xs
xsm
sm
md
lg

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 7

ลูกข่างเดินอยู่ในโรงละครขณะคุยโทรศัพท์กับเนตรศิตางศุ์

“หล่อนถึงไหนแล้ว”
เนตรศิตางศุ์กำลังยืนอยู่ข้างทาง เพราะหมอวรวรรธแวะฉี่
“พี่ลูกข่างคะ เนตรกำลังเดินทางค่ะ...ตอนนี้แบตมือถือของเนตรใกล้จะหมด แต่ยังไงเนตรจะรีบโทรกลับนะค่ะ” เนตรศิตางศุ์รีบวางสายไป
“ยัยเนตร...ยังคุยไม่จบ หล่อนอย่ามาวางสายใส่ชั้นนะ ฮัลโหล...หน็อยๆๆ ลูกข่างเอ๊ย ไม่น่าหลงหลงเชื่อใจชะนีเด็กเลย”
ลูกข่างกลับไปทำงานต่อ เมื่อลูกข่างเดินออกไปใบหม่อนยืนอยู่ตรงนั้น สีหน้าไม่พอใจมาก
“เนตรสิตางศุ์ เธอหลอกชั้น”
ที่ข้างทางเนตรศิตางศุ์กำลังดูเวลาอย่างร้อนใจ
“มีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง ต้องไปให้ทัน...เสร็จหรือยัง” เนตรศิตางศุ์หันไปเรียกหมอวรวรรธ
“เสร็จแล้วๆๆ”
“ทำไมไม่รู้จักทำธุระให้เรียบร้อย น่าเกลียดที่สุด”
“แล้วใครไปลากผมออกมาล่ะครับ”
“อย่าบ่น ไปเร็วๆ เดี๋ยวไม่ทัน”
เนตรศิตางศุ์รีบขึ้นรถ
“แล้วต้องเป็นอย่างงี้ไปอีกนานแค่ไหน”
ที่โรงละคร ใบหม่อนยืนช้ำใจอยู่ที่เดิม
“ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครคิดช่วยชั้นจริงๆ สักคน”
อยู่ๆ ปาณัทเดินเข้าโรงละครมา
“คุณปาณัท...”
ปาณัทเดินจะเข้าไปด้านใน ใบหม่อนเดินเข้ามาหา
“ปาณัทของใบหม่อน”
ปาณัทเดินผ่านใบหม่อนไป แต่แล้วก็ชะงัก รู้สึกเหมือนมีอะไรวูบๆ แต่ไม่ได้เอะใจอะไร แล้วอยู่ๆ น้องออนซ์ในชุดสำหรับแสดง วิ่งเริงร่าออกมา
“คุณปาณัทมาแล้วววว” น้องออนซ์เข้ามาคล้องแขนปาณัททันที “น้องออนซ์มีปัญหาการแสดงอยากจะขอคำปรึกษาหน่อย...นะคะ”
“มีเรื่องอะไรครับ”
“เข้าไปคุยกันข้างในเถอะค่ะ”
น้องออนซ์ออดอ้อนดึงตัวปาณัทเข้าไป ใบหม่อนมองอย่างแค้นๆ
“นังออนซ์ แกไม่มีสิทธิ...คุณปาณัทเป็นของชั้น”
ใบหม่อนพุ่งตามน้องออนซ์ไป

ขณะนั้นหมอวรวรรธกำลังขี่รถมาตามถนนมาเจอสัญญาณไฟจราจรตรงหน้าที่เปลี่ยนเป็นไฟแดงพอดี
“อย่าจอดๆ” เนตรศิตางศ์บอกแต่หมอวรวรรธจอดรถ “จะจอดทำไม ไปต่อเดี๋ยวนี้”
“พี่ชายเป็นตำรวจไม่ใช่เหรอ แล้วมายุให้ผมฝ่าไฟแดงเนี่ยนะ”
“ก็ชั้นรีบ เหลืออีกไม่ถึงสิบห้านาทีแล้ว”
“ใกล้จะถึงพัทยาอยู่แล้ว ติดแค่ไม่กี่วินาทีไม่ตายหรอกน่ะ ถ้ารอไม่ไหวก็เดินไปเองเลยมั้งครับคุณหนู”
เนตรศิตางศุ์ร้อนใจ

น้องออนซ์ดึงตัวปาณัทมาที่หน้าห้องพักส่วนตัวนางเอก แล้วดึงปาณัทเข้าไปในห้อง
“ผมว่ารอบเมื่อวาน ออนซ์ก็แสดงดีแล้วนะ มีอะไรยังไม่พอใจเหรอ”
“มีสิคะ น้องออนซ์ไม่พอใจ...” น้องออนซ์เข้ามาคล้องคอปานัท “คุณปาณัทค่ะ”
ปาณัทรู้ทันทีว่าไม่มีอะไร
“น้องออนซ์”
“อย่าว่าน้องออนซ์นะคะ ก็ถ้าน้องออนซ์ไม่อ้างเรื่องงาน คุณปาณัทก็ไม่เคยมีเวลาให้น้องออนซ์เลย...เราไม่ได้มีเวลาส่วนตัวด้วยกันนานแล้วนะคะ”
น้องออนซ์ผลักปาณัทลงไปนั่งกับเก้าอี้แล้วเข้าไปหา ใบหม่อนแว่บเข้ามา มองภาพเหตุการณ์อย่างแค้น
“อย่ายุ่งกับคุณปาณัทของชั้น”
ปาณัทสะดุ้งเหมือนได้ยิน รีบผลักน้องออนซ์ออก
“น้องออนซ์...อย่า...มันไม่เหมาะ”
“ไม่เหมาะยังไงคะ”
น้องออนซ์จะหอมแต่เห็นรูปภาพใบหม่อนจึงเกิดอาการไม่พอใจขึ้นมาทันที
“พี่ใบหม่อนตายไปแล้วค่ะ ภาพนี้” น้องออนซ์เดินเข้าไปหยิบภาพ “ก็ไม่ต้องใช้อีกแล้ว ลืมมันไปได้แล้ว”
น้องออนซ์เอาภาพหันกลับด้าน ใบหม่อนวูบเข้ามายืนประจันหน้าน้องออนซ์
“แก”
“ผมว่าน้องออนซ์ไปเตรียมตัวแสดงเถอะ”
น้องออนซ์กดปาณัทไว้ ไม่ให้ลุก
“นะคะ...”

หมอวรวรรธขี่รถมาจอดติดไฟแดงอีกอัน
“ไฟแดงอีกแล้ว”
“เข้าเขตเมือง ไฟแดงมันก็เยอะแบบนี้ล่ะ”
“แต่นี่เที่ยงแล้ว เนตรไปไม่ทันแล้ว ฝ่าไฟแดงเดี๋ยวนี้...ไปๆๆๆ”
เนตรศิตางศุ์โวยวาย หมอวรวรรธขับฝ่าไฟแดงไป

“รีบไปไหน ใครจะตายเนี่ย”

ปาณัทขึงขังผลักน้องออนซ์ออก

“เลิกเล่นได้แล้ว คุณต้องไปเตรียมตัวแสดง”
“คุณกลัวอะไรคะ...กลัวผีใบหม่อนเหรอ”
“น้องออนซ์...อย่าหาว่าผมประสาทหลอนไปเองเลยนะ แต่ผมรู้สึกได้ว่าใบหม่อนเค้ายังอยู่ที่นี่”
“เหรอคะ” น้องออนซ์มองหารอบๆ โดยไม่รู้ว่าใบหม่อนยืนอยู่ตรงนั้น “ถ้าพี่ใบหม่อนยังอยู่แถวนี้...ก็ดี...ดูดีๆ นะคะ...พี่ใบหม่อนจะได้เห็นว่านางเอกใหม่ที่เล่นแทนบทของพี่ฝีไม้ลายมือเค้าเหนือชั้นกว่าพี่แค่ไหน...ทั้งในเรื่องการแสดง และเรื่องอื่นๆ” น้องออนซ์ผลักปาณัทไปชิดผนัง-ยั่วยวน “คุณเคยทำยังไงกับพี่ใบหม่อน ในห้องนี้ น้องออนซ์ก็อยากทำแบบนั้นค่ะ”
“น้องออนซ์ อย่าทำอย่างนี้ มัน...”
“นะคะ”
น้องออนซ์ยั่วยวน ทำให้ใบหม่อนเกิดอารมณ์แค้นรุนแรง
“แก...นังออนซ์...แกแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากชั้น...ต้องเป็นแก...แกฆ่าชั้น...แกต้องตาย”
ร่างใบหม่อนแผ่พลังความแค้นความอาฆาตออกมา รังสีความอำมหิตออกมาจากวิญญาณของใบหม่อน
เกิดลมพัดแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ ใบหม่อนพุ่งเข้าไปอย่างเร็วน้องออนซ์ผงะ เฮือก แล้วฟุบ
“น้องออนซ์...น้องออนซ์...”
น้องออนซ์เงยหน้ามาอีกที แววตาเปลี่ยนไป ผิดปกติเพราะโดนผีใบหม่อนสิงแล้ว

หมอวรวรรธขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดหน้าโรงละคร
“คุณไปหาพี่ลูกข่างของคุณ ผมจะไปเก็บตัวอย่างของใช้ส่วนตัวของใบหม่อนที่ยังหลงรอดหูรอดตาพวกเราไปบ้าง เราจะใช้เวลาที่นี่ครึ่งชั่วโมง แล้วรีบมาเจอกัน ณ.จุดนี้ จะได้กลับถึงกรุงเทพฯ ไม่ดึกมาก โอเคไหม”
“ไม่โอเคค่ะ เนตรขอหนึ่งชั่วโมง ขอบคุณค่ะ”
เนตรศิตางศุ์วิ่งเข้าไปข้างในอย่างเร็ว
“ไม่ได้นะคุณ...คุณ”
หมอวรวรรธวิ่งตามเนตรศิตางศุ์เข้าไป

เนตรศิตางซุ์วิ่งตื๋อมาทางด้านหลังเวทีจะรีบไปหาพี่ลูกข่าง หมอวรวรรธตามเข้ามาดึงแขนเนตรศิตางศุ์เอาไว้
“คุณเนตร อยากให้พี่ชายคุณมายิงกบาลผมรึไง”
เหล่าทีมงานวิ่งวุ่นหน้าตาตื่นกันไปทางบันได เนตรศิตางศุ์กับหมอวรวรรธงง แองเจโล่กับมาริโอ้แบ่งสร้อยพระมาสวมคอกัน เนตรศิตางศุ์เข้าไปถาม
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
“ผี! ผีเข้าน้องออนซ์”
“ไม่ผี ชีก็คงไปเล่นยาบ้ามาแน่ๆ”
เนตรศิตางศุ์อึ้ง แองเจโล่กับมาริโอ้วิ่งออกไป เนตรศิตางศุ์กับหมอวรวรรธรีบตามไป

เนตรศิตางศุ์กับหมอวรวรรธวิ่งตามทีมงานขึ้นมาบนดาดฟ้า พอมาถึงจึงเห็นน้องออนซ์ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนจะขาดใจอยู่บนขอบระเบียง ปาณัท ลูกข่างและทีมงานยืนออกัน
“น้องออนซ์...คุณเป็นอะไรไป...คุณลงมาก่อนเถอะนะ”
น้องออนซ์กรีดร้องไห้โหยหวน
“ชั้นเกลียดทุกคน ชั้นเกลียด...ชั้นจะฆ่าทุกคน”
เท้าของน้องออนซ์ก้าวเข้าไปใกล้ขอบปูน คนอื่นร้องด้วยความหวาดเสียว เนตรศิตางศุ์รีบถอดแว่น เงยไปมองน้องออนซ์ จึงเห็นใบหม่อนยืนกอดเอวประกบหลังน้องออนซ์ โดยอีกมือวางแปะบนหัวน้องออนซ์โดยหันนิ้วห้อยลงมาที่หน้าผาก แล้วพอใบหม่อนขยับนิ้ว พลางพูดด้วยปากของใบหม่อน เสียงใบหม่อน น้องออนซ์ก็จะขยับปากพูดแบบเชิดหุ่น ตาน้องออนซ์เบิ่งค้างไม่มีแวว เนตรศิตางศุ์อึ้งคิดหาทางจะทำยังไงดี
หมอรุทธ์กับลาภวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ข้างๆ ปาณัท
“น้องออนซ์ขา ร่วงลงไปศพไม่สวยนะคะ”
“ไม่สวยสิดี ชั้นเกลียดอีนี่ ชั้นเกลียดมัน ร่างมันจะต้องแหลกเป็นชิ้นๆ”
สีหน้าน้องออนซ์โกรธเกรี้ยวทำท่าจะกระโดด คนอื่นๆ ร้องหวีดและหลับตาปี๋ด้วยความตกใจ
“คุณใบหม่อนอย่า”
น้องออนซ์หันขวับไปมองเนตรศิตางศุ์ เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ทุกคนมองเนตรศิตางศุ์เป็นตาเดียว หมอรุทขมวดคิ้วฉับ ลาภยืนหลังหมอรุทธ์ ทำหน้างงเหวอสุดๆ หมอวรวรรธมองเนตรศิตางศุ์จ้องเขม็ง
เนตรศิตางศุ์กลัว แต่ทำใจแข็งจะเดินเข้าไปหาน้องออนซ์ หมอวรวรรธดึงแขนเนตรศิตางศุ์ห้าม
“คุณจะทำอะไร อย่าเข้าไป”
เนตรศิตางศุ์สะบัดแหวกทุกคนเข้าไป มาริโอ้ แองเจโล่ พยายามจะห้ามเนตรศิตางศุ์ ขณะที่ปาณัทสังเกตเห็นน้องออนซ์จ้องเนตรศิตางศุ์คนเดียว ไม่ขยับตัว จึงพยักหน้าให้ทั้งคู่ปล่อยเนตรศิตางศุ์เดินเข้าไปหาน้องออนซ์
เนตรศิตางศุ์ก้าวแทรกฝูงคนเข้าไปใกล้น้องออนซ์ ในระยะที่คุยได้ยินกันแค่สองคน
“คุณใบหม่อน...อย่าทำแบบนี้สิ ขอร้องล่ะ”
ใบหม่อนที่ยืนประกบหลังน้องออนซ์ จิกหัวน้องออนซ์ที่ตาลอยอยู่ถลึงตาใส่เนตรศิตางศุ์
“ฉันจะทำ ฉันเกลียดมัน เกลียดเธอด้วย ยัยปัญญาอ่อน ฉันอุตส่าห์หลงไว้ใจคิดว่าเธอจะช่วยฉันอย่างที่เธอพูด แต่เธอก็โกหกฉันเหมือนพวกมัน”
“ฉันไม่ได้โกหก แต่เธอต้องเข้าใจฉันมั่ง ฉันไม่สะดวกที่จะมาได้บ่อยๆ ฉันต้องยอมโกหกพี่ณัฐ โกหกเพื่อน เพื่อจะมาหาเธอ ทั้งๆ ที่ฉันก็เกลียดการโกหกนะ” ใบหม่อนอึ้ง เนตรศิตางศุ์ยื่นมือให้ใบหม่อน ทุกคนยืนมอง ลุ้นๆ อึ้งๆ “คุณใบหม่อน...พาคุณน้องออนซ์กลับเข้ามาเถอะนะ...นะคะ แล้วมาช่วยชั้นกะหมอวรวรรธหาตัวคนที่ฆ่าเธอให้เจอเร็วที่สุด”
ใบหม่อนมองมือเนตรศิตางศุ์อย่างตัดสินใจ แล้วจับมือของน้องออนซ์ไปจับมือเนตรศิตางศุ์ตอบ เนตรศิตางศุ์ยิ้ม คนอื่นๆ เริ่มโล่งใจ
“ถ้าเธอทำให้ฉันผิดหวังอีกครั้ง ฉันจะฆ่าพวกมันทุกคน”
ใบหม่อนพุ่งออกจากร่างน้องออนซ์อย่างแรง น้องออนซ์กระพริบตาถี่ๆ รู้สึกตัวแล้วเห็นว่าตัวเองกำลังจะตกตึก”
“ว้าย...ชั้นมาอยู่ตรงนี้ได้ไง ชั้นกลัว...กลัวความสูง”
“ยืนนิ่งๆ ค่ะ...อย่าขยับ”
น้องออนซ์ตกใจร่างโอนเอน เอนหน้า เอนหลัง เนตรศิตางศุ์จับมือน้องออนซ์แน่น แต่ต้านแรงของน้องออนซ์ไม่ไหวเลยจะตกตึกไปด้วย ทุกคนตกใจ
“เนตร”
หมอวรวรรธพุ่งเข้าไปคว้าตัวเนตรศิตางศุ์เอาไว้ได้ทัน ร่างน้องออนซ์ห้อยต่องแต่งแต่เนตรศิตางศุ์จับข้อมือน้องออนซ์ไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ว้ายๆๆๆ”
“หมอ...ช่วยด้วยๆๆ ชั้นไม่ไหวแล้ว มือจะหลุดอยู่แล้วววว”
หมอวรวรรธเอื้อมมือไปจับแขนน้องออนซ์
“เนตร ถอยไปครับ”
เนตรศิตางศุ์ปล่อยมือแล้วถอยออกไป ปาณัท แองเจโล่ มาริโอ้เข้าไปช่วยหมอวรวรรธดึงร่างน้องออนซ์ขึ้นมา
“เป็นลมดีกว่า”

น้องออนซ์ร่วงผล็อยในอ้อมกอดปาณัท ทุกคนกรูกันเข้าไปดู

เนตรศิตางศุ์เห็นหมอวรวรรธแตะข้อมือน้องออนซ์เพื่อจับชีพจรและสั่งให้สองหนุ่มแฝดช่วยกันคลายชุดแสดงออก ทว่าหมอรุทธ์ปราดเข้ามาและออกปากไล่หมอวรวรรธด้วยท่าทางวางก้าม

“ถอยไป ผมเป็นหมอ คนไหนไม่ใช่หมอไปห่างๆ เลย”
เนตรศิตางศุ์ขมวดคิ้วและรีบชี้แจงแทน
“คุณวรวรรธก็เป...”
หมอวรวรรธแตะมือเนตรศิตางศุ์ไว้ ส่งสายตาไม่ให้พูดต่อ ก่อนจะพาเนตรศิตางศุ์ถอยออกมา หมอรุทธ์มองเนตรศิตางศุ์ไม่วางตา
“หมอรุทธ์ครับ ช่วยด้วยครับ”
“ครับ” หมอรุทธ์เข้าไปดูน้องออนซ์ “คลายชุดให้เธอด้วยครับ”
ลูกข่างจัดการช่วยหมอรุทธ์ หมอรุทธ์จับชีพจรน้องออนซ์แต่หางตามองเนตรศิตางศุ์ตลอด ซึ่งเหมือนกับลาภที่จ้องเนตรศิตางศุ์ไม่วางตาเหมือนกัน

ขณะที่คนเกือบทั้งโรงละครยังมุงดูการปฐมพยาบาลน้องออนซ์ ปาณัทเดินตามเนตรศิตางศุ์กับหมอวรวรรธมาจนทัน
“คุณ...” เนตรศิตางศุ์และหมอวรวรรธหันมาเจอปาณัทที่พยายามพูดเสียงค่อยให้ได้ยินกันเพียงสามคน “เธอใช่มั้ยครับ”
แม้ไม่เอ่ยชื่อ เนตรศิตางศุ์ก็รู้ว่าปาณัทหมายถึงใคร
“ค่ะ คุณควรหาพระให้คุณน้องออนซ์ใส่”
ปาณัทพยักหน้าเข้าใจ ก่อนขอตัวไปดูอาการของคนในปกครองต่อ
“ผมขอตัวก่อน...ขอบคุณครับ...”
สายตาหลายคู่จ้องเนตรศิตางศุ์อย่างพิศวงกว่าที่เคย เนตรศิตางศุ์น่าจะชินแต่กลับเจ็บปวด
“ไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ”
หมอวรวรรธบอกแล้วพาเนตรศิตางศุ์เดินออกไป
ดวงตาลาภลุกเป็นไฟมองเนตรศิตางศุ์ที่กำลังเดินออกไปจากดาดฟ้า...ใบหม่อนต้องไม่อยู่ที่นี่ เธอถูกเขาจำกัดไปแล้วอย่างไม่เหลือซาก ลาภบอกตัวเองแล้วหายใจเข้าลึกๆ มือสั่นเล็กน้อย เขาต้องทำอะไรสักอย่างให้เนตรศิตางศุ์รู้ว่าเธอเข้าใจผิด

ส่วนที่รีสอร์ทของติณห์ ญาณินพูดกับติณห์พลางเปิดสมุดบัญชี
“ความอยาก ความโลภ กิเลสตัณหามันไม่เข้าใครออกใคร พวกหน้าซื่อๆ แต่ใจคดมีถมเถไป เพราะฉะนั้นเรื่องคุณหลวงเราจะต้องไม่เชื่อคำพูดของใครทั้งนั้น แต่เราจะหาหลักฐานมายืนยันให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณหลวงกันแน่ เข้าใจไหมคุณ” ติณห์แหวกผ้าม่านมองออกไป ไม่ได้ฟังที่ญาณินพูดเลย “นี่คุณฟังที่ฉันพูดบ้างหรือเปล่า” ติณห์ยังเฉย “คุณดูอะไรของคุณหนักหนา”
ติณห์มองออกไป ตาโตตกใจ
“มายก๊อด”
“มีอะไร”
“บัฟฟาโล่แอโร่ว”
“ควายธนู มันมาอีกแล้วเหรอ”
ญาณินวิ่งไปดูที่หน้าต่างจึงเห็นดวงไฟหน้ารถสว่างอยู่ไกลๆ ติณห์คว้าปืนลูกซองจากลิ้นชักเอากระสุนมายัดใส่ สีหน้าฮึกเหิมมาก
“Today, I'm going to send it to hell ผมจะส่งมันไปนรกเอง”
“คุณจะบ้าเหรอ นั่นมันไฟหน้ารถคนงาน ไม่ใช่ควายธนู”
ติณห์มองไปที่หน้าต่างเห็นดวงไฟหน้ารถเคลื่อนออกไป
“อ้าว...” ญาณินค้อนติณห์
“เก็บปืนแล้วมานั่งเดี๋ยวนี้ ฉันมีอะไรจะให้คุณดู”
ติณห์งง ขณะนั้นป้าอรวรรณแอบดูญาณินกับติณห์อยู่ที่ประตู
“เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองกับใบฝรั่ง...เอ้ย ใบหยก”
“ใครเหรอครับ”
ทนายสมชาติถาม ป้าอรวรรณสะดุ้ง
“อุ๊ย...คุณสมชาติน่ะเอง ดิฉันตกใจแทบแย่” ทนายสมชาติยืนถือแฟ้มเอกสาร “คุณสมชาติมาพบคุณติณห์เหรอคะ”
“ครับ ผมมีเอกสารให้เขาเซ็นต์นิดหน่อย”
“ด่วนมากไหมคะ”
“ไม่ด่วนครับ”
“ถ้าอย่างงั้นเราไปนั่งดื่มชากันไหมคะ ดิฉันทำขนมน้ำดอกไม้เอาไว้ทานกับชาสมุนไพรร้อนๆ เข้ากันดี้ดี คืนนี้จะได้นอนหลับสบาย”
“ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ”
ป้าอรวรรณกับทนายสมชาติกำลังเดินออกไป ป้าอรวรรณเหลียวหลังกลับมามองในบ้าน
“ป้ายอมเสียความเป็นกุลสตรีเพื่อคุณหนูเลยนะคะ”
ป้าอรวรรณหัวเราะคิกคักแล้วตามทนายสมชาติไป

ญาณินเปิดสมุดบัญชีให้ติณห์ดู
“อะ...ฉันลิสต์รายชื่อคนที่อยู่ในสมุดบัญชีเล่มนี้ คุณลองดูสิว่ารู้จักใครบ้าง” ติณห์ส่ายหน้า “ยังไม่ทันจะดูเลย รู้ได้ไงว่าไม่รู้จัก”
“ผมอ่านภาษาไทยไม่เก่ง”
“แล้วก็ไม่บอก ก็มีชื่อนายเกิด นายสังข์ นายพุ่ม นายคม ลำดวน”
“ตาพุ่มเป็นพ่อทนายสมชาติ ที่เราเคยไปพบน่ะเหรอ”
“ใช่ คนอื่นๆ ล่ะรู้จักบ้างไหม”
“ไอด้อนโนว์ ให้ผมไปถามกามนานพงษ์ดีไหม เขาอยู่ที่นี่มานาน เขาอาจจะรู้จักคนพวกนี้ก็ได้”
“จำไม่ได้เหรอ คุณตาคุณบอกว่าอย่าไว้ใจกำนันพงษ์”
“งั้นก็เอาไปถามแกรนด์ปาเลยสิ”
“ถ้าฉันทำได้ ฉันไม่เสียเวลามานั่งคุยกับคุณอยู่อย่างนี้หรอก วันนี้เป็นคืนเดือนมืดญาณฉันไม่ค่อยแข็งแรง”
“อะไรของคุณ “ยาน” นะ”
ญาณินปิดหน้าอกหมับ
“บ้า”
“ด่าผมทำไม ผมถามคุณดีๆ นะ” ติณห์ทำตากรุ้มกริ่ม “อ๋อ...ผมรู้แล้วว่าอะไรยาน”
“ทะลึ่ง! สรุปว่าคุณไม่รู้จักคนพวกนี้เลยใช่ไหม งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวเราค่อยหาทางสืบกันต่อไป คุณจะถอดใจไม่ได้นะคุณติณห์ คุณต้องเรียกร้องความถูกต้องให้กับคุณตาของคุณ”
“โกงประเทศชาตินะหรือ...” สีหน้าติณห์แสดงความเหนื่อยข้างในใจ)
“ในฐานะที่คุณมีสายเลือดของคุณหลวงอยู่ในตัวคุณ คุณเชื่อจริงๆ เหรอว่าคุณหลวงจะทำอย่างที่คนอื่นเขาพูด”
“คุณบอกผมเองไม่ใช่เหรอ ความอยากมันไม่เข้าใครออกใคร ตอนนั้นแกรนด์ปาของผมอาจจะมีความอยากมากกว่าที่คุณคิดก็ได้”

ญาณินเถียงไม่ออก

หมอวรวรรธพาเนตรศิตางศุ์ลงมาจากดาดฟ้าแล้วดุเธอ

“นิสัยขี้กลัวของคุณหายไปไหนหมด ทำไมไม่เอาออกมาใช้ คุณจะได้ไม่ต้องทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนั้น หรือคิดว่าตัวเองเป็นซูเปอร์วู้เม้น เป็นหญิงเหล็กตกตึกไม่ตาย นี่ถ้าคุณเป็นอะไรไป พี่ณัฐคงฆ่าผมแน่”
เนตรศิตางศุ์ก้มหน้าฟังอย่างเดียว หมอวรวรรธยิ่งหงุดหงิด
“เถียงบ้างสิ มีเหตุผลอะไรมั้ย”
เนตรศิตางศุ์ทำหน้าจะร้องไห้
“ถ้าเมื่อตะกี้หมอเป็นเนตร หมอจะทำยังไง”
หมอวรวรรธสงบขึ้น
“ผมก็ต้อง...เอ่อ...ทำเหมือนคุณ”
“นั่นไง เห็นไหมล่ะคะ”
“แล้วตอนนั้น...ทำไมคุณถึงต้องเรียกชื่อคุณใบหม่อน”
“บอกไป คุณก็ไม่เชื่อ อย่างคราวก่อนที่บอกให้คุณไปทำบุญให้วิญญาณที่ตามคุณมา คุณก็ยังไม่ไปทำเลย ใช่ไหมล่ะ”
“รู้ได้ไง...”
เนตรศิตางศุ์ส่ายหัวแล้วหันไปเห็นใบหม่อนยืนอยู่ข้างหลังหมอวรวรรธ ใบหม่อนพูดแต่เนตรศิตางศุ์ไม่ได้ยิน
“หมอรุทธ์?” ใบหม่อนเห็นหมอรุทธ์ เนตรศิตางศุ์พยายามอ่านปากใบหม่อน
“อะไรนะคะ”
หมอรุทธ์โผล่มาอยู่หลังเนตรศิตางศุ์และหมอวรวรรธแล้ว
“คุณเป็นนักศึกษาฝึกงานที่เขาพูดกันใช่มั้ยครับ”
หมอวรวรรธและเนตรศิตางศุ์หันขวับตกใจที่เจอหมอรุทธ์
“เอ่อ...”
“แล้วคุณเป็น...” หมอรุทธ์ถามหมอวรวรรธ
“เขาเป็น...” เนตรศิตางศุ์จะตอบแต่หมอวรวรรธชิงตอบเอง
“แฟนครับ ผมเป็นแฟนเธอ” เนตรศิตางศุ์ตาโตตกใจ หมอวรวรรธหันมาปรามและพูดต่อหน้าตาเฉย “เธอมาทำงานไกล ผมเป็นห่วงเลยตามมาดูแลครับ...แล้วคุณคือ...”
ลาภโผล่ออกมาจากอีกมุม
“นี่คือคุณหมอรุทธ์ครับ เป็นหมอศัลยกรรมชื่อดัง นักแสดงที่นี่เป็นคนไข้ของหมอแทบทุกคน”
“พอแล้วลาภ ไม่ต้องโฆษณา”
ลาภก้มหัวอย่างเจียมหัว
“มัวแต่คุยกันอยู่ได้” ใบหม่อนบอก
“ห๊า” เนตรศิตางศุ์พยายามอ่านปากใบหม่อน
“เร็วๆๆ” ใบหม่อนกระทืบเท้า หมอรุทธ์จับสังเกตเนตรศิตางศุ์
“ใช่ๆๆๆ ก็...เราต้องรีบแยกย้ายไปทำหน้าที่ของเราเร็วๆ ไง” เนตรศิตางศุ์บอกหมอวรวรรธ
“จริงด้วย ขอตัวก่อนนะครับ”
ทั้งสองรีบไป หมอรุทธ์มองทั้งคู่ตากระพริบ

พอพ้นสายตาหมอรุทธ์กับลาภมาแล้วเนตรศิตางศุ์กับหมอวรวรรธจึงชะลอฝีเท้าลง
“ใครเป็นแฟนคุณ”
“ไม่ดีรึ…ผมกำลังช่วยคุณอยู่นะ”
“ช่วยอะไร?”
“ก็ไอ้หมอโรคจิตนั่น จ้องคุณตาเป็นมัน ผมช่วยแล้วมันยังทำหน้าหื่นอีก”
ใบหม่อนทำหน้าเบื่อหน่าย เนตรศิตางศุ์สังเกตได้จึงขอปลีกตัว
“คุณไปหาหลักฐานไป๊...ฉันจะทำงานของฉัน”
“ห้ามนานนะ”
ใบหม่อนเดินนำเนตรศิตางศุ์ไป

ใบหม่อนเดินทะลุกำแพงเข้ามาในห้องพักของน้องออนซ์ เนตรศิตางศุ์เปิดประตูตามมา
“ใบหม่อนพาเนตรเข้ามาในห้องคุณน้องออนซ์ทำไมคะ”
“นังออนซ์มันอยากได้ทุกอย่างของฉัน มันอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าฉัน เธอต้องหาหลักฐานมัดตัวมัน”
เนตรศิตางศุ์ไม่ได้ยิน พยายามจ้องปากใบหม่อน
“พูดช้าๆ หน่อยค่ะ เนตรอ่านตามไม่ทัน”
ใบหม่อนหงุดหงิด ไม่ได้ดั่งใจ จึงหันขวับไปมองที่ลิ้นชักตู้ พลันลิ้นชักทั้งหมดที่อยู่ในห้องถูกดึงออกมาเนตรศิตางศุ์เก็ททันที
“จะให้เนตรค้นห้องคุณน้องออนซ์เหรอคะ” ใบหม่อนพยักหน้า “แต่ถ้าใครจับได้ เนตรโดนข้อหาบุกรุกเลยนะคะ” ใบหม่อนสีหน้าโกรธ “โอเคค่ะ ค้นก็ค้น ใบหม่อนช่วยเป็นต้นทางให้เนตรด้วยก็แล้วกันนะคะ”
ใบหม่อนหันหลังเดินทะลุห้องออกไป เนตรศิตางศุ์เริ่มค้นที่ลิ้นชักตู้มีเสื้อผ้าวางทับกัน เนตรศิตางศุ์เปิดผ้าออกเจอกุญแจมือกับแส้วางอยู่ข้างล่างสุด
“สงสัยจะเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากละคร...โหดจัง คนดูจะดูได้ไหมเนี่ย”
เนตรศิตางศุ์ใส่กลับเก็บเข้าไปเหมือนเดิม ปิดลักชัก เนตรศิตางศุ์ไปที่ลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งมีเครื่องสำอางมากมาย เนตรศิตางศุ์ล้วงเข้าไปข้างใน เจอกล่องลายการ์ตูนน่ารักซุกซ่อนอยู่
“ขออนุญาตนะคะคุณน้องออนซ์”
เนตรศิตางศุ์ค่อยๆ เปิดฝา...ทีละนิด...ทีละนิด ฝาเปิด เจอซองถุงยางอนามัยอัดเต็มกล่อง
 
เนตรศิตางศุ์ตกใจอ้าปากค้าง รีบปิดฝาแล้วยัดกลับเข้าไปเหมือนเดิมด้วยสีหน้าสะอิดสะเอียน

The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 7 (ต่อ)

ตรงทางเดินระหว่างห้องแต่งตัวที่มืดมิด ลูกข่างถือชุดที่ใส่แล้วเต็มอ้อมแขนจะไปออกประตูหลัง เดินมาจนถึงหน้าห้องใบหม่อน ที่มีป้ายชื่อใบหม่อนติดอยู่ และมีเทปสีเหลืองของตำรวจเขียนว่า”ห้ามเข้า” ปิดทาบประตูห้องไว้ แต่ห้องแง้มๆ และมีแสงไฟลอดออกมา

“ว้าย! พระเจ้าช่วยกล้วยทอด คระๆๆๆ ใคร...เข้าไปในห้องใบหม่อน...” ลูกข่างกล้าๆ กลัวๆ ค่อยๆ โผล่หน้าดู หมอวรวรรธใส่ถุงมือ หยิบเครื่องสำอางมาดูทีละชิ้น มีถุงพลาสติกแบบซิปมาเก็บ “คุณหมอผ่าศพนี่เอง...นึกว่าใครซะอีก...อุ๊ย...เอาเครื่องสำอางไปทำไมคะ”
“ก็...เอาไปเผื่อๆ งั้นแหละครับ”
“ดีนะคะ ที่ยัยออนซ์ไม่ตกตึกตายไปอีกคน ไม่งั้นวันนี้คุณหมอได้ชัณสูตรศพ ซิลิโคนแตกอีกรายแน่”
“ซิลิโคนแตก?”
“อ๊าย...ดูไม่ออกเหรอคะว่ายัยน้องออนซ์ “ปลอม” ทั้งตัว”
“ผมไม่ได้สังเกตขนาดนั้น”
“เจ๊ไม่อยากจะเม้า เมื่อก่อนชี้หน้าแบนเป็นปลาบู่ชนเขื่อน นี่ชีศัลยกรรมมาหน้าเปลี่ยนเป็นคนละคน น้องใบหม่อนก็เหมือนกัน ทุกคนในโรงละครนี้เป็นลูกค้า...เอ๊ย...คนไข้ของคุณหมอรุทธ์กันทั้งนั้น หมอรุทธ์หล่อๆ ที่มาวันนี้น่ะค่ะ แม้แต่คุณปาณัท...ก็ยังฉีดโบท็อกซ์กะหมอรุทธ์...ส่วนของพี่...คุณหมอทายสิคะ ว่าพี่น่ะ...ฉีดอะไรตรงไหนบ้าง...”
หมอวรวรรธยิ้มแหะๆ

หมอรุทธ์กำลังก้มลงมองน้องออนซ์ที่นอนสลบอยู่ อยู่ๆ น้องออนซ์ลืมตาโพลง กระเด้งลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ อย่างงุนงงแล้วนึกขึ้นได้
“ตกตึก” น้องออนซ์แตะตัว แตะหน้าตัวเอง ปาณัทที่อยู่ในห้องด้วยหันมาเห็น
“คุณยังไม่ตายหรอกครับ”
“เกิดอะไรขึ้นกับน้องออนซ์คะ...น้องออนซ์ฝันเห็นพี่ใบหม่อน...แล้วก็...เห็นตัวเองไปยืนบนดาดฟ้า...”
“เป็นยังไงบ้างครับคุณน้องออนซ์ ก่อนที่คุณจะไปยืนบนนั้น...คุณเสพอะไรเข้าไปหรือเปล่า”
หมอรุทธ์ถามขาดคำเสียงเคาะประตูดังขึ้น ปาณัทเดินไปเปิด ณัฐเดชยืนอยู่กับตำรวจในเครื่องแบบอีกสองนาย
“ผู้กองณัฐเดช”
ณัฐเดชรีบก้าวเข้ามา
“คุณออนซ์ปลอดภัยนะครับ”
“ตำรวจมาทำไม น้องออนซ์ไม่ได้เสพอะไรเข้าไปนะคะ ไม่เชื่อมาตรวจฉี่ได้เลย”
“ออนซ์” ปาณัทดุน้องออนซ์แล้วแนะนำณัฐเดชกับหมอรุทธ์ “ผู้กองครับ นี่คุณหมอรุทธ์...หมอศัลยกรรมประจำโรงละคร คุณหมอครับนี่ผู้กองณัฐเดช ตำรวจที่ดูแลคดีของใบหม่อนครับ”
หมอรุทธ์อึ้ง
“สวัสดีครับ”
หมอรุทธ์พยายามยิ้ม
“ครับ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตะกี้ไม่น่าเกี่ยวข้องกับคดีของใบหม่อน”
“ผมบอกคุณปาณัทเอาไว้เองครับ ว่าถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่นี่ให้โทรไปบอกผม เพราะเรื่องบางเรื่อง อาจจะดูเหมือนไม่เกี่ยวกัน แต่จริงๆ แล้วมันเกี่ยวกันอย่างไม่น่าเชื่อเลย...อยู่ดีๆ ทำไมคุณน้องออนซ์ถึงต้องคิดสั้นล่ะครับ”
“น้องออนซ์เปล่านะ ที่จริง...น้องออนซ์ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่รู้ตัว? แล้วก่อนหน้านั้นคุณกำลังทำอะไร”
น้องออนซ์สบตากับปาณัท ตอบไม่ถูก
“เอ่อ...”
“วอร์มร่างกายเตรียมขึ้นแสดง” ปาณัทตอบแทน ณัฐเดชมองปาณัทกับน้องออนซ์อย่างสงสัย
“ใช่ค่ะ กำลังวอร์ม เครื่องกำลังจะติดแล้วเชียว แต่อยู่ๆ น้องออนซ์ก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย มารู้ตัวอีกทีก็ตอนหงายหลังจะตกตึก แล้วยัยเนตรก็มาจับมือน้องออนซ์เอาไว้” ณัฐเดชผงะเมื่อได้ยินชื่อเนตร
“เนตร...เนตรไหน”
“เนตร เด็กคอสตูมฝึกงานทำเสื้อผ้าน่ะค่ะ ผู้กองไม่รู้จักหรอกค่ะ มันเพิ่งมา โง่ๆ เซ่อๆ ชอบก๊ล...” ณัฐเดชอึ้ง

เนตรศิตางศุ์เปิดประตูออกมา ใบหม่อนปรากฏตัวมองเนตรศิตางศุ์อย่างอยากรู้
“เนตรค้นทั่วห้องแล้วค่ะ เจอแต่ของที่ไม่น่าเกี่ยวกับการตายของคุณใบหม่อน” ใบหม่อนนิ่วหน้าสงสัย “แต่พวกของใช้ส่วนตัวของคุณน้องออนซ์ เนตรไม่อยากพูดถึง”
ใบหม่อนพยักหน้าแล้วหันหลังเดินนำออกไป เนตรศิตางศุ์ตามไป พอเนตรศิตางศุ์เดินจากไปก็มีเท้าของผู้ชายในรองเท้าหนังสีดำก้าวมาตามทางอย่างสุขุมแล้วมาหยุดหน้าห้องน้องออนซ์ สายตาคนๆ นั้นมองที่ป้ายชื่อห้องน้องออนซ์

ลูกบิดประตูห้องพักน้องออนซ์หมุนแล้วประตูก็ถูกเปิดเข้ามา รองเท้าสีดำคู่หนึ่งก้าวเข้ามาในห้องปิดประตู แล้วเดินมาดึงลิ้นชักออกมา ค้นของในลิ้นชัก
ระหว่างนั้นเนตรศิตางศุ์เดินตามใบหม่อนมาทางที่จะไปห้องปาณัท
“นี่มันทางไปห้องทำงานคุณปาณัทนี่” เนตรศิตางศุ์นึกได้วิ่งไปดักหน้าใบหม่อน “อย่าบอกนะคะว่าใบหม่อนจะให้เนตรค้นห้องคุณปาณัท” ใบหม่อนพยักหน้า เนตรศิตางศุ์ส่ายหน้า “ไม่รู้ว่าในห้องคุณปาณัทมีกล้องวงจรปิดติดอยู่หรือเปล่า ใบหม่อนรู้ไหม” ใบหม่อนส่ายหน้า งงๆ เอ๋อๆ ไม่แน่ใจ “งั้นเราไปสืบที่...ที่แผนกรักษาความปลอดภัยกัน”
พอเนตรศิตางศุ์กับใบหม่อนเดินออกไป ประตูห้องปาณัทก็เปิดออก

ณัฐเดชเดินออกมาจากในห้อง พลางกดโทรศัพท์มือถือหน้าเครียด

โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเนตรศิตางศุ์ดัง ณัฐเดชที่กำลังรอสายได้ยินเสียงโทรศัพท์เป็นเพลงน่ารักๆ ของเนตรดังอยู่ใกล้ๆ ณัฐเดชชักสีหน้าแปลกใจหันไปรอบๆ ขณะนั้นเนตรศิตางศุ์กำลังจะเดินไปทางแผนกรักษาความปลอดภัย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองหน้าจอแล้วตกใจ

“พี่ณัฐ”
เนตรศิตางศุ์ยังไม่กล้ารับสาย
ณัฐเดชเดินไปทางเสียง ห่างจากเนตรศิตางศุ์เพียงมุมห้องขวางเท่านั้น เนตรศิตางศุ์ละล้าละลัง หาทางเอาตัวรอด โดยไม่รู้ตัวว่าณัฐเดชอยู่ใกล้ๆ ณัฐเดชเดินมาจนใกล้จะพ้นมุมห้องและจะเห็นเนตรศิตางศุ์อยู่แล้ว ทันใดนั้นมีมือใหญ่คว้าโทรศัพท์เนตรศิตางศุ์กดปิด พร้อมกับปิดปากเนตรศิตางศุ์ เนตรศิตางศุ์จะร้องแต่ถูกคนๆ นั้นดึงหลบหลังเสา
ณัฐเดชเดินเข้ามาจึงไม่เห็นใคร
เนตรศิตางศุ์เห็นหน้าเจ้าของมือจึงพบว่าเป็นหมอวรวรรธนั่นเอง หมอวรวรรธแตะนิ้วชี้ที่ปากส่งสัญญาณไม่ให้เนตรศิตางศุ์ร้องก่อนบุ้ยหน้าไปด้านนอก เนตรศิตางศุ์มองตามจึงเห็นณัฐเดชยืนอยู่ เนตรศิตางศุ์ตกใจ เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เนตรศิตางศุ์จะร้องไห้ ตัวสั่นกลัว หมอวรวรรธฉุดมือเนตรศิตางศุ์ออกไปอีกทาง ณัฐเดชไม่เห็นใคร จึงกดโทรออกใหม่

เนตรศิตางศุ์กับหมอวรวรรธเดินเร็วๆ เข้ามาทางด้านหลังโรงละคร
“พี่ณัฐมาได้ยังไง หรือเขาจะรู้ว่าเนตรแอบมาที่นี่”
“ไม่ใช่หรอก พี่ณัฐมาพบคุณปาณัท”
“หมอรู้ได้ยังไง”
“ผมเห็นเขาออกมาจากห้องทำงานของคุณปาณัท”
โทรศัพท์ของเนตรศิตางศุ์ดัง เนตรศิตางศุ์มองหน้าจอ
“พี่ณัฐ” เนตรศิตางศุ์ทำหน้าจะร้องไห้ “เนตรทำยังไงดี เนตรต้องตายแน่ๆ”
“ตั้งสติให้ดีๆ อย่าร้องไห้ อย่าตื่นเต้น”
เนตรศิตางศุ์พยักหน้า พยายามคุมสติ แล้วกดรับสาย
“ฮะ...ฮัลโหล” เนตรศิตางศุ์รับสายเสียงสั่น
“เนตรอยู่ไหน”
“อยู่...อยู่...เอ่อ...”
“ออฟฟิศ” หมอวรวรรธขยับปากบอก
“อยู่ออฟฟิศค่ะ เนตรยังทำงานกับเพื่อนๆ อยู่เลยค่ะ”
“ประสาทจริงๆ เลยเรา” ณัฐเดชสถบกับตัวเอง
“มีอะไรเหรอคะ”
“ไม่มีอะไรจ้ะ แล้วทำไมเนตรยังไม่กลับบ้านอีก นี่มันดึกแล้วนะ”
“พอดีมีงานต้องทำเยอะมากเลยค่ะ คืนนี้เนตรขอนอนค้างที่บริษัทสักคืนนะคะ รส กรรณ แก้มก็นอนที่นี่ด้วย”
“บ้านหลังแค่นั้นจะนอนอัดกันไปได้ยังไง พี่ไปรับกลับบ้านดีกว่าไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ณัฐ เนตรนอนที่นี่สะดวกกว่า”
“ตามใจ”
เนตรศิตางศุ์วางสาย
“เรารีบกลับกันเถอะ ไม่รู้ว่าพี่ณัฐจะไปหาที่ออฟฟิศคืนนี้หรือเปล่า”
ทั้งสองรีบออกไป

หมอวรวรรธขี่มอเตอร์ไซค์มาตามถนนโดยมีเนตรศิตางศุ์ซ้อนท้าย แต่แล้วอยู่ๆ รถสะอึก กระตุกๆ หมอวรวรรธรีบเบนรถเข้าข้างทางแล้วจอดสนิท เนตรศิตางศุ์ถอดหมวกกันน็อคออกหน้าซีด
“รถเป็นอะไรคะ หมอ”
“ไม่รู้สิ”
“น้ำมันหมดหรือเปล่า”
“ไม่นะ...สงสัย...ต้องหาที่ซ่อมแล้วล่ะ” เนตรศิตางศุ์ดูนาฬิกา
“ทำไงดีล่ะคะ ดึกแล้วนะ”
“รถทัวร์ รถตู้อะไรจะยังมีอยู่หรือเปล่าไม่รู้...หรือจะไปแท๊กซี่ดี”
หมอวรวรรธมองเนตรศิตางศุ์อย่างกลุ้มใจ เนตรศิตางศุ์หน้าเสีย

หมอวรวรรธเดินจูงรถนำเนตรศิตางศุ์เข้ามาที่บ้านหลังหนึ่ง
“ผมต้องซ่อมรถ แล้วจะปล่อยเนตรกลับเองด้วยรถสาธารณะไปคนเดียวก็ไม่ได้ด้วย นอนที่นี่ละกัน รับรอง...สบาย...ดีกว่าโรงแรมเยอะ”
“หมอจะให้เนตรนอนค้างที่นี่...” เนตรศิตางศุ์อึ้งพูดไม่ออก
“ครับ เราคงต้องค้างด้วยกันแล้วล่ะ มันจำเป็น” หมอวรวรรธเดินเข้าไปเคาะประตู เนตรศิตางศุ์ตกใจ เดินหนีไป หมอวรวรรธตามไปคว้าข้อมือเนตรศิตางศุ์ “คุณจะไปไหน”
เนตรศิตางศุ์สะบัดมือหมอวรวรรธออก
“ปล่อยเนตร”
หมอวรวรรธจับแขนสองข้างของเนตรศิตางศุ์
“คุณเนตร ใจเย็นๆ ก่อน คุณเป็นอะไร”
“เนตรผิดหวังในตัวคุณ เนตรอุตส่าห์เชื่อใจว่าคุณจะเป็นคนดี แต่ที่จริงคุณก็เป็นภัยกะผู้หญิงอย่างที่พี่ณัฐเคยบอก”
ประตูเปิดออก ป้าสุดใจออกมาในชุดนอนแต่ผมแอบเป๊ะ เป็นเพิงสูงสวยงาม ผมไม่กระดิกสักกะเส้น
“รบกวนคนอื่นกลางดึก เป็นการเสียมารยาทอย่างยวดยิ่ง ป้าสอนแล้วทำไมไม่รู้จักจำ”
หมอวรวรรธกับเนตรศิตางศุ์อึ้ง จึงค้างอยู่ในท่าเดิมเลยดูเหมือนกำลังกอดกัน ป้าสุดใจก้มมองทั้งสองอย่างตั้งใจ หมอวรวรรธรู้ตัวรีบปล่อยแขนเนตรศิตางศุ์แต่ไม่ทันแล้ว

ป้าสุดใจมองเนตรศิตางศุ์อย่างไม่ชอบใจเอาเสียเลย

ป้าสุดใจมองเนตรศิตางศุ์และหมอวรวรรธอย่างจับผิด จนเนตรศิตางศุ์ไม่กล้าสบตา รู้สึกอึดอัด หมอวรวรรธ พยายามอธิบาย

“คุณป้าครับ ผมกับคุณเนตรศิตางค์ไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ ผมสาบานได้”
“ถึงป้าจะแก่ แต่ป้าก็ไม่ได้โง่นะตาหนู ผู้หญิงกับผู้ชายที่กล้าไปนอนค้างอ้างแรมที่อื่น ถ้าไม่ได้เป็นอะไรกัน...
หรือว่าแกซื้อมา คุณพระช่วย หน้าตาดีๆ ไม่น่าทำงานแบบนี้เลย”
เนตรศิตางศุ์จะร้องไห้ ชีวิตนี้ไม่เคยถูกด่าแรงขนาดนี้มาก่อน
“ไปกันใหญ่แล้ว ป้าฟังผมดีๆ นะ”
“ฟังผมดีๆ นะครับ” ป้าสุดใจแย้ง
“เอ่อ...ครับ...คุณป้าฟังผมดีๆ นะครับ คุณป้ากำลังเข้าใจผิด คุณเนตรไม่ได้เป็นผู้หญิงอย่างว่า ผมกับคุณเนตรเป็นเพื่อนกัน วันนี้คุณเนตรทำงานที่คาสซานดร้าเสร็จดึก กลับกรุงเทพฯ ไม่ได้ ผมไม่อยากพาเธอไปนอนพักที่โรงแรมเพราะกลัวคนอื่นมองไม่ดี ผมก็เลยพามาที่นี่”
“แล้วพามาที่นี่ดูดีงั้นหรือ”
“ถ้าผมไม่บริสุทธิ์ใจ ผมพาคุณเนตรไปนอนค้างที่โรงแรมไม่ดีกว่าเหรอครับ ไม่ต้องมานั่งให้ป้าด่าหูแฉะด้วย”
ป้าสุดใจตีแขนหมอวรวรรธ
“ตาหนู”
หมอวรวรรธคลำแขนป้อยๆ
“ถ้าไม่สะดวก เนตรไปพักที่โรงแรมก็ได้ค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกย่ะ เดี๋ยวจะหาว่าฉันเป็นพวกแล้งน้ำใจ แต่ในฐานะที่ฉันอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อแม่ของเธอ ฉันขอบอกอะไรไว้อย่างนะ” ป้าสุดใจจ้องเนตรศิตางศุ์ตาเขม็ง สีหน้าจริงจัง “ทั้งสองคน พูดตามป้า “จงรักนวลสงวนนามห้ามใจไว้” เนตรศิตางศุ์ หมอวรวรรษ มองหน้า กร่อยๆ งงๆ “บอกให้พูดตามไง ดังๆ ด้วย พร้อมกัน “จงรักนวลสงวนนามห้ามใจไว้”
“จงรักนวลสงวนนามห้ามใจไว้”
เนตรศิตางศ์กับหมอวรวรรธพูดพร้อมกัน ป้าสุดใจทำหน้าพอใจ
“อย่าหลงใหลจำคำที่พร่ำสอน”
“อย่าหลงใหลจำคำที่พร่ำสอน”
“คิดถึงหน้าบิดาและมารดร”
“คิดถึงหน้าบิดาและมารดร”
“อย่ารีบร้อนเร็วนักมักไม่ดี”
“อย่ารีบร้อนเร็วนักมักไม่ดี”
ป้าสุดใจมีสีหน้าพอใจ เนตรศิตางศุ์อึ้ง ส่วนหมอวรวรรธส่ายหน้าเหนื่อยใจ

เช้าวันรุ่งขึ้นที่บริษัทซิกส์เซ้นส์ สุคนธรนำถาดผลไม้ ข้าวต้ม วางไว้หน้าศาลพระภูมิ ท่านเจ้าที่นั่งอยู่ในศาล ชะโงกมองอาหารในถาด
“ข้าวต้มนี่ไม่ใช่ฝีมือของยายหนูเนตรใช่ไหม” ท่านเจ้าที่ถาม
“ไม่ใช่ค่ะ รสซื้อมาเอง ท่านทานได้อย่างสบายใจไร้กังวล”
“ค่อยยังชั่ว”
ท่านเจ้าที่เสกถ้วยอาหารวางบนมือแล้วตักกิน สุคนธรสเดินกลับมาที่กลาสเฮ้าส์ กรรณานั่งทำงานอยู่อีกมุมเห็นท่านเจ้าที่แว๊บมานั่งกินอาหารต่อในกลาสเฮ้าส์
“แหมๆๆ ใจดีอย่างนี้นี่เอง ท่านเจ้าที่ถึงประทานสามีมาให้แบบไม่ทันตั้งตัว”
“หุบปากไปเลยนะ คนกำลังอารมณ์ดีๆ มาพูดถึงนายนั่นให้อารมณ์เสียทำไม”
“อะไรกัน คนกำลังอินเลิฟก็ควรจะมีความสุขสิ เหมือนอย่าง...”
“อย่างใคร?”
ขาดคำรถกรรัมภาขับเข้ามาจอด สุคนธรสกับกรรณาหันไปมองตาม ประตูรถกรรัมภาเปิดออกรองเท้าส้นสูงสีหวานเจี๊ยบก้าวลงจากรถ กรรัมภาในชุดกระโปรงสีหวาน โพสต์ท่าเก๋ๆ ท่านเจ้าที่สำลักอาหารพรวด
“ผีสลิ่มเข้าสิงยายหนูแก้มหรือนั่น”
กรรัมภาถึงกับเซ็ง
“ท่านเจ้าที่พูดจาได้สามหาวมากค่ะ”
“งั้นผีอะไรสิงแก”
“ไม่ใช่ผี แต่เป็นความรักของหมอรุทธ์ต่างหากที่สิงฉัน เมื่อคืนฉันเสิร์ชในเน็ตหาข้อมูลมาว่าสเปคของหมอมักจะชอบผู้หญิงหวานๆ ฉันก็เลยอยากจะตอบโจทย์ให้คุณหมอรุทธ์นิสหนึ่ง”
“ทำไมต้องทำตัวเป็นจิ้งจกด้วย ผู้ชายชอบอะไรก็เปลี่ยนตัวเองเป็นอย่างงั้น ฉันว่าน่าสมเพชว่ะ”
“ขืนเป็นตัวของตัวเองอย่างแกก็ชวดสิย่ะ ผู้ชายดีๆ สมัยนี้หายากยิ่งกว่าทองซะอีก”
“แล้วนี่แกเอาพี่ณัฐไปไว้ไหน”
รถณัฐเดชขับเข้ามาจอด
“พูดปุ๊บมาปั๊บ ตายยากจริงๆ พ่อคุ๊ณ”
“สวัสดีค่ะพี่ณัฐ”
“อรุณสวัสดิ์จ้ะสาวๆ รีสอร์ทไอ้ติณห์มันใหญ่มากใช่ไหม เมื่อคืนถึงทำงานกันดึกดื่น แต่ดีแล้วแหละ มีงานยังดีกว่าไม่มี พี่ณัฐผู้ใจดีก็เลยซื้อโจ๊กเจ้าอร่อยมาบำรุง” สามสาวงง ณัฐเดชมองหาน้องสาวตัวเอง “เนตรล่ะ?”
สามสาวมองหน้ากัน อึ้ง

เนตรศิตางศุ์นอนอยู่บนเตียง ลืมตาตื่น ลุกขึ้นมองไปรอบๆ ห้อง เห็นบรรยากาศที่ตกแต่งเรียบง่าย สะอาด เป็นระเบียบตามสไตล์ป้าสุดใจ เนตรศิตางศุ์เห็นอะไรบางอย่างที่ปลายเตียงจึงลุกขึ้นไปดูถึงเห็นผ้าเช็ดตัวพับอย่างเรียบร้อย ข้างบนวางขันเงินใส่แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ ทั้งหมดยังไม่ได้แกะกล่อง ยกเว้นยาสีฟันและมีกระดาษเขียนวางเอาไว้ เนตรศิตางศุ์หยิบมาอ่าน
“ฉันออกไปใส่บาตร ตอนแรกตั้งใจจะปลุกเธอไปด้วยกัน แต่คิดว่าคนสมัยใหม่อย่างเธอคงไม่นิยมการทำบุญ ปล.ยาสีฟันอย่าบีบเยอะมันเปลือง และกรุณาบีบจากปลายหลอดเท่านั้น”
เนตรศิตางศุ์หยิบหลอดยาสีฟันมาดู เห็นรูปป้าสุดใจแปะอยู่ที่ปลายหลอดชี้นิ้วทำท่าว่าบีบตรงนี้ เนตรศิตางศุ์อึ้ง ทึ่ง

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บริษัทซิกส์เซ้นส์ สุคนธรส กรรัมภา กรรณายังมองหน้ากันงงๆ
“เนตร?”
“คงยังไม่ตื่นล่ะสิ” ณัฐเดชป้องปากเม้าท์ๆ “อย่างนี้แหละคนไม่เคยทำงานหนัก แล้วชอบบอกว่าตัวเองโตแล้ว”
ณัฐเดชเดินเข้าไปในบ้าน
“พวกแกสังหรณ์เหมือนฉันไหม”
“บรูว์...” สามสาวหันขวับไปมอง “ฉันสังหรณ์ด้วย ถ้าพี่ชายหนูเนตรไม่เจอหนูเนตรที่นี่ล่ะก็” ท่านเจ้าที่เอานิ้วชี้รูดคอ

สามสาวรีบวิ่งตามเข้าไป

ณัฐเดชเข้ามาในบริษัทเรียกหาเนตรศิตางศุ์
“ยัยเนตรตื่นได้แล้ว ทำตัวเป็นแมวเซาเลยนะ” แต่ไม่เห็นเนตรศิตางศุ์ “ยัยเนตร...ยัยเนตร”
สามสาววิ่งตามเข้ามาอย่างร้อนใจ ช่วยกันคิดๆ ว่าจะเอายังไงดี ณัฐเดชชักเครียด
ขณะนั้นในห้องน้ำก๊องกำลังอาบน้ำอย่างสบายใจ จึงบีบเสียงเล็กร้องเพลงผู้หญิง ไม่รู้เรื่องเลยว่าข้างนอกมีอะไรเกิดขึ้น ณัฐเดชและสามสาวหันขวับไปทางห้องน้ำ ณัฐเดชยิ้ม
“ใครสอนน้องสาวพี่ร้องเพลงนี้เนี่ย”
สามสาวพูดพร้อมกัน
“ยัยกรรณ/ยัยรส/ยัยแก้ม”
สามสาวมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“ไม่ต้องโบ้ยกันหรอก พี่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”
สามสาวยิ้มเจื่อน ก๊องอาบน้ำเสร็จนุ่งผ้าเช็ดตัว มือก๊องจับลูกบิดหมุนดังแกร็ก ณัฐเดชหันไปมองที่ประตูห้องน้ำ สามสาวตาโตตกใจ...ตายแน่ๆๆ
ก๊องกำลังจะเปิดประตู แต่ท่านเจ้าที่โผล่มากระตุกผ้าเช็ดตัวก๊องหลุด
“เฮ้ย!” ก๊องตะปบผ้าเช็ดตัว ณัฐเดชนิ่วหน้า
“เอ๊ะ..ทำไมเสียง...”
กรรณาเนียน ทำเสียงห้าวๆ
“เฮ้ย! เหยียบเท้าฉัน จะหาเรื่องกันหรือไงวะยัยแก้ม”
กรรัมภาทำเสียงห้าวบ้าง
“เฮ้ย...ก็แกอยากมาเรียกฉันว่าสลิ่มทำไม”
โทรศัพท์ของณัฐเดชดัง ณัฐเดชรับสาย
“ครับ ผมจะเข้าไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ” ณัฐเดชวางสาย “พี่ต้องรีบไปประชุม บอกเนตรโทรหาพี่ด้วยนะ”
“ค่ะ”
ณัฐเดชออกไป สามสาวโล่งใจมากๆ แล้วก๊องก็เปิดประตูออกมาเห็นสามสาวยืนอออยู่หน้าประตู
“เฮ้ย! เขาเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะ มาแอบดูเขาอาบน้ำได้ไง”
“พวกฉันไม่ดูให้เสียลูกตาหรอกย่ะ แล้วเมื่อกี้จะร้องหาพระแสงอะไร เกือบทำให้ยัยเนตรซวยแล้วรู้บ้างเปล่า”
“ไม่รู้ พวกพี่พูดไรกันเนี่ย ช่วยให้ผมรู้เรื่องด้วยคนได้ไหม”
“รู้ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ รีบๆ ไปแต่งตัวเลยไป๊”
ก๊องเดินออกไปงงๆ โดนด่าตลอด
“ยัยเนตร...หายไปไหนกันแน่”
สุคนธรสบ่นและนึกเป็นห่วงเนตรศิตางศุ์

เนตรศิตางศุ์ยืนแต่งตัวหน้ากระจก เสร็จแล้วหยิบกระเป๋าสะพายเดินไปที่ประตู มือเนตรศิตางศุ์หมุนลูกบิดแต่บิดไม่ได้ เนตรศิตางศุ์หมุนซ้ำๆ แต่ก็ไม่ออก เนตรศิตางศุ์ชักใจไม่ดีจึงทั้งเคาะและใช้ไหล่ดันประตู
“ใครอยู่ข้างนอกบ้าง ช่วยเปิดประตูให้เนตรทีค่ะ”
หมอวรวรรธเปิดประตูออกมาจากห้องข้างๆ จึงได้ยินเสียงเนตรศิตางศุ์เคาะประตูและตะโกนขอความช่วยเหลือ
“คุณเนตร”
หมอวรวรรธวิ่งไปที่หน้าห้องแล้วอึ้งตะลึงงัน เมื่อเห็นว่าที่ประตูมีกุญแจขนาดใหญ่ล็อคอยู่ หมอวรวรรธเคาะประตูบอกเนตรศิตางศุ์
“คุณเนตรไม่ต้องกลัวนะครับ ประตูมันล็อคอยู่ เดี๋ยวผมไปเอากุญแจมาไขให้”
ป้าสุดใจเข้ามา
“หยุดนะตาหนู” ป้าสุดใจคว้าไม้แขวนเสื้อที่วางอยู่แถวนั้นมาไล่ตีหมอวรวรรธ “ร้ายนักนะ ไอ้เด็กป้าสั่งสอนแล้วไม่จำ”
“โอ๊ยๆๆ ป้า ตีผมทำไม”
ป้าสุดใจตีไปพูดไป
“ไหนบอกว่าไม่มีอะไรกัน ป้าเผลอหน่อยไม่ได้เลยนะ นี่ดีนะที่ป้าล็อคกุญแจเอาไว้ ไม่อย่างงั้นคงเข้าไปทำบัดสีบัดเถลิงกันตั้งแต่เมื่อคืนแล้วสิ”
เสียงป้าสุดใจไล่ตีหมอวรวรรธดังอยู่ข้างนอก เนตรศิตางศุ์ถอนหายใจยาว
“กรรมเวร”

ส่วนที่บ้านทนายสมชาติ ขณะนั้นตาพุ่มนั่งครวญเสียงทำเหมือนอยู่คนเดียว
“โน่นแนะนกเขาคู จุ๊ก จุ๊กกรู นกมันเฝ้าคูหาชู้มัน ...โถโก่งคอทำเสียงหวาน ช่างน่าสงสารนกกระไรใจข้า”
อีกมุมของบ้าน ญาณินยืนคุยอยู่กับติณห์
“ลองดูอีกทีนะคุณ...ตาพุ่มอาจบอกอะไร เราเพิ่มนะ”
ญาณินดึงติณห์เดินมาจนร่วมกับทนายสมชาติ ป้าอรวรรณที่ยืนอยู่กับตาพุ่ม
“Wasting my time”
“พ่อครับ ตกลงรู้จักคนที่คุณณินถามไหมครับ”
“เดี๋ยวสิวะ พ่อกำลังทวนความจำอยู่ มีชื่ออะไรบ้างนะ”
ญาณินอ่านในกระดาษ
“เกิด สังข์ คม มั่น ลำดวน ค่ะ”
“เกิด สังค์ คม มั่น ลำดวน... ก็พี่ปักใจใฝ่รัก รัก เจ้าไย มิเห็นใจ เมตตา”
ติณห์กระซิบกับญาณิน
“ผมบอกแล้วว่าเสียเวลาเปล่า คุณยอมรับซะเถอะ แกรนด์ปาผมฆ่าตัวตาย”
“ฆ่า! นึกออกแล้ว พี่สังข์ถูกคุณหลวงฆ่า”
“มันเป็นเรื่องจริงเหรอคะเนี่ย”
“คุณตาจำตอนที่นายสังข์ถูกฆ่าตายได้ไหม ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“พี่สังข์ถูกผีคุณหลวงหลอกตาย เพราะคุณหลวงรักพี่สังข์มาก ถึงอยากจะเอาไปรับใช้ด้วย...คือว่า...เรื่องราวมันเป็นอย่างนี้...”
แล้วตาพุ่มก็เล่าเหตุการณ์ในอดีต
สังข์เดินกอดขวดเหล้า เมาแอ่น เสียงหลวงพิชัยภักดีดังขึ้นจากด้านหนึ่ง
“สังข์...สังข์”
สังข์หันไปเห็นหลวงพิชัยภักดียืนอยู่ที่ขอบสระน้ำ
“คุณหลวง คุณหลวงยังไม่ตาย” สังข์บอกอย่างดีใจ หลวงพิชัยภักดีกวักมือเรียกสังข์ สังข์วิ่งเข้าไปหา “คุณหลวงมีอะไรให้กระผมรับใช้ขอรับ” หลวงพิชัยภักดีไปโผล่อยู่ไกลออกไปอีก สังข์ก็ยังวิ่งตาม “คุณหลวงบอกกระผมมาเลยขอรับ กระผมทำให้คุณหลวงได้ทุกอย่าง”
สังข์วิ่งลงไปในน้ำ ลึกลงไปเรื่อยๆ
“หลังจากนั้นพี่สังข์ก็ไม่กลับมาอีกเลย กว่าจะมีคนพบศพอีกทีก็ลอยอืดไปไกลแล้ว”
“คุณพระช่วย”
“พระก็ช่วยไม่ได้หรอกครับ ผมเคยได้ยินมาว่าคนชื่อสังข์เล่นกินเหล้าแทนน้ำ มันก็เป็นไปได้ที่เขาจะเมาผลัดตกน้ำไปเองมากกว่า” ทนายสมชาติบอก
“แล้วคนอื่นละคะ มีใครที่ยังมีชีวิตอยู่บ้างไหมคะ”
“พี่คมก็ยังอยู่นะ คนนี้เขาเป็นลูกน้องของพี่เกิด เคยได้ยินว่าเขาไม่สบาย รักษาตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ” ตาพุ่มบอก
ญาณินดีใจ เย้ยติณห์
“ฉันบอกแล้วว่าไม่เสียเวลาเปล่า... แล้วคนอื่นล่ะคะ ตาพุ่มจำได้อีกไหม”
“ลำดวน...ลำดวน...ใครน้า คุ้นๆ แต่ติดอยู่ที่ปาก ลำดวน...ลำดวน... อ๋อ…” ตาพุ่มนึกได้กำนันพงษ์เข้ามาขัดพอดี
“วันนี้มีงานอะไรเอ่ย แขกเต็มบ้านเชียว”
“เรามาเยี่ยมตาพุ่มครับ กำนันล่ะครับมาทำอะไร”
“ผมก็มาเยี่ยมตาพุ่มเหมือนกัน พอดีกล้วยไข่หลังบ้านมันออก ตาพุ่มแกชอบกินผมก็เลยเอามาฝาก”
“แปลกนะครับ ผมเป็นลูก ผมยังไม่รู้เลยว่าพ่อชอบกินกล้วยไข่ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“คุณสมชาติคงต้องแบ่งเวลาทำงานให้คุณติณห์มาให้กับตาพุ่มมากขึ้นแล้วล่ะครับ... กินเยอะๆ นะตาพุ่ม จะได้แข็งแรง”
“ชั้นชอบกล้วยไข่ เพราะมันไม่มีกระดูก”

กำนันพงศ์ยิ้ม แล้วมองญาณินกับติณห์อย่างไม่ไว้ใจ

The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 7 (ต่อ)

เสี่ยปิยะพันธ์คุยกับกำนันพงษ์อยู่ที่รีสอร์ทรีเวอร์มูน

“มันคิดจะทำอะไรของมัน”
“ผมก็ไม่รู้ ผมถามตาพุ่มว่าคุณติณห์มาธุระอะไร ตาพุ่มก็ดันลืม”
เสียงเปรมดังขึ้น
“ใครลืมอะไรเหรอครับ” เปรมเดินเข้ามาแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ท่าทางกร่างๆ ไม่กลัวใคร “เรื่องไอ้ติณห์อีกล่ะสิ” เสี่ยปิยะพันธ์พยักหน้า “แค่ไอ้ฝรั่งขี้นกคนเดียว ตื้บมันให้พิการซะก็สิ้นเรื่อง เตี่ยจะไปกลัวมันทำไม”
“ไม่ได้กลัว แต่น้องสาวแกไปรักมันเข้าไง แล้วอยากให้มันมาเป็นน้องเขยแก”
“งั้นก็ไม่ต้องเอาถึงพิการ เอาแค่เข้าเฝือกก็พอ”
“แหม...ใจเย็นๆ สิครับคุณเปรม ผมกำลังพยายามทุกวิถีทางอยู่ แต่คุณติณห์เขารู้ว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าเสี่ย เขาถึงทำตัวแข็งข้อ ทั้งเรื่องที่ดินและเรื่องคุณเพนนี”
“ยัยเพนนีนี่มันยังไงกัน ผู้ชายแค่คนเดียว เอาไม่อยู่ ไม่มีน้ำยานี่หว่า”
เปรมบอกอย่างไม่ไม่พอใจ

เสี่ยปิยะพันธ์ เปรมและลูกน้องเดินมาที่รั้วซึ่งกั้นระหว่างรีสอร์ทของติณห์กีบรีสอร์ทรีเวอร์มูน
“นี่ไง...การปรับที่ดินใหม่มันคืบหน้าไปเยอะแล้ว ไอ้ผู้รับเหมารายใหม่นี่มันกระดูกแข็งเกินไปจริงๆ”
ติณห์กับทนายสมชาติเดินมาเจอพอดี ต่างฝ่ายต่างผงะ
“เสี่ยปิง...” ติณห์พนมมือไหว้ “ฮาวอาร์ยู...สบายดีหรือครับ”
“สบายดีมากๆ เลยครับ อ่อ...นี่เปรมลูกชายคนโตของผมครับ เปรม...นี่คุณติณห์แฟนของเพนนี”
ติณห์ยืนมือไปจับกับเปรม เปรมจับมือตอบแต่ไม่ยอมปล่อยแล้วมองติณห์ด้วยสายตาประเมิน
“ยินดีที่รู้จักครับ คุณเปรม”
ปรมปล่อยมือ แต่ยังคงจ้องติณห์อยู่ ทนายสมชาติเป็นห่วงติณห์เพราะเคยได้ยินกิตติศัพท์ของเปรมมาบ้าง
“ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเพนนีถึงหลงคุณหัวปักหัวปำ คุณล่ะครับ หลงน้องสาวผมบ้างหรือเปล่า”
“เพนนีเป็นผู้หญิงน่ารักครับ”
“งั้นเมื่อไหร่จะแต่งงานกันดี หวังว่าคุณคงไม่ได้เห็นน้องสาวผมเป็นแค่คู่ซ้อมหรอกนะ”
“เอ่อ...ผมคิดว่า...ยังไม่ถึงเวลา ที่เราจะ...”
“หมายความว่าไง...”
“เอ่อ...คุณ”
“ผมถามคุณติณห์”
ทนายสมชาติหยุดพูด
“คือ...คุณก็เห็นว่างานของผมเพิ่งเริ่มต้น รีสอร์ทยังไม่เสร็จ ผมต้องทำอะไรอีกหลายอย่าง...ผม...ยังไม่มีแพลนจะมีครอบครัวเร็วๆ นี้”
“อ้าว...พูดแบบนี้ มันก็เป็นมหาสมุทรที่ไม่มีฝั่งน่ะเซ้...นี่คุณเห็นน้องสาวผมเป็นอะไร”
เปรมปราดเข้าไปผลักอกติณห์ ติณห์เซ เปรมปราดไปกระชากคอเสื้อติณห์
“นี่มันอะไรกัน เสี่ยปิง ห้ามลูกชายคุณสิ ปล่อยคุณติณห์นะครับ ปล่อย”
“เฮ้ย...ไอ้เปรมเบาๆ กับคุณติณห์หน่อย” เสี่ยปิยะพันธ์ห้ามไปงั้นๆ
“นายคงไม่รู้จักไอ้เปรมดีพอ ชั้นไม่ยอมให้ใครมาฟันยัยเพนนีเล่นๆ แน่ และที่สำคัญชั้นอยากได้อะไรก็ต้องได้”
ติณห์จับมือเปรมออก
“คุณก็ยังไม่รู้จักผมดีพอ คนอย่างผมไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ถ้าไม่ก็คือไม่”
ติณห์ผลักอกเปรมอย่างแรง ทนายสมชาติรีบมาดึงติณห์กลับไป
“กลับไปดีกว่าครับคุณติณห์...เชื่อผม”
เปรมฮึดฮัดจะพุ่งเข้าไปหาติณห์ เสี่ยปิยะพันธ์ดึงไว้ ทนายสมชาติพาติณห์เดินออกไป เปรมแค้น ควักปืนจะยิง
“ไอ้ฝรั่งงี่เง่า”
เสี่ยปิยะพันธ์และสมุนรีบห้าม
“ใช้ไอ้นี่ เดี๋ยวเสียงดัง...เป็นเรื่องใหญ่แล้วเตี่ยจะได้ที่ดินมันยากขึ้น แล้วอย่าลืมว่าแกมีหลายคดีติดตัวอยู่..แล้วก็ยังอยู่ระหว่างรอรับการลงอาญา 2 ปี”
“ผมรู้น่า ผมทำอะไร ผมรอบคอบ ผมไม่โง่ เข้าใจมั้ย...ผมไม่โง่อย่างที่เตี่ยคิด อ๊ากกกก” เปรมเตะพื้น บ้าคลั่ง “ผมใจเย็นอยู่แล้ว”
เสี่ยปิยะพันธ์กุมขมับ

ติณห์ยืนดื่มเครื่องดื่มอยู่ที่บ้านพักอย่างเครียดๆ ทนายสมชาติเข้ามาคุยด้วย
“คุณติณห์ต้องระวังตัวให้ดีๆ แล้วล่ะครับ ผมได้ยินมาว่าลูกชายของเสี่ยปิงไม่ธรรมดาเลย คนดีๆ อย่างเราอยู่ในที่แจ้ง จะไปสู้พวกนักเลงอันธพาลที่มันจ้องลอบทำร้ายได้หรือครับ”
“ก็ให้มันรู้ไปสิ ว่าคนเลว มันจะชนะคนดี”
“คุณติณห์ต้องอยู่ใกล้ๆ คุณญาณินไว้นะครับ อย่าอยู่ห่างกันเด็ดขาด”
“ทำไม”
“น่าแปลกนะครับ ผมรู้สึกว่าเวลาที่คุณอยู่ใกล้ๆ คุณญาณิน คุณจะปลอดภัยจากทุกอย่าง หรือคุณติณห์ไม่รู้สึกเหมือนผม”
ติณห์ไม่ตอบทั้งๆ ที่รู้สึกอย่างที่ทนายสมชาติพูดจริงๆ

ขณะนั้นญาณินพับเสื้อผ้าเข้ากระเป๋า กุมาริกาเป็นตัวเล็กๆ นั่งอยู่บนฝาในกระเป๋าที่เปิดอยู่
“เจ๊จะไปกรุงเทพฯ กี่วัน”
“ก็จนกว่าจะทำธุระเสร็จ แล้วคุณหลวงเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เจอเลย”
“เออ...นั่นดิ...ไม่เจอคุณหลวงเลย”
“เจ๊ เราพาคุณหลวงไปเที่ยวกรุงเทพด้วยดีไหม ให้แกได้ไปเปิดหูเปิดตา”
“ดีเหมือนกัน...”

ญาณินมองหน้ากับกุมาริกา

ญาณินแอบจุดธูปดอกเดียว ขณะที่ป้าอรวรรณกำลังขนกระเป๋าขึ้นรถ

“ทำไมเจ๊ต้องแอบมาจุดธูปด้วยล่ะ” กุมาริกาถาม
“ถ้าป้าออรู้ว่าฉันจะพาคุณหลวงกลับไปด้วย มีหวังผมป้าแกที่หงอกอยู่แล้วจะหงอกทั้งหัวนะสิ”
“อ๋อ...เก็ทละ”
“ขอเชิญดวงวิญญาณของคุณหลวงเดินทางไปกรุงเทพฯ กับเราด้วยค่ะ”
ญาณินปักธูปลงพื้น หลวงพิชัยภักดีในชุดโก้ สวมหมวก แบบสมัยสุภาพบุรุษยุค ร.7 ปรากฏตัวขึ้นในชุดเดินทางมีเป้สะพายหลัง
“อย่างนี้สิ...ทำอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราว”
“แหม...ดูตื่นเต้นเลยนะคะคุณตา”
“อะ แน่นอน ฉันไม่ได้ไปกรุงเทพฯ เมืองศิวิไลซ์มาหลายสิบปีแล้ว ขอไปดูตัวหนอนลอยฟ้าให้เป็นบุญตาหน่อยเถอะ”
“เขาเรียกว่ารถไฟฟ้า”
ป้าอรวรรณวิ่งเข้ามาหาญาณิน ญาณินสะดุ้งสุดตัว
“คุณหนู”
“ป่าวจ๊ะป้าออ หนูไม่ได้ชวนใครไป”
ญาณินแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ
“ไม่ชวนอะไรเล่า ลากกระเป๋ามาด้วยน่ะ”
“กระเป๋า? อะไรป้าออ ป้าเห็นเหรอ?” ญาณินถามอย่างแปลกใจเพราะนึกว่าป้าอรวรรณเห็นวิญญาณหลวงพิชัยภักดีกับกุมาริกา
“เต็มสองตาเลย...มาตัวเป็นๆ อยู่ที่รถเรานู้น”
ญาณินงง หลวงพิชัยภักดีมองหน้ากับกุมาริกาไม่เข้าใจ

ญาณินเดินมากับป้าอรวรรณจนเจอติณห์ยืนอยู่ที่รถญาณินพร้อมกระเป๋าสะพาย ทนายสมชาติตามมาสมทบ
“คุณติณห์อย่าบอกนะว่าจะไปกรุงเทพด้วยกัน”
“ผมจะไปหาคุณตาคมกับคุณ ปล่อยคุณไปคนเดียว เดี๋ยวคุณกลับมาโกหกอะไรผม ผมก็ไม่รู้เรื่องน่ะสิ อีกอย่างผมจะไปหาไอ้ณัฐด้วย” ติณห์บอกพร้อมกับแบมือ “เอากุญแจรถมา ผมขับให้”
“ไม่ต้อง รถฉัน ฉันขับเองได้”
ญาณินเดินไปขึ้นรถฝั่งคนขับ
“เชิญเลยครับคุณติณห์ ไม่ต้องห่วงทางนี้ ผมดูแลแทนให้เอง”
ทนายสมชาติบอก ติณห์ยิ้มขอบคุณแล้วขึ้นนั่งข้างหน้าคู่กับคนขับ
“ให้มันได้อย่างนี้สิไอ้หลานรัก”
หลวงพิชัยภักดีกับกุมาริกาขึ้นนั่งบนรถอยู่แล้ว ชิดด้านในสุด ป้าอรวรรณตามขึ้นไปแล้วนั่งตำแหน่งเดียวกับหลวงพิชัยภักดี หนึ่งคนสองวิญญาณจึงนั่งเบียดกันแน่น ป้าอรวรรณมองไม่เห็นพวกวิญญาณแต่รู้สึกอึดอัด
“เอ๊ะ ทำไมอึดอัด” ป้าอรวรรณขยับไปนั่งชิดอีกฝั่ง “สบายกว่าเยอะเลย”
“ดีมากจ้ะป้าออคนสวย”
กุมาริกาบอก ป้าอรวรรณมองไปนอกหน้าต่างแล้วชะงัก ทนายสมชาติหันมาแล้วบ๊ายบายให้ ป้าอรวรรณบ๊ายบายตอบ ยิ้มหวาน ทนายสมชาติหน้าเศร้า รถญาณินเคลื่อนออกไปจากรีสอร์ท

ณัฐเดชหน้าเครียดขณะนั่งคุยอยู่กับผู้กำกับและตำรวจอีกสองนายที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
“ผู้กองกริสน์...แน่นอนมาก ผลงานทะลายคลังยาเสพติดของสุขสันต์ เยี่ยมมาก...ทั้งทีวี หนังสือพิมพ์สรรเสริญเรา จนผู้บังคับบัญชาหน้าบานกันทั้งสำนักงานเลยทีเดียว เราได้ช่วยให้เยาวชนไทยที่ติดยาได้พ้นจากนรก...เราคือฮีโร่ตัวจริง”
“ครับพ้ม”
ผู้กำกับหันมาทางตำรวจอีกคน
“สารวัตรดอน...ตกลง เราได้หมายศาลที่จะไปค้นโรงแรมที่แอบเปิดบ่อนบนดาดฟ้านั่นแล้วนะ เพราะผลงาน
สายสืบทีมห้าคมของคุณแท้ๆเลย เก่งมาก พรุ่งนี้เราจะพานักข่าวไปถ่ายทำการตรวจค้นของเรา คราวนี้ล่ะจะได้ออกทีวีกันทั้งทีม ดีๆๆ แจ๋วๆๆ”
“นั่นสิครับ เดี๋ยวผมว่าจะไปตัดผมใหม่ซะหน่อย”
“เออ...ผมก็ว่าจะไปตัดเหมือนกัน อ้อ...ผู้กองณัฐเดช ฟังเพื่อนๆ ฟังรุ่นน้องเค้าสิ ทุกคนมีผลงานกันหมดเลย จริงไหม ลองมาดูผลงานของคุณมั่งซิ ว่าไปถึงไหนบ้างแล้ว หา...”
“เอ่อ...ก็...กำลังคืบหน้าไป...ครับพ้ม”
“คืบหน้า...แบบกระดื๊บๆๆ เหมือนหอยทาก งั้นเรอะ” ผู้กำกับหยิบช้อนกาแฟขึ้นมาเพ่งจะให้งอ
“คือ...ผม...กำลัง หาพยานหลักฐานให้หนาแน่นพอ”
“แล้วเมื่อไหร่จะหนาแน่นพอ คดีวางเพลิงตลาดหญิงจำเริญ หมอผี 18 มงกุฎหลอกลวงผู้หญิงไปลวนลาม หลอกเงินชาวบ้าน ไหนจะเรื่องนางเอกละครเวทีตายอีก แต่ละคดีไม่น่าจะยุ่งยากซับซ้อนซักหน่อย...แต่ทำไม...ทำไม...ถ้าไม่มีความสามารถพอ...ก็บอกนะ...สองคนนี้เค้าน่าจะทำได้”
ณัฐเดชอึ้ง

ส่วนที่พัทยาเนตรศิตางศุ์นั่งกินบะหมี่อยู่กับหมอวรวรรธที่ข้างโรงละคร เนตรศิตางศุ์ชิมบะหมี่อย่างตั้งใจ ขณะที่หมอวรวรรธโซ้ยอย่างอร่อย มีพวกทีมงานละครนั่งกินอยู่โต๊ะอื่น
“วันนี้ชั้นจะต้องไปค้นห้องคุณปาณัทก่อนใครจะเข้ามาทำงาน เพราะใบหม่อนเค้าแน่ใจว่ามีอะไรในนั้น คุณล่ะ จะไปเก็บตัวอย่างอะไรอีกไหม”
“เดี๋ยวผมไปเอามอไซค์ที่ซ่อมเสร็จแล้ว แล้วจะรีบกลับเอาตัวอย่างที่เก็บมาแล้วไปเข้าแล็บที่ทำงานก่อน คุณก็ทำภารกิจของคุณไป บ่ายๆ นี้ผมจะมารับ แล้วคุณก็ควรจะโทรไปประจบพี่ชายคุณหน่อย เค้าจะได้ไม่ห่วง เข้าใจไหม”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวโทร”
“ไม่ต้องเดี๋ยวเลย ทำให้เขาอุ่นใจว่าคุณไม่ได้หายตัวไปไหน หรือมีอันตรายอะไร ไป โทรเดี๋ยวนี้”
ทันใดลูกข่างขับรถขนคอสตูมเต็มคันรถ ผ่านเข้าไปที่จอดติดประตูทางเข้าด้านข้างโรงละคร เนตรศิตางศุ์รีบลุกขึ้นทันที
“พี่ลูกข่างมาแล้ว คุณจ่ายเงินไปก่อนนะ เอาไว้กลับไปค่อยใช้ทีเดียว จดไว้ด้วยล่ะกันนะ ว่าคุณจ่ายค่าอะไรให้ชั้นไปมั่ง”
เนตรศิตางศุ์รีบชิ่งจากหมอวรวรรธไป ลูกข่างบ่นๆ โวยๆ คนเดียว พลางขนของมากมาย
“ทำไมคนบอบบางอย่างชั้นต้องมาทำงานกุลียังงี้ด้วย กล้ามขึ้นหมดแล้ว”
“หนูมาแล้วค่าๆๆ พี่ลูกข่าง”
“ต๊าย...ยังกะนางฟ้ามาโปรด...มาเร็วๆๆ ยายเนตร เฮ้อ...ดีใจจัง นึกว่าจะเหนื่อยลำพังอีกแล้ว เมื่อคืนเธอหายไปไหน ละครเลิกแล้วเหลือชั้นทำอยู่คนเดียว...รู้ไหม...ว่ามันลำบาก...ลำเค็ญ...มันเศร้า...มันเหงา มันน้อยใจชีวิต”

เนตรศิตางศุ์ยิ้มแหะๆๆ

เนตรศิตางศุ์หอบเสื้อผ้าพะรุงพะรังมาตามทางเดินจะไปที่ห้องคอสตูม แต่ระหว่างผ่านหัวมุมเนตรศิตางศุ์ชนเข้ากับหมอรุทธ์ที่เดินสวนมาพอดี

“ว้าย”
เนตรศิตางศุ์ล้มเสื้อผ้าหล่นกระจาย
“คุณ เป็นอะไรมั้ยครับ ผมขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ... เสื้อผ้า! แย่แล้วๆๆ”
ลูกข่างหอบข้าวของเดินตามมาเจอ
“โอ้มายก๊อส เสื้อผ้าชั้น” ลูกข่างอยากจะโวยวาย แต่ติดที่หอบเสื้อผ้ามาเยอะเช่นกัน “ยัยเนตร...ทำไมหล่อนถึงโก๊ะกังอาราเล่ยังงี้ ถ้าชุดเสียหาย แล้วการแสดงคืนนี้จะทำยังไง ไม่น่าไว้ใจชะนีเลย”
“อย่าไปว่าน้องเค้าเลยครับ ผมผิดเอง”
“หมอรุทธ์...” ลูกข่างเปลี่ยนเป็นเสียงหวานทันที
“ผมเดินไม่ระวัง เลยชนน้องเค้า ผมขอโทษนะครับ”
“หมอรุทธ์...อย่าพูดแบบนั้นสิคะ เรื่องแค่นี้เอง ลูกข่างไม่ติดใจอะไรหรอกค่ะ”
ลูกข่างยิ้มหวานให้หมอรุทธ์ เนตรศิตางศุ์หอบเสื้อผ้าขึ้นมา
“ผมช่วยถือนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” ลูกข่างบอกเสียงระทวย
แต่หมอรุทธ์กลับเข้าไปช่วยเนตรศิตางศุ์ที่เพิ่งหอบชุดขึ้นมา ไม่ได้ช่วยลูกข่าง เนตรศิตางศุ์ให้หมอรุทธ์ช่วยอย่างเสียไม่ได้แล้วพากันเดินไป ลูกข่างได้แต่ยืนเก้อหน้าแตก
“อ้าว...หมอรุทธ์อ้ะ”

หมอรุทธ์ช่วยเนตรศิตางศุ์หอบเสื้อผ้าเข้ามาในห้องคอสตูม แล้วส่งให้เนตรศิตางศุ์ทยอยเอาเสื้อผ้าแขวนเอาไว้กับราวให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
“คิดยังไงถึงมาฝึกงานโรงละครครับ... อยากเป็นดาราเหรอ”
“เอ่อ...แค่ยืนพูดหน้าห้องเรียน เนตรก็ขาสั่นแล้วค่ะ ให้ยืนบนเวทีคนดูเป็นร้อยๆ คงเป็นลมพอดี ฮะๆๆ”
“ถ้างั้น...แล้ว...มาฝึกงานที่นี่ทำไมครับ”
“เนตรก็แค่...แค่อยากทำงานที่นี่ค่ะ”
“เอือม... ผมว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้น แต่คุณเนตรไม่กล้าบอกตรงๆ มากกว่า”
“แล้วคุณหมอล่ะคะ ทำไมชอบมาทำงานที่นี่”
“ผมมีความสุขเวลาเห็นทุกคนที่นี่ สวย หล่อ ดูดีที่สุดเวลาอยู่บนเวทีน่ะสิครับ”
เนตรศิตางศุ์สนใจจริงจัง
“ทุกคนเลยเหรอคะ”
“ใช่ครับ โดยเฉพาะนางเอกพระเอก...ทุกคนเปอร์เฟ็คท์เพราะมีดหมอของผม...คุณเนตรสนใจไหมครับ”
เนตรศิตางศุ์หัวเราะ
“ไม่สนหรอกค่ะ...เอ๊ะ! ตะกี๊ คุณหมอบอกว่าพระเอกนางเอกผ่านมีดคุณหมอทุกคน...แปลว่าไม่มีใครหล่อสวยด้วยธรรมชาติเลยเหรอคะ”
“ไม่มีใครเลยครับ...แม้แต่คนที่สวยที่สุด...อย่าง...ใบหม่อน” แววตาหมอรุทธ์จับสังเกตเนตรศิตางศุ์ เนตรศิตางศุ์สะดุ้ง
“ใบหม่อน...”
“คุณเนตรรู้จักใบหม่อน...ใช่ไหม รู้จักได้ไง รู้จักแค่ไหน รู้จักตั้งแต่เมื่อไหร่”
เนตรศิตางศุ์อึกอัก หมอรุทธ์ก้าวเข้าไปใกล้ ลูกข่างหอบกล่องรองเท้าต่างๆ เข้ามาเห็น ชะงัก ยืนมอง
“ยัยเนตร มากวนอะไรหมอรุทธ์ ไป มาฝึกงานก็ไปทำงานสิ ไปๆๆ” ลูกข่างคว้าแขนหมอรุทธ์ไว้ “หมอรุทธ์ขา ไปในห้องกับลูกข่างนะคะ มีเรื่องจะปรึกษาแบบส่วนตั๊วส่วนตัว”
“มีเรื่องอะไรครับ ถ้าไม่ด่วนเอาไว้ก่อนนะครับ”
“ด่วนสิคะ ลูกข่างอยากปรึกษาเรื่อง...ผ่าตัดเอานั่นออก...เอานี่ใส่...อ่ะคะ นะคะๆ”
ลูกข่างดึงหมอรุทธ์แยกไป เนตรศิตางศุ์ขำๆ แล้วหันไปทำงานต่อ เนตรศิตางศุ์เข็นราวเสื้อผ้าจะเอาไปเข้าที แต่ทันทีที่เข็นก็ต้องผงะเพราะใบหม่อนยืนอยู่ด้านหลังราวผ้านั้น
“ว้าย...คุณใบหม่อน...”
แล้วใบหม่อนก็หายแว่บไปปรากฏที่หน้าประตูห้อง ใบหม่อนกวักมือเรียกเนตรศิตางศุ์ให้ตามเธอไปเร่งร้อน ร้อนใจ เนตรศิตางศุ์แปลกใจรีบตามไป

เนตรศิตางศุ์กำลังเดินตามใบหม่อนที่นำทางไป ใบหม่อนแว่บจากจุดนี้ไปจุดนั้น เนตรศิตางศุ์เดินตามไปตลอด
จนกระทั่ง ใบหม่อนมาหยุดที่หน้าห้องพักส่วนตัวของน้องออนซ์
“ห้องพักคุณออนซ์...เมื่อคืนเราก็เข้ามาค้นห้องนี้แล้วนะคะ”
“มีคนอยู่ในนั้น...คนร้ายอยู่ในนั้นตอนนี้เลย”
ภายในห้อง ชายลึกลับได้ยินเสียงจากด้านนอกมีปฏิกิริยาหาที่ซ่อน แต่แล้วก็ไปคว้าเชือกเส้นนึงขึ้นมาจับให้มั่นด้วยท่าที่พร้อมจะรัดคอคนที่เข้ามา
“อะไรนะคะ อะไรอยู่ในนั้น ไม่เข้าใจ ลอง...ใบ้คำ...ได้ไหมคะ”
“ผู้ชาย...ผู้ร้าย...” ใบหม่อนทำท่าแมนๆ ทำท่าบีบคอ ทำหน้าเลวร้าย
“ผี...ยักษ์ เสือ...”
“ไม่ใช่...คน...ชั้นไม่เห็นหน้า แต่สงสัยว่ายัยออนซ์จะซุกผู้ชายไว้ในนั้น มันอาจจะเป็นฆาตกรสมุนของมันก็ได้”
“พูดยาวจัง แปลไม่ออกจริงๆ ค่ะ งั้น...เข้าไปเลยก็ได้เอ้า”
เนตรศิตางศุ์ตัดสินใจจะเข้าไป จับลูกบิดลองๆ บิด ดูว่าห้องล็อกหรือไม่ ภายในห้อง ชายลึกลับหลบหลังประตู มือจับเชือกพร้อมจะรัดคอ
“ห้องไม่ได้ล็อก”
เนตรศิตางศุ์มองซ้ายมองขวา สำรวจว่าไม่มีใครเห็น แล้วค่อยๆ แง้มประตู เปิดเข้าไปแต่เปิดประตูได้ไม่เท่าไหร่ อยู่ๆ น้องออนซ์ที่เดินเข้ามาด้านหลังเรียกเอาไว้
“ทำอะไรน่ะ” เนตรศิตางศุ์ตกใจ รีบปิดประตูกลับตามเดิม น้องออนซ์ปราดมาเอาเรื่องเนตรศิตางศุ์ “เธอมาทำอะไรที่ห้องชั้น”
“ปะ...เปล่าค่ะ”
“ชั้นเห็น เธอกำลังจะแอบเข้าห้องชั้น”
“คือเนตร...เนตร” เนตรศิตางศุ์มองใบหม่อน ใบหม่อนทำหน้าเซ็ง กระทืบเท้าอาละวาดแล้วหายตัวไป “อ้าว...ซะงั้น...เอ่อ...อ้า...คือ...เนตรกำลังจะมาตามคุณออนซ์ไปแต่งหน้าทำผมค่ะ พอดีเห็นประตูไม่ได้ล็อก นึกว่าคุณอยู่ข้างใน ก็เลย...”
“ต่อให้มีคนตาย เธอก็ไม่มีสิทธิ์เปิดประตูห้องส่วนตัวของชั้น เข้าใจมั้ย”
เนตรศิตางศุ์จ๋อย หน้าเหมือนจะร้องไห้
“ค่ะ”
“ไป” เนตรศิตางศุ์จะไป น้องออนซ์นึกขึ้นได้เรียกไว้ “เดี๋ยว เธอไปหยิบรองเท้าในล็อกเกอร์มาให้ชั้นทีสิ” น้องออนซ์ส่งกุญแจให้ “เร็วๆ ด้วยล่ะ”
เนตรศิตางศุ์รับกุญแจแล้วเดินไป แล้วน้องออนซ์ก็สะบัดหน้าเดินเข้าห้องไป

น้องออนซ์เดินเข้าไปในห้องโยนกระเป๋าวาง แล้วเดินตรงไปที่กระจก สำรวจใบหน้าตัวเอง แต่แล้วก็ต้องชะงัก เพราะเห็นว่าสภาพห้องถูกรื้อค้น มีลิ้นชักบางอันเผยอออก น้องออนซ์เอะใจ อึ้ง กำลังจะหันหน้ากลับมาโวยวาย แต่กลับถูกใครบางคนเอาเชือกรัดคอจากด้านหลัง
เนตรศิตางศุ์เดินหนีมา ใบหม่อนโผล่มาดักประกบชี้ให้เนตรศิตางศุ์กลับไป แต่เนตรศิตางศุ์ไม่กลับเดินผ่านใบหม่อนไป เพราะจะต้องไปทำงาน
“นี่...ยัยเด็กบื้อ...มีใครไม่รู้ อยู่ในห้องนั้น มันอาจจะเป็นฆาตกรที่สมรู้ร่วมคิดกะยัยออนซ์ก็ได้ เรียกตำรวจ โทรเลยๆๆ”
ใบหม่อนทำท่าโทรศัพท์

“จะให้โทรศัพท์อะไรกะใครคะ เดี๋ยวนะคะ เนตรบอกว่าช่วยก็ช่วย แต่ตอนนี้ขอทำงานก่อนนะคะ”

เนตรศิตางศุ์เดินเข้าไปในห้องล็อกเกอร์ที่มีตู้ล็อกเกอร์หลายๆ ล็อก แต่ละล็อกมีป้ายชื่อเขียนไว้ แต่ต้องชะงัก เพราะใบหม่อนมายืนดักหน้า ชี้ให้กลับไป

“โธ่...ยัยเบื๊อก ทำไมเธอเห็นชั้นแล้วไม่ได้ยินนะ ถ้ามีความสามารถจำกัดแบบนี้ ก็แปลว่าชั้นคิดผิดที่มาฝากความหวังไว้กะเธอหรือนี่”
“พูดให้รู้เรื่องหน่อยสิคะ”
เนตรศิตางศุ์เดินผ่านไปที่ล็อกเกอร์ของน้องออนซ์ ไขกุญแจ หยิบรองเท้าส้นสูงสีแดงแปร๊ดออกมา แล้วกำลังจะไป แต่หันไปเห็นที่ล็อกเกอร์ตัวเองมีกระดาษที่เสียบเข้าไป แล้วมีมุมโผล่แล่บออกมา เนตรศิตางศุ์แปลกใจ เข้าไปดึงกระดาษนั้นออกมา
“ใครเอากระดาษอะไรมาเสียบ”
เนตรศิตางศุ์คลี่ออกอ่าน แล้วก็ต้องตะลึง ผงะ ใบหม่อนโผล่แวบเข้ามาดูที่กระดาษเขียนว่า “ใบหม่อนถูกกำจัดไปแล้ว เธอไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป...จำไว้!” เนตรศิตางศุ์ช็อก หวั่นๆ

ส่วนที่ห้องพักน้องออนซ์ น้องออนซ์ดิ้น หายใจไม่ออกส่งเสียงอู้อี้ มือนั้นรัดแน่น ลูกข่างเดินตะโกนเรียกน้องออนซ์มาตามทางเดิน
“คุณนางเอกขา ได้เวลาแต่งหน้าแต่งตัวแล้วค่า”
น้องออนซ์ยังคงดิ้น อ่อนแรงลง เสียงลูกข่างใกล้เข้ามา แล้วทันใด มือนั้นก็ตัดสินใจปล่อยน้องออนซ์ ผละออก แล้ววิ่งหนีออกจากห้องไป น้องออนซ์ทรุดไปกับพื้น ลูกข่างเลี้ยวผ่านมุมทางเดินมาไม่ทันเห็นหลังของคนร้าย
“จะมีสักวันมั้ยคะที่มาแต่งหน้าตรงเวลานัด ขอสักวันเถอ...” แต่เมื่อมาถึงหน้าห้อง ลูกข่าวก็ต้องผงะ เพราะเห็นน้องออนซ์ทรุดอยู่กับพื้น “อุ แม่เจ้า! ยัยนี่...ขยันเรียกร้องความสนใจได้ทู้กกกก...วัน...เมาค้าง หรือเป็นลมอะไรอีกล่ะ”

ที่บริษัทซิกส์เซ้นส์ ขณะนั้นติณห์กำลังตั้งใจดูงานศิลปะ งานเขียนของเหล่าสาวๆ อยู่ในกลาสเฮ้าส์ กรรณาเดินเข้ามายื่นน้ำเย็นให้ติณห์
“ขอบคุณครับ”
“ค่ะ...ตามสบายนะคะ”
ญาณิน สุคนธรส กรรัมภา ป้าอรวรรณ นั่งคุยกันอยู่อีกมุมห้อง
“แกเสียตัวให้เค้าแล้ว กำลังจะพาเค้าไปหาพ่อแม่”
ญาณินถามอย่างตกใจ สุคนธรสรีบบอกให้ญาณินเบาๆ
“ตะโกนทำไม...เดี๋ยคุณติณห์ได้ยินกันพอดี”
กรรณาเดินเข้ามาสมทบ
“นี่มันอะไรกันคะ คุณหนูๆ แต่ละคน มีคดีกับผู้ชายหมดเลย...คนนึงก็โดนปล้ำ อีกคนก็โดนจูบ แล้วคนที่เหลือล่ะคะ โดนอะไร”
“เดี๋ยวค่ะป้าออ เมื่อกี้ป้าว่าใครถูกจูบค่ะ” กรรณาถาม
“จะใครคะ ก็คุณหนูนินสิคะ”
“ฮ้า! แกจูบกับคุณติณห์แล้วเหรอ”
สุคนธรส กรรัมภา กรรณาถามออกมาพร้อมกัน
“เบาๆ สิพวกแก...ตะโกนทำไม...”
“แล้วยังไง...จูบแล้วไงต่อ...ฮิๆ”
“เออ...ก็...ไม่ใช่...มันเป็นอุบัติเหตุ”
“ไม่ใช่อุบัติเหตุค่ะ” ป้าอรวรรณขัด
“ชั้นกับตาฝรั่งดองไม่ได้มีอะไร มันเป็นแค่...แค่จูบประชด...ไม่มีอะไรลึกซึ้ง”
“จูบประชดดดดด” กรรณา กรรัมภา สุคนธรส ถามออกมาพร้อมกันอีก
“พวกแกหยุดคิดอะไรทะลึ่งๆ ได้มั้ย กุมาริกาก็อยู่ด้วย มันไม่มีอะไรมากกว่านั้นหรอก”
“เสียดายที่ยังไม่มีใช่มั้ย อ๊ะๆๆๆ”
ทุกคนหันไปมองติณห์เป็นตาเดียว ติณห์รู้ตัวว่าโดนมองจึงเดินเข้ามาหาสาวๆ เข้าใจว่าสาวๆ โกรธตัวเอง
“นี่พวกแก”
ญาณินอายอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
“ผมขอโทษพวกคุณด้วยนะครับที่ผมเอาคุณญาณินหนักไปหน่อย จนเธอดูซูปไปเลย”
สายตาสามสาวและป้าอรวรรณค่อยๆ เคลื่อนจากติณห์มามองญาณินตาเป็นมัน สายตาพวกเธอเต็มไปด้วยคำถาม ญาณินตกใจ
“เอ้ย...เขาหมายความว่า เขาใช้งานฉันหนักไปหน่อย”
“ใช่ครับ...ผมใช้งานคุณญาณินหนักไปหน่อย ผมหมายถึงว่าเธอเป็นคนเอานาน...เอาการเลยทีเดียว”
สามสาวและป้าอรวรรณ ตาลุกวาว บางคนปิดปากตกใจกับคำพูดของติณห์ บอกไม่ถูกว่าอิจฉาหรือว่าห่วงเพื่อนกันแน่
“เอาการเอางาน” ญาณินแย้งแล้วกุมหัว ปวดกะโหลก “พอเลย คุณไม่ต้องพูดให้มันแย่ลงไปกว่านี้ก็ได้” ติณห์หัวเราะเบาๆ “คุณกลับไปได้แล้ว...ขอบคุณที่มาส่ง”
“โอ๊เค...งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะครับ บ๊ายบายครับ”
ติณห์ลาทุกคน ทุกคนบ๊ายบายกลับแบบงงๆ ทำหน้าไม่ถูก ติณห์เดินออกไป ทุกคนหันมามองญาณิน ต้องการ
คำตอบ

หลังตากติณห์ไปแล้ว พวกเพื่อนๆ รุมแหย่ญาณินที่เดินหนีเข้ามาในตัวบ้าน
“พอๆๆๆ หยุดรุมชั้นได้แล้ว...ไปรุมคนอื่นบ้าง”
“ไม่...บอกความจริงพวกเรามาเลย”
“ใช่ๆ...บอกมา”
“ความจริงก็คือ เออ...”
“คือ สรุปว่าใครก็ตามที่อยากได้ที่ดินของคุณติณห์ตั้งใจจะฆ่าเขาให้ถึงตายเลย คุณหนูก็เลยตั้งใจว่าไม่ควรจะดำเนินการแค่ทางไสยศาสตร์ แต่พาคุณติณห์มาปรึกษากับคุณณัฐเดชที่นี่ พรุ่งนี้ด้วยค่ะ” ญาณินยิ้มกอดป้าอรวรรณที่ช่วยเธอจากการโดนรุม “เออ... ตั้งแต่กลับมา ป้ายังไม่ได้ยินเสียงคุณหนูเนตรเลย”
เนตรสิตางศุ์เดินเข้ามาพอดี
“สวัสดีจ๊ะ...ทุกคน...” เนตรศิตางศุ์เสียงอ่อยมาก
“มาพอดีเลยคุณเนตร...”
“นี่เรื่องที่เธอแอบหนีไปพัทยา พวกเราทุกคนรู้หมดแล้วนะ มีแต่พี่ณัฐที่ยังไม่รู้” กรรณาบอก
“เพราะฉะนั้น ถ้าแกมีคดีเกี่ยวกับผู้ชายที่พัทยาอีกคน ก็เล่ามาได้เลย” กรรัมภาบอก
“มีคนเขียนจดหมายถึงเนตรค่ะ”
“จดหมายรัก” สี่สาวและป้าอรวรรณบอกออกมาพร้อมกัน
“ว้าวๆๆๆๆๆ เพื่อนเราทุกคนเสน่ห์แรงมาก ฟีโรโมนทำงานสุดๆ...แล้วไหน จดหมาย ขอพวกเราดูหน่อยสิ”
เนตรศิตางศุ์หยิบจดหมายขู่ให้เพื่อนๆ
“ใบหม่อนถูกกำจัดไปแล้ว เธอไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป...จำไว้”

พวกเพื่อนๆ อึ้ง งวยงงไปเป็นแถบ

The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 7 (ต่อ)

ที่หน้าบ้านขณะนั้น กุมาริกากำลังแนะนำให้ท่านเจ้าที่กับหลวงพิชัยภักดีรู้จักกัน

“ยินดีที่ได้รู้จักนะเจ้าที่”
“ไม่มีสัมมาคารวะ เป็นผู้น้อยไม่รู้จักไหว้ผู้ใหญ่” ท่านเจ้าที่บอกอย่างถือตัว
“หา...” คุณหลวงร้อง
“เท่าที่ฟังเรื่องราวจากกุมาริกา เราน่ะ ตายมาแค่ไม่กี่ปีเองไม่ใช่เหรอ...หึ เด็กเมื่อวานซืน...ชั้นตายมาตั้งหลายร้อยปีแล้ว อายุมากกว่าเราเยอะ”
“ใช่ๆ เจ้าที่แก่กว่าคุณหลวง” กุมาริกาเห็นด้วย
“ไหว้เราทั้งคู่เดี๋ยวนี้” เจ้าที่ข่ม
“เอ้ย...ลามปามแล้วเจ้าที่...มันต้องดูที่สภาพปัจจุบันเว้ยเฮ้ย...” คุณหลวงฉุน
“ลุคไม่เกี่ยว วัดกันที่พ.ศ.” เจ้าที่วางท่า
“กระดูกกับหนังใครจะเหนือกว่ากัน ไม่ใช่พ.ศ.โว้ย...” หลวงพิชัยภักดีเถียง
กุมาริกาส่ายหัว ไม่น่าหาเรื่องเลยเรา

จดหมายฉบับนั้นถูกวางลงบนโต๊ะประชุม
“นี่มันจดหมายขู่ชัดๆ! ไอ้คนที่เขียนคงจะรู้ หรือไม่ก็สงสัยว่าแกกำลังสืบเรื่องคุณใบหม่อนอยู่ เลยส่งจดหมายมาเตือน” กรรณาฟันธง
“มันคงกลัวว่าความลับของตัวเองจะถูกเปิดเผย และเป็นไปได้ว่าคนที่เขียนจดหมายนี้ ต้องเป็นคนที่ฆ่าคุณใบหม่อน”
“แกสงสัยใครบ้างหรือเปล่าเนตร”
“เนตร...เนตรก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เธอไปขลุกที่นั่นตั้งสองวัน คิดดีๆ สิว่ามีใครน่าสงสัยหรือเปล่า”
“เนตรรู้แต่ว่าคุณใบหม่อนปักใจเชื่อมากๆ ว่าเป็นฝีมือของคุณออนซ์ นางเอกคนใหม่ที่มาแทนที่เธอ”
“ขอชั้นดูจดหมายหน่อยสิ”
กรรัมภาถอดถุงมือแล้วจับจดหมายนั้น ดวงตาของกรรัมภาเต้นระริกคล้ายเจ้าตัวกำลังเจอเหตุการณ์มากมาย สิ่งที่กรรัมภาเห็นคือภาพมือผู้ชายคล้ำๆ กำลังเขียนจดหมายนั้น เมื่อเขียนเสร็จเอาหัวปากกาปักลงบนโต๊ะอย่างแรง จนปากกางอหัก หมึกไหลออกมา เหมือนเลือด
“ผู้ชาย” กรรัมภาบอก
“ผู้ชาย”
“ใคร หน้าตา รูปร่างยังไง...หล่อหรือเปล่าคะ” ป้าอรวรรณถาม
“ป้าออ! แก้มไม่เห็นขนาดนั้น! แก้มเห็นแค่มือผู้ชาย คล้ำๆ กำลังเขียนจดหมายนี้”
“แล้วภาพก่อนนั้นล่ะ”
“เขาใส่ถุงมือตลอดเวลาที่จับกระดาษอันนี้ เป็นถุงมือยางสีอ่อนๆ แล้วก็ใหญ่มากด้วย”
“อะไรใหญ่อ่ะ” สุคนธรสถามอย่างสงสัย
“ก็มือกับถุงมือน่ะสิ แกคิดถึงอะไรล่ะ” กรรัมภาบอกที่เหลือหัวเราะกันคิกคัก
“พวกเธอหัวเราะอะไรกันเหรอจ๊ะ” เนตรศิตางศุ์ถาม
“อุ๊ย! ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อย่าไปสนใจเลยค่ะ เข้าเรื่องดีกว่า”
“เขาเสียบกระดาษนี้ไว้ในหนังสือ” กรรัมภาเห็นมือนั้นเสียบกระดาษไว้ในสมุด แล้วปิดสมุด “ฉันเห็นแค่นี้”
“หนังสืออะไร”
“คล้ายๆ หนังสือภาพถ่ายเกี่ยวกับทะเล ฉันเห็นไม่ชัดน่ะ...ได้แค่เนี้ยแหละ”
ทุกคนอึ้งๆ ซีดๆ

คืนนั้นณัฐเดชกับตำรวจนอกเครื่องแบบอีกนายหนึ่งนั่งในรถอยู่หน้าบ้านหมอผีสมคิด คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวพวกสมคิด ณัฐเดชยกนาฬิกามองดูเวลาแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเนตรศิตางศุ์
“วันนี้กลับบ้านใช่ไหม...ไม่นอนค้างที่บริษัทแล้วนะ”
“เอ่อ คือ...ค่ะ...กลับค่ะ”
เนตรศิตางศุ์เดินถือโทรศัพท์ ออกมาจากตัวบ้าน
“แล้วจะกลับยังไง...มีใครไปส่งมั้ย...เริ่มจะดึกแล้วนะ”
“มีค่ะ...เดี๋ยวเพื่อนไปส่งค่ะ...ไม่ต้องห่วงค่ะ”
มือถือณัฐเดชมีอีกสายเข้า ณัฐเดชหยิบมาดูเบอร์
“งั้นแค่นี้ก่อนนะ มีคนโทรมาเรื่องงาน...ถึงบ้านแล้วโทรบอกพี่ด้วย”
“ค่ะๆ”
เนตรศิตางศุ์วางสาย ขณะที่ณัชเดชรับสายอีกสาย
“ว่ายังไง มีอะไรคืบหน้าหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่เรื่องคดีคุณใบหม่อน ชั้นไม่ว่างคุยเล่นๆ ไร้สาระกับนายนะหมอวรวรรธ”
หมอวรวรรธยืนคุยโทรศัพท์อยู่มุมหนึ่งหน้าบริษัทซิกส์เซ้นส์ มีรถมอเตอร์ไซด์คู่ชีพจอดไม่ห่างตัว
“พี่ณัฐพอจะทราบมั้ยครับ ว่าคุณใบหม่อน แกผ่านมีดหมอมาหมดแล้วทั้งตัว ที่เห็นสวยๆ เพราะแกสวยด้วยแพทย์ครับ”
เนตรศิตางศุ์เดินเข้ามาหาหมอวรวรรธ เพราะหมอวรวรรธมาส่งเนตรศิตางศุ์ที่บริษัทแล้วจอดรถรอพาเนตรศิตางศุ์กลับบ้าน
หมอวรวรรธชี้ตามส่วนต่างๆ ที่พูดถึง
“คิ้ว ตา จมูก ปาก กราม แก้ม หู หน้าอก เอว ก้น” หมอวรวรรธเลื่อนมือลงมา แถวๆ หว่างขา “แล้วก็...”
“เฮ้ย...พอ...”
“ต้นขาครับ แกไปตัดกล้ามเนื้อต้นขาออก ให้ขาเรียวเล็ก คือ...ไม่ทราบว่าพี่ณัฐรู้จักหมอรุทธ์หรือเปล่าครับ”
เนตรศิตางศุ์นึกขึ้นได้ เผลอเสียงดัง
“หมอรุทธ์เป็นฆาตกร”
ณัฐเดชได้ยินเสียงเหมือนเนตรศิตางศุ์ ออกอาการงงๆ เนตรศิตางศุ์รู้ตัวว่าเผลอเสียงดังถูกหมอวรวรรธจ้องรีบปิดปากตัวเอง
“เสียงใคร” หมอวรวรรธทำเป็นดุใส่
“นักเรียนฝึกหัดน่ะครับ...นี่เธอ...เงียบๆ ไปเลย ทำเป็นเจ๋อ...เก็บม้ามให้ดี...ผ่าศพยังไงม้ามกระเด็นตกพื้นแล้ว”
พอดีกับณัฐเดชสังเกตเห็นลูกค้าสาวหมอผีสมคิดเดินออกมาจากสำนัก
“แค่นี้ก่อนนะ...มีอะไรคืบหน้าโทรมารายงานชั้นด้วย”
“ครับๆ”
หมอวรวรรธรีบวางสายแล้วหันมาดุเนตรศิตางศุ์

“ให้มันได้อย่างนี้สิ...”

ลูกค้าสาวคนนั้นเดินหลบมุมลูกสมุนสมคิดที่อยู่เฝ้าหน้าสำนัก ออกมาทางรถที่ณัฐเดชจอดอยู่ ลูกค้าสาวเปิดประตูหลังรถแล้วเข้ามานั่ง ถอดหมวกแก๊ปออก สะบัดผมสยายยาว

“ไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยผู้กอง หมอสมคิดกับลูกน้องไม่มีใครหลุดพูดอะไรออกมาเลย ไม่พบหลักฐานทางวัตถุด้วยค่ะ แถมโดนมันแต๊ะอั๋งตอนมันทำพิธีด้วย...แหวะ...”
“แน่มาก...ไอ้หมอสมคิด...”

“กลับบ้านได้แล้วคุณเนตร ผมจะไปส่ง”
หมอวรวรรธบอกเนตรศิตางศุ์
“หมอวรวรรธ พรุ่งนี้...เราต้องรีบไปบอกคุณใบหม่อน ว่าฆาตกรตัวจริงคือหมอรุทธ์ ไม่ใช่คุณออนซ์”
“ถ้าไม่อยากให้ผมฟ้องพี่ณัฐ ก็ล้มเลิกความคิดนี้ได้แล้ว”
“หมอวรวรรธ”
“เรายังไม่มีหลักฐานที่จะฟันธงว่าใครคือฆาตกร”
“ทำไมจะไม่มี” เนตรศิตางศุ์หยิบจดหมายออกมา “นี่ไง หมอรุทธ์รู้ว่าเนตรมาสืบเรื่องคุณใบหม่อน เลยเขียนจดหมายขู่เนตร”
“ถ้านี่เป็นการขู่จากฆาตกรจริง ผมยิ่งให้คุณไปไม่ได้ มันอันตรายเกินไป ขอจดหมายผมนะ เผื่อมันมีดีเอ็นเออะไร”
“ไม่” เนตรศิตางศุ์แย่งจดหมายคืน “อย่าคิดจะแย่งผลงานของเนตรไปเป็นของหมอซะให้ยาก ทำไม...ทำไมทุกคนต้องห้ามเนตร ทั้งพี่ณัฐ ทั้งเพื่อนๆ แล้วก็หมอ...ในโลกนี้ไม่มีใครเชื่อมั่นในตัวเนตรเลยสักคน”
“ผมห้ามเพราะห่วงคุณนะ”
เนตรศิตางศุ์น้ำตารื้น ไหลออกมา
“พี่ณัฐห่วงเนตรคนเดียวก็เกินพอแล้ว เนตรไม่ต้องการใครมากักขังบีบบังคับอีกแล้ว หมอไม่เข้าใจหรือไง...เนตรบรรลุนิติภาวะแล้ว เนตรไม่ต้องมีผู้ปกครองแล้ว เข้าใจกันหน่อยได้มั้ย”
“ผมเข้าใจ แต่...อย่าร้องไห้ได้มั้ย”
เนตรศิตางศุ์น้ำตาซึม ผิดหวัง หมอวรวรรธ ส่ายหัว หนักใจ

ขณะนั้นก๊องนั่งดูทีวีอยู่ในห้อง ก๊องกำหมัดชูมือเฮเพราะกำลังดูฟุตบอลในทีวี กำลังลุ้นเชียร์ตัวโก่ง แต่อยู่ๆ ทีวีเปลี่ยนช่องเองกลายเป็นช่องแฟชั่นทีวี
“อ้าว เฮ้ย” ก๊องรีบหยิบรีโมทมากดกลับไปช่องเดิม ก๊องลุ้นอีกแต่ทีวีก็กลับมาช่องแฟชั่นทีวีอีก “อะไรวะ”
ทันใด กุมาริกาแว่บเข้ามาด้านหลังก๊อง มองไปที่ทีวีแล้วส่ายหน้า เพราะหลวงพิชัยภักดีนั่งจ้องสาวๆ แฟชั่นทีวีอยู่หน้าจอ ตาเป็นมัน และเป็นคนเปลี่ยนช่องไปที่แฟชั่นทีวีเอง แต่ก๊องมองไม่เห็น
“อ้าว หนู...หนูใช่มั้ยที่แอบเปลี่ยนช่องทีวี”
ก๊องถามเมื่อเห็นกุมาริกา
“ไม่ใช่หนู เด็กคนนั้นต่างหาก”
ก๊องหันไปเพิ่งจะเห็นว่ามีหลวงพิชัยภักดีนั่งอยู่ แปลกใจแต่ไม่เอะใจอะไร
“อ้าว ลุง...มาได้ยังไง แล้วลุงเป็นใครเนี่ย อยู่ข้างบ้านเหรอ ลูกหลานไม่ค่อยให้ดูทีวีใช่มั้ย ท่าทางจะเก็บกดมากนะลุง”
“เอ็งเห็นข้าด้วยเหรอ”
หลวงพิชัยภักดีถามอย่างแปลกใจ ท่านเจ้าที่โผล่มาข้างๆ ก๊อง กอดคอ
“เออสิ มันเห็น”
“อ้าว...พี่ยาม แหม...กลางวันไม่เคยเห็นหน้า พอฟ้ามืดล่ะ มาตรงเวลาทุกทีนะ”
“มันเห็น แต่ตรงนี้...” ท่านเจ้าที่ชี้หัวสมอง “ไม่ค่อยมี”
“ออกไปให้หมดเลย ผมจะดูบอล ถ้าลุงอยากดูสาวๆ ออกไปดูนอกบ้านโน่น ตรึม...รับรอง ซี้ดกว่านี้เยอะ”
“ซี้ดกว่านี้อีกเหรอ งั้นเราไปกัน ไปๆๆ”
“ใครเรา?”
“พวกเราไง...เป็นเจ้าบ้านจะไม่ต้อนรับแขกบ้านแขกเรือนหน่อยเหรอ แล้วข้าไปคนเดียวเป็นที่ไหน...ไปๆๆ”
“ถ้าอยากให้ไปด้วย ก็มีสัมมาคารวะก่อน”
“สวัสดีครับพี่เจ้าที่...พอใจไหม”
“ดีมาก” ท่าเจ้าที่กอดคอหลวงพิชัยภักดี “งั้นไปกันไอ้น้อง”
กุมาริกากอดอก เชิด
“ใครแอบหนีเที่ยว หนูจะฟ้องพี่รสพี่ญาณิน...” หลวงพิชัยภักดีกับท่านเจ้าที่ตกใจ “เว้นแต่ว่า...จะมีสัมมาคารวะกับหนูก่อน”
“สวัสดีครับพี่กุมาริกา”
“สวัสดีครับพี่กุมาริกา”
“ดีมาก งั้นเราก็ไปลุยกันเลย ณ บัดนาว”
กุมาริกา ท่านเจ้าที่ หลวงพิชัยภักดีหายแว่บไป
“ญาติผู้ใหญ่ใครวะ แปลกประหลาดเกินคน”
ก๊องไม่สนใจ มัวแต่ดูฟุตบอลไปพูดไป
ท่านเจ้าที่ หลวงพิชัยภักดีและกุมาริกามาปรากฎตัวที่ผับแห่งหนึ่ง หลวงพิชัยภักดีแหกปากเต็มที่
“กู๊ดไนท์..บางกอก.. หลวงพิชัยภักดีมาแล้ว” หลวงพิชัยภักดี ท่านเจ้าที่ กุมาริกายืนอยู่หน้าผับ แต่เป็นผับร้าง ลมปลิวหวิว เศษกระดาษปลิวม้วนตัว “อ้าวววว”
“ที่นี่มันรกร้างไม่ใช่เหรอ ท่านเจ้าที่”
“ผับนี้ถูกปิดอยู่...เพราะพนักงานมันไปกระตื้บลูกค้า ท่าทางจะโดนหลายเดือน คงเจ๊งเร็วๆ นี้ มันโดนปิดสำหรับคน แต่ก็ใช่ว่าจะปิดสำหรับผี...”
หลวงพิชัยภักดี ท่านเจ้าที่ กุมาริกาเข้ามาภายในผับ ผับที่ทีแรกร้าง ไร้ผู้คน ค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นผับที่คึกคัก มีวิญญาณผีหนุ่มสาวกำลังดวลเต้นกันอยู่กลางฟลอร์ โดยมีวิญญาณอื่นๆ คอยเชียร์
“ว้าวววววว”
หลวงพิชัยภักดีจะเข้าไปแจม แต่มีมือมาจับไหล่ไว้ หลวงพิชัยภักดีหันกลับไปมองก็ต้องตะลึงเพราะท่านเจ้าที่กลายมาอยู่ในชุดสูทขาวเกาหลี เฟี้ยวๆ
“ว้าวววววว”
“ต้องเป๊ะนิดนึง สาวๆ จะได้หลง”
“ข้าเป๊ะด้วย” หลวงพิชัยภักดีดีดนิ้ว แล้วชุดก็เปลี่ยนเป็นชุดหนังดำตัดขาว ผมยาว สวมหมวก แว่น ประมาณไมเคิล แจ็กสัน “โย่ววววว”
“หนูเป๊ะด้วย” กุมาริกาดีดนิ้ว ชุดเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงบานสีขาว รองเท้าส้นสูง ผมลอนขาว ปากแดง มีไฝ เป็นมาริลีน มอนโร และโพสต์ท่าจับกระโปรงไม่ให้เปิด “ชุดหนูเริ่ดมั้ยคะเด็กๆ”
“เป๊ะแล้ว งั้นลุย”
“วันนี้เอาให้เต็มที่ไปเล้ยยย”

หลวงพิชัยภักดีแว่บไปปรากฏบนฟลอร์ คว้าผีสาวตนนึงมาแล้วก็เต้นรำจังหวะชะชะช่ากันไป หลวงพิชัยภักดีสับเท้าเต้นเป็นไฟ ฟึ่บๆๆๆ

วันต่อมาณัฐเดชรู้เรื่องปัญหาของติณห์ ต่างคนต่างถือกาแฟคนละแก้วอยู่ที่บริษัทซิกส์เซ้นส์

“แกต้องระวังตัวให้ดี เพราะเท่าที่ฟังแกเล่ามา นายเปรม ลูกชายเสี่ยเจ้าของรีสอร์ทข้างๆ แก มันไม่จบเรื่องง่ายๆ แน่ เพื่อความปลอดภัย เดี๋ยวชั้นหาบอดี้การ์ดมาให้แกดีกว่า ให้เข้าไปทำงานในรีสอร์ทของแก จะได้ช่วยคุ้มครองแกด้วย”
“โน่ๆๆ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย”
“กันไว้ดีกว่าแก้เว้ย”
“ชั้นเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่ Very Important Person นะไอ้ณัฐ ถ้าคนดีๆ คนนึงจะมีชีวิตอยู่อย่างปกติสุขในประเทศนี้ไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป”
“แกกำลังด่าการทำงานของใครอยู่หรือเปล่า”
“เอาเป็นว่า บอดี้การ์ดไม่ต้อง แล้วชั้นจะพยายามติดต่อแกตลอดก็แล้วกัน”
อยู่ๆ ไตรรัตน์ก็เดินเข้ามา
“ไอ้ไตร...แกมาทำไม”
“นัดสำคัญเว้ย ถ้าชั้นไม่มาวันนี้...ชั้นก็มีสิทธิ์เจอคุกไง”
ติณห์ ไตรรัตน์ ต่างมองกัน งงๆ

เนตรศิตางศุ์เดินหนีเพื่อนๆ แยกมาอีกมุมของบริษัท
“เนตรรับปากคุณใบหม่อนเอาไว้ ยังไงเนตรก็ต้องกลับไปพัทยา”
สี่สาวตามมารุมล้อมขวางเนตรศิตางศุ์
“พวกเราขอสั่งห้ามไม่ให้แกกลับไปพัทยาอีก”
“ไม่ เนตรจะกลับไป”
“แกจะไม่ฟังเสียงข้างมากเหรอ”
“ทุกคนไม่มีเหตุผล ทีเจ๊ไปทำงานที่กาญจน์เจอผี เจออะไรน่ากลัวตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมไม่ห้าม...เนตรเจอแค่จดหมายขู่ฉบับเดียว มาห้ามทำไม”
“มันไม่เหมือนกัน”
“ไม่เหมือนยังไง”
“ก็...นี่เจ๊ญาณิน ส่วนนี่ เนตรสิตางศุ์ ไม่เหมือนกัน”
“เพราะเนตรเป็นเด็กใช่มั้ย เนตรโตแล้วๆๆๆ งานนี้เนตรรับผิดชอบได้ และจะจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง”
“แหม! ตั้งแต่เป็นเพื่อนกับผีนี่กล้าขึ้นนะยะ” กรรณาแซว
“งั้นเอาอย่างนี้นะเนตร...แกไปช่วยชั้นทำงานรีสอร์ทที่เมืองกาญจน์ให้เสร็จ แล้วจากนั้นเราค่อยไปช่วยคุณใบหม่อนที่พัทยาด้วยกัน...ดีมั้ย” ญาณินบอก
“ไม่”
“ทำไมดื้ออย่างนี้นะ”
“ถ้าแกกลับไปพัทยา ชั้นจะบอกพี่ณัฐ” กรรณาโพล่งออกมา เนตรศิตางศุ์ชะงัก อึ้ง
“พวกเธอ...”
“เพื่อความปลอดภัยของแก ขอร้องล่ะ อย่าไปพัทยา”
เนตรศิตางศุ์มองเพื่อนๆ อย่างผิดหวัง ไม่คิดว่าจะเจออย่างนี้

ติณห์เพิ่งรู้จักไตรรัตน์จึงแนะนำตัวเอง
“ไอ...เอ๊ย...ผม...เกิดที่อเมริกา แล้วก็มาเที่ยวเมืองไทยตอนเล็กๆ ผมชอบเมืองไทย อยากกลับเมืองไทยบ่อยๆ แต่แฟมิลี่ผม ไม่มีใครอยากกลับมา แล้วเวลาอยู่ที่นั่น แฟมิลี่ผมก็ไม่ชอบสังคมกับคนไทย ผมก็เลยไม่ค่อยมีเพื่อนคนไทย พูดไทยก็ไม่แข็งแรง” ติณห์อธิบายให้ไตรรัตน์ฟัง
“แต่ชั้น...พอดีตอนไปเรียนต่อที่ลองบีช ฟลอริด้า ไปเช่าห้องพักที่แม่นายติณณ์ทำกิจการอยู่ มันเห็นชั้นมาจากเมืองไทย แต่ไม่ค่อยพูดจากับใคร มันเลยมาขอคบไง”
“ส่วนผม...เรียนกะไอ้ณัฐตอนมัธยมครับ...อยู่โรงเรียนประจำมาด้วยกัน มันจบมัธยมแล้วไปต่อนายร้อย ส่วนผมก็ไปบอสตัน ผมกลับเมืองไทยบ่อยก็มาเจอมันทุกปีๆ ไม่เคยขาดช่วงที่คบกัน แต่ไม่นึกเลย ว่าจะต้องมีคดีอะไรให้มันมาช่วย...แต่แล้ว ในที่สุดก็มีหลายคดีเลย แต่คดีอื่นๆ ผมเป็นผู้เสียหายนะครับ”
“ใช่...มีคดีเดียว ที่มันเป็นตัวการ...คือเรื่องปล้ำผู้หญิง”
“ไอ้บ้า...บอกว่าชั้นเปล่าๆๆ”
“ดูหน้าตาท่าทาง ไม่บอกเลยนะครับ...ว่าเป็นพวกเซ็กซ์แอดดิกท์ (Sex addicted)”
“เฮ้ย...ผมไม่ได้ติดเซ็กซ์”
“ผู้ทำหายอยู่ข้างในเหรอครับ” ติณห์ชี้ไปในบริษัทซิกส์เซ้นส์
“เสียหาย...ผู้เสียหาย”
“เออๆ...ผู้เสียหายคงไม่ใช่ชื่อ...”
“ไม่ใช่ญาณินหรอก...เอ...ฮั่นแน่” ณัฐเดชชี้หน้าติณห์ “ไอ้ติณห์”
“โน โน โน...ไม่ใช่ๆๆ”
“โห...ดูหน้าตาท่าทาง ไม่บอกเลยนะครับ ว่าเป็นพวกชอบของแปลก”
ติณห์จ๋อย
“ฮ่าๆๆ โดนเข้าไป...” ณัฐเดชหัวเราะแล้วรีบหุบปากหน้านิ่งทันที “ห้ามอย่างเดียว ห้ามยุ่งกะน้องชั้น...”

ภายในบริษัทเนตรศิตางค์ร้องไห้ โฮๆๆๆ พวกเพื่อนๆ รุมโอ๋ ณัฐเดชเข้ามา
“เอ่อ มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า ยัยเนตาเป็นอะไรไป”
“เปล่าค่ะ”
ทุกคนบอกออกมาพร้อมกัน ณัฐเดชงงงงัน เนตรศิตางศุ์เช็ดน้ำตา
“คือ...คือ...เนตรทำขนม...เอ่อ...”
“ทำขนมโดนัท แล้วมันออกมาเป็นบราวนี่อ่ะค่า”
“ช่ายๆๆ ดำปิ๊ดปี๋ แล้วก็ขมปิ๊ดปี๋ด้วย”
“แล้วพวกเราก็ไม่ยอมกินน่ะค่ะ”
“เนตรโกรธทุกคน”
“เนตรเสียใจค่ะ”
เนตรศิตางศุ์เดินหนี ทุกคนอึ้งๆ
“เนตร ยังไม่ชินอีกเหรอ..โอ๋ๆๆ” ณัฐเดชจะตามไป แต่ชะงัก “ญาณิน นายติณห์เรียกหาแน่ะ...ยัยรส นัดใครไว้ เค้ามาแล้ว”
สุคนธรสถอนใจ รู้ว่าคือใคร

“นายไตวาย”

ขณะนั้นติณห์คุยอยู่กับไตรรัตน์

“คุณติณห์จ้างบริษัทซิกส์เซ้นส์ออกแบบภายในรีสอร์ทคุณเหรอ”
“ทำไมครับ? ไม่ดีเหรอครับ”
“ดีครับ...ดีมากครับ แปลกๆ ดีครับ”
“เอาไว้รีสอร์ทสร้างเสร็จ คุณไตรพาแฟนไปพักผ่อนได้นะครับ ผมเชิญ”
“เอ่อ... ผมไม่มีแฟนครับ”
ญาณินเดินออกมา
“คุณติณห์ ทำไมต้องเร่งกันด้วย ชั้นเป็นลูกจ้างนะ ไม่ใช่ทาส”
“คุณพาผมมากรุงเทพ เพื่อให้มานั่งรอคุณกอซซิบกับเพื่อนแบบนี้เหรอ”
“คุณก็ไม่ได้กอซซิบกะพี่ณัฐ...เพื่อนคุณเหมือนกันหรอกเหรอ ชิ” ญาณินหันไปเห็นไตรรัตน์ “อ้าว คุณไตวาย...เอ๊ย...ไตรรัตน์ คุณเองก็ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ พวกเราใครดีมาก็ดีตอบ...แต่ใครร้ายใส่พวกเรา คุณเจอพวกเราทั้งแก๊งค์แน่”
“โอ๊ย..แค่สุคนธรสคนเดียวผมก็กลัวจะตายแล้วค้าบ”
“ไม่ต้องไปอยากรู้เรื่องคนอื่น คุณต้องไปกับผมเดี๋ยวนี้”
ติณห์คว้ามือญาณินออกไป ญาณินโวยวายตลอดทาง
“เดี๋ยวๆๆ ขอชั้นรู้ก่อน นายไตรรัตน์จะแก้ปัญหาที่เค้าทำกะยัยรสยังไง ชั้นต้องเป็นคนที่รับรู้ทุกอย่างซี่”

กระเป๋าเสื้อผ้าของสุคนธรสเปิดออกโดยป้าอรวรรณ มีเครื่องช็อตไฟฟ้า ไฟแช็ค สเปรย์พริกไทย นกหวีด พวงกุญแจขอความช่วยเหลือ อุปกรณ์ทุกอย่างที่สุคนธรสจะใช้ป้องกันตนเองได้
“นี่เครื่องช็อตไฟฟ้านะคะ...ไฟแช็ค...อันนี้กลั้นหายใจแล้วฉีดใส่หน้านายไตวายถ้ามันทำอะไรคุณรส”
สุคนธรสอึ้ง ทึ่ง งง สาวๆ เหวอๆ ณัฐเดชยืนมองขำๆ ขณะที่เนตรศิตางศุ์อยู่ในครัวคนเดียว ทำอาหารแก้เซ็งที่เพื่อนๆ ไม่ให้ไปพัทยา
“นกหวีด...” ป้าอรวรรณหยิบนกหวีดขึ้นมาเป่าปรี๊ด
“ว๊าย...โอ๊ย...แสบหู”
“พวงกุญแจขอความช่วยเหลือ แค่กระตุกมันก็จะส่งเสียงร้องจนกว่าจะถ่านหมด” ป้าอรวรรณจะเริ่มสาธิต สุคนธรสรีบห้าม
“ไม่ต้องค่ะป้าออ...เข้าใจแล้วค่ะ”
“ทำเหมือนยัยรสจะไปรบเลยนะป้า”
“แต่ก็โอนะ นายไตวายนี่หยามศักดิ์ศรีผู้หญิงอย่างพวกเรา แค่นี้ยังน้อยไป”
“พูดเกินไปนะ...กรรณา” ณัฐเดชปราม “อย่าปักใจเชื่อสิ่งที่เรายังไม่ได้พิสูจน์นะ”
“อ้าว...พี่ณัฐแสดงว่าจ้องให้รสไปตรวจภาย(ใน) เออ...หาว่ารสโกหกเหรอพี่ณัฐ”
“ไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่เธอแน่ใจว่าเธอเสียทีไอ้ไตรมัน100%”
สุคนธรสจะอ้าปากเถียง กรรัมภาห้ามซะก่อน
“หยุด! ไปเลยยัยรส พานายนั่นไปอยุธยาแล้วรีบกลับมา จะได้จบๆ”
“ใช่ๆ” ป้าอรวรรณช่วยสุคนธรสถือกระเป๋าไป “ ป้าช่วยนะคะ”
ทั้งหมดยกเว้นณัฐเดชเดินออกไป เนตรศิตางศุ์นิ่งคิดสิ่งที่พี่ชายพูด
“อย่าปักใจเชื่อสิ่งที่เรายังไม่ได้พิสูจน์?”

ไตรรัตน์ยืนรออยู่ที่รถ อยู่ๆ ก๊องเดินออกมามองหน้า
“มองไรครับน้อง”
ก๊องเข้ามาหาไตรรัตน์ จ้องหน้า
“พี่รู้ใช่มั้ยว่าพี่รสเป็นหนึ่งในสาวๆ ของผม...แต่ไม่เป็นไร หญิงคนเดียว ผมยกให้พี่ได้ ฝากดูแลพี่รสด้วยแล้วกันนะ”
ไตรรัตน์งง
“หือ? อื้อ...โอเค”
ก๊องหยิบอาหารในกล่องออกมา
“อ่ะ ผมเอาเกี๊ยวห่อชีสมาให้ เผื่อหิว จะได้กินระหว่างทาง”
“ไม่เป็นไร”
“อย่าปฎิเสธน้ำใจผม” ก๊องเปิดประตู เอาใส่ไว้ในรถให้ “พนันได้เลยว่าต้องมีหิวระหว่างทาง...กินเยอะๆ จะได้มีแรงขับรถ”
สาวๆ เดินกันออกมา หน้าตาไม่เป็นมิตรกับไตรรัตน์
“นายไตวาย ถ้าทำอะไรเพื่อนชั้นอีก นายน่วมแน่”
“พวกเรา ใครดีมาก็ดีตอบ”
“แต่ใครร้ายใส่พวกเรา”
“คุณเจอพวกเราทั้งแก๊งค์แน่” สาวๆ ตกใจ ทำไมไตรรัตน์รู้ทัน ทันทีทั้งหมดก็ได้คำตอบ “คุณญาณินก็พูดแบบเนี้ย...เมื่อกี้...”
สาวๆ จ๋อย ก๊องเปิดประตูรถให้
“เชิญครับพี่รส ขอให้พี่สองคนมีความสุขกันให้เต็มที่เลยนะครับ”
“มากไป ก๊อง”
สุคนธรสขึ้นรถ ไตรรัตน์ขับออกไป
“เมื่อกี้มันเป็นการแสดงของผมครับพี่กรรณ” ก๊องบอก
“แปลว่าอะไร”
“หึๆๆ คนที่กล้ามาฉกหญิงผม มันต้องเจอจัดหนัก”
“แกทำอะไรนายไตวาย”
“เกี๊ยวห่อชีส ฝีมือพี่เนตร...ที่แช่ไว้ในช่องน้ำแข็งมาเดือนกว่า ไม่มีคนยอมเสี่ยงกิน ผมเอามาอุ่นเวฟ แล้วตกแต่งอย่างสวยงาม...หนักมั้ยล่ะ หึๆๆ”
“หนักมากกกก”

ส่วนที่พัทยาปาณัทเดินมาตามทางคุยกับเลขาที่เอาตัวเลขค่าใช้จ่ายโรงละครให้ปาณัทดู เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องใบหม่อนทั้งคู่หยุด เลขาขอตัวแยกไปทำงานต่ออีกทาง ปาณัทยืนใบหน้าเครียด แล้วหันไปทางหน้าห้องใบหม่อน ยังคงมีชื่อใบหม่อนติดอยู่หน้าห้อง
เนตรศิตางศุ์เดินออกมานอกตัวบ้าน ยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมาดู เห็นเบอร์โทรเข้าเป็นเบอร์แปลกๆ
“ใครโทรมา เบอร์แปลกๆ” เนตรศิตางศุ์รวบรวมความกล้าแล้วกดรับสาย “สวัสดีค่ะ...”
“สวัสดีครับ คุณเนตรสิตางศุ์หรือเปล่าครับ?”
เนตรศิตางศุ์พยายามคุมเสียงไม่ให้สั่น
“คุณเป็นใครคะ?”
“ผมปาณัทครับ ผมมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับคุณ”
เนตรสิตางศุ์ตื่นเต้น แต่พยายามคุมเสียงให้เป็นปกติที่สุด
“...ว่าไงคะ... คุณปาณัทจะจ้างเนตรให้ช่วยคุณใบหม่อน”
“ผมเชื่อว่าเป็นเพราะเรายังจับตัวฆาตรกรไม่ได้ ทำให้วิญญาณของเธอไม่สงบ”
“แต่ตอนนี้คดีอยู่ในมือพี่ณัฐ...เอ้ย! ผู้กองณัฐเดชแล้วนี่คะ แถมยังมีหมอนิติเวชมือหนึ่งอย่างคุณหมอวรวรรธอีก เนตรว่าอีกไม่นานเราต้องรู้แน่ว่าใครเป็นคนฆ่าคุณใบหม่อน”
“ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อฝีมือของผู้กองณัฐกับหมอวรวรรธนะครับ แต่ถ้ามีคนที่สามารถสื่อสารกับหม่อนได้อย่างคุณเนตร บางทีเราอาจจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม ที่ทำให้เราพบตัวคนร้ายได้เร็วขึ้น หากมันจะช่วยปลอดปล่อยวิญญาณผู้หญิงที่ผมรักที่สุดไปสู่สุขคติ และทำให้โรงละครของผมกลับมาเหมือนเดิมได้”
“เอ่อ...เนตร...” เนตรศิตางศุ์ลังเล
“คุณเนตรฟังผมนะครับ เรื่องนี้จะเป็นความลับระหว่างเราสองคน และเมื่อทุกอย่างจบลงด้วยดี ผมจะยกรายได้ครึ่งหนึ่งของรายได้ละคร Butterfly Wings ทั้งหมดรอบสุดท้ายให้คุณเนตรเป็นการตอบแทนที่คุณเนตรช่วยผมและใบหม่อน”
เนตรศิตางศุ์ตาโตทันที

“รายได้ครึ่งหนึ่งของรายได้รอบสุดท้าย ว้าย...” เนตรศิตางศุ์เอามือปิดปากตัวเองทันทีร้อง “อุ๊บส์”

โปรดติดตามตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น