลา”
“ขอบคุณมากครับหมอ”
หมอพยักหน้ารับ แล้วออกไปกับณรงค์ที่เป็นคนพาไปส่ง

ผู้การสมิงกลับเข้ามายืนดูธงรบที่ยังนอนไม่ได้สติแต่มีอาการเพ้อออกมาเบาๆ
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย”
ผู้การสมิงยืนดูอาการหลานชายแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้

วันใหม่...กิ่งเหมยเอาหนังสือหัดอ่านอักษรเบลมานั่งคลำหัดอ่านอยู่ ส้มเช้งเข้ามาหา
“ทำอะไรอยู่น่ะกิ่งเหมย”
“แต่งหน้าอยู่”
“แหม...กวนนะแก” ส้มเช้งชะโงกหน้าดู “หัดอ่านอักษรเบลอยู่ก็บอกมาสิ”
“แกมีลูกตามองเห็นแล้วยังมาถามฉันอีก มันสมควรให้ฉันบอกรึเปล่าล่ะ”
“หูย...ตั้งแต่หันมาคบตำรวจเนี่ย แรงขึ้นเยอเลยนะแก”
กิ่งเหมย ชะงัก
“ยัยส้มเช้ง”
“ก็ได้ๆ ไม่พูดถึงก็ได้ ว่าแต่เดี๋ยวนี้หายหน้าไปเลย เกิดอะไรขึ้นกับเขารึเปล่าเนี่ย ฉันว่า แกน่าจะโทรถามสารทุกข์สุกดิบเขาหน่อยนะ”
“แกนี่นะ”
กิ่งเหมยคว้าไม้เท้าหันมาตี แต่ส้มเช้งรีบถอยหลบถอยไปถอยมาหันไปชนกับตงที่เพิ่งเข้ามา ตงมองส้มเช้งด้วยสายตาดุดันทำเอาเธอเสียวสันหลังวาบหน้าเสียไป
“ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ตั้งใจ อย่าทำอะไรฉันเลย”
กิ่งเหมย สงสัย
“มีอะไรเหรอส้มเช้ง...ใครมา”
ส้มเช้งมองตงแล้วไม่กล้าพูด ตงเลยเป็นคนเข้ามาพูดกับกิ่งเหมยเอง
“ฉันเอง”
กิ่งเหมยชะงักอึ้งหน้าเสีย

ส้มเช้งถูกสั่งให้มารอหน้าศาลเจ้า แต่ยังสนใจอยากรู้อยากเห็นเลยชะเง้อคอมองเข้าไปข้างในแต่ถูกเก่งขยับมายืนขวางไม่ให้เข้าไปยุ่ง เก่งจ้องหน้าดุๆใส่ ส้มเช้งเลยหงอรีบถอย
ในศาลเจ้ากิ่งเหมยอยู่ตามลำพังกับตง
“ฉันว่าเราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่าจะต่างคนต่างอยู่”
“เธอเป็นลูกสาวของฉันนะกิ่งเหมย...พ่อจะแวะมาเยี่ยมลูกหน่อยจะไม่ได้เลยเหรอ”
ตงพูดไปก็เอามือจับบ่าแต่ถูกกิ่งเหมยปัดอย่างไม่ไยดี
“ฉันอาจจะมีเลือดของคุณอยู่ในตัว แต่มันจะไม่ง่ายไปหน่อยเหรอคะที่จะให้ฉันเรียก ฆาตกรฆ่าแม่ของตัวเองว่า...พ่อ!”
“ถ้าเธอเรียกฉันว่าเป็นฆาตกร อาม่าเธอก็เป็นฆาตกรฆ่าเมียของฉันเหมือนกัน”
ตงขึ้นเสียงใส่ แต่กิ่งเหมยเชิดหน้าไม่เกรงกลัว ตงไม่อยากทะเลาะด้วย
“เอาล่ะๆ...ฉันไม่ได้มาเพื่อทะเลาะ แค่อยากจะคุยกันดีๆเพราะมีเรื่องที่อยากให้ช่วย”
“ฉันเนี่ยนะจะช่วยอะไรคุณได้”

“ได้สิ...เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่สาวเธอ”

กิ่งเหมยชะงักสงสัย
ดุจแพรกำลังเก็บกวาดทำความสะอาดห้องให้หยก ระหว่างที่กำลังเช็ดโต๊ะเก็บหนังสือ เธอเปิดลิ้นชัก เจอสมุดภาพของหยก เลยเอามานั่งเปิดดู ในสมุดภาพเป็นภาพถ่ายของหยกช่วงก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี ส่วนใหญ่เป็นภาพถ่ายเล่นกันของเขากับกิ่งเหมย แต่ละภาพดูแล้วขำเพราะทั้งคู่ชอบแกล้งกัน ทำเอาดุจแพรเปิดดูไปขำไป แต่พอพลิกไปที่หน้าเกือบสุดท้ายแผ่น CD แผ่นนึงก็ตกลงมา ดุจแพรหยิบขึ้นมาดูเห็นที่แผ่นเขียนไว้ว่า “วันเกิดหยก”

ดุจแพรเอาแผ่น CD มาเปิดดูกับจอทีวี จัดการกดปุ่ม PLAY ภาพปรากฏบนจอเป็นภาพกิ่งเหมยที่ กำลังเอากล้องวีดิโอไปวางไว้บนตู้และจัดมุมให้ถ่ายลงมาเห็นในห้อง ดุจแพรดูอย่างสงสัยว่ากิ่งเหมยทำอะไร

กิ่งเหมยวางกล้องวีดิโอเอาไว้เพื่อถ่ายแกล้งหยก เธอจัดมุมกล้อง จนพอใจแล้วจึงเอาเค้กที่เตรียมมาโชว์ใส่กล้อง
“วันนี้วันเกิดเธอนะหยก...ฉันเตรียมเค้กไว้ให้เธอแล้ว รับรองว่าเธอต้องชอบแน่ เพราะ เค้กก้อนนี้เป็นเค้กพิเศษที่ฉันสั่งทำมาเพื่อเธอโดยเฉพาะเลย”
กิ่งเหมยพูดกับกล้องแล้วอมยิ้มขำอย่างน่ารักซนๆ ก่อนจะหยิบจิ้งจกปลอมออกมาโชว์
“แต๊น...แต่น...แต้น...นี่ไง เซอร์ไพรซ์พิเศษ เค้กสอดไส้จิ้งจกปลอม หึๆๆ เอาคืนที่นายเคย ป่วนงานวันเกิดฉัน เอาเค้กโป๊ะหน้าฉันจนเป็นผีจูออน เจอแบบนี้เข้ารับรองนายต้อง อ้วกแตกโชว์ในยูทูปแน่”
กิ่งเหมยแอบหัวเราะสะใจ เอาเค้กไปวางที่โต๊ะและนั่งรอหยกกลับมาอย่างสนุกสนาน

ดุจแพรดูวีดิโอแล้วอมยิ้มขำ กับวิธีการเล่นงานหยกของกิ่งเหมย
“เธอนี่ร้ายไม่ใช่เล่นเลยนะกิ่งเหมย...แต่ก็ดี...ฉันอยากเห็นหยกโดนเธอเล่นงานมั่ง”
ดุจแพรรีบเอารีโมทมากด เร่งเวลาให้เดินไปเร็วขึ้น ในภาพเห็นกิ่งเหมยนั่งรอ ลุก เดินไปเดินมาเพราะหยกยังไม่กลับมาซะที กิ่งเหมยรอจนง่วงและเผลอนั่งหลับฟุบคาโต๊ะ ดุจแพรกดหยุด

กิ่งเหมยรอหยกจนหลับไม่รู้ตัวอยู่หน้าเค้กที่เตรียมไว้ ระหว่างนั้นหยกกลับมา
“อ้าวกิ่งเหมย...มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
กิ่งเหมยไม่รู้สึกตัวยังหลับเพลิน หยกเองก็ไม่รู้ว่ามีกล้องซ่อนเอาไว้ แต่เห็นมีเค้กวันเกิดวางอยู่ เขาอ่านหน้าเค้ก
“แฮ้บปี้เบิร์ทเดย์...ไอ้หยก...กิ่งเหมย นี่เธอเตรียมเค้กวันเกิดให้ฉันเหรอเนี่ย”
หยกรู้สึกประทับใจกิ่งเหมยที่ทำดีกับเขา เลยเข้าไปใกล้ๆแล้วใช้มือปัดไรผมให้อย่างอ่อนโยน
“ขอบใจนะกิ่งเหมย ตั้งแต่เล็กๆแล้วก็มีแต่เธอนี่แหละ ที่ไม่เคยลืมวันเกิดฉันเลยสักปี”
กิ่งเหมยขยับตัว หยกเลยหยุดชะงักเพราะกลัวเธอรู้ตัว และนั่งดูเธอต่ออย่างรักใคร่
“ฉันรักเธอนะกิ่งเหมย สักวันเราจะมีครอบครัวด้วยกัน มีลูกน่ารักๆ ถ้าผู้หญิงก็ต้องสวย เหมือนเธอ ส่วนผู้ชาย...แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องหล่ออย่างฉัน ทุกๆเช้าฉันจะตื่นขึ้นมาเห็น เธออยู่ข้างๆ นี่แหละกิ่งเหมย...คือคำอธิษฐานขอพรของฉันในวันเกิดทุกๆปี”
หยกแอบบอกกิ่งเหมยไปแล้ว ก็ก้มลงหอบแก้มเธอเบาๆโดยไม่ให้เธอรู้สึกตัว

ดุจแพรนิ่งอึ้งกับภาพในจอทีวีที่เห็น ด้วยความไม่แน่ใจเธอรีบเอารีโมทมากด ย้อนกลับไปที่คำพูดเดิมของหยกฟังกันให้ชัดๆอีกที
“ฉันรักเธอนะกิ่งเหมย สักวันเราจะมีครอบครัวด้วยกัน มีลูกน่ารักๆ ถ้าผู้หญิงก็ต้องสวย เหมือนเธอ ส่วนผู้ชาย...แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องหล่ออย่างฉัน ทุกๆเช้าฉันจะตื่นขึ้นมาเห็น เธออยู่ข้างๆ นี่แหละกิ่งเหมย...คือคำอธิษฐานขอพรของฉันในวันเกิดทุกๆปี”
ดุจแพรดูไปก็น้ำตาคลอเบ้าอย่างเสียใจ ภาพในวีดิโอเล่นต่อไปต่อเนื่องหลังจากหยกพูดจบกิ่งเหมยก็รู้สึกตัวตื่น
“อ้าวหยก...กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
หยกทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“เพิ่งมาถึง...นี่อะไรเนี่ย”
“ก็เค้กวันเกิดเธอไง ฉันเตรียมไว้ให้เธอ อร่อยมากเลยนะ ไม่อยากจะโม้ด้วย”
“จริงเหรอ...งั้นขอชิมเลยนะ”
“ไม่ได้...ต้องอธิษฐานก่อนสิ”
“ก็ได้...จะรีบอธิษฐาน จะได้รีบกินเค้กไม่อยากจะโม้ของเธอ”
หยกอมยิ้มแล้วหลับตาอธิษฐานขอพรสั้นๆเร็วๆ กิ่งเหมยหันมาถาม
“อธิษฐานอะไรของเธอ สั้นกุดแบบนั้น”
“บอกก็กลัวดิ...กินเค้กล่ะนะ”
หยกรีบเอาช้อนตักเค้กขึ้นมากินเลอะปากแล้วเคี้ยวๆ ก่อนจะชะงักเพราะเจอจิ้งจกปลอมในก้อนเค้ก
“มีอะไรข้างในด้วย...” หยกเอาออกมาแล้วเหวอ “เฮ้ย...จิ้งจก !!”
หยกร้องเสียงหลงกระโดดเป็นกบ กิ่งเหมยหัวเราะสะใจที่ได้เล่นงานเขา
“สมน้ำหน้าไอ้หยก...เคยแกล้งฉันไว้เป็นไงถึงเวลาโดนเอาคืนนายโดนหนักว่าเยอะ”
“กิ่งเหมย...นี่เธอ ! อี๋...อยากอ้วก”
“อ้วกเลยหยก...แมนๆอย่างเธอจะได้ดังในยูทูป”
กิ่งเหมยได้ทีทับถมยักคิ้วแล้วหันไปที่กล้องวีดิโอที่ซ่อนเอาไว้ หยกหันขวับรู้ตัวว่าโดนถ่ายเก็บเอาไว้ก็หน้าเสีย
“เรื่องอะไรฉันจะยอมเธอ...ยัยกิ่งเหมยตัวแสบ”
หยกกับกิ่งเหมยกรูกันเข้าไปแย่งกล้องวีดิโอกันพัลวัน...ดุจแพรรีบปิดวีดิโอที่ดูอยู่ทันที มือของเธอสั่นระริกด้วยความเจ็บปวดเสียใจที่รู้ว่าหยกรักกิ่งเหมยมากมาย น้ำตาเธอคลอเบ้าระหว่างที่ได้ยินเสียงหยกกลับเข้ามา เธอรีบเอาแผ่น CD ออกจากเครื่องแล้วเก็บไว้ในสมุดภาพเก็บใส่ในลิ้นชักทันจังหวะที่เขาเข้ามาพอดี
“คุณแพร...ทำอะไรอยู่น่ะครับ”
ดุจแพรรีบเช็ดน้ำตาแล้วหันมายิ้มกลบเกลื่อน
“ฉันทำความสะอาดโต๊ะให้เธอน่ะ เธอนี่สกปรก มากเลยนะหยก อะไรก็ไม่รู้ซุกเต็มโต๊ะไปหมด”
หยกสงสัยว่าดุจแพรจะเจอของที่เขาซ่อนไว้เลยรีบเข้าไปเปิดลิ้นชักหยิบสมุดภาพออกมา แล้วมองดุจแพรอย่างจับผิด
“ถ้าคุณจะมายุ่งอะไรกับของๆผม ช่วยบอกผมก่อนได้มั้ย”
“ทำไมล่ะ...หรือว่าเธอมีความลับอะไรกับฉัน”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ...ผมกลัวว่าคุณจะเก็บของผมไปทิ้ง”

“ก็ได้ทีหลังฉันจะบอกเธอก่อน”

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 15 (จบตอน)

 
“ขอบคุณครับคุณแพร”


หยกบอกแล้วจะรีบเดินออกไปพร้อมกับติดสมุดภาพไปด้วย แต่ดุจแพรเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนหยก...ใกล้จะถึงวันเกิดเธอรึยัง”
หยกชะงักสงสัย
“คุณถามทำไม”
“ก็...ไม่มีอะไรหรอก ฉันอยากซื้อของขวัญให้เธอ แต่ไม่รู้จะซื้อให้เนื่องในโอกาสอะไร”
“ไม่ต้องหรอกครับคุณแพร...เปลืองเงินเปล่าๆ”
หยกบอกแล้วเดินออกไป ดุจแพรน้ำตาคลอเบ้าอย่างเสียใจ

กิ่งเหมยเดินถอยห่างจากตงแล้วหันหลังให้
“คุณกลับไปเถอะค่ะ...เรื่องนั้นฉันช่วยคุณไม่ได้”
“ทำไมจะช่วยไม่ได้ มันไม่ได้ยากอะไรนักหนากับการที่เธอจะช่วยกีดกันไม่ให้พี่สาวเธอ คบไอ้กุ๊ยอย่างไอ้หยก”
“หยกเขาไม่ใช่กุ๊ย ไม่ใช่อันธพาล เขามีความเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าคุณ คุณแพรถึงได้ เลือกมาใช้ชีวิตกับหยกมากกว่าอยู่กับ...”
ตงไม่รอให้กิ่งเหมยด่าเขาอีก รีบใช้มือบีบปากเธอทันที
“ฉันเป็นพ่อแก...ทำให้แกเกิดมาได้ ฉันก็ทำให้แกตายได้เหมือนกัน”
“ก็ทำเลยสิคะ...สภาพฉันตอนนี้อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ส่งฉันไปอยู่กับแม่ คุณจะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างพวกเราอีก”
กิ่งเหมยน้ำตาคลอแววตาเด็ดเดี่ยวไม่เกรงกลัวความตาย แววตาแบบนั้นทำให้ตงนิ่งงันจ้องเขม็ง

อาม่าพูดปลุกระดมให้ชาวบ้านในตรอกฟัง...
“พวกเราจะยอมไม่ได้เด็ดขาด ที่ตรงนี้บรรพบุรุษของเราช่วยกันสร้างขึ้นมาให้ลูกหลาน ของเราช่วยกันดูแล ถ้าเรายอมให้ไอ้พวกนายทุนเอาเงินมาฟาดหัวแล้วไล่พวกเราออก ไป ก็เท่ากับเราเป็นไอ้ลูกหลานเนรคุณ”
“แต่ได้ยินมาว่ามันจ้างนักเลงให้มาเจรจานะอาม่า ถ้าใครไม่ยอมรับเงินจากมัน มันเล่น งานหนักแน่”
“ก็แค่ไอ้พวกนักเลง ถ้าพวกเรารวมตัวกันไม่ยอม มันจะทำอะไรเราได้”
ชาวบ้านฟังอาม่าพูด ด้วยความฮึกเหิมแล้วเริ่มเห็นด้วยพากันส่งเสียง
“เอาด้วย...เราต้องไม่ยอม...สู้พวก มัน”
อาม่าเห็นพวกชาวบ้านเริ่มมีแรงใจสู้ก็เริ่มยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ระหว่างนั้นส้มเช้งเข้ามาตาม
“อาม่า...อาม่า”
“อะไรของลื้อห๊ะ อาส้มเช้ง ไม่เห็นเหรอว่าอั้วกำลังยุ่ง”
“เรื่องปลุกระดมชาวบ้านของอาม่าเดี๋ยวค่อยว่ากัน รีบกลับไปที่ศาลเจ้าตอนนี้ก่อน ไปเถอะอาม่า”
ส้มเช้งรีบจูงมือพาอาม่าออกไปทันที

ตงยังบีบปากกิ่งเหมยและจ้องหน้าเขม็ง แต่กิ่งเหมยก็ไม่มีทีท่าเกรงกลัว
“จะรออะไรอีกล่ะ...คุณฆ่าแม่ฉันได้ ฆ่าฉันมันก็คงไม่ยากหรอก”
“แก...หน้าแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ เหมือนแม่ของแกไม่มีผิด ถ้าไม่หยิ่งยโส ยอมเป็นเมีย น้อยฉัน พวกแกก็ไม่ต้องมาลำบากกันอยู่ที่นี่”
“แม่ฉันทำถูกแล้วต่างหาก ถึงจะพิการแต่ก็รักศักดิ์ศรี คุณแพรเองก็เหมือนกันเธอมีศักดิ์ศรี ยอมอยู่อย่างลำบากดีกว่าถูกตราหน้าว่าเป็นลูกคนเลว”
“พวกแก...พวกแกสองคนพี่น้องมัน...”
ตงฉุนจัดผลักกิ่งเหมยจนล้มลงไปที่พื้น แล้วเปิดชายเสื้อออกเห็นว่ามีปืนพกอยู่ที่เอว เขาเอามือแตะปืน
อาม่ารีบเข้ามาพร้อมกับส้มเช้ง พบเก่งเฝ้าอยู่หน้าทางเข้าศาลเจ้า
“หลบไปนะ อั้วไม่ยอมให้พวกลื้อทำอะไรอาเหมยเด็ดขาด”
เก่งตวาด
“ถอยไป”
“ถอยก็กลัวลื้อน่ะสิ...ไอ้อันธพาล”
อาม่าเข้าไปยื้อยุดกับเก่งอย่างน่ารำคาญ จึงโดนเก่งผลักเซไป ส้มเช้งรีบประคอง
“แกนี่มันฤทธิ์เยอะไม่หมดไม่สิ้นสักทีนะอีแก่”
เก่งเงื้อมือจะตามเข้าไปตบแต่ตงเดินออกมาสั่งเสียงดัง
“พอได้แล้วไอ้เก่ง”
“นาย”
เก่งชะงักแล้วถอยไปยืนข้างๆตง อาม่าเป็นห่วงหลานมาก
“อาเหมย...อาเหมยของอั้วล่ะ...อาเหมย”
กิ่งเหมยค่อยๆใช้ไม้เท้าช่วยคลำทางเดินออกมาในสภาพปกติทุกอย่าง
“อาม่าคะ...เหมยอยู่นี่ค่ะ”
“อาเหมย”
อาม่าดีใจรีบเข้าไปประคองกอดหลานสาวอย่างเป็นห่วง
“มันทำอะไรลื้อรึเปล่าอาเหมย”
“เปล่าค่ะอาม่า...เขาไม่ได้ทำอะไรเหมย”
“ลื้อไม่ต้องกลัวนะ...บอกอาม่ามาถ้ามันทำลื้อ อาม่าจะเอาเลือดหัวมันออกมาเอง”
“เขาไม่ได้ทำอะไรเหมยจริงๆค่ะอาม่า”
อาม่าแปลกใจ
“แล้วมันมาหาลื้อทำไม”
กิ่งเหมยนิ่งเงียบไม่ตอบ ตงเดินเข้ามาใกล้ทั้งคู่ก่อนจะหยิบสมุดเช็คออกมาแล้วใส่ตัวเลขกับเซ็นต์ชื่อยื่นให้ อาม่างงๆ
“อะไรของลื้อ”
“ยังไงมันก็เป็นลูกสาวฉัน เงินห้าล้านนี่คงพอสำหรับพามันไปหาหมอเก่งๆช่วยหาทางทำ ให้มันกลับมามองเห็นได้”
อาม่าอึ้ง
“อาเสี่ย...นี่ลื้อ”

“รับไปสิ” ตงจับมืออาม่ามาแล้วยัดเช็คใส่มือ “สันดานหมายังไงมันก็ไม่ปล่อยให้สายเลือด ของมันลำบากหรอก”

ตงพูดแค่นั้นแล้วเดินออกไปพร้อมกับเก่ง ทิ้งให้อาม่ายืนอึ้งงุนงงกับเช็คจำนวนห้าล้านในมือ ส้มเช้งตาลุกวาว
 

“โห...อาม่า...เงินตั้งห้าล้าน นี่...นี่เราไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยเนี่ย”
อาม่าหันไปหาหลานสาว

ตงเดินออกมาที่ริมคลองหน้าศาลเจ้า เพื่อเตรียมจะกลับ แต่กิ่งเหมยตามออกมาเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน”
ตงหยุดหันกลับไป
“อะไรของเธออีก”
กิ่งเหมยถือเช็คและใช้ไม้เท้าเดินนำเข้าไปใกล้ก่อนจะค่อยๆหยิบเช็คขึ้นมาชูให้เห็นชัดๆ
“ต่อให้นี่เป็นเงินสุจริตที่คุณหามาได้ แต่มันก็ใช้ซื้อความกตัญญูที่คุณอยากได้จากฉัน ไม่ได้หรอกค่ะ”
กิ่งเหมยค่อยๆฉีกเช็คช้าๆจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ตงนิ่งมองลูกสาวด้วยแววตานิ่งเฉย
“เงินฉันอาจจะซื้อเธอไม่ได้ แต่สำหรับดุจแพรยังไงก็เป็นพี่สาวเธอ เธอคงไม่ปล่อยให้เขาลำบาก”
“คุณแพรจะมีความสุขมากกว่าอยู่กับคุณแน่นอน”
ตงนิ่งมองกิ่งเหมยแล้วหันไปสั่งเก่ง
“กลับ !”
ตงเดินออกไปพร้อมกับเก่ง ทิ้งกิ่งเหมยให้ยืนอยู่ตรงนั้นก่อนที่อาม่าจะเดินเข้ามาจับมือหลานสาวมาปลอบโยน
“เหมยขอโทษค่ะอาม่า...ถ้าเหมยกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง เหมยจะได้เป็นฝ่ายดูแล อาม่า ไม่ใช่อยู่เป็นภาระให้อาม่าแบบนี้”
“ลื้อทำถูกแล้วอาเหมย...ลื้อทำถูกแล้ว”
อาม่าดึงหลานสาวมาโอบกอดปลอบใจ

ธงรบลุกขึ้นจากเตียงในสภาพมีผ้าพันแผลที่ตัว มองไปรอบๆอย่างแปลกใจที่ตัวเองมาอยู่ในที่ไม่คุ้นตาและพบว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ทั้งๆที่คิดว่าตายแน่แล้ว ระหว่างนั้นหยกเข้ามาเห็นธงรบยืนอยู่
“คุณยังไม่หายดีผมว่านอนพักก่อนดีกว่าครับหมวด”
ธงรบชะงัก
“ไอ้หยก”
“ถ้าแผลคุณฉีก คุณจะยิ่งหายช้านะครับ”
ธงรบขบกรามแน่นเจ็บใจตรงดิ่งกำหมัดอัดใส่หยกเข้าที่หน้าทันที หยกอึ้งไป
“หมวด !”
“แกเกือบจะฆ่าฉัน...ไอ้เวรเอ้ย!”
ธงรบตามไปประเคนหมัดเข่าศอกใส่หยกไม่ยั้ง หยกได้แต่ตั้งรับไม่กล้าตอบโต้เพราะเห็นว่าเขายังไม่หายดี
“พอได้แล้วหมวด...ฟังผมก่อน”
“ฉันไม่มีอะไรต้องฟังแกอีกแล้ว...แกมันไว้ใจไม่ได้ ไอ้สารเลว”
ธงรบตามไปเล่นงานอีก คราวนี้หยกเลยต้องยกการ์ดขึ้นมาป้องกันตัวแล้วสวนกลับไปที่หน้าธงรบจนเซ หยกตกใจ
“หมวด !”
ธงรบโกรธมาก
“ไอ้หยก!”
ธงรบหันไปเห็นปืนวางอยู่ที่โต๊ะเลยรีบไปคว้ามายกส่องหน้าหยกทันที หยกชะงักอึ้งตกเป็นเป้ากระสุนแต่ผู้การสมิง เข้ามาห้ามเสียงดังพร้อมกับเอาปืนจ่อธงรบ
“พอได้แล้วธงรบ วางปืนแกลงเดี๋ยวนี้”
ธงรบชะงัก
“อาสมิง”
“ฉันบอกให้แกวางปืน”
“แต่มันเกือบจะฆ่าผม”
“หยกเขาไม่ได้ฆ่าแก...แต่เขาพยายามช่วยเหลือพวกเดียวกันต่างหาก”
ธงรบอึ้งไป
“พวกเดียวกัน”

หยกนั่งจับปากตัวเองที่ถูกธงรบเล่นงานไปเมื่อครู่ ส่วนธงรบอยู่กันคนละมุมมีผู้การสมิงอยู่ตรงกลาง
“ทำไมอาไม่บอกผมว่าไอ้หยกเป็นสายให้กับอา”
“ก็เพราะนิสัยอย่างที่แกทำไปแบบเมื่อกี้นี้ไง ฉันถึงต้องปิดแกมาตลอด งานของฉันไม่มี คำว่าลุยก่อนแล้วมาขอโทษทีหลัง”
หยกแทรกขึ้น
“แต่สำหรับหมวดเขา แม้แต่คำว่าขอโทษก็ยังไม่พูด”
ธงรบขึงตาใส่
“ไอ้หยก !! แกยิงฉันจนเกือบตาย ยังอยากให้ฉันขอโทษแกอีกเหรอวะ”
“ก็ถ้าผมไม่เสี่ยง ทั้งหมวดมั้งผมมีหวังตายด้วยกันทั้งคู่”
ผู้การสมิงปรามทั้งคู่
“พอได้แล้ว...หยกทำถูกแล้วที่ต้องเสี่ยงแบบนั้น เพราะงานของเรายังต้องเดินหน้าจนกว่า จะช่วยกันกวาดล้างพวกมาเฟียให้หมด”
“เรื่องนั้นอาไม่ต้องห่วงหรอกครับ...ผมตั้งใจแล้วว่าคราวนี้ผมจะกลับเข้ากรมแล้วเดิน หน้าดับเครื่องชนกวาดล้างพวกมันให้เกลี้ยง”
ธงรบพูดอย่างจริงจังดุดัน ก่อนจะลุกเดินออกไป หยกกับผู้การสมิงมองหน้ากัน
“ฉันจัดการเอง”
ผู้การสมิงตบบ่าหยกแล้วตามธงรบออกไป

ผู้การสมิงเดินตามธงรบออกมาแล้วเรียกไว้
“แกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นธงรบ”
“อาไม่ต้องมาห้ามผมหรอกครับ อาก็เห็นแล้วว่าสิ่งที่พวกมันทำไว้กับผมเป็นยังไง ลำพัง ส่งไอ้หยกเข้าไปเป็นสายสืบคนเดียวไม่มีทางจัดการมันได้แน่ ผมจะเป็นอีกแรงนึงที่ คอยช่วยอา”
“แกยังไม่เข้าใจอีกเหรอ...ที่ฉันตามมาห้ามแกเพราะไม่มีที่ไหนให้แกไปได้อีกแล้ว”
ธงรบแปลกใจ
“อาหมายความว่ายังไง”
หยกตามออกมา
“เพราะว่าคุณคือคนที่ตายแล้วไงหมวด”
“คนที่ตายแล้ว...อา...หมายความว่า...”
“ใช่...ระหว่างที่แกพักฟื้นอยู่ที่นี่ ฉันเพิ่งให้หมวดณรงค์จัดการเรื่องงานศพแก และเคลียร์ ประวัติในกรมเพื่อให้ทุกคนคิดว่า...แกตายไปแล้วจริงๆ”
หยกหน้าสลดลง
“ผมขอโทษด้วยนะครับหมวด แต่ผมไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าคุณจะร่วมมือกับเรากวาดล้าง พวกมาเฟีย คุณก็ต้องทำเหมือนผม เราสู้กับพวกมันซึ่งๆหน้าไม่ได้”
ธงรบยังนิ่งอึ้งไม่คาดคิดมาก่อนว่า ตัวเองจะต้องกลายเป็นคนที่ตายไปแล้ว ผู้การสมิงเข้ามาจับบ่าธงรบ
“หยกกับอา...เราลงทุนกับเรื่องนี้มามากแล้ว ถ้าแกจะยอมรับแผนการนี้แล้วร่วมมือกับ เรา อาเชื่อว่า...ทั้งแกทั้งหยกจะช่วยกันกวาดล้างพวกมันได้แน่”

ผู้การสมิงพูดไปก็ดันธงรบให้เข้าไปหาหยกที่ยื่นมือออกมาเพื่อรอจับมือ ทั้งคู่มองหน้ากันอยู่ครู่ธงรบก็ยื่นมือ ออกไปจับอย่างลูกผู้ชาย ผู้การสมิงเห็นภาพตรงหน้าก็โล่งอกและสบายใจมากขึ้น

คมทวนเอากล่องที่เก็บชิ้นส่วนหยกเลือดมังกรของหยก ซึ่งเก็บซ่อนเอาไว้ออกมามองอย่างครุ่นคิด เขานึกถึงตอนที่หนีออกมาจากโรงสีแล้วได้ยินเจ้าสัวเล้งคุยกับมานพ
 

“ลุกขึ้นเถอะมานพ”
“ยังครับพ่อ...พระคุณที่พ่อมีให้ผมมันยิ่งใหญ่มาก เกินกว่าที่ชาตินี้ผมจะทดแทนได้”
เจ้าสัวจับไหล่ลูกชายให้ลุกขึ้นมา
“พ่อไม่อยากให้แกมาทดแทนบุญคุณอะไรหรอกนะมานพ พ่ออยาก ให้แกตั้งใจทำงานเพื่อตอบแทนเลือดทุกหยดของบรรพบุรุษที่เสียสละให้เรามีวันนี้”
“ครับพ่อบุญคุณของบรรพบุรุษ ผมจะไม่มีวันลืม”
“ดี...พ่อสัญญานะมานพ ด้วยชีวิตของพ่อ พ่อจะปกป้องแก และจะสร้างให้แกเป็นมังกร วารีที่ยิ่งใหญ่ให้ได้”
คมทวนกำหยกเอาไว้แน่น อย่างสงสัยและระแวง
“ไอ้เล้ง...ถ้าแกคิดจะทำร้ายฉัน ทำร้ายไอ้หยก เพื่อปกปิดเรื่องชั่วๆที่แกทำให้พราวแสง ต้องตาย แกก็ต้องข้ามศพฉันไปก่อน”
คมทวนบอกตัวเองอย่างจริงจัง ระหว่างนั้นเสียงหยกดังมาจากหน้าบ้าน
“พ่อ...พ่อ”
คมทวนชะงักแล้วรีบกำหยกเลือดมังกรเอาไว้ในมืออย่างมิดชิดก่อนจะหันมาหาลูกชาย
“มีอะไรเหรอไอ้หยก”
“เพิ่งออกมาจากร้านน้าอ่าง น้าสลึงเลยแวะมาดูพ่อหน่อย กลัวพ่อจะออกไปขับแท็กซี่อีก”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมาห่วงข้า อยู่เฉยๆมันเบื่อเว้ย”
คมทวนพูดไปแล้วเดินไปหยิบกุญแจรถแท็กซี่ ทั้งๆที่มือยังกำหยกเลือดมังกรอยู่อีกข้าง
“แต่ฉันห่วงพ่อนะ เอางี้แล้วกัน...ถ้าพ่ออยู่ว่างๆแล้วเบื่อ ฉันไปหาเมียให้พ่อดีกว่า พ่อจะ ได้ไม่มีเวลาเบื่อ เจ๊แคน่าจะแจ่มกว่าเจ๊นิดนะ”
คมทวน ตบหัวหยกผั๊วะ
“ไอ้ทะลึ่ง !! เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะวะ อย่ามาสอนตะเข้ว่ายน้ำ”
คมทวนสั่งสอนลูกชายแล้วเดินออกไป หยกกุมหัวเจ็บได้แต่มองตามและอมยิ้ม

ในห้องทำงานของคฤหาสน์ เจ้าสัวเล้งตรวจดูงานในแฟ้มเอกสารตรงหน้าเสร็จปิดแฟ้ม เป็นจังหวะที่ดวงแขเข้ามาพร้อมน้ำชา
“ท่าทางคุณดูเหนื่อยนะคะเล้ง ฉันนวดให้นะ”
ดวงแขเข้าไปนวดไหล่นวดขมับช่วยให้ เจ้าสัวมีท่าทีผ่อนคลาย
“สงสัยฉันจะแก่จริงๆแล้วล่ะดวงแข ทำงานมาทั้งชีวิต มีวันนี้แหละที่นั่งทำงานแล้ว รู้สึกเหนื่อย”
“แก่ที่ไหนกันคะคุณ...ในบรรดาเจ้าสัวเพื่อนๆของคุณ คุณยังดูหนุ่มกว่าตั้งเยอะ”
“พวกนั้นมันแก่ก็เพราะเป็นอากงกันหมดแล้ว ฉันเองก็เหมือนกัน หลังจากส่งต่อ ธุรกิจทั้งหมดให้มานพดูแลแล้ว เราก็คงต้องมาช่วยกันหาลูกสะใภ้ เอ้อ...มานพมองๆ ใครไว้บ้างรึเปล่า”
“ก็มีอยู่ค่ะ แต่เห็นมานพว่าอยากดูแลธุรกิจของคุณให้เข้าที่เข้าทางก่อนแล้วค่อยคิด”
“ฮ่าๆๆ มันยังหนุ่มยังแน่นน้ำยามันแรงกว่าฉันสมัยหนุ่มๆ”
เจ้าสัวหัวเราะชอบใจอารม์ดีได้ครู่ นนท์ก็เข้ามาขัดจังหวะ
“ขอโทษด้วยครับเจ้าสัว”

เจ้าสัวเล้งเดินออกมาคุยกับนนท์ที่ด้านนอกตัวบ้าน
“มีคนโทรมาบอกว่าอยากให้ฉันออกไปเจอเหรอ”
“ครับเจ้าสัว”
“มันเป็นใคร ทำไมฉันต้องออกไปหามัน”
“มันไม่ยอมบอกว่ามันเป็นใครครับ แต่มันบอกว่ามันอยากคุยกับเจ้าสัวเรื่องพราวแสง”
เจ้าสัวชะงักอึ้ง กระชากคอเสื้อนนท์มาถามย้ำทันที
“มันพูดถึงพราวแสงว่ายังไง”
“มันไม่ยอมบอกอะไรมากกว่านั้นเลยครับ มันแค่ต้องการให้เจ้าสัวไปพบมันตามลำพัง”
“แล้วมันนัดฉันไว้ที่ไหน”
“แต่ผมว่ามันไม่น่าไว้ใจนะครับ อาจจะเป็นฝีมือของศัตรูเก่าเจ้าสัวก็ได้”
“ไอ้โหงวน่ะเหรอ...ถ้ามันคิดจะหลอกล่อให้ฉันออกไปหามัน ก็ดี...ฉันก็อยากเจอมัน จะได้ สางบัญชีแค้นให้พราวแสง”
เจ้าสัวหน้าดุดันเอาจริง

มานพเดินออกมามองรถของเจ้าสัวเล้ง ที่เพิ่งแล่นออกจากบ้านไปอย่างสงสัย แล้วหันมาถามดวงแข
“พ่อเขาจะออกไปไหน ดูท่าทางรีบร้อน”
“เห็นว่ามีปัญหาในแกงค์เลยต้องรีบไปจัดการ”
มานพครุ่นคิดสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกมานพ แม่คุยกับเขาแล้ว ยังไงสมบัติของมังกรวารีก็พร้อมตกเป็นของแก แน่นอน”
“งั้นถ้ามันเป็นปัญหาในแกงค์ของเขาจริงๆ ก็สมน้ำหน้าเขา มังกรเฒ่าไร้น้ำยาจะไปปก ครองพวกอันธพาลได้ยังไง...ไอ้แก่เอ้ย”
มานพยิ้มร้ายชอบใจ ระหว่างนั้นชาญเข้ามา
“รถพร้อมแล้วครับคุณมานพ”
ดวงแขมองลูกชาย
“นี่แกจะออกไปอีกแล้วเหรอ ฉันนึกว่าแกจะเลิกยุ่งกับผู้หญิงต่ำๆพวกนั้น”
“โธ่แม่...ผมต้องตีหน้าซื่อทำตัวดีให้พ่อเห็นตลอดเวลา มันอึดอัดนะครับ ถ้าไม่ให้ผมออก ไปยืดเส้นยืดสายกับสาวๆบ้างเดี๋ยวน้ำยาผมจะบูดซะก่อน...ฮ่าๆๆๆ”
มานพหัวเราะกวนแล้วตามชาญออกไป ดวงแขมองตามลูกชายแล้วส่ายหน้าระอา

บริเวณลานจอดรถแห่งหนึ่ง นักเลงโอบเอวหญิงสาวคู่ขาเดินกระหนุงกระหนิงนัวเนียมาตามทางจะกลับมาที่รถ
“ไม่เอาน่าพี่...ไปต่อที่โรงแรมเถอะ”
“ไม่ไหวแล้วขอแถวนี้สักดอกนึงก่อน พี่ชอบแบบตื่นเต้นๆ”
“ถ้าอยากหนูจัดให้ได้ แต่ของน่ะอย่าลืม”
นักเลงยิ้มควักกระเป๋าหยิบห่อยาไอซ์ออกมา
“ของพี่มีอีกเพียบ อยากได้เท่าไหร่พี่ไม่อั้น”
“ไปเอามาจากไหนเนี่ย...เยอะจัง”
นักเลงไม่ทันจะตอบก็โดนกระชากคออย่างแรงออกมา หยกนั่นเองที่กระชากตัวนักเลงคนนั้นมากระหน่ำประเคนหมัดเข่าศอกใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว
“เฮ้ย...มึงเป็นใครวะ”
หยกไม่พูดอะไรง้างหมัดซัดเข้าหน้า แต่คราวนี้นักเลงหลบได้แล้วชักมีดออกมา

“ไม่ยอมบอกใช่มั้ย ได้...เดี๋ยวจะกระซวกให้พูดเอง”

นักเลงจู่โจมใช้มีดพกไล่ฟัน หยกเอี้ยวตัวหลบแล้วตอบโต้กลับบ้างแต่ก็พลาดโดนบาดเลือดซิบๆ
นักเลงได้ใจที่เล่นงาน หยกได้ก็จู่โจมต่อทันทีแต่คราวนี้หยกโชว์ทีเด็ดใช้สองมือรับมีดแล้วบิดแขนทีเดียวมีดกระเด็น ก่อนที่จะตามด้วย จระเข้ฟาดหางทีเดียวมันลงไปเลือดกบปากเกือบหมดสภาพยอม หญิงสาวที่มาด้วยเห็นท่าไม่ดีจะรีบวิ่งออกไปแต่เจอเก่งเข้ามาพอดีเลยชนเข้าไปเต็มๆ
“จะไปไหน”
หญิงสาวหน้าตื่น
“หนู...หนูไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นนะ”
“งั้นก็หุบปากไป...เข้าใจใช่มั้ย”
หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างกลัวๆ เก่งเลยปล่อยตัวไปแล้วเดินเข้ามาที่นักเลง
“ทำดีมากไอ้หยก...เดี๋ยวข้าสอบสวนมันต่อเอง”
เก่งชักปืนออกมาแล้วยิ้มร้าย ขณะที่หยกมองด้วยสายตาหนักใจ

หยกกับเก่งช่วยกันลากศพนักเลงเข้ามาทิ้งลงตรงหน้าตงที่รออยู่ ตงหันมามองศพแล้วเงยหน้ามองเก่งกับหยก
“ได้เรื่องอะไรมามั่ง”
เก่งเอาห่อยาไอซ์ที่ได้จากตัวนักเลงมายื่นให้
“ผมตรวจดูแล้ว...เป็นยาของเราแน่ครับเสี่ย”
“ของๆฉัน...แล้วทำไมถึงมาอยู่กับไอ้พวกกระจอกพวกนี้ได้”
หยกเล่า
“มันบอกว่ามีคนมาปล่อยให้ในราคาถูกกว่าท้องตลาดมากกว่าครึ่ง”
ตงแค้นๆ
“ฝีมือไอ้พวกพยัคฆ์เมฆา”
“ครับเสี่ย...แล้วก็ไม่ใช่แค่ไอ้หมอนี่คนเดียว แต่ยาของเสี่ยถูกปล่อยกระจายไปทั่วทั้งเมือง เน้นเฉพาะพวกแกงค์เล็ก แกงค์น้อยฝีมือดีๆที่ยังไม่เข้าสังกัดกับใคร”
ตงฟังหยกเล่าแล้วเจ็บใจ ขบกรามจนขึ้นสันกำหมัดแน่น
“แผนกวาดต้อนคนไปเป็นพวกของมัน ไอ้เวรเอ้ย”
ตงโกรธมากชักปืนออกจากเอว แล้วยิงใส่ศพอย่างหงุดหงิด เปรี้ยงๆๆๆๆๆ
“ต่อให้พลิกแผ่นดิน ขึ้นสวรรค์ลงนรก กูจะตามล่าไปถลกหนังพวกมึง”
หยกยืนดูความโมโหโกรธาของตงแล้วรู้สึกใจคอไม่ดี

ค่ำนั้น...หยกเข้ามาในเซฟเฮ้าส์รายงานเรื่องราวกับผู้การสมิง ธงรบที่ฟังอยู่ด้วยพูดขึ้น
“ถ้าเป็นอย่างที่แกว่ามาก็สมควรที่ไอ้เสี่ยตงมันจะคลั่งแล้ว สู้กับคนยังรู้ว่ายิงตรงไหน แล้วตาย แต่สู้กับผีนอกจากจะยิงไม่ตาย ยังต้องรอให้มันโผล่มาเล่นงานอีกต่างหาก”
หยกหนักใจ
“ฝีมือไอ้พวกนี้มันน่ากลัวมากนะครับผู้การ ลำพังเสี่ยตงคนเดียวผมยังหาทางลากคอเข้า คุกไม่ได้ แล้วถ้าพวกพยัคฆ์เมฆาขึ้นมาใหญ่อีก...”
ธงรบเจ็บแค้น
“บ้านนี้เมืองนี้ก็คงได้ลุกเป็นไฟเพราะพวกมาเฟียไง”
ผู้การสมิงถอนใจ
“ฉันเองก็ให้หมวดณรงค์คอยติดตามหาข่าวแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้อะไรมากมาย นอกจากข้อมูลที่เหมือนกับที่หยกได้มา”
“ผมว่าคนที่อยู่เบื้องหลังพยัคฆ์เมฆาต้องไม่ธรรมดา มันต้องรู้จักแวดวงมาเฟียดี ทุนของ มันก็ต้องหนาพอสมควร ไม่งั้นมันคงไม่ปิดข่าวตัวเองได้เงียบขนาดนี้”
ผู้การสมิงฟังหยกแล้วครุ่นคิด
“ตอนนี้แกงค์หมาบ้าของเสี่ยตง คือเป้าหมายที่กำลังโดนมันเพ่งเล็ง แต่ฉันเชื่อว่าคงไม่ใช่ แกงค์เดียวที่มันคิดจะเล่นงานแน่”

เจ้าสัวเล้งเดินเข้ามาบริเวณท่าเรือยามค่ำคืน พร้อมกับลูกน้องอีก 2 คนที่เข้ามาเคลียร์สถานที่คอยดูแล ความปลอดภัยให้อย่างรัดกุม นนท์เตือน
“ระวังนะครับเจ้าสัว...ยิ่งมันนัดให้มาพบที่แบบนี้ ผมยิ่งไม่ไว้ใจ”
เจ้าสัวมองเวลาที่ข้อมือ
“เลยเวลาที่มันนัดไว้มากแล้ว ฉันว่าแกส่งคนไปดูรอบๆดีกว่า”
“ครับ”
นนท์หันไปพยักหน้าให้ลูกน้องทั้ง 2 คนออกไปสำรวจ

บริเวณมุมเปลี่ยวของท่าเรือ ลูกน้องเจ้าสัวเล้งถือไฟฉายส่องหาความผิดปกติ ระหว่างนั้นคมทวนก้าวออกมา จากมุมมืดอย่างเงียบกริบ พอลูกน้องได้ยินเสียงคนข้างหลังก็หันมาเจอคมทวนกระแทกหมัดเข้าหน้า แล้วตามไปซ้ำอีกสองสามหมัดจนหมดสติ ลูกน้องอีกคนตามเข้ามาเห็นพอดีเลยชักปืนจะยิง แต่คมทวนจู่โจมอย่างรวดเร็วเข้าไปยื้อแย่งปืนเอาไว้พร้อม กับเสียงปืนที่ดังขึ้น 1 นัด...เปรี้ยง!
นนท์ได้ยินเสียงปืนก็ตกใจรีบชักปืนออกมา แล้วเข้ามาคุ้มกันเจ้าสัวเล้งเอาไว้อย่างระมัดระวัง
“ไว้ใจไม่ได้แล้วครับเจ้าสัว...ผมว่าไปจากที่นี่เถอะ”
“แต่ฉันอยากรู้เรื่องของพราวแสง”
“แต่นี่มันอาจจะเป็นกับดัก ผมปล่อยให้เจ้าสัวเสี่ยงอันตรายไม่ได้”
นนท์พูดไม่ทันขาดคำโทรศัพท์นนท์ก็ดังขึ้น ทั้งคู่ชะงัก เจ้าสัวรีบเอาโทรศัพท์ของนนท์มากดรับเอง
“แกเป็นใคร...แน่จริงก็ออกมาซึ่งๆหน้าสิวะ”
คมทวนซึ่งยืนหลบคุยโทรศัพท์อยู่ในมุมมืด
“ฉันบอกให้แกมาคนเดียว”
“แกเล่นงานคนของฉัน ถ้าไม่ออกมา ฉันจัดการแกแน่”
“ฉันไม่ได้ฆ่าลูกน้องแก...ถ้าแกไม่อยากรู้เรื่องของพราวแสงก็ตามใจ”
“เดี๋ยว !!”
นนท์รีบขัด
“เจ้าสัวอย่าไปคุยกับมันเลยครับ มันกำลังหลอกล่อเจ้าสัวอยู่”
เจ้าสัวเล้งฟังคมทวน แล้วตัดสินใจกดตัดสายก่อนจะยื่นคืนให้นนท์
“รีบไปจากที่นี่เถอะครับ”
นนท์หันหลังเดินนำไปแ ต่ได้แค่ไม่กี่ก้าวก็โดนเจ้าสัวจับล็อคคอเอาไว้แน่นจนนนท์หมดสติคามือทรุดลงไปนอนสลบ คมทวนจึงเดินออกมาพร้อมกับปืนที่ยึดมาจากลูกน้อง คมทวนยกปืนส่องไปที่หน้าเจ้าสัวเล้งแววตาเอาเรื่อง

ผู้การสมิง ธงรบ หยก ทั้งสามคนยังคงปรึกษากัน
"ถ้าไอ้พวกพยัคฆ์เมฆาคิดจะก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่แทนที่คนอื่นจริงๆ งั้นนอกจากแกงค์ ของไอ้เสี่ยตงที่จะตกเป็นเป้าโจมตีแล้ว ก็เหลือ...”

ธงรบยังพูดไม่จบ หยกแทรกขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น