The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 18
ณัฐเดชรีบเดินออกไป หมอวรวรรธถามสามสาว
“ใครลักพาตัวเนตรไป” หมอวรวรรธถาม
“ลาภค่ะ ท่าทางมันจะวางยาเนตร”
“มันคงรู้ว่าเนตรสงสัยว่ามันเป็นคนวางยาหมอรุทธ์”
“หน้าไอ้นั่นโรคจิตยังไงก็ไมรู้ งานนี้พี่เนตรไม่รอดแน่ๆ”
“ไอ้ก๊อง”
กรรณาตบกบาลก๊อง ก๊องคลำหัวป้อยๆ
“เนตรต้องปลอดภัย”
หมอวรวรรธวิ่งตามณัฐเดชออกไป ทุกคนตามแต่กรรณาหันมาห้ามก๊อง
“ไม่ต้องไป แกอยู่ที่นี่คอยเฝ้าไอ้หมอรุทธ์”
กรรณาวิ่งตามไป ก๊องมองตามเซ็งๆ
“ตลอด ตลอด ตลอด”
กระเป๋าสะพายของเนตรศิตางศุ์วางอยู่บนเบาะข้างคนขับ เสียงโทรศัพท์มือถือดังจากในกระเป๋า ลาภล้วงมือเข้าไปควานหาแล้วหยิบออกมา ลาภกำลังขับรถ มองโทรศัพท์มือถือของเนตรศิตางศุ์ในมือซึ่งขึ้นชื่อ “ณัฐเดช” ลาภเปิดกระจกรถแล้วปาโทรศัพท์ออกไป ลาภมองไปทางกระจกส่องหลังเห็นเนตรศิตางศุ์นอนฟุบอยู่กับเบาะหลัง ตาลอยคว้าง สะลึมสะลืออย่างคนที่เมายานอนหลับ
“พี่ณัฐ...”
ลาภมองจากกระจกส่องหลัง
“ดีมากคนเก่ง โดนยานอนหลับดอมิคุ่ม (Dormicum) เข้าไปผสมกับยากล่อมประสาทนิวรอนติน (Neurontin) เข้าไปขนาดนี้ยังลืมตาได้ถือว่าเยี่ยมมาก แต่ก็ได้แค่นี้แหละแม่ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ฤทธิ์ยาของผมจะทำให้คุณขาดสติ แต่คุณจะได้ยินผมและทำได้ทุกอย่างที่ผมสั่ง เหมือนหุ่นยนต์เลย” เนตรศิตางศุ์หลับตาลง “ผมบอกว่าอย่าหลับ”
เนตรศิตางศุ์ลืมตาขึ้นแบบลอยๆ “คุณเคยผ่านมือผู้ชายมาไหมคุณเนตร”
“ผ่านมือ ผ่านมือ”
“แบบว่าร่วมรักน่ะ”
“ร่วมรักไ ม่ ไม่เคย...”
ลาภหัวเราะลั่นรถ
“ดีมาก เอางี้...ผมจะเล่าอะไรให้คุณฟังแก้ง่วง คุณเคยอ่านคดีฆ่าข่มขืนไหม ผมว่าไอ้คนพวกนั้นมันไร้รสนิยมสิ้นดี ไม่เหมือนผม ถ้าผมจะจัดการกับใคร มันจะต้องน่าประทับใจ ทุกคนบนโลกจะได้จดจำ”
ลาภหัวเราะชอบใจ เนตรศิตางศุ์ตาปรือหวาดกลัวต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่ไม่สามารถบังคับตัวเองได้
ด่านสกัดจับของตำรวจตั้งอยู่ริมถนน เหล่าตำรวจถือไฟฉายส่องรถที่ขับผ่าน เช็คหาผู้ต้องสงสัย รถณัฐเดชขับมาจอดเลียบริมถนน ณัฐเดช กรรณา กรรัมภาลงจากรถ ตำรวจทำความเคารพณัฐเดช
“เจอน้องสาวผมหรือยัง”
“ยังเลยครับ ผมสั่งตั้งด่านสกัดทางออกทุกจุดของเมืองพัทยาแล้วแต่ยังไม่พบรถของผู้ต้องสงสัยเลยครับ”
“แสดงว่ามันยังอยู่ในพัทยา”
ณัฐเดชพยักหน้าเห็นด้วย
“ไอ้ลาภ ถ้าแกแตะต้องน้องสาวชั้นแม้แต่ปลายเล็บ แกตายแน่”
ไตรรัตน์ขับรถรถญาณินพุ่งมาตามถนนอย่างเร็ว
“คุณญาณิน ในกรณีนี้ เราใช้ไสยศาสตร์ช่วยไม่ได้เหรอ” ติณห์ถามญาณิน
“เออ นั่นดิ” ไตรรัตน์เห็นด้วย
“ไสยศาสตร์ไม่ได้ทำอะไรได้ทุกอย่างหรอก คุณติณห์ ไม่งั้นก็ไม่ต้องมีกรมตำรวจแล้ว”
ทุกคนมีสีหน้าเป็นกังวล
ลาภขับรถเข้ามาจอดที่หน้าโรงละคร เนตรศิตางศุ์นอนตาลอยอยู่เบาะหลังลาภเหลียวหลังไปมองเนตรศิตางศุ์ เห็นสภาพเนตรศิตางศุ์ก็ยิ้มพอใจ แล้วลงจากรถเดินอ้อมไปเปิดประตูหลังก้มตัวบอกเนตรศิตางศุ์
“ลงมาได้แล้ว” เนตรศิตางศุ์ลุกขึ้น ลงจากรถ ตาลอยอย่างไร้สติ ลาภกระซิบบอกข้างหู “จำที่นี่ได้ไหม”
เนตรศิตางศุ์มองโรงละคร
“ใบหม่อนอย่าฆ่าคุณน้องออนซ์” เนตรศิตางศุ์พูดแบบคนเมา
“จำได้แล้วใช่ไหม งั้นก็เข้าไปซะ”
เนตรศิตางศุ์เดินไปเข้าไปในโรงละครเอง ลาภยิ้มพอใจ
เนตรศิตางศุ์เดินเข้าไปในโรงละครในสภาพเหมือนคนละเมอ ใบหม่อนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเนตรศิตางศุ์แล้วต่อว่าเนตรศิตางศุ์อย่างไม่พอใจ
“หายไปไหนมาตั้งนาน เธอลืมไปแล้วใช่ไหมว่าเธอรับปากว่าจะช่วยชั้น ตกลงรู้หรือยังว่าใครฆ่าชั้น”
“คุณใบหม่อน...”
เนตรศิตางศุ์เดินทะลุผ่านร่างใบหม่อนไปเลย ใบหม่อนงง
“เนตร เธอเป็นอะไร เธอเห็นชั้นหรือเปล่า”ใบหม่อนจะคว้าแขนเนตรศิตางศุ์ แต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่เดินตามไปถาม
“เนตร...ทำอย่างกับไม่เห็นชั้น...เธอช่วยหันมาพูดกับชั้นหน่อยได้ไหม ชั้นเหงา เนตร...”
เนตรศิตางศุ์ยังคงเดินไปเรื่อยๆ
ที่ห้องบันทึกภาพกล้องวงจรปิดในโรงละคร ยามนั่งแชทในโทรศัพท์ท่าทางระรื่นโดยนั่งหันหลังให้จอภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกมุมต่างๆ ในโรงละคร จอตรงกลางเห็นเนตรศิตางศุ์เดินตามทางเดินในโรงละคร เสียงเตือนข้อความแชทในมือถือดัง ยามอ่านแล้วพิมพ์ตอบ
“ขอให้นอนหลับฝันเห็นงูรัด จะได้เจอเนื้อคู่ อิอิ ฝันดีจุ๊บๆ”
ยามยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายภาพตัวเอง ทำปากจู๋ส่งจูบ เสร็จแล้วก็เอาภาพมาดูเตรียมกดส่งให้แฟน ภาพถ่ายยามจะเห็นว่ามีคนอยู่ในจอด้านหลัง
“เฮ้ย” ยามหันกลับไปมองจอ “ใครวะ”
ยามกำลังดูจอภาพเป็นเนตรศิตางศุ์เดินอยู่ ยามจะยก ว.ขึ้นมาส่งข่าวคนอื่น ลาภเดินมาข้างหลังยามแล้วใช้มีดแทงเข้าที่หลังอย่างแรง ยามตาเหลือก ลาภกระชากมีดออก เลือดจากตัวไหลลงพื้น ยามล้มลงตายคาแทบเท้าลาภ
เนตรศิตางศุ์เข้ามาในห้องแต่งตัว เนตรศิตางศุ์จับเข็มร้อยด้ายปักขึ้นปักลงกลางกระโปรงของชุดนักแสดงซ้ำมาซ้ำไปที่เดิม ดวงตาลอย ไม่มีสติ ในจิตใต้สำนึกนึกถึงแต่ลูกข่าง
“เนตรทำได้ค่ะ ให้เนตรทำงานนะคะ เนตรอยากทำงาน”
เนตรศิตางศุ์ปักผ้ารอยเดิมๆ แต่ไม่ถูกต้องเลย มั่วไปหมดจนปลายเข็มตำมือเนตรศิตางศุ์จนเลือดออกเป็นจุดๆ แต่เนตรศิตางศุ์ก็ไม่รู้สึกเลยสักนิด วิญญาณใบหม่อนยืนมองเนตรศิตางศุ์อย่างตกตะลึง
“เธอเป็นอะไร ใครทำอะไรเธอ”
สิ้นคำประตูห้องเปิดผ่าง ลาภยืนอยู่ที่ประตู ใบหม่อนหันไปมองแล้วแปลกใจ
“แก”
ประตูในโรงละครถูกไล่ปิด ประตูใหญ่ล็อคกุญแจ ที่แผงควบคุมไฟและเสียงมือของลาภเลื่อนปุ่มควบคุมไฟและเสียงขึ้น ไฟ Follow กลางเวทีสว่างขึ้น ส่องไปยังเนตรศิตางศุ์ที่ถูกมัดกับเก้าอี้
เนตรศิตางศุ์ถูกมัดติดกับเก้าอี้นั่งกลางเวที ทั้งโรงละครมืดสนิทมีแค่แสง FOLLOW ดวงใหญ่ส่งลงมาที่เนตรศิตางศุ์ เสียงดนตรีคลาสสิกดังคลอเบาๆ ไปทั่วทั้งโรงละคร เนตรศิตางศุ์เริ่มรู้สึกตัวตื่นอย่างงุนงง ลืมตาได้ไม่เต็มที่เพราะดวงตายังไม่คุ้นกับแสง เนตรศิตางศุ์กระพริบตาถี่ๆ พอตื่นเต็มที่ก็ตกใจเมื่อพบว่าตัวเองถูกมัดอยู่บนเวที
“ฮะ” เนตรศิตางศุ์กวาดตามองไปรอบๆ แม้เห็นลางๆ แต่ก็จำได้ว่าที่นี่คือที่ไหน
“โรงละคร เกิดอะไรขึ้น เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
เนตรศิตางศุ์คิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่โดนลาภเข็นรถเข็นมามุมหนึ่งในโรงพยาบาล
“ยัยแก้ม ยัยกรรณ เราอยู่ที่ไหนแล้ว ทำไมเงียบจัง ถามก็ไม่พูด” ทุกอย่างโดยเฉพาะรอบข้างเงียบสนิท ผิดสังเกต เนตรศิตางศุ์จึงตัดสินใจลืมตาก็พบลาภยืนอยู่ข้างหน้า “นายลาภ” ลาภทิ่มเข็มฉีดยาเข้าแขนเนตรศิตางศุ์ทันที โดยที่ไม่ทันตั้งตัว
“โอ๊ย ช่วยด้วย”
เนตรศิตางศุ์สลบคาเข็ม ยังไม่ทันจะพูดจบประโยคขอความช่วยเหลือจากคนอื่นด้วยซ้ำ
เนตรศิตางศุ์จำได้แล้วก็ตกใจ
“ลาภ”
เนตรศิตางศุ์ร้องตะโกนและดิ้น พยายามจะหลุดจากเชือกที่มัดให้ได้
“ช่วยด้วย ช่วยเนตรด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยเนตรด้วย เนตรอยู่ในนี้ค่ะ ช่วยด้วย” ใบหม่อนปรากฏตัวตรงหน้าเนตรศิตางศุ์ เนตรศิตางศุ์ดีใจ
“ใบหม่อนช่วยเนตรด้วยค่ะ ลาภคนขับรถของหมอรุทธ์เขาจะฆ่าเนตร”
ใบหม่อนจะแก้เชือกที่ข้อมือให้เนตรศิตางศุ์ แต่มือใบหม่อนทะลุร่างของเนตรศิตางศุ์ไปเลย ใบหม่อนหงุดหงิด
“ชั้นบอกแล้วไงว่าชั้นช่วยเธอไม่ได้ ชั้นไม่มีแรง ไม่มีพลังจะทำอะไรแล้ว”
เนตรศิตางศุ์ไม่ได้ยินเสียงใบหม่อน
“ทำไมใบหม่อนช่วยเนตรไม่ได้”
เสียงปรบมือดังขึ้นจากตรงกลางทางเดินในบริเวณที่นั่งคนดู เนตรศิตางศุ์กับใบหม่อนหันไปมอง ลาภเดินปรบมือออกมาจากที่มืด ตรงกลางทางเดินของที่นั่งคนดู
“เยี่ยม เยี่ยมมาก เธอเหมาะสมแล้วที่จะเป็นนางเอก การแสดงวันนี้จะต้องออกมาเฟอร์เฟ็คที่สุด แต่เสียดายที่จะไม่มีใครได้ดู”
“คุณลาภ อย่าทำอะไรเนตรเลยนะ ปล่อยเนตรไปเถอะนะ เนตรขอร้อง”
“ขอร้อง”
จู่ๆ ลาภก็หัวเราะร่า เนตรศิตางศุ์มองลาภกลัวๆ
“มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”
ไม่มีใครได้ยินใบหม่อน ลาภหยุดหัวเราะแล้วพูดกับเนตรศิตางศุ์อย่างอารมณ์ดี
“ตอนที่ชั้นห้ามเธอไม่ให้ยุ่งเรื่องใบหม่อนเธอกลับไม่ฟัง แต่เธอจะมาขอร้องชั้นตอนนี้เนี่ยนะ”
เนตรศิตางศุ์อึ้ง
“จดหมายขู่ฉบับนั้นเป็นฝีมือของลาภเองเหรอ”
“เป็นไปไม่ได้” ใบหม่อนไม่อยากเชื่อ ลาภลูบหัวเนตรศิตางศุ์
“เริ่มฉลาดขึ้นแล้วนี่แม่สาวน้อย”
ลาภจ้องหน้าเนตรศิตางศุ์แล้วย้อนนึกไปถึงอดีต
ในอดีตลาภนั่งเขียนจดหมาย ด้วยสีหน้าหงุดหงิดอยู่ที่ห้องใต้ดินบ้านหมอรุทธ์ ลาภเขียนข้อความบนกระดาษว่า “ใบหม่อนตายไปแล้ว”
หลังจากวันนั้นลาภพยายามฆ่าน้องออนซ์แต่ไม่สำเร็จ เนตรศิตางศุ์โดนชายลึกลับไล่ฆ่าในโรงละคร แล้วหมอวรวรรธมาช่วยเอาไว้ได้ทัน ชายลึกลับวิ่งหนีหายไปแล้วทำมีดตกในห้องคอสตูม
กลับมาปัจจุบัน ลาภจ้องหน้าเนตรศิตางศุ์ในระยะใกล้
“ถ้าวันนั้นไอ้แฝดคนนั้นและไอ้หมอมันไม่ช่วยไว้ เธอคงได้ไปอยู่เป็นเพื่อนใบหม่อนเฝ้าโรงละครที่นี่ แต่รับรองว่าวันนี้เธอไม่โชคดีซ้ำสองแน่”
“คุณลาภ ทุกอย่างเป็นฝีมือคุณหมด ทั้งจดหมายเตือน พยายามฆ่าคุณออนซ์ พยายามฆ่าชั้น แล้วก็ฆ่าคุณใบหม่อนด้วย”
“ไม่ใช่แค่นี้หรอกคนดี ยังมีอีก” เนตรศิตางศุ์และใบหม่อนตกใจ “ยังมีอีก ฮ่าๆ ถึงบทสุดท้ายของเธอแล้ว ชั้นจะค่อยๆ เล่าให้เธอฟังเอาบุญ เธอเป็นคนแรกและคนเดียวที่ชั้นจะบรรยายความสามารถของชั้นให้ฟัง ฮ่าๆ”ลาภระเบิดหัวเราออกมาพร้อมๆ กับทำกิจกรรมเผาโรงละครไปด้วย
“ไอ้หมอรุทธ์นั่นนะ มันไม่มีความเก่งกาจอะไร นอกจากเจ้าชู้ไปวันๆ เทียบอะไรกับชั้นไม่ได้”
เดินไปข้างเวที หยิบถังน้ำมันออกมาแล้วเดินราดน้ำมันไปรอบเวที ใบหม่อนกับเนตรศิตางศุ์อึ้ง
“แกจะทำอะไรกับโรงละครชั้น หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
ใบหม่อนจะดึงแขนห้ามลาภ แต่มือก็ทะลุร่างลาภ
“คุณลาภอย่าทำแบบนี้เลย มันไม่ดีหรอก มีแต่จะเพิ่มเวรกรรมให้ตัวเองนะ”
“เวรกรรมแบบที่ยัยใบหม่อนมันชดใช้อยู่ตอนนี้ใช่ไหม ฮ่าๆ ไปเกิดที่ไหนก็ไม่ได้ ติดแหงกอยู่แต่ที่นี่ เธอก็เหมือนกัน น่ารำคาญ พูดถึงคนตายไปแล้วอยู่ได้ ตอนเธอพูดถึงใบหม่อนชั้นยังพอทำใจได้ แต่นี่เธอยังจะพูดถึงคุณวาโยอีก คุณวาโยเธอสูงส่งเกินกว่าที่ใครจะเอามาพูดกันเล่นๆ ชั้นทนไม่ได้”
“ใครคือวาโย” ใบหม่อนถามอย่างแปลกใจ ลาภเพิ่งนึกขึ้นมาได้
“ทำไมเธอถึงรู้จักคุณวาโย ไอ้หมอรุทธ์ไม่บอกเธอแน่ๆ เพราะมันไม่เคยให้เกียรติคุณวาโยเลย มันไม่อยากให้ใครรู้ด้วยซ้ำว่ามันมีเมีย” ใบหม่อนได้คำตอบแล้วคุณวาโยคือใคร เนตรศิตางศุ์ไม่ตอบ ลาภปราดเข้าไปบีบปากเนตรศิตางศุ์
“ชั้นถามว่าทำไมถึงรู้จักคุณวาโย”
หมอวรวรรธขับมอเตอร์ไซค์คู่ชีพมาเบรกหน้าบ้านหมอรุทธ์ พร้อมรถตำรวจ 2 คัน หมอวรวรรธและตำรวจรีบลงจากรถและทำการบุกเข้าไปในบ้านทันที โทรศัพท์หมอวรวรรธดังขึ้นมา ณัฐเดชกำลังโทรศัพท์อยู่ที่ด่านตรวจ ท่าทางร้อนใจมาก มีกรรัมภาและกรรณายืนคอยฟังข่าวด้วยท่าทางกังวลไม่แพ้กัน
“เป็นไงเจอไหม”
“ท่าทางไม่มีใครอยู่เลยครับ ปิดไฟมืดทั้งบ้าน พวกตำรวจหาทางเข้าบ้านกันอยู่ครับพี่ณัฐ ทางพี่เจอไหมครับ”
“ไม่ ค้นต่อไปห้ามหยุดนะ แค่นี้”
ณัฐเดชวางสายและแทบจะระเบิดอารมณ์ออกมา แต่พยายามเก็บให้อยู่ต่อหน้าตำรวจและเพื่อนน้องสาวที่มองอยู่
ที่โรงละคร ลาภยังถามเนตรศิตางศุ์เรื่องวาโย
“ชั้นถามว่า ทำไมเธอรู้จักคุณวาโย”
“เนตรเห็นคุณวาโย” ลาภโมโหสุดขีด คว้าแขนสองข้างของเนตรศิตางศุ์บีบแน่น “โอ๊ย”
“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงเอาคุณวาโยมาพูดถึงเล่นๆ คุณวาโยเป็นนางฟ้าของชั้น ใครหน้าไหนก็แตะต้องเธอไม่ได้ทั้งนั้น”
“มันต้องรักวาโยแน่ๆ” ใบหม่อนบอก เนตรศิตางศุ์พออ่านปากใบหม่อนออก
“คุณลาภรักคุณวาโยเหรอ”
เนตรศิตางศุ์ถามลาภ ท่าทางลาภอ่อนลง มือที่บีบแขนเนตรค่อยๆ คลาย
“คำว่ารักยังน้อยเกินไป คุณวาโยเป็นชีวิตของชั้น ชั้นเฝ้าขอบคุณพ่อทุกวันที่ทิ้งชั้นกับแม่ไป แม่ชั้นถึงต้องไปทำงานที่บ้านคุณวาโย เราได้พบกัน คุณวาโยเธอดีกับชั้นมาก ดีกว่าแม่ชั้นซะอีก”
ลาภทอดสายตาไปเบื้องหน้านึกถึงเรื่องราวในอดีตตอนที่ลาภวัยรุ่น ขณะนั้นลาภกำลังล้างรถ อยู่ ๆ แม่ก็เดินออกมา เอาสมุดสะสมแสตมป์ฟาดหัวลาภอย่างแรง
“ไอ้ลูกเวร สมุดสะสมแสตมป์นี่มันของคุณหนูวาโย แล้วไปอยู่ในห้องแกได้ยังไง แกขโมยของลูกเจ้านายเหรอ แกมันสันดานขี้ลักขี้ขโมยเหมือนพ่อแกไม่ผิด นี่แน่ะๆ”
ลาภยืนนิ่งปล่อยให้แม่ตีน้ำตาคลอเบ้า แม่ตีลาภไม่ยั้งจนกระทั่งวาโยซึ่งอยู่ในชุดนักศึกษาเดินเข้ามา
“ป้าวรรณ ตีลาภทำไมคะ อย่าตีลาภเลยค่ะ หนูขอร้อง”
“ไม่ให้ตียังไงคะ นี่ไงคะ สมุดสะสมแสตมป์ของคุณหนู มันขโมยมาค่ะ”
วาโยหยิบสมุดไปดู
“ลาภไม่ได้ขโมยนะคะ หนูให้เค้าเองค่ะ”
“อะไรนะคะ คุณหนู”
“ป้าวรรณ ทำไมป้าชอบตีลูกก่อนถาม ป้าทำแบบนี้มาตั้งแต่ลาภยังเล็ก จนเค้าโตเรียนจบแล้ว คุณป้าก็ยังจะตีอีก ป้าไม่สงสารลูกหรือคะ”
“ก็ทำไมมันไม่บอกล่ะ ยืนบื้อให้ตีอยู่ได้ ไอ้ลูกเลว ทำให้แม่โดนคุณหนูวาโยด่าจนได้”
“หนูไม่ได้ด่าป้านะคะ”
“ป้ามันไม่มีอะไรดีหรอก เป็นแม่ที่เลว เป็นคนครัวที่ทำอะไรก็ผิดหมด ผิดตลอด” แม่ลาภเดินกระฟัดกระเฟียดไป “ทำอาหารอะไรก็ไม่เคยถูกปากใคร”
วาโย ลาภมองตามไป อึ้ง ลาภเช็ดน้ำตาป้อย
“เอ๊า ลาภนี่ก็เหมือนกัน โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆ เวลาป้าวรรณโกรธก็ไม่รู้จักอธิบาย แล้วยังมาทำเป็นขี้แยอีก ไม่ไหวนะ หยุดร้องได้แล้ว” วาโยเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้ลาภ “เอ้า เอาสมุดสะสมแสตมป์คืนไป เดี๋ยววันนี้ชั้นมีแสตมป์ใหม่ 3 ดวง ชุดปลาไทย จะให้จะเอาไหม”
ลาภไหว้รับไป แล้วยิ้มแต้ พยักหน้าหงึกๆ
กลับมาปัจจุบันลาภเอาน้ำมันอีกถังมาราดเวทีจนเสร็จพอดี
“ตั้งแต่เรายังเล็กๆ จนโตมาด้วยกัน คุณโยเป็นคนเดียวที่ทำให้โลกนี้น่าอยู่ ชั้นสัญญากับตัวเองว่าจะปกป้องคุณวาโยเหมือนที่เธอปกป้องชั้นมาตลอด”
ลาภพูดพร้อมกับเอาผ้าเช็ดหน้าผืนที่วาโยเช็ดน้ำตาให้ลาภขึ้นมาหอมอย่างสดชื่น เนตรศิตางศุ์และใบหม่อนอึ้งคอนตินิวกับสิ่งที่ได้ฟัง
ในอดีต วาโยในชุดนักศึกษากำลังเดินกลับมาที่รถที่ลาภจอดรออยู่นอกรั้วมหาวิทยาลัย วัยรุ่นสองคนในชุดมหาวิทยาลัยเดียวกับวาโยโผล่มาดักหน้าวาโย
“กลับบ้านเหรอจ๊ะ พวกพี่ไปส่งนะ”
วาโยไม่สนเดินต่อ ลาภรออยู่ในรถเห็นเหตุการณ์พอดี
“อ้าว หยิ่งซะด้วย”
วัยรุ่นคว้าข้อมือของวาโย วาโยยื้อไว้
“ปล่อยนะ อย่ามายุ่งกับชั้น”
วัยรุ่นอีกคนกางแขนไม่ให้วาโยเดินต่อ วาโยดิ้นสุดแรง สะบัดข้อมือหลุดได้ แต่อยู่ในวงล้อมวัยรุ่นทั้งสอง ลาภวิ่งเข้ามา
“ปล่อยคุณโยเดี๋ยวนี้”
ลาภวิ่งเข้าไปผลักวัยรุ่นสองคนอย่างไม่คิดชีวิต วัยรุ่นสองคนกระเด็น วาโยถอยออกไป ลาภสู้เหมือนคนบ้าคลั่ง วัยรุ่นโดนบีบคอเกือบตาย อีกคนต้องมาปลดมือลาภออกจากคอเพื่อน แล้วพากันหนีแบบกลัวๆ
วาโยปิดพลาสเตอร์ยาบนหัวคิ้วของลาภ บนโต๊ะวางถาดใส่อุปกรณ์ทำแผล มีกองสำลีเปื้อนเลือด ลาภแอบมองวาโยอย่างรู้สึกดี วาโยปิดแผลให้ลาภเสร็จลาภหลบสายตามองต่ำ
“เสร็จแล้วจ้ะ ขอบใจมากนะลาภที่ช่วยโย ต่อไปนี้นะถ้าใครมาว่าว่าลาภใจเสาะอีกล่ะก็โยจะเถียงกลับใจขาดเลย”
ลาภยิ้มภูมิใจ เอามือแตะคิ้วที่แตก
กลับมาที่โรงละคร ลาภหลับตาพริ้มยกมือแตะที่หัวคิ้ว รำลึกถึงความสุขในวันวาน
“คุณวาโยครับ ผมรักคุณ ผมจะทำทุกอย่างเพื่อคุณแล้วสักวันเราจะได้รักกัน” เนตรศิตางศุ์กับใบหม่อนฟังลาภอย่างสนใจ จู่ๆ ลาภก็ลืมตา เปลี่ยนสีหน้าเป็นโกรธเกรี้ยวอย่างฉับพลัน
“แต่มันไม่มีวันนั้น เพราะไอ้สารเลวนั้นมันมาแย่งคุณโยไป”
ลาภมีสีหน้าโกรธจัดเมื่อนึกถึงอดีต
รถวาโยขับมาจอดหน้าบ้าน ลาภจะวิ่งไปหาวาโยแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นวาโยลงจากรถพร้อมหมอรุทธ์ ทั้งสองสบตาหวานกัน ท่าทางสนิทสนมกันมาก ลาภอึ้งพร้อมกับหัวใจของลาภที่แตกสลายไปแล้ว
ลาภร้องไห้โฮกับเรื่องราวในอดีต
“มันไม่เคยทำอะไรเพื่อคุณโย ทำไมคุณโยถึงรักมัน ทำไมไม่รักผม ทำไมๆ”
ลาภตะโกนและทุบพื้นปังๆ อย่างคลุ้มคลั่ง จนข้อนิ้วเป็นแผลเลือดไหลซึมออกมา แต่ลาภยังไม่หยุดทำร้ายตัวเอง เนตรศิตางศุ์ร้องไห้ด้วยความกลัว ใบหม่อนมองเนตรศิตางศุ์อย่างสงสารแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ลาภได้ยินเสียงเนตรศิตางศุ์ร้องไห้ก็ไม่พอใจ
“หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้” เนตรศิตางศุ์หยุดร้องไห้ทันที “เก่งมากสาวน้อย ถ้าคุณโยหยุดร้องไห้ง่ายเหมือนเธอก็คงจะดี เธอเชื่อไหม คุณโยแต่งงานกับไอ้หมอรุทธ์ได้ไม่นาน ผู้ชายที่แสนดีของคุณโยก็ออกลาย มันไม่ได้รักคุณโยคนเดียว มันพาผู้หญิงเข้ามาในบ้านโดยที่ไม่สนใจความรู้สึกของคุณโยเลย”
ภาพในอดีตหมอรุทธ์เล่นน้ำทะเลกับสาวบิกีนี่ที่ทะเลหน้าบ้าน บนหน้าต่างบ้านชั้นบนวาโยแอบดูภาพนั้น พร้อมกับร้องไห้ ลาภแอบดูวาโยร้องไห้อยู่อีกมุมหนึ่งแล้วร้องตาม
“ชั้นอยากจะฆ่าไอ้หมอรุทธ์ให้ตายไปซะแต่มันดันเป็นผู้ชายที่คุณโยรัก ถ้ามันตายคุณโยต้องเสียใจแต่ชั้นก็รักคุณโยมากเกินกว่าจะปล่อยให้เธอต้องจมอยู่กับความเศร้า เธอร้องไห้ทุกวันคร่ำครวญว่าจะหาทางออกอย่างไร แต่ในที่สุดชั้นก็ช่วยคุณโยได้”
“คุณลาภฆ่าคุณโยเหรอ” เนตรศิตางศุ์ถามอย่างตกใจ ลาภยิ้มอย่างภูมิใจ
ภาพในอดีต ลาภเดินถือโหลแก้วมีผ้าคลุมเข้ามา กระเป๋าวาโยวางอยู่บนโต๊ะ เสียงหมอรุทธ์ทะเลาะกับวาโยดังมาจากชั้นสอง
“บอกว่าเป็นลูกค้าก็ลูกค้าสิ คุณจะเซ้าซี้ทำไม หรือต่อให้ผมยุ่งกับใครมันก็เรื่องของผม”
“แต่ชั้นเป็นเมียคุณ ชั้นอดทนมามากพอแล้ว”
“ทำไม คุณทำอะไรผม”
เสียงดังโครมครามดังขึ้น หมอรุทธ์ผลักวาโยไปโดนของตกแตก ลาภมองขึ้นไปชั้นสอง มือที่จับโหลสั่น
“เวลาทะเลาะกัน คุณโยชอบหนีออกไปขับรถให้ใจเย็นแล้วกลับบ้าน วันนี้คุณก็คงจะออกไปขับรถเล่นอีก คุณโยอดทนอีกนิดนะครับ คราวนี้ผมหวังว่าคุณโยจะไม่ต้องกลับเข้ามาอยู่ในบ้านของชายใจทรามคนนั้นอีกแล้ว”
ลาภเปิดกระเป๋าวาโยเทงูทะเลใส่ลงไปแล้วรีบหลบไป วาโยวิ่งร้องไห้ลงมาจากชั้นสองคว้ากระเป๋าวิ่งออกไป ลาภมองนาฬิกา เป็นเวลา 17.00 น.
วาโยขับรถไปร้องไห้ไปอย่างเศร้าๆ เพราะทะเลาะกับหมอรุทธ์
“ชั้นกะเวลาให้คุณโยขับรถไปถึงทางอันตราย ผมถึงโทรหาเธอ”
ลาภกดโทรศัพท์มือถือหาวาโย เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าถือวาโยดังขึ้น วาโยใช้มือปาดน้ำตาก่อนยื่นมือล้วงลงไปในกระเป๋าถือเพื่อควานหามือถือที่ใส่ไว้ในนั้น แล้วอยู่ๆ เธอก็รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ง่ามนิ้ว
“ว้าย”
วาโยหดมือกลับอย่างแรง ทำให้ปากกระเป๋าคว่ำลง วาโยดูมือตัวเองเห็นเป็นรอยรูเขี้ยว 2 เขี้ยวที่หลังมือ มีเลือดไหลออกมา
“รอยกัดอะไรเนี่ย”
วาโยตกใจ แล้วเธอต้องช็อกเมื่อเห็นงูทะเลตัวหนึ่งลายปล้องดำขาวเลื้อยออกมาจากกระเป๋า เลื้อยหนีหายลงใต้เบาะไปอย่างรวดเร็ว
“ว้าย งูๆ”
วาโยตกใจสุดชีวิตร้องลั่น เสียงรถสิบล้อกดแตรไล่ วาโยเงยหน้าขึ้นมองก็กรี๊ดลั่นหักพวงมาลัยหลบจากนั้นภาพก็หมุนเคว้งตามรถที่คว่ำ
“กรี๊ด”
“ถ้าแม่รู้ว่าชั้นทำอะไรเพื่อคุณโย แม่จะรู้ว่าชั้นไม่ได้โง่ แต่เสียดายที่ชั้นไม่ได้เห็นหน้าคุณโยตอนเธอมีความสุข”
“ไอ้โรคจิต” ใบหม่อนต่อว่าลาภ
ขณะนั้นมือของเนตรศิตางศุ์ที่ไขว่กันอยู่ข้างหลังพยายามแก้เชือกจนเกือบจะได้แล้ว เนตรศิตางศุ์ดึงความสนใจของลาภด้วยการชวนคุย
“แล้วทำไมลาภถึงยังอยู่กับหมอรุทธ์”
“ถ้าไม่มีมัน ชั้นไม่มีปัญญาเลี้ยงสัตว์ทะเลพวกนั้น”
“หมอรุทธ์ก็ชอบเลี้ยงสัตว์ทะเลเหรอ”
“ใช่ แต่ไอ้หมอรุทธ์มันโง่ ดีแต่ให้อาหารไม่รู้จักใช้พวกมันให้เป็นประโยชน์”
เนตรศิตางศุ์คิดชวนลาภคุย เนตรศิตางศุ์หันไปเห็นใบหม่อนยืนอยู่
“แล้วคุณลาภรู้ไหมว่าทำไมใบหม่อนกับคุณโยถึงหน้าเหมือนกัน”
“รู้สิ”
“หา อะไรนะ จริงเหรอ ชั้นหน้าเหมือนกับ ยัยคุณวาโยอะไรเนี่ยด้วยเหรอ” ใบหม่อนถามอย่างตกใจ
“ไอ้หมอรุทธ์มันเอาเปรียบคุณโย เอาเปรียบทุกอย่าง แม้กระทั่งความสวยของคุณโย มันก็ยังขโมยไปให้ใบหม่อนทั้งๆ ที่ใบหม่อนไม่มีค่าพอ ใบหม่อนมาหาหมอรุทธ์หลายครั้ง ทำศัลยกรรมตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อยโดยไม่เคยปริปากบ่น ไอ้หมอรุทธ์เห็นความพยายามของใบหม่อน ประกอบกับโครงหน้าของใบหม่อนเหมือนของคุณวาโย ใบหม่อนเลยกลายเป็นผลงานที่ล้ำค่าที่สุดของไอ้หมอรุทธ์”
ใบหม่อนอึ้ง
“แก แกทำอะไรกับชั้น”
“แต่เธอก็ชอบพูดถึงใบหม่อน จนชั้นชักจะไม่แน่ใจว่าใบหม่อนตายหรือยัง หรือยังคงวนเวียนอยู่ในนี้ ตกลงว่าใบหม่อนตายหรือยัง” เนตรศิตางศุ์ไม่ตอบ ลาภพุ่งเข้าไปบีบปากเนตรศิตางศุ์ “ชั้นถามว่าใบหม่อนตายหรือยัง”
เนตรศิตางศุ์พยักหน้า
อ่านต่อหน้า 2
The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 18 (ต่อ)
ที่โรงพยาบาล ปาณัทกดโทรศัพท์มือถือ ตำรวจที่อยู่แถวนั้นถามปาณัท
“จะโทรหาผู้กองณัฐเดชเหรอครับ”
“เปล่าครับ ผมจะดูความเรียบร้อยในโรงละคร รปภ.เพิ่งมาใหม่ ยังไว้ใจไม่ค่อยได้”
“อ่อ ครับๆ” ภาพจากกล้องวงจรปิดมุมต่างๆ ในโรงละครปรากฎในโทรศัพท์ของปาณัท ตำรวจยื่นหน้ามาดู
“เจ๋งมากครับ ดูผ่านมือถือได้ด้วย”
แล้วปาณัทเห็นอะไรบางอย่างบนมือถือ
“อะไรวะ” ภาพจากกล้องวงจรปิด ลาภกำลังบีบปากเนตรศิตางศุ์บังคับให้พูดถึงเรื่องใบหม่อน
“คุณเนตร นี่มันลาภกับคุณเนตรนี่นา”
ณัฐเดชขับรถมาตามภนนโดยมีกรรณากับกรรัมภาอยู่ในรถ
“เนตร ถ้าน้องเป็นอะไร พี่ขอตายดีกว่า”
โทรศัพท์ของณัฐเดชดัง ณัฐเดชดูหน้าจอ
“เอ๊ะ คุณปาณัท” ณัฐเดชกดรับ “ฮัลโหล ครับคุณปาณัท...ว่าไงนะครับ” ณัฐเดชฟังแล้วตกใจ
ลาภยังบีบปากเนตรศิตางศุ์ถามเรื่องใบหม่อน
“แล้วทำไมเธอถึงต้องพูดถึงใบหม่อน” เนตรศิตางศุ์ไม่พูด ลาภดึงไฟแช็คออกมาจุดใส่หน้าเนตรศิตางศุ์
“เธอจะบอกดีๆ หรืออยากจะโดนเผาทั้งเป็น ทำไมถึงพูดถึงใบหม่อน”
“เนตรพูดเล่น”
“ชั้นก็ว่าแล้วเธอมันก็แค่เด็กปัญญาอ่อน ขี้โกหก ชั้นอุตส่าห์เลือกพิษที่ร้ายแรงที่สุดเพื่อจบฉากชีวิตของใบหม่อน ยังไงใบหม่อนก็ไม่มีทางรอด”
ใบหม่อนอึ้งตะลึงงัน
“แก แกฆ่าชั้น”
ใบหม่อนโกรธสุดขีด พุ่งเข้าไปผลักลาภความโกรธทำให้ใบหม่อนมีพลังสามารถผลักลาภ แต่เกิดวงสีทองสว่างวาบจากคอของลาภ พุ่งออกมาใส่ใบหม่อน
“ว้าย”
ทั้งใบหม่อนและลาภกระเด็นไปตรงข้ามกัน ไฟแช็คในมือลาภกระเด็นหลุดมือ ใบหม่อนกระเด็นหายไปในอากาศ ไฟแช็คหล่นบนพื้นที่มีน้ำมัน ไฟลุกพรึ่บ ลาภงงเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ส่วนเนตรศิตางศุ์ตกใจรีบแก้เชือกอย่างเร็ว จนเชือกใกล้จะหลุดแล้ว
ไฟลุกลามไปรอบเวทีลาภเห็นไฟลุกโชติไปรอบๆ เวทีหัวเราะชอบใจ
“สวยงามมาก มันจะเป็นฉากจบที่เฟอร์เฟ็กต์กว่าของใบหม่อนเสียอีก” เนตรศิตางศุ์แก้เชือกที่มือได้สำเร็จ มองจังหวะที่ลาภหันหลังให้ก็ลุกขึ้นวิ่งหนีแต่เก้าอี้ดันล้มดังโครม ลาภหันไปเห็น
“จะหนีไปไหน”
ลาภลุกรวบตัวเนตรศิตางศุ์เอาไว้ได้ เนตรศิตางศุ์ดิ้นต่อสู้
“ปล่อยชั้นนะ ปล่อย”
“เธอไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เธอต้องเป็นนางเอกให้การแสดงของชั้น”
ลาภชกท้องเนตรศิตางศุ์ จนจุกตัวงอสิ้นฤทธิ์
รถณัฐเดชขับเข้ามาจอดหน้าโรงละครตามด้วยรถหมอวรวรรธ รถของญาณินที่ไตรรัตน์เป็นคนขับ รถปาณัทและรถตำรวจขับเข้ามาจอดกันอย่างเร็ว ทุกคนลงจากรถเห็นยามนอนสลบอยู่หน้าประตูทางเข้า 2 คน ตำรวจพยายามจะเข้าไปด้านในแต่เข้าไม่ได้ ประตูล็อค
“ประตูล็อคครับ”
“ผมมีกุญแจ เขาทำร้ายคุณเนตรแล้วกำลังจะเผาโรงละครด้วย”
ปาณัทรีบวิ่งเข้าไปใช้กุญแจที่ตัวเองมีเปิดล็อคเข้าไปด้านใน ณัฐเดชและตำรวจชักปืนขึ้นมาแล้ววิ่งเข้าไปข้างใน คนอื่นๆ วิ่งตาม
กรรณาผงะเซๆ ได้ยินเสียงกรีดร้อง ร้องไห้และคร่ำครวญของใบหม่อน “โรงละครของชั้น”
“ได้ยินอะไรหรือ ยัยกรรณ” กรรัมภาถามเมื่อเห็นอาการกรรณา
“ใบหม่อน เป็นอะไรไม่รู้”
กรรณารีบวิ่งเข้าไป
ภายในโรงละครไฟลุกบนเวที ไฟเริ่มลามไปติดที่ผ้าม่าน ควันลอยหน้าเวทีตลบอบอวล ประตูเปิดออกณัฐเดช หมอวรวรรธและทุกคนรีบวิ่งไปที่หน้าเวที
“เนตร”
แต่ไม่พบเนตรศิตางศุ์และลาภอยู่บนเวที
“มันหายไปไหน กระจายกำลังตามหาให้ทั่ว”
ตำรวจวิ่งกันไปคนละทาง ติณห์เห็นอะไรบางอย่างที่ข้างเวทีที่ควันสโมกปล่อยออกมาจากช่อง
“นั่น”
ทุกคนหันไปมองตาม ณัฐเดชหันกลับไปมองทางห้องควบคุม
“มันอยู่บนนั้น”
ณัฐเดชวิ่งออกไปทางหน้าประตูใหญ่ หมอวรวรรธ ปาณัท ไตรรัตน์ตาม ติณห์หันมาหาพวกที่ยังเหลือ
“เดี๋ยวครับๆ ไม่ต้องไปที่นั่นทุกคนหรอกครับ พวกเราช่วยกันดับไฟก่อนดีกว่า”
ญาณิน ติณห์ สุคนธรส กรรณา กรรัมภา ตำรวจช่วยกันดึงผ้าม่านออกมาเอามาตบๆ ไฟ ไอค่อกแค่กสำลักควันไฟ ติณห์ไปกระชากถังดับเพลิงมาได้ จัดการฉีดใส่ ไฟดับลงรวดเร็ว
ลาภยืนอยู่หน้าแผงควบคุมพยายามเลื่อนปุ่มไฟอยู่ ไฟบนเวทีสว่างบนเวทีมีควันไฟและควันสโมกลอยรวมกัน
ลาภมองลงไปบนเวทีเห็นญาณิน ติณห์ สุคนธรส กรรณา กรรัมภา ตำรวจช่วยกันดับไฟ
“สวยงามมาก”
ประตูห้องถูกณัฐเดชถีบออกอย่างแรง ลาภหันไปณัฐเดชพุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อลาภ
“เนตรอยู่ไหน”
ปาณัท หมอวรวรรธ ไตรรัตน์ตามเข้ามา หมอวรวรรธกับไตรรัตน์มองหาเนตรศิตางศุ์ ปาณัทเข้าไปปิดแผงควบคุมควันสโมก
ลาภยิ้มหวาน หมอวรวรรธทนไม่ได้กระชากลาภเหวี่ยงไปกระแทกกับตู้แล้วปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อลาภขึ้นมา
“เนตรอยู่ไหน”
มือหมอวรวรรธเกี่ยวสร้อยพระของลาภขาด ณัฐเดชห้ามหมอวรวรรธ
“ชั้นเอง”
หมอวรวรรธยอมถอยออกไป ณัฐเดชจับลาภนั่งลงบนเก้าอี้ควักกุญแจมือออกมาจับมือลาภไขว้หลัง ใส่กุญแจมือ
“โรงละครแค่นี้ พวกชั้นหาเนตรคงไม่ยากเท่าไหร่ แต่ถ้านายบอกมาซะดีๆ ว่าเนตรอยู่ที่ไหน อะไรๆ มันน่าจะง่ายกว่าเยอะ”
ลาภหัวเราะในลำคอ
“พวกคุณเห็นด้วยกับผมไหม การแสดงจะประทับใจตอนจบจะต้องมีคนตาย”
ณัฐเดช หมอวรวรรธ ไตรรัตน์ ปาณัทอึ้ง เข้าใจความหมายของลาภ ไตรรัตน์ปราดไปที่หน้าแผงควบคุม เปิดกระจกตะโกนลงไป
“ตามหาคุณเนตรให้เจอเร็วที่สุด”
ญาณิน ติณห์ สุคนธรส กรรณา กรรัมภาเงยหน้าขึ้นมามอง
ทุกคนแยกย้ายกันตามหาเนตรศิตางศุ์อย่างร้อนใจ ลาภยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องควบคุมแขนสองข้างไพล่หลังและใส่กุญแจมือ ณัฐเดชพยายามเค้นคอลาภให้บอก
“แกบอกมาเถอะว่าเนตรอยู่ที่ไหน”
“จุ๊ๆ มันเป็นความลับระหว่างเราสองคน”
“รีบบอกมาไอ้ชาติชั่ว”
ณัฐเดชเข้าไปจับกรามลาภบีบแน่น ลาภหัวเราะ ปาณัทกับไตรรัตน์มองหน้ากันอย่างไม่สบายใจ ไตรรัตน์หันไปเห็นสร้อยพระของลาภบนพื้นก็เก็บขึ้นมาวางบนโต๊ะ วิญญาณใบหม่อนลอยทะลุกำแพงเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าลาภ มองลาภด้วยแววตาโกรธจัดจนเป็นสีแดง
“ไอ้สารเลว” ใบหม่อนบีบคอลาภแน่น “แกฆ่าชั้น แกเผาโรงละครของชั้น แกต้องตาย”
ลาภรู้สึกหายใจไม่ออก ดิ้นขลุกขลัก ไตรรัตน์กับปาณัทแปลกใจ
“ลูกไม้อะไรของมันอีก”
ลาภตาเหลือก หายใจไม่ออกพยายามพูด
“ช่วยด้วย”
ใบหม่อนบีบคอลาภแน่น แค้นเขาสุดขีด
“ใบหม่อน” ณัฐเดชพูดกับตัวเอง
กรรณากำลังวิ่งตามหาเนตรศิตางศุ์ กรรัมภา ญาณิน สุคนธรสก็ตามหาอยู่แถวนั้นด้วย
“เนตร ยัยเนตร คุณเนตร”
จู่ๆ เสียงหวีดแหลมดังขึ้น กรรณาปิดหูงอตัว
“ยัยกรรณเป็นอะไร ได้ยินเสียงอะไร”
“โอ๊ย หูจะแตกอยู่แล้ว เสียงใบหม่อน”
“ใบหม่อน”
ใบหม่อนบีบคอลาภแน่น ลาภตาเหลือกใกล้จะหมดลมหายใจ ใบหม่อนสะใจ
“แกต้องตายทรมานเหมือนชั้น จะได้รู้รสซะบ้างว่าชั้นรู้สึกยังไง”
“ใบหม่อนหยุด” ณัฐเดชบอก
“ใบหม่อน”
ใบหม่อนบีบคอลาภขึ้น เก้าอี้ที่ลาภนั่งลอยจากพื้น ไตรรัตน์กับปาณัทอึ้ง
“ผมบอกให้หยุด เดี๋ยวมันตายแล้วจะหาเนตรไม่เจอ”
สี่สาววิ่งเข้ามา มองไปทางลาภแต่ไม่มีใครเห็นใบหม่อน ติณห์อึ้งกับสิ่งที่เห็น
“คุณใบหม่อนอย่า” กรรณา กรรัมภา ญาณิน สุคนธรสร้องห้ามพร้อมกัน ใบหม่อนสะบัดหน้าไปมอง แต่ไม่ปล่อยลาภ
“ใบหม่อน หยุดเถอะ”
“ไม่ต้องมายุ่ง มันฆ่าชั้น ชั้นจะฆ่ามัน”
“ใบหม่อนไม่ยอม” กรรณาหันไปบอกเพื่อน
“ปล่อยเขาเถอะค่ะ ถ้าคุณฆ่าเขา กรรมที่คุณก่อไว้จะตามติดคุณไปทุกชาตินะคะ” ญาณินบอก
“แล้วถ้าคุณทำบาป คุณจะต้องตกนรกถูกลงโทษอย่างทุกข์ทรมาน ดีไม่ดีคุณจะต้องไปเจอผู้ชายคนนี้ในนรกด้วย ชาตินี้ยังเหม็นหน้ากันไม่พอหรือไงคะ” สุคนธรสบอก ใบหม่อนชะงักแต่ยังไม่ปล่อยลาภ
“คุณใบหม่อนคะ คุณเป็นคนสวย เป็นคนดี มีแต่คนชื่นชมคุณรวมทั้งชั้นด้วย ปล่อยให้คนผิดได้รับโทษไปตามกฎหมายดีกว่าค่ะ อย่าให้มือของคุณต้องเปื้อนเลือดเลย คุณมีค่ามากกว่านั้นนะคะ” กรรัมภาบอก
“พวกคุณ พูดกับใบหม่อน หรือครับ” ปาณัทถาม ใบหม่อนหันไปมองปาณัท ปาณัทมองมาตรงหน้าลาภ แต่ไม่สบตากันเพราะปาณัทมองไม่เห็นใบหม่อน
“ใช่ ใบหม่อนคุณมีค่ามากกว่านั้น สำหรับผม คุณเป็นผู้หญิงที่มีค่าและเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมรัก ชาตินี้เราอาจจะไม่ได้มีบุญได้อยู่ด้วยกันแต่ถ้าคุณทำบาปทำกรรมชาติหน้าหรือชาติไหนๆ เราก็อาจจะไม่ได้พบกันอีก คุณอยากให้มันเป็นอย่างงั้นเหรอใบหม่อน”
สิ้นเสียงของปาณัทใบหม่อนก็ปล่อยร่างลาภลงพื้นทันที ลาภไอสำลักอย่างแรง ณัฐเดชดึงลาภขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ ใบหม่อนโผกอดปาณัท ปาณัทไม่เห็นแต่รู้สึกได้
“ชั้นรักคุณค่ะ”
“เธอบอกว่าเธอรักคุณ” กรรณาบอกปาณัท
“ผมก็รักคุณใบหม่อน”
“เนตร ยัยเนตรอยู่ไหน”
สุคนธรสนึกขึ้นได้
“ใบหม่อน คุณรู้หรือเปล่าว่าเนตรอยู่ที่ไหน”
ใบหม่อนออกจากอกของปาณัทมองไปที่สี่สาว เพื่อนๆ มองกรรณาเป็นเชิงถาม กรรณาฟังแล้วบอก
“เธอไม่รู้”
เพื่อนๆ ไม่สบายใจ ลาภกระตุกยิ้มร้าย
เนตรศิตางศุ์ลืมตาโพล่งภายในความมืดจึงเห็นแต่ดวงตาแดงช้ำจากการผ่านการร้องไห้ของเนตรศิตางศุ์
เนตรศิตางศุ์ถูกมัดปากมัดมือมัดขานอนราบอยู่กับพื้นภายในห้องมืดๆ เพดานต่ำ เหนือหัวเนตรศิตางศุ์มีนาฬิกาจับเวลาติดอยู่ นาฬิกาวิ่งจับเวลาไปเรื่อยๆ จนเหลือแค่สองนาที เนตรศิตางศุ์มองนาฬิกาแล้วตามสายที่โยงกับนาฬิกาจึงเห็นโหลแก้วใส่งูทะเลปล้องดำ 1 ตัวห้อยอยู่บนเพดานเหนือร่างเนตรศิตางศุ์
เนตรศิตางศุ์หวีดร้องสุดเสียงด้วยความหวาดกลัวแต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกไป เนตรศิตางศุ์พยายามดิ้นเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่เป็นผลเพราะเชือกที่มัดตัวแน่นเหลือเกิน
ณัฐเดชวิ่งตามหาเนตรศิตางศุ์
“เนตร เนตรอยู่ไหน”
ณัฐเดชเปิดดูทุกประตูที่เดินผ่าน
นาฬิกาเหลือเวลา “00.59” งูในโถแหวกว่ายน้ำเหมือนจะเตรียมพร้อมที่จะสังหารคน เนตรศิตางศุ์น้ำตาไหลพรากด้วยความกลัว
ไตรรัตน์กับปาณัทเฝ้าลาภอยู่ที่ห้องควบคุมด้วยสีหน้ากังวลใจ
“ไม่น่าเชื่อ ตอนจบมันน่าประทับใจกว่าที่คิดไว้ซะอีก”
ลาภหลับตาฮัมเพลง ไตรรัตน์กับปาณัทสบตากัน สงสัย ไม่สบายใจ
ขณะนั้นหมอวรวรรธวิ่งร้องเรียกหาเนตรศิตางศุ์มาจนถึงบนเวที
“คุณเนตร คุณอยู่ไหน” หมอวรวรรธชกเสาข้างเวทีเครียดถึงขีดสุดที่หาเนตรศิตางศุ์ไม่พบ “โธ่โว้ย”
เสียงของหมอวรวรรธดังแว่วมา เนตรศิตางศุ์ได้ยินเสียงแหงนหน้าขึ้นไปมองแล้วพยายามดิ้นและร้องเรียกหมอวรวรรธแต่ร้องไม่ได้ เนตรศิตางศุ์มองนาฬิกาจับเวลาที่เหลืออยู่ “00.40 “ และมองงูในโถ เนตรศิตางศุ์หลับตานึกถึงคำสอนของหมอวรวรรธที่บอกให้เธอเข้มแข็ง เนตรศิตางศุ์จึงหยุดร้องไห้รวบรวมความเข้มแข็งแล้วพยายามยกขาที่ถูกมัดอยู่กระแทกพื้นดังปัง
หมอวรวรรธชกเสาอยู่ แล้วได้ยินเสียงปังๆ แว่วมาจากใต้พื้นเวที หมอวรวรรธหันไปดูแล้วยิ้มดีใจ ตะโกนบอกทุกคน
“คุณเนตรอยู่ใต้เวที คุณเนตรอยู่ใต้เวทีครับ”
นาฬิกาเหลือเวลาไม่ถึงสิบวินาที เนตรศิตางศุ์หลับตาทำใจแล้วว่าคงไม่รอด แต่จู่ๆ เสียงหมอวรวรรธก็ดังขึ้น
“คุณเนตร”
เนตรศิตางศุ์หันไปเห็นหมอวรวรรธกำลังเข้ามาไกลๆ เนตรศิตางศุ์ดีใจส่งเสียงร้องอู้อี้เรียกหมอวรวรรธ
หมอวรวรรธย่อตัวเข้าไปตามทางเดินแล้วเห็นเนตรศิตางศุ์นอนอยู่กับพื้น บนเพดานเหนือร่างเนตรศิตางศุ์มีโถแก้วใส่งูทะเลและนาฬิกาจับเวลา เวลานับถอยหลัง 3...2...1 เชือกที่โยงนาฬิกากับโหลงูขาด โหลห้อยไปข้าง น้ำในโถค่อยๆ ไหลลงมาบนตัวเนตรศิตางศุ์ เนตรศิตางศุ์หลับตาปี๋หวีดร้องสุดเสียง หมอวรวรรธตาโตด้วยความตกใจ
ณัฐเดช กรรณา กรรัมภา ติณห์ ญาณิน สุคนธรสเพิ่งตามเข้ามาถึงเห็นเข้าก็ตกใจ งูค่อยๆ ไหลออกจากโถหล่นลงบนตัวเนตรศิตางศุ์ หมอวรวรรธพุ่งเข้าไปกอดร่างเนตรศิตางศุ์ไว้ งูหล่นลงบนตัวหมอวรวรรธ งูฉกหลังหมอวรวรรธเสียงดังฉึก! ร่างหมอวรวรรธกระตุกเจ็บปวดรอยเขี้ยวปรากฏขึ้นทันที พวกณัฐเดชตกใจ
“หมอวรรธ”
งูหล่นลงพื้นเลื้อยหายไป
ไตรรัตน์กับปาณัทเดินนำตำรวจที่คุมตัวลาภเข้ามา เสียงร้องที่หมอวรวรรธโดนงูฉกดังมาจากเวที
“เฟอร์เฟ็กต์”
ไตรรัตน์กับปาณัทตกใจวิ่งไปข้างเวที ตำรวจชะเง้อมองไปทางเสียงอย่างสนใจ ลาภฉวยโอกาสใช้แขนกระทุ้งท้องของตำรวจสองคน แล้วเตะซ้ำก่อนจะวิ่งหนีไป
“เฮ้ย หยุด”
ตำรวจวิ่งตามไป
ลาภใส่กุญแจมือวิ่งหนีออกมาจากในด้านในโรงละคร เท้าลาภสะดุดผ้าล้มลงกับพื้น หัวฟาดกับพื้น ลาภเจ็บหัวมากพยายามประคองตัวลุกขึ้น แต่หางตาหันไปเห็นอะไรบางอย่างที่พื้น งูทะเลเลื้อยผ่านมาพอดีลาภตกใจสุดขีด
“เฮ้ย”
งูฉกเข้าที่คอของลาภ ลาภกระตุกเต็มแรง ตาเหลือก ตายคาที่
หมอวรวรรธนอนตาปรืออยู่บนเตียงเข็นของโรงพยาบาล เนตรศิตางศุ์ ณัฐเดชวิ่งขนาบข้างเตียง คนอื่นๆ วิ่งตามมาติดๆ เนตรศิตางศุ์จับมือหมอวรวรรธและร้องไห้
“หมอทำใจดีๆ ไว้นะคะ หมอต้องเข้มแข็ง เข้มแข็งเหมือนที่หมอเคยสอนเนตร”
ณัฐเดชมองเนตรศิตางศุ์แว่บหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าหมอวรวรรธเคยสอนสิ่งดีๆ ให้น้องสาวตน หมอวรวรรธกุมมือเนตรศิตางศุ์ยิ้มอ่อนแรง บุรุษพยาบาลเข็นเตียงหมอวรวรรธเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เนตรศิตางศุ์ ณัฐเดช และคนอื่นๆ หยุดตอยอยู่หน้าห้อง
เนตรศิตางศุ์ร้องไห้ เกาะกระจกมองเข้าไปอย่างห่วงใย ญาณิน สุคนธรส กรรณา กรรัมภา ก๊อง เดินเข้าไปหาเนตรศิตางศุ์
“เนตร หมอวรรธเป็นคนดีเขาจะต้องปลอดภัย”
เนตรศิตางศุ์หันมากอดญาณินแล้วร้องไห้โฮ เพื่อนๆ โอบกอดเนตรศิตางศุ์ ติณห์ ไตรรัตน์มองมิตรภาพของสาวๆ ทั้งห้าอย่างรู้สึกดี กรรัมภาร้องไห้กระซิกๆ กรรณาดึงกรรัมภาออกมาให้ห่างจากเนตรศิตางศุ์แต่อยู่ใกล้ณัฐเดช
“แมนที่สุด ถ้าหมอวรวรรธตาย วิญญาณเค้า ต้องได้ขึ้นสวรรค์แน่ๆ” ก๊องบอก
“ไอ้ก๊อง”
“ไม่คิดเลยว่าหมอวรรธจะรักเนตรขนาดนี้ ถ้ามีผู้ชายสักคนมารักชั้นอย่างนี้บ้างก็คงจะดี”
ณัฐเดชได้ยินกรรณากับกรรัมภาคุยกัน มองเนตรศิตางศุ์แล้วมองเข้าไปในห้องฉุกเฉินเห็นด้วยกับคำพูดของกรรัมภาที่ไม่คิดเลยว่าหมอวรวรรธจะรักเนตรศิตางศุ์มาก
เนตรศิตางศุ์ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของญาณิน ตามองผ่านกระจกเข้าไปในห้องฉุกเฉิน แล้วจู่ๆ เนตรศิตางศุ์ก็เป็นลมล้มพับ ทุกคนปราดเข้าไปประคองเนตรศิตางศุ์
“เนตรๆ”
เนตรศิตางศุ์นอนสลบอยู่บนเตียง ณัฐเดชกำลังคุยกับญาณินอยู่แถวหน้าห้อง
“ถ้าเนตรฟื้นแล้ว โทรบอกพี่ด้วยนะ เดี๋ยวพี่ไปจัดการเรื่องศพก่อน”
เนตรศิตางศุ์ฟื้นขึ้นมาได้ยินณัฐเดชพูดพอดีก็ตกใจ ณัฐเดชออกไปจากห้อง เนตรศิตางศุ์ลืมตาขึ้น สุคนธรสเห็น
“ยัยเนตรฟื้นแล้ว”
ทุกคนกรูกันเข้าไปล้อมเนตรศิตางศุ์
“เนตรเป็นยังไงบ้าง รู้สึกไม่ดีตรงไหนไหม เดี๋ยวชั้นตามหมอให้”
“เนตรไม่เป็นอะไร พี่ณัฐไปจัดการเรื่องศพใคร”
เพื่อนๆ เศร้า เนตรศิตางศุ์ไม่สบายใจลุกขึ้นจากเตียงไปเลย
“เฮ้ย เนตร”
เพื่อนๆ รีบตาม
เนตรศิตางศุ์ในชุดโรงพยาบาลวิ่งเข้ามาหันซ้ายหันขวาแล้วเห็นณัฐเดชกับตำรวจยืนอยู่คุยอะไรกันอยู่ใกล้กับศพที่มีผ้าคลุม
“หมอ”
ณัฐเดชดีใจที่เห็นเนตรศิตางศุ์ฟื้นแล้ว
“เนตร”
เนตรศิตางศุ์วิ่งไปกอดศพบนเตียง เพื่อนคนอื่นวิ่งตามมา ณัฐเดชจะเข้าไปห้ามเนตรศิตางศุ์แต่กรรณาดึงแขนณัฐเดชไว้แล้วส่ายหน้าห้าม
“หมอ ทำไมหมอทิ้งเนตรไป เนตรรักหมอถ้าไม่มีหมอเนตรจะอยู่ยังไง”
บุรุษพยาบาลเข้ามา
“ขอโทษนะครับ เราต้องเอาศพไปแล้ว”
บุรุษพยาบาลจะเข็นศพไป
“ไม่เอา เนตรไม่ให้หมอไป”
มือเนตรศิตางศุ์เกี่ยวกับผ้าคลุมศพ ผ้าเลยเปิดออกเผยให้เห็นว่าศพนั้นคือลาภไม่ใช่หมอวรวรรธ เนตรศิตางศุ์อึ้ง
“ลาภ”
บุรุษพยาบาลเข็นเตียงลาภออกไป เนตรศิตางศุ์หันไปมองณัฐเดชและเพื่อนๆ
“พวกนี้ไม่ให้พี่บอก” ณัฐเดชบอก เพื่อนๆ ยิ้มแห้ง
“บอกก่อนก็ไม่สนุกซิ”
“พวกเธอนี่นะ แล้วหมอวรรธอยู่ไหน”
บุรุษพยาบาลเข็นเตียงหมอวรวรรธเข้ามาพอดี ติณห์กับไตรรัตน์ ก๊อง เดินขนาบข้างเตียงมาด้วย
“อยู่นี่ครับ”
เนตรศิตางศุ์หันไปเห็นหมอวรวรรธก็ดีใจมาก
“หมอ”
เนตรศิตางศุ์วิ่งเข้าไปกอดหมอวรวรรธ สี่สาวชำเลืองมองปฎิกิริยาของณัฐเดช ณัฐเดชนิ่งไม่ค่อยพอใจแต่ก็ไม่กล้าว่าน้อง กรรณากระซิบกับเพื่อน
“หมอวรรธจะไม่รอดก็คราวนี้แหละว่ะ”
ณัฐเดชเดินเข้าไปใกล้เนตรศิตางศุ์กับหมอวรวรรธ เนตรศิตางศุ์ผละจากหมอวรวรรธหน้าเก้อเกรงใจณัฐเดชด้วยกันทั้งคู่
“โชคดีที่โรงพยาบาลเพิ่งขอเซรุ่มแก้พิษงูทะเลมาจากโรงพยาบาลอื่น เพราะจะเอามาฉีดให้หมอรุทธ์” ก๊องบอก
“ไอ้วรรธกับหมอรุทธ์ก็เลยรอดด้วยกันทั้งคู่” ณัฐเดชตบบ่าหมอวรวรรธ
“ขอบใจมากที่ช่วยเนตร” หมอวรวรรธยิ้มบางๆ
“แล้วก็ขอบใจที่ไม่ทิ้งเนตรไป และนายต้องสัญญาต่อหน้าชั้นและเพื่อนๆ ของเนตรว่าต่อจากนี้ไปนายจะรักเนตร นายจะไม่ให้ผู้หญิงคนไหนมาทำให้เนตรเสียใจ จะไม่ทำให้เนตรร้องไห้ จะตามใจเนตร ดูแลเนตรอย่างดี และจะไม่ทิ้งเนตรไป”
“แต่พี่ณัฐ...”
“นายมีโอกาสสัญญาภายในสามวินาที 1...2...”
หมอวรวรรธคว้ามือเนตรศิตางศุ์
“สัญญาครับ ผมจะรักเนตรคนเดียวตลอดไป”
เพื่อนๆ เฮดีใจ เนตรศิตางศุ์เขินแล้วเข้าไปกอดณัฐเดช
“ขอบคุณนะคะพี่ณัฐ”
ณัฐเดชยิ้มแล้วลูบหัวน้องสาวด้วยความรัก
วันต่อมาที่โรงละครมีรูปใบหม่อนติดผนังไว้บูชา ปาณัทปักธูปลงที่กระถางธูปแล้วตามด้วยดอกลิลลี่ ปาณัทเงยดูรูปใบหม่อน
“ใบหม่อน ไอ้ฆาตกรโรคจิตมันรับกรรมที่มันก่อไว้แล้ว ผมอยากให้วิญญาณของคุณพ้นทุกข์ พ้นโศก หมดห่วง หมดกังวล ไปสู่สุคติ ไปอยู่ในภพภูมิที่ดี”
ใบหม่อนยืนฟังอยู่ตรงนั้น แต่ปาณัทไม่เห็น
“คุณอยากให้ชั้นไปให้พ้นๆ หรือคะ ปาณัท”
“คุณเป็นคนดีสมควรจะเป็นนางฟ้า อยู่ในสวรรค์ที่สวยงาม สว่างไสว มีแต่ความสุขสงบ ไม่ใช่เป็นวิญญาณในความมืด ที่ผู้คนหวาดกลัว พากันวิ่งหนี ผมไม่อยากให้คุณต้องหลงทาง ติดค้างอยู่กับความโกรธแค้น ความโศกเศร้า ความเจ็บปวดที่นี่อีก”
“แล้วคุณจะลืมชั้นหรือเปล่า ปาณัท”
“ใบหม่อน ผมจะพยายามทำบุญให้มากขึ้น ทุกครั้งผมจะขออธิษฐานว่าถ้าชาติหน้ามีจริง ผมขอให้เราได้เกิดมาเจอกัน แล้วก็มาพบรักกันอีก” ปาณัทน้ำตาไหล “ผมจะอยู่ใกล้ๆ คุณ จะดูแลคุณให้ดีกว่านี้ จะไม่ให้คนชั่วมาทำร้ายคุณได้ แล้วขอให้เราได้แต่งงานและอยู่เคียงข้างกันไปจนแก่จนเฒ่า อย่าให้มีวิบากกรรมอะไรมาพรากให้เราต้องจากกันเร็วอย่างในชาตินี้”
ปาณัทร้องไห้ทรุดลงนั่ง ปิดหน้าสะอื้นจนตัวสะท้าน ใบหม่อนเข้าไปกอดจากข้างหลัง ลูบหัว ลูบหลังไหล่ปาณัท
ขณะนั้นน้องออนซ์กำลังซ้อมร้องเพลงเอกของละครพร้อมลีลาประกอบเพลง โดยมีแองเจโล่ มาริโอ้ และพระเอกละคร รอคิวข้างๆเวที เสตจแมนเนเจอร์ถือแฟ้มคิว-บท คอยคุมการซ้อมอยู่ แต่น้องออนซ์ร้องเพี้ยนตลอดๆ
ทุกคนที่รอคิวอยู่ข้างฉาก ทำหน้าเอือมๆ
“ยังซ้อมไม่พออีกเหรอ ได้เวลาคนดูจะเข้ามาแล้วนะ ยัยออนซ์มาใส่ชุดได้แล้ว” ลูกข่างบอก
“เฮ้อ เมื่อไหร่ยัยออนซ์จะพัฒนาการร้องเพลงซะที คิดถึงใบหม่อนเนาะ”
“เล่นเฟ้คยังไม่พอ ร้องก็ยังไม่ผ่านอีก คิดถึงใบหม่อนจริงๆ นะ”
น้องออนซ์ร้องผิดเนื้อ เพลงล่ม ยกมือ
“โอ๊ย ขออีกทีค่ะ โทษทีๆ ลืมๆ ว้า...วันนี้เป็นอะไรไม่รู้ น้องออนซ์ลืมเนื้อตลอดเลย”
“เฮ้อ นางก็ลืมเนื้อเพลง มั่วเนื้อได้ทุกๆ วันแหละ ไม่ใช่แค่วันนี้ ทำเป็นแก้ตัวไปได้ เฮ้อ...พูดแล้วคิดถึงใบหม่อนจริงๆ”
ใบหม่อนปรากฏตัวขึ้น ใบหน้ายิ้มละไม
“ทุกคนคิดถึงชั้นยังงั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก่อนที่ชั้นจะจากไป” ใบหม่อนเดินเข้าไปหาน้องออนซ์ “ยัยออนซ์ วันนี้เธอจะเล่นละครที่ดีที่สุด ร้องเพลงที่เพราะที่สุด จนเป็นที่กล่าวขวัญของคนดู แล้วต่อไปนี้เธอจะจำมันไว้ในสมองส่วนลึกโดยไม่รู้ตัว แล้วเธอจะไม่กลับไปเล่นละครหรือร้องแย่ๆ อีก”
ใบหม่อนเข้าไปสิงร่างน้องออนซ์ทันที น้องออนซ์ตัวกระตุกแข็งทื่อไปชั่วขณะก่อนจะผ่อนลงกระพริบตาถี่ๆ
น้องออนซ์เดินออกจากเวทีไปหาลูกข่าง ด้วยบุคลิกของใบหม่อน พูดด้วยเสียงของใบหม่อน
“พี่ลูกข่าง ไป...เราไปแต่งตัวกันเถอะค่ะ”
“อ้าว ไหนว่าจะขอซ้อมอีกทีไง”
“คนดูจะเข้ามาแล้ว เล่นมาตั้งหลายสิบรอบ จะต้องซ้อมอะไรนักหนาล่ะจ๊ะ น้องโก้ไป เร็วๆ ลูกข่าง” น้องออนซ์เดินสง่านำไป
“อะไรของเค้านะ เดี๋ยวจะเอางั้น เดี๋ยวจะเอางี้ เฮ้อยัยนางเอกกำมะลอเอ๊ย”
“คนที่เรียกผมว่า น้องโก้มีอยู่คนเดียว คือ...”
สเตจแมนเนเจอร์หน้าซีด แล้วขนลุกเกรียว
อ่านต่อหน้า 3 เวลา 17.00น.
The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 18 (ต่อ)
ปาณัทเดินเข้ามาในโรงละครพร้อมณัฐเดชและหมอวรวรรธ ทุกคนใส่สูทโก้ หน้าตาแจ่มใส
“ต้องขอบคุณคุณตำรวจ และคุณหมอนิติวิทยาศาสตร์ที่ช่วยทำคดีนี้จนคลี่คลาย” ปาณัทบอก
“เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้วครับ”
“ใช่ครับ ถ้าเราทำไม่สำเร็จ ต้องโดนเด้งกันทั้งกะบิแน่ๆ”
“อะไรพูดแล้วไม่ทำให้ใครได้ประโยชน์อะไร ก็เงียบๆ บ้างก็ได้นะ”
หมอวรวรวรรธจ๋อย ปิดปาก กรรณา กรรัมภา เนตรศิตางศุ์ ญาณิน สุคนธรสและก๊องเดินเข้ามา ปาณัทดีใจ รีบเข้าไป
“คุณเนตรศิตางศุ์ ขอคุยด้วยหน่อยครับ”
“คะ”
ปาณัทส่งเช็คให้
“นี่ครับ สมนาคุณเล็กๆ น้อยๆ”
เนตรศิตางศุ์ดูเช็คแล้วตกใจ เงินสดห้าแสนบาท
“โอ ทำไมคุณปาณัทให้เยอะจัง”
“พวกคุณต้องเสี่ยงชีวิตกันขนาดนี้ ผมก็ต้องให้เท่านี้แหละครับ ขืนผมตอบแทนคุณไม่สมควร ใบหม่อนอาจจะโกรธผมก็ได้นะ”
“ขอบคุณคุณปาณัท แล้วก็ขอบคุณใบหม่อนด้วยค่ะ”
เสียงประกาศเรียกเข้าโรงละครครั้งสุดท้าย ละครกำลังจะเริ่มแสดงแล้ว
“อ้าว ละครจะเริ่มแล้ว เชิญครับ เชิญๆ ทุกคน”
ห้าสาวเข้านั่งประจำที่ณัฐเดชรีบแทรกแซงเบียดเข้าขวางนั่งคั่นระหว่างหมอวรวรวรรธกับเนตรสิตางศุ์ หมอวรวรรธเซ็ง เนตรศิตางศุ์ไม่สนใจ ญาณินกับสุคนธรสหันซ้ายหันขวามองหาติณห์และไตรรัตน์
“หนุ่มๆ ก็งี้แหละมาสายประจำ”
“นี่ ดูนี่ก่อน ความสามารถเนตรนะ” เนตรศิตางศุ์เอาเช็คอวดเพื่อนๆ
“เย้ แบบนี้บริษัทเราก็รอดแล้วสิ”
“แต่มันคือค่าจ้างงานติดต่อกับวิญญาณนะ ไม่ใช่งานออกแบบที่เราอยากทำ”
“โอ๊ย ไม่ต้องคิดมากหรอกน่าเจ๊ จนป่านนี้แล้วยอมรับความจริงเถอะ ว่าอาชีพหมอผีของเรานี่มันเวิร์คจริงๆ”
“วันนี้ชั้นไม่ได้กลิ่นอะไรเลยนะ สงสัยใบหม่อนคงจากไปแล้วจริงๆ”
“แต่แปลกนะ ทำไมเวลาจะไปก็หายต๋อมไปซะงั้น ไม่ล่ำลา ไม่สั่งเสียกันเลย ไม่มาให้เห็นเลยแม้แต่เงา”
ติณห์ ไตรรัตน์ วิ่งเข้ามานั่งพอดี
“อาจมาบนเวทีก็ได้นะ คราวก่อนว่าน่ากลัวมากใช่ไหม”
“คราวนี้อาจจะน่ากลัวกว่า มีควักลูกตาออกมาโชว์ หรือถอดหัว แหวกไส้”
“มาสายแล้วยังมาพูดมากอีก”
“ใช่ เงียบไปเลยทั้งสองคนน่ะ”
คนดูอื่นๆ หันมามอง ณัฐเดชหันมาหาสาวๆ และสองหนุ่มรีบปิดปาก
บนเวทีที่มืดสนิทได้ยินเสียงลมพัดหวีดหวิว กิ่งไม้แกว่งไหว ใบไม้ร่วงหล่น เสียงเพลงเศร้าระคนเหงาค่อยๆ ดังขึ้น ภาพของผีเสื้อตัวใหญ่ตัวหนึ่งถูกฉายลงบนผ้าม่านของเวที ไม่นานผีเสื้อตัวนั้นก็ค่อยๆ มีขนาดเล็กลงจนกลายเป็นผีเสื้อน้อยธรรมดา
ปาณัทแอบยืนดูละครในความมืด มุมนึงในโรงละคร ไฟบนเวทีสว่างขึ้นเผยให้เห็นมาริโอ้ ยืนอยู่ตรงข้างหนึ่งของเวทีโดยมีผีเสื้อตัวนั้นเกาะอยู่ที่มือ
“มีคนเคยพูดว่า ความรักก็เหมือนผีเสื้อ ถ้าเราวิ่งไล่มันก็จะบินหนี แต่ถ้าเราอยู่นิ่งๆ มันก็จะบินมาเกาะเราเอง แต่ในเมื่อความรักมันช่างสวยงาม อ่อนหวาน และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชีวิต ก็ยากยิ่งที่ใครต่อใครจะทนนิ่งเฉยอยู่ได้” ผีเสื้อเริ่มบินออกห่างมาริโอ้ “ต้องวิ่งไล่จับจนความรักมันบินหนีกระเจิดกระเจิงไปซะทุกครั้ง”
มาริโอ้วิ่งตามผีเสื้อตัวนั้นจนถึงกลางเวทีมาริโอ้ก็หยุดวิ่ง ผีเสื้อตัวเดิมยังคงบินไปอีกมุมนึงของเวที มันบินไปเกาะที่ไหล่ของชายคนหนึ่งเผยให้เห็นว่าเป็นแองเจโล่
“...แต่สำหรับชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาโชคดีที่ความรักอันบริสุทธิ์ บินมาอยู่กับเขาและไม่มีวันยอมบินหนีไปไหน ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเขาเองที่ทำให้มันบินจากไป อย่างไม่มีวันกลับ...”
ไฟบนเวทีเฟดมืด แต่ไฟด้านหลังสว่างขึ้น
ที่นั่งคนดูหมอวรวรรธแอบชะโงกมาทำมือเป็นรูปหัวใจให้เนตรศิตางศุ์ เนตรศิตางศุ์ทำตอบโดยที่ณัฐเดชไม่เห็น
ไฟด้านหลังสกริมสว่างขึ้นเผยให้เห็นพระเอกที่ยืนอยู่ สกริมยกขึ้นเผยให้เห็นบรรยากาศของงานแต่งงานลูกสาวนายหัวใหญ่ของอาณาจักรกลางทะเลแห่งหนึ่งที่มีภูเขารายล้อม พร้อมๆ กับสายน้ำแห่งท้องทะเลที่พาดผ่าน กลางลานกว้าง พวกอองซอม รวมทั้งแองเจโล่ มาริโอ้ ที่เป็นลูกบ้านและแขกที่มางานกำลังรื่นเริงอยู่กับงานเฉลิมฉลองวิ่งกัน ร้องเพลงออกมา
“ฤกษ์งามยามดีแห่งวิถีท้องทะเล ชาวเรือตังเกมาฮาเฮร่วมยินดี
ฤกษ์ของคู่ขวัญจะหมั่นหมายร่วมชีวี ชื่นชมยินดีสุขสราญงานวิวาห์”
พระเอกเลี่ยงหลบ เข้าไปแอบดูอยู่มุมหนึ่ง
“ลูกสาวนายหัวใหญ่ ร่ำลือไปทั่วสมุทร เธองามราวไข่มุขอันล้ำค่า”
“เธอได้คู่ครองชายผู้มีหน้ามีตา ดังฟ้าบันดาลในวันนี้”
นายหัว พ่อของนางเอกเดินออกมาอย่างวางอำนาจ
“ฤกษ์งามยามดีแห่งวิถีท้องทะเล ชาวเรือตังเกมาฮาเฮร่วมยินดี
ฤกษ์ของคู่ขวัญจะหมั่นหมายร่วมชีวี ชื่นชมยินดีสุขสราญงานวิวาห์”
“สุดรักสุดหวงสุดดวงใจ ลูกทำให้พ่อได้สมปอง
ได้ในทุกสิ่ง สองตระกูลได้เกี่ยวดอง เจ้าได้คู่ครองที่เหมาะสม
พ่อทำเพื่อเรา เพื่อเจ้าทั้งคน เพื่อดำรงความยิ่งใหญ่”
นายหัวระเบิดหัวเราะอย่างชอบใจ
“พ่อทำเพื่อเรา เพื่อเจ้าทั้งคน เพื่อดำรงความยิ่งใหญ่”
พระเอกที่ยืนหลบมุมอยู่คอตกแล้วตัดสินใจเดินจากไป หมู่มวลที่เต้นแหวกออกพร้อมกับฉากห้องนอนของนางเอกเลื่อนเข้ามา ดนตรีเปลี่ยนจากสนุกสนาน เป็นเพลงเศร้าสุดสลดใจ เผยให้เห็นนางเอกที่ยืนอยู่ในฉากห้องนอนคือใบหม่อน ขณะที่คนอื่นเห็นเป็นน้องออนซ์ ยกเว้นเนตรสิตางศุ์ ใบหม่อนนั่งหน้าเศร้าเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ใบหม่อน” เนตรศิตางศุ์บอกออกมาเบาไ
“โอ ใบหม่อน” ปาณัทบอก
“เหมือน ยัยออนซ์สวยกว่าเดิมนะ” กรรัมภาบอก
“เธอเห็นเป็นน้องออนซ์เหรอ” เนตรศิตางศุ์ถาม
“ทำไม เนตรเห็นเป็นใคร” ญาณินถามอย่างแปลกใจ
เนตรศิตางศุ์ไม่ตอบแต่จับมือเพื่อนที่นั่งทั้งสองข้าง กรรัมภาและญาณินจึงเห็นนางเอกเป็นใบหม่อนที่สวยจับใจ ทั้งคู่จับมือกรรณาและสุคนธรสอีกทอด สาวๆ ทั้งหมดเห็นใบหม่อนเหมือนกัน ยิ้มชื่นชมในความสง่าของใบหม่อน
ติณห์กับไตรรัตน์พยายามจะจับมือญาณินและสุคนธรสแต่โดนตีมือทั้งคู่ สองหนุ่มจ๋อยๆ ขำๆ
“อาจกำลังหายใจ แต่ใจฉันนั้นใกล้สลาย
ถ้าจำยอมต่อโชคชะตา ชีวิตก็ไร้ความหมาย
ก่อนจะสายฉันจำต้องตัดสินใจ”
แม่นางเอกกับสาวใช้เดินถือชุดเจ้าสาวเข้ามา แม่นางเอกมองลูกสาวแล้วส่ายหน้าอย่างสงสารลูกสาวจับใจ
“ได้เวลาแล้วนะลูก แต่งตัวเถอะ”
นางเอกยืนนิ่งแทนคำตอบ แม่พยักหน้าให้สาวใช้เอาชุดเข้ามาเปลี่ยนให้นางเอก
สาวใช้เอาชุดเจ้าสาวสีขาวยาวกรุยกรายมาให้กับนางเอกด้วยเทคนิคบางอย่างที่รวดเร็ว พอหมุนตัวหันมา ใบหม่อนก็อยู่ในชุดเจ้าสาวที่สวยมากๆ คนดูปรบมือ ปาณัทน้ำตาซึม
“ใบหม่อน ฉันคิดถึงเธอ”
“ก่อนจะสายฉันจำต้องตัดสินใจ
รู้ว่าทำไม่ถูก แต่ฉันก็ต้องทำ
เพราะหัวใจฉันสั่ง บอกให้ฉันก้าวไป
ทิ้งวันวานทุกสิ่ง วันพรุ่งนี้จะดีจะร้าย
ขอฉันไปตามเสียงหัวใจนำทาง”
แม่และสาวใช้ออกไปจากห้อง ปล่อยให้นางเอกอยู่คนเดียวตามลำพัง เมื่อแม่ลับตาไปนางเอกจึงร้องเพลงระบายความอัดอั้น
“รู้ว่าทำไมถูก แต่ฉันก็ต้องทำ
เพราะหัวใจฉันสั่ง บอกให้ฉันก้าวไป
ทิ้งวันวานทุกสิ่ง วันพรุ่งนี้จะดีจะร้าย
ขอฉันไป ตามเสียงหัวใจนำทาง”
ที่ข้างเวทีลูกข่างยืนดูอย่างตื่นเต้น
“เอ๊ะ แปลกดียัยออนซ์ดูสวยมาก เล่นดี ที่สำคัญร้องเพลงเพราะ เพราะจริงๆ”
ใบหม่อนตัดสินใจวิ่งหนีออกจากบ้านไปทันที คนดูปรบมือแบบชื่นชมมาก ปาณัทมองรอบโรงละครที่คนดูปรบมือ เป่า ปาก อย่างชอบมากแล้วน้ำตาคลอ
เพลงเปลี่ยนจากเศร้า เป็นตื่นเต้น แขกในงาน นายหัวและแม่นางเอก ตามหานางเอกกันอย่างสับสนอลหม่าน
“คุณหนูหนีไปแล้วค่ะ”
“แย่แล้ว ใครก็ได้ตามเธอกลับมาที”
“ยืนบื้อทำอะไรกันอยู่ ไปจับตัวลูกสาวฉันกลับมาซิ”
บนเวทีฉากเปลี่ยนเป็นทุ่งโล่งบนเนินเขา ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ พระเอกวิ่งเข้ามาร้องตะโกนด้วยความอัดอั้นใจ
“ทำไม”
หญิงสาวคนหนึ่งที่แอบรักพระเอกอยู่วิ่งตามเข้ามาประคอง แต่พระเอกหันมองแล้วแกะมือของหญิงสาวออก หญิงสาวเสียใจ
“ทำไมพี่ถึงไม่หันมามองฉันบ้าง ฉันยืนอยู่ตรงนี้ มีตัวตนอยู่ข้างพี่ แต่วันนี้ผู้หญิงคนนั้นเขากำลังจะแต่งงาน พี่ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วพี่ยังจะหลอกตัวเองอยู่ทำไม”
“ไม่ว่าเรื่องของพี่กับเขาจะเป็นไปได้หรือไม่ ยังไงพี่ก็รักเธอเกินกว่าน้องสาวไม่ได้”
หญิงสาวน้ำตาไหล พระเอกเดินเข้ามาใกล้ สายตาปลอบโยน
“เข้าใจพี่นะ น้องรัก”
หญิงสาวต้องกล้ำกลืนตัดใจ ในที่สุดก็ยิ้มให้พระเอกแล้วโผเข้ากอดกันอย่างเข้าใจ ขณะนั้นนางเอกที่เป็นใบหม่อนในชุดเจ้าสาววิ่งเข้ามาพอดี เห็นพระเอกกอดกับหญิงสาวอีกคนอยู่ก็เข้าใจผิด น้ำตาแห่งความผิดหวังของเธอไหลพรากทันที
“ใบหม่อน ผมจะไม่มีวันลืมดาราละครเวทีชั้นเยี่ยม คนเดียวของผม”
ปาณัทน้ำตาไหลพราก กรรณา กรรัมภา เนตรศิตางศุ์ ญาณิน สุคนธรส ซาบซึ้งกับสิ่งที่เห็น
“ใบหม่อน”
“ใบหม่อนเล่นละครให้พวกเราดู อย่างสุดฝีมือเป็นครั้งสุดท้าย” เนตรศิตางศุ์บอก
“พลับพลึงพิไล อย่าไป”
พระเอกร้องเรียกนางเอก ใบหม่อนไม่ฟังเสียงเธอวิ่งหนีออกไปจากเวที จากฉากหลังที่เป็นละครเวทีกลับค่อยๆเปลี่ยน สว่างขึ้นเปลี่ยนจากกลางคืนเป็นกลางวัน ใบหม่อนวิ่งเข้ามาหยุดยืนน้ำตาไหลพรากสุดสลดใจกับชะตากรรมในชีวิตของเธอ
ใบหม่อนยืนอยู่ริมหน้าผาสูงเบื้องล่างเป็นทะเลอย่างกว้างใหญ่ ระหว่างนั้นมีผีเสื้อกลางคืนตัวหนึ่งบินมาเกาะที่มือของเธอ ใบหม่อนมองดูผีเสื้อตัวนั้นแล้วร้องเพลงระบายให้กับเจ้าผีเสื้อน้อยที่เปรียบได้ดั่งความรักที่บินมาเกาะเธอให้ฟัง
“บอบบางเหลือเกิน หลากสีที่เรียงร้อย
เปราะบางเหลือเกิน เจ้าผีเสื้อตัวน้อย
ความงามชั่ววัน โบยบินเลื่อนลอย ไม่นานโรยลา”
“ปวดใจเหลือเกิน ที่เฝ้าแต่ห่วงหา
ปวดใจเหลือเกิน ที่รักและศรัทธา
ความรักของเรา หรือจะโรยลา เหมือนเจ้าผีเสื้อ”
ปีกแห่งรักที่แสนเบาบาง อับปางแค่ลมบางเบา
คำมั่นสัญญาวันเก่าไม่มีความหมาย
จะรักกันชั่วนิรันดร์ แล้วใยเธอจึงทำลาย
ทำร้ายจิตใจไม่เหลือเลย”
เพลงโซโล่ คนดูลุ้นตาไม่กระพริบ ใบหม่อนก้าวไปสู่ริมผาหยุดนิดนึง เบื้องล่างคือหน้าผาเวิ้งว้าง ฟ้าเบื้องหลัง เป็นสีชมพู มีเมฆสีมุก ขอบเป็นสีม่วง ทะเลเบื้องล่างเป็นน้ำเงินสดเข้มแปร๋น
“คนที่หัวใจกำลังสลาย จะเป็นจะตายเท่ากัน
คนที่สิ้นความหวัง ก็สิ้นเรี่ยวแรงหายใจ
เมื่อเธอไม่อยู่เพื่อฉัน แล้วฉันจะอยู่เพื่อใคร
จะอยู่เพื่อรักทำไม ทำไม เมื่อในวันนี้ รักแท้ไม่มีจริง”
ใบหม่อนมองดูรอบๆ แววตาเปลี่ยนไปเป็นผ่อนคลาย ปล่อยวาง ลมพัดมา ผมปลิวไสว ใบหม่อนค่อยๆ ยิ้มออกมา”
“หมดแล้วที่เคยผูกพัน หมดแล้วเวลาของฉัน ไม่เหลืออะไรให้ฝันเมื่อวันพรุ่งนี้รักแท้ไม่มีจริง”
ใบหม่อนกระโดดลงไปในหน้าผา คนดูโดยเฉพาะห้าสาวเห็นหน้าผามุมเดิมที่ใบหม่อนกระโดดลงไป เวิ้งว้างว่างเปล่า ทันใดนั้นก็มีผีเสื้อตัวบินขึ้นมาจากหน้าผา
ห้าสาวตาโตไม่กระพริบ ภาพกลับมาบนเวที น้องออนซ์นอนอยู่ที่พื้นเวที รู้สึกตัวลุกขึ้นนั่งค่อยๆ คลายมือออก
ผีเสื้อที่เกาะอยู่บินหนีไป น้องออนซ์ชะงักแล้วลืมตาขึ้น น้องออนซ์ตกใจกระพริบตาถี่ๆ งงๆ ประมาณเกิดอะไรขึ้น ชั้นมาอยู่ตรงนี้ได้ไง น้องออนซ์มองไปข้างหน้าเวทีเห็นคนดูดูกันลุ้นๆ บ้างร้องไห้ ปาณัทยืนมองน้ำตาคลอ น้องออนซ์หันมามองข้างๆ บนเวทีเห็นนักแสดงชายพระเอกยืนทำท่าห้ามอยู่ห่างออกไป น้องออนซ์หันไปมองข้างฉาก สเตทแมนเนเจอร์ยืนมองลุ้นๆ
“ละครจบแล้ว ลุกขึ้นโค้งสิ เป็นอะไรไปน่ะ ยัยออนซ์ละครจบแล้ว”
ลูกข่างบอก น้องออนซ์หันมามองคนดูอีกครั้ง แล้วตั้งสติได้ลุกขึ้นโค้งคนดู คนดูอึ้งแล้วปรบมือกันเกรียว บ้างร้องไห้ ปาณัทตบมือสุดตัว กลุ่มสาวๆ ซิกส์เซ้นส์ ติณห์ ไตรรัตน์ ณัฐเดช หมอวรวรรธลุกยืนปรบมือกันสุดตัว
“ใบหม่อนไปแล้ว”
“ต่อไปนี้ น้องออนซ์จะดังใหญ่นะ ชั้นมองเห็นภาพเค้าจะได้รางวัลอะไรที่มีเกียรติมากเลยล่ะ”
ห้าสาวยิ้มดีใจกัน
วันต่อมาที่รีสอร์ทของติณห์ ป้าอรวรรณนั่งลงอย่างปลงๆ ญาณินยืนข้างๆ ถืออุปกรณ์ทำงานตกแต่ง
“ริเวอร์มูนรีสอร์ทต้องปิดไม่มีกำหนด เพราะความโลภของเจ้าของ อยากมีไม่รู้จักพอ สุดท้ายก็เลยไม่เหลืออะไรเลย ต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน ไม่มีแม้แต่บ้านจะให้อยู่ นี่แหละที่เค้าเรียกทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”
“ต่อไปนี้ เราก็จะได้สร้างรีสอร์ทอย่างต่อเนื่องราบรื่นซะที”
“ป้าสุขใจจริงๆ ที่ได้ยินอย่างนี้ คุณหนูของป้าจากนี้ไปคุณหนูจะได้มีความสุขจริงๆ กับเขาซะทีนะคะ แฮปปี้ทั้งเรื่องงาน แล้วก็เรื่องความรักด้วย”
“ค่ะ หือ อะไรคะป้าออ”
“แหมๆ นี่ป้านะคะ ไม่ใช่คนอื่น ไม่ต้องทำเป็นเขินหรอก ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ ดวงดาวจะหายไปไหน ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ท้องฟ้าจะเป็นเช่นไร แต่ฉันก็รู้หัวใจของฉัน จะมีเพียงเธอรักเพียงแต่เธอ โอบกอดเธอด้วยรัก รักที่ห่วงใย ใจฉันให้เธอมันเป็นของเธอรู้ไหม ทุกคำมันกลั่นออกมาจากหัวใจ”
“ป้าอออ่ะ” ญาณินเขิน ทำหน้าไม่ถูกเดินหนี
“จะรีบไปหานายฝรั่งขี้เก๊กเหรอคะเหรอคะ กริ๊วๆ”
อีกมุมหนึ่ง ติณห์กำลังพูดโทรศัพท์ทางไกลกับแม่
“มอมต้องไปบอกญาติๆ เราทุกคนที่เคยเข้าใจแกรนด์ปาผิดนะครับ แกรนด์ปาไม่ใช่คนโกงชาติ ครอบครัวเราถูกใส่ร้าย เราเป็นเหยื่อเป็น วิคทึ่ม เราไม่ต้องอับอาย หลบอยู่เมืองนอก เรากลับมาอยู่ที่ดินของเราที่นี่ได้แล้วครับมอม” ญาณินเดินตามเข้ามา หยุดมองติณห์ อมยิ้ม “ไอโนว เราเปลี่ยน “History” ไม่ได้ เราทำให้ทุกคนเข้าใจเราไม่ได้แต่ผมจะทำหนังสืออัตฐิชีวประวัติ อัตตะ ใช่ๆ ผมหมายถึงจะทำหนังสือประวัติของแกรนด์ปา แล้วก็แจกไปตามห้องสมุดโรงเรียนทั่วประเทศ อย่างน้อยถ้าใครมาเปิดอ่าน ก็จะได้รู้ว่าในประวัติศาสตร์มีความจริงอันนี้อยู่ด้วย”
ติณห์หันกลับมาเห็นญาณิน ยิ้มให้
“No No No…Not me… It’s my girlfriend’s idea เป็นความคิดแฟนผมครับ เอาน่า..แม่กลับมาบ้านเรานะครับ แล้วผมจะได้ แนะนำคนรักของผมให้รู้จัก” ติณห์มองหน้าญาณิน ป้าอรวรรณเข้ามาได้ยินพอดี
“คุณหนูตกลงเป็นแฟนเขาไม่เห็นบอกป้าเลยนะ อุ๊ยตาย ฝรั่งหัดกุ๊กกิ๊ก อิๆ ตามสบายค่ะ ป้าไม่อยู่กวนหรอก”
“หนูไม่เคยบอกว่าป้าออ”
ป้าอรวรรณไม่สนเดินร้องเพลงออกไป ติณห์กับญาณินยิ้มให้กัน
“มาโมเมว่าชั้นเป็นแฟนคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ ฮะ”
“สองนาทีที่ผ่านมา”
“ถามฉันยัง”
“เราเป็นแฟนกันนะ OK...สรุป “Done Deal”
“เฮ้ย ไม่โอ ไม่เค ไม่สรุปอะไรทั้งนั้น”
ญาณินเดินหนี ติณห์ตาม
ญาณินเดินแยกออกมา ติณห์ตามเข้ามาดึงตัวไว้
“ตามมาทำไม”
“อยากขอบคุณคุณ”
“อยากขอบคุณ ก็พูดขอบคุณไม่ต้องกอดค่ะ”
“แค่พูดมันไม่พอ คุณช่วยผมตั้งหลายอย่าง เริ่มต้นทำรีสอร์ทต่อมาก็ช่วยผมไล่ผีที่มาระราน ทำให้ผมเข้าใจแกรนด์ปา และที่สำคัญ ตอนที่ผมถูกเพนนีทำเสน่ห์ คุณก็ช่วยให้ผมตาสว่าง ไม่เคยโกรธ ไม่เคยทอดทิ้งผม เพราะฉะนั้น พูดอย่างเดียวไม่พอ ผมต้องแสดงออกด้วย”
ติณห์ดึงญาณินเข้ามาใกล้ แทบจะจูบ
“นี่ ทำอย่างงี้กับทุกคนใช่ไหม”
“ใช่”
ญาณินอึ้งๆ ขยับออก แต่แรงสาวหรือจะมาสู้แรงชาย
“พูดเล่น แหม” ติณห์ยิ้ม
“นี่ ปล่อยชั้นได้แล้ว”
“คุณณิน เป็นของผมนะ”
“เฮ้ย”
“เอ้อ ผมหมายถึง เป็นแฟนของผมนะ”
“อยู่เมืองไทยก็ตั้งนานแล้ว ยังใช้ภาษาไทยผิดๆ ถูกๆ อีก”
“คุณก็สอนผมสิ”
“ไม่ ทำไมต้องสอน”
“คุณไม่ชอบผมเหรอ ผมรู้นะว่าคุณปิ๊งผม ก่อนที่ผมจะปิ๊งคุณซะอีก ใช่มั้ย คุณอยากสอนภาษาไทยให้ผมใจจะขาด ผมรู้เพราะฉะนั้นเซย์ เยส แล้วมาเป็นแฟนผม and please...ทีช มี...สอนผม สอนทั้งภาษาไทย และสอนผม ฮาวทูเลิฟยูฟอเรฟเวอร์”
“นี่ พูดอะไร ไทยคำอังกฤษสามคำ ชั้นฟังไม่ออก”
“ผมรู้ว่าคุณฟังออก แต่คุณอยากจะได้ยินภาษาไทยใช่มั้ย ผมพูดว่าผมอยากจะรักคุณไปจนตาย สอนผมได้มั้ย”
“หา”
ญาณินอึ้ง ตัวแข็งทื่อ
“คุณณิน คุณณิน”
ติณห์มาจ้องหน้าตรงหน้า ญาณินถึงได้สติขึ้นมา
“บ้า ฝรั่งบ้า”
ญาณินจะเดินหนี แต่ติณห์ดึงตัวเข้ามาอีก
“นี่ หนีผมตลอดเลย”
“คุณติณห์ เรื่องของเราไม่ใช่ประเด็นเร่งด่วน เรื่องที่ด่วนสุดคือที่เรารีบกลับมานี่ เพราะคุณต้องไปกราบขอขมาคุณตาของคุณ ป่านนี้ท่านรอจนเหงือกแห้งแล้ว ไปๆ” ญาณินทำเป็นจะเดินนำไป
“เรือนไทยไปทางนี้ครับ”
“ก็ใช่ไง ไปทางนี้ ชั้นจะเดินมาดูอะไรตรงนี้นิดนึงไปๆ”
ญาณินวกกลับรีบนำไป ติณห์ยิ้ม ที่มุมหนึ่งกุมาริกาห้อยหัวอยู่บนต้นไม้แอบฟังอยู่
กุมาริกาโผล่มายืนมองรูปหลวงพิชัยภักดีบนเรือนไทย
“คุณตา คุณตา”
หลวงพิชัยภักดีหัวเราะอยู่ในรูปติดผนังฝาบ้าน
“หึๆ ในที่สุด ความจริงก็คือความจริง ข้าคือผู้บริสุทธิ์” หลวงพิชัยภักดีหลุดออกมาจากรูป
“ทีนี้ข้าอยากจะเห็นหน้านังลูกสาวตัวดีของข้า แม่ของไอ้ติณห์ซะจริงๆ ตอนนั้นมันสาปส่งข้าซะไม่มีชิ้นดี ทีนี้มันจะต้องกลับมากราบเท้าขอขมาข้า ฮ่าๆ แค่คิดก็สะใจแล้วเว้ย”
“แต่ก่อนตัวแม่จะมา ตอนนี้ตัวลูกกำลังจะมากราบขอขมาตาแล้ว มากันเป็นคู่ด้วย อิๆ หนูแอบได้ยินมากะหูตะกี้นี้เลย”
หลวงพิชัยภักดีโผล่แว่บไปนั่งที่เก้าอี้โบราณ นั่งผยอง กระดิกเท้า
“มาเลย หึๆ เท้าข้าพร้อมรอรับสิบนิ้วเอ็งแล้ว ฮ่าๆ”
“หูย คุณตา คุณตาดูเหมือนผีโหด ผีอำมหิต แถวป่าช้าเลย”
“ผีโหดเหรอ ไม่ๆ ข้าต้องน่าเกรงขามกว่านั้นสิ เอาไงดีๆ นี่ นังหนู เอ็งออกไปดูพวกมันก่อน อย่าให้รีบเข้ามานะ ข้าขอเวลาคิดบทพูดแป๊บนึง ไปๆ”
กุมาริกาแว่บออกไป มีเสียงคนเดินเข้ามาทางด้านหลังหลวงพิชัยภักดี
“จะพูดยังไงดี อ้าวมาแล้วเหรอ ไมเร็วจัง อะแฮ่ม อะแฮ่ม ข้ารู้ว่าเอ็งมาทำไม เอ็งไม่ต้องมาขอขมาข้า เพราะข้าไม่ให้อภัย” ทุกอย่างเงียบสงัด หลวงพิชัยภักดีหันกลับมา
“ข้าบอกแล้วว่า อ้าว กำนันพงษ์ เอ็งมาทำไม” หลวงพิชัยภักดีโผล่แว่บไปที่หน้ากำนันพงษ์
“เอ็งยังมีหน้ามาเหยียบเรือนของข้าอีกเหรอ”
กำนันพงษ์เดินผ่านหลวงพิชัยภักดีไปทำเป็นมองไม่เห็น มองสำรวจไปรอบๆ แล้วตรงไปที่รูปของหลวงพิชัยภักดีจ้องรูปนั้น ยิ้มเยาะมุมปาก หลวงพิชัยภักดีตามมาโวยวาย
“ไอ้ทายาทคนเนรคุณ ปู่ของเอ็งหักหลังข้า โกงชาติ บ้านเมือง แล้วยังวางยาใส่ร้ายจนข้าสูญเสียทุกอย่าง ทั้งทรัพย์สิน เงินทอง ชื่อเสียงเกียรติยศ และครอบครัวอีกด้วย กรรมเวรทั้งหมดนี้ ต่อให้เอ็งตายกันทั้งโคตรมันก็ชดใช้ไม่หมดหรอก” อยู่ๆ กำนันพงษ์หันขวับกลับมามองหน้าหลวงพิชัยภักดี “ยังมามองหน้าอีก เอ๊ะ เดี๋ยว นี่เอ็งมองเห็นข้าเหรอ”
กำนันพงษ์เดินผ่านไป เหมือนไม่เห็น
“หึๆ อย่าชะล่าใจไปเลยคุณหลวง ถึงพวกเสี่ยปิงจะหนีหายไปแล้ว แต่ยังไงทองที่คุณหลวงซ่อนเอาไว้ในเรือนไทยนี้ มันก็ต้องเป็นของผม”
“เอ็งนี่เองที่เป็นคนมาขุดหลุมในที่ดินของข้า เชื้อเลวๆ มันไม่ทิ้งแถวจริงๆ แต่เอ็งอย่าหวังนะว่าจะหาทองของข้าพบ จ้างให้ชาตินี้ทั้งชาติเอ็งก็หาที่ซ่อนทองของข้าไม่เจอหรอกเว้ย”
กำนันพงษ์หันกลับมามองหลวงพิชัยภักดีตาเป็นมัน
“ผมต้องหาเจอ ทองต้องเป็นของผม”
“เอางี้ดีกว่า ข้าว่าวันนี้อย่าว่าแต่ทองเลย แค่เอ็งออกไปแบบครบสามสิบสองยังยาก”
“ฮ่าๆคุณหลวงจะทำอะไรผม”
“ข้าก็จะ...เฮ้ย” หลวงพิชัยชี้ไปที่หน้ากำนันพงษ์ กำนันพงษ์ยิ้ม “แกเห็นชั้นเหรอ”
หลวงพิชัยภักดียังไม่ทันจะพูดหรือตั้งตัวอะไร อยู่ๆ กำนันพงษ์ก็คว้าหมับเข้าที่ต้นคอของหลวงพิชัยภักดี มีพลังงานอาคมห่อหุ้มมือนั้น หลวงพิชัยภักดีหน้าแหงน หายใจไม่ออก สิ้นท่า
“เอ็ง เอ็ง ทำไม เอ็งถึง มีคลื่นพลังแรงกล้าถึงเพียงนี้”
“คุณหลวง คนชนะน่ะเขาจะเก็บไพ่ใบเด็ดสุดเอาไว้น็อคคู่แข่งแบบไม่ให้ทันตั้งตัว”
กำนันพงษ์ยิ้มเหี้ยม ร้ายกาจสุดๆ
ที่บ้านเสี่ยจำเริญ เจ๊หญิง อาม่า เสาวภา เสี่ยจำเริญช่วยกันขนของขลังของหมอผีสมคิดต่างๆ โยนกองรวมกัน ด้วยท่าทางรังเกียจใส่ถุงมือ ส่วนพวกของใหญ่ๆ ก็สั่งเด็กยกของมาแล้วเจ๊หญิงก็เอาน้ำมันรอนสันราดเตรียมจุดไฟเผาทิ้งให้สิ้นซาก แต่สุคนธรสถือขันน้ำมนต์ออกมา ไตรรัตน์ตามมาด้วย
“ใจเย็นค่ะเจ๊หญิง ของพวกนี้มีอาคม การเผาด้วยไฟอาจจะทำลายโครงสร้างของมันได้ แต่คุณไสยอาจจะยังคงอยู่ เพราะฉะนั้น ต้องกำจัดให้สิ้นซาก”
“หลวงลุงช่วยปลุกเสกน้ำมนต์มาให้เลยนะครับ”
สุคนธรสพรมน้ำมนต์ลงไปอีก ปากพึมพำคาถา
“เรียบร้อย เชิญค่ะ”
“ผมจุดให้เองครับแม่”
“ไม่ เพราะความโง่เง่ามืดบอดของแม่ ที่นำพาหายนะมาสู่ครอบครัวของเรา แม่ต้องจัดการแก้ไขมันด้วยมือของแม่เอง” เจ๊หญิงจุดไฟ เผากองของขลังเหล่านั้น เปลวไฟที่ลุกโชนมีเสียงหวีดร้องแบบได้รับการปลดปล่อย ควันลอยละล่องขึ้นไป “ไม่รู้ทำไมหมอสมคิดถึงคิดร้ายกับบ้านเราขนาดนี้ พวกเราเคยไปทำอะไรให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจตอนไหน”
“คนมันโลภ มันก็อยากได้อยากมีไม่มีที่สิ้นสุดนั่นแหละ”
“ต้องขอบคุณหนูรสมากนะ หนูเป็นนางฟ้า เป็นเทพธิดาที่คอยปกป้องครอบครัวของชั้น เจ้าไตรมันมีบุญจริงๆ ที่จะได้แต่งงานกับคนอย่างหนู”
“เราจะแต่งกันให้เร็วที่สุดครับ ผมอดใจรอที่จะได้เป็นสามีภรรยากับคุณรสไม่ไหวแล้วครับเตี่ย จริงมั้ยจ๊ะเมียจ๋า”
สุคนธรสผลักไตรรัตน์จนหัวทิ่ม
“ใครเป็นเมียนาย”
เสี่ยจำเริญขำๆ ที่คู่นี้ตีกันน่ารักน่าเอ็นดู แต่อยู่ๆ เจ๊หญิงกลับเดินพุ่งจะออกไปจากบ้าน
“แม่ครับ จะไปไหนครับ”
“ชั้นจะไปจัดการมัน ไอ้หมอสมคิด”
เจ๊หญิงออกไป ทุกคนเป็นห่วง
เจ๊หญิงเดินบุกมาที่หน้าสำนักหมอผีสมคิดที่มีบรรดาลูกศิษย์มากขึ้นกว่าเดิม มีรถบัสมาจอด ลงมาเป็นขบวนทัวร์ครูต่างจังหวัดมีป้ายผ้าติดข้างรถว่ามาจากโรงเรียนไหน จังหวัดอะไร ไตรรัตน์กับสุคนธรสวิ่งมา ล็อกและลากเจ๊หญิงมาแอบในมุมนึง
“แม่จะทำอย่างนี้ไม่ได้นะครับ ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ”
“ลูก นี่มันพื้นที่ตลาดของเรา มันเช่าที่เรา เพื่อทำร้ายเราแล้วทำไมแม่ต้องใจเย็นด้วย แม่จะไล่มันออกไป”
“เจ๊หญิงคิดดีๆ นะคะ ต่อให้หมอสมคิดย้ายสำนักไปที่อื่น มันก็ยังคงทำร้ายเจ๊ด้วยคุณไสยได้อยู่ดี แล้วถ้าเราไม่รู้พิกัดที่อยู่ที่แน่นอนของมัน จะยิ่งทำให้เราลำบากขึ้นไปอีกด้วยซ้ำ เชื่อหนูนะคะ ถ้าคิดจะจัดการมัน เราต้องคิดให้รอบคอบกว่านี้ค่ะ”
“แล้วชั้นจะต้องทนให้มันอยู่เป็นหนามทิ่มแทงต่อไปอีกนานแค่ไหน”
“ไม่นานหรอกค่ะ นะคะ”
“แม่ดูสิครับ สาวกมันเพิ่มมากขึ้นเป็นคันรถขนาดนี้ แม่บุกเข้าไป ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เชื่อตามที่คุณรส เทพธิดาของครอบครัวเราบอกเถอะนะครับ”
สุคนธรสหันถลึงตาใส่ไตรรัตน์ เจ๊หญิงใจอ่อน จำยอม
The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 18 (ต่อ)
กุมาริกาพุ่งพรวดกลับเข้ามาในเรือนไทย
“คุณตา มาแล้วๆ” กุมาริกาไม่เห็นหลวงพิชัยภักดี “อ้าว...คุณตา คุณตา แหน่ๆ สงสัยจะเป็นมุขงอนหลานล่ะสิ ฮิๆ”
ติณห์เดินเข้ามาในเรือนไทย แต่แล้วก็ชะงักหยุดเดิน ญาณินที่เดินตามมาเบรกไม่ทันเกือบจะชน
“อ้าว จะหยุดทำไม”
“คุณณิน ผมควรจะพูดอะไรดี”
“เอ้า รู้สึกอะไรก็พูดไป ขอโทษ ผิดไปแล้ว ผมมันโง่เอง คุณตาคือไอด้อลของผม ผมรักคุณตา ไป เข้าไป”
ติณห์ถูกผลักเดินมาที่หน้ารูปภาพหลวงพิชัยภักดี ญาณินตามมาแล้วแท็กไหล่สั่งให้พูด
“แกรนด์ปาครับ ผมอยากจะมาเซย์ซอรี่ครับ แกรนด์ปาอยู่ใช่มั้ย เอ่อ คือ...” ติณห์ไม่รู้จะหันหน้าไปหาหลวงพิชัยภักดีทางไหน เลยหันมาถามญาณิน
“คุณเห็นแกรนด์ปามั้ยว่าอยู่ตรงไหน ผมจะได้หันหน้าถูก”
“ชั้นไม่ใช่ยัยเนตรนะ จะได้มองเห็นผีได้ พูดๆ ไปเถอะ คุณหลวงท่านได้ยินแน่”
“แกรนด์ปา คือ ผมเสียใจนะครับที่ที่ผ่านมาผมเข้าใจแกรนด์ปาผิดมาตลอด เรามาดีกัน มาสามานย์นะฉันกันนะครับ”
กุมาริกาโผล่มาข้างติณห์
“สมานฉันท์”
ติณห์ตกใจสะดุ้งตัวกระเด้ง
“เฮ้อ ค่อยๆ มาสิ ตกใจหมด ผมยังไม่ชินนะ” ติณห์หันไปพูดต่อ “สมานฉันท์ ยกโทษให้ผมและมอม...เอ่อ และแม่ของผม ลูกสาวแกรนด์ปาด้วยนะครับ คุณแม่ดีใจมากที่ได้รู้ความจริงว่าแกรนด์ปาเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะคุณแม่คิดถึงที่นี่มาก ท่านอยากจะกลับมาขอโทษแกรนด์ปาด้วยตัวเอง แกรนด์ปาครับ ผมอยากให้ครอบครัวเรากลับมาปูดอง”
“ปรองดอง”
ญาณินเอือม ตบหน้าผากตัวเอง
“ครับ กลับมาปรองดองกันอีกครั้ง ส่วนเรื่องที่ผ่านๆ มา ผมอยากให้แกรนด์ปายกโทษและอภัยผมและมอมได้มั้ยครับ”
ติณห์รอคำตอบกลับ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น กุมาริกาหันมองซ้ายขวาแต่ยังไม่เห็นหลวงพิชัยภักดี
“คุณหลวงคะ ถ้ารับรู้และยกโทษก็ช่วยแสดงอะไรให้คุณติณห์รับรู้นิดนึงสิคะ”
ทุกอย่างยังเงียบ
“สงสัยคุณตาจะน้อยใจนะคะ”
“หรือว่าแกรนด์ปาจะไม่ให้อภัยผมกับมอม”
“คุณหลวงคะ คุณหลวงได้ยินมั้ยเนี่ย โกลเด้นท์”
“หนูก็ไม่รู้ว่าคุณตาอยู่ไหน”
ญาณินตัดสินใจหลับตา ถอดจิต จิตญาณินหลุดออกจากร่าง ญาณินพยายามมองหาหลวงพิชัยภักดี
“คุณหลวงคะ คุณหลวง”
ญาณินตามหาแต่ก็ไม่เจอ
อีกด้านหนึ่งที่บริษัทซิกส์เซ้นส์ สุคนธรสกำลังปลุกม็อบกับเพื่อนๆ ซึ่งแต่ละคนรุมฟัง ตาโตด้วยความตื่นเต้น
“หมอสมคิดพยายามจัดคอร์สอบรมธรรมะให้กับตัวแทนจากโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศเพราะอะไร เพราะมันรู้น่ะสิ ว่าถ้าควบคุมความคิดความเชื่อของคนเหล่านี้ได้ คนกลุ่มนี้ก็จะไปแพร่พันธุ์ความคิดผิดๆ ให้กับเด็กๆ รุ่นต่อไป แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศของเรา”
“อำนาจพิเศษ มันควรเอามาใช้เพื่อช่วยคน เป็นความเมตตา กรุณา ช่วยชีวิตและวิญญาณทั้งหลายให้พ้นทุกข์ ไม่ใช่เอามาใช้เพื่อความโลภ เพื่อประโยชน์ส่วนตัว”
“เมื่อมีไสยศาสตร์ที่รับใช้เงินและอำนาจ มันก็จะกลายเป็นหายนะของสังคม ของประเทศ ของโลก เงินที่ได้จากการรับบริจาคก็จะถูกฟอกให้สะอาดโดยการเอาไปลงทุนซื้อ-ขายหุ้นฯลฯ หลังจากนั้นก็นำมาขยายอำนาจและบารมีให้ตนเองและพวกพ้อง”
“ต่อไป คนเราก็ไม่ต้องพากเพียร ทำความดี พัฒนาตัวเองให้เป็นที่พึ่งแห่งตนอีกแล้ว แต่หันมาพึ่งอำนาจไสยศาสตร์ เพื่อความสำเร็จทุกอย่าง ใช้ไสยศาสตร์เป็นทางลัด เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ”
“แค่คิดแบบนี้ก็ผิดแล้ว เพราะผู้ที่ทำอย่างนี้ ก็จะโดนกรรมสนองอย่างรุนแรงในที่สุด ไม่มีศาสตร์ไหน ที่จะเอาชนะศาสตร์ของกฎแห่งกรรมได้”
“เพราะฉะนั้น เข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าทำไมเราต้องรีบจัดการไอ้หมอสมคิดโดยด่วน”
“เข้าใจแล้ว เราต้องช่วยกันกอบกู้โลกจากเงื้อมมือหมอผีชั่ว ประกาศศักดาให้มันรู้ว่าพวกเราคือ ขบวนการซิกส์เซ้นส์เรนเจอร์”
“เพื่อนเล่นเหรอไอ้ก๊อง แกอยู่ที่นี่ไม่ต้องเสนอหน้า เดี๋ยวทุกอย่างจะพินาศหมด”
“พี่ดูถูกผมเกินไปแล้ว ผมช่วยอะไรได้มากกว่าที่พี่คิด”
“พี่จะเป็นแบ็กอัพพวกเราให้เอง พี่ปิดคดีคุณใบหม่อนได้ ทำให้ท่านผู้การไว้ใจพี่มาก ยินดีจะสนับสนุนทีมงานและอุปกรณ์ให้พี่ทุกอย่างเต็มที่” ณัฐเดชบอก
“จริงเหรอครับ งั้นผมจะช่วย”
“ไม่ต้อง นายอยู่ที่นี่ เดี๋ยวจะทำพังหมด”
“ทำไม ทำไมใครๆ ก็ดูถูกก๊อง ก๊องเป็นคนมีประโยชน์นะ คอยดูแล้วจะเสียใจ ฮึ”
ก๊องเดินงอนไปนั่งมุมหนึ่ง ไตรรัตน์เดินเข้ามา
“แต่ผมไม่อนุญาตให้คุณรสและเพื่อนๆ ไปเสี่ยง ให้พวกตำรวจเขาทำไป”
“นายมีสิทธิอะไรมายุ่ง”
“สิทธิในการเป็นว่าที่สามีคุณน่ะสิ ไอ้ณัฐ ถ้าแกอยากจะสร้างผลงาน ก็ไปใช้หน่วยปราบปรามของแกสิ จะมาใช้ผู้หญิงตัวเล็กๆ แบนๆ ได้ยังไง”
“ว่าใครแบน หา นายไตวาย” สุคนธรสชกท้อง ไตรรัตน์จุก ตัวงอ “นายไม่รู้เรื่องอะไรก็หุบปากไป คดีนี้มันเป็นเรื่องของอาคมคุณไสย ถ้าอยากจะปิดได้ก็ต้องให้พวกเราชาวซิกส์เซ้นส์จัดการ เพราะฉะนั้น อย่ายุ่ง...พี่ณัฐ ไม่ต้องไปสนใจเสียงคนนอกแถวนี้ งานนี้เราไม่ได้ทำเพื่อธุรกิจ หรือผลประโยชน์ส่วนตัว แต่เพื่อประเทศชาติ เพื่อส่วนรวม เพื่อโลกนี้ และอีก 3 โลก”
สุคนธรสเดินเชิ่ดหนีไป ไตรรัตน์เรียกและตามไป
“วุ้ย ทะเลาะกัน ตลอด ตลอด ตลอด”
ญาณินยังอยู่ที่เรือนไทยของหลวงพิชัยภักดี ญาณินลืมตาขึ้น ปึ่ง! คืนสติขึ้นมาจากการถอดจิต ติณห์ที่รออยู่ รีบเข้ามาถาม
“เป็นไงครับคุณณิน เจอแกรนด์ปามั้ย”
“ไม่เจอ ไม่รู้หายไปไหน”
“แกรนด์ปาคงจะไม่ให้อภัยผมก็เลยหลบหน้า ไม่อยากเจอผมอีก”
“ชั้นว่ามันแปลกๆ นะ จุดธูปเชิญก็แล้ว ถอดจิตออกไปตามหาทั่วที่ดินก็แล้ว มันก็น่าจะต้องเจอตัวสิ แต่นี่มันเงียบกริบเหมือนไม่มีคุณหลวงอยู่ที่นี่เลย แปลก แปลกมาก”
กุมาริกาหัวเราะคิกคัก
“สงสัยไปเกิดใหม่แล้วม้าง”
“ทำไมเธอคิดว่าคุณหลวงไปเกิดใหม่แล้ว”
“เอ้า ก็คุณตาพ้นข้อกล่าวหาว่าเป็นคนโกงชาติแล้ว ลูกหลานเข้าใจในตัวคุณตาแล้ว คุณตาก็ไม่มีอะไรต้องกังวลในภพภูมินี้อีกแล้ว สามารถจะไปเกิดใหม่ได้”
“แต่คุณหลวงไม่น่าจะจากไปเงียบๆ แบบนี้”
“ผมผิดเอง”
ติณห์เสียใจเดินแยกออกไป ญาณินเป็นห่วงรีบตามไป
“ฮะๆ แหม คุณตานี่ใจเด็ดจริงๆ แกล้งทำเป็นงอนได้แนบเนียนมาก นี่คุณตาคงจะแกล้งทรมานความรู้สึกหลานชายเล่นๆ ให้สะใจ แล้วก็ค่อยกลับมาล่ะสิ หึๆ หนูฉลาด เดาออกและจะช่วยคุณตาบิลด์อีกแรงด้วย ฮะๆ”
กุมาริกาหัวเราะคิกคัก
ติณห์เดินแยกออกมาโดยมีญาณินตามออกมา
“ไม่ต้องคิดมากน่ะคุณติณห์ ชั้นเชื่อว่าคุณตาคุณยังไม่ได้ไปเกิดหรอก ที่เราไม่เจอคุณหลวงมันต้องมีเหตุผลอย่างอื่นแน่ๆ”
“เหตุผลอะไร”
“ชั้นก็ไม่รู้ แต่ชั้นมั่นใจว่าคุณหลวงยังไม่ไปเกิด”
“ทำไมคุณถึงมั่นใจขนาดนั้น”
“เซ้นส์มันบอก แล้วอีกอย่าง คุณตาเคยรับปากกับชั้นไว้ว่า ถ้าชั้นช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับท่านได้ ท่านจะให้...”
“ให้อะไร”
“ไม่มีอะไรหรอก เอาเป็นว่าคุณตาคุณเป็นคนมีเกียรติ ท่านรักษาคำพูดของตัวเองเสมอ”
“แกรนด์ปาไปรับปากอะไรกับคุณ”
“ช่างมันเถอะน่ะ”
“คุณหลวงรับปากจะให้เจ๊ณินเป็นหลานสะใภ้น่ะเซ่”
“โกลเด้น”
กุมาริการีบหายตัวแว่บไป มีเสียงหัวเราะดังเป็นแอ็คโค่จนจางหายไป
“จริงเหรอ”
“ก็...”
“เพราะอย่างนี้ คุณถึงได้ตกลงช่วยแกรนด์ปา เพราะคุณรักผม อยากเป็นแฟนผมอยู่แล้วใช่มั้ย”
“หลงตัวเองไปหรือเปล่า” โทรศัพท์ญาณินดัง ญาณินตกใจ “ว้าย”
“เขินทีไร เสียอาการทุกทีเลยนะ”
“ชั้นไม่ได้เป็นอะไร” ญาณินหยิบมือถือขึ้นมากดรับสาย “ฮัลโหล ฮัลโหล ทำไมไม่พูด”
ติณห์ช่วยกลับด้านโทรศัพท์ให้
“มันกลับด้านน่ะครับ”
ญาณินหน้าแตก แต่ทำบึ้งใส่แก้เก้อ
“ว่าไงยัยแก้ม อะไรนะ! ได้ๆ แล้วชั้นจะรีบไป” ญาณินวางสาย
“ที่กรุงเทพมีเรื่องอะไรเหรอครับ”
กรรัมภาวางสายจากญาณิน
“แล้วเจอกันเจ๊”
ที่ห้องบัญชาการชั่วคราว ณัฐเดชกำลังกางมายแม็พชี้แผนโยงขั้นตอน กำชับทีมหน่วยเฉพาะกิจอยู่ แต่อยู่ๆไตรรัตน์เดินพุ่งเข้ามาหาณัฐเดช
“อธิบายมาตรการการปกป้องคุ้มครองประชาชนที่ต้องกลายเป็นนางนกต่อให้แกมาสิ”
“อะไรของแก”
“ในฐานะที่ชั้นเป็นสามี ชั้นมีสิทธิที่จะได้รู้ว่าภรรยาชั้นจะปลอดภัยใช่มั้ย บอกมา”
“ไม่บอก เพราะข้อแรก แกยังไม่ได้แต่งงานกับยัยรส ข้อสอง แกไม่เกี่ยวในแผนการนี้ ข้อสุดท้าย จะออกไปเองหรือจะให้ชั้นเตะแกออกไป”
“ถ้าแกไม่ตอบคำถามชั้น ชั้นไม่ให้คุณรสไปเสี่ยงกับแกเด็ดขาด”
ณัฐเดชหันไปพยักหน้าสั่งคนให้เอาตัวไตรรัตน์ออกไป ไตรรัตน์โวยวาย แล้วอยู่ๆ กรรณา กรรัมภา เนตรศิตางศุ์ก็วิ่งเข้ามาท่าทางตื่นเต้นดีใจ
“ทุกคน เชิญพบกับคนสวยทางนี้”
ทุกคนหันมา
“แท่ม แท้ม”
แต่สุคนธรสไม่ยอมเดินออกมา จนกรรัมภาต้องเดินเข้าไปแล้วดึงแขนออกมา สุคนธรสโผล่ออกมาในชุดสาวสวยหวาน ใส่กระโปรงยาวๆ ผมดัดเบาๆ พลิ้วๆ แต่งหน้าอ่อนๆ มีโบว์สีหวาน ที่สำคัญ หน้าอกเบิ้มมาก ทุกคนที่ได้เห็นตะลึง โดยเฉพาะไตรรัตน์ตะลึง เคลิ้ม อ้าปากค้าง จนณัฐเดชเอามือมาแตะคางแล้วดันขึ้นให้ปากปิดสนิท
“ระวังแมลงวันบินเข้าปากนะโว้ย”
ก๊องแหวกทุกคนพุ่งเข้าไปหาสุคนธรส
“สวัสดีครับ ผมก้องฟ้า หน้าหยก สถานะโสดออนเซลล์ หน้าก็หล่อ แต่ใจหล่อยิ่งกว่า”
ไตรรัตน์ผลักก๊องออก
“นี่คือ เอ่อ คือคุณรส ใช่มั้ย”
“หา พี่รส ไม่จริง ไม่ใช่ ไม่เชื่อ”
“เป็นยังไงคะ สวยหวานขึ้นจนจำไม่ได้เลยใช่มั้ยล่ะ”
“นี่คือ ของปลอมใช่มั้ย”
“นายไตวาย”
“Oh…No!…”
“ทำไมต้องยัดด้วย จะอึ๋มไปเพื่ออะไร ก็รู้อยู่ว่าหมอสมคิดบ้ากามแค่ไหนเห็นสาวสวยอกบึ้มขนาดนี้ มันต้องกระโจนเข้าหาคุณแน่ๆ เอาออกมา” ไตรรัตน์บอก
“เพราะมันบ้ากามไงล่ะ ถึงต้องยัดอย่างนี้”
“หมอสมคิดไม่ใช่คนโง่ จะตบตามันก็ต้องเอาให้แนบเนียน ต้องทำให้มันรู้สึกเหมือนถูกไม้คมแฝกตีหัว มึนงงจนไม่ทันสังเกตว่านี่คือแม่หมออีกคนที่แฝงตัวเข้ามาในสำนัก”
“งั้นทำไมไม่ตีหัวมันด้วยไม้ ทำไมต้องตีด้วยนะ...หือ”
“นายไม่ต้องยุ่งได้มั้ย” สุคนธรสหยิบย่ามขึ้นมาสะพายบ่า
“จะบ้าเหรอรส”
“อะไร เพิ่งจะรู้เหรอ”
“ไม่ใช่ จะเอาย่ามเข้าไปได้ยังไง”
“เออ ใช่” สุคนธรสปลดสายรัดข้อมือออก วางย่ามลง
“ปลดออกมาให้หมด คนเล่นของกับคนเล่นของ แค่แตะตัวกันเพียงนิดเดียว เค้าก็สัมผัสได้แล้วว่าคนๆ นี้ไม่ใช่คนธรรมดา เพราะฉะนั้นแกห้ามพกของขลังอะไรติดตัวทั้งสิ้น”
“ไม่มีอะไรติดตัวไปเลย แล้วจะไปสู้อะไรมันได้” ไตรรัตน์ยังเป็นห่วงแต่สุคนธรสไม่สนใจไตรรัตน์
“นี่เบี้ยแก้ของหลวงปู่รอดวัดนายโรง พกอันนี้ไว้น่าจะพอป้องกันตัวได้ พี่ณัฐคะ รสพร้อมแล้ว”
“อ่ะ นี่ ติดเข็มกลัดอันนี้ไว้”
“ผมรู้ๆ เข็มกลัดอันนี้ มันมีกล้องซ่อนอยู่ใช่มั้ย พี่ต้องบันทึกภาพในนั้นให้มากที่สุด จะได้มีหลักฐานเอาผิดแล้วถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินให้กดปุ่ม มันจะส่งสัญญาณมาให้หน่วยจู่โจมบุกทันที ใช่มั้ย” ก๊องบอก
“พร้อมแล้วค่ะพี่ณัฐ”
“ดี” ณัฐเดชหันไปพูดกับหน่วยเฉพาะกิจทั้งห้อง “หน่วยข่าวกรองรับผิดชอบติดตามเป้าหมายดักฟังและจัดการระบบสื่อสาร หน่วยปราบปรามขอให้สุคนธรสยืนยัน เมื่อได้หลักฐานที่แน่ชัดจึงดำเนินการจับกุม คราวนี้ต้องจับให้ได้ ทำงาน”
ทุกคนพากันประจำที่ ไตรรัตน์กระชากตัวณัฐเดชเอาไว้
“ไอ้ณัฐ แกต้องให้ชั้นไปด้วย เพราะไม่อย่างนั้น ไม่อย่างนั้น ชั้นจะเป็นห่วงคุณรส แล้วก็จะโวยวายอาละวาดให้แกดู แกอยากเจอมั้ย”
ณัฐเดชเซ็งทำหน้าละเหี่ย
ไตรรัตน์อยู่ในรูปโฉมใหม่ สวมแว่นและหนวดกำลังยืนให้ณัฐเดชจัดเนคไทที่มีกล้องตัวเล็กๆ ซ่อนอยู่ ณัฐเดชหันไปมองที่จอมอนิเตอร์เห็นภาพหน้าตัวเองขึ้น
“โอเค สัญญาณภาพมาแล้ว กล้องของนายใช้ได้ดี”
“เรียบร้อยหรือยังคะพี่ณัฐ นี่จะได้เวลาแล้วนะคะ”
“แล้วยัยรสอยู่ไหน”
“ไปเข้าห้องน้ำค่ะ แต่ไปตั้งนานแล้ว ไม่รู้เป็นอะไรหรือเปล่า” เนตรศิตางศุ์จะหันกลับ แต่เจอกุมาริกาโผล่หน้ามา “ว้าย”
“ยัยเนตร”
“ไม่มีอะไรค่ะ มาทำไม” เนตรศิตางศ์ถามกุมาริกา
“เจ๊ณินสั่งให้หนูล่วงหน้ามาหาพวกพี่ก่อน เผื่อมีอะไรให้ช่วย มีเรื่องอะไรเหรอ แล้วพี่รสบอสใหญ่ของหนูล่ะ”
ทันใดภาพในจอมอนิเตอร์ ปรากฏเป็นภาพด้านหน้าของสำนักหมอผีสมคิดที่มีรถทัวร์มาจอด พวกครูอาจารย์ทยอยลงจากรถ โดยมีคนของสำนักคอยส่งชุดสาวกให้สวม เดินเป็นขบวนสวยงาม ไตรรัตน์เป็นคนเห็นภาพในจอแล้ว แปลกใจเพราะเป็นคนละจอกับกล้องของตัวเอง
“ไอ้ณัฐ จอนี้มาจากกล้องชั้น แล้วจอนี้มาจากกล้องใคร”
ณัฐเดชหันมามองแล้วอึ้ง
“เฮ้ย ก็มาจากกล้องยัยรสน่ะสิ”
“ยัยทอมจอแบนอยู่ในขบวนนั้นแล้วเหรอ”
“เวรแล้ว คลื่นความถี่ยัยรสคืออะไร”
“ 454.70 ครับ”
“ติดต่อด่วน”
หน้าสำนักหมอผีสมคิด สุคนธรสแอบเข้าไปปะปนกับขบวนแถวของครูอาจารย์ ทำเนียนๆ เข้าไปรับชุดสาวกมาสวมด้วย ทุกคนถูกพาตัวเข้าไป
“เชิญทางนี้เลยครับ อีกไม่กี่นาทีเราจะเริ่มคอร์สอบรมธรรมนำพาจิตไปกับหมอสมคิด ศิษย์เทวดาแล้วครับ เชิญๆ”
ณัฐเดช วอมาหาสุคนธรสจากห้องบัญชาการชั่วคราว
“นี่ยัยรส ทำไมไม่รอคำสั่งพี่”
“ยังไงก็ต้องเข้ามาอยู่ดี รสก็เลยไม่รู้จะรออะไร อีกอย่างรำคาญนายไตรนั่นไม่อยากให้มาอยู่ใกล้ๆ เดี๋ยวก็ความแตกจนได้” จังหวะที่สุคนธรสจะก้าวเข้าไปในเขตสำนัก ทันใดสุคนธรสก็เบ้หน้าอย่างรุนแรง เพราะได้กลิ่นเหม็นเน่าลอยมาปะทะ
“เย้ย กลิ่นความทรมานอะไรเนี่ย”
“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ” หาญถาม
“เปล่าค่ะๆ”
สุคนธรสอดกลั้นรีบเข้าไป ณัฐเดชพูดกับสายสืบที่ประจำเครื่องติดต่อสื่อสาร
“บอกทุกคนให้จับตาสายเราไว้ให้ดี อย่าให้คลาดสายตาไปได้”
“ครับ”
ทุกคนวิทยุบอกสายสืบทุกคนที่ปลอมตัวปะปนอยู่ในสำนักหมอผีสมคิด
“ยัยรสนะยัยรส”
“โกลเด้นท์เข้าไปดูยัยรสหน่อยดิ”
“หนูเข้าไม่ได้น่ะ อักขระลงยันต์เต็มสำนักมันเลย”
ไตรรัตน์เป็นกังวลเพราะเห็นห่วงสุคนธรส
สุคนธรสและพวกครูถูกพาเข้ามาในห้องโถงของสำนักหมอผีสมคิดที่จัดไว้สำหรับการอบรม
“เชิญเลือกที่นั่งตามสบายเลยนะครับ ขอเวลาสักครู่ พอดีว่าตอนนี้อาจารย์ภารกิจด่วน ทำพิธีตัดกรรมเมืองให้กับคณะท่านบุคคลสำคัญอยู่ กรุณารอสักครูนะครับ” กล้าบอก
“ในระหว่างนี้ เราจะฉายดีวีดีการอบรมครั้งก่อนๆ ให้ดูนะครับ”
แสงในห้องมืดลงภาพในจอโปรเจคเตอร์สว่างขึ้น เป็นพรีเซ็นเตชั่นสวยๆ แสงดนตรีเพราะ พวกครูๆ นั่งดูอย่างตื่นตาตื่นใจ ในขณะที่สุคนธรสมองหาทางเข้าไปหาหลักฐานจนเห็นหาญคุยกับกล้าอยู่ แล้วทั้งคู่ก็ผลุบเดินแยกออกไปทางช่องประตูอันหนึ่ง สุคนธรสค่อยๆ ออกจากที่นั่งจะตามไป แต่อยู่ๆ กล้าวกกลับมา
“จะไปไหนครับ”
“เอ่อ คือ ”
“ถ้าจะไปห้องน้ำอยู่ด้านหลังห้องครับ ทางนี้เป็นที่ส่วนตัวเฉพาะคนในเท่านั้นนะครับ เชิญครับ”
“ค่ะ” สุคนธรสหันหลังกลับ แต่แล้วก็ตัดสินใจหันกลับมาเล่นละคร
“คุณคะ คือ ชั้นมีเรื่องส่วนตัวอยากให้ท่านอาจารย์ช่วย ชั้นอยากทำเสน่ห์”
“มันไม่ใช่เวลานี้ครับ เชิญไปนั่งเถอะครับ”
“ได้โปรดเถอะค่ะ ไหนๆ ท่านอาจารย์ก็กำลังทำพิธีอยู่แล้ว ชั้นขอแทรกสักคนเถอะค่ะ นะคะ ชั้นยินดีจ่ายเท่าไหร่ก็ยอม ชั้นรวยนะคะไม่เชื่อดูเครื่องเพชรที่ชั้นใส่มาสิคะ”
สุคนธรสเปิดเสื้อนอกออก เผยคอที่มีสร้อยเพชร แต่จุดเด่นกว่านั้นคือหน้าอก กล้าตะลึงในหน้าอกมากกว่าเพชร
“โห”
“ชั้นขอร้องนะคะ แล้วชั้นจะกำนัลพี่สุดหล่อ ด้วยเพชรงามๆ สักสองดอกด้วย”
กล้าตาโตและกวักมือเรียกสุคนธรสให้ตามเข้าไป สุคนธรสเดินเข้าไป
ห้องบัญชาการชั่วคราวสายสืบเห็นกล้าพาสุคนธรสเดินเข้าภายในเขตส่วนตัวของสำนักสมคิด
“เป้าหมายพาสายเข้าบริเวณเขตหวงห้ามแล้ว พวกเราตามไปไม่ได้”
“ยัยรส...ออกมาก่อน อย่าเพิ่งเข้าไป รอพี่สั่งก่อน ยัยรส” ณัฐเดชบอกอย่างร้อนใจ
สุคนธรสเดินเข้ามาภายใน พยายามฟังที่ณัฐเดชพูดแต่ไม่ค่อยได้ยิน
“อะไรนะ ไม่ค่อยชัดเลยพี่ณัฐ”
“ยัยรส ยัยรส”
เสียงหวีดร้องแหลมดังออกมาจาก วอของณัฐเดชแทนที่เสียงของสุคนธรส ณัฐเดชรีบถอดหูฟังออกทันที จับหูตัวเอง เจ็บมาก
“โอ๊ย”
“เกิดอะไรขึ้นวะไอ้ณัฐ”
“ขาดการติดต่อกับสายแล้วครับ” หน่วยเฉพาะกิจบอก เนตรศิตางศุ์ กรรัมภา กรรณ ก๊อง กุมาริกาตื่นเต้นแทน
“กล้องยังติดอยู่ คอยดูภาพในจอ อย่าให้หลุดอีก”
“ครับ”
ไตรรัตน์พุ่งออกมาจากตึกที่มีห้องบัญชาการชั่วคราวอยู่ พุ่งตรงไปทางสำนักหมอผีสมคิดเพื่อจะไปช่วยสุคนธรส แต่อยู่ๆ กลับวิ่งไปไม่ได้ เพราะกุมาริกามาขวางเอาไว้อยู่ ลูกน้องณัฐเดชรีบโดดมาจับตัวไตรรัตน์ไว้
“เฮ้ย อะไรวะ ปล่อย ชั้นจะไปช่วยคุณรส”
ณัฐเดช เนตรศิตางศุ์ กรรณา กรรัมภา ก๊องลงตามมา
“แกสงบสติอารมณ์ก่อนสิวะ เข้าไปอย่างนี้ แกนั่นแหละจะทำทุกอย่างพังหมด”
“ชั้นเหรอทำพัง พวกแกนั่นแหละจะทำพัง ปล่อยให้คุณรสคลาดสายตา แล้วไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวได้ยังไงถ้าคุณรสเป็นอะไร ชั้นจะฟ้องพวกแกให้โดนเด้งไปอยู่ชายแดนให้หมด”
“คุณไตวาย คุณเชื่อใจยัยรสเพื่อนเราหน่อยได้ป่ะ ยัยรสไม่ใช่คนโง่ มันฉลาดและมีไหวพริบมากกว่าที่คุณคิดเยอะ”
“แล้วจากภาพที่เราเห็นผ่านกล้องเข็มกลัดของยัยรส มันเข้าไปถึงตัวหมอสมคิดแล้ว มันกำลังจะได้หลักฐานแล้วค่ะ”
“จริงเหรอ”
“เออ ถ้าแกพรวดพราดเข้าไปตอนนี้ แกจะทำเสียเรื่อง”
ไตรรัตน์สงบลง
“พี่ณัฐ ผมว่าถึงเวลาที่พี่จะต้องใช้ใครสักคนแฝงตัวเข้าไปช่วยพี่รสแล้วล่ะ”
“ก๊อง ชั้นขอร้อง ไปไหนก็ไป อย่ามาทำเสียเรื่อง”
หมอวรวรรธขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามา พอจอดรถเสร็จก็รีบไปหาเนตรศิตางศุ์โดยไม่ได้สนใจณัฐเดชเลย
“คุณเนตร คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ย ผมไม่ได้มาช้าไปใช่มั้ย พอได้รับแมสเสจจากคุณ ผมก็รีบมาเลย”
ณัฐเดชหน้าตึงใส่หมอวรวรรธ
“แกมาทำไม”
“เอ่อ คือ ผมก็มาช่วยดูแลคุณเนตรไงครับ หรือพี่ณัฐจะปล่อยให้คุณเนตรเข้าไปเสี่ยงอันตรายในสำนักหมอผีด้วย ใช่มั้ยครับ”
ไตรรัตน์เครียด
“ทำไมอยู่ๆ คุณถึงบุ่มบ่าม ทำนอกแผน บุกเข้าไปคนเดียวแบบนี้” ไตรรัตน์บ่นสุคนธรส
“จะเพราะอะไรก็ช่าง แต่ตอนนี้เราต้องเปลี่ยนแผน แกไม่ต้องเข้าไปแล้ว พวกเราต้องเชื่อใจยัยรส รอจนกระทั่งยัยรสได้ภาพหลักฐานมา แล้วเราจึงจะบุกเข้าไปจัดการมันทีเดียว ไป ไอ้ไตร”
ไตรรัตน์กลับเข้าตึกไป ณัฐเดชตามไป ขณะนั้นรถของเคธี่จอดอยู่ เคธี่จับตามองอยู่ตลอดแล้วหยิบมือถือขึ้นมากด
หาญอยู่ในห้องอบรมกำลังคุยโทรศัพท์กับเคธี่
“จริงเหรอคุณเคธี่”
“ชั้นไม่มีเหตุผลจะต้องโกหก เพราะสิ่งที่ชั้นต้องการมากที่สุดตอนนี้ก็คือให้หมอสมคิดจัดการกับยัยสุคนธรส ทำให้มันเน่าหนอน จนไม่มีผู้ชายคนไหนอยากได้อีกแล้วธไรซ์จะได้กลับมาหาชั้น เพราะฉะนั้นแกเชื่อชั้นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์”
เคธี่วางสาย ยิ้มร้ายกาจ
กล้าพาสุคนธรสเดินเข้ามาในบริเวณด้านในของสำนัก สุคนธรสถอดหูฟังออกแล้วโยนทิ้งพยายามสอดส่ายสายตาและกล้องที่เข็มกลัดไปรอบๆ จนกระทั่งสุคนธรสสะดุดใจกับห้องเก็บโกศที่มีโกศเรียงรายมากมาย จนถึงกับชะงักหยุดเดิน
“ที่ชั้นได้กลิ่นเหม็นของความเจ็บปวดทรมานรุนแรง คงจะเป็นเพราะวิญญาณเหล่านี้แน่ๆ”
กล้าเห็นสุคนธรสหยุด จึงเดินกลับมา
“มองอะไร ตามมาเร็วๆ” สุคนธรสรีบตามไป กล้าพาสุคนธรสมาหยุดอยู่ด้านหน้าห้องๆ หนึ่ง “คุณรอตรงนี้ ห้ามไปไหน เดี๋ยวผมจะเข้าไปกราบเรียนท่านอาจารย์ก่อน เมื่อท่านอนุญาตคุณถึงจะเข้าไปได้”
“ค่ะ”
“แล้วอย่าลืมนะสองดอก” กล้ายิ้มปากกว้างแล้วเดินเข้าไปในห้องด้านใน
“รอเฉยๆ ชั้นก็โง่สิ”
สุคนธรสค่อยๆ ตามไปทางเดียวกับกล้า แอบฟังเสียง ได้ยินเสียงสวดคาถาลอยมาแผ่วๆ สุคนธรสตาโตที่รู้ว่ามีพิธีกรรมอะไรอยู่ ค่อยๆ แง้มประตูเข้าไป พยายามมองผ่านช่องประตู เห็นที่พื้นมีลอยเลือดเขรอะ แล้วก็ค่อยๆ เห็นปลายเท้าของผู้หญิงที่นอนตายจมกองเลือดนั้น สุคนธรสพยายามจะมองให้ชัดๆ อีก แง้มประตูมากขึ้น เห็นว่าผู้หญิงที่นอนอยู่เป็นคนท้อง สุคนธรสอึ้ง ผงะ
“ผู้หญิงท้อง มันทำพิธีอะไรเนี่ย”
ที่ห้องบัญชาการชั่วคราว ภาพบนจอมอนิเตอร์เห็นเป็นภาพจากเข็มกลัดของสุคนธรส เลือดและศพหญิงท้องเต็มจอ
“ตายๆ ไอ้ณัฐบุกเลย บุกเลย” ไตรรัตน์บอกอย่างตกใจ
“ใครมาเอามันไปทีซิ รำคาญจริงโว๊ย” ณัฐเดชบอกอย่างรำคาญ สาวๆ รวมถึงก๊อง เข้ามาช่วยกันสงบสติอารมร์ไตรรัตน์เอาไว้
“เชื่อใจยัยรสเถอะคุณไตร”
“เชื่อใจกับเป็นห่วงมันคนละเรื่องกันนะ”
“ยัยรสไหวพริบดี ชั้นเชื่อว่ามันเอาตัวรอดได้”
“แต่ภาพบนจอมันดูน่ากลัวจังเลย ถ้าพี่รสโดนยังงั้นคง...”
กรรณายันก๊องกระเด็น
“นี่อีกคน ออกไปเลย มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ”
“โว้ย ทำไงดีโว๊ย”
ไตรรัตน์บ่นอย่างหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้
จบตอนที่ 18
อ่านต่อตอนที่ 19 เวลา 17.00น.