ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 4
ที่ร้านกาแฟในหมู่บ้านโคกเนินปลวก ซึ่งตั้งอยู่ในป่าลึก...อาโกชงกาแฟอยู่ จักจั่นสั่งดังขึ้น
“กาแฟเย็นสองได้หรือยัง”
อาโกรีบตอบ
“ได้แล้วครับ...”
อาโกถือกาแฟเย็นสองแก้วมา วางที่โต๊ะ จักจั่นกับอภิชาติในชุดรัดกุมแบบชาวบ้านแถมอภิชาติยังมีแถบหนังปิดตาข้างนึงอีกตะหาก จักจั่นมีผ้าคาดหัวใส่หนวดด้วย ทั้งสองนั่งที่โต๊ะ ต่างยกแก้วชน
“ถล่มให้ราบ”
“เผาให้เรียบ”
อภิชาติยิ้ม
“ต้องมีเผาด้วยเหรอ”
“ไอ้คนพวกนี้เวลามันบุกคนอื่น มันชอบเผา จักจั่นจะเผาค่ายพวกมันบ้างพวกมันจะได้รู้สึก”
ทั้งสองยิ้มให้กันก่อนจะกราดสายตาไปรอบๆ เห็นพวกมือปืนตามจุดต่างๆ
“ไม่รู้ทางพี่ไผ่เป็นยังไงบ้าง ห่วงพี่จันจังเลย”
“คุณไผ่เก่ง...มีฝีมือ ไม่ปล่อยให้คุณจันเป็นอะไรหรอก”
จักจั่นกราดสายตามองพวกมือปืน สายตาดุดัน ขณะเดียวกันนั้นรถของพวกมันเข้ามาจอด
ทักทายพรรคพวก มีมือปืนสองคนลงมา อีกสองคนขึ้นไปแทน แล้วก็เคลื่อนรถออกไป ทั้งสองต่างมองตามรถพวกมัน
“เช็คบิล...สวีทฮาร์ท”
“เยส ดาร์ลิ่ง”
จักจั่นตอบรับทันที
รถกระบะเก่าๆขนของวิ่งพรวดมาจอดที่ตลาดบ้านดอนมะเดื่อ ไผ่โดดลงมา แล้วช่วยรับจันจิราลงมาจากรถกระบะ ก่อนจะหันไปบอกคนขับ
“ขอบใจมากพี่”
คนขับโบกมือให้ ไผ่กับจันจิราเดินไปที่ตลาด ไผ่ในชุดรัดกุมแบบเดินทาง เช่นเดียวกับจันจิราในมือของเธอถือกระเป๋าใส่อุปกรณ์ยาต่างๆมาด้วย สายตากราดเห็นพวกมือปืนยืนตามจุดต่างๆ จันจิรามองอย่างเข้าใจ
“พวกมันเข้ามาอยู่ลึกแบบนี้เอง ถึงรอดพ้นสายตาทุกคน”
“อืม...ความจริงจันควรจะอยู่กับป้าเนียนมากกว่า”
จันหยุดกึก หันซ้ายขวาแล้วดึงไผ่หลบเข้าตรงมุมร้านหนึ่ง
“แต่ก่อนอาจจะใช่ เดี๋ยวนี้เราแต่งงานกันแล้ว พี่ไผ่มาลุยถล่มค่ายพวกมัน...จันขอลุยด้วย จันไม่กลัวหรอก”
“โอเค...มีอะไรอยู่ใกล้ๆพี่ก็แล้วกัน”
จันจิราเข้ามากอดซบอก
“ใกล้ขนาดนี้ พอใจหรือยัง”
ไผ่ยิ้ม
“ดีมาก”
ทันใดนั้นเสียงมือปืนคนหนึ่งดังขึ้น
“เฮ้ย...หมั่นไส้เว๊ย”
ไผ่กับจันจิราหันไป ก็เห็นพวกมือปืนยืนกันอยู่ 4-5 คนอยู่ที่ร้านตรงข้าม พวกมันต่างเดินเข้ามา คนหนึ่งก้าวออกมายืนจังก้าตรงหน้า ไผ่จ้องมันสายตาเยือกเย็น
ภายในบาร์บ้านหนองปลาชุม...ฤทธิชัยกับดาวกราดสายตามองพวกมัน ฤทธิชัยพูดสวนพวกมันออกไป
“ข้าก็ไม่เคยเห็นหน้าพวกเอ็ง”
มือปืนแสยะยิ้ม
“หมู่บ้านนี้เป็นของพวกข้าเว๊ย”
ดาวทำหน้าแปลกใจ
“เอ๊ะ...พี่ใหญ่ตอนนี้เราอยู่ในประเทศไทยไม่ใช่เหรอ”
ฤทธิชัยพยักหน้าเห็นด้วย
“อืม...”
ดาวหันมาทางมือปืนอีกคน
“แล้วประเทศไทยเป็นของเอ็งตั้งแต่เมื่อไหร่”
มือปืนฉุนกึก
“หนอยนังนี่...”
ดาวจ้องมันเขม็งเตรียมพร้อม
ในป่าลึกบ้านโคกเนินปลวก...ขบวนรถของพวกมือปืนวิ่งมาตามแนวป่า ทันใดนั้นเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวพวกมันเบรคพรืด ต่างโดดลงจากรถ หัวหน้าตะโกนลั่น
“ใครวะ...บุกมาถึงนี่”
พวกมันเตรียมพร้อม ทันใดนั้นร่างของอภิชาติวิ่งออกมาจากราวป่า พวกมือปืนขยับปืน แต่แล้วพวกมันคาดไม่ถึงเมื่อเห็นร่างของนางเสือจักจั่น ร่อนลงมาจากคบไม้ในแนวป่าลงมาขวางหน้า อภิชาติตวัดปืนยิง เปรี้ยงๆๆ นางเสือแวบเข้าใส่ถึงตัวปัดปืนกระเด็นไป...ทั้งสองสู้กันประชิดตัวอย่างดุเดือด
ทันใดนั้นเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ถูกร่างนางเสือเซไปมา อภิชาติหันไปก็เห็นพวกมันวิ่งใกล้เข้ามาต่างสาดกระสุนใส่จักจั่น อภิชาติบอกเบาๆ
“แล้วเจอกันนะจ๊ะ ดาร์ลิ่ง สวีทฮาร์ท”
“เลิฟยู”
จักจั่นพูดจบก็ดีดตัวขึ้นไปบนคบไม้ แล้วพุ่งหายพ้นยอดไม้เข้าแนวป่าไป...พวกมือปืนวิ่งมาถึงพอดี...อภิชาติลุกขึ้นมา เดินไปเก็บปืนของตนที่ตกอยู่ เหน็บไว้ที่เอวหรา
“พวกเองชอบเสือกเรื่องคนอื่นหรือไง”
หัวหน้ามือปืนหน้าเหวอ
“อ้าว...ข้าเพิ่งช่วยเอง”
อภิชาติแกล้งทำเว่อร์ทำท่าเป็นนักเลง แต่เพราะเป็นทนายเลยเก้ๆกังๆออกลูกแข็งๆ
“ถุย...ข้ากำลังจะจัดการกับนางเสือได้อยู่แล้ว”
จักจั่นแอบมองอยู่ในราวป่าเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะ
“เฮ้อ...แฟนเรา...แอ็คติ้งแข็งเป๊ก”
หัวหน้ามือปืนมองอย่างดูถูก
“ถุย...ข้าเห็นเองถูกนางเสือเหยียบตับทรุดอยู่กับตา”
อภิชาติแกล้งยกมือทำท่าเซไปเซมากวนๆ
“น้อยๆหน่อยเพื่อน เองกำลังพูดอยู่กับข้ามือปืนระดับพระกาฬ ศัตรูที่นางเสือต้องผวา”
มือปืนคนหนึ่งมองๆแล้วบอกลูกพี่
“ท่าทางมันจะเมายานะพี่”
หัวหน้าสั่งเสียงเข้ม
“เอาตัวมันไป...”
พวกมือปืนเข้ามาดึงปืนของอภิชาติแล้วลากตัวออกไป จักจั่นถอนใจ
“เฮ้อ...สงสัยจะไม่รอดเพราะแอ็คติ้งห่วยนี่แหละ”
ภายในบาร์ที่บ้านหนองปลาชุม...มือปืนมองจ้องหน้าดาวเขม็ง
“ปากดีแบบนี้ ต้องตบสั่งสอน”
ขาดคำมันเงื้อมือตบดาวเปรี้ยง แต่ดาวใช้ฝ่าพลังฝ่ามือดึงมือปืนคนที่อยู่ใกล้ๆเข้ามาขวาง กลายเป็นมันตบหน้าเพื่อนมันดังสนั่น จนทรุดลงไปกอง มือปืนยืนงง ดาวยิ้มเยาะ
“มือหนักใช้ได้”
ดาวตบเปรี้ยงเข้าให้มันกระเด็นไปชนโต๊ะที่อยู่ห่างออกไปกระจัดกระจาย
“แต่นี่หนักกว่า”
เท่านั้นเองพวกมันพุ่งเข้าใส่ ฤทธิชัยกับดาว เริ่มต่อสู้กันวุ่นวาย เกิดการต่อสู้ประชิดตัว ฤทธิชัยกับดาวหลบหลีกต่อสู้โดยยังไม่ใช้พลัง ต่างสู้กันชุลมุน ทันใดนั้นเสียงปืนดังเปรี้ยงๆพวกมือปืนหยุด ต่างหันไปมองชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับมือปืนอีก 2-3 คน
“ข้าเป็นกำนัน...พวกเอ็งมาทำอะไรกันที่นี่”
ฤทธิชัยมองๆก่อนจะพูดขึ้น
“ฉันกับแฟนอยู่บ้านนอกคอกนา...สมองทึบเหมือนควายไม่ชอบเรียนหนังสือไม่ชอบงานหนัก ชอบอยู่สบายๆ ได้ข่าวว่าที่นี่มีเงินแจกก็เลยลองมาเสี่ยงโชคดู”
พวกมือปืนต่างหัวเราะกัน กำนันยิ้ม
“เอ็งมาถูกที่แล้ว”
ฤทธิชัยมองกราดไปรอบๆเห็นมือปืนแล้วก็ชาวบ้านปนกันอยู่เต็มบาร์ ฤทธิชัยยิ้มๆ
“ฉันก็คิดว่ายังงั้น”
กำนันมองทั้งสอง
“ถ้าพวกเอ็งมีฝีมือ เงินก็จะมากขึ้น”
ดาวเก๊กทันที
“ก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ใช่...แต่ถ้าพวกเอ็งเป็นทหารปลอมมา พวกเอ็งตาย”
ดาวกับฤทธิพยักหน้า กราดสายตาไปรอบๆ พวกมือปืนทุกคนต่างเตรียมพร้อม
ที่หมู่บ้านดอนมะเดื่อ...ไผ่กราดสายตามองพวกมัน จันจิรากระซิบ
“ไปเถอะพี่ไผ่ เดี๋ยวแผนเราจะเสีย”
ไผ่ยิ้มพยักหน้าแล้วขยับตัวเดินไปอีกทาง แต่แล้วก็เจอพวกมือปืนมายืนขวาง
“จะรีบไปไหน”
ไผ่ยิ้ม
“ไม่ได้รีบหรอกพี่...พี่ละทำไมถึงรีบ”
มันงงมองหน้าไผ่แล้วมองหน้าพวกตนเองที่ค่อยๆล้อมกันเข้ามา
“ข้าเหรอรีบ...”
“ใช่...”
มือปืนหันไปพูดกับพรรคพวก
“เฮ้ย พวกเอง ท่าทางข้ารีบนักเหรอวะ”
พวกมันต่างหัวเราะ
“เองลองบอกมาซิ ว่าข้าจะรีบไปไหน”
พวกมันหัวเราะอีก ไผ่ยิ้มกวนๆ
“อืม...พี่มาขวางฉันแบบนี้ ก็แสดงว่าพี่ต้องรีบไปอนามัย”
มือปืนยิ้มหยัน
“แล้วทำไมข้าถึงรีบไปอนามัย ข้าไม่ได้เจ็บได้ป่วย”
พวกมันหัวเราะกันอีก ไผ่ยิ้มแย้ม
“พี่ไม่ได้ป่วยหรอก แต่พี่กำลังจะเจ็บ”
มือปืนคนนั้นตาวาว แต่แล้วก็เจอหมัดของไผ่โครมเข้าเต็มหน้า มันลอยหงายไปไกลกระแทกพื้นนิ่งสนิท ไม่ขยับตัว พวกมือปืนที่เหลือต่างขยับพุ่งเข้ามามีการตะลุมบอนประชิดตัวแต่แล้วเสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น
“เฮ้ย หยุด”
ทุกคนแยกกันหันไปตามเสียง ผู้ใหญ่กับมือปืนอีก 3 คนเดินเข้ามา ไผ่เอามือกันจันจิราไว้ด้านหลัง
ในบ่อนบ้านโคกเนินปลวก...พวกมือปืนผลักอภิชาติเข้ามาในบ่อน ซึ่งเต็มไปด้วยมือปืนและนักพนันกำลังเล่นกันอยู่อย่างสนุก มันพาอภิชาติไปที่โต๊ะไฮโลโต๊ะหนึ่ง มีลูกพี่ยืนคุมอยู่ หัวหน้ามือปืนเข้าไปถาม
“ปลัดอยู่หรือเปล่า ลูกพี่”
“อยู่ที่กระท่อมยา...” ลูกพี่มองอภิชาติ “ไอ้นี่ใครวะ”
หัวหน้ามือปืนกระซิบ
“ฉันเจอมันสู้กับนางเสืออยู่...”
ลูกพี่พยักหน้ารับ แล้วหันมาทางอภิชาติมองอย่างไม่เชื่อมือเท่าไหร่ อภิชาติจ้องหน้ามันก่อนจะพูดขึ้น
“ไปตามปลัดมาพบข้าหน่อย”
ลูกพี่เงื้อมือจะตบแต่ หัวหน้ามือปืนห้ามไว้
“มันเมายาน่ะพี่...อย่าไปสนเลย”
อภิชาติยิ้มๆมองที่ถ้วยไฮโลตาแดงของสายลมปรากฏขึ้น เขาเห็นแต้มที่ออก พลางเงื้อมมือไปเลื่อนเงินที่พวกนักพนันแทงผิดไปที่เบอร์ถูก
“ต้องเบอร์นี้เพื่อน”
เจ้ามือตวาดด่า
“เฮ้ย...เอ็งเสือกอะไรวะ”
อภิชาติยิ้ม
“เบอร์นี้โดนเต็มๆ”
เจ้ามือฉุนกึก
“เองอยากโดนเหรอ”
นักพนันมองอภิชาติ
“ไม่เป็นไรพี่...ฉันแทงเบอร์นี้ก็ได้ เสียเยอะแล้วลองเสี่ยงดู”
อภิชาติยิ้มให้นักพนัน
“ตานี้ได้อยู่แล้ว อัดให้เต็มที่”
นักพนันคนอื่นๆต่างเฮโลแทงตาม เจ้ามือมองหน้าลูกพี่ กับพวกมัน นักพนันเริ่มส่งเสียงเร่งให้เปิดกันทั้งโต๊ะ ลูกพี่มันพยักหน้า เจ้ามือเชิงเหนือมันขยับถ้วยกริ๊กไม่มีใครเห็น สายตาอภิชาติซึ่งจ้องอยู่เห็นลูกเต๋าลูกนึงกลิ้งเปลี่ยนเบอร์ เจ้ามือยิ้ม
“ถ้าพวกมันถูกกิน เองไม่รอดแน่”
อภิชาติกราดสายตามองนักพนันทุกคน เห็นแต่ละคนหน้าตาดุดันพร้อมเอาเรื่อง อภิชาติยิ้มให้กับทุกคน
หมู่บ้านดอนมะเดื่อ...ไผ่จ้องเขม็ง ผู้ใหญ่กับมือปืนก้าวเข้ามา มือปืนฟ้องทันที
“ผู้ใหญ่ ไอ้นี่มันชกพี่ขวาน”
“พวกเอ็งหุบปาก...” ผู้ใหญ่หันมาหา ไผ่กับจันจิรา “เอ็งสองคนจะไปไหน”
“ฉันจะพาเมียฉันไป อนามัย เมียฉันเป็นพยาบาล”
ผู้ใหญ่จ้องอึดใจพยักหน้า
“อนามัยอยู่ ตรงโน้น”
ไผ่พยักหน้า จ้องผู้ใหญ่อย่างพิจารณา แล้วก็พาจันจิราเดินออกไป
ไผ่กับจันจิรา เดินเข้ามาที่อนามัยบ้านดอนมะเดื่อ มีหญิงคนหนึ่ง ดูแลอยู่
“ไม่สบายเป็นอะไร”
ไผ่กับจันจิรามองหน้ากันจันจิราหันไปบอกหญิงคนนั้น
“คือฉันมาหาญาติ เขาบอกว่าเป็นพยาบาลอยู่ที่นี่”
“นาง มาลัยน่ะซิ”
จันจิรารีบสวมรอย
“จริงๆแล้วฉันก็จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร ญาติห่างๆเขาแนะนำอีกที”
“นางมาลัยไม่อยู่แล้ว เหลือแต่ฉัน”
“คือแฟนฉันกับฉันคิดว่าจะมาอยู่ที่นี่...ฉันเป็นพยาบาล”
หญิงคนนั้นมองสำรวจ
“ที่นี่มีกฎหมู่บ้าน ไม่เกี่ยวกับกฎหมายบ้านเมือง”
จันจิรายิ้มบางๆ
“ยังไงก็ได้จ้ะ ฉันไม่เกี่ยง”
“งั้นก็อยู่ได้เลย อาทิตย์นึงจะมีคนเอาเงินมาให้”
หญิงคนนั้นเดินออกไปหน้าตาเฉย ไผ่กับจันจิราต่างมองหน้ากัน อดขำไม่ได้... แต่แล้วไผ่หันไปทางด้านนอกก็เห็นผู้ใหญ่นั่งอยู่บนรถจิ๊ปกำลังมองมา อึดใจก็เคลื่อนรถออกไป จันจิราหนักใจ
“ทั้งหมู่บ้านมีแต่พวกมัน เฮ้อ...ทางการดูแลไม่ทั่วถึงก็เลยถูกไอ้พวกแบล็คอีวิลหลอกใช้เป็นเครื่องมือ”
ทันใดนั้นเสียงสายลมร้องก้องมา ไผ่แหงนหน้ามองแวบหนึ่ง
“เรามาได้ทันเวลาพอดีพวกมันกำลังขนอาวุธมา พี่จะออกไปดูซะหน่อย จันอยู่ที่นี่ระวังตัวให้ดี”
“ตามสบาย ไม่ต้องห่วงจัน”
จันจิรายิ้มตวัดมือมาจากด้านหลัง ปืนอยู่ในมือ...ไผ่ยิ้มอย่างพอใจ
ในบาร์บ้านหนองปลาชุม...ฤทธิชัยกับดาวกราดสายตามองพวกมันแล้วมาหยุดที่กำนัน
“กำนันอย่าพูดถึงทหาร ฉันฟังแล้วเสียว”
ดาวทำท่าหวาดๆ
“พี่ใหญ่เพิ่งยิงตายไปหลายศพ”
กำนันยิ้ม
“ยินดีต้อนรับเว๊ย”
พวกมือปืนเฮกันลั่น ดาวกับฤทธิชัยต่างพยักหน้าโบกมือให้กับพวกมัน
ฤทธิชัยกับดาวเดินมาจากบาร์เดินไปตามถนนผ่านตลาด
“นับว่าก้าวแรกผ่านไปด้วยดี...ฝีมือน้องเยี่ยมมาก”
“ฝีมือพี่ก็ยอด”
ทั้งสองต่างยิ้ม ทันใดนั้นก็เห็นรถจิ๊ปวิ่งตรงมา ดาวจำได้
“เอ๊ะนั่น...นายวิวัฒน์ที่ซื้อโรงเลื่อยของเสี่ยเหลิม”
ดาวกับฤทธิชัยหันหลังให้รถจิ๊ปที่วิวัฒน์นั่งอยู่ มีมือปืนเป็นคนขับ ทั้งสองมองตามเห็นรถจิ๊ปไปจอดที่บาร์ กำนันเดินออกมาพอดี เข้าไปทักทายวิวัฒน์ แล้วต่างก็พากันขึ้นรถจิ๊ปออกไป มีขบวนพวกมันตามติด
“เราน่าจะตามไปดูพวกมันซะหน่อย”
“ใจตรงกันเป๊ะเลยค่ะ”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กันแล้วค่อยๆ เดินออกจากตลาดไป
ในบ่อนโคนเนินปลวก...อภิชาติยิ้มๆมองเจ้ามือยิ้มและพวกลูกพี่กับทุกคนยิ้ม พวกนักพนันหน้าเคร่งเครียด อภิชาติจ้องหน้า เจ้ามือก็จ้องหน้าอภิชาติยิ้มเยาะ อภิชาติพลิกหลังมือจากคว่ำเป็นหงาย...เจ้ามือมันเปิดโดยไม่มองถ้วย มันจ้องหน้าเขานิ่ง อภิชาติก็จ้องมันเหมือนกัน ทันใดนั้นเสียงนักพนันเฮดังสนั่น ลูกเต๋าเป็นเบอร์ที่ถูก นักพนันต่างเอามือมาตบบ่าตบหลังอภิชาติกันวุ่นวาย อภิชาติยิ้มให้เจ้ามือ มันจ้องราวจะกินเลือดกินเนื้อ ลูกพี่หันไปสั่งลูกน้อง
“พามันไปหาปลัด”
พวกมือปืนลากอภิชาติออกไป พวกนักพนันต่างโวยแต่พวกมันไม่ฟังลากตัวอภิชาติออกไปจนได้
รถบรรทุกขนาดกลางวิ่งเข้ามาตามแนวป่าบ้านดอนมะเดื่อ โดยมีรถกระบะพร้อมมือปืน 5 คนนำหน้า ทันใดนั้นเสียงสายลมร้องก้อง เสียงสายฟ้าคำราม รถของมันวิ่งไปตามเส้นทาง ร่างของไผ่ร่อนลงมายืนบนคบไม้ สายลมร้องก้อง ไผ่หลับตาใช้สายตาของสายลมมองพุ่งเข้าไปในรถบรรทุก เห็นเป็นลังอาวุธเต็มคัน...ไผ่ลืมตาขึ้น
“อาวุธร้ายแรงทั้งนั้น”
ขบวนรถวิ่งมาในป่า เสียงสายลมร้องก้อง เสียงสายฟ้าคำรามดังก้องป่า รถกระบะจอดพรืดทำให้รถบรรทุกจอดตาม หัวหน้ามือปืนหันไปถามคนขับ
“จอดทำไมวะ”
คนขับหวาดกลัว
“เสียงเสือคำราม...ฉันเคยได้ยินเรื่องนางเสือ”
“ไอ้บ้า...นี่ไม่ใช่บ้านดอนเสือ แล้วก็อยู่ลึกกว่าบ้านดอนเสือเกือบ 100 กิโล เอ็งอย่าบ้า”
แต่แล้วมันก็หยุดพูดเมื่อตรงหน้ามีร่างของสายฟ้าปรากฏ พวกมันอยู่ท้ายรถส่งเสียงเอะอะ
“เสือพี่...เสือ”
หัวหน้ามือปืนเปิดประตูรถพรวดออกมา
“ไอ้พวกบ้า มีปืนกันทุกคน เสือกปอดแหกยิงมันซิวะ”
พวกมือปืนต่างตวัดปืนขึ้นส่องไปที่สายฟ้า แต่สายฟ้าหายไปแล้ว
“เฮ้ย...หายไปไหนวะ”
ทันใดนั้นเสียงไผ่ดังขึ้น
“อยู่นี่เพื่อน”
พวกมือปืนเงยตามเสียง เห็นร่างของไผ่ในชุดหน้ากากอยู่บนยอดไม้ พวกมัน ตวัดปืนขึ้นสาดเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว แต่ร่างของไผ่แวบหายไปแล้ว พวกมือปืนต่างช่วยกันกราดสายตามองหา มือปืนคนหนึ่งหันมาก็คาดไม่ถึง เพราะไผ่ยืนอยู่บนรถกระบะกับพวกมัน มันขยับ แต่ไผ่ตวัดมือ ร่างของมันลอยจากรถ พวกมือปืนต่างกระโดดลงจากรถแทบไม่ทัน ร่างของไผ่ยืนตระหง่านอยู่บนรถ
“ทิ้งรถขนอาวุธไว้ที่นี่ แล้วไปซะ”
“ฝันไปแล้วเพื่อน”
หัวหน้ามือปืนสาดกระสุนใส่...เสียงดังสนั่นหวั่นไหว พวกมือปืนที่เหลือต่างทำตาม แต่ไผ่พุ่งตัวหลบจากรถ ลอยกลางอากาศ ปืนอยู่ในมือทั้งสองข้าง สาดกระสุนใส่พวกมันจนทรุดคว่ำอึดใจก็ตายกันหมด...ไผ่เดินเข้ามาที่ร่างของพวกมัน
“บอกให้ไปไม่ยอมไป”
คนขับรถบรรทุกเปิดประตูลงมาช้าๆ มองไผ่ แล้วหันหลังวิ่งสุดชีวิตเข้าแนวป่าไป ไผ่สะบัดมือใส่รถบรรทุกเกิดเป็นลูกไฟ ท่วมรถบรรทุกทั้งคัน ไผ่ยิ้มอย่างสะใจ
ที่อนามัยดอนมะเดื่อ...ประตูเปิดผลัวะ จันจิราหันขวับมาแล้วยืนเตรียมพร้อม ร่างของผู้ใหญ่ก้าวเข้ามา
“แฟนเองไปไหน”
“ไปตลาดซื้อของ”
ผู้ใหญ่หันไปสั่งลูกน้อง
“เอาตัวมันออกไป”
มือปืน 2 คนเข้ามาลากตัวจันจิราออกไปข้างนอก แต่แล้วก็หยุดชะงักเมื่อไผ่ยืนขวางอยู่
“จะพาแฟนฉันไปรักษาใครที่ไหนเหรอ ผู้ใหญ่”
มือปืนสองคนจับจันจิราดันออกมา เอาปืนส่องที่จันจิรา
ลานป่าลึกบ้านหนองปลาชุม...ร่างของดาวร่อนลงมาที่พื้นตามด้วยร่างของ ฤทธิชัย
“พลังของคุณหนึ่งเป็นยังไงบ้างคะ”
“สุดยอดเลยครับ นึกอะไรก็ทำได้หมด”
“เก่งมากเลยค่ะ”
“เพราะคนสอนเก่งตะหาก”
“ถ้างั้นพร้อม”
“พร้อมครับ”
ดาวสะบัดมือไปที่พุ่มไม้...แล้วสะบัดฝ่ามือใช้พลังออกไป ทันใดนั้นเป้ลอยออกมาจากพุ่มไม้ลอยเข้าหา ฤทธิชัยคว้าไว้ได้ อีกใบหนึ่งพุ่งเข้าหาดาว ดาวรับไว้ได้เช่นกัน ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน ต่างเปิดเป้...ดาวดึงหน้ากากออกมาจากเป้ของตน...ดาวเดินเข้ามาหาฤทธิชัย ส่งผ้าคาดใบหน้าให้
“นางเสือยินดีต้อนรับ”
ฤทธิชัยยิ้มรับหน้ากากมาลองคาดดู ใบหน้าของเขาที่คาดหน้ากากเรียบร้อยดึงดาว เข้ามาไว้ในอ้อมกอดทั้งสองต่างยิ้ม
“เดี๋ยว...มีคนมา”
ในราวป่าอีกด้านหนึ่ง พวกมือปืน 5 คนกระจายกำลังกันพรวดเข้ามาในลาน แล้วหยุดกึก
พวกมันต่างมองหน้ากันด้วยความแปลกใจเพราะตรงหน้า คือฤทธิชัยนอนหนุนตักดาวซึ่งพิงเป้สองใบอยู่ทางด้านหลัง กำลังหนุงหนิงกันอยู่ ดาวยิ้มทำเป็นหนุงหนิง
“เราต้องจัดการพวกมันให้เงียบที่สุด ไม่ยังงั้นพวกมันไหวตัวแน่”
ฤทธิชัยพูดเบาๆ
“ได้เลยจ้ะ”
พวกมือปืนเดินเข้ามาล้อมใกล้ๆ ปืนทุกกระบอกส่องที่ทั้งสอง แต่ดาวกับฤทธิชัยเหมือนมองไม่เห็นพวกมัน หัวหน้ามือปืนตะคอกถาม
“พวกเอ็งมาจากไหนวะ”
ดาวเงยหน้าขึ้น ฤทธิชัยขยับตัวขึ้นนั่ง ดาวนั่งกอดฤทธิชัยทางด้านหลัง
“ฉันก็นั่งอยู่ตรงนี้ พวกพี่มาทางไหนก็น่าจะไปทางนั้น”
ดาวยิ้มสายตากราดมองพวกมัน หัวหน้ายิ้มจ้องดาว
“แต่พวกข้าอยากจะอยู่ที่นี่ซะแล้ว”
พวกมันต่างหัวเราะกัน ดาวยิ้ม
“จริงๆแล้ว...ฉันก็อยากให้พวกพี่อยู่ที่นี่เหมือนกัน”
“พี่ยินดีสนอง”
“แต่พวกพี่ต้องอยู่เงียบๆนะจ๊ะ”
ฤทธิชัยเสริม
“เงียบสนิท”
หัวหน้าหันไปสั่งลูกน้อง
“เฮ้ย...จัดการพวกมัน”
พวกมือปืนขยับตัว แต่ช้าไป ร่างของฤทธิชัยกับดาวผ่านพวกมันทุกคน แล้วกลับมาอยู่ที่เดิม ปืนในมือของพวกมันถูกแย่งมาหมด พวกมือปืนยืนงงคาดไม่ถึง ทันใดนั้นพวกมันต่างเอามือจับที่ด้านหลังของต้นคอซึ่งมีลูกดอกเล็กๆปักอยู่ที่คอของพวกมัน หัวหน้าดึงลูกดอกออกมามอง แล้วล้มลงสลบไป เช่นเดียวกับพวกมันที่ล้มกันจนหมด ฤทธิชัยรีบบอก
“เรารีบไปดีกว่า”
ทั้งสองโยนปืนเข้าไปในแนวป่า แล้วคว้าเป้ที่อยู่บนพื้น พุ่งตัวออกไป
ที่หน้าอนามัยดอนมะเดื่อ...ไผ่กราดสายตามองพวกมือปืน จันจิราถูกพวกมันคุมอยู่ ผู้ใหญ่บ้านจ้องหน้าไผ่
“รถขนสินค้าของพวกข้าถูกทำลาย”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน”
“พอพวกเอ็งมาถึง...ก็มีเรื่อง”
ไผ่นิ่งกราดสายตามองพวกมัน มือปืนคนหนึ่งหันมาถามผู้ใหญ่บ้าน
“จะเอายังไง...ผู้ใหญ่”
“นับหนึ่ง ถึง สาม ถ้ามันยังไม่ยอมแพ้ยิงนังนี่ทิ้ง”
พวกมันคนหนึ่งเดินเข้ามาขยับปืนยกขึ้นส่องที่จันจิรา หญิงสาวไม่กลัวมองสายตาเด็ดเดี่ยว ไผ่จ้องตาไม่กระพริบ
ในราวป่าหมู่บ้านโคกเนินปลวก...รถจิ๊ปจอดพรวด อภิชาติที่อยู่บนรถจิ๊ปถูกคุมตัว ให้ลงมาพร้อมหัวหน้ากับ พวกมือปืนอีก 4-5 คน ปลัดเดินออกมาจากกระท่อมหลังหนึ่งมอง อภิชาติที่ทำเป็นเมายาเดินเซไปมา
“ไอ้นี่เหรอที่สู้กับนางเสือ”
อภิชาติยิ้มกวนๆ
“ใช่แล้วเพื่อน ข้าสู้กับนางเสือ ข้าสู้กับพวกเอ็ง ข้าสู้กับใครได้ทั้งนั้น”
หัวหน้าเข้ามาบอก
“มันเมายาน่ะพี่”
ปลัดยิ้ม
“ถ้าเองจัดการกับนางเสือได้...ข้ามียาให้เองอัดเพียบ”
อภิชาติยิ้มๆ
“เอ็งอย่าหลอกข้า”
“ในกระท่อมนั่นมีทั้งยาบ้า เฮโรอีน ยาไอซ์ ทุกอย่างที่เอ็งต้องการ”
“ดีมาก...งั้นข้าจะเรียกนางเสือมาจัดการต่อหน้าเอ็งเลยดีมั๊ย”
พวกมันต่างหัวเราะ ปลัดมองอภิชาติขำๆ
“เอาเลย เรียกมาเลย”
อภิชาติสะบัดพวกมันที่เกาะแขนอยู่ ทำท่าเอามือป้องปากแล้วคำรามเป็นเสียงเสือ
“โฮ่ว...โว่ว...ว่าว...โว่ว ฮาก”
พวกมันต่างขำส่ายหน้าเอือมระอา ปลัดหันมาถามหัวหน้า
“พวกเอ็งเอาไอ้บ้าที่ไหนมาวะ”
“พวกฉันเห็นมันสู้กับนางเสือจริงๆพี่”
อภิชาติไอ
“เดี๋ยวๆ เมื่อกี้นี้แค่เทสเสียง ขอลองใหม่”
อภิชาติตั้งท่าขยับตัวแล้วเอามือป้องปากอีกครั้ง ก่อนจะพึมพำเบาๆ
“พี่สายฟ้าช่วยหน่อย”
พวกมันมองยิ้มขำ อภิชาติร้องออกมา
“โฮ่ว...โฮ่ว...”
พวกมือปืนส่ายหน้า อภิชาติป้องปากทำท่าส่งเสียง ทันใดนั้นเสียงเสือคำรามก้องป่าดังสนั่นออกมาพวกมันต่างสะดุ้ง ต่างกราดปืนไปมา ทันใดนั้นเสียงจักจั่นดังขึ้น
“พวกเอ็งอยากเจอข้าเหรอ”
พวกมือปืนหันขวับไปตามเสียง ร่างของจักจั่นในชุดนางเสือ ยืนอยู่บนกิ่งไม้ เหนือพวกมัน
หน้าอนามัยดอนมะเดื่อ...ไผ่จ้องพวกมือปืน เสียงมือปืนนับดังขึ้น...
“หนึ่ง”
ไผ่จ้องจันจิรา หญิงสาวจ้องกลับมา สายแต่ไม่หวั่นเกรง เสียงนับสองดังขึ้น ไผ่จ้องกราดสายตาหาทางออก มองจันจิรายืนอยู่ระหว่างมือปืนสองคน...เสียงนับสาม ทันใดนั้นร่างของจันจิราแวบหายไป ต่อหน้าต่อตา ผู้ใหญ่บ้านตะลึง
“เฮ้ย”
ผู้ใหญ่บ้านหันกลับมาที่ไผ่ ก็เห็นร่างของจันจิรายืนอยู่กับไผ่ ในมือของทั้งสองคนถือปืนเรียบร้อย ไผ่แสยะยิ้ม
“อโหสิด้วย”
ไผ่กับจันจิราสาดกระสุนออกไปเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พวกมือปืนดิ้นล้มคว่ำลงหมดในที่สุด ไผ่มองจันจิราอย่างแปลกใจ
“น้องจันแวบมาหาพี่ได้ยังไง”
“ม่รู้จ้ะ...วินาทีสุดท้ายแค่คิดส่งเดช ก็แวบมาเลย”
ไผ่ยังงงไม่หาย
“เป็นไปได้ยังไง...น้องจันได้พรมาได้ยังไง...”
จันจิราส่ายหน้า แต่แล้วหยุดคิด
“จันนึกออกแล้วค่ะ”
จันจิรานึกถึงตอนที่เธออยู่ในถ้ำพระพุทธ เธอจึงเล่าให้ไผ่ฟัง ตอนนั้นเธอเฝ้าระวังดูแสงสีทองครอบคลุมร่างของฤทธิชัยและอภิชาติอยู่ ทันใดนั้นเงาสามเงาแวบเข้ามา จันจิราหันควับไปเห็น นินจาสามคน อยู่ตรงหน้า หญิงสาวตวัดปืนยิงเปรี้ยงๆๆๆ นินจาดีดตัวหลบไปมาคนหนึ่งดีดตัวเข้ามาเตะที่ข้อมือปืนหลุดจากมือ แล้วมันก็หมุนจรเข้าฟาดหางโครมร่างของจันจิรากระเด็นเข้าไปในม่านสีทองแน่นิ่งกับพื้น...ไผ่ได้ฟังเรื่องราวก็ดีใจ
“ยอดเลย ถ้างั้นเราลุยค่ายพวกมันให้เรียบ”
“โอเค...”
จันจิรายิ้มรับ
ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 4 (ต่อ)
หน้ากระท่อมยา บ้านเนินปลวก...จักจั่นตะคอกขู่
“ข้าให้เวลาพวกเอง สามนาที ออกไปจากที่นี่ก่อนที่จะตายกันหมด”
ปลัดตะโกนลั่น
“ฆ่ามัน”
พวกมือปืนกราดยิงเข้าใส่จักจั่น เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่จักจั่นหายไปแล้ว พวกมันหันกลับมาก็พบว่า อภิชาติยืนพิงอยู่ตรงหน้ากระท่อมยิ้มให้พวกมัน ปลัดตะคอกเสียงเข้ม
“เฮ้ย...เอ็งออกมาห่างๆกระท่อมยาของข้า”
“ข้าไม่รู้ ข้าไม่สน ข้าจะเข้าไปอัดยา”
อภิชาติขยับตัวเดินเข้าไปในกระท่อม ปลัดโกรธ
“ลากคอมันออกมา”
พวกมือปืนต่างกรูเข้าไปลากอภิชาติออกมาห่างจากกระท่อม
“ข้าเรียกนางเสือมาแล้ว...สัญญาต้องเป็นสัญญาซิวะ”
“แต่เอ็งยังไม่ได้จัดการกับนางเสือนี่หว่า”
“พวกเอ็ง...ทำให้นางเสือตกใจหายไปเอง ข้าไม่เกี่ยวแต่เอ็งไม่ต้องห่วงหรอก ครบสามนาทีเดี๋ยวนางเสือก็มาส่งพวกเอ็งไปลงนรกอยู่ดี”
“ไอ้ปาก...”
หัวหน้ามือปืนตวัดท้ายปืนเข้าที่ใบหน้าของอภิชาติ แต่เขาหลบวืด พลางใช้ฝ่ามือกระแทกกลางหลังของหัวหน้ามือปืน ร่างของมันพุ่งกระเด็นลอยไปตกในพงไม้นิ่งสนิท พวกมือปืนต่างตวัดปืนจ่อที่อภิชาติพร้อมกัน ปลัดตะคอก
“เอ็งอยากตายหรือไง”
อภิชาติยิ้ม
“อุ๊บ...ครบสามนาทีพอดี”
ทันใดนั้นเสียงจักจั่นดังขึ้น
“พวกเอ็งยังอยู่อีกเหรอ”
พวกมือปืนหันกลับพร้อมตวัดปืนเข้าใส่ ปลัดตะโกนลั่น
“ฆ่ามัน”
แต่ช้าไป จักจั่น สาดปืนสองกระบอกในมือเข้าใส่พวกมันล้มคว่ำไปหมดทุกคน เหลือแต่อภิชาติยืนอยู่ท่ามกลางร่างของพวกมัน
“เฮ่...คราวหลังให้ผมแวบไปก่อนก็ได้ค่อยยิงนะครับ ดาร์ลิง”
“งั้นก็รีบแวบได้เลย สวีทฮาร์ท”
จักจั่นเดาะระเบิดในมือ อภิชาติตาโต จักจั่น ยิ้มแล้วโยนระเบิดเข้าไปในกระท่อม อภิชาติแวบหายไปในขณะที่กระท่อมระเบิดตูมไฟลุกท่วม
ในตลาดบ้านเนินปลวก...พวกมือปืนวิ่งกันวุ่นวาย มีรถกระบะมาจอดตรงหน้าร้านกาแฟคนขับตะโกนลั่น
“เร็วเว๊ยมีคนบุกเผากระท่อมยา”
พวกมือปืนที่ยืนอยู่กระโดดขึ้น รถกระบะพรวดออกไป อภิชาติ กับ จักจั่น ก้าวเข้ามาในร้านกาแฟ ทั้งสองต่างนั่งลงที่โต๊ะ จักจั่นติดหนวดเหมือนเดิม
“กาแฟเย็นสอง”
อาโกเอากาแฟเย็นเข้ามาวางอย่างรวดเร็ว แล้วออกไป ทั้งสองต่างยิ้ม
“ถล่มให้เรียบ”
“เผาให้ราบ”
แล้วยกแก้วขึ้นชนกัน
ในราวป่าดอนมะเดื่อ...ค่ายของพวกมือปืนมีกระท่อมหลายหลังตั้งเรียงราย ไผ่กับจันจิราโผล่ออกมาจากพุ่มไม้หนามองไปยังค่ายของพวกมัน จันจิราถามขึ้นเบาๆ
“เอายังไงดีพี่ไผ่ บุกเข้าไปยิงมันให้หมดยังงั้นเหรอ”
“โห...คุณพยาบาล มีพลังหน่อยเดียวซ่าน่าดู”
จันจิรายิ้ม
“เฮ่...สงสัยคงเก็บกดมานาน ยิ่งตอนที่ต้องดูแลรักษาพวกคนชั่วๆด้วยแล้ว”
ไผ่ยิ้ม
“งานนี้พี่จะให้ชัวร์เลยว่า...น้องจันไม่ต้องรักษาพวกมัน”
ทันใดนั้นเสียงสายลมร้องก้อง ไผ่หลับตาอึดใจก็ลืมตาขึ้น
“มันเก็บอาวุธไว้ที่กระท่อมด้านหลัง ตามพี่มา”
ไผ่นำออกไป...จันจิราตามไปติดๆ
พวกมือปืน สองสามคนยืนเฝ้ากระท่อมหลังหนึ่งอยู่ ปืนในมือพร้อมยิง ไผ่กับ จันจิราค่อยๆโผล่ออกมาจากพงไม้
“รอให้พี่จัดการกับพวกมันก่อน แล้วจันค่อยตามเข้าไป”
“จ้ะ”
ไผ่ออกไป จันจิราคอยจ้องมองพวกมันที่เดินไปมากราดสายตารอบๆ อย่างระมัดระวัง พวกมือปืนเดินมาอีกคนสองคน รวมเป็น 5 คน จันจิราถอนใจ
“โธ่เอ๊ย...ดันโผล่กันมาอีก”
มือปืนสองคนเดินเข้ามาด้านหลังกระท่อม อย่างเร่งรีบ
“มีอะไร”
“มีคนปล้นรถอาวุธ ผู้ใหญ่บ้านตายแล้ว มันต้องมาปล้นอาวุธที่เหลือ พวกเองระวังให้ดี”
ทันใดนั้นร่างของไผ่แวบมายืนตรงหน้ามัน
“มาแล้วเพื่อน”
ไผ่ตวัดมือโครม มันกระเด็น พวกมือปืนขยับตัว ร่างของไผ่แวบไปจัดการกับพวกมันทีละคน จนทรุดหมด แต่แล้ว มือปืนคนหนึ่งโผล่มาจากทางด้านหลังของจันจิรา
“เฮ้ย...หยุด”
จันจิราหันกลับเห็นมันถือปืนส่องมา หญิงสาวยกมือขึ้น แต่แล้ว แวบไปโผล่ตรงหน้ามันกระชากปืนของมันหลุดตกไปในพุ่มไม้ แต่เธอก็โดนมันชกโครมกระเด็นไป...จันจิราถึงมีพลังแต่ก็ยังไม่เก่งเรื่องฝีมือ มือปืนคนนั้นตามเข้ามาดึงจันจิราขึ้นแล้วตบแต่ร่างจันจิราแวบหายไปซะก่อน มันตบลมเข้าเต็มที่ จันจิราโผล่มาทางด้านหลัง มือปืนหันกลับ เดินเข้ามาหา จันจิรามองซ้ายมองขวาเห็นท่อนไม้ท่อนหนึ่งอยู่ข้างหลังมัน มือปืนคนนั้นพุ่งเข้ามาชกแต่จันจิราแวบหายมันชกลมวูบอีก จันจิราโผล่มาทางด้านหลังของมันพร้อมท่อนไม้ในมือ
“อยู่นี่”
มือปืนหันกลับเจอจันจิราฟาดโครมเข้าให้...มันกระเด็นลอยหายเข้าไปในพุ่มไม้ จันจิรามองไม้ตาโตด้วยความตกใจในพลังของตนรีบโยนไม้ทิ้งไป หันกลับไปมองไผ่ที่กำลังออกมาจากกระท่อม ในมือถือปืนกลสองกระบอก กำลังโบกมือส่งสัญญาณเรียกมาพอดี หญิงสาวแวบไปโผล่ตรงหน้าเขา ไผ่ส่งปืนกลให้จันจิราส่ายหน้า
“ไม่ถนัด”
ไผ่ยิ้มสะพายปืนกลไว้ที่ไหล่ แล้วตวัดมือไปทางด้านหลัง ปืนสั้นติดมือมา
“งั้นเอานี่ไป”
จันจิรารับไว้ ยิ้มอย่างพอใจ ไผ่ตวัดปืนกลมาถือในมือทั้งสองข้าง ตั้งท่าพร้อมยิง
“เป็นไง”
จันจิรายิ้ม
“เท่ห์ระเบิด”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
ด้านหน้าค่าย มีพวกมือปืนยืนระวังกันเป็นจุดๆ หัวหน้ามันเดินเข้ามากำชับลูกน้อง
“ระวังให้ดีเว๊ย...อย่าให้ใครผ่านเข้าไปที่เก็บอาวุธได้”
ทันใดนั้นเสียงระเบิดตูมมาจากด้านหลัง ไฟลุกควันโขมงลามไหม้กระท่อมของพวกมัน หัวหน้าตะโกนลั่น
“เฮ้ย...ที่เก็บอาวุธ...”
พวกมือปืนพากันวิ่งไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว...พวกมือปืนต่างวิ่งกันเข้าไปที่ลานหน้าที่เก็บอาวุธแต่แล้วก็ต้องเบรคกึกเมื่อเจอไผ่ยืนอยู่ตรงหน้า ในมือถือปืนกลสองกระบอก ข้างๆคือจันจิราถือปืนสั้นสองกระบอกในมือ พวกมันเข้ามาล้อมไว้หมดทุกด้านต่างยกปืนขึ้นส่องไปที่ทั้งสองคน หัวหน้ามือปืนเล็งปืนใส่สั่งเสียงเข้ม
“ทิ้งปืน”
“ว่าไงจ๊ะ น้องจัน เราควรจะเชื่อพวกมันดีมั๊ย”
จันจิรายิ้มหยัน
“เชื่อก็โง่นะซิ”
“เวลาของพวกเอ็งหมดแล้ว”
ไผ่สาดกระสุนใส่พวกมัน จันจิราสาดกระสุนออกไป พวกมือปืนยิงพลางถอยพลางแล้วล้มลงเป็นใบไม้ร่วง ไผ่กับจันจิราสาดกระสุนใส่พวกมันล้มลงที่ละคน เสียงปืนสนั่นหวั่นไหว
ห้องทำงานของโจ...หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเงาใบหน้าของนายใหญ่อยู่ในจอ
“พวกนางเสือทำลายค่ายของเรา...อาวุธเสียหายรวมเกือบพันล้านบาท อาจารย์อาคมของคุณมัวทำอะไรอยู่”
“อาจารย์ คายามังกำลังเร่งมืออยู่แล้วครับท่าน”
“ยังดีไม่พอ ต้องเร็วกว่านี้ ไม่ยังงั้นทั้งคุณ ทั้งอาจารย์จบแน่”
จอคอมดับวูบโจถอนหายใจหน้าไม่ดีนัก
ในราวป่าบ้านหนองปลาชุม...ขบวนรถวิ่งมาจอดในราวป่า พวกมือปืนต่างลงมาจากรถ อึดใจก็มีรถตู้สองคันวิ่งเข้ามา มีพวกมือปืนลงมาจากรถทักทายกัน
“ของกำนันหนึ่งคัน...ของคุณวิวัฒน์หนึ่งคัน”
วิวัฒน์หันไปถาม
“เที่ยวนี้มีเท่าไหร่”
“คันละร้อยล้าน”
ทันใดนั้นเสียงสายฟ้าคำรามก้อง พวกมันต่างขยับปืน กำนันหน้าตื่น
“นางเสือ”
วิวัฒน์ส่ายหน้า
“ตื่นเต้นไปได้...ใครๆก็รู้ว่านางเสือเป็นคนไม่ใช่เสือสางจริงๆ”
ทันใดนั้นเสียงดาวดังขึ้น
“แน่ใจเหรอ”
พวกมันหันขวับไปทางเสียง ร่างของ ดาวในชุดนางเสือ กับ ฤทธิชัยในชุดดำ ยืนอยู่บนคบไม้สูงเหนือพวกมัน เสียงสายฟ้าคำรามก้อง กำนันตะโกนลั่น
“ฆ่ามัน”
พวกมือปืนสาดกระสุนเข้าใส่ ดาวและฤทธิชัย ต่างแวบหายแยกกันไปโผล่คนละด้านของพวกมัน พลางสาดกระสุนโต้ตอบ วิวิฒน์ รีบพุ่งตัวไปขึ้นรถจิ๊ป แล้วตะบึงออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้กำนันและพวกยิงกับดาวและฤทธิชัย อย่างดุเดือด แต่แล้วในที่สุด พวกมันก็ล้มดิ้นลงหมด ดาว และ ฤทธิชัยต่างก้าวเข้ามาตรงลาน มองร่างของพวกมือปืนที่นอนตายระเกะระกะ
“เรายึดเงินสองร้อยล้านเอาไว้ งานพวกมันไม่สะดุดบ้างก็ให้รู้ไป”
ดาวเดินเข้ามาหา ฤทธิชัยยกนิ้วให้
“เยี่ยมมากนางเสือ”
ดาวยกนิ้วตอบ
“เยี่ยมมากที่รักของนางเสือ”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
ที่ค่ายลุงเดช...เย็นนั้น สมาชิกโจรนับสิบๆต่างนั่งล้อมวงโห่ร้องเชียร์ ดาว ฤทธิชัย จักจั่น อภิชาติ ไผ่ จันจิรา ลุงเดช แสง แม่สมพรอยู่ตรงหน้า ทางด้านหลังมีรถตู้ขนเงินที่ยึดมาจอดอยู่ ดาวประกาศก้อง
“นางเสือถล่มค่ายพวกมันไปสามค่าย”
สมาชิกโจรเฮ...ไผ่กล่าวเสริม
“ทำลายคลังอาวุธของพวกมันจนพินาศไม่เหลือ”
สมาชิกโจรเฮ...จักจั่นพูดขึ้นบ้าง
“เผายาเสพติดของพวกมันกลายเป็นควันไปหมด”
สมาชิกโจรเฮกันอีก...ฤทธิชัยผายมือไปที่รถขนเงิน
“ยึดเงินมาได้อีก สองร้อยล้าน”
สมาชิกโจร เฮลั่น...แสงพูดต่อ
“ถล่มการขนไม้พยุงของมันจนพินาศ”
สมาชิกโจรเฮอีก...ดาวหน้าตามุ่งมั่น
“แต่งานของเรายังไม่จบ จนกว่าพวกคนชั่วจะสลายตัวไป จากแผ่นดิน”
สมาชิกโจรต่างเฮ...ลุงเดชกวาดตามองทุกคน
“คืนนี้เราจะฉลองกันให้เต็มที่เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจสำหรับทุกคน”
เสียงสมาชิกโจรเฮอีกรอบ...ดาวกับทุกคนต่างยิ้มอย่างมีความสุข
.
ค่ายสมาชิกโจรยามค่ำคืน มีกองไฟก่ออยู่ที่กลางลาน สมาชิกโจรเดินกันขวักไขว่ ต่าง ดื่มกินกันทักทายกันอย่างสนุกสนาน
ดาวยิ้มให้จันจิรา เมื่อรู้ว่าเธอมีพลังเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
“ดาวดีใจที่น้องจัน ได้พรจากถ้ำพระภิกษุด้วย”
“จันก็นึกไม่ถึงค่ะ”
ลุงเดชดีใจ
“ตอนนี้เท่ากับว่าเรามีนางเสือเพิ่มเป็น 6 คน”
จักจั่นพูดขึ้น
“แต่มันนึกว่ามีนางเสือเพียงคนเดียว”
อภิชาติชูแก้ว
“ดื่มให้กับทีมนางเสือ”
ไผ่ชูแก้วบ้าง
“เราจะถล่มพวกมันให้ราบ”
ทั้งหมดต่างยกแก้วขึ้นดื่ม
ในห้องทำงาน...โจคุยกับนายใหญ่ที่หน้าคอมพิวเตอร์
“พวกมันรู้ตำแหน่งค่ายของเราได้...ต้องเป็นเพราะท่าน ทำข้อมูลรั่วไหล”
โจหน้าเสีย
“เอ้อ...ไม่จริงครับท่าน...ไม่มีใครได้ข้อมูลจากผมเด็ดขาด” โจโกหกเรื่องที่ออฟฟิศถูกบุกเพราะกลัวตาย “พวกมัน มีเสือของเจ้าป่า มีเหยี่ยวอาคมที่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสพวกเราได้ ยกเว้นรังใหญ่ของเราเพราะอาจารย์ คายามังใช้กำแพงมนต์กั้นไว้”
“ท่านต้องกำจัดนางเสือให้เร็วที่สุด”
“ผมให้อาจารย์คายามัง เร่งมือเต็มที่อยู่แล้วท่าน”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น โจแปลกใจ
“ผมส่งคนไปช่วยคุณ เชิญให้เข้ามาได้”
“ครับ” โจหันไป “เชิญ”
ร่างของชายคนหนึ่งก้าวเข้ามา โจคาดไม่ถึง เพราะชายคนนั้นมีใบหน้าเช่นเดียวกับเขาไม่ผิดเพี้ยน ชายคนนั้นยกปืนเก็บเสียงขึ้นแล้วยิงโจเข้าให้ที่แสกหน้า โจ ล้มหงายนั่งตายอยู่บนเก้าอี้ ชายคนนั้นเดินเข้าไปดึงร่างของโจออกไปจากเก้าอี้ลงไปที่พื้นแล้วตัวเองนั่งแทน นายใหญ่สั่งการผ่านจอคอมพิวเตอร์
“เราต้องการ...โต้ตอบกลับไป จับพวกชาวบ้านมาเป็นตัวประกัน วางระเบิดก่อกวน ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ของเราบีบคั้นพวกมัน”
โจคนใหม่พยักหน้ารับคำ
“ครับท่าน”
“ท่านรู้แล้วว่าถ้าพลาด อะไรจะเกิดขึ้น”
จอคอมพ์ดับวูบ โจหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
ต่อจากตอนที่แล้ว
ทุกคนต่างอยู่ในห้องรับแขกที่เซฟเฮ้าส์ของดาว นั่งบ้างยืนบ้างกำลังประชุมวางแผนกันอยู่ ดาวหันไปหาไผ่
“พี่ไผ่ออกไปตรวจค่ายของพวกมันตามจุดที่เหลืออยู่ ดูว่ามันรู้ตัวมีการย้ายหรือเปล่า”
“จักจั่นว่าป่านนี้พวกมันส่งข่าวถึงกันหมดแล้ว”
ฤทธิชัยออกความเห็น
“ผมยังคิดว่าต้องบุกเข้าหานายใหญ่ของมันอีกทางหนึ่ง จะเป็นตัวจริงหรือปลอมก็แล้วแต่ วันนึงมันต้องพลาด”
อภิชาติเห็นด้วย
“ยิ่งมันคิดว่าเราสองคนตายแล้ว งานของเราจะง่ายขึ้น”
ทุกคนต่างเห็นด้วยกับแผนการ
หมู่บ้านที่เป็นค่ายหนึ่งของแบล็คอีวิลอยู่ในซอกหุบเขา ไผ่ยืนอยู่บนคบไม้สูงในชุดหน้ากากยืนกราดสายตามองที่หมู่บ้าน เห็นหมู่บ้านเหลือแต่ซากควันไฟเพราะถูกเผาจนหมด
“ต่อให้พวกเอ็งเผาค่ายหนี ก็ไม่พ้นข้าหรอก”
ไผ่กราดสายตาแล้วพุ่งออกไป...
ที่เซฟเฮ้าส์ของดาว ฤทธิชัย ดาว จักจั่น อภิชาติ เดินโอบกันเดินมาที่รถ ต่างหันมาล่ำลากัน
“ดาวคิดว่าพวกมันต้องหาคนที่มีพลังฝีมือ ที่เหนือกว่ามากำจัดพวกเรา คุณหนึ่งระวังตัวนะคะ”
“คุณด้วย”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน จักจั่นมองหน้าอภิชาติ
“มีอะไรรีบส่งข่าวนะคะ เราจะไปสมทบทันที”
อภิชาติยิ้ม
“เยส...ไทเกอร์ วูแมน”
ทั้งหมดต่างยิ้มขำ ฤทธิชัยกับอภิชาติแยกไปขึ้นรถ แล้วขับออกไป จักจั่นหันมาหาดาว
“แล้วเราล่ะ พี่ดาว จะทำอะไรดี”
“ไปเที่ยวบ่อนพวกมันกันดีกว่า”
“เยส”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
ที่หมู่บ้านชาวเขา...เม่งจู กับ อาตง ทำท่านินจาเล่นกัน อาตงวิ่งข้ามไม้ไผ่ที่วางไว้ทำเป็นกำแพง เข้ากำแพงหายวับ เม่งจูวิ่งข้ามไม้ไผ่ตามมาจับอาตง
“จับได้แล้ว”
แต่แล้วก็หยุดต่างมองรถจิ๊ปที่วิ่งเข้ามาพร้อมมือปืนนับสิบ เม่งจูกับอาตงรีบ วิ่งกลับมาที่บ้านของตน พ่อ กำลังซ่อมแซมบ้านอยู่
“พ่อ มีคนถือปืนขับรถเข้ามาในหมู่บ้าน”
พ่อหยุดกึก
“เม่งจู แม่ซักผ้าอยู่ที่น้ำตก พาน้องไปหาแม่ เดี๋ยวพ่อจะตามไป เร็วเข้า”
เม่งจูพยักหน้ารีบจูงอาตงวิ่งหายเข้าไปในแนวป่า พ่อคว้าดาบเดินป่าที่แขวนอยู่ พรวดออกไป
พ่อของเม่งจูแอบซุ่มอยู่ ในราวป่า เห็นรถจิ๊ปสองคัน มีมือปืนนับสิบ กำลังล้อมพวกชาวบ้านอยู่ มีชาวบ้านคนหนึ่งขัดขวาง มันยิงชาวบ้านคนนั้นเผาขน...พ่อเม่งจูรีบถอยตัวแล้ววิ่งหายเข้าไปในแนวป่าอย่างรวดเร็ว แต่แล้วพวกมันคนหนึ่งเห็นมันส่งสัญญาณ มือปืนห้าคนวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
บริเวณน้ำตกหมู่บ้านชาวเขา...พ่อเม่งจูวิ่งมาถึงเห็นเสื้อผ้าที่ซักถูกวางทิ้งไว้ ถึงกับตกใจ สายตาสอดส่ายส่งเสียงเบาๆ
“เม่งจู อาตง”
เสียงดังมาจากแนวป่า พ่อเม่งจูหันควับ ก็เห็น...แม่กับเม่งจูและอาตง ยืนอยู่กับแม่ พ่อรีบวิ่งเข้าไปหาทุกคน
“เราต้องรีบไปจากที่นี่...พวกคนร้ายเต็มหมู่บ้าน”
แม่ตื่นกลัว
“เราจะไปไหน...เราจะทำยังไง”
“ไปบ้านดอนเสือ ให้นางเสือมาช่วยเร็วเข้า”
ทุกคนต่างรีบเร่งเคลื่อนตัว แต่แล้ว พวกมันวิ่งเข้ามาทางด้านที่จะไป พ่อเม่งจูหันไปทางป่าซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของน้ำตก เม่งจูหันไปเห็น
“พวกมันมาแล้วพ่อ”
“เราต้องข้ามน้ำตก ไปทางป่าทางด้านโน้น”
พ่อรีบอุ้มอาตงนำข้ามน้ำตกไปยังอีกฝากหนึ่ง แต่แล้วพวกมือปืนมาถึงสาดกระสุนเข้าใส่ ร่างของทั้งหมดร่วงลงไปยังน้ำตกข้างล่าง
พวกมือปืนต่างรีบวิ่งมายังน้ำตกต่างยกปืนหาเป้าหมายที่อยู่เบื้องล่าง
ไผ่ยืนอยู่บนคบไม้กราดสายตาไปรอบๆ เสียงปืนดังสนั่นมา ไผ่หันขวับไปตามเสียงปืน แล้วดีดตัวออกไป
พวกมือปืนสาดกระสุนอย่างถี่ยิบ หัวหน้ายกมือ พวกมันหยุด
“ลงไปดูพวกมัน”
พวกมือปืนเคลื่อนตัวเข้าไปในแนวป่า ไผ่ซุ่มมองอยู่ พวกมันลับสายตาไป ไผ่ดีดตัวไปที่น้ำตก มองลงไปยังเบื้องล่าง กราดสายตามองทันใดนั้น แล้วพบอะไรบางอย่าง
บนฝั่งทางผ่านของน้ำตก...ไผ่พรวดออกมากราดตามองไป เห็นร่างของเม่งจูกอดอาตงแน่น ติดอยู่ตรงซอกหลืบหิน ไผ่ลงไปดึงร่างของเด็กทั้งสองขึ้นมา จับเด็กทั้งสองหงายขึ้น มือทาบไปที่ท้องของเด็กทั้งสองคน แสงสีทองปรากฏซึมเข้าไปร่างของเด็กทั้งสองอย่างช้าๆ อึดใจก็มีเสียงไอออกมาจากเด็กทั้งสองคน ไผ่ยิ้มโล่งใจ
มุมหนึ่งของบ้านดอนเสือ...ดาวขับรถมาจักจั่นนั่งข้างๆ รถวิ่งผ่านตลาดดอนเสือ ทั้งสองแต่งตัวเป็นสาวโคโยตี้ นุ่งสั้นหวาดเสียว
“แน่ใจเหรอว่า บ่อนเปิดแล้ว” จักจั่นถาม
“พวกนี้มันเปิดทั้งวันทั้งคืนไม่มีปิด เผลอๆมีคอลเซนเตอร์อีกด้วย”
จักจั่นยิ้ม
“เปิดก็ดี...จะได้สนุกให้เต็มที่”
ดาวเลี้ยวรถเข้ามาในซอย แล้วจอด
“ถึงแล้ว”
“อะไร เล่นเปิดใกล้ๆตลาดแบบนี้ เจ้าหน้าที่ไม่รู้เหรอ”
“เขาเรียกว่าเส้นผมบังภูเขาไงจ๊ะ”
ทั้งสองก้าวลงมาจากรถ ต่างมองกัน แล้วหัวเราะ
“ถ้าคุณหนึ่งมาเห็นพี่ดาวตอนนี้ล่ะก็ ตาค้างแน่”
ดาวยิ้ม
“วันหลังจะลองแต่งให้คุณหนึ่งดูมั่ง”
“รับรองจักจั่นได้หลานเป็นโหล”
ทั้งสองต่างหัวเราะกัน
“จักจั่นแน่ใจเหรอว่าชุดแบบนี้จะช่วยให้เราผ่านเข้าไปได้”
“โธ่...ผู้ชาย...เห็นนิดเห็นหน่อย ขี้คร้านจะยอมหมด”
แต่แล้วมีรถเก๋งเข้ามาจอดข้างๆ เสี่ยนักพนันสองคนก้าวลงมา ตาวาวเมื่อเห็นดาวกับจักจั่น
จักจั่นลอบขยิบตาให้ดาว แล้วทำท่าหมุนให้เสี่ยดู ดาวกลั้นขำ เสี่ยมองยิ้มกรุ้มกริ่ม
“หนู...มาเที่ยวบ่อนเหรอจ๊ะ”
“ถ้าเสี่ยชวน หนูก็ไปอยู่แล้ว”
“งั้นมาด้วยกันเลยจ้ะ”
จักจั่นยิ้มเดินเข้าไปควงแขนเสี่ย ดาวรีบทำตามควงอีกคนหนึ่งทันที
ในบ่อน...เสี่ยสองคนควงดาวกับจักจั่น ผ่านมือปืนที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าเข้าไป มีคนมาเชิญให้เสี่ยไปที่โต๊ะ ดาวกับจักจั่นเกาะแจไปด้วยสายตากราดไป เห็นพวกชาวบ้านดอนเสือ เล่นกันแน่นบ่อนไปหมด ทั้งหมดมาถึงโต๊ะเล่นไผ่ป๊อกเด้ง ต่างนั่งลง มีชาวบ้านเล่นอยู่ที่โต๊ะสองคน มีชาวบ้านคนหนึ่งเสียพอดีวางบัตรเครดิตลง
“ขอเงินเพิ่มหน่อยเว๊ย”
มือปืนเข้ามาหยิบบัตรออกไป ดาวกับจักจั่นกราดสายตามอง มือปืนเอาชิฟกองใหญ่มาวางให้เสี่ยสองคน เสี่ยทั้งสองต่างวางชิฟลงแทง เจ้ามือแจก ผ่านชาวบ้านไป ชาวบ้านถามขึ้น
“น้อง เมื่อไหร่เงินจะมา”
มือปืนเข้ามาพอดี
“บัตรพี่เต็มเบิกไม่ได้แล้ว”
“อ้าว คุณวิวัฒน์บอกว่าบัตรเครดิตเบิกเงินได้ตลอดเวลา”
“ใช่...แต่เบิกได้เท่ากับราคาที่ดินของพี่เท่านั้น เกินไม่ได้”
ชาวบ้านอึ้ง
“อะไรวะ ตอนแจกบัตรบอกว่าเบิกไม่อั้นไง”
“พูดไม่รู้เรื่อง ไอ้โง่ ใครเขาจะให้เงินเองฟรีๆวะ”
มือปืนตบเปรี้ยง ชาวบ้านกระเด็นลงไปที่พื้น มันกระชากชาวบ้านขึ้นมา เงื้อมือหมายจะตบซ้ำแต่มือค้างเพราะจักจั่น จับเอาไว้ มันหันมา จักจั่นยิ้มแล้วตบเปรี้ยง มันคว่ำไป พวกมือปืนต่างกระชากปืนออกมา ส่องที่จักจั่น กับดาว จักจั่นยิ้ม
“เสี่ยหลบไปก่อนนะจ๊ะ”
เสี่ยสองคนรีบหลบไป ดาวยืนยิ้มอยู่กับจักจั่น
เด็กทั้งสองกับไผ่อยู่ในลานเล็กๆหลังพุ่มไม้...เม่งจู กับ อาตง ต่างมองจ้องมาที่ไผ่ที่มองมาทางเด็กทั้งสองเช่นกัน ไผ่หันไปถามเม่งจู
“หนูชื่ออะไร”
เม่งจูไม่ตอบนั่งนิ่งเฉย ไผ่ถอนใจหันไปหาอาตง
“งั้นหนูล่ะ ลูกผู้ชายคนเก่ง ชื่ออะไร”
อาตงมองเฉยไม่ตอบ...ไผ่มองด้วยความสงสารทันใดนั้นไผ่ก็หันขวับไปในแนวป่า...สายตาเห็นเงาร่างพวกมือปืน 5 คน ไผ่รีบคว้าเด็กสองคนเข้าไปหลบหลังพุ่มไม้หนา
“หนูสองคนอยู่ที่นี่เงียบๆ น้าจะไปจัดการกับไอ้คนเลวที่มันทำร้ายหนู”
ไผ่พุ่งออกไป
ในบ่อน...มือปืนสามสี่คนถือปืนเล็งไปที่ดาวกับ จักจั่น หัวหน้าเดินเข้ามา
“หนู สองคน มาทางไหน ไปทางนั้นจะดีกว่า”
จักจั่นมองหน้า
“ยังไปไม่ได้หรอก ยังไม่ได้ปิดบ่อนเลย”
พวกมันหัวเราะกัน ดาวกวาดตามอง
“ใครไม่อยากเดือดร้อน รีบออกไปซะ เรากำลังจะปิดบ่อน”
พวกชาวบ้านต่างขยับตัว หัวหน้าบอกเสียงเข้ม
“บ่อนยังเปิด เล่นต่อได้”
พวกชาวบ้านต่างหยุดทำอะไรไม่ถูก หัวหน้าหันไปสั่งลูกน้อง
“พวกเอ็งลากนังสองตัวนี่ออกไป”
พวกมือปืนปรี่กันเข้ามา จักจั่นวูบไปที่มันคนหนึ่งตบเปรี้ยงมันกระเด็นไปชนโต๊ะล้มโครมครามที่เหลือบุกเข้ารุมดาว เกิดการต่อสู้ประชิดตัว ดาว กับ จักจั่น วาดลวดลายจนพวกมันหมอบกันหมด หัวหน้ายืนอยู่คนเดียวพูดไม่ออก ตวัดมือไปที่เอวกระตุกปืนขึ้นมา แต่จักจั่นไวกว่า ยิงเปรี้ยงเข้าให้ปืนในมือของมันหลุดกระเด็น ดาวบอกเสียงเข้ม
“บ่อนปิดแล้ว”
ชาวบ้านต่างขยับตัวค่อยๆเดินออกไป แต่แล้วดาวก็พูดขึ้น
“เดี๋ยว”
ชาวบ้านหยุดกึก
“เอาเงินไปด้วย”
ชาวบ้านต่างเฮโลกันคว้าชิฟและเงินที่อยู่บนโต๊ะพนัน หัวหน้ายืนมองแค้นๆ ดาวกับจักจั่นต่างยิ้มให้กัน
ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 4 (ต่อ)
ในราวป่า...เม่งจู กับ อาตง หลบอยู่ในพุ่มไม้...พวกมือปืนมันเดินแยกย้ายกันเข้ามาตามแนวป่า
“ป่านนี้มันจมน้ำตายไปแล้ว”
“ต้องดูให้แน่ ข้าไม่อยากให้พวกมันหลุดไปเจ้านายรู้โทษถึงตาย”
พวกมือปืนมันต่างเร่งฝีเท้าลุยไปข้างหน้า
พวกมือปืนโผล่มาจากราวป่าก็เจอไผ่นั่งอยู่ ในมือมีไม้เดาะเล่นอยู่ท่อนนึง พวกมันต่างตวัดปืน ขึ้นจ้องที่ไผ่
“พวกเอ็งคงมาตามหาเด็กสองคน”
หัวหน้าเล็งปืนใส่
“ใช่...กับพ่อแม่เด็กด้วย เอ็งเห็นเหรอ”
ไผ่ตาวาว
“อืม...เห็นแต่เด็ก”
สมุนยิ้มแล้วโม้
“ฉันบอกแล้วว่าพ่อแม่มันไม่รอด”
หัวหน้าจ้องหน้าไผ่
“เด็กอยู่ไหน”
“เด็กอยู่ไหนไม่สำคัญ สำคัญที่ว่า ข้าเกลียดคนรังแกเด็ก”
พวกมือปืนต่างมองหน้ากันไม่พอใจ ไผ่ยิ้มเหี้ยม
“ข้าเจอเมื่อไหร่ พวกมันต้องตายเมื่อนั้น”
หัวหน้าสั่งทันที
“ฆ่ามัน”
พวกมือปืนสาดกระสุนเข้าใส่ แต่แล้วร่างของไผ่แวบมาโผล่ที่พวกมันคนหนึ่งไม้ในมือตีผัวะมันร้องแล้วทรุดไผ่แวบไปโผล่ที่พวกมันอีกคนหนึ่ง มือปัดปืนแล้วไม้ในมือฟาดโครมมันทรุดไปแล้วแวบหายไปอยู่บนคบไม้ด้านหลังของพวกมัน พวกมันหันตามแต่ช้าไป ไผ่สาดกระสุนเข้าใส่พวกมันล้มคว่ำไปจนหมด
“แล้วข้าจะกลับมาจัดการกับพวกเอ็งที่เหลือ”
อภิชาติขับรถไปบนถนนสายหนึ่งในกรุงเทพ ฤทธิชัยนั่งข้างๆถอนใจ
“เฮ้อ...กรุงเทพ รถติดทั้งปี”
“คุณนพหน่วยพิเศษของเรารายงานมาว่า เที่ยงนี้ท่านรองศักดาจะมาเป็นประธานในงานเลี้ยงต้อนรับพวกสมาชิกหอการค้าเอเซีย ฉันคิดว่า เราเริ่มงานตรงจุดนี้เหมาะที่สุด”
“โอเคเลยเพื่อน นายวางแผนไว้ยังไง”
“เฮ้ย...ไม่มีแผนเผินอะไรทั้งนั้น...ก็บุกเข้าไปเชิญท่านรองศักดามาคุยเป็นการส่วนตัวซะหน่อย ใครขวาง ก็ซัดให้แหลกกันไปข้างนึง”
ฤทธิชัยมองหน้า
“เอางั้นเลยเหรอ”
“อ๋อแน่นอน”
ฤทธิชัยยิ้ม
“ถึงแล้ว”
รถของอภิชาติเลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถของโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง
“ที่นี้นายก็คอยดู ท่านรองออกมาเมื่อไหร่ ก็เรียกฉัน”
“เฮ้ย...เพิ่งสิบโมง จะนอนแล้วเหรอเพื่อน”
“เออ...ฉันขับรถมา นายเฝ้าจบ”
อภิชาติเอนเบาะแล้วหลับตาเฉย ฤทธิชัยอดขำไม่ได้ สายตาจ้องไปตรงหน้าประตูทางเข้าของโรงแรม
ที่อนามัย...เม่งจู กับ อาตง นอนอยู่คนละเตียง จันจิราเอาผ้าคลุมให้อาตงแล้วเดินมาที่ป้าเนียนและไผ่ที่ยืนอยู่ ป้าเนียนมองเด็กทั้งสองอย่างสงสาร
“เฮ้อ...น่าสงสารกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก”
จันจิรามองอย่างเอ็นดู
“มาถึงกินอิ่มก็หลับปุ๋ยเลย”
ไผ่หันไปถาม
“เราจะทำยังกับเด็กสองคนนี้ดีครับป้าเนียน”
ป้าเนียนคิดๆ
“อืม...นั่นนะซิ เดี๋ยวก่อน พ่อแสงกับแม่สมพรบ่น อยู่ไม่ใช่เหรอว่าอยากได้หลาน”
ไผ่กับจันจิราต่างหันมามองป้าเนียน ทั้งหมดต่างยิ้ม แล้วหันไปมองเด็กทั้งสองที่หลับสนิท
ที่ค่ายสมาชิกโจร...ลุงเดช กับ แสง ยืนอยู่ตรงลาน มีพวกสมาชิกโจรนับสิบ ยืนคอยฟังอยู่
“ไอ้ก้อง เอ็งนำคนไปทางด้านเหนือใกล้ชายแดน หากำแพงที่หนูดาวบอกให้เจอ”
ก้องหนักใจ
“แถวนั้นหาจนทั่วแล้วลุงเดช ไม่มีกำแพง”
“เออ...หาใหม่อีกรอบ...”
ก้องพยักหน้าแล้วโบกมือให้สมาชิกโจรอีก 5 คนตามไป แสงหันไปสั่ง
“ไอ้มา เองพาคนตระเวนไปรอบๆ ตรวจดูค่ายตัดไม้ ของพวกมันทุกจุดถ้ามีการเคลื่อนไหวรีบยิงพลุส่งสัญญาณ”
มาพยักหน้าแล้วพาสมาชิกโจรที่เหลือตามออกไป ทันใดนั้นเสียงไผ่ดังขึ้น
“พ่อ”
ลุงเดชกับแสงหันกลับไปก็เห็นไผ่ให้อาตงขี่คอเดินมา ส่วน จันจิราจูงเม่งจูเข้ามา ลุงเดชหันไปหาแสง
“สงสัยเอ็งจะได้หลานสมใจแล้วไอ้แสง”
ไผ่และจันจิราเข้ามาพร้อมเด็กสองคน แสงถามทันที
“นี่ลูกใครกันละนี่”
“เรื่องมันยาวจ้ะพ่อ...แม่ล่ะ”
“มาโน่นแล้ว”
แม่สมพรเข้ามา
“ลุงเดชพาลูกใครมาอีกล่ะนี่”
“ไม่ใช่ฉันแม่สมพร”
“ผมพามาเองครับแม่”
แม่สมพรกับแสงต่างมองหน้ากัน ลุงเดชยิ้มอดขำไม่ได้
บริเวณลานจอดรถของโรงแรม...ฤทธิชัยเอาแก้วกาแฟกระดาษวนเวียนที่จมูกอภิชาติที่หลับอยู่ อภิชาติลืมตาขึ้นมา ฤทธิชัยยื่นแก้วให้
“แกงีบไปสองชั่วโมงแล้ว กาแฟซะหน่อย”
อภิชาติขยับตัวขึ้นมา
“สองชั่วโมง...ล้อเล่นน่า”
“ใช่แล้วเพื่อน สองชั่วโมง”
“คุยอะไรกันนักกันหนาว๊ะ...แบบนี้เองงานถึงไม่คอยเดิน”
“มาแล้ว”
ทั้งสองมองไปทางด้านหน้าเห็น ศักดาเดินออกมาคู่กับสัตยา พร้อมพวกบอดี้การ์ด 3-4 คน มีรถตู้เข้ามาจอด ศักดาขึ้นรถตู้ไปพร้อมบอดี้การ์ด รถตู้เคลื่อนออกไป...สัตยากับ ลูกน้องอีก สองคนยืนอยู่ ไม่ได้ไปด้วย ทั้งหมดเดินกลับเข้าไปในโรงแรมอีกครั้งหนึ่ง อภิชาติแปลกใจ
“นึกว่านายสัตยาจะคอยประกบท่านรองตลอด”
“ตามไปได้แล้วเพื่อน”
อภิชาติออกรถตามไป
บนถนนสายหนึ่ง...อภิชาติขับรถตามรถตู้ของ ศักดาไป ฤทธิชัยถามขึ้น
“นายว่าคราวนี้รองศักดา จะเป็นตัวปลอมหรือตัวจริง”
“ปลอมหรือจริงเราไม่มีทางเลือก ยังไงก็ต้องเอามาเค้นความจริงกันหน่อย”
“เป้าหมายของเราจะไปไหนกันแน่”
ทั้งสองมองไปเห็นรถกำลังเลี้ยวเข้าไปในซอยหมู่บ้านใหญ่โตหมู่บ้านหนึ่ง
“ฉันรู้จักหมู่บ้านนี้...มีแต่บิ๊กๆมาอยู่ทั้งนั้น มีอยู่แค่สิบหลังรวมแล้วเงินของประเทศถูกมิบไปประมาณพันล้านได้”
ฤทธิชัยเตือน
“ฉันว่าแกตามติดไปแล้ว”
อภิชาติค่อยๆชะลอรถทำเป็นจอดข้างทางแต่แล้วมีรถมอเตอร์ไซด์รุ่นใหญ่คันหนึ่งผ่านพรวดไปเสียงกระหึ่มตรงไปที่รถตู้ของ ศักดา อภิชาติชะงัก
“มีคนมาเอี่ยวว่ะเพื่อน”
เส้นทางไปตลาดดอนเสือ ดาวขับรถออกมา ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
“สะใจดีเหลือเกิน เอาอีก”
ดาวปรามๆ
“วันนี้พอก่อน”
ทันใดนั้นตลาดตรงหน้าไกลออกไปเห็นระเบิดตูม ผู้คนร้องกรี๊ดกร๊าดตกใจ จักจั่นชะงัก
“พี่ดาว ระเบิด”
ดาวพุ่งรถไปทันที
ท่ารถบ้านดอนเสือ ดาวกับจักจั่นวิ่งมา ยังที่เกิดเหตุ ก็พบ เจ้าหน้าที่หลายนาย กำลังจัดพื้นที่วุ่นวาย และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกตัญญูกำลังลำเลียง ร่างคนเจ็บออกมารวมกันตรงหน้า ดาวกับจักจั่นเข้าไปหาเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง
“สวัสดีครับคุณดาว คุณจักจั่น เอ้อ...ได้ข่าวผู้กองกับคุณอภิชาติบ้างหรือยังครับ”
“เอ้อ...ยังค่ะ...แล้วที่นี่เป็นไงบ้างคะ”
“ตาย สาม บาดเจ็บ สิบ สาหัส 3 ครับ”
จักจั่นฉุนกึก
“บ้าที่สุด ไอ้พวกขี้ขลาดตาขาว ทำร้ายคนบริสุทธิ์ไม่มีทางสู้”
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเข้ามา ในมือมีจดหมายฉบับหนึ่ง
“เราพบจดหมายอยู่ที่ร่างของผู้ตายคนหนึ่งครับ”
ดาวรีบบอก
“ขอดูหน่อยได้มั๊ยคะ”
“เชิญครับ”
เจ้าหน้าที่ส่งให้ ดาวรับมาอ่าน
“ถึงนางเสือ...นี่คือผลที่ต่อต้านกับเรา”
ดาวหน้าเคร่งเครียด
ฤทธิชัยจ้องไปข้างหน้าที่ถนนในหมู่บ้าน อภิชาติมองๆ
“ขี่มอเตอร์ไซด์เท่ห์ซะด้วย”
รถมอเตอร์ไซด์แซงไปถึงด้านคนขับรถตู้ คนขี่มอเตอร์ไซด์อยู่ในชุดดำใส่หมวกกันน็อคสีดำ ตวัดปืนยิงเข้าไปที่ล้อหน้าของรถตู้...รถตู้ปัดไปมาแล้วเสยพรวดเข้าข้างทางจอดนิ่ง
“มีคนอยากจะเล่นงานท่านรองเหมือนเรา”
รถมอเตอร์ไซด์พุ่งไปข้างหน้าแล้วบิดหมุนหันกลับมาอย่างคล่องแคล่วพร้อมพุ่งเข้ามาอีกแต่ก่อนถึงประมาณ 10 เมตรก็หมุนรถกลับเอี๊ยดควันขโมง...คนขี่ตบขาตั้งลงพื้นยันมอเตอร์ไซด์ไว้ แล้วดีดตัวเข้าหารถตู้...ขณะที่บอร์ดี้การ์ดของศักดาโดดลงมาจากรถตู้ตวัดปืนเข้าใส่แต่ช้าไปคนลึกลับถอดหมวกกันน็อคออกขว้างใส่มือปืนคนหนึ่งกระเด็นไป คนผู้นั้นสะบัดผมยาวออกมา ผู้หญิงลึกลับเข้าถึงตัวพวกบอร์ดี้การ์ดที่เหลือ เตะต่อย ตีลังกาหมุนตัวจรเข้าฟาดหาง เข้าใส่ต่างต่อสู้ติดพัน พวกบอร์ดี้การ์ดคนหนึ่งพาศักดา ลงมาจากรถ วิ่งหนีลงข้างทางไปอีกด้านหนึ่ง อภิชาติขยับตัว
“นั่น ท่านรอง ฉันจัดการเอง”
“เดี๋ยว...เพื่อนมีคนมา”
ทันใดนั้นรถเก๋งคันหนึ่งพรวดผ่านรถของอภิชาติไป แล้วจอดพรวด ตรงรถตู้ สัตยากับลูกน้องสองคนพรวดลงมา
“จับมันให้ได้”
พวกลูกน้องบุกเข้าไปรุมล้อมร่างหญิงสาวในชุดดำต่อสู้กันอย่างดุเดือด สัตยามีฝีมือที่เหนือกว่า ทำให้หญิงสาวเสียเปรียบ สัตยาฉวยโอกาสโดดถีบหญิงสาวในชุดดำกระเด็นออกมาที่ถนน แต่แล้วมีรถเก๋งพรวดเข้ามา ประตูหลังเปิดอ้า ฤทธิชัยกวักมือเรียก
“ขึ้นรถเร็วเข้า”
หญิงชุดดำพุ่งตัวพรวดเข้ามาที่เบาะหลัง ในขณะที่ อภิชาติพุ่งรถออกไป พวกมันตามออกมาสาดกระสุนใส่ถี่ยิบเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สัตยาพรวดมาข้างหน้า มือตวัดปืนมาจากทางด้านหลังมีปืนสั้นยิงลูกดอกอยู่ในมือ สัตยาเหนี่ยวไกเสียงดังตึบ ลูกดอกติดวิทยุปักตึบเข้าให้ที่ท้ายรถของอภิชาติ ซึ่งวิ่งห่างออกไป สัตยามองตามยิ้มเยือกเย็น ในขณะที่บอร์ดี้การ์ดคนหนึ่งพาศักดา กลับเข้ามา
“ท่านไม่เป็นไรนะครับ”
“ลากคอพวกมันมาให้ได้”
สัตยายิ้มเครียด
“ตามพวกมันไป”
บนถนนสายหนึ่ง...อภิชาติขับรถไปบนถนน ฤทธิชัยนั่งข้างๆ สายตามองที่กระจกข้าง
“เร่งหน่อยเพื่อน รู้สึกว่าพวกมันจะตามมา”
อภิชาติเร่งรถออกไป
“คุณเบาะหลังเป็นยังไงบ้าง”
ร่างหญิงลึกลับโผล่ขึ้นมาจากเบาะหลังเป็น หญิงสาวหน้าตาสวย อภิชาติผิวปาก ฟิ้ว...ฤทธิชัยหันมาถาม
“คุณมีเรื่องอะไรกับท่านรองศักดา”
อภิชาติพูดขำๆ
“อย่าบอกนะว่าท่านรองไม่ยอมให้ทุนเปิดร้านอาหาร เลยเล่นงานซะเลย”
งิ้วโวยทันที
“บ้า...ฉันไม่ใช่กิ๊กท่านรองนี่”
ทันใดนั้นงิ้วก็ตวัดปืนขึ้นมาจากเอวด้านหลัง
“จอดรถ”
อภิชาติเซ็งๆ
“อ้าว...ไหงกลายเป็นคนอกกตัญญูไปได้”
งิ้วฉุนกึก
“นี่...ปากเสีย...จะให้ฉันไว้ใจพวกนายยังงั้นเหรอ”
ฤทธิชัยเห็นด้วย
“จริงของคุณ...เพื่อนจอดรถ”
อภิชาติเหยียบเบรก ร่างของงิ้วถลามาชนด้านหลังของเบาะหน้า ฤทธิชัยคว้าปืนไว้พอดี
“ถ้าไม่ไว้ใจก็เชิญลงได้เลยครับ”
งิ้วหันกลับไปก็เห็นรถพวกมันใกล้เข้ามา งิ้วหน้าเคร่งเครียดอภิชาติหันมาถาม
“เอ้า...ลงหรือไม่ลง”
“บ้าเหรอ...ใครจะลง”
อภิชาติออกรถไป ร่างของหญิงสาวกระดอนกลับไปพิงเบาะหลัง ฤทธิชัยส่งปืนให้ อภิชาติเร่งแล้วเลี้ยววาบพ้นพวกมันมาได้ ฤทธิชัยหันมาหางิ้ว
“ทำไมคุณถึงจะเล่นงานท่านรองศักดา”
“แค้นส่วนตัว...พวกคุณไม่ต้องยุ่ง”
ฤทธิชัยจ้องอึดใจ
“คุณ ณุพันธ์...คุณเป็นอะไรกับคุณณุพันธ์”
งิ้วประชด
“ลูกชายมั๊ง...”
อภิชาติแซว
“โห...คุณปลอมเป็นหญิงได้เหมือนมาก สวยซะด้วย”
ฤทธิชัยกลั้นหัวเราะ...งิ้วค้อน
“บ้า...ฉันเป็นลูกสาวย่ะ”
อภิชาติขำๆ
“คุณลูกสาว...มีชื่อหรือเปล่า”
“ชื่อ งิ้ว...”
ทั้งสองคนปล่อยก๊าก...
“มิน่า...อาละวาดยังกะ...”
ฤทธิชัยยังพูดไม่จบ งิ้วตวาด
“นี่...”
ฤทธิชัยกับอภิชาติพยายามกลั้นขำ
“ผมฤทธิชัย และนั่นนายชาติ”
งิ้วคาดไม่ถึง
“ฤทธิชัย กับ อภิชาติ”
ฤทธิชัยแปลกใจ
“คุณรู้จักเรา”
งิ้วตวัดปืนขึ้น
“นายสองคน ฆ่าพ่อฉัน...”
อภิชาติเบรกรถ ร่างของงิ้วถลามาติดหลังเบาะหน้าอีก ฤทธิชัยคว้าปืนไว้ได้อีกครั้ง ตวัดปืนจ่อหน้างิ้วพอดี...งิ้วแค้นเคร่งเครียด...
“พวกเราก็ถูกท่านรองศักดาใส่ร้ายเหมือนกัน”
งิ้วจ้อง ฤทธิชัย พิจารณาหาพิรุธ
รถของดาว กับจักจั่นเข้ามาที่ตลาดดอนเสือ จักจั่นโกรธแค้นมาก
“พวกมันเลวมากวางระเบิดในตลาด ไม่สนใจคนบริสุทธิ์”
“มันคิดโต้ตอบนางเสือ...นางเสือจะต้องโต้ตอบพวกมัน”
ดาวเอารถเข้าไปจอดหน้าอนามัยทั้งสองเดินเข้าไปด้านใน จักจั่นยกมือไหว้ป้าเนียน
“หวัดดีจ้ะป้าเนียน พี่จันล่ะจ๊ะ”
ป้าเนียนรับไหว้ยิ้มแย้ม
“พาเด็กไปที่ค่ายกับไผ่”
ดาวชะงักแปลกใจ
“เด็กที่ไหนจ๊ะ”
“ไผ่ช่วยไว้จากหมู่บ้าน พ่อแม่ตายหมด”
“ไอ้พวกนี้อีกแล้ว”
จักจั่นเคร่งแค้นเคือง
บนถนนสายหนึ่ง...รถของอภิชาติ วิ่งมาตามถนน ฤทธิชัยบอกกับงิ้ว
“คุณ ณุพันธ์ ตายแล้ว สองชั่วโมงก่อนที่เราจะไปถึง”
“ถ้าคุณข้องใจ ควรจะถามนายสัตยา คนที่โผล่มาขวางทางคุณก่อนที่เราจะเข้าไปเอ้อ...ช่วย” อภิชาติเน้น “คุณออกมา”
งิ้วถอนใจจ้องฤทธิชัย กับ อภิชาติ อย่างพิจารณา อารมณ์ค่อยผ่อนคลาย
“เอาล่ะ ฉันจะลองเชื่อพวกคุณดูก่อน”
ฤทธิชัยพยักหน้าเป็นเชิงรับแบบว่าแล้วแต่คุณ อภิชาติถามขึ้น
“คุณงิ้วจะให้ไปส่งที่ไหนครับผม”
“จอดตรงไหนก็ได้...เดี๋ยวกลับเอง”
อภิชาติจอดรถ...คนในรถเกือบคะมำ งิ้วค้อนเสียอารมณ์ อภิชาติยิ้ม
“เชิญครับ”
งิ้วเหล่...ฤทธิชัยเตือน
“ระวังตัวด้วยนะครับ...พวกนี้อันตรายกว่า ที่คิดพวก มันเก่งด้านปลอมตัวไม่รู้ว่าใครเป็นใคร”
งิ้วยิ้มมุมปากไม่สนใจ เปิดประตูลงไปจากรถ อภิชาติออกรถ
“แบบนี้ยุ่งแน่...ถ้ายังขืนกัดไม่ปล่อย แผนเราอาจพังได้”
ฤทธิชัยปรามๆ
“ใจเย็น...ดูทีท่าไปก่อน”
รถอภิชาติวิ่งตะบึงไป
จักจั่น อยู่ในอนามัยกับ ดาว และป้าเนียน
“จักจั่นว่าเราไปดูเด็กกันดีกว่า”
“ดีเหมือนกัน”
ทันใดนั้นมีเสียงดังมาจากด้านนอก ทั้งหมดต่างมองหน้ากันอย่างสงสัยแล้วพากันออกไปทางด้านนอกก็พบว่ามีชาวบ้านจำนวนหนึ่ง เดินขบวน มีป้ายเขียนว่า ไม่ต้องการนางเสือ นางเสือปล้นค่ายตัดไม้... นางเสือปล้นหมู่บ้าน...นางเสือก่อความเดือดร้อน...คนร้ายวางระเบิดเพราะนางเสือ ชาวบ้านตะโกนพร้อมกัน
“เราไม่ต้องการนางเสือ เราไม่ต้องการนางเสือ”
ป้าเนียนไม่พอใจ
“ดูซิ...พอได้เงินเข้าหน่อย ลืมหมดว่านางเสือเคยทำอะไรให้บ้าง”
จักจั่นไม่พอใจ
“ดี ต่อไปนี้มีเรื่องอย่ามาร้องหานางเสือก็แล้วกัน”
ดาวปราม
“ใจเย็นๆน่าจักจั่น ชาวบ้านไม่รู้ความจริง อย่าไปถือสา”
ทันใดนั้น เสียงแตรรถดังขึ้น รถเก๋งวิ่งเข้ามาหนึ่งคันตามด้วยรถกระบะมีพวกมือปืน 5 คนอยู่บนรถ รถทั้งสองคันเข้ามาจอดตรงหน้าฝูงชน วิวัฒน์ลงจากรถเก๋ง มือปืน 5 คนลงมาจากรถกระบะ ดาวชะงัก
“นายวิวัฒน์”
วิวัฒน์ประกาศก้อง
“พี่น้องทุกคน ฟังทางนี้”
ทุกคนหยุดฟัง เสียงค่อยเงียบลง
“กำลังเสริมของเจ้าหน้าที่พิเศษมาถึงแล้ว...จะจัดการกับนางเสืออย่างเด็ดขาด พรุ่งนี้ขอให้ทุกคนกลับไปทำงานได้”
เสียงชาวบ้านต่างเฮ วิวัฒน์เกลี้ยกล่อม
“ใครที่ขัดสนเรื่องเงิน ใช้บัตรเครดิตของท่านเบิกเงินได้”
เสียงชาวบ้านต่างเฮ จักจั่นเซ็งมาก
“เบิกได้อีกแล้ว...น่าเบื่อชาวบ้านพวกนี้ เมื่อไหร่ถึงจะรู้ว่าถูกพวกมันหลอกใช้”
ป้าเนียนถอนใจ
“ป้าว่ายาก...ตราบใดที่มีเงินปิดตาอยู่”
ขบวนรถจิ๊ปของทหารวิ่งเข้ามาสองสามคันพร้อมเจ้าหน้าที่นับสิบอยู่บนรถทั้งสอง รถผ่านดาวกับจักจั่นแล้วเลี้ยวไปทางสถานีตำรวจบ้านดอนเสือ ทั้งสองต่างมองตามหน้าเคร่งเครียด ดาวแค้นๆ
“แผนของพวกมันร้ายมาก มันให้ชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่มาตายแทนพวกมัน”
“เฮ้อ...อนุโมทนาสาธุ...”
ป้าเนียนส่ายหน้าหงุดหงิดใจแล้วเดินเข้าไปด้านใน ดาวหน้าเคร่งเครียด
ที่ค่ายสมาชิกโจร...เม่งจู กับ อาตง นั่งเฉยอาการเดิม คือไม่พูดไม่รับรู้ แม่สมพรมองอย่างสงสาร
“โถ น่าสงสารแท้ๆ”
แสงถอนใจ
“โชคดีที่ไผ่ช่วยไว้ได้ทัน”
แม่สมพรหันมาถาม
“ก็คงต้องเลี้ยงดูไว้ที่นี่ใช่มั๊ยพ่อแสง”
“แม่สมพรจัดการก็แล้วกัน”
ทุกคนต่างยิ้ม ไผ่รีบบอก
“งั้นผมฝากเลยนะครับแม่ ผมกับน้องจันจะกลับไปดูแถวนั้นอีกครั้งเผื่อว่าจะเจอค่ายของพวกมัน”
ลุงเดชเตือน
“ระวังตัวให้ดี...พวกนี้มีแผนการซับซ้อน”
ไผ่รีบพูดสิ่งที่ลุงเดชชอบพูดตลอดเวลา
“อย่าประมาท”
ลุงเดชยิ้มพยักหน้าไผ่หันไปพยักหน้าให้จันจิราทั้งสองออกไป ลุงเดชกับแสง ต่างมองตาม แม่สมพรโอบเด็กไว้คนละข้าง
“มานี่ มา ป้าจะดูแลหนูเอง”
ลุงเดชกับแสง ต่างมองแม่สมพรทั้งหมดต่างยิ้มให้กัน
เม่งจู กับ อาตง ยังคงสีหน้าเหมือนไม่รับรู้เหมือนเดิม
รถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดที่คอนโดแห่งหนึ่ง งิ้วลงมาจากรถ พยักหน้าทัก รปภ. ที่ยืนอยู่อย่างคุ้นเคย แล้วเดินเข้าไปข้างใน
เมื่อเข้าไปในห้อง งิ้วตรงไปที่แล็บท็อป เปิดหาข้อมูลทันที ไม่นานปรากฏภาพของ ฤทธิชัยขึ้นมา
“อดีตผู้กองหน่วยปราบปรามพิเศษ ลาออกจากราชการ...”
เธอเปิดหาข้อมูลอภิชาติ แล้วอ่านข้อมูล
“อภิชาติทนายอันดับหนึ่ง ถูกข้อกล่าวหา...”
เธอกดดูรูป เป็นรูปฤทธิชัยกับดาวคู่กันเดินอยู่ตามห้าง รูปอภิชาติกับจักจั่น ที่เดินตามที่ต่างในกรุงเทพ...ทันใดนั้นประตูเปิดโครมเข้ามา งิ้วสะบัดมือไปที่ปืนบนโต๊ะ แต่ช้าไป สัตยาพรวดเข้ามาพร้อมปืนในมือ
“อืม...สวยเหมือนกันนี่”
เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบอีกสามคน ตามเข้ามายืนประกบ งิ้วมองหน้าสัตยานิ่ง...
“ผมผู้กองสัตยา ขอแนะนำว่าคุณควรให้ความร่วมมือจะดีกว่า...ใครส่งคุณมาเล่นงานท่านรอง”
ทันใดนั้นงิ้วตบหน้าสัตยาเปรี้ยง สัตยาหน้าหัน ชายสองคนคว้าแขนสองข้างของงิ้วไว้อย่างรวดเร็ว สัตยาโมโห ตบงิ้วเปรี้ยงเข้าให้กระเด็นไปฟุบที่โซฟา งิ้วดีดตัวขึ้นมา แต่ชายสองคนตวัดปืนขึ้นมาจ่อ
“ต่อสู้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ อาจถูกยิงตายได้”
งิ้วยิ้มโหด..จ้องหน้าสัตยานิ่ง ทันใดนั้นเสียงเคาะประตู
“เฝ้านังนี้ไว้”
สัตยาเดินไปที่ประตู ตวัดปืนในมือขึ้นมาแล้วถือซ่อนไว้ข้างหลัง ตะโกนออกไป
“ใคร”
เสียงฤทธิชัยดังขึ้น
“นี่คุณ..น้ำรั่วลงไปห้องผมข้างล่าง ข้าวของเสียหายหมดแล้ว”
“พรุ่งนี้จะจัดการให้”
“อ้าว แล้วผมจะอยู่ยังไง แค่ดูนิดเดียวว่ารั่วตรงไหน”
ตามด้วยเสียงทุบประตูโครมๆๆๆ สัตยาเอามืออีกข้างหนึ่งเปิดประตูออก เจอหมัดของฤทธิชัยทิ้งโครมเข้าที่หน้า สัตยากระเด็นไปฟุบที่พื้นเสียงโครม เสียงดังทำให้ชายสองคนที่ถือปืนคุมหันไป วูบเดียวเท่านั้น งิ้วเตะที่ปืนคนหนึ่งกระเด็น และดีดตัวขึ้นมาต่อยอีกคนหนึ่งกระเด็นไปฟุบ ขณะที่ฤทธิชัย พรวดเข้ามาเอาปืนกราดไปที่พวกมัน
“ทุกคนหยุด...”
พวกมันต่างนิ่ง งิ้วมองหน้าฤทธิชัยนึกไม่ถึง
“ผมว่าคุณรีบมากับผมดีกว่า”
ณ หมู่บ้านชาวเขา...สาวชาวเขา 3-4 แบกเสื้อผ้าไปยังน้ำตก ต่างลงมือซักผ้ากัน แต่แล้วก็มีพวกมือปืน 3-4 คน ออกมาจากแนวป่า ต่างเดินเข้ามาหาหญิงชาวเขา สายตาพวกมันจ้องอย่างกระหาย
ไผ่ กับ จันจิรา เคลื่อนกายแฝงตัวมาในแนวป่า ทันใดนั้นไผ่ยกมือให้หยุด หันขวับไปทางด้านขวา เห็นหญิงชาวเขา กำลังวิ่งหนี มีมือปืน 3-4 คนที่กำลังไล่มา ไผ่กับจันจิราตามไปทันที
หญิงชาวเขา วิ่งหนีพวกมัน แต่ในที่สุด ก็ถูกพวกมันรวบไว้ได้คนหนึ่ง มันตบเธอจนฟุบไปอยู่กับพื้น
“พวกเอ็งออกไปดูรอบๆ ข้าขอเปิดตัวก่อน”
มันหัวเราะ พวกมันต่างขำแล้วเดินกันออกไป มือปืนเดินเข้าไปหาหญิงชาวเขา จับตัวพลิกหงายขึ้น เห็นเลือดกลบปาก หญิงชาวเขาร้องไม่ออก มันโยนปืนไว้ข้างๆ มือขยับจะปลดเข็มขัด
ทันใดนั้น ร่างของไผ่แวบมา ตรงหน้า มันตาเหลือก มือสองข้างของไผ่จับคอมันแล้วบิด มันคอหักตัวหมุนทรุดไป จันจิราที่ตามมา ประคองหญิงชาวเขา
“ไม่ต้องกลัว เรามาช่วย”
หญิงชาวเขาพยักหน้าไป ร้องให้ไปอย่างรับรู้
“เดี๋ยวพี่มา”
ไผ่ดีดตัวออกไป จันจิราประคองหญิงชาวเขาขึ้นมา...
“เราหลบไปทางโน้นก่อน”
จันจิราประคองหญิงชาวเขาเดินออกไป
ที่ค่ายสมาชิกโจร...รถจิ๊ปเข้ามาจอด ดาวกับจักจั่นลงมาจากรถ เดินผ่านทักทาย สมาชิกโจรมาถึงตรงลานก็เจอลุงเดช กับ แสง เดินเข้ามา
“ลุงเดช พ่อแสง..ไหนจ๊ะเด็กที่พี่ไผ่ พามา” จักจั่นถาม
“อยู่ข้างในกับแม่สมพร”
“แล้วพี่ไผ่กับพี่จันล่ะ”
“กลับไปดูพวกมัน”
“งั้นดาว เข้าไปดูเด็กๆก่อนนะจ๊ะ ไปจักจั่น”
ดาวกับจักจั่นวิ่งปรู๊ดเข้าไป ลุงเดช กับแสงมองตาม
“ดีเหมือนกันที่ไผ่พาเด็กสองคนนั่นมา เผื่อว่าหนูดาวกับจักจั่น อยากจะมีกับเขามั่ง”
ลุงเดชยิ้ม
“อืม..อาจจะจริงของเอ็ง ไอ้แสง”
แม่สมพรใช้พัด พัดให้เด็กสองคนซึ่งนอนหลับอยู่ตรงแคร่หน้าลาน ดาวกับจักจั่นเดินเข้ามา แม่สมพรยิ้มพยักหน้าให้ ดาวกับจักจั่นเข้ามานั่งเบาๆตรงแคร่ กลัวว่าเด็กจะตื่น
“โถน่าสงสารนะแม่สมพร”
แม่สมพรพยักหน้า
“ชื่ออะไรกันจ๊ะ” จักจั่นถาม
“เด็กยังช็อค จำชื่อตัวเองยังไม่ได้ เลย”
“ไอ้พวกนี้เลวจริงๆ ทำได้แม้กระทั่งเด็ก”
ดาวกับจักจั่นมองเด็กทั้งสองด้วยความสงสาร
ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 4 (ต่อ)
ในราวป่า...มือปืนทั้งสาม ยืนเกาะกลุ่มกันคอยดูต้นทาง บนต้นไม้ร่างของไผ่ยืนอยู่ แล้วทิ้งตัวลงมากลางกลุ่ม พวกมันล้มกระจัดกระจายปืนหลุดจากมือ แต่พวกมันก็ดีดตัวขึ้นต่างกระชากมีดสั้นออกมาอยู่ในมือ ต่างบุกเข้ามาต่อสู้กับไผ่ประชิดตัว
ไผ่โชว์ลวดลายการต่อสู้ไม่นาน ก็จัดการกับพวกมันได้หมด แล้วกลับไปหาจันจิรา กับหญิงชาวเขา
จันจิราส่งกระติกน้ำให้หญิงสาวดื่ม หลังจากที่ฟังเธอเล่าเรื่องราวในหมู่บ้าน ไผ่ถอนใจ
“ที่แท้มันยึดหมู่บ้านไว้นี่เอง...เราต้องแฝงตัวเข้าไป”
“ยาก พวกมันเต็มไปหมด”หญิงสาวบอก
“เธอช่วยพาเราเข้าไปได้มั๊ย” ไผ่ถาม
หญิงสาวพยักหน้า
“งั้นเธอกลับไปหาเสื้อผ้ามาให้เรา เราจะรอที่นี่”
หญิงสาวพยักหน้า ไผ่กับจันจิราต่างยิ้มอย่างพอใจ เมื่อหญิงสาวเดินแยกไป ไผ่หันมาบอกจันจิรา
“เราต้องกลับไปที่ค่ายก่อน เดี๋ยวทุกคนจะเป็นห่วง”
จันจิราพยักหน้าเห็นด้วย
ที่ค่ายสมาชิกโจร...ลุงเดชออกความเห็น หลังจากฟังเรื่องราว...
“พวกมันฉลาดขึ้นยึดหมู่บ้านเป็นค่าย ถ้าเราบุกเข้าไปถล่ม..ชาวบ้านก็จะรับเคราะห์”
“ไผ่คิดจะทำยังไงล่ะลูก” แสงถาม
“หญิงชาวเขาจะพาผมกับจันเข้าไปในฐานะญาติจากนั้น ผมก็จะหาทางเก็บแกนนำของพวกมันไม่ให้ชาวบ้านต้องเสียเลือดเนื้อ...”
“อืม..ดี..เด็ดหัวซะ..หางก็นิ่งไปเอง หนูดาวกับจักจั่นเพิ่งกลับไป..แต่ไม่เป็นไร ลุงจะบอกหนูดาวกับจักจั่นเอง จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ผมจะรีบกลับ” ไผ่บอกทันที
“คอยดูหนูจันให้ดีๆล่ะ” แสงหันไปบอกไผ่
“ครับ”
ไผ่กับจันออกไป...ลุงเดชกับแสงมองตาม...
“แสง เอ็งส่งคนของเรา ไปเที่ยวหมู่บ้านแถวเขตชายแดนซะหน่อยก็ดี เผื่อจะเจอพวกมัน” ลุงเดชสั่ง
บริเวณโรงงานแห่งหนึ่งชานเมืองกรุงเทพ รถตู้สองคันวิ่งเข้าไปจอดด้านใน ประตูรถตู้เปิดออกพวกมือปืนกรูกันลงมา รถตู้คันที่สองเปิดประตู โจ กับคายามังลงมาจากรถ ทั้งหมดเดินเข้าไปด้านในตัวโรงงาน ที่มีมือปืนเฝ้าทางเข้าอยู่เป็นจุดๆ เมื่อถึงห้องลับด้านในพวกมันเปิดประตูให้ทั้งสองคนเข้าไป
ด้านในมีร่างของสาวสวย นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงสามเตียง ที่แขนมีกุญแจมือติดไว้กับขอบเตียง
“การนำผู้หญิงไปที่ค่ายชักช้าเสียเวลา พาท่านมาที่นี่จะง่ายกว่า...” โจบอก
คายามังพยักหน้าพอใจ
“ให้คนตั้งโต๊ะพิธีหน้าเตียง เราจะปลุกเสกพร้อมกัน ให้วิญญาณนางงูเลือกเอาว่าชอบร่างไหน”
“หวังว่าคราวนี้คงสำเร็จ นายใหญ่ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งที่ท่านล่าช้า”
“ทางที่ดีท่านควรฝังวิทยุตามตัวไว้ที่ร่างของผู้หญิงสามคนนั่นก่อนดีกว่า”
“ทำไม...กุญแจล็อคอยู่แล้ว”
“วิญญาณหลังจากหลับอยู่นาน เมื่อถูกปลุกจะเกิดการคลุ้มคลั่งคุมไม่อยู่ อาจเตลิดไปจนหาไม่ตัวไม่เจอ”
“ได้...”
โจทำตามที่คายามังสั่งทันที
คายามังนั่งท่องมนต์ปลุกเสก ตรงหน้าโต๊ะพิธีมีรูปปั้นของนางงูเก็งกองตั้งอยู่ ด้านหลังคือหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงทั้งสามคน ขณะที่ท่องคาถา ควันค่อยๆลอยออกจากรูปปั้นม้วนไปที่หญิงทั้งสามไว้ ควันค่อยๆวนไปเวียนมาแล้วในที่สุดก็วนไปเข้าร่างของหญิงสาวสวยคนหนึ่ง
ทันใดนั้นผมของหญิงสาวเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นงูตัวเล็กๆเคลื่อนไหว ดวงตาเปิดขึ้นเป็นประกายสีแดง หญิงสาวบิดตัวเหมือนร่างกายภายในถูกไฟสุม เริ่มสะบัดมือกุญแจมือหักสะบั้น
คายามังคาดไม่ถึง ลนลานคว้าย่ามขึ้นมาพลางล้วงเข้าไปหมายคว้าดาบลงอาคมแต่ช้าไป ร่างของหญิงสาวลอยมายืนตรงหน้าสะบัดมือโครม คายามังกระเด็นไปกระแทกลังสินค้า กลิ้งไปกับพื้น เขาพยายามจะโงหัวขึ้นมาแต่มึนเห็นร่างรางๆของหญิงสาวลอยออกไป ได้ยินแต่เสียงปืนดังสนั่น เสียงมือปืนร้องโหยหวนก่อนจะสลบไป
โจเดินเข้ามากับพวกมือปืน พบคายามังที่เพิ่งฟื้น ยืนมองมือปืน 3 คนที่นอนตายอยู่ โจกราดสายตามองไปรอบๆ
“บ้าที่สุด”
“ข้าบอกแล้ว นางงูเก็งกองมีพลังที่น่ากลัว นางงูเพิ่งได้ร่างใหม่คงตกใจคุ้มคลั่ง แต่จะค่อยๆอ่อนลงเราต้องรีบหาตัวให้พบ”
โจเคร่งเครียดทันที
อภิชาติขับรถมาตามถนน แล้วเลี้ยวเข้าซอยเงียบแห่งหนึ่ง งิ้วถามอย่างสงสัย
“นี่พวกคุณจะพาฉันไปไหน”
“ใจเย็นน่า ผมไม่พาคุณไปขายหรอก แค่หลีกถนนใหญ่ ไม่อยากจ๊ะเอ๋กับพวกมัน”
ฤทธิชัยที่นั่งข้างๆอภิชาติหันมาบอก
“คุณควรไปพักที่เซฟเฮ้าส์ของเราก่อน...จะดีกว่า..”
“ไม่จำเป็นมั้ง”
“ครั้งต่อไปเราอาจมาช่วยคุณไม่ทัน” อภิชาติให้เหตุผล
ฤทธิชัยเสริม
“คุณมีที่ปลอดภัยเมื่อไหร่ก็ค่อยไปเมื่อนั้น”
“ใช่..ไม่ได้ให้อยู่เลย...แฟนผมขี้หึงด้วย”
งิ้วโต้ทันที
“ความจริง..ถึงคนพวกนั้นจะเอาตัวฉันไป..แต่ก็ไม่มีทางจะดำเนินคดีกับฉันได้ พวกคุณเดือดร้อนมายุ่งเอง”
“คุณคิดว่าพวกมันจะพาคุณไปเพื่อดำเนินคดียังงั้นเหรอ” อภิชาติโต้
“คุณพูดเหมือนมีเส้นใหญ่หนุนหลัง” ฤทธิชัยตั้งข้อสังเกต
งิ้วตัดสินใจบอก...
“จริงๆแล้วดิฉันเป็นตำรวจสากลถูกส่งตัวมาจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกแบล็คอีวิลอย่างลับๆ”
“คุณเนี่ยนะ” อภิชาติย้อนถามอย่างไม่อยากเชื่อ
“ทำไม...”
ทันใดนั้นร่างของผู้หญิงคนหนึ่งแวบมาขวางที่หน้ารถ
“ระวัง”
ฤทธิชัยร้องบอก แต่ช้าไปอภิชาติชนโครมเข้าอย่างจัง ทุกคนนั่งอึ้งไปขณะหนึ่ง
“แวบมาเร็วมาก เบรกไม่ทันจริงๆ” อภิชาติบ่น
ฤทธิชัยก็เปิดประตูออกไป ตามด้วย อภิชาติและงิ้ว เห็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่ห่างออกไป ฤทธิชัยปรี่เข้าไปพลิกตัวขึ้นมาประคองไว้กับตัว ใบหน้าคือหญิงสาวสวยที่วิญญาณปลุกเสกงูเก็งกองเข้าร่าง แต่ตอนนี้ผมหยิกธรรมดาไม่มีลักษณะเป็นงู ดวงตาหลับสนิท งิ้วกับอภิชาติทรุดตัวลงใกล้ๆ
“เป็นยังไงบ้าง”
ฤทธิชัยเอามืออังที่จมูก
“ท่าทางจะหนัก”
อภิชาติลุกขึ้นยกโทรศัพท์กด
“โธ่เอ๊ยไม่มีสัญญาณ”
อภิชาติยกโทรศัพท์ขึ้น แล้วออกเดินหาสัญญาณห่างออกไปสองสามก้าวก็เจอสัญญาณ
“191 หรือครับ ขอรถพยาบาลด่วน อยู่บนถนนประชาอุทิศ ซอย 15 อุบัติเหตุคนถูกรถชน”
ระหว่างนั้น หญิงสาวเริ่มขยับตัว ค่อยๆลืมตาขึ้นมาประสานสายตากับฤทธิชัยนิ่ง หญิงสาวยิ้มค่อยๆยกมือขึ้นลูบใบหน้าของฤทธิชัย แต่แล้วก็หมดสติอีกครั้ง ฤทธิชัยมองอย่างแปลกใจ
ทันใด ดวงตาของฤทธิชัยค่อยๆเป็นสีแดง เป็นสายตาของสายลม เขาเห็นผมหยิกของหญิงสาวค่อยๆกลายเป็นงูตัวเล็กๆเต็มหัว ฤทธิชัยถึงกับคาดไม่ถึง เขากระพริบตาถี่ๆเพื่อความแน่ใจ แล้วผมของหญิงสาวก็กลับเป็นเหมือนเดิม
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
งิ้วเห็นท่าทางแปลกของฤทธิชัยก็มองอย่างแปลกใจ
“เอ้อ...คุณเห็นมั๊ย”
“เห็นอะไร”
เสียงอภิชาติดังขึ้น
“รถพยาบาลมาแล้ว”
งิ้วลุกขึ้นไป ฤทธิชัยจ้องหญิงสาวอย่างไม่แน่ใจกับสิ่งที่เห็น...
หญิงชาวเขาที่ไผ่กับจันจิราช่วยไว้ แบกตะกร้าผักเดินเข้ามาในหมู่บ้าน โดยทั้งคู่ที่อยู่ในชุดชาวเขาเดินตาม ไผ่หอบฟืน จันจิราถือตะกร้าเหมือนกัน ทั้งหมดเดินผ่านพวกมือปืนที่ซุ่มอยู่ตามจุดต่างๆ พวกมันไม่มีใครสงสัย...
“จะพาไปหาหัวหน้าก่อน”หญิงชาวเขาบอก
ทั้งหมดเดินผ่านเส้นทางไป พวกมันบางคนมอง แต่ก็ผ่านไปด้วยดี...
เมื่อไปถึงกระท่อมหัวหน้า หญิงชาวเขาเล่าให้หัวหน้าฟัง...
“สองคนนี้จะมาช่วยพวกเรา”
หัวหน้าเครียดทันที
“เฮ้อ..นางหลัน เอ็งจะทำให้หมู่บ้านเดือดร้อน”
ไผ่รีบบอก
“ผมช่วยได้..แต่ทุกคนต้องให้ความร่วมมือ”
“เสี่ยงมากนา..พวกมันเยอะ ไม่ได้หรอก รีบออกไปดีกว่า ข้าไม่อยากให้คนของข้าต้องตาย”
ไผ่กับจันจิราพูดไม่ออก..หลัน หันมาส่ายหน้า..
“มีครอบครัวพ่อแม่ลูกถูกยิงตาย...หัวหน้าเลยกลัว”
ไผ่กับจันจิราต่างลอบสบตากัน เพราะรู้ว่าหมายถึงครอบครัวของเม่งจูกับอาตงที่ไผ่พากลับไป หัวหน้าพึมพำออกมา
“เฮ้อ..ขอให้นางเสือมาช่วยด้วยเถิด”
ไผ่รีบสวมรอย
“จริงๆแล้ว นางเสือส่งฉันสองคนมาดูลาดเลาพวกมัน”
หัวหน้าตาโตตื่นเต้นแต่แล้วก็สีหน้าก็เคร่ง
“เอ็งอย่ามาหลอกข้า”
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉันจะส่งข่าวให้นางเสือมาหาหัวหน้า คืนนี้ ตกลงมั๊ย” จันจิราเสนอ
“ได้..ถ้านางเสือมา ข้าจะให้เอ็งสองคนอยู่ดูพวกมันที่นี่”
ไผ่กับจันจิราต่างยิ้ม..
ที่โรงพยาบาล...ฤทธิชัย อภิชาติ และ งิ้ว นั่งอยู่ตรงห้องโถง ครู่หนึ่งหมอเดินมา ทั้งหมดลุกขึ้น
“ขอตัวก่อน ต้องรายงานกลับไปที่หน่วย”
งิ้วเดินแยกไป หมอเดินเข้ามารายงานผล
“เรียบร้อยดีครับ ร่างกายไม่มีร่องรอยการบาดเจ็บ คงช็อคไปมากกว่า..อีกไม่นานคงรู้สึกตัว”
อภิชาติยิ้มออก
“เฮ้อ..โล่งอกไปที...”
“ขอบคุณครับ”
ฤทธิชัยบอก หมอเดินจากไป เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น..อภิชาติรับสาย...
“ครับ..ครับ..ขอบคุณครับ...ทายซิเพื่อนว่าเกิดอะไรขึ้น”
อภิชาติมีท่าทีตื่นเต้น ฤทธิชัยมองหน้ารับฟัง...
“เธอคือหนึ่งในผู้หญิงที่ตำรวจได้รับแจ้งว่าหายไปเมื่อสามวันก่อน ซึ่งแสดงว่าต้องเกี่ยวกับพวกแบล็คอีวิลชัวร์”
“ผู้หญิงสวย กับ แบล็คอีวิล...พวกมันทำอะไรกันแน่”ฤทธิชัยเคร่งเครียด
เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินผ่านมาสองคน ฤทธิชัยกับอภิชาติหันหลังให้เพื่อไม่ให้เห็นหน้า
“ตำรวจคงมาสอบสวนปากคำ” อภิชาติบอก
งิ้วเดินกลับมา
“ทางหน่วยยินดีที่จะให้ฉันร่วมงานกับพวกคุณ”
อภิชาติยิ้มรับ
“โอเค....งั้นต้องฉลองกันหน่อย”
งิ้วยิ้ม ทั้งสามคนพากันเดินออกไป
รถตู้ของโจเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล คนข้างหน้าข้างคนขับมีแล็บท็อปอยู่บนตัก
“ตำแหน่งอยู่ที่นี่ครับ”
โจ มือปืนสองคน และคายามังลงมาจากรถตู้ กราดสายตามองขึ้นไปบนอาคาร
“พวกเอ็งรออยู่ที่รถ เอ็งสองคนตามข้ากับอาจารย์มา”
โจสั่ง ทุกคนออกเดินไปยังอาคารอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายเดินมาถึงหน้าห้องคนป่วย พยาบาลที่เดินนำมาบอก...
“นี่ค่ะห้องคนป่วย”
“ขอสอบปากคำแค่ สิบนาทีครับ”
พยาบาลพยักหน้าแล้วเดินจากไป ตำรวจสองนายเปิดประตูเข้าไปในห้อง ถึงกับตกใจเพราะ เห็น
งูตัวหนึ่งขนาดงูจงอางกำลังชูหัวอยู่บนเตียงคนป่วย ตำรวจทั้งสองคาดไม่ถึง
โจ คายามัง และมือปืน พากันเดินเข้ามา ต่างวางท่าว่ามาเยี่ยมคนป่วย ทันใดนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นสองสามนัด เสียงพยาบาลหญิงร้องตกใจ โจกับพวกมันรีบวิ่งไปตามเสียง
ประตูห้องคนป่วยเปิดออก โจ กับ คายามัง พรวดเข้ามาถึงกับตาค้าง เพราะงูใหญ่ยังอยู่บนเตียง ข้างเตียงร่างของตำรวจสองนายนอนอยู่
“อาจารย์” โจร้องอย่างตกใจ
คายามังรีบดึงมีดลงอาคมออกมาจากย่าม ทันใดนั้นงูพุ่งเข้าหาโจ แต่คายามังเข้ามาขวางพร้อมยกมีดขึ้นตรงหน้า กลายเป็นงูพุ่งหายเข้าไปในมีดลงอาคมของคายามังพอดี...โจถอนใจเฮือก..
ที่บ้านหลังหนึ่ง...ในห้องหนึ่ง มีเตียงตั้งอยู่ โจกับมือปืน 4-5 คนยืนล้อมเตียง ในมือมีปืนพร้อมยิง คายามังท่องคาถา พลางยื่นมีดอาคมมาทางด้านหน้า ควันค่อยๆปรากฏออกมาจากมีดลอยไปบนเตียงแล้วกลายเป็นร่างของหญิงสาวปรากฏไม่ได้สติอยู่บนเตียง
“ไม่น่าเชื่อมีดอาคมสามารถคุมนางงูได้จริงๆ” โจมองอย่างตื่นเต้น
“เราโชคดีที่วิญญาณนางงูเพิ่งรู้สึกตัว ยังไม่มีพลังมากนัก” คายามังอธิบาย
“เราจะรายงานนายใหญ่ว่าท่านทำสำเร็จ คราวนี้จะได้รู้ว่านางงูสามารถทำลายนางเสืออย่างที่ท่านคุยไว้หรือเปล่า...”
“เดี๋ยว..ต้องรอให้นางงูมีพลังสมบูรณ์เต็มที่ก่อน ถึงจะรู้ว่าได้ผล”
“นานแค่ไหน”
“บอกไม่ได้..โชคดีก็แค่สองสามวัน ถ้าโชคร้ายอาจจะเป็นสองสามอาทิตย์ หรือไม่นางงูอาจออกจากร่างไปเลยก็ได้”
โจไม่พูดได้แต่ส่ายหน้าเสียอารมณ์เดินพรวดออกไป คายามังหันมามองร่างของนางงูเก็งกองที่อยู่บนเตียง ยังคงสภาพเป็นหญิงสาวสวยธรรมดา เส้นผมหยิกยังไม่มีสภาพเป็นงูปรากฏให้เห็น
ที่เซพเฮ้าส์...อภิชาติเอากาแฟมาวางตรงหน้าของงิ้ว แล้วนั่งลงที่โต๊ะทานข้าว หันไปมองฤทธิชัยที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง
“เป็นอะไรวะเพื่อน ท่าทางแกเหมือนสมองขาดออกซิเจน”
“ไม่มีอะไร...แค่เห็นภาพหลอนว่ะ...สงสัยจะเบลอ”
ฤทธิชัยส่ายหน้าสงสัยตัวเอง เดินมานั่งที่โต๊ะทานข้าว อีกด้านหนึ่ง แล้วถามงิ้ว
“ผมว่าคุณเล่าเบื้องหลังของคุณมาดีกว่า”
“ทางหน่วยที่อเมริกาต้องการส่งคนมาจับตาดูพวกแบล็คอีวิล ฉันอยากสืบเรื่องคุณพ่อ...เลยถือโอกาสสวมรอยอาสารับภารกิจนี้”
“เอ๊ะ..ตามหลัก ถ้าเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว เขาจะไม่ยอมให้คุณออกปฏิบัติการอย่างเด็ดขาด”
“ใช่..แต่หัวหน้าฉันเข้าใจ..เลยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้..อีกทุกภารกิจของฉันไม่เคยพลาด”
อภิชาติยิ้ม
“ยินดีต้อนรับอย่างเป็นทางการ..”
“ขอบคุณสำหรับกาแฟ...”
ทั้งหมดต่างยิ้มให้กัน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อภิชาติรับสายครู่หนึ่ง แล้วหันมาบอกทันทีที่วางสาย
“มีเรื่องแปลกอีกแล้วเพื่อน มีคนบุกเข้ามาเอาตัวผู้หญิงคนเจ็บไป”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน พยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้น ฤทธิชัยสีหน้าเคร่ง นึกถึงผมหยิกของหญิงสาวที่ค่อยๆกลายเป็นงูตัวเล็กๆขึ้นมาอย่างแปลกใจ
ไผ่ร่อนตัวลงมาในราวป่าใกล้หมู่บ้านชาวเขา กราดสายตาไปรอบๆ ทันใดนั้นเงาแวบมา ไผ่หันขวับ ร่างของจันจิรายืนอยู่ตรงหน้าในชุดนางเสือ
“อืม..เท่ห์น่าดู”
จันจิรายิ้มแล้วดีดตัวออกไป ไผ่ยิ้มอย่างพอใจ
หัวหน้านั่งสูบยาอยู่หน้าระเบียงบ้าน เสียงดัง มาจากทางด้านหลัง หัวหน้าค่อยๆลุกขึ้นเดินเข้าไป
ก็ถึงกับชะงัก ร่างของจันจิราในชุดนางเสือยืนอยู่ตรงหน้า
“ท่านต้องการพบเรา”
หัวหน้ารีบคุกเข่าลงยกมือไหว้
“กราบให้นางเสือช่วยไล่คนร้ายให้พ้นไปจากหมู่บ้านเรา”
“ได้..เราส่งคนของเรามาคอยดูแล้ว ท่านต้องให้ความร่วมมือ”
“จ้า..ยินดี จ้า”
หัวหน้าก้มลมกราบ พอเงยหน้าขึ้นมานางเสือก็หายไปแล้ว หัวหน้ากราดสายตาไปมาอย่างตื่นเต้น
จันจิราในชุดนางเสือเข้าไปในกระท่อมที่พัก ทันใดนั้นเงาวูบชนร่างนางเสือล้มลงไป เป็นไผ่กอดร่างของจันจิราอยู่
“อย่าขยับ มิเช่นนั้นจะถูกหอมแก้มทั้งคืน”
จันจิราถอดหน้ากากออก ทำสีหน้าเคร่ง
“ถ้าไม่หอมละก็...น่าดู”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน ไผ่ก้มลงหอมแก้มจันจิรา แล้วสะบัดมือทำให้ไฟตะเกียงดับวูบลง
ดาวคุยโทรศัพท์กับฤทธิชัย เธอออกความเห็นหลังจากที่ฟังเรื่องราว
“อืม..แปลกมากจริงๆด้วยค่ะ .ดาวว่าคุณหนึ่งอาจจะเหนื่อยเลยเห็นภาพแปลกๆ...แต่ทุกอย่างยังเรียบร้อยดีนะคะ”
“ครับ แค่คิดถึงคุณ”
“ดาวก็คิดถึงคุณค่ะ...ฝากความคิดถึงคุณอภิชาติด้วยแค่นี้ก่อนนะคะ..อาจมีพวกมันคอยจับสัญญาณเราอยู่”
ดาววางสาย จักจั่นเดินเข้ามาถาม....
“คุณหนึ่งโทรมาเหรอ”
ดาวพยักหน้า
“คุณอภิชาติฝากความคิดถึงมา”
จักจั่นยิ้ม
“แล้วมีอะไรคืบหน้าหรือเปล่า”
“มี..ตำรวจหญิงสากล ชื่อ งิ้ว แล้วก็ ผู้หญิงมีผมเป็นงู”
จักจั่นงง ดาวยิ้ม แต่อดคิดกังวลไม่ได้
ใกล้สว่าง จันจิราในชุดนางเสือ ก้าวออกจากกระท่อม...
“หลันบอกว่าพวกมันจะมีรถเอาคนมาเปลี่ยนก่อนสว่าง”
ไผ่ที่เตรียมพร้อมแล้วเช่นกัน พยักหน้ารับ
“ฉลาดมาก ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันมาทางไหน ไปทางไหน...พร้อมนะ....”
“พร้อม”
จินจิราพยักหน้ารับ แล้วพากันออกไปจากบ้านทันที...
ในราวป่า...ไผ่ กับ จันจิรา ซุ่มดูพวกมือปืนที่ยืนระวัง อยู่รอบนอกของหมู่บ้าน พวกมันเดินคอยระวังกันอย่างรัดกุม
“เอ..จะเช้าอยู่แล้ว ยังไม่เห็นเงาของพวกมัน” ไผ่บ่น
“ใจเย็นๆซิจ๊ะ.. สมัยนี้มีใครตรงเวลามั่ง โน่นไง มาพอดี”
รถจิ๊ปวิ่งเข้ามาจอด มีพวกมือปืนอยู่เต็มคัน พวกมือปืนต่างกระโดดลง มา แล้วแยกย้ายกันไปตามจุดต่างๆ อึดใจก็มีพวกที่เฝ้าตอนกลางวัน กลับมาขึ้นรถ แล้วเคลื่อนพรวดเข้าไปในแนวป่า....
“ได้เวลาลุยอีกแล้ว”
ทั้งสองต่างยิ้ม แล้วดีดตัวเข้าแนวป่า ตามพวกมันไป
อภิชาติเดินออกมาจากด้านใน ขณะที่ฤทธิชัยนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“คุณดาวฝากความคิดถึงมาให้แก” ฤทธิชัยหันมาบอก
“แล้วคุณจักจั่นไม่ได้ฝากมาด้วยเหรอ”
“เผอิญอยู่ในห้องน้ำว่ะ”
“ดีแล้ว..ไม่ยังงั้นคงถามเรื่องคุณงิ้วยาวแน่”
ฤทธิชัยอดขำไม่ได้...งิ้วเดินออกมาออกมาจากด้านใน...เดินมาที่โต๊ะ
“สวัสดีค่ะ”
ฤทธิชัยชงกาแฟมาส่งให้
“กาแฟครับ”
งิ้วรับมา
“มีความคืบหน้าเรื่องผู้หญิงกับพวกมันหรือยัง”
“ยังเลยครับ...”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อภิชาติรับสาย ฟังแล้ววางลง
“มีแต่เรื่องแปลกขึ้นมาอีก แพทย์ตรวจศพเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปสอบปากคำ พบว่าบาดแผลที่ต้นคอมาจากถูกงูกัด”
“รอยงูกัดเหรอ...งูมาจากไหน” งิ้วงง
“ที่แปลกหนักก็คือ ชนิดของงูที่กัด ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเป็น งูเก็งกองซึ่งสูญพันธ์ไปนานแล้ว”
ฤทธิชัย กับ งิ้ว ถึงกับเงียบไป ได้แต่มองกันไปมา
หน้าถ้ำแห่งหนึ่ง...รถจิ๊ปเข้ามาจอด พวกมือปืนลงจากรถทักทายกับพวกมือปืนอีกชุดหนึ่งที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าถ้ำ แล้วแยกย้ายกันไป อีกด้าน ไผ่กับจันจิราซุ่มมองอยู่
“มีรถพวกมันมาอีก”
จันจิราบอก ไผ่หันไปก็เห็นรถจิ๊ปอีกคันหนึ่งเข้ามา มีพวกมือปืนจำนวนหนึ่งเช่นกัน
“แสดงว่าพวกมันต้องคุมหมู่บ้านอื่นในรัศมีใกล้เคียง”
“โดยใช้ที่นี่เป็นฐานส่งคนออกไป”
“ดี..เราจะเข้าไปถล่มตัดฐานกำลังพวกมันให้หมด”
ไผ่เคลื่อนตัวไปใกล้ถ้ำ จันจิราตามไปติดๆ
งิ้วถามอภิชาติขึ้นมาอย่างแปลกใจ...
“งูเก็งกอง แบบในหนังที่มีผู้หญิงมีผมเป็นงูน่ะเหรอ”
ฤทธิชัยถึงกับวางแก้วลงตั้งใจฟัง
“ไม่ยักรู้ว่าคุณดูหนังเขมรด้วย”
งิ้วมองค้อน
“นี่...คุณ..ฉันไม่ได้ดูหนัง..แค่ความรู้รอบตัว”
“โห...จะคุยว่ารอบรู้...แกคิดว่าไงเพื่อน”
อภิชาติหันไปถามฤทธิชัยเห็นสีหน้าเคร่งเครียด
“อ้าวเฮ้ย..เป็นอะไรเพื่อน”
“เมื่อคืนนี้ตอนที่ผู้หญิงรู้สึกตัวขึ้น มา วูบหนึ่งฉันเห็นผมของผู้หญิงคนนั้นเป็นงูตัวเล็กๆเต็มไปหมด”
“แกอย่ามาอำนะเพื่อน”
ฤทธิชัยส่ายหน้า งิ้วกับอภิชาติต่างมองหน้ากัน คาดไม่ถึง
ที่หน้าถ้ำ... มือปืนเดินไปมาระวังอยู่ ทันใดนั้นเสียงสายฟ้าคำรามก้อง พวกมันถึงกับขยับปืนกราดไปมา
“นางเสือ” คนหนึ่งร้องบอก
“มันมาถึงนี่ได้ยังไง”
เสียงสายฟ้าก้องคำรามมาอีก พวกมันกราดปืนไปมา
“ดูนั่น”
พวกมันมองไปบนเนินตรงข้ามกับถ้ำ เห็นร่างของสายฟ้า พวกมันต่างยกปืนยิงออกไปเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
ทันใดนั้น ร่างของไผ่ กับ จันจิรา แวบมายืน ทางด้านหลังของพวกมัน แล้ววิ่งเข้าไปในถ้ำ พวกมันกราดยิง สายฟ้าร้องก้องแล้วร่างค่อยๆจางหายไป หัวหน้าออกมาพร้อมมือปืน อีกสองสามคน
“มีอะไรวะ”
“เสือนาย..เสือ..แต่หายไปแล้ว”
หัวหน้าตบมือปืนโครม
“ไอ้พวกอัดยาจนประสาทหลอน”
หัวหน้าเดินกลับเข้าไป พวกมือปืนต่างมองหน้ากัน กราดสายตาไปรอบๆ...แต่ ไม่เห็นเงาของสายฟ้า
ดาวกับจักจั่นตรวจอาวุธอยู่ในห้องกินข้าว...
“อยากรู้จังว่า คุณงิ้ว น่าตาเป็นยังไง” จักจั่นนึกสงสัยขึ้นมา
“เห็นคุณหนึ่งว่าสวย แล้ว ก็เก่งด้วย”
“ฮืม..เข้ากรุงเทพฯ ด่วน”
ทั้งสองต่างยิ้มขำกัน เสียงเรียกดังมาจากทางด้านล่าง
“คุณดาวคะ คุณดาว”
ขัน หญิงจากค่ายอาสามาร้องเรียก ดาวออกไปพบ
“ว่าไงจ๊ะ ขัน”
“มีจดหมายถึงคุณดาวค่ะ”
ดาวรับจดหมายมา
“จากใครเหรอ”
“ไม่ทราบค่ะ มันขี่มอเตอร์ไซด์ ใส่หมวกกันน็อคมิดชิด มายื่นจดหมายที่หน้าค่าย”
“ขอบใจมากนะจ๊ะ”
“จ้า...”
ขันเดินกลับไป ดาวแกะจดหมายออกอ่าน แล้วกลับไปบอกจักจั่น
“พวกมันส่งจดหมายมาให้นางเสือไปตามนัด ไม่ยังงั้นมันจะฆ่าพวกชาวบ้านตัวประกัน”
“จักจั่นตะหากที่จะฆ่าพวกมัน”
“งานนี้จะประมาทไม่ได้ เพราะหมายถึงชีวิตของชาวบ้านที่ต้องสูญเสีย”
ดาวบอกเครียดๆ
โปรดติดตามตอนต่อไป เวลา 9.00 น.