ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 14
โซว์กับขิงถ่ายรูปชุดแต่งงานในแบบต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นชุดสบายๆ คล้ายชุดเที่ยวเล่น โซว์กับขิงโพสต์ท่ากันไปก็เขินกันไป ไม่เหมือนคู่ของปีเตอร์กับพัชรีที่โพสท่าตามไปด้วยแต่ดูหวานมากกว่าคู่ของโซว์กับขิง
“ใกล้ว่าที่เจ้าสาวอีกนิดกระหม่อม” ช่างภาพบอก
โซว์กับขิงเขินๆ
“อย่าทรงอายเลยเพคะ อีกไม่นานก็จะเป็นสามีภรรยากันแล้ว ฮิ้วววว” พัชรีแซว
โซว์กับขิงยิ่งอาย แล้วโซว์ก็ค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ขิงก่อนจะเอามือโอบเอวขิงแล้วดึงเข้ามาชิดตัว
ช่างภาพรัวชัตเตอร์
“หอมแก้มเลยกระหม่อม” ปีเตอร์เชียร์
“จริงด้วย หอมแก้ม” พัชรีสนับสนุน
ปีเตอร์กับพัชรีช่วยกันปรบมือ “หอมแก้ม หอมแก้ม หอมแก้ม”
“ตามใจพวกเค้าหน่อยนะ” โซว์บอกขิง
ขิงพยักหน้าอย่างอายๆ โซว์เอาจมูกแตะแก้มขิง แล้วช่างภาพก็ถ่ายรูป รูปหลายใบปรากฎขึ้นที่หน้าจอกล้อง มีทั้งแบบสี่แอ๊ค แปดแอ๊ค โซว์และขิงมีสีหน้ามีความสุขมาก
โซว์กับขิงเดินจับมือด้วยกันมาตามทาง ต่างคนต่างยิ้มแล้วก็หันมาเห็นหน้ากัน
“ยิ้มอะไร” ทั้งคู่ถามขึ้นมาพร้อมกัน
ทั้งคู่ชะงักที่พูดพร้อมกันแล้วก็หัวเราะ
“เธอตอบก่อน” โซว์บอก
“นายนั่นแหละตอบมาก่อน” ขิงบอก
โซว์หยุดเดินแล้วหันมาจับมือขิงทั้งสองข้าง “ชั้นมีความสุข มีความสุขมากกกกกกกกกกก มากมากมากมากที่สุด” ขิงยิ้มปลื้ม “ชั้นไม่นึกว่าเราจะมีวันนี้ วันที่เราจะได้แต่งงานกัน ได้สร้างครอบครัวด้วยกัน ได้อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต”
ขิงพยักหน้า แล้วโซว์ก็ดึงขิงเข้ามากอด
“ต่อจากนี้...จะไม่มีอะไรมาพรากเราจากกันได้อีก” โซว์บอก
ขิงกอดโซว์ตอบ
ลัดลดายืนอยู่กับทหารที่ด้านนอกพระราชวัง
“จำชั้นได้มั้ย” ลัดลดาถาม ทหารมองหน้า “ชั้นลัดลดา..เพื่อนสนิทของเจ้าชาย”
“อ๋อ คุณนั่นเอง” ทหารจำได้
“ไปกราบทูลเจ้าชายว่าชั้นมีเรื่องสำคัญอยากขอพบ”
ลัดลดามีสีหน้ามุ่งมั่นตั้งใจ
โซว์กับขิงเดินเข้ามาในวัง พระราชินีเดินมาเจอ โซว์กับขิงหยุดเดินและถวายความเคารพ
“แม่จะมาขอยืมตัวขิงซักครู่” พระราชินีบอก
ขิงกับโซว์แปลกใจ
“เสด็จแม่จะพาขิงไปไหนกระหม่อม” โซว์ถาม
“นี่เป็นเรื่องของผู้หญิง ลูกไม่สมควรต้องรู้จ๊ะ”
โซว์เหวอ ขิงขำ แล้วพระราชาชินีก็จับแขนขิงพาเดินไปด้วยกัน
โซว์ยิ้มแล้วก็ส่ายหัว พอหันไปก็เจอทหารเดินเข้ามาพอดี
ทหารทำความเคารพ “คุณลัดลดามาขอพบเจ้าชายกระหม่อม”
โซว์แปลกใจมาก “ลัดลดา?”
พระราชินีเอาชุดสร้อยโคตรเพชรให้ขิง ขิงอึ้ง
“พระราชินีทรงให้หม่อมชั้นเหรอเพคะ?”
พระราชินีพยักหน้า ขิงมีสีหน้าลำบากใจ
“หม่อมชั้นรับไม่ได้เพคะ มันมีมูลค่ามากมายมหาศาลเกินไป” ขิงบอก
“เจ้าไม่รับไม่ได้ นี่เป็นเครื่องเพชรประจำตระกูลที่ตกทอดกันมาจากราชินีองค์ก่อน..ซึ่งก็คือเสด็จย่าของโซว์ นี่คือชุดควีนไดมอนด์ ควีนแปลว่าพระราชินี เพราะฉะนั้นเครื่องเพชรชุดนี้ก็ต้องอยู่กับพระราชินีเท่านั้น”
ขิงยังอึ้งไม่หาย “แต่..”
“เจ้าคือว่าที่พระราชินีองค์ใหม่แห่งนิวแลนด์ ฉะนั้นเครื่องเพชรนี้ต้องเป็นของเจ้า”
ขิงพูดอะไรไม่ออก พระราชินีเอาสร้อยมาใส่ให้ขิง ขิงตื้นตันและตื่นเต้นมาก
ลัดลดากำลังเอาน้ำตาเทียมหยอดตา โซว์เดินมาจากทางด้านหลัง ลัดลดาได้ยินเสียงก็รีบเก็บน้ำตาเทียมแล้วหันไป โซว์ผงะเพราะเห็นน้ำตานองหน้าลัดลดา
ลัดลดาถอนสายบัว “ถวายบังคมเพคะเจ้าชาย”
โซว์มองอย่างระแวง “มาหาเราถึงนี่ มีธุระสำคัญอะไร?”
ลัดลดาขยับเข้าหา โซว์ถอยแล้วยกมือห้าม
“หยุดอยู่ตรงนั้น ไม่ต้องมาเข้าใกล้เรา”
ลัดลดาทำเป็นร้องไห้ต่อมน้ำตาแตก “หม่อมชั้นมีเรื่องอยากขอร้องอ้อนวอนให้เจ้าชายทรงช่วยเพคะ มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ที่มีชีวิตหม่อมชั้นเป็นเดิมพัน”
โซว์มองลัดลดาอย่างแปลกใจ
ปีเตอร์กับพัชรียืนอยู่กับทหารคนเดิม ทั้งสองตกใจ
“ว่าไงนะ!!! ยัยดาด้ามาหาเจ้าชาย!! แล้วเจ้าปล่อยให้เข้าไปได้ยังไง!!” ปีเตอร์ถามทหาร
“ก็เค้าบอกว่าเป็นเพื่อนกับเจ้าชาย”
“เค้าไม่เคยเป็นเพื่อนกับเจ้าชาย จำไว้ด้วย!” ปีเตอร์ว่า ทหารหน้าเสีย “เราอยากจะบ้าตาย ไปให้พ้นหน้าเราเลยไป!!”
ทหารรีบออกไป ปีเตอร์หันไปมองพัชรีหน้าเสียด้วยกันทั้งคู่
“อะไรๆกำลังจะดีอยู่แล้วเชียว ดันจะมีมารมาผจญอีก รีบตามไปดูกันเถอะ” พัชรีบอก
ปีเตอร์พยักหน้า แล้วรีบเดินออกไปกับพัชรี
โซว์ฟังเรื่องจากลัดลดาจนจบก็หน้าเครียดขึ้นมาทันที
“เจ้าเป็นหนี้จำนวนมากขนาดนี้ เราก็เห็นใจ” โซว์บอก ลัดลดามีความหวัง “แต่เราช่วยเจ้าไม่ได้”
ลัดลดาอึ้ง “แต่เจ้าชายเป็นเจ้าชาย เงินแค่นี้ เจ้าชายอย่าบอกนะว่าไม่มี”
“ใช่ เราไม่มี เราเป็นเจ้าชายก็จริง แต่เราก็ต้องทำงานเพื่อแลกกับเงินเดือน เราไม่สามารถไปเอาเงินจากกองคลังของประเทศมาช่วยเจ้าได้”
ลัดลดาฉุน “เจ้าชายอย่ามาอ้างว่าไม่มีเงิน!!” โซว์เหวอ “เจ้าชายไม่อยากช่วยหม่อมชั้นมากกว่า”
โซว์ไม่พอใจแต่ก็อดกลั้น “เราไม่ใช่ไม่อยากช่วย เราเห็นใจเจ้าด้วยใจจริง แต่เราจนปัญญา ในเมื่อเจ้าเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอง”
“แปลว่าหม่อมชั้นต้องตายอย่างนั้นเหรอ” ลัดลดาเริ่มลนลาน
โซว์ลำบากใจ “เอาอย่างนี้..เราจะช่วยเจ้านิดหน่อย แต่ถ้าเจ้าต้องการเงินทั้งหมด เราไม่มีให้เจ้าจริงๆ”
ลัดลดากำมือแน่น ระหว่างนั้นปีเตอร์กับพัชรีก็เดินเข้ามา ทั้งสองคนได้ยินทุกอย่าง
“กล้ามาขอเงินหน้าด้านๆนะยะหล่อน” พัชรีว่า
ลัดลดาหันขวับ “นี่ไม่ใช่เรื่องของแก!”
“ไม่ใช่เรื่องของพวกเราไม่ได้หรอก เพราะในเมื่อคุณเหยียบอยู่ในวังของเจ้าชาย และพวกเราก็เป็นข้าราชบริพารของเจ้าชาย เพราะฉะนั้นมันต้องเกี่ยวกับพวกเราด้วย” ปีเตอร์บอก
ปีเตอร์กับพัชรีพยักหน้าหนักแน่น ลัดลดาโมโหมาก
“กลับไปซะเถอะคุณดาด้า...อย่าให้เราต้องเรียกทหาร” ปีเตอร์ไล่
ลัดลดาพูดไม่ออก เธอโมโหจนจุกอกแล้วหันไปมองโซว์ด้วยความแค้น
“แล้วเจ้าชายจะเสียใจที่ทำกับหม่อมชั้นแบบนี้”
ลัดลดาจ้ำเดินออกไป โซว์หันไปทางปีเตอร์กับพัชรี
“เรารู้สึกไม่ดียังไงก็ไม่รู้ที่ไม่ได้ช่วยเค้า” โซว์บอก
“คนแบบนี้ ถ้าเราเอาตัวเข้าไปยุ่ง เราจะซวยไปด้วยนะเพคะ เจ้าชายอย่าไปสนใจอีกเลย ตอนนี้เจ้าชายควรจะโฟกัสกับงานแต่งงานของเจ้าชายมากที่สุด” พัชรีพูด
โซว์พยักหน้า แต่ก็ยังอดกังวลใจไม่ได้
วันรุ่งขึ้น ปีเตอร์เดินนำยายขม ตุ๊ก รุ้ง และแก้วมาตามทาง ทุกคนดูตื่นตระหนก ทั้งตื่นเต้น และตื่นตาตื่นใจกับทุกสิ่งรอบข้าง ทั้งหมดเดินกันแบบกล้าๆกลัวๆ ทันใดนั้นยายขมก็หยุดเดิน ตุ๊ก รุ้ง แก้วที่เดินตามมาชนหลังกันเองดังโครม
“โอ๊ยแม่..หยุดเดินทำไมไม่บอก??” ตุ๊กว่า
“มันก้าวขาไม่ออกนี่หว่า” ยายขมบอก
ปีเตอร์ตกใจหันมา “คุณยายเป็นอะไรไปครับ”
“มันตะตะตื่น..ตื่น..ตื่นเต้น...”
ทุกคนร้อง “โธ่” ยายขมยิ้มแหย
แก้วหันไปทางด้านหลัง “โธ่ยาย ชั้นไม่เห็นจะตื่นเต้นเลย เยย!! หายไปไหนกันหมด”
ทุกคนพูดพร้อมกัน “ทางนี้!!”
แก้วหันมายิ้มแหย
“เนี่ยนะไม่ตื่นเต้น” รุ้งว่า
“ผมว่าทุกคนไม่ต้องตื่นเต้นไปหรอกนะครับ ทำตัวตามสบาย เพราะทุกคนก็เคยเจอกับพระราชามาแล้ว” ปีเตอร์บอก
“ก็เพราะเคยเจอมาก่อนเนี่ยแหละ ถึงตื่นเต้นมากขนาดนี้” ยายขมว่า
ทุกคนลนลานกันสุดๆ
ยายขม ตุ๊ก รุ้ง แก้ว อยู่ตรงหน้าพระราชากับพระราชินี ยายขมนั่งคุกเข่ายกมือไหว้ท่วมหัว ตุ๊กหมอบกราบบนพื้น รุ้งถอนสายบัว แก้วหลบอยู่หลังเสาตัวสั่นงกๆ ปีเตอร์กับพัชรีถึงกับตบหัวเพราะประสาทจะแตกกับท่าทางของแต่ละคน ปีเตอร์หันไปทางพระราชากับพระราชินี
“ทุกคนทำตัวกันไม่ถูกน่ะกระหม่อม” ปีเตอร์บอก
พระราชายิ้ม “เราเข้าใจ”
ปีเตอร์ยิ้มแล้วเดินไปหาแก้ว “แก้ว..หลบตรงนั้นทำไม ออกมา!”
“เค้ากั๊วววว!”
“พระราชาท่านไม่กัดหรอก” ปีเตอร์บอก
“แฮ่ม! ปีเตอร์!! เราไม่ใช่หมา” พระราชาพูด
ปีเตอร์สะดุ้ง “อุ้ย ขอโทษกระหม่อม”
ปีเตอร์ดึงแก้วออกมา
“เชิญทุกคนตามสบาย คิดซะว่าเป็นบ้านของตัวเอง” พระราชินีบอก
ตุ๊กเงยหน้า “คิดว่าเป็นบ้านของตัวเองได้จริงๆเหรอครับ เอ๊ย พระเจ้าค่า”
พระราชินีพยักหน้ายิ้มให้อย่างใจดี ยายขม ตุ๊ก รุ้ง และแก้วถอนหายใจโล่งอก ทั้งหมดนั่งแผ่ไปบนพื้น พระราชา พระราชินี ปีเตอร์ และพัชรีถึงกับขำออกมา ระหว่างนั้นโซว์กับขิงเดินเข้ามา
ขิงดีใจมาก “ยาย! น้าตุ๊ก! รุ้ง! แก้ว!!”
ทุกคนหันไปเห็นขิงก็ดีใจมากรีบลุกขึ้นเข้ามากอด
“ขิง...”
ขิงกระโดดกอดทุกคนด้วยความดีใจ โซว์ พระราชา พระราชินี ปีเตอร์ และพัชรีมองภาพตรงหน้าแล้วก็ยิ้ม
ขิงพายายขม ตุ๊ก รุ้ง แก้ว เดินมาตามทาง แล้วก็มาหยุดหน้าห้องๆห้องหนึ่ง
“นี่ห้องพักของน้าตุ๊กกับแก้วจ๊ะ” ขิงบอก
ตุ๊กพยักหน้า แล้วอยู่ดีดีก็ร้องไห้ออกมา ทุกคนตกใจ
“ไอ้ตุ๊ก..เอ็งเป็นอะไร?!!” ยายขมถาม
“ชั้นดีใจกับนังขิงมันน่ะแม่ มันตื้นตัน ซาบซึ้ง บอกไม่ถูก เห็นมันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย มาวันนี้จะมีผัวซะแล้ว โฮๆๆ”
ตุ๊กปล่อยโฮแล้วโผกอดยายขม แล้วรุ้งก็ร้องไห้ออกมาอีกคน ทุกคนหันไปมอง
“ซาบซึ้งเหมือนกันเหรอเอ็ง” ยายขมถาม
“เปล่าจ๊ะ ที่ร้องเนี่ย เพราะอยากมีผัวเป็นเจ้าชายบ้าง”
แก้วเซ็ง “น้องรุ้ง!!”
รุ้งยิ้มแหย “รุ้งล้อเล่น” รุ้งควงแขนแก้ว “ไม่ว่าพี่แก้วจะเป็นใคร ลูกกำนัน ลูกกรรมกร นักเลง หรือ ขอทาน พี่แก้วก็เป็นเจ้าชายในใจรุ้งเสมอ ฮิ้วว”
รุ้งกับแก้วหันมายิ้มดี๊ด๊าให้กัน
“ถุย!! หมดมู๊ดที่สุด ไปเลยไอ้แก้ว เข้าห้อง” ตุ๊กว่า
ตุ๊กลากคอเสื้อแก้วเข้าไปในห้อง ขิงหันมาทางยายขมกับรุ้ง
“ไปจ๊ะยาย คืนนี้ขิงขอนอนกับยายนะ”
ยายขมพยักหน้า ขิงพายายขมกับรุ้งเดินออกไป
ดึกสงัด รุ้งหลับสนิทไปแล้วที่เตียงข้างๆ เหลือขิงที่ยังนอนตักยายอยู่บนเตียงอีกเตียงหนึ่ง
“ยายจ๋า...ขิงกลัวจังเลยจ๊ะยาย” ขิงบอก
ยายขมก้มมองขิงด้วยความแปลกใจ ขิงลุกขึ้นนั่ง
“อีกไม่กี่วัน...ชีวิตของขิงกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล ขิงไม่รู้ว่าขิงจะต้องเจอกับอะไรบ้าง คนที่นี่จะยอมรับขิงมั้ย แล้วพวกเค้าจะรักขิงรึเปล่า”
“เรื่องยังไม่ทันเกิด ก็อย่าเพิ่งคิดกังวลไปล่วงหน้าสิ ยายก็ตอบเอ็งไม่ได้หรอกนะว่าเอ็งจะต้องพบเจอกับอะไร แต่มีอย่างหนึ่งที่ยายมั่นใจ นั่นก็คือ ทุกคนจะต้องรักเอ็ง เพราะว่าเอ็งเป็นคนดี”
ขิงยิ้ม ยายขมดึงขิงเข้ามากอด แล้วสองยายหลานก็กอดกันแน่น
เช้าวันใหม่ ขิงกำลังแต่งตัว ทันใดนั้นเสียงมือถือก็ดังขึ้น ขิงเห็นเบอร์แปลกแต่ก็กดรับ
“ฮัลโหล”
เสียงลัดลดาร้องไห้ “ขิง..นี่ชั้น ดาด้า”
ขิงชะงักเพราะตกใจมาก
“คุณดาด้า..คุณร้องไห้ทำไม?”
ลัดลดาร้องไห้ไม่หยุด “ชั้น...ชั้นจะฆ่าตัวตาย!!”
ขิงตกใจมาก “ใจเย็นก่อนนะคะ คุณมีปัญหาอะไร บอกชั้นมาสิ ชั้นอาจจะช่วยคุณได้”
“ไม่มีใครช่วยชั้นได้ แม้แต่เจ้าชายยังไม่ช่วยชั้นเลย ฮือๆๆๆ ชั้นอยากตาย ชั้นไม่รู้จะอยู่ไปทำไมในโลกที่โหดร้ายใบนี้ ชั้นโทรมาขออโหสิกรรมกับเธอขิง..ยกโทษให้ชั้นสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ชั้นทำกับเธอนะ..ลาก่อน”
ขิงตกใจ “อย่า!! อย่าทำอะไรบ้าๆนะ เธออยู่ที่ไหน ชั้นจะไปหาเธอ”
ขิงแอบออกจากห้องนอนแล้วหันไปมองรอบๆ เสียงลัดลดาดังขึ้นมาในความคิดของขิง
“ถ้าเธอจะมาหาชั้น เธอต้องมาหาชั้นคนเดียว ห้ามบอกใครเด็ดขาด ชั้นอายที่จะให้ใครๆรู้ว่าตอนนี้ชั้นกลายเป็นคนพ่ายแพ้และหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว”
ขิงรีบเดินออกไป แต่ไปเจอกับพัชรี ขิงตกใจมาก
“ขิง..จะรีบไปไหน?” พัชรีถาม ขิงอึกอัก “ชั้นรู้แล้ว จะรีบไปหาเจ้าชายล่ะสิ”
“ใช่ใช่ ชั้นมีนัดกับโซว์ ไปก่อนนะ”
ขิงรีบออกไป พัชรีหันไปมองแต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร
“พอใกล้จะแต่งงาน รู้สึกจะสวีทหนักมากกว่าเดิม พูดแล้วก็คิดถึงปีเตอร์ ไปหาปีเตอร์บ้างดีกว่า”
พัชรีเดินลัลล้าออกไปอีกทาง
ลัดลดาเปิดประตูโรงแรมแห่งหนึ่งมาแล้วก็เห็นขิงยืนอยู่ เธอร้องไห้โผกอดขิงแน่น
“ขิง..ช่วยชั้นด้วยโฮๆๆ”
ขิงกับลัดลดาผละออกจากกัน
“ใจเย็นก่อน อย่าเพิ่งร้องไห้ มันเกิดอะไรขึ้น เล่าให้ชั้นฟังสิ”
ลัดลดามองหน้าขิง
“งั้นเข้ามาในห้องก่อน” ลัดลดาชวน
ลัดลดาจูงมือขิงเดินเข้ามา ทันทีที่ขิงเข้าไปในห้อง ลัดลดาก็หันมาเอาผ้าที่มียาสลบโปะปากขิง
ขิงตกใจมาก เธอมองหน้าลัดลดาด้วยความช็อค
ลัดลดาว่า “นังโง่!!”
แล้วขิงก็หมดสติไปทันที ลัดลดายิ้มสะใจ
พระราชา พระราชินี ยายขม ตุ๊ก รุ้ง แก้ว และพัชรีนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร โดยมีปีเตอร์คอยยืนรับใช้อยู่ไม่ห่าง มีคนมาเสิร์ฟอาหารบนโต๊ะ ยายขม ตุ๊ก รุ้ง และแก้วดูตื่นตาตื่นใจกับอาหารมาก
“นี่คืออะไรเหรอพระเจ้าค่า” ตุ๊กถาม
“เนื้อแกะ ราดซอสแคนเบอรี่ อาหารขึ้นชื่อของนิวแลนด์” พระราชาตอบ
“ว้าวๆๆๆ เนื้อแกะ หอมชื่นใจจริงๆพระเจ้าค่ะ” แก้วพูดไปก็ไหว้ท่วมหัวไปด้วย
“นี่..ไม่ต้องพูดไปไหว้ไปก็ได้ ตอนนี้เราก็เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ตามสบายเถอะ” พระราชินีบอก
“พระราชินีตรัสแล้วห้ามคืนคำนะเพคะ” ยายขมพูด
พระราชินีพยักหน้า แล้วทุกคนก็ใช้มือหยิบแกะขึ้นมาแทะ ทำเอาพัชรี ปีเตอร์ พระราชินี พระราชาเหวอ
ระหว่างนั้นโซว์เดินเข้ามาไม่เห็นขิงก็แปลกใจ
“ขิงยังไม่มาเหรอครับ”
ยายขม ตุ๊ก รุ้ง และแก้วหยุดกินแล้วหันไปมอง
“เมื่อเช้าหม่อมชั้นเจอขิง ขิงบอกว่าจะไปหาเจ้าชายนี่เพคะ” พัชรีบอก
“ไม่นี่..ขิงไม่ได้มาหาเรา เราไปหาขิงที่ห้อง ขิงก็ไม่อยู่ เราเดินตามหาทั่ววัง ก็ไม่เจอ”
ทุกคนมองหน้ากันอย่างแปลกใจ ทันใดนั้นเสียงมือถือของโซว์ก็ดังขึ้น โซว์หยิบมือถือออกมากดรับ
“ฮัลโหล” โซว์ตกใจมาก “ดาด้า!”
ทุกคนมองโซว์ด้วยความแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ลัดลดากำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับโซว์ ขิงถูกจับมัดอยู่บนเก้าอี้ยังไม่ได้สติอยู่ที่ด้านหลังเธอ
“ตอนนี้นังขิงอยู่กับหม่อมชั้น”
โซว์ตกใจ หันไปมองทุกคน
“ขิงอยู่กับเธอ!!”
ทุกคนผงะแล้วตั้งใจฟัง
“ใช่แล้วเพคะ”
“เธอจับขิงไปทำไม ถ้าโกรธที่เราไม่ช่วยเธอ...ก็มาจับเราไปสิ”
ลัดลดาเดินมาตรงหน้าขิง
“จับเจ้าชาย มันจะไปสนุกอะไร”
“เธอต้องการอะไรลัดลดา?”
ลัดลดายิ้มมุมปาก
“หม่อมชั้นต้องการเงินสด 50 ล้านยูโรเพื่อแลกกับตัวขิง”
โซว์ตกใจ
“ได้...ชั้นจะเอาเงินให้เธอ แต่ถ้าเธอแตะต้องขิงแม้แต่ปลายนิ้วก้อย เธอก็คงได้รับความตายไปโดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนอะไรเลยแน่ๆ”
ลัดลดายิ้มมุมปาก
“และถ้าเจ้าชายโทรบอกตำรวจ นังขิงก็ต้องตายเช่นกัน”
โซว์วางสายแล้วหันมาทางทุกคนด้วยสีหน้าเครียดมาก
พระราชาถาม “เกิดอะไรขึ้นโซว์?”
“ลัดลดาจับตัวขิงเรียกค่าไถ่” โซว์บอก ทุกคนตกใจ “เค้าต้องการเงินสดห้าสิบล้านยูโรเพื่อแลกกับตัวขิง”
ทุกคนตกใจ “ห๊ะ!!”
“จะเป็นลม” ยายขมบอก
ตุ๊ก รุ้ง และแก้วรีบมาดู “ยาย!!”
“มันไม่ใช่เงินน้อยๆเลยนะเจ้าชาย” พัชรีว่า
“ตอนนี้เงินไม่สำคัญสำหรับเราอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ..ชีวิตของขิง”
ทุกคนเป็นกังวลและกลุ้มใจกันสุดๆ
ลัดลดากระชากผมขิงขึ้นมาจ้องหน้า
“พอชั้นได้เงิน แกก็ต้องตายอยู่ดี ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆๆ”
ไม่นานขิงก็รู้สึกตัว ลัดลดาปล่อยมือ ขิงลืมตาเห็นลัดลดาก็ตกใจ พอเห็นตัวเองถูกจับมัดก็แทบช็อค
“เธอหลอกชั้นเหรอ?!”
“แกอยากโง่ซ้ำโง่ซากเองทำไม? ช่วยไม่ได้”
“ทำแบบนี้ทำไม?!!” ขิงถาม
“ไม่ต้องถาม!! รู้อย่างเดียวว่าชั้นเกลียดแกก็พอนังขิง! ชาตินี้อย่าหวังเลยว่าแกจะมีความสุขกับเจ้าชาย!”
“ทำไมเธอถึงเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้!!”
“หุบปาก!!”
“ชั้นขอสาปแช่งให้เธอไม่มีความสุขอีกเลยจนชั่วชีวิตนี้”
ลัดลดาโมโหมาก เธอเอาปืนออกมาแล้วใช้ด้ามปืนตบปากขิงจนหน้าหัน ขิงปากแตกและมีเลือดซึมออกมา
“อยากด่าอะไรก็ด่าไป ชั้นไม่รู้สึกหรอก”
“คนเลว คนไม่มีหัวใจ คนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี คนบาป” ขิงว่า
ลัดลดาเริ่มทนไม่ไหว จึงเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาอุดปากขิง ขิงก็ยังพูดอู้อี้ๆๆๆ แต่เธอก็หน้าเสียมาก
ที่พระราชวัง ทุกคนช่วยกันตัดกระดาษให้เท่าแบงค์พันจนกระดาษกองเต็มโต๊ะ
“พอเหรอยังเจ้าชาย” ตุ๊กถาม
“น่าจะพอแล้ว ช่วยกันเอาใส่ในกระเป๋าเร็วเข้า” โซว์บอก
พระราชินีมีสีหน้าเป็นห่วง “คิดว่าวิธีนี้จะได้ผลเหรอลูก”
“ตอนนี้ลัดลดากำลังโมโหจนขาดสติ ลูกคิดว่าเค้าคงไม่ทันสังเกตว่าข้างใต้นี้เป็นเงินปลอมหรอกกระหม่อม”
ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือเอากระดาษใส่ลงกระเป๋าจนหมด ปีเตอร์เอาเงินจริงให้โซว์ โซว์เอามาวางไว้ด้านบนสุดแล้วรูดซิบปิดก่อนจะหันไปทางทุกคน
“พ่อว่าลูกไม่ควรเสี่ยงไปด้วยตัวเอง เราน่าจะแจ้งความ” พระราชาบอก
“ไม่ได้นะเสด็จพ่อ ถ้าทำแบบนั้น ขิงตายแน่ เสด็จพ่อเสด็จแม่ไม่ต้องห่วง หม่อมชั้นจะระวังรักษาตัวเองให้ดีที่สุด”
“ถ้าอย่างนั้นให้หม่อมชั้นไปด้วยนะเจ้าชาย” ปีเตอร์บอก
ตุ๊กกับแก้วพูดพร้อมกัน “หม่อมชั้นก็ขอไปด้วย”
“ขิงมันเป็นหลานข้า ข้าอยู่เฉยๆแบบนี้ไม่ได้หรอก” ตุ๊กบอก
“ถ้างั้นก็ตกลง ไปด้วยกัน ปีเตอร์ น้าตุ๊ก แก้ว ส่วนคนที่เหลือ ก็รอฟังข่าวที่นี่” โซว์กล่าว
ทุกคนพยักหน้า
ยายขมเดินเข้ามาจับมือโซว์ “ช่วยหลานข้าให้ได้นะเจ้าชาย”
โซว์จับมือยายขม “แน่นอนครับยาย ขิงคือชีวิตของผม”
โซว์หันไปทางพระราชากับพระราชินี
พระราชินีเอ่ยเตือน “ระวังตัวนะลูก”
โซว์พยักหน้าหนักแน่น พัชรีหันไปทางปีเตอร์
“ดูแลตัวเองให้ดีนะปีเตอร์”
ปีเตอร์พยักหน้า แล้วโซว์ ปีเตอร์ ตุ๊ก และแก้วก็เดินออกไปด้วยกัน พัชรี รุ้ง ยายขม พระราชินี และพระราชามองตามอย่างเป็นห่วง
ขิงพยายามจะแก้มัดที่ข้อมือ ทันใดนั้นเสียงมือถือลัดลดาก็ดังขึ้น ลัดลดากดรับสาย
“เจ้าชายมาถึงแล้วเหรอ”
ขิงมองลัดลดาด้วยความตกใจ
“เจอกันบนดาดฟ้าของโรงแรม” ลัดลดาพูดใส่โทรศัพท์
ลัดลดาวางสายแล้วหันไปมองขิง เธอเชิดใส่แล้วก็เดินออกไป ขิงเครียดมากและพยายามจะแก้เชือกที่มัดข้อมือออกให้ได้
ลัดลดาออกมาเจอโซว์ที่ใส่หมวกอำพรางหน้าตาและหิ้วกระเป๋ายืนอยู่ ปีเตอร์ ตุ๊ก แก้ว หลบอยู่ด้านหลังลัดลดา ลัดลดาเดินมายืนตรงหน้าโซว์
โซว์ถามทันที “ขิงอยู่ไหน?”
“ขิงปลอดภัยดี เอาเงินมาให้หม่อมชั้นก่อน”
“ไม่..จนกว่าเราจะได้เจอขิง”
ลัดลดามองโซว์อย่างลังเล แล้วก็ตัดสินใจ
“ตกลง...แต่เจ้าชายต้องไปกับหม่อมชั้นแค่สองคน พวกสุนัขเฝ้าติดตาม ห้ามไป!!”
ปีเตอร์ ตุ๊ก และแก้วสะดุ้งที่ลัดลดารู้ ลัดลดาหันมา ทั้งสามคนเลยออกมายืน
“ได้..เราจะไปกับเจ้าแค่สองคน” โซว์บอก
ปีเตอร์เป็นห่วง “เจ้าชาย!!”
“ไม่ต้องห่วงเราปีเตอร์”
ลัดลดาผายมือ “เชิญเพคะ”
โซว์เดินออกไป ลัดลดาเดินตาม ปีเตอร์ ตุ๊ก และแก้วมองตามด้วยความเป็นห่วงมาก
“ปล่อยให้เจ้าชายไปกับนังนั่นสองคนมันจะดีเหรอวะ?” ตุ๊กเป็นห่วง
ปีเตอร์ครุ่นคิดแล้วก็ตัดสินใจบางอย่าง เขาหยิบมือถือออกมากดโทรออก
“พระราชา หม่อมชั้นเอง...”
ลัดลดาพาโซว์เข้ามาในห้องแล้วก็ตกใจที่ขิงหายไปจากเก้าอี้ มีแต่เชือกกองอยู่ที่พื้น
“หายไปไหน?!”
โซว์โมโหมาก “เจ้าเอาขิงไปไว้ที่ไหน”
ลัดลดาหน้าตาตื่นเพราะงงมาก ขิงย่องออกมาจากห้องน้ำที่อยู่ด้านหลังลัดลดา โซว์หันไปเห็นก็ผงะ ลัดลดาเห็นสายตาโซว์จึงหันไป จังหวะที่ลัดลดาจะหันไปมอง ขิงก็พุ่งออกมาแต่ช้ากว่าลัดลดาที่ชักปืนออกมา แล้วก็ล็อคตัวขิงเอาไว้ โซว์ชะงัก
“อย่าทำอะไรขิง!!”
ลัดลดาลนลานมากๆ ทันใดนั้นตำรวจก็บุกเข้ามา ลัดลดาหน้าตาตื่นตกใจ
“ตำรวจ!”
โซว์ตกใจไปด้วย
“หม่อมชั้นบอกเจ้าชายแล้วใช่มั้ยว่าอย่าแจ้งความ!! ไม่งั้นนังขิงตาย!”
โซว์หันไปบอกตำรวจ “เอาปืนลง” ตำรวจละล้าละลัง “เราบอกให้เอาปืนลง!”
ตำรวจค่อยๆเอาปืนลงและมองหยั่งเชิง
“เราขอร้อง อย่าทำอะไรขิง” โซว์บอก
ลัดลดาครุ่นคิด “รถเจ้าชายอยู่ไหน?!! พาหม่อมชั้นไปที่รถ แล้วก็ห้ามให้พวกนี้ตามมา!!”
โซว์ผงะมองลัดลดาที่เอาจริง
โซว์เดินนำ ลัดลดาล็อคแขนพร้อมกับเอาปืนจ่อหลังขิงเดินตามเจ้าชายมาตามทาง ในลานจอดรถไม่มีรถสักคัน ลัดลดามีสีหน้าตาตื่นตระหนกมากๆ เธอหันไปมองตลอดเวลาว่ามีคนตามมาหรือไม่ ขิงก็ครุ่นคิดหาทางหนี แล้วขิงก็แกล้งร้องออกมา
“โอ๊ย!”
โซว์กับลัดลดาหันมาแล้วก็ตกใจ
“ชั้นปวดท้อง” ขิงบอก
“ไม่ต้องมาแกล้ง รีบเดิน!!”
“ชั้นเดินไม่ไหว”
ลัดลดาเสียจังหวะ ขิงใช้หัวกระแทกหัวลัดลดาทันที
ลัดลดาร้อง “โอ๊ย!!”
ลัดลดามึน ขิงรีบแย่งปืนลัดลดา แต่ลัดลดาไม่ยอม โซว์มองอย่างเป็นห่วงมาก
โซว์ตะโกน “ขิง..ระวัง!!”
ลัดลดาไม่ยอม ทั้งคู่แย่งปืนกันอย่างดุเดือด ทันใดนั้นเสียงปัง!! ก็ดังขึ้น โซว์ ลัดลดา และขิงตกใจ
ปีเตอร์ ตุ๊ก และแก้วได้ยินเสียงปืนก็หันมามองหน้ากันหน้าตาตื่น
ลัดลดากับขิงผละออกจากกัน โซว์รีบเข้ามาดู ขิงทรุดลงกับพื้น ที่หน้าอกของขิงเต็มไปด้วยเลือด
โซว์ตกใจ “ขิง!”
ลัดลดาแทบช็อค โซว์รีบเข้ามารับตัวขิงเอาไว้ ปีเตอร์ แก้ว ตุ๊ก กับตำรวจรีบเข้ามา ทุกคนเห็นขิงก็ตกใจ ลัดลดาส่ายหัว
“ไม่..ชั้นไม่ได้ตั้งใจ..ไม่..”
ลัดลดากำลังจะหนี แต่ตำรวจเข้ามาชาร์จจับตัวเธอเอาไว้ โซว์มองขิงราวกับว่าจะขาดใจตาย
“ขิง ขิง !!”
ขิงมองหน้าโซว์แล้วค่อยๆยกมือจะจับตา แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว ตาของขิงค่อยๆหรี่ลงก่อนจะปิดไป
โซว์ ยายขม ตุ๊ก แก้ว ปีเตอร์ และพัชรียืนรอฟังผลอาการของขิงด้วยความเป็นห่วงอยู่ที่หน้าห้องของขิงในวัง
“ขิง ขิง เธออย่าเป็นอะไรนะ เธอเคยรอดตายมาได้แล้วครั้งนึง ครั้งนี้เธอต้องรอดนะขิง...ขิง” โซว์เป็นห่วง
“คุณขิงอยู่ในความดูแลของแพทย์หลวงแล้ว กระหม่อมว่าก็คงน่าจะคลายความกังวลไปได้บ้างพะยะคะ” ปีเตอร์บอก
“แต่ว่า ...”
“โธ่ ...ขิงของยาย” ยายขมเปรยขึ้น “ทุกอย่างกำลังจะจบด้วยดีแล้ว ทำไมถึงได้มาโชคร้ายแบบนี้นะ”
ยายขมทำท่าเหมือนจะเป็นลมจนแก้วและรุ้งต้องเข้ามาประคอง ตุ๊กยืนเครียด ส่วนปีเตอร์โอบพัชรีเอาไว้ โซว์เห็นภาพยายขมจะเป็นลมก็ยิ่งใจไม่ดีเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถดูแลขิงได้ โซว์มองตามเข้าไปในห้องขิงด้วยความเป็นห่วงอย่างที่สุด
โซว์ยังคงเดินเครียดเป็นหนูติดจั่น ขณะที่ ตุ๊ก รุ้ง แก้ว ยายขม และพัชรีนั่งสัปหงกกันหมด สักพักประตูห้องขิงก็เปิดออกมา หมอเดินออกมาจากห้อง รุ้งเห็นหมอก็ตื่นเต้นรีบสะกิดบอกทุกคน โซว์และทุกคนกรูกันเข้าไปหาหมอทันที
“หมอครับ ขิงเป็นยังไงบ้างครับ” โซว์ถาม
หมอหน้าเครียด “เมื่อกี้คุณขิงหยุดหายใจ ตอนนี้กำลังปั๊มหัวใจอยู่พะยะคะ ไม่ว่าจะยังไงกระหม่อมจะพยายามช่วยคุณขิงให้เต็มที่พะยะคะ”
ทุกคนช็อคมาก
ปีเตอร์เดินเข้ามาหาโซว์ “เจ้าชาย”
โซว์หยุดปีเตอร์ไม่ให้เข้ามาใกล้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆเดินไปที่ประตูห้องขิง น้ำตาของเขาไหลพรากด้วยความเสียใจ
“ขิง...........”
โซว์เปิดประตูห้องขิงเข้ามา ในมือของเขาถือช่อดอกไม้ช่อหนึ่ง โซว์ค่อยๆเดินไปที่เตียงของขิงก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงและวางช่อดอกไม้ไว้ที่โต๊ะหัวเตียง ขิงที่นอนอยู่ค่อยๆลืมตา โซว์เห็นขิงลืมตาขึ้นมา
“นี่ผมเข้ามาทำให้ขิงตื่นหรือเปล่า”
ขิงส่ายหน้าและยิ้มให้โซว์ เธอพยายามดันตัวขึ้น โซว์เข้าไปช่วยประคอง โซว์หยิบช่อดอกไม้ที่เตรียมมาส่งให้ ขิงรับดอกไม้จากโซว์
“ขอบคุณค่ะ”
ขิงค่อยๆก้มลงดมดอกไม้
“รู้ไหมว่าตลอดเวลาที่ชั้นต้องนอนรักษาตัวอยู่ในห้องนี้ กลิ่นของดอกไม้ที่นายเอามาวางไว้ข้างเตียงชั้นทุกวัน ทำให้ชั้นรู้สึกได้เสมอว่ามีนายคอยดูแลอยู่ข้างๆตลอดเวลา และยังคอยเตือนสติชั้นให้รู้ว่าชั้นต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดแล้วผ่านมันไปให้ได้เพื่อจะได้มีโอกาสมาขอบคุณนาย”
ขิงเขยิบไปหอมแก้มโซว์ โซว์ยิ้มแล้วดึงขิงมากอด
“ก็เหมือนกับที่ทุกๆวันผมต้องไปที่หลุมศพเสด็จปู่กับเสด็จย่าเพื่อไปบอกพวกท่านให้รู้ว่า ขิงคือผู้หญิงที่ผมรักและเรากำลังจะแต่งงานกัน แล้วขอให้พวกท่านช่วยดูแลขิง อย่าให้มีอะไรมาพรากเราสองคนจากกันอีก”
ขิงหันมามองโซว์แล้วยิ้ม “ขนาดความตายยังพรากชั้นไปจากนายไม่ได้เลย”
“ตอนหัวใจคุณหยุดเต้น ผมคิดว่าผมจะเสียคุณไปจริงๆ”
ขิงยิ้ม “คนไทยเค้าว่ากันว่า ถ้ายังไม่ถึงที่ตาย ยังไงก็ยังไม่ตาย ..แล้วชั้นก็เคยรอดเพราะโดนยิงมาแล้ว จะรอดมาอีกทีจะเป็นไรไป แล้วที่สำคัญ ถ้าชั้นตายไปซะก่อน ก็คงพลาดที่จะได้แต่งงานกับนาย”
“ผมรักคุณคนเดียวแล้วจะรักไปจนวันตาย ผมสัญญาว่า จากนี้ไปผมจะคอยกอดคุณเอาไว้ และไม่ปล่อยให้คุณจากผมไปไหน ผมจะดูแลคุณตราบเท่าที่ลมหายใจสุดท้ายของผมยังอยู่”
ขิงโผเข้าไปกอดโซว์ด้วยความตื้นตัน สองคนกอดกันแน่นราวกับว่าโลกนี้มีเพียงแค่เขาและเธอ
ยายขมกับตุ๊กดูแก้วกับรุ้งซ้อมร้องและรำลิเกอยู่ พระราชากับพระราชินีเดินเข้ามาเห็น
“กำลังทำอะไรกันอยู่ล่ะ” พระราชาถาม
“มีร้องมีแสดงท่าทางประกอบการร้องด้วย” พระราชินีสงสัย
“พวกอิชั้นกำลังซ้อมการแสดงลิเกเพื่อจะไปเล่นในงานแต่งงานของขิงกับไอ้โซ่ ...” ยายขมบอก
ตุ๊กเซ็ง “แม่ ...”
“อ้อ! งานอภิเษกสมรสของขิงและเจ้าชายโซว์น่ะเพคะ” ยายขมรีบแก้
“หม่อมชั้นเป็นพระเอกลิเกพะยะค่ะ” แก้วว่า
“หม่อมชั้นเป็นนางเอกลิเกเพคะ” รุ้งบอก
พระราชินีพูด “ดูน่าสนใจดีนะ”
“จะลองมาเล่นคู่หม่อมชั้นดูไหมพะยะค่ะ” ตุ๊กลุกขึ้นไปร้องไปรำข้างๆ
พระราชินีกับพระราชางงและขำกับพฤติกรรมของตุ๊ก
ยายขม แก้วและรุ้งเรียกอกมาพร้อมๆ กัน “ไอ้ตุ๊ก/น้าตุ๊ก”
ยายขมไปลากให้ตุ๊กลงมานั่ง
“อะไรล่ะแม่ ชั้นกำลังจะซ้อมลิเกให้กับองค์พระราชินี” ตุ๊กบอก
“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงละก็ไม่ว่า” ยายขมพูดกับพระราชาและพระราชินี “อิชั้นขอโทษแทนลูกชาย
ด้วยนะเพคะ”
“เราว่าการแสดงที่เรียกว่าลิเกนี้น่าสนใจจริงๆนะ เราอยากให้ชาวนิวแลนด์ได้มีโอกาสได้ชมการแสดงดีๆแบบนี้จากประเทศไทย” พระราชินีพูดกับพระราชา “ พระองค์ว่ายังไงเพคะ”
“เราว่าก็ดีนะ จะว่าไปแล้วภูมิปัญญาของไทยหลายอย่างนั้นช่างน่าสนใจเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงหรือแม้ว่าการแสดงลิเก” พระราชาพูดกับยายขม “เอาอย่างนี้ละกัน หลังเสร็จงานอภิเษกสมรสของเจ้าชายโซว์และขิงแล้ว เราจะขอให้พวกเจ้าอยู่นิวแลนด์ต่ออีกซักหน่อยเพื่อเปิดการแสดงลิเกให้ชาวนิวแลนด์ของเราได้ชมจะได้ไหม”
ยายขม ตุ๊ก แก้ว รุ้ง มองหน้ากันด้วยความดีใจ
“เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้นเพคะ” ยายขมบอก
รุ้งดีใจ “เย่ ชั้นจะได้โกอินเตอร์กับเค้าบ้างแล้ว”
“การแสดงลิเกคณะยายขมได้โกอินเตอร์ จะต้องเป็นข่าวใหญ่ดังทั่วโลกแน่ๆ แก้วก็จะดังไปด้วย”
ตุ๊กพูดกับพระราชินี “จะทรงเปลี่ยนใจมาซ้อมกับพวกกระหม่อมก็ยังทันนะเพคะ”
พวกยายขมเรียกอีกครั้ง “ไอ้ตุ๊ก/น้าตุ๊ก”
ตุ๊กยิ้มแหยะ พระราชากับพระราชินียิ้มขำ รุ้งกับแก้วดีใจที่จะดัง ยายขมยิ้มปลาบปลื้มแล้วมองเหม่อออกไป
“ตาจ๊ะ คณะลิเกของเราจะกลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้งแล้วนะ”
ยายขมยิ้มอย่างมีความสุข
โซว์พาขิงออกมาเดินชมสวน ปีเตอร์เดินเข้ามาพูด
“พระราชาขอเชิญเจ้าชายและคุณขิงเข้าเฝ้าด่วนพะยะคะ”
โซว์กับขิงมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ
โซว์พาขิงมาพบพระราชากับพระราชินี และหัวหน้าชาวบ้านที่รออยู่ ขิงกับโซว์แปลกใจ
“เสด็จพ่อมีอะไรจะให้ลูกกับขิงรับใช้หรอเพคะ” โซว์ถาม
“นี่คือตัวแทนจากสหภาพแรงงาน” พระราชาบอก
ตัวแทนสหภาพแรงงานทำความเคารพโซว์กับขิง
“นี่คือ ขิง พระคู่หมั้นของเจ้าชายโซว์ และเป็นคนที่แนะนำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง” พระราชาบอกหัวหน้าชาวบ้าน
ตัวแทนสหภาพมองขิงด้วยความตื้นตันจนถึงกับคุกเข่าลงตรงหน้าขิง ขิงตกใจมาก
“จะทำอะไรคะ!!”
โซว์พูดเสียงเบา “ปล่อยเค้าเถอะขิง เค้ากำลังแสดงความขอบคุณเธอ”
ขิงหันไปมองตัวแทนสหภาพอย่างงงๆ
“เพราะคุณแท้ๆ ถึงทำให้ชาวมิดเวส สามารถฟื้นฟูพื้นที่การเกษตรขึ้นมาได้อีกครั้ง ตอนนี้พืชผลที่เราปลูกกำลังเจริญเติบโตงอกงาม แนวคิดที่คุณแนะมา มันได้ผลเกินคาด ผมในฐานะตัวแทนของชาวมิดเวสทุกคน ขอขอบคุณคุณจากใจจริง”
ตัวแทนสหภาพจะหมอบ ขิงรีบย่อตัวลงไปจับไหล่ให้ลุกขึ้นยืน
“อย่าขอบคุณดิฉันเลยค่ะ ดิฉันก็แค่คนส่งสาร ถ้าคุณจะขอบคุณ ต้องขอบคุณพระมหากษัตริย์ของดิฉัน พระเจ้าอยู่หัวของดิฉันท่านทรงคิดริเริ่มแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงนี้ขึ้นมาค่ะ”
ตัวแทนสหภาพพยักหน้าด้วยสีหน้ายินดี พระราชากับพระราชินีหันมายิ้มให้กัน โซว์กับขิงก็หันมายิ้มให้กัน
พระราชาเดินมาตรงหน้าขิง
“ขิง...ไม่เพียงแค่ชาวมิดเวสที่ขอบคุณเจ้า เราและประชาชนทั้งประเทศของเราก็ต้องขอบใจเจ้าเช่นกัน” ขิงอึ้ง “เจ้าทำให้เราได้เรียนรู้ว่าการปกครองประเทศให้เจริญรุ่งเรื่อง ไม่ใช่เอาแต่แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายในประเทศ หากแต่คือการเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา เธอไปเรียนรู้วิธีการนี้มาจากที่ไหน”
“หม่อมชั้นไม่เคยเรียนจากที่ไหนเพคะ หม่อมชั้นใช้ความเป็นประชาชนของหม่อมชั้น จะมีใครเข้าใจจิตใจของประชาชน ดีไปกว่าประชาชนด้วยกันเองจริงมั้ยเพคะ”
พระราชายิ้มอย่างพอใจ ทำให้พระราชินี ขิง และโซว์อดยิ้มออกมาด้วยไม่ได้
รุ้งเดินออกมาที่สวนยามค่ำคืน
“พี่แก้วนะพี่แก้ว มืดค่ำแบบนี้ จะตามออกมาทำไมก็ไม่รู้ ไม่รู้หรือไงว่าการนอนดึกจะทำให้รุ้งกลายร่างเป็นหมีแพนด้าขอบตาคล้ำได้”
เสียงแก้วดังขึ้น “แต่ไม่ว่าน้องรุ้งจะเป็นคนหรือเป็นหมีแพนด้า รุ้งก็เป็นเจ้าหญิงที่เจ้าชายหลงวิก อย่างพี่อยากจะดูแลตลอดไป”
รุ้งหันไปตามเสียงแก้ว ก็เห็นแก้วใส่ชุดลิเกเต็มยศรำออกมาหารุ้ง
“เรานั้นเป็นเจ้าชายสืบเชื้อสายกษัตริย์
ด้วยหนึ่งใจกับสองพระหัตถ์จะขอมอบรักเพียงเจ้า (ลง)
ถ้าเจ้าหญิงยังไม่มีใคร ช่วยเก็บเราไว้พิจารณา”
รุ้งมองแก้วเขินๆแต่แอบขำ แก้วรำมาคุกเข่าต่อหน้ารุ้ง
“แต่งงานกับพี่แก้วนะ”
“ถ้าฉันไม่ยอมแต่งละ”
แก้วลุกขึ้น ร้องลิเก “ถ้าไม่ยอม ... พี่ก็จะปล้ำ ... เอย พี่ก็จะปล้ำเจ้าเสียตรงนี้” แก้วเข้าไปกอดรุ้ง
รุ้งผลักแก้วออก “บ้าหรอพี่แก้ว”
“ก็น้องรุ้งใจร้าย ไม่ยอมตอบตกลงแต่งงานกับพี่แก้วนี่”
“ชั้นก็แค่ลองใจพี่ดูเท่านั้นแหละ พี่แก้วรู้มั้ยที่จริงชั้นก็แอบปันใจให้พี่เศษหนึ่งส่วนล้านไปตั้งแต่ที่ชั้นโดนพี่หอมแก้วเมื่อคราวนั้นแล้วล่ะ” รุ้งเขิน “จนตอนนี้จากเศษหนึ่งส่วนล้านกลายเป็นเต็มล้านส่วนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วแบบนี้ชั้นจไปแต่งงานกับคนอื่นได้ยังไงล่ะ”
แก้วเข้าไปคุกเข่าและกุมมือรุ้ง “ถ้างั้นแต่งงานกับพี่แก้วนะ”
รุ้งเขิน “อืม”
แก้วเข้ามากอดรุ้งไว้ แต่รุ้งนึกอะไรบางอย่างออกก็ถามออกมา
“ นี่พี่แก้วแอบเอาชุดลิเกของยายขม ยายรู้หรือเปล่า เดี๋ยวก็โดยด่าเปิงกันหรอก”
“ยายขมไม่ว่าหรอก พี่ขอยืมยายมาแล้ว เพราะว่าไหนๆได้มานิวแลนด์ทั้งที พี่ก็เลยบอกยายขมว่าจะถือโอกาสทำเซอร์ไพรส์ขอรุ้งแต่งงานซะหน่อย อย่างน้อยรุ้งจะไม่ได้น้อยหน้าใคร และเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ลูกๆของเราฟังได้ไง”
รุ้งเขินหนัก
“ขอบคุณนะพี่แก้วที่อุตส่าห์ทำเพื่อชั้นขนาดนี้” รุ้งร้องไห้
แก้วตกใจ “อ้าวรุ้ง ร้องไห้ทำไม”
“ก็ชั้นดีใจนี่ มันคือความฝันของชั้นเลยนะที่จะถูกผู้ชายที่เรารักเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน” รุ้งปล่อยโฮ
“หยุดร้องนะ ถ้าไม่หยุดร้องพี่แก้วจะไม่ขอน้องรุ้งแต่งงานแล้วนะ”
รุ้งร้องไห้หนักกว่าเก่า แก้วขำแล้วเข้าไปกอดรุ้งไว้
“พี่แก้วล้อเล่น เอาอย่างนี้ละกัน กลับเมืองไทยเมื่อไหร่ พี่จะให้พ่อกำนันเก่งยกขันหมากมาสู่ขอน้องรุ้งกับยายขมเลยละกัน”
“พูดแล้วห้ามคืนคำนะ ไม่งั้นชั้นจะเผาพริกเผาเกลือแช่งพี่แก้วจริงๆด้วย”
แก้วชูนิ้วเป็นสัญลักษณ์เลิฟ “สัญญาจ๊ะ”
รุ้งหอมแก้มแก้วฟอดใหญ่ แก้วกอดรุ้งไว้มีความสุขกันเหลือเกิน
พัชรีกำลังเดินถ่ายรูปพระราชวังตอนกลางคืนอยู่
“เธอทำอะไรอยู่น่ะพัชรี” ปีเตอร์เดินเข้ามาถาม
“ถ่ายภาพพระราชวังในช่วงเวลากลางคืนเอาไว้เพื่อเอาไปประกอบตอนเขียน
สกู๊ปเส้นทางรักจนสู่พิธีอภิเษกสมรสอันลือลั่นของเจ้าชายโซว์กับขิงไง เพราะว่าพระราชวังในช่วงเวลากลางคืนก็แสนจะโรแมนติคจนทำให้บางทีเวลาที่พัชรีออกมาเดินเล่นก็เคลิ้มๆว่าตัวเองจะได้เป็นเจ้าหญิงและมีเจ้าชายมาเดินชมสวนชมดาวเคียงข้างกันเหมือนคู่ของเจ้าชายโซว์กับขิง แสนโรแมนตี๊ก โรแมนติค”
ปีเตอร์มายืนข้างๆ แล้วกระซิบข้างหู “แต่ถ้าไม่ใช่เจ้าชายแต่เป็นแค่องค์รักษ์คู่ใจของเจ้าชายได้ไหมล่ะ”
พัชรีเขิน แต่อยากแกล้งปีเตอร์ “ขอคิดดูก่อนได้ไหมอ่ะ”
ปีเตอร์โวยวาย “โถพัชรี จะคิดอะไรอีกล่ะ เราอุตส่าห์ยอมเจ้าชายโซว์จะไม่แต่งงานกับเจ้าตัดหน้าเจ้าชาย ทั้งๆที่ใจเราอยากแต่งงานกับเจ้าแทบแย่ นี่เจ้าชายก็กำลังจะอภิเษกสมรสกับคุณขิง มันก็สมควรจะถึงเวลาของเราบ้าง แล้วเจ้าจะมาขอคิดอะไรอีกล่ะ พัชรีจะทำให้เราเสียใจใช่ไหม พัชรีจะใจร้ายกับองค์รักษ์ผู้แสนดีอย่างเราได้ลงคอใช่ไหม”
พัชรีกระชากปีเตอร์มาจูบปาก ปีเตอร์ตาโตและหยุดพูดทันที
“หยุดพูดซะที เยอะจริงๆเลย ที่บอกว่าขอคิดดูก่อนก็แค่แกล้งเล่น ขอพัชรีทำเล่นตัวแบบนางเอกหนังไม่ได้เลยหรือไง เสียอารมณ์หมดเลย แล้วเมื่อกี้พัชรีพูดถึงแค่เรื่องเดินชมสวนชมดาวอันแสนโรแมนติค ไม่ใช่เรื่องแต่งงานซะหน่อย โววายมั่วนี้ปีเตอร์”
“เค้าขอโต๊ด ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าพัชรีจะมีอารมณ์แบบนี้บ้าง ปกติก็เห็นแมนๆลุยๆ” ปีเตอร์คิดบางอย่างออก “แต่เดี๋ยว เจ้าขอคิดแค่เรื่องเดินชมสวนชมดาวอันโรแมนติค แต่ถ้าเป็นเรื่องแต่งงานหรือเราขอเจ้าแต่งงาน เจ้าจะไม่ขอคิดดูก่อนใช่ไหม”
“เออ”
“อ้าว ทีนี้ไม่ตอบแบบหวานๆหน่อยหรอ”
“ไม่อ่ะ เดี๋ยวมีคนโวยวายจนเสียอารมณ์อีก”
ปีเตอร์กอดพัชรี “เยสสสสสส ถือว่าตอบตกลงแต่งงานกับเราแล้วนะ เสร็จพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าชายโซว์กับคุณขิงเมื่อไหร่ จัดงานแต่งงานของเราสองคนต่อเลยนะ”
พัชรีเขิน “อืม แต่มีข้อแม้ว่า ...”
ปีเตอร์ปล่อยพัชรีทันที “ข้อแม้อะไร อย่าบอกนะ ..”
พัชรีเอามือปิดปากปีเตอร์ “อย่าเพิ่งโวยวาย ฟังให้จบก่อน ก็แค่อยากขอว่าถ้าแต่งงานกันแล้วก็ให้พาพัชรีมาเดินชมสวนชมดาวรอบพระราชวังเวลากลางคืนบ้างก็แค่นั้นเอง ได้ไหมล่ะ”
ปีเตอร์ตอบเสียงอู้อี้
“อะไรอ่ะ ขอแค่นี้เอง ไม่เต็มใจตอบหรือไง หรือแค่นี้ทำให้ไม่ได้ เดี๋ยวพัชรีน้อยใจไม่แต่งงานด้วยเลยนะ”
ปีเตอร์รีบกระชากมือพัชรีที่ปิดปากออก
“ปิดปากอยู่แบบนี้ใครจะตอบได้ล่ะ แค่เจ้าขอเราก็ทำให้ได้เสมอและ จะออกมาทุกคืนหรือคืนละหลายๆรอบแต่ถ้าไม่พอใจจะจัดสวนเป็นห้องหอเลยก็ได้นะ”
“เยอะไปและ”
ปีเตอร์ยิ้ม “แต่งงานกับเรานะ”
พัชรีเขิน “โอเคค่ะ”
ปีเตอร์กอดพัชรีไว้
“เราชอบนะเวลาที่เราโวยวายแล้วเจ้าใช้วิธีเมื่อกี้ทำให้เราสงบลง”
“ต่อจากนี้ ไม่ต้องโวยวาย พัชรีก็จะใช้วิธีนี้กำราบท่านอยู่แล้วล่ะ”
ปีเตอร์หยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวในกระเป๋าออกมา “เราขอไม่สู้และยอมแพ้ราบคาบตรงนี้เพื่อให้เจ้ารู้ว่าต่อไปนี้เจ้าไม่ต้องเป็นคนกระชากเรามาจูบเพื่อกำราบเราแล้วเพราะจะเป็นเราที่คว้าเจ้ามาจูบเพื่อบอกว่าเราจะรักเจ้าทุกวันและจะรักตลอดไป”
ปีเตอร์คว้าพัชรีมาจูบ พัชรีเคลิ้มและกระดกขาขึ้นมาข้างหนึ่งแบบนางเอกหนังฝรั่ง
เสียงเคาะประตูห้องโซว์ดังขึ้น โซว์เดินมาเปิดประตูก็เห็นเป็นพระราชินี
“เสด็จแม่”
“แม่เข้าไปคุยได้มั้ย”
“ได้สิกระหม่อม”
โซว์จับแขนแล้วประคองพระราชินีเดินเข้ามาในห้องก่อนจะปิดประตู
“อีกไม่กี่วัน ก็จะถึงวันอภิเษกของลูกแล้ว”
“กระหม่อม”
พระราชินีนั่งบนเก้าอี้ โซว์คุกเข่าบนพื้น
“ซึ่งวันนั้นจะเป็นวันที่ขิงได้ก้าวไปสู่บทบาทใหม่ที่ยิ่งใหญ่ แม่อยากให้ลูกรู้ว่า...การที่สามัญชนคนหนึ่ง..ต้องขึ้นมาเป็นราชินีนั้นยากลำบาก เพราะเค้าต้องเจอกับปัญหาต่างๆมากมาย ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้รู้สึกทดท้อ สิ้นหวัง แต่สิ่งเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ก็คือคนที่อยู่เคียงข้าง” พระราชินีลูบหัวโซว์ “ลูกกับขิงต้องเป็นกำลังใจให้กันและกัน ลูกต้องห้ามมือปล่อยมือขิง แม้ว่าหนทางข้างหน้าจะมีอุปสรรคมากแค่ไหน แล้วแม่รับรองว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี”
“กระหม่อม..หม่อมชั้นจะกุมมือขิง ไม่มีวันปล่อยเด็ดขาด”
พระราชินียิ้มพอใจมากก่อนจะดึงโซว์มากอดแน่น
หลายวันต่อมา พระราชากับพระราชินี ยืนอยู่ตรงหน้าขิงกับโซว์ในชุดเต็มยศ
“หลังจากพิธีอภิเษกผ่านพ้นไป บัดนี้ลูกทั้งสองก็เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย” พระราชาพูด ขิงกับโซว์จับมือแล้วหันมายิ้มให้กัน “ลูกทำให้พ่อภูมิใจมาก และพ่อคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่พ่อจะสละราชบัลลังค์”
โซว์กับขิงตกใจสุดๆ
“ทำไมล่ะเสด็จพ่อ??!”
“ลูกและขิงได้พิสูจน์ทุกอย่างให้พ่อกับแม่เห็นแล้วว่าลูกคู่ควรกับบัลลังค์แห่งนี้” พระราชายิ้ม “ลูกทำให้พ่อเห็นว่าลูกโตเป็นผู้ใหญ่ มีความพร้อมที่จะครองบัลลังค์นี้ได้ และพ่อก็มั่นใจว่าเจ้าจะเป็นพระราชาที่ดี ที่รักประชาชนของเจ้า มากกว่าชีวิตของเจ้าเอง”
โซว์กับขิงจับมือและหันมายิ้มให้กัน
“เมื่อก่อนพ่อคิดว่าฐานันดรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด จนกระทั่งได้เห็นความรักของลูกกับขิง มันทำให้พ่อรู้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคนเรา หาใช่ยศฐาบรรดาศักดิ์ แท้จริงแล้ว รักแท้ต่างหากที่ขับเคลื่อนให้ชีวิตเราเดินหน้าไปด้วยความสุข”
โซว์คุกเข่าลงตรงหน้าพระราชาแล้วพูด
“หม่อมชั้นจะถวายงานรับใช้ประชาชน และจะทำให้ประเทศนิวแลนด์มีแต่ความสงบสุข ผู้คนจะมีแต่ความรักให้แก่กัน”
พระราชาพึงพอใจ เขาถอดมงกุฎบนหัวออกมาแล้วสวมให้โซว์ โซว์ลุกขึ้นยืน พระราชินีถอดมงกุฎออกมาแล้วหันมาทางขิง ขิงอึ้งๆ
“ส่วนเจ้าก็ต้องเป็นพระราชินีองค์ใหม่ของนิวแลนด์”
“หม่อมชั้นจะทำได้ใช่มั้ยเพคะ” ขิงอึ้ง
“เรามั่นใจว่าเจ้าทำได้ เพราะเคยมีหญิงสามัญชนอย่างเจ้าได้เป็นพระราชินีมาแล้ว”
ขิงกับโซว์มองหน้ากันไม่เข้าใจแล้วก็หันไปมองพระราชินีที่ยิ้ม พระราชาหันไปโอบพระราชินีเอาไว้ ทำให้โซว์กับขิงรู้ได้ในทันที
“สามัญชนคนนั้น คนที่เสด็จพ่อพูดถึง ก็คือเสด็จแม่??”
พระราชินีพยักหน้า โซว์กับขิงตกใจอีกหน
“เพราะเหตุนี้พระองค์ถึงเข้าใจหม่อมชั้นเป็นอย่างดี” ขิงเพิ่งเข้าใจ
“และคอยให้กำลังใจลูกกับขิงมาโดยตลอด” โซว์พูดต่อ
พระราชินียิ้มอ่อนโยน “ตั้งแต่วันแรกที่แม่เห็นขิง แม่เหมือนได้เห็นตัวแม่เอง และแม่ก็มั่นใจในทันทีว่าขิงจะสามารถเป็นพระราชินีแห่งนิวแลนด์ และทำให้ประชาชนชาวนิวแลนด์ยอมรับได้ในที่สุด”
ขิงกับโซว์มองหน้ากันด้วยความตื้นตัน
“ทีนี้ก็มั่นใจได้แล้วนะขิง” พระราชินีบอก
“เพคะ..หม่อมชั้นสัญญาว่าหม่อมชั้นจะเป็นราชินีที่ดีอย่างพระองค์ให้ได้”
ขิงคุกเข่าลงให้พระราชินีสวมมงกุฎ แล้วก็ลุกขึ้นยืน โซว์กับขิงหันหน้ามายิ้มให้กัน
หลายวันต่อมา โซว์กับขิงยืนอยู่ด้วยกันในชุดเต็มยศ สีหน้ามีความสุขกันทั้งคู่ มองออกไปเห็นประเทศนิวแลนด์ที่สวยงาม
“สิ่งที่เราดีใจที่สุดในวันนี้ ไม่ใช่การที่เราได้เป็นพระราชาของนิวแลนด์”
พูดจบโซว์ก็จับไหล่ขิงให้หันหน้ามา
“แต่คือการที่มีเธอ คนที่ชั้นรัก ยืนอยู่เคียงข้าง”
“ชั้นเองก็ดีใจ และมีความสุขที่สุดที่จะได้เดินไปพร้อมๆกับนาย ถ้านายล้ม ชั้นจะคอยประคอง ถ้านายทุกข์ ชั้นจะช่วยแบ่งปันความทุกข์นั้น ถ้านายเสียใจ ชั้นจะคอยปลอบใจ ไม่ทิ้งนายไปไหนอีกแล้ว เจ้าชายของชั้น” ขิงบอก
โซว์ยิ้มกว้าง แล้วก็หอมหน้าผากขิง ขิงหลับตาอย่างมีความสุข โซว์ผละออกมามองหน้าขิง ทั้งสองยิ้มให้กัน
“เจ้าหญิงของชั้น เธอจะเป็นหัวใจของชั้นตลอดไป”
“ชั้นก็รักนายเจ้าชายของชั้น”
สองคนกอดกันอย่างมีความสุขที่สุด ตราบเท่าที่ความรักยังอยู่คู่โลกใบนี้ เขาและเธอก็จะยังคงรักกันตลอดไป
จบบริบูรณ์