xs
xsm
sm
md
lg

แรงเงา ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แรงเงา ตอนที่ 4

คืนเดียวกันนั้นวีกิจกับกริบนั่งดูภาพในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คอยู่ในห้องวีกิจ มันเป็นภาพมุตตาที่ถ่ายที่ชายทะเล รูปแล้วรูปเล่า มีทั้งรูปกับอรพิม ทิพอาภา รูปกับประสิทธิ์ชัย รูปคู่กับวีกิจ

“แกแน่ใจนะว่าคลิปนั่นคือมุตตา”
“มันใช่อยู่แล้ว”
“ไม่น่าแปลกใจว่ะ ที่เธอเสร็จอาแกไปเรียบร้อย”
“ทำไมวะ”
“สวย ใส ซื่อเสียขนาดนี้ แถมนัยน์ตายังเศร้าซึ้งอีกต่างหาก”
“บริสุทธิ์”
“เฮ้ย อย่าเพิ่งแน่ใจ นั่นแค่ที่เขาแสดงให้แกเห็นที่ยังไม่เห็นอาจจะร้ายลึกก็ได้”
“แกไม่เคยไว้ใจผู้หญิงเลยเหรอวะกริบ”
“เพราะเคยไว้ใจไงถึงเจ็บมานักต่อนัก เฮ้ย เดี๋ยวนี้ให้ดูนางไม่ต้องดูแม่แล้วให้ดูมือถือ”
“ดูไปทำไมวะมือถือ”
“ถ้ามีหลายเครื่องหรือมีหลายซิม แสดงว่ารอบจัด เครื่องหนึ่งกับผัว เครื่องสองกับผัวกิ๊ก เครื่องสามกับผัวชู้ แล้วถ้ามีเครื่องสี่ เอ็งเอ๊ย...”
“ทำไม”
“ผัวทอมโว้ย” ทั้งสองหัวเราะร่า “เออ เห็นเอ็งหัวเราะได้ค่อยสบายใจหน่อย อย่าคิดมากเพื่อน”
“ขอบใจว่ะ”
“กลับแล้ว”
“เออ ไม่ส่งนะ ขี้เกียจ”
“ข้ารู้ ไอ้เลว”
กริบออกจากห้อง สร้อยคำเดินมาพอดี
“กลับแล้วเหรอจ๊ะ”
“ครับแม่”
สร้อยคำมองไปทางวีกิจ
“ตากิจเขาเป็นอะไรรึเปล่า วันนี้เห็นซึมๆ ไป”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เพื่อนทำเรื่องนิดหน่อย ลาล่ะครับแม่”
“จ๊ะ”
กริบแยกไป สร้อยคำมองลูกชายอย่างเป็นห่วง ก่อนแยกไปส่งกริบ

วีกิจยังคงมองรูปมุตตาในคอมฯ นิ่งงัน มีแววเจ็บปวดที่ปกป้องเพื่อนไม่ได้ ไม่ใช่ความอกหัก รูปสุดท้ายเป็นรูปมุตตาเดี่ยวๆ ดูงดงาม บอบบาง และดวงตาที่เศร้าสร้อย
“ตา ทำไมนะทำไม”

เช้าวันต่อมาวีกิจเดินมาตามทางเดินในกระทรวงสีหน้าสงบแต่แววตาเศร้าหมอง วีกิจเอากระเป๋าเอกสารวางในลิ้นชักโต๊ะทำงานแล้วเดินไปยังตู้เอกสารสูงที่ใช้แบ่งห้องเป็นส่วนห้องทำงานจึงดูว่างเปล่า ประสิทธิ์ชัยเดินมากับปริม
“นี่ คุณวีกิจว่ายังไงบ้าง”
“เรื่องอะไรฮะ”
“ก็เรื่องเริงสวาทหาดสมุยน่ะซีคะ”
ประสิทธิ์ชัยหัวเราะ
“ชื่อยังกะหนังสือโป๊ ก็ไม่เห็นมันว่าไงนี่ฮะ”
“ต๊าย นี่เป็นแฟนกันประสาอะไร แฟนไประเริงร่านกับอาตัวเองก็ยังเฉยๆ เหรอ ต๊าย หรือถือคติสมบัติผลัดกันชม”
วีกิจนิ่งอึ้งยืนเงียบอยู่
“ไอ้กิจกับคุณตาเป็นเพื่อนกันแค่นั้นล่ะฮะ”
“เพื่อนอะไร ไปรับไปส่งกินข้าวดูหนังกันทุกบ่อย ต๊าย ฉันรู้แล้ว”
“แสนรู้จริงโว๊ย”
“ฉันไม่ใช่หมา ฉันรู้แล้วยายมุตตาทำเป็นควงกับคุณกิจเพื่อตบตาคนไม่ให้สงสัยนางกับ ผ.อ.”
วีกิจสะอึกอึ้ง
“จริงง่ะ”
“ที่จริงน่ะฉันเห็นยายมุตตาทำลับๆ ล่อๆ กลับกับผ.อ.ตั้งหลายหน แต่ฉันคิดว่าหล่อนกินคุณกิจอยู่ก็เลยไม่สงสัยว่าหล่อนจะหันมากินผ.อ. นี่แล้วที่ฉันเห็นผ.อ.กระชากยายมุตตาไปฟัดจนห้องกาแฟสะเทือนน่ะก็เรื่องจริงนะยะ แต่นังนกโลกสวยนั่น สะตอเบอแหลปกป้องกัน”
“อ้าว เฮ้ย พูดดีๆ คุณนกของผมไปเกี่ยวอะไรด้วย”
“ก็คิดดูซี ขนาดเห็นคลิปจะๆ ขนาดนั้น ยังบอกว่าไม่ใช่”
“ก็มันชัดที่ไหน ภาพเบลอจะตายเห็นแค่เป็นสาวผมยาว”
“อย่ามาทำเป็นองครักษ์พิทักษ์เมียน้อยอีกคนเลย ฉันรู้ว่าคุณน่ะเชื่อ คุณกิจก็ด้วย เฮ้อ น่าสงสารคุณกิจ โดนหลอกใช้จนกินหญ้าแทนข้าวแล้ว”
วีกิจก้าวออกมา ประสิทธิ์ชัยร้องเฮ้ย ปริมร้องแหก
“ไม่ต้องสงสารผมหรอกฮะ เรื่องนี้มีคนน่าสงสารกว่าผมอีกหลายคน”
ปริมระงับสติอารมณ์ได้ ทำเชิดกลบเกลื่อน
“สงสารทำไมคะ คนทำผิดก็ต้องโดนสังคมประณามอย่างงี้แหละ”
“คนเราทำผิดได้ทุกคน ตอนเราทำผิดเราก็อยากให้คนเห็นใจเข้าใจ อยากให้คนให้อภัย แต่ทำไมพอคนอื่นทำผิด ทำไมถึงอยากเหยียบย่ำกันนักล่ะครับ”

วีกิจพูดช้าชัด ปริมค้อนขวับ

มุตตามาทำงานตามปกติและพยายามทำตัวเป็นปกตินั่งทำงาน รัชนกเอาเก้าอี้มานั่งใกล้พูดให้กำลังใจตาแป๋ว

“นกรู้ค่ะว่าต้องไม่ใช่พี่ตา เป็นแค่คนหน้าคล้ายเท่านั้น”
อรพิมเซ็ง ทิพอาภาเชื่อ แจงจิตนิ่งฟัง
“อย่าพูดเรื่องนี้เลยค่ะ”
“แหม แต่คนเขาก็เชื่อไปตั้งครึ่งค่อนกองแล้วนะคะ พี่ตาน่าจะทำอะไรบ้างเพื่อบอกว่าเราบริสุทธิ์”
“ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเลยดีไหมล่ะ” อรพิมประชด
“ไม่หรอกค่ะ ใครอยากพูดอะไรก็พูดไป พี่อยู่ของพี่เฉยๆ ดีกว่า”
“โอเค ฉันจะเชื่อเธอ ตกลงแค่คนหน้าเหมือนเท่านั้นนะตา”
“คนหน้าคล้ายค่ะ”
“โธ่เอ๋ยตา ถ้าตาปฏิเสธมาตั้งแต่ทีแรกก็คงไม่ลือสะพัดไปทั้งกระทรวงแบบนี้หรอก”
อรพิมรู้แน่แก่ใจ แต่ก็ยังเห็นแก่เพื่อน ทิพอาภาเชื่อหมดใจ รัชนกตาวาววูบ
“ก็ตาตกใจ แล้วก็ไม่รู้จะพูดยังไง”
“ก็ดี ทำตัวปกติใครมันอยากพูดอะไรก็ให้พูดไป ถ้าเธอดีจริง ความดีก็คุ้มเธอเอง แต่...”
“แต่อะไร”
“ฉันพูดแค่นี้แหละ”
แจงจิตเคาะฆ้องใบจิ๋วบนโต๊ะดังผ่าง ทุกนางผวา
“อ้าว เห็นแก่ประชาชนผู้เสียภาษีหน่อยจ้ะ เลิกเม้าท์มอยได้แล้ว”

ช่วงพักกลางวัน มุตตา ทิพอาภา อรพิม เดินเข้าไปในโรงอาหาร ผู้คนโดยรอบมองมุตตาเป็นตาเดียวและเริ่มซุบซิบ บุ้ยบ้ายสะกิดกัน มุตตาตัวชาฝืนทำหน้าปกติก้าวเดินอย่างลำบาก ปริม ประสิทธิ์ชัย รัชนก เลือกซื้ออาหารอยู่ ปริมเหลือบมาดู
“อุ๊ย มียำเมียเบื่อด้วย”
“ค่า ยำมะเขือยาวค่ะ”
“แล้วยำเมียเผลอล่ะ มีไหมคะ ป้า”
“ไม่มีค่ะ เกิดมาจากไข่พ่อท้องแม่ก็ไม่เคยได้ยิน”
“ก็พอเมียเขาเผลอก็เลยไปยืมผัวเขามาใช้ไงคะ”
มุตตานิ่งอึ้ง
“ยังงั้นมันยำเมียน้อยแล้วล่ะค่ะ คุณขา”
“อุ๊ยจริงด้วยค่ะ ยำเมียน้อย ทำขายซีคะ พวกเมียน้อยแถวนี้จะได้รับประทานเป็นอาหารหลัก”
มุตตาตัวชา อรพิมก้าวมามองจานข้าวปริม
“แล้วเธอล่ะกินอะไร”
“มะระผัดไข่ ทำไม”
“อย่างเธอน่าจะกินยำมะระมากกว่า มีไหมป้า ยำมะระ”
“มันขมค่า หาคนกินเป็นยาก”
“มีซีป้า มะระยำเหมาะกับคนระยำ แถวๆ นี้” ปริมเต้นเร่าๆ
“ว้าย แกว่าใคร”
“สงสัยจะว่าคุณนะแหละ มะระยำ”
ประสิทธิ์ชัยบอก รัชนกกลั้นหัวเราะ ปริมตาวาวก้าวมาประจันหน้ามุตตา อรพิม
“เชอะ พวกพันธมิตรเมียน้อย”
รัชนกเข้าขวาง
“อย่าเลยค่ะ อย่ามีเรื่องกันเลย”
วีกิจก้าวมาทำท่าเหมือนไม่รู้ว่ากำลังมีเรื่อง
“อ้าว อยู่กันครบเลย สั่งอะไรหรือยังฮะ ถ้ายังไม่สั่งออกไปกินอะไรกันข้างนอกดีกว่า คราวนี้ผมเลี้ยง”
ปริมแทบปาจานข้าวในมือทิ้ง ประสิทธิ์ชัย รัชนกมองจานในมือตน
“ต๊าย ดีค่ะ กินแถวนี้มันมีมลพิษ” อรพิมบอก
“ไปฮะ คุณตา”
“ขอบคุณค่ะ คุณกิจ”
มุตตามองวีกิจอย่างซาบซึ้ง วีกิจยิ้มปลอบใจ วีกิจแตะแขนมุตตา อรพิม ทิพอาภาออกไป บรรดาคนซุบซิบเห็นท่าทีวีกิจเหมือนเดิมกับมุตตาก็ซุบซิบกัน เริ่มคิดว่าเป็นแค่คนหน้าคล้าย

นพนภาหิ้วถุงพะรุงพะรังเข้ามา แต้วกับยายแหวงกำลังจัดโต๊ะกินข้าว
“เอ้า มารับของหน่อยซียะ ฉันไม่ได้มีสี่หน้าแปดมือนะ”
“ค่ะ นั่นมันเจ้าแม่กาลีค่ะ”
“ถุงนี้ไม่ต้องแกะของบ้านโน้น ถุงนี้ของบ้านเรา อ้อ ยังไงก็ให้ลูกให้ผัวฉันกินก่อนนะ ไม่ใช่เอาไปงุบงิบกินกันหมด”
ยายแหวงรับถุงไป พลางเชิดใส่
“พิลึกจริง”
“อะไร แกว่าอะไรฉัน”
“ไม่ได้ว่าคุณผู้หญิงค่ะ แต่หนูกำลังจัดของเข้าตู้เห็นสลิปนี่”
แต้วส่งสลิปซุปเปอร์มาร์เก็ตให้
“ทำไม”
“ก็ของที่คุณผู้ชายซื้อมาจากชะอำน่ะซีคะ ทั้งหอยเสียบ หอยดอง หอยแห้งทำไมมันมีสลิปโลตัสสมุยด้วย”
นพนภาขมวดคิ้ว

สร้อยคำนั่งปอกผลไม้ลงแช่น้ำเกลืออยู่ที่โต๊ะสนาม นพนภาถือถุงเดินเข้ามา
“อะไรคะนั่น”
“แกงเผ็ดเป็ดย่างพุทราแดงค่ะ เห็นว่าแม่ค้าเป็นชาววังตกยาก”
“วังไหนล่ะคะ”
“วังไหนก็ไม่รู้ค่ะ แต่คงไม่ใช่วังที่หม่อมเอาดีดีทีใส่กาแฟให้ท่านชายกินหรอกค่ะ”
“แหม คุณนภา ศาลบอกว่าเขาไม่ได้ทำนะคะ”
“นี่ตากิจยังไม่กลับหรือคะ”
“ยังค่ะ”
“หรือว่าไปขลุกอยู่กับหนูมุตตา พี่สร้อยโชคดีนะคะที่มีว่าที่สะใภ้เรียบร้อยเป็นเบญจกัลยาณีเหมือนทะลุกระจกมาจากยุค ร.5 แบบนี้”
“โธ่ ตากิจกับหนูตาเป็นแค่เพื่อนค่ะไม่ได้เป็นแฟนกัน”
นพนภางง
“อ้าว แล้วทำไมภพถึงได้ยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าหนูตาเป็นแฟนตากิจ”
“คุณภพก็ไม่รู้เหมือนกันมั้งคะ เห็นตากิจว่าหนูตามีแฟนแล้วเป็นหนุ่มใหญ่อะไรซักอย่าง”

“ตากิจนะตากิจ ทำยังไงปล่อยให้หลุดมือไปได้เลยเสร็จตาแก่ไปอีกคนแล้ว”

คืนนั้นขณะอยู่ในห้องนอน เจนภพกดรายชื่อในเมนูติดต่อของโทรศัพท์ ชื่อแจงจิต 1 ปรากฏขึ้น เจนภพถอนใจพิงพนักเตียง นพนภาใส่ชุดนอนนั่งเช็กหน้าตัวเองอยู่หน้ากระจกเงา
“ต๊าย หย่อนอีกแล้ว ต้องไปนัดจิ้มอีก” นพนภาอารมณ์เสีย “นี่ คุณ”
“อะไร”
“เรื่องยายมุตตาน่ะ มันยังไง” เจนภพสะดุ้งสุดตัว มือถือหลุดมือกระเด็นตก นพนภาลุกไปเก็บเอามาดู “อะไร จะโทรหายัยเลขาหน้าปลาแห้งนี่ทำไมอีก เอ๊ะ ยังไงกันนี่ หรือว่าร้อยก้นเอามันเป็นพวกแล้ว มันถึงหลบหน้าฉัน ไม่ยอมรายงานอะไรเลย”
“บ้าน่ะ”
“เมื่อกี้ฉันพูดอะไรอยู่ อ๋อ เรื่องยายมุตตาวันนี้ฉันไปคุยกับพี่สร้อย พี่สร้อยบอกว่า นายกิจกะยายมุตตาไม่ได้เป็นแฟนกัน”
“อ้าว ผมจะไปรู้ได้ยังไง ไม่ได้คอยตามก้นอยู่นี่ก็เห็นยังจี๋จ๋ากันจะตายเลิกกันแล้วหรือ”
“ไม่ใช่แค่เลิก นังเด็กนั่นยังมีผัว เอ๊ย มีแฟนไปแล้ว”
เจนภพกลืนน้ำลาย
“อ้อ เหรอ เพิ่งรู้นะนี่”
“เห็นว่าไปเสร็จไอ้แก่หัวงู หัวพญานาคที่ไหนก็ไม่รู้” เจนภพอึ้ง นพนภารื้อหาเครื่องนวดหน้าคว้าขึ้นมา “เฮอะ ไม่เห็นมันจะได้ผลจริงซักอย่าง”
นพนภากดปุ่มไฟชอร์ตพรึ่บ ควันขึ้นเป็นสาย นพนภาร้องลั่นด้วยความตกใจ

รถวีกิจแล่นมาตามถนนในเวลากลางคืน วีกิจขับรถไปอย่างช้าๆ มุตตานั่งนิ่งเงียบมองดูนอกหน้าต่าง
“คุณตา ทำไมนั่งเงียบเชียว”
มุตตามองวีกิจ วีกิจยิ้มนิดๆ ให้กำลังใจ แต่มุตตากลับยิ่งละอาย หลบตา
“ตากำลังคิดอะไรอยู่น่ะค่ะ”
“เรื่องอะไรฮะ”
“เอ้อ”
“ถ้าเป็นเรื่องข่าวลือ อย่าไปสนใจมันเลยฮะ คนที่นี่ชีวิตมันจืดชืดเป็นรูทีนก็เลยต้องหาเรื่องกอสซิป เรื่องไม่เป็นเรื่อง มาทำให้ชีวิตมันตื่นเต้นเป็นวันๆ อีกหน่อยเขาก็ลืมฮะ” มุตตาฝืนยิ้มวีกิจมอง “เพียงแต่ ต้องไม่มีเรื่องอะไรมาเติมเชื้อให้ไฟข่าวลือมันโหมกระพือขึ้นมาอีกก็พอ” มุตตาตัวชาเมื่อแน่ใจว่าวีกิจก็รู้และกำลังเตือนให้หยุด “ให้มันเป็นแค่ข่าวลือ เรื่องหนึ่งของกอง แค่นั้นก็พอ”
มุตตาเบือนหน้าไปมองนอกรถเพื่อซ่อนน้ำตา

รถวีกิจแล่นมาจอดที่ลานหน้าหอพัก วีกิจขยับตัวทำท่าจะลง มุตตาร้องห้าม
“ไม่ต้องลงไปส่งหรอกค่ะ ดึกมากแล้ว” วีกิจดูนาฬิกา
“จริงด้วยซีฮะ”
“คุณกิจคะ ขอบคุณค่ะ”
“เรื่องอะไรฮะ เรื่องเลี้ยงข้าววันนี้น่ะหรือ”
วีกิจแกล้งพูด มุตตายิ้มเศร้าๆ
“สำหรับทุกอย่างที่คุณทำให้ตา”
“เพื่อนก็มีไว้เพื่อการนี้ไม่ใช่หรือฮะ”
“ค่ะ ขอบคุณอีกครั้ง”
“โธ่ เพื่อนกันเขาไม่มาขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำอีกหรอกฮะ”
“สวัสดีค่ะ”
มุตตาเปิดประตูรถ
“ผมจะมารับคุณตา ตอนเจ็ดโมงนะฮะ”
มุตตาชะงัก แล้วตัดสินใจตอบออกมาว่า
“ไม่ต้องค่ะ อย่าลำบากเลยนะคะคุณกิจ”
“โธ่ ผมไม่ลำบากซักหน่อย”
“ตาพูดจริงๆ ค่ะ ตาไม่อยากรบกวนคุณอีกแล้ว” วีกิจอึ้งไป มุตตาวิงวอน
“ฮะ พรุ่งนี้ผมจะไม่มารับคุณตา แต่วันอื่นผมไม่รับปาก หวัดดีฮะ”
มุตตาลงจากรถ วีกิจโบกมือลา กลับรถออกไปมุตตามองตาม
“ผ.อ.หลอกใช้คุณ แต่ตาจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ คุณกิจ”

วันต่อมา เนตรนภิศ รัชนก แจงจิต นั่งอยู่ในร้านขนมไฮโซแห่งหนึ่ง
“นี่ยังไงจ๊ะแม่นกรู้ เรื่องมุตตากับ ผ.อ.อย่าบอกนะว่าเธอก็เชื่อเรื่องคนหน้าคล้ายด้วย” แจงจิตถามรัชนก
“คุณแจงคะ ใครจะไปเชื่อ ใครที่ไหนมันจะหน้าคล้ายทีเดียวเป็นคู่คะ”
“แล้วที่เธอบอกคราวก่อน”
“นกก็โดนพี่ตาหลอกเหมือนกับทุกคนนั่นแหละค่ะ”
“ฉันก็เห็นเธอยังปกป้องมุตตาอยู่”
รัชนกยิ้มอ่อนๆ น้ำตาคลอ
“ก็นกสงสารพี่ตานี่คะ พี่ตาเป็นคนดีแต่ถูก ผ.อ.หลอกลวง พี่ตาพลาดไปแล้วแต่ถ้าเธอกลับตัวทัน ก็อาจจะไม่เกิดเรื่อง นี่ข่าวก็ยังไม่ไปถึงหูคุณนพนภา ถ้าพี่ตากับ ผ.อ.เลิกกัน ทุกอย่างก็คงเงียบไปเอง”
เนตรนภิศนั่งฟัง หน้าเปลี่ยนไป
“เรื่องอะไร”
“หือ ทำไมหรือคะ คุณนภิศ”
แจงจิตถาม เนตรนภิศได้สติ ยิ้มอ่อนหวาน
“ค่ะ เรื่องอะไรจะให้พี่นภารู้ ถ้ารู้เข้าล่ะก็รับรองกองคุณแจงจิตถล่มรับปี 2012 แน่”
“ค่ะ ดีจังที่คุณนภิศยังไม่บอกเรื่องนี้กับคุณนภา แต่ก็ไม่รู้ว่าอีอุบาทว์คนไหนมันเป็นคนถ่ายคลิปแล้วส่งมานะคะ”
เนตรนภิศกับรัชนกเกือบสะดุ้ง แต่ยิ้ม
“นั่นน่ะซีคะ”
“เฮ้อ งั้นดิฉันขอตัวกลับก่อนดีกว่าค่ะ”
แจงจิตล่ำลาแล้วลุกเดินออกไป เนตรนภิศมองรัชนก
“นี่ยังไง ที่เธอพูดเมื่อกี้ฉันเกือบเชื่อนะยะ” รัชนกเอียงคอยิ้มตาแป๋ว “แหม พอคลิปออกไปฉันคิดว่าจะเกิดเหตุสะเทือนเลื่อนลั่น ที่ไหนได้เงียบเป็นเป่าสาก ก็เพราะนายพี่ชายเธอน่ะแหละถ่ายมายังไง มีแต่ภาพเบลอๆ”
“คุณนภิศคิดอย่างงั้นหรือคะ”

“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันว่าให้นังพี่สาวฉันเริ่มระแคะระคายได้แล้วล่ะ ตอนนี้เสวยสุขอยู่บนวิมานนานไปแล้ว”

นพนภายืนอยู่ริมหน้าต่างกว้างมองเห็นท้องฟ้ามีเมฆลอยล่อง แล้วขยับตัวเดินสอดส่ายสายตาก้าวไปเผยให้เห็นว่าที่เธออยู่เป็นบ่อนพนันขนาดกลาง
 
ในห้องกว้างมีโต๊ะพนันหลากชนิดกระจายอยู่ตั้งแต่ป๊อกเด้งไปจนถึงแบกการ่า คนเล่นมีทั้งคนรวยและชนชั้นกลาง ทุกคนหน้าดำคร่ำเครียด นพนภามองไปยังโต๊ะหนึ่งตาวาวแล้วก้าวไป

ที่โต๊ะไพ่ มีชายวัย 40 ปีท่าทางผีพนันเข้าสิงกำลังเสียหมดหน้าตัก เจ้ามือกำลังรวบชิปดึงไป
“โธ่โว๊ย วันนี้ทำไมถึงซวยอย่างงี้วะ จะซวยกว่านี้อีกไหมนี่ เว๊ย เฮีย” สมศักดิ์หมุนเก้าอี้จะลุกจากโต๊ะเห็นนพนภายืนจ้องอยู่ สมศักดิ์ผงะตกเก้าอี้รีบตะกายลุก “คุณนภา”
“มาซุกหัวอยู่ที่นี่ คิดว่าหลบฉันพ้นหรือ”
“โธ่ คุณนภา ผมไม่ได้หลบหน้า ที่ผมมาอยู่นี่ก็เพื่อหาเงินไปให้คุณนภาน่ะแหละ”
“อุ๊ย เจริญแล้ว มาหาเงินในบ่อน ไงยะ แล้วได้พอกพูนขึ้นมากี่หมื่นกี่แสนแล้วล่ะ”
เริ่มมีบรรดาชาวบ่อนมองดู นักเลงคุมบ่อนก็ขยับมา แต่มาดของนพนภาทำให้ยังไม่กล้าทำอะไร สมศักดิ์อับอายจนโกรธ เสียงแข็ง
“ไม่ได้ มีแต่เสียยุบเสียยับ”
“ก็แปลว่า แกไม่มีเงินมาใช้หนี้ฉัน”
นพนภามีแววสมใจ สมศักดิ์ฮึดฮัด
“ก็มันไม่มีจะให้ทำยังไง”
“ทำยังไงหรือก็ง่ายๆ ก็แค่แกกับวงศาคณาญาติก็ขนของออกไปจากที่ได้แล้ว”
“ไม่ ไม่ไป”
“นี่แกจะลองดีกับฉันหรือ ฉันบอกไว้ก่อนนะใครคิดจะมาเอาเปรียบฉัน ฉันไม่มีวันปล่อยให้อยู่เป็นสุขหรอก”
นพนภาตาวาว สมศักดิ์อึ้ง นักเลงคุมบ่อนก้าวมา
“คุณนายครับ”
“ทำไม”
“คุณประพงส์ขอเชิญคุณด้านในครับ”

ที่ห้องรับรองหรูหราราวห้องสวีทโรงแรมห้าดาว นพนภาก้าวมา นักเลงคุมบ่อน 2 คนตามมา นพนภามีท่าทีระแวดระวัง ที่โต๊ะทำงานหรูเห็นเก้าอี้พนักสูงหมุนมา ชายวัย 35 ปีแต่งตัวหรูเนี้ยบหน้าตาดีลุกขึ้นยืน เห็นร่างสูงสง่าก้าวมายิ้มต้อนรับนพนภา นพนภายิ้มตอบ
“สวัสดีครับ คุณนพนภา ที่นี่ยินดีต้อนรับครับ”
“นี่คุณรู้จักฉันด้วยหรือคะ”
“ในแวดวงสังคมกรุงเทพฯ มีใครบ้างไม่รู้จักคุณนพนภา”
“ก็เหมือนกับในแวดวง เอ้อ นักเล่น ไม่มีใครไม่รู้จักคุณประพงส์”
“นี่ผมก็พยายามโลว์โปรไฟล์ที่สุดแล้วนะครับ เชิญนั่งก่อนครับ” ประพงส์พานพนภามานั่งลงที่ชุดรับแขกหลุยส์ “คุณนพนภาแวะมา มีอะไรให้ผมรับใช้”
“ดิฉันขอโทษนะคะที่เข้ามา เอ้อ เสียงดังนิดหน่อยในบ่อน เอ๊ย ในที่ของคุณ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องหนี้เรื่องสินผมเข้าใจดี”
“ขอบคุณค่ะที่เข้าใจ” นพนภามองดูรอบๆ “ที่นี่ตกแต่งสวยจังนะคะ แต่ทำเลออกจะไกลไปหน่อย”
“คุณนพนภามีอะไรแนะนำผมไหมล่ะครับ”
“แหม เรื่องนี้คงต้องคุยกันยาวน่ะค่ะ”
“ไม่ว่ายังไงผมก็ยินดีที่ได้รู้จักคุณนพนภา ต่อไปเราอาจได้ทำธุรกิจร่วมกัน”
“ยินดีเช่นกันค่ะ ฉันเองก็มีเรื่องต้องอาศัยความชำนาญของคุณเหมือนกัน”
นพนภายื่นมือมาให้ประพงส์จับ ประพงส์จับอย่างสุภาพ ประพงส์ยิ้มแต่ดวงตานั้นเย็นนิ่งราวอสรพิษ

รัชนกนั่งพิมพ์งานอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง ปริมแต่งตัวฟู่ฟ่ายิ่งกว่าทุกวันเดินหน้าเข้มมานั่งลงที่โต๊ะนักรบ เลอลักษณ์ ฉกรรจ์นั่งคุยกันอยู่
“ต๊าย วันนี้เพื่อนสาวสวยมาก”
“หน้าวูบเหมือนยังกะคาบูกิ”
“ชื่อเทรนด์ใหม่จากเกาหลีเหรอ”
“อุ๊ยไม่ใช่ เป็นเทรนด์คลาสสิคจากญี่ปุ่น” นักรบ เลอลักษณ์ ฉกรรจ์กลั้นหัวเราะ “นี่ครีมตัวใหม่ที่ให้ฉันทดลองใช้น่ะ เห็นผลเกินคาด”
“อ๋อ ครีมน้ำแตกซ่าน”
“จริงนะฮะ ใช้แล้วผัวรักผัวหลง”
“หลงไปที่อื่น บ้านช่องไม่กลับหรือเปล่า”
สามนางหัวเราะกันอีก ปริมค้อนขวับทั้งที่ปกติคงด่าแล้ว
“ครีมนี่ ใช้ไปแค่วันเดียว เมื่อวานจู่ๆ คุณกิจก็ไปส่งฉันถึงบ้าน ทั้งๆ ที่บ้านอยู่คนละทิศคนละทาง ห่างกันตั้งโยชน์”
“อ้าว ก็เมื่อวานคุณกิจไปงานศพแถวนั้นไม่ใช่หรือยะ”
“หาเหตุมากกว่า”
“ถ้าเชื่อแบบนั้นแล้วมีความสุขก็ตามสบายเถอะค่ะ”
“คุณกิจคงตาสว่างแล้วว่าใครน่ะ มีคุณค่าจริงๆ”
ปริมอยู่ในภวังค์รัก รัชนกเหลือบมองแล้วยิ้มประหลาด ดวงตาแพรวพราว

ปริมประจงเติมหน้าอยู่หน้ากระจก ห้องส้วมเปิดออกรัชนกออกมา
“อุ๊ย พี่ปริม”
“อ้อ” ปริมเชิดใส่ รัชนกก้าวมาล้างมืออย่างขลาดๆ เหลือบมองดูปริม ลังเล แล้วตัดสินใจพูด
“พี่ปริมคะ”
“อะไร”
“นกอยากขอโทษพี่ปริม เรื่องที่นกโกหกวันนั้น เรื่องผ.อ.กับพี่ตา”
“ฮึ แล้วจะมาขอโทษอะไรฉันป่านนี้ยะ”
“ก็นกไม่สบายใจเลยค่ะที่โกหก”
“ต๊าย นางงามสามมงกุฎ”
“แต่ว่าพี่ปริมอย่าพูดไปนะคะ นกว่าเรื่องนี้คงจบลงด้วยดีน่ะค่ะ พี่ตากับผ.อ.เลิกยุ่งเกี่ยวกันแล้ว พี่ตาตาสว่างแล้ว”
รัชนกยิ้มแย้ม พูดดี ทำดี
“ฮึ”
“นี่พี่ตาก็ทำท่าว่าจะหันไปคบคุณกิจใหม่”
“อะไร นี่ก็ห่างกันเลิกไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วไม่ใช่หรือ”
“ไม่รู้ซีคะ แต่พี่ตาบอกนกเองว่าเธอจะสานสัมพันธ์กับคุณกิจใหม่ คุณกิจเองก็คนรุ่นใหม่ไม่สนใจเรื่องที่แล้วไปแล้วค่ะ”

ปริมหน้าเย็นชาหมุนลิปสติกเก็บ รัชนกยิ้มตาแป๋ว
 

แรงเงา ตอนที่ 4 (ต่อ)

นพนภานั่งเอกเขนกบนโซฟากำลังพูดโทรศัพท์มือถือ นพนภาหน้าตาบูดบึ้งใส่อารมณ์

“อ้าว ก็แกไม่ใช้หนี้ฉันมาเกินสามเดือน ฉันก็ต้องยึดที่แกไว้ซียะ...ไม่ต้องมาอ้าง ถ้าที่แกมีราคาขนาดนั้น ทำไมถึงมากู้ถูกนักล่ะ ช่วยไม่ได้” นพนภากดปุ่มตัดการติดต่อ หน้ายิ้มละไม “ถ้ามันไม่ยอมออกจากที่ สงสัยต้องพึ่งคุณประพงส์แล้ว” แต้วกำลังปัดกวาดเช็ดถู ทำตาปริบๆ มองนพนภา “มองอะไรยะ”
“เปล่าค่ะ ดูละครค่ะ นังตัวร้ายมันเปลี่ยนอารมณ์เร็วเหลือเกินค่ะ”
“แล้วไป”
มีสัญญาณข้อความเข้า
“อะไรอีกล่ะ เม็ดเสท เม็ดแสดอะไรอีก”
นพนภากดปุ่มภาพในมือถือเป็นคลิปเบลอของเจนภพกับมุตตา นพนภาชะงักดวงตาเบิกกว้าง แต้วหยุดมือมองดู
“คุณผู้หญิงขา เป็นอะไรคะ”
นพนภาร้องวี๊ดออกมาสุดเสียง
ปริมลดโทรศัพท์ลง พลางแย้มยิ้มสมใจ

นาฬิกาในห้องโถงบอกเวลา 23.00 น. เจนภพหิ้วกระเป๋าเอกสารเข้ามาเงียบๆ ทันใดมีของปลิวหวือมา เจนภพร้องอุทานเบี่ยงตัวหลบของชิ้นนั้นลอยเลยไปกระทบฝาผนังด้านหลังแตกกระจาย เจนภพมองไปเห็นนพนภายืนเด่น
“นี่ เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะ”
“เออ เป็นบ้า ฉันเป็นบ้าไปแล้ว”
“ทำไม เกิดอะไรขึ้น”
“อยากรู้เหรอว่าเกิดอะไรขึ้น งั้นดู ดูให้เต็มตา ต่อ ลูก”
เจนภพมองไปเห็นต่ออยู่หน้าทีวีจอยักษ์ มองเจนภพอย่างรังเกียจ ต้องนั่งเอนบนโซฟาเหมือนรอดู ต่อกดปุ่ม
ภาพบนจอทีวีกลายเป็นภาพคลิปเบลอๆ ของเจนภพและมุตตา เจนภพตกตะลึงพรึงเพริด นพนภาตาวาวก้าวมาใกล้
ภาพบนจอดำเนินไป ต่อเบือนหน้าหนีอย่างขยะแขยง ต้องทำท่าเจนโลกมองดูแต่แล้วก็ถอนใจเมินไป ที่หัวบันได ต้อมมองดูผ่านลูกกรงตาเหลือก ที่หลังไซด์บอร์ด แต้วกับยายแหวงชูคอดู
เจนภพคอแข็งสมองทำงานหนัก นพนภายิ้มเยาะ ภาพในคลิปจบลงเห็นหน้าเจนภพเป็นภาพฟรีซ
“ไงคะ ชัดไหม หรือว่าจะเพลย์วนอีกรอบ”
“ไอ้ต่อ พอได้แล้ว”
ต่อเชิดใส่
“ไหน คุณจะว่ายังไง”
เจนภพยักไหล่ เดินไปนั่งบนโซฟาดึงเน็คไท ต่อขยับหนี ต้องเอามือเท้าคางดูพ่อ
“โธ่เอ๋ย คิดว่าอะไร”
นพนภางงไปนิดหน่อยกับท่าทีเจนภพ เดินตามติด
“อะไร อีนังนี่มันเป็นใคร”
“โธ่คุณ ก็จะใครซะอีกล่ะ”
“ใคร อีหน้าด้านที่ไหนอีก”
“ก็ยายวิมาลาไง”
“อีแม่ชีคัพดีน่ะเหรอ แล้วทำไม ยังไง”
“เมื่อเดือนก่อน ยายวิมาลาติดต่อมาโอดครวญอยากเจอผม แต่ผมไม่ยอมไปเจอ จากนั้นก็โทรมาหาผมบอกว่าเดือดร้อน อยากขอเงินซักแสนนึง”
“มันจะเอาไปบวชอุบาสิกาแก้วเหรอ”
“ผมบอกไม่มี ยายวิมาลาก็ฟิวส์ขาดบอกจะเอาคลิปมาแฉผม ผมไม่สนใจจากนั้นก็มีคลิปนี่ไปโผล่ทุกคอมในกอง”
นพนภาเชื่อเกินครึ่ง โทสะลดลง
“แต่นี่มันคลิปแอบถ่ายนี่”
“ใช่ แปลว่ายายนี่วางแผนจะแบล็คเมล์ผมมาตั้งแต่แรกแล้ว”
“ต๊าย นังแม่ชีอุบาทว์ คราวนี้ต้องไม่ใช่แค่ตบ ต้องเอามันเข้าคุกให้เข็ด”
เจนภพทำทอดถอนใจ นพนภามองอย่างหมั่นไส้
“เรื่องมันจบไปตั้งนานแล้วช่างมันเถอะคุณ”
“สมน้ำหน้า หาเรื่องใส่ตัวเองดีนัก แหม อีแม่ชีเรยาสิบแปดมงกุฎ มันกล้าส่งคลิปมาเยาะเย้นฉัน ฉันจะทำยังไงกับมันดี”
เจนภพลอบยิ้ม ลุกขึ้นมาใกล้
“นภา ผมเข็ดแล้วกับผู้หญิงพวกนี้ ผมไม่ไปยุ่งกับใครอีกแล้วจริงๆ”
เจนภพโอบ นพนภาสะบัด
“ไม่ต้องมาถูกตัวฉัน ฉันขยะแขยง”
นพนภาเดินหนีขึ้นชั้นบน เจนภพรีบตาม ต่อกับต้องมองตาม
“ต๊าย แม่นี่หลอกง่ายจัง”
“อะไร” ต่อถามอย่างไม่เข้าใจ
“ถึงมันจะเบลอ แต่ก็เห็นว่านังคนนี้แค่คัพบีนะซี” ต่อตาวาวขยับตัว “นี่ แกอย่ามาทำเป็นผู้ช่วยนางเอกนักเลย ให้แม่สงบๆ บ้างเถอะ”
ต่ออึ้ง แต้วกับยายแหวงออกมาเก็บกวาดเศษแจกัน
“เวร นี่แจกันราชวงศ์ซ้องเชียวนะป้า”
“จะราชวงศ์ซ้องหรือซ่อง มันก็เศษขี้ดินเหมือนกันหมดแหละแก”
ต้องกลับเข้ามาในห้อง เสียงทะเลาะของพ่อแม่ยังดังแว่วเข้ามา ต้องปิดหูอย่างรำคาญแล้วเปิดเพลงดังลั่นห้องเดินไปหยิบกล่องใส่เม็ดยาที่ซ่อนไว้ซอกตู้ หยิบมาทาน แล้วเริ่มเต้นเมามัน
ส่วนที่ห้องต่อ ห้องค่อนข้างมืดต่อวิดพื้นอยู่ในห้อง เปลือยท่อนบน เสียงพ่อแม่ทะเลาะกันแว่วมา ต่อวิดพื้นจนเหงื่อโทรมร่าง จอคอมมีเสียงคนเข้ามาออนไลน์ ต่อไปนั่งหน้าคอมฯ เปิดหน้าจอเป็นหนุ่มหน้าตาดีเปลือยท่อนบนเช่นกัน กล้ามงามไม่แพ้กัน
“หวัดดีครับ แอนโนนิมัส”

ต่อค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมากับหนุ่มคนนั้นอย่างพึงใจ

วีกิจนอนบนเก้าอี้นอน ยกรีโมทปิดโทรทัศน์ สร้อยคำกับบัวหันมาจากหน้าต่าง

“สงบแล้ว”
“อะไรอีกล่ะฮะ”
“มีคนส่งคลิปนายภพกะนังอะไรอีกแล้วก็ไม่รู้มาให้ แม่นภาก็เลยร้องกรี๊ดๆ มาตั้งแต่หัวค่ำ”
“คลิปหรือฮะ”
“แกรู้เรื่องบ้างหรือเปล่าลูก”
“เรื่องบางเรื่องผมก็ไม่อยากรับรู้เลยฮะแม่”
วีกิจขรึมลง สร้อยคำรู้ว่ามีอะไร แต่ก็ตัดสินใจไม่ถาม

วันต่อมาที่ร้านเสริมสวยใต้ถุนหอพักเล็กๆ ไม่หรูหรา ขณะนี้ไม่มีลูกค้าอื่นนอกจากมุตตาที่นั่งอยู่หน้ากระจกเงา สาวใหญ่เจ้าของร้านกำลังไดร์ผมให้
“นี่ตัวใหม่ตั้งห้าพันแน่ะ ดี้ดี แหมผมหนูตรงดีจัง ลองทำหยิกบ้างดีไหมคะ”
เจ๊เจ้าของร้านลองทำผมด้านหน้ามุตตาให้หยิกหยักดูสองสามปอย ทำให้มุตตามีผมเรียบตรงครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหยักสลวย มุตตามองดูเงาตัวเองแล้วมีแววยอกแสยง
“ไงคะ หนู ชอบไหม”
มุตตาส่ายหน้า
“ไดร์ตรงเหมือนเคยเถอะค่ะ”
เจ๊เจ้าของร้านแอบค้อนนิดหนึ่ง แล้วกุลีกุจอรีดผมให้ตรง มุตตาพลิกนิตยสารบนตักดูภาพนางแบบในชุดแต่งงานหลากหลายแบบ มุตตาขมขื่น

เจนภพหน้าเคร่ง ยืนเท้าโต๊ะมองเขม็ง
“คุณใช่ไหม ที่ส่งคลิปบ้าๆ นั่นไปให้ภรรยาผม”
นักรบหน้าซีดเผือดยืนอยู่ตรงหน้า
“หนู เอ๊ย ผมเปล่าจริงนะฮะ ผ.อ.”
“ก็เบอร์มันขึ้นชัดเจนว่าเป็นเบอร์คุณ”
“มือถือหนู เอ๊ย ผมหายจริงๆ ฮ่ะ ตอนแรกหนูคิดว่าลืมไว้ที่ไหน แต่นี่แปลว่าต้องมีคนขโมยไป เพื่อใส่ความผมแน่ๆ เลยฮ่ะ”
นักรบเบะน้ำตาไหลพราก เจนภพถอนใจ

ปริม เลอลักษณ์ ฉกรรจ์ยืนรออยู่ นักรบผลักบังตาเดินโผเผออกมา
“ยังไงยะ”
“ผ.อ.เชื่อฉัน แต่ว่าต่อจากนี้ไป ผ.อ.คงมองฉันด้วยสายตาที่ไม่เหมือนเดิม”
“อ๋อใช่ แต่ก่อนสายตาแค่อยากถีบ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นอยากกระทืบ”
“อยากรู้นัก อีหอยคนไหนขโมยมือถือฉันไป หล่อนหรือเปล่า”
“บ้าซี” เลอลักษณ์บอก ขณะที่ปริมทำไม่รู้ไม่ชี้
“แหม ฉันคิดว่าพอได้คลิป เมีย ผ.อ.จะบุกมาตบนังเมียน้อยซะอีก อะไร๊ สงบเป็นทะเลก่อนสึนามิ”
นักรบ ฉกรรจ์ เลอลักษณ์มองปริมอย่างสงสัย ปริมรู้ตัวยิ้มแห้งๆ เปลี่ยนเรื่องพูด

คืนนั้น มุตตาลงจากรถตู้เดินเข้าซอยมา รถเจนภพจอดรออยู่เปิดไฟสว่างขึ้น มุตตาชะงัก เจนภพก้าวออกมา เหลียวซ้ายแลขวาแล้วมองมุตตาอย่างสุดรัก มุตตานิ่งอึ้ง ดวงตาโกรธขึ้งแง่งอน
“ตา สุดที่รักของผม”
ดวงตามุตตาอ่อนแสงลง

มุตตานั่งอยู่บนเตียงในโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง เจนภพนั่งลงข้างๆ
“เห็นไหมตา พอเราทำเฉยๆ ซะ ไม่สนใจ ไม่ต่อความ ทุกอย่างมันก็เงียบไปเองตอนนี้ทุกคนก็เชื่อแล้วว่าเราสองคนไม่มีอะไรกัน”
“มันก็จริงไม่ใช่หรือคะ เราสองคนไม่มีอะไรกัน”
มุตตาขมขื่น เจนภพปลอบ
“ตา อย่าพูดอย่างนั้นซี ตาก็รู้ว่าตาคือทุกสิ่งทุกอย่างของผม” มุตตาส่ายหน้า “นี่ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคลิปนั่นมันฝีมือของใคร หรือว่ามันต้องการอะไร แต่ถ้ามันคอยสะกดรอยตามเราอยู่ ยังไงเราก็ต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิม”
“เราก็ไม่ต้องเจอกันอีกเลยซีคะ เราจะได้ไม่ต้องกลัวอะไร”
“โธ่ตา ผมทนไม่ได้หรอก ตาก็รู้ว่าตาเหมือนลมหายใจของผม” มุตตาก้มหน้า “ตอนนี้ผมว่าเรากลับมาเจอกันใหม่ได้แล้ว แค่เราต้องรอบคอบกว่าเดิมเท่านั้นนะจ๊ะตา”
เจนภพเริ่มคลอเคลีย มุตตาตัวแข็ง ไม่ยอมโอนอ่อน
“เราต้องเจอกันเพื่ออะไรคะ เพื่อหาความสุขตามประสา ผ.อ.หรือ”
“โธ่ ผมก็บอกแล้วว่า ตาทำให้ผมร้อนไปหมดทุกครั้งที่เข้าใกล้”
“ความรักของเราเป็นแค่ไฟที่แผดเผาหรือคะ”
มุตตาเพ้ออย่างขมขื่น เจนภพมีแววเซ็งนิดหนึ่ง
“ตา” เจนภพขยับตัวออก เอามือมุตตามาจูบ “ไม่ใช่หรอกจ้ะ ผมรักตา ผมแค่มีตาอยู่ใกล้ๆ ผมแค่นี้ ผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว” มุตตายิ้มออก เจนภพพูดคราวนี้มีความจริงอยู่บ้าง “ผมบอกแล้วว่าตาไม่ใช่มีค่าแค่เรื่องนั้น แต่ผมรักตาจริงๆ”
“ตาก็รักผ.อ.จริงๆ ตาถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้ไงคะ”
“คนดีของผม คนดี ผมขอโทษ”เจนภพตระกองกอดมุตตา แล้วประคองมุตตาลง กอดเอาไว้อย่างหลวมๆ “ผมจะทำให้ตาเห็นว่าตาคือสิ่งมีค่าที่สุดของชีวิตผม แค่มีตาอยู่ในอ้อมกอดผมแค่นี้ผมก็เป็นสุขพอแล้ว”
“ผ.อ.”
มุตตาน้ำตาเอ่อปลาบปลื้มประโลมใจ เจนภพระงับเพลิงปรารถนาไว้อย่างสุดความสามารถ

ประพงส์นั่งอยู่บนโซฟารับแขกตรงข้ามนพนภา มีบอดี้การ์ดสองนายรอเฝ้าอยู่
“ขอบคุณ คุณประพงส์ด้วยนะคะที่ช่วยเป็นธุระ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีที่ได้ช่วยคุณนพนภา”
“ถ้าคุณประพงส์ไม่ช่วยก็มีสิทธิ์ยืดเยื้อแน่ค่ะ”
“เด็กของผม ไว้ใจได้ครับ”
ต้องเดินลงบันไดมาแต่งตัวโป๊ตามเคย ต้องเห็นประพงส์เข้าก็ชะงัก ประพงส์มองต้องมีแวววิบวับนิดหนึ่งแล้วเปลี่ยนเป็นสุภาพ นพนภาหันมาก็ยิ้มหวานกับลูก
“อ้าว ยายต้องหรือลูก มาไหว้คุณประพงส์ซิคะ นี่ยายต้องลูกสาวคนโตค่ะ นี่คุณประพงส์เพื่อนแม่”
ต้องเข้ามาไหว้ ประพงส์รับไหว้
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ ไม่คิดว่าคุณนภาจะมีลูกสาวโตขนาดนี้”
“เด็กสมัยนี้ โตเร็วค่ะ”
“เดี๋ยวผมมีธุระที่อื่นอีก ขอตัวนะครับ”
“ค่ะ เชิญเลยค่ะ”
นพนภาลุกขึ้นเดินไปส่งประพงส์ที่ประตูบ้าน ต้องมองตามแล้วนั่งลงบนโซฟา นพนภาเดินกลับมามองต้องอย่างหมั่นไส้
“เดี๋ยวนี้แม่คบกับพวกมาเฟียแล้วหรือคะ”
“ต๊าย แม่แสนรู้ รู้ไปหมด มาฟงมาเฟียอะไร เขาแค่มาช่วยฉันเรื่องไล่ที่...เอ๊ย ทวงหนี้”
“ก็คบคนถูกประเภทดีนี่คะ”
“แกไม่ต้องมาทำแขวะฉัน ฉันเป็นผู้ใหญ่จะเลือกคบใครก็เรื่องของฉัน แต่แกอีพวกเพื่อนที่ชวนกันเที่ยวน่ะ เลิกคบมันซะที”
“แม่ก็เลยโทรไปด่านังฟ้าหรือคะ”
“ไม่ใช่แค่นังฟ้า ฉันด่านังคุณหญิงนภัคคัคนางค์แม่ของมันด้วย”
“แม่ไม่ต้องบอกหรอกค่ะ นังฟ้าน่ะมันโทรมาตัดเป็นตัดตายกับหนูเรียบร้อยแล้ว”
“อุ๊ยดี อีพวกที่ชวนกันแต่งตัว ชวนกันแรดน่ะ เลิกคบมันให้หมด”
“ค่ะ ต่อไปหนูจะคบแต่เพื่อนผู้ชายเท่านั้นพอ”
ต้องลุกขึ้นสะบัดออกไป นพนภาฮึดฮัด

“เลือดพ่อมันแรงนัก”

ต่ อ จ า ก ต อ น ที่ แ ล้ ว
รถกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งแล่นมาในถนนเปลี่ยว ไฟบนเสาไฟฟ้าแต่ละต้นห่างกันจนมีแต่เงามืด ในรถคนขับคือสมศักดิ์ ลูกหนี้ที่นพนภากำลังไล่ที่ สมศักดิ์มีสภาพทรุดโทรม สีหน้าเคร่งเครียด
 
ขณะนั้นมีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับสวนมาแต่ไกล คนขับใส่แจ็กเก็ตดำ กางเกงดำ และสวมแว่นดำ ดูดำทะมึนไปหมด
สมศักดิ์เปิดไฟสูงเตือน เพราะรถมอเตอร์ไซค์ทำท่าจะแล่นมาประสานงา ทันใดคนขับมอเตอร์ไซค์พลันเหวี่ยงอะไรอย่างหนึ่งสวนมา สมศักดิ์แผดร้อง มันคือโซ่เหล็กขนาดใหญ่เข้าปะทะกระจกหน้ารถแตกกราว รถสมศักดิ์พุ่งลงท้องร่องข้างทาง มอเตอร์ไซค์วกกลับมาจอดลง เห็นคนขับเป็นหนุ่มฉกรรจ์ ใบหน้าดูคมสันแต่เหี้ยมเกรียม
สมศักดิ์ไต่ลงมาจากรถ ใบหน้ามีรอยเลือดฟกช้ำ แต่ในมือมีปืนจ้องมามือสั่นระริก
“ใครส่งมึงมา”
มือปืนหนุ่มมองดูสมศักดิ์ แล้วสะบัดหมวกกันน็อคลอยวืดเข้ากระแทกสมศักดิ์ล้มปืนลั่น สมศักดิ์ลงไปกองกับพื้น มือส่ายปืนเปะปะ มือปืนเข้ายืนคร่อมเตะมือที่ถือปืนปลิวหวือไป แล้วเตะสมศักดิ์ชนิดให้พิการ สมศักดิ์แน่นิ่งไป มือปืนขีดไฟแช็คโยนเข้าใส่รถที่ถังน้ำมันรั่ว ไฟลุกโพลงท่วมรถสมศักดิ์ มือปืนฉายแววยิ้มพึงใจ แสงเพลิงอาบมาทั่วตัว

วันต่อมา แต้วถือน้ำมาคุกเข่าลงเสิร์ฟ นพนภายิ้มอ่อนๆ อยู่บนโซฟา แต้ววางแก้วลงหน้าตำรวจในยศร้อยตรีกับร้อยโท 2 นาย แล้วทำท่าจะปักหลักนั่งตรงนั้น
“ต๊าย มีอะไรจะทำก็ไป มานั่งเท้าแขนแอ่นหยัดอยู่ทำไม”
“เท้าแขนเฉยๆ ค่ะ ไม่ได้แอ่นหยัด”
แต้วค้อนแล้วลุกไป นพนภายิ้มกับสองตำรวจ
“นายสมศักดิ์ถูกซ้อมปางตาย เขาบอกว่าคุณนพนภาเพิ่งโทรไปข่มขู่เขา”
“จริงหรือเปล่าครับ”
“ดิฉันอารามโกรธก็พูดไปอย่างนั้น โถ ไอ้เรื่องส่งคนไปซ้อมใครน่ะมันง่ายอยู่หรือคะดิฉันเองไม่ใช่เจ้าแม่มาเฟีย จะได้รู้จักนักเลงหัวไม้ที่ไหน”
“แล้วทำไมนายสมศักดิ์แน่ใจว่าเป็นฝีมือคุณ”
“โถ นายสมศักดิ์เป็นหนี้เขาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำก็คงมีเจ้าหนี้ที่อยากจะสั่งสอนให้สำนึกบ้างล่ะค่ะ”
“ยังไงวันหลัง ก็ต้องขอเชิญคุณไปให้ปากคำเพิ่มเติม”
“ยินดีค่ะ ดิฉันยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ โถ ตระกูลดิฉันน่ะตระกูลขุนนางเก่าแก่ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียอะไร ซักนิดก็ไม่มีค่ะ” แต้วมาคุกเข่าส่งรีโมทโทรทัศน์ให้ นพนภางง “อะไรยะ”
“คุณต้องค่ะ คุณต้องออกทีวี”
“เห็นไหมคะ ขนาดลูกสาวดิฉันก็เป็นเยาวชนดีเด่นออกทีวีเลยค่ะ”
นพนภาภาคภูมิกดรีโมทเปิดโทรทัศน์ ภาพในโทรทัศน์เห็นการจับกุมวัยรุ่นมั่วสุมในคอนโดแห่งหนึ่ง วัยรุ่นทั้งหญิงทั้งชายเอามือปิดหน้าบ้าง บ้างก็ก้มหน้าหลบไปหลบมา มีเพียงต้องคนเดียวที่เชิดหน้ายิ้มนิดๆ แววตาสนุกและสะใจ นพนภาตาเบิกโพลง ลืมสายสาแหรกผู้ดีหมดสิ้น
“อี อีต้อง”

นพนภาสวมแว่นมหึมาบังใบหน้ามีผ้าคลุมผมกับวีกิจเดินขนาบต้องในชุดยีนส์เอวต่ำ เสื้อเปลือยหลัง เดินออกมาจากโรงพัก บรรดานักข่าวจากทุกสื่อกรูเกรียวมารุมล้อม เสียงถามประสานกันจนฟังไม่ได้ศัพท์ แสงแฟลชสว่างวูบวาบไม่ขาดระยะ ทางด้านหลังเห็นประพงส์ในสูทหรู คุยตบหลังตบไหล่กับนายตำรวจยศพันเอกอยู่ นพนภาอับอาย วีกิจอึดอัดใจ ต้องกลับยิ้มเอียงซ้ายขวาอย่างสนุกแต่ดวงตาขมขื่นไม่ได้สนุกดังที่ทำฉากหน้าไว้
พอกลับถึงบ้านนพนภามีสีหน้าถมึงทึงดึงผ้าคลุมผมออก ต้องนั่งลงบนโซฟา ต่อกอดอกยืนทำหน้าขรึม ต้อมเกาะราวบันไดดูอยู่ แต้วและยายแหวงชะเง้ออยู่ห่างออกไป วีกิจนั่งบนเท้าแขนโซฟาตบไหล่ต้องปลอบใจ
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ต้อง”
“หนูก็ไม่ได้เป็นไรนี่คะ ขอบคุณค่ะพี่กิจ”
วีกิจลุกขึ้น
“ดึกแล้วพี่ไปนอนล่ะ ผมขอตัวก่อนนะฮะ อานภา”
วีกิจมองนพนภาอย่างเห็นใจหลายเรื่อง
“จ้ะเชิญ ขอบคุณมาก มีแต่เธอน่ะคอยช่วยพ่อมันน่ะไม่รู้ไปซุกอยู่ในรูในร่องไหน” วีกิจออกไป ต้องคว้ารีโมทเปิดโทรทัศน์ นพนภาก้าวมาประชิด กระชากรีโมทมาปาทิ้ง “นี่ อย่ามาทำชิลๆ นะยะ นังลูกไม่รักดี”
“ไม่รักดีอะไรกันคะ หนูบอกแล้วว่าหนูแวะเอาซีดีไปคืนไอ้แจ๊ค โผล่เข้าไปยังไม่ทันพูดอะไร ตำรวจก็บุกเข้ามา”
“พี่ต้องติดยา”
“หุบปากนะ อีเด็กบ้า”
“แกนั่นแหละ ทำชั่วแล้วไปพาลน้อง แกน่ะคบแต่เพื่อนชั่วๆ”
“เหรอคะ ทีแม่ยังคบกับเจ้าพ่อมาเฟีย เจ้าของบ่อนได้เลย”
นพนภาเต้น ต้องลุกขึ้นมองอย่างเซ็งๆ
“นี่ ที่แกหลุดมาได้ก็เพราะคุณประพงส์เขาพูดให้หรอก ไม่งั้นป่านนี้ก็ยังอยู่ในกรง”
“เรื่องอะไร ฉี่หนูไม่ได้สีม่วง ใครก็มาจับไม่ได้ทั้งนั้น”
“ก็แกทำยังไงล่ะ ฉี่เก็บเอาไว้ก่อนหรือ”
“แม่”
“ทำไม”
“หนูไม่เคยกินยาพวกนี้ แต่ถ้าแม่อยากให้หนูกินนัก ต่อไปหนูก็จะกินให้ดู”
“นังลูกชั่ว นี่แน่ะ”
นพนภาปราดเข้าตบหน้าต้องดังฉาด แต้วกับยายแหวงร้องอุทาน ต่อตกใจ ต้อมสนุก ต้องกัดริมฝีปากมองนพนภาอย่างปวดร้าว
“หนูจะทำทุกอย่างที่แม่ห้าม คอยดูนะ”
ต้องสะบัดวิ่งขึ้นบันได ผ่านต้อม
“ดี สม”
ทันใดต้องก็เอาเท้าถีบต้อมหน้าคว่ำโครมลงมา ต้อมลงมากองที่เชิงบันไดร้องกรี๊ดแล้วกลายเป็นร้องไห้แง นพนภาถลาไปอุ้มเห็นหน้าผากปูด
“อีลูกยักษ์ลูกมาร จะฆ่าน้องให้ตายหรือ” มีเสียงประตูกระแทกปังดังมาแทนคำตอบ แต้วมาดู นพนภาส่งต้อมให้ “แกพาไปห้อง ทายาให้ที เดี๋ยวฉันจะตามไป โอย จะเป็นลม”
แต้วอุ้มต้อมที่ยังร้องโหยหวนขึ้นบันไดไป ต่อมาประคองนพนภา เจนภพก้าวเข้าประตูมา ต่อเมินพ่อ นพนภามองเจนภพอย่างเบื่อหน่ายน้อยใจ
“นี่ ยายต้องเป็นอะไร ผมเห็นในข่าว”
“ข่าวภาคไหนคะ เขาออกตั้งแต่ภาคค่ำหรือว่าดูข่าววันใหม่”
“คุณก็รู้วันนี้งานวันเกิดท่านอธิบดี ผมต้องเป็นพิธีกรในงาน แว่บออกมาได้ที่ไหน”
“อ้อดี เห็นนายสำคัญกว่าเมียกว่าลูก นี่รู้ไว้นะ ต่อไปนี้นังลูกสาวคุณไปก่อเรื่องอะไร เป็นหน้าที่คุณ ฉันไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับอีลูกไม่รักดีนี่อีกแล้ว”
นพนภาให้ต่อประคองขึ้นชั้นบน เจนภพถอนใจยาว

เช้าวันต่อมาเลอลักษณ์กำลังเติมหน้าอยู่ในห้องน้ำ มีฉกรรจ์กับนักรบเข้ามาอยู่ด้วยแบบไม่แคร์สื่อ
ฉกรรจ์ประจงปัดแก้มให้เลอลักษณ์ นักรบทำตัวเป็นกูรูแฟชั่น
“ปัดตามแนวนี้นะคะ ไม่ใช่ไปวนๆ ที่แก้ม”
“แล้วเดี๋ยวก็เติมบรอนเซอร์ซะนิ๊ดนึง”
มุตตาเข้ามา สามนางชะงักไปแล้วทำปกติ มุตตาเข้ามาล้างมือที่อ่างถัดไป นักรบคว้ากระป๋องสเปรย์ผมมาฉีดฟูดให้เลอลักษณ์
“เอ้าหลับตานะยะ เดี๋ยวเป็นนางเอกเรื่องฤทธิ์อีบอด”
นักรบฉีดเสร็จมองกระจกเห็นผมตนตั้งน้อยไปก็ดึงผม ฉีดสเปรย์ฟูด กลัวสวยไม่เท่า ละอองสเปรย์กระจายไป เลอลักษณ์จาม ฉกรรจ์กำลังเติมลิปให้เขียนเลยไปถึงหู มุตตาสำลักแล้วขยักขย้อน
“ว้าย" / "แหก”
ฉกรรจ์กับเลิกลักษณ์ร้องออกมาพร้อมกัน
“ว้าย อะไรยะ”

มุตตารีบวิ่งเข้าส้วมก้มลงอาเจียน นักรบ ฉกรรจ์ เลอลักษณ์มองหน้าแล้วซุบซิบกันเล็กๆ ไม่จริงจังนัก

ภายในร้านชุดวิวาห์แห่งนั้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความหรูหรากระจ่างใส ร่างสาวเจ้าในชุดเจ้าสาวกรุยกรายก้าวมาหยุดยืนที่หน้ากระจกบานยาว แล้วตลบเวลขึ้น ที่แท้คือมุตตาที่แม้ใบหน้าซีดเซียวแต่ก็ยังงดงาม พนักงานขายมองตาค้าง ยกยอปอปั้น อวยสุดฤทธิ์ มุตตายิ้มมองตัวเองในกระจกอย่างมีความหวัง

เนตรนภิศอยู่ที่โซฟากำลังจัดแจกัน ดอกไม้ที่ใช้ล้วนเป็นของนอกดอกละร้อย อมรกำลังดูนิตยสารกีฬาอยู่ข้างๆ
“กุหลาบนี่ของฮอลแลนด์ค่ะ ดูซีคะ มีทุกสีเลย”
“ดอกละกี่ร้อยกี่ชั่งนี่”
“แหม ไม่เท่าไรหรอกค่ะ ถือว่าซื้อความสุข อุ๊ย”
เนตรนภิศมองดูทีวีแล้วรีบคว้ารีโมทเพิ่มเสียง
“ข่าวคืบหน้าจากปาร์ตี้ยาเสพติดตัวใหม่ ยาปาร์ตี้พิลหรือเดทเรป พบว่าเกือบทุกคน ผลตรวจยาเสพติดออกมาเป็นบวก”
“ข่าวอะไร”
“ข่าวยายต้องถูกจับกลางปาร์ตี้ยาค่ะ”
“อ้อ แล้วข่าวพี่สาวคุณส่งคนไปซ้อมลูกหนี้ซะปางตายล่ะ”
“นายลูกหนี้นั่นเจออะไรเข้าไปอีกดอกไม่รู้ค่ะ กลับคำให้การเรียบร้อยแล้ว”
“เฮ้อ พี่สาวคุณสงสัยดวงตก”
เนตรนภิศยิ้มตาวาว
“ยังหรอกค่ะ ยังดวงไม่ตกถึงขีดสุดแต่ก็เกือบแล้ว”
“นี่คุณไปรู้อะไรมาอีกล่ะ”
“คุณอย่าเพิ่งรู้เลยล่ะ”
“นี่มีลับลมคมในอะไรอีก”
“พี่สาวฉันคิดว่า ตัวเองสมบูรณ์แบบ สวยรวยเก่ง ลูกผัวดีวิเศษไปหมด เขาหัวเราะเยาะฉันเสมอว่า ฉันมันนังลูสเซอร์” เนตรนภิศจับมืออมรมากุมไว้ “แต่ยังไงฉันก็มีคุณที่มั่นคงต่อฉันเสมอมา แต่พี่เขยผู้ดีของฉันน่ะซี
ส่ำส่อนอย่างไม่มีอะไรเปรียบ ทีนี้ล่ะถึงทีฉันหัวเราะบ้าง”
อมรมองเนตรนภิศมีแววเวทนา
“จะไปเอาชนะคะคานอะไรกับพี่สาวฮะคุณ”
“แม่ฉันให้ท้ายให้เขาข่มฉันมาตั้งแต่เด็ก เป็นลูกไล่มาตลอด เขาก็เลยคิดว่าจะข่มฉันได้ตลอดกาล ฉันอยากให้เขารู้ว่า ต่อให้สวย รวย เก่ง ขนาดไหน แต่ถ้าครอบครัวไม่มีความซื่อสัตย์ มันก็ไม่มีวันเป็นสุขไปได้หรอก”
เนตรนภิศพูดเรียบๆ แต่ดวงตาเหี้ยมเกรียมเอนตัวอิงแอบสามี อมรถอนใจเบาๆ

ที่แผงขายอาหารโต้รุ่งเป็นรถเข็นติดไฟนีออนสว่างไสวเรียงรายเป็นตับ มุตตากับพรนั่งอยู่ที่โต๊ะของรถเข็นข้าวต้มกุ๊ย
“เอาปลาเจี๋ยนชิ้นนึง ตาจะเอาอะไรอีกไหม”
“ไม่อยากกินอะไรเลยจ้ะ”
“ได้ยังไง มิน่าหมู่นี้หน้าตาซีดเซียว ป่วยไข้เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เหมือนเป็นหวัดลงกระเพาะค่ะ”
“เป็นอะไรก็รีบไปหาหมอดีกว่า อย่ามามัวรักษาเองอยู่ เดี๋ยวจะเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย” อาหารเริ่มทยอยมาวางบนโต๊ะ “เออ ทำไมหมู่นี้ หัวหน้าของตาถึงหายไป”
“หมู่นี้งานยุ่งค่ะ”
“เหรอ คิดว่าเมียหนีบเอาไว้เสียอีก” มุตตาหน้าเผือด พรใช้ตะเกียบคีบปลาเจี๋ยนให้ในถ้วยข้าวต้มมุตตา “เอ้า ลองปลาเจี๋ยนนี่ดูซี”
มุตตาพึมพำขอบใจ ตักปลาเจี๋ยนใส่ปาก แล้วหน้าเปลี่ยนขยักขย้อนลุกพรวดไป
“ว๊าย”
มุตตาวิ่งไปคุกเข่าตรงท่อระบายน้ำอาเจียนเป็นวรรคเป็นเวร พรตามมาลูบหลัง ผู้คนแถวนั้นมองดูเป็นตาเดียว

มุตตานอนหน้าซีดบนเตียง พรเอายาดมจ่อจมูก ฤดีส่งแก้วน้ำละลายยาหอมให้
“เอ้านี่ ยาหอม”
“อุ๊ยยาหอมหรือยาเหม็นป้า เหม็นสุดๆ”
“นังนี่ ของดีว่าเน่า ขี้เต่าว่าหอม”
พรนิ่งคิดแล้วทำท่าเคลิ้ม
“ถ้าเป็นขี้เต่าณเดชน์ก็อาจจะหอมก็ได้นะป้า”
“ว๊าย ฉันไม่พูดด้วยแล้ว ลองค่อยๆ จิบดูหนู”
มุตตารับมาจิบนิดหนึ่งแล้ววางไว้
“นี่ พรุ่งนี้ก็ไปหาหมอเถอะ ข้าราชการนี่เบิกได้ไม่ใช่หรือ”
“ค่ะ พี่พรคะ ตาอยากได้เงินอีกซักก้อนนึง” พรสบตากับฤดี
“ยังไงล่ะหนูตา จะไปยืมไอ้เสี่ยอีกหรือ”
“ไม่เอาแล้วค่ะ”
“นี่หนูมีเครื่องเพชรเครื่องทองอยู่ไม่ใช่หรือ เอาไปขายดีไหม อ้อ สร้อยมุกล้อมเพชรนั่นไง คงจะได้ราคาดี”
มุตตาเบิกตากว้าง
“ไม่ได้นะคะ สร้อยเส้นนี้ไม่ได้ แต่ตามีสร้อยทองอยู่ 2 บาท”
“งั้นก็ดีเลย ห้าหมื่นเหนาะๆ”
“ตาขายไม่ลงหรอกค่ะ สร้อยนี่พ่อให้ตาไว้”
มุตตาขมขื่น
“จะยากอะไร ก็เอาไปเข้าสถาบันการเงินคนยากก็แล้วกัน”
“สถาบันอะไรกันยะ สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์เหรอ”
“มันพัวร์อย่างเดียวแหละป้า ไม่ค่อยมีสแตนดาร์ดหรอก”
มุตตาละอายแก่ใจ
นิ้วมือที่แตะหมึกถูกกดปั๊มลงบนกระดาษของโรงรับจำนำ มุตตาหน้าเผือดอับอายแต่พรยืนกำกับการอยู่เบื้องหลัง เถ้าแก่ยื่นเงินมาให้มุตตา

มุตตาดูสดใสขึ้นนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ทิพอาภาและอรพิมสบตากัน
“ตา สบายดีแล้วเหรอ”
“จ้ะ ไม่เป็นไรแล้ว”
“ยังไงก็ไปหาหมอเถอะ อย่าปล่อยเอาไว้เลย”
“จ้ะ”
“นั่นมือตาเปื้อนอะไรน่ะ”
มุตตาสะดุ้ง รีบดึงทิชชู่เช็ดนิ้วที่ไปแปะโป้ง
“เปื้อนหมึก หมึกพิมพ์น่ะ”
แจงจิตพูดลอยลมมา
“แม่คุณแม่ทูนหัว นี่มันแปดโมงสี่สิบแล้วนะยะ”
“ค่ะๆ”
“เห็นแก่ราษฎรผู้เสียภาษีค่ะ”
ทุกคนรีบหันเข้าหาคอมพิวเตอร์ ทันใดทุกเครื่องก็มีอีเมล์เข้ามาพร้อมกัน แจงจิตขมวดคิ้วเปิดอีเมล์ดู อีเมล์นั้นมีคลิปแนบมา อรพิมกดคลิกที่ลิงค์ ทิพอาภากดคำสั่งเปิดบนหน้าต่าง คลิปนั้นโหลดอย่างรวดเร็วภาพเปิดขึ้น
แจงจิตผงะนิดๆ อรพิมหน้าเคร่ง กัดริมฝีปาก ทิพอาภายกมือปิดปาก มุตตาเบิกตากว้าง ตัวชาวูบ

คลิปนั้นเป็นภาพที่ถ่ายเหตุการณ์ต่อเนื่องจากคลิปแรก แต่ว่าชัดเจนแจ่มชัดคุณภาพระดับไฮเดฟฟินิชั่น
เจนภพดึงมุตตามาโอบไว้จากทางด้านหลัง แล้วก้มลงจูบซอกคอ ผมยาวของมุตตารุ่ยร่ายปิดบังใบหน้าเอาไว้ เจนภพจูบซอกคอ มือลูบไล้ล้วงควักไปทั่ว มุตตาผวาตัว เจนภพดึงมุตตาหันมาแล้วก้มลงจูบปาก มุตตาจูบตอบอย่างเร่าร้อน เจนภพตวัดอุ้มมุตตาขึ้น มุตตาแหงนหงาย ผมที่ปรกหน้าอยู่ตกลงจนเห็นใบหน้าแจ่มชัด เจนภพอุ้มมุตตาเข้าห้องเหลือเพียงม่านกระพือไหว และภาพในคลิปนั้นจบลง ด้วยภาพฟรีซใบหน้ามุตตาอย่างชัดเจน
มุตตาช็อก! ตะลึงงัน หน้าซีดราวกระดาษ น้ำตาเอ่อขึ้น

แรงเงา ตอนที่ 4 (ต่อ)

เจนภพนิ่งอึ้งตะลึงอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ครู่หนึ่ง แล้วคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา ขณะนั้นแจงจิตนั่งอึ้งแล้วมองดูมุตตาอย่างไม่อยากเชื่อ มุตตานั่งนิ่ง ทิพอาภาร้องไห้ อรพิมเครียด โทรศัพท์ดังถึง 3 ครั้ง แจงจิตถึงรับขึ้นมาเสียงเครียด

“ค่ะ ผ.อ.”
เจนภพตาแข็งกร้าว
“คุณแจง ออกไปดูเดี๋ยวนี้ คลิปมันไปถึงที่ไหนบ้าง ไปดูให้ลบให้หมดแล้วบอกด้วยว่า ถ้าใครเซฟไว้หรือฟอร์เวิร์ดต่อ ก็แปลว่าต้องการมีเรื่องกับผม”
แจงจิตรับคำลุกขึ้นเดินมาหยุดตรงหน้ามุตตา
“ลบทิ้งไปเถอะมุตตา แต่เธอก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้มันไม่ได้ลบไปได้ง่ายๆ”
แจงจิตก้าวออกไป มุตตานิ่งเงียบ

วีกิจหน้าซีดเบือนหน้าหนีจากคอมพิวเตอร์ ประสิทธิ์ชัยเอาสองมือมารองคาง ปริมลุกขึ้นเต้นลิงโลด รัชนกเอามือปิดปากน้ำตาเอ่อ เลอลักษณ์ นักรบ และฉกรรจ์มายืนเกาะกุมมือกัน
“ต๊าย อุ้มหายไปในม่าน...”
“ม่านไหวชายครุย”
“เขาไปทำอะไรกันเหรอคะ”
เลอลักษณ์ทำไร้เดียงสา ฉกรรจ์ค้อนขวับ
“เขาก็ไปตะหลึ่งตึ่งโป๊ะกันซียะ”
“เอ้า สมัยนี้เขาเรียกไปฟีเจอริ่ง”
“แต่บ้านฉันเขาเรียกไปได้เปรียบเสียเปรียบกันย่ะ ต๊ายต้องเซฟไว้”
วีกิจลุกขึ้น รัชนกหันไปน้ำตาร่วงเผาะ
“อย่าเลยฮะ / อย่าเลยนะคะพี่ปริม” วีกิจกับรัชนกบอกออกมาพร้อมกัน
“ก็ได้ค่ะ ไม่เซฟแต่ฟอร์เวิร์ดต่อก็พอ”
แจงจิตโผล่พรวดเข้ามา
“เอ้าใครอยากเซฟ ใครอยากฟอร์เวิร์ด ใครจะโหลดลงโทรศัพท์ทำได้ตามสบายนะจ๊ะ” ทุกคนทำตาปริบๆ “แต่ผ.อ.รับรองว่าจะพิจารณาความดีความชอบให้อย่างเจ็บแสบที่สุด”
ทุกคนอึ้งมองหน้ากันไปมา วีกิจนั่งลงประสิทธิ์ชัยมองอย่างเป็นห่วง

มุตตามือสั่นระริกคลิกลบคลิป อรพิมมองอย่างโกรธและผิดหวัง ทิพอาภาน้ำตาหยดขณะที่เพื่อนร่วมงานอีกสองคนชะเง้ออยู่
“ตา ทำไมเป็นอย่างงี้ล่ะ”
“ก็แค่คนหน้าเหมือนเท่านั้น ไม่ใช่หรือตา” อรพิมทำเสียงเยาะ
มุตตามองทิพอาภา อรพิม ด้วยความรู้สึกอับอาย เสียใจ แต่ในขณะเดียวกันก็โกรธและรู้สึกว่าตนไม่ผิด
“แต่นี่มันใช่นี่”
“นี่ ฉันแน่ใจมาตั้งแต่คลิปอันก่อนแล้ว แต่ฉันก็หวังว่าเธอจะเลิกได้ แล้วเรื่องมันก็จะเงียบไป”
“แล้วทำไมตาต้องเลิก” มุตตาย้อนถาม อรพิมโกรธ ทิพอาภาหน้าเหย
“ตา นี่ฉันผิดหวังในตัวเธอมาก เพราะฉันถึงจะแรดแค่ไหนก็ยังถือศีลข้อกาเมคนมีลูกมีเมียแล้ว ฉันไม่มีวันไปยุ่งเด็ดขาด” ทิพอาภาบอก
“ฉันไม่ได้ไปแย่งของๆ ใคร ผ.อ.กับเมียไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันมานานแล้วทุกวันนี้เขารอวันหย่าอยู่ต่างหาก”
“ผ.อ.บอกเธอว่าอย่างงั้นซีนะ”
“โธ่เอ๋ย ตา” มุตตาอึ้ง
“ถ้าเชื่ออย่างงั้นแล้วทำให้เธอสบายใจก็เชื่อไปเถอะ ไป ทิพ”
อรพิมกับทิพอาภาลุกไป มุตตานิ่งอึ้ง
ที่ประตูห้องเจนภพ เจนภพแง้มประตูมองดูแล้วปิดลง เจนภพยืนพิงประตูหวาดหวั่นยังไม่รู้จะทำอะไรต่อไป

ที่ร้านอาหารเล็กๆ มุตตานั่งกินข้าวอยู่คนเดียว ประตูเปิดออก เลอลักษณ์ นักรบ ฉกรรจ์ รัชนกเดินเข้ามา
“อุ๊ย โคนครีมใหญ่ยังกะหัวแมว”
“เวลากินต้องบ๊วบครีมเข้าไปก่อน มันจะได้ไม่เลอะปาก”
“ว้าย นี่พูดถึงขนมแน่หรือ”
“อุ๊ย พี่ตา”
รัชนกอุทาน มุตตาสบตารัชนกราวขอความเห็นใจ
“ต๊าย มาแอบกินอยู่นี่เอง คงแอบกินจนเคยตัว”
“ของลักเขากินน่ะ มันเปรี้ยวหวานมันเค็มกว่าของซื้อของขายอยู่แล้ว”
“แหม แต่ฉันขอคิดต่างว่าของมีเจ้าของแล้วมันน่ากินจะตาย ฉันเองยังอยากกินเลย”
“เรียกว่าได้ซักที เอ๊ย ซักคำก็ไม่ลืมพระคุณ”
เลอลักษณ์ ฉกรรจ์ นักรบหัวเราะคิกคัก มุตตาหน้าชา วางเงินลงบนโต๊ะเดินก้มหน้าออกมา รัชนกก้าวมาขวาง
“หนูนก”
มุตตามองรัชนกอย่างวิงวอน หาพวก
“พี่ตาบอกอะไรนก นกก็เชื่อทุกอย่างแต่พี่ตาโกหกนก”
“หนูนก”
“นกรักพี่ตานะคะ” ประสิทธิ์ชัยกับวีกิจก้าวตามมา “แต่พี่ตาทำตัวแบบนี้จะให้นกเข้าข้างพี่ตา นกทำไม่ได้ค่ะ”
รัชนกน้ำตาร่วงพรู มุตตาส่ายหน้า รัชนกเมิน มุตตาวิ่งออกไป ประสิทธิ์ชัยดึงรัชนกมาปลอบ

มุตตาวิ่งออกมา วีกิจวิ่งตามคว้ามือไว้
“คุณตา”
มุตตามองวีกิจ วีกิจมองอย่างปลอบใจ มุตตาอับอายจนกลายเป็นโกรธ
“มีอะไรคะ”
“ไม่มีอะไรครับ ผมแค่จะเดินไปเป็นเพื่อน”
“ไม่ต้องค่ะ ตาเดินไปคนเดียวได้”
“คุณตาฮะ ฟังผมหน่อย”
“จะด่าว่าอะไรตา ก็เชิญซิคะ”
“ตา ผมบอกแล้วว่าผมจะเป็นเพื่อนที่ดีของคุณตลอดไป ตอนนี้ตาไม่ควรปิดกั้นตัวเอง คุณต้องมีใครเป็นเพื่อนบ้าง”
มุตตาน้ำตาเอ่อขึ้น
“แต่ตาอยากให้คุณด่าตา ด่าให้เจ็บแสบ ด่าให้ตาได้สำนึก”
“แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรฮะ”
“ตาผิดเอง ตาผิดมาตั้งแต่ต้น”
“ตา มีใครบนโลกนี้ที่ไม่เคยทำผิด เพียงแต่ว่าเมื่อผิดแล้วก็ต้องรู้ว่าจะทำยังไงให้มันถูกต้อง”
“แต่ตาไม่รู้แล้วว่าจะทำยังไงต่อไป”
“ตา”
“อย่ายุ่งกับตาเลยค่ะ ตาอยากอยู่คนเดียว”

มุตตาหมุนตัวเดินจากไป วีกิจมองตามพลางถอนใจ

มุตตาไม่รู้จะไปหลบที่ไหนจึงมานั่งซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำ ประตูห้องน้ำเปิดออก ปริม เลอลักษณ์ นักรบ และฉกรรจ์ก้าวเข้ามา ตั้งวงเมาท์

“นี่ มีใครกล้าเซฟไว้บ้าง”
ปริมถามเพื่อน ฉกรรจ์ยกมือ
“ฉัน ไม่กล้าย่ะ”
“ใครจะกล้าเสี่ยงยะ ยิ่งคลิปก่อนมีอีหน้าหอยที่ไหนไม่รู้ขโมยมือถือฉันส่งคลิปไปแบบนั้น” นักรบบอก ปริมทำหน้าซื่อ
“ต๊าย น่าเสียดายจริงๆ”
“แต่ลักษณ์ว่า อีกเดี๋ยวก็ต้องมีคนส่งคลิปมาอีก”
“เออ นั่นซี ไม่รู้ว่าฝีมือใครนะ ที่คอยตามล้างตามเช็ดยายมุตตากับผ.อ.”
รัชนกเปิดประตูเข้ามา แล้วทำตัวลีบ
“นี่ ไม่ต้องทำเป็นกลัวฉันขนาดนั้นหรอก ไหนได้ข่าวว่าเธอด่ายายมุตตาซะเช็ดเม็ดไปเลยหรือ”
มุตตาอยู่ในห้องน้ำตัวสั่น รัชนกหน้าซีด กัดริมฝีปาก
“เปล่านะคะ นกแค่บอกว่านกผิดหวังในตัวพี่ตามากแค่นั้น”
“จ้ะ แม่ใสซื่อ ว้าย”
ปริมร้องออกมาอย่างตกใจ นักรบ ฉกรรจ์ เลอลักษณ์สะดุ้งสุดตัว
“อะไรยะ”
“องค์ลงเหรอ”
“ไม่ใช่ย่ะ ฉันเพิ่งนึกออกว่าเธอสามคนเห็นยายมุตตาอ้วกแตก”
“ค่ะ สงสัยว่าจะเครียดจนโรคเครียดลงกระเพาะ”
“ฉันกลัวว่าจะไม่ใช่น่ะซี”
“ยังไงยะ”
“ฉันกลัวจะเป็นโรคเครียดลงมดลูกมากกว่า”
เลอลักษณ์ ฉกรรจ์ วันรบถึงบางอ้อ รัชนกเบิกตากว้างหน้าเผือด มุตตาพิงตัวกับฝาผนัง
“แพ้ท้อง” เลอลักษณ์ ฉกรรจ์ วันรบบอกออกมาพร้อมกัน
“น้ำเน่าสุดๆ”
“ไม่ใช่น้ำเน่าหรอก น้ำแบบอื่น ไม่เห็นเหรอช่วงก่อนแม่นี่เปล่งปลั่งไปหมดเพราะได้น้ำได้เนื้อเข้าไป ตอนนี้ทั้งน้ำทั้งเนื้อก็ก่อเป็นตัวขึ้นมาก็เลยโอ๊ก”
“ว้าย อย่างงี้ต้องแฉ”
“โธ่ อย่าพูดไปเลยค่ะ แค่นี้พี่ตาก็เสียจนไม่รู้จะเสียยังไงแล้ว” รัชนกบอก
“ต๊าย นางงามมิตรภาพ”
ปริมและพรรคพวกกรูกันออกไป รัชนกหน้าวิตกทุกข์ทนลอบยิ้มแว่บหนึ่งแล้วตามออกไป มุตตาก้าวออกมาจากห้องน้ำ เดินมาหน้ากระจกเงายกมือขึ้นแตะกลางลำตัว

นพนภาแต่งตัวงดงามหิ้วถุงช็อปปิ้งเต็มสองมือเดินเข้าภัตตาคารมา ผู้จัดการมาต้อนรับ
“เชิญคุณนพนภาทางนี้เลยครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
เนตรนภิศเดินออกมาจากห้อง VIP ชั้นใน เข้ามากอดแขนพี่สาวอย่างแสนรัก
“พี่นภา มาแล้วหรือคะ”
“ก็มาแล้วซิยะ แหม วันนี้ช็อปซะหมดแรง เออ เดี๋ยวแกไปนวดหน้ากับฉันต่อไหม”
เนตรนภิศยกมือลูบแก้มที่โดนตบคราวก่อน
“แหม กลัวว่าพี่นภาจะหมดอารมณ์ซะก่อนน่ะซีคะ”
“แกหมายความว่าอะไร”
เนตรนภิศดึงนพนภาเข้าห้อง VIP

นพนภาเข้ามาในห้อง VIP กับเนตรนภิศ
“ต๊าย ร่ำรวยเหลือเกินนะยะ ทำไมต้องมากินห้องวีไอพีด้วย”
“มันมีเรื่องที่ต้องคุยกันเป็นส่วนตัวน่ะซีคะ”
“มีเรื่องลึกลับซับซ้อนอะไรกันอีก” นพนภามองไปแล้วก็ชะงักเมื่อเห็นรัชนกนั่งเก็บมือเก็บเท้า เงยหน้ามองอย่างขลาดๆ “อ้าว นี่ใครนะ”
“หนูรัชนกค่ะ”
รัชนกยกมือไหว้ นพนภาพยักหน้า เนตรนภิศดึงนพนภาให้นั่งลง
“แล้วแกไปรู้จักมักจี่กันตอนไหน”
“รู้จักตอนไปเที่ยวเขมรเมื่อคราวก่อนน่ะค่ะ บังเอิ๊ญ บังเอิญที่หนูนกได้งานชั่วคราวที่กองของคุณภพ หนูก็เลยฝากให้หนูนกช่วยเป็นหูเป็นตาสอดส่องความประพฤติคุณภพให้” นพนภาหน้าเครียดขึ้น เริ่มสังหรณ์ใจ พยักหน้า “ก็เพราะยายแจงจิตน่ะไม่รู้ถูกคุณภพร้อยก้นไว้แล้วหรือไง ถึงได้เข้าข้างคุณภพเลิกช่วยพี่นภาไปเลย”
“นี่ แกเลิกอ้อมโลกซะที พูดมาเลยว่ามีอะไร”
“พูดซีจ๊ะ หนูนก”
“มีคนอีเมล์คลิปมาที่กองค่ะ”
“คลิป? มันเรื่องเก่าล้านปีแล้วไม่ใช่หรือ”
“แต่นี่มันคลิปใหม่ค่ะ เข้ามาเมื่อเช้านี้เอง พอเห็นทุกคนก็ตกใจกัน นกเองก็ทำอะไรไม่ถูกแล้วคุณแจงจิตก็เข้ามาสั่งให้ลบคลิปให้หมด ห้ามพูด ห้ามแพร่งพรายอะไรทั้งสิ้น”
นพนภาตาวาว เล็บจิกโต๊ะแน่น
“คลิปอะไร”
“แต่นก นกเห็นแก่ความถูกต้อง เห็นแก่คุณนพนภานกก็เลยยอมเสี่ยงค่ะ”
“ดูเลยค่ะ พี่นภา”
รัชนกเอาไอแพดออกมากดอย่างคล่องแคล่ว ภาพในจอปรากฏขึ้น นพนภาตัวแข็ง รัชนกเหลือบมองอย่างขลาดๆ แต่ดวงตาสนุกสนาน เนตรนภิศข่มความสะใจไว้ นพนภาตัวสั่น

เภสัชกรหยิบชุดทดสอบการตั้งครรภ์มาวางลงบนตู้ มุตตายืนอยู่ตรงหน้ามีท่าทางกระดากกระเดื่อง
ในมือมุตตามีช่อดอกลิลลี่
“ถ้าทดสอบในตอนเช้าจะดีที่สุดครับ”
เภสัชกรบอก มุตตาพยักหน้า มีโทรศัพท์เข้า มุตตารับสาย
มือถือเจนภพขึ้นชื่อแจงจิต 1 เช่นเคย เจนภพขับรถพลางพูดโทรศัพท์
“ตาถึงหอหรือยัง อะไรนะ อยู่ร้านขายยาปากซอยหรือ”
เจนภพมองดูเห็นร้านขายยาอยู่ข้างหน้าแล้วจอดรถเทียบทางเท้าหน้าร้าน รถเจนภพจอดลง มุตตาถือถุงยากับดอกไม้ก้าวขึ้นรถ เจนภพมองซ้ายมองขวาล่อกแล่ก มุตตาเห็นท่าทีก็ขมขื่น
“ผ.อ.กลัวใครเห็นขนาดนี้เชียวหรือคะ”
“ตาก็รู้ว่ามันไม่ดีกับตา”
“มันไม่ดีกับ ผ.อ.มากกว่ามังคะ”
เจนภพกุมมือมุตตา มุตตารู้สึกดีขึ้นจึงอ่อนลง
“ตา วันนี้ตาคงรู้สึกแย่มาก ไปเถอะตา ไปหาที่เงียบๆ คุยกัน”
เจนภพออกรถ รถเจนภพแล่นออกไปช้าๆ โดยไม่รู้ว่าทางด้านหลังรถยุโรปคันหนึ่งเปิดไฟหน้ารถแล่นตามมาห่างๆ ในรถคันนั้นเนตรนภิศเป็นคนขับ

นพนภาหน้าซีดดวงตาเจ็บแค้นสะเทือนใจนั่งอยู่เคียงข้าง เนตรนภิศเหลือบตามองดูมีแววเพลิดเพลินอยู่ในสีหน้า

รถเจนภพเลี้ยวเข้าซองของโรงแรมม่านรูด พนักงานรูดม่านปิดลง รถเนตรนภิศแล่นตามมาขับเลยไปแล้วจอดลงหน้าซองที่ห่างออกไป พนักงานงง พนักงานอีกคนเข้ามาสมทบ

มุตตานั่งบนเตียง เจนภพนั่งห่างออกมา เจนภพมีสีหน้ากังวลเครียดแต่อีกครึ่งหนึ่งก็ยังห่วงมุตตาจริงๆ
มุตตาลูบคลำช่อดอกลิลลี่
“เรื่องวันนี้มันแย่จริงๆ เราคงปฏิเสธอะไรไม่ได้อีกแล้ว”
“ถึงเวลาที่เราต้องยอมรับความจริงแล้วมังคะ”
“ใครๆ ว่ายังไงบ้าง”
มุตตายิ้มขมขื่น
“ทุกคนประณามตา เพราะเขาไม่รู้ว่าความจริงมันเป็นยังไง” เจนภพงง
“ความจริงอะไร”
“ก็เรื่องที่ ผ.อ.กับคุณนพนภาต่างคนต่างอยู่กันนานแล้ว แล้วกำลังจะหย่ากันนะซีคะ” เจนภพอึ้ง มีแววรู้สึกผิดปะปน “เขาไม่รู้ว่าเราสองคนรักกันแค่ไหน เราสองคนไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย”
เจนภพไม่สนใจคำพร่ำเพ้อของมุตตา เพราะมัวแต่กังวล
“เรื่องคลิปวันนี้ถึงจะปิดไว้ได้ แต่ไอ้ตัวการมันคงต้องปล่อยออกมาอีกแน่ ไม่รู้ว่ามันเป็นใคร ต้องการอะไร อย่างนี้ อีกหน่อยเรื่องก็คงไปถึงหูนภา”
เจนภพกลัดกลุ้ม แต่มุตตากลับตาเป็นประกาย
“งั้นก็ถึงเวลาแล้วที่ ผ.อ.ต้องพูดกับคุณนภาตรงเรื่องของเรา แล้วก็เรื่องหย่าด้วย”
“แต่”
“นะคะ ผ.อ.”
“ตาก็รู้ว่าเรื่องนี้มันพูดยาก”
“แต่ ผ.อ.ก็ต้องพูดค่ะ เพราะตาคงจะรอต่อไปไม่ได้แล้ว”
ดวงตามุตตาเป็นประกายมีแววฝัน
“ทำไมหรือตา”
“ให้ตาแน่ใจก่อนค่ะ แล้วตาจะบอก ผ.อ.เป็นคนแรก”
มีเสียงเคาะประตู เจนภพกับมุตตาชะงัก เจนภพลุกไปดูทางช่องตาแมวมุตตามองตาม เจนภพเปิดประตู บ๋อยเข้ามาถือถาดวางขวดเบียร์กับแกล้มเล็กๆ น้อยๆ มุตตารีบเบี่ยงตัวหลบ บ๋อยวางถาดลง เจนภพส่งทิปให้ บ๋อยออกไป เจนภพรินเบียร์
“มา ดื่มเบียร์ก่อนนะตา”
“ผ.อ.ดื่มคนเดียวเถอะค่ะ ตั้งแต่วันนี้ตาจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์แล้ว”
“ตา เป็นเด็กดีจริงๆ” เจนภพจิบเบียร์แล้วเข้ามาใกล้โอบกอดมุตตาอย่างทนุถนอม “ตา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ขอให้ตารู้ว่าผมรักตาจริงๆ ตาคือชีวิต ตาคือลมหายใจของผม”
เจนภพจูบผมมุตตาแผ่วเบา

รถเนตรนภิศกลับรถมาจอดลงใกล้ซองที่เจนภพอยู่ เนตรนภิศนั่งอยู่ในรถตาพราว ขณะที่นพนภานั่งนิ่งมองดูม่านผ้าใบหนาหนักเล็บจิกลงบนกระเป๋าแบรนด์เนม
“เราลงไปกันเถอะค่ะ”
“ไม่”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ จะได้จับได้คาหนังคาเขา ลายนิ้วมือซีเมน ดีเอ็นเอพร้อม”
“หุบปากนะนังนภิศ”
“พี่นภา นี่จะยังไงกันแน่คะ”
“ไม่ยังไงหรอก ฉันแค่จะปล่อยให้มันมีความสุขกันเป็นครั้งสุดท้าย เพราะต่อแต่นี้มันจะไม่มีความสุขอีกเลย จนกระทั่งวันตาย”
นพนภามองม่านทึบนั้นนิ่งพูดเน้นทุกคำ เนตรนภิศผิดคาดออกรถไป นพนภากล้ำกลืนน้ำตาไว้หน้าเชิด กายไหวระริก รถเนตรนภิศแล่นผ่านสองพนักงานไป
“ไงวะ”
“ผู้หญิงคู่โว๊ย สงสัยเบี้ยนหัดใหม่ ใจยังไม่ถึงเลยแค่แหย่ๆ แล้วชักกลับ”

คืนนั้นเมื่อรถเจนภพแล่นมาจอดที่โรงรถนายชมออกมารับ เจนภพลงมามองไปในบ้านอย่างหนักใจ
เจนภพก้าวเข้ามาในบ้านมีท่าทางระแวงระวัง แล้วชะงักเมื่อเห็นนพนภายืนเหม่อมองไปในสวน
“ไงคุณ มากินลมชมจันทร์อยู่นี่เอง”
นพนภาหันมาดวงตาแข็งกร้าว ซ่อนแววขมขื่นหมองหม่น พูดเรียบๆ
“กลับมาแล้วหรือคะ วันนี้กลับเร็วเชียว”
“ก็มาช่วยคุณดูลูกๆ ไง”
“ค่ะ ขอบคุณที่ยังจำได้ว่ามีลูกมีเมีย”
“คุณน่ะ ชอบพูดอะไรก็ไม่รู้”
เจนภพเข้าไปคลอเคลียนพนภา นพนภาตัวแข็งสะบัดออกมีท่าทางขยะแขยง เจนภพงง แต่ยังไม่ผิดสังเกต
“ไม่เอาค่ะ”
“นี่เด็กๆ หายไปไหนหมด”
“อยู่ในห้องกันหมดแล้วค่ะ ตาต่อทำการบ้าน ยายต้องเล่นเฟซบุ๊ค แต่ยายต้อมเป็นหวัดนอนซมอยู่”
“อ้าว แย่จริง”

ห้องนอนต้อมเหมือนมาจากแคตตาล็อกห้องเด็กไฮโซทุกอย่างหรูหราราคาแพง เจนภพอุ้มต้อมที่ตาปรือ จมูกปากแดงด้วยพิษไข้ขึ้นมา นพนภายืนมองเงียบๆ
“เป็นอะไรมากไหมลูก”
“ปวดหัว พรุ่งนี้หนูไม่ต้องไปโรงเรียนใช่ไหม”
“จ้ะ ไว้หายก่อนแล้วค่อยไป”
“งั้นหนูไม่หาย”
“ว้า หาเรื่องแล้วซี ไม่สบายน่ะไม่ดีหรอกลูก หัวก็ปวด เหงื่อก็ออก เมื่อยก็เมื่อย ขี้มูกก็ไหล เอ้า สั่งขี้มูกอีกที”
เจนภพจับต้อมนอน เอาทิชชู่มาครอบจมูก ต้อมสั่งพรืดออกมา
“ฮาดด เช่ย อี้ย์ ลูก” เจนภพแกล้งร้อง เช็ดซ้ำให้แล้วก้มลงจูบหน้าผากลูก นพนภามองดูความรู้สึกข้างในล้นขึ้นมาจนตัวสั่นระริก เจนภพห่มผ้าให้ต้อม “เอ้า พ่อหอมอีกที เอ้า หลับได้แล้วนะลูก” เจนภพหันมาหานพนภา “ไปเถอะคุณ ลูกจะได้นอน”
“คุณไปเถอะ คืนนี้ฉันจะนอนกับลูก”
เจนภพพยักหน้า

มุตตาเอาดอกลิลลี่ที่ซื้อมาๆ รวมเข้าเป็นช่อดอกไม้อย่างตั้งอกตั้งใจ โทรศัพท์ดังขึ้น มุตตาหยิบมาดูเห็นชื่อ ผ.อ.ก็ยิ้ม
“ฮัลโหล ผ.อ. มีอะไรหรือคะ”
ที่ห้องนอนเจนภพ เจนภพอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ นพนภาถือโทรศัพท์แนบหูดวงตาวาวโรจน์ ปากสั่นระริก สะกดกลั้นความรู้สึก
“ฮัลโหล”
มุตตาแปลกใจแล้วก็ยิ้มนิดๆ คิดว่าเจนภพเผลอกดโทรออกโดยบังเอิญ นพนภาลดโทรศัพท์ลง ที่หน้าจอขึ้นชื่อ แจงจิต 1 นพนภากัดริมฝีปากแน่นแล้วกดตัดสาย มุตตาจูบโทรศัพท์เบาๆ วางลงแล้วจัดช่อดอกไม้ต่อ

น้ำจากฝักบัวไหลพรูลงมา นพนภาอยู่ใต้สายน้ำนั้น น้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย นพนภากรีดร้องมือทุบฝาผนังครั้งแล้วครั้งเล่าโดยให้เสียงน้ำกลบทุกสิ่งไว้

กลางดึกคืนนั้นขณะที่ต้อมนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง นพนภานอนตะแคงตัวสั่นระริกด้วยโทสะและอาการกลั้นก้อนสะอื้น น้ำตาแห้งเป็นคราบเลอะเทอะบัดนี้เต็มเปี่ยมด้วยไฟแค้น

เช้าวันรุ่งขึ้นมุตตายืนอยู่หน้ากระจกห้องน้ำในมือมีชุดทดสอบการตั้งครรภ์ แถบสี 2 แถบปรากฏขึ้นมุตตาตัวสั่นยิ้มอย่างยินดี

“ลูกจ๋า ลูกน้อยของแม่”
มุตตาสวมชุดใหม่เป็นสีม่วงอ่อนบางเบาพลิ้วหวานไปทั้งตัวนั่งอยู่หน้ากระจก ใบหน้าแต่งพิถีพิถันกว่าทุกวัน แล้วเปิดกล่องแบนหยิบสร้อยมุกมาสวม มุกดูเลื่อมพรายเพชรดูระยิบระยับ

แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาทางหน้าต่างเป็นลำยาว ห้องทำงานเจนภพดูมลังเมลืองฟุ้งฝัน เจนภพอยู่กลางห้อง มุตตาก้าวเข้ามาเจนภพตะลึงไป
“ตา ตาสวยเหลือเกิน” เจนภพก้าวมาใกล้แตะสร้อยมุก “ตาใส่สร้อยของผมด้วย สัญญารักของเราสองคน”
“ตาใส่มาทวงสัญญาค่ะ”
“สัญญาอะไรหือม์ เด็กดีของผม”
“จำได้ไหมคะ ว่าตามีอะไรจะบอกผ.อ.เช้านี้”
“จำได้ซี ตามีอะไรจะบอกผม”
“ผ.อ. เป็นคุณพ่อแล้วค่ะ”
เจนภพเบิกตากว้างยินดีอย่างยิ่ง
“ตา จริงหรือ ผมดีใจเหลือเกิน ลูกหรือจ๊ะ ลูกของผมกับตา ลูกของเราสองคน” มุตตายิ้มตาพราวยังขัดเขินเล็กน้อย เจนภพคุกเข่าลงเอาหน้าแนบกับท้องมุตตา มุตตาลูบไล้ผมเจนภพ เจนภพยืนขึ้นจ้องตามุตตาอย่างสุดรัก “ตา วันนี้ผมจะบอกความจริงกับเขาแล้วเอาอิสระของผมคืนมา ผมจะหย่ากับเขาให้เร็วที่สุด มาแต่งงานกับตาให้ถูกต้องให้สมเกียรติ” มุตตาพยักหน้ายิ้มปิติ “ลูกของเราต้องเกิดมาอย่างเพียบพร้อมที่สุด ตากับลูกคือทุกสิ่งทุกอย่าง
คือชีวิต คือลมหายใจของผม”
เจนภพประคองใบหน้ามุตตาแล้วก้มลงจูบ
มุตตานั่งนิ่งอยู่ในรถแท็กซี่ดวงตาปิดสนิทใบหน้าระบายด้วยรอยยิ้ม
“คุณครับ คุณ คุณถึงแล้ว”
คนขับรถแท็กซี่เรียกเมื่อเห็นมุตตายังนั่งหลับตานิ่ง มุตตาผวาจากภวังค์ เสียงยวดยานผู้คนจอแจดังแทรกมา มุตตาขยับตัวตรงแล้วยิ้มกับคนขับ

วีกิจเดินมาจากลานจอดรถ เห็นมุตตาเดินมาอย่างสดใสก็ก้าวไปหา
“คุณตา”
มุตตาชะงักเจื่อนไปนิดหนึ่ง แต่ความสุขใจทำให้ยิ้มตอบ
“สวัสดีค่ะ คุณกิจ”
“คุณตา ไม่เป็นอะไรนะฮะ”
“ค่ะ ตาไม่เป็นไรค่ะ ตาไม่เคยรู้สึกดีอะไรเท่าวันนี้เลย”
วีกิจแปลกใจ
“ดีแล้วฮะ”
วีกิจเดินมากับมุตตา แจงจิต อรพิม ทิพอาภาเดินมาจากทางหนึ่ง เห็นมุตตาก็อึ้ง แจงจิตถอนใจ อรพิมปั้นปึ่ง ทิพอาภายิ้มแหยๆ ให้ เลอลักษณ์ นักรบ ฉกรรจ์ยืนอยู่ สะกิดกันดูวีกิจกับมุตตา วีกิจและมุตตาเดินมาถึงเชิงบันได รัชนกโผล่มาในมือมีเอกสาร
“คุณกิจคะ ช่วยดูเอกสารนี่ให้นกหน่อย...พี่ตา” รัชนกยิ้มให้มุตตาอย่างเศร้าๆ มุตตาพยักหน้า
“ตาเข้าไปก่อนนะคะ”
รัชนกถามนู่นถามนี่วีกิจพลิกเอกสารหยุดยืนอธิบาย มุตตาเดินต่อไปเห็นปริมกับประสิทธิ์ชัยอยู่ที่บันไดขั้นบน มีท่าทางตื่นเต้นร้อนรนบางอย่าง มุตตาไม่ได้ใส่ใจ มุตตาขึ้นบันไดหลายชั้นขึ้นสู่ลานกว้างหน้าตึกยังคงยิ้มสุขใจ สร้อยมุกสะท้อนแสงแดดเป็นประกายเลื่อมพราย ร่างๆ หนึ่งก้าวมาขวางไว้ มุตตาชะงักเงาดำทาบลงมาบนตัวมุตตา
“เดินเผยอกลีบมาแล้วหรือ นังตัวมาร”
นพนภาตาวาวโรจน์ มุตตาผงะ แจงจิต อรพิม ทิพอาภาตกตะลึงจังงัง ปริมตาวาว ประสิทธิ์ชัยสยดสยอง
รัชนกมองด้วยหางตาแล้วขยับมาทำให้วีกิจเบี่ยงตัวไปทางอื่นและยังถามความในเอกสารไม่ขาดปาก
“คุณนพนภา” มุตตาอุทานออกมา
“อ้อ กลีบสมองหล่อนยังจำชื่อฉันได้ แต่ทำไมจำไม่ได้ว่าฉันเป็นเมียใครหรือว่าหล่อนใช้กลีบอื่นแทนกลีบสมองคิดถึงได้ร่านมาแย่งผัวฉัน”
มุตตาตัวสั่น หน้าซีด
“ฉัน”
เนตรนภิศขยับมาพิงเสาดูอย่างเพลิดเพลิน บรรดาไทยมุงขยับมา เริ่มควักมือถือมาถ่าย
“นังหน้าด้าน นังตอแหล มายาสาไถยเล่นละครตบตาฉันมาเป็นปี อ้างว่าเป็นแฟนหลานลงท้ายก็มาเอาอา เอ๊ะ หรือว่าที่จริงหล่อนฟาดหมด ทั้งอาทั้งหลานฮะอีเทครัว”
ปริมสะใจ ประสิทธิ์ชัยส่ายหน้า
เหมือนมีกระแสจิตบางอย่างวีกิจมองไปเห็นนพนภา มุตตา และบรรดาไทยมุงที่หนาแน่นขึ้น
“อานภา”
วีกิจวิ่งไปทันที รัชนกดึงไว้ไม่ทันรีบวิ่งตาม
“ว้าย นั่นสร้อยฉัน นี่หลักฐานคาคออยู่ นี่หล่อนไม่ได้ขโมยแค่ผัว ยังขโมยสร้อยฉันด้วยหรือ”
“ไม่จริง ผ.อ.ซื้อให้ฉัน”
“อีโง่ นั่นสร้อยฉัน ฉันซื้อมากับมือ ยังไม่ทันใส่ก็หายไปจับมือใครดมไม่ได้ที่แท้ไอ้ผัวสิ้นคิดคาบไปให้ เลวพอกัน เลวชั่วชาติทั้งคู่”
มุตตากำสร้อยแน่น จิตใจสับสนอลหม่าน นพนภายิ่งแค้นมากขึ้น
“ไม่จริง ไม่จริง”
“ทำไมจะไม่จริง”
วีกิจพยายามแทรกคนมาจนถึง แจงจิต อรพิม ทิพอาภา เลอลักษณ์ นักรบ ฉกรรจ์ เลอลักษณ์ชูมือถือถ่ายวิดีโอ
“อย่าฮะ” วีกิจร้องห้าม รัชนกตามติดดึงมือวีกิจไว้
“คุณกิจ น้ำกำลังเชี่ยวค่ะ”
วีกิจไม่ฟัง นักรบกับฉกรรจ์ช่วยดึงวีกิจไว้
มุตตาเซไปพิงขอบคอนกรีต นพนภาตามติด
“นี่ แม่หล่อนไม่ได้สั่งไม่ได้สอนหรือ ถึงไม่มีปัญญาหาผัวเอง หรือว่าแม่หล่อน ยายหล่อนก็แย่งผัวเขาเป็นอาชีพ ความร่านมันถึงได้พล่านอยู่ในสายเลือด” เจนภพเดินไม่รู้อิโหน่อิเหน่มา ผู้คนแยกออกให้เข้าไปกลางวง “รู้ไหมว่าเมื่อวานฉันตามไปดูแกกับผัวฉันระเริงร่านพล่านกามกันในม่านรูด”
เจนภพก้าวไปตัวชาวูบตกตะลึงพรึงเพริด เนตรนภิศแกล้งร้อง
“อุ๊ย คุณภพ”
นพนภาเหลียวมาแล้วแสยะยิ้มเยาะ แจงจิตมองเนตรนภิศแล้วรู้เช่นเห็นชาติ
“ฉันจะเข้าไปฆ่าทั้งสองคนตอนนั้นก็ได้ แต่ฉันอยากให้แกเกากันให้พอให้มันหายคัน รู้ไว้ว่าใครจะมาเอาหล่อนจริง ผัวฉันน่ะใครแบให้มันก็เอาทั้งนั้น”
“ไม่”
“ถ้าหล่อนหวังเงินทอง ก็รู้เอาไว้ซะว่าไอ้ผู้ดีเก่าคนนี้มันปูก้ามโพลก มีแต่เปลือกเกาะเมียกินเป็นแมงดาอยู่ทุกวัน”
เจนภพหน้าชา ขบกราม มุตตามองเจนภพสลับกับนพนภา
“ฉันไม่เคยต้องการอะไรจากเขา”
“งั้นแกก็เลวกว่ากะหรี่อีกน่ะซี”
“ไม่จริง เขารักฉัน เรารักกัน เขาไม่ได้รักคุณ”
นพนภาตัวสั่นมองเจนภพ เจนภพอึ้ง
“มันรักแกคนเดียวล่ะซี นี่ รักกันนักใช่ไหม รักกัน รัก อีหน้าด้าน”
นพนภาตบฉาด มุตตาเซถลา นพนภาตามติดตบซ้ายตบขวา

ร่างมุตตาทรุดลงยกแขนปิดป้องพัลวัน นพนภาจิกผมข่วน มุตตาล้มลุกคลุกคลานสภาพน่าเวทนา

แรงเงา ตอนที่ 4 (ต่อ)

นพนภาโผนตามมาจิกผมมุตตาดึงขึ้น มุตตายืนขึ้นตามแรงมือ มุตตาน้ำตาไหลเลอะ นพนภาขบเขี้ยว ยื่นมือไปกำสร้อย

“นี่คงเป็นสัญญารักจอมปลอมของผัวฉันซีนะ”
นพนภากระชากสร้อย มุกขาดร่วงพรูกระจายกระจัดเต็มพื้น มุตตาเซไปกองกับพื้นอีก วีกิจสะบัดมือนักรบ ฉกรรจ์เข้ามาขวาง
“อานภา หยุดเถอะครับ”
นพนภาชะงัก เจนภพตัดสินใจก้าวมายุดตัวนพนภา นพนภาดิ้นรน
“ปล่อยฉัน ไหนบอกมันซี บอกมันให้หายคันหูซิว่ารักมันคนเดียว”
มุตตามองเจนภพ
“ผ.อ.”
เจนภพเมินไป มุตตาช็อก
“รู้หรือยังว่าเวลาผู้ชายมันหน้ามืด มันพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น อีหน้าโง่”
“นภา พอเสียที”
“ทำไม อายเหรอ ให้มันรู้กันให้ทั่วว่าอีหน้าด้านแย่งผัวคนอื่นจะต้องเจออะไรบ้าง”
วีกิจประคองมุตตาขึ้น มุตตาดวงตาพร่าพราย
“คุณตา” มุตตาสะบัดวีกิจ วิ่งถลาแหวกฝูงชนลงบันไดไป “คุณตา”
“ตา”
“ต๊าย ร่ำร้องกันทั้งอาทั้งหลาน เสน่ห์อีเนี่ยมันคงเลี่ยมทอง” นพนภากระชากแขนเจนภพ “กลับเดี๋ยวนี้นะ”
วีกิจคุกเข่าลง ทิพอาภาเข่าอ่อนน้ำตาไหล วีกิจกัดริมฝีปากเก็บมุกที่กระจายเกลื่อน ทิพอาภาช่วยเก็บ อรพิมคุกเข่าลงอีกคนช่วยเก็บด้วย นพนภาดูแล้วมองเจนภพ
“ขโมยไปให้มันเป็นค่าเปิดหม้อหรือ”
“ก็เอาคืนไปซี”
“เอามาให้เป็นเสนียดเหรอ ไป กลับเดี๋ยวนี้”
นพนภากระชากแขนเจนภพลงบันได ผู้คนแตกแยกเป็นช่อง เนตรนภิศถลาตาม
“พี่นภา”
แจงจิตก้าวมาขวางมองแบบฉันรู้นะ เนตรนภิศเชิดใส่วิ่งต่อ แจงจิตมองรัชนก รัชนกสะอื้นน้ำตาไหลออกมาทันที ประสิทธิ์ชัยรีบเข้ามาปลอบ แจงจิตจึงยังจับไม่ได้
“โธ่เอ๋ย พี่ตา”
“คุณนก อย่าร้องไห้เลยฮะ”
ผู้คนวิจารณ์กันแซ่ด วีกิจ ทิพอาภา อรพิมเก็บมุกทั้งหมดขึ้นมา
“คนสิ้นคิด เจอยังงี้แหละสมแล้ว” ปริมบอกอย่างสะใจ
ประสิทธิ์ชัยปล่อยรัชนก จับแขนวีกิจ
“ไอ้กิจ”
“ขอร้องว่ะ อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย”
วีกิจพูดเรียบๆ ดวงตาอ่อนโยนกลายเป็นดุดัน ประสิทธิ์ชัยอึ้ง วีกิจมองปริม ปริมหน้าซีด

มุตตานั่งเอนซบประตูรถแท็กซี่ผมรุ่ยร่ายเลือดซึมจากปากที่แตก รอยแดงรอยช้ำเริ่มชัดขึ้น เสื้อมีรอยขาดที่ไหล่ อกเสื้อ มุตตาน้ำตาหยดหยาด รถแท็กซี่แล่นไปเรื่อยๆ ขึ้นสะพานเงาจากโครงสะพานทาบทับมาเป็นเงามืดสว่างสลับกัน

ที่ห้องทำงานมุตตาแทบไม่มีการทำงาน เพื่อนร่วมงานสองคนนั่งวิเคราะห์สถานการณ์กัน ทิพอาภานั่งร้องไห้เงียบๆ ที่โต๊ะ อรพิมมองอย่างเซ็งๆ
“นี่ จะร้องไห้ให้มันเป็นอะไรขึ้นมายะ” อรพิมถามอย่างหมั่นไส้
“ฮื่อ สงสารยายตา”
“ก็ไม่น่านี่น้า”
“ฉันกลัวจังเลย ฉันกลัวยายตาคิดสั้น”
“ฮื้ย บ้า คิดสั้นอะไร แค่โดนตบนิดเดียว”
“ก็ยายตามันเหล็กไหลไฟเบอร์เหมือนเธอเหรอยะ นังบ้า”
แจงจิตหอบแฟ้มออกมาจากห้องเจนภพมองดูโต๊ะมุตตา ถอนใจอย่างสลดใจแล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นแจงจิตคนเดิม
“เอ้าทำงานจ้ะ ทำงาน เห็นแก่ประชาชนผู้เสียภาษี”
ทิพอาภาสั่งน้ำมูกพรืด อรพิมค้อนแจงจิต

วีกิจเอนตัวพิงเก้าอี้มองดูกล่องนามบัตรที่ใส่สร้อยมุกไว้จนเต็ม มุกเม็ดใหญ่ล้อมเพชรทอแสงอยู่ ปริมพิมพ์คอมเร็วปรื๋ออยู่ข้างๆ รัชนก ประสิทธิ์ชัยเดินผ่านมา
“สวยจังนะคะ” รัชนกบอก
“อะไรหรือครับ” ประสิทธิ์ชัยถามอย่างแปลกใจ
“สร้อยมุกน่ะซีคะ ไม่รู้ว่าชาตินี้จะมีใครให้หรือเปล่า”
“โธ่ ต้องมีซีครับ”
“แต่ถ้าถึงขนาดแฮปเมียมาให้ก็ไม่ไหวนะจ๊ะ” ปริมบอก
“ไม่แน่หรอกค่ะ อาจจะยิ่งปลื้มก็ได้”
วีกิจมองปริมกับรัชนกอย่างเย็นชา รัชนกทำหน้าเสีย ปริมเชิด
“ยังไงคะ อุตส่าห์นั่งเก็บทีละเม็ดจะเอาไปต่อใหม่หรือ”
“ยังงั้นมังฮะ”
“อุ๊ย แบบนี้ต่อไม่ติดแล้วมังคะ ขาดกระจุยพินาศขนาดนั้น”
“ถ้าผมอยากต่อจริงๆ มันก็ต้องติด อย่าห่วงเลยฮะ ไม่เหมือนบางอย่างหรือบางคนหรอกครับ ให้ต่อยังไงมันก็ไม่ติด”
วีกิจเก็บกล่องใส่ลิ้นชักลั่นกุญแจ ปริมสะเทือนใจ รัชนกยิ้มเยาะประสิทธิ์ชัยมองรัชนกแอบไร้เดียงสาใหม่ทันใดนั้นเลอลักษณ์ นักรบ ฉกรรจ์ก็ร้องกันเกรียวกราว
“ต๊าย ลงยูทูปแล้ว”
“อะไรหรือฮะ”
“จะอะไรคะก็คลิปนะซี” วีกิจมอง
“ตั้งชื่อได้เริ่ดมาก ตบน้อยหน้ากระทรวง”

ปริมร้องวี๊ดถลามาดู วีกิจเม้มปากถอนใจ ประสิทธิ์ชัยกับรัชนกตามไปมุงดู

ภาพในจอคอมพิวเตอร์เป็นภาพคลิปที่ถ่ายจากมือถือเห็นนพนภาด่ามุตตาประโยคท้ายๆ แล้วตรงเข้าตบตีจนไข่มุกกระจายเกลื่อน ที่หน้าคอมฯ ศรีอ้าปากค้างยื่นมือมาสะกิดฤดี ฤดีบ่นขยับมาดู

“รำคาญจริง อะไรอีกล่ะ เอ๊ะ”
“ใช่ไหมคะ”
“แม่พร มาดูนี่หน่อย”
พรอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ลุกมา
“อุ๊ยตาย ป้าเล่นเฟซบุ๊คด้วยเหรอ ว้าย”
“ใช่ ใช่ไหมยะ”
พรหน้าเผือด ประตูใหญ่เปิดออก มุตตาก้าวมาเสื้อยังมีรอยขาดรอยฟกช้ำชัดเจนมองมาที่เคาน์เตอร์ ทั้งสามนางอึ้ง มุตตาวิ่งไปเข้าข้างใน
“โธ่เอ๋ย ตอนออกไปยังกะนางฟ้า”
“นางฟ้าตกสวรรค์แล้วน่ะซีคะ”
“ตกไปถึงนรกขุมต้นงิ้วเลยล่ะ”
ทั้งสามนางแม้จะพูดเมามันแต่ก็เวทนา พรลุกไป
“เดี๋ยวฉันไปดูเองป้า”

เจนภพเดินงุ่นง่านอยู่ที่ห้องโถงของบ้าน นพนภานั่งบนโซฟามองอย่างหมั่นไส้ ต่อ ต้อง ต้อม แต้วนั่งดูโทรทัศน์รายการแชทโชว์อยู่
“นี่เลิกพล่านซะที ทำไม ได้เวลาแล้วหรือ” นพนภาถามอย่างหมั่นไส้
“เวลาอะไร”
“ก็เวลาม่านรูดไง พอค่ำหน่อยฮอร์โมนมันก็สูบฉีดสะกดกลั้นไว้หน่อยก็แล้วกันเดี๋ยวจะทะลักออกมาทางปาก”
“คุณเองก็ระวังที่มันทะลักออกจากปากด้วย ลูกก็นั่งอยู่ตรงนี้”
บรรดาลูกๆ ทำหน้าเซ็ง
“ทะลักออกมาจากปาก” ต้อมทวนคำ แต้วตะครุบปากต้อม
“ไม่ต้องมาอ้างลูกหรอก เด็กพวกนี้มันรู้เช่นเห็นชาติพ่อมันมานานแล้ว”
“ยังงี้ไง ลูกมันถึงไม่เคารพพ่อเคารพเชื้อ” ต่อเบะปาก
“จะให้ลูกเคารพก็ต้องทำตัวดี ไม่ใช่ทำชั่วแล้วปิดไม่ให้ลูกรู้”
“แล้วทีคุณโกงที่แล้วส่งคนไปซ้อมเขาน่ะ มันดีนักซี”
นพนภากรี๊ดลั่นพร้อมกับบรรดาคนดูในรายการกรี๊ดดารา
“ต๊าย เสียงแม่ชนะขาด” ต้องบอก
“คุณพ่อ แย่งแฟนพี่กิจเหรอคะ” ต้อมถามตามประสาเด็ก เจนภพอึ้ง นพนภายิ้มนึกรักต้อมขึ้นสิบเท่า
“ตอบมันซี ลูกถามน่ะ”
เจนภพจะโต้ตอบแล้วชะงักเดินเข้าห้องน้ำไป

เจนภพเข้าห้องน้ำล้วงมือถือที่ตั้งระบบไซเลนซ์ไว้ขึ้นมารับสาย
“ตา”
มุตตานั่งพิงพนักเตียง ผมเผ้าหน้าตาล้างแล้วลวกๆ แต่ยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า
“ผ.อ.”
“ตา เป็นยังไงบ้าง ผมเป็นห่วงตามากนะ”
“ตา ตาอาย ตาไม่รู้จะทำยังไงดี”
“ตา ใจเย็นๆ ไว้ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย”
“ตากลัวเหลือเกินค่ะ ตาไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะทำยังไงดี ตาอายทุกคน ตากลัวไปหมดจะทำยังไงดีคะ”
มุตตาน้ำตาไหล
“ก็ไม่ต้องทำยังไง นอกจากอย่าเผยอกลีบมาหาผัวฉันอีก” มุตตาผงะ
ที่ห้องน้ำ นพนภาพูดมือถือ เจนภพยืนอึ้ง ต่อถือกุญแจไขห้องน้ำ ต้อม ต้อง แต้ว แม้แต่ยายแหวงชะเง้อกันเต็มประตูห้องน้ำ
“ถ้าอายมากก็ลาออกไปขายหอยขายปูที่ไหนก็ไป นังหน้าด้าน หนอยโทรมาออเซาะผัวฉัน รู้ไว้ วันไหนฉันเจอแกอีก ฉันจะไม่ใช่แค่ตบ ฉันจะเอาให้หนักกว่านั้น”
มุตตาหน้าซีดเผือด โทรศัพท์หลุดมือตกลงพื้นแตกกระจาย
“ว้าย มันกระแทกโทรศัพท์ใส่ฉัน ว้าย หูแทบแตก อีนี่ ทำหน้าซื่อหน้าซีดแต่มีฤทธิ์มีเดชนัก คอยดูนะ ฉันจะ...”
“นี่ คุณ พอเสียที”
“ฉันไม่พอ หนอย ปิดเสียงโทรศัพท์แอบเข้ามาโทรในรูส้วม” นพนภากดมือถือชื่อแจงจิต 1 ขึ้นอีก “แจงจิต 1 เชอะ บอกเลขาโทรมาเรื่องงาน ที่แท้ก็เรื่องง่าน ฉลาดนักกะไอ้เรื่องชั่วๆ”
นพนภาปาโทรศัพท์สุดแรงใส่เจนภพ เจนภพหลบมือถือกระทบผนังแตกกระจายเกลื่อน
“นี่คุณ มือถือผม”
“อ๋อเหรอ แล้วทำไมค่าเครื่องค่าโทร ฉันจ่ายอยู่คนเดียวล่ะ”
เจนภพฮึดฮัดเดินโครมๆ ออกไป นพนภาเซ
“โธ่เอ๋ย ซัมซุง แกแล็กซี่” แต้วทำเสียงเสียดาย

เจนภพหัวเสียสุดๆ เดินจะเข้าห้องนอน พบต่อถือกุญแจห้องน้ำเดินผ่านจะเข้าห้องนอนตนเช่นกัน ต่อมองหน้าพ่ออย่างสะใจ เจนภพกระชากคอเสื้อต่อไว้
“แกร่วมมือกับแม่แกดีนักนะ”
“พ่อทำผิดก็สมควรแล้ว ปล่อยผม”
เจนภพไม่ปล่อยผลักต่อไปปะทะผนัง ต่อดิ้น จังหวะนี้ต้องเดินขึ้นมาพอดีจึงแอบดูเหตุการณ์
“ทำไม แกจะสู้พ่อแกงั้นเหรอ เข้าข้างแม่จนไม่มีเหลือความเคารพในตัวฉันแล้ว”
“แล้วพ่อมีอะไรให้ผมเคารพล่ะ พ่อทำตัวแบบนี้ไม่ควรมาเป็นพ่อคนด้วยซ้ำ”
เจนภพเดือดดาลสุดขีดตบหน้าต่อฉาดใหญ่ ต่อนิ่งงันไปสะอื้นออกมา
“งั้นแกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่อ เป็นลูกผู้ชายแบบไหนวะเข้าข้างแม่จนหน้าจะเป็นตัวเมียอยู่แล้ว”
เจนภพผลักต่อเซไปแล้วกลับเข้าห้อง ต่อยืนนิ่งแล้วร้องไห้ออกมา ต้องเดินเข้ามา
“ต่อ”

ต่อตกใจรีบเช็ดน้ำตา แล้วรีบเดินกลับห้องไปทันที ต้องสลดใจ

เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องต่อเปลือยท่อนบน วิ่งกับลู่วิ่ง น้ำตายังนองหน้า แล้วมานั่งยกเวทต่อแต่แล้วก็หมดแรงฟุบหน้าร้องไห้ทั้งเจ็บปวดทั้งเกลียดชังพ่อ เสียงคอมออนไลน์เข้ามาต่อตรงไปนั่งกดรับสาย พี่รูปหล่อยิ้มให้อยู่ในชุดเสื้อกล้าม

“แอนโนนีมัส เป็นอะไรไปครับ ร้องไห้ทำไม”
“ผมไม่อยากอยู่บ้านแล้วครับพี่ อยากหนีไปไกลๆ”
“พี่เป็นที่ปรึกษาได้ทุกเรื่องนะครับ เล่ามาเลยใครแกล้งน้อง”
“ผมเพิ่งทะเลาะกับพ่อ”
“อืมม์ ก่อนคุย น้องจะบอกชื่อจริงพี่ได้หรือยัง”
ต่อลังเลนิดหน่อย
“ผม ต่อครับ”
“สวัสดีครับต่อ”
หนุ่มยิ้มหล่ออย่างอบอุ่น

อีกด้านหนึ่งมุตตาคุกเข่าลงเก็บมือถือที่แตกเป็น 3-4 เสี่ยงขึ้นมา น้ำตาหยด พรเข้ามา
“พี่พร”
พรกางมือออกมุตตาโผเข้ากอด พรดึงมุตตามานั่งที่เตียงมุตตาสะอื้นฮัก พรลูบผมปลอบ

วีกิจยืนโทรศัพท์หามุตตาอยู่ที่บ้าน สร้อยคำนั่งบนโซฟาในมือคือกล่องมุก บัวนั่งกับพื้น วีกิจลดโทรศัพท์ลง
“ติดต่อไม่ได้ฮะ”
“นี่มันอะไรกัน หนูตาเองหรือ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นไปได้”
“ยังไงมันก็เป็นไปแล้วล่ะครับ”
“มันกรรมเวรอะไร ถึงไปหลงลมนายภพได้”
“อาภพเป็นคนน่ารักสำหรับผู้หญิงมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนะฮะ”
“โธ่เอ๋ย มันคุ้มค่ากันหรือเป็นเมียน้อย แม่นภาไม่มีวันยอมหรอก”
“ตาไม่ได้คิดจะเป็นเมียน้อยหรอกฮะ ตาเข้าใจมาตลอดว่าอาภพกับอานภากำลังจะแยกทางกัน”
“โธ่เอ๋ย ผู้ชายใช้มุขนี้หลอกผู้หญิงมากี่ร้อยปีแล้วนะ”
“อาภพหลอกตา แต่ดูเหมือนผมเองก็เคยพูดให้ตายิ่งเชื่อไปใหญ่”
“ยังไงฮึลูก”
“ผมเคยพูดเรื่องอาภพกับอานภาทะเลาะเบาะแว้งกันให้ตาฟังน่ะซีฮะ แต่ผมไม่เคยเล่าว่าเขารักกันมากขนาดไหนสมัยหนุ่มๆ สาวๆ หรือแม้แต่ตอนนี้ผมว่าเขาก็ยังรักกันอยู่ไม่ใช่น้อยๆ”
วีกิจนั่งลงอย่างหมดแรง
“มันคือเวรคือกรรมน่ะลูก ที่ดึงทุกคนให้มาเกี่ยวข้องกัน” บัวถอนใจยาว “อะไรฮึ บัว”
“สงสารคุณมุตตาค่ะ คุณสร้อย”

เช้าวันรุ่งขึ้น เจนภพแต่งตัวเรียบร้อยนั่งกินอาหารเช้าที่โต๊ะ แต้วยืนดูแลอยู่ใกล้ๆ

“นี่เด็กๆ ไปไหนหมด”
“ไปโรงเรียนกันหมดแล้วค่ะ”
“จริงซีนะ วันนี้ฉันลงมาสายกว่าทุกวัน”
เจนภพรีบกินอาหารแล้วชะงักเมื่อเห็นนพนภาเดินมา ยับยู่ยี่ทั้งชุดนอน หน้าและผม
“ว้าย” แต้วร้องออกมาอย่างตกใจ
“ร้องอะไรยะ ทำเหมือนเห็นผี”
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงค่ะ”
“ฉันโทรมมากซีนะ มีผัวผิดก็คิดจนตัวตายแบบนี้แหละ ไป ไปเอาข้าวต้มมา” แต้วรีบไป นพนภามองเจนภพ “นี่ไม่ต้องรีบหรอก ฉันยังไม่ได้อาบน้ำแต่งตัว”
“แล้วคุณมาเกี่ยวอะไรด้วย”
“ฉันจะไปทำงานด้วย”
“จะบ้าเหรอ นี่ยังทำขายหน้าไม่พอหรือ”
“ทำไมต้องขาย ฉันทำผิดอะไร ฉันไม่ได้ส่ำส่อน ผิดลูกผิดผัวใคร อีและไอ้ที่มันสำส่อนซีถึงต้องอาย”
“คุณไม่ให้เกียรติผม”
“ก็คุณมีเกียรติอะไรเหลืออยู่บ้างล่ะ”
“คุณ”
“ฉันไม่ได้ทำผิด ฉันทำสิ่งดีงามด้วยซ้ำที่ได้ประกาศให้โลกรู้ว่าคนที่ผิดศีลข้อกาเม มันต้องเจอกับอะไร มันเป็นกฏแห่งกรรมไงภพ ใครทำกรรมอะไรไว้กรรมนั้นก็ตามมาสนอง”
“อย่างงั้นหรือ”
“ใช่ เวรกรรมมันมีจริง”
“ถ้ามันมีจริง ผมจะรอดูเวลาที่กรรมมันตามสนองคุณบ้าง”
เจนภพลุกขึ้นเดินไป นพนภาถลาตาม แต้วยกชามข้าวต้มมาพอดี
“นี่อย่าเพิ่งไปไหนนะ รอฉันก่อน”
“นี่ค่ะ ข้าวต้ม”
“กว่าจะมาได้เอาไว้ราดหัวแกก็แล้วกัน”

นพนภากระทืบเท้าเดินไปขึ้นบันได แต้วยักไหล่นั่งลงกินเอง

ทิพอาภา อรพิมและเพื่อนร่วมงานอีกสองคนมองดูภาพตรงหน้าเป็นตาเดียวเมื่อเห็นหน้าห้องเจนภพถูกจัดใหม่ มีโต๊ะทำงานหลุยส์ เก้าอี้พนักสูง โคมไฟ อีกทั้งของเสริมฮวงจุ้ยต่างๆ และเมื่อเก้าอี้พนักสูงหันมาเห็นนพนภาพูดโทรศัพท์อยู่

“ค่ะ ค่ะ ปีหน้าดอกเบี้ยคงจะขึ้นค่ะ ค่ะ แล้วดิฉันจะแฟกซ์ไปให้ค่ะ” นพนภาวางสายหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งมาโบกทิพอาภา อรพิมทำตาปริบๆ เพื่อนร่วมงานอีกสองคนรีบหลบตา “เอ้า เธอไปแฟกซ์ให้ฉันที” ทิพอาภาหน้าซีด เอานิ้วชี้หน้าอกตัวเอง “ก็หล่อนนั่นแหละย่ะ แม่ซีดเกาหลี”
ทิพอาภาลุกมารับกระดาษไปแฟกซ์ อรพิมกระซิบ
“นี่แหละที่เขาว่างานหลวงก็ไม่ขาด งานราษฎร์ก็ไม่เว้น”
แจงจิตออกมาจากห้องเจนภพ
“นี่แม่คุณ หายเข้าไปทำไมตั้งนานสองนาน” นพนภาถามแจงจิต
“ก็งานเมื่อวานมารวมกับวันนี้ มันก็เบิ้ลเป็น 2 เท่าน่ะซีคะ”
“อย่ามาปากดี ฉันยังไม่ได้ชำระความกับเธอ นี่ทำไมเธอไม่บอกฉันเรื่องนังมุตตา”
“ดิฉันไม่เคยเห็นเขามาฟัดกันในกองกับตานี่คะ แต่ดิฉันก็เคยฝากคุณเนตรนภิศให้ไปบอกคุณตั้งแต่ ผ.อ.เริ่มทำท่าแปลกๆ”
แจงจิตตัดสินใจไม่แฉเนตรนภิศ นพนภาขมวดคิ้ว
“ฮึ มันเพิ่งมาบอกฉันเมื่อวานซืนเอง นี่เธอไม่ต้องโทษคนอื่นมันเป็นหน้าที่เธอที่จะต้องบอกฉัน”
“ถ้าเป็นหน้าที่ งั้นดิฉันก็ขอลาออกวันนี้เลยก็แล้วกันค่ะ”
“นี่”
“ไม่ใช่ดิฉันกระด้างกระเดื่องอะไรนะคะ แต่คนอย่าง ผ.อ.น่ะรอบจัดเหลือเกินดิฉันตามไม่ทันค่ะ”
“อ้อ ฉันลืมไปว่าเธอน่ะมันสาวทึนทึก ไม่มีผัว เลยขาดประสบการณ์ตรง”
แจงจิตเกือบสะดุ้งแล้วฝืนยิ้ม อรพิม ทิพอาภาอ้าปากค้าง
“ค่ะ ยกหน้าที่นี้ให้พวกมีผัวแล้วเถอะค่ะ”
“ไปได้แล้ว อ้อ ก่อนไปแง้มประตูให้ฉันเห็นหน้าผัวหน่อย”
แจงจิตไปแง้มประตูห้องเจนภพอ้าซ่า เจนภพกำลังเซ็นหนังสือชะงักไป แจงจิตกลับโต๊ะ
“อ้อ แล้วเวลามีสายเข้าถึง ผ.อ. ก็เช็คดูให้ดีนะจ๊ะ อย่าทำตัวเป็นผู้ช่วยเมียน้อย”
นพนภาประกาศ อรพิม ทิพอาภายิ้มแหยๆ นพนภามองดูโต๊ะมุตตาที่ว่างเปล่า

วันเดียวกันนั้นที่อาศรมแม่ชี มีแม่ชีท่าทางใจดีแต่แต่งหน้าทาปากแดงนั่งอยู่บนอาสนะ มุตตากับพรนั่งอยู่ในบรรดาผู้มีทุกข์อีกนับสิบ แม่ชีหลับตาอยู่แล้วสะดุ้งน้อยๆ ลืมตา
“แม่เห็นวิญญาณเด็กเกาะหนูอยู่” มุตตางง พรทำตาปริบๆ “เคยไปทำแท้งมาหรือเปล่า”
“ไม่เคยค่ะ”
“แล้วเคยพาใครไปทำแท้งหรือให้เงินใครไปทำแท้งบ้างหรือเปล่า”
“ไม่เคยแน่ๆ ค่ะ คุณแม่”
“อื้อ หนูแน่ใจหรือก็แม่เห็นจริงๆ”
พรยกมือ
“แม่ชีขา เป็นไปได้ไหมคะว่ามีคน เอ้อ ใกล้ชิดหนูมุตตาเคยทำแล้ววิญญาณเด็ก กระโดดไปเกาะหนูมุตตาเล่นๆ”
แม่ชีพบทางออก ยิ้มละไม
“ก็เป็นไปได้” แม่ชีมองพร พรทำท่าจุ๊ๆ ให้สนใจมุตตาต่อ แม่ชีมองมุตตาแล้วด้นสด “ที่มีวิญญาณเด็กมาเกาะ ก็เพราะดวงหนูตกมากลูก”
“จะอีกนานไหมคะ”
“อีกปีหนึ่งเต็มๆ ลูก”
“ปีนึง ว้ายตาย แล้วเรื่องคู่ล่ะคะ”
“เขาน่ะคู่เราเป็นคู่แท้เป็นคู่สร้างคู่สม แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะได้ครองคู่ยังมีเจ้ากรรมนายเวรคอยขัดขวางอยู่”
มุตตาที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง บัดนี้เชื่อหมดใจ
“ไม่ใช่แค่เจ้ากรรมนายเวรล่ะค่ะ เมียเขายังขวางอยู่ทั้งคน” พรบอก
“อย่าแทรกแม่ลูก บาป อีนั่นน่ะ แหม แม่ไม่ควรพูด แต่ไหนๆ พูดแล้วนังนั่นน่ะมันคู่ล้างคู่ผลาญของคู่เรา แต่ก็จวนหมดเวรหมดกรรมกันแล้ว”
“แปลว่าเขาจะเลิกกันแน่ใช่ไหมคะ”
“แม่บอกแล้วว่าต้องรออีกปีนึง”
“ปีนึงลูกรอไม่ไหวค่ะ”
“ค่ะ ขืนรอล่ะก็คลอดก่อนแน่ค่ะ”
พรตะครุบปาก มุตตาอับอาย แม่ชีมองแววละโมบโผล่แล้วสงบใหม่
“แต่ถ้าทำให้ถูกต้องเจ้ากรรมนายเวรก็จะอโหสิกรรมเร่งฟ้าเร่งดินได้ลูก”
“ต๊าย ยังกะปุ๋ยเร่งดอก”
“อย่าแทรกแม่ลูก บาป”
“คุณแม่ ต้องทำยังไงบ้างคะ”
“ต้องทำหลายเรื่องนะลูก ชื่อหนูน่ะมีอักษรกาลกิณีต้องเปลี่ยนชื่อใหม่แล้วก็ต้องผูกดวงใหม่แล้วเอาแผ่นบรรจุดวงใส่ในฐานชุกชีพระประทานแล้วก็สร้างพระปางห้ามสมุทร”
“ไว้ห้ามนังเมียหลวงผีเสื้อสมุทรหรือคะ”
“อย่าพูดแทรกแม่ลูก”
“ค่ะ บาป”
พรชักตงิดๆ แต่มุตตาพนมมือศรัทธาเปี่ยมล้น

มุตตาและพรเดินมาตามทาง
“เกือบสองหมื่น หนูยังจะทำอีกหรือ”
“หนูอยากทำค่ะ”
พรอ่อนใจ แต่ไม่อยากขัด
“แล้วหนูมีเงินหรือ”
“มีอยู่หมื่นเดียวค่ะ”
“พี่เองก็เพิ่งจ่ายค่าแชร์ไปหมดตูดแล้ว รอเดือนหน้าไหมหนูพี่จะเปียแชร์ให้”
“หนูไม่อยากรอค่ะ”
“ทองก็ไม่เหลือแล้ว สร้อยมุกหนูก็...” พรนึกถึงคลิป มุกกระจายเกลื่อน มุตตานิ่งอั้น “เอายังงี้ไปยืมไอ้เสี่ยเพิ่ม แต่งตัวให้โป๊ๆ ไอ้แก่นี่มันแพ้ของขาวไปโชว์โอโม่ซะหน่อย”

มุตตาถอนใจ

โปรดติดตาม "แรงเงา" ตอนต่อไป เวลา 9.00 น. 
แรงเงา ตอนที่ 3
แรงเงา ตอนที่ 3
คืนนั้นมุตตาสวมเสื้อคลุมอาบน้ำนั่งหน้ากระจกเงากำลังหวีผมอยู่ในห้องพักของโรงแรมม่านรูด เจนภพเข้ามานั่งเบียดจูบซอกคอ มุตตาหน้าแดง เจนภพหอมอย่างพอใจ “จนป่านนี้แล้ว ยังจะอายผมอยู่อีก” “ก็...ตา” “ผมรู้ว่าตารักผมมาก ตามอบทุกสิ่งทุกอย่างให้ผม แต่ผม ผมแทบไม่มีอะไรมาตอบแทนตาเลย” “ทำไมต้องพูดแบบนี้ล่ะคะ ความรักที่แท้คือการให้ ไม่ต้องการอะไรตอบแทนหรอกค่ะ” “ผมรักตาเหลือเกิน ถ้าผมไม่ใช่แค่ข้าราชการ ผมคงมีอะไรให้ตาได้มากกว่านี้” “อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ เพียงแค่ ผ.อ.รักตาเหมือนที่ตารัก ผ.อ.ก็พอแล้ว” “ผมสัญญาตา ผมสัญญา” เจนภพซุกไซ้มือไม้เปะปะ “อ้อ ตา” “คะ” “ตาเริ่มกินยาแล้วใช่ไหม” มุตตาอึ้งไปนิดหนึ่งแล้วพยักหน้า “คนดี เราจะได้ไม่ต้องห่วงว่ามีอะไรผิดพลาดจ้ะ” “ค่ะ” “แล้วอีกอย่าง ตาอย่าทำตัวผิดปกติ เคยทำยังไงก็ทำอย่างนั้น อย่าแต่งตัวหรูนักสร้อยนี่ก็อย่าใส่ คนจะผิดสังเกตเปล่าๆ”
กำลังโหลดความคิดเห็น