xs
xsm
sm
md
lg

ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 7 
 
อรวิลาสปิดแมกกาซีนด้วยสีหน้าเบื่อมากๆ ก่อนจะหันไปทางเอมิกาที่นั่งอยู่เฉยๆบนพื้น
“เธอไม่เบื่อบ้างเหรอไงชะเอม ฉันเห็นเธอนั่งเฉยๆมาเป็นชั่วโมงแล้วนะ” อรวิลาสถาม
“ก็ฉันไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่าการนั่งเฉยๆนี่คะ” เอมิกาบอก
“เธอนี่มันก็คิดอะไรง่ายๆดีเนอะ”
เอมิกายิ้มๆ พลันเสียงมือถืออรวิลาสก็ดังขึ้น
อรวิลาสกดรับสาย “นังคิตตี้ กำลังคิดถึงอยู่เลย” เอมิกาหันไปมอง “ว่างสิ ว่างทั้งวันเลย ไปไหนไปกัน”
เอมิกาชะงักกับคำพูดของอรวิลาส
“โอเค เจอกันที่พารากอน”
อรวิลาสวางสายแล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย เอมิการู้ทันทีว่าอรวิลาสจะออกไป เธอจึงรีบลุกขึ้นยืน
“คุณอรจะออกไปไม่ได้นะคะ คุณชื่นสั่งให้คุณอรดูแลคุณตั้ม” เอมิกาบอก
“ถ้างั้นฉันก็ขอสั่งให้เธอดูแลพี่ตั้มแทนฉัน”
“ไม่ได้ค่ะ”
อรวิลาสฉุนกึก “กล้าปฏิเสธฉันเหรอชะเอม!”
เอมิกาอึกอัก “ไม่กล้าค่ะ แต่ว่า..คุณชื่นสั่งคุณอร คุณอรก็ต้องทำ คุณอรจะมาโยนให้คนอื่นทำไม่ได้นะคะ ถ้าคุณชื่นรู้เข้า..” เอมิกายังพูดไม่ทันจบประโยค อรวิลาสก็สวนกลับทันที
“เธอก็ต้องห้ามทำให้คุณแม่รู้ ฉันจะโทรหาเมื่อฉันเสร็จธุระกับเพื่อนแล้ว และฉันจะกลับมาที่นี่ เราจะได้กลับบ้านด้วยกัน”
เอมิกาพูดไม่ออก อรวิลาสเดินเฉิดฉายออกไป เอมิกาเกาหัวเพราะอยากจะบ้าตาย

วเรศตื่นขึ้นมาในสภาพหน้าแดงก่ำเพราะไข้ขึ้นมาอีก วเรศพยายามจะลุกขึ้นนั่ง เขาหันไปเห็นกระปุกยากับแก้วน้ำวางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียงก็พยายามจะเอื้อมมือไปหยิบแต่กลับพลาดปัดแก้วตกแตกดังเพล้ง!!!

เอมิกาตกใจกับเสียงเพล้งที่ได้ยิน
“คุณตั้ม!”
เอมิการีบเดินมาที่ห้องนอนวเรศทันที

เอมิการีบเปิดประตูเข้ามาก็เห็นวเรศนั่งกุมหัวอยู่บนเตียง บนพื้นมีเศษแก้วแตกกระจาย เอมิการีบเดินเข้ามา
“คุณตั้ม...”
วเรศหันไปทางเอมิกา
เอมิกาถาม “คุณตั้มเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
วเรศพูดอะไรไม่ออก เอมิกาเป็นห่วงสุดๆ
“ขอโทษนะคะคุณตั้ม”
เอมิกาเอื้อมมือไปจับหน้าผากวเรศแล้วก็ตกใจ
“คุณตัวร้อนมาก ฉันว่าคุณไปหาหมอเถอะ”
วเรศรีบปฏิเสธ “ไม่..ฉันไม่ไป ทานยาเดี๋ยวก็หาย”
“คุณทานยาลดไข้ไปสองครั้งแล้วไม่ใช่เหรอคะ ฉันว่าคุณไปหาหมอดีกว่า คุณดูไม่ดีเลย”
วเรศมีท่าทางกลัว “ฉันบอกว่าไม่ไปก็คือไม่ไป อย่ามาเซ้าซี้”
เอมิกาหรี่ตามองด้วยความสงสัย “อย่าบอกนะคะว่าคุณกลัวหมอ”
วเรศหันมาทางเอมิกาด้วยหน้าถอดสี เอมิกาถึงกับขำออกมา
“ท่านเลขารัฐมนตรีกลัวหมอเหรอคะเนี่ย??!”
วเรศอายแต่ทำโวยวาย “กลัวหมอ มันผิดตรงไหน คนเราไม่ได้เพอร์เฟคไปซะหมดทุกอย่าง”
เอมิกาอมยิ้ม วเรศอายมากจึงไม่กล้าสบตา
“อื้ม..มันก็จริงอ่ะนะ งั้นฉันออกไปเอาน้ำมาให้คุณทานยานะคะ”
วเรศพยักหน้า เอมิกายิ้มๆแล้วก็เดินออกไป วเรศถอนหายใจเพราะ รู้สึกเสียหน้าสุดๆ

เอมิกาวางแก้วน้ำกับกระปุกยาลงบนโต๊ะข้างเตียง แล้วก็หันไปทางวเรศที่กำลังล้มตัวลงนอน
“มีอะไร ตะโกนเรียกฉันนะคะ” เอมิกาบอก
วเรศพยักหน้า เอมิกาเดินออกไป วเรศหลับตา

วเรศกำลังนอนหลับตา ทันใดนั้นเสียงเอมิกาก็ดังขึ้น
“คุณตั้มคะ...คุณตั้ม...”
วเรศค่อยๆลืมขึ้นมา เขารู้สึกว่าทุกอย่างขาวโพลนไปหมดจนวเรศต้องยกมือขึ้นมาบังแสงที่เข้าตา พอปรับสายตาได้ วเรศก็เห็นเอมิกาในชุดแม่บ้านญี่ปุ่นมายืนอยู่ข้างเตียง
วเรศตะลึง “ชะเอม..”
เอมิกาไม่พูดอะไร เธอเอื้อมมือมาจับหน้าผากวเรศ
เอมิกาพูดเสียงเซ็กซี่ “ตัวยังรุมๆแบบนี้ ฉันว่าเช็ดตัวซักหน่อยดีกว่านะคะ”
วเรศยังไม่ทันตอบ เอมิกาก็หันไปบิดผ้าที่อยู่ในกะละมังแล้วหันมาเช็ดแขนของวเรศทั้งสองข้างด้วยความนุ่มนวล วเรศมองเอมิกาไม่วางตา ท่วงท่าของเอมิกาดูยั่วยวนนิดๆ เธอสะบัดผมแล้วเงยหน้ามองวเรศก่อนจะยิ้มอายๆวเรศถึงกับทำหน้าไม่ถูกเพราะรู้สึกเขินเหมือนกัน
เอมิกากับวเรศลอบมองหน้าอย่างรู้สึกดีต่อกัน เอมิกาค่อยๆ เอาผ้าเช็ดที่หน้าวเรศแล้วก็หันไปวางผ้าลงในกะละมัง ก่อนจะหันมาปลดกระดุมชุดนอนของวเรศ วเรศผงะ
“จะทำอะไร?”
“เช็ดตัวไงคะ”
วเรศตกใจรีบจับแขนเอมิกา “ไม่ต้อง”
“ต้องค่ะ” เอมิกาส่งสายตาวาบหวาม “ว่าง่ายๆนะคะคุณตั้ม มาค่ะ.. “
วเรศไม่ทันได้ระวังตัว เอมิกากระชากเสื้อวเรศขาดดังแคว่ก วเรศเหวอ แล้วเอมิกาก็ควงเสื้อวเรศในมือก่อนจะโยนออกไป วเรศตกใจหน้าตื่นและพยายามจะหนี
“เธอจะทำอะไรฉันชะเอม!!”
เอมิกาไม่ตอบแต่กลับยิ้มเซ็กซี่
วเรศเห็นหน้าเอมิกายื่นเข้ามาใกล้มากขึ้น มากขึ้น.. วเรศอยากจะบ้าตาย
“อย่า..อย่า....อย่า..า..า..า...า!”
เสียงวเรศดังลั่น

วเรศดิ้นไปดิ้นมาและถีบผ้าห่มจนตกเตียง
“อย่า..อย่า...”
เอมิการีบเปิดประตูพรวดเข้ามาพร้อมกะละมังและผ้าเช็ดตัว พอเห็นวเรศเธอก็ตกใจมาก
“คุณตั้ม! คุณเป็นอะไรคะ..”
เอมิกาวางกะละมังแล้วรีบวิ่งเข้ามา พอถึงขอบเตียง เอมิกากลับสะดุดขาตัวเองจนล้มทับวเรศ วเรศสะดุ้งตื่น พอเห็นเอมิกาอยู่ด้านบนตัวเองก็ตาเหลือก วเรศผลักเอมิกาตกเตียงก้นจ้ำเบ้า เอมิกาเจ็บปวด
“อุ๊ยย!”
วเรศรีบลุกขึ้นนั่งแล้วดึงผ้าห่มมาปิดตัวเอาไว้
“คุณผลักฉันทำไม?!” เอมิกาถาม
“เธอจะปล้ำฉัน!!”
เอมิกาเหวอ “คุณเห็นฉันเป็นผู้หญิงยังไงเนี่ย?!!”
“ก็เธอถอดเสื้..” วเรศจะพูดว่าเสื้อ
แต่แล้ววเรศก็ชะงักก้มมองเห็นตัวเองยังใส่เสื้ออยู่ วเรศอึ้ง เขามองเสื้อผ้าที่เอมิกาใส่แล้วก็นึกขึ้นมาได้เอง
วเรศพึมพำกับตัวเอง “...หรือว่า...เราฝัน..”

เอมิกาไม่ได้ยินเธอลุกขึ้นมาหน้าเหยเก
“ไข้คุณขึ้นสมองรึเปล่า ถึงได้คิดมาได้ว่าฉันจะปล้ำคุณ”
วเรศยิ้มแหย “เออ..คงจะใช่มั๊ง ฉัน..ฉันขอโทษ เจ็บมั๊ย”
“เจ็บสิคะ….ตอนแรกฉันจะเข้ามาดูว่าไข้ลดเหรอยัง จะได้เช็ดตัว งั้นฉันไปหละนะ”
วเรศมองเอมิกาแล้วรีบพูด
“เดี๋ยวสิชะเอม ถ้างั้นเช็ดตัวให้ฉันหน่อยได้ไม๊ ?”
เอมิกามองอย่างลังเลก่อนจะตัดสินใจเดินไปบิดผ้าขนหนู แล้วก็ค่อยๆเช็ดที่แขนของวเรศด้วยความนุ่มนวล วเรศมองเอมิกาตลอดเวลาจนเอมิการู้สึกได้และเขิน
“คุณมองฉันทำไม?” เอมิกาถาม
“ไม่นึกว่าคนอย่างเธอจะทำอะไรแบบนี้เป็น”
เอมิกาเงยหน้าด้วยความแปลกใจ “คนอย่างฉันมันเป็นยังไงคะ?”
“ก็ดูเป็นคนไม่ค่อยนุ่มนวล โก๊ะ เปิ่น ซุ่มซ่าม หยิบจับอะไรก็หล่นน่ะสิ”
เอมิกาไม่พอใจที่วเรศตำหนิเลยหยิกแขนวเรศเต็มๆ วเรศร้องลั่น
“โอ๊ยยยย!! ฉันไม่สบายอยู่นะ รังแกคนป่วยเหรอ?!”
“คนป่วยปากแบบนี้ ก็ต้องโดนลงโทษ คุณนี่ชอบมองฉันในแง่ร้ายอยู่เรื่อยเลยนะคะ”
“ฉันแซวเล่น”
“แซวฉันได้ แสดงว่าหายแล้ว ถ้างั้นก็ไม่ต้องเช็ดตัวแล้วล่ะค่ะ”
เอมิกาจะผละออกไป วเรศรีบจับมือเอมิกาเอาไว้ เอมิกาชะงัก
“ฉันยังมีไข้อยู่เลย ไม่เชื่อจับหน้าผากดูสิ”
วเรศเอามือเอมิกามาจับหน้าผากตัวเอง เอมิกาเขินมากจึงรีบดึงมือออกมา แล้วก็เช็ดตัวให้วเรศต่อ แต่เอมิกาก็ไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ ทำให้เช็ดผิดเช็ดถูกไปเช็ดโดนปากวเรศ
“ชะเอม!!” วเรศเรียก เอมิกาหันขวับ “ถูจนปากฉันจะถลอกหมดแล้ว”
เอมิกาหน้าแหย “ขอโทษค่ะ”
เอมิการีบเอาผ้ามาแช่น้ำแล้วบิดก่อนจะเช็ดตัวให้วเรศต่อ วเรศอมยิ้ม

อรวิลาสกับคิตตี้เดินชอปปิ้งกันกระจาย ทั้งสองหิ้วถุงหลายใบอยู่ในมือ ทันใดนั้นเสียงมือถือคิตตี้ก็ดังขึ้น คิตตี้หยิบออกมากดรับ
“ว่าไง...” คิตตี้ฟัง “ปาร์ตี้คืนนี้เหรอ? แป๊บนะฉันถามอรก่อน” คิตตี้หันไปทางอรวิลาส “อร..คืนนี้มีปาร์ตี้เปิดผับใหม่ ไปด้วยกันนะ”
“คืนนี้??”
“อย่าบอกนะว่าต้องกลับบ้านก่อนห้าโมงเย็นเหมือนสมัยเรียนมัธยม” คิตตี้ถาม อรวิลาสเงียบ คิตตี้ทำหน้าเยาะ “นี่แกยังเป็นลูกแหง่ติดแม่อยู่อีกเหรอ?!!”
อรวิลาสหน้าถอดสี “ฉันไม่ได้เป็นลูกแหง่ ไปก็ไปสิ!”
คิตตี้ยิ้มแล้วรีบบอกเพื่อนทางโทรศัพท์ อรวิลาสครุ่นคิดแล้วก็ชักใจไม่ดี

วเรศค่อยๆเดินออกมากับเอมิกา
“จะออกมาทำไม? ฉันเอาเข้าไปให้คุณทานในห้องก็ได้” เอมิกาพูด
“ฉันไม่อยากนอนแล้ว มันเบื่อ” วเรศบอก
วเรศพูดจบก็เซเพราะมึน เอมิการีบเข้าไปประคองเอาไว้ ทำให้ทั้งสองใกล้กัน วเรศกับเอมิกาหันมามองหน้ากันแล้วก็ชะงัก เอมิการีบหันหน้าไปทางอื่น
วเรศนึกขึ้นได้ “น้องอรหายไปไหน?”
เอมิกาอึกอัก “เออ..คุณอรมีธุระด่วนน่ะค่ะ ก็เลยออกไป แต่บอกว่าจะรีบกลับมา”
วเรศไม่ได้ติดใจอะไร เอมิกาหันมาลอบถอนหายใจพลางประคองวเรศพาเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร
“รอซักครู่นะคะ ฉันจะอุ่นข้าวต้มให้คุณทาน”
วเรศพยักหน้า เอมิกาเดินไปเปิดกระติกแล้วตักข้าวต้มออกมาใส่ชาม วเรศมองเอมิกาด้วยแววตาที่อ่อนโยนแล้วก็เผลอยิ้มออกมา

เอมิกาเอาชามข้าวต้มมาวางตรงหน้าวเรศ แล้วตัวเองก็ยืนอยู่ข้างๆ วเรศได้กลิ่นหอมของข้าวต้มแล้วก็รู้สึกดี
วเรศกำลังจะกินแล้วก็นึกขึ้นได้ “เธอหิวรึเปล่า”
เอมิกานิ่งไปซักพักก็ยิ้มแหยๆ ออกมา
“ข้าวต้มตั้งเยอะ แบ่งกันทาน” วเรศบอก
“เออ ไม่..”
“เชื่อฉันสิ ฉันทานคนเดียวไม่หมดหรอก เอามานั่งทานด้วยกัน”
เวลาผ่านไป เอมิกาเอาข้าวต้มมานั่งทานกับวเรศ วเรศทานทันทีโดยลืมไปว่าร้อน
วเรศร้องออกมา “โอ๊ย!!”
เอมิกายิ้มขำ “ไข้นี่ทำสมองคุณรวนเหมือนกันนะคะเนี่ย เห็นอยู่ว่าควันฉุย”
“ได้ทีล่ะว่าฉันเลยนะ”
เอมิกายิ้มแหย
“ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ คนป่วยนี่ขี้ใจน้อยชะมัด”เอมิกาว่า วเรศยังหน้านิ่ง เอมิกาแกล้งแหย่ “โอ๋โอ๋โอ๋ อย่างอนนะคะ...มามะฉันเป่าให้”
เอมิกาเอาชามข้าวต้มมาจากวเรศแล้วก็ใช้ช้อนคนข้าวต้มไปเป่าไป วเรศลอบมองเอมิกาแบบยิ่งรู้สึกดีมากขึ้น
“น่าจะทานได้แล้ว” เอมิกาบอก
เอมิกาตักข้าวต้มขึ้นมาแล้วจะยื่นช้อนให้วเรศ แต่วเรศกินข้าวต้มจากช้อนที่เอมิกายื่นให้พอดี เอมิกาผงะ วเรศมองเอมิกานิ่งนานทำเอาเอมิกาหน้าร้อนผ่าว เธอรีบวางช้อนลงในชาม
“อย่ามาเอาเปรียบฉันสิคะคุณตั้ม เป็นไข้ไม่ได้เจ็บมือซักหน่อย”
เอมิการีบกินเพราะเขินจึงทำข้าวต้มลวกปากตัวเองเช่นกัน
“โอ๊ย!!”
วเรศหัวเราะออกมาดังลั่น เอมิกาค้อนวเรศ วเรศรีบหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ข้าวต้มอร่อยเนอะ” วเรศบอก
วเรศก้มหน้ากินข้าวต้ม เอมิกาลอบยิ้มอย่างเขินๆ แล้วก็กินต่อ
วเรศลอบมองเอมิกา เอมิกาก็ลอบมองวเรศ วเรศรีบหลบตา เอมิกาเองก็ผงะที่เห็นวเรศแอบมองเธอ แล้วสองคนก็ก้มหน้าก้มหน้ากินข้าวไม่หยุด สักพักเสียงมือถือของเอมิกาก็ดังขึ้น เอมิกาหยิบออกมาเห็นเป็นชื่ออรวิลาสก็กดรับสาย
“ฮัลโหล”
“ไม่ต้องพูดชื่อฉันออกมา” อรวิลาสบอก เอมิกางง “ไปหาที่เงียบๆคุยกับฉัน อย่าให้พี่ตั้มได้ยิน”
เอมิกาเหล่มองวเรศที่กำลังกินข้าวแล้วก็ครุ่นคิดว่าจะทำยังไง
เอมิกาแกล้งพูด “ฮัลโหล สัญญาณไม่ดีเลยค่ะ แป๊บนึงนะคะ” เอมิกาหันมาพูดกับวเรศ “ขอตัวซักครู่นะคะ”
วเรศพยักหน้าแบบไม่ได้สงสัยอะไร เอมิการีบเดินออกไปทันที

เอมิกาออกมาคุยโทรศัพท์ที่หน้าห้องพัก เธอมีสีหน้าตกใจ
“คุณอรต้องไปปาร์ตี้กับเพื่อน!!”
“ทำไมต้องทำเสียงตกใจ?!! หูจะแตก” อรวิลาสว่า
เอมิกาหน้าเสียและเริ่มเดินไปเดินมา
“ก็คุณอรจะทิ้งฉันไว้กับคุณตั้มสองคน?!!”
อรวิลาสนิ่วหน้า “เธออยู่กับพี่ตั้มสองคนแล้วทำไม?!!! หรือว่าเธอจะปล้ำพี่ตั้ม”
เอมิกาหยุดเดินด้วยความตกใจ
“บ้าเหรอคะคุณอร!”
อรวิลาสฉุน “ด่าฉันบ้าเหรอชะเอม!”
เอมิการีบปิดปาก “ไม่ได้ด่าค่ะ มันเป็นคำอุทาน ถ้างั้นฉันกลับบ้านก่อนนะคะ”
อรวิลาสตกใจ
“ถ้าเธอกลับบ้าน คุณแม่ก็รู้สิว่าฉันไม่ได้อยู่เฝ้าพี่ตั้ม ยังไงเธอกับฉันก็ต้องกลับบ้านด้วยกัน”
เอมิกาเซ็งสุดๆ
“แล้วคุณอรจะกลับมาถึงคอนโดกี่โมง” เอมิกาฟังแล้วก็ตกใจ “ห๊ะ!!! สี่ห้าทุ่ม แล้วฉันจะอยู่ทำซาก..เอ๊ย อยู่ทำอะไรล่ะคะคุณอร”
“นั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องคิด ไม่ใช่ฉัน แล้วอย่าให้คุณแม่รู้เด็ดขาดว่าฉันออกไปเที่ยวกับเพื่อน ถ้าคุณแม่รู้..เธอตาย!!”
อรวิลาสวางสายทันที เอมิกาถอนหายใจและอยากจะบ้าตาย เธอล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อที่หน้าแต่แล้วก็ชะงักเพราะมันคือผ้าเช็ดหน้าของวเรศ

เอมิกายื่นผ้าเช็ดหน้าให้วเรศดู
“ฉันซักมาจะคืนคุณ แต่เมื่อกี๊ฉันเผลอเอาไปซับหน้าตัวเอง แล้วไงฉันจะซักมาให้ใหม่นะคะ” เอมิกาบอก
“ไม่ต้อง เธอเก็บไว้เถอะ”
“ไม่ได้”
“ได้สิ ฉันมีผ้าเช็ดหน้าอีกตั้งหลายผืน”
เอมิกาไม่กล้าเถียง เธอเลยเก็บผ้าเช็ดหน้าใส่ในกระเป๋ากางเกง
“ถ้าเธอจะกลับบ้าน กลับได้เลยนะ” วเรศบอก
“ไม่ได้ค่ะ” เอมิการีบพูด วเรศชะงัก “เออ...เพราะคุณชื่นสั่งไว้”
“ไข้ฉันลงแล้ว ฉันก็เลยว่าจะเข้ากระทรวงฯ ไปเคลียร์งานนิดหน่อย”
“คุณอย่าเพิ่งไปดีกว่า เพิ่งหายไข้ ถ้าทำงานหนัก มันจะกลับขึ้นมาเป็นอีกนะคะ”
“งานไม่ได้หนัก แค่งานเล็กๆ ฉันอยากทำให้เสร็จวันนี้ ไม่อยากค้างเอาไว้”
“แล้วคุณขับรถไหวเหรอคะ”
“ฉันจะไปแท็กซี่ แล้วเธอก็ไปกับฉัน!!!”
เอมิกาตกใจ “ห๊ะ!! ไปกับคุณ!??”
วเรศพยักหน้า เอมิกามองเหวอ

วเรศเดินนำเอมิกามาตามทางเดินในกระทรวง เอมิกาเดินอยู่แล้วก็หยุดเดิน เพราะเธอเกิดกังวลใจขึ้นมาเลยหันไปมองรอบๆ
เอมิกาพึมพำ “หวังว่าเราคงไม่เจอคนรู้จักที่นี่หรอกนะ”
วเรศหยุดเดินแล้วหันมาเห็นเอมิกาหยุดนิ่ง
“ชะเอม..ตามมาสิ”
เอมิการีบเดินตามวเรศไปติดๆแต่สีหน้าของเธอกังวลใจมาก สักพักป๊อปก็เดินออกมา เขาหันไปเห็นเอมิกาพอดี
“น้องเอมลูกท่านผู้ว่าฯอุทยาน” ป็อปแปลกใจ “มาทำอะไรที่นี่?!”
เอมิกาหันมาสบตากับป๊อปก็ตกใจ ป๊อปยิ้มและโบกมือทักทาย เอมิการีบหันขวับไปทางอื่น ป๊อปแปลกใจ
เอมิการีบเดินแซงหน้าวเรศไป วเรศงง
“ชะเอม..ไปไหน” เอมิกาหันมาทางวเรศ วเรศชี้ไป “ทางนี้!!!”
เอมิกาก้มหน้าก้มตารีบเดินตามวเรศไป ป๊อปมองตามเอมิกาด้วยความสงสัยสุดๆ แล้วเขาก็ตัดสินใจเดินตามไป

เอมิกาเดินตามวเรศ พลางหันไปมองด้านหลังด้วยความระแวงเพราะกลัวป๊อปจะเดินตามมา ทำให้เธอเดินไปชนหลังวเรศเต็มๆ วเรศหันขวับ เอมิกาตกใจ
“ขอโทษค่ะ”
“เธอเป็นอะไร ฉันเห็นเธอดูล่อกแล่กตั้งแต่เข้ามาในนี้แล้ว”
เอมิกาอึกอักและอ้ำอึ้งเพราะตอบไม่ถูก แล้วเธอก็เห็นป๊อปเดินมามองหาตัวเธอ วเรศมองเอมิกาด้วยความสงสัย
“ชะเอม!!”
เอมิกาเห็นป๊อปกำลังจะหันมา เธอก็คิดว่าจะทำยังไงดี แล้วเธอก็นึกออก
เอมิกาแกล้งเจ็บตา “โอ๊ย!!” วเรศชะงัก เอมิการีบพูด “มีอะไรเข้าตาฉันก็ไม่รู้ เจ็บจังเลยค่ะ”
วเรศตกใจ “ไหนฉันดูสิ..?”
วเรศเข้ามายืนบังเอมิกาเอาไว้ขณะที่ป๊อปหันมา ป๊อปจึงไม่เห็นเอมิกาแล้วเขาก็เดินไปอีกทาง เอมิกามองตามไปพอเห็นป๊อปเดินออกไปก็โล่งอก เธอหันหน้ากลับมาทำให้จมูกของเธอไปแตะกับจมูกของวเรศพอดี ทั้งคู่ชะงักไป แล้วก็รีบผละออกห่างจากกัน
“ตาฉันหายเจ็บแล้ว ขอบคุณนะคะ”
เอมิกาไม่กล้าสบตาวเรศ วเรศเองก็เก้อๆเขินๆ แล้วเขาก็เดินออกไปพลางพ่นลมหายใจออกมา เอมิกาหน้าแดงซ่านแล้วก็เดินตามวเรศไป

วเรศพาเอมิกามาที่โต๊ะตัวหนึ่งที่อยู่หน้าห้องทำงานของเขา
“เธอนั่งตามสบาย” วเรศบอก
“แล้วเจ้าของโต๊ะ เค้าจะไม่ว่าเหรอคะ” เอมิกาถาม
“โต๊ะนี้เคยเป็นของผู้ช่วยฉัน แต่เค้าลาออกไปแล้ว”
“แล้วผู้ช่วยคนใหม่?”
“ยังไม่มี..”
เอมิกาพยักหน้า วเรศเดินเข้าห้องไป
เอมิกานั่งลงที่โต๊ะ ทันใดนั้นเสียงมือถือก็ดังขึ้น เอมิกาลุกเดินไปเคาะประตูห้องวเรศ แล้วเปิดเข้าไป แต่วเรศหันมายกมือให้เธอรอก่อนเพราะเขากำลังคุยโทรศัพท์ เอมิกาเลยเดินออกมาแล้วตัดสินใจกดรับ
“สวัสดีค่ะหน้าห้องคุณวเรศค่ะ ฝากเรื่องไว้ก่อนได้มั๊ยคะ คุณวเรศติดสายน่ะค่ะ”
เอมิกาเอากระดาษโน๊ตมาจดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

วเรศเดินออกมาจากห้องเห็นเอมิกากำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“คุณทรงชัยนะคะ” เอมิกาทวน วเรศยืนมอง “ขอเบอร์ติดต่อกลับด้วยค่ะ แล้วดิฉันจะเรียนคุณวเรศให้นะคะ สวัสดีค่ะ”
เอมิกาวางสายแล้วหันมาเจอวเรศยืนมองก็ชะงัก เธอรีบลุกขึ้นแก้ตัว
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะรับโทรศัพท์นะคะ แต่พอฉันเข้าไปหาคุณ แล้วคุณกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ฉันก็เลยต้องรับ แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกหลายครั้ง” เอมิกาอธิบาย วเรศนิ่งฟัง “ฉันจดเอาไว้หมดแล้วว่าใครโทรมาบ้าง”
เอมิกาหยิบกระดาษโน๊ตสี่ถึงห้าแผ่นส่งให้วเรศ วเรศรับมาดู

“บ่ายสองโมง คุณเดชา เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้โทรมาเรียนปรึกษาเรื่องโครงการสร้างคนสร้างป่า บ่ายสองโมงยี่สิบ คุณสมศรีโทรมาคอนเฟิร์มนัดวันพรุ่งนี้ แต่ฉันยังไม่ได้คอนเฟิร์มเพราะไม่รู้ว่าคุณจะว่ายังไง บ่ายสองโมงห้าสิบ คุณจอห์น โทรมาขอนัดคุณคุยเรื่องโปรเจคร่วมระหว่างไทยกับสิงคโปร์ และเมื่อซักครู่ คุณทรงชัย โทรมาแจ้งว่าได้รับเอกสารจากคุณแล้วค่ะ” เอมิกาสาธยาย
วเรศมองรายละเอียดในใบโน๊ตจึงเห็นว่าเอมิกาจำแม่นและละเอียดมาก วเรศรู้สึกทึ่งจนเงียบไป
เอมิกาชักใจไม่ดี “นี่ฉันทำอะไรผิดรึเปล่า หรือว่าฉันก้าวก่ายหน้าที่ของคุณ ฉันขอโทษ”
“ไม่ต้องขอโทษ เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ขอบใจ” วเรศชูกระดาษโน๊ตขึ้นมา
เอมิกาอึ้งไปและแปลกใจที่ไม่โดนว่าอะไร

วเรศกับเอมิกาเดินมาด้วยกันตามทางเดินในกระทรวง
“ฉันจะไปส่งเธอที่บ้าน” วเรศบอก
เอมิกาหยุดเดินแล้วหันขวับ “ส่งฉันที่บ้าน?”
วเรศหยุดเดินแล้วหันมา “ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว เธอไม่ต้องอยู่ดูแลฉันหรอก ฉันจะบอกคุณอาชื่นเอง”
เอมิกาหน้าเสีย “ไม่ได้ค่ะ ยังไงฉันก็ต้องดูแลคุณ”
“ไม่ต้อง”
“ต้องสิคะ”
“ไม่ต้อง”
“ต้องค่ะ!”
เอมิกาเสียงแข็งจนวเรศแปลกใจ
“เธอมีอะไรที่ปิดบังฉันอยู่ใช่มั๊ยชะเอม”
เอมิกาหน้าถอดสี “เออ...มะ..ไม่..ไม่มีค่ะ”
“ต้องมี ไม่งั้นเธอไม่ติดอ่างแบบนี้ บอกฉันมา!” วเรศเสียงเข้ม เอมิกาหน้าเสีย วเรศคิด “เกี่ยวกับอรใช่มั๊ย”
เอมิกาหันไปมองวเรศ วเรศจึงรู้ทันทีว่าใช่แน่นอน

เอมิกาเดินตามวเรศเข้ามาในห้อง เอมิกาหน้าเสียมาก
“คุณตั้มอย่าบอกคุณชื่นนะคะ ไม่งั้นคุณอรเอาเรื่องฉันตาย!”
วเรศหันมาพูด “ฉันรู้ แต่อรก็เหลือเกิน ทำอะไรตามใจตัวเอง โดยไม่คิดถึงคนอื่น”
เอมิกาไม่พูดอะไร
“งั้นเธอก็อยู่รออรที่นี่ไปก่อน” วเรศบอก
“ค่ะ...ขอบคุณนะคะคุณตั้ม”
วเรศมองเอมิกาด้วยความเห็นใจ

ที่บ้านชื่นฤทัย ชื่นฤทัยหันมาคุยกับพีรพล
“คุณว่าหลานตั้มจะประทับใจน้องอรขึ้นมาบ้างรึเปล่าหลังจากที่วันนี้อยู่ดูแลกันทั้งวัน”
พีรพลไม่ค่อยพอใจ “ผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่านี่มันเย็นมากแล้ว คุณควรโทรให้น้องอรกลับมาได้แล้ว ตั้มจะได้พักผ่อน”
ชื่นฤทัยฉุน “พูดแบบนี้หมายความว่าน้องอรทำให้หลานตั้มไม่ได้พักผ่อนเหรอ?”
พีรพลรีบแก้ตัว “ไม่ใช่..!! แต่ยังไงน้องอรก็เป็นผู้หญิงถึงจะมีชะเอมไปด้วยก็เถอะ ถ้าใครเห็นน้องอรออกมาจากห้องหลานตั้มค่ำมืด น้องอรจะถูกมองในแง่ไม่ดี”
ชื่นฤทัยคิดตามแล้วก็เห็นด้วย

ที่ผับ คิตตี้ยื่นแก้วคอกเทลให้อรวิลาส
“ฉันไม่ดื่ม” อรวิลาสบอก
“แก้วเดียว ไม่ทำให้แกเมาหรอก” คิทตี้ว่า
“ฉันไม่อยากดื่ม”
“ไม่อยากดื่มหรือกลัวแม่กันแน่” คิทตี้ทำเสียงเยาะ
อรวิลาสผงะเพราะไม่พอใจ
“เออนั่นสิ..ยังกลัวแม่อยู่อีก แกโตแล้วนะอร ไม่ใช่เด็กๆ แล้วอีกอย่างแม่แกไม่มีทางรู้หรอก ว่าแกดื่ม” เพื่อนอีกคนสนับสนุน
อรวิลาสยังนิ่ง คิตตี้วางแก้วลงบนโต๊ะ
“อย่าไปบังคับอรเลยพวกแก เดี๋ยวอรจะกดดัน” คิทตี้บอก
คิตตี้ปรายตามองอรวิลาสแล้วขำเยาะๆกับเพื่อน อรวิลาสไม่พอใจเลยยกแก้วขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว เพื่อนๆหันไปมองด้วยความตกตะลึง มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะมีไฟกระพริบ ที่หน้าจอขึ้นชื่อ “แม่” อรวิลาสเห็น แต่ก็ไม่รับเพราะกลัวเพื่อนๆ จะแขวะอีก

เสียงมือถือเอมิกาดังขึ้น เอมิกาเห็นชื่อชื่นฤทัยที่หน้าจอก็ตกใจมาก
“คุณชื่น!!”
เอมิกาหันไปทางวเรศ แล้วเธอก็ตัดสินใจกดรับ
“สวัสดีค่ะคุณชื่น”
“ฉันโทรหาน้องอร ทำไมน้องอรไม่รับสาย” ชื่นฤทัยถาม
เอมิกาหน้าซีด “คุณอรกำลังคุยกับคุณตั้ม ก็เลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ค่ะ”
ชื่นฤทัยยืนคุยโทรศัพท์ โดยมีพีรพลอยู่ข้างๆ
“นี่แสดงว่าหลานตั้มดีขึ้นแล้วใช่มั๊ย” ชื่นฤทัยถาม
เอมิกาตอบรับ “ค่ะ”
“ถ้างั้นก็กลับบ้านกันได้แล้ว จะได้ไม่รบกวนหลานตั้ม”
เอมิกาตกใจ “กลับบ้าน!!!”
ชื่นฤทัยผงะเพราะเริ่มแปลกใจ พีรพลได้ยินเสียงเอมิกาดังลอดออกมา
“ตะโกนใส่หูฉันทำไมชะเอม!!” ชื่นฤทัยถาม
เอมิกาคิดว่าจะทำยังไงดี วเรศยื่นมือไปตรงหน้าเธอ เอมิกายื่นมือถือให้เขา
“คุณอาชื่นครับ พอดีกว่าผมกับอรกำลังดูหนังกันอยู่ ถ้าหนังจบเมื่อไหร่ น้องอรจะกลับบ้านทันที”
ชื่นฤทัยวางสายแล้วหันมายิ้มแย้มกับพีรพล
“หลานตั้มกำลังดูหนังกับน้องอร” ชื่นฤทัยบอก พีรพลตกใจ “แสดงว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่คืบหน้าไปในทางที่ดี” ชื่นฤทัยเพ้อ “การดูแลกันยามป่วยไข้นี่มันได้ใจกันไปจริงๆ”
ชื่นฤทัยมีความสุข เธอเดินออกไปแต่พีรพลแปลกใจและไม่อยากจะเชื่อ

วเรศวางสายแล้วหันมาทางเอมิกาด้วยสีหน้าไม่พอใจอรวิลาส
“น้องอรทำแบบนี้ไม่ถูก เค้าอยากเที่ยว แต่กลับทำให้เธอเดือดร้อน” วเรศว่า
“อย่าไปว่าคุณอรเลยค่ะ จริงๆคุณอรเธอน่าสงสารนะคะ”
วเรศไม่เข้าใจ “น่าสงสารยังไง?!!”
“คุณอรมักจะโดนคุณชื่นบังคับในทุกๆเรื่อง อย่างเรื่องที่คุณอรต้องมาดูแลคุณวันนี้ คุณอรก็ไม่ได้เต็มใจมา พอมีโอกาสหลุดพ้นจากสายตาของแม่ มันก็เลยทำให้คุณอรทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้แหละค่ะ”
วเรศแปลกใจ “เธอไม่โกรธเค้าเหรอ”
“ไม่ค่ะ ฉันเห็นใจคุณอรมากกว่า” เอมิกาบอก
“ถึงอรจะน่าเห็นใจ น่าสงสารยังไง อรก็ต้องได้รู้ว่าการโกหกพ่อแม่มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง”
“ฉันทราบค่ะ คุณตั้มอย่าไปดุเธอเลยนะคะ ฉันว่าอีกไม่นานคุณอรก็คงกลับมาแล้วล่ะค่ะ “
เอมิกามั่นใจ ส่วนวเรศถอนหายใจ

ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 7 (ต่อ)
อรวิลาส คิตตี้ และเพื่อนๆ กำลังเต้นอย่างสนุกสนานในผับ
อรวิลาสที่เมาแล้วตะโกนบอกเพื่อน “ถ้ายังไม่ถึงเที่ยงคืน..ห้ามใครกลับ!! เข้าใจ๊! วู้วู้!!!”
อรวิลาสกับเพื่อนเต้นกันอย่างบ้าคลั่ง

เอมิกานั่งสัปหงกอยู่บนโซฟาที่บ้านวเรศ ตัวของเธอโงนเงนไปมา วเรศออกมาจากห้องแล้วมองไปที่นาฬิกาข้างฝาซึ่งบอกเวลาว่าใกล้เที่ยงคืนแล้ว วเรศมองเอมิกาด้วยความสงสารและไม่พอใจอรวิลาส เขาเดินมาหาเอมิกา
“ชะเอม” วเรศเรียก
เอมิกาไม่ตื่น แต่กลับตัวโยนมาข้างหน้าทำให้จะตกเก้าอี้ วเรศรีบเข้ามาประคองเอาไว้ได้ทันทำให้เอมิกาอยู่ในท่ากอดวเรศ หัวของเธอซบไหล่วเรศอยู่ วเรศชะงัก เขาค่อยๆประคองเอมิกาให้ลงไปนอนบนโซฟาก่อนจะยกขาเอมิกาขึ้นวางบนโซฟา
วเรศมองเอมิกาที่กำลังหลับ ใบหน้าของเอมิกาขณะหลับทำให้วเรศเห็นความสวยของเอมิกาชัดมากขึ้น วเรศมองเอมิกานิ่งและนาน
วเรศมองไปที่ดวงตา จมูก ไล่ลงมาที่ปาก ที่ต้นคอ แล้วก็ชะงักเพราะกระดุมเสื้อของเอมิกาหลุด ทำให้เขาเห็นช่วงเนินอกด้านบน วเรศถึงกับอายจึงรีบลุกขึ้นยืนหันหลัง
“เดี๋ยวไข้ก็ได้ขึ้นอีกหรอกเรา”
วเรศพยายามตั้งสติแล้วก็รีบเดินออกไป

นาฬิกาข้างฝาบอกเวลาเที่ยงคืนครึ่ง เสียงมือถือของเอมิกาดังขึ้น เอมิกาสะดุ้งเฮือกรีบตื่นขึ้นมาหยิบมือถือที่วางบนโต๊ะแล้วกดรับสาย
“คุณอรอยู่ไหนคะ?” เอมิกาฟัง “อยู่ข้างล่างคอนโด ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
วเรศออกมาจากห้อง เอมิกาหันไปบอกวเรศด้วยความดีใจ
“คุณอรกลับมาแล้วค่ะ”

เอมิกากับวเรศเดินออกมาเห็นอรวิลาสยืนกระโดดและโบกมือเรียกอยู่ที่ด้านล่าง
“ยู้ฮู ฉันอยู่นี่ ชะเอม..พี่ตั้ม..วู้”
เอมิกากับวเรศแปลกใจกับท่าทางของอรวิลาส พอทั้งสองเดินมาใกล้ก็ผงะ
“คุณอรเมาเหรอคะ” เอมิกาถาม
“ไม่ได้มาวววว..เอิ๊ก!” อรวิลาสรีบปิดปาก “อุ๊บส์”
“อรเมาแล้วขับรถมาได้ยังไง?” วเรศถาม
อรวิลาสนิ่งคิด “เออนั่นสิ...” แล้วอรวิลาสก็ขำร่วนออกมา “ไม่รู้อ่ะ ฮ่าๆๆๆ”
“โชคดีนะที่ตำรวจไม่จับ” วเรศบอก อรวิลาสยิ้มหวาน วเรศหันไปพูดกับเอมิกา “แบบนี้ขับกลับไม่ไหวแน่ ฉันขับไปส่งเอง”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันขับให้คุณอรเอง” เอมิกาบอก
“เธอขับรถเป็นด้วยเหรอ?”
เอมิกาผงะ “เออ..ฉันเคยขับรถส่งของมาก่อน ฉันไปนะคะ”
“แน่ใจนะว่าขับได้”
“แน่ใจค่ะ คุณไปพักเถอะ คุณยังไม่หายดี แล้วก็อย่าลืมทานยาลดไข้อีกนะคะ จะได้ชัวร์ว่าจะไม่เป็นไข้อีก”
วเรศพยักหน้า เอมิการีบพาอรวิลาสขึ้นรถ แล้วก็มาขึ้นรถฝั่งคนขับแล้วขับออกไป วเรศมองตามอย่างเป็นห่วง

เอมิกาจอดรถที่หน้าบ้านชื่นฤทัย เธอหันไปเห็นบ้านทั้งหลังมืดสนิทแล้วก็หันไปทางอรวิลาสที่กำลังหลับสนิทเช่นกัน
“คุณอรคะ” เอมิกาเรียก อรวิลาสนิ่ง “คุณอร” เอมิกาเขย่าตัว “คุณอร”
ทำยังไงอรวิลาสก็ไม่ตื่น
เอมิกาเซ็ง “กรรมแล้วไง ไม่ยอมตื่น” เอมิกาคิด “เกิดมีคนมาเห็นเข้า ซวยแน่!”
แล้วเอมิกาก็นึกออก เธอหยิบมือถือออกมากดโทรออกทันที
“ป่อง...!!!”

ปองเทพยืนหน้าง่วงมากอยู่ที่หน้าบ้าน เขามองอรวิลาสที่นอนอ้าปากอยู่ในรถก่อนจะหันไปทางเอมิกา
“คุณอรไปทำอะไรมาห๊ะเอม”
เอมิกาตอบสั้นๆ “เมา”
ปองเทพตกใจจนตาสว่างทันที “เมา!!!”
“ชู่ว์..เสียงดังอีกแล้ว”
“ขอโทษ..แล้วคุณอรเมาได้ไง”
“เรื่องมันยาว ไว้เราค่อยเล่าให้ฟัง ตอนนี้ช่วยฉันพาคุณอรเข้าไปในบ้านก่อนเถอะ” เอมิกาบอก
ปองเทพพยักหน้าแล้วก็เข้ามาอุ้มอรวิลาสลงจากรถ เอมิการีบปิดประตูแล้วทั้งหมดก็เดินเข้าไปในบ้านทันที

เอมิกาโผล่หน้าเข้ามาในบ้าน เธอเห็นทั้งบ้านมืดสนิทและไม่มีใคร เอมิกาหันไปทางด้านหลังพร้อมกับพยักหน้าให้ปองเทพ เอมิกาเข้ามาในบ้าน ไม่นานปองเทพก็อุ้มอรวิลาสเดินเข้ามา ปองเทพไม่ค่อยมีแรงจะอุ้มทำให้อรวิลาสจะหล่นไม่หล่นแหล่
เอมิกาเร่ง “เร็วป่อง!!”
“เห็นคุณอรตัวผอมๆ แต่ไม่ได้เบาเลยนะเอม” ปองเทพบอก
ปองเทพรีบอุ้มอรวิลาสตามเอมิกาไปติดๆ เอมิกาขึ้นบันได ปองเทพอุ้มอรวิลาสจะพาขึ้นบันได แต่เอมิกากลับทำหน้าตาตื่นแล้วรีบหันมาทางปองเทพ
เอมิกาพูดเสียงเบา “อย่าเพิ่งขึ้นมา”
ปองเทพตื่นตระหนกตามไปด้วย เอมิการีบก้าวลงมา ปองเทพอุ้มอรวิลาสมาหลบตามเอมิกา
“มีอะไรเอม?”
“เราเห็นเงา”
ปองเทพชะงัก เอมิกาเงยหน้ามองตรงบันได ทั้งสองคนลุ้นมาก ปองเทพกอดอรวิลาสแน่นด้วยความลืมตัว เอมิกาค่อยๆชะโงกหน้าไปดูแล้วก็เห็นเงานั้นคือเงาของเสาบันได เอมิกาโล่งอกแล้วก็หันมาบอกปองเทพ
“เงาราวบันไดน่ะ”
“โธ่เอม...”
เอมิกายิ้มแหย แล้วก็เธอหันหลังเดินขึ้นบันไดไปก่อน ปองเทพหันมาแล้วก็ชะงักเพราะเห็นว่าตัวเองกำลังกอดอรวิลาสแน่น แล้วหน้าของเขาก็ใกล้กับหน้าของอรวิลาส ปองเทพอึ้งไปนิดนึงแล้วก็รีบตั้งสติก่อนจะอุ้มอรวิลาสเดินขึ้นบันไดตามเอมิกาไป

ปองเทพอุ้มอรวิลาสมาตามทาง เขามีสีหน้าเหน็ดเหนื่อยมาก เอมิกาเดินนำหน้า สักพักขาของอรวิลาสไปชนกับแจกันที่วางบนชั้นตรงทางเดิน ปองเทพตกใจเพราะแจกันสั่นและทำท่าจะหล่น เอมิการีบหันมาคว้าไว้ได้ทัน เอมิกากับปองเทพถอนหายใจ
“ระวังสิป่อง” เอมิกาเตือน
ปองเทพหน้าเสีย
“รีบหน่อยเหอะเอม..เราจะไม่ไหวแล้ว” ปองเทพบอก
ปองเทพเหงื่อแตกพลั่ก เอมิการีบเปิดประตูห้องนอนอรวิลาสแล้วเดินเข้าไปก่อน หนูอ้อยเปิดประตูห้องที่อยู่ด้านหลังของปองเทพออกมาแล้วก็ตกใจเพราะเห็นปองเทพกำลังอุ้มอรวิลาสแล้วพาเข้าไปในห้อง ประตูห้องอรวิลาสถูกปิด หนูอ้อยยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ

ที่เรือนคนใช้ ปองเทพมองหน้าเอมิกาด้วยสีหน้าตะลึงงัน
“หมายความว่าเอมอยู่กับคุณตั้มสองต่อสองในคอนโดทั้งคืน!!” ปองเทพตกใจ
เอมิกาตอบสั้นๆ “ใช่”
ปองเทพหึงมาก “แล้วเค้าทำอะไรเอมรึเปล่า?!”
“เค้าจะทำอะไรเราล่ะ”
“จะไปรู้เหรอ ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่กันสองต่อสอง”
เอมิกาตกใจจึงชี้หน้า “หยุดเลยนะป่อง หยุดความคิดบ้าๆนั่นเอาไว้เลย”
ปองเทพหน้างอแล้วจับมือเอมิกา “เราขอโทษ....”
“ป่องห้ามเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเด็ดขาด เข้าใจมั๊ย”
ปองเทพรับคำ “อือ..”
“ไปนอนเถอะ ขอบใจที่มาช่วย”
ปองเทพพยักหน้าแล้วก็เดินออกไปด้วยสีหน้าไม่สบายใจ เขากังวลใจเรื่องเอมิกากับวเรศมากขึ้นกว่าเดิม เอมิกาถอนหายใจแล้วก็หาวปากกว้างก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง บรรจงออกมาจากที่ซ่อนตรงมุมมืด ในมือของเธอมีมือถือ บรรจงทำหน้าร้าย
“แกเสร็จฉันแน่นังชะเอม!!”

เช้าวันรุ่งขึ้น อรวิลาสที่นอนอยู่บนเตียงขยับตัวหันมาจะกอดหมอนข้าง แต่มือดันไปโดนอะไรบางอย่าง อรวิลาสแปลกใจจึงลืมตาขึ้นมา แล้วก็ต้องสะดุ้งเพราะหนูอ้อยนั่งอยู่บนเตียง
อรวิลาสสร่างเมาทันที “นังอ้อย!! แกเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง?”
หนูอ้อยยื่นหน้าเข้ามาดมๆๆๆตามตัวอรวิลาส อรวิลาสแปลกใจ
“เป็นหมารึไง ดมอยู่ได้”
“กลิ่นเหล้า” หนูอ้อยบอก
อรวิลาสหน้าถอดสีแล้วทำเป็นโวยวาย
“กลิ่นเหล้าอะไร?!!”
“ถึงหนูอ้อยยังเด็ก แต่หนูอ้อยรู้ว่ากลิ่นเหล้ามันเป็นยังไง?”
อรวิลาสไม่ยอมรับ “แกอย่ามาพูดมั่วๆ!!”
“หนูอ้อยไม่ได้มั่ว...หนูอ้อยจะฟ้องคุณแม่ว่าพี่อรกินเหล้าแล้วมีผู้ชายมาส่งที่ห้อง”
อรวิลาสงง “ผู้ชาย?”
อรวิลาสงง หนูอ้อยลุกพรึ่บจะเดินออกไป อรวิลาสตกใจจึงรีบกระโดดลงจากเตียงตามไปขวาง
“อย่านะ!!”
“ถ้าไม่ได้เป็นอย่างที่หนูอ้อยพูด แล้วพี่อรมาห้ามทำไม?”
“เพราะฉันรู้ว่าแกกำลังจะสร้างเรื่องโกหกใส่ร้ายฉันให้คุณแม่ฟังน่ะสิ”
หนูอ้อยเดินหลบจะตรงไปที่ประตู แต่เจออรวิลาสขวางไว้ไม่ให้ไป ทั้งสองจ้องหน้ากันก่อนจะพุ่งเข้ามาตะลุมบอนใส่กัน
ชื่นฤทัยกำลังดูคลิปเอมิกากับปองเทพคุยกันที่บรรจงถ่ายมาด้วยสีหน้าอึ้งๆ
“นังชะเอมมันแอบนัดนายป่องคนใช้บ้านน้าแป๊ะมาพบกันตอนดึก จงล่ะเป็นห๊วงเป็นห่วง กลัวพวกมันจะทำเรื่องเสื่อมเสียในบ้านคุณชื่น” บรรจงพูด
“ไม่น่าเชื่อว่าชะเอมจะเป็นคนแบบนี้” ชื่นฤทัยตกใจ
“คุณชื่นควรจะเรียกชะเอมมาสั่งสอนนะคะ ทำแบบนี้ไม่ดีไม่งามซักนิด”
ชื่นฤทัยนิ่งไป ยังไม่ทันทำอะไรเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้น ชื่นฤทัยกับบรรจงหันขวับไปมอง
“เสียงน้องอรกับหนูอ้อย!! เอาอีกแล้ว?”
ชื่นฤทัยกับบรรจงรีบเดินออกไป

หนูอ้อยกำลังจี้เอวอรวิลาส อรวิลาสขำไปด่าไป
“หยุดนะนังอ้อย ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ ฉันบอกให้หยุด..ฮ่าๆๆๆ”
ชื่นฤทัยกับบรรจงพรวดเข้ามาในห้อง ชื่นฤทัยเข้ามาจับแขนหนูอ้อยเอาไว้
“หนูอ้อยหยุด!!”
หนูอ้อยมองอรวิลาสด้วยความโมโห อรวิลาสอยากจะบ้าตาย บรรจงรีบเข้ามาดูอรวิลาส
“ทะเลาะกันเรื่องอะไร?!” ชื่นฤทัยถาม
อรวิลาสจะห้ามหนูอ้อยไม่ให้พูดแต่ก็ไม่ทัน
หนูอ้อยชี้หน้าอรวิลาส “พี่อรกินเหล้า แล้วพาผู้ชายเข้าไปในห้องนอนค่ะคุณแม่”
ชื่นฤทัยกับบรรจงหันไปทางอรวิลาสที่กำลังหน้าเสียสุดๆ

เอมิกาคลานเข่ามานั่งที่พื้นข้างๆ อรวิลาสที่มีสีหน้าตื่นเต้นมาก ชื่นฤทัยกับหนูอ้อยนั่งอยู่อีกฝั่ง ส่วนบรรจงนั่งข้างๆ ชื่นฤทัยและมองเอมิกาด้วยแววตาที่พร้อมจะสมน้ำหน้า
“ชะเอม..” ชื่นฤทัยเริ่มพูด เอมิกาเงยหน้าสบตาชื่นฤทัย “เมื่อคืนที่พวกเธอกลับกันดึก เพราะยัยอรแอบไปเที่ยว ไม่ได้อยู่กับหลานตั้มใช่มั๊ย”
อรวิลาสเหล่มองเอมิกา หนูอ้อยยิ้มเยาะ เอมิกาเครียดมาก
“บอกฉันมาชะเอม ไม่ต้องกลัวโดนใครด่า”
อรวิลาสนึกว่าตัวเองต้องโดนแน่ๆ แต่เอมิกากลับพูด “คุณอรไม่ได้แอบหนีไปเที่ยวค่ะ”
อรวิลาสชะงักแล้วหันไปมองเอมิกาอย่างทึ่งๆ ชื่นฤทัยนิ่ง หนูอ้อยเหวอ ส่วนบรรจงนิ่วหน้า
หนูอ้อยโวยลั่น “ไม่จริง! หนูอ้อยได้กลิ่นเหล้า ไม่เชื่อคุณแม่เข้าไปดมตัวพี่อรสิคะ”
อรวิลาสหน้าถอดสี เอมิกาลุ้น ชื่นฤทัยเข้าไปดมตามตัวอรวิลาส อรวิลาสแทบจะไม่กล้าหายใจออกมา
ชื่นฤทัยผละออกมา “ฉันไม่รู้ว่ากลิ่นนี้มันคือกลิ่นตัวหรือกลิ่นเหล้ากันแน่” ชื่นฤทัยมองเสื้อผ้าของอรวิลาสซึ่งเป็นชุดเดียวกับเมื่อวาน “เพราะดูท่าทางยัยอรจะไม่ได้อาบน้ำ” ชื่นฤทัยเบ้หน้า
อรวิลาสดมตัวเองแล้วก็รู้สึกถึงกลิ่นตุๆเหมือนกัน
“มันต้องเป็นกลิ่นเหล้าสิคะคุณแม่” หนูอ้อยมั่นใจ
“คุณชื่นคิดว่าเด็กอย่างคุณหนูอ้อยจะรู้จักกลิ่นเหล้าเหรอคะ” เอมิกาถาม
ชื่นฤทัยนึกตามแล้วก็เห็นด้วย อรวิลาสหันไปมองเอมิกาที่ช่วยพูดให้เธอ
หนูอ้อยเถียง “หนูอ้อยรู้จัก!!”
“เงียบหนูอ้อย” ชื่นฤทัยว่า หนูอ้อยไม่กล้า “เอาล่ะ ไหนอธิบายมาสิ ว่าทำไมเมื่อคืนถึงกลับดึก และยังใส่ชุดเดิม”
เอมิการีบตอบแทน “หนังที่คุณอรกับคุณตั้มดูเป็นหนังสามชั่วโมงค่ะ กว่าหนังจะจบก็ปาเข้าไปห้าทุ่มกว่า ที่นี้ตอนขากลับบ้าน เราเจออุบัติเหตุกลางทาง รถติดยาวเป็นกิโล”
อรวิลาสรีบสนับสนุน “ใช่ค่ะคุณแม่ พออรกลับถึงห้อง อรเหนื่อยมาก แล้วอรก็เผลอหลับไปจนถึงเช้า”
“ไม่จริง พี่อรหลับอยู่แล้ว แล้วก็มีผู้ชายอุ้มพี่อรเข้าไปในห้อง” หนูอ้อยบอก
“ไม่ใช่ผู้ชายค่ะ แต่เป็นพี่เอง” เอมิการีบบอก
“ไม่จริง ถึงมันจะมืดแต่หนูอ้อยรู้ว่าไม่ใช่พี่ชะเอม คนๆนั้นเป็นผู้ชายค่ะคุณแม่”
“คุณหนูอ้อยว่ามันมืด แล้วคุณหนูอ้อยมั่นใจได้ยังไงว่าไม่ใช่พี่ชะเอม” เอมิกาถามกลับ
“ก็...” หนูอ้อยอึกอัก “ถ้างั้นพี่ชะเอมอุ้มพี่อรให้หนูอ้อยกับคุณแม่ดูสิ”
เอมิกากับอรวิลาสมองหน้ากัน ทั้งสองหันไปก็เจอชื่นฤทัยกับหนูอ้อยมองอยู่
“ได้ค่ะ ฉันจะทำเหมือนเมื่อคืนให้ดู”

เอมิกาลุกขึ้นยืนแล้วหันไปทางอรวิลาส อรวิลาสจำต้องลุกขึ้น แล้วเอมิกาก็รวบรวมพลังทั้งหมด อุ้มอรวิลาสขึ้นมา ชื่นฤทัยกับหนูอ้อยตกใจ
“เชื่อแล้วนะคะคุณหนูอ้อย” เอมิกาบอก
หนูอ้อยโวยวาย “ไม่จริง!!”
ชื่นฤทัยพูดเสียงดัง “พอได้แล้วหนูอ้อย เราจะใส่ร้ายพี่อรไปถึงไหน?!!”
หนูอ้อยอึ้ง เธอหันไปมองอรวิลาสกับเอมิกาด้วยความโมโห เอมิกาวางอรวิลาสให้ยืนแล้วก็มองหนูอ้อยอย่างรู้สึกผิด แต่ก็จำต้องทำ หนูอ้อยโกรธจัดเลยวิ่งออกไป อรวิลาสเองก็รู้สึกผิดกับหนูอ้อยเช่นกัน
อรวิลาสโล่งอก “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว อรขอตัวนะคะ”
อรวิลาสจะลุกเดินออกไป เอมิกาขยับจะตาม
“เดี๋ยวชะเอม..เธอยังไปไม่ได้” ชื่นฤทัยรีบบอก
เอมิกาแปลกใจ ส่วนอรวิลาสหันไปมองเอมิกาด้วยความสงสัย

บรรจงเดินอย่างอารมณ์ดีเข้ามาในครัว สมพิศกับนากเห็นก็แปลกใจมาก
“ใครอยากกินส้มตำหน้าปากซอย สั่งฉันมาได้เลย ฉันเลี้ยงเต็มที่” บรรจงบอก
“ถูกหวยมาเหรอวะนังจง” สมพิศถาม
“ยิ่งกว่าถูกหวยอีกจ๊ะป้า”
“ยิ่งกว่าถูกหวยมันคืออะไรอ่ะ??” จุ่นงง
บรรจงยิ้มอย่างมีความสุข สมพิศกับนากสงสัย

เอมิกากำลังดูคลิปตัวเองกับปองเทพด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“เธอกับคนใช้บ้านแป๊ะเป็นอะไรกัน?!” ชื่นฤทัยถาม
“แค่คนรู้จักกันค่ะ” เอมิกาตอบ
“คนรู้จัก? แล้วต้องนัดเจอกันดึกๆดื่นๆ มีจับมือกันด้วยแบบนี้น่ะเหรอ”
เอมิกาหน้าเสีย ทันใดนั้นอรวิลาสก็เดินเข้ามา
“มันไม่ใช่อย่างที่คุณแม่คิดหรอกค่ะ”
ชื่นฤทัยกับเอมิกาหันไป
“อ้าวลูกอร..ยังไม่ขึ้นไปอาบน้ำอีกเหรอ” ชื่นฤทัยถาม
“เสร็จเรื่องนี้แล้วอรจะไปอาบค่ะ” อรวิลาสบอก ชื่นฤทัยแปลกใจ “อรเอาหัวเป็นประกันได้เลยว่าชะเอมกับคนใช้น้าแป๊ะไม่ได้มีอะไรกัน เพราะคนใช้น้าแป๊ะเป็นตุ๊ดค่ะ”
ชื่นฤทัยตกใจ เอมิกาอึ้งที่อรวิลาสมาช่วยพูด

เอมิกาเดินออกมากับอรวิลาส
“ขอบคุณนะคะคุณอรที่ช่วยฉัน” เอมิกากล่าว
อรวิลาสหันมาทางเอมิกา “ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณเธอ เธอช่วยฉันทำไมชะเอม”
“เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่คนชอบเที่ยว ไม่ใช่คนชอบดื่ม”
อรวิลาสชะงัก “เธอรู้ได้ยังไง ว่าฉันเป็นคนแบบไหน ทั้งๆที่เราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน”
“ถ้าคุณอรชอบดื่ม คุณต้องสั่งให้มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานปาร์ตี้วันเกิดของคุณ ถ้าคุณอรชอบเที่ยว คุณจะไม่นอนเวลาสามทุ่มทุกคืนหรอกค่ะ ฉันรู้จักคนมาเยอะ ฉันรู้ดีว่าคนประเภทไหน..เค้าใช้ชีวิตกันยังไง และฉันก็พอจะเดาได้ว่าที่คุณเมาเมื่อคืน คงเป็นเพราะโดนเพื่อนบังคับ”
อรวิลาสอึ้งสุดๆ เพราะทุกอย่างเป็นอย่างที่เอมิกาพูดจริงๆ
“คุณอรคะ อย่าหาว่าฉันสอนเลยนะ ทุกคนเกิดมามีชีวิตเป็นของตัวเอง เรามีอิสระทางความคิด อย่าให้ใครมาบังคับเราได้”
เอมิกาพูดจบก็เดินออกไป อรวิลาสคิดตามแล้วก็หันมาทางเอมิกา
“เดี๋ยว!” อรวิลาสทัก เอมิกาหันไป “รอฉันตรงนี้ ฉันขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าครึ่งชั่วโมง”
อรวิลาสพูดเท่านั้นแล้วก็เดินออกไป ทิ้งให้เอมิกายืนแปลกใจอยู่ตรงนั้น

เอมิกากลับเข้ามาในครัว ขณะที่บรรจง สมพิศ นาก และจุ่นกำลังจะกินส้มตำกัน ทุกคนหันไป
“ชะเอมมากินด้วยกันสิ คิดซะว่าเป็นมื้อปลอบใจเธอก็แล้วกัน” บรรจงแขวะ
สมพิศ นาก และจุ่นงง
“มื้อปลอบใจคืออะไร?” นากงง
บรรจงไม่ตอบ แล้วอรวิลาสที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เดินเข้ามา บรรจง สมพิศ นาก และจุ่นแปลกใจมาก
“คุณอร..” สมพิศรีบลุกเอาเก้าอี้ไปให้ “เก้าอี้ค่ะ”
“ไม่ต้อง ฉันมาแป๊บเดียว” อรวิลาสประกาศเสียงดัง “ฉันขอให้ทุกคนรู้ไว้ว่าชะเอมไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสีย โดยเฉพาะเรื่องผู้ชาย” อรวิลาสหันไปกระแทกเสียงใส่หน้าบรรจงจนบรรจงสะดุ้ง “และคนใช้น้าแป๊ะก็เป็นเพื่อนสาวของชะเอมกับฉัน” อรวิลาสปรายตามองบรรจง
บรรจงอึ้งในขณะที่ข้าวเหนียวยังคาปาก เอมิกาหันไปมองอรวิลาสด้วยความซาบซึ้งใจ
เอมิกาพูดโดยไม่ออกเสียง “ขอบคุณนะคะ”
อรวิลาสยิ้มแล้วก็เดินออกไป เอมิกาหันไปมองบรรจง บรรจงแค้นมาก เธอหันไปทางจุ่นที่กำลังจะเอาส้มตำเข้าปากแล้วก็ดึงส้อมไปจากมือจุ่น จุ่นงับได้แต่อากาศ
“ไม่ต้องกินกันแล้ว!!” บรรจงโมโห
บรรจงเอาอาหารทั้งหมดเททิ้งถังขยะ สมพิศ นาก และจุ่นตกใจ
“เฮ้ยเฮ้ย!! ทิ้งทำไมวะไอ้จง เสียของ” นากว่า
บรรจงไม่ตอบแต่จ้องหน้าเอมิกาด้วยแววตาโกรธแค้นมาก

หนูอ้อยนั่งอยู่กับสุนัขชื่อชายใหญ่ หนูอ้อยมีสีหน้าเศร้าซึมมาก
“ไม่มีใครเชื่อฉันเลยชายใหญ่ ไม่มีเลยซักคน”
ชายใหญ่ลงนอนหนุนตักหนูอ้อยเพื่อปลอบใจ หนูอ้อยลูบหัวชายใหญ่ ไม่นานเอมิกาก็เดินมาหา
“คุณหนูอ้อย...”
หนูอ้อยเห็นเอมิกาก็งอนจึงเมินหน้าไปทางอื่น เอมิกานั่งลงข้างๆ
“พี่รู้ว่าคุณหนูอ้อยโกรธพี่มาก” เอมิกาบอก หนูอ้อยไม่พูด “พี่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
หนูอ้อยหันขวับ “แสดงว่าพี่อรโกหก แล้วพี่ชะเอมก็ช่วย หนูอ้อยจะไปฟ้องคุณแม่”
หนูอ้อยลุกขึ้น ชายใหญ่ลุกตาม เอมิการีบขวางโดยการคุกเข่าตรงหน้าหนูอ้อย
“อย่านะคะหนูอ้อย พี่รู้ว่าสิ่งที่คุณอรทำเป็นสิ่งที่ผิด แต่พี่อยากให้คุณหนูอ้อยสงสารพี่อรให้มากๆ”
“พี่อรไม่เห็นจะน่าสงสารตรงไหน ชอบแกล้งหนูอ้อย”

“น่าสงสารสิคะ คุณอรไม่มีคุณพ่อ” เอมิกาบอก หนูอ้อยชะงักเพราะเห็นด้วย “แต่คุณหนูอ้อยมีทั้งคุณพ่อและคุณแม่ มีครอบครัวที่อบอุ่น” หนูอ้อยคิดตาม “คุณอรกลัวว่าคุณชื่นจะรักคุณหนูอ้อยมากกว่า ก็เลยเรียกร้องความสนใจโดยการหาเรื่องแกล้งคุณหนูอ้อย แต่ความจริงแล้วคุณอรไม่มีความสุขหรอกนะคะที่ทำแบบนั้นลงไป”
หนูอ้อยหน้าเศร้า “หนูอ้อยก็ไม่มีความสุข เวลาที่ทะเลาะกับพี่อร”
“ในเมื่อทำแล้วไม่มีความสุข แล้วคุณหนูอ้อยจะทำไปทำไมล่ะคะ ยังไงซะ คุณหนูอ้อยกับคุณอรก็เป็นพี่น้องกัน ถึงจะคนละพ่อ แต่ก็มีสายเลือดจากแม่เดียวกัน รักกันไว้ไม่ดีกว่าเหรอ”
“หนูอ้อยไม่รู้ นี่เป็นเรื่องที่หนูอ้อยต้องคิด”
หนูอ้อยพูดจบเดินออกไป ชายใหญ่เดินตาม เอมิการีบลุกขึ้นยืนแล้วหันไป
“คุณหนูอ้อย..พี่ขอร้องอย่าไปฟ้องคุณแม่นะคะ” เอมิกาพูด
หนูอ้อยหันมาแล้วพูด “หนูอ้อยลืมไปแล้ว”
หนูอ้อยเดินออกไป เอมิกายิ้มออกมา

ที่ห้องทำงานของวเรศ วเรศมองกระดาษโน๊ตที่เอมิกาจดให้เมื่อวานด้วยสีหน้าครุ่นคิด แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างตัดสินใจอะไรบางอย่างได้

เวลาผ่านไป ชื่นฤทัยกับพีรพลมองวเรศด้วยความแปลกใจมาก
“ตั้มอยากขอชะเอมไปเป็นผู้ช่วย??” ชื่นฤทัยทวนคำ
วเรศตอบรับ “ครับ..”
“อาว่าถ้าตั้มเปิดรับสมัคร ตั้มจะได้คนที่ดีกว่านี้” พีรพลบอก
“ผมยอมรับครับว่าเรื่องการศึกษาสำคัญ แต่..ผมอยากให้โอกาสชะเอม เท่าที่ผมเห็นผลงานของเค้าที่ผ่านมา ผมว่าเค้าไม่ธรรมดา แต่ที่เค้าต้องมาเป็นแม่บ้าน เพราะยังไม่เคยมีใครกล้าพอที่จะให้เค้าทำอะไรที่ใช้ความสามารถมากกว่านี้”
ชื่นฤทัยกับพีรพลมองหน้ากัน
วเรศพูดต่อ “ผมจึงอยากเรียนขออนุญาตคุณอาให้ชะเอมมาทำงานกับผมจะได้มั๊ยครับ”
วเรศมีสีหน้ามุ่งมั่นมาก

เอมิกาหน้าตาตื่นหลังจากทราบเรื่องจากชื่นฤทัยกับพีรพล
เอมิการีบปฏิเสธทันที “ไม่ค่ะ ฉันไม่ไปเป็นผู้ช่วยคุณตั้มนะคะ”
เอมิกาหน้าเสีย
“แต่ฉันรับปากหลานตั้มไปแล้ว ไปลองทำดูก็ไม่เสียหายหรอกชะเอม เอาเป็นว่าตกลงตามนี้ พรุ่งนี้หลานตั้มจะมารับเธอแต่เช้า” ชื่นฤทัยบอก
เอมิกาเงียบเพราะไม่กล้าปฏิเสธ

เอมิกานั่งหน้าเครียด ในขณะที่สมพิศ นาก และจุ่นดีใจ ส่วนบรรจงมองเอมิกาด้วยความอิจฉา
“เอ็งจะได้ไปเป็นผู้ช่วยคุณตั้มเลยเหรอวะ??! เอ็งนี่มันน่าอิจฉาจริงๆ ได้ดีแล้วอย่าลืมข้านะเว๊ย!” สมพิศว่า
“ไม่เห็นจะน่าอิจฉาตรงไหนเลยป้า ไม่อยากทำแต่ปฏิเสธคุณชื่นไม่ได้” เอมิกาบอก
“ทำไปเห๊อะน้องชะเอม จะทำได้หรือทำไม่ได้ แต่อย่างน้อยเราก็ได้ประสบการณ์ ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาเจอผู้คน เจออะไรใหม่ๆ น้องชะเอมโชคดีกว่าคนอื่นอีกตั้งหลายคนที่ทำอาชีพเดียวกับเรา” นากพูด
“ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายกันแน่” เอมิกาเปรย
บรรจงรีบพูด “โชคร้าย!!” ทุกคนหันไปมอง “พนันได้เลยว่าไม่เกินสามวัน แกโดนคุณตั้มเฉดหัวออกมาแน่” บรรจงหันไปทางจุ่นแล้วก็หัวเราะ “ฮ่าๆๆ”
จุ่นไม่ขำด้วย บรรจงตีแขนจุ่นดังผัวะ
“หัวเราะสิพี่จุ่น”
“ให้พี่หัวเราะทำไม?” จุ่นงง
“เพราะฉันสั่ง!”
“ฮ่าๆๆๆๆ” จุ่นยอมหัวเราะ
นากโมโหแทน เธอลุกขึ้นยืน
“นังจง! นังปากเสีย! นังปากไม่มีหูรูด!” นากว่าเป็นชุด
บรรจงยักไหล่ทำไม่สนใจ แล้วก็ทำลอยหน้าลอยตาเดินออกไป โดยมีจุ่นเดินตามต้อยๆ เอมิกาได้แต่ถอนหายใจแล้วก็ครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะทำยังไงดี แล้วเอมิกาก็นึกออก

เช้าวันถัดมา ชื่นฤทัยนั่งอยู่กับวเรศ
“อีกไม่นานชะเอมก็คงจะออกมาแล้วล่ะ” ชื่นฤทัยบอกวเรศ
“ครับ”
ทันใดนั้นนากก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาชื่นฤทัยกับวเรศ
“คุณชื่นฮะ!! น้องชะเอม..!!”
ชื่นฤทัยกับวเรศตกใจ
“ชะเอมเป็นอะไร?!” วเรศถาม

เอมิกานอนหน้าหน้าซีดอยู่บนเตียง วเรศ ชื่นฤทัย และนากยืนอยู่ข้างเตียง
“ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายค่ะคุณชื่น” เอมิกาบอก
“ไม่ค่อยอะไร? สภาพแบบนี้ เค้าเรียกไม่สบายมาก” ชื่นฤทัยหันไปทางวเรศ “น้าว่าชะเอมคงไปทำงานไม่ไหว”
วเรศพูดด้วยความเป็นห่วง “เดี๋ยวฉันพาไปหาหมอ”
เอมิกาตาโตตกใจจึงพูดเสียงดัง
“ไม่หาค่ะ”
ทุกคนผงะ เอมิการีบทำเสียงอ่อนระโหยโรยแรงทันที
“ฉันไม่เป็นไร”
วเรศไม่สนใจ “นาก..ช่วยพาชะเอมไปที่รถฉัน”
เอมิกาสีหน้าแย่ เธอคิดในใจว่าซวยแล้ว ทันใดนั้นสมพิศก็เดินเข้ามา
“ขอโทษนะคะ มีคนมาหาชะเอมค่ะ”
ทุกคนหันไปมองสมพิศด้วยความแปลกใจ แต่เอมิกาโล่งอกสุดๆ

นงลักษณ์ประคองเอมิกาอยู่บริเวณรถที่จอดหน้าบ้านชื่นฤทัย วเรศกับชื่นฤทัยยืนอยู่ด้วย
“ผมพาชะเอมไปหาหมอเองครับ ทุกคนไม่ต้องห่วง” นงลักษณ์ทำเสียงนีโน่
นงลักษณ์รีบพาเอมิกาขึ้นรถ จากนั้นนงลักษณ์ก็หันไปไหว้ชื่นฤทัยกับวเรศแล้วก็ขึ้นรถขับออกไป
“โชคดีนะที่คุณนีโน่มาหาชะเอมพอดี” ชื่นฤทัยบอก
ชื่นฤทัยเข้าไปในบ้าน แต่วเรศสงสัยว่าทำไมบังเอิญขนาดนี้

เอมิกาเอาผ้าสำหรับเช็ดเครื่องสำอางค์มาเช็ดหน้า ทำให้เห็นว่าที่เอมิกาหน้าซีดเพราะแต่งหน้า
เอมิกาเช็ดไปพูดไป “ดีนะที่ฉันฉลาด...คิดแผนนี้ออก ไม่งั้นถ้าฉันต้องไปทำงานกับคุณตั้ม ฉันตายแน่” เอมิกาเช็ดจนเสร็จ
“ใช่..แกฉลาด ฉลาดมากกกกก” นงลักษณ์ดันหัวเอมิกาอย่างแรง “แล้วแกคิดว่าแกจะป่วยได้ทุกวันเหรอไอ้เอม”
เอมิกาคิดตาม “เออจริง” เอมิกาเริ่มร้อนรน “แล้วฉันจะทำไงดี?”
“แกต้องไปทำงานกับคุณตั้ม”
เอมิกาฉุน “ที่ฉันให้แกช่วยคิดคือทำยังไงไม่ให้ฉันต้องไปทำงานกับคุณตั้ม”
“ฉันยังพูดไม่จบ” นงลักษณ์บอก เอมิกานิ่งฟัง “แกไปทำงานกับคุณตั้ม และแกต้องทำให้เค้าเห็นว่าแกเป็นผู้ช่วยเค้าไม่ได้”
เอมิกาคิดตามที่นงลักษณ์พูด

ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 7 (ต่อ)
เช้าวันรุ่งขึ้น เอมิกาใส่ชุดที่สุภาพกว่าปกติแต่ก็ไม่ได้เป็นชุดทำงาน เธอติดบัตร Visitor ยืนอยู่กับวเรศ
วเรศมองด้วยความเป็นห่วง “แน่ใจนะว่าหายดีแล้ว”
“ค่ะ ฉันหายดีแล้วจริงๆ”
วเรศพยักหน้าแต่แอบมองด้วยความข้องใจ
“มันก็บังเอิญนะที่อยู่ดีๆคุณนีโน่ก็แวะมาหาเธอเมื่อวาน” วเรศเหล่เอมิกาอย่างจับผิด
เอมิกาพยายามทำหน้าให้เป็นปกติ
“ใช่ค่ะ บังเอิ๊ญบังเอิญ...พอดีเค้าผ่านมาแถวนั้น”
เอมิกาไม่แสดงพิรุธใดใดออกมา วเรศเลยเปลี่ยนเรื่อง
“ถ้างั้นเดี๋ยวเราไปกรอกใบสมัครกันก่อน”
เอมิกาตาโต “ต้องกรอกใบสมัครด้วยเหรอคะ?!!”
“ต้องกรอกสิ เธอมาทำงานเป็นผู้ช่วยฉันนะ”
วเรศเดินนำไปก่อน เอมิกาหน้าเสียสุดๆ เธอคิดในใจ
“กรอกใบสมัคร ก็ต้องใช้บัตรประชาชน เค้าก็จะเห็นชื่อและนามสกุลเรา แล้วเค้าก็จะรู้ว่าเราเป็นใคร?”
เอมิการีบตามวเรศไปติดๆ
“คุณตั้มคะ” เอมิกาเรียก วเรศหยุดเดินแล้วหันมา “ฉันไม่กรอกใบสมัครได้มั๊ยคะ”
วเรศชะงักนิดนึง “ทำไม?”
เอมิกาครุ่นคิด “ก็..เออ..ก็..คุณลองคิดดูนะคะ ถ้าฉันกรอกใบสมัคร ก็เท่ากับว่าฉันลาออกจากการเป็นคนใช้บ้านคุณชื่น แล้วถ้าเกิดฉันทำงานให้คุณไม่ได้ ฉันไม่ต้องกลายเป็นคนตกงานเหรอคะ” วเรศจะอ้าปากพูดแต่เอมิการีบพูดต่อ “เอาเป็นว่าฉันขอทดลองทำงานก่อน ถ้าคุณไม่ตกลงตามนี้ ฉันคงต้องขออนุญาตไม่ทำ”
เอมิกาทำสีหน้ามุ่งมั่นมากๆ จนวเรศต้องทอดถอนใจออกมา

เอมิกานั่งคิดหนัก
“จะทำยังไงให้คุณตั้มคิดว่าฉันเป็นผู้ช่วยเค้าไม่ได้?”
ทันใดนั้น หมูเดินเข้ามาเห็นเอมิกาแล้วก็ปิ๊ง หมูชะงักเพราะรู้สึกคุ้นๆแต่ก็จำไม่ได้ เอมิกาหันมาเห็นหมูมองอยู่เธอก็ผงะ หมูรู้ตัวรีบฉีกยิ้มแล้วเดินเข้ามาหาด้วยหน้าตาก้อร่อก้อติก
“สวัสดีครับ”
เอมิกางง “สวัสดีค่ะ”
“ผู้ช่วยคนใหม่ของตั้มเหรอครับ?”
“ค่ะ แต่กำลังทดลองงานอยู่นะคะ”
“ผม..มาร์คครับ เพื่อนสนิทตั้ม แล้วคุณ....”
เอมิกายังไม่ทันตอบ วเรศก็เดินออกมา
“ชะเอม...” วเรศเรียก
เอมิกากับหมูหันไป วเรศเพิ่งสังเกตเห็นหมู
“อ้าวไอ้หมู”
เอมิกามองหน้าหมูงงๆ แล้วคิดในใจ “ไหนบอกว่าชื่อมาร์คไง” หมูอายสุดๆ จึงรีบเดินมาใกล้ตั้มแล้วพูดแบบที่ได้ยินกันสองคน
“ฉันบอกแกแล้วใช่มั๊ยว่าอยู่ข้างนอกให้เรียกมาร์ค หมู..ไว้เรียกกันแค่สองคน”
วเรศยิ้มขำแล้วก็แกล้งต่อ “โทษว่ะไอ้หมู”
หมูหันไปยิ้มอายๆให้เอมิกา วเรศหันไปพูดกับเอมิกา
“ขอกาแฟให้ฉันที่นึง แกเอาด้วยมั๊ย”
“อือ..แต่น้ำตาลไม่ต้องนะครับ เพราะแค่เห็นหน้าน้องก็หวาน..น...นแล้ว”
เอมิกาหน้าแหยมาก วเรศรีบดึงหมูเข้าไปในห้องทันที

หมูตบโต๊ะดังปังอย่างนึกอะไรออก แล้วเขาก็หันไปมองหน้าวเรศ
“มิน่าว่าหน้าคุ้นๆ ที่แท้ก็น้องโคโยตี้นั่นเอง พอไม่แต่งหน้าแล้วโคตรน่ารักเลยว่ะ คนใช้บ้านน้าแกมีแบบนี้อีกมั๊ย อยากได้”
“ไอ้หื่น!!”
“หื่นที่ไหน ก็น้องเค้าน่ารักจริงๆ ชื่ออะไรนะ ขออีกที”
“ชะเอม”
หมูเพ้อ “ชะเอม มีเบอร์ป่ะ”
วเรศรีบพูด “อย่านะไอ้หมู!!”
“อย่าอะไรวะ? แค่ถามว่ามีเบอร์รึเปล่า”
“ฉันรู้ว่าแกคิดจะทำอะไร?”
หมูสงสัย “หนุกๆน่าไอ้ตั้ม อย่าซีเรียส น้องเค้าก็แค่คนใช้…”
วเรศสวนกลับทันที “คนใช้ก็คน แกไม่มีสิทธิ์จีบทิ้งจีบขว้าง ถ้าแกไม่จริงใจกับเค้า”
หมูหรี่ตา “ทำไมต้องหวงขนาดนี้ พฤติกรรมน่าสงสัย หรือจะเก็บไว้เอง”
วเรศหน้าถอดสี “พูดอะไร?!!”
หมูชี้หน้าแหย่ “ฮันแน่แน่แน่แน๊น”
วเรศปัดมือหมูทิ้ง “หยุดเลยไอ้หมู..แล้วก็ห้ามยุ่งกับชะเอมเด็ดขาด”
วเรศรีบหันไปทางอื่น หมูมองสงสัย วเรศพ่นลมหายใจออกมาและเริ่มรู้สึกสับสนในใจ

เอมิกากำลังชงกาแฟ เธอหยิบกระปุกเกลือขึ้นมาแล้วก็เทเกลือใส่ลงในกาแฟไม่ยั้ง แล้วเอมิกาก็ยิ้มมุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์

หมูกับวเรศยังคุยกันอยู่
“แกนึกไงถึงเอาน้องเค้ามาเป็นผู้ช่วย? จะไหวเร้อ” หมูถาม
“ชะเอมเป็นคนมีความสามารถ ถึงแม้จะเป็นคนแปลกๆ แต่ฉันไม่สน ถ้าทำงานได้ ฉันก็พร้อมจะให้โอกาส”
หมูมองวเรศด้วยความสงสัยที่วเรศดูชื่นชมเอมิกามากซึ่งก็ยิ่งเพิ่มความสงสัยให้กับหมูมากขึ้น ไม่นานเอมิกาก็ยกกาแฟเข้ามาเสิร์ฟวเรศกับหมู
หมูส่งตาหวาน “ขอบใจนะจ๊ะน้องชะเอม”
วเรศกระแอมเสียงดัง “แฮ่ม!”
หมูรู้ตัวก็หุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ฉันขอตัวออกไปก่อนนะคะ” เอมิกาบอก
เอมิการีบออกไป หมูกับวเรศจิบกาแฟพร้อมกับวเรศ สองคนพ่นกาแฟออกมาแทบไม่ทันแล้วก็ทำหน้าเหยเกสุดๆ
“เนี่ยนะคนมีความสามารถของแก ขนาดชงกาแฟยังแยกไม่ออกว่าอันไหนน้ำตาล อันไหนเกลือ”
วเรศมีสีหน้าแปลกใจและรู้สึกเสียหน้านิดๆ

เอมิกาเข้ามาในห้องทำงานของวเรศ วเรศนิ่งมอง
“จะเรียกฉันเข้ามาดุเรื่องกาแฟเมื่อเช้าใช่มั๊ยคะ” เอมิกาถาม
“เรื่องแค่นี้ฉันไม่ดุหรอก” วเรศบอก เอมิกาเซ็ง “เดี๋ยวจะมีแขกฝรั่งมา แต่ฉันต้องไปคุยงานกับท่านรมต. ฉันอยากให้เธอช่วยรับรองเค้าแทนฉันไปก่อน”
เอมิการับคำทันที “ได้ค่ะ”
หน้าตาของเอมิกามีแผนการ

เอมิกายืนอยู่กับฝรั่ง
ฝรั่งพูดภาษาอังกฤษใส่ “Hello,How do you do?”
“แอม ควาย แต้งกิ้ว”
ฝรั่งงงเพราะไม่เข้าใจแต่ก็ยิ้มให้
เอมิกาผายมือ “sit sit นั่งนั่ง”
ฝรั่งนั่งลง เอมิกานั่งตาม แล้วเธอก็ยิ้มแฉ่งให้ฝรั่ง ฝรั่งพยายามชวนคุย
ฝรั่งถามเป็นอังกฤษ “คุณทำงานกับคุณตั้มมานานแล้วเหรอครับ”
เอมิกาเข้าใจแต่แกล้งหัวเราะ “ฮ่าๆๆๆๆ”
ฝรั่งงงไปด้วย
“คุณหัวเราะอะไร?”
เอมิกายังคงหัวเราะร่วน ฝรั่งเริ่มไม่พอใจ

ฝรั่งต่อว่าเอมิกาให้วเรศฟัง วเรศหันไปมองเอมิกาแล้วก็หันมาตบแขนฝรั่งเบาๆ เป็นการขอโทษ ฝรั่งยักไหล่แล้ววเรศก็พาฝรั่งเข้าไปในห้อง
เอมิกาดีใจ “อีตาฝรั่งต้องด่าเราให้คุณตั้มฟังอยู่แน่ๆ” เอมิกาทำท่าประกอบ “เยส!!”
เอมิกามีความสุข

ฝรั่งกับวเรศจับมือร่ำลากัน
วเรศพูดภาษาอังกฤษ “ยินดีที่เราจะได้ร่วมงานกันนะครับ”
ฝรั่งพูดภาษาอังกฤษตอบ “ผมก็ยินดีเช่นกัน”
ทันใดนั้นเอมิกาเปิดประตูเข้ามาเลย วเรศกับฝรั่งหันไปมอง
ฝรั่งพูดภาษาอังกฤษกับวเรศ “คุณต้องสอนมารยาทให้ผู้ช่วยคุณหน่อยแล้วนะคุณตั้ม ทำแบบนี้มันแย่มาก”
“ครับ…”
ฝรั่งเดินออกไปแต่ไม่วายปรายตามองเอมิกาแบบไม่ชอบใจ เอมิกาทำเป็นไม่รู้เรื่องและโบกมือลา
“บ๊ายบาย”
ฝรั่งส่ายหัวแล้วก็เดินออกไป เอมิกาหันมาทางวเรศที่กำลังถอนหายใจ
วเรศหยิบเอกสารมายื่นให้ “อีกครึ่งชั่วโมงฉันต้องประชุมกับท่านรัฐมนตรี มีการประชุมสามวาระ เรื่องการจัดงานพืชสวนเมืองหนาว เรื่องการประชาสัมพันธ์ และเรื่องวันแถลงข่าว มีคนเข้าประชุมทั้งหมด 5 คน เตรียมเครื่องจอโปรเจคเตอร์ในห้องให้ด้วย ฉันต้องใช้ เข้าใจที่ฉันสั่งใช่มั๊ย”
เอมิกาตอบอย่างมั่นใจและหนักแน่นมาก “ค่ะ”
เอมิกาเดินฉับๆออกไป วเรศรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย

วเรศแจกเอกสารการประชุมให้กับท่านรมต.และผู้เข้าร่วมประชุม
“การประชุมวันนี้จะแบ่งเป็นสามเรื่องด้วยกัน ผมจะฉายข้อมูลทางจอโปรเจคเตอร์ จะได้เห็นไปพร้อมกัน” วเรศอธิบาย
วเรศเปิดโน๊ตบุคแต่กลับไม่มีภาพอะไรปรากฎบนจอ วเรศแปลกใจ ท่านรมต.กับผู้ร่วมประชุมมองงงๆ วเรศเช็คเครื่องอีกครั้งแล้วก็เห็นว่ายังไม่ได้ต่อสาย วเรศรู้สึกไม่พอใจเอมิกา เขาหันไปทางทุกคน
“ซักครู่นะครับ”
วเรศจัดการต่อสายแล้วก็เปิดเครื่องอีกครั้ง ในที่สุดก็มีภาพปรากฎบนจอ
“เรื่องแรก..เรื่องการจัดงานพืชสวนเมืองหนาว ตามเอกสารชุดที่ 1”
ท่านรมต. กับผู้เข้าร่วมประชุมเปิดดูเอกสารแล้วก็ชะงัก
ท่านรมต. เอ่ยถาม “วเรศ..ทำไมเรื่องการประชาสัมพันธ์ถึงมาอยู่หน้าที่ 2 ของเรื่องการจัดพืชสวนเมืองหนาว แล้วเรื่องวันแถลงข่าวก็มาอยู่แผ่นสุดท้าย”
วเรศอึ้ง เขาหยิบเอกสารขึ้นมาเปิดดูแล้วก็เห็นว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ
“ขอโทษครับ ถ้าอย่างนั้นทุกคนดูที่จอโปรเจคเตอร์เอาก็แล้วกันครับ”
วเรศถอนหายใจเพราะรู้สึกไม่พอใจเอมิกาอย่างแรง

ปองเทพชะเง้อชะแง่งมองหาเอมิกาอยู่ที่หน้าบ้านชื่นฤทัย
“เอม..อยู่ไหน
ปองเทพไม่เห็น แต่เขาหันมาเจออรวิลาสยืนอยู่ ปองเทพตกใจ
“เวยยย! คุณอร...”
“มาทำลับๆล่อๆอะไรตรงนี้”
“อ่า..ผม..” ปองเทพหันไปเห็นไม้กวาดทางมะพร้าวรีบคว้ามา “มากวาดใบไม้ครับ” ปองเทพหลอกถาม “เอ...ทำไมวันนี้บ้านคุณอรดูเงียบๆ คนหายไปไหนกันหมด”
“ถามทำไม?”
ปองเทพถึงกับไปไม่ถูก “ผะ..ผมผมก็แค่สงสัย ปกติเห็นคนเต็มบ้าน ผมเป็นห่วงนึกว่ามีอะไร”
“เค้าก็อยู่ในบ้านกันหมด ยกเว้นชะเอม”
ปองเทพหูผึ่งและรีบถามทันที “ชะเอมไปไหน?!”

ปองเทพเร่งฝีเท้าเดินตามอรวิลาสมาตามทาง
“คุณอรยอมให้ชะเอมไปทำงานกับคุณตั้มได้ยังไง?!!”
อรวิลาสหยุดเดินแล้วหันมาด้วยสีหน้าแปลกใจ
“แล้วทำไมฉันต้องไม่ยอมด้วย?”
“เออ..ก็...” ปองเทพอึกอัก “ก็ไม่ทำไมหรอกครับ?!!”
อรวิลาสเดินออกไป ปองเทพครุ่นคิดและเริ่มลนลาน
ปองเทพพึมพำ “วันก่อนก็อยู่กับคุณตั้มที่คอนโดสองคน วันนี้ก็ไปทำงานกับคุณตั้มอีก แถมยังไม่บอกเรา” ปองเทพคิดต่อ “ทำไมเอมถึงไม่บอกเรา หรือเอมกับคุณตั้มจะ...จะ.” ปองเทพเริ่มหน้าเสีย “ไม่นะ.. เราจะเสียเอมไปไม่ได้เด็ดขาด ต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว”
แล้วปองเทพก็นึกอะไรออก
“คุณอร..!!!” ปองเทพยิ้มออก

ปองเทพรีบเดินตามอรวิลาสมา
“คุณอรครับคุณอร” ปองเทพเรียก อรวิลาสหันมา “คุณอรซื้ออาหารกลางวันไปให้คุณตั้มที่ทำงานดีมั๊ยครับ”
“นายเป็นอะไรของนาย!! มาบอกให้ฉันซื้ออาหารไปให้พี่ตั้มทำไม?” อรวิลาสงง
“เออ..ก็เพราะ..อ่า..มัน..มันจะทำให้คุณตั้มประทับใจในตัวคุณอรยังไงล่ะครับ”
“แล้วทำไมฉันต้องทำให้พี่ตั้มประทับใจ”
ปองเทพสุดทนจึงเผลอเสียงดังใส่ “โอ๊ยคุณอร!! ทำไมถามมากจังครับ”
อรวิลาสฉุน “คนใช้น้าแป๊ะ!! นี่นายกล้าขึ้นเสียงกับฉันเหรอ?!”
ปองเทพรู้ตัว “อุ่ย..ขอโทษครับ คือ..ที่ผมให้คุณอรเอาอาหารไปให้คุณตั้มเพราะผมรู้ว่าคุณชื่นหมายหมั้นจะให้คุณอรกับคุณตั้มลงเอยกัน แต่ถ้าคุณอรอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรแบบนี้ คุณตั้มไม่มีทางชอบคุณอรหรอกนะครับ”
“มันก็จริง”
ปองเทพบิ้วต่อ “ผู้ชายชอบผู้หญิงที่ดูแลเอาใจใส่ โดยเฉพาะรายละเอียดเล็กๆน้อยๆแบบนี้ ผมรับรองเลยนะครับว่าคุณอรจะได้ใจคุณตั้มไปเต็มๆ” อรวิลาสยังลังเล ปองเทพรีบพูด “เดี๋ยวผมจะไปเป็นเพื่อนคุณอรเอง” อรวิลาสหันมาทางปองเทพด้วยสีหน้าครุ่นคิด

ปองเทพหิ้วถุงอาหารเดินตามอรวิลาสเข้ามาด้านในกระทรวง
อรวิลาสมีสีหน้าไม่มั่นใจ “มาโดยไม่ได้บอกพี่ตั้มก่อนแบบนี้ มันจะดีเหรอ”
“ดีสิครับ คุณตั้มจะได้เซอร์ไพร์ส รีบไปเถอะครับคุณอร” ปองเทพเร่ง
อรวิลาสนิ่งคิดไปซักพักแล้วก็พยักหน้าพร้อมกับเดินต่อไป ปองเทพรีบเดินตามพลางถอนหายใจ

วเรศหรี่ตามองเอมิกาด้วยความสงสัย เอมิกาก้มหน้างุดและไม่กล้าสบตา
“วันนี้เธอเป็นอะไรของเธอ!” วเรศถาม
เอมิกาเงยหน้าพร้อมยิ้มแฉ่ง “ก็เป็นชะเอมไงคะ”
เอมิกาแกล้งกวนวเรศ แต่วเรศจ้องหน้าเธอเขม็ง
“ไม่ขำเหรอคะ” เอมิกาถาม
“นี่ไม่ใช่เวลามาตลก” วเรศว่า เอมิกาจ๋อย “ฉันเห็นเธอคุยกับฝรั่งข้างห้องฉันได้ แต่ทำไมวันนี้เธอถึงคุยกับแขกของฉันไม่รู้เรื่อง แถมยังหัวเราะใส่เค้าอีก โชคดีนะที่เค้าไม่เอาเรื่อง”
“ฉันบอกคุณไปแล้วไงว่าฉันพูดได้แบบงูๆปลาๆ สเน็คๆฟิชๆ คุณก็ไม่เชื่อ”
วเรศยังทำหน้าโหด เอมิการีบเปลี่ยนเรื่อง
“ถ้าคุณพูดจบแล้ว ฉันออกไปข้างนอกนะคะ”
เอมิกาหันหลังจะเดินออกไป
วเรศรีบพูด “ฉันยังพูดไม่จบ!”
เอมิกาผงะและหยุดเดิน เธอแอบอมยิ้มที่วเรศไม่พอใจก่อนจะหันมาทำหน้าจ๋อย
“ยังมีอีกหนึ่ง เรื่องการประชุม ฉันสั่งงานเธอชัดเจน พอสั่งจบ ฉันก็ถามว่าเธอเข้าใจรึเปล่า เธอบอกว่าเข้าใจ แต่เธอกลับทำผิดพลาดอย่างแรง โดยการเรียงเอกสารผิด แถมยังไม่เตรียมจอโปรเจคเตอร์ให้ฉัน!!”
เอมิการับคำ “ค่ะ”
“ค่ะ..แค่นี้เองเหรอ?”
“แล้วคุณจะให้ฉันพูดอะไร?”
“คำว่าขอโทษ...พูดเป็นมั๊ย”
“ขอโทษ”
วเรศหัวเสีย “ถ้าไม่ได้ออกมาจากใจ ก็ไม่ต้องพูด”
“เอ้า..คุณจะเอายังไงกันแน่คะคุณตั้ม ก็คุณบอกให้ฉันพูด ฉันก็พูดแล้วไง”
“อย่ามาเถียงฉันนะชะเอม งานนี้เธอผิด!!”
เอมิกาทำสีหน้าไม่สะทกสะท้านและไม่สำนึกผิด
วเรศถอนใจ “นี่คือการทำงานของจริง อย่าทำเหมือนเล่นขายของ”
“ถ้าคุณจะไม่ให้ฉันทำต่อ ก็ได้นะคะ ฉันโอเค” เอมิกาพูดดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
วเรศมองเอมิกาแล้วก็เงียบไป เอมิกาลิงโลดเพราะคิดว่าวเรศต้องไม่ให้เธอทำต่อแน่ แต่วเรศพูดขึ้น
“อาจเป็นเพราะเธอมาทำงานวันแรก ก็เลยยังปรับตัวไม่ได้ ฉันจะให้โอกาสเธออีกครั้ง”
เอมิกาเงยหน้ามองวเรศด้วยความตกใจ
“คุณไม่จำเป็นต้องให้โอกาสฉันเลยนะคะ อย่าให้ฉันเป็นตัวถ่วงคุณเลยค่ะ” เอมิกาบอก
“เธอไม่ได้เป็นตัวถ่วง”
เอมิกาเซ็งสุดๆ วเรศนึกว่าเอมิกาผิดหวังจึงปลอบใจเธอ
“เริ่มต้นใหม่” วเรศจับไหล่เอมิกาทั้งสองข้าง “ฉันเชื่อว่าถ้าเธอตั้งใจ เธอต้องทำได้!”
เอมิกามองวเรศที่กำลังมองเธออย่างให้กำลังใจแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมา ทันใดนั้นปองเทพกับอรวิลาสก็เปิดประตูเข้ามา ปองเทพกับอรวิลาสเห็นวเรศจับไหล่เอมิกาอยู่ก็ถึงกับผงะ เอมิกาอึ้งที่เห็นปองเทพ ปองเทพมองเอมิกากับวเรศด้วยความหึง แต่อรวิลาสไม่ได้คิดอะไร
“อร!!!”
อรวิลาสเอาอาหารมาจากมือปองเทพ “เอาอาหารมาส่งค่า” น้ำเสียงอรวิลาสลัลล้ามาก
วเรศกับเอมิกาแปลกใจ

อาหารถูกจัดวางบนโต๊ะ อรวิลาส วเรศ และเอมิกายืนอยู่ด้วยกัน ระหว่างที่วเรศคุยกับอรวิลาส ปองเทพก็จ้องเอมิกาตลอดเวลาจนเอมิกาอึดอัด
“อรเอาอาหารมาส่งให้พี่ตั้มค่ะ พี่ตั้มยังไม่ได้ทานอะไรใช่มั๊ยคะ” อรวิลาสถาม
“ยัง ว่าแต่ทำไมเอามาเยอะแบบนี้” วเรศถามกลับ
“อรไม่รู้ว่าพี่ตั้มชอบทานอะไร อรก็เลยซื้อมาหมดทุกอย่างเลยค่ะ”
“ถ้างั้นก็อยู่ทานด้วยกัน เพราะพี่ทานไม่หมดหรอก”
อรวิลาสดีใจ “ค่ะ”
วเรศรีบชวน “ชะเอม ป่อง นั่งทานด้วยกันสิ”
ปองเทพรีบปฏิเสธ “ไม่เป็นไรครับ ผมออกไปหาอะไรทานกับชะเอมเอง” ปองเทพหันไปทางเอมิกา “ไปชะเอม”
ปองเทพจับแขนเอมิกาแล้วพาเดินออกไปโดยที่เอมิกาไม่ทันได้ตั้งตัว

ปองเทพลากเอมิกาออกมา
“ปล่อยฉันได้แล้วป่อง” เอมิกาว่า
ปองเทพปล่อยมือจากเอมิกาแล้วหันไปหน้าเครียด
เอมิกาสงสัย “เป็นไร?”
ปองเทพใส่เต็มที่เพราะกำลังโมโห “เอมยังกล้าถามเราอีกเหรอว่าเราเป็นไร” เอมิกาอึ้ง “ทำไมเอมไม่บอกเราว่าเอมมาทำงานกับคุณตั้ม!! นี่ถ้าเราไม่รู้จากคุณอร เอมคิดจะบอกเราเมื่อไหร่”
“ก็ว่าจะบอกวันนี้แหละ แต่มันยังไม่มีเวลา”
“ไม่มีเวลา หรือไม่อยากบอกกันแน่”
เอมิกาเริ่มไม่พอใจ “อย่าไม่มีเหตุผลสิป่อง”
“เอมอย่ามาบอกว่าเราไม่มีเหตุผล การที่ต้องเห็นแฟนตัวเองอยู่กับผู้ชายคนอื่นตลอดเวลา ถ้าเอมเป็นเรา..เอมจะอยู่เฉยได้เหรอ” ปองเทพถาม เอมิกาเงียบ “เราเริ่มจะทนไม่ไหวกับสิ่งที่เอมทำอยู่แล้วนะ ถ้าเราจะขอให้เอมเลิกเป็นคนใช้ เอมจะทำเพื่อเราได้มั๊ย”
“ไม่ได้” เอมิกาตอบทันที ปองเทพนิ่งไป “ป่องลืมแล้วเหรอว่านี่เป็นความฝันของเรา ถ้าป่องทนไม่ไหว ป่องก็ลาออกไปซะ เราเองก็ไม่ได้ขอให้ป่องมาอยู่เป็นเพื่อนเราซักหน่อย”
เอมิกาพูดแล้วก็อึ้งไปเหมือนกันเพราะรู้สึกว่าตัวเองพูดแรง แต่ก็ยั้งปากไม่ทันเพราะปองเทพโกรธมาก เขาเดินกลับเข้าไปในกระทรวง เอมิกาแปลกใจ
“ป่องจะไปไหน?”
ปองเทพหยุดเดินแล้วหันมา “เราจะไปบอกความจริงกับคุณตั้มและคุณอรว่าจริงๆแล้วเอมเป็นใคร?!! ทุกอย่างมันจะได้จบซักที!!”
เอมิกาตกใจมาก ปองเทพเดินลิ่วๆเข้าไป เอมิกาอยากจะบ้าตาย
“ป่อง..อย่านะ!!”
เอมิการีบตามปองเทพเข้าไปติดๆ

เอมิการีบตามปองเทพเข้ามาติดๆ หน้าตาของเธอตื่นตระหนกมาก
“ป่อง...เราขอร้อง อย่าทำแบบนี้”
ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมามองเอมิกากับปองเทพ ทำให้เอมิกาไม่กล้าส่งเสียงดัง ขณะกำลังจะเดินไปถึงตัวปองเทพกลับมีคนทำงานกลุ่มหนึ่งเดินมาขวาง เอมิกาชะงักและจำต้องหยุด แต่สีหน้าของเธอร้อนรนมาก เอมิกาคอยมองตามปองเทพไปตลอด แต่พอกลุ่มคนทำงานเดินออกไป ปองเทพก็หายไปแล้ว เอมิกาแทบช็อค

ปองเทพเปิดประตูเข้ามาในห้อง วเรศกับอรวิลาสที่กำลังทานอาหารหันไปมอง
อรวิลาสแว๊ดขึ้นมา “จะเข้ามาทำไมไม่รู้จักเคาะประตู”
ปองเทพเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าตื่นเต้นเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไง
“เออ..คือ..ผม..ผมมีเรื่องจะบอก”
วเรศกับอรวิลาสสงสัย ทั้งสองมองปองเทพ ปองเทพยังหอบหายใจถี่เพราะสับสนว่าควรจะบอกดีหรือไม่ ปองเทพคิดๆๆแล้วก็ตัดสินใจจะอ้าปากพูด แต่แล้วเอมิกาก็พุ่งเข้ามา
“ป่อง..”
เอมิกาจ้องหน้าปองเทพไม่ให้พูด ปองเทพลังเล บรรยากาศตึงเครียดระหว่างปองเทพกับเอมิกา ปองเทพหันไปเห็นวเรศกับอรวิลาสกำลังจ้องหน้าอยู่
“ว่าไงป่อง..มีเรื่องอะไรก็พูดมา” วเรศถาม
ปองเทพจะพูด “เรื่อง...”
เอมิกาสุดทนจึงตบเข้าที่หน้าปองเทพเต็มๆ ปองเทพหันขวับด้วยความตกใจ วเรศกับอรวิลาสอึ้ง
“มดกัดปากเธอ!” เอมิกาบอก
ปองเทพรู้ว่าเอมิกาแกล้ง เอมิกากระหน่ำตบเข้าที่หน้าและที่ปากปองเทพไม่หยุด วเรศกับอรวิลาสงงมากๆ
“ตายยากจริงๆไอ้มดตัวนี้ ดื้อด้านที่สุด มันขึ้นไปบนหัวแล้ว” เอมิกาตีหัวปปองเทพ “นี่แน่..ต้องเอาให้ตาย..!!! นี่..นี่....”
ปองเทพสุดทนจึงร้องโวยวายออกมาดังลั่น พร้อมกับจับแขนเอมิกาเอาไว้
“โว๊ยยย!! หยุด...หยุด!”
เอมิกาจ้องหน้าปองเทพอย่างเอาเรื่อง ปองเทพเลยไม่กล้า
“เล่นตีกระหน่ำขนาดนี้ มันคงตายแล้วล่ะ” ปองเทพบอก
“แน่ใจนะว่าตายแล้ว” เอมิกาถาม
ปองเทพกลืนน้ำลายดังเอื๊อก “แน่ใจ..”
เอมิกาปัดมือปองเทพออกด้วยความสบายใจ ทั้งคู่หันไปเห็นวเรศกับอรวิลาสยืนจ้องหน้า เอมิการีบพูด
“เชิญทานข้าวกันตามสบายค่ะ”
ปองเทพกับเอมิกาจะออกไป แต่วเรศเรียกเอาไว้เพราะสงสัย
“เดี๋ยว” ปองเทพกับเอมิกาหันมา วเรศพูดต่อ “เมื่อกี๊ที่นายบอกว่ามีเรื่องจะบอก เรื่องอะไร?”
ปองเทพเหลือบมองเอมิกา เอมิกามองปองเทพด้วยแววตาดุดันมาก
“ผมลืมไปแล้วครับ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร”
เอมิกาโล่งอกแล้วเอมิกากับปองเทพก็เดินออกไปด้วยกัน วเรศยังไม่หายสงสัย แต่อรวิลาสไม่ได้ติดใจอะไร

เอมิกาเดินมาตามทางเดินในบ้าน ปองเทพกระโดดออกมาขวาง เอมิกางอนแล้วหันหลังจะเดินไปอีกทาง ปองเทพจึงเข้ามาคว้าแขนเอมิกาเอาไว้
เอมิกาพูดเสียงโหด “ปล่อย!”
ปองเทพรีบปล่อยมือเพราะไม่กล้า เอมิกามองปองเทพแบบยังโกรธอยู่
“เอม..เราขอโทษ เรารู้ว่าเราผิด”
“รู้ว่าผิดก็ดีแล้ว ยังไม่ทันฟังเราอธิบาย ก็ใส่เราไม่หยุด เราไม่ได้เต็มใจจะไปทำงานกับคุณตั้ม และตอนนี้เราก็กำลังพยายามจะทำให้คุณตั้มเลิกจ้างเราอยู่”
ปองเทพดีใจมาก
“สบายใจยัง?” เอมิกาถาม
ปองเทพตอบรับ “อื้อ....”
บรรจงเดินมาได้ยินเสียงปองเทพพอดี
“....ที่เราทำลงไปเป็นเพราะเราหวงเอม” เสียงปองเพทดัง
บรรจงผงะแล้วหันขวับไปตามที่มาของเสียง แล้วเธอก็เห็นปองเทพกับเอมิกากำลังยืนคุยกัน บรรจงหรี่ตามองด้วยความสงสัยและเงี่ยหูฟังทันที
“เรากลัวว่าเอมจะเลิกกับเรา” ปองเทพบอก
บรรจงตกใจมากกับสิ่งที่ได้ยิน
บรรจงพูดกับตัวเองเบาๆ “เลิก!! ไหนบอกว่านายป่องเป็นเกย์ไง?” บรรจงตั้งใจฟังต่อ
เอมิกามองปองเทพ
“เอมยกโทษให้เราเหอะนะ”
“ครั้งนี้ป่องทำผิดมาก ป่องนึกถึงแต่ตัวเอง โดยที่ไม่นึกถึงเราเลยซักนิด แล้วจะให้เราหายโกรธป่องง่ายๆด้วยคำพูดแค่นี้เหรอ”
“เอมจะให้เราทำไง เอมถึงจะหายโกรธ”
“ไว้นึกออกแล้วจะบอก..”
เอมิกาเดินฉับๆออกไป ปองเทพถอนหายใจออกมาอย่างแรง บรรจงมองตามเอมิกาด้วยหน้าตาร้ายกาจ

สมพิศ นาก และจุ่นหันไปมองบรรจงด้วยสีหน้าแปลกใจ
“เอ็งพูดอะไรของเอ็งห๊ะนังจง!! ก็คุณอรเค้าบอกแล้วว่าป่องเป็นเก้ง แล้วแกยังจะมาบอกว่าเค้ากับชะเอมเป็นแฟนกันอีก” สมพิศว่า
“ฉันได้ยินกับหูจริงๆนะป้า ป่องบอกว่าหวงนังชะเอม คนเป็นเพื่อนกัน มันหวงกันด้วยเหรอ” บรรจงถาม
“เอ้า แล้วทำไมคนเป็นเพื่อนกัน มันจะหวงกันไม่ได้วะ ทีฉันยังหวงน้องชะเอมเลย” นากรีบบอก
“นายป่องไม่ได้พูดแค่นั้น ยังบอกอีกด้วยว่ากลัวชะเอมจะเลิก?! คำๆนี้มันใช้กับคนที่เป็นแฟนกันเท่านั้น ฉันว่านังชะเอมกับนายป่องต้องกำลังทำอะไรบางอย่างกันแน่ๆ”
“เลอะเทอะไปกันใหญ่แล้ว ไปนอนดีกว่า”
พูดจบสมพิศก็หาวแล้วก็เดินออกไป บรรจงหัวเสีย
“ฉันพูดจริงๆนะป้าพิศ” บรรจงหันไปทางนาก “พี่นากต้องเชื่อฉัน”
“แกชอบใส่ร้ายน้องชะเอม ไม่มีใครเค้าเชื่อแกหรอกเว๊ย” นากบอก
นากเดินออกไปอีกคน บรรจงหันมาทางจุ่น
“พี่จุ่น..พี่เชื่อฉันใช่มั๊ย”
จุ่นพูดไม่ออก “อ่า...”
“พี่จุ่น!!”
จุ่นกลัว “เชื่อก็ได้จ๊ะ”
บรรจงครุ่นคิด “พี่จุ่นคอยดูก็แล้วกัน...ฉันต้องหาหลักฐานมาเล่นงานนังชะเอมให้ได้!!”
บรรจงทำสีหน้ามุ่งมั่น

ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 7 (ต่อ)
พระอาทิตย์ขึ้นพ้นขอบตึกกระทรวงฯ วเรศส่งหนังสือให้เอมิกาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
“พิมพ์นี่ให้ฉันที”
เอมิกาแกล้งทำหน้าซื่อ “ฉันพิมพ์ไม่เป็น”
“จะพิมพ์ไม่เป็นได้ไง ฉันเคยเห็นเธอใช้ไอแพด” วเรศบอก
“ฉันเล่นเกมส์อย่างเดียว ไม่ได้ทำอย่างอื่นนี่คะ”
“ไม่เป็นไร ฉันสอนให้”
เอมิกาเบื่อมาก วเรศเอื้อมมือมาเปิดคอมพิวเตอร์แล้วก็รอ ไม่นานหน้าจอก็ติดขึ้นมา
วเรศใช้เม้าส์ลากไป “คลิกเข้าไปที่โปรแกรมนี้”
วเรศเข้ามาใกล้หน้าเอมิกามาก ทำให้เอมิกาอดที่จะมองหน้าวเรศไม่ได้
วเรศมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์แต่พูดออกมา “มองหน้าจอสิ ไม่ใช่มองหน้าฉัน”
เอมิกาหน้าแดงซ่าน เธอรีบหันไปมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ วเรศลอบมองเอมิกาแล้วก็แอบอมยิ้ม
“ทำแบบนี้....เข้าใจนะ” วเรศหันมามองเอมิกา
“คิดว่าเข้าใจค่ะ จะลองทำดู”
“ถ้าทำไม่ได้ ก็ถามฉัน ไม่ต้องเกรงใจ”
เอมิกากับวเรศหันมามองหน้าพร้อมกัน ทำให้หน้าทั้งคู่เกือบจะชนกัน ทั้งคู่ชะงักไป วิยะดาที่ยืนอยู่เห็นวเรศกับเอมิกาก็นิ่วหน้ามองด้วยความไม่พอใจ
“ตั้ม..”
วเรศกับเอมิกาหันไปเห็นวิยะดา วเรศรีบผละออกมา
“แม่..”
เอมิการีบลุกขึ้นยืนไหว้ วิยะดารับไหว้พอเป็นพิธี เธอปรายตามองเอมิกา แววตาคู่นั้นทำให้เอมิกาขนลุกอย่างประหลาด

วเรศกับวิยะดาเดินเข้ามาในห้องด้วยกัน
“ผู้หญิงคนนั้นเหรอแม่บ้านบ้านคุณชื่น?” วิยะดาถาม
วเรศตอบ “ใช่ครับ”
“หน้าตาสะสวย ดูสะอาดสะอ้าน”
“ครับ...” วเรศสงสัย “คุณแม่มีอะไรจะพูดกับผมรึเปล่า”
“ลูกเคยขอแม่เรื่องดูตัวจำได้มั๊ย?”
“ครับ”
“ที่ลูกบอกว่าลูกขอเลือกเอง แล้วแม่ก็อนุญาต แต่แม่จะไม่มีวันปล่อยให้ลูกต้องเลือกคนผิด”
วเรศอึ้ง “แม่คิดว่าผมกับชะเอม...? นี่แม่ฟังไอ้หมูมันเล่ามาใช่มั๊ย” วิยะดาเงียบแทนการยอมรับ “แม่อย่าไปเชื่อมัน ผมกับชะเอมไม่มีอะไร”
“แม่เลี้ยงลูกมาตั้งแต่เกิด แค่เห็นสายตาของลูก แม่ก็รู้แล้วว่าลูกคิดอะไรอยู่” วิยะดาบอก
วเรศหน้าถอดสี
“แม่อยากให้ลูกจำไว้เสมอว่าครอบครัวเราเป็นใคร? และลูกเป็นใคร? ถึงแม่จะไม่บังคับลูกเรื่องการเลือกคู่ชีวิต แต่ลูกต้องเลือกให้เหมาะสม”
วเรศเงียบไป

ที่สระน้ำข้างบ้านชื่นฤทัย อรวิลาสหันมามองปองเทพด้วยความรำคาญ
“ทำไมนายต้องเจ้ากี้เจ้าการให้ฉันซื้ออาหารกลางวันไปให้พี่ตั้มอีก นายไม่เห็นเหรอว่าพี่ตั้มไม่ปลื้ม ไม่ชื่นชมฉันซักนิด”
“คุณอรเพิ่งทำไปแค่วันแรกเองนะครับ ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา” ปองเทพปลอบใจ
“แค่แม่ฉันบังคับฉันคนเดียวก็เกินพอแล้ว นายยังมาบังคับฉันอีก”
“ตกลงคุณอรชอบคุณตั้มรึเปล่า”
อรวิลาสชะงักนิ่งไป “ฉัน..เออ..ฉันไม่รู้”
“ไม่รู้!!?”
“ฉันไม่แน่ใจความรู้สึกที่ฉันมีต่อพี่ตั้ม ฉันรู้แต่ว่าพี่ตั้มเป็นคนดีมาก”
ปองเทพสรุปเลยทันที “ถ้าคุณรู้สึกแบบนี้ แสดงว่าคุณอรชอบคุณตั้มครับ”
อรวิลาสหันขวับ “จริงเหรอ?”
“จริงครับ..คุณตั้มเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟค ส่วนคุณอรก็เป็นผู้หญิงที่ไร้ที่ติ เพราะฉะนั้นคุณสองคนเหมาะสมกันที่สุด” ปองเทพยุ อรวิลาสนิ่งฟัง “และผมจะช่วยทำให้คุณตั้มชอบคุณอรให้ได้!!”
ปองเทพมองอรวิลาสแล้วนิ่งไป

ปองเทพเดินไปเดินมาตรงหน้าอรวิลาส
“สิ่งแรกที่คุณต้องเปลี่ยนคือไ ปองเทพหันมาทางอรวิลาส “การแต่งตัว คุณตั้มเป็นผู้ชายที่มีความหัวโบราณนิดๆ เพราะฉะนั้นเค้าจะไม่ชอบผู้หญิงที่แต่งตัวตามแฟชั่น หรือเปิดนู่น โชว์นี่”
อรวิลาสรีบยกมือขึ้นมากอดอกเพราะคอเสื้อของเธอกว้าง
“อย่างที่สอง คือ เรื่องการพูดจา คุณต้องปรับโทนเสียงการพูดให้ต่ำลง และอย่าเสียงดัง โวยวาย นิ่งเข้าไว้คือสิ่งที่ดีที่สุด ไหนลองเรียกพี่ตั้มคะสิครับ”
อรวิลาสยังพูดเสียงเดิม “พี่ตั้มคะ”
“สูงไปครับ กดเสียงให้ต่ำกว่านี้”
อรวิลาสพูดเสียงต่ำมาก “พี่ตั้มคะ”
ปองเทพสะดุ้ง “ต่ำไปครับ สูงขึ้นอีกนิด”
อรวิลาสกระแอมแล้วพูด “พี่ตั้มคะ”
“นั่นแหละครับ ใช่เลย จำโทนเสียงนี้ไว้นะครับ”
อรวิลาสพยักหน้า
“เรื่องที่สาม เรื่องการเดิน และการนั่ง ท่าไขว่ห้างนี่อย่านั่งต่อหน้าคุณตั้มเชียวนะครับ เพราะมันคือท่านั่งของผู้หญิงมั่นใจ ผู้ชายที่ทำงานเก่งอย่างคุณตั้ม จะไม่ชอบผู้หญิงที่มีความมั่นใจ”
อรวิลาสรีบนั่งตามปกติ
“ขาชิด มือประสานกันวางบนตัก นั่งหลังตรง”
อรวิลาสทำตามที่ปองเทพบอก
“ดูดีสมกับเป็นราชนิกูลมากๆ” ปองเทพปรบมือ
อรวิลาสโค้งเล็กน้อย
“ต่อไปเรื่องการเดิน ลุกขึ้น” ปองเทพบอก อรวิลาสลุกขึ้นยืน “คุณอรห้ามเดินกระแทกส้นเท้าเด็ดขาด คุณต้องค่อยๆเดิน ด้วยท่วงท่าที่สง่างาม”
อรวิลาสเดินให้ปองเทพดู แต่เป็นการเดินฉับๆ อย่างรวดเร็ว
“หยุดเลยครับหยุด” ปองเทพรีบห้าม อรวิลาสหันไปมอง “นั่นเค้าเรียกเดินไล่ควาย”
“คนใช้น้าแป๊ะ!!”
“ผมขอโทษครับ....คุณอรรอซักครู่นะครับ”
ปองเทพรีบออกไป อรวิลาสแปลกใจ

อรวิลาสรับหนังสือจากปองเทพมาวางไว้บนหัว
“เดินอย่าให้หนังสือหล่นนะครับ” ปองเทพบอก
อรวิลาสพยักหน้าแล้วก็ตั้งใจเดินมาก ปองเทพมองลุ้นๆ ทันใดนั้นอรวิลาสก็สะดุดเท้าตัวเอง
“ว๊ายยย!!”
หนังสือร่วงลงไปบนพื้น ปองเทพรีบเข้ามาประคองอรวิลาสเอาไว้ ทำให้ทั้งสองคนอยู่ในท่ากอดกัน ปองเทพกับอรวิลาสถึงกับผงะ ทั้งสองรีบผละออกจากกันทันที ปองเทพหยิบหนังสือขึ้นมาใหม่
“ลองดูอีกครับนะครับคุณอร”
อรวิลาสลุกจะเดินแต่กลับเจ็บข้อเท้า
“โอ๊ย!!!”
ด้วยความตกใจ ปองเทพรวบตัวอรวิลาสเอาไว้อีกครั้ง
“คุณอร?!!
อรวิลาสมีสีหน้าเจ็บปวด

อรวิลาสนั่งอยู่ ปองเทพค่อยๆถอดรองเท้าอรวิลาสออกมา
“เบาเบา...” อรวิลาสบอก
ปองเทพค่อยๆนวดข้อเท้าให้อรวิลาส อรวิลาสสะดุ้งด้วยความเจ็บ
“อ๊าย!”
อรวิลาสเผลอถีบปองเทพจนกระเด็น
ปองเทพตกใจ “เวยย!”
อรวิลาสตกใจ ปองเทพค่อยๆลุกขึ้นนั่ง
“คุณอรถีบผมทำไมครับ?” ปองเทพจับก้นกบตัวเอง “อุ๊ยยยย!!”
อรวิลาสรีบบอก “ฉันเจ็บนี่...”
“เจ็บแล้วต้องถีบด้วยเหรอครับ”
ปองเทพค่อยๆเดินมาตรงหน้าอรวิลาส
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นไปโดยอัตโนมัติ”
ปองเทพนั่งลงตรงหน้าอรวิลาส เขามองเท้าอรวิลาสด้วยสีหน้าระแวง
“อย่าถีบผมอีกนะคุณอร” ปองเทพขอ
ปองเทพนวดข้อเท้าให้อรวิลาส อรวิลาสขากระตุก ปองเทพจับเท้าอรวิลาสไว้ทันที
“คราวนี้ไม่ได้กินผมหรอก”
ปองเทพยิ้มแล้วก็บีบข้อเท้าอรวิลาสอย่างแรง อรวิลาสร้องลั่น
“พอแล้วพอ ฉันเจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บบ!!”
“ทนเจ็บอีกนิดเดียวครับ”
ปองเทพกดเข้าไปที่ข้อเท้าของอรวิลาสเต็มแรง อรวิลาสร้องลั่น
“อ๊ากก!!”
ทันใดนั้น อรวิลาสก็หายเจ็บทันที ปองเทพถึงกับปาดเหงื่อด้วยความเหนื่อย
อรวิลาสขยับข้อเท้า “หายเจ็บจริงๆด้วย”
ปองเทพลุกขึ้นยืน “ถ้างั้นเรามาฝึกเดินกันต่อนะครับ”
อรวิลาสหุบยิ้มทันที “ไม่!!”
อรวิลาสลุกขึ้นยืน ปองเทพผงะ
“วันนี้พอแค่นี้ ฉันเหนื่อย” อรวิลาสบอก
อรวิลาสเดินฉับๆเข้าไปในบ้านทันที
“คุณอร...”
อรวิลาสไม่สนใจ ปองเทพเซ็ง

วเรศยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างที่คอนโดมีเนียม เขาคิดถึงคำพูดของแม่ตัวเอง
“แม่เลี้ยงลูกมาตั้งแต่เกิด แค่เห็นสายตาของลูก แม่ก็รู้แล้วว่าลูกคิดอะไรอยู่” เสียงวิยะดาดังก้อง วเรศหน้าถอดสี “แม่อยากให้ลูกจำไว้เสมอว่าครอบครัวเราเป็นใคร? และลูกเป็นใคร? ถึงแม่จะไม่บังคับลูกเรื่องการเลือกคู่ชีวิต แต่ลูกต้องเลือกให้เหมาะสม”
วเรศนิ่งคิดต่อ ภาพวันที่เอมิกาดูแลเขาตอนไม่สบายย้อนกลับมา วเรศเริ่มเครียดเพราะคิดหนักและไม่แน่ใจความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น

เช้าวันรุ่งขึ้น วเรศกำลังอ่านหนังสืออยู่ตรงหน้าชั้นวางหนังสือ ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เชิญ...”
เอมิกาเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง วเรศหันไปเห็นก็ชะงัก
“เอกสารที่คุณต้องเซนต์ค่ะ” เอมิกาบอก
“วางไว้ที่โต๊ะ”
เอมิกาเดินผ่านหน้าวเรศ วเรศรีบถอยเพราะไม่อยากใกล้เอมิกาทำให้เขาไปชนกับชั้นวางหนังสือ
“โอ๊ย!”
เอมิกาหันขวับ “คุณตั้มเป็นอะไรมั๊ยคะ” เอมิกาจะเข้ามาดู
“อย่าเข้ามา!!”
วเรศถอยอย่างแรงจนไปชนชั้นวางหนังสืออีกครั้ง ทำให้หนังสือร่วงลงพื้น เอมิกาตกใจรีบวางแฟ้มบนโต๊ะแล้วรีบเข้ามาก้มลงเก็บหนังสือพร้อมกับวเรศ แต่มือขอทั้งสองดันจับกันเอง วเรศกับเอมิกาหันมามองหน้ากันด้วยความตกใจก็รีบลุกขึ้น หัวจึงโขกกันอย่างแรง!!
“โอ๊ย!!”
วเรศกับเอมิกาหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ
“ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว” วเรศไล่
เอมิกาจับหัวตัวเองด้วยความเจ็บแล้วก็เดินออกไปด้วยสีหน้างงๆ วเรศรีบปิดประตูพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วก็จับหัวตัวเองเพราะเจ็บ

เอมิกาเดินจับหัวตัวเองออกมา
“เค้าเป็นอะไรของเค้า! ท่าทางแปลกๆ”

วเรศเดินไปเดินมาในห้อง สีหน้าของเขาสับสนและกังวลใจเรื่องเอมิกา แล้วเขาก็ตัดสินใจเอามือถือออกมาโทรออก
“หมู..แกว่างป่ะ”

ที่ร้านกาแฟ หมูแทบจะสำลักกาแฟพรวดออกมาเมื่อฟังเรื่องจากวเรศ เขาหันไปมองหน้าวเรศด้วยความตกใจ
“อย่าบอกนะว่าแกแอบรักนางสาวชะเอมเข้าให้แล้วจริงๆ”
วเรศหน้าถอดสีแต่พยายามทำตัวให้เป็นปกติ
“ฉันบอกแกแล้วไงว่าเรื่องที่ฉันเล่าไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่เป็นเรื่องของลูกพี่ลูกน้องฉัน เค้าไม่แน่ใจว่าเค้ารักผู้หญิงคนนั้นรึเปล่า ฉันเองก็ไม่ใช่พวกที่รู้ใจผู้หญิง ถึงให้คำปรึกษาไม่ได้ ก็เลยต้องมาถามแก”
หมูหรี่ตามองวเรศ “แกไม่ได้โกหกฉันนะไอ้ตั้ม!!”
“แกก็รู้ว่าฉันโกหกไม่เก่ง หน้าตาฉันเหมือนคนโกหกเหรอ?”
วเรศพยายามทำหน้าให้นิ่งที่สุด หมูยังคงจ้องหน้าเขานานแล้วในที่สุดก็ยอมเชื่อว่าวเรศไม่ได้โกหก
“มันก็จริง แกไม่เคยโกหกฉันได้ซักครั้ง”
วเรศพยักหน้า
“อ่ะ งั้นแกตั้งใจฟังให้ดี วิธีทดสอบตัวเองว่าเราชอบเธอคนนั้นรึเปล่าก็คือ....”

วเรศค่อยๆเปิดประตูมาแอบมองเอมิกา เอมิกากำลังจัดของบนโต๊ะ เสียงหมูดังขึ้นในหัวของเขา
“ข้อแรก เวลาที่เราเจอเค้าแล้วเราอยากยิ้ม นั่นแสดงว่าเราชอบเค้า”
วเรศมองเอมิกาไปก็ยิ้มไปแล้วก็ตกใจตัวเอง
เสียงหมูดังในหัวอีก “แต่ถ้าคิดว่าแค่นี้ยังพิสูจน์อะไรไม่ได้”
วเรศพยักหน้าให้กับเสียงในหัว
“ก็ลองดูข้อสอง เมื่อได้อยู่ใกล้เค้า..แล้วหัวใจเต้นแรง แสดงว่าเราชอบเค้า”
วเรศนิ่งมองเอมิกา ซักพักเสียงหัวใจของเขาก็ดังออกมา วเรศตกใจมากจึงรีบหลบหลังประตู
“แต่ถ้ายังไม่ชัวร์อีก ก็ต้องมาข้อสุดท้าย เวลาเธอจ้องมาที่เรา แล้วเรารู้สึกหน้าร้อนผ่าว นั่นแสดงว่าเราชอบเค้า”

วเรศนิ่งไปชั่วอึดใจแล้วก็ตัดสินใจเปิดประตูแล้วเดินไปหาเอมิกาที่ยังจัดโต๊ะอยู่
“ชะเอม...”
เอมิกาหันมามองหน้าวเรศ วเรศนิ่งไปเพราะรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวจริงๆ
“คะคุณตั้ม?”
วเรศอึกอัก “เออ..”
“คุณมีอะไรให้ฉันทำคะ?” เอมิกาถาม
“คือ....”
เอมิกาเห็นหน้าวเรศแดงก็สงสัย “ทำไมหน้าคุณแดงแบบนี้”
วเรศตกใจมากจึงรีบจับหน้าตัวเอง
“เออ ฉันร้อนน่ะ เธอช่วยไปเอาน้ำเย็นมาให้ฉันแก้วนึงแล้วกัน”
เอมิกาพยักหน้าแล้วเดินไป วเรศอึ้งกับตัวเอง เสียงหมูดังขึ้นในหัวอีก
“ถ้าลูกพี่ลูกน้องแกเป็นทั้งสามข้อ ฉันฟันธงได้เลยว่าเค้าชอบผู้หญิงคนนั้น ถึงขั้นตกหลุมรักเลยล่ะ”
วเรศตกใจตัวเองสุดๆ

วเรศคิดหนักมากว่าจะทำยังไงดี เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น วเรศหันไปมอง เอมิกาเปิดประตูเอาน้ำเข้ามาให้
“ชะเอม..” วเรศเรียก เอมิกามองหน้า “ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ!”
เอมิกามองวเรศด้วยความสงสัย

เสียงเคาะประตูดังขึ้น วเรศหันไปมอง เอมิกาเปิดประตูแล้วเอาน้ำเข้ามาให้เขา
“ชะเอม..” วเรศเรียก เอมิกามองหน้า “ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ!!”
เอมิกามองวเรศด้วยความสงสัย วเรศรู้สึกตื่นเต้นมาก
“เออ..คือว่า....” วเรศอึกอัก
เอมิกามองวเรศอย่างลุ้นๆ ว่าเขาจะพูดอะไร?!!
“ฉัน...ฉัน...”
ทันใดนั้นวเรศก็แอบคิดจินตนกาารถึงบทสนทนาระหว่างเขากับเอมิกา...
“ฉันคิดว่าฉันชอบเธอ” วเรศพูด
เอมิกาอึ้งไปสามวินาที “จริงเหรอคะ” วเรศพยักหน้าด้วยสีหน้าเขิน เอมิกายิ้มออกมา “ฉันคิดว่าฉันก็ชอบคุณเหมือนกัน”
วเรศดีใจ แล้วทั้งสองคนก็ยิ้มให้กัน
ในความเป็นจริง เอมิกายังจ้องหน้าวเรศไม่วางตาเพราะเห็นว่าวเรศนิ่งไป
“คุณตั้มคะ” เอมิกาเรียก วเรศสะดุ้ง “คุณมีอะไรจะพูดกับฉันก็พูดมาเถอะค่ะ”
“ฉันคิดว่าฉัน...ไม่ต้องให้เธอมาเป็นผู้ช่วยแล้ว” วเรศบอก
เอมิกานิ่งไป แต่ในใจของเธอแทบจะกรี๊ดออกมาเพราะดีใจสุดๆ

ทันทีที่ออกมาจากห้องทำงานของวเรศ เอมิกาก็กระโดดโลดเต้นแล้วทำท่าเยสด้วยความดีใจโดยไม่ออกเสียง ทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมามองเอมิกาด้วยความแปลกใจ เอมิกาเห็นคนมองก็รีบสำรวมแล้วทำเป็นทำงาน

วเรศนั่งพิงพนักเก้าอี้ เขาถอนหายใจออกมาอย่างหนักและมีสีหน้ากลัดกลุ้มที่ดันไปชอบเอมิกาซึ่งเขาเห็นว่าเป็นคนใช้

บรรจงยืนหัวเราะเยาะเย้ยต่อหน้าเอมิกา นาก สมพิศ และจุ่นกำลังช่วยกันเตรียมสำรับสำหรับทานอาหารเย็น นากกับสมพิศหันไปมองบรรจงอย่างไม่พอใจ
“สมน้ำหน้า!” บรรจงว่า เอมิกาไม่พอใจ “เป็นอย่างที่ฉันพูดไว้ไม่มีผิด ทำงานแค่สามวัน...ก็โดนคุณตั้มเฉดหัวไล่ออกมา น้ำหน้าอย่างแก จะทำอะไรแบบนี้ได้ยังไง๊ เป็นคนใช้เค้าน่ะดีแล้ว”
“คุณตั้มเค้าไม่ได้เฉดหัวไล่ฉันออกมา เค้าพูดกับฉันดีดี” เอมิกาบอก
“จะพูดดีหรือพูดไม่ดี มันก็คือโดนไล่ออกมาเหมือนกันนั่นแหละ”
“นี่นังจง!! แกเป็นโรคจิตป่ะเนี่ย ถึงได้ชอบทับถม มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น” นากว่า
บรรจงฉุน “พี่นาก!!”
“พอเลย!! ไอ้นากเอ็งต้องหัดควบคุมอารมณ์ซะบ้าง” สมพิศว่า บรรจงยิ้มเยาะ สมพิศหันไปทางบรรจง “ส่วนเอ็ง!” บรรจงหุบยิ้มแทบไม่ทัน สมพิศว่าต่อ “ก็ต้องรู้จักสงบปากสงบคำ ไม่ใช่สักแต่จะเห่าเป็นหมา”
จุ่นเผลอขำก๊ากออกมา “ฮ่าๆๆๆ”
บรรจงหันไปมองจุ่น จุ่นรีบคว้าส้มบนโต๊ะมากัดทั้งๆที่ยังไม่ปอกเปลือก
“ไอ้จุ่น!! แกบ้ารึเปล่า กินส้มทั้งๆที่ยังไม่ได้ปอกเปลือก” สมพิศว่า
“นั่นสิป้า” จุ่นรีบคายทิ้ง “มิน่าว่าขมปี๋”
สมพิศส่ายหัวด้วยความเหนื่อยหน่าย บรรจงหันไปมองเอมิกาด้วยแววตามาดร้าย เอมิกาก็มองบรรจงอย่างไม่กลัวเกรงเช่นกัน

บรรจงจกส้มตำไปก็ด่าเอมิกาไป
“ฉันล่ะหมั่นไส้นังชะเอมมันจริงๆ อยากหาทางเล่นงานทำให้มันโดนไล่ออก จะได้ไม่ต้องอยู่ขวางหูขวางตาฉันให้เสียอารมณ์”
มดแดง หัวหน้าวินมอเตอร์ไซด์เอาน้ำมาให้บรรจงก่อนจะนั่งลงข้างๆ
“ดื่มน้ำเย็นให้ใจร่มๆก่อนนะจ๊ะน้องจง ถ้ายังไงให้พี่พาคนไปดักตบนังนั่นให้เอามั๊ย”
“รอให้ฉันรับมือมันไม่ไหวก่อน แล้วฉันจะให้พี่ช่วย” บรรจงบอก
“ได้เลยจ๊ะ เพื่อน้องจง พี่มดแดงพร้อมถวายชีวิตให้อยู่แล้ว”
บรรจงเกาคางมดแดง “น่าร๊ากอ่ะ ไม่เสียแรงที่ฉันชอบพี่”
มดแดงเกาคางให้บรรจงบ้าง สองคนหัวเราะคิกคักให้กันอย่างชอบใจ
“ฉันอิ่มแล้ว” บรรจงบอก
มดแดงรีบพูด “พี่จ่ายเอง”
“ถ้างั้นขอซื้อไปกินต่อที่บ้านด้วยได้ป่ะ”
“ได้สิจ๊ะ”
บรรจงลุกเดินออกไปอย่างลัลล้า มดแดงหน้าเบ้ทันที
มดแดงบ่น “อีงก!!!”
ทันใดนั้นเสียงมือถือมดแดงก็ดังขึ้น มดแดงหยิบมือถือออกมาดูแล้วก็ผงะ

มดแดงเดินมายืนคุยโทรศัพท์ตรงมุมหนึ่ง
“ครับลูกพี่” มดแดงฟัง “ตอนนี้ผมกำลังตีสนิทกับคนใช้บ้านคุณนายชื่นฤทัยอยู่ ก็พอจะได้ข้อมูลมาแล้วว่าเวลาเข้าออกของคนบ้านนี้คือกี่โมง” มดแดงนิ่งฟัง “จะทำงานใหญ่ มันต้องใจเย็น เอาเป็นว่าอีกไม่นานเกินรอ”
มดแดงวางสาย พอหันมาเจอบรรจงก็สะดุ้งโหยง
“ฉันจะกลับแล้ว จ่ายค่าส้มตำให้ฉันด้วยนะ” บรรจงบอก
“ได้สิจ๊ะ...บ๊ายบายจุ๊บจุ๊บ”
บรรจงส่งจูบให้แล้วก็เดินออกไป มดแดงถอนหายใจก่อนจะมองตามบรรจงด้วยสีหน้าร้าย
“รอให้กูปล้นเจ้านายบ้านมึงสำเร็จก่อนเถอะ กูจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลยคอยดู”

ปองเทพร้องเสียงดังด้วยความดีใจ
“เย้!!!”
เอมิการีบห้าม “ชู่ว์!! เสียงดังอีกแล้ว”
ปองเทพรีบปิดปากแล้วทำเสียงเบา “ขอโทษ..เราดีใจที่เอมไม่ต้องไปทำงานกับคุณตั้ม ต่อไปนี้เอมต้องอยู่ห่างๆคุณตั้มเค้าไว้นะ ยิ่งไม่ต้องเจอกันเลยยิ่งดี”
เอมิกาฟังแล้วก็รู้สึกใจแป้วๆ แปลกๆ แต่ก็รับคำ “อือ...”
“เออนี่เอม..เอมรู้ข่าวไอ้อภิเชษฐ์มันยัง?” ปองเทพถาม
เอมิกาตกใจ “อย่าบอกนะว่ามันทำโปรเจคสำเร็จแล้ว”
“ไม่ใช่!” ปองเทพบอก เอมิกาโล่งอก “รุ่นน้องที่มหาลัยไปเจอไอ้อภิเชษฐ์บนดอย พอเข้าไปทัก...มันแกล้งทำเป็นไม่รู้จัก แถมยังพูดภาษาชาวเขาใส่ ตอนนี้มันกลายเป็นชาวเขาเต็มตัว” เอมิกาชักใจไม่ดี “นี่แสดงว่ามันต้องใกล้เก็บข้อมูลเขียนบทเสร็จแล้วแน่ๆ”
เอมิกากังวลใจ “ไม่ได้การแล้ว ฉันต้องเริ่มเขียนบทซักที ไม่งั้นเราต้องแพ้ไอ้อภิเชษฐ์มันแน่ๆ ทุนดร.เพี้ยนคงจะตกเป็นของมัน” เอมิกามีสีหน้าไม่ดี
ปองเทพจับมือเอมิกาเพื่อให้กำลังใจ “ใจเย็นเอม เรามาช่วยกันคิดก็ได้ อย่าลืมสิว่าเอมยังมีเรา”
เอมิกาหันไปมองปองเทพด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจ บรรจงแอบเห็นเอมิกาอยู่กับปองเทพก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น

บรรจงยืนอยู่กับจุ่นที่กำลังพรวนดิน
“พี่จุ่น..พี่ช่วยอะไรฉันอย่างสิ” บรรจงเอ่ยปาก
จุ่นหันไปมองบรรจงด้วยความสงสัย

บรรจงกับจุ่นมาแอบดูปองเทพที่กำลังล้างรถ
จุ่นหันไปพูดกับบรรจงด้วยสีหน้าไม่สบายใจ “จะให้พี่ทำจริงๆเหรอจ๊ะน้องจง”
“จริงสิ ออกไปได้แล้ว!”
จุ่นฝืนใจสุดๆ แต่ก็จำต้องเดินออกไป
“ป่องจ๋า”
ปองเทพหันไปเห็นจุ่นผูกเสื้อขึ้นมาเพื่อโชว์สะดือ แถมยังพับกางเกงขึ้นมาจนสั้นและรัดติ้ว จุ่นยืนทำท่าสาวใส่ ปองเทพตกใจมากจนปล่อยสายยางหล่นพื้น
“พี่จุ่น!!! ทะทะ..ทำทำไมพี่จุ่นแต่งตัวแบบนี้?”
จุ่นแอคท่าสาว “พี่แต่งตัวแบบนี้เพื่อป่องยังไงล่ะจ๊ะ”
ปองเทพงงมาก จุ่นเดินบิดก้นเข้ามาตรงหน้าปองเทพแล้วดีดนิ้ว
“มิวสิค!”
บรรจงกดเปิดเครื่องเล่นซีดีทำให้เสียงเพลงดังขึ้น แล้วจุ่นก็เต้นยั่วยวนปองเทพด้วยท่วงท่าที่อุบาทว์มาก เขาปีนขึ้นรถที่เต็มไปด้วยสบู่แล้วเอาตัวถูไถไปตามรถ ก่อนจะปีนขึ้นไปบนหลังคาแล้วก็ลื่นหล่นพื้น ปองเทพสะดุ้ง และแทบอ้วก จุ่นรีบลุกขึ้นเอาสายยางมาฉีดตัวเองแล้วก็เอาสายยางคล้องคอปองเทพก่อนจะเต้นสีไม่หยุด ปองเทพขยะแขยง
“พะพะพี่พี่..พี่เป็นอะไร?!!”
จุ่นทำเสียงกระเซ่า “เป็นตู๊ดน่ะสิฮ้า..วู้!!”
ปองเทพเหวอจนตาเหลือก แล้วเขาก็รีบผลักจุ่นให้พ้นทาง แต่จุ่นคว้าคอเสื้อปองเทพเอาไว้
“จะไปไหนล่ะ มามีความสุขกันก่อน”
จุ่นคว้าปองเทพมากอดพร้อมยื่นปากเข้าไปจะจูบ ปองเทพเอามือยันหัวจุ่นออกไปให้พ้นตัว แต่จุ่นกระโดดเข้าเอวปองเทพ ปองเทพรับน้ำหนักไม่ไหวเลยล้มไปบนพื้นทำให้จุ่นขึ้นคร่อม จุ่นก้มหน้าลงมาจะจูบปองเทพให้ได้ ปองเทพเอามือยันสุดตัว
“อย่า..า..า...า....!!!!”
ทันใดนั้นเสียงอรวิลาสก็ดังขึ้น
“ทำอะไรกัน!!”
ปองเทพกับจุ่นหันไปเห็นอรวิลาสก็ตกใจ บรรจงเห็นอรวิลาสมาก็รีบปิดเพลงแล้วรีบย่องหนีออกไปทันที
จุ่นกับปองเทพรีบลุกขึ้นมายืน อรวิลาสมองทั้งสองด้วยความสงสัย

จุ่นยังขนลุกซู่ไม่หาย เขาหันมาทางบรรจง
“พี่บอกได้เลยว่ามันไม่ใช่ตู๊ด!” จุ่นบอก
“ฉันว่าแล้วเชียว!!”
จุ่นขยับมาใกล้ “พี่ลงทุนทำเพื่อน้องจงขนาดนี้ ขอรางวัลให้พี่หน่อยนะจ๊ะ”
จุ่นจับมือบรรจงจะเอาขึ้นมาจูบ แต่บรรจงดันหัวจุ่นออกไปอย่างแรง
“อย่าเพิ่งสิจ๊ะพี่จุ่นจ๋า พี่ได้รางวัลจากฉันแน่ แต่ขอฉันสืบให้ได้ก่อนว่านายป่องโกหกทำไม? แล้วเมื่อถึงวันนั้น ฉันจะตบ” บรรจงตบหน้าจุ่นอย่างแรงจนหน้าหัน “รางวัลให้พี่จุ่นอย่างงาม”
จุ่นเคลิบเคลิ้ม บรรจงยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าร้ายกาจ

ปองเทพรีบเดินตามอรวิลาสมาตามทาง
“คุณอร..ฟังผมก่อน”
ปองเทพรีบวิ่งมาขวางหน้า อรวิลาสหยุดกึก
“นายไม่ต้องอธิบายให้ฉันฟัง นายจะไปทำอะไรกับใครยังไง ฉันไม่ว่า แต่กรุณาเข้าไปทำในห้อง ถ้าเกิดมีคนนอกมาเห็นเข้า มันจะเสียถึงน้าแป๊ะและคุณแม่ของฉัน นายจุ่นนี่ก็อีกคน ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นประเภทเดียวกับนาย” อรวิลาสว่าเป็นชุด
“โธ่...คุณอรครับ คุณต้องเชื่อผมนะครับ ผมกับพี่จุ่นไม่ได้ทำอะไร”
อรวิลาสยกมือห้าม “ไม่ต้องพูด ฉันขี้เกียจจะฟัง”
อรวิลาสเดินหนี ปองเทพอยากจะบ้าตาย
“ไปกันใหญ่แล้ว!!”

ชื่นฤทัยนั่งอยู่กับวเรศที่บ้านของเธอ
“แน่ใจนะว่าชะเอมไม่ได้ทำอะไรผิด หลานตั้มถึงไม่ให้ไปเป็นผู้ช่วยต่อ” ชื่นฤทัยถาม
“ชะเอมไม่ได้ทำอะไรจริงๆครับ” วเรศยืนยัน
“ถ้างั้นก็แล้วไป”
ทันใดนั้นพีรพลก็เดินออกมาพร้อมซองเอกสาร พีรพลยื่นให้วเรศพร้อมนั่งลงข้างๆ
“เอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวกับงานพืชสวนเมืองหนาวอยู่ในนี้หมดแล้ว” พีรพลบอก
“ขอบคุณครับคุณอา”
“จะขึ้นไปดูที่จัดงานที่เชียงใหม่เมื่อไหร่” พีรพลถาม ชื่นฤทัยหูผึ่ง
“พรุ่งนี้ครับ”
ระหว่างนั้นอรวิลาสก็เดินเข้ามาพอดี อรวิลาสยกมือไหว้วเรศ
“พี่ตั้ม สวัสดีค่ะ”
วเรศหันมายิ้มและรับไหว้ อรวิลาสไปนั่งข้างๆ ชื่นฤทัย
ชื่นฤทัยรีบถาม “หลานตั้มไปเชียงใหม่กับใคร?”
“คนเดียวครับคุณอา” วเรศตอบ
ชื่นฤทัยคิดให้เสร็จสรรพทันที
“ให้น้องอรไปเป็นเพื่อนสิ”
วเรศ อรวิลาส และพีรพลผงะ
“ช่วงนี้โรงเรียนสอนภาษาที่น้องอรเรียนจบคอร์สพอดี น้าไม่อยากให้น้องว่าง ในเมื่อตั้มยังหาผู้ช่วยคนใหม่ไม่ได้ ก็ให้น้องอรช่วยไปพลางๆก่อน”
อรวิลาสเหวอมากและจะปฏิเสธ “แม่คะ...”
“นี่คงดีใจมากเลยใช่มั๊ยลูก” ชื่นฤทัยถามทันที
ชื่นฤทัยแอบถลึงตาใส่อรวิลาสทำให้อรวิลาสไม่กล้า อรวิลาสหันไปยิ้มให้วเรศ
“ดีใจม๊ากมากค่ะ ดีใจที่สุดเลย” อรวิลาสพูดยิ้มๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น