แรงเงา ตอนที่ 2
ในวันต่อมามุตตา อรพิม และทิพอาภา พากันมาเยี่ยมแจงจิตที่โรงพยาบาล
“หา ตีนเน่า” อรพิมพูดโพล่งออกมา
แจงจิตนอนหน้าซีดนอนอยู่บนเตียงเท้าสองข้างพันผ้าพันแผลไว้คล้ายโรคเท้าช้างอรพิม ทิพอาภา มุตตายืนรุมดูอยู่รายรอบ
“ก็หนูว่าแล้วว่าอ่างแช่เท้ามันสกปรกจะตาย”
“ก็มาบอกอะไรเอาป่านนี้ล่ะยะ”
“ต๊ายแล้วหนูจะเน่าบ้างไหมนี่”
อรพิมลงนั่งบนโซฟา ถอดรองเท้า ยกบาทบาทามาดู แจงจิตค้อนขวับ
“คงไม่ละมังยะ เพราะเชื้อมันขึ้นปากหล่อนหมดแล้ว”
ทิพอาภาสะกิดอรพิม
“พี่แจงว่าหล่อนปากเน่าแน่ะ”
“ฉันรู้แล้วไม่ต้องมาทานเสลด ฮิ ฮิ ฮิ ไหนว่าเหมือนเบบี้ฟุต”
“แล้วต้องพักฟื้นนานแค่ไหนคะ”
“หมอบอกว่า 2-3 อาทิตย์”
“ต๊าย อย่างงี้ก็ต้องลาป่วยยาวเลยซีคะ”
“หล่อนไม่ต้องมาชี้โพรงให้ชะนี ฉันลาเต็มพิกัดแน่ย่ะ”
มุตตา อรพิม ทิพอาภาออกมาจากห้องคนไข้
“พี่คะ ตาขอไปซื้อขนมที่ร้านกาแฟก่อนนะคะ”
“เชิญจ้ะ”
มุตตาแยกไป แต่พอเดินเลี้ยวมาก็สวนกับนพนภา เนตรนภิศ ทั้งสองถือกระเช้าของเยี่ยม นพนภามองมุตตาด้วยหางตา มุตตาหลบตาแล้วสวนกันไป นพนภา เนตรนภิศเดินเลี้ยวมุมตึกเจอกับอรพิมและทิพอาภา ทั้งสองสะดุ้ง
“อุ๊ย สวัสดีค่ะคุณนภา คุณนภิศ”
“สวัสดี ยายแจงจิตเป็นยังไงบ้าง”
“คุณหมอบอกว่าต้องหยุดสามอาทิตย์เลยค่ะ”
นพนภาหน้าเครียด
เนตรนภิศเอาดอกไม้ลงใส่แจกัน นพนภากำลังใส่แจงจิต
“ยังไง ตีนเน่าอย่างนี้ แล้วจะ “เฝ้าระวัง ผัว” ฉันได้ยังไง”
“ก็คงต้องขอหยุด “ภารกิจเฝ้าผัว” คุณ สักระยะล่ะค่ะ หรือไม่ก็ขอลาออกจากภารกิจถาวรไปเลย ดีไหมคะ”
“แหม ชิงลาออกเลยนะคะ นี่คงเพราะล้มเหลวจากนังแม่ชีวิมาลาให้มันหลอกอยู่เกือบปี”
“ใช่ ไหนว่าตาแหลมคมนักไง มันนุ่งขาว เกล้ามวย รัดนม อมเหล็กครอบฟัน เท่านี้เธอก็จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ปล่อยให้มันท่องคัมภีร์กับผัวฉันไปถึงสวรรค์ชั้นไหนๆ”
“แหม แล้วคุณนพนภาเองล่ะคะ จับได้ไล่ทันมันรึเปล่า คุณเองก็หลงเชื่อมันเหมือนกันนี่คะทำบุญใส่ซองให้มันทุกครั้ง”
“ใช่ค่ะ ตอนมันอ้างว่าไปแสวงบุญเมืองแขก พี่ร่วมอนุโมทนาเป็นหมื่นๆ เลยไม่ใช่เหรอคะ”
“ไม่ต้องพูดนังนภิศ ถือว่าเสียรู้ไปแล้วแต่ไม่มีวันที่ฉันจะเสียรู้เป็นครั้งที่สองต่อไปนี้เธอต้องรายงานฉันเป็นระยะ ถ้าคุณภพออกนอกลู่นอกทางอีกสายตรง สายด่วนทันที”
“ค่ะ จะพยายาม แต่ขอให้ตีน เอ่อ เท้าหายก่อนนะคะ”
แจงจิตค้อนสองพี่น้อง
ที่ห้องทำงานเจนภพในวันรุ่งขึ้น เจนภพนั่งเอนพิงเก้าอี้พนักสูง ขณะที่มุตตานั่งเรียบร้อยอยู่ตรงหน้า
“คุณแจงจิตลาป่วย คุณตาทราบแล้วใช่ไหมฮะ”
“พวกเราเพิ่งไปเยี่ยมมาเมื่อวันก่อนค่ะ”
“ผมเพิ่งแวะไปเมื่อเช้านี้ เห็นว่าเชื้อดื้อยา หรืออะไรซักอย่างต้องเจาะเลือดไปเพาะเชื้ออีก”
“สงสารพี่แจงจิตจังค่ะ พี่แจงจิตคงดีใจพี่ผ.อ.ไปเยี่ยม”
“คนเรายามดีก็ใช้ ยามไข้ก็รักษาซีครับ นี่ผมอยากให้คุณทำงานแทนคุณแจงจิตไปก่อนในระหว่างนี้”
“จะดีหรือคะ ตาไม่ค่อยมีความรู้ทางด้านเลขา”
“อย่าห่วงเลย ไม่ใช่โอนมาให้คุณตาทำคนเดียว นี่ผมก็เพิ่งมอบหมายงานให้คุณอรกับคุณทิพไปแล้ว”
“ค่ะ ตาจะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ”
“ผมรู้ ว่าผมมองคนไม่ผิด”
เจนภพสบตามุตตายิ้มอย่างให้กำลังใจ
ช่วงบ่ายมุตตา อรพิม ทิพอาภาอยู่ที่ล็อคข้าวราดแกงซึ่งกับข้าวแต่ละอย่างแทบหมดแล้ว
“ว้าย ขนมจีนแกงไก่เหลือแต่ตีน”
ปริมอยู่ที่แผงขายน้ำข้างๆ พูดลอยลมมา
“มากินเอาป่านนี้ ก็เจอแต่ของเหลือเดนแหละ”
อรพิมชะงัก ทิพอาภาหน้าเสีย แม่ค้าเทผัดผักผัดใหม่ลงถาด
“ต๊าย ดูของตาซี ผัดมาใหม่ๆ ซิงๆ ไม่ต้องมือมารมาก่อน”
ปริมชะงักบ้างแล้วถือแก้วน้ำเดินเข้ามา
“โถ ก็แค่ผัดผักจืดๆ ไม่มีรสชาติ”
“แต่ก็อุดมด้วยคุณค่าทางอาหาร กรุบกริบๆ จริงไหมตา”
“ยุคนี้ต้องกินมัสมั่นต่างหาก มีครบทุกรส”
แม่ค้าไม่รู้เรื่องคิดว่าปริมจะสั่งมัสมั่น ยกถาดขึ้น
“อุ๊ยหมดแล้วค่ะ เหลือแต่น้ำ”
“ต๊าย น่าสงสาร ขนาดของเหลือเดนก็ยังไม่ได้กิน”
ปริมกระทืบเท้า จ้องหน้าอรพิม
“นี่อย่ามาหาเรื่องฉัน”
“โถ ใครว่าหาเรื่อง ฉันแค่อยากแบ่งตีนให้ เอาไหมจ๊ะมีรวมๆ กัน 6 ตีนพอดี”
ปริมกระทืบเท้าอีกแล้วสะบัดหน้าเดินออกไป อรพิมยิ้ม ทิพอาภาหัวเราะคิก มุตตานิ่วหน้า
“ต๊าย ยายอร หล่อนเลิศมาก”
“เดี๋ยวนี้เขาอาการหนักขึ้นมากเลยนะคะ”
“ก็เธอนั่นแหละ ไปฉกกล่องดวงใจยายปริมมา”
“โธ่เอ๊ย ตากับคุณกิจไม่มีอะไรกันซักหน่อย”
เจนภพเดินผ่านมาได้ยินตอนท้าย
เย็นวันเดียวกันนั้นหลังจากเลิกงาน วีกิจพามุตตามานั่งกินข้าวที่ร้านอาหารแสนหวานร้านเดิม วีกิจและมุตตานั่งกินอาหารกันเงียบๆ มุตตามีอาการเบื่อๆ บางอย่าง แต่วีกิจกำลังสบายใจมองมุตตาอย่างชื่นชม
“คุณตา ผูกผมแบบนี้น่ารักดีนะฮะ”
“ช่วงนี้อากาศร้อนนะคะก็เลยไม่อยากปล่อยผม”
“เชือกผูกผมนี่สวยดีนะฮะ คุณตาเข้าใจเลือก”
มุตตายิ้มนิดๆ ยกมือแตะเชือกที่เคลียมาบนคอ
“ขอบคุณค่ะ”
“คุณตาเลือกได้หรือยังฮะ ว่าจะดูหนังเรื่องอะไรดี”
“ตาขอบายได้ไหมคะ วันนี้เหนื่อยจังเลย”
“โอเค ได้ครับ งั้นก็กินข้าวกันอย่างเดียว แต่ว่าเดี๋ยวเราไปกินไอติมกันต่ออีกนิดได้ไหมฮะ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ กลับเร็วๆ ซักวัน อ้อ พรุ่งนี้ตาต้องไปสัมมนาข้างนอก รถตู้กองจะมารับที่หอเลยคุณกิจไม่ต้องมารับนะคะ”
วีกิจยิ้มพยักหน้ารับคำ
วันต่อมามุตตาไปงานสัมมนากับเจนภพ ผู้เข้าร่วมสัมมนานั่งเรียงราย วิทยากรกำลังบรรยายประกอบพาวเวอร์พ้อยท์ มุตตานั่งตั้งใจฟังข้างๆ เจนภพ พลางจดหัวข้อลงสมุดโน้ต เจนภพมองดูอย่างเอ็นดู
ส่วนที่กระทรวง วีกิจ ประสิทธิ์ชัย กำลังนั่งทำงานง่วน ปริมกับเพื่อนร่วมงานชายมีจริตมารยา 2 นางชื่อ ฉกรรจ์กับนักรบ และเลอลักษณ์ หญิงสาวไร้ความงามอีก 1 นาง กำลังซุบซิบประจำวันและมีการเซ็งลี้ของเล็กๆ น้อยๆ
ฉกรรจ์เอาขวดน้ำหอมมาฉีดให้ปริม
“หอมไหมตัว”
“อุ๊ยตาย หอมมาก”
“ใช้แล้ว ผัวรัก ผัวหลง”
“เอาไปก่อนก็ได้ จ่ายทีหลัง”
ปริมเดินไปทางด้านหลังวีกิจ ประสิทธิ์ชัยร้องเอ็ดอึง
“โอ๊ย กลิ่นอะไรวะ แหวะ”
“พวกจมูกไม่มีรสนิยม หอมไหมคะ คุณกิจ”
วีกิจจามแฟ่ดออกมาแทนคำตอบ ปริมหน้าเสีย
“เอ้อ ไม่ทราบครับ”
“คุณกับมุตตาโกรธอะไรกันหรือคะ”
“หือ เปล่านี่ครับ”
“ก็เห็นเดี๋ยวนี้เลิกไปรับไปส่งแล้วไม่ใช่หรือคะ”
“ช่วงนี้คุณตาไปสัมมนาต่างหากฮะ มีรถตู้กองไปรับไปส่ง แล้วที่ผมไปรับส่งคุณตาก็เพราะมันเป็นทางผ่านบ้านผมอยู่แล้ว”
“ทีฉันไม่เห็นมีใครไปส่งบ้าง”
ประสิทธิ์ชัยทำหน้าเวทนาปริม วีกิจเลยส่งบทให้
“บ้านคุณที่จริงมันทางผ่านบ้านเจ้าสิทธิ์นะฮะ”
“หรือคะ ต๊ายเพิ่งรู้ งั้นฉันก็ขอติดรถคุณสิทธิ์ได้ซี”
“ไม่ได้ครับ”
“ทำไมคะ”
“แฟนผมขี้หึง ถ้ามีกลิ่นคุณในรถ ผมโดนเล่นแน่”
“กลิ่นอะไรฉัน”
“ก็กลิ่นน้ำหอมคุณนี่ไง”
วีกิจจามอีกครั้ง ปริมค้อนขวับ
วันต่อมาขณะที่วีกิจนอนเล่นอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบในสวนของบ้าน บนโต๊ะข้างตัวมีของกินเล่น เบียร์ และมีหนังสือแนวไซไฟแฟนตาซีตั้งใหญ่ วีกิจพลิกอ่านหนังสืออยู่ เจนภพเดินมานั่งลง วีกิจขยับตัวนั่ง
“อ้าว อาภพ เอาเบียร์ไหมฮะ”
“เฮ้ย ไม่ต้องมาต้อนรับขับสู้ ฉันแค่เดินเล่น”
เจนภพหยิบหนังสือมาพลิกดู ถามเรื่อยๆ คล้ายไม่สนใจนัก
“แกเป็นไงบ้างล่ะ”
“ก็เรื่อยๆ ครับ”
“แล้วเรื่องแกกับมุตตาล่ะ”
“ก็เรื่อยๆ เหมือนกันครับ ผมว่าเขาก็กำลังดูๆ ผมอยู่”
“ฉันเห็นว่าเขาเงียบจังเลย ไม่ค่อยพูดค่อยจา ฉันถามอะไรคำก็ตอบคำ”
เจนภพซ่อนสีหน้าได้สนิท
“ยังไม่สนิทน่ะซีครับ พอสนิทแล้วตาก็ช่างพูดช่างคุยเหมือนกัน”
เจนภพหยิบโรแมนซ์แวมไพร์ขึ้นมา
“นี่แกอ่านเรื่องนี้ด้วยหรือ”
“อ๋อ เล่มนี้ตาให้ยืมมาฮะ แต่มันผู้หญิงจังเลยผมเลยอ่านไม่จบ ตานี่ที่จริงเป็นคนโรแมนติกสุดๆ เลยฮะ”
“ผู้หญิงก็เป็นแบบนี้แทบทุกคนแหละที่สมัยนี้เขาเรียกว่าอาร์ตตัวแม่ไง”
“แต่ผมว่าตาอาการหนักกว่านะฮะ วันก่อนตาซื้อโรแมนซ์ฝรั่งทีนึงเป็นตั้งๆ เลยฮะ”
เจนภพยิ้มไม่พูดอะไร แต่จดจำข้อมูลทั้งหมดไว้
วันต่อมาเจนภพมีสัมมนาอีก ซึ่งกว่าจะสัมมนาเสร็จก็มืดพอดีคนที่มาร่วมสัมมนาทยอยกลับ จนเหลือคนโหรงเหรง มุตตายืนกระสับกระส่ายแล้วยกนาฬิกามาดู ลิฟต์เปิดออกเจนภพเดินออกมากับวิทยากร จับมือล่ำลากัน มุตตาเดินไปหา
“ขอโทษที ไม่นึกว่าจะยืดเยื้อขนาดนี้”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
มุตตาส่งแฟ้มให้เจนภพ
“โอเค แยกย้ายกันกลับได้แล้ว รถตู้จอดที่ไหนนี่”
“รถตู้กลับไปแล้วค่ะ”
“อ้าวแย่จริง แล้วตาจะกลับยังไง เอายังงี้เดี๋ยวผมไปส่งเอง”
มุตตาลังเลนิดหน่อย
เจนภพก้าวขึ้นหลังพวงมาลัย มุตตาขึ้นนั่งเบาะข้างแล้วพบว่ามีหนังสือวางอยู่ระหว่างเบาะทั้งสองอยู่ 3-4 เล่ม บางเล่มเลื่อนหล่นมาบนเบาะจึงหยิบมาดูซึ่งเป็นหนังสือโรแมนซ์คลาสสิก เจนภพสตาร์ทรถ ปรับแอร์ เปิดเพลงแผ่วเบา ทำเป็นไม่สนใจ
“ผ.อ. อ่านนิยายพวกนี้ด้วยหรือคะ”
“อะไรหรือ อ๋อ สมัยเรียนเขาใช้หนังสือพวกนี้เป็นเอาท์ไซด์รีดดิ้งนะฮะ วันก่อนผมไปเจอหนังสือแปลเข้า เลยซื้อมาระลึกความหลังซักหน่อย”
เจนภพเล่นอย่างแนบเนียน มุตตาทึ่งและรู้สึกว่าชอบอะไรเหมือนกันขึ้นมา
“ไม่น่าเชื่อเลยว่า ผ.อ. จะอ่านนิยายพวกนี้ด้วย”
“นี่ผมหิวข้าวจังเลย ตาหิวแล้วหรือยัง”
“เอ้อ นิดหน่อยค่ะ”
“งั้นไปทานข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อยก็แล้วกัน”
เจนภพพามุตตามากินข้าวที่ภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง
“สวยจังเลยค่ะ แต่คงแพงมาก”
มุตตาบอกอย่างตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศที่ตกแต่งอย่างโรแมนติก
“ผู้จัดการที่นี่เป็นรุ่นน้องผมนะฮะ คุณตาดื่มไวน์ได้ใช่ไหมฮะ”
“ได้นิดหน่อยค่ะ”
“วันนี้เหนื่อยจริงๆ ก็เลยอยากรีแลกซ์แบบพิเศษหน่อย”
“มันพิเศษเกินไปสำหรับตาค่ะ”
“ถือว่าผมตอบแทนที่คุณต้องทำงานเกินหน้าที่ก็แล้วกัน โธ่ผมเองก็ไม่ร่ำรวยอะไรโชคดีที่ตระกูลผมยังมีสมบัติเก่ามั่ง”
“ตระกูลหัวหน้ากองเป็นขุนนางเก่านี่คะ”
“ครับ ก็เลยเป็นข้าราชการกันทั้งบ้าน อย่างนายวีกิจตอนแรกเห็นว่าอยากทำธุรกิจส่วนตัว ลงท้ายก็มาอยู่ด้วยกัน เขาไม่เคยเล่าให้คุณตาฟังบ้างหรือฮะ”
“ไม่เคยค่ะ”
“เห็นตาสนิทกับนายวีกิจดี”
“ไม่หรอกค่ะ ก็แค่เพื่อนร่วมงาน คนอื่นน่ะชอบล้อกันเกินเหตุ”
มุตตาพูดเหมือนให้ข้อมูล เจนภพยิ้ม ชูแก้วไวน์ขึ้น
“แด่...วันที่ยาวนานวันนี้”
“ค่ะ แด่วันนี้”
เจนภพจิบไวน์ มุตตาจิบไวน์ช้าๆ
เจนภพและมุตตาก้าวออกมาหน้าภัตตาคาร สวนกับสรรค์ที่จูงมือสาวสวยท่าทางร้อนคนหนึ่ง
“อ้าว ไอ้สรรค์”
“อ้าว ไอ้ภพมากินข้าวหรือ”
“อือม์ กำลังจะกลับพอดี คุณมุตตา นี่นายสรรค์เพื่อนสนิทผมครับ สรรค์นี่ผู้ช่วยคุณแจงจิต มุตตา”
มุตตารีบไหว้ สรรค์รับไหว้
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ นี่คุณแอ๋วน้องสาวผม”
หญิงสาวยกมือไหว้เจนภพ เจนภพเกือบสะดุ้ง
“เอ้อ ชื่อแอ๋วหรือครับ”
“ค่ะ เพิ่งเปลี่ยนชื่อไม่นานนี่เองค่ะ”
เจนภพงง สรรค์มองมุตตาอย่างผู้ใหญ่ใจดี มุตตาเลยทักแก้เก้อ
“คุณสรรค์ขาหายดีแล้วหรือคะ”
สรรค์งง เจนภพสะดุ้ง ขยิบตากับสรรค์
“ที่เอ็งขาหักเข้าโรงพยาบาลไงวะ”
“อ้อเหรอ ใช่ๆ เพิ่งเอาเฝือกออก ยังเดินขัดๆ อยู่นิดหน่อย ขอบคุณครับที่เป็นห่วง”
“เออ ดึกแล้วไปก่อนล่ะ ไว้เจอกัน”
“เออ”
สรรค์เดินขาเป๋นิดๆ ไป เจนภพกลั้นหัวเราะ มุตตามอง
“อะไรหรือคะ ผ.อ.”
“ไม่มีอะไรครับ”
รถเจนภพแล่นมาจอดที่ลานจอดรถหน้าหอพัก เจนภพก้าวมาส่งมุตตา มุตตาถือถุงหนังสือ
“หอพักหญิง ดีครับ ปลอดภัยดี”
“ค่ะ แถวนี้สงบดี”
“คุณพ่อคุณแม่คงเป็นห่วงคุณตานะฮะ อยู่ไกลกันแบบนี้”
“พ่อโทรมาแทบทุกวันล่ะค่ะ จนต้องบอกว่านานๆ โทรหนก็ได้”
“นี่แหละครับ หัวอกพ่อที่มีลูกสาว ผมเองลูกสาวก็เริ่มเป็นสาวแล้ว เป็นผม...ผมคงไม่ยอมให้ลูกสาวมาอยู่ลำพังแบบนี้หรอกครับ” มุตตายิ้มมองเจนภพอย่างซาบซึ้ง เจนภพหยุดหน้าประตู “ดึกแล้ว ผมกลับก่อนล่ะครับ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ ขอบคุณนะคะ ผ.อ.”
มุตตาก้าวเข้ามาหน้าแดงด้วยฤทธิ์ไวน์ แล้วชะงักเมื่อเห็นฤดี พร ศรี เกาะผนังกระจกชะเง้อมองตามรถเจนภพ มุตตากระแอม ฤดีสะดุ้งรีบเข้าหลังเคาน์เตอร์ ศรีคว้าไม้ขนไก่มาปัด พรยิ้มกว้างเข้ามาหามุตตา
“ต๊าย รถคันใหญ่เท่าบ้าน ใครน่ะ ตา”
“หัวหน้าค่ะ เป็นผู้อำนวยการกอง ไปธุระจนดึกก็เลยมาส่ง”
“ไปดริ้งค์ แดร้งค์ ดรั้งค์ มาด้วยซีนี่ หน้าแดงเชียว”
“แค่ไวน์นิดเดียวแหละค่ะ”
“แค่นิดเดียวก็เมาได้จ้า”
“หนูตานี่มาแรงแซงโค้งจริง ทั้งหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่” ศรีเบ้หน้า
“หนูว่าคุณคนนั้นน่ารักกว่า ยังวัยรุ่นเกาหลีอยู่”
“อู๊ย สู้คนนี้ไม่ได้หรอก มาดงี้ชนะเลิศ ดูเนี้ยบไปทั้งตัว” มุตตานิ่ง
“ดึกแล้ว ตาขึ้นก่อนนะคะ”
มุตตาใช้คีย์การ์ดเข้าไปข้างใน
“ต๊าย ทำไมอีพรถึงไม่มีแบบนี้บ้าง เห็นมีแต่ไม่แก่งั่กก็จับกัง”
“หล่อนก็ไปท้ายซอยซียะ มีคนงานก่อสร้างกับวินมอไซค์ด้วย”
พรสะดุ้งแล้วทำคล้อยตาม
“งั้นฉันก็ต้องไปเปลี่ยนเป็นชุดสก๊อยต์ก่อนซีป้า”
“ไม่เหมาะหรอกค่ะคุณพร คุณพรอายุเกินแล้ว” พรอ้าปากค้าง
คืนนั้นมุตตาอ่านนิยายแปลโรแมนซ์คลาสสิกของเจนภพแล้วน้ำตาคลอปิดหนังสือลง ใบหน้ากึ่งสุขกึ่งเศร้า แล้วมองดูหนังสือราวส่งใจไปถึงคนให้ยืม
วันต่อมา มุตตานั่งพิมพ์งานที่คอมพิวเตอร์อย่างคล่องแคล่ว แล้วพักมือเงยหน้าขึ้นมองไปยังประตูห้องเจนภพโดยไม่รู้ตัว นิ้วมือพันเกลียวเชือกผูกผมเล่น อรพิมหอบแฟ้มมาโยนลงบนโต๊ะทิพอาภา
“นี่งานพี่แจงจิต หล่อนเอาไป 3 แฟ้ม ส่วนฉันยอมเสียสละทำ 2 แฟ้มก็ได้”
“เรื่องอะไร นังรู้มาก เอาเปรียบตลอดศก”
“ก็มันมี 5 แฟ้ม หารไม่ลงตัวนี่ยะ”
“แบ่งมาให้ตาแฟ้มนึงก็ได้ค่ะ”
“ต๊าย หนูเป็นคนดีอะไรเช่นนี้ มีน้ำใจ มีจิตอาสา ไม่เหมือนนังนี่”
“อย่าไปช่วยมันตา นังนี่ได้คืบจะเอาศอก”
“ใช่ ฉันน่ะได้ฝรั่งจะเอานิโกร”
“เกี่ยวอะไรน่ะ อุ๊ย นึกออกแล้ว นังลามก”
อรพิมหัวเราะคิก ทิพอาภาค้อนแล้วหัวเราะด้วย สองสาวโต๊ะข้างหลังก็หัวเราะด้วย มุตตางงทำหน้าเหรอหรา
“ต๊าย นี่สถานที่ราชการแน่หรือจ๊ะ หัวเราะกันระริกระรื่นยังกะน้องๆ เรียกแขกหน้าเล้า”
อรพิมชะงัก ทิพอาภาหน้าซีด
มุตตามองไปเห็นนพนภายืนเด่นในชุดหรูแบบที่ไปงานกลางคืนต่อได้ นพนภากวาดสายตามองเมื่อเห็นมุตตาก็ชะงัก
“แมวไม่อยู่ หนูก็ร่าเริงนิดหน่อยค่ะ คุณนภา”
อรพิม ทิพอาภายกมือไหว้นพนภา มุตตารีบไหว้ตาม นพนภารับไหว้
“ต๊าย นี่ยายแจงจิตยังไม่หายอีกหรือ หรือว่าหมอตัดตีนทิ้งไปแล้ว”
“คงยังค่ะ”
“ยังอะไรยะ ยังไม่หาย หรือยังไม่ตัด”
“คงยังทั้งสองอย่างค่ะ”
นพนภาก้าวมามองมุตตานิ่ง
“นี่ มาใหม่หรือ ไม่เคยเห็นหน้า”
“ค่ะ”
เจนภพก้าวออกมาพอดี แล้วชะงักกึก
“อ้าว นภา มีอะไรหรือ”
“ทำไมคะ ต้องมีธุระด้วยหรือ ถึงจะมาได้”
นพนภาก้าวไปหาเจนภพที่หน้าประตู
“มีอะไร”
“คืนนี้คุณแม่มีงานเลี้ยงสำคัญ ฉันผ่านมาก็เลยแวะมาบอก”
“โทรมาก็ได้” นพนภาเชิดใส่ “ต้องไปด้วยหรือคุณ”
“ต้องซีคะ งานสำคัญ ไม่งั้นคนถามแน่ว่าผัวฉันหายไปไหน” ทุกคนมองดูตาแป๋ว ยกเว้นมุตตาที่เอาเอกสารมาเรียง เจนภพอับอาย นพนภาปรายตาดูมุตตา “ไม่ยักรู้ว่ามีเด็กใหม่ สวยจังนะคะ”
“ชื่อมุตตา รู้ไหมใครเล็งอยู่”
“ใคร คุณหรือ”
“อย่าบ้าน่ะ แฟนนายวีกิจมัน ตีตราจองตั้งแต่มาทำงานวันแรก”
นพนภาเปลี่ยนสีหน้ามองมุตตาแล้วยิ้ม
“หรือคะ ต๊ายมิน่า เห็นปั๊บก็ถูกชะตาเลย”
เจนภพทำหน้าซื่อ
ช่วงพักกลางวัน มุตตา อรพิม ทิพอาภานั่งกินข้าวด้วยกัน
“เมื่อเช้านี้เกือบไปแล้วนะ ยายตา”
“เกือบอะไรคะ”
“ก็คุณนพนภาน่ะซี มองเธอตาเขียวปัด พอรู้ว่าเธอควงกับคุณกิจอยู่เท่านั้นล่ะก็ยิ้มออกรักเธอขึ้นมาทันที”
“มันยังไงหรือคะ”
“โธ่เอ๋ยตา คุณนภาน่ะหึงผ.อ.ยังกะอะไร”
“เธอไม่ได้สังเกตหรือ เลขาใครต่อใครเขาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา มีแต่ ผ.อ.เรานี่แหละมีเลขาทั้งแก่ทั้งเยินแบบพี่แจงจิต พี่ดุจ พี่เดือน”
“แล้วก็แผนกเราน่ะ ห้ามมีใครสวยเด็ดขาด”
“อะไรนะคะ”
“บ้าฉันสวยย่ะ แต่คนไม่คอยเห็น ส่วนนังนี่ก็สวยแต่ซีดเหมือนซูชิค้างปี แล้วนังสองคนนั่นน่ะเหมือนคนใช้ต่างด้าว”
“แล้ว ผ.อ.น่ะเจ้าชู้มากหรือคะ”
“ผ.อ.น่ะบุญคุณล้นหัว ฉันไม่อยากเป็นเลขานินทานาย”
“แต่ฉันว่านะ ผ.อ.ไม่ต้องไปทำเจ้าชู้ ก็มีผู้หญิงมายินยอมพร้อมใจกันหัวกระไดไม่แห้ง”
“แล้วคุณนพนภาเคยมีเรื่องกับพวกเราด้วยหรือคะ”
“ต๊าย ฉันว่าจะเป็นคนดี ไม่พูดแล้วนะ ที่เธอได้มาทำงานที่นี่เพราะอะไรรู้ไหม”
“เพราะคุณวิมาลาอะไรนั่นลาออกไม่ใช่หรือคะ”
“แล้วรู้ไหมล่ะว่าทำไมยายวิมาลาต้องลาออก”
“เพราะคุณนพนภาหรือคะ”
อรพิมและทิพอาภามองหน้ากัน
“แหม คือเรื่องมันไม่ดี ไม่น่าพูด แต่ไหนๆ พูดแล้วก็จะพูดเลย”
“คืออย่างงี้ตา”
อรพิมและทิพอาภาเริ่มเล่าเรื่องราวของวิมาลา มุตตานิ่งฟังเงียบๆ
วิมาลาในชุดขาวปิดคอ ใส่แว่น มวยตึง เดินหลังงอๆ กำลังแจกซองผ้าป่าไปตามโต๊ะ อรพิม ทิพอาภา และดุจดาว คล้ายเดือน ทุกคนรับซอง จนมาถึงแจงจิตที่จ่ายทันทีห้าร้อยบาท วิมาลาไหว้กระชดกระช้อย
“อนุโมทนาค่ะ คุณพี่ขา”
“ยายคนนี้มาเหนือเมฆ ผ.อ.เราเป็นคนเลือกเข้ามาเอง แล้วทุกคนก็วางใจเชื่อว่าแม่คนนี้ถือศีลกินเจจริงๆ แต่ที่ไหนได้ พอลับหลังพวกเราเท่านั้น”
วิมาลาเข้ามาในห้องทำงานเจนภพ เจนภพเงยหน้าขึ้นมอง วิมาลายิ้มหวาน แล้วยืดตัวขึ้นเห็นหน้าอกผงาด สะบัดมวยผม ครอบฟันออกอย่างยั่วยวน ผมยาวถึงกลางหลัง วิมาลาถอดเสื้อขาวออกเห็นว่าชั้นในคือเกาะอกขาว เจนภพยิ้มร่าเดินมาหาวิมาลา วิมาลากระโดดเข้ามา
วิมาลาในชุดขาวเช่นเดิม กำลังยื่นซองผ้าป่าให้นพนภา
“เจ้าหล่อนหลอกพวกเรามาเกือบปี แม้แต่คุณนพนภา ยังจับไม่ได้”
นพนภารับซองจากวิมาลาแล้วกรีดแบงค์พันใส่ซองให้ วิมาลายิ้มเปี่ยมบุญ
“วิมาลาขออนุโมทนาค่ะ กลับมาจาริกบุญครั้งนี้ วิมาลาจะนำบุญมาฝากนะคะ คุณนพนภา”
นพนภายิ้มเปี่ยมบุญเช่นกัน
มุตตาอึ้งกับเรื่องราวของวิมาลา
“เป็นเรื่องจริงทั้งหมดหรือคะเนี่ย”
“จริงแท้จ้ะ เพราะพวกเราอยู่ในเหตุการณ์ตลอด”
จังหวะนี้เจนภพเดินผ่านมาพอดี
“ผ.อ.เป็นคนวางแผนให้คุณวิมาลาแต่งตัวอย่างนั้นเหรอคะ”
“ถูกต้องจ้ะ ลงทุนเพื่อความแนบเนียน”
เจนภพแอบฟัง
“ที่เล่าให้ฟังเนี่ย เพื่อให้เธอระวังตัวไว้ เพราะสวยๆ ใสๆ อย่างเธอ สเป็ค ผ.อ.แท้ๆ เลย”
“เพราะฉะนั้น ออกตัวแรงๆ ไปเลยว่าเธอน่ะเป็นแฟนคุณวีกิจ”
“ไม่หรอกค่ะ ตายังไม่ได้คิดอะไรกับเขาขนาดนั้น”
อรพิมและทิพอาภาเกิดอาการเซ็ง เจนภพฟังอยู่ครุ่นคิด ยิ้มกับตัวเองเล็กๆ ก่อนผละไป
โปรดติดตาม "แรงเงา" ตอนที่ 2 หน้า 2
แรงเงา ตอนที่ 2 (ต่อ)
เย็นวันนั้นวีกิจขับรถอย่างรื่นเริงใจ ส่วนสีหน้ามุตตาที่นั่งเคียงข้างมามีแววครุ่นคิด
“วันนี้ภรรยา ผ.อ.มาค่ะ”
“ฮะ ยังแวะเข้าไปแผนกผมเลย”
“สวยจังนะคะ”
“เมื่อสาวๆ สวยเป็นซุปตาร์เลยฮะ แต่ตอนนี้ เขาลือกันว่าสวยเพราะคุณโบ ว้า...ผมไม่น่าพูดเลย”
มุตตายิ้มนิดนึง
“ผ.อ.กับภรรยาดูสวีทกันจังเลยนะคะ”
“หรือฮะ”
“ทำไมคุณกิจพูดอย่างงั้นล่ะคะ”
“เฮ้อ นี่มันเรื่องในบ้าน ถ้าไม่ใช่คุณตาผมก็ไม่กล้าเล่า อานภาน่ะเป็นเจ้าแม่สร้างภาพฮะ ที่จริงคู่นี้สามวันดีสี่วันไข้ เดี๋ยวดีกัน เดี๋ยวทะเลาะกัน แม่ผมบอกว่าสมกันดี”
“ยังไงหรือคะ”
“ก็สามีเจ้าชู้ภรรยาขี้หึงไงครับ แค่อาภพดูข่าวคนอ่านข่าวสวยหน่อย อานภาเอารีโมทปาทีวีระเบิดเลยฮะ”
“ตายจริง ขนาดนั้นเชียวหรือคะ เอ บ้านนี้มีลูกกี่คนนะคะ”
วีกิจเล่าให้ฟังอย่างเพลิดเพลิน ไม่ได้รู้ว่ากำลังถูกล้วงข้อมูล
วันต่อมาขณะที่มุตตานั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ มีสายภายใน มุตตารับโทรศัพท์
“ค่ะ”
เจนภพอยู่ที่โต๊ะทำงาน พิงพนักพูดโทรศัพท์อย่างอ่อนโยน
“คุณตาฮะ เย็นนี้ว่างไหมครับ”
“เอ้อ ว่างค่ะ”
“วันนี้วันเกิดลูกสาวผม ผมไม่รู้จะซื้อของขวัญอะไรให้แกดีคุณตาช่วยผมทีนะครับ”
วีกิจนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ โทรศัพท์ดัง วีกิจรับขึ้นมาปริมอยู่โต๊ะข้างๆ มองเขม็ง
“ฮะ คุณตา มีอะไรให้รับใช้หรือฮะ”
“ที่คุณนัดเย็นนี้ขอแคนเซิลได้ไหมคะ ตามีธุระสำคัญน่ะค่ะ”
“ว้า ไม่เป็นไรครับ เอาไว้วันหลังก็ได้ ธุระอะไรหรือฮะ”
“ธุระส่วนตัวน่ะค่ะ”
“ผมไปส่งดีไหมฮะ...ไม่ต้องนะฮะ...คุณตาจะไปกับเพื่อน ครับๆ หวัดดีครับ”
วีกิจวางโทรศัพท์ลง ปริมยิ้มแต่ตาแข็งกระด้าง
“ไงคะ แฟนปฏิเสธนัดหรือ”
“ยังไม่ได้เป็นแฟนหรอกครับ เป็นแค่ว่าที่”
ปริมตาเป็นประกาย แต่พอวีกิจพูดต่อก็สลดวูบ วีกิจกลับรู้สึกเสียใจประสิทธิ์ชัยแอบชูหัวแม่มือให้
นาฬิกาข้อมือมุตตาบอกเวลา 17.00 น. มุตตายืนเตร่อยู่ที่ลานจอดรถที่เริ่มว่างเจนภพเดินเฉียดมาพูดเบาๆ
“เชิญฮะ”
เจนภพไปขึ้นรถ มุตตาก้าวไปนั่งเคียงข้าง รถเจนภพเคลื่อนออกไป ปริมเดินมามองดูทั้งคู่อย่างแปลกใจ
ที่เคาน์เตอร์น้ำหอมในศูนย์การค้า เจนภพยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์อย่างมีระยะห่างกับมุตตา มุตตาเองก็เย็นชานิดหน่อยพนักงานขายกำลังให้มุตตาทดสอบกลิ่น
“ที่จริงเขาไม่ค่อยให้น้ำหอมกันหรอกค่ะ แต่นี่หอมจังเลยขวดก็ดีไซน์สวยจัง”
“ยิ่งดีใหญ่ฮะ ยายต้องชอบสะสมของอะไรแบบนี้”
“ทำไมไม่ให้ภรรยา ผ.อ.เป็นคนซื้อล่ะคะ”
“นภาเขาไม่สนใจอะไรพวกนี้หรอกครับ วันๆ มีแต่เรื่องธุรกิจกับสังสรรค์กับเพื่อนๆ เขา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำมั้งฮะว่าวันนี้วันเกิดลูก เขาไม่สนใจผมกับลูกหรือครอบครัวเท่าไรหรอก”
“แต่ก็โชคดีที่มีคุณพ่อแบบ ผ.อ.”
“โธ่ ผมก็ไม่ใช่พ่อที่ดีวิเศษเท่าไรหรอกครับ แต่เมื่อแม่ไม่มีเวลาให้ผมก็ต้องทดแทนให้แก”
“ลูกๆ ผ.อ.โชคดีจังค่ะ โชคดีกว่าตาเยอะ เอ้อ ลูกสาว ผ.อ.เป็นเด็กยังไงคะ”
“แกเริ่มจะเป็นสาวแล้วฮะ แกดูหวานๆ ช่างฝันเหมือนคุณตานี่แหละ”
“งั้นเอากลิ่นนี้ก็แล้วกันค่ะ กลิ่นดอกไม้หอมหวานๆ ดี แหม แต่ตากลัวเลือกพลาดจังค่ะ”
“ไม่หรอกฮะ ผมเชื่อว่าคุณตาเลือกได้ถูกต้อง”
เจนภพมองมุตตาอย่างอ่อนโยน
หลังจากซื้อของเสร็จ เจนภพพามุตตามาทานอาหารที่ภัตาคารหรูร้านเดิมและนั่งที่โต๊ะตัวเดิม เปลวเทียนบนโต๊ะไหวระริกทำให้มุตตาดูงดงามนุ่มนวล เจนภพมองดูอย่างสุภาพ
“อย่าว่าผมฟุ่มเฟือยเลยนะฮะ ผมแค่อยากได้พักตาพักใจจริงๆ บ้างเท่านั้น”
“ผ.อ.ดูเหนื่อยมากนะคะ แต่ช่วงนี้งานที่กองเราก็หนักจริงนะคะ”
“เหนื่อยงานน่ะไม่เท่าไรหรอกฮะ แต่เหนื่อยใจมันทำให้ท้อจริงๆ เฮ้อ ไม่เอาเปลี่ยนเรื่องดีกว่า ตาไม่ต้องมาฟังผมบ่นเป็นตาแก่”
“ผ.อ.พูดมาเถอะค่ะ ตายินดีรับฟัง”
เจนภพมีอาการลังเล แล้วตัดสินใจพูด
“คุณตาฮะ ถึงเราจะเพิ่งรู้จักกันไม่นานเท่าไร แต่ผมก็ไว้ใจคุณตามาก เรื่องส่วนตัวของผม ผมไม่เคยปริปากกับใครเลยแม้แต่เจ้าสรรค์”
“ค่ะ”
“คุณตาเห็นนภาแล้วใช่ไหมฮะ”
“ค่ะ คุณนพนภาสวยมากนะคะ แล้วเธอก็ดูรัก ผ.อ.มาก”
เจนภพยิ้มขมขื่น
“สิ่งที่ตาเราเห็นอาจไม่ใช่ความจริงก็ได้”
“ผ.อ.หมายความว่ายังไงคะ”
“คุณตาคงเคยได้ยินใครต่อใครพูดถึงผมกับนภามาบ้างใช่ไหมฮะ เขาว่ายังไงบ้าง”
“เอ้อ เขาก็พูดทำนองว่า ผ.อ.เป็นคนเจ้าเสน่ห์ แล้วคุณนพนภาก็ค่อนข้างขี้หึง”
เจนภพเอนตัวพิงพนักเก้าอี้
“คุณตาอยากฟังความจริงไหมฮะ ผมไม่เคยทำเจ้าชู้อะไรเลย แต่มันก็มีเรื่องเข้ามาตลอด คุณตาเคยรู้เรื่องคุณวิมาลาไหมฮะ”
มุตตาส่ายหน้า
“รู้แต่ว่าตามาทำงานเพราะเธอลาออกไป”
“ผมไม่อยากพูดถึงใครลับหลังแบบนี้เลย ความจริงคุณวิมาลา เธอไม่ปกติเท่าไร”
“คะ”
“เธอเป็นสาวใหญ่ เป็นโสดไม่เคยมีแฟนแล้วก็ปฏิบัติธรรมจนหลง จู่ๆ เธอก็อ้างว่าผมเป็นคู่ของเธอมาแต่ชาติปางก่อน”
“ตายจริง”
เจนภพหน้าเศร้า
เจนภพเล่าเรื่องราวของวิมาลาให้มุตตาฟังซึ่งคนละเรื่องจากที่มุตตารับรู้มาจากอรพิมและทิพอาภาอย่างสิ้นเชิง
เจนภพในชุดเสื้อคลุมเปิดประตูห้องพักออกมาเจอวิมาลายืนอยู่ในสภาพผมรุ่ยร่าย หน้าตาหื่นกระหาย มือถือมีดปอกผลไม้ วิมาลาเดินเข้ามาในห้อง สวิงประตูปิด เจนภพถอยกรูด
“คุณวิมาลา คุณเป็นอะไร”
“ผ.อ.คะ มาลารัก ผ.อ.ค่ะ”
“หา รักผม”
“ค่ะ รัก รักมานานแล้ว”
“แต่คุณถือศีล”
“ที่ถือศีลเพราะพยายามข่มใจไม่ให้รัก ผ.อ.ไงคะ แต่แล้วศีลก็ขาดเพราะมาลารัก ผ.อ.เกินห้ามใจ เป็นของมาลาเถอะนะคะ”
วิมาลาโผเข้าหาเจนภพแบบจู่โจม เจนภพร้องลั่น
มุตตางุนงง สับสน เพราะข้อมูลที่เจนภพเล่าตรงข้ามกับที่อรพิมและทิพอาภาเล่า
“เหตุเกิดที่โรงแรมที่เราไปสัมมนานั่นแหละครับ เธอเข้ามาปล้ำผมเผอิญนภาแวะมาพอดีก็เกิดเรื่องตบตีด่าประจานกัน จนคุณวิมาลาต้องลาออก”
มุตตาเชื่อทุกคำที่เจนภพบอก จิตใจพลันโล่ง เจนภพอ่านสายตาออก
“โธ่เอ๋ย”
“แต่ทุกคนไปพูดกันว่า ผมกับคุณวิมาลามีอะไรกันมานมนาน บางคนถึงกับบอกว่าผมให้คุณวิมาลาแกล้งทำเป็นแม่ชีเคร่งศีลเพื่อตบตาคน”
“คนเรามีปากก็พูดกันไป ผ.อ.อย่าไปฟังเลยค่ะ”
เจนภพมองมุตตาอย่างขอบใจ มุตตาเริ่มขัดเขินใหม่
เจนภพขับรถมาส่งมุตตาที่หอพัก ทันทีที่รถเจนภพแล่นมาจอดที่ลานจอดรถ ศรีถลามาเช็ดกระจกที่ล็อบบี้ ฤดีเข้ามาคุมงานใกล้ชิดแต่สอดตามองดูรถเจนภพด้วยความสนใจ
“ผ.อ.ไม่ต้องลงไปหรอกค่ะ ที่นี่มีพวกสอดรู้สอดเห็นเยอะ” มุตตาบอก เจนภพส่งกล่องของขวัญให้ “นี่อะไรคะ”
“เมื่อกี้ ผมให้เขาห่อให้สองขวด ขวดนี้ของคุณตาฮะ”
“แต่...”
“รับไว้เถอะนะฮะ”
“ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ ผ.อ.”
มุตตาไหว้แล้วลงจากรถ เจนภพขับรถออกไป มอเตอร์ไซค์รับจ้างขับเข้ามาจอดเอี๊ยด พรซ้อนท้ายที่เบาะงอนโด่ง อกบดขยี้หลังวินมอเตอร์ไซค์จนต้องทรงตัวดันดัวออกลงมา คนขับมอเตอร์ไซค์ยักคิ้วให้ พรมองหน้าส่งเงินให้ 10 บาท
“นี่รอบดึกเจ๊ เพิ่มอีก 10 บาท”
“ฉันถือว่าฉันจ่ายแล้ว”
“จ่ายอะไรเจ๊”
“ก็แกทำเบาะไข่ติดถังหลังชนนมแบบนี้ ฉันก็คิดค่านม 10 บาทเหมือนกัน”
“โอเค หายกัน”
คนขับมอเตอร์ไซค์ออกรถไป มุตตายืนอึ้ง พรหันมา
“อุ๊ย คุณตา มีของขวัญด้วย อะไรคะนี่”
“น้ำหอมค่ะ”
“ต๊าย หวานซะไม่มี ตกลงพ่อหนุ่มน้อยตกกระป๋องไปแล้วเหรอคะ”
มุตตามีแววสับสนลังเล
ที่บ้านเจนภพ ขณะนั้นต้องนั่งอยู่บนโซฟาเอาสำลีถ่างนิ้วเท้าไว้แล้วบรรจงทาเล็บเป็นสีเขียว ต่อกำลังอ่านหนังสือกีฬา ต้อมอยู่หน้าโทรทัศน์มือกดรีโมทเปลี่ยนช่องทุก3 วินาที เจนภพถือกล่องของขวัญเดินเข้ามา ต้องเงยหน้าขึ้นยิ้มกับพ่อ แต่ต่อเมินไป เจนภพมองลูกสาวสวยที่ถ่างขา 2 ข้างออกจากกัน
“ต้องนั่งดีๆ ซีลูก”
“นั่งดีๆ เดี๋ยวผีออก” ต้อมพูดขึ้นมาลอยๆ
“อีเด็กบ้า ของขวัญใครคะ”
“ของหนูไง”
“วันเกิดก็ไม่ใช่ สอบก็เพิ่งได้เอฟ เนื่องในโอกาสอะไรคะ”
“เอาเป็นว่ามีคนเขาให้มา แล้วพ่อเอามาให้เราต่อ โอเคมั้ย”
ต้องฉีกห่อของขวัญกระจุยกระจาย แต้วเดินหน้าหงิกงอเข้ามา
“นี่ฉันไม่เก็บให้นะ เก็บกวาดกันเอง” แต้วบอก แต่ต้องไม่แยแส แต้วเดินไป ต้องเอาขวดน้ำหอมมาฉีดฟูด
“อี๋ย์ กลิ่นอะไรนี่”
“หอมจะตาย กลิ่นเย็นๆ ดี” เจนภพบอก
“ไม่เอาล่ะค่ะ ได้กลิ่นแล้วนึกถึงดอกไม้งานศพ ฉีดแล้วกลัวผี”
“ของเหลือจากอีหนูของพ่อแน่เลย” ต่อบอก
“เฮ้ย อย่ามาทำรู้มาก แกปั่นหัวแม่แกให้มาหาเรื่องฉันหลายครั้งแล้วนะเจ้าต่อ”
“มันเรื่องจริงทั้งนั้นไม่ใช่เหรอครับ ถ้าไม่มีมูลความจริงผมก็คงไม่พูด”
“เออ ไอ้รู้ดี ไอ้ฉลาด เอาไว้แกมีเมียของแกเองบ้างเถอะ อยากรู้ว่าแกจะนอกลู่นอกทางบ้างรึเปล่า”
“คงไม่หรอกค่ะพ่อ นายต่อคงไม่มีเมียเพราะจีบผู้หญิงไม่เป็น”
“พี่ต้อง เงียบไปเลย”
“ทำไม นี่ก็เรื่องจริงทั้งนั้นแกเคยจีบสาวที่ไหนรึเปล่าล่ะ” ต่อลุกไปทันที เจนภพมองตาม “มันขี้อายหรือมันเกย์วะเนี่ย” ต่อได้ยินท้ายประโยค สีหน้าร้อนวูบวาบทั้งอายทั้งเจ็บปวดรีบผละไป เจนภพนั่งลงบนโซฟามองทีวีเห็นหนังสยองขวัญกำลังมีฉากนองเลือด “เฮ้ย ยายต้อม ดูอะไรลูก”
“ผีผ้าห่มค่ะ”
วันต่อมาที่บ้านวีกิจ สร้อยคำนั่งอยู่ที่โซฟาหวายบนโต๊ะมีเครื่องคิดเลขมีใบเสร็จต่างๆ วางอยู่ บัวกำลังเก็บกวาดใบไม้อยู่ นพนภาแต่งชุดอยู่บ้านแต่หรูหราเดินถือถุงใบหนึ่งเข้ามา
“ไงคะ คุณนภาทำไมวันนี้ถึงอยู่บ้านได้”
“เพิ่งปิดการขายไปได้อีกงานค่ะ ก็เลยหมดแรงนอนแผ่อยู่บ้าน นี่ค่ะพี่สร้อยแหนมเนือง”
“อุ๊ยดีจริง เอ้า บัวเอาไปใส่จานมาเลย นี่พี่ทำปอเปี๊ยะเอาไว้บังเอิญจังเลย”
บัวถือถุงเข้าไปในครัว
“โถ ก็หนูกับพี่สร้อยอยู่กันมา 18 ปี ก็เลยใจตรงกันน่ะซีคะ เออ เมื่อวันก่อนหนูไปที่ทำงานภพ เจอว่าที่สะใภ้พี่สร้อยด้วยนะคะ ชื่ออะไรตาๆ ซักอย่าง”
“มุตตา”
วีกิจถือจานปอเปี๊ยะ แหนมเนืองออกมาได้พอดีถึงกับสะดุ้งเฮือก
“เดี๋ยวนี่คุยอะไรกันอยู่ฮะ”
วีกิจวางจานลงแล้วนั่งลงด้วย บัวเอาเครื่องดื่มตามมา
“จะเรื่องอะไร ก็เรื่องหนูมุตตาแฟนเธอน่ะซี”
“โธ่ แฟนที่ไหนกันฮะ แค่เพื่อนสนิท แล้วก็ไม่ใช่เพื่อนสนิทแบบที่ดาราเขาชอบตอบกันด้วยนะฮะ”
“แหม ลูกชายพี่สร้อยนี่ หัวโบราณจริงๆ คนสมัยนี้เขาคุยแคมฟร็อกกันแป๊บเดียวเขาก็ไปถึงไหนถึงไหนกันแล้ว”
“เฮ้อ จริงๆ นะคนสมัยนี้”
“ที่ว่าถึงไหนถึงไหนนี่ มันแค่ไหนคะ คุณนภา” บัวถามอย่างสนใจ
“ก็ถึงเตียงนะซีจ๊ะ” บัวหัวเราะคิก
“ไม่ไหวล่ะฮะแบบนั้น ผมขอเป็นคนหัวโบราณดีกว่า”
“จ้ะ อย่าหัวโบราณแบบอาเธอก็แล้วกัน แนวพระยาเทครัวเมียน้อยเต็มบ้าน”
“ดูเหมือนคุณปู่จะมีคุณย่า 3 คนนะฮะ”
“นั่นยังดี ดูเหมือนคุณทวดแกน่ะ ปลูกเรือนให้เมียเล็กๆ เรียงกันเป็นสิบหลังยังกะเรื่องนางทาสไม่มีผิด”
“โอ๊ยตาย ไม่รู้เมียหลวงแต่ก่อนเขาทนกันได้ยังไง”
“เอ้า คุณนภาลงมือกันเลยดีกว่า”
ทั้งสามลงมือกินของว่าง
“นี่อาพูดจริงๆ นะตากิจ หนูตาน่ะน่ารักดี อาเห็นแล้วถูกชะตา เธอน่ะรีบเดินเรื่องเข้า ไม่งั้นล่ะมีไอ้หน้าไหนมาปาดหน้าเค้กเธอแน่”
สีหน้าวีกิจมีแววครุ่นคิด
อีกด้านที่บ้านเนตรนภิศเป็นบ้านขนาดกลางที่ดูดี รถคันยาวของนภางค์แล่นมาจอด นภางค์เดินหน้าบึ้งลงมาจากรถ เดินฉับๆ เข้าไปในบ้าน นภางค์ยืนเด่นอยู่ที่ห้องโถงปาเช็ค 2 ใบใส่หน้าเนตรนภิศที่นั่งบนโซฟา
“เช็คหล่อนน่ะทาด้วยรกแกะหรือยะ มันถึงได้เด้งไม่รู้จักหยุดจักหย่อน คุณพิสมัยเขาเห็นแก่ฉันเขาถึงยังไม่เอาเรื่องกับแก”
“หนูแค่เอาเงินเข้าไม่ทัน แหม คุณพิศมัยน่าจะติดต่อหนู ไม่น่าไปกวนคุณแม่”
“นี่หล่อนอย่ามาพูดเลย เขาไม่เอาตำรวจมาลากแกเข้าคุกก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“คุณแม่”
“แกงานการไม่ทำได้แต่แบมือขอเงินผัวก็อย่ารสนิยมสูงนัก แกเอากระเป๋าหลุยส์ไปคืนร้านคุณพิศมัยได้แล้ว อย่างแกใช้ใบละ 199 ก็พอ”
นภางค์เดินฉับๆ ออกไป เนตรนภิศเม้มปากเชิดหน้าหยิบเช็คมาฉีกทิ้ง อมรสามีเนตรนภิศแต่งตัวเรียบเนี้ยบกริบไปทั้งตัวก้าวเข้ามามองเนตรนภิศอย่างอ่อนใจ แต่พูดเรียบๆ อ่อนโยน
“คุณก็เอากระเป๋าไปคืนซะก็แล้วกัน”
“เรื่องอะไรอายเขาตาย เดี๋ยวฉันจะหาทางเอง”
“คุณนภิศ ผมหาเลี้ยงคุณได้นะถ้าคุณจะมีชีวิตแบบผม แบบคนชั้นกลางเขามีกันไม่ใช่เอาอย่างพี่สาวคุณ” มีรถโฟร์วีลแล่นเข้ามา อมรตาเป็นประกายวูบนึง “มาแล้ว”
“มีนัดกับคุณพงศ์ไปไหนอีกคะ”
“ไปซื้อของ แล้วก็ไปเล่นเทนนิส”
พงศกรชายหนุ่มท่าทางแมนสุดๆ โผล่หน้ามา
“หวัดดีครับ คุณนภิศ วันนี้สวยจัง”
“แหม คุณพงศ์ เข้ามาก่อนซีคะ”
“ไม่ล่ะครับ ไปเลยดีกว่า เฮ้ย ไปยัง มร”
“ไปซี ผมไปก่อนน แล้วจะซื้อของโปรดคุณมาฝาก แต่ดึกหน่อยนะฮะ”
“ค่ะ คุณพงศ์ขา ฝากคุณมรด้วยนะคะ”
“โอเคครับ จะไม่ให้มันเหล่สาวที่ไหนเป็นอันขาด”
อมรหิ้วกระเป๋าใส่เครื่องกีฬาไม้แร็กเก็ตออกไป พงศกรโอบไหล่อย่างสนิทสนม เนตรนภิศมองตามอย่างภูมิใจ
คืนนั้นเจนภพนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือกำลังอ่านนิยายโรแมนซ์แบบพลิกอ่านข้ามๆ บนเตียงมีกระเป๋าเดินทางยี่ห้อดังใบมหึมาเปิดอยู่ แต้วคุกเข่าพับผ้าอยู่ข้างเตียง นพนภาขนเสื้อผ้าจากตู้เสื้อผ้าวอล์คอินมากองบนเตียงแล้วหยิบเสื้อขนมิ้งค์มาดู
“หือม์ คุณนี่ยังซัมเมอร์อยู่ที่ลอนดอนไม่หนาวหรอก”
“ยังไงก็ต้องเอาไปค่ะ ทัวร์คุณหญิงคุณนายแบบนี้ต้องไปอวดรวยแข่งกันแน่ๆ”
เจนภพแอบถอนใจ
“ทำไมถึงกลายเป็นคุณไปได้ล่ะ ตอนแรกคุณแม่คุณจะไปกับยายนภิศไม่ใช่หรือ”
“ก็ยายนภิศน่ะซีคะไปก่อคดีเรื่องเช็คอีกแล้ว คุณแม่ก็เลยตัดเชือกให้ฉันไปแทน”
“แล้วน้องสาวคุณเขาไม่โกรธแย่หรือ”
“ก็ลองมาหือซี จะได้โดนตบ ยายนภิศน่ะกลัวฉันกะคุณแม่ยังกะหนูกลัวแมว”
“คุณจะไปตั้งสองอาทิตย์เชียว”
“ทัวร์เขาจัดไว้ 12 วัน อยู่บนเครื่องอีกก็ครบพอดีล่ะค่ะ”
“พอก่อนนะคะ เดี๋ยวค่อยมาจัดต่อ”
แต้วทะลุขึ้นกลางปล้อง
“ว้าย นังแต้วแกจะไปไหน”
“ไปส้วมค่ะ”
แต้วออกไป นพนภาค้อน เดินมาดูสามีแล้วหยิบนิยายมาดู
“ว้าย คิดว่าอ่านตำราวิชาการนี่นิยายน้ำเน่านี่ คุณจะอ่านไปทำไม”
“มันเกี่ยวกับงานวิจัยคุณ ความจริงก็ได้ความรู้ดีออก”
เจนภพมีแววรื่นรมย์บางอย่าง
เช้าวันรุ่งขึ้น กระเป๋าเดินทางทั้งเซ็ทวางเรียงรายตั้งแต่ใบยักษ์จนถึงใบจิ๋วที่ใกล้ประตู ที่โต๊ะอาหาร เจนภพ ต้อง ต่อ ต้อมในชุดนักเรียนกำลังกินอาหาร แต้วกับยายแหวงทยอยเอาอาหารมาเสิร์ฟเพิ่ม นพนภาในชุดเดินทางหรูเดินเข้ามา
“แม่สวยจังฮะ”
“จริงหรือคะ ขอบใจลูก ต่อ”
“กินอะไรซะก่อนซีคุณ”
“ไม่เอาค่ะ ชุดมันพอดีตัวเดี๋ยวพุงปลิ้น เดี๋ยวนังคุณหญิงสายวรุณจะมาจิกกัดเอาอีก”
นพนภานั่งลงดูแลลูกๆ แต่ชุดคับต้องนั่งหนีบเอนๆ ตัวอย่างลำบาก เจนภพอ่อนใจ
“คุณแม่ทำไมนั่งเหมือนคนจะตดคะ” ต้อมถามขึ้นมา
“ว้ายลูกพูดอะไร หยาบคายจริง อ้าว ทำไมแซนวิชกินแต่ไส้คะ” ต้อมส่ายหน้าไม่ยอมกินขนมปัง “ต่อ ทำไมเขี่ยเบคอนทิ้งลูก”
“ผมคุมน้ำหนักอยู่ฮะ”
เจนภพขมวดคิ้วมองหน้าลูกชาย ต่อสบตาพ่อแล้วเมิน
“แกกำลังโตจะมาคุมน้ำหนักอะไร”
“พ่อเองก็คุมน้ำหนักเอาเป็นเอาตายอยู่ไม่ใช่หรือฮะ”
“อุ๊ยใช่ลูก นู่นไม่กิน นี่ไม่กิน หมั่นไส้ อ้าว ยายต้องทำไมไม่กินอะไรหรือว่าแกก็ไดเอทกับเขาด้วย”
“เปล่าค่ะ แต่หนูเบื่ออาหารคนรวย อยากกินข้าวต้มกับยำกุ้งแห้งเหมือนตอนเด็กๆ ตอนที่ยังไม่รวยเว่อร์แบบนี้”
“ต๊าย รำลึกความหลัง ทีหลังก็ไปกินที่ก้นครัวกับขี้ข้าไป” แต้ว ยายแหวงและนายชมที่จะมาขนกระเป๋าชะงักกึก สบตากันเจ็บลึกในหัวอกขี้ข้า “อุ๊ย แม่ต้องไปแล้วล่ะ”
“ของที่ผมสั่งอย่าลืมนะฮะ”
“ของหนูด้วย นะคะ”
“จ้า แม่ไม่ลืมหรอกค่ะ”
“แล้วหนูล่ะคะ แม่จะไม่ถามบ้างหรือคะ ว่าหนูอยากได้อะไร” ต้องถามขึ้นมา
“อ้าว ก็แกพูดอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่หรือว่ารสนิยมฉันมันแย่ ซื้ออะไรมาให้ก็เชยฉันก็เลยไม่คิดว่าแกจะให้ฉันซื้อให้”
ต้องคอแข็ง นพนภายิ้มเยาะลุกขึ้น เจนภพลุกตาม
“ดีอย่าซื้อให้มัน ซื้อให้หนูคนเดียว ซื้อให้หนูคนเดียว”
ต้องกระชากหางเปียต้อมสุดแรง ต้อมร้องลั่นเจนภพถอนใจพูดกับนพนภา
“คุณนะคุณ ไปเอาชนะคะคานอะไรกับยายต้อง”
“คุณอย่ายุ่งเลย นี่สองอาทิตย์นี้เชิญเป็นชายโสดให้สบายใจจะไปหาเศษหาเลยฉันไม่ว่า แต่อย่ามีแบบพัวพันแกะไม่หลุดเป็นอันขาด” เจนภพทำท่าน้อยใจ นพนภายิ้มกรายออกไปคว้าประเป๋าถือกับกระเป๋าใส่หมวกใบกลม
“นายชมยกใบยักษ์ไป นังแต้วแกยกใบใหญ่ ใบกลางกับใบเล็กยายแหวงเอาไปที กระเป๋าหมวกนี่ฉันถือเอง ว้าย ดีๆ ซียะ อย่าให้ชนประตูเดี๋ยวแหกหมด”
นพนภาสั่งการวุ่นวายตามนิสัยเจ้ากี้เจ้าการ
วันเดียวกันนั้นที่กระทรวงมุตตาชงกาแฟให้วีกิจและน้ำมะตูมสำหรับตัวเอง
“ขอบคุณครับ ท่าทางจะอร่อย”
“ระวังนะ”
มุตตาบอกไม่ทัน วีกิจจิบกาแฟแล้วร้องลั่น มุตตาตกใจ
“โอ๊ย”
“โธ่ คุณกิจ ตากำลังจะบอกให้ระวังน้ำร้อนมาก เป็นอะไรไหมคะ”
“โธ่ ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่ปากพองนิดเดียวแต่ก็อร่อยนะครับ”
“ก็บอกแล้วไงคะว่าตาเป็นมือชงกาแฟเก่า”
“คุณตาชง รสมือเหมือนคุณแม่ผมเลย” มุตตายิ้ม “อ้อ วันก่อน อานภาเมาท์มอยกับคุณแม่ผม อานภาพูดถึงคุณตาด้วยนะฮะ” มุตตาชะงัก
“เรื่องอะไรหรือคะ”
“อานภาชมว่าคุณตาทั้งสวยทั้งเรียบร้อยน่ะซีฮะ”
“แล้วจู่ๆ ทำไมคุณอานภาของคุณต้องพูดถึงตาล่ะคะ”
วีกิจเลี่ยงที่จะพูดความจริง
“ก็อานภาเปรียบคุณตากับยายต้องน่ะซีฮะ ยายต้องตั้งแต่เป็นสาวก็สุดซ่าส์เลยแต่งตัวเปรี้ยว พูดจาทีได้ยินแล้วสะดุ้ง”
“ลูกสาวคนโตของ ผ.อ.น่ะหรือคะ แปลกจัง ทำไม ผ.อ.เคยบอกว่าคุณต้องเรียบร้อยอ่อนหวาน”
วีกิจงงไป แต่ก็แก้ตัวให้
“ก็ยายต้องเป็นลูกรักของอาภพน่ะซีฮะแต่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับอานภา”
มุตตานิ่งฟังแล้วยิ้มอ่อนโยน
เย็นวันนั้นวีกิจขับรถอย่างสบายอารมณ์เหมือนเคยโดยมีมุตตานั่งข้างๆรถติดไฟแดงวีกิจนึกอยากเอี้ยวตัวไปหยิบถุงหนังสือมาให้ มุตตาหยิบโรแมนซ์แวมไพร์มาดู
“เกือบลืม ผมเอาหนังสือมาคืนคุณตา”
“คุณกิจ อ่านจบแล้วหรือคะ”
วีกิจลังเล แต่ก็ตอบความจริง
“ก็อ่าน เอ้อ บางทีก็มีข้ามๆ บ้างน่ะครับ”
“ไม่สนุกหรือคะ”
“ความจริงมันก็ดีนะฮะ ไอเดียดี มีอะไรเท่ๆ ตั้งหลายอย่าง แต่ผมว่ามันผู้หญิงเกินไปสำหรับผม”
“พวกผู้ชายชอบอ้างแบบนี้เรื่อยเลย”
“โธ่ ก็มันไม่ค่อยมีแอคชั่นเลยมีแต่ทำซึ้งกัน”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณกิจไม่ชอบแต่คนอื่นอาจจะชอบก็ได้”
“ใครหรือฮะ”
“ก็คนที่เขาชอบอะไรที่มันอ่อนโยน ลึกซึ้ง โรแมนติกนะซีคะ”
มุตตามองเหม่อไป
“ว้า นี่คุณตาว่าผมเป็นคนตื้นเขินน่ะซีฮะ”
มุตตาไม่ตอบเพียงแต่ยิ้มฝืนๆ
วีกิจมาส่งมุตตาที่หอพักแล้วแล่นรถกลับออกไป มุตตาถือถุงหนังสือเดินเข้าล็อบบี้ศรีถลามารับช่วยถือของ แล้วเดินไปยังลิฟต์ด้วยกัน
“อุ๊ย วันนี้ คนวัยรุ่นมาส่งหรือคะ”
“จ้ะ”
“หนูช้อบชอบ เกาลี้เกาหลี”
“เราไม่ชอบแบบเข้มๆ บ้างหรือ”
“ไม่เอาค่ะ แบบเข้มๆ บึกๆ เดี๋ยวมันกระทืบหนู ต้องใสๆ เด็กๆ แบบนี้ล่ะค่ะ”
“ถ้าเด็กเกินไป เขาก็ดูแลเราไม่ได้นะศรี”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเทคแคลลร์เอง
มุตตายิ้มอย่างอ่อนใจ ศรียังคงเคลิ้มหันมาเจอฤดีในระยะประชิดก็ร้องออกมาอย่างตกใจ
“ไม่ต้องพวกเข้มๆ บึกๆ หรอก เดี๋ยวฉันจะกระทืบแกเอง แหม...นังเทคแคลลร์”
วันต่อมาวีกิจถือถุงหนังสือเดินเข้ามาที่ห้องทำงานมุตตาแต่มุตตาไม่อยู่ที่โต๊ะ วีกิจจึงหันไปถามอรพิม
“อ้าว คุณตาล่ะครับ”
“เขาไม่ได้บอกไว้เหรอ เป็นแฟนกันภาษาอะไร”
“โธ่ ก็ยังไม่ได้เป็นน่ะซีครับ”
“ตาเขาไปงานแสดงสินค้าที่อีสเติร์นซีบอร์ดตั้งแต่เช้าน่ะค่ะ” ทิพอาภาบอก
“นัง 2 คนนี้ก็ไป แล้วก็ห้องถัดไปก็อีกหลายคน”
“ผ.อ.ตามไปตอน 11 โมงนี่เองค่ะ เห็นว่าจะกลับจากโน่นห้าโมงเย็น มาถึงนี่ก็ตอนค่ำๆ ค่ะ”
“ว้า เมื่อวานไปส่งเขาไม่เห็นเขาว่าอะไรเลย แค่บอกว่าตอนเช้าไม่ต้องมารับ”
“อุ๊ย ทะเลาะกันหรือเปล่า”
อรพิมลุกมาจ้องวีกิจ
“โธ่ ไม่มีครับ แค่ผมบอกว่าไม่ชอบนิยายที่ตาให้ยืม”
“หา แค่นี้ก็โกรธแล้วหรือคะ”
“อุ๊ย ถ้าเป็นแฟนกันเรื่องงี่เง่ากว่านี้ก็โกรธกันได้ย่ะ แค่ไม่สังเกตว่าใส่ส้นตึกคู่ใหม่ก็โกรธแล้ว”
“เฮ้อ ลำบากจัง ชักไม่อยากมีกับเขาแล้วล่ะ” ทิพอาภาถอนหายใจ
“ว้าย เชิญหล่อนปลงสังเวชไปคนเดียวเถอะ ฉันยังขอฝักใฝ่อยู่ในกา...เอ๊ย ในกองทุกข์ไปก่อน”
“นังทุเรศ เออ แล้วนี่คุณกิจเอาอะไรมาให้ตาคะ”
“อ๋อ ก็เมื่อวานที่พูดกันเรื่องนิยายน่ะฮะ ผมก็เลยเอาหนังสือผมมาให้ตายืมบ้างคุณอรกับทิพเอาไปอ่านก่อนก็ได้”
อรพิมดึงไปดู ทิพอาภาดูด้วย
“ว้าย ไซไฟ ผู้หญิงคนไหนจะอ่านคะ เราชอบใส่ไฟมากกว่า”
“ไม่เอาล่ะค่ะ แค่ดูซีรีส์เกาหลี 80 ตอนก็ทำอะไรอื่นไม่ได้แล้ว”
“โอเค ผมมันผิด ผมมันไม่ดี ผมมันเลว”
“นี่คุณกิจ อรพูดตรงๆ นะ ถ้าชอบยายตาจริงๆ ก็ต้องมีมุขอื่นได้แล้วนะคะถ้ามัวมาทำบุ๊คคลับกันอยู่ กอนวิธเดอะด็อกแน่ค่ะ”
วีกิจทำตาปริบๆ
เย็นวันเดียวกันนั้น มุตตาและเจนภพนั่งกินอาหารอยู่ที่ร้านอาหารริมทะเล ดวงอาทิตย์ที่คล้อยต่ำทำให้เกิดเมฆหลากสีบนท้องฟ้า
“ไร่ดอกไม้ที่บ้านตาไม่ใหญ่มากหรอกค่ะ นี่พ่อกำลังจะซื้อที่อีกทำไร่ทานตะวันเพิ่มขึ้นมา”
“ผมอยากเห็นจังเลย คงจะสวยมาก”
“ค่ะ ที่นั่นสวยสงบกว่ากรุงเทพเยอะ พ่อบอกว่าถ้าไม่ไหวก็ให้กลับบ้าน”
“แต่ถ้าคุณตากลับไป คนที่เสียใจที่สุดก็คือผม” มุตตาตกใจแล้วอายหน้าแดง หลบตา เจนภพยิ้มเปลี่ยนเรื่องพูด “คุณตาดูสนิทกับคุณพ่อมากนะครับ”
“ไม่หรอกค่ะ ตาไม่ใช่ลูกคนโปรดของทั้งพ่อและแม่ แต่ตาก็รักพ่อมากค่ะ พ่อเป็นคนเงียบๆ ใจเย็น ไม่เคยโกรธใคร แล้วก็รักลูก รักภรรยา เป็นคนดีมากเหมือน ผ.อ.นี่แหละค่ะ”
“คุณตา ผมไม่ใช่คนดีขนาดนั้นหรอกครับ” เจนภพสบตามุตตามีแววขมขื่นจนมุตตาใจหาย “เรื่องของผมกับนพนภามันไม่ใช่อย่างที่ใครๆ เห็น เราแค่เล่นละครให้ชาวบ้านให้สังคมดู เพราะระหว่างเรามันไม่ใช่เรื่องรักมาตั้งแต่ต้นแล้ว”
“อะไรนะคะ”
“เรื่องของผมมันน่าอายมันแย่กว่านิยายน้ำเน่าเสียอีก บ้านผมเป็นตระกูลขุนนางเก่า มีแต่เกียรติไม่มีเงิน ยิ่งคุณพ่อผมอยากทำธุรกิจแต่ไม่มีประสบการณ์ ลงท้ายเป็นหนี้สินกว่าสิบล้าน” มุตตานิ่งฟัง เจนภพมองไปไกล ตีบทแตก “คุณพ่อของนภาเสนอตัวเข้ามาช่วยเหลือ แต่ผมต้องแต่งงานกับลูกสาวเขา”
“ทำไมคะ”
“เพราะบ้านเขามีแต่เงินล้นฟ้า แต่ไม่มีเกียรติไงครับ เรื่องของผมกับนภามันจึงจบสิ้นกันมานานแล้ว ที่ต้องทนกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อลูก” เจนภพสบตากับมุตตา พูดเสียงสั่นพร่า “ถ้าไม่มีลูก บางทีผมอาจทำอะไรที่ใจต้องการได้มากกว่านี้”
มุตตาหลบตาเจนภพ
นาฬิกาในรถบอกเวลาสี่ทุ่ม เจนภพขับรถกลับกรุงเทพโดยมีมุตตานั่งเคียงข้างที่เบาะหลังมีของฝากมากมายมุตตาดูนาฬิกามีแววกังวลใจเล็กน้อย
“ผมขับรถใจลอยไปหน่อยแทนที่จะเข้ามอเตอร์เวย์ กลับมาเส้นนี้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“แต่มันอาจจะไม่ใช่ใจลอย อาจเป็นจิตใต้สำนึกที่บอกตัวเองว่าอยากมีตาอยู่ข้างๆ ไปนานๆ”
“ผ.อ.”
มุตตาอับอายสับสน เจนภพมอง ทันใดมีรถแล่นพรวดออกมาจากข้างทางตัดหน้ารถเจนภพอย่างกระชั้นชิด เจนภพร้องอุทาน
มุตตาร้องด้วยความตกใจ รถเจนภพหักหลบลงไหล่ทาง
แรงเงา ตอนที่ 2 (ต่อ)
ดึกมากแล้ว รถลากจูงของบริษัทคาร์คลับลากรถเบนซ์ของเจนภพมาตามถนน ในรถปิคอัพที่ดัดแปลงเป็นรถลากจูง นาฬิกาในรถบอกเวลา 1.00 น. คนขับรถเหลือบมองดูเจนภพกับมุตตาที่เบียดกันอยู่บนเบาะเดียวกัน
“คาร์แคร์คลับเรามาเร็ว เคลมเร็ว แต่เรื่องซ่อม แหะๆ”
มุตตามีความรู้สึกวูบวาบที่ต้องเบียดชิดเจนภพ เจนภพขยับจนตัวลีบไม่ให้เบียดมุตตา มุตตาเหลือบมาดูเจนภพจังหวะเดียวกับที่เจนภพมองมา ทั้งคู่สบตากัน
ที่บ้านไม้หลังหนึ่ง เจ๊นา สาวใหญ่ท่าทางใจดีใส่เสื้อกางเกงนอนมาเปิดประตูรั้ว เจนภพพามุตตาเข้ามา
“พี่นา คืนนี้ต้องขอมารบกวนหน่อยนะครับ”
“อู๊ย รบกวนอะไรคะ คนกันเองแท้ๆ เชิญค่ะเชิญ”
เจนภพและมุตตาเข้ามาในรั้วบ้าน มุตตาไหว้เจ๊นา
“พี่นาเป็นข้าราชการอยู่ที่นี่ เป็นรุ่นพี่ตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย”
“สวัสดีค่ะ”
“ขึ้นบ้านก่อนเลย จะได้เปลี่ยนเสื้อผ้า”
เจ๊นาพามุตตาขึ้นบ้านไป เจ๊นาหันมายิ้มกับเจนภพ เจนภพยิ้มตอบก่อนตามขึ้นบ้าน
มุตตามองไปรอบๆ ห้อง เจ๊นาหยิบผ้าขนหนูอาบน้ำมาเตรียมไว้ให้
“ตามสบายนะคะน้องมุตตา”
“ขอบคุณค่ะ แล้ว ผ.อ.ล่ะคะนอนที่ไหน”
“ห้องรับรองแขกด้านนู้น ห้องหับพี่เยอะไม่ต้องห่วง หลับสบายนะคะ”
“ค่ะ”
เจ๊นาออกมาจากห้องยิ้มมีเลศนัยบางอย่าง
เจ๊นาเดินมาหาเจนภพที่นั่งกระดกเครื่องดื่มอย่างย่ามใจ เจ๊นาเปลี่ยนท่าทีเป็นเหมือนมาม่าซังในทันที
“แหม งานนี้ลงทุนเยอะนะคะผ.อ. ทำเป็นรถเสียถึงขั้นจ้างรถลาก เนียนเชียว”
“แล้วมันคุ้มไหมล่ะ”
“สวยใสเอ๊าะขนาดนี้ก็ต้องคุ้มล่ะค่ะ ว่าแต่จะ “เชือด” คืนนี้เลยรึเปล่า”
“เดี๋ยวเจ๊ก็รู้เองล่ะ”
เจ๊นาหัวเราะสีหน้าเยิ้มๆ เจนภพยิ้มตาวาวโรจน์แบบมีแผน
กลางดึกคืนนั้น ฟ้าร้องครืนพร้อมสายฟ้าแปลบปลาบเข้ามาในห้อง มุตตานอนไม่หลับพลิกตัวไปมา เสียงลูกบิดประตูดังขึ้น สายฟ้าแลบปลาบเห็นว่าลูกบิดประตูถูกบิดกำลังเปิดเข้ามา มุตตานอนหันหลังให้ทันที ตัวสั่นด้วยความกลัว ผ้าห่มหลุดจากร่างไปครึ่งหนึ่ง
ประตูเปิดออกร่างเจนภพยืนอยู่ สายฟ้าแลบอีกครั้งเห็นหน้าเจนภพดูน่ากลัว เจนภพเดินมานั่งข้างเตียง มุตตาพร้อมสู้เต็มที่แต่แล้วเจนภพกลับดึงผ้าห่มมาคลุมร่างของมุตตาอย่างทะนุถนอม มุตตานิ่งไป รีบหลับตา
“ฝันดีนะ ผมจะฝันถึงคุณเหมือนกัน”
พูดจบเจนภพก้มลงจูบเบาๆ ข้างแก้มมุตตา ก่อนออกจากห้องไป มุตตาลืมตาขึ้น สายฟ้าและเสียงครืนครางหายไปแล้ว ฝนตกปรอย มุตตาสะท้านเล็กน้อย มุตตาลุกนั่งมองมาที่ประตูกอดตัวเองแล้วยิ้มอย่างไม่เคยมีความสุขเท่านี้มาก่อน
เจนภพจะกลับห้อง เจ๊นารออยู่
“อ้าว ไม่จัดการเลยล่ะ”
“น้องเขาเด็กดี จะมาเร็ว เคลมเร็วไม่ได้”
“ให้ตายใจก่อนใช่ไหม แหม ผ.อ.นี่ เนียนจริงๆ เลย”
เจนภพกลับเข้าห้องไป เจ๊นายิ้มส่ายหน้า
เช้าวันรุ่งขึ้นที่ห้องทำงานเจนภพเปิดไฟไม่กี่ดวงจึงไม่สว่างนัก แสงภายนอกส่องผ่านม่านที่แง้มไว้เข้ามาทาบบนตัวมุตตาที่กำลังวางแฟ้มบนโต๊ะทำงานเจนภพ เจนภพออกมาจากห้องน้ำด้านในแล้วเข้ามากอดมุตตาไว้แน่น
“ผ.อ.คะ อย่า” มุตตาร้องห้ามอย่างตกใจ
“ผมรู้ว่ามันไม่สมควร ผมไม่มีสิทธิ์ แต่ผมบังคับใจตัวเองไม่ได้อีกต่อไปแล้วตาคงรู้ว่าผมรู้สึกยังไง” มุตตาหน้าแดงแล้วกลับซีดลง เจนภพดึงร่างมุตตามาเผชิญหน้า “แล้วผมก็อยากรู้ด้วยว่า ตารู้สึกยังไงกับผม”
“มันไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ ที่จะรู้ว่าตารู้สึกยังไง”
“มีซีฮะ อย่างน้อยผมก็รู้ว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่รู้สึกแบบนั้น”
มุตตาน้ำตาเอ่อขึ้น เจนภพยื่นมือไปกรีดน้ำตาให้แล้วดึงร่างมุตตามากอด คราวนี้มุตตายินยอมโดยดี เธอหลับตารู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของเจนภพ แต่แล้วสะดุ้งเมื่อเห็นแจงจิตเปิดแง้มประตูโผล่มา ทั้งสองรีบผละจากกัน
“อ้าว คุณแจงจิต”
เจนภพขยับถอย มุตตาหน้าซีดเบือนกายไปเช็ดน้ำตา แจงจิตเข้ามาพูดเป็นปกติ
“คิดว่ายังไม่มีใครมา สวัสดีค่ะ ผ.อ. สวัสดีมุตตา”
“สวัสดีค่ะ”
“นี่สบายดีแล้วหรือคุณแจงจิต”
“สบายกายแต่ไม่สบายใจค่ะ อ้อ มุตตา พี่มาทวงตำแหน่งเลขาคืนแล้วนะ” มุตตาฝืนยิ้ม
เวลาผ่านไป มุตตานั่งเหม่ออยู่ที่โต๊ะทำงาน อรพิมและทิพอาภาง่วนอยู่กับงานไม่ได้สังเกตแต่แจงจิตมองตรงมาที่มุตตามีแววอึดอัดและเวทนา แจงจิตลุกขึ้นมาหามุตตา ส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้มุตตาถึงกับสะดุ้ง
“ค่ะ มีอะไรคะพี่แจงจิต”
“รายงานการประชุม เธอพิมพ์ผิดเยอะเลยนะมุตตา”
“หรือคะ ตายจริง”
“ทีหลังก็อ่านทวนให้ดีแล้วค่อยปริ้นท์จะได้ไม่ผิดอีก”
“ค่ะ”
อรพิมกับทิพอาภาวางมือจากงานมองตาเป๋ง แจงจิตพูดเรียบๆ แต่เน้นทุกคำ
“แล้วก็ไม่ใช่แค่เรื่องงาน ของทุกอย่างต้องคิดทบทวนให้ดี ไม่งั้นถ้าพลาดพลั้งไปแล้วมันอาจจะแก้ไขไม่ได้ง่ายๆ เหมือนรายงานนี่”
มุตตาหน้าซีดเผือด แจงจิตเดินกลับไป อรพิมกับทิพอาภามองตาม
“อะไรง่ะ”
“ต๊าย ยังเป๋อยู่เลย มาเล่นบทเฮี้ยบอีกแล้ว”
ที่ร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่ง แจงจิตนั่งอยู่กับเนตรนภิศ
“อุ๊ยตาย อีกแล้วหรือพี่เขยฉัน”
“แต่คราวนี้ไม่เหมือนกับยายแม่ชีลวงโลกนะคะ เด็กคนนี้เป็นเด็กดีค่ะไม่ใช่พวกดอกส้ม”
“เด็กดี แล้วทำไมเกิดเรื่องได้”
“คุณนภิศก็ทราบนี่คะว่าผ.อ.น่ะชั้นเชิงระดับไหน แต่ที่ฉันดูๆ รู้สึกว่ายังไม่มีอะไรเลยเถิด ถ้าคุณเตือนคุณนภาไว้ก่อนก็จะไม่เกิดเรื่อง”
“แล้วทำไมคุณแจงจิตไม่บอกเองคะ นี่พี่นภาก็กลับมาจากอังกฤษแล้ว”
“มันเหนื่อยใจน่ะซีคะ คราวยายแม่ชีวิมาลานั่นคุณนภาจิกหัวดิฉันด่าซะสาดเสียเทเสีย ดิฉันไม่อยากเจอหน้าค่ะ”
“นี่แหละพี่สาวฉัน พอโกรธก็อาละวาด ไม่รู้ว่าทำคนอื่นเขาเจ็บช้ำน้ำใจยังไงบ้าง” เนตรนภิศเผลอตัวแสยะปาก ดวงตาจงชัง แจงจิตอึ้งไป เนตรนภิศรู้ตัวรีบหวานใหม่ “แต่ยังไงก็พี่สาวของฉันทั้งคน เดี๋ยวฉันโทรไปเอง เอ หรือจะบีดี”
เนตรนภิศคว้าบีบีรุ่นแพงมาคล้ายอวด
“อุ๊ยตาย พูดต่อหน้าดีกว่าค่ะ ค่อยๆ พูด บอกคุณนภาด้วยว่าเด็กคงถูกหลอก ไม่ใช่ความผิดของแก คุณนภาอย่ามาอาละวาดกับเด็กเลย แกเด็กเรียบร้อยถ้ามีเรื่องแกคงทนไม่ได้”
เนตรนภิศพยักหน้า แจงจิตถอนใจ
นพนภานอนอยู่ในห้องทำทรีทเม้นท์ที่สถาบันเสริมความงามแห่งหนึ่ง พนักงานเอาหัวเครื่องมือทำความสะอาดจ่อล้างหน้าล้ำลึกอยู่ พนักงานอีกคนพาเนตรนภิศเข้ามา เนตรนภิศยิ้มแย้ม
“หนูมาแล้วค่ะพี่นภา”
“กว่าจะยุรยาตรมาได้นะเลทเป็นชั่วโมง ดีนะที่แกนอนแผ่อยู่บ้านเฉยๆ ถ้าทำธุรกิจแล้วมาเลทแบบนี้ เจ๊งในสามวันเจ็ดวันแน่”
พนักงานสองคนสบตากัน เนตรนภิศหน้าซีด
“หนูขอโทษค่ะ พี่นภา”
“ว่าไง มีเรื่องอะไรจะบอกฉัน”
พนักงานยิ้มเจื่อนๆ เชิญเนตรนภิศลงนอน เก็บผม ลงมือทำความสะอาดผิวหน้า
“สนุกไหมคะ อังกฤษ”
“เบื่อ ไปมาไม่รู้กี่หนแล้ว ยิ่งไปกับพวกนังคุณหญิงผู้ดีเก่าเหง้าผู้ดีนั่นด้วย”
“หนูไม่เคยไปเลย อยากไปจัง”
“ก็แกนี่น้าไปทำเช็คเด้งให้คุณแม่เสียหน้า แกน่ะไม่มีเงินทำไมชอบทำหน้าใหญ่ นี่หนี้บัตรเครดิตแกน่ะกี่แสนแล้ว” สองพนักงานสบตากันทำหูทวนลม เนตรนภิศอับอายอีกรอบ “อ้อ นี่ฉันมีของฝาก หยิบทีซิเธอ”
พนักงานวางมือก้มหยิบถุงเครื่องสำอางเซ็ทใหญ่มา เนตรนภิศหายโกรธลุกผึงมาดู
“นี่หรือคะ ขอบคุณค่ะพี่นภา”
นพนภาล้วงลงไปหยิบกิฟท์เซ็ทมีขวดจิ๋วอยู่ 4-5 ขวด
“ไม่ใช่ย่ะ ในถุงนี่ของคุณศจี ของแกอันนี้”
“นี่มันของแถมนี่คะ”
“ถึงของแถมแต่ยี่ห้อดังนะยะ ร้านเจ๊เล้งเอามาขายตั้งหลายร้อย”
เนตรนภิศหน้างอลงนอนไปใหม่ สองพนักงานกลั้นหัวเราะ
“คุณนภิศ วันนี้นวดหน้าด้วยนะคะ” พนักงานถาม
“ค่ะ”
“คุณนภาคะ ตอนนี้มีสิวที่คางกับคอเยอะเลยไปแพ้อะไรมาหรือเปล่าคะ”
นพนภาอารมณ์เสียชันตัวขึ้น พนักงานหยิบกระจกเงามา นพนภากระชากมาดูแล้วยิ่งขุ่นมัว
“แพ้น้ำที่อังกฤษนะซี”
เนตรนภิศลุกมาดูบ้าง เผลอตัวพูดด้วยแรงเก็บกด
“ไม่ใช่มั้งคะ หนูว่าแพ้ขนมิ้งค์มากกว่า โธ่อังกฤษตอนนี้หนาวซะที่ไหน พี่นภาไม่น่าเอาไปใส่แข่งบุญกับนังคุณหญิงพวกนั้น”
สองพนักงานกลั้นหัวเราะ นพนภาตาวาว โดยไม่มีใครคาดคิดนพนภาตบผัวะเข้าเต็มหน้าเนตรนภิศ
“นี่แน่ะ ไม่ต้องให้ใครนวดแล้ว ฉันนวดให้เอง”
เนตรนภิศกุมแก้มหน้าซีด สองพนักงานผงะถอยไปยืนกอดกัน นพนภาลุกจากเตียงยังไม่หนำใจ คว้าอ่างใส่น้ำสำหรับล้างครีมล้างหน้ามีพัฟท์ฟองน้ำลอยอยู่ 2 อัน เทราดหัวเนตรนภิศ
“ฉันเตือนเรื่องหน้าใหญ่เข้าหน่อยก็เลยมากัดฉัน นี่น่ะหรือเรื่องสำคัญที่แกจะบอกฉัน ออกไปเลยนะ ไป๊”
เนตรนภิศผมเปียกลู่ ฟองน้ำอันหนึ่งคาบนหัวอีกอันตกลงร่องนม น้ำตาร่วง ลุกวิ่งเซซังไปจากห้อง
ที่หน้าห้องมีพนักงานอีก 3-4 นางชะเง้อดู นพนภามองมาก็หดหัวไป นพนภาหันกลับมามองสองพนักงานที่ยังกอดอกสั่นขวัญหนีอยู่
“นี่แม่ขวัญอ่อน มาดูสิวให้ฉันต่อจะฉายแสงอะไรก็ทำไป แต่ถ้าไม่หาย ฉันจะเอาเรื่อง”
เนตรนภิศเดินเซออกมาจากห้องทรีทเม้นส์
“ดี อย่ารู้เรื่องนังมุตตาเลย ให้ผัวมันสวมเขาแกแบบนี้ก็ดีแล้ว”
อีกด้านหนึ่งที่ร้านกิฟท์ช็อปขนาดใหญ่ มีเด็กสาวเด็กหนุ่มแนวเกาหลีญี่ปุ่นเลือกของกันพล่าน วีกิจกับประสิทธิ์ชัยกลายเป็นตัวแปลกปลอมอยู่ในร้าน ประสิทธิ์ชัยถือตุ๊กตาหมีตัวหนึ่ง
“ไอ้กิจตัดสินใจซะทีจะได้ไปกินเหล้าดูอย่างข้าซี เลือก 2 นาทีก็ได้แล้ว”
“โธ่ ไอ้สิ้นคิด ไม่ว่างานอะไรก็เห็นซื้อแต่หมีน้อย”
“เออ ไว้วันเกิดเอ็งข้าจะซื้อหมีใหญ่ให้ เอานี่ไหม เมสเสจชัดดี”
ประสิทธิ์ชัยชูกุหลาบแดงประดิษฐ์ใหญ่เท่าจานข้าว แถมมีโบว์ลายหัวใจพันอยู่ ฝุ่นร่วงพรู
“นี่มันของเหลือมาจากวาเลนไทน์กี่ปีแล้วเนี่ย”
“เรื่องมากจริง งั้นมาดูนี่ เล่นของแพงดีกว่าว่ะ”
ประสิทธิ์ชัยดึงวีกิจมาหน้าตู้คริสตัล
“เออ ดีเหมือนกันแฮะ เอ ซื้ออะไรดีน้า”
“เออ แล้วพรุ่งนี้มีแผนยังไง จะเลี้ยงวันเกิดมุตตาที่ไหน”
“แม่ข้าขอเป็นแม่งาน เลี้ยงที่บ้านข้าเลย เชิญแต่เพื่อนที่สนิท”
“นั่นแน่ แม่เอ็งอยากดูตัวคุณตาน่ะซี”
วีกิจมองดูดอกไม้คริสตัลดอกหนึ่งพลางยิ้ม
เย็นวันต่อมาวีกิจจัดงานวันเกิดให้กับมุตตาที่บ้านของเขา วีกิจเอาพั้นช์มาให้มุตตาดื่มแล้วนั่งคุยกัน
บัวสะกิดให้สร้อยคำดู สร้อยคำมองมุตตาอย่างพินิจพิจารณา
วีกิจพามุตตาเดินเล่นกึ่งย่อยอาหารจากสวนของตนมายังสวนบ้านเจนภพ
“สวนสวยจังค่ะ”
“สวนไหนฮะ ถ้าทางซีกโน้นน่ะฝีมือผม แต่ถ้าซีกนี้ก็ฝีมือนักจัดสวนมือหนึ่งของประเทศไทย อะไรของอานภาต้องสุดยอดเสมอ ตกลงสวนไหนฮะ”
“ก็สวยทั้งสองสวนแหละค่ะ” วีกิจหัวเราะ
“แต่สวนบ้านอาภพสวยกว่า ใช่ไหมล่ะฮะ”
มุตตาไม่ตอบ ทั้งคู่เดินต่อไปเห็นศาลากลางสวนหรูเลิศอลังการที่โต๊ะกลางศาลามีอาหารที่แบ่งมาจากงานปาร์ตี้วางเรียงราย ต้องนั่งเอนเหยียดยาวใส่เสื้อหลวมสีหวาน ไม่ไกลกันนักที่แป้นบาส ต่อกำลังฝึกชู๊ตลูก ส่วนต้อมกำลังร่อนไปทั่ว มีแต้วถือจานอาหารเดินตามอย่างเหนื่อยหน่าย
“นี่ใช่ไหมคะ คุณต้อง คุณต่อ คุณต้อม”
“แล้วก็คุณแต้วฮะ”
วีกิจกับมุตตาเดินเข้าไปใกล้ ต้องกำลังฟังเพลงจากมือถือเหลือบมาดูแล้วปิดเพลงลุกขึ้น เห็นว่านอกจากเสื้อก็เป็นช่วงขายาวเรียวเหมือนไม่ได้นุ่งอะไร วีกิจอ่อนใจเล็กน้อย ต้องยิ้มกับวีกิจ
“มีเลี้ยงอะไรหรือคะพี่กิจ”
“เลี้ยงวันเกิดให้เพื่อนพี่น่ะ นี่พี่มุตตา”
ต้องยกมือไหว้มุตตาแล้วมองดูมุตตาอย่างพินิจ มุตตามองอย่างอ่อนโยน ต้องพยักหน้ารับรู้ยิ้มอย่างเสียไม่ได้
“สวัสดีค่ะ สวยเหมือนคุณแม่”
ต้องหน้าเชิด มุตตาอึ้งไป
“คุณพ่อกะคุณแม่ไปไหนล่ะ”
“ไม่รู้ค่ะ ไปงานเปิดร้านโคตรเพชรอะไรซักอย่าง”
ต่อเดินมา ยิ้มให้วีกิจอย่างสนิท แล้วมองดูมุตตาแบบพิจารณาก่อนจะยกมือไหว้มุตตา
“นี่นายต่อครับ” วีกิจแนะนำ
“สวัสดีค่ะ รูปหล่อจัง เหมือนคุณพ่อนะคะ”
ต่อคลายยิ้มลงทันทีเช่นเดียวกัน มุตตายิ่งเจื่อน ต้อมวิ่งพรวดมาปะทะมุตตาโครม มุตตาตกใจ ต้อมล้มหงายผึ่ง แต้ววิ่งมา
“แหก ว่าแล้ว”
มุตตานั่งลงจะประคอง ต้อมแลบลิ้นหลอก เด้งผึงขึ้นมาเอง
“โธ่ เจ็บไหมคะ”
“อีบ้า”
มุตตาชะงัก วีกิจร้องเฮ้ย แต้วมองแล้วสงสารมุตตา ต่อ ต้องหัวเราะเบา ๆ
“ว่าหนูค่ะ ไม่ได้ว่าคุณหรอก” แต้วรีบบอก
ต้อมแลบลิ้นหลอกมุตตาแล้ววิ่งไปอีก แต้ววิ่งตาม ต่อนั่งลงกินของว่างอย่างหิว
“ไม่ไดเอทแล้วหรือ” ต้องถามน้องชาย
“หิว ไม่อ่งไม่เอ็ทแล้ว”
“เราหายมานานแล้ว กลับกันเถอะฮะเดี๋ยวผมพาทัวร์บ้าน” วีกิจบอก มุตตายิ้มโบกมือลาเด็กๆ
“ไปนะคะเด็กๆ”
มุตตาและวีกิจกลับเข้าบ้าน ต้องมองตามอย่างหมั่นไส้
“อุ๊ย โบกมือ นางงามรักเด็ก”
“แฟนพี่กิจหรือเปล่า”
“คงใช่มั้ง”
ต้อมวิ่งมาจากไหนไม่รู้ เข้ามากอดต่อ
“กินบ้าง พี่ต่อ”
ต่อกอดน้องป้อนให้
“ไปกินไกลๆ ฉันเลยไป นังลูกลิง” ต้องบอก
“ไม่ไป ยายแรด”
ต้องปาขนมใส่ต้อม ต้อมปาบ้าง ต้องปากลับ ต่อหัวเราะ แล้วปาด้วยอีกคน สามพี่น้องสนุกกันใหญ่ จากนั้นปากันชุลมุน แต้ววิ่งเข้ามายืนเท้าสะเอว
“อีพวกลูกลิงกัง พี่แต้วไม่เก็บนะคะ แหก”
ไม่ทันขาดคำ ก็มีพายครีมลอยมาโปะเต็มหน้าแต้ว
วีกิจและมุตตาเดินผ่านโถงบ้านเจนภพ มุตตามองความโอ่อ่าหรูหราด้วยความประทับใจ
“ขอโทษอีกครั้งนะฮะ หลานผมมันร้ายจริงๆ”
“เด็กถ้าแม่ไม่มีเวลาให้ก็อย่างนี้ล่ะค่ะ ไม่ใช่ความผิดของแกหรอก ที่จริงพวกแกเป็นเด็กน่ารักนะคะ”
“คุณตาเป็นนางงามมากี่สมัยแล้วฮะ”
มุตตานิ่วหน้า วีกิจรีบขอโทษ มุตตาหยุดมองเข้าไปที่ห้องลิฟวิ่งรูมอันใหญ่โต
“สวยจัง”
มุตตามีอาการเคลิบเคลิ้มไป
มุตตากลับมาบ้านวีกิจ เมื่อถึงช่วงเวลาแกะกล่องของขวัญมีการเฮเป็นระยะ อรพิมให้ของขวัญมุตตาเป็นชุดนอนบางโป๊เซ็กซี่ ทิพอาภาให้หมอนอิงลายเกาหลี ประสิทธิ์ชัยให้ตุ๊กตาหมีพลางทำท่าน่ารัก
มุตตาแกะของขวัญวีกิจ เห็นดอกไม้คริสตัลใสระยิบระยับเปราะบางงดงาม มุตตาขอบใจ วีกิจหน้าบานเป็นจานเชิง
สร้อยคำและบัวกำลังล้างจาน วีกิจถือกุญแจรถเข้ามากระซิบถามสร้อยคำมองไปยังโถงนั่งเล่น เพื่อนๆ กำลังเตรียมตัวจะกลับแซวกันสนุกสนาน มุตตาแยกออกมามองไปที่บ้านใหญ่อยู่ตลอด
“เป็นไงครับ” วีกิจกระซิบถามแม่
“สวยมากลูก น่ารัก อ่อนหวาน”
“ไหมล่ะ ผมว่าแล้ว”
“แต่แปลก แม่ดูหนูมุตตาดูเหม่อๆ ใจลอยยังไงชอบกล”
“แน่ะ ยังจะมีแต่อีก ผมไปส่งสาวๆ ก่อนนะฮะ”
วีกิจขับรถมาส่งมุตตาที่หอพัก มุตตาและวีกิจลงจากรถ วีกิจถือถุงใบใหญ่ใส่บรรดาของขวัญเดินเคียงมา ผ่านสวนหย่อมเล็กๆ ที่มีม้านั่งหินขัดตั้งอยู่
“คุณตาฮะ ผมอยากคุยอะไรกับคุณตาอีกนิด”
“อะไรหรือคะ”
มุตตาแปลกใจ วีกิจชวนมุตตานั่งลงบนม้าหิน
“รู้ไหมฮะ เดี๋ยวนี้คุณตาสวยขึ้น ดูสดใสกว่าแต่ก่อนเยอะ”
“ตาก็เป็นตาเหมือนเดิม ไม่เห็นมีอะไรซักหน่อย”
“คุณตาฮะ เราจะคบกันให้สนิทกว่านี้ได้ไหมฮะ”
“อะไรนะคะ”
“ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คือความรักหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกผูกพันกับคุณตาจริงๆ”
มุตตามองดูวีกิจ แล้วเมินมองไปไกล
“งั้นมันอาจไม่ใช่ความรักก็ได้ค่ะ เพราะถ้าเป็นความรัก คุณจะต้องรู้...เพราะว่ามันจะแรงกล้า จะคือทุกความรู้สึก ทุกลมหายใจเข้าออก จะคือชีวิตทั้งชีวิตของคุณ จนคุณสามารถยอมตายได้เพื่อมัน”
“ผมรู้แล้วว่าคุณตาจะตอบว่าอะไร”
“คุณก็เป็นเพื่อนสนิทของตาอยู่แล้วนี่คะ คุณกิจเราเป็นเพื่อนกันอย่างนี้ดีกว่า”
“ผมอยากตอบว่าไม่เอา เพื่อนมีเยอะแล้วจังเลย”
มุตตามีทีท่าถนอมน้ำใจวีกิจ วีกิจเลยทำพูดเล่นให้สบายว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรง
“คุณคือเพื่อนที่ดีกับตาจริงๆ นะคะ คุณกิจ”
“ผมไม่ใช่สเป็คคุณตาน่ะซี คุณตาชอบผู้ชายแบบไหนกันน้า”
“ขอบคุณนะคะ คุณกิจ ขอบคุณที่เข้าใจตา”
วีกิจยิ้มผิดหวังเล็กน้อยไม่รุนแรงนัก
คืนนั้นมุตตาใส่ชุดนอนบางเบานั่งอยู่หน้ากระจกเงา บนโต๊ะเครื่องแป้งมีบรรดาของขวัญที่แกะแล้ว มุตตา
เก็บโบว์ไว้ในกล่องหนึ่ง กระดาษห่อของขวัญถูกรีดเรียบซ้อนไว้ มุตตาหยิบกล่องดอกไม้คริสตัลมาเปิดดู อ่านการ์ดของวีกิจแล้วเก็บการ์ดรวมลงกล่อง แล้วเอากล่องดอกไม้ ตุ๊กตาหมี ถ้วยกาแฟ เก็บลงลิ้นชักหนึ่ง มุตตาเอาน้ำหอมที่เจนภพให้มาฉีดซอกคอและร่องอก วางขวดลงอย่างทะนุถนอม แล้วมองดูนิยายโรแมนซ์ของเจนภพ
ภาพในความคิดมุตตา...เจนภพก้าวเข้ามาในบ้าน ด้วยชุดขาวคล้ายเจ้าบ่าว
“ที่รัก คุณอยู่ที่ไหน” เจนภพเดินมาที่โถงรับแขก เปิดประตูเข้าไปแล้วต้องตะลึง “สุดที่รักของผม”
เจนภพตะลึงเพราะเห็นมุตตาในชุดบางพลิ้วนั่งอยู่กลางโถง ขณะที่ต้อมอยู่ในชุดฟูฟ่องเรียบร้อยน่ารักนั่งตักที่แทบเท้ามุตตา ต่อในชุดหล่อเรียบร้อยนั่งอยู่กับต้องในชุดสีหวาน ต่อและต้องมองมุตตาอย่างรักใคร่ แล้วเด็กทั้งสามก็มองดูเจนภาพพลางยิ้มอย่างสุดรัก เจนภพก้าวมา มุตตายิ้มมองเจนภพอย่างสุดรัก
ภาพครอบครัวในฝัน เจนภพอุ้มต้อมโอบไหล่มุตตาเอนซบ ต่อนั่งกับพื้นกอดขาเจนภพ ต้องนั่งกับพื้นพิงซบขามุตตา
มุตตาสะดุ้งจากภวังค์ เธอยังคงนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มองเงาตนเองในกระจกอย่างเคลิ้มฝัน
ทางด้านวีกิจ เมื่อกลับมาบ้าน วีกิจนั่งบนโซฟาด้วยอาการซึมๆ งงๆ ระคนกัน สร้อยคำนั่งอยู่ตรงหน้ามองลูกอย่างเป็นห่วง
“แกนี่น้า คงไปบุ่มบ่ามอะไรเข้าซี”
“ผมนี่นะบุ่มบ่าม โธ่แม่ ผมว่าผมพูดดีที่สุดแล้ว”
“พูดดียังไงเขาถึงปฏิเสธ”
“ตาบอกว่าเห็นผมเป็นแค่เพื่อน ผมคงไม่ใช่สเป็คตาน่ะฮะ แต่แปลกนะครับผมไม่ยักกะเจ็บซักเท่าไร”
สร้อยคำมองอย่างจับผิด แต่วีกิจปากตรงกับใจ บัวปัดฝุ่นป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ
“บางที แกอาจจะไม่ได้รักหนูตาก็ได้”
“ไม่รู้ซีฮะ ผมแค่อาจจะเหงาแล้วอยากมีใครซักคน แล้วคุณตาคือคนที่ดีที่สุดในตอนนี้ แม่อาจจะพูดถูก ผมอาจจะไม่ได้รักคุณตาก็ได้”
“แล้วแกรู้สึกยังไงกันแน่”
“ก็รู้สึกผิดหวังนิดนึง หน้าแตกอีกหน่อยก็เท่านั้น”
“ถ้าจริงก็แปลว่าแกยังไม่ได้รักหนูตาหรอก เพราะถ้ารักป่านนี้แกคงตายไปแล้วไม่มานั่งแบ๊วอยู่นี่หรอก”
“โธ่แม่”
“แต่ถ้าวันไหนแกเกิดทุรนทุรายจะขาดใจตายเพราะสาวคนไหนขึ้นมาล่ะก็นั่นแหละความรักล่ะ”
สร้อยคำพูดอย่างจริงจัง วีกิจอมยิ้ม
“ที่แม่พูดนี่ เพราะมีประสบการณ์ตรงมาแล้วใช่ไหมฮะ”
“ก็ใช่น่ะซี กับพ่อแกนี่แหละ”
“เอ หรือว่าผมจะไม่โชคดีเหมือนพ่อกับแม่”
“ยังหนุ่มยังแน่น อย่ามาทำปลง เรื่องแบบนี้พอถึงเวลามันก็มาเอง บางทีก็มาแบบที่เราไม่ได้คาดคิดเลยด้วยซ้ำ”
สร้อยคำบีบมือลูกชายอย่างให้กำลังใจ วีกิจยิ้มอีก บัวชะเง้อฟัง สร้อยคำมองจ้องบัว ซึ่งทำทีเป็นปัดฝุ่นไปมา
แรงเงา ตอนที่ 2 (ต่อ)
ที่บ้านเจนภพคืนเดียวกันนั้น เจนภพอยู่ในชุดสูทราตรีหรูเนี้ยบ นพนภาสวมใส่ชุดราตรี เครื่องประดับชิ้นใหญ่ ก้าวเข้ามาในห้องโถง นพนภายังมีอาการมึนเมานิดๆ
ขณะเดียวกันนั้นนั้นต้องนั่งอยู่บนโซฟากำลังดูโทรทัศน์ช่องมิวสิควิดีโออยู่ ภาพในจอทีวีเห็นนักร้องชายก้ามปูเปลือยอกกำลังเต้นเด้งกายไปมา
“ต๊าย ยายต้อง ดึกป่านนี้แล้ว ยังไม่นอนอีก” นพนภาเอ็ดลูกสาว
“ให้รายการจบก่อนซีคะ เพลงดีจะตาย”
“แกดูเพลงหรือดูนักร้องกันแน่ ชอบล่ะซีแบบนี้”
“ถ้าชอบแบบนี้ก็เท่ากับตีฉิ่งล่ะค่ะ” ต้องว่า
“หา ตีฉิ่งอะไร”
“ก็อีนักร้องก้ามปูคนนี้มันเป็นเกย์นะซีคะ วันก่อนเพิ่งเปิดตัวผัวออกสื่ออยู่แหม็บๆ” ต้องบอกหน้าเฉย
นพนภาตาเบิกโพลง
“ว้าย จริงเหรอ หล่อ ฮึกเหิมขนาดนี้น่ะนะ”
“ก็เพราะหล่อขนาดนี้น่ะซีคะ มันถึงดึงดูดผู้ชายกันเอง”
“เวร ได้ยินแล้วคอแห้ง”
นพนภาเดินไปรินน้ำดื่ม
“ก็กินเข้าไปกี่ขนานล่ะ ไงลูก วันนี้เป็นไงบ้าง”
เจนภพค่อนเมียแล้วนั่งลงกับลูก ต้องยิ้มกับพ่อ
“ไม่เห็นเป็นไงนี่คะ อ้อ มีพิเศษอยู่อย่างนึง วันนี้พี่กิจพาแฟนมาแนะนำตัว” เจนภพชะงัก
“มาที่บ้านเราน่ะหรือ”
“ค่ะ เห็นว่าวันเกิดเขา พี่กิจกับป้าสร้อยเลยเลี้ยงวันเกิดให้”
เจนภพขมวดคิ้ว นพนภาเดินกลับมา
“วันเกิดหรือ”
“เพิ่งบอกให้ตากิจรีบทำคะแนน ต๊ายวันนี้คงได้ไปหลายพ้อยท์”
“สวยนะคะ แต่แต่งตัวไม่เป็นทั้งแบบทั้งสีเลยดูซีดใหญ่”
“ต๊าย แม่โปรเจคท์รันเวย์ ไป...ไปนอนได้แล้ว”
“จะจู๋จี๋กันหรือคะ แหยะ”
ต้องสะบัดหน้าลุกเดินไป นพนภาตาวาวเข้ามาบีบไหล่เจนภพ
“อุ๊ย เครียดอะไรคะ ไหล่แข็งเป็นหินเลย มาฉันจะนวดให้”
“ไม่ต้อง ผมจะอาบน้ำนอนแล้ว นี่คุณน่ะเมามากไปนอนไป”
เจนภพปลดมือนพนภาแล้วลุกไปอย่างอารมณ์เสีย แต่นพนภาอารมณ์ค้าง ปัดแจกันล้มอย่างฉุนเฉียว
“ใครบอกว่าฉันเมา อ๊าย ไอ้ผัวบ้า”
วันต่อมา มุตตาหอบเอกสารเดินเข้ามาแล้วชะงักเมื่อเห็นวีกิจยืนอยู่ วีกิจมองดูมุตตายังสะเทือนใจอยู่บ้างแล้วจางลง ในขณะที่มุตตากลับอึดอัดและเจื่อนลง วีกิจเดินเข้ามา
“มาครับ ผมช่วยถือ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”
มุตตาเบี่ยงตัวหลบ วีกิจจับแฟ้มไว้ แฟ้มเลยหล่นกระจาย วีกิจอึ้ง มุตตาเองก็ตกใจ
“ขอโทษฮะ”
วีกิจย่อตัวลงเก็บแฟ้ม มุตตาย่อตัวลง มองตาวีกิจ
“คุณกิจคะ ฉันขอโทษ”
“ขอโทษทำไมฮะ คุณตาไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย เพื่อนกันไม่ต้องขอโทษหรอกฮะ”
ทั้งคู่ลุกขึ้น มุตตามองข้ามไหล่วีกิจเห็นเจนภพเดินมา
“คุณกิจคะ ต่อไปนี้คุณเลิกไปรับส่งฉันเถอะค่ะ ฉันไม่อยากให้มีใครเข้าใจเราสองคนผิดอีก”
“ก็ได้ฮะ”
วีกิจวางแฟ้มลงในมือมุตตา เจนภพหยุดลงได้ยินทุกอย่าง
“ไงนายกิจ คุณตา มาแต่เช้าเชียว”
“สวัสดีค่ะ ผ.อ. ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
มุตตาเดินไป
“ไง เห็นว่าเมื่อวานลงทุนจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้มุตตาหรือ”
“อย่าเรียกว่าลงทุนเลยฮะ เพราะผมไม่เคยหวังกำไรขาดทุนอะไร ผมขอตัวครับ”
วีกิจเดินเข้าห้องไป เจนภพยิ้มในหน้าแววตาเป็นผู้ชนะ
มุตตากำลังพิมพ์งานอยู่ แต่อรพิมเอาถุงของดองมาวางเรียงราย ทิพอาภาเอานิตยสารมาวาง
“นี่ยายตา เธอ 25 เต็ม ถือว่าเบญจเพสเต็มขั้นแล้วนะจ๊ะ ระวังตัวไว้ก็แล้วกันดวงกำลังแรง”
“แรงยังไง”
“เขาว่าเป็นช่วงเปลี่ยนแปลงของชีวิตน่ะซี บางคนชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า บางคนก็ชะตาขาด บางคนเจอเนื้อคู่”
“เนื้อคู่เหรอ”
“แหม อาจจะเจอแล้วก็ได้”
มุตตาชะงักตาเป็นประกาย
“เจออะไรกัน ไม่เห็นมีใครซักคน”
“ก็ใครล่ะจ๊ะที่จัดเบิร์ธเดย์ปาร์ตี้ให้เป็นเรื่องเป็นราว แถมคุณแม่ก็ปลื้มเธอจะตาย”
“ตากับคุณกิจไม่มีอะไรกันค่ะ ตาไม่เคยรู้สึกอะไรกับเขานอกจากความเป็นเพื่อน”
“ต๊าย เบื่อพวกสวยเลือกได้เหลือเกิน คุณกิจออกจะดีแสนดี” มุตตาถอนใจ ทิพอาภาเปิดนิตยสารหน้าดวง
“ไหนเช็คดวงให้ยายตาดีกว่า ท่านที่ยังไม่มีคู่จะถึงเวลาสละโสด จะมีทั้งแก่และหนุ่มมาหลงรัก แต่ขอฟันธงว่าคนที่แก่กว่า ไม่ว่าจะดูตรงไหนก็เพียบพร้อมไปหมด คือคู่แท้ของคุณ” มุตตานิ่งฟังตาเป็นประกาย “ต๊าย ตาจะได้แฟนแก่เหรอเนี่ย”
“อย่าให้เป็นเฒ่าหัวงูก็แล้วกัน ฮิ ฮิ ฮิ”
เจนภพโผล่หน้ามา
“คุณตาเชิญทางนี้หน่อยครับ”
มุตตาหน้าแดงแต่ข่มไว้รีบลุกไปห้องเจนภพ อรพิมดึงนิตยสารมา
“ไหนดวงฉันเป็นยังไง ท่านที่ยังไม่มีคู่จะถึงเวลาสละโสด จะมีทั้งแก่ทั้งหนุ่ม เอ๊ะ ขอฟันธง คนแก่กว่าคือคู่แท้”
“ว้าย คนละราศี ทำไมทายเหมือนกัน”
“ถ้าอีอาร์ตเวิร์คไม่แปะมั่ว อีหมอคนนี้ก็คงเสื่อมสุดๆ เออใช่ อีหมอคนนี้ธงหักมาตั้งกี่หนแล้ว”
สองสาวเสื่อมหันไปกินของดองต่อ
ค่ำวันเดียวกันนั้นมุตตาเดินมาช้าๆ มาที่ลานจอดรถ สีหน้าลังเลแต่ก็แฝงความตื่นเต้นยินดีเมื่อนึกถึงคำพูดของเจนภพ
“เย็นนี้รอผมนิดนะครับ สักหกโมงเย็นไปรอผมที่รถก็แล้วกัน” มุตตามองดูรถเจนภพที่จอดอยู่ใต้ที่จอดมีหลังคา
“ระวังอย่าให้ใครเห็น”
มุตตาเหลียวหน้าเหลียวหลัง ไฟหน้ารถเจนภพสว่างขึ้นราวดวงตาสัตว์ร้าย มุตตาเดินเข้าไป ร่างลับหายไปในเงามืดแทบไม่เห็นการก้าวขึ้นรถ รถเจนภพแล่นออกไป
ในร้านอาหารเล็กๆ แหล่งสังสสรรค์กินข้าวกินเหล้าของชนชั้นกลาง ที่มุมหนึ่งวีกิจนั่งอยู่กับประสิทธิ์ชัยและมีกริบเพื่อนสมัยมัธยม ชายหนุ่มเชื้อจีนท่าทางหนุ่มแบงค์เต็มขั้นนั่งอยู่ด้วย ประสิทธิ์ชัยกำลังชงเหล้า
“ของไอ้กริบโซดาน้ำใช่ไหมวะ”
“เออ ไงวะ ไอ้สิทธิ์บอกให้รีบมาดูใจเอ็ง” กริบหันมาพูดกับวีกิจ
“ดูใจบ้าอะไร ข้าแค่อยากเจอเอ็ง ไม่เจอมาตั้งชาติแล้ว”
“โถ พออกหักถึงจะมาคิดถึงเพื่อน ขนาดเอ็งเปิดบัญชีรับเงินเดือนที่แบงค์ข้ายังไม่โผล่หัวไปเลย”
“เอ็งไม่ต้องพูดเลยไอ้กริบ ขนาดข้าชวนไปไหนมันก็เซย์โนตลอด เพราะต้องไปรับส่งหญิง”
“ขอแก้ข่าว ไม่ได้อกหักโว๊ย แค่หน้าแตกแล้วก็เซ็งๆ นิดนึงเท่านั้น”
“ไอ้สิทธิ์เล่าให้ฟังว่า เขาก็ทำท่าชอบเอ็งมาก ทำไมเขี่ยเอ็งทิ้งเฉยเลย”
“ไอ้บ้า ไม่ใช่โว้ย เขาชอบข้าแบบเพื่อน แต่ข้าคิดไปเองมากกว่า แต่เป็นเพื่อนกันอย่างงี้น่ะดีแล้วจะได้คบกันตลอดไป”
“แต่ก็จริงว่ะ เห็นมาไม่รู้กี่คู่แล้วตอนเป็นเพื่อนกันก็แสนดี แต่พอเป็นแฟนก็แทบจะฆ่ากันตาย”
“เฮ้อ คุณตานะคุณตา คนดีอย่างไอ้กิจไม่เอาไม่รู้จะไปคว้าเทวดาที่ไหน”
สามหนุ่มชนแก้วกัน
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่ภัตตาคารหรู แชมเปญถูกรินลงแก้วเจียระไนพรายฟองงดงาม จากนั้นบริกรก็ถอยออกไป
“ผมขอเลี้ยงวันเกิดย้อนหลังหนึ่งวัน เมื่อวานนี้ผมรู้ว่าเป็นวันเกิดตา แต่ผมติดธุระสำคัญจริงๆ จนปลีกตัวมาไม่ได้”
“แค่ ผ.อ.จำวันเกิดตาได้ก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ”
“ผมจะลืมได้ยังไงกันครับ” เจนภพล้วงอกเสื้อสูท หยิบกล่องแบนออกมาส่งให้ “สุขสันต์วันเกิดครับ”
มุตตาเปิดกล่องออกเห็นสร้อยมุกเส้นยาว เป็นมุกคัดงดงาม จุดเด่นอยู่ที่มุกเม็ดใหญ่ล้อมเพชรพราวพร่าง มุตตาตะลึงไป เจนภพยิ้มอย่างพอใจ
“สวยเหลือเกินค่ะ ผ.อ.แต่มันแพงเกินไป”
“ตา ไม่มีอะไรแพงเกินไปหรอกครับสำหรับคุณ มันถูกเกินไปด้วยซ้ำในความรู้สึกผม สร้อยนี้ยังไม่ได้แค่เศษเสี้ยวของสิ่งที่ผมรู้สึกต่อคุณ”
“ผ.อ.”
“แต่อย่างน้อยก็ขอให้สร้อยเส้นนี้เป็นสัญลักษณ์ ว่าผมรักคุณมากขนาดไหน”
มุตตาสับสนอลหม่าน ความสุข ขมขื่น อึดอัด พลุ่งพล่าน น้ำตาเอ่อขึ้น เจนภพกุมมือมุตตาไว้
“แต่มันเป็นไปไม่ได้”
“ความรักจะทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้”
“ตารู้แต่ว่า ความรักเป็นสิ่งงดงาม เป็นสิ่งสูงค่า”
“ไม่มีอะไรมีค่าเท่าความรักของเรา”
“ความรักที่แท้คือการเสียสละ ไม่ใช่หรือคะ เราต้องสะกดกลั้นมันไว้ เราต้องทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง เราไม่ต้องการอะไร นอกจากได้รักก็พอแล้ว”
มุตตาพร่ำเพ้อคำรักที่อ่านมาจากนิยายโรแมนติก เจนภพเกือบขมวดคิ้วแล้วเปลี่ยนเป็นซาบซึ้งใหม่
“ครับ เราจะรักเพื่อรักเท่านั้น” เจนภพคลายมือออก เลื่อนแก้วให้มุตตา “ดื่มก่อนเถอะครับ แด่ความรักของเรา”
ทั้งสองดื่มแชมเปญ
“มันหวาน แต่ก็ขมเหลือเกินค่ะ”
“ผมรู้ดี...มุตตา”
ทางด้านวีกิจ วีกิจจิบเหล้าแต่ยังไม่เมา กริบดูมึนนิดๆ แต่ประสิทธิ์ชัยนั้นตาเยิ้มเริ่มสอดส่ายโต๊ะอื่น
“โต๊ะซ้ายมือโว๊ย เหล่มาทางนี้หลายหนแล้ว”
“เขามองเพราะว่าเอ็งอุบาทว์หรือเปล่าวะ”
“เฮ้ย มือชั้นนี้แล้ว”
โต๊ะซ้ายมือที่ว่ามีเด็กสาว 3 คน แต่งตัวอย่างจะไปเต้นระบำต่อ สาวคนหนึ่งยิ้มชูแก้วให้ ประสิทธิ์ชัยชูแก้วตอบ
“เออ เอ็งยังใช้ได้อยู่”
“ข้าไปดูงานก่อน”
ประสิทธิ์ชัยลุกขึ้นเดินไปหา วีกิจมองตามแล้วถอนใจ
“เป็นไรไปวะ ไอ้กิจ”
“ยังเด็กเหลือเกิน ดูไปแล้ว เด็กกว่ายายต้องอีก ก็ออกมาทำตัวแบบนี้แล้ว”
“นี่มันโลกยุคใหม่แล้วไอ้กิจ ยุคนี้ไม่หลอกเด็กก็โดนเด็กหลอกว่ะ”
แชมเปญถูกรินลงแก้วอีก ฟองผุดพรายระยิบระยับ บริกรถอยไป มุตตาอยู่กลางเปลวเทียนวูบวาบหน้าแดง ตาวาววามราวถูกไฟเผา มุตตามองเจนภพ เจนภพมองมาอย่างลึกซึ้งแล้วชูแก้วขึ้น
“แด่ คืนนี้ คืนของเรา”
“คืนของเรา”
มุตตาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว เจนภพเพียงจิบๆ มุตตาวางแก้วลง
“ไม่ขมแล้วใช่ไหมฮะ”
“ถึงขมแค่ไหนตาก็ต้องทนให้ได้ ขอให้มีวันอย่างนี้ตาก็พอใจแล้ว ตารู้ว่าตาต้องอดทน เราสองคนต้องอดทน ผ.อ.รู้ใช่ไหมคะ”
“ครับ ผมรู้ว่า ต่อจากนี้ ผมต้องทำยังไง” เจนภพพูดความหมายหนึ่ง มุตตาเข้าใจอีกความหมายหนึ่ง เจนภพรินแชมเปญให้มุตตาเอง “รู้ไหม แก้มตาเป็นสีแดงหมดแล้ว”
“ก็ ผ.อ.ให้ตาดื่มอยู่คนเดียวนี่คะ ผ.อ.ดื่มนิดเดียวเอง”
“ผมไม่ต้องดื่มหรอกตา แค่มองดูตา ผมก็เมาพอแล้ว คืนนี้ตาสวยเหลือเกิน” มุตตาหลบตา “ผมอยากให้คืนนี้ยาวออกไปไม่มีวันสิ้นสุด ดื่มเถอะฮะ เพื่อเรา”
“ค่ะ เพื่อเราสองคน”
เจนภพและมุตตาชูแก้วขึ้น
ประสิทธิ์ชัยพูดกลอกตาเยิ้มอยู่กับ 3 สาว เด็กสาวหัวเราะระริกเมียงมองมายังวีกิจและกริบ
“วันนี้เจอคนใช้ปลอมลายเซ็นนายเอาเช็คไปขึ้นเงินว่ะ ดูเผินๆ นะเหมือนเป๊ะเลย” กริบคุยกับวีกิจ
“แล้วเอ็งดูยังไงวะ”
“มันมีวิธีดู ยิ่งตั้งอกตั้งใจลอกให้เหมือนนี่ยิ่งจับได้ง่าย ตอนนี้สาวใช้ทีเด็ดก็เลยเข้าคุกไป”
ประสิทธิ์ชัยกับสาวน้อยใจกล้าที่สุดลุกมา
“เฮ้ย ไอ้กิจ ไอ้กริบ น้องๆ เขาอยากรู้จักเอ็ง 2 คนว่ะ”
วีกิจนิ่งอึ้ง กริบมองดูเด็กสาวหัวจรดเท้า
“ไปรวมกับโต๊ะเจนเถอะค่ะ เจนกับเพื่อนคุยสนุกนะ อุ๊ย คุณสองคนนี่หล่อจัง หล่อกว่าคุณอีก” หญิงสาวหันไปบอกประสิทธิ์ชัย วีกิจลุกขึ้นค้อมศีรษะให้
“ขอโทษเถอะฮะ ผมสองคนกำลังคุยงานกันอยู่”
“คุยงานอะไรกันตอนนี้ เจนไม่เชื่อหรอก”
สาวน้อยทำตาแป๋วกระชดกระช้อยให้อกกระเพื่อม วีกิจกับกริบมอง
“เอ้อ”
“คือที่จริงเราคุยกันเรื่องน้ำประปาอยู่”
“อุ๊ย คุยเรื่องน้ำ ยังไงเหรอ”
“ผมกำลังคุยกันว่า น้ำประปาสมัยนี้คงมีสารอะไรซักอย่าง เด็กผู้หญิงสมัยนี้ถึงได้กระซู่เกินวัยขนาดนี้”
หญิงสาวชะงักมองกริบตาค้าง วีกิจอึ้งไป ประสิทธิ์ชัยรู้ว่าโอกาสทองกำลังหลุดลอย
“ว้าย”
“เฮ้ย...น้องขอโทษด้วย เพื่อนพี่มันเมาแล้ว” ประสิทธิ์ชัยรีบบอก
“ควาย กลับไปกินหญ้าเถอะ” หญิงสาวด่าอย่างโมโห
“กินหญ้าก็ดีนะน้องเจนโลกย์ จะได้ลดๆ แรงขับลงบ้าง” กริบสวนกลับ
“เก้งทั้งคู่ล่ะซี กลับไปฟาดกันเองเถอะ”
หญิงสาวกระทืบเท้ากลับไป ประสิทธิ์ชัยหมดแรงนั่งลง
“อะไรวะ ไอ้สองตัวนี่ ของฟรีไม่ชอบ”
“ไม่ใช่แค่ฟรีน่ะซี ระวังเอ็งจะได้ของแถมด้วย” กริบบอก
“ทำไมพูดแรงนักวะ ของแถมอะไร” วีกิจถามอย่างไม่เข้าใจ
“เอ็งไม่เห็นรอยเข็มหรือ ทั้งเล่นยาทั้งมั่วแบบนี้ เอ็งอยากจั่วครั้งเดียว แล้วได้ไพ่เอดส์ไหม”
ประสิทธิ์ชัยทำตาปริบๆ
รถเจนภพแล่นมาตามถนนในเวลากลางคืน เจนภพนั่งอยู่หลังพวงมาลัย มุตตาหน้าแดงเอนหน้าซบพนักพิง แสงจากป้ายไฟสีสันร้อนแรงทาบมาบนตัวมุตตา มุตตาขยับพลิกปรือตามองเจนภพ แสงนั้นอาบใบหน้าเจนภพ เจนภพหันมาสบตามุตตา มุตตาขัดเขินวาบหวาม เจนภพมองอย่างลึกซึ้ง
รถเจนภพแล่นมาถึงทางเข้าโรงแรมม่านรูดมีระดับ แสงไฟจากป้ายนีออนของโรงแรมทาบมาบนกระจกหน้ารถ มุตตารู้ตัวขยับกายขึ้น รถเจนภพเลี้ยวเข้าไปโรงแรมอย่างรวดเร็ว เข้าจอดในซอง พนักงานรูดม่านลง
เจนภพประคองมุตตาเข้ามาในห้อง มุตตาเซด้วยความเมา ความรู้สึกเลื่อนลอยวาบหวาม แต่อีกครึ่งหวาดหวั่นและอับอาย เจนภพโอบมุตตาไว้ก้มลงจูบที่ซอกคอ มุตตาผวา ดิ้นรนผลักไสเจนภพ
“ผ.อ. อย่าค่ะ”
“ตา ผมรักตา ขอให้ผมได้อยู่ลำพังกับตาบ้างเถอะ”
เจนภพคลอเคลียริมฝีปากกับแก้มและริมฝีปากมุตตา มุตตาตัวสั่น เจนภพตวัดอุ้มมุตตาขึ้น มุตตาเบิกตากว้าง เจนภพวางมุตตาลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา กางแขนคร่อมร่าง ตาจ้องมุตตาราวสะกดจิต
“ตา ตาสวยเหลือเกิน”
“ผ.อ.คะ แต่...แต่เราไม่ควร”
“ผมรู้ แต่ผมทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว คุณน่ารักเหลือเกิน น่ารักจนผมอดใจไม่ได้”
“ตา...อย่า”
เจนภพก้มลงจูบอีก มุตตาผวา
“ตา ผมรักคุณ รักยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก บอกซีครับว่าคุณก็รักผม” มุตตาพยักหน้า น้ำตาเอ่อคลอ “บอกซีครับ ว่าตาต้องการเหมือนที่ผมต้องการ” มุตตาลังเล “ตา ตาคือลมหายใจของผม ตา ผมรักตาเหลือเกิน”
เจนภพก้มลงคลอเคลีย มุตตาผวา ทั้งสุข ทั้งหวาดหวั่น น้ำตาหยาดหยดลงจากหางตา
เวลาผ่านไป มุตตาพันกายด้วยผ้าปูเตียงสีขาวสะอาด ดวงหน้าซีด ปากแดงระเรื่อ ไหล่เปลือย มุตตานั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งมองดูเงาสะท้อนตนเองสีหน้านั้นสับสนอลหม่าน สุขสม อับอาย หวาดหวั่น น้ำตาเริ่มคลอ แล้วมุตตาก็หมุนสตูลไปทางอื่น ราวกับไม่สามารถสู้หน้าฝาแฝดในกระจกเงาได้ มีสร้อยมุกหย่อนมาตรงหน้ามุตตา ดูราวบ่วงเชือกแขวนอยู่ มุตตาหันมา เจนภพสวมเสื้อคลุมอาบน้ำในมือถือสร้อยมุก มุตตาลุกขึ้นหลบตา เจนภพตระกองกอดไว้
“ตา ผมมีความสุขเหลือเกิน” มุตตาสะอื้นน้ำตาหยดลง “ตา ร้องไห้ทำไม หยุดร้องเถอะคนดีของผม” เจนภพเชยคางมุตตา เอานิ้วปาดน้ำตาออก “ที่ผมทำลงไป เพราะผมรักตามากกว่าอะไรทุกอย่างในโลกนี้ ตาคือทุกสิ่งทุกอย่างของผม”
“แต่มันผิด”
“มันไม่ผิดหรอกตา เพราะว่าเรารักกัน ผมรักตาและตาก็รักผม ตอนนี้เราเป็นของกันและกัน ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้”
“แต่คุณนพนภา”
“สำหรับผม เขาเป็นแค่คนอื่นไม่มีความหมายอะไร เทียบกับตาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ขอให้คืนนี้เป็นของเรา เป็นโลกของเรา โลกของเราสองคนเท่านั้น”
เจนภพจ้องลึกในดวงตามุตตา มุตตาวาบหวาม
“ค่ะ ผ.อ.”
เจนภพจับมุตตาให้หันหลังแล้วสวมสร้อยมุกให้ มุตตามองดูเงาในกระจกเกิดหลอกตนเองว่าคือชุดเจ้าสาวแสนงาม มุตตาหันมาหาเจนภพ เจนภพมองอย่างใหลหลง
“ตา ตาสวยเหลือเกิน ทั้งสวยทั้งหวานไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวผมอยากให้เวลามันหยุดนิ่ง ให้ผมได้อยู่กับคุณอย่างนี้ตลอดไป”
เจนภพตระกองกอดมุตตา มุตตากอดซบ เจนภพเคลิบเคลิ้มซุกไซ้ แล้วชะงักเมื่อเห็นนาฬิกาสีบอกเวลา 2.00 น. เจนภพผละออก
“ตา นี่ตีสองแล้ว เราต้องรีบกลับกันแล้วล่ะ” เจนภพคว้าเสื้อกางเกงมา มุตตายังคงงงงัน
“ตาแต่งตัวเร็วๆ ซีครับ” เจนภพเร่งท่าทีร้อนรน
ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดตลอด 24 ชม. มุตตานั่งอยู่ในรถคอสวมสร้อยมุก มุตตาเบี่ยงกระจกมาดูเงาตนเอง ความละอายและสับสนจางลง มีแต่ความสุขสมภูมิใจ เจนภพเปิดประตูรถเข้ามาในมือถือถุงยา เจนภพนั่งลง
“ตา กินยานี่เลยนะ” เจนภพแกะเม็ดยา เปิดขวดน้ำส่งให้ มุตตาอึ้งไปแล้วทำตาม เจนภพมีแววโล่งใจ ส่งกล่องยาคุมให้ “แล้วต่อไปตาต้องกินยานี่นะจ๊ะ วิธีกินก็บอกไว้ละเอียดแล้ว เดือนละแผง” มุตตาอับอายรับยามา “ไป เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่หอพัก”
ที่หอพัก ขณะนั้นฤดียังนั่งดูโทรทัศน์ภาคดึกอยู่ที่หลังเคาน์เตอร์ พรใส่ชุดนอนเบบี้ดอลออกมาแบบไม่แคร์สื่อ ยังดีที่ท่อนล่างเป็นขาสั้นตัวจิ๋ว
“ว้าย นี่ละเมอเดินหรือเปล่ายะ”
“วุ๊ย ยังไม่ได้หลับเลยป้า หิวจนนอนไม่หลับว่าจะไปหาต้มแซ่บเครื่องในวัวกินซะหน่อย”
“แต่งตัวแบบนี้ ระวังพ่อค้า มันแถมตัวเดียวอันเดียวให้นะยะ”
พรหัวเราะคิก
“ก็ดีซิป้า จะได้แซ่บอีหลีอีหลอกะ”
“กะด้อกะเดี้ย พูดให้ถูกๆ นะยะ”
“กะด้อกะเดี้ย ต๊ายเกือบพูดผิด” มีแสงไฟรถสาดมา พรชะเง้อ “ว้าย หนูตา ทำงานแบบไหนนี่กลับมาตีสองครึ่ง”
“คันไหนล่ะ คันใหญ่หรือคันเล็ก”
“ถ้าดึกขนาดนี้ คันใหญ่ชัวร์ ต้องเกากันนาน” มุตตาเดินเข้ามา เมื่อเห็นพรและฤดีก็หน้าเผือดลง “ไงคะ กลับซะดึกดื่นค่อนคืน”
“ไป ไปงานเลี้ยงมาน่ะค่ะ งานของกรม เลิกดึกแล้วก็ต้องตระเวนส่งเพื่อนหลายคนก็เลยยิ่งดึกใหญ่ เอ้อ ขอตัวนะคะ”
มุตตาหลบตาใช้คีย์การ์ดเข้าด้านในไป
“อุ๊ยตาย ทำท่าเหมือนไปก่ออาชญากรรมมา”
“แบบนี้ อาชญากรรมทางเพศชัวร์ ฮิ ฮิ ฮิ”
วีกิจใช้รีโมทเปิดประตูรั้ว แล่นรถเข้าไป รถเจนภพตามมาเปิดไฟสูงวาบ วีกิจจอดรถเลื่อนกระจกลง เจนภพจอดรถเทียบกระจกรถเลื่อนลงช้าๆ
“มีอะไรหรือครับ อาภพ”
“เปล่า แค่ทักทายเฉยๆ ไปไหนมาล่ะ กลับเอาป่านนี้”
“ไปกินข้าวกับเพื่อนๆ มาน่ะฮะ”
“ไม่ใช่ไปกินเหล้าฉลองความอกหักหรอกหรือ”
เจนภพเปรยยิ้มๆ มีแววผยอง วีกิจยักไหล่
“เปล่าหรอกฮะ แค่นัดเจอไอ้กริบไม่ได้เจอกันนาน นี่อาภพมีสังสรรค์เหมือนเคยหรือฮะ”
“ไม่เหมือนเคยหรอก คราวนี้พิเศษกว่าทุกราย แบบที่แกต้องอิจฉาฉันเลยล่ะ”
“แต่ผมไม่ใช่คนแบบนั้นซะด้วยซีฮะ”
วีกิจเลื่อนกระจกออกรถไป เจนภพมองตามยิ้มภูมิใจตัวเอง
นพนภานอนหลับสนิทบนเตียง เจนภพย่องมาหยิบนาฬิกาหัวเตียงขึ้นตั้งใหม่เป็นเที่ยงคืนกว่าแล้ววางลง นพนภาผวาตื่นลุกพรวดขึ้น
“อุ๊ย กลับมาแล้วหรือคะ ทำไมปิดโทรศัพท์”
“แบตหมดนะซี”
“แล้วแบตสำรองล่ะคะ”
“ก็หมดทั้งสองก้อนนะแหละ”
“ต๊าย โทรอะไรกันนักหนา กี่โมงแล้วนี่”
“เที่ยงคืนกว่าแล้ว คุณนอนเถอะ ผมจะอาบน้ำ”
“ต๊ายนี่ฉันหลับไปสิบนาทีเองหรือนี่ ต๊ายทำไมเหมือนหลับเต็มตา ฉันรู้แล้ว” เจนภพสะดุ้ง
“รู้อะไรคุณ”
“ก็อาหารเสริมตัวใหม่ไงคะ ที่มีปลิงทะเลน้ำลึกอะไรน่ะ ได้ผลจริงๆ”
นพนภาคว้ากระจกเงามาดู เห็นหน้าที่ไม่ได้แต่งซีดเซียวแต่อุปทานกลับเห็นว่างามในสามโลกเจ็ดอาณาจักร เจนภพอึ้งไป
เช้าวันต่อมา แจงจิตกำลังตรวจแฟ้มงาน อรพิมกับทิพอาภาเพิ่งมาถึง มุตตาเดินเข้ามาแต่งตัวดูเรียบแต่หวาน เน้นจุดเด่นที่สร้อยมุกที่คอ มุกเม็ดใหญ่ล้อมเพชรส่องประกาย
“ต๊าย ยายตา สวยจังเลย”
“ผมทรงใหม่ ชุดใหม่ แถมยังมีสร้อยไฮโซ ไปได้มาจากไหนยะ”
มุตตาวางของลง ทิพอาภา อรพิมมารุมล้อม แจงจิตมอง มุตตาหลบตาพูดอุบอิบ
“ของขวัญวันเกิดค่ะ”
“ของขวัญวันเกิด ใคร ใครกันคะ”
“ก็...คนสำคัญค่ะ”
แจงจิตถอนใจนิดๆ
“ต๊าย แบบนี้ต้องเป็นเจ้าบุญทุ่ม ถึงได้อลังขนาดนี้”
“ดีไม่ดีถึงหมื่นนะนี่”
“เอ้า ปลาบปลื้มประโลมใจกันพอหรือยัง”
“แหม พี่แจง ต้องปลื้มหน่อยซีคะ ยายตาสวยเว่อร์ขนาดนี้”
“จ้ะสวย สวยเหมือนเจ้าสาวเพิ่งเข้าหอมาหมาดๆ”
แจงจิตพูดเรียบๆ มุตตาหน้าเผือดมองแจงจิต แต่แจงจิตดูปกติ อรพิม ทิพอาภาหัวเราะ
“แหม พี่แจง ตลก ตลก”
“แล้วเจ้าบ่าวอยู่ไหนล่ะคะ”
“สวัสดีครับ สาวๆ”
เจนภพยิ้มเท่เข้ามา บรรดาสาวๆ ไหว้พูดสวัสดีตอบ เจนภพมองมุตตาอย่างชื่นชม มุตตายกมือแตะสร้อย เจนภพมองหน้าเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง แล้วเดินเข้าห้องไป
“ต๊าย ขนาด ผ.อ.ยังอึ้งเลย”
มุตตานั่งลง แจงจิตถอนใจ
ช่วงพักกลางวัน โรงอาหารของกระทรวงค่อนข้างขวักไขว่ ปริม ประสิทธิ์ชัย วีกิจ ยืนรออาหารที่แผงอยู่
มุตตา อรพิม ทิพอาภาเดินมา
“แม่เจ้า คุณตาสวยจังเลย” ประสิทธิ์ชัยทักมุตตา
“ขอบคุณค่ะ”
“ต๊าย เว่อร์ซะไม่มี” ปริมสะบัดหน้าอย่างหมั่นไส้แล้วแยกไป
“ผมเกือบจำไม่ได้แน่ะฮ่ะ” วีกิจบอก
“โธ่เอ๋ย ก็แค่ชุดใหม่กะทำผมใหม่เท่านั้นเอง”
มุตตา ทิพอาภา อรพิมเข้าไปสั่งข้าวราดแกง วีกิจ ประสิทธิ์ชัยได้อาหาร
“เดี๋ยวนั่งด้วยกันซีคะ” ทิพอาภาเอ่ยชวน
“โอเคครับ เดี๋ยวผมไปจองที่ให้ก่อน”
“เดี๋ยวผมไปซื้อน้ำให้”
วีกิจกับประสิทธิ์ชัยแยกไป
“ดีมากยัยตา ถึงไม่เป็นแฟนก็เป็นเพื่อนกันไว้”
“เผื่อมีลมพัดหวน”
“อีกอย่างก็กันท่าไว้ ฉันชอบดูยายปริมมันฟาดงวงฟาดงา”
“ฮื้อ เธอ 2 คนนี่”
มุตตา อรพิม ทิพอาภา วีกิจ ประสิทธิ์ชัย กินข้าวด้วยกัน ประสิทธิ์ชัยเลื่อนน้ำให้
“นี่ คุณสิทธิ์ ทำไมเอาน้ำฝรั่งให้ฉัน” อรพิมถาม
“ไม่ชอบน้ำฝรั่ง ก็เอาน้ำนิโกรไป”
“ต๊าย น่าเกลียด สองคนนี่พูดอะไร”
“ก็โอเลี้ยงนี่ไง คุณทิพ คิดไปถึงไหนนี่”
อรพิมหัวเราะคิกคัก ทิพอาภาค้อน มุตตา วีกิจอ่อนใจ
“ฉันรู้นะ พูดทะลึ่งกัน”
“ผมว่าคุณตาต้องไปทำอะไรมาแน่ๆ ไม่ใช่แค่ชุดกับผมหรอก” วิกีจถาม
“หรือว่า”
“หรือว่าอะไรคะ”
“หรือว่าไปกินยาผิวขาวหน้าใสมา” มุตตาค้อนไม่ตอบ
อีกโต๊ะ ปริมอยู่กับนักรบและฉกรรจ์
“เชอะ สวยตายล่ะ” ปริมทำเสียงหมั่นไส้
“นี่ แต่สวยจริงนะ”
“ฉันว่าอย่างงี้ต้องไปโดนจิ้มมาแน่เลย”
“ว้าย จิ้มอะไร ใครจิ้ม” ปริมถามอย่างตกใจ
“อย่าคิดลึก ฉันว่าไม่ไปจิ้มกลูต้า ก็คงวิทซี”
“เอาบ้างไหมยะ ฉันพาไปเอง”
เย็นวันเดียวกันนั้นที่ลานจอดรถ ปริมเดินเอาตลับแป้งมาเติมหน้าไปด้วย นักรบ ฉกรรจ์ตามมา
“ต๊าย สวย เนียน เด้ง”
“ขอบคุณครับที่ชม”
“ฉันชมหน้าฉัน ไม่ได้ชมแก”
“ดูนั่นซีครับ”
ฉกรรจ์บอก ทั้งสามมองไปเห็นมุตตาเดินข้ามลานจอดรถมา
“อ้อ รออ่อยคุณกิจนะซี”
ระหว่างนั้นรถเจนภพแล่นมาจอดเทียบข้าง มุตตาก้าวขึ้นไป รถเจนภพแล่นไปอย่างรวดเร็ว ปริมมองอย่างแปลกใจ
“ไม่ใช่คุณกิจ แต่เป็น ผ.อ.”
“เรื่องใหญ่แล้วครับ ชีควบทั้งเบนซ์ทั้งโตโย”
“หมายถึงควบทั้งอาทั้งหลาน”
สามคนตะลึงตาค้าง คาดไม่ถึงกับสิ่งที่เห็น
โปรดติดตาม "แรงเงา" ตอนที่ 3