บ่วงรัก ตอนที่ 11
ขณะเดียวกันพรรณีกับพิณทองอยู่ในห้องทำงานของสารวัตรเจ้าของคดีเพชรแท้บนโรงพัก
“ลูกชายของดิฉันไม่ได้ทำจริง ๆ นะคะ เขาจะทำอย่างนั้นกับพ่อแท้ๆ ของเขาได้ยังไง”
สารวัตรมองหน้าพรรณีขณะบอกเหตุผล “ก็เพื่อเงินไงครับ คุณเห็นพินัยกรรมของคุณธานินทร์หรือยัง นายเพชรแท้ลูกคุณ ได้เป็นร้อยล้าน”
“แต่พี่เพชรไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะ” พิณทองว่า
“เงินน่ะมันเปลี่ยนคนได้นะหนู ความจริงพวกคุณควรจะถูกสงสัยด้วยซ้ำไปว่าสมรู้ร่วมคิดกับนายเพชรแท้ด้วยหรือเปล่า โชคดีที่หลักฐานมันสาวไปไม่ถึง”
พรรณีกับพิณทองสะอึกไป
“ผมว่าทางที่ดี คุณควรไปกล่อมให้เขายอมรับสารภาพซะ ศาลท่านอาจจะเมตตาลดโทษให้บ้าง ผมพูดจริงๆ นะ โทษฐานฆาตกรรมบุพการีเพื่อทรัพย์มรดกนี่มันถึงประหารนะ”
คำพูดของสารวัตรทำเอาพรรณีใจหล่นวูบ ตกตะลึง พิณทองเองก็ตกใจไม่ต่างกัน ทั้งคู่กอดกันร้องไห้
ที่เมรุเผาศพภายในวัดตอนค่ำวันนั้น เจ้าหน้าที่ของวัดสองคนช่วยกันยกแผ่นปูนขึ้นมาปิดที่ช่องบรรจุศพ ภายในนั้นมีโลงศพของธานินทร์วางอยู่ข้างในเพื่อเตรียมเผา
ห่างออกมาชนะศึกถือรูปของธานินทร์ โดยมีชนกนันท์ถือกระถางธูปร้องไห้ไปด้วย ขณะที่อังคณายืนมองไปที่บรรจุศพอย่างสงบนิ่ง ในบริเวณนั้นยังมีบรรดาคนรับใช้ 2 คนขับรถ ศักดากับมนตรี และเรืองโรจน์ รวมทั้งพนักงานระดับผูบริหารในบริษัทอีก 2-3 คน รวมอยู่ด้วย
เจ้าหน้าที่ของวัดปิดฝาเรียบร้อยก็หันมาบอกอังคณา ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นไหว้เคารพศพอีกครั้ง
อังคณาหันมาบอกกับทุกๆ คน “ไปรอที่รถกันก่อนนะ แม่จะอยู่กับพ่อเขาอีกซักแป๊บ แล้วจะตามไป”
ชนะศึกรับคำ คิดว่าแม่คงจะอยากอยู่คุยกับพ่อเป็นการส่วนตัว หันไปพยักหน้ากับ คนอื่นๆ แล้วทุกคนก็เดินออกจากบริเวณนั้นไป
อังคณารอจนทุกคนออกไปแล้ว ก็หันมาที่บรรจุศพ เหยียดยิ้มร้ายเยาะเย้ยด้วยวาจา
“ขอโทษด้วยนะ ธานินทร์ ที่ต้องทำกับคุณแบบนี้ แต่ไหนๆ คุณก็กำลังจะตายอยู่แล้วนี่ ตายแบบนี้ อย่างน้อยก็ยังมีประโยชน์กับลูกเมียบ้าง ดีกว่าตายไปเปล่าๆ หวังว่าคุณคงเข้าใจฉันนะ”
อังคณาจ้องมองไปที่ภาพของธานินทร์เหนือที่บรรจุศพ ยิ้มหยันอย่างเกลียดชัง
ครั้นอังคณาเดินออกมา รู้สึกเหมือนมีใครเดินตามอยู่ข้างหลัง จึงหยุดกึกเหลียวหันไปมอง แต่ไม่มีอะไร พอหันกลับมาก็เจอเรืองโรจน์ยืนประชันหน้าอยู่ระยะประชิด อังคณาตกใจ
“คุณอังคณา”
อังคณาถามเสียงขุ่น “มีอะไร”
“เรื่องเดิม” เรืองโรจน์ว่าเรียบๆ อังคณาชักสีหน้า “ผมมาคิดดูแล้ว เงินที่คุณให้ผมมันน้อยไปมาก เมื่อเทียบกับงานที่ผมทำให้คุณ”
อังคณาของขึ้น “นี่...แก ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าให้ระวังตัว มาพูดที่นี่ได้ไง เดี๋ยวมีคนได้ยิน”
เรืองโรจน์ยิ้มพูดยั่ว “ได้ยิน...กลัวคนอื่นรู้เหรอว่าผมทำงานให้คุณ”
ระหว่างที่อังคณากับเรืองโรจน์กำลังคุยกันอยู่นั้น ชนกนันท์เดินมาตามอังคณาพอดี
“ถ้าคนอื่นรู้ คุณลำบากแน่” เรืองโรจน์ยิ้มเยาะขณะขู่ “ถ้าคุณชนะศึกกับคุณนกรู้ล่ะก็...”
อังคณาตวาด “หยุดนะ” เรืองโรจน์หยุด แต่ยังยิ้มร้ายยั่ว “ฉันบอกแล้วไง ว่าลูกฉันจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้”
ชนกนันท์เดินมาถึงทันได้ยินประโยคท้ายพอดี เลยแอบฟัง
“ถ้างั้น คุณอังคณาก็คงรู้ใช่ไหมครับ ว่าจะปิดปากผมได้ยังไง”
อังคณานิ่งไป ก่อนจะตัดสินใจหลอกเรืองโรจน์ ซื้อเวลา
“รอให้ศาลตัดสินคดีไอ้เพชรแท้ก่อน ฉันจะจัดการให้”
“ครับ ผมจะรอ”
เรืองโรจน์เดินออกไป อังคณามองตามอย่างขุ่นเคือง
ชนกนันท์ค้างคาใจสงสัยในสิ่งที่ได้ยิน
ขณะที่อังคณาเดินเข้าบ้าน และกำลังขึ้นบันไดไปยังชั้นบนด้วยท่าทางหงุดหงิด ชนกนันท์เดินตามมามองอังคณาเหมือนมีอะไรในใจ
“แม่คะ”
อังคณาถามขณะเดินต่อ “อะไร”
“นกมีอะไรอยากถามแม่หน่อย”
อังคณาไม่ได้ใส่ใจนัก “ว่ามาซีลูก”
ชนกนันท์อ้ำอึ้งไปนิดหนึ่ง รอจนอังคณาหันหน้ามามอง
“ว่ายังไง ยัยนก มีอะไรจะถามแม่”
“เมื่อกี๊ ตอนอยู่ที่วัด พี่ชนะเห็นแม่หายไปนาน เลยให้นกเดินไปตามแม่”
อังคณาชะงักกึก “แล้วไง”
“นกได้ยินแม่คุยกับเรืองโรจน์”
อังคณาย้อนถามเสียงเครียด “ได้ยินอะไร”
“ตอนท้ายๆ ก่อนมันจะไป เห็นมันพูดว่าแม่ให้มันทำงานอะไรซักอย่าง ที่นกกับพี่ชนะรู้ไม่ได้”
อังคณาอึ้งไป
“งานอะไรคะคุณแม่”
อังคณาไม่ตอบ เดินไปที่ประตูหน้าห้อง ชนกนันท์ตามยื้อจะรู้ให้ได้
“คุณแม่คะ บอกนกซีคะ คุณแม่กับเรืองโรจน์ทำอะไร ทำไมนกถึงรู้ไมได้ คุณแม่ให้มันทำอะไรคะ”
“เรื่องของผู้ใหญ่ เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่ามายุ่งเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลยยัยนก”
อังคณาตัดบทแล้วเดินเข้าห้อง ปิดประตูปัง
ชนกนันท์อึ้ง ยิ่งแปลกใจคาใจ เพราะที่ผ่านมาอังคณาไม่เคยทำแบบนี้กับตนมาก่อน
อังคณาเข้ามาในห้อง ยิ่งกระวนกระวายใจ
“บ้าจริง! มันชักจะยุ่งกันไปใหญ่แล้ว”
อังคณานั่งลง ถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม
เช้าวันต่อมา พรรณีและพิณทองพากันมาอยู่ที่โรงพัก นั่งรอเยี่ยมเพชรแท้ ทั้งคู่รู้สึกใจไม่ดี เป็นห่วงและกังวลหนัก
สักครู่หนึ่ง ผู้คุมนำตัวเพชรแท้เข้ามา พรรณี และพิณทองเห็นเพชรแท้ในสภาพถูกใส่กุญแจมือ และโซ่ล่ามเท้า พรรณีร้องไห้ซ่อนหน้าทนดูไม่ได้
ทั้งสามคนนั่งคุยกัน โดยมีผู้คุมยืนอยู่ด้านหลังเพชร พรรณีเอื้อมมือไปจับมือลูกชาย เพชรแท้ส่งมือให้
“แม่เป็นห่วงเพชรเหลือเกิน แล้วนี่ตำรวจเขาว่ายังไงบ้าง”
“เขาก็เอาเพชรไปถามโน่นถามนี่ทุกวัน ยังไงๆ เพชรก็ยืนยันว่าเพชรไม่ได้ทำ”
“แล้วเขาทำอะไรพี่เพชรหรือเปล่า”
เพชรแท้ส่ายหน้า ไม่อยากบอกให้พิณทองทุกข์ใจ พรรณีมองออก
“อดทนนะลูก แม่กำลังหาทางประกันตัวเพชรอยู่ แม่จะเอาเพชรออกไปให้ได้”
“เพชรจะรอจ้ะ...แม่...ออกไปได้เมื่อไหร่...เพชรจะล่าตัวไอ้คนที่มันฆ่าพ่อด้วยตัวเองเลย” เพชรแท้บอกแววตามุ่งมั่นมาก
พรรณีมองเพชรแท้ ร้องไห้โฮ สงสารลูกจับใจ
ที่หน้าเรือนจำ ชนะศึกเดินมากับทนายจรัล สั่งอะไรสองสามคำเกี่ยวกับคดี
“ผมไม่ได้จะก้าวก่ายงานของตำรวจ แต่อยากให้คุณติดตามดูให้แน่ใจ ผมอยากให้ทุกอย่างมันรัดกุมแน่นหนาที่สุด ไม่ให้ไอ้เลวนั่นมันหลุดรอดไปได้”
“ผมเข้าใจครับ”
“ดี ทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุด นึกซะว่าเห็นแก่คุณพ่อ”
“ครับ” จรัลรับคำ
ชนะศึกมองไปเห็นพิณทองกับพรรณีเดินออกมา ชนะศึกชะงัก หันไปบอกทนาย “คุณเข้าไปก่อน เดี๋ยวผมตามไป”
จรัลเดินไปแล้ว ชนะศึกมองไปที่พิณทอง ทั้งรักทั้งคิดถึง แต่ก็ยังเจ็บใจอยู่
พรรณีกับพิณทองเดินออกมา พรรณีนึกขึ้นได้
“ตายจริง แม่ลืมกระเป๋าที่ฝากไว้กับผู้คุม”
“เดี๋ยวพิณไปเอาให้จ้ะ”
“แม่ไปเอาเอง พิณรอตรงนี้นะลูก”
พรรณีเดินไปอย่างเร็วรี่ พิณทองยืนมองตามแม่ไป จนได้ยินเสียงดังขึ้นด้านหลัง
“ไม่นึกว่าจะเจอเธอที่นี่”
พิณทองหันมา พอเห็นเป็นชนะศึกก็ชะงัก วูบแรกความรู้สึกเก่าๆ ก็หวนคืนมา แต่พิณทองก็รีบสลัดความรู้สึกนั้นออกไปก่อนจะเดินหนี
“พิณทอง” ชนะศึกเดินมาขวางทางไว้ “เป็นอะไร เดี๋ยวนี้เราพูดกันไม่ได้เลยเหรอ”
พิณทองเบือนหน้าหนี “พิณไม่อยากพูดกับคุณ”
ชนะศึกชะงัก “ไม่อยากพูดกับฉัน”
พิณทองพยักหน้า ไม่ยอมมองหน้าชนะศึก
ชนะศึกมองพิณทองอย่างน้อยใจ
“งั้นก็ตามใจเธอ”
พิณทองหันตัวหนี ชนะศึกมอง ก่อนจะตัดใจหันหลังกลับ เดินไปเลย
พิณทองใจหล่นวูบ แต่พยายามกลั้นใจ ไม่ยอมหันไปดูชนะศึก น้ำตาคลอ พูดกับตัวเอง อย่างขมขื่น
“คนใจร้าย”
พิณทองน้ำตาไหลรินออกมา
ภายในห้องสอบสวน สารวัตรเจ้าของคดีกำลังสอบปากคำเพชรแท้ด้วยตัวเอง
“หลักฐานมันมัดแกแน่นมาก ว่าแกวางแผนฆ่าคุณธานินทร์ เพราะหวังมรดก ฉันว่าแกสารภาพมาซะดีกว่า โทษหนักจะได้เป็นเบา”
“ก็ผมไม่ได้ทำ”
สารวัตรตบโต๊ะ “ไม่มีใครเชื่อแกหรอก แกบอกความจริงมาดีกว่า แกใช้ปืนนั่นยิงคุณธานินทร์ใช่ไหม”
“ผมไม่ได้ทำ ผมจะฆ่าพ่อตัวเองทำไม” เพชรแท้ยืนกรานคำเดิม
“แต่คืนนั้น มันมีแค่แกที่อยู่กับเขา แล้วปืนก็เป็นของแก แกสารภาพมาดีกว่า แกหลอกพ่อของตัวเองไปฆ่า แล้วเผาบ้านเพื่อกลบเกลื่อนหลักฐานใช่ไหม”
“ผมบอกแล้วไง ผมไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำ คิดดูสิ ถ้าผมทำ...ผมกล้าวางแผนหลอกพ่อไม่ฆ่าขนาดนั้นเนี่ย ผมจะทิ้งปืนไว้ในที่เกิดเหตุทำไม ทิ้งไว้ให้ตำรวจหาเจอหรือไง คิดดู”
สารวัตรนิ่ง คิดตามคำพูดของเพชรแท้
บ่วงรัก ตอนที่ 11 (ต่อ)
ชนะศึกเดินมาตามทางเดินของเรือนจำ โดยมีเจ้าหน้าที่เรือนจำเดินตามหลัง จังหวะนั้นเพชรแท้ถูกคุมตัวเดินผ่านมาพอดี
ชนะศึกเรียกไว้ “เดี๋ยวก่อน ว่าไงไอ้ฆาตกร จวนได้เวลาที่แกต้องชดใช้กรรมหรือยัง”
เพชรแท้อึดอัด “ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่าพ่อ”
“คนอย่างแก ไม่มีสิทธ์มาเรียกพ่อฉันว่าพ่อ”
“เขาก็เป็นพ่อฉันเหมือนกัน”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันควรจะเรียกลูกที่ฆ่าพ่อว่าอะไร...ไอ้ลูกทรพีเหรอ”
เพชรแท้โกรธจัด พุ่งตัวเข้าหาหมายจะทำร้ายเพชร แต่ผู้คุมจับตัวไว้ได้ทัน
“โธ่เอ้ย...ฉันบอกว่าไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำ แต่ฉันยังไม่รู้เท่านั้นแหละว่าใครเป็นคนทำ บางทีอาจเป็นพวกแกก็ได้ที่ทำ อาจเป็นแม่แก น้องแก ใครก็ได้ที่เกลียดฉัน”
ชนะศึกโมโห “แกนั่นแหละที่ฆ่าพ่อฉัน หลักฐานทุกอย่างชี้ชัดอยู่แล้ว ฉันจะทำทุกอย่างให้ศาลเอาผิดแกให้ได้ เพชรแท้...แกต้องรับโทษต้องโดนประหาร ให้สมกับความเลวของแก จำเอาไว้”
เพชรแท้ถ่มน้ำลายใส่หน้าชนะศึก “ถุย...จะบอกให้นะ ถ้าฉันออกไปได้เมื่อไหร่ ฉันจะลากคอฆาตกรตัวจริงมาให้แกดู คอยดูก็แล้วกัน”
ผู้คุมลากตัวเพชรแท้ออกไป ชนะศึกยืนแค้นเข่นเขี้ยวอยู่ตรงนั้น
เวลาต่อมาเรืองโรจน์เดินลงมาที่หน้าคอนโด เจอชนกนันท์เข้ามาขวาง ทักทายเหยียดๆ
“สวัสดี”
เรืองโรจน์แปลกใจ “คุณนก มาที่นี่ได้ยังไงครับ”
“ฉันมีเรื่องจะถาม...แกทำงานอะไรให้แม่ฉัน”
เรืองโรจน์ทำไก๋ แถมตีฝีปากใส่ “งานอะไร ไม่ทราบครับ”
“อย่ามาทำไม่รู้เรื่อง ฉันได้ยินหมดแล้ว เรื่องที่แกคุยกับแม่ที่วัดเมื่อคืนนี้ แกบอกว่าแกทำงานอะไรซักอย่างให้คุณแม่ ทำไมถึงต้องปิดฉัน”
“ทำไมคุณไม่ไปถามคุณแม่คุณเอาเองล่ะ”
“ฉันถามแล้ว” เริ่มโกรธกรุ่นๆ “แม่บอกว่าไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่ฉันอยากรู้ แกบอกฉันมาเดี๋ยวนี้เรืองโรจน์ ระหว่างแกกับคุณแม่ มีความลับอะไรกัน”
“ผมว่าคุณนกเชื่อที่คุณแม่บอกดีกว่า อย่ายุ่งเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของคุณเลย” เรืองโรจน์ยิ้มหยันขณะพูดประโยคต่อมา “เรื่องบางเรื่อง มันไม่น่ารู้เท่าไหร่หรอก รู้แล้วคุณอาจจะถึงขั้นช็อกตายไปเลยก็ได้”
จากนั้นเรืองโรจน์ก็เดินหนี ชนกนันท์โกรธจัด
“แต่ฉันอยากรู้ และฉันสั่งให้แกบอกฉัน”
“คุณสั่งผมไม่ได้หรอก กลับไปถามแม่คุณดีกว่า อ้อ...แล้วไหนๆ ถ้าจะไปหาคุณแม่ ฝากเรียนด้วยนะครับว่าถ้าคุณอังคณาไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผมล่ะก็ ผมอาจจะกลายเป็นคนพูดมากขึ้นมาก็ได้”
เรืองโรจน์หัวเราะหึๆ อย่างเป็นต่อ แล้วเดินขึ้นรถ ขับออกไป ทิ้งให้ชนกนันท์ทั้งโมโห และสงสัยหนักกว่าเดิม
ไม่นานต่อมา ขณะที่อังคณากำลังสั่งให้คนใช้เก็บรูปธานินทร์อยู่ ชนกนันท์เดินทำท่าปึงปังเข้ามาหา
“คุณแม่คะ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
“อะไรอีก”
อังคณาไม่พอใจมาก เดินขึ้นบันไดไป ชนกนันท์เดินตามไม่ลดละ
อังคณาเดินมาถึงหน้าห้องนอนแล้ว ชนกนันท์ตามมาติดๆ อังคณาชักหงุดหงิด รู้ว่าลูกสาวจะพูดเรื่องของตัวเองกับเรืองโรจน์
“แม่บอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้ยุ่งกับเรื่องนี้อีก พูดไม่เชื่อหรือยังไง”
พูดจบอังคณาทำท่าจะเปิดประตูเข้าห้อง แต่ถูกชนกนันท์ขวางไว้
“จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไงคะ เมื่อก่อนมีอะไรแม่ก็บอกนกทุกอย่าง ทำไมเดี๋ยวนี้ต้องมีความลับกันด้วย”
“แม่ก็มีเรื่องของแม่ ถอยไป แม่ไม่อยากพูดกับแกแล้ว”
“ทำไมคะ ทำไมพูดไม่ได้ มีเรื่องอะไรเหรอคะที่นกรู้ไม่ได้ บอกนกมานะแม่ ว่าแม่กับเรืองโรจน์ทำอะไรกัน ทำไมให้ใครรู้ใครเห็นไม่ได้
ชนกนันท์จับแขนอังคณาเขย่าถามคาดคั้น
“บอกนกมานะแม่ ว่าแม่กับมันมีความลับอะไร นกเห็นแม่กับมันงุบงิบกันตั้งแต่ก่อนคุณพ่อเสียแล้ว แถมมันยังฝากมาทวงสัญญากับคุณแม่ด้วย บอกนกมาดีกว่า คุณแม่กับมันมีสัญญาอะไรกันเหรอคะ อย่าบอกนะว่าคุณแม่กับมัน...”
อังคณาสติแตกตบปากลูกสาวดังเผียะ ชนกนันท์ตะลึง ตกใจ
“ชนกนันท์ อย่าลืมนะว่าฉันเป็นแม่ของเธอ จะพูดอะไรก็ให้ระวังปากเอาไว้ด้วย เธอจะคิดว่าแม่ทำอะไรก็ตามใจ แต่อย่าคิดว่าแม่จะใฝ่ต่ำถึงเพียงนั้น”
อังคณาเดินหนีเข้าห้องนอนไป
ชนกนันท์ตื่นตะลึง น้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมา เสียใจมาก รำพึงกับตัวเอง
“แม่...แม่ทำกับนกอย่างงี้ได้ยังไง”
ส่วนอังคณาเดินเข้ามาในห้อง สั่นเทิ้มไปทั้งตัว
“บ้าจริง ฉันทำลงไปได้ยังไง” พลางก้มมองดูมือตัวเองที่ตบชนกนันท์เมื่อกี๊ “เรืองโรจน์นะเรืองโรจน์ ทำไมถึงได้ทำแบบนี้”
อังคณาเครียดจัด
วันต่อมา พรรณีบากหน้าพาตัวเองมาอยู่ที่บ้านเจ๊วิไล เจ้าของ “วิไล เงินกู้” ที่เคยยึดจักรเมื่อครั้งก่อน ภายในบ้านนอกจาก พรรณี ยังมีพิณทอง และป้าสำอางค์ นั่งคุยอยู่ด้วย
วิไลมองจิกพรรณี หัวจรดเท้า “อ๋อ ตกลงก็ยังเป็นช่างเย็บผ้าอยู่เหมือนเดิม แล้วรายได้เดือนเท่าไหร่ล่ะ”
สำอางค์ตอบแทน “ตอนนี้พรรณีเขาเป็นลูกจ้างรายวัน อยู่ที่ร้านสุรีรัตน์ ร้านใหญ่เลยนะ เขารับตัดชุดแต่งงานชุดนึงเป็นหมื่นๆ ใช่ไหมพรรณี”
“ใช่จ้ะ” พรรณียิ้มๆ
“ชุดน่ะเป็นหมื่น แต่ค่าแรงเธอน่ะเท่าไหร่ วันละห้าร้อย หรือแปดร้อย” พรรณีจ๋อย “แล้วจะเอาที่ไหนมาส่งฉัน เงินประกันลูกเธอตั้งแปดแสน เธอต้องส่งฉันเดือนละหมื่นนึงนะ”
“ยังไงก็ต้องไหวจ้ะ ลูกชายฉันทั้งคน”
“หนูจะหางานทำ ช่วยแม่ด้วยจ้ะ เราจะช่วยกันหาเงินมาให้ป้าให้ได้” พิณทองว่าเสริม
วิไลด่าจิกหัวพิณทอง “อวดเก่ง! ถ้าหาได้จริง ทำไมไม่มาใช้หนี้เก่าซะทีล่ะ ไม่เอาหรอก ของเก่าไม่ใช้ ของใหม่จะมายืมอีก”
พรรณีอ้อนวอน “เมตตาฉันด้วยเถอะนะจ๊ะ เจ๊วิไล นึกว่าเอาบุญ”
“บุญอะไร ฉันตักบาตรปีละหนก็พอแล้ว” ลุกหนีเลย “เงินฉันเก็บไว้เฉยๆ ไม่เน่าไม่เสีย ทำไมต้องเอามาเสี่ยงกับพวกเธอ ทั้งแม่ทั้งลูกมีแต่น้ำลายทั้งนั้น หลักทรัพย์อะไรก็ไม่มี ไปๆๆ พากันออกไปได้แล้ว เสียเวลาทำมาหากิน”
วิไลไล่ตะเพิดพรรณีกับพิณทองช่วยกันวิงวอน
“เจ๊ เจ๊จ๋า...ช่วยเหลือกันซักครั้งเถอะจ้ะ”
“ช่วยพี่ชายหนูด้วยนะคะ ป้า หนูไหว้ล่ะ”
วิไลไม่ยอม สุดท้ายสำอางค์ตัดสินใจ
“เอางี้เจ๊วิไล” สำอางควักโฉนดที่ดินออกมาจากกระเป๋าสะพายใบใหญ่ “ถ้าอยากได้หลักทรัพย์ค้ำประกันล่ะก็...เอาของฉันไปก็แล้วกัน”
พรรณีตะลึงมองสำอางค์อย่างเกรงใจ “พี่...”
สำอางค์มองหน้าวิไล “ฉันมีเท่านี้”
วิไลกระชากไปดู
“โฉนดอะไรของแก”
“ที่นาของแม่ฉัน อยู่ที่สุโขทัยนู่น ทั้งหมดหกสิบกว่าไร่ ชั่วๆ ดีๆ ก็คงพอมีราคาบ้างล่ะ”
พรรณีสะท้อนใจ “พี่สำอางค์ นี่มันมรดกตกทอดของแม่พี่นะ ตั้งแต่ปูย่าตายาย ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”
“เฉยไว้เหอะน่า ฉันจัดสินใจแล้ว ไหน ๆ จะช่วยแล้ว ก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด” สำอางค์หันไปเจรจากับวิไล “ว่ายังไงเจ๊ ตกลงจะประกันหลานฉันให้ไหม”
วิไลมองโฉนดแล้วมองสำอางค์ นิ่งคิด ไม่ยอมตอบ
ไม่นานต่อมาตรงร้านรับจ้างเย็บผ้าริมฟุตบาท เป็นร้านเล็กๆ มีเพียงจักรเย็บผ้าตั้งไว้ รับงานเย็บ ปะ ซ่อม เล็กๆ น้อยๆ ลูกค้าละแวกนั้น พรรณีกำลังยืนคุยกับเจ๊เจ้าของที่ท่าทางใจดี
“คิดค่าเช่าวันละร้อย เปิดร้าน เก้าโมง ปิดสองทุ่ม เธอจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ เข็มกับด้ายต้องหามาเองนะ”
“จ้ะ”
“แถวนี้มีคนผ่านเยอะแยะ ถ้าขยันนะ วันหนึ่งๆ เธอต้องได้กำไรอยู่แล้ว”
พรรณียิ้ม ดีใจ “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีซีจ๊ะ ฉันจะได้เก็บเงินเอาไว้ช่วยลูก”
“ถ้างั้นฉันไปก่อนนะ”
เจ๊เจ้าของที่เดินออกไป พรรณีเดินไปดูจักรใกล้ๆ สำรวจดูนั่นดูนี่
เวลาเดียวกันอังคณานั่งอยู่ที่เบาะหลังในรถหรู ที่มีศักดาเป็นคนขับ รถแล่นมาบนถนนสายหนึ่ง อังคณาคุยโทรศัพท์อยู่กับเรืองโรจน์ สุ้มเสียงไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“วันก่อนทำไมพูดกับยัยนกอย่างนั้น ฉันบอกแล้วใช่ไหมเสร็จงานแล้วฉันจะจัดการให้ พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง...ไม่ต้องมาเตือนฉัน งานแกเองก็ยังไม่เสร็จ แล้วรู้ไหมจะมีคนประกันตัวไอ้เพชรออกมา แบบนี้จะให้ฉันนิ่งนอนใจได้ยังไง”
อังคณากดวางไป ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด
“แค่จะเอาคนเข้าคุก ไม่รู้จะต้องพิจารณาอะไรกันให้วุ่นวาย เสียเวลาเหลือเกิน”
รถแล่นขยับไปได้อีกนิดหน่อย จู่ๆ มีรถยนต์เสียจอดขวางอยู่ข้างหน้า ศักดาหยุดรถ
อังคณาแหวใส่ “อะไรอีกละ”
“รถเสียครับ”
“ก็แซงไปซี”
โลกแคบอะไรอย่างนี้ อังคณานั่งเซ็งพลางกวาดสายตามองไปด้านนอกรถ แต่แล้วก็หันไปเห็นพรรณีนั่งรับจ้างเย็บผ้าอยู่ที่ริมถนน มีลูกค้าเอากางเกงยีนส์มาให้ซ่อม อังคณาชะงัก ความไม่พอใจยิ่งพุ่งพล่านมากขึ้นอีก จึงสั่งศักดา
“เดี๋ยวๆ เข้าไปจอดในซอยทางนั้นหน่อย”
“จอดทำไมเหรอครับ”
อังคณารำคาญคำถามของศักดา “ฉันมีธุระ”
ศักดาไม่ค่อยเข้าใจ แต่พอถึงซอยก็เลี้ยวเข้าไปจอด
“รออยู่ที่นี่แหละ”
อังคณากำชับขณะลงจากรถ เหมือนมีแผนใจใน
เวลานั้นมีลูกค้ามาสั่งงานแล้วเดินออกไป พรรณีทำหลอดด้ายตก หลอดกลิ้งไปพรรณีมองตามไป เห็นเป็นเท้ามีเท้าใครคนหนึ่งเหยียบหลอดด้ายไว้ พรรณีเงยหน้าขึ้นมองเห็นเป็นอังคณา ที่กำลังแสยะยิ้มมองหน้าท่าทางสะใจ พรรณีมองอังคณาอย่างโกรธแค้น
“แก!”
อังคณาก้มลงเก็บหลอดด้ายถือไว้ในมือ เดินเข้ามาใกล้พรรณี
“มาหากินอยู่แถวนี้เองเหรอ ที่จริงที่นี่ก็เหมาะกับแกดีนะ ข้างถนน”
พรรณีมองหลอดด้าย “เอาคืนมานะ”
อังคณาทำเหมือนจะส่งหลอดด้ายให้ พรรณีรับ แต่แล้วอังคณาก็ปล่อยหลอดด้ายทิ้งลงที่พื้น
พรรณีโกรธ อังคณาสะใจ พูดเหยียดเย้ย
“กำลังหาเงินประกันลูกเหรอ คิดเหรอว่าไอ้งานเย็บผ้าขี้ริ้วกระจอกๆ มันจะช่วยได้” พลางหยิบผ้าที่อยู่บนจักรทิ้งลงพื้น) อย่าหวังเลย ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้มันได้ออกมา”
“เพชรมันจะต้องได้ออกมา เพราะมันไม่ผิด ดวงวิญญาณของคุณธานินทร์ต้องช่วยมัน ดลใจให้ตำรวจจับตัวคนที่ฆ่าเขาให้ได้ มันจะต้องได้รับโทษ ชดใช้สิ่งที่มันทำกับเขา คอยดูซี พอลูกฉันได้ออกมา เขาจะต้องพิสูจน์ความจริงได้ แล้วคนที่จะต้องเข้าคุก” มองจ้องอังคณา “อาจจะเป็นแกก็ได้”
“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ”
“เพราะคนที่คิดฆ่าธานินทร์ได้ ก็มีแต่แกเท่านั้น เพียงแต่มันยังไม่มีหลักฐานสาวไปถึงตัวแกแค่นั้น”
อังคณาลอยหน้าบอก “แล้วคิดเหรอว่าหลักฐานมันจะสาวมาถึงตัวฉันได้”
พรรณีอึ้ง ตะลึงงัน “นี่แกหมายความว่า...”
“ใช่ ฉันนี่แหละ ที่ฆ่าธานินทร์ แล้วโยนความผิดให้ลูกแก เป็นไง เจ็บใจไหม ที่ทำอะไรฉันไม่ได้ ฉันเองนี่แหละที่หลอกให้ลูกกับผัวฉันไปเจอกัน แล้วก็เผาบ้านนั้นจนวอดเหลือแต่ขี้เถ้า”
พรรณีแค้นจัด “แก...ไอ้ฆาตกร แกมันชั่ว เลว”
“ใช่ ฉันชั่ว ฉันเลว เพราะฉันต้องการแก้แค้น ที่แกกับผัวฉันทำเจ็บแสบมาก แล้วฉันก็จะทำอีก ฉันไม่หยุดแค่นี้หรอก แกกับฉันจะต้อง...”
พรรณีทนไม่ไหวตบหน้าอังคณาทันทีเสียงดังเผียะ! อังคณาตกตะลึง คาดไม่ถึงโกรธจนตัวสั่น
“กล้าทำฉันเหรอ”
อังคณาปรี่เข้ามาหา แล้วตบหน้าพรรณีสุดแรง พรรณีเซถอยหลังไป อังคณาไม่ยอมหยุดตามไปตบพรรณีอีก พรรณีจะตบตอบ แต่อังคณาจับแขนพรรณีไว้ แล้วผลักจนพรรณีไปกระแทกจักร ล้มลงกับพื้น
“แกกับฉันมันต้องตายกันไปข้างนึง เอาซี...มาเลย...”
อังคณาตบพรรณีไม่เลี้ยง พรรณีไม่มีทางสู้
จนเจ๊เจ้าของร้านมาห้าม ดึงตัวอังคณาออก
“อย่าตีกัน อย่าตีกัน”
เจ๊เจ้าของร้านประคองพรรณีขึ้น พรรณีมองอังคณาอย่างแค้นเคียง
“แกกับฉัน มือคนละชั้นกัน จำไว้”
อังคณาเดินออกไป พรรณีมองตาม ร้องไห้ด้วยความคับใจกับเรื่องที่รู้ว่าอังคณาเป็นคนวางแผนฆ่าธานินทร์
อังคณาเดินกลับมาที่รถ เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งหน้าตาสะใจมาก ระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือดัง อังคณากดรับ
“ฮัลโหล ว่าไง มีอะไร”
เป็นเรืองโรจน์ที่โทร.มา
“ผมมีข่าวไม่ดีครับ ศาลพิจารณาให้ประกันตัวไอ้เพชรแท้แล้ว”
“หา” อังคณาตกใจ “มันได้ประกันตัวแล้วเหรอ”
สีหน้าอังคณาขณะมองไปยังพรรณี ดูออกว่าแค้นอาฆาตและพยาบาทสุดๆ
บ่วงรัก ตอนที่ 11 (ต่อ)
เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพรรณีที่หน้าเรือนจำแล้วเอ่ยขึ้น
“รอตรงนี้ซักครู่นะครับ”
พรรณีพยักหน้ารอคอยด้วยความตื่นเต้น พิณทอง ผึ้ง และป้าสำอางค์รออยู่ด้วย
ครู่หนึ่งนั้นประตูเรือนจำเปิดออก เจ้าหน้าที่คุมตัวเพชรแท้เดินมา ทุกคนมองเพชรแท้อย่างดีอกดีใจ
“เพชร” พรรณียิ้มร้องเรียกลูกชาย
“แม่”
เพชรแท้นั่งคุกเข่าก้มลงกราบพรรณีอย่างตื้นตัน พรรณีนั่งตาม สองแม่ลูกกอดกันกลม
“แม่นึกว่าจะไม่ได้กอดลูกอีกแล้ว” พรรณีพูดพร้อมกับลูบหัวลูบตัวปลอบขวัญ “ขวัญเอ๊ย ขวัญมา นะลูกแม่”
แม่ลูกกอดกันกลม พรรณีหอมเพชรแท้ไปมา สีหน้าเปี่ยมสุข
พิณทองนั่งลงข้างๆ เพชรแท้หันมาหาน้องสาวที่น้ำตาไหลอยู่ ลูบหัวปลอบ
“ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องร้องนะ”
สามแม่ลูกประคองกันลุกขึ้นยืน
เจ้าหน้าที่บอกกับเพชรแท้
“แค่ได้ประกันตัวนะน้อง ไม่ใช่พ้นโทษ ทำตัวดี ๆ ล่ะ ไม่งั้นได้กลับเข้ามาใหม่แน่”
“ผมไม่ก่อเรื่องหรอกครับ”
เจ้าหน้าที่พยักหน้าดุ ๆ และกลับเข้าไป ปิดประตูเรือนจำ
เพชรแท้หันมาทางป้าสำอางค์ ก็นั่งลงกราบที่เท้าอีกคนด้วยความซาบซึ้งตื้นตันใจ
“เพชรขอบพระคุณป้ามากครับ ถ้าไม่ได้ป้าช่วย เพชรคงไม่ได้ออกมา”
สำอางค์ดึงตัวเพชรแท้ให้ลุกขึ้นมา “อะไรกันลูก ไม่เอา ๆ ขึ้นมาเถอะ”
ผึ้งเข้าไปหา “พี่เพชรจ๊ะ ผึ้งดีใจกับพี่เพชรด้วยนะ”
ทั้งหมดกอดกันร้องไห้ด้วยความดีใจ แต่สีหน้าเพชรแท้ยามนี้เหมือนยังมีอะไรติดอยู่ในใจ
เวลาต่อมา ชนะศึกได้รู้ข่าวของเพชรแท้จากทนายจรัล
“ศาลให้ประกันตัวไปแล้วเหรอ บ้าจริง ปล่อยไปได้ยังไง ไอ้นั่นมันฆาตกรฆ่าพ่อผมนะคุณ”
“ตราบใดที่คดียังไม่ตัดสิน นายเพชรแท้ก็เป็นแค่ผู้ต้องสงสัยครับ ศาลสามารถให้ประกันตัวได้”
ชนะศึกงวยงง “แต่ทุกอย่างมันก็ชี้ชัดอยู่แล้ว ทั้งพยานหลักฐาน ทั้งแรงจูงใจ คุณจะเอาอะไรอีก ทำไมศาลไม่ตัดสินลงโทษมันไปเลย รออะไร”
“ใจเย็นๆ ครับ คุณชนะ ถ้านายเพชรแท้ผิดจริง ยังไงก็ไม่รอดแน่ แค่ได้ประกันตัวออกไป ไม่ได้แปลว่าเขาจะพ้นผิด”
“โอเค ก็ได้! แต่คุณจำเอาไว้นะ คุณจรัล ถ้าผมเอานายเพชรแท้เข้าคุกไม่ได้ ผมไม่มีวันเลิกรา”
สีหน้าชนะศึกเต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้น
ตอนเย็นวันนั้น อังคณาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น พูดออกมาอย่างฉุนเฉียว
“แม่ก็ไม่ยอมเหมือนกัน ไอ้นายประกันหน้าโง่คนไหนไปประกันมันออกมา แม่จะไปคัดค้านเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด”
“ตำรวจเขาก็ค้านแล้วล่ะครับ แต่ไม่สำเร็จ”
“แล้วไง จะปล่อยให้มันได้ลอยนวลไปอย่างนี้น่ะเหรอ ไม่ได้นะ ชนะ ลูกต้องทำอะไรสักอย่างซี เอางี้ โทร.ไปนัดผู้การสวัสดิ์เลย ดูซีว่าเขาจะทำอะไรได้แค่ไหน”
“ผมจะนัดให้พรุ่งนี้เลย ผมเองก็อยากทำทุกอย่างให้มันกลับไปอยู่ในคุก” ชนะศึกมองหน้าอังคณา พูดด้วยความแค้น “ใครฆ่าพ่อ ผมไม่ปล่อยหรอก ผมอยากจะให้มันตายตามพ่อไปด้วยซ้ำ”
แม้จะรู้ว่าชนะศึกหมายถึงเพชรแท้ แต่วัวสันหลังหวะอย่างอังคณาก็อดหวั่นใจกับคำพูดของลูกชายไม่ได้
ด้านเพชรแท้อยู่ที่หน้าบ้าน กำลังคิดถึงธานินทร์ และอดเศร้าไม่ได้ พรรณียืนมองอยู่สักครู่ แล้วเดินมาหา
“คิดถึง “พ่อ” เหรอลูก”
เพชรแท้พยักหน้า “เมื่อไม่กี่วันนี้เอง พ่อมาหาเพชรที่บ้านนี่ เพชรไม่นึกเลยว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้ ไม่น่าเลย”
พรรณีหยุดคิดไปนิดหนึ่งก่อนพูดออกมา “เพชร...แม่มีอะไรจะบอก” เพชรแท้หันมามอง “วันนี้ อังคณาเขาไปที่ร้านแม่”
เพชรแท้ฉุนกึก “มันทำอะไรแม่หรือเปล่า”
“ไม่สำคัญหรอก...เรื่องที่เขาพูดกับแม่ต่างหากที่สำคัญ”
“มันพูดอะไร”
“เขาบอกว่า...เขาเป็นคนฆ่าคุณธานินทร์”
เพชรแท้ตกตะลึงตาค้าง “หา”
“เขาพูดอย่างนั้นจริงๆ เขาบอกว่าเขาเป็นคนสั่งฆ่าคุณธานินทร์ แล้วโยนความผิดให้ลูก”
“มันทำอย่างนั้นทำไม เพื่ออะไร” เพชรแท้ไม่อยากเชื่อ
“เขาต้องการแก้แค้นคุณธานินทร์ เขาต้องการแก้แค้นพวกเรา”
เพชรแท้สบถ ดวงตาวาววับ “เลวบัดซบ! ผมนึกอยู่แล้วเชียวว่าอาจจะเป็นมัน” ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น “มันฆ่าพ่อ แล้วมันยังกล้ามาคุยอวดดีอีกเหรอ”
“เขาไม่กลัวหรอก เขาบอกว่าไม่มีหลักฐานที่จะสาวไปถึงตัวเขาได้”
เพชรแท้นิ่งคิดด้วยความแค้น “มันก็ไม่แน่หรอกแม่ ถ้าเราจี้ให้ถูกจุด หลักฐานมันอาจจะหลุดออกมาก็ได้”
“เพชรจะไปทำอะไรเขา...” พรรณีตกใจ “อย่านะ”
“เพชรไม่ทำอะไรใครหรอกแม่ แค่จะหาวิธีพิสูจน์ความจริง เรื่องนี้เท่านั้นเอง”
เช้านั้น ภายห้องนั่งเล่นบ้านอังคณา มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น และกรีดเสียงดังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชนกนันท์จะเดินเข้ามารับสาย
“ฮัลโหล บ้านเลิศชัยวัฒน์ค่ะ”
เป็นเรืองโรจน์ซึ่งอยู่ที่คอนโดโทร.มา
“ขอพูดกับคุณอังคณาหน่อย ผมมีเรื่องด่วน”
ชนกนันท์จำเสียงได้ “คุณแม่อยู่ข้างบน แต่งตัวอยู่ กำลังจะออกไปข้างนอก มีอะไรเหรอ”
“ผมมีเรื่องสำคัญมาก เอาโทรศัพท์ขึ้นไปให้แม่คุณหน่อย” เรืองโรจน์บอก
“บอกฉันมาเลยก็ได้ เดี๋ยวฉันบอกกับคุณแม่เอง”
เรืองโรจน์ไม่ยอม “ไม่ได้ครับ ผมต้องพูดกับคุณอังคณาคนเดียวเท่านั้น”
ชนกนันท์นิ่งไปนิดหนึ่ง “ก็ได้ รอเดี๋ยวนะ”
ไม่นานนัก ชนกนันท์เดินมาหยุดเคาะประตูห้องนอนอังคณา ครู่หนึ่งอังคณาเปิดประตูออกมา
“มีอะไร”
ชนกนันท์ส่งโทรศัพท์ไร้สายให้ “เรืองโรจน์โทรมาหาคุณแม่ค่ะ”
อังคณารับโทรศัพท์มา แล้วมองชนกนันท์เป็นทำนองไล่ให้ไป ชนกนันท์จึงเดินไป แต่ทันทีที่อังคณาปิดประตู ชนกนันท์ก็เดินกลับมา แล้วแอบฟัง
อังคณาพูดสายกับเรืองโรจน์
“เรืองโรจน์เหรอ มีอะไร”
“คนของเราติดต่อมา มันรู้สึกว่ามันกำลังถูกตำรวจตาม”
“ตามทำไม ก็เขาได้ตัวไอ้เพชรแท้แล้ว”
“ผมก็ไม่รู้ มันบอกผมอย่างนั้น”
“แล้วมาบอกฉันทำไม”
“มันต้องการเงินอีกก้อน ซักแสนนึง ไว้สำหรับหนี”
อังคณาโมโหของขึ้นทันที “ก็ฉันให้ไปตามที่ตกลงแล้ว ยังจะมาเรียกร้องอะไรอีก จะหนีก็หนีไปซี เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย”
ชนกนันท์แอบฟังอยู่ที่หน้าห้อง ได้ยินเสียงพูดอังคณาดังลอดออกมา แต่ยังปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้
“แต่ถ้ามันหนีไม่พ้น แล้วถูกจับได้ อันตรายก็จะมาถึงคุณนะครับ คิดให้ดีๆ” เรืองโรจน์ว่า
“ฉันไม่ชอบแบบนี้เลย ฉันไม่ชอบให้ใครมาบีบคั้นฉัน” อังคณาโกรธกรุ่นๆ แต่พยายามระงับอารมณ์ “เช้านี้ฉันมีธุระ คงต้องเย็นๆ โน่น แล้วฉันจะโทรไปบอกอีกทีก็แล้วกัน”
จากนั้นอังคณาก็กดวางสายไป
ขณะที่ชนกนันท์ยังคงพยายามแอบฟังอยู่ แต่แล้วลูกบิดประตูห้องก็ถูกหมุนชนกนันท์ตกใจนิดๆ รีบหันตัวกลับเดินออกไป แต่ดันชนเข้ากับโต๊ะแจกันที่อยู่หน้าห้องจนแจกันล้ม
อังคณาเปิดประตูออกมาพอดี เห็นชนกนันท์กำลังเก็บแจกันก็สงสัย
“ทำไมมาอยู่ตรงนี้”
“เอ่อ นกเพิ่งออกมาจากห้องนก”
อังคณามองลูกสาวอย่างไม่ไว้ใจ ก่อนจะส่งโทรศัพท์ให้ “เอาไปเก็บด้วย แม่จะรีบออกไปธุระ”
ชนกนันท์รับโทรศัพท์มา กำลังจะเดินไป
อังคณาพูดขึ้นมาลอยๆ “การแอบฟังคนอื่นพูดโทรศัพท์ มันเสียมารยาทมาก รู้ไว้ด้วย”
ชนกนันท์อึกอักที่ถูกแม่จับได้ ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง อังคณาเดินผ่านลงไปข้างล่าง
ไม่นานนักชนะศึกขับรถมาจอดที่อาคารจอดรถของโรงแรมแห่งหนึ่ง
“คุณแม่ไปรอที่ล็อบบี้ก่อนเลยก็แล้วกัน ผมจะเอารถไปจอด”
อังคณาเปิดประตูลงจากรถ ชนะศึกขับรถไปวนหาที่จอด
ขณะที่อังคณาเดินมาตามทาง รู้สึกเหมือนมีคนเดินตามมา อังคณาหยุดกึก หันหลังไปมอง เห็นเพชรแท้ยืนหน้าตาเอาเรื่องมองมาอย่างโกรธแค้น อังคณารีบเดินหนี เพชรแท้เดินตามติด แล้วใช้แขนล็อคคออังคณา ใช้อีกมือหนึ่งปิดปาก อังคณาตกใจพยายามดิ้นรนขัดขืนจนมือเพชรแท้หลุดจากปาก
“ปล่อยฉันนะ แกจะทำอะไรฉัน”
“ก็ทำให้แกสารภาพความจริงไง”
“ความจริงบ้าอะไร”
“ที่แกจ้างคนไปฆ่าพ่อฉัน แกบอกกับแม่ฉันว่าแกเป็นคนทำ ใช่ไหม”
“ถ้าฉันไม่พูด แกจะทำอะไรฉัน”
“ฉันจะทำทุกอย่างจนกว่าแกจะพูด”
เพชรแท้ก้าวเข้าไปดึงแขนอังคณา กำหมัดแน่นยกมือจะต่อย
อังคณาลอยหน้ายั่ว “เหรอ เอาซี ทำเลย อยากทำอะไรก็ทำ เอาให้มีแผลด้วยนะ ฉันจะได้ใช้เป็นหลักฐานลากแกกลับเข้าคุก ในข้อหาข่มขู่พยาน”
เพชรแท้นิ่งคิด แล้วใช้มือมาบีบคออังคณาแทน “ยังคิดว่าตัวเองเก่งอีกเหรอ ฉันจะฆ่าแกให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้”
“แกกล้าเหรอ ถ้ากล้าก็ทำเลยซี ถ้าตำรวจรู้ว่าแกทำอะไรฉัน แกเด้งเข้าไปอยู่ในคุกแน่” เพชรแท้จับคออังคณาไว้ แค้นแต่ก็รู้ว่าทำอะไรไม่ได้ อังคณาเยาะเย้ย “คนอย่างแกทำอะไรฉันไม่ได้หรอก พวกแกทั้งบ้านนั่นแหละ มีแต่ฉันที่ทำพวกแกได้ ฉันอยากทำอะไรฉันก็ทำได้”
เพชรแท้เงื้อมือขึ้นมาจะตบ
อังคณาท้า “เอาซี ตบฉันซี เอาเลย โธ่ ไม่แน่จริงนี่ ถ้าจริงก็ตบฉันเลย ตบเลย”
เพชรแท้ทนไม่ไหว ตบหน้าอังคณาอย่างแรง จนอังคณาหงายหลังไป
“อย่าท้านะ แล้วอย่าเอาตำรวจมาข่มขู่ฉัน ต่อให้ฉันต้องกลับเข้าคุกไป ฉันก็พอใจที่จะได้ฆ่าคนที่มันฆ่าพ่อฉัน”
แล้วเพชรแท้ก็บีบคออังคณาจนตาถลน อังคณาจะร้อง แต่หายใจไม่ออก
“ตายซะเถอะ นังใจชั่ว”
อังคณาร้องไม่ออกเสียงกระท่อนกระแท่น “ช่วย...ด้วย...”
เพชรแท้บีบคอแน่นขึ้นอีก อังคณาแกล้งนอนนิ่งไป เพชรแท้ตกใจคิดว่าอังคณาเป็นอะไร จึงปล่อยมือจากคอ อึ้งนิดหนึ่ง อังคณาได้โอกาส ผลักสุดแรง เพชรแท้ไม่ทันตั้งตัว จึงเซล้มไป อังคณารีบวิ่งหนีไปทันที
อังคณาวิ่งหนีออกมาอย่างเร็ว ร้องให้คนช่วย แต่ไม่มีคนอื่นอยู่แถวนั้นเลย
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
เพชรแท้วิ่งไล่ตามมาห่างๆ อังคณาไม่ทันระวังสะดุดล้ม เพชรแท้ตามมาทัน
“จะหนีไปไหนนังอังคณา”
เพชรแท้ตรงเข้าไปบีบคออังคณาอีกครั้ง
“แกหนีไปไหนไม่รอดหรอก...ตาย...ตาย”
อีกด้านหนึ่ง ชนะศึกเดินมาใกล้จะถึง ได้ยินเสียงอังคณาร้องขอความช่วยเหลือ
“คุณแม่”
ชนะศึกรีบวิ่งมา เห็นเพชรแท้กำลังบีบคออังคณาอยู่
“ปล่อยแม่ฉันเดี๋ยวนี้”
เพชรแท้ยอมปล่อย อังคณารีบถลาไปหลบหลังชนะศึกอย่างหวาดกลัว
“ชนะ ช่วยแม่ด้วยลูก มันจะฆ่าแม่ มันบอกจะฆ่าแม่ให้ตาย เหมือนกับที่มันฆ่าพ่อลูก”
“ตอแหล”
เพชรแท้ด่า พร้อมกับปรี่เข้าไปจะทำร้ายอังคณา แต่ชนะศึกผลักตัวออกได้ทัน
“แกกล้ามาก แต่คราวนี้แกได้กลับไปติดคุกแน่” ชนะศึกคำราม
“จะเอากูติดคุกงั้นเรอะ ผิดคนแล้ว คนที่ควรจะติดคุกน่ะมันโน่น” เพชรแท้เยาะ พลางชี้หน้าอังคณา “แม่มึงต่างหาก” ชนะศึกงง “รู้ไว้ด้วยนะ แม่มึงนั่นแหละที่เป็นคนจ้างคนไปฆ่าพ่อของมึง”
ชนะศึกตกใจ ไม่เชื่อ แต่ช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน
“แกพูดอะไร” ชนะศึกงงหนัก
อังคณาตัดบทกลบเกลื่อน “อย่าไปสนใจมัน ชนะ มันใส่ความแม่”
เพชรพูดใส่หน้าชนะศึก “เมื่อวานนี้ แม่มึงไปหาแม่กู ทำร้ายแม่กู แล้วก็บอกว่าเป็นคนสั่งฆ่าพ่อ แล้วโยนความผิดให้กู...แม่มึงอยากทำร้ายพ่อ อย่าทำร้ายแม่กู แม่มึงมันบ้า”
อังคณาโกรธจัดแผดเสียงขึ้น “แกน่ะซีบ้า! ฉันเนี่ยนะฆ่าสามีฉันเอง แล้วไปสารภาพกับแม่แก แกบ้าหรือเปล่า ถ้าฉันฆ่าเขาฉันจะไปบอกคนอื่นทำไม”
“เพราะแกอยากให้แม่ฉันเจ็บใจไง เจ็บที่รู้ว่าแกเป็นคนทำร้ายลูกเขา แต่เขากลับทำอะไรแกไม่ได้”
ชนะศึกหันมามองอังคณาท่าทีสับสน
อังคณาปฏิเสธดังลั่น “ชนะ ไม่จริงนะลูก ลูกอย่าไปเชื่อมันนะ ลูกก็รู้ว่าแม่ไม่ได้ทำ”
เพชรแท้พูดกับชนะศึก “ใครจะกล้าคิดแผน หลอกให้กูกับพ่อไปเจอกัน มีคนกี่คนเหรอที่รู้ว่าคุณธานินทร์กับกูเป็นพ่อลูกกัน แล้วจะมีคนกี่คนที่ไม่พอใจเรื่องนี้ อยากให้ทำลายเราทั้งสองคน ยังจะมีใครทำอย่างนั้น ถ้าไม่ใช่แม่ของมึง”
พูดจบเพชรแท้ก็เดินหนีไป ชนะศึกนิ่งอึ้ง
อังคณาแหวใส่ “แกจะไปไหน” รีบบอกชนะศึก “จับตัวมันไว้ซีลูก จับมัน ไม่ได้ยินเหรอ มันใส่ร้ายแม่ เอามันกลับเข้าคุกไป”
ชนะศึกหันมามองอังคณา
“ปล่อยมันไปก่อน...ฆาตกรต้องถูกจัดการแน่ แต่ผมจะจัดการกับมัน ด้วยวิธีของผมเอง”
อังคณามองชนะศึกอย่างคลางแคลงใจ ขณะที่ชนะศึกกลับไม่เหลียวมามองแม่เลย
บ่วงรัก ตอนที่ 11 (ต่อ)
เย็นนั้น ชนะศึกขับรถพาอังคณากลับบ้าน ตลอดเวลาชนะศึกได้แต่คิดหนักอยู่ภายในใจ ส่วนอังคณาที่นั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ ก็เริ่มวิตกถึงท่าทีของลูกชาย ไม่รู้ว่าชนะศึกกำลังจะสงสัยเธอหรือเปล่า
“ชนะ”
“ครับ”
“ลูกคงไม่เชื่อมันนะ ที่มันพูด มันต้องการจะใส่ความแม่”
“ทำไมคุณแม่คิดว่าผมจะเชื่อล่ะครับ” ชนะศึกหันมามองอังคณา นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง “ผมไม่เชื่อหรอก”
แล้วชนะศึกก็หันไปขับรถ ไม่พูดอะไรอีก อังคณายิ่งเครียด
พรรณีกำลังนั่งทำงานเย็บผ้าอยู่ เพชรแท้เดินปึงปังเข้ามา พรรณีเงยหน้าขึ้นมอง
“มันไม่ยอมพูด”
พรรณีถอนใจ “ใครมันจะยอม” น้ำเสียงเริ่มระแวง “แต่เพชรไม่ได้ไปทำอะไรเขาใช่ไหม”
“ก็ลงมือไปนิดหน่อย กะจะขู่ให้มันพูดอะไรบ้าง แต่ยังไม่ทันจะได้เรื่อง ไอ้ชนะศึกมันดันโผล่เข้ามาเสียก่อน เพชรก็เลยบอกมันว่า แม่มันนั่นแหละที่ฆ่าพ่อ” เพชรแท้บอก
“แล้วคุณชนะศึกเขาเชื่อไหม”
“ไม่รู้สิแม่...มันคงยาก ที่ลูกจะเชื่อว่าแม่ของตัวเองฆ่าพ่อ”
“แต่แม่ว่า เขาก็คงต้องคิดอะไรบ้างเหมือนกัน” พรรณีออกความเห็น
“แม่รู้ได้ยังไง”
“ถ้าเขาไม่เชื่อเลย เขาคงแจ้งตำรวจให้จัดการเพชรไปแล้ว ที่ทำร้ายแม่เขา แต่นี่เขากลับปล่อยเพชรมา คุณชนะศึกเขาต้องคิดอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ”
เพชรแท้ไม่ค่อยอยากจะหวังมากนัก
พระจันทร์ดวงกลมโตลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า เหนือบ้านเลิศชัยวัฒน์ค่ำคืนนี้ ชนะศึกเดินวนไปวนมาอยู่หน้าบ้าน ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพชรแท้พูดกับตัวเอง ระหว่างนั้นศักดาเดินผ่านมา เห็นชนะศึกหน้าเครียดอยู่ เป็นห่วงจึงเดินเข้าไปหา
“คุณชนะ...ครับ”
“มีอะไร ศักดา”
“อย่าหาว่าผมละลาบละล้วงเลยนะครับ คุณชนะ...เชื่อเรื่องที่นายเพชรแท้พูดไหมครับ”
ชนะศึกนิ่งไม่ตอบ แต่ในหัวยังคิดอยู่
“ผมว่า...คุณผู้หญิงไม่มีวันทำแบบนั้นหรอกครับ คุณผู้หญิงรักคุณท่านมาก แล้วทางฝ่ายบ้านคุณพรรณี เออ...ผมก็ว่าทางนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรอกครับ” ศักดาว่า
“ผมก็ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณแม่เป็นคนทำ แต่ไอ้เพชรแท้มันยืนยันหนักแน่นว่าคุณแม่เป็นคนวางแผนทั้งหมด”
ศักดาสงสัย “แล้วคุณผู้หญิงจะทำไปทำไมละครับ”
“คุณแม่เป็นคนที่มีแต่ความโกรธแค้น อาฆาตฝังใจ...เขาอาจจะทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิดก็ได้” ชนะศึกบอก
“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่นะครับ” ศักดามองซ้าย ขวา พูดเสียงเบาลง “ถ้าเกิดคุณผู้หญิงเป็นคนทำขึ้นมาจริงๆ คุณชนะจะทำยังไงครับ”
ชนะศึกนิ่งไปตอบ คิดไม่ตกเหมือนกันว่าถ้ามันเป็นจริง เขาจะทำอย่างไร
ยักษ์กับเมียกำลังวุ่นวายใจอยู่ในบ้าน เมียยักษ์แอบคอยเปิดหน้าต่างไปดู ชะเง้อชะแง้
“สี่ทุ่มกว่าแล้ว ไม่เห็นมีใครมาเลยพี่ยักษ์”
“รึว่ามันจะเบี้ยววะ”
เมียยักษ์บ่นอุบอิบ “ฉันบอกแล้ว ไอ้พวกไฮโซไฮซ้อมันคบไม่ได้ เนี่ยถึงเวลาลำบากขึ้นมา มันก็เอาตัวรอด...มันเป็นถึงเมียเศรษฐีใหญ่ ตำรวจที่ไหนจะกล้าแตะมัน มาตามจับแต่คนจนๆ อยู่นี่ พี่เลยซวยอยู่คนเดียว”
“อีนี่ มึงหุบปากได้ไหม กูยิ่งกลุ้ม ๆ อยู่...ก็ไอ้เรืองโรจน์มันว่าจะเอาเงินมาให้ คราวที่แล้วมันก็จ่ายง่ายๆ คราวนี้มันคงไม่เบี้ยวหรอกน่า”
เสียงเคาะประตูดังก๊อกๆ สองผัวเมียหันไปดู
“นั่น มึงไปดูสิ ใครมา”
เมียยักษ์เปิดประตู ปรากฏว่าเป็นตำรวจที่กรูกันเข้ามา สารวัตรเป็นคนนำ
“หยุดนะนายยักษ์ แกถูกจับแล้ว”
ยักษ์ตกใจหันหลังจะวิ่งหนีไปทางหลังบ้าน ตำรวจอีกกลุ่มหนึ่งที่ซุ่มอยู่ก็แสดงออกมาขวาง ยักษ์ตกใจ ไม่รู้จะทำยังไง ถูกตำรวจล็อคตัวไว้ได้
“จับผมเรื่องอะไร ผมทำอะไรผิด”
ยักษ์พยายามดิ้นรน แต่ก็ไม่มีประโยชน์ เมียยักษ์หน้าเสีย
เช้าวันต่อมา ชนะศึก ชนกนันท์ และอังคณานั่งกินอาหารเช้ากันอยู่ในห้องอาหาร ต่างกินไปเงียบ ๆ
ชนกนันท์กับชนะศึกผลัดกันลอบมองอังคณา
“วันนี้ยัยนกจะไปไหว้คุณพ่อที่วัด คุณแม่ไปไหมครับ”
“ไม่ แม่มีธุระ”
“ธุระอะไรคะ” ชนกนันท์ถาม
อังคณาชักสีหน้าตวัดเสียง “แม่ต้องบอกเราทุกเรื่องหรือไง”
ชนกนันท์อึ้งไป ทุกคนอึดอัด เสียงโทรศัพท์สายในบ้านดัง
“คุณแม่ครับ ผมไปรับเอง”
ชนะศึกลุกเดินออกจากโต๊ะไปรับาย
“ฮัลโหล” นิ่งฟัง “คุณอาสวัสดิ์เหรอครับ...เรื่องอะไรนะครับ”
พอรู้ว่าเป็นผู้การสวัสดิ์ ทุกคนมองชนะศึกอย่างตื่นเต้น ชนะคุยสายอยู่สักครู่หนึ่ง
“ครับ...ขอบคุณมากครับ”
ชนะศึกวางสาย หน้าตาเป็นกังวล ไม่อยากเชื่อต่อสิ่งที่ได้ยิน ชนะศึกเดินคิดๆ กลับเข้ามาที่โต๊ะอาหาร
“มีอะไรคะ พี่ชนะ”
“อาสวัสดิ์มีข่าวใหญ่มาบอก เกี่ยวกับคดีคุณพ่อ”
อังคณาสนใจ “ข่าวอะไร”
ชนะศึกมองหน้าอังคณา “ทางตำรวจเขาจับฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าพ่อได้แล้ว”
อังคณาตกใจ “หา” อาการเริ่มลนลาน “นี่มันหมายความว่ายังไง ก็เขาจับไอ้เพชรแท้ได้ตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ มันนั่นแหละฆาตกรตัวจริง”
ชนะศึกบอกเสียงจริงจัง “ไม่ใช่ครับ เพชรแท้ไม่ใช่คนฆ่าพ่อ”
ชนกนันท์อึ้ง “เป็นไปได้ยังไง”
“จากการพิสูจน์หลักฐานเพิ่มเติม ตำรวจเขาคิดว่าคนลงมือต้องเป็นมือปืนรับจ้าง และนักวางเพลิงมืออาชีพ เขาสืบไปสืบมาก็ได้ตัวมันมา” ชนะศึก
“มันเป็นใคร แล้วมันมายิงพ่อเราทำไม” ชนกนันท์ซัก
“มันชื่อยักษ์ ชื่นจิตร มันเป็นคนลงมือเผาบ้านแล้วก็ยิงพ่อเรา เพราะมีคนจ้างให้มันทำ ตอนนี้ตำรวจเขากำลังเอาตัวมันไปสอบปากคำ เขาจะทำให้มันรับสารภาพออกมาให้ได้ว่าใครคือตัวบงการ จ้างมันฆ่าพ่อเรา”
อังคณาตกใจลนลาน มือไม้สั่นทำแก้วน้ำหลุดมือแตกกระจาย จนแก้วกระเด็นบาดมือ
ชนะศึกฉงน “คุณแม่ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“เปล่า แม่ไม่เป็นอะไร”
อังคณารีบลุกหนีจากโต๊ะท่าทีมีพิรุธก่อนจะเดินกลับขึ้นไปชั้นบน ชนกนันท์ และชนะศึกมองตามอย่างแปลกใจ
อังคณาลนลานเข้ามาในห้อง โทรศัพท์หาเรืองโรจน์ทันที
“มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง”
เรืองโรจน์นั่งอยู่ในรถของตน ที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถสถานีตำรวจ
“ก็ผมบอกคุณแล้ว คุณไม่รีบเอาเงินไปให้มันเอง”
“เป็นความผิดของฉันงั้นเหรอ มันต่างหากที่เซ่อซ่าให้ตำรวจจับได้”
“ใจเย็นๆ ครับ ผมให้ทนายเข้าไปคุยกับมันแล้ว”
“เหรอ แล้วมันว่ายังไง”
“มันตกลงจะยอมรับผิดทั้งหมดคนเดียว ไม่ซัดทอดมาถึงคุณหรือผม” เรืองโรจน์หยุดนิดหนึ่ง “แลกกับค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง”
“เท่าไหร่ บอกมาเลย ฉันจะจ่ายให้มัน”
เรืองโรจน์เน้นคำ “สิบล้านบาท”
อังคณาแหวใส่ “จะบ้าเหรอ”
“มันรู้ว่าคนจ้างมีปัญญาจ่าย ราคานี้ไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับความปลอดภัยของคุณ” เรืองโรจน์หยุดไปอีกหน่อย “ผมว่าเราไม่มีทางเลือก”
“เงินตั้งเยอะขนาดนั้น ตอนนี้ฉันหาให้ไม่ทัน”
“มีเท่าไหร่ก็เอามาก่อนแล้วกัน”
อังคณานิ่งคิด “ตอนนี้ฉันมีแค่ล้านนึง”
“ได้ แต่คุณต้องรับปากนะว่าจะเอาที่เหลือมาให้มัน มิเช่นนั้นผมไม่รับรองความปลอดภัยของคุณ”
อังคณานึกกลัว “ถ้าฉันจ่ายให้มันแล้ว เรื่องต้องจบนะ รับปากฉันได้ไหม”
“ผมบอกมันแล้วครับ”
“ฉันจะเอาเงินไปให้เธอ เจอกันที่ไหนดี...” อังคณานิ่งฟัง “ได้ อีกซักชั่วโมงนึง”
อังคณากดวางสาย เรืองโรจน์ยิ้มมีพิรุธ
อังคณาเดินไปคว้ากระเป๋าใบหนึ่งออกจากตู้เสื้อผ้า พลางหันไปมองทางประตูห้อง พบว่าประตูห้องเปิดอยู่ และต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเจอชนกนันท์ยืนอยู่
อังคณาตวาด “มาทำอะไร”
ชนกนันท์ยื่นของในมือให้ดู “นกเอายากับพลาสเตอร์มาให้ ทำแผลหน่อยนะคะคุณแม่”
อังคณานึกได้ ยกมือตัวเองขึ้นมาดู เห็นรอยแก้วบาดยังมีเลือดซึม รีบตั้งสติข่มอารมณ์
“แม่ไม่เป็นไร
“แต่แม่คะ...เลือดยังไหลอยู่เลย” ชนกนันท์ยังเป็นห่วงไม่หาย
“ก็บอกแล้วว่าไม่เป็นไร” อังคณากระชากพลาสเตอร์มา ต่อว่าเอา “ทำไมวุ่นวายอย่างนี้นะเรา”
อังคณารีบปิดประตูห้องทันที เดินมาที่ตู้เซฟเปิดหยิบเงินออกมาหนึ่งล้าน แล้วเอาใส่ในกระเป๋าที่ถือมาอย่างลนลาน
เช้าวันต่อมาอังคณาเดินลงบันไดมา ในมือถือกระเป๋าเงินมาด้วย อังคณาชะงักนิดหนึ่ง เมื่อเห็นชนะศึกอยู่ในห้องโถง อังคณาแอบกระเป๋าไว้ด้านหลัง
“ผมว่าจะไปคุยกับตำรวจหน่อย อยู่ดีๆ ทำไมคนที่ฆ่าพ่อถึงเปลี่ยนจากไอ้เพชร มากลายเป็นคนอื่นไปได้ แม่จะไปกับผมไหม”
“เอ่อ คงไม่ล่ะ แม่มีธุระ”
ชนะศึกแปลกใจ “แม่ครับ ไอ้คนๆ นั้น มันเป็นคนฆ่าพ่อนะครับ แม่ดูเหมือนไม่สนใจเลย”
“ทำไมจะไม่สนใจ แต่แม่จะไปทำอะไรได้ มันต้องปล่อยให้ตำรวจเขาจัดการอยู่แล้ว”
อังคณาจะเดินไป ชนะศึกมองเห็นกระเป๋าใบใหญ่ที่อังคณาถือไว้ด้านหลัง
“แล้วนี่แม่จะไปไหนครับ”
อังคณาไปทำผม
อังคณาไม่พูดอะไรอีก เดินออกจากบ้านไปเลย ชนะศึกยิ่งแปลกใจ เดินตามไป อีกมุมหนึ่ง ชนกนันท์มองตาม สงสัยเหมือนกัน
ตอนสายอังคณานั่งอยู่ที่เบาะหลัง โดยมีศักดาเป็นคนขับรถ อังคณาวางกระเป๋าเงินไว้ข้างตัว จับไว้แน่น หน้าตากังวล ชนะศึกขับตามรถของอังคณามา
รถอังคณาเลี้ยวเข้าไปในห้างสรรพสินค้า รถชนะศึกเลี้ยวตามเข้าไป แล้วขับไปเรื่อย ๆ ตาก็มองหารถของอังคณา
ชนะศึกวนขึ้นมาได้อีก 2-3 ชั้น ก็เห็นรถของอังคณาจอดอยู่ ศักดากำลังเช็ดรถ ชนะศึกขับเลยรถของอังคณาไป ศักดาไม่ทันเห็น พอขึ้นไปได้อีกชั้นก็มีที่จอด ชนะศึกถอยรถเข้าจอด
ชนะศึกเข้าไปในร้านทำผม ซึ่งมีลูกค้าอยู่พอสมควร เจ้าของร้านเจ้าได้รีบเข้ามาต้อนรับ
“คุณชนะศึก สวัสดีค่ะ”
ชนะศึกมองไปรอบๆ ไม่เห็นอังคณาอยู่ในนั้น “คุณแม่ล่ะ”
เจ้าของร้านแปลกใจ “คุณอังคณา? ยังไม่มานี่คะ วันนี้ไม่ได้นัดเอาไว้ค่ะ”
ชนะศึกแปลกใจ เดินออกจากร้านไปท่าทีเป็นกังวล
ชนะศึกเคว้งคว้าง ไม่รู้จะไปทางไหน ตัดสินใจเดินไปดูตามร้านต่างๆ ภายในห้างหลายแห่ง ก็ไม่พบอังคณา
ต่อมาชนะศึกเดินมองหาอังคณามาเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านเสื้อแห่งหนึ่ง ชนะศึกมองเข้าไปในร้านเห็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัวคล้ายอังคณาจึงรีบเดินเข้าไปหา
“คุณแม่ครับ...คุณแม่”
ชนะศึกจับหญิงคนนั้นหันหน้ามา ปรากฏว่าไม่ใช่อังคณา
“ขอโทษครับ”
ชนะศึกผิดหวัง กลับออกมาที่อาคารจอดรถ แล้วมองไปที่ๆ รถอังคณาจอดอยู่เมื่อครู่ ปรากฏว่ารถของอังคณาไม่ได้อยู่ที่นั้นแล้ว ชนะศึกหงุดหงิด คราวนี้เขาพลัดกับแม่จริง ๆ
จากนั้นชนะศึกจึงเดินกลับไปที่รถของตน เปิดประตู แล้วเข้าไปนั่ง ติดเครื่อง กำลังจะเคลื่อนรถออก แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เพราะไม่ห่างจากรถที่เขาจอดนัก เรืองโรจน์เดินเข้ามา พร้อมกับหนีบกระเป๋าใบที่เขาเห็นแม่ถือออกจากบ้านมาด้วย เรืองโรจน์เดินตรงไปที่รถของตนเอง เข้าไปนั่งติดเครื่อง แล้วขับออกไป
ชนะศึกรู้แล้วว่าแม่เอากระเป๋าใบนั้นมาให้เรืองโรจน์ แต่ไม่รู้ว่าในนั้นมีอะไร ชนะศึกขับตามเรืองโรจน์ไป รถแล่นลงมาได้อีกชั้นหนึ่ง ก็มีรถอีกคันหนึ่งกำลังถอยจอดยักแย่ยักยัน รถของเรืองโรจน์ออกจากอาคารจอดรถไปแล้ว
ชนะศึกรีบลงมาจากรถ วิ่งตามรถของเรืองโรจน์ไป แต่ไม่มีวี่แววรถของเรืองโรจน์แล้ว ชนะศึกได้แต่หงุดหงิด
โปรดติดตาม "บ่วงรัก" ตอนที่ 12