หยกเลือดมังกร ตอนที่ 3
กิ่งเหมยทำกับข้าวหน้าตาน่ากินหลายอย่างใส่ปิ่นโตอย่างตั้งใจ อาม่าเข้ามาดูแล้วอดชมไม่ได้
“ทำตั้งหลายอย่าง แล้วอาหยกจะกินหมดเหรอ”
“หยกชอบกินตั้งหลายอย่าง เหมยไม่รู้จะเลือกอันไปไหนเยี่ยมก็เลยทำมันทุกอย่าง”
“แต่อาม่าว่าที่ลื้อทำเนี่ย เลี้ยงทั้งคุกได้เลยนะ”
ส้มเช้งเข้ามา
“แหมอาม่าขา…ตั้งหลายเดือนแล้วที่ไอ้เหมยไม่ได้เจอหน้าไอ้หยก ปล่อยๆมันเถอะค่ะ คนมันรักของมัน”
กิ่งเหมยชะงัก
“ยัยส้ม...แกพูดอะไรของแก”
“เอ้า...ก็พูดที่ตามันเห็นนี่แหละ”
“บ้าเหรอแก…ฉันกับไอ้หยกเป็นเพื่อนกันนะ”
ส้มเช้งลอยหน้าลอยตาตอบ
“เหรอ…เชื่อแกจังเลย”
“ฉันพูดจริงนะแก นิสัยกวนประสาทอย่างไอ้หยก ขืนคบเป็นแฟนเมื่อไหร่...ฉันได้อก แตกตายแน่”
“ฉันเพิ่งรู้ว่าแกมีอกให้แตกด้วย…เอ๊ะ...ไอ้หยกมันชอบไข่ดาวนี่ แกทำใส่ปิ่นโตรึยัง”
“ยัยส้มเช้ง!”
กิ่งเหมยโกรธงอนคว้าถั่วฝักยาวไล่ตีส้มเช้ง อาม่ามองตามหลานสาวแล้วครุ่นคิดอดเป็นห่วงเรื่องความ สัมพันธ์ของกิ่งเหมยกับหยกไม่ได้
เมื่อครั้งอดีต...ในตึกแถวเก่าๆ อาม่าอุ้มกิ่งเหมยที่ยังแบเบาะร้องลั่นอยู่ในห่อผ้า หลังจากที่หงส์ลูกสาวตัวเองเพิ่งคลอดออกมา
“ลื้อได้ลูกสาวนะอาหงส์ หน้าตาอาหมวยของอั้วน่าตีจริงๆ”
“ลูก…ลูกร้องเสียงดังจังเลย”
“ร้องเสียงดังๆสิดี แสดงว่าอาหมวยแข็งแรง ลื้อไม่ต้องเป็นห่วง”
หงส์ดีใจจนน้ำตาซึมยกมือขึ้นมาไขว่คว้า
“ฉันอยากเห็นหน้าลูกสาวฉันจังเลยอาม้า”
อาม่ามองลูกสาวอย่างสงสาร
“ได้…อั้วจะช่วยลื้อนะ”
อาม่าช่วยจับมือหงส์มาลูบที่หน้าเด็กอย่านิ่มนวลเพราะหงส์ตาบอดมองไม่เห็นเลยต้องใช้มือสัมผัส
“เป็นยังไง…อาหมวยหน้าตาน่ารักใช่มั้ย”
หงส์น้ำตาไหล
“จ้ะอาม้า…ลูกสาวฉันหน้าตาน่ารักน่าชัง ผิวแกนุ่ม โตขึ้นต้องเป็นผู้หญิงที่ สวยแน่ๆ กิ่งเหมย…ฉันจะเรียกลูกฉันว่ากิ่งเหมย”
“อากิ่งเหมย…”
อาม่ายิ้มให้หลานสาวที่อุ้มไว้อย่างเอ็นดู
กิ่งเหมยถือปิ่นโตเข้ามาหาคมทวน
“น้าคมทวนจ้ะ...น้าคมทวน”
กิ่งเหมยเดินเข้ามาเห็นคมทวน กำลังคุยอยู่กับผู้ปกครองเด็กคนหนึ่ง
“ฉันขอโทษด้วยนะครู...ฉันคงให้ลูกมาเรียนมวยกับครูไม่ได้แล้ว”
“ทำไมล่ะ ลูกเอ็งฝีมือมันใช้ได้นะ”
ผู้ปกครองอึกอัก
“อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะครู คนเขาก็พูดกันทั้งตรอก”
คมทวนชะงักไป
“งั้นข้าก็เข้าใจ ขนาดลูกข้ายังเลี้ยงได้ไม่ดีต้องไปติดคุกติดตะรางเป็นอันพาล ตามใจเอ็งแล้วกัน...ลูกใคร ใครก็รัก”
ผู้ปกครองให้ลูกยกมือไหว้คมทวนแล้วพากันออกไป คมทวนมองตามหน้านิ่งเก็บอารมณ์ กิ่งเหมยเข้ามามองอย่างเป็นห่วง
“น้าคมทวนจ้ะ...คือ…”
คมทวนหันมาเห็นกิ่งเหมยที่ถือปิ่นโตเข้ามาก็รู้ว่ามาทำไม
“วันนี้น้าไม่ว่าง...กิ่งเหมยไปเยี่ยมมันเองเถอะ”
คมทวนเดินเข้าไปในบ้าน กิ่งเหมยรีบเดินตาม
“น้าจ้ะ...แต่วันนี้เป็นวันเยี่ยมญาตินะ น้าจะไม่ไปเยี่ยมหยกเลยเหรอ”
“น้าบอกแล้วไงว่าน้าไม่ว่าง”
“แต่วันนี้ไม่มีเด็กมาให้น้าสอนมวย”
“น้ามีธุระอื่นต้องทำ”
“น้า...ถ้าน้าคิดจะโกรธหยก น้าโกรธฉันแทนดีกว่า เพราะฉันเป็นต้นเหตุหยดถึงต้องไป ติดคุก”
“ไม่ใช่...นิสัยดื้อด้านของมันต่างหากที่ทำให้มันเดินทางผิด ถ้ามันรู้จักฟังคำสั่งของน้า ชีวิตมันก็ไม่ต้องดิ่งเหวแบบนี้”
“ไม่จริงหรอกจ้ะน้า หยกเขารักน้ามาก เขาอยากเป็นลูกที่น้าภูมิใจ”
“งั้นเหรอ...งั้นกิ่งเหมยบอกน้ามาได้มั้ยว่าตั้งแต่มันเข้าคุกจดหมายสักฉบับ มันเคยตอบ กลับมาหากิ่งเหมยรึเปล่า”
กิ่งเหมยชะงักไป
“แม้แต่จดหมายสักฉบับมันยังไม่เคยเขียนมาหา บอกตรงๆนะ น้าไม่รู้ว่ามันยังใช่ลูกชาย น้าอยู่รึเปล่า”
คมทวนเข้าไปในห้องปิดประตู กิ่งเหมยได้แต่ยืนหน้าเศร้า
บริเวณสนามหญ้าเรือนจำ นักโทษและญาติออกมาพบปะกินอาหารร่วมกันบรรยากาศเป็นไป อย่างชื่นมื่นมีความสุข กิ่งเหมยอยู่ที่ม้าหินกับส้มเช้งรอว่าเมื่อไหร่หยกจะเดินออกมา
“ใจเย็นน่าแก...เดี๋ยวไอ้หยกก็ออกมาแล้ว ไม่ต้องทำตื่นเต้นขนาดนั้น” ส้มเซ้งแหย่
“ฉันไม่ได้ตื่นเต้นขนาดนั้นนะ”
“ย่ะ...ชะเง้อจนคอแกจะเป็นยีราฟอยู่เนี่ยนะบอกไม่ตื่นเต้น”
“นี่...ฉันอยากเจอไอ้หยกเพราะฉันตั้งใจจะมาเฉ่งมัน อยากรู้ว่าทำไมถึงไม่ยอมเขียนจด หมายหาน้าคมทวน”
“งั้นแกเจอหน้าต้องด่าให้หูตูบไปเลยนะ...โอเคป่ะ”
“ฉันด่าแน่!”
กิ่งเหมยบอกส้มเช้งไปแล้วหันไปชะเง้อดูนักโทษที่ถูกปล่อยให้ออกมาพบญาติ นักโทษทยอยออกมากันจนหมดจนผู้คุมจัดการปิดประตู กิ่งเหมยหันมามองหน้ากับส้มเช้งอย่างแปลกใจที่ไม่ เห็นหยกออกมาด้วย
หยกลงนวมชกอยู่กับกิจชัยในโรงยิม หยกหน้าตาเคร่งขรึมเอาจริงซัดแลกหมัดกับกิจชัยไม่มียั้งมือ...กิจชัยพยายามตอบโต้แต่ก็โดนยกเอี้ยวตัวหลบพริ้วไหวได้ทุกหมัดก่อนจะสวนกลับเสยเข้าปลายคาง กิจชัยล้มตึงเจ็บจนหน้าโย้รีบถอดนวมโยนทิ้ง
“เว้ย...ไม่เอาแล้วโว้ย ไหนบอกแค่ลงนวมฆ่าเวลาเฉยๆไง นี่แกคิดจะอัดฉันให้สลบ เลยใช่มั้ยไอ้หยก”
“แกอย่ามาทำสำออย วันนี้ฉันให้โอกาสแกเอาคืน เข้ามา”
“นี่...ฉันว่าแกออกไปเจอหน้านังกิ่งเหมยมันเถอะวะ ฉันไม่เอาด้วยแล้ว ไม่อยากพิการ เพราะโดนแกยำ”
กิจชัยเดินออกไปไม่สนใจจะชกอีก หยกหันมาหงุดหงิดตัวเองชกกระสอบทรายแรงๆไปหลายหมัดจน กระสอบทรายแกว่งไปมา ระหว่างนั้นผู้การสมิงเดินเข้ามา
“เธอทำได้ดีนี่...หยก”
หยกชะงัก
“ท่าน”
ผู้การสมิงเข้ามาจับกระสอบทรายให้หยุดแล้วยิ้มให้
“ได้ยินพัสดีเล่าให้ฉันฟังว่า เธอกับไอ้หมอนั่นสนิทกันแล้ว”
หยกไม่ตอบอะไรถอดนวม แล้วเดินไปนั่งแกะผ้าเทปที่พันมือออก
“อดทนหน่อยนะ เธอเป็นคนดีเพราะฉะนั้นการฝืนให้ตัวเองเป็นคนเลว มันไม่ใช่เรื่องง่าย”
“ผมจะได้ออกไปเมื่อไหร่”
“อีกไม่นาน...ฉันสัญญา ว่าแต่...เธอแน่ใจนะว่าจะไม่ออกไปเจอหน้าญาติที่มารอเยี่ยม ดูท่าทางเขาอยากเจอเธอมากนะ”
หยกนิ่งหน้าจริงจังแต่แววตามีความเศร้า
“ท่านบอกผมเองว่าการฝืนตัวเองให้เป็นคนเลว มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฉะนั้นผมต้องทำให้ได้”
หยกบอกผู้การสมิง แล้วเดินสะพายนวมชกมวยออกจากโรงยิมไป
กิ่งเหมยพยายามถามกับผู้คุม
“ทำไมเขาถึงไม่ออกมาคะ...เขาก็รู้ว่าฉันแจ้งเรื่องไว้ว่าจะมาเยี่ยม”
“ผมไม่ทราบครับ”
“งั้นช่วยตามเขาออกมาได้มั้ยคะ”
“ไม่ได้ครับ”
“แต่ฉันต้องเจอเขา...” กิ่งเหมยตะโกนเรียก “หยก...หยก...ฉันรู้ว่าเธออยู่ข้างใน ออกมาสิหยก ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ...หยก”
ผู้คุมรีบห้าม
“คุณ...ผมว่าคุณกลับไปดีกว่า”
“ไม่! ฉันต้องเจอเขา”
ส้มเช้งพยายามห้ามเพื่อน
“ฉันว่าฟังที่ผู้คุมเขาเตือนดีกว่านะแก ไอ้หยกมันคงมีเหตุผลที่ไม่อยาก เจอแก ไม่อยากติดต่อน้าคมทวน”
“เหตุผลอะไรล่ะ...พวกเราทุกคนเป็นห่วงเขา แล้วทำไมไม่คิดจะห่วงพวกเราบ้าง”
“เอาน่า...กลับไปก่อนดีกว่า”
“ไม่...ฉันต้องเจอหน้าหยก”
กิ่งเหมยหันไปตัดสินใจบุ่มบ่ามฝ่าเขตที่ไม่ให้คนอื่นเข้าไปในแดนผู้ต้องขังทันที ส้มเช้งตกใจหน้าเสีย
“กิ่งเหมย!”
พวกผู้คุมพากันแตกตื่น รีบวิ่งไล่ตามกิ่งเหมยเข้าไปทันที
หยกเดินมาหยุดครุ่นคิดอยู่ที่บริเวณรั้วลวดตาข่ายกั้นกับทางเดิน ก่อนจะได้ยินเสียงกิ่งเหมย
“หยก...เธออยู่ไหน…หยก!”
หยกหันไปเห็นก็ตกใจ กิ่งเหมยวิ่งตรงไปหาเขาและเกาะรั้วลวดตาข่ายมองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ พวกผู้คุมรีบวิ่งไล่ตามมาไกลๆ
“หยก…ทำไม...ทำไมเธอถึงไม่ออกมาเจอฉัน…ทำไมล่ะหยก”
หยกเงียบ
“พูดกับฉันสิหยก...ทำไม”
“เธอไม่ควรทำแบบนี้นะกิ่งเหมย”
“งั้นก็บอกฉันมาสิ ทำไมเธอไม่ตอบจดหมายฉัน ทำไมไม่ยอมเจอหน้าพวกเรา...ทำไม!”
หยกเอาแต่เงียบ พวกผู้คุมวิ่งใกล้มาถึง กิ่งเหมยเขย่ารั้วลวดตาข่าย
“เธอมีเหตุผลอะไรก็พูดมาสิหยก…พูดมาสิ”
หยกยื่นมือไปจับมือกิ่งเหมย ที่เกาะผ่านรั้วลวดตาข่าย มือของเขากำมือเธอแน่น
“กลับไปเถอะ…ฉันไม่ใช่ไอ้หยกคนเดิมที่เธอรู้จักอีกแล้ว”
กิ่งเหมยอึ้ง
“หยก!”
พวกผู้คุมเข้ามาถึงตัวรีบดึงกิ่งเหมย มือของทั้งคู่จึงถูกพรากออกจากกัน
“หยก…ทำไมล่ะ…ทำไม”
หมกมองกิ่งเหมยน้ำตาคลอเบ้า แต่กลั้นเอาไว้ก่อนจะหันหลังให้แล้วเดินกลับเข้าไปในเขตตัวเอง กิ่งเหมยถูกผู้คุมพาตัวออกไปพร้อมกับเสียงร้องเรียกหา
“หยก….หยก…หยก”
ผู้คุมพากิ่งเหมยออกมาหน้าประตูเรือนจำส่งให้ส้มเช้งที่รออยู่ ส้มเช้งเป็นห่วงรีบเข้าไปประคองเพื่อน
“ยัยเหมย…เป็นไงมั่งแก…ทำไมถึงทำเรื่องบ้าๆแบบนี้”
กิ่งเหมยไม่ยอมพูดอะไรเอาแต่เงียบ
“ยัยเหมย!”
จังหวะนั้นเองน้ำตากิ่งเหมย ก็ไหลพร่างพรูออกมานองสองแก้มอย่างเจ็บปวดเสียใจ
“ต่อไปนี้ฉันจะไม่สนใจไอ้หยกอีก จะถือว่าไม่เคยรู้จัก”
ส้มเช้งชะงัก
“เฮ้ยแก…ใจเย็นๆก่อนสิ”
“ไม่ ! หยกที่ฉันรู้จักไม่ใช่คนแบบนี้ คนที่ฉันเจอข้างในนั้น...ไม่ใช่เขา”
กิ่งเหมยปาดน้ำตาแล้ววิ่งออกไป ส้มเช้งเป็นห่วงรีบตาม
หยกเข้ามานั่งหน้าเครียดอยู่คนเดียวในเรือนจำ กิจชัยตามเข้ามาตบบ่า
“ฉันเห็นแกกับนังกิ่งเหมยเมื่อกี้นี้แล้ว...มันหมายความว่ายังไงวะ”
หยกไม่สนใจปัดมือกิจชับออกจากบ่า
“อ๋อ…ฉันรู้แล้ว แกเบื่อนังนั่นแล้วใช่มั้ย งั้นฉันขอต่อได้ป่ะ”
หยกหันมาหน้าตาเอาเรื่องกระชากคอเสื้อกิจชัยมาจ้องหน้า
“แกมีบทเรียนเรื่องที่แกพยายามยุ่งกับกิ่งเหมยแล้ว…อย่าให้ฉันต้องย้ำอีก”
“ใจเย็นสิวะ…ก็แค่ล้อเล่น”
หยกผลักกิจชัยจนเซ กิจชัยจัดคอเสื้อแล้วเข้าไปตบบ่าหยกอีกที
“ในเมื่อฉันยอมรับว่าแกเป็นพวกฉันแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่แกขอฉันจัดให้ได้ ไม่ต้องห่วง นะเว้ย ฝีมือดีๆอย่างแก ออกไปจากคุกเมื่อไหร่ อึ๋มๆเอ็กซ์ๆ น้องๆนางแบบมีให้แกควง เพียบ ถ้าแกสนใจฉันหาให้ได้”
หยกมองหน้ากิจัยอย่างครุ่นคิด
“ทำหน้าสนใจขึ้นมาทันทีเลยนะแก” กิจชัยเข้าไปกอดคอ “ไอ้พวกผ่านคุกผ่านตะรางอย่างเรา ออกไปก็ไม่มีใครเขายอมรับหรอก แต่ถ้าแกมาเป็นพวกเดียวกับฉัน รับรอง…รุ่ง!”
หยกมองกิจชัยยิ้มมุมปากไม่พูดอะไร กิจชัยหัวเราะชอบใจเสียงดัง
มานพหั่นเนื้อสเต๊กแบบ Medium Rare ชุ่มๆฉ่ำๆมีเลือดซึมออกมา ระหว่างเอาเนื้อเข้าปากเห็นเลือดชุ่มๆในจาน มานพก็ชะงัก ภาพที่เขาแทงคนตายจนมือเปรอะเลือดแทรกเข้ามาในความคิด มานพรีบวางมีดวางซ้อมแล้วปัดจานเรียกคนใช้
“เอาออกไป...ฉันไม่กินแล้ว”
คนใช้รีบเข้ามาเก็บจานออกไป มานพเคร่งเครียด ระหว่างนั้นดวงแขรีบเข้ามา
“ตานพ...ตานพ”
“มีอะไรครับแม่”
“พ่อแกน่ะสิ…รู้เรื่องที่แกเจ๊งหุ้นไปหลายล้านแล้ว”
มานพตกใจ
“แล้วพ่อรู้ได้ยังไง”
ดวงแขหน้าเสียไม่กล้าสบตาลูก
“เพราะแม่ใช่มั้ย”
“ก็…ก็ฉันต้องหาเงินมาเติมบัญชีแกไม่ให้เขาผิดสังเกต ฉันเลยเอาเพชรที่เขาเคยซื้อให้ ไปขาย แต่ไอ้เจ้าของร้านเพชรมันดันปากโป้ง”
มานพหัวเสียเข้าไปจับแขนแม่มาบีบอย่างไม่พอใจ
“ทำไมแม่ถึงได้สะเพร่าขนาดนี้”
ดวงแขตกใจ
“ตานพ…แม่เจ็บนะ ฉันพยายามช่วยแกแล้ว”
มานพะยอมปล่อยมือ
“โธ่เว้ย ! ถ้าพ่อรู้เรื่องแล้วแบบนี้ ผมโดนเล่นงาน หนักแน่”
มานพหันไปคว้ากุญแจรถเตรียมจะออกไป
“แกจะไปไหน”
“แม่จะให้ผมอยู่ฟังเขาด่าผมเหรอ ผมไม่เอาด้วยหรอก”
มานพจะรีบไปแต่ต้องชะงัก เพราะเจ้าสัวเล้งเข้ามายืนขวางจ้องหน้าเขม็ง
“รู้จักกลัวฉันด้วยเหรอ”
“พ่อ !”มานพอึ้ง
เจ้าสัวเล้งหน้าเคร่งขรึมอยู่ในห้องทำงาน ดวงแขกับมานพยืนหน้าเครียดๆด้วยความกลัว
“คุณ…เรื่องนี้ฉันอยากให้คุณฟังลูกอธิบาย ตานพ…อธิบายให้พ่อฟังสิว่าแก...”
เจ้าสัวตวาด
“พอได้แล้ว…ฉันเบื่อที่จะมานั่งฟังคำอธิบายของมันอีก”
“ก็ดีครับ ถ้าพ่อเบื่อที่จะฟังผมอธิบาย ผมจะได้ไป”
มานพจะก้าวออกจากห้องเจ้าสัวเสียงดังใส่
“ถ้าแกก้าวออกจากห้องนี้ไป...แกก็ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก”
มานพชะงัก
“พ่อ !! หึ…ถ้าพ่อเสียดายเงินที่ผมทำเจ๊งหุ้นไป ผมสัญญาว่าจะหามาใช้คืนให้”
“แกคิดว่าฉันเสียดายเงินเหรอมานพ”
“งั้นที่พ่อเรียกผมมาด่า เพราะคิดว่าผมมันโง่ เสียรู้ง่ายๆ ทำธุรกิจไม่เก่งเท่าพ่อ ผมขอ บอกไว้เลยว่าผมจะไม่ยอมแพ้ ผมจะเอาชนะพ่อให้ได้”
ดวงแขตกใจ
“ตานพ...ทำไมไปพูดกับพ่อแบบนี้ ขอโทษพ่อเขาซะ”
มานพเชิดหน้าคอแข็งไม่ทำตาม ดวงแขรีบเข้าไปเขย่าตัวตีแขน
“แม่บอกให้ขอโทษพ่อเขาไง”
เจ้าสัวเล้งเสียงดังขึ้นมาอีก
“พอได้แล้ว ถ้ามันไม่อยากขอโทษฉันก็ไม่ต้องทำ ฉันเลี้ยงมันมาฉันรู้ว่ามันหยิ่งผยอง จองหอง คนอย่างมันถ้าไม่เจ็บจะไม่รู้จักจำ”
ดวงแขอึ้ง
“คุณ”
เจ้าสัวเล้งกับมานพมองหน้ากันจ้องตากันไปมาจนดวงแขรู้สึกกังวล
“ในเมื่อแกคือสายเลือดมังกรของฉัน ถ้าแกอยากแข่งขัน ฉันก็จะให้แกแข่งกับฉัน”
มานพมองเจ้าสัวด้วยสีหน้าสงสัย
เจ้าสัวเดินนำมานพมาขึ้นรถตู้ที่นนท์เอามาจอดรอรับ ดวงแขรีบตามออกมา
“นี่คุณจะพาลูกไปไหน”
เจ้าสัวหันมาสั่งเสียงเข้ม
“เธออยู่ที่นี่แหละ ไม่ต้องตามไป”
“แต่ว่า”
“มันเป็นสายเลือดของฉัน ถ้ามันอยากเก่งมันต้องเก่งให้มากกว่าฉัน ไปได้แล้ว”
เจ้าสัวเล้งเดินไปขึ้นรถ มานพมองพ่อแล้วตัดสินใจตามเข้าไปนั่ง นนท์ปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งข้างๆคนขับก่อนจะพา กันออกไป ดวงแขมองตามเป็นห่วงลูกชาย เพราะไม่รู้ว่าเจ้าสัวกำลังคิดทำอะไร
หยกซ้อมชกมวยอยู่กับกิจชัยในเรือนจำสองคนแลกหมัดกันไปมา ระหว่างนั้นพัศดีกับผู้คุมเดินเข้ามา
“นายหยก…นายกิจชัย”
ทั้งคู่หยุดซ้อมชกกันแล้วหันมามองพัสดี หยกกับกิจชัยถอดเฮดการ์ดกับนวมออกเพราะรู้ว่าถึงเวลาแล้ว กิจชัยยิ้ม ดีใจหน้าบานมาก
“ได้เวลาแห่งอิสรภาพแล้วเว้ย”
กิจชัยผลักไหล่หยกเป็นการหยอกเย้า หยกมองหน้ากับพัศดีที่อย่างรู้กัน
กิ่งเหมยมารดน้ำ ตัดแต่งกิ่งต้นไม้ช่วยดูแลต้นไม้ของหยกให้อย่างดี แม้ว่าเขาจะติดคุกไปหลายเดือนแต่ต้นไม้ก็ ไม่มีเหี่ยวเฉากลับออกดอกสวยงาม ส้มเช้งเข้ามากระแอมระหว่างที่เธอเหม่อมองดอกโป๊ยเซียนในกระถาง
“อะแฮ่ม...เหม่ออะไรย่ะยัยเหมย”
กิ่งเหมยตกใจเสียงเพื่อนเลยหันมาฉีดน้ำจากสายยางใส่ จนน้ำเข้าปากเข้าหน้าส้มเช้งร้องลั่น
“ว๊ายยย…ยัยเหมยนี่แกทำฉันเปียกไปหมดแล้วนะ”
กิ่งเหมยขำๆ
“สมน้ำหน้า อยู่ๆก็โผล่มาเอง ดีนะฉันไม่เอากระถางต้นไม้ทุบหัวแก”
“โห…นี่ฉันเพื่อนแกนะ”
กิ่งเหมยไม่สนใจเดินไปรดน้ำต้นไม้ต่อ ส้มเช้งมองตามแล้วยิ้ม
“แหม...ใครก็ไม่รู้ร้องไห้ขี้มูกโป่ง ปากบอกว่าจะไม่สนใจมันอีกแล้ว แต่ก็ยังมารดน้ำ ต้นไม้ดูแลจนออกดอกสะพรั่งแบบนี้”
กิ่งเหมยชะงัก
“แกอย่าหาเรื่องให้ฉันเอาน้ำฉีดปากแกอีกนะ ฉันสงสารต้นไม้พวกนี้ต่างหาก เจ้าของเค้านิสัยไม่ดี ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะต้องมาถูกทอดทิ้งให้เหี่ยวเฉาซะหน่อย”
ส้มเช้งลอยหน้า
“เหรอ…แล้วไอ้ที่ฉันได้ยินน้าอ่างกับน้าสลึงนัดแนะกับแกว่าวันนี้จะพากันไป รับไอ้หยกกลับบ้านน่ะ มันหมายความว่ายังไง”
กิ่งเหมยชะงักแล้วรีบหันมาฉีดน้ำใส่ส้มเช้งทันที
“ก็หมายความอย่างนี้ไง”
ส้มเช้งโดนกิ่งเหมยแกล้งจนเปียกโชกร้องโวยวาย
รถกระบะเก่าๆควันดำปิดปี๋ขับมาจอดรอที่ทางออกหน้าเรือนจำ อ่างยิ้มแย้ม
“มะ…มะ…ไม่ได้เจอ ไอ้…ไอ้หยก…ตั้ง...ตั้งนาน ไม่รู้มันจะเป็น...เป็นยังไงมั่ง”
“ไอ้หยกมันหล่อ ถึงติดคุกมานาน มันก็ยังหล่อเหมือนข้า”
สลึงพูดไปก็ทำนิ้วตัววีเชยคางเก๊กท่าหล่อ อ่างเลยถุยใส่หน้า
“ถะ...ถะ...ถะ...ถุย…ไอ้หล่อ...ดอกยาง”
“เฮ้ย…หน้าอย่าข้า มีแต่สาวๆมากรี๊ดนะเว้ย ไม่เชื่อถามกิ่งเหมยดูก็ได้”
“ฉันว่าพวกน้าเลิกเถียงกันซะทีเถอะ รอให้หยกออกมาเดี๋ยวก็เห็นเองแหละ”
กิ่งเหมยพูดไปก็ชะเง้อมองไปที่ประตู
หยกกับกิจชัยเปลี่ยนชุดพร้อมออกจากเรือนจำ แต่ระหว่างเดินมาที่ประตูหยกกลับหยุดอยู่กับที่จนกิจชัย หันมาสงสัย
“เป็นอะไรของแกวะไอ้หยก...อิสรภาพรออยู่ข้างหน้านี่แล้ว แกไม่อยากออกไปเหรอ”
หยกนิ่งครุ่นคิด
“อย่าบอกนะว่าแกติดใจอยู่ในนี้...งั้นก็เชิญตามสบาย เพราะฉันจะออกไปฉลองให้สุด เหวี่ยง ป่านนี้พรรคพวกฉันมันคงเตรียมทีเด็ดไว้รอฉันแล้ว...ฮ่าๆๆ”
กิจชัยหัวเราะชอบใจแล้วเดินตรงไปที่ประตูจนหยกเรียกไว้
“เดี๋ยว!”
กิจชัยชะงักแล้วหันมามองอย่างสงสัย หยกมองหน้ากิจชัย
กิ่งเหมยยังรอหยกอยู่พร้อมกับอ่างและสลึง
“ปะ...ป่านนี้แล้ว ทำ...ทำไม ไอ้หยกยังไม่ออกมาอีก”อ่างบ่น
สลึงคิดนิดนึง
“หรือว่าเขาจะจับมันขังต่อวะ”
อ่างด่าทันที
“ไอ้...ไอ้ฟาย...มัน...มันพ้นโทษแล้ว เขา...เขาจะขับมันไว้...ไว้ให้เปลืองข้าวทำไม”
ระหว่างนั้นประตูเรือนจำเปิดออก กิ่งเหมยรีบบอกสองน้า
“ประตูเปิดแล้วจ้ะน้า”
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 3 (ต่อ)
กิ่งเหมยดีใจจะรีบไปรับ แต่ต้องชะงักเพราะคนที่เดินออกมาไม่ใช่หยกแต่เป็นกิจชัย
“อ้าว...กิ่งเหมย...นี่ถึงกับมารอรับฉันหน้าประตูเลยเหรอ...แสดงว่าคิดถึงฉันมากล่ะสิ”
กิ่งเหมยฉุนกึก
“ไอ้กิจชัย...นี่แก”
“จุ๊ๆๆๆ ถ้าจะด่าฉันล่ะก็...อย่าเลยดีกว่า ตอนนี้ฉันไม่ใช่ไอ้กุ๊ยไอ้อันธพาลเหมือนก่อนแล้ว ฉันสัญญาว่าฉันจะเลิกราวีเธอและพรรคพวกเธอที่ตรอกศาลเจ้าอีก ถ้าไม่เชื่อจะเกี่ยว ก้อยสัญญากันก็ได้นะ”
กิจชัยชูนิ้วก้อยกวนตีนเข้าไปใกล้กิ่งเหมย แต่ถูกสลึงกับอ่างเข้ามาผลักไหล่
“ถอยไปเลยไอ้กุ๊ย...ถ้าแกแตะต้องกิ่งเหมย โดนตื้บแน่”
อ่างกับสลึงจ้องหน้าเอาเรื่อง กิจชัยรู้ฤทธิ์เดชของสองคนนี้ดีเลยไม่อยากยุ่ง
“วันนี้วันดีของข้า ไม่อยากเสียเวลากับพวกไม่สมประกอบหรอกเว้ย”
กิจชัยยิ้มเยาะใส่ ระหว่างนั้นแก๊งมอเตอร์ไซค์ลูกน้องของกิจชัย พากับขับเข้ามาเสียงดังบรื้นๆ กิจชัยเดินไปตีมือ ทักทายกับพวกลูกน้องทั้งเด็กแว้นต์ สาวสก๊อย ระหว่างนั้นหยกเดินออกมาหน้านิ่งเรียบเฉย สลึงหันไปเห็นก็รีบเรียกกิ่งเหมย
“ไอ้หยกออกมาแล้ว”
กิ่งเหมยดีใจ
“หยก!”
กิ่งเหมย สลึงและอ่างเข้ารุมล้อมหยกอย่างดีใจ
“ไอ้...ไอ้หยก...นี่...นี่เอ็งผอม...ผอมไปเยอะเลย”
“แต่ก็ยังหล่อเหมือนข้าอยู่ ไอ้หลานชาย”
หยกยิ้มให้สลึงกับอ่างแล้วมองหน้ากิ่งเหมย สองคนสบตากันนิ่งเหมือนมีเรื่องมากมายอยากจะพูด
“ดีใจด้วยนะหยกที่เธอพ้นโทษแล้ว กลับบ้านกันเถอะนะ”
สลึงยิ้มแย้มชวน
“กลับไปฉลองกันนะ พวกข้าเตรียมมือใหญ่ไว้รอรับเอ็งแล้ว”
หยกยิ้มรับบางๆ
“ขอบใจนะน้า...แต่พวกน้ากลับไปกันเองเถอะ”
อ่างชะงัก
“อ้าว...แล้ว...แล้วเอ็งไม่...กลับกับ...พวกเราเหรอ...เหรอวะ”
“ไม่ล่ะ...ฉันจะไปกับเพื่อนฉัน”
หยกพูดสั้นๆห้วนๆแล้วเดินไปที่กลุ่มของพวกแกงค์มอเตอร์ไซค์ กิจชัยกอดคอหยกยิ้มต้อนรับ
“เฮ้ย...ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไอ้หยกคือเพื่อนตายข้า ต้อนรับไอ้หยกหน่อยเว้ย”
พวกลูกน้องกิจชัยบิดคันเร่งส่งเสียงเครื่องมอเตอร์ไซ์ดังสนั่นเป็นการต้อนรับหยก กิ่งเหมย อ่างและสลึงถึงกับอึ้งตกใจพูดไม่ออก
“ไปเว้ยไอ้หยก...ลากันที...ข้าจะไม่มีวันมาเหยียบที่นี่อีก”
กิจชัยพยักหน้าให้ลูกน้องคนหนึ่งไปซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์อีกคัน แล้วให้หยกไปขี่คันนั้นแทน เสียงบิดเครื่องดังสนั่น พวกกิจชัยทยอยซิ่งออกไปเป็นขบวน รั้งท้ายที่หยกบิดคันเร่งเอาหมวกกันน็อคมาสวม กิ่งเหมยตะโกนเรียก
“หยก...หยก”
หยกไม่ยอมพูดอะไรกับกิ่งเหมย บิดคันเร่งอย่างเดียว
“อย่านะหยก...อย่าทำอย่างนี้...ฉันขอร้องล่ะ”
หยกไม่มองหน้ากิ่งเหมยแม้แต่นิดเดียว ปิดบังแดดบนหมวกกันน็อคแล้วพุ่งทะยานตามพวกกิจชัยไป กิ่งเหมยหน้าเสีย
“หยก!”
สลึงงง
“นี่มันเป็นบ้าอะไรของมันวะ”
สลึงกับอ่างยืนงุนงงไม่เข้าใจ แต่กิ่งเหมยไม่ยอมปล่อยให้หยกไปแบบนั้นเธอตัดสินใจไปที่รถกระบะที่ยังเสียบ กุญแจรถคาอยู่ ตัดสินใจสตาร์ทเครื่องแล้วขับตามไปทันที อ่างตกใจ
“กะ...กะ...กิ่งเหมย...จะ...จะ..ไปไหน...กะ...กะ...กลับมาก่อน”
แกงค์มอเตอร์ไซค์ของกิจชัยขับรถปาดซ้ายปาดขวาอยู่บนถนน สร้างความเดือดร้อนให้กับ ผู้คนที่สัญจร พวกมันคึกคะนองส่งเสียงโห่ร้องจนน่าหมั่นไส้ ท้ายขบวนพวกมันเป็นหยกที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตามและตามไปได้ครู่ก็ตัดสินใจเลี้ยวออกจากถนนไปตามทางของ ตัวเอง ส่วนกิ่งเหมยที่ขับรถกระบะตามหลังมาเห็นหยกเลี้ยวก็เลี้ยวตาม
ถนนอีกเส้นไม่มีรถวิ่งผ่าน หยกบิดมอเตอร์ไซค์มาเดี่ยวๆหน้าเคร่งขรึม ครู่หนึ่งกิ่งเหมยก็ ขับกระบะเร่งเครื่องมาเทียบใกล้ๆแล้วตะโกนบอก
“หยุดเดี๋ยวนี้นะหยก...จอดรถ...ฉันบอกให้จอดรถ”
หยกหันมามองกิ่งเหมยอย่างแปลกใจที่เธอพยายาม ตามแต่ไม่อยากคุยด้วยเลยยิ่งบิดคันเร่งแซงไป
“หยก!”
กิ่งเหมยหงุดหงิดตัดสินใจเร่งเครื่องแข่งกับเขา เธอแซงมอเตอร์ไซค์ขึ้นมาแล้วจัดการปาดหน้าเพื่อให้เขาจอดรถ...หยกจอดมอเตอร์ไซค์ที่กลางถนนพร้อมกับรถกระบะของกิ่งเหมย...ทั้งสองต่างก็ลงจากรถตัวเอง หยกถอดหมวกกันน็อควางไว้ที่เบาะมอเตอร์ไซค์แล้วเข้าไปต่อว่า
“ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ยกิ่งเหมย ถ้าพลาดเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาเธอถึงตายได้เลยนะ”
กิ่งเหมยไม่พูดตอบโต้แต่ตรงเข้าไปตบหน้าเขาทันที...หยกหน้าหันอึ้งไป
“ไม่ต้องมาทำพูดเป็นห่วงฉัน...เพราะถ้าเธอห่วงฉันจริงๆ เธอคงไม่ทำร้ายจิตใจฉันอย่าง เมื่อกี้นี้หรอก”
หยกนิ่ง
“บอกฉันมานะหยก...เธอทำอย่างนั้นทำไม เธอก็รู้ว่าไอ้พวกนั้นมันเลวแค่ไหน แต่เธอก็ยัง ไปคบกับมัน เพราะอะไรเหรอหยก”
“ฉันจะทำอะไรมันไม่ใช่ธุระกงการของเธอนะ”
“แต่ฉันเป็นเพื่อนรักเธอไม่ใช่เหรอ เธอเคยบอกว่าจะไม่ยอมปล่อยให้ฉันเป็นอะไร เราจะ อยู่ด้วยกัน เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป”
“เธออย่ามาเอาคำพูดอะไรกับฉันเลยกิ่งเหมย ขนาดพ่อฉัน ฉันยังไม่สนใจฟังเลย”
กิ่งเหมยอึ้ง ไม่คิดว่าหยกจะใจร้ายได้ขนาดนี้เลยเข้าไปตบหน้าแล้วทุบหน้าอกไม่หยุด
“ฉันไม่เชื่อ...เธอโกหก...หัวใจของเธอเคยมีคุณธรรม มีความกตัญญู แต่ตอนนี้มันไปอยู่ ที่ไหนแล้ว...บอกมาสิหยก”
หยกจับมือกิ่งเหมยให้หยุดทุบแล้วจ้องเขม็งไปที่ดวงตาเธออย่างจริงจัง
“คุกมันเปลี่ยนฉันไปแล้วกิ่งเหมย สิ่งที่ฉันเคยมีมันไม่มีอีกแล้ว”
หยกปล่อยมือจากกิ่งเหมยแล้วกลับไปหยิบหมวกันน็อคมาสวมขึ้นคร่อมอเตอร์ไซค์บิดออกไป ทิ้งให้หญิงสาวยืน อึ้งตะลึงเจ็บปวดจนน้ำตาไหลอาบสองแก้ม กิ่งเหมยทรุดลงนั่งร้องไห้เสียใจผิดหวังเป็นอย่างมาก
หยกบิดมอเตอร์ไซค์ไปตามถนน น้ำตาของเขารื้นแต่ก็กลั้นความรู้สึกเสียใจเอาไว้ อย่างเต็มที่ ชายหนุ่มบิดมอเตอร์ไซค์ต่อไปท่ามกลางถนนโล่งๆอย่างเดียวดาย
ภายในโรงสีข้าวเก่าๆ บรรยากาศดูไม่น่าสนใจสำหรับมานพเลย เจ้าสัวเล้งพาเขาเดินเข้ามาหยุดมองไปรอบๆ
“พ่อพาผมมาที่นี่ทำไม”
“เดี๋ยวแกก็รู้”
เจ้าสัวเดินนำมานพเข้าไปข้างในผ่านพวกคนงานที่กำลังทำงานกันเสียงดัง มานพต้องเอามือปิดจมูกเพราะฝุ่นที่ฟุ้ง ไปทั่วอย่างเหยียดหยาม
ดวงแขเดินไปเดินมาอยู่ในห้องโถง มือก็กดมือถือโทรหาเจ้าสัวเล้งตลอดแต่ติดต่อไม่ได้
“โธ่เอ้ย…ทำไมถึงไม่ยอมรับสายเลย นี่คุณคิดจะทำอะไรกับตานพกันแน่เนี่ย”
ดวงแขเริ่มเป็นกังวลจนร้อนใจหยิบแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม ระหว่างนั้นจำปาเข้ามา
“คุณนายคะ”
ดวงแขหันไปตวาด
“อะไร!”
“เอ่อ...คือ มีแขกมาขอพบคุณนายค่ะ”
“วันนี้ฉันไม่ว่างรับแขกหน้าไหนทั้งนั้น ไปบอกให้กลับไป”
“จำปาบอกไปแล้วค่ะ...แต่เขายืนยันว่าให้บอกคุณนายก่อนว่าเขาเป็นใคร แล้วคุณนาย จะต้องให้เขาพบแน่นอน”
“ใครมันกล้ามาพูดกับฉันแบบนั้น”
“เขาว่า...เขาชื่อโหงวค่ะ”
ดวงแขได้ยินชื่อก็ตกใจถึงกับผงะ ทำแก้วน้ำในมือตกแตกกระจาย
โหงวยืนรออยู่ที่สระวายน้ำ ดวงแขเดินออกมามองอย่างแปลกใจสงสัยไม่คาดคิดว่าจะได้เจอหน้าอีก
“นี่แก...แกออกมาจากคุกแล้วเหรอ”
“ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งหลายสิบปี เธอทักทายผัวเก่าเธออย่างนี้เหรอดวงแข”
“อย่ามาเรียกฉันแบบนั้นนะ”
“อ๋อ…ฉันไม่สมควรเรียกสถานะเก่าของเธอ เพราะตอนนี้เธอเป็นคุณนายของเจ้าสัวใหญ่”
“หุบปาก!...ฉันจะให้คนมาลากคอแกออกไป”
ดวงแขจะถอยออกไปแต่ถูกโหงวกะเผลกเข้ามาจับแขนบีบแน่น
“เอาสิ...ถ้าเธออยากทำเรื่องง่ายๆให้เป็นเรื่องยาก ฉันก็จะช่วยทำให้ไอ้เล้งมันตาสว่าง เรื่องลูกชายมันซะที”
ดวงแขชะงักอึ้ง
เจ้าสัวเล้งพามานพมาหยุดที่ด้านใน ที่มีกองข้าวเปลือกและฝุ่นที่ฟุ้งตลบ
“โรงสีที่นี่เป็นของฉันเอง เจ้าของเก่าเป็นเพื่อนเก่ากับฉันแต่ต้องการวางมือ ฉันก็เลยซื้อ กิจการเอาไว้”
“โรงสีกระจอกๆ เก่าซอมซ่อแบบนี้เนี่ยนะ”
มานพมองไปรอบๆอย่างดูถูก
“ฉันอ่านสายตาแกออก…แกกำลังคิดว่าคนระดับฉันขาดวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจ”
“ก็ดูแล้วมันไม่คุ้มจริงๆ ที่ดินแถวนี้ก็ไม่ใช่ทำเลดีอะไรนักหนา แถมธุรกิจโรงสีตอนนี้ก็ไม่ ได้ทำกำไรมากมาย แบกไปก็มีแต่เจ๊ง”
“ใช่...ถ้าเทียบกับธุรกิจที่อยู่ในมือฉันตอนนี้ ที่นี่แทบจะไม่มีความหมายอะไร ฉันถึง ตั้งใจจะยกให้แกบริหารไงมานพ”
มานพชะงัก
“นี่พ่อล้อเล่นรึเปล่า”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่น...ในเมื่อแกอยากแข่งขัน ฉันก็จะให้โอกาสแก เพราะกว่าที่ตระกูลมังกร วารีของฉันจะยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ บรรพบุรุษทุกคนล้วนเริ่มต้นจากธุรกิจเล็กๆแบบนี้ทั้งนั้น”
“แต่ผมไม่มีวันเริ่มต้นจากไอ้ธุรกิจแบบนี้...ผมไม่เอาด้วยหรอก”
“ถ้าแกไม่เอา...ก็อย่าหวังว่าฉันจะยกสมบัติของฉันให้ ฉันพร้อมจะขายทุกอย่างทิ้ง ดีกว่า นั่งดูมันถูกทำลายเพราะความยะโสโอหังของแก”
“พ่อ!”
“จากนี้ไปฉันจะไม่ช่วยเหลืออะไรแกอีก แกจะได้เป็นมังกรวารีที่ยิ่งใหญ่กว่าฉันรึเปล่า มันอยู่ที่แกแล้ว...มานพ”
เจ้าสัวเล้งบอกมานพแล้วเดินออกไปพร้อมกับนนท์ มานพกำหมัดแน่นเจ็บใจ
ด้านดวงแขพยายามแกะมือโหงวออก
“ถ้าแกคิดจะมาแบลคเมล์ฉันล่ะก็ แกคิดผิดแล้ว เล้งไม่มีทางเชื่อคำพูดของไอ้คนที่วาง แผนฆ่าเขาหรอก ยิ่งถ้าเขารู้ว่าแกออกมาจากคุกแล้วล่ะก็ เขายิ่งไม่มีทางปล่อยแกเอา ไว้ เขาจะต้องส่งคนไปฆ่าแกแน่”
“ใช่...ลำพังคำพูดของฉันไอ้เล้งมันคงไม่เชื่อ...แต่คนอย่างมันรักชื่อเสียงวงษ์ตระกูล ยิ่งกว่าอะไร ถ้าฉันเอาเรื่องเลวๆที่ไอ้มานพทำไปให้มันดู รับรองว่ามันจะต้องเชื่อทุกคำ พูดของฉัน”
ดวงแขสงสัย
“แกหมายความว่ายังไง”
โหงวยิ้มร้ายอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
“วีรกรรมที่ลูกชายเราทำเอาไว้ ถ้าฉันไม่ไปช่วยจัดการเคลียร์ให้ คลิปพวกนี้ก็คงตกไปอยู่ ในมือตำรวจ และป่านนี้มันได้ติดคุกหัวโตไปแล้ว”
โหงวพูดไปก็เปิดคลิปที่อัดจากกล้องวงจรปิดให้ดู ดวงแขเห็นภาพมานพฆ่าคนตายชัดถนัดตาก็อึ้งตะลึงงัน
มานพหัวเสียหงุดหงิดถีบลังไม้ระบายอารมณ์
“โธ่เว้ย ไอ้โรงสีแบบนี้เนี่ยนะ ทำไปก็มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง ลูกตัวเองแท้ๆยังงกสมบัติ แก่ไม่มี แรงเดินเมื่อไหร่ ก็อย่าหวังเลยว่าฉันจะกตัญญู”
มานพหัวเสียสุดๆแล้วเอาโทรศัพท์มากดโทรออก
“ไอ้ชาญ…เอารถมารับฉันเดี๋ยวนี้…อารมณ์เสียเว้ย!”
ดวงแขหน้าถอดสีด่าโหงวทันที
“ไม่จริง...เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เชื่อ นั่นไม่ใช่ตานพ”
“เห็นกับตาตัวเองแท้ๆ ยังบอกไม่เชื่อ เธอเลี้ยงลูกภาษาอะไรถึงปล่อยให้สันดานมันไม่รัก ดีแบบนี้ หรือว่ามัวแต่ปรนเปรอไอ้เล้งจนลืมเลี้ยงลูก”
ดวงแขตบหน้าโหงว...
“แกต้องการเท่าไหร่บอกมาเลยดีกว่า ฉันให้แกได้หมด แต่ถ้าได้ ไปแล้ว แกต้องไปจากชีวิตเรา แล้วทำลายไอ้ภาพพวกนี้ทิ้งให้หมดด้วย”
โหงวเข้าไปจับแขนดวงแขมาบีบแรง
“เธอหักหลังฉันทำให้ฉันต้องเป็นไอ้เป๋อยู่ในคุกเป็นสิบๆปี แล้วคิดเหรอว่าฉันจะอยากได้ แค่เศษเงินที่เธอโยนมาให้ฉันแทะ”
“นี่แก…”
“อยู่ในคุกฉันแทะเศษกระดูกจนเบื่อแล้ว ตอนนี้ฉันอยากกินเนื้อดีๆบ้าง ทั้งหมด ของไอ้เล้งจะต้องตกมาอยู่ในมือฉัน”
“ตอนนี้เล้งไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แกจะเอาไปจากเล้งได้ยังไง”
โหงวยิ้ม
“ได้สิ…แค่เธออยู่เฉยๆ ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ”
ดวงแขมองหน้าโหงวอย่างสงสัย ระหว่างนั้นจำปาเข้ามา
“เอ่อ…คุณนายคะ...เจ้าสัวกลับมาแล้วค่ะ”
โหงวจ้องหน้าดวงแข
“ถ้าเห็นด้วยกับฉันก็ปิดปากเงียบไว้…แล้วฉันจะไว้ชีวิตเธอ”
โหงวปล่อยมือจากดวงแขแล้วรีบเดินออกไปอีกทาง ดวงแขหน้าเครียดแล้วรีบกำชับกับจำปา
“หุบปากเอาไว้นะ ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น อย่าสะเออะพูดแม้แต่คำเดียว เข้าใจมั้ย”
“ค่ะ...ค่ะ...คุณนาย” จำปาบอกอย่างกลัวๆ
อาม่าตกใจเมื่อรู้เรื่องจากส้มเช้ง
“ซี้ซั้วน่าอาส้มเช้ง...ไอ้หยกมันไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นได้หรอก”
“ฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกันนั่นแหละอาม่า แต่น้าสลึงกับน้าอ่างเล่าให้ฉันฟังมาอย่างนั้นจริงๆ”
“ไอ้สองคนนั่นมันสมประกอบที่ไหน อั้วไม่เชื่อหรอก”
“งั้นอาม่าก็ต้องถามเหมยมันดูแล้วล่ะ...โน่น มันมานั่นแล้ว”
สองคนหันไปเห็นกิ่งเหมยเดินหน้าตาเศร้าๆเข้ามา อาม่ารีบไปถามทันที
“อาเหมย...ไอ้หยกหันไปคบกับไอ้พวกกุ๊ยนั่นจริงๆเหรอ”
กิ่งเหมยนิ่งไม่รู้จะตอบยังไง อาม่าจับแขนมาถามย้ำ
“ว่าไงล่ะ อาม่าไม่เชื่อหรอกว่าไอ้หยกมันจะอยากเป็นกุ๊ย”
“เขาเลือกของเขาเอง ถ้าเขาอยากจะเลวก็ปล่อยให้เขาเลวไปเถอะ ชีวิตเขาไม่ใช่ชีวิตเรา”
อาม่าตกใจ
“ไอ้หยา อาหยก! เห็นมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ จะปล่อยให้มันคบพวกกุ๊ยไม่ได้”
อาม่าไม่พอใจรีบเดินออกไปเอาเรื่องหยก
“อาม่า!” กิ่งเหมยตกใจ
หยกเดินเข้ามาในที่พักบนดาดฟ้า ก็พบว่าคมทวนรออยู่ สองพ่อลูกมองหน้ากัน หยกรู้ดีว่าต้องเจอกับอะไร
“แกยังทำให้ฉันเสียใจไม่พออีกเหรอไอ้หยก...หรือว่าแกอยากเห็นฉันอกแตกตาย”
หยกไม่ยอมตอบคำถาม หันไปหยิบบัวรดน้ำมารดดอกโป๊ยเซียนในกระถางทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
“ตั้งแต่แกคิดคุก จดหมายสักฉบับแกไม่เคยส่งมาหาฉัน ออกจากคุกมาแกก็ไม่ยอมพูด กับฉันอีก ตกลงแกยังเห็นฉันเป็นพ่อแกอยู่รึเปล่า”
คมทวนเข้าไปปัดบัวรดน้ำในมือหยกกระเด็นจนหล่นน้ำแตกกระจาย สองพ่อลูกมองหน้ากันเขม็ง
“พ่อเลี้ยงผมมาไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่ให้ผมเรียกพ่อแล้วจะให้เรียกว่าอะไร...ผู้อุปการะ”
คมทวนปรี๊ดขึ้นทันที
“ไอ้หยก!”
คมทวนปรี่เข้าไปชกหน้าทันที หยกล้มเลือดกลบปาก เป็นจังหวะพอดีกับที่อาม่าและกิ่งเหมยเข้ามาเห็น
“ไอ้หยา...นี่มันอะไรกัน ลื้อชกหน้าลูกทำไมอาคมทวน”
คมทนไม่ฟังอาม่า เข้าไปกระชากคอเสื้อหยกขึ้นมาตะคอกใส่หน้า
“ทำไม!...ทำไมแกถึงอยากให้ฉันตัดหางปล่อยวัดแก”
“เพราะผมโตพอที่จะเลือกชีวิตตัวเองแล้ว”
อาม่าขัดขึ้น
“แต่ลื้อกำลังเลือกเดินทางผิด ไปคบกับไอ้พวกนั้นมันจะทำให้ลื้อเป็นกุ๊ย ไม่มีใครคบ”
“ถึงไม่คบพวกมันก็ไม่ต่างกันหรอกอาม่า คนเคยผ่านคุกผ่านตารางอย่างผม ใครมันจะ อยากคบในเมื่อผมมันไม่มีอนาคตอีกแล้ว”
กิ่งเหมยมองหน้าหยกด้วยสายตาขอร้อง
“พวกเราทุกคนที่ตรอกศาลเจ้านี่ไงที่รักแล้วก็เป็นห่วงเธอ ขอโทษพ่อเธอ แล้วกลับมาเป็น หยกคนเดิมเถอะนะ”
หยกนิ่งไปมองหน้ากิ่งเหมยและทุกคนโดยเฉพาะกับคมทวนที่จับคอเสื้ออยู่ หยกนึกถึงเรื่องราวที่อยู่ในคุก...
เขายืนพิงรั้วลวดตาข่ายมองดูกิจชัย กำลังซ้อมนักโทษหน้าละอ่อนคนหนึ่งอย่างมันส์มือ หยกไม่พอใจ อยากจะเข้าไปช่วย แต่ผู้การสมิงที่ยืนอยู่ข้างหลังรั้วลวดตาข่ายทักเอาไว้
“เธอต้องอดทนเอาไว้นะหยก...อย่าพยายามหาห่วงมาผูกคอ ยิ่งเธอมีคนให้ต้องคอยเป็น ห่วงมากเท่าไหร่ นั่นจะยิ่งเป็นจุดอ่อนให้พวกมันเล่นงานทั้งเธอและคนที่เธอห่วง”
หยกเจ็บใจกำหมัดแน่น จำเป็นต้องทนดูคนอ่อนแอถูกไอ้กิจชัยเล่นงาน
หยกหน้านิ่งแววตาเย็นชา
“ฉันไม่จำเป็นต้องขอโทษพ่อหรอกกิ่งเหมย เพราะถ้าฉันยังได้ชื่อว่าเป็นลูกเขาอยู่ ฉันจะ ยิ่งทำให้เขาเสียหาย ยังไงก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆของเขาอยู่แล้ว ถ้าฉันเลวคนก็จะว่าฉันเลว เพราะสันดาน”
หยกพูดไปก็แกะมือคมทวนออกจากคอเสื้ออย่างเย็นชาสุดๆ คมทวนโกรธมาก
“ไอ้หยก…แก…ถ้าแกอยากตัดพ่อตัดลูกกับฉัน ฉันก็จะไม่สนใจแกอีก แต่แก ต้องขอโทษแม่แก…แม่แกเป็นคนดี แต่แกมันรักที่จะเลวเอง”
“พ่อไม่ต้องมาสั่งผม...ผมจะทำอะไรมันก็เรื่องของผม”
หยกหุนหันเดินออกไป คมทวนจะตามแต่อาม่าท้วงไว้
“อั้วว่าปล่อยมันไปก่อนเถอะ เอาน้ำมันไปราดกองไฟตอนนี้จะยิ่งลุกลามไปกันใหญ่”
อาม่าจับมือคมทวนมาตบปลอบให้เย็นลง กิ่งเหมยเห็นผู้ใหญ่สองคนต่างเสียใจก็อดไม่ได้รีบตามหยกไป
หยกเดินมาเปิดผ้าที่คุมมอเตอร์ไซค์ของตัวเองที่เขาคุมอาไว้ระหว่างไปติดคุก ชายหนุ่มเสียบกุญแจเตรียมจะ ออกไป แต่กิ่งเหมยตามมาขวาง
“นั่นเธอจะไปไหนอีก”
“อยู่ที่นี่มีแต่เรื่องน่าเบื่อ”
“แต่ฉันไม่ให้เธอไปนะหยก”
“เธอนี่เซ้าซี้น่ารำคาญจริงๆ เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับฉันสักที”
“ฉันก็ไม่ได้อยากจะยุ่งกับเธอนักหรอก แต่ฉันไม่ชอบที่เธอพูดกับพ่อแบบนั้น เขาเลี้ยง เธอมานะหยก ถ้าไม่มีเขาป่านนี้ชีวิตเธอจะเป็นยังไง คิดซะบ้างสิ”
“อยู่ในคุกฉันมีเวลาว่างคิดเยอะแล้ว ตอนนี้ฉันอยากคิดน้อยๆบ้าง”
“หยก!”
“พอได้แล้วกิ่งเหมย ฉันไม่ชอบที่เธอพยายามทำตัวเป็นเจ้าชีวิต เจ้ากี้เจ้าการจู้จี้ฉันไป ทุกเรื่อง”
กิ่งเหมยโกรธที่โดนว่า จึงเข้าไปดึงกุญแจมอเตอร์ไซค์แต่ถูกหยกจับมือเอาไว้
“อย่านะกิ่งเหมย ไม่อย่างนั้นจะหาว่าฉันไม่เตือนไม่ได้”
กิ่งเหมยท้าทาย
“เธอจะทำอะไรฉัน กล้าก็ลองสิ”
หยกจ้องหน้าหญิงสาวสายตาเย็นชาเอาเรื่องจนเธอชักใจคอไม่ดี
มอเตอร์ไซค์หยกวิ่งมาบนถนนด้วยความเร็วสุดๆ ปาดซ้าย ปาดขวารถที่วิ่งอยู่บนถนนอย่าง ฉวัดเฉวียน ส่วนกิ่งเหมยถูกบังคับซ้อนท้ายสวมหมวกกันน็อคร้องโวยวายดังลั่น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะหยก...ฉันบอกให้หยุด...ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย”
หยกไม่สนใจฟังบิดคันเร่งเร่งเครื่องเสียงดัง...มอเตอร์ไซค์พุ่งทะยานไปตามถนนอย่างรวดเร็วกิ่งเหมยหลับตาปี๋กอดเอวเขาแน่น
“จอดรถเดี๋ยวนี้นะหยก...ปล่อยฉันลง บอกให้ปล่อย...ปล่อยฉัน!”
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 3 (ต่อ)
ภายในสปอร์ตคลับ...มานพสวมเสื้อกล้ามลงนวมชกซ้อมมือกับชาญระเบิดอารมณ์หงุดหงิดเต็มที่เพราะเจ็บใจ คำพูดของเจ้าสัวเล้งดังก้องในหัว
‘ถ้าแกไม่เอา...ก็อย่าหวังว่าฉันจะยกสมบัติของฉันให้ ฉันพร้อมจะขายทุกอย่างทิ้ง ดีกว่า นั่งดูมันถูกทำลายเพราะความยะโสโอหังของแก’
‘พ่อ!’
‘จากนี้ไปฉันจะไม่ช่วยเหลืออะไรแกอีก แกจะได้เป็นมังกรวารีที่ยิ่งใหญ่กว่าฉันรึเปล่า มันอยู่ที่แกแล้ว’
มานพหลบหมัดชาญแล้วสวนอัพเปอร์คัทเสยปลายคางเข้าเต็มๆ ชาญตัวลอยลงมาคางแทบโย้
“พอแล้วครับนาย...ผม...ผมไม่ไหวแล้ว”
“โธ่เว้ย...แต่ฉันยังไม่หายเซ็ง”
“ให้ผมจัดพวกน้องๆมาดูแลนายดีกว่า”
“นังพวกนั้นน่ะเหรอ...ฉันเบื่อแล้ว กี่คนๆก็เหมือนๆกันหมด เก่งบนเตียงอย่างเดียวแต่ไม่ ฉลาดสักคน”
มานพบ่นไปแล้วหยิบขวดน้ำขึ้นมากระดกดื่ม ชาญมองนายแล้วนึกขึ้นได้
“อ้อ...แล้วถ้าเป็นผู้หญิงที่นายเคยสนใจแล้วให้ผมไปสืบมาล่ะครับ”
มานพหันมาสงสัย
“ใครวะ...ฉันให้แกไปสืบมาตั้งหลายคน”
“คนที่ปากจัดๆกล้าด่านายไงครับ ผมไปสืบมาให้แล้ว เธอเป็นสมาชิกที่นี่เหมือนกัน”
มานพมองชาญแล้วนึกๆ
ดุจแพรอยู่ในชุดรัดรูป กำลังทำโยคะอยู่ในห้องที่มีกระจกกั้นกลาง มานพเดินเข้ามามองยิ้มอย่าง ถูกใจ ดุจแพรกำลังทำท่าโยคะเพลินๆระหว่างนั้นเห็นมีคนมองเธออยู่ที่หน้าห้อง เธอจำหน้าได้ก็ชะงัก
“ไอ้โรคจิต”
ดุจแพรรีบเลิกทำโยคะแล้วคว้าผ้าซับเหงื่อเดินออกจากห้องทันที มานพเดินตาม
“เดี๋ยวสิครับคุณ...คุณ”
มานพรีบเดินแซงไปขวางทาง พยายามเสนอไมตรีให้สุดฤทธิ์
“ทำไมต้องเดินหนีผมด้วยล่ะครับ ผมไม่ได้ทำอะไรคุณสักหน่อย”
“มีคนดีๆที่ไหนมายืนเกาะกระจกจ้องผู้หญิงกำลังออกกำลังกายแบบนั้นบ้าง ถ้าไม่ใช่ พวกโรคจิต”
“อ๋อ...ผมต้องขอโทษด้วยครับ ผมเห็นคุณแล้วรู้สึกเหมือนว่าเคยเจอกัน เลยมารยาทไม่ดี ทำตัวไม่เหมาะสม”
“งั้นคุณก็คงจำคนผิดแล้ว ฉันไม่เคยเจอหน้าคุณมาก่อน”
ดุจแพรรีบเดินเลี่ยงออกไป มานพมองตามแล้วยิ้มชอบใจ ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ชาญที่ยืนหลบอยู่
ดุจแพรเดินมาที่รถกำลังจะเปิดประตูเข้าไปนั่ง แต่สังเกตเห็นว่าล้อรถตัวเองยางแบน
“ซวยแล้วเรา...ยางแบนได้ยังไงเนี่ย”
หญิงสาวเซ็งสุดๆ พยายามจะงัดแม่แรงเพื่อเปลี่ยนยางรถแต่ทำไม่เป็นแรงไม่มี ระหว่างนั้นมานพทำทีเป็นขับรถมาจอด
“ให้ผมช่วยมั้ยครับ”
ดุจแพรปฏิเสธเสียงแข็งแล้วตั้งหน้าตั้งตางัดแม่แรงแต่เจ็บมือร้องโอ๊ย มานพรีบลงจากรถถือวิสาสะเข้าไปช่วย
“ปล่อยเป็นหน้าที่ผมดีกว่านะครับ”
มานพช่วยงัดแม่แรงอย่างง่ายดาย ก้มหน้าก้มตาให้ความช่วยเหลือ มานพช่วยดุจแพรเปลี่ยนยางรถ ถอดล้อ ใส่ยางใหม่ โดยมีดุจแพรยืนมองอยู่ใกล้ๆ มานพจัดการเปลี่ยนยางให้ดุจแพรเสร็จเรียบร้อย
“เรียบร้อยแล้วครับ ทีนี้คุณก็กลับบ้านได้แล้ว”
มานพยิ้มให้แล้วเอามือปาดเหงื่อที่หน้า คราบเขม่าดำที่เปื้อนมือเลยเปรอะหน้าเป็นทาง
“เอ่อ...หน้า...หน้าคุณ”
มานพสงสัยเลยมองที่กระจกประตูรถเห็นหน้าตัวเองเปรอะ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ นิดๆหน่อยๆ”
มานพทำสุภาพบุรุษแมนๆติดดินด้วยการเอามือที่เลอะเช็ดกับเสื้อราคาแพงจนเปรอะไปหมดจนมือสะอาดพอที่ จะยื่นมือไปขอจับมือกับดุจแพร
“ผมมานพครับ...ครั้งแรกที่เราเจอกัน ผมอาจจะดูเป็นไอ้โรคจิตในสายตาคุณ แต่ถ้าคุณ ให้โอกาสผมได้ทำความรู้จักคุณ คุณจะรู้ว่าผมไม่ใช่ไอ้โรคจิต”
ดุจแพรนิ่งมองมานพอยู่ครู่ก่อนจะยอมจับมือ
“ขอบคุณมากค่ะสำหรับความช่วยเหลือ”
ดุจแพรตอบสั้นๆแล้วรีบเข้าไปนั่งในรถ ขยับกระจกมองหลังมองไปที่มานพอีกครั้งเหมือนเป็นการให้ความสนใจ ก่อนจะขับออกไป ส่วนมานพมองตามแล้วยิ้มร้ายอย่างเจ้าเล่ห์
“เล่นยากๆ แบบนี้แหละ...ชอบว่ะ”
หยกบิดมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดเอี๊ยดที่หน้าโกดังร้าง กิ่งเหมยตัวสั่นซุกหน้ากอดเขาแน่นเพราะยังกลัวไม่หาย
“ปากเก่งท้าฉันเองไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงสั่นเป็นลูกนกเลยล่ะ”
กิ่งเหมยชะงักแล้วรีบปล่อยมือที่กอดเขาจนแน่นออก ถอดหมวกกันน็อคแล้วลงจากมอเตอร์ไซค์ทันที
“เธอแกล้งฉันแบบนี้เหรอหยก”
“ต่อไปเธอจะได้ไม่กล้ามาสั่งฉันอีกไง”
กิ่งเหมยโกรธและเจ็บใจกระแทกหมวกกันน็อคคืนให้อย่างแรง จนหมวกกระแทกเข้าที่ท้องของเขา
“งั้นเธอก็หาเรื่องผิดคนแล้ว...เธอรู้จักฉันดีว่าเวลาฉันโกรธฉันเอาจริงแค่ไหน”
กิ่งเหมยพูดไปก็หันไปคว้าท่อเหล็กไม่ไกลจากตัวมาฟาดเข้าที่กระจก มองข้างตรงแฮนด์มอเตอร์ไซค์ กระจกมองข้างหักคามือ หยกตกใจ กิ่งเหมยหันมามองหน้าเอาเรื่องเป้าหมายต่อไปคือตัวถัง หยกรีบเข้าไปกอด รั้งรัดเอาไว้ไม่ให้เธอทำลายรถเขา
“หยุดนะกิ่งเหมย...นี่มันมอไซค์ฉันนะ”
กิ่งเหมยไม่ฟังกำลังเลือดขึ้นหน้ายื้อยุดกับเขาไปมาจนเซล้มไปทั้งคู่ หยกกับกิ่งเหมยล้มลงไปหน้าเกือบจะชนกัน ทั้งคู่สบตากันนิ่งจนกระทั่งเสียงบิดมอเตอร์ไซค์ของพวก แก๊งกิจชัยดังเข้ามา ทั้งคู่ถึงรีบลุกขึ้นแยกออกจากกัน กิจชัยกับพรรคพวกจอดรถแล้วมองมาที่หยกกับกิ่งเหมยมันยิ้มกวนๆ
“ขอโทษที่มาขัดจังหวะของแกว่ะไอ้หยก แต่ถ้าแกอยากจะต่อก็ตามสบาย พวกข้าไม่ แอบดูหรอก”
พวกกิจชัยหัวเราะชอบใจเสียงดัง กิ่งเหมยทั้งเจ็บใจทั้งอับอาย
กิ่งเหมยเดินออกมาจากโกดัง หยกรีบเดินตาม
“กิ่งเหมย...เธอจะกลับยังไง ให้ฉันไปส่งดีกว่า”
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
หยกเข้าไปดึงแขน
“ไม่เอาน่า กว่าจะเดินออกไปเจอแท็กซี่มันไม่ใช่ใกล้ๆ”
กิ่งเหมยแกะมือ
“ไม่ต้องยุ่ง...ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอ”
กิ่งเหมยผลักหยกจนเซแล้วหน้าตึงเดินไป ต่อแต่ต้องชะงักเมื่อเจอพวกกิชชัยกับพวกลูกน้องมาขวางไม่ให้ไป
“จะรีบไปไหนล่ะกิ่งเหมย...ไหนๆพวกเราก็มาสนุกกันแล้ว อยู่สนุกด้วยกันก่อนสิ”
“ถ้าอยากสนุกก็ไปชวนแม่แก พี่สาว น้องสาวแกมาสนุกกันเองเถอะ ไอ้กุ๊ย”
“นังกิ่งเหมย!”
กิจชัยโกรธมากเงื้อมืออยากตบ แต่หยกเข้าไปจับมือเอาไว้...
“ฉันบอกแล้วไง...อย่า!”
หยกจ้องหน้าเอาจริง กิจชัยจ้องหน้าตอบเขม็งก่อนจะสะบัดมือออก
“วันนี้พวกฉันกำลังจะฉลองใหญ่ ต้อนรับฉันและรับแกให้มาเป็นพวกเดียวกัน แต่ถ้าแก อยากกลับไปเป็นศัตรูกับฉันอีก แกก็พานังกิ่งเหมยกลับไป แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”
หยกนิ่งไปเมื่อกิจชัยยื่นข้อเสนอที่ทำให้เขาหนักใจ กิ่งเหมยลุ้นว่าหยกจะตอบยังไง...หยกจับข้อมือกิ่งเหมยพามาที่มอเตอร์ไซค์ตัวเอง
“ปล่อยฉันนะหยก...บอกให้ปล่อย”
กิ่งเหมยสะบัดมืออย่างไม่พอใจ หยกรีบจับไหล่ดึงเธอมาประชิดตัวแล้ตะคอกเสียงดัง
“หยุดโวยวายซะทีได้มั้ย ยิ่งเธอโวยวาย เธอก็จะยิ่งไม่ได้กลับ”
“หยก…ฉันไม่คิดเลยนะว่าเธอจะอยากเป็นพวกเดียวกับมันจนยอมให้มันขู่เอาแบบนี้”
“ฉันเตือนเธอแล้วไงถ้าเธอไม่มายุ่งกับฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเสี่ยงแบบนี้”
“เสี่ยง...หมายความว่ายังไง”
หยกหันมาหน้าเครียดเอามือเสยผมแล้วหันไปเตะกระป๋องที่พื้นอย่างหงุดหงิด
“โธ่เว้ย!”
กิ่งเหมยสงสัย
“พวกมันกำลังจะทำอะไร”
หยกหันมาไม่ทันจะตอบ กิจชัยก็เข้ามาพร้อมกับสาวสก๊อยนุ่งกางเกงขาสั้นขาสวยมาก เสื้อก็ผ่าอกเซ็กซี่ส์สุดๆ
“อย่าให้รอนานนักนะเว้ยไอ้หยก ฉันคันมือเต็มทีแล้ว”
กิจชัยพูดไปก็โอบเอวสาวสก๊อยสุดเซ็กส์ซี่ เชยคางให้หยกดูชัดๆ
“หวังว่าแบบนี้คงถูกใจแก”
กิ่งเหมยยังไม่รู้แต่อยากรู้มาก
“หยก...หมายความยังไง พวกมันกำลังจะทำอะไร”
“มันท้าฉันแข่งมอไซค์ ถ้าฉันแพ้มันจะเอาตัวเธอไป”
กิ่งเหมยอึ้งเหวอหน้าเสีย หยกเข้าไปบอกกิจชัย
“แกไปเตรียมตัวไว้ เดี๋ยวฉันตามไป”
กิจชัยยิ้มรับแล้วโอบเอวสาวสก๊อยออกไป หยกหน้าเครียดๆ
หยกเช็คเครื่องมอเตอร์ไซค์ด้วยการฟังเครื่องจากการบิด...เขาก้มลงใช้ประแจปรับแต่ง เครื่อง หน้าจริงจังเอาจริงไม่สนใจกิ่งเหมยที่พยายามถาม
“เธอกล้าเอาฉันไปพนันกับพวกมันได้ยังไง...เธอทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง”
“เธอช่วยอยู่เงียบๆได้มั้ย ถ้าเธอไม่หยุดโวยวาย ฉันได้แพ้มันแน่”
กิ่งเหมยอึ้ง
“นี่เธอ...”
กิ่งเหมยเสียใจน้ำตาคลอคิดจะเดินหนีไปให้ไกล แต่เจอพวกลูกน้องกิจชัยมาขืนขวางไม่ยอมให้กิ่งเหมยไปไหน
“พวกแกไม่ต้องมาเฝ้า...ขอเวลาฉันอีกแป๊บเดียว”
พวกลูกน้องกิจชัยพากันเดินออกไป หยกจับมือกิ่งเหมยมากุม หญิงสาวพยายามสะบัดแต่ชายหนุ่มกำไว้แน่น
“ฟังฉันนะกิ่งเหมย”
“ไม่”
หยกขึ้นเสียง
“ฟังฉัน!”
กิ่งเหมยชะงัก
“ฉันขอโทษที่พาเธอมาเจอกับเรื่องแบบนี้ แต่ถ้าเธอ ยังไว้ใจฉันอยู่ มันจะไม่มีวันได้ตัวเธอไป”
“จะให้ฉันไว้ใจเธอ ทั้งๆที่ตอนนี้เธอไม่เหมือนกับหยกที่ฉันเคยรู้จักเนี่ยนะ ปล่อยฉันกลับ ไปเถอะ ฉันขอร้องล่ะ”
หยกส่ายหน้าปฏิเสธ
“ทางเดียวที่เธอจะได้กลับไปคือเธอต้องไว้ใจฉัน”
หยกกำมือกิ่งเหมยเอาไว้แล้วบีบแน่นมองเข้าไปในดวงตา กิ่งเหมยเห็นแววตาของหยกคนเดิมที่เธอเคยไว้ใจ
หยกเข็นมอเตอร์ไซค์เข้ามาที่จุดสตาร์ทที่พวกแก๊งมอเตอร์ไซค์ล้อมวงส่งเสียงเชียร์ลั่น กิจชัยนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์คันสวยท่าทางเครื่องแรง สาวสก๊อยเซ็กส์ซี่ขึ้นซ้อนท้าย กิ่งเหมยเดินตามหยกผ่านวงล้อมของพวกมัน เธอมีอาการตื่นกลัวตัวสั่น หยกต้องเข้าไปจับมือแล้วช่วยสวม หมวกกันน็อคให้
“กอดฉันไว้แน่นๆนะ...ฉันสัญญาว่าจะพาเธอกลับบ้าน”
กิ่งเหมยใจเต้นไม่หยุดจนมือชุ่มไปด้วยเหงื่อ หยกช่วยกำไว้แล้วพยักหน้าให้เธอมั่นใจ
“จำตอนที่เราเป็นเด็กแล้วฉันพาเธอไปเที่ยวสวนสนุกขึ้นรถไฟเหาะได้มั้ย”
กิ่งเหมยพยักหน้ารับ หยกยิ้ม
“แค่หลับตาแล้วกอดฉันให้แน่นที่สุด...จำได้ใช่มั้ย”
กิ่งเหมยพยักหน้ารับ หยกขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ แล้วจับมือหญิงสาวให้ขึ้นซ้อนท้าย กิจชัยเห็นว่าหยกเริ่มแล้ว ก็บิดคันเร่งส่งเสียงดังกระหึ่ม เรียกเสียงเฮจากพรรคพวก หยกบิดคันเร่งส่งเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มตอบโต้กลับ กิ่งเหมยตกใจเสียงกอดเอวเขาแล้วหลับตาปี๋ มือหยกจับมือกิ่งเหมยให้มากอดเอวเขาแน่นสัมผัสอย่างเป็นห่วงจริงจัง กิจชัยพุ่งนำออกไปก่อน เสียงพวกลูกน้องเชียร์กันสนั่น หยกบิดคันเร่งแล้วพุ่งทะยานตาม...หยกกับกิจชัยบิดมอเตอร์ไซค์แข่งกันมาบนถนนโล่งๆ ทั้งคู่เร่งความเร็วผลัดกันแซงหน้ากันคน ละทีสองที เพราะต่างก็มีฝีมือด้วยกันทั้งคู่
ส่วนกิ่งเหมยกอดเอวหยกแน่นหลับตาปี๋ ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงความกลัวจนตัวสั่นของหญิงสาว แววตาของเขามีแต่ความเจ็บปวดและโกรธตัวเอง
ในอดีต...ค่ำวันนั้น หยกเพิ่งขายไม้ดัดให้ลูกค้า
“ขอบคุณมากครับ”
ลูกค้าเดินออกไปหยกเห็นกิ่งเหมยที่รับจ้างวาดรูปอยู่ข้างๆกำลังก้มหน้าก้มตาวาดรูปเหมือนให้ลูกค้าเขาแอบมองเธอเห็นความสวยงามบนใบหน้าของหญิงสาวที่มีความตั้งใจทำในสิ่งที่ ตัวเองรัก หยกยืนกอดอกมองกิ่งเหมยเพลินจนเธอวาดรูปให้ลูกค้าเสร็จรับเงินมา
“ขอบคุณมากค่ะ”
ลูกค้าเดินออกไป กิ่งเหมยยังนั่งอยู่ที่เก้าอี้รู้สึกปวดข้อมือและนิ้วเพราะนั่งวาดรูปไปหลายรูป
“เป็นไงล่ะ...วาดไปตั้งหลายสิบรูป มือหงิกเลยล่ะสิ”
กิ่งเหมยค้อน
“ยุ่ง”
“เอ้า...หวังดีนะ”
“ก็ฉันอยากได้ของขวัญวันเกิดให้อาม่า”
“ฉันให้ยืม...วันนี้มีลูกค้ามาเหมาต้นไม้ฉันไปเยอะเลย”
“ไม่ต้องหรอกหยก...เธอต้องเก็บไว้ใช้เอง”
กิ่งเหมยยังนวดมือตัวเองต่อ หยกเลยถือวิสาสะเข้าไปช่วยจับมือชองเธอมานวดให้ดื้อๆเลย
“ทำอะไรน่ะหยก”
“อยู่เฉยๆ...ฉันนวดให้”
หยกช่วยนวดมือให้อย่างเบามือจนกิ่งเหมยรู้สึกดี ทั้งคู่สบตากัน หญิงสาวรู้สึกใจเต้นตึกตักหน้าแดงรีบดึงมือกลับ
“ขอบใจนะ...ฉัน...ฉันหายปวดแล้ว”
“งั้นกลับกันเถอะ...ขืนฉันพาเธอไปส่งบ้านดึกๆ อาม่าได้ตีหัวฉันแน่”
กิ่งเหมยยิ้มรับแล้วจะลุกแต่ลุกไม่ขึ้น
“เป็นอะไร...ลุกสิ...ไม่อยากกลับบ้านเหรอไง”
“ขา...ขาฉันเป็นเหน็บ...ลุกไม่ขึ้น”
กิ่งเหมยเจ็บจนน้ำตาเล็ด หยกเห็นแล้วอดขำไม่ได้
“ไอ้บ้าหยก...หยุดหัวเราะฉันเดี๋ยวนี้นะ”
หยกไม่หยุดขำ กิ่งเหมยเอาดินสอปาใส่
หยกแบกกิ่งเหมยขึ้นหลังเดินกลับบ้านมาตามทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยงาม
“ได้ยินบ่นว่าช่วงนี้อ้วน...นึกว่าเธอบ่นไปเรื่อย ที่ไหนได้...อ้วนจริงนะเนี่ย”
“ไอ้บ้า! พูดอย่างนี้กับผู้หญิงได้ยังไง...นี่แน๊ะ”
กิ่งเหมยกัดไปที่ไหล่เขาแรงๆจนเขาร้องเจ็บลั่น
“โอ๊ย!...นี่กัดจริงเหรอเนี่ย เดี๋ยวก็ทิ้งให้อยู่ตรงนี้เลย”
“คิดจะทิ้งฉันด้วยเหรอ...ก็ลองดูสิไอ้หยก”
กิ่งเหมยใช้สองมือดึงแก้มเขาจนปากฉีก หยกพูดไม่ชัด
“โอ๊ยๆๆ...เจ็บ”
“ขอโทษฉันสิ”
“ไอ่”
“ไม่ขอโทษใช่มั้ย...”
หญิงสาวเปลี่ยนมาเป็นดึงหูแทนจนหูกาง
“โอ๊ยๆๆๆ ขอโทษก็ได้”
กิ่งเหมยยิ้มชอบใจ
“ดีมาก...จำไว้ว่าอย่าปากเสียกับผู้หญิง เวลามีแฟนจะได้ไม่โดนเขาทิ้ง”
“หล่อๆอย่างฉันหาแฟนไม่ยากหรอก แต่เธอน่ะสิทั้งมือหนัก ขี้บ่น เจ้ากี้เจ้าการแถมยัง ชอบเรอตอนกินข้าวอิ่มอีกต่างหาก นิสัยแบบนี้เตรียมขึ้นคานได้เลย”
กิ่งเหมยอึ้ง
“ไอ้บ้าหยก!”
กิ่งเหมยเอามือจิกลูกตาหยกเป็นการเอาคืนจนเขาเจ็บ หญิงสาวรีบโดดลงจากหลังแล้วชี้หน้าเอาเรื่อง
“คอยดูนะไอ้หยก...ถ้าฉันเห็นเธอควงผู้หญิงคนไหนอยู่ล่ะก็ ฉันจะแฉเรื่องอุบาทว์ๆของ เธอให้หมดเลย”
“ฉันไม่มีเรื่องอุบาทว์ให้เธอแฉหรอก”
กิ่งเหมยยิ้มๆ
“เหรอ...ใครนะที่เผลอเมื่อไหร่เป็นต้องแคะขี้มูกมาป้ายตามโต๊ะ ตามเก้าอี้...แล้วใครนะที่ชอบกินทุเรียนแล้วเที่ยวเรอใส่หน้าคนอื่น”
หยกหน้าเสีย กิ่งเหมยยิ้มเยาะแล้วสะบัดหน้าเดินออกไป หยกเจ็บใจ
“กิ่งเหมย...นี่...เธอเดินได้แล้วเหรอ หลอกให้แบกมาตั้งไกลนี่หว่า...ยัยตัวแสบ”
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 3 (ต่อ)
หยกบิดคันเร่งแข่งกับกิจชัย กิจชัยปาดหน้าแล้วขึ้นนำ กิ่งเหมยกอดเอวเขาแน่นร้องบอก
“หยก...ฉันกลัว”
หยกเป็นห่วงกิ่งเหมย และคิดว่าแพ้ไม่ได้เด็ดขาด
“ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเป็นอะไรเด็ดขาด...ฉันจะดูแลเธอเอง...กิ่งเหมย”
หยกหน้าตาเอาจริง บิดคันเร่งพุ่งทะยานไล่ตามกิจชัยไป
ภายในโกดังพวกแก๊งมอเตอร์ไซค์รอลุ้นกันอยู่ว่าใครจะกลับเข้ามาเป็นคนแรก เสียงเครื่องมอเตอร์ไซค์ดังเข้ามาทุกคนรีบวิ่งไปรอที่ประตูใหญ่ เป็นหยกที่ขับเข้ามาจอด พวกที่เชียร์ข้างหยกต่าง พากันเฮดังลั่น คล้อยหลังตามมาไม่นานกิจชัยก็ตามมาจอดข้างๆ กิจชัยรีบลงจากรถถอดหมวกกันน็อคจ้องหน้า หยกเขม็งเหมือนจะเอาเรื่อง
“แก...ไอ้หยก...ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป...แกคือพวกฉัน”
กิจชัยเปลี่ยนจากหน้าเอาเรื่องเป็นหัวเราะเสียงดัง จับมือหยกมาชูขึ้นให้พรรคพวกเฮต้อนรับ สาวสก๊อยสุดเซ็กส์ซี่เข้ามาลูบหน้าลูบตาเชยคางแล้วหอมแก้มหยกเป็นรางวัล พวกมันยิ่งส่งเสียงเฮ กิ่งเหมยเห็นหยกกลายเป็นพวกกิจชัยเต็มตัว ก็เสียใจถอดหมวกกันน็อคโยนทิ้งแล้วรีบเดินออกไปทันที หยกได้แต่ หันไปมองตามกิ่งเหมยอย่างเสียใจ
กิ่งเหมยเดินร้องไห้เสียใจน้ำตาไหลพรากออกมาที่หน้าถนน แท็กซี่คันหนึ่งขับผ่านมาเธอรีบโบกเรียกให้จอด หยกตามออกมาเห็นกิ่งเหมยขึ้นแท็กซี่ไปแล้วก็ได้แต่เรียกตาม
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย...โธ่เว้ย!”
หยกเจ็บใจตัวเองถอนใจยาวจำเป็นต้องปล่อยให้กิ่งเหมยไป เพราะมีภาระที่ต้องจัดการกับงานสายสืบ
กิ่งเหมยนั่งร้องไห้เสียใจอยู่ในรถแท็กซี่ที่วิ่งมาตามถนน คนขับหน้าตาดูใจดีมองเห็นผ่านกระจกส่องหลัง
“ทะเลาะกับแฟนมาเหรอหนู”
กิ่งเหมยไม่ตอบพยายามปาดน้ำตาแล้วกลั้นความเสียใจ คนขับมองกิ่งเหมยแล้วยิ้มดูมีเลศนัยแฝงความคิดร้ายเอาไว้
ธงรบนั่งอยู่กับจ่าและหมู่ที่ร่วมงานกันที่ร้านส้มตำข้างทาง จ่าจะรินเหล้าให้
“สักหน่อยนะครับหมวด”
ธงรบส่ายหน้า
“ไม่ต้องหรอกจ่า...ผมไม่ดื่ม”
“จะว่าไปแล้วผู้หมวดของเรานี่ครบเครื่องเลยนะหมู่”
“ครบเครื่องอะไรเหรอจ่า”
“ก็ครบเครื่องหนุ่มโสดในฝันของสาวๆไง เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ไม่เล่นพนัน ตัวคนเดียว ไม่มีพันธะ แถมยังหล่อเว่อร์อีก ถามจริงๆเถอะครับ...หัวใจหมวดมีคนจองแล้วรึยัง”
ธงรบยิ้มขำ
“ไม่มีหรอกจ่า ทำงานทุกวันเจอแต่หน้าพวกคนร้าย”
หมู่รีบนำเสนอ
“งั้นผมแนะนำน้องเมียผมให้มั้ยครับหมวด กำลังจะจบป.ตรีปีนี้ ขาว หมวย เอาใจเก่ง ไม่งอแง แม่บ้านแม่เรือนอย่างเดียว”
“ขอบใจหมู่ แต่เท่าที่ฟังเหมือนหมู่จะสนใจเองนะ ระวังเถอะ เมียเลี้ยงเป็ดด้วยไม่ใช่เหรอ”
หมู่หัวเราะแหะๆ ระหว่างนั้นโทรศัพท์หมู่ดังขึ้น เขาหยิบมาดูเบอร์แล้วสะดุ้งโหยง ธงรบยิ้มแซว
“นั่นไง...ไม่ทันขาดคำเมียโทรมาตามแล้ว พวกคุณกลับไปอยู่กับครอบครัวเถอะ มื้อนี้ ผมเลี้ยงเอง”
ธงรบยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาชนกับลูกน้อง
รถแท็กซี่จอดที่ข้างทางซึ่งเป็นถนนเปลี่ยว กิ่งเหมยสงสัย
“จอดรถทำไม...นี่ไม่ใช่ทางไปบ้านฉันนี่”
“ใจเย็นหนู...พี่เห็นท่าทางหนูกำลังเสียใจ พี่ก็เลยอยากช่วยปลอบใจ”
กิ่งเหมยอึ้ง
“นี่แก!”
คนขับมองกิ่งเหมยแล้วยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย งัดเอามีดพกขึ้นมาขู่
“ถ้าหนูเงียบๆให้ความร่วมมือกับพี่ รับรองว่าจะไม่เจ็บตัวแน่นอน”
กิ่งเหมยหน้าเสียมองอย่างตัดสินใจ ก่อนจะเปิดประตูออกมาจากรถร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
คนขับแท็กซี่รีบตามจับแขนดึงเอาไว้แล้วชกเข้าที่ท้องน้อย ทำเอากิ่งเหมยจุกตัวงอ
“ขอกันดีๆง่ายๆไม่ชอบ...ชอบเจ็บตัวก็ต้องเจอหนักหน่อยนะนังหนู”
คนขับจับแขนกิ่งเหมยลากเข้าพงหญ้าแต่เธอยังพอมีสติเอามือจิกที่ลูกตาจนมันเจ็บ แล้วฉวยโอกาสวิ่งหนี...ธงรบขับรถมาตามถนน แต่ต้องเบรคเอี๊ยดเมื่อเจอหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งออกมาจากพงหญ้าข้างทางใน สภาพตื่นตระหนก
“ช่วยด้วยค่ะ...ช่วยด้วย”
ธงรบรีบลงจากรถมาดู
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณ”
กิ่งเหมยยังจุกไม่หาย
“มัน...มัน...”
กิ่งเหมยชี้ไปข้างหลัง คนขับแท็กซี่ตามเข้ามา ไม่รู้ว่าธงรบเป็นตำรวจเพราะแต่งตัวนอกเครื่องแบบ
“เฮ้ย...ไอ้น้อง...ปล่อยเมียพี่นะเว้ย”
ธงรบชะงัก
“เมีย”
“เออ...นั่นเมียข้า เอ็งอย่ามายุ่งเรื่องผัวเมียขาวบ้านดีกว่า มาทางไหนไปทางนั้นเลย”
กิ่งเหมยรีบโวย
“ไม่ใช่...มันจะข่มขืนฉัน...ช่วยฉันด้วย”
“ไม่เอาน่าที่รัก อย่าเอาเรื่องไม่เรื่องมาทำให้คนอื่นเดือดร้อนเลย”
คนขับแท็กซี่จะเข้ามา แต่ธงรบดันตัวกิ่งเหมยให้หลบไปข้างหลัง
“คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเมียแก”
“อ้าวไอ้น้อง แบบนี้แสดงว่าชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนี่หว่า...อยากเจ็บตัวใช่มั้ย...ได้”
คนขับชักมีดพกออกมาจะเอาเรื่อง ธงรบยิ้มแบบสมเพช
“ใช่...ฉันชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ยิ่งถ้าเจอชาวบ้านเดือดร้อนฉันยิ่งชอบยุ่ง เพราะมันคือ หน้าที่ของตำรวจ”
ธงรบเข้าไปจัดการกับคนขับหน้าหื่น ด้วยเชิงมวยจับมันบิดข้อมือแล้วเล่นงานจนสะบักสบอม
อาม่าเป็นห่วงกิ่งเหมยมาก ขณะที่อยู่กับส้มเช้งในศาลเจ้า
“ตกลงอาเหมยไม่โทรมาเลยเหรอส้มเช้ง”
“ยังเลยจ้ะอาม่า ไม่รู้จะตามยังไงด้วย โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาไป”
“อาเหมยนะ...ค่ำๆมืดๆแล้วหายไปไหนของลื้อ”
อาม่าชักเป็นกังวล ระหว่างนั้นเห็นรถมาจอดที่หน้าศาลเจ้า
“อาม่า...ใครมาเหรอ”
ส้มเช้งกับอาม่ามองสงสัย ก่อนจะรีบออกมาหน้าศาลเจ้า เห็นธงรบช่วยประครองกิ่งเหมยลงจากรถมีแจ็คเก็ตของเขาคลุมไหล่
“อาเหมย!” อาม่าหน้าตื่น
“อาม่า”
กิ่งเหมยรีบเข้าไปกอดกับอาม่าอย่างดีใจ ส้มเช้งเข้ามาถาม
“เกิดอะไรขึ้นเหรอแก...เขาเป็นใคร แล้วมาส่งแกได้ยังไง”
“ฉันเกือบโดนทำร้าย โชคดีคุณตำรวจไปเจอเข้าก็เลยช่วยฉันแล้วพามาส่ง”
ส้มเช้งอึ้งๆ
“ตำรวจเหรอ...หน้ายังเด็กแถมยังหล่อด้วยนะเนี่ย”
อาม่าหันมาดุส้มเช้ง
“ซี้ซั้วน่าอาส้มเช้ง” อาม่ารีบหันมาหาธงรบ “ขอบคุณมากนะคะคุณตำรวจ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่พวกคุณอยู่ที่นี่กันตามลำพังเหรอครับ”
กิ่งเหมยพยักหน้า
“ค่ะ..ฉันกับอาม่าอยู่ที่นี่กันสองคน อาม่ามีหน้าที่ดูแลศาลเจ้า”
ส้มเช้งรีบเสนอหน้า
“ส่วนฉันเป็นเพื่อนอยู่แถวนี้ค่ะ ชอบแวะมาเที่ยวบ่อยๆ”
อาม่าหมั่นไส้ท่าทางดี๊ด๊าของส้มเช้งเลยแอบหยิก
“โอ๊ยอาม่า...เจ็บนะ”
ธงรบชักเป็นห่วง
“มีแต่ผู้หญิงอยู่แบบนี้น่าเป็นห่วง นี่นามบัตรผมครับ ถ้ามีอะไรก็ติดต่อผมได้ตลอดเวลา แล้วผมจะให้สายตรวจหมั่นมาคอยดูแลที่นี่”
“ขอบคุณมากนะคะ...” กิ่งเหมยดูนามบัตร “เอ่อ...”
“หมวดธงรบครับ”
ธงรบยิ้มให้ กิ่งเหมยดูมีความสุขจนส้มเช้งแอบสังเกตเห็น กิ่งเหมยนึกขึ้นได้รีบคืนเสื้อให้
“ผมไปนะครับ”
ธงรบมองกิ่งเหมยอีกครั้งแล้วกลับไปที่รถขับออกไป ส้มเช้งหรี่ตามองเพื่อนสุดฤทธิ์
ส้มเช้งรีบดึงกิ่งเหมยมาคุยที่มุมหนึ่ง
“เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยนะแก...หมวดสุดหล่อเขาช่วยแกยังไงบ้าง”
“จะให้เล่าทำไม ก็บอกไปแล้วไง”
“แกเล่ามาแค่หางอึ่ง แต่ไอ้ที่ฉันเห็นน่ะ เหมือนแกกับหมวดสุดหล่อนั่นพากันไปผจญภัย สุดขอบโลกกันมาเลยนะ”
“นี่แกเพ้อเจ้ออะไรของแก”
“ก็ดูสายตาที่เขามองแกสิ...มองเหมือนกับว่าแกเป็นรักแรกพบงั้นแหละ”
กิ่งเหมยชะงัก
“บ้าน่ายัยส้มเช้ง...กลับบ้านไปเลยแก วันนี้ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”
“แหมๆๆ...ทำกลบเกลื่อน พอไอ้หยกมันเลิกดูแลแกปุ๊บ ก็มีหมวดสุดหล่อมาอาสาดูแล แกต่อ โอ๊ย...อิจฉาว่ะ หน้าตาฉันดีกว่าแกตั้งเยอะทำไมไม่มีหนุ่มๆมาแย่งกันดูแลบ้างวะ”
กิ่งเหมยรำคาญเพื่อนเพ้อเจ้อเลยไม่อยู่ฟังรีบเดินเข้าไปด้านใน
“อ้าว...ยัยเหมย...ยัยเหมย”
กิ่งหมยเข้ามาในห้องหยุดนิ่งคิดถึงวันอันเลวร้ายที่หยกทำร้ายจิตใจเธอ หญิงสาวเอาม้วนกระดาษที่เคยดรออิ้ง ภาพของเขาคลี่ออกมาดู ภาพใบหน้าของหยกในหน้ากระดาษดูอบอุ่น แววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย
“หยก...ทำไม...ทำไมเธอถึงไม่อยากเป็นหยกคนเดิม...ทำไม”
กิ่งเหมยนึกถึงภาพที่สาวสก๊อยสุดเซ็กส์ซี่เข้ามาลูบหน้าลูบตาเชยคางแล้วหอมแก้มหยกเป็นรางวัล พวกกิจชัยส่งเสียงเฮลั่นรับหยกเข้าเป็นพวก กิ่งเหมยคิดจะฉีกภาพวาดรูปหยกทิ้งแต่หยุดชะงักเพราะใจไม่กล้าพอที่จะตัดเขาออกไปจากชีวิต เธอม้วนกระดาษรูปคืนแล้วน้ำตาไหลอาบสองแก้มอย่างเสียใจ...
วันใหม่...มอเตอร์ไซค์ของหยกจอดอยู่นิ่งอยู่ใต้สะพานริมแม่น้ำ ส่วนตัวเขายืนอยู่ริมน้ำมองหยกแดงรูปมังกร สมบัติติดตัวเพียงชิ้นเดียวที่สื่อถึงอดีตของตัวเอง ชายหนุ่มพูดกับหยกในมือ
“แม่ครับ...ผมขอโทษ ผมทำให้พ่อ ทำให้ทุกคนที่ผมรักต้องเสียใจ แต่ถ้าผมไม่ทำ ผมก็ คงไปไม่ถึงเป้าหมาย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมสัญญาว่าผมจะเป็นไอ้หยกคนเดิม ผมจะ เรียกคืนเกียรติยศกลับมาเพื่อให้ทุกคนได้ภูมิใจ ชายหนุ่มมองหยกแดงรูปมังกรนิ่งระหว่างนั้นเสียงมอเตอร์ไซค์ของกิจชัยดังเข้ามา หยกหันไปมองมันแล้วเก็บหยก แดงรูปมังกรคืนที่เดิม
“มาทำอะไรแถวนี้วะ ฉันตามหาแกให้ทั่ว”
“ตามหาฉันทำไม”
“เด็กฉันมาบอกว่าแกไม่ยุ่งกับมันเลย ทำไมวะ ไม่ชอบเหรอไง เอ๊กซ์อึ๋มสะบึมแบบนั้น หรือว่าชอบจอแบน ไอ้แบบนั้นหาให้ยากว่ะ เดี๋ยวนี้แม่งชอบทำอึ๋มกันหมด”
“ฉันมีเรื่องต้องให้คิดเยอะต่างหาก”
“คิดอะไรของแกอีกวะ...ออกมาจากคุกแล้วเราต้องหาความสุข”
“แต่ฉันอยากหางานทำ...อยากมีเงิน ยิ่งได้มากเท่าไหร่ เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”
“แกจะเอาเงินเยอะๆไปทำอะไรวะ”
“ฉันอยากรวย ไม่อยากเป็นแค่ไอ้หยกในตรอกศาลเจ้าอีก แกจะช่วยฉันได้รึเปล่า”
กิจชัยมองหยกอยู่ครู่แล้วหัวเราะชอบใจ
“งั้นแกก็ถามถูกคนแล้ว งานง่ายๆรวยเร็วๆ ใครมัน จะไปรู้ดีกว่าฉัน”
กิจชัยพูดไปก็ดึงมีดพกออกจากเอวแล้วยัดใส่มือหยก
“ถ้าแกพร้อมก็ลุยไปกับฉันได้เลย”
หยกมองมีดพกในมือแล้วกำแน่น
“ฉันพร้อมแล้ว”
กิจชัยตบบ่าหยกแล้วหัวเราะเสียงดังลั่น
โปรดติดตามตอนที่ 4 พรุ่งนี้