xs
xsm
sm
md
lg

สายฟ้ากับสมหวัง ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สายฟ้ากับสมหวัง ตอนที่ 1

เช้านั้น ท่วงทำนองเพลงจังหวะสนุกสนานคึกคักดังขึ้นในห้องตัดเสื้อ ร้านชวนชมภูษา เนื้อร้องแสนสนุกของเพลงนั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับคนอยากมีแฟน พร้อมๆ กันนั้น มือผู้หญิงคนหนึ่งจับสายวัดตัวทาบไปที่แขนของหญิงลูกค้าอีกคนหนึ่ง สลับกับหันไปจดค่าที่วัดได้ลงในกระดาษอย่างแคล่วคล่อง พร้อมขยับเท้าตามท่วงทำนองเพลงเป๊ะๆ

ที่แท้เป็นสมหวังนั่นเอง ที่กำลังวัดตัวให้ลูกค้าหญิงคนหนึ่งที่มาสั่งตัดชุด สมหวังหันกลับมาวัดในส่วนต่างๆ ของลูกค้าอีก
ร้านชวนชมภูษา เป็นห้องเสื้อประมาณสองคูหา ไม่ใหญ่โตมาก แต่ร้านถูกตกแต่งอย่างทันสมัย มีรูปภาพคนดังๆ ที่มาตัดเสื้อผ้าที่ร้านแขวนอยู่ตามผนัง โชว์ว่าฝีมือระดับไหน ในร้านผ้าแพรภัณฑ์ชนิดต่างๆ หลากสีสัน ถูกจัดวางเอาไว้ให้ลูกค้าเลือกสรรตามรสนิยมอย่างเป็นระเบียบ และสวยงาม
มีเสื้อผ้าที่ตัดเสร็จแล้วบางตัวสวมโชว์อยู่บนหุ่นบ้าง และแขวนอยู่บนราว พร้อมสำหรับจัดส่งให้ลูกค้าจำนวนหลายชุด และทุกชุดถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเช่นกัน

สมหวังวัดตัวลูกค้าเสร็จเรียบร้อย และกำลังมาส่งลูกค้า พร้อมบอกวันนัดหมายมารับชุด
“ขอบคุณนะคะ อาทิตย์หน้ามารับได้เลยค่ะ”
ลูกค้าเดินออกจากร้านไปแล้ว สมหวังหันกลับไปคว้ารีโมทสเตอริโอมากดเร่งโวลลุ่มเสียงเพลง ที่หน้าปัดเสตอริโอ ไฟแสดงระดับเสียงเพิ่มขึ้น เสียงเพลงดังกระหึ่มกว่าเดิม
สมหวังหันไปหยิบผ้าที่จะตัดแล้วสะบัดปูบนโต๊ะอย่างเชี่ยวชาญแล้ววางแบบร่างทาบไปบนผ้าอีกที พร้อมโยกตัวตามจังหวะเพลง

สมหวังหยิบกรรไกรขึ้นมา ทำเป็นไมค์แล้วร้องตามเพลง อย่างร่าเริง ก่อนที่ลงมือบรรจงตัดผ้าตามแบบที่ทาบไว้
จังหวะหนึ่งสมหวังหันไปคว้าหุ่นผู้ชายที่อยู่ข้างๆ มาเป็นคู่เต้น พอถึงท่อนฮุก สาวเจ้าก็เอาผ้าที่ตัดจากแบบสวมใส่หุ่น ก่อนที่จะร้องเพลงกับหุ่นทำอย่างกับเป็นผู้ชายในฝัน เสียงร้องของสมหวังเพราะพริ้งไม่แพ้เจ้าของเพลงเลยสักนิดเดียว
จังหวะต่อมาสมหวังปักเข็มหมุดเข้ากับแบบเสื้อที่สวมทาบอยู่ในหุ่น แล้วยังคงร้องเพลงหยอกล้ออยู่กับหุ่นอย่างสบายอารมณ์
ทันใดนั้น หุ่นประมาณ 4-5 ตัว ที่วางเรียงกันอยู่ ก็ล้มเป็นโดมิโน ไล่ๆ กันมาจนมาชนเข้ากับหุ่นที่สมหวังร้องเพลงให้ฟังอยู่ หุ่นล้มใส่สมหวังเหมือนผู้ชายก้มหอมหน้าผากสมหวังเป๊ะ
สมหวังร้อง “โอ๊ย” แล้วเอามือมาถูหน้าผากด้วยความเจ็บ จังหวะนั้นสมหวังได้ยินเสียงหัวเราะของใครคนหนึ่งดังขึ้น
สมหวังหันขวับไปทางต้นต่อของหุ่นที่ล้ม เห็นเป็นป้าชวน ผู้เป็นเจ้าของร้านเสื้อแห่งนี้ กำลังนอนละเมอหัวเราะพร้อมออกท่าออกทางอย่างเมามันส์ ซึ่งป็นสาเหตุที่ทำให้มือไปโดนหุ่นล้มระเนระนาด!!
“ละเมอถูกหวยแน่ๆ” สมหวังพูดอย่างชาชินท่าทีขำๆ
สมหวังลดเสียงเพลงให้เบาลง แล้วปรี่เข้าไปปลุก
“ป้า…ป้า...ตื่น”
ป้าชวนยังคงนอนยิ้มหวาน อยู่ในภวังค์ ไม่ได้ยินสมหวัง
สมหวังจับแขนเขย่า “ป้า” เห็นว่าไม่ขยับจึงตะโกน “ป้าตื่น”
ไม่ได้ผล เพราะป้าชวนยังคงนอนนิ่งไม่รู้เรื่อง สมหวังส่ายหน้า
“ทำไมตื่นยากตื่นเย็นขนาดนี้”
สมหวังยิ้มๆ คิดวิธีออก โน้มตัวไปข้างหูป้าชวน
“ผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล เลขท้ายสามตัว เลขที่ออก 123 456 789”
ป้าชวนลืมตาลุกพรวดขึ้นมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด
โวยวายลั่น “456 789 หวยบ้าอะไรวะออกเรียงกันเป็นตับ แบบนี้ก็ถูกกินหมดสิวะ โกงกันเห็นๆ”
สมหวังหัวเราะที่ป้าชวนหลงกล
ป้าชวนหันมาเห็นสมหวังหัวเราะ ก็รู้ว่าถูกแกล้ง
“นังหลานคนนี้ แกล้งป้าอีกแล้ว แกล้งคนแก่มันบาปนะเว้ย”
“ชั้นไม่ทำแบบนี้แล้วป้าจะตื่นเหรอ นี่…ป้าเดี๋ยวนี้ตื่นสายทุกวันเลยนะ กลางค่ำกลางคืนไม่ยอมนอน”
ป้าชวนว่า “ก็เอ็งดูสิเนี่ยงานท่วมหัวขนาดนี้ จะหลับลงได้ยังไง…ว่าแต่เอ็งเถอะมัวแต่มาแกล้งป้า ชุดที่ลูกค้าเค้าจะมาเอาพรุ่งนี้ใกล้เสร็จหรือยัง”
สมหวังยิ้มๆ เดินไปอีกมุมแล้วเปิดผ้าที่คลุมหุ่นออก เห็นเป็นชุดราตรีสีแดงสดที่อยู่ในหุ่นสวยสง่า ทั้งการออกแบบและตัดเย็บเรียกได้ว่าประณีตขั้นเนี้ยบสุดๆ
“เป็นไงป้า สวยมั้ย?”
ป้าชวนมองด้วยความชื่นชม และภูมิใจในฝีมือหลาน
“จุ๊…จุ๊…จุ๊ นังหลานคนนี้ฝีมือมันไม่เคยตกเลยเว้ย เชื้อป้ามันแรงจริงๆ”
สมหวังยิ้มแก้มแทบแตกอย่างภาคภูมิใจ
รถเบนซ์คันหนึ่งแล่นมาจอดที่หน้าร้านชวนชมภูษา
ยอดชายก้าวลงมาจากรถด้านคนขับ ยอดชายแต่งตัวดูเท่ห์สมาร์ท แล้วถอดแว่นตาดำออก ราวกับพระเอกในหนัง
ครู่หนึ่ง คุณนายศรีสมรในชุดผ้าไหมสีสด ทรงผมตีฟาร่าห์มีกระบังหน้าแบบอลังการในมาดคุณนาย เปิดประตูรถก้าวออกมา
ยอดชายมองเข้าไปในร้านชวนชมภูษา เห็นว่าร้านเล็กกว่าที่คิด
“ร้านนี้แน่เหรอครับ”
“ร้านนี้แหละคุณหญิงรพีพรรณเค้าแนะนำพี่มาเค้าบอกว่าช่างที่นี่ฝีมือดี มีแต่คุณหญิงคุณนายมาตัดกัน”
ยอดชายหน้าหงิกพร้อมขยับเสื้อคลายความร้อน
“ดูสภาพร้านไม่น่าไว้ใจเลย ร้านหรูๆมีอีกตั้งเยอะ ที่นี่ร้อนก็ร้อน ไกลก็ไกล ที่จอดรถก็ไม่มี ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรเลย ผมว่าไปร้านอื่น ดีกว่านะครับ”
ยอดชายกำลังจะหันกลับเข้าไปในรถ
“ใจเย็นๆ นะที่รัก ไหนๆ ก็มาแล้วลองเข้าไปดูหน่อยนะ”
ยอดชายเซ็งๆ “ตามใจพี่แล้วกัน ถ้ามันตัดออกมาไม่สวย จะมาอารมณ์เสียไม่ได้นะ”
ศรีสมรเข้าไปหยิกแก้มยอดชายอย่างเอ็นดูและรักใคร่ “โถ…พ่อคุณเป็นห่วงเมีย กลัวเมียไม่สวยเหรอ ทำไมน่ารักอย่างงี้นะ เอาอย่างงี้! ถ้ามันตัดออกมาไม่สวย พี่ก็ไม่มาตัดที่นี่อีกเลย…แต่นี่ไหนๆ ก็มาแล้วเข้าไปดูหน่อยนะที่รัก นะคะ”
ยอดชายเย็นลง “ก็ได้ครับ”
หันกลับไปหยิบร่มในรถออกมากาง
ศรีสมรเห็นก็แอบยิ้มดีใจคิดว่าสามีจะกางร่มให้ ศรีสมรยืนตั้งท่ารอให้ยอดชายกางร่มให้ ที่ไหนได้ยอดชายกางร่มให้ตัวเอง
“รีบเข้าไปข้างในดีกว่าครับ ตรงนี้มันร้อน”
ยอดชายกางร่มเดินนำศรีสมรเข้าไป ศรีสมรเซ็ง! เดินสะบัดก้นหน้าหงิกตามไป

ในห้องตัดเสื้อร้านชวนชมภูษายามนั้น สมหวังยังคงเปิดเพลงฟังและนั่งฮัมเพลงเย็บผ้าอยู่ที่จักรไปด้วย
ป้าชวนตัดผ้าตามแบบแพทเทิร์น อยู่ที่โต๊ะ
เสียงกริ่งดังขึ้น
ป้าชวนกำลังจะลุกออกไปรับลูกค้า
“ป้าตัดแบบไปเถอะจ้ะ เดี๋ยวชั้นไปเปิดเอง”
สมหวังลุกไป

สมหวังออกมาเปิดประตูทักทายลูกค้า “สวัสดีค่ะ”
ยอดชายหันมา สมหวังสบตากับยอดชาย พลังความหล่อกระแทกเข้ากับใบหน้าสมหวังอย่างจัง ทำเอาสมหวังชะงักตะลึงไปชั่วขณะ เหมือนเจอกับเทพบุตรในฝันอย่างไงอย่างงั้น
ยอดชายจับความรู้สึกได้ว่าสมหวังสนใจตน ยิ่งยิ้มยั่วหว่านเสน่ห์ สมหวังยิ่งเขินหน้าแดงอ่อนระทวยไปทั้งตัว
ศรีสมรเห็นทั้งสองยืนจ้องกันอยู่ จึงกระแอม “นี่เธอ…ชั้นมายืนตั้งนานแล้ว ไม่คิดจะเชิญเข้าไปข้างในเหรอยะ”
สมหวังนึกได้ “ขอโทษค่ะ…เชิญด้านในก่อนค่ะ”
ศรีสมรเดินสะบัดหน้าพรืดเข้าไป สมหวังกับยอดชายเดินตาม
พอศรีสมรมองรูปคนดัง ที่มาตัดที่ร้านแล้วโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง หันมาพูดกับสมหวัง
“ไหนช่างล่ะไปตาม ช่างมาสิ”
“ชั้นนี่แหละค่ะช่าง” สมหวังบอก
ศรีสมรมองสมหวังหัวจรดเท้า ไม่เชื่อในฝีมือ
“ชั้นหมายถึงเจ้าของร้านน่ะ”
“ป้าชวนหรือคะ รอสักครู่นะคะ”
ศรีสมรหันไปดูภาพคนดังต่อ สมหวังมองไปทางยอดชายเห็นยอดชายยังจ้องตนอยู่ สมหวังยิ้มขวยเขินเป็นที่สุด ก่อนจะหันหลังเข้าไปตามป้าชวน
ยอดชายมองตามสมหวังเหมือนอยากจะกลืนกินสมหวังเข้าไปทั้งตัว!
ศรีสมรชี้ที่รูปคนดัง “เห็นมั้ยยอดชาย พระเอกนางเอกก็มาตัดร้านนี้กันทั้งนั้นเลย แบบนี้ค่อยไว้ใจได้หน่อย”
ยอดชายไม่ได้สนใจศรีสมร และยังคงมองไปทางสมหวังแล้วผุดยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

เวลาต่อมาสมหวังยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่หน้าประตูกระจกด้วยอาการเขินจัด แล้วจับผม จับชุด เช็คดูตัวเองว่าสวยหรือยัง
สมหวังกำลังจะเข้าไปตามป้าชวน จังหวะที่กำลังหัน ก็เห็นป้าชวนยืนมองอยู่นานแล้ว
สมหวังตกใจ “ป้า!....เข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง”
“เอ็งเป็นอะไรของเอ็งนังหวัง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับกระจกเป็นนกหงส์หยกกำลังจับคู่ไปได้” ป้าชวนมองสมหวังอย่างจับสังเกต
“ไม่มีอะไรสักหน่อย ชั้นก็ส่องกระจกของชั้นแบบนี้ทุกวัน” รีบเปลี่ยนเรื่อง “ป้ามีลูกค้ามาหา”
ป้าชวนงง “แล้วทำไมเอ็งไม่อยู่ต้อนรับเค้าล่ะ”
“ลูกค้าใหม่…เค้าอยากเจอป้าน่ะ…ป้ารีบออกไปเถอะเดี๋ยวลูกค้ารอนาน”
ป้าชวนเดินออกไป สมหวัง รีเช็คดูตัวเองว่าสวยหรือยัง

ในขณะที่ยอดชายนั่งอ่านนิตยสารแฟชั่นอยู่ที่โต๊ะรับแขก ในศาลารับแขกหน้าร้านชวนชมภูษา สมหวังเดินเอาน้ำมาเสิร์ฟ
“น้ำค่ะ คุณ…”
ยอดชายเงยหน้าขึ้นมา แล้วยิ้มให้สมหวัง แนะนำตัวเอง
“ยอดชายครับ…ขอบคุณครับ”
สมหวังเขินแนะนำตัว “สมหวังค่ะ” หยิบแก้วน้ำวางให้ยอดชาย
ยอดชายชะโงกมองศรีสมรว่าศรีสมรมองอยู่หรือเปล่า เมื่อแน่ใจแล้วว่าศรีสมรไม่ได้สนใจตน ยอดชายจึงฉวยโอกาสจับมือสมหวังแล้วส่งสายตาหว่านเสน่ห์ให้สมหวัง
สมหวังชะงักตัวแข็ง เคลิ้มไปชั่วขณะ พอตั้งสติได้ก็ชักมือออก
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณสมหวัง” ยอดชายบอกเสียงหวาน
“เช่นกันค่ะ…ถ้าต้องการอะไรเพิ่มบอกได้นะคะ”
สมหวังกำลังหันหลังกลับเข้าร้าน
ยอดชายเอ่ยขึ้น “ถ้าผมต้องการให้คุณนั่งคุยเป็นเพื่อนกับผมก่อน จะเป็นการรบกวนมาก
เกินไปหรือเปล่าครับ…คงอีกนานกว่าจะวัดตัวกันเสร็จ”
“เออ...” สมหวังอึกอัก
“ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นนะครับ ผมแค่ลองถามดู” ยอดชายหยอด

“เออ…ว่างค่ะ…ยินดีค่ะ” สมหวังนั่งลงคุยกับยอดชายท่าทีตื่นเต้น

ส่วนที่ห้องรับแขกในร้าน ป้าชวนเชื้อชวนศรีสมรนั่ง

“เชิญนั่งก่อนค่ะ”
พร้อมกันนั้นป้าชวนเดินไปหยิบแบบผ้ามาให้ศรีสมรเลือก
“เชิญคุณนายเลือกแบบผ้าก่อนเลยนะคะ”
“ชั้นต้องการผ้าไหมสีน้ำเงิน เอาผืนที่แพงที่สุดในร้านนะ” ศรีสมรว่า
“เป็นผ้าไหมสีน้ำเงินนะคะ”
ป้าชวนเปิดแคตตาล็อคสีผ้าตามที่ศรีสมรต้องการให้ดูทันที
“สีนี้เลยมั้ยคะ”
“ใช่ๆ สีนี้แหละ”
“แล้วแบบละคะ” ป้าชวนถาม
“ขอเป็นเสื้อใส่เข้ากับกระโปรงนะ กระโปรงขอเรียบๆ ส่วนเสื้อตรงคอขอมีระบายหน่อย เอาแบบไม่ซ้ำกับคนอื่นนะ ป้าก็ดูแล้วกันว่าแบบไหนมันเข้ากับชั้น”
“ได้ค่ะ…งั้นวัดตัวกันก่อนนะคะ”
ที่ตรงศาลารับแขกหน้าร้าน สมหวังกับยอดชาย นั่งคุยกันอยู่
“แม่คุณยังสวยอยู่เลยนะคะ แต่ท่านคงจะดุน่าดู” สมหวังถามพาซื่อ
ยอดชายยิ้มเจ้าเล่ห์แบบเข้าทีที่สมหวังเข้าใจผิดคิดว่าศรีสมรเป็นแม่
“คุณแม่ผมเหรอครับ? ท่านก็เป็นอย่างนี้แหละครับ เห็นนิ่งๆ เงียบๆ ดูเหมือนดุ แต่ที่จริงแล้วท่านใจดีมากเลยนะครับ” ยอดชายว่าตามน้ำ
“ท่าทางหวงคุณมากเลยนะคะ” สมหวังว่า
“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะครับ”
“แม่ก็ต้องหวงลูกชายเป็นธรรมดาไม่ใช่เหรอคะ อีกอย่างคุณทั้ง…” สมหวังชะงักครู่หนึ่ง ยอดชายรอฟัง “ทั้งหล่อ ทั้งรวย ใครก็คงอยากมาเป็นแฟนกับคุณ”
“คุณสมหวังชมผมซึ่งๆ หน้าแบบนี้ก็เขินแย่สิครับ…แล้วที่สำคัญผมยังโสดสนิทครับ!”
สมหวังใจเต้นโครมครามรู้สึกว่ามีหวังขึ้นมา “คุณยังโสดอยู่เหรอคะ”
ยอดชายหว่านเสน่ห์ ลีลากะล่อนสุดๆ “ครับ! ที่ผ่านมาผมยังไม่อยากมีใครเพราะคุณแม่ผมท่านแก่แล้วผมอยากให้เวลากับท่านมากๆ…แต่เมื่อไม่นานมานี่ ท่านกลับบ่นว่าอยากมีหลาน ผมก็เลยต้องเปลี่ยนความคิด กะว่าจะหาผู้หญิงดีๆ สักคนที่เป็นแม่ของลูกผมได้แล้วเราก็จะแต่งงานกัน แล้วก็มีหลานตัวน้อยๆ ให้ท่านได้เห็นก่อนที่อะไรๆมันจะสายเกินไป”
“คนรอบข้างคุณนายคงอิจฉาคุณนายมากนะคะ ที่มีลูกกตัญญูอย่างคุณ ชั้นดีใจจังที่ได้มีโอกาสนั่งคุยกับคนดีๆ อย่างคุณยอดชาย มันทำให้ชั้นรู้ว่าผู้ชายดีๆ มีจิตใจอ่อนโยนยังมีอยู่บนโลกนี้”
ยอดชายจ้องหน้าสมหวังตาหวานเชื่อม แล้วยิ่งโปรยเสน่ห์ สมหวังเห็นยอดชายจ้องมองก็ยิ่งรู้สึกเขิน จนต้องหลบสายตา ยอดชายยิ้มเป็นเชิงว่า...เสร็จกรูแน่!!!
“คุณสมหวังครับ”
สมหวังหันมองยอดชายอาการขวยเขิน “คะ”
“คุณรู้มั้ยว่าคุณก็น่ารักมาก ผู้หญิงตัวเล็กๆ เสียงเหน่อๆ แบบคุณ มีเสน่ห์มาก ผู้หญิงที่สูงขาวหุ่นดีมีให้เห็นอยู่ทั่วไป แต่ผู้หญิงที่มีเสน่ห์น่ารักอย่างคุณ ผมไม่เคยเจอมาก่อนจริงๆ นะครับ”
สมหวังเขินสุดๆ “คุณยอดชายก็…ชมเกินไปแล้วค่ะ”
สมหวังเขินจัดจนเผลอทำถาดรองแก้วที่ถืออยู่ร่วงตกพื้น
สมหวังก้มเก็บถาด ยอดชายก็ก้มหมายจะช่วยเก็บเช่นกัน ทำให้หน้าทั้งสองเกือบชนกัน

จังหวะนั้นสายตาคุณนายศรีสมรมองออกมาเห็นยอดชายกับสมหวังหน้าเกือบจะชนกันอยู่แล้ว ความหึงพลุ่งพล่าน โกรธจัด จนตัวสั่นไปหมด
ป้าชวนก้มหน้าก้มตาวัดตัวให้คุณนายศรีสมรอยู่
“คุณนายอย่าขยับสิคะ ชั้นวัดตัวไม่ถนัดเลย”
“ป้า …นังผู้หญิงที่มาต้อนรับชั้นเมื่อกี้ลูกจ้างเหรอ”
“หลานชั้นเองค่ะ”
“ยังไม่มีแฟนล่ะสิ”
“ยังไม่มีค่ะ…คุณนายนี่เก่งนะคะ รู้ด้วยว่าหลานชั้นยังไม่มีแฟน”
ศรีสมรเหน็บ “ทำไมจะไม่รู้ล่ะ”
ป้าชวนเหลือบไปเห็นคุณนายศรีสมรกำมือแน่น ก็เงยหน้าขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ป้าชวนเหลือบไปเห็น สมหวังกับยอดชายกำลังสบตากันแล้วจับมือกันช่วยกันยกถาดขึ้นมา!
ป้าชวนตกใจ “เฮ้ยย! นังหวัง”
ศรีสมรกัด “ท่าทางจะยั่วผู้ชายเก่งด้วยนะ”
ป้าชวนหน้าเสีย รีบจับตัวคุณนายหันไปทางอื่น
“คุณนายอย่าเข้าใจผิดนะคะ รับรองหลานชั้นมันไม่ได้ยั่วลูกชายคุณนายแน่ๆ นังหวังมันเป็นทอม ห้าวจะตายผู้ชายแถวนี้มาจีบมันเป็นสิบมันไม่เคยสนใจเลย คุณนายสบายใจได้เลยนะคะ”
ได้ฟังดังนั้นศรีสมรเริ่มใจเย็นลง “แน่นะ”
“แน่สิคะ”
“งั้นแล้วไป”
ป้าชวนเป่าปากอย่างโล่งอก
“เสร็จพอดีเลยค่ะ”
“กี่วันเสร็จเนี่ยป้า วันศุกร์ทันมั้ย”
“ไม่ทันหรอกค่ะ ขอเป็นวันอาทิตย์ได้มั้ยคะ”
“ใช้วันศุกร์น่ะสิ เร่งให้ชั้นหน่อยนะ คิดพิเศษไปแล้วกัน”
ป้าชวนคิดสระตะ แล้วบอก “งั้นก็ได้ค่ะ”
“เอาไปส่งที่บ้านด้วยนะ เดี๋ยวให้ค่ารถอีกพันนึงพอมั้ย”
“พอค่ะ วันศุกร์นะคะ เดี๋ยวไปส่งถึงบ้านเลยค่ะ”

เวลานั้นสมหวังกับยอดชาย ยกถาดขึ้นมาวางบนโต๊ะ สมหวังทำตัวไม่ถูก
“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ….คุณสมหวังตัดเสื้อมานานแล้วเหรอครับ” ยอดชายชวนคุย
“ตั้งแต่เรียนจบน่ะค่ะ ก็ช่วยป้าเรื่อยมา”
“เรียนจบด้านนี้โดยตรงเลยเหรอครับ”
“ค่ะ จบศิลปกรรม แฟชั่นดีไซน์ค่ะ”
ยอดชายหยอดอีกเม็ด “ทั้งเก่ง ทั้งน่ารักแบบนี้ คงมีแฟนแล้วสิครับ”
“ยังเลยค่ะ….ยังไม่มีสักคน”
“ผมจะเชื่อดีมั้ย” ยอดชายส่งตาหวาน
เสียงศรีสมรดังขัดขึ้น หน้ามุ่ย “ยอดชาย”
สมหวังกะยอดชายสะดุ้ง !
“ครับ”
“กลับบ้าน”
ยอดชายเซ็ง!ที่ศรีสมรมาขัดจังหวะ ศรีสมร นึกขึ้นได้พูดกับยอดชาย
“อ่อ…เดี๋ยวไปเขียนแผนที่บ้านให้ช่างเค้าหน่อย เค้าจะเอาชุดไปส่งที่บ้านวันศุกร์นี้”
ยอดชายตกใจเอามากๆ “วันศุกร์นี้เหรอครับ”
ศรีสมรงง “จะตกใจทำไม รีบไปเขียนนะ เดี๋ยวไปรอที่รถ”
ยอดชายขมวดคิ้ว สีหน้าเครียดขึ้นมา
เย็นวันนั้น มอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง ซึ่งคนขี่ใส่หมวกกันน็อคแบบคลุมทั้งหัวสีดำ และใส่เสื้อผ้า และกางเกงดำทั้งชุด แล่นตรงมาใกล้ถึงสี่แยกไฟแดงอย่างรวดเร็ว แล้วมาจอดเทียบกับรถบีเอ็มสปอร์ตคันหนึ่ง
ทันใดนั้น ชายในชุดดำก็หยิบปืนขึ้นมากระหน่ำยิงใส่รถบีเอ็มคันนั้น แล้วก็ขับหนีไปอย่างรวดเร็วและว่องไวชั่วพริบตา!

ไม่นานนักรถมอเตอร์ไซค์ของมือสังหารคันเมื่อครู่ แล่นเข้ามาในตึกร้างแห่งหนึ่ง มันใช้ห้องตึกร้างเป็นที่หลบซ่อน ตัว ภายในห้องดูสกปรก มีของวางระเกะระกะเต็มไปหมด ชายในชุดดำเดินเข้ามาในห้อง พร้อมๆ กับเสียงโทรศัพท์ดังกังวานขึ้น
ชายในชุดดำถอดหมวกกันน็อคออกเผยให้เห็นเป็นมือปืนชายชื่อ แดน!
แดนคุยโทรศัพท์
“สวัสดีครับคุณยอดชาย…ว่ายังไงนะ! เปลี่ยนเป็นวันพฤหัส”
เป็นยอดชายนั่นเองที่โทร.มา จากบ้านคุณนายศรสมร ด้วยสีหน้าร้อนใจ
“ก็ใช่น่ะสิ! วันศุกร์อีแก่มันนัดให้ร้านตัดเสื้อเอาเสื้อมาส่ง เราต้องรีบจัดการมันก่อน”
“วันพฤหัสผมไม่ว่าง มีอีกงานที่ต้องสะสาง” แดนว่า
ยอดชายดูหงุดหงิดมาก “ไม่ได้นะเว้ย…เอาอย่างงี้ งานนั้นแกรับมาเท่าไหร่ ชั้นให้แกเป็นสองเท่า”
แดนนิ่งคิด “ก็ได้ครับ ตกลงตามนั้น”

ช่วงเวลาตอนค่ำๆ ที่ร้านชวนชมภูษา สมหวังตั้งใจร่างแบบชุดที่จะตัดใก้คุณนายศรีสมรอยู่ จังหวะนั้นก็หันไปหยิบกระดาษที่เป็นลายมือยอดชายที่เขียนแผนที่บ้านไว้ให้ขึ้นมาดู สมหวังอมยิ้ม
ป้าชวนเข้าเห็นสมหวังยิ้มอย่างมีความสุขก็แซวขึ้น
“มีความสุขจังนะเอ็ง…คิดถึงไอ้หนุ่มหน้าหยกคนนั้นอยู่ล่ะสิ”
สมหวังปฏิเสธ “ไม่ใช่สักหน่อย”
“คิดว่าป้าไม่รู้เหรอว่าเอ็งชอบลูกคุณนายเค้าน่ะ” ป้าชวนก็คิดว่ายอดชายเป็นลูกชายศรีสมร
สมหวังเขินจัด “ป้า”
“ไม่ต้องมาปงมาป้าเลย เกือบไปแล้วนะเอ็ง ยัยคุณนายนะยืนสั่นเป็นเจ้าเข้า ไม่เป็นสุขเลยที่เห็นเอ็งไปยั่วลูกชายเค้าน่ะ ดีนะที่ป้าฉลาดบอกว่าเอ็งเป็นทอม ไม่งั้นนะยัยคุณนายเอาเอ็งตายแน่”
สมหวังปฏิเสธ “ชั้นไม่ได้ยั่วนะ”
“ป้ารู้…หลานป้าไม่ทำตัวแบบนั้นหรอก”
“ชั้นแค่เขิน” สมหวังสารภาพ
“อ้าว! นังหลานคนนี้”
“ป้ารู้มั้ยชั้นเกิดมายังไม่เคยเจอผู้ชายอบอุ่นแบบนี้มาก่อนเลย เป็นคนรวยที่ไม่ถือตัว คุยก็สนุก ที่สำคัญนะเค้าเป็นคนดี รักแม่เค้ามากๆ ด้วย” สมหวังเพ้อเลยทีเดียว
“ป้าจะบอกอะไรเอ็งให้ จะตัดสินใครแค่วันเดียวมันไม่ได้หรอกเราต้องดูเค้าไปนานๆ ป้าอยากจะให้เอ็งมีสติทุกครั้งที่จะไปรักไปชอบใคร อีกอย่างลูกชายยัยคุณนายกับเราน่ะ ฐานะมันต่างกัน ถ้าเค้ามาจริงจังกับเอ็งป้าก็ยินดีกับเอ็งด้วย แต่ถ้าเค้ามาหลอกเอ็งเล่น ป้าก็ไม่อยากเห็นเอ็งมานั่งร้องไห้เสียใจ ป้าทำใจไม่ได้ เอ็งดูดีๆนะ เข้าใจมั้ยลูก”
ป้าชวนสอนหลานรัก สมหวังโผลเข้ากอดป้าอย่างตื้นตัน
“เข้าใจจ้ะป้า”
ป้าชวนโอบกอดสมหวังไว้ พูดหยอกล้อ
“ในใจป้าก็อยากให้เอ็งได้กับเค้านั่นแหล๊ะ ป้าจะได้มีหลานเขยเป็นเศรษฐีกับเค้าสักที”
“แน๊! ป้าเพิ่งสอนชั้นอยู่แหมบๆ”
ป้าชวนหัวเราะ “ไม่ดีเรอะ จะได้ไม่ต้องมานั่งสอยเข็มให้ปวดตา นั่งเย็บผ้าให้เมื่อยก้นแบบนี้ เข้าไปอยู่ในคฤหาสน์หรูๆ มีคนใช้คอยรับใช้ สบายจะตาย”
“ไม่หรอกป้า ถ้าชั้นจะชอบเค้านะ ชั้นก็ชอบที่ตัวเค้า ไม่ได้ชอบที่เงินแน่ๆ” สมหวังว่าท่าทีจริงจัง
ป้าชวนแซว “จ้า แม่นางเอก…ไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวกับข้าวเย็นหมด”

หลายวันต่อ ที่บ้านหลังใหญ่โตกว้างขวางของศรีสมรเช้านั้น ในขณะที่แจ่มเตรียมอาหารอยู่ในครัว ยอดชายเดินเข้ามาหา
“แจ่มแกจะกลับบ้านวันนี้ใช่มั้ย”
“ค่ะ…แต่จริงๆ แจ่มไม่กลับก็ได้นะคะ เดี๋ยวกลับตอนสงกรานต์ทีเดียว” แจ่มออกอาการเกรงใจ
“ให้กลับก็กลับไป ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงงาน ไปเตรียมของกลับบ้านได้แล้ว ชั้นจะออกไปข้างนอก เดี๋ยวติดรถไปพร้อมชั้น”
“ค่ะ”
แจ่มถือถาดอาหารของคุณนายศรีสมรกำลังจะเดินออกไป
“เดี๋ยวแจ่ม…เอาถาดอาหารมานี่เดี๋ยวชั้นเอาขึ้นไปให้คุณผู้หญิงเอง…แกรีบไปเก็บกระเป๋าเถอะ”
แจ่มส่งถาดอาหารให้ยอดชายแล้วเดินออกไป ยอดชายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.หาแดน

“ไอ้แดนเหรอ...แกพร้อมแล้วใช่ไหม”

สายฟ้ากับสมหวัง ตอนที่ 1 (ต่อ)

เช้าวันต่อมาคุณนายศรีสมรกำลังนั่งทำความสะอาดเครื่องประดับมีทั้งเพชรทั้งพลอย สลับกับหยิบชุดเครื่องประดับมาเชยชม อย่างสบายใจ อยู่ในห้องนอน
ศรีสมรพึมพำ “สวยๆทั้งนั้นเลย…ชุดนี้เคยใส่แล้ว…ชุดนี้ยังไม่เคยใส่”
เสียงเคาะประตูดัง
“เข้ามา” ศรีสมรบอก
ยอดชายเดินเข้ามา ศรีสมรไม่ได้มองนึกว่าแจ่ม
“แจ่มดูเครื่องเพชรชุดนี้ของชั้นสิน้ำดี๊ดี แกว่าสวยมั้ย”
“สวยครับ สวยทั้งเพชร สวยทั้งคนใส่”
ศรีสมรเงยหน้ามามองเห็นว่าเป็นยอดชาย
“อุ๊ย…ที่รัก ปากหวาน แล้วทำไมยกถาดอาหารขึ้นมาเองล่ะ นังแจ่มไปไหน”
ยอดชายเอาถาดไปวางที่โต๊ะ
“ผมให้ไปซื้อของน่ะครับ”
“ทำดีแบบเนี้ย จะมาอ้อนเอาอะไรอีกล่ะ”
“ก็นิดหน่อยน่ะครับ” ยอดชายเข้าไปกอดอ้อนศรีสมร “ผมจะขอไปงานวันเกิดเพื่อนน่ะครับ”
ศรีสมรกระเง้ากระงอด “คืนนี้พี่ก็นอนคนเดียวอีกแล้วน่ะสิ พี่ไม่อยากให้ไปเลย ไม่ไป…”
ศรีสมรยังพูดไม่ทันจบ ยอดชายก็โน้มหน้าไปจูบปากศรีสมรทันที เป็นการปิดปากไม่ให้ศรีสมรพูดต่อ
“นะครับ…เดี๋ยวดึกๆ ผมก็กลับแล้ว”
ศรีสมรใจอ่อน “ก็ได้ๆ แล้วรีบๆ กลับมานะ”
“เมียผมน่ารักที่สุดเลย”
ยอดชายโผลเข้าหอมแก้มศรีสมรอีกครั้ง
“แล้วนี่จะออกไปเลยเหรอ”
ยอดชายพูดเป็นเชิงให้น่าสงสาร หมายจะขอเงินศรีสมร “ครับ…ผมกะว่าไปเดินหาซื้อของขวัญให้มันก่อนน่ะครับ ไม่รู้จะซื้ออะไรดี เงินก็ไม่ค่อยมี”
ยอดชายทำเป็นหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเปิดดู
“มีอยู่แค่สองหมื่นกว่าบาท...แต่ไม่เป็นไร น่าจะพอ …ผมไปก่อนนะครับ”
ยอดชายกำลังหันตัวออกไป
“เดี๋ยวสิยอดชาย”
ยอดชายยิ้มเจ้าเล่ห์รู้ว่าศรีสมรหลงกล
ศรีสมรควักแบงค์พันหลายใบในกระเป๋าให้ยอดชาย
“เอาติดตัวไว้อีกห้าหมื่นเผื่อไม่พอ”
ยอดชายเข้าไปรับเงิน
ทันไดนั้น ศรีสมรก็เกิดอารมณ์เปลี่ยว สะบัดผม ดึงกระโปรงขึ้นนิดหน่อย ทำท่ายั่วยวนยอดชาย ประมาณว่าขอมีอะไรแลกกับเงินนิดนึง!
ยอดชายรู้ว่าศรีสมรต้องการอะไร แต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจ หยิบเงินเสร็จแล้วผละตัวออก
ศรีสมรไม่ละความพยายาม คว้าคอยอดชายแล้วโน้มตัวยอดชายให้เข้ามาหา พูดอ้อน
“น่านะ…ที่รัก ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยกระชุ่มกระชวยเลยอะ พี่ต้องการพลังงาน”
“งั้นรอผมคืนนี้นะครับคนดี…ผมจะมาเพิ่มพลังให้พี่เต็มแม็กเลย” ยอดชายพูดเป็นนัย
ศรีสมรยิ้ม “อุ๊ย! เต็มแม็กเลยเหรอ….ก็ได้ คืนนี้ก็คืนนี้”
ยอดชายผงะตัวออกจากศรีสมร
“รีบๆ กลับมานะ”
“ครับ” ยอดชายเดินออกไป สีหน้าเหี้ยม!

บ่ายนั้นสมหวังกำลังเก็บรายละเอียดชุดของคุณนายศรีสมรที่เป็นผ้าสีน้ำเงินสดที่สวมอยู่ในหุ่น อย่างตั้งใจ
สมหวังหยิบกรรไกรขึ้นมาตัดดายที่โผล่มาจากแขนเสื้อ เป็นอันว่าเสร็จ
“เสร็จเรียบร้อย”
สมหวังยืนชมผลงานตัวเอง อย่างภูมิใจ ก่อนที่จะเอาชุดใส่ถุง

ตอนเย็นๆ สมหวังลงมาจากบันไดในชุดที่ดูสวยผิดตาและใบหน้าที่แต่งเสร็จแล้วดูสวยน่ารัก ในมือถือถุงที่ใสชุดศรีสมรอยู่
“เดี๋ยวๆ นี่แม่สมหวัง แต่งสวยขนาดนี้จะออกไปไหนคะ”
“ไปส่งชุดคุณนายศรีสมรจ้ะป้า” สมหวังบอก
“นี่มันจะมันมืดค่ำแล้ว ยังจะไปอีกหรอ เค้าให้ไปส่งพรุ่งนี้ไม่ใช่เรอะ” ป้าชวนทักท้วง
“แหม…ป้าก็ตัดเสร็จแล้วจะเก็บไว้ทำไมล่ะ รีบๆ ไปส่งเค้า เค้ารีบใช้ไม่ใช่เหรอ” สมหวังว่า
“ป้ารู้ อันนั้นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันตรงที่เอ็งแต่งตัวสวย เผื่อไปเจอพ่อยอดชายอะไรของเอ็งมากกว่า ใช่มั้ยล่ะ?” ป้าชวนพูดดักคอ
สมหวังยิ้มเขินๆ แทนคำตอบ
ป้าชวนยิ้ม “นังหลานคนนี้มันร้ายนะ ไม่แพ้ป้ามันตอนสาวๆ เลย…มีความสุขก็ทำไป”
“ชั้นไปก่อนนะ ป้า”
“มืดแล้วมันอันตราย ระวังตัวด้วยนะลูก รีบไปรีบกลับนะ”
“จ้า” สมหวังเดินออกไป

ที่บ้านหลังใหญ่โตของคุณนายศรีสมร ค่ำคืนนั้น คุณนายศรีสมรนอนฮัมเพลง ขัดผิวอยู่ในอ่างกากุชชี่อย่างอารมณ์ดี
สักครู่หนึ่ง ศรีสมรจะขัดหลังแต่ขัดไม่ถึง จึงคิดจะให้แจ่มขึ้นมาขัดให้ ตะโกนเรียกดังลั่น โดยไม่รู้ว่ายอดชายให้แจ่มกลับบ้านต่างจังหวัดแล้ว
“แจ่ม….แจ่ม…นังแจ่ม…นังแจ่มหายไปไหนของมันนะ วันนี้ทั้งวันแล้วเนี่ย เดี๋ยวจะตัดเงินซะให้เข็ด”

เวลาเดียวกันมอเตอร์ไซค์รับจ้างคันหนึ่งจอดส่งแดนที่ฝั่งตรงข้ามหน้าบ้านสมรศรี แดนจ่ายค่ารถแล้วเดินข้ามถนนไปยังบ้านศรีสมร แดนเดินเลี่ยงเข้าหามุมมืด
แดนมองซ้ายมองขวาเห็นว่าปลอดคน แล้วจึงเปิดประตูเล็กเข้าไป แดนค่อยๆย่องเข้าไปในบ้าน

ด้านสมหวังกำลังนั่งดูแผนที่ในรถแท๊กซี่
“น้อง ตกลงว่าบ้านที่น้องจะไปมันอยู่ตรงไหนเนี่ย นี่วนมาสามรอบจนมืดค่ำแล้วนะ” แท๊กซี่เริ่มหงุดหงิด
สมหวังอึกอัก เพราะชักไม่แน่ใจ “พี่แป๊ปนึงนะ”
สมหวังก้มดูแผนที่อีกครั้ง
“สมหวังน่าจะแถวนี้แหละ พี่ลองตรงไปข้างหน้าอีกหน่อย”

ค่ำนั้น ศรีสมรขึ้นจากอ่างมาใส่เสื้อคลุม ลงไปตามแจ่ม
“แจ่ม…นังแจ่ม”
ศรีสมรลงมาชั้นล่าง เห็นบ้านยังไม่เปิดไฟ ก็ยิ่งหงุดหงิด
“นังแจ่มทำไมไม่เปิดไฟบ้าน เหลวไหลใหญ่แล้วนะ”

แดนเดินไปเปิดประตู เป็นจังหวะเดียวกับศรีสมรเปิดไฟพอดี แดนรีบหลบไปข้างบ้าน
ศรีสมร เห็นแดนผ่านไปนึกว่าเป็นแจ่ม
“นังแจ่ม”
แล้วศรีสมรก็เดินไปดูที่ประตู แต่ไม่เห็นใคร “นังแจ่ม…ชั้นไม่ใช่เพื่อนเล่นแกนะ”

สมหวังเห็นป้ายบอกซอยตรงกับแผนที่ “พี่…นั่นไงๆ ซอยนี้แหละ เลี้ยวเข้าไปเลย”
แท็กซี่เลี้ยวเข้าซอยแล้วแล่นมาจอดหน้าบ้านศรีสมร สมหวังก้าวลงจากรถแล้วเช็คความเรียบร้อยอีกที่
แล้วเดินไปที่ประตูรั้วกำลังจะกดกริ่ง แต่เห็นป้ายติดไว้ว่า “ชำรุด” สมหวังจึงตะโกนเรียกคนข้างในบ้าน
“มีใครอยู่มั้ยคะ…ช่วยเปิดประตูให้หน่อยค่ะ”
สมหวังยืนรอ แต่ไม่มีใครออกมา สมหวังพึมพำ “จะเอายังไงดี…ไว้ค่อยมาใหม่พรุ่งนี้แล้วกัน”
สมหวังกำลังจะหันหลังจะกลับ แต่เหลือบไปเห็นประตูบานเล็กเปิดอยู่ แล้วก็หยุดชะงัก!
“ไหนๆ ก็มาแล้ว…จะได้ไม่เสียเวลา” สมหวังตัดใจเดินเข้าไป

ด้านศรีสมรเรียกแจ่มแล้วไม่ขาน ชักเริ่มกลัว จังหวะที่ศรีสมรกำลังจะหันกลับขึ้นไปบนห้อง ก็หันมาชนเข้ากับแดนพอดี
ศรีสมรตกใจ ร้องลั่น “ว๊าย! แกเป็นใคร! เข้ามาในบ้านชั้นได้ยังไง”
แดนยกปืนขึ้นกำลังจะยิง ศรีสมรเห็นยิ่งตกใจ ตัวสั่นไปหมด ยกมือไหว้ขอชีวิต
“จะเอาอะไรเอาไปให้หมดเลย อย่าทำอะไรชั้นเลย ชั้นกลัวแล้ว”
แดนไม่ฟังกำลังจะเหนียวไก ทันไดนั้น ศรีสมรเตะเข้าไปที่เป้าแดนเต็มแรง
แดนทั้งจุกทั้งเจ็บแหกปากร้องลั่น “โอ๊ย”
แดนหน้าเขียวทรุดลงไปกองที่พื้น ศรีสมรวิ่งหนีขึ้นไปบนห้อง
แดนแค้นจัด “ฤทธิ์มากนักใช่มั้ยอีแก่ วันนี้มึงไม่พ้นมือกูไปได้หรอก”
แดนพยุงตัวเองลุกขึ้นได้แล้วตามศรีสมรขึ้นไป

ระหว่างนั้นสมหวังเดินมาถึงประตูหน้าบ้าน ตะโกนเรียก “มีใครอยู่มั้ยคะ”
เงียบกริบ ไม่มีเสียงคนตอบ
สมหวังฉงน “ไฟก็เปิด…หายไปไหนกันหมด”
สมหวังมองไปเห็นประตูหน้าบ้านเปิดอยู่ จึงถือวิสาสะเดินเข้าไป

แดนกำลังพังประตูเข้าไปแล้ว “เปิด! กูบอกให้เปิด”
ศรีสมรนั่งตัวสั่นแอบอยู่ซอกตู้ เสียงสั่นเครือ “พ่อแก้ว แม่แก้ว ช่วยลูกด้วย ลูกยังไม่อยากตาย”
แดนตะโกนเข้ามา “กูบอกให้เปิด”
ในที่สุดแดนพังประตูเข้ามาได้ มองไปทั่วแต่ไม่เจอศรีสมร สักครู่หนึ่ง ศรีสมรวิ่งออกมาพร้อมกับเอาด้ามไม้กวาดเข้ามาตีแดน
แดนลั่นไกลใส่ศรีสมรทันที ศรีสมรล้มลงไปนอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่ที่พื้น
สมหวังเปิดประตูเข้ามาพอดิบพอดี เห็นศรีสมรถูกยิงคาตา สมหวังตกใจทิ้งถุงชุดในมือ ตะลึงตาค้าง
สมหวังตกใจ ร้อง “ว๊าย”
แดนหันไปเห็นสมหวัง ตกใจร้อง “เฮ้ย”
ทั้งสองต่างตกใจซึ่งกันและกัน! สมหวังรีบวิ่งหนีออกไป แดนวิ่งตามติดๆ

สมหวังวิ่งออกมาที่หน้ารั้วบ้าน โดยมีแดนวิ่งไล่ตามมาติดๆ
“เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้”
สมหวังมองซ้ายมองขวาไม่รู้จะไปทางไหน พอหันกลับไปเห็นแดนวิ่งตามมาจะถึงตัวแล้ว สมหวังตกใจปิดประตูรั้วใส่หน้าแดนเต็มๆ แดนหน้าหงาย
“นังบ้าเอ๊ย”
แดนตั้งสติได้วิ่งตามไปด้วยความโมโห

สมหวังถูกแดนวิ่งไล่ตามหลังมาจวนตัว สมหวังเลี้ยวหลบไปอีกทางหนึ่ง เห็นกองขยะอยู่ข้างหน้า มีเข่งสุมๆ กันอยู่
แดนวิ่งตามมาแต่ไม่เห็นสมหวัง แล้วหันไปเห็นกองเข่งสงสัยว่าสมหวังจะแอบซ่อนอยู่ในนั้น
สมหวัง ซึ่งแอบอยู่หลังถังขยะฝั่งตรงข้ามแอบมองอยู่ ในขณะที่แดนรื้อเข่งหาสมหวังอยู่อีกฝั่ง
สมหวังหาจังหวะเหมาะๆ ค่อยๆ ย่องหนี ทันไดนั้น แดนหันมาเจอ ยิ้มเจ้าเล่ห์ทำนองว่าเสร็จกูแน่!
สมหวังถอนหายใจแล้วตัดสินใจวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต
“หยุด! กูบอกให้หยุด”
แดนยิงไล่ตามหลังมาแต่ยิงพลาดทุกนัด แดนวิ่งไล่ตามไปอีก!

สมหวังวิ่งมาถึงทางแยก หันมองซ้ายขวาไม่รู้ว่าจะไปทางไหน สุดท้ายตัดสินใจไปทางซ้าย ครู่หนึ่งเปลี่ยนใจกลับไปทางขวา
ครู่หนึ่งแดนวิ่งตามมาที่จุดเดียวกัน หยุดมองว่าจะไปทางไหน หันออกไปทางซ้ายแต่แล้วเปลี่ยนใจวิ่งไปขวาเหมือนกัน

สมหวังวิ่งหนีมาในซอยได้อีกระยะเริ่มเหนื่อยหมดแรง เหลือบไปเห็นซอกเล็กๆ เบื้องหน้า สมหวังรีบแอบเข้าไปซ่อน
อีกด้านหนึ่งใกล้ๆ แดนวิ่งตามมาหยุดหอบมองหาอย่างโมโห
“เห็นหลังไวๆ มันหายไปไหนแล้ววะ”
สมหวัง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. มือไม้สั่น ทำให้โทรศัพท์หล่นไปที่พื้น

ตรงตรอกเล็กๆ สมหวังเห็นเงาดำทะมืนคล้ายคนถือปืนเดินเข้ามาใกล้ จึงพยายามควานหาโทรศัพท์ที่ทำตกเมื่อครู่นี้
เงาของแดนทอดใกล้เข้ามาๆ สมหวังทำตัวลีบเล็กพิงกำแพงอย่างใจระทึก เงาของแดนเคลื่อนมาถึงในที่สุด
แดนมองหาสมหวังแต่ไม่เห็น
สมหวังทำตัวลีบเล็กติดอยู่กับกำแพง เห็นเงาแดนใกล้เข้ามาจวนตัว สมหวังได้จังหวะโผล่ออกมาปล่อยหมัดซัดเข้าหน้าแดนจังๆ อย่างเต็มแรง แดนหงายหลังล้มตึงลงไปกับพื้น สมหวังถือโอกาสวิ่งหนีไปอย่างสุดชีวิต
แดนที่ยังเมาหมัดอยู่ ประคองตัวลุกขึ้น ตะโกนก้อง
“อย่าหนีนะมึง”

แดนสลัดหัวไล่ความมึนก่อนจะออกวิ่งตาม

สมหวังโกยแน่บวิ่งหนีออกมาอย่างไม่คิดชีวิต แดนวิ่งไล่กวดตามมาติดๆ เช่นกัน สมหวังมัวแต่เหลียวหลังมองแดนจึงไม่ทันระวังสะดุดขาตัวเองล้มลงกับพื้นถนน

แดนวิ่งตามสมหวังมา พอเห็นสมหวังล้มยิ้มแบบสมใจ
“เสร็จกูแน่ คิดว่าจะหนีกูพ้นเหรอ”
แดนจ่อปืนไปที่สมหวังแล้วค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาหน้าเหี้ยมโหด
สมหวังยกมือไหว้ “ชั้นกลัวแล้วอย่าทำอะไรชั้นเลยนะ…ชั้นสัญญาว่าจะไม่ปากโป้งไปบอกตำรวจ”
“กูไม่เชื่อมึงหรอก....ลาก่อนน้องสาว”
แดนกำลังจะเหนี่ยวไก อย่างลุ้นระทึก สมหวังก้มหลบด้วยความกลัว
ทันไดนั้น เสียงไซเรนรถสายตรวจก็ดังขึ้น
“ตำรวจ” สมหวังดีใจ
แดนหันไปเห็นรถสายตรวจขับมาทางตน จึงรีบฉากหลบ สมหวังได้โอกาสรีบวิ่งหนีไป
รถสายตรวจเลี้ยวเข้าไปอีกซอยหนึ่ง พอหันมาสมหวังหายจ้อย แดนโมโห!
“โธ่เว้ย….รอดไปจนได้”

คืนเดียวกันนั้น ในขณะที่ป้าชวนนั่งดูละคร หัวเราะเสียงดังอยู่ สมหวังหน้าตาตื่นเปิดประตูพรวดเข้ามา ป้าชวนยังไม่เห็นหน้าสมหวัง เอ่ยแซวขึ้นมา
“เค้าพาไปเลี้ยงข้าวมาด้วยเหรอถึงกลับมาซะป่านนี้ มีความสุขละสิ”
สมหวังไม่ตอบ
ป้าชวนหันไปมองสมหวัง เห็นสีหน้าสมหวังไม่ดี ก็แปลกใจ
“เป็นอะไรสมหวัง ทำไมหน้าซีดเป็นไก่ต้มอย่างงั้นวะ”
“ป้า!....คุณนายศรีสมรที่ชั้นเอาชุดไปส่ง เค้าตายแล้ว”
ป้าชวนตกใจ “เฮ้ย! พูดเป็นเล่นไป”
“จริงๆ นะป้า...ชั้นเห็นกับตาเลย ป้าเชื่อชั้นนะๆ”
“ใจเย็นๆ เล่าให้ป้าฟังสิมันเกิดอะไรขึ้น”
ไม่ทันที่สมหวังจะได้เล่า ทันใดนั้น ที่หน้าจอทีวีก็ขึ้นหน้าจอ ข่าวด่วนพิเศษ แทรกละคร พร้อมมีผู้ประกาศข่าวรายงาน
“ช่วงนี้มาพบกับข่าวด่วนพิเศษก่อนนะคะ เมื่อเวลายี่สิบนาฬิกาสามสิบนาที ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรม นางสาวศรีสมร รุ่งเจริญกิจหรือคุณนายศรีสมร เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ได้ถูกคนร้ายบุกเข้าไปฆาตกรรมในบ้านพักที่ซอยศุภมิตร รายละเอียดจะเป็นอย่างไร ไปพบกับผู้สื่อข่าวของเราที่นั่นเลยค่ะ”
ผู้สื่อข่าวรายงานสดมาจากสถานที่เกิดเหตุบ้านศรีสมร
“ค่ะ…ตอนนี้ดิฉันอยู่กับร้อยเวรเจ้าของคดี….” ก่อนจะยื่นไมค์มาถามหมวดวันชาติ เจ้าของคดี ซึ่งอยู่ตรงนั้น “ไม่ทราบว่าทางตำรวจได้เบาะแสอะไรหรือยังคะ”
“ยังครับ ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนและเก็บหลักฐานครับ” วันชาติบอก
ผู้สื่อข่าวซักต่อ “ขั้นต้นนี้สันนิษฐานว่ายังไงคะ ฆ่าชิงทรัพย์ หรือว่าขัดผลประโยชน์”
“เราตั้งไว้ทั้งสองประเด็น แต่ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนก่อนครับ”
“ขอบคุณค่ะ และนี่คือความเห็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาทำการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ หากมีความคืบหน้าอย่างไร เราจะรายงานให้ทราบต่อไป นารีรัตน์ แสวงผล รายงาน”

สมหวังดูข่าวนั้นอยู่กับป้าชวน “ชั้นเห็นหน้าไอ้โจรที่มันฆ่าคุณนายศรีสมรด้วยป้า”
“จริงเหรอ” ป้าชวนหน้าตื่น
“จ๊ะป้า....แต่ที่สำคัญมันก็เห็นหน้าชั้นด้วย”
คราวนี้ป้าชวนตกใจ มองหน้าสมหวังอย่างเป็นกังวล
“เรื่องใหญ่แล้วมั้ยล่ะนังหวัง! ช่วงนี้เอ็งห้ามออกไปไหนเด็ดขาดเลยนะ ใครมาที่ร้าน เอ็งก็ไม่ต้องเปิดประตูรับ เข้าใจไหม!” ป้าชวนกำชับ
สมหวังรับคำท่าทีหวาดหวั่น “จ้ะป้า”

ส่วนที่บ้านศรีสมรยามนั้น มีรถพยาบาล รถกู้ภัย รถทำข่าวของสำนักข่าวต่างๆ ตลอดจนเจ้าหน้าอื่นๆ เดินไปมาเต็มไปหมด นักข่าวเพิ่งละจากหมวดวันชาติออกมาหลังจากสัมภาษณ์สด
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งวิ่งมารายงาน
“หมวดครับ ญาติคุณนายศรีสมรมาแล้วครับ”
วันชาติหันกลับไปมองก็เห็น ยอดชายยืนเศร้าอยู่ หมวดหนุ่มจึงเดินเข้าไปหา
“สวัสดีครับ คุณ….”
ยอดชายบีบน้ำตาคลอเบ้า ท่าทีเสียใจมากมาย ก่อนจะแนะนำตัว
“ยอดชายครับ”
“เสียใจด้วยนะครับ”
“ครับ”
วันชาติเอ่ยขึ้น “ผมขออนุญาตสอบปากคำหน่อยนะครับ”
“ได้ครับ”
“ไม่ทราบว่านอกจากคุณนายศรีสมรแล้ว มีใครอยู่ในบ้านตอนเกิดเหตุอีกมั้ยครับ”
“ไม่มีครับ เธออยู่บ้านคนเดียว ผมออกไปซื้อของข้างนอก ส่วนคนใช้ก็ลากลับบ้านไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” ยอดชายเล่าหน้าเศร้า
“แล้วพอจะทราบมั้ยครับว่าคุณนาย เคยมีปัญหาหรือขัดแย้งกับใครหรือเปล่า”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ เรื่องธุรกิจเค้าไม่เคยเล่าให้ผมฟังเลย”
“แล้ว…”
พอหมวดวันชาติกำลังจะถามต่อ ยอดชายก็แกล้งปวดหัวทำเป็นยกมือกุมขมับ
วันชาติรีบบอก “เอ่อ…ไม่เป็นไรครับ วันนี้คุณพักผ่อนก่อนก็ได้ เอาไว้ผมจะขอเชิญคุณไปสอบปากคำวันหลังล่ะกันนะครับ”
“ยินดีครับหมวด ขอบคุณหมวดมากนะครับ…ที่มาเป็นธุระให้”
“ไม่เป็นไรครับ…ผมขอตัวก่อนนะคับ”
วันชาติลุกไป ยอดชายยิ้มแบบเจ้าเล่ห์!

หมวดวันชาติเข้ามาเก็บหลักฐานต่อในห้องนอนศรีสมร เจ้าหน้าที่ถือถุงอะไรบางอย่างเข้ามา
“หมวดครับ เราเจอถุงอันนี้ตกอยู่ในที่เกิดเหตุครับ”
หมวดวันชาติหยิบขึ้นมาดู
เป็นถุงใส่ชุดคุณนายศรีสมร ที่ถุงมีชื่อกำกับว่า “ร้านชวนชมภูษา”

รุ่งเช้า ยอดชายนัดหมายส่งเงินฆ่าทำงานให้กับแดน ในที่ลับตาแห่งหนึ่ง
“ทำได้ดีมาก” ส่งซองเงินให้ “เอานี่ค่าจ้าง” แดนรับไป มองหน้ายอดชายอย่างกังวล “ว่าแต่เมื่อกี้แกมีอะไรจะบอกชั้นเหรอ”
แดนอึกอัก “คือ…เออ”
“เอออ้าอยู่นั่นแหละ ชั้นจะรีบไปทำธุระต่อ”
“คือตอนผมลงมือยิงคุณนาย...บังเอิญมีคนเข้ามาเห็นครับ”
ยอดชายตกใจ หันขวับถามเสียงดัง “อะไรนะ”
“ที่สำคัญมันเห็นหน้าผมด้วย” แดนบอกต่อ
ยอดชายตะคอกอย่างโมโห “ไอ้บ้าเอ้ย! ไหนบอกว่าไม่มีปัญหาไง”
“ผมไล่ตามเก็บมันแล้ว...”
ยอดชายใจชื้น ยิ้มร่าขึ้นมาทันที “เก็บมันแล้วก็แล้วไปสิ จะเครียดทำไม”
“แต่มันหนีไปได้ซะก่อน”
ยอดชายหุบยิ้มกุมขมับ “โธ่ เว้ย! กูจะบ้าตาย”
แดนหน้าจ๋อย
“แล้วรู้หรือเปล่าว่ามันเป็นใคร”
“ไม่รู้ แต่จำหน้ามันได้ครับ”
“จะยังไงก็ช่าง แกต้องจัดการล่าตัวมันมาปิดปากให้ได้ ไม่งั้นได้กินข้าวแดงกันทั้งคู่แน่” ยอดชายสั่งเสียงเหี้ยมหน้าโหด

เช้าเดียวกันนั้น มีรถตู้คันหนึ่งแล่นมาจอดเยื้องกับร้านชวนชมภูษา
ยินเสียงคนในรถคุยกัน ยังไม่เห็นหน้ากุหลาบ
“จ่าแน่ใจนะจัดการคนเดียวได้”
คบเป็นจ่าบอกเสียงขรึม “สบายมาก” เป็นจ่าหญิง!

สักครู่หนึ่ง สมหวังเดินออกมาที่หน้าร้านชวนชมภูษา พร้อมถุงขยะ
เจ้าหน้าที่ในรถรายงาน “เหยื่อออกมาแล้วจ่า”
รถตู้เปิดประตูออก เผยให้เห็นจ่ากุหลาบในชุดทะมัดทะแมง ดูเป็นตำรวจหญิงที่มาดเท่สุดๆ
กุหลาบก้าวลงจากรถอย่างมั่นใจ แต่ไม่ทันเห็นว่ามีหลุมอยู่ตรงประตู จ่ากุหลาบก้าวลงหลุม
ฟุบและเสียหลักลงไปกองที่พื้น
เจ้าหน้าที่ในรถร้อง “โว้ว”
อีกคนถาม “ไหวมั้ยจ่า”
กุหลาบลุกขึ้นยืนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กุหลาบพูดอย่างมั่นใจ “สบายมาก”
จ่ากุหลาบตั้งตัวได้ ย่องไปทางสมหวัง
เจ้าหน้าที่ 2 คน ส่ายหัวแล้วมองจ่ากุหลาบอย่างลุ้นๆ
“จะรอดมั้ยว๊า?!”
กุหลาบย่องไปหาสมหวังโดยที่ไม่ให้สมหวังรู้ตัว หลบซอกโน้นแล้วก็ย้ายมาหลบซอกนี้เยี่ยงจ่ามือโปร
ขณะเดียวกันสมหวัง เดินออกมาจากร้านอย่างระมัดระวัง แล้วอยู่ๆ ก็รู้ว่ามีใครตามมาจึงหันกลับไปดู ปรากฏว่าไม่มีใคร
สมหวังเร่งฝีก้าว ทันใดนั้น กุหลาบรีบเข้าชาร์จตัวสมหวัง แล้วใส่กุญแจมือที่ข้อแขนดังคลิก
สมหวังตกใจ! ร้องให้คนช่วย “ช่วย”
กุหลาบใช้สก๊อตเทปปิดปากหมับทันที
“อย่าขัดขืน…นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”
สมหวังยิ่งตกใจจนตาเหลือก ทำได้แค่กลอกตาไปมา!
จ่ามาดเท่ให้สัญญาณรถตู้ พริบตานั้นรถตู้มาจอดเทียบตรงมาที่กุหลาบและสมหวัง
จังหวะนั้นป้าชวนเดินออกมาหน้าร้าน เห็นสมหวังกำลังถูกพาขึ้นไปบนรถตู้แล้วก็ขับออกไปต่อหน้าต่อตา

ป้าชวนตกใจตาเหลือก แหกปากร้องลั่นให้คนช่วย “ว้าย! ช่วยด้วยค่ะ…ช่วยด้วย หลานชั้นถูกลักพาตัว”
 

สายฟ้ากับสมหวัง ตอนที่ 1 (ต่อ)

ที่ห้องสอบสวนในโรงพักแห่งหนึ่ง สมหวังอยู่ในสภาพใส่กุญแจมือ ปากถูกปิดด้วยเทปกาว โดยมีจ่ากุหลาบทำหน้าที่สอบสวน และจ้องมองอย่างเอาเรื่องอยู่

“สารภาพมาซะดีๆ ว่าเธอเป็นคนฆ่าคุณนายศรีสมรใช่มั้ย”
เห็นสมหวังไม่ยอมตอบ กุหลาบทุบโต๊ะดังปัง! สมหวังกับเจ้าหน้าที่อีกคนสะดุ้งเฮือก
“จ่ายังไม่แกะสก๊อตเทปออกจากปาก แล้วเค้าจะพูดได้ยังไงละครับ” ตำรวจบอก
กุหลาบเสียฟอร์ม ทำตัวไม่ถูก แล้วเดินไปดึงสก๊อตเทปออกจากปากสมหวัง
สมหวังร้อง “โอ๊ย” สีหน้าไม่พอใจ
“จะถามก็ถามดีๆ ก็ได้ จับชั้นมาทรมานแบบนี้ทำไม”
“ชั้นจะดีกับประชาชนที่ประพฤติดีเท่านั้น ผู้ร้ายอย่างเธอมันต้องเจอแบบนี้”
กุหลาบจับโคมไฟที่อยู่เหนือหัวส่องหน้าสมหวัง ถามคาดคั้น
“เธอเป็นคนฆ่าคุณนายศรีสมรใช่มั้ย”
“ชั้นไม่ได้ทำ” สมหวังบอกเสียงดัง
“ยังจะปากแข็งอีก”
“ชั้นบอกแล้วว่าชั้นไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำ” สมหวังพูดแทบเป็นตะโกน
“อย่ามาขึ้นเสียงกับชั้นนะ…จะเข้าตารางอยู่แล้วยังจะปากดีอีก”
จังหวะนั้น หมวดวันชาติเดินเข้ามาพอดี “จ่าทำอะไรน่ะ”
กุหลาบรีบตะเบ๊ะทำความเคารพหมวด เผลอตัวปล่อยโคมไฟที่จับอยู่ และไม่ทันหลบโคมไฟแกว่งมาโดนหัวตัวเอง กุหลาบร้อง “โอ๊ย”
“นี่แหละค่ะผู้ต้องหาที่ฆ่าคุณนายศรีสมร”
ป้าชวนเดินตามหมวดวันชาติเข้ามาด้วย พอเห็นสมหวังก็โผลเข้าไปกอดอย่างห่วงใย
“โธ่…สมหวัง เจ็บตรงไหนมั้ยลูก ขวัญเอ๊ยขวัญมา”
สมหวังกอดป้าแน่น “ไม่เจ็บจ้ะป้า…ชั้นกลัว”
“ไม่ต้องกลัวนะ ป้าอยู่ตรงนี้แล้วไม่มีใครทำอะไรเอ็งได้หรอก”
“แล้วป้ามาได้ยังไงจ๊ะ” สมหวังสงสัย
“ป้าเห็นเอ็งถูกจับก็เลยโทร.มาแจ้งตำรวจ คุณหมวดเค้าก็เลยพาป้ามาหาเอ็งที่นี่”
จ่ากุหลาบมองเหตุการณ์อย่างงงๆ
พอวันชาติเห็นสมหวังถูกใส่กุญแจมืออยู่ตกใจรีบบอกกับกุหลาบ
“คุณสมหวังไม่ใช่ผู้ต้องหา! เค้าจะมาเป็นพยานให้เรา รีบปล่อยเค้าเดี๋ยวนี้เลย”
กุหลาบอึ้ง ตะลึง! แล้วรีบไขกุญแจมือให้สมหวัง
“เอ่อ…ขอโทษทีนะคะที่เข้าใจผิด…อย่าถือโทษโกรธเคืองอะไรชั้นเลยนะจ๊ะ…จะให้ชั้นทำอะไร ชั้นยอมทำทุกอย่างเลย”
วันชาติเอ็ด “พูดมากอยู่ได้…ไปเอากาแฟมาให้คุณสมหวังเค้าสิ”
กุหลาบยิ้มแป้น “ค่ะๆ คุณสมหวัง รอแป๊ปนะคะ”
จ่ากุหลาบเดินออกไป แล้วนึกขึ้นได้หันกลับมาถามป้าชวน
“คุณป้าจะรับเป็นน้ำอะไรดีคะ”
ป้าชวน ไม่สบอารมณ์ “ไม่เอา! ชั้นเจอหลานชั้นก็ชื่นใจแล้ว”
กุหลาบยิ้มเจื่อนๆ รีบออกไป

สมหวังดูแฟ้มคนร้ายผ่านไปทีละหน้า
“เอ็งแน่ใจนะว่าเอ็งจำหน้าคนร้ายมันได้” ป้าชวนถาม
“จำแม่นติดตาชั้นเลย” สมหวังบอกอย่างจริงจัง
จ่ากุหลาบเอากาแฟเข้ามาให้ “กาแฟค่ะ คุณสมหวัง”
สมหวังยิ้มบอก “ขอบคุณค่ะ…เรียกสมหวังเฉยๆ ดีกว่านะคะ”
“ค่ะ…สมหวัง”
หมวดวันชาติเดินเข้ามา “พอจะมีคนไหนคลับคล้ายคลับคลาบ้างมั้ยครับ”
“ไม่มีเลยค่ะ” สมหวังบอก
“ใจเย็นๆนะคะ ค่อยๆ ดูไป ไม่ต้องรีบ” กุหลาบบอก
วันชาติสั่ง “จ่าผมฝากดูด้วยนะ ผมขอตัวไปเคลียร์งานก่อน”
“ค่ะ”
ขณะที่หมวดวันชาติกำลังจะเดินออกไป
ระหว่างนั้น สมหวังเห็นรูปด้านข้างแดนเลือนราง อยู่ในรูปหมู่ใบใหญ่ของมือปืน “ซุ้มเมืองเพชร”
สมหวังเพ่งมองอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจ
สมหวังหน้าตาตื่น “หมวดคะ!...เจอแล้วค่ะ”
หมวดวันชาติรีบปรี่เข้ามาดู สมหวังชี้ แดน ในรูปหมู่
“เห็นแค่ด้านเดียว คุณแน่ใจนะ” สมชาติถามย้ำ
“แน่ใจสิคะ ชั้นจำได้ ไม่ผิดตัวแน่นอน” สมหวังมั่นใจ
“ซวยแล้ว มือปืนซุ้มเมืองเพชร” หมวดวันชาติคราง

ภาพของแดนถูกสแกนขยายแล้วพรินต์ออกมา แต่ยังไม่ค่อยชัดพอที่จะชี้ตัวบุคคลได้ วันชาติ และกุหลาบ มองด้วยความสนเท่ห์เพราะนึกไม่ออกว่าเป็นใคร

สมหวังนั่งรออย่างใจระทึก เมื่อมองผ่านกระจกไปยังอีกห้อง เห็นหมวดวันชาติกำลังคุยกับกุหลาบและตำรวจนายอื่นๆ อยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ครู่หนึ่ง หมวดวันชาติ และจ่ากุหลาบก็เดินเข้ามาหา
“คืออย่างนี้คุณสมหวัง…มือปืนที่คุณชี้ตัวในรูปเมื่อกี้ มันไม่มีประวัติในแฟ้มของตำรวจ”
“หมายความว่ามันไม่ใช่คนร้ายงั้นเหรอคะ” สมหวังแปลกใจ
ป้าชวนถามย้ำ “แล้วไหนเอ็งบอกว่าจำมันได้ไง”
“ชั้นจำได้จริงๆ นะป้า คนนั้นแหละที่มันฆ่าคุณนายศรีสมร”
กุหลาบอธิบาย “คือคนที่สมหวังชี้เมื่อกี้ถูกตัวแล้วค่ะ มันเป็นหนึ่งในกลุ่มมือปืนซุ้มเมืองเพชร แต่พอดีไอ้นี่มันไม่มีอยู่ในประวัติอาชญากรเพียงคนเดียว”
“และไอ้คนนี้แหละครับที่พวกเราสงสัยว่าเป็นมือปืนที่น่ากลัวที่สุดแล้วยิ่งอยู่ในซุ้มเมืองเพชรแล้วไม่ต้องพูดเลย ไอ้ซุ้มนี้มันอันตรายมาก ทางเราพยายามตามจับพวกมันอยู่ แต่ยังตามตัวไม่เจอสักคน! มันเห็นหน้าคุณแบบนี้ มันไม่ปล่อยคุณไว้แน่ๆ” วันชาติกล่าวเสริม
ป้าชวนตกใจ “หมายความว่าหลานชั้นกำลังตกอยู่ในอันตรายเหรอคะ”
“ครับ!....เพื่อความปลอดภัยของคุณสมหวัง เราแนะนำให้คุณไปซ่อนในที่ปลอดภัยชั่วคราวก่อน เพื่อกันตัวคุณไว้เป็นพยานบุคคลในคดีนี้”
สมหวังตกตะลึง “อะไรนะ….ชั้นต้องไปซ่อนตัวเพื่อเป็นพยาน!”
หมวดวันชาติ กับจ่ากุหลาบพยักหน้า
“ไม่ไป…ชั้นไม่ขอไปไหนทั้งนั้น” สมหวังไม่ยอม
“ถือว่าทางเราขอร้องเถอะนะครับ เพื่อความปลอดภัยของคุณแล้วก็เพื่อประโยชน์ในทางรูปคดี” วันชาติบอก
“ไม่ค่ะ…ชั้นเป็นห่วงป้า ชั้นไม่ไปไหนทั้งนั้น”
สมหวังและป้าชวนมีสีหน้าหนักใจ
หมวดวันชาติกับจ่ากุหลาบมองหน้ากันแบบไม่รู้จะทำยังไง

2 ป้าหลานกลับมาที่ร้าน ป้าชวนพับผ้าใส่กระเป๋าหนึ่งชิ้น สมหวังก็หยิบออกจากกระเป๋าทันที จนป้าชวนทนไม่ได้ตีมือสมหวังดังป้าบ
“โอ๊ยย! ป้าชั้นเจ็บนะ”
“ก็ตีให้เจ็บ…เอ็งจะเอาผ้าที่ป้าพับแล้วออกจากกระเป๋าทำไมเล่า”
“ชั้นไม่อยากไปนี่ป้า”
“เอ็งอย่ามาดื้อหน่อยเลย ไม่รักชีวิตตัวเองรึไง อยู่ที่นี่มันอันตราย”
“ก็ชั้นเป็นห่วงป้า ชั้นไปแล้วป้าจะอยู่กับใคร ใครจะช่วยป้าตัดเสื้อ”
“ไม่ต้องห่วงป้าหรอก ป้ายังแข็งแรงอยู่ไม่เป็นไรง่ายๆ ส่วนงานเอ็งก็ไม่ต้องห่วง ป้าทำคนเดียวได้ แล้วก็จะรับงานให้น้อยลง”
สมหวังหน้าเศร้า “ชั้นคงคิดถึงป้าแย่…ให้ชั้นอยู่ที่นี่ไม่ได้เหรอ”
“ชีวิตนี้ป้ามีเอ็งอยู่แค่คนเดียว ป้าไม่อยากให้หลานของป้าต้องเป็นอะไรไป ถ้าเอ็งเป็นอะไร ป้าก็คงทำใจไม่ได้ ไปเถอะนะสมหวัง”

สมหวังน้ำคลอโผกอดป้าชวนอย่างตื้นตัน

ที่โรงพัก จ่ากุหลาบเคาะประตูห้อง หมวดวันชาติร้องบอก

“เข้ามา”
จ่ากุหลาบเดินเข้ามา “มีอะไรให้รับใช้คะหมวด”
“เดี๋ยวคุณเตรียมตัวไปเก็บของนะ”
จ่ากุหลาบทำหน้างงๆ
“เก็บของไปไหนคะหมวด” กุหลาบครุ่นคิดแล้วโวยวาย “อย่าบอกนะคะว่าหมวดจะย้ายชั้นไปอยู่ชายแดน ชั้นไม่ไปนะ!!”
“ใจเย็นจ่ากุหลาบ”
กุหลาบไม่ฟัง โวยวายต่อ “ชั้นแค่เข้าใจผิดว่าคุณสมหวังเป็นผู้ต้องหา หมวดถึงกับลงโทษชั้นขนาดนี้เลยเหรอคะ ไม่เอา ชั้นไม่ไป”
วันชาติเสียงดัง “ฟังผมก่อนจ่า”
จ่ากุหลาบนิ่ง ชะงัก
“อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไป…ผมไม่ได้ย้ายคุณไปไหนทั้งนั้นแหละ”
“แล้วหมวดจะให้ชั้นไปไหนล่ะคะ”
“ผมจะให้คุณทำภารกิจชั่วคราว ไปคุ้มกันคุณสมหวังในที่ที่ปลอดภัย” วันชาติบอก
กุหลาบแปลกใจ “แล้วทำไมถึงต้องเป็นชั้นล่ะคะ”
“ผมเห็นว่าคุณน่ะเหมาะสมที่สุดแล้ว คุณสมหวังเค้าเป็นผู้หญิง คนคุ้มกันเค้าก็เป็นผู้หญิง หมวดคงจะเข้าใจนะ” วันชาติสรุป
“เข้าใจค่ะ”
วันชาติกำชับ “แล้วไปอยู่ที่นั่นห้ามให้ใครรู้เด็ดขาดว่าคุณเป็นตำรวจ และห้ามให้ใครรู้ว่าสมหวังเป็นใครเข้าใจมั้ย”
“รับทราบค่ะ”
“ดี! รีบไปเก็บของ เดี๋ยวเราไปกันวันนี้เลย”
กุหลาบตาเหลิอก “วันนี้เลย!...แล้วไอ้ที่ที่หมวดว่า มันที่ไหนค? ชั้นยังไม่รู้เลย”

ที่บ้านพักวงลูกทุ่งชูชนะ วทัญญู ขณะนั้นทำนองเพลงสนุกสนานดังขึ้น ป้ายหน้าบ้านเขียนเด่นหราว่า “วงดนตรีลูกทุ่งชูชนะ วทัญญู” มีรูป จอมขวัญ วทัญญู นักร้องชื่อดังของวงติดโชว์อยู่
ภายในบ้านเป็นบ้านเรือนไทยดูโมเดิร์น ข้างๆ บ้านมีโรงซ้อมเต้น
และภายในโรงซ้อมเต้น จอมขวัญ วทัญญู กำลังซ้อมร้องเพลงกับแด้นเซอร์เกือบยี่สิบกว่าชิวิต ทุกคนใส่ชุดเหมือนแสดงจริง แต่ชุดของแต่ละคนดูรุ่มร่าม แด้นเซอร์ก็เต้นอย่างซังกะตาย โดยการนำของเจ๊เนาว์ กะเทยถึกวัยสามสิบกว่าๆ
ชูชนะ หัวหน้าวง ซึ่งเป็นอดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อดังในอดีต ยืนควบคุมการซ้อมอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
“อ้าวเฮ้ย! หยุดก่อนๆ” เจ๊เนาว์แผดเสียงขึ้น
สำลีที่นั่งคอยควบคุมเครื่องเสียงอยู่ กดปิดเพลง
จอมขวัญเดินไปกินน้ำแล้วมองแด้นเซอร์อย่างหงุดหงิด
“เต้นให้มันมีอารมณ์หน่อยซิยะ” เจ๊เนาว์บอก
ชูชนะปลุกเร้า “ตื่นๆๆ ให้มันมีชีวิตชีวากันหน่อยซิ คนดูเค้าเสียตังค์มาดู ไม่ได้มาดูพวกเอ็งฟรีๆ นะโว๊ย เต้นแรงๆ กันหน่อย”
พลางชูชนะลุกขึ้นมาเต้นให้ลูกวงดู ลวดลายสะเด็ดสะเด่ามาก แต่ตกยุคไม่ได้เรื่อง พาลทำให้โสร่งที่นุ่งจะหลุดจากเอว
เจ๊เนาว์ร้องเสียงหลง “หวาดเสียวพ่อ หวาดเสียว เดี๋ยวเนาว์สอนเอง…เดี๋ยวลองใหม่นะ” หันไปทางสำลี “ไอ้สำลี มิวสิค”
สำลีกดเปิดเพลง ทำนองเพลงดังกระหึ่มขึ้น จอมขวัญเริ่มร้องใหม่ เจ๊เนาว์นำเต้นเหมือนเดิม
เจ๊เนาว์ให้จังหวะ “ห้า หก เจ็ด แปด หมุน…. หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด หมุนอีก
หนึ่งรอบ”
แดนซ์เซอร์หมุนไม่พร้อมกัน บ้างก็หมุนไปคนละฝั่ง
“หยุดๆๆๆๆ”
สำลีกดปิดเพลง
“นี่…หมุนกันเป็นลูกข่างเลยนะยะ วันนี้พวกแกไปกินอะไรมาทำไมมันเฉื่อยกันแบบนี้วะ” เจ๊เนาว์วีน
แด้นเซอร์คนหนึ่งบ่น “ท่ามันยากอ่ะเจ๊ ขอเวลาชั้นแป๊ปนึง”
แดนซ์เซอร์อีกคนตาม “ใช่ๆ เจ๊เพิ่งปล่อยท่าเมื่อวาน วันนี้ซ้อมกับชุดแล้ว ชั้นจำไม่ได้หรอก”
เจ๊เนาว์ “อะๆ เต้นช้าๆ ตามชั้นไปก่อน…มาเริ่มกันใหม่” เจ๊เนาว์หันไปบอกสำลี “สำลีเปิดเพลง”
“จะเปิดจะปิดอีกนานมั้ยเจ๊ ชั้นเมื่อยข้อนิ้วไปหมดแล้วเนี่ย” สำลีบ่น
จอมขวัญยืนดูเจ๊เนาว์ด่าแด้นเซอร์แล้วรำคาญ “ไม่ต้องเปิดสำลี”
“เป็นไงล่ะ…เจ๊ใหญ่กูของขึ้นแล้ว” สำลีว่า
“วันนี้ไม่ซ้งไม่ซ้อมแล้ว เห็นแล้วรำคาญลูกตา เต้นอะไรกันก็ไม่รู้ เหมือนถูกบังคับมาให้เต้น”
เจ๊เนาว์ปลอบ “อ้าว…จอมขวัญใจเย็นๆ สิยะ ท่าใหม่นังพวกนี้มันยังจำไม่ค่อยได้ให้เวลามันหน่อย”
จอมขวัญพูดดูแคลน “นี่ท่าใหม่แล้วเหรอ!...เจ๊ชั้นจะบอกอะไรให้นะ ท่าแต่ละท่าของเจ๊เนี่ยมันไร้
รสนิยมมาก หัดไปดูวงอื่นบ้างว่าเค้าพัฒนาไปถึงไหนแล้ว”
เจ๊เนาว์ของขึ้นนิดๆ “นี่! จอมขวัญ เจ๊ก็มีศักยภาพเท่านี้แหละ ท่ามันก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่อะไรมาก ที่ผ่านๆ มาก็ไม่เคยมีใครติเรื่องท่าเต้นเลยนะ พอใส่ชุดมันก็ช่วยได้อีก ดูสิอยู่รวมๆ กันแล้วสวยจะตาย”
จอมขวัญเหยียดยิ้ม “เนี่ยนะสวย! ชุดอะไรก็ไม่รู้ ใส่แล้วเหมือนสาหร่ายทะเล เจ๊.. วันนี้ชั้นขอพูดหน่อย ไอ้ความคิดเดิมๆ รสนิยมเดิมๆ ของเจ๊น่ะเอาไปฝากในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติได้แล้ว เจ๊ลองออกมานอกกะลาบ้าง ออกมาดูว่าคู่แข่งเค้าไปถึงไหนกันแล้ว”
ชูชนะทนฟังไม่ไหว “นังจอมขวัญ…มันจะมากไปแล้วนะ..ขอโทษนังเนาว์มันเดี๋ยวนี้”
“ไม่มากไปหรอกพ่อ… พ่อก็เห็นๆ อยู่ว่าวงเรางานน้อยลงทุกวัน อาทิตย์นึงมีงานจ้างอยู่งานสองงานแล้ววงมันจะอยู่ได้ยังไง รู้ไหมว่าเพราะอะไร เพราะวงเราไม่มีการพัฒนา วงอื่นๆเค้าถึงเอาไปกินหมด ที่พูดเนี่ยชั้นหวังดีหรอกนะ!” จอมขวัญพูดไม่หยุด
ชูชนะชึ้นเสียง “ข้าบอกให้หยุดไงจอมขวัญ”
“ชั้นเห็นแก่พ่อนะ ชั้นถึงยังอยู่ที่วงจนถึงทุกวันนี้ พี่สายฟ้าก็อีกคน ไม่เคยมาสนใจใยดีชั้นเลย ถ้าไม่มีชั้นสักคนทุกคนจะรู้สึก!”
จอมขวัญพูดอย่างถือดี พลางถอดชุดที่สวมอยู่ออก
“วันนี้พอแค่นี้ ถ้าไม่มีการพัฒนาอะไรเกิดขึ้น ก็อย่าหวังเลยว่าชั้นจะมาซ้อมอีก”
จอมขวัญเดินสะบัดตูดออกไป เจ๊เนาว์จะเดินตามจอมขวัญไปพูดให้รู้เรื่อง ชูชนะเรียกไว้
“อีเนาว์ไม่ต้องตามไป..มันคงเพิ่งกินยาบ้ามา ปล่อยให้มันไปสงบสติอารมณ์ของมัน”
“งั้นวันนี้ทุกคนแยกย้าย!”
แด้นเซอร์สลายตัว สำลีเก็บเครื่องเสียง

ชูชนะเดินเข้ามาในบ้านสีหน้าเซ็งๆ เจ๊เนาว์เดินตามเข้ามา เอ่ยขึ้น
“ที่จอมขวัญมันพูดเมื่อกี้ก็ถูกของมันนะพ่อ”
“ไม่ต้องคิดมากนะอีเนาว์”
“ชั้นก็อยากจะทำให้ดีกว่านี้นะพ่อ แต่ความสามารถชั้นมีเท่านี้จริงๆ” เจ๊เนาว์บอก
“เอ็งทำได้แค่นี้ข้าก็พอใจแล้วอีเนาว์…ไม่ต้องไปสนใจว่าใครจะพูดอะไร” ชูชนะปลอบ
“แล้วถ้านังขวัญไม่มาซ้อมจริงจะทำยังไงละพ่อ วงเรามีนักร้องอยู่คนเดียวนะ” เจ๊เนาว์กังวล
“มันก็เล่นตัวไปอย่างนั้นแหละ เอ็งก็รู้นิสัยมันอยู่ แต่ถ้ามันยังรั้นอยู่อย่างนี้ละก็ เดี๋ยวข้าให้ไอ้สายฟ้าจัดการ….ทำหน้าที่ของเอ็งไป คิดได้แค่ไหนก็แค่นั้น” ชูชนะว่า
เจ๊เนาว์เออออ “จ้ะพ่อ”
“เออ แล้วไหนเอ็งบอกว่าไอ้บาสน้องเอ็งจะมาช่วยสอนแดนเซอร์มันเต้นไง”
“เห็นบอกว่าอีกวัน สองวันมันทำธุระเรื่องเรียนเสร็จมันก็จะขึ้นมาเลยจ้ะ” เจ๊เนาว์ว่า
“ดีๆ รีบพามาช่วยกันพัฒนาวง ตามใจอีนังจอมขวัญมันหน่อย” ถอนใจ “เฮ้อออ ข้าละเหนื่อยใจ” เกาหัวแกรกๆ
ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน
ชูชนะตะโกนบอก “ไอ้สำลีไปดูสิวะ ใครมา”

รถหมวดวันชาตินั่นเองที่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน ทั้งหมดเดินลงมาจากรถ กุหลาบเห็นป้ายหน้าบ้านเขียนวงดนตรีลูกทุ่งชูชนะ วทัญญู
“วงลูกทุ่งนี่ แบบนี้ค่อยน่าสนุกหน่อย” กุหลาบว่า
สมหวังหน้าตาเศร้าๆ หมวดวันชาติเดินมาปลอบ “ไม่ต้องห่วงป้าหรอกนะ เดี๋ยวผมจะแวะไปหาแกบ่อยๆ”
สำลีวิ่งออกมา ถาม “มาหาใครเหรอครับ”
“ลุงชูชนะอยู่หรือเปล่า” วันชาติบอก
“อยู่ครับ…เชิญด้านในเลยครับ”
หมวดวันชาติ สมหวัง และกุหลาบเดินตามสำลีเข้าไปในบ้าน

สำลีเดินนำพวกสมหวังเข้ามา
“พ่อ…มีคนมาหา”
“ใครวะ…สำลี”
หมวดวันชาติพาสมหวัง และกุหลาบเดินเข้ามา
“หวัดดีครับลุง” วันชาติไหว้
“อ้าวไอ้ชาติ ไม่ได้เจอกันนาน ท่าทางล่ำสันบึกบึนมากเลย แล้วแม่เอ็งเป็นไงบ้าง”
“สบายดีครับ สองวันก่อนยังบ่นถึงลุงอยู่เลย แล้วลุงล่ะครับสบายดีไหม”
“สบายดี ไม่เจ็บไม่ไข้ แต่ไม่ค่อยมีตังค์ใช้….” หัวเราะขำ “แล้วเอ็งล่ะติดยศอะไรแล้ว”
“เพิ่งร้อยโทเองครับลุง”
“ไม่เป็นไร อีกหน่อยก็ได้เป็นผู้กอง ได้เป็นสารวัตร เป็นเจ้าคนนายคน แล้วมาวันนี้มีธุระอะไรกับลุงหรือเปล่า”
“คือผมอยากจะฝากเด็กเข้ามาทำงานในวงหน่อยครับ” วันชาติเข้าเรื่อง
“สองคนนี่นะเหรอ”
“ครับ”
สมหวังและกุหลาบยกมือขึ้นไหว้ ชูชนะรับไหว้ “เออ ไหว้พระๆ”
วันชาติพูดต่อ “สองคนนี้มาจากต่างจังหวัดครับ ถูกพวกจัดหางานเถื่อนหลอกเอาเงินค่าหัวแล้วก็หนีไป”
สมหวังกับกุหลาบ มองหน้ากันแบบงงๆ และปลง ที่ต้องเป็นแรงงานเถื่อนโดยไม่ตั้งตัว
“ผมเห็นแล้วสงสาร นึกถึงลุงได้ก็เลยลองพามาหา จะตำแหน่งอะไรก็ได้ เงินเดือนไม่เกี่ยง ขอเพียงมีที่อยู่ที่กินก็พอแล้ว ลุงพอช่วยรับไว้ได้มั้ยครับ”
“เฮ้ยได้…ที่นี่เราอยู่กันเหมือนครอบครัว มีอะไรก็แบ่งกันเหมือนพี่เหมือนน้อง คนเดือดร้อนมาหาที่พึ่งพิง…พอช่วยได้ก็ช่วยกันไป แล้วชื่อแซ่อะไรกันบ้างล่ะเนี่ย”
วันชาติแนะนำ “กุหลาบกับสมหวังครับ”
สองสาวยิ้มให้ชูชนะ กวาดตามองดูรอบๆ คิดเหมือนกันว่า นี่เหรอที่ที่เราต้องมาอยู่

ไม่นานต่อมา หมวดวันชาติล่ำลา สมหวัง กุหลาบ
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะรีบทำคดีให้เสร็จอย่างเร็วที่สุด คุณจะได้กลับไปอยู่บ้าน”
“ค่ะ”
“แต่อยู่ที่นี่สบายใจได้ ทุกคนเป็นกันเอง ที่สำคัญไอ้พวกนั้นตามมาไม่ได้แน่ๆ…” หันมาทางกุหลาบ “อยู่ได้นะจ่า”
“สบายมากค่ะหมวด”
“ดูแลสมหวังดีๆ นะ…มีอะไรก็โทร.บอกผม และที่สำคัญอย่าลืมที่ผมบอก อย่าให้ใครจับได้เด็ดขาดว่าคุณสองคนเป็นใคร”
กุหลาบเผลอตัวจะตะเบ๊ะ “รับทราบค่ะ…” นึกขึ้นได้รีบลดมือลง

หมวดวันชาติ มองจ่าหญิงลูกน้องจอมเปิ่นเขม็ง

สายฟ้ากับสมหวัง ตอนที่ 1 (ต่อ)

[ต่ อ จ า ก ต อ น ที่ แ ล้ ว]

ประตูห้องพักเปิดออก…เจ๊เนาว์พาสมหวังกับกุหลาบเข้ามายังห้องๆ หนึ่งในบ้านพักลูกวง ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกับบ้านหลังใหญ่

“นี่ห้องพักของเธอทั้งสองคน กฎของที่นี่ก็คือห้ามส่งเสียงดังและไปจุ้นจ้านห้องอื่น”
เจ๊เนาว์ปรายตามองดูถุงเสื้อผ้าที่ต่างถือมาคนละใบ
“แล้วมีกันมาแค่นี้เหรอ….งั้นเดี๋ยวบ่ายๆ ไปเบิก หมอนมุ้งกับเจ๊ที่ห้องแล้วกัน”
เจ๊เนาว์เดินบิดตูดออกไป
สมหวังกับกุหลาบเข้าไปสำรวจห้องที่จะต้องอยู่ พลางถาม “สมหวังพออยู่ได้มั้ย”
“อยู่ได้ สบายมาก ว่าแต่จ่า…เอ้ย! พี่กุหลาบล่ะอยู่ได้มั้ย”
“กันดารกว่านี้ พี่ก็เคยอยู่มาแล้ว”

ส่วนที่ข้างๆ โรงซ้อมเต้นยามนั้น สำลีเดินผิวปากมาอย่างอารมณ์ดี และกำลังมุ่งหน้าไปทางห้องพักคนงาน ทันใดนั้น กระป๋องสีใบหนึ่งก็ตกลงมาใส่หัว! สำลีร้อง “โอ๊ย” มองหาต้นตอ
“เฮ้ย! ใครทำร้ายกูวะ”
สำลีแหงนขึ้นไปดู เห็นปอยฝ้าย ดาวตลกประจำวง ผิวออกไปทางดำ กำลังทาสีอยู่ ด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“ไอ้ปอยฝ้าย มึงไม่เห็นคนหรือไง”
“ไม่เห็นโว้ย…ไม่ได้ตั้งใจด้วย” ปอยฝ้ายบอก
“ขึ้นไปทำอะไรบนนั้นวะ”
“พี่สายฟ้าวานให้ข้าทาสีน่ะ…อยู่ที่นี่ทำงานคุ้มเงินฉิบเป๋งเลยว่ะ นอกจากเป็นนักดนตรีแล้วยังต้องมาเป็นช่างทาสีอีก!”
“เอ็งยังไม่ชินอีกเหรอวะ….ไม่ต้องทำแล้ว ลงมา ข้ามีอะไรจะมานำเสนอ” สำลีบอกเป็นนัย
“อะไรของเอ็งวะ”
“มีคนมาทำแทนเอ็งแล้ว” สำลีว่า
“ใครวะ” ปอยฝ้ายสังสัย
“เดี๋ยวแกก็รู้ พ่อเพิ่งรับมาเมื่อกี้แหม็บๆ”
ปอยฝ้ายบ่นเสียงดัง “อะไรวะ รับคนงานเพิ่มอีกแล้ว ไอ้พวกที่อยู่ก็จะไม่มีเงินจ้างอยู่แล้ว พ่อนะพ่อไม่ดูสภาพการคลังของวงเลย”
“ก็นั่นน่ะสิ…เพราะฉะนั้นเราต้องไปกำจัดจุดอ่อน” สำลียิ้มเจ้าเล่ห์

สองสาว สมหวังกับกุหลาบกำลังจัดกระเป๋า ขณะที่สำลี ปอยผ้าย เดินมาที่หน้าห้องสมหวังกับกุหลาบ
ปอยฝ้ายเห็นสมหวังกับกุหลาบ
ปอยฝ้ายหันขวับบอกกับสำลี เปลี่ยนใจ “ผู้หญิงนี่หว่า!...ถ้าเป็นผู้หญิงชั้นอภัย สวยๆ น่ารักๆ แบบนี้ให้อยู่ไปเถอะ เจียดเงินพวกเราไม่กี่บาทเอง”
“ไอ้นี่! ไม่ใช่เวลามาหน้าหม้อตอนนี้...หญิงหรือชายก็อยู่ไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับปากท้องพวกเรานะเว้ย! แกอยู่เฉยๆ ชั้นจัดการเอง”
สำลีกระแอม “อะแฮ่ม อะแฮ่ม ยินดีต้อนรับจ๊ะน้องสมหวังและน้องกุหลาบ…รู้มั้ยว่าพี่ชื่ออะไร”
กุหลาบกะสมหวังเหลียวมามอง
“ไม่รู้และก็ไม่อยากรู้ด้วย อยากให้คนอื่นรู้ ที่หลังก็เขียนชื่อห้อยคอไว้” กุหลาบบอก
ปอยฝ้ายทึ่ง “แรงอ่า”
สำลียิ้มกริ่ม “ปากดีนะจ๊ะ….เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวเจอพี่…พี่ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการหน่อย พี่มีนามว่า...สำลี”
สมหวังหัวเราะก๊าก “ชื่อสำลี ตัวดำยังกะถ่าน”
สำลีถึงกับชะงัก
“ส่วนพี่ชื่อ ปอยฝ้าย จ้ะ”
กุหลาบสวนออกไป “นี่ก็คงเป็นฝ้ายชุบน้ำมันเครื่องน่ะสิ!”
สมหวังกะกุหลาบหัวเราะ
ปอยฝ้ายชองขึ้น “โห…จี๊ดเลยๆ”
“ปากดีทั้งคู่ …. เดี๋ยวสวยๆ ในวงดนตรีแห่งนี้ไม่มีใครกล้าหืออือกับพี่ น้องทั้งสองถือว่ากล้าท้าทายอำนาจรัฐมาก” สำลีทำเสียงเข้มดูมีมาดขึ้นมา “เพราะฉะนั้นตามพี่มานี่”

ไม่นานต่อมา กุหลาบ สมหวัง สำลี และปอยฝ้าย ทั้งสี่ยืนอยู่หน้าลานซ้อมเต้น
“และเพื่อเป็นเกียรติสำหรับคนงานใหม่ เอาไปเลยพวก งานแรกสำหรับรับน้องใหม่”
สำลีกับปอยฝ้าย ส่งถังสีกับแปลงทาสีให้สมหวังกับกุหลาบ
“ทาสีเนี่ยนะ จะบ้าเหรอพวกชั้นเป็นผู้หญิงนะ” กุหลาบโวย
“ไม่บ้าหรอกจ้ะ นี่แหละงานเบาๆ สำหรับผู้หญิง ทาสีผนังโรงซ้อมให้ใหม่เอี่ยม….ให้เวลาครึ่งชั่วโมงถ้าไม่เสร็จเตรียมตัวอำลาที่นี่ได้เลย” สำลีขู่
จากนั้นสำลี กะปอยฝ้ายเดินอาดๆ ออกไป
สมหวังกับกุหลาบอึ้งมองหน้ากัน
“แกล้งกันนี่หว่า” สมหวังบ่น
“ทำตามไปก่อน เอาตัวรอดเป็นยอดดี เดี๋ยวค่อยหาโอกาสเอาคืน” กุหลาบว่า

ทำนองเพลงสนุกสนานดังสนั่น สมหวังกับกุหลาบช่วยกันทาสีโรงซ้อมเต้น จนทั้งคู่หอบๆ
กุหลาบถอนใจ “ให้ไปเป็นหางเครื่องยังจะดีกว่าอีก”
สมหวังแซว “เต้นเป็นเหรอพี่กุหลาบ”
กุหลาบได้ที คุยเขื่อง “สมัยตอนพี่เรียนนะ พี่ตัวเต้นของโรงเรียนเลยนะ เวลามีแข่งขันวงลูกทุ่งต้องมีชื่อเด็กหญิงกุหลาบติดโผลทุกเวที เห็นพี่ห้าวแบบนี้แต่ข้างในเราสีชมพูนะจ๊ะ”
เจ๊เนาว์เดินยิ้มร่าเข้ามา “ขยันจังเลยนะ มาถึงก็ทำงานกันเลย”
“จะไม่ให้ขยันได้ยังไงล่ะก็ไอ้ดำปี๋ เอ้ย…สำลี ให้พวกชั้นมาทำ” สมหวังบอก
เจ๊เนาว์มองไม่เห็นสีที่เพิ่งทาใหม่ เอามือไปท้าวตรงกำแพง
“เจ๊ ตรงนั้นทาแล้ว” สมหวังบอก แต่ไม่ทันแล้ว
เจ๊เนาว์กรี๊ด “ว้าย! เลอะหมดเลยอะ เจ๊ขอโทษนะ เจ๊ไม่ได้แกล้งนะ”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกุหลาบทาให้ใหม่ เจ๊รีบไปล้างเถอะเดี๋ยวมันล้างไม่ออก” กุหลาบว่า
“จ้ะๆ ขอบใจจ้ะ”
เจ๊เนาว์เดินบิดออกไป

ด้านปอยฝ้ายเอาแต่จ้องมองกุหลาบกับสมหวังทาสีอยู่
“ไอ้สำลี มาดูน้องสมหวังกับน้องกุหลาบนี่สิ ดูท่าทาสีได้น่ารักไม่เบาเลยนะเว้ย”
แล้วจู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งเดินมาข้างปอยฝ้าย แต่ปอยฝ้ายนึกว่าเป็นสำลี จึงจับมือมานั่งลงโดยที่ไม่ได้ดู
“พูดถึงไม่น่าไปแกล้งเลยว่ะ เค้าจะมองว่าเราเป็นผู้ชายใจร้าย”
ที่แท้เป็นเจ๊เนาว์มานั่งข้างๆ
“อย่าเรียกว่าใจร้ายเลย เรียกว่าเลวถึงจะถูก แกล้งได้แม้กระทั่งผู้หญิง”
ปอยฝ้ายก้มมองเห็นเป็นเจ๊เนาว์ก็ตกใจ
“เจ๊”
เจ๊เนาว์ใส่ทันที “เออ…ชั้นเอง พวกแกนี่เลวจริงๆเลยนะ…ไปแกล้งสองคนนั้นทำไม”
ปอยฝ้ายอ้ำอึ้ง “ก็ไอ้สำลี”
ปอยฝ้ายหันไปเห็นสำลีแกล้งนอนหลับ ปอยฝ้ายไปกระชากสำลีตกลงมาจากโต๊ะ
“โอ๊ยยย…ไอ้หน้าแย้ กรูเจ็บ”
“เอ็งไม่ต้องแกล้งหลับเลย” ปอยฝ้ายรู้ทันตลกคู่หู
“ชั้นถามว่าไปแล้งให้สองคนนั้นทำงานทำไม เค้ามาเป็นช่างเย็บผ้าไม่ใช่ช่างทาสี”
สำลีแก้ตัว “นานๆ ทีนะเจ๊…ยังไม่มีงาน มีอะไรก็ทำๆ ไปก่อน”
“แล้วมันใช่งานของผู้หญิงมั้ย! ระวังเถอะ สายฟ้ามันมาเจอเข้าจะเป็นเรื่อง”
“กว่าพี่สายฟ้าจะกลับ พวกนี้ก็ทาเสร็จหมดแล้ว” สำลีบอก
เจ๊เนาว์มีสีหน้าหนักใจ “ยังไม่รู้เลยว่า สายฟ้าจะว่ายังไงบ้างเนี่ย ถ้ารู้ว่าพ่อรับสองคนนี้เอาไว้”
พร้อมกันนั้นเจ๊เนาว์มองสมหวังกับกุหลาบที่กำลังทาสีอยู่อย่างสงสาร
สำลีหัวเราะ “ต้องมีทางเดียวก็คือเก็บของ มาทางไหนก็ต้องไปทางนั้น สถานะการเงินในวงยิ่งแย่ๆ ไม่สมควรรับคนใหม่ให้เปลืองสตางค์ จริงมั้ยวะไอ้ปอยฝ้าย”
ปอยฝ้ายฮึดฮัด “ไม่รู้โว้ย…ตอนนี่ความน่ารักของสองคนนั้นมันเข้าตา ข้ายังไงก็ได้”
“เฮ้อออ! ที่นี้ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมแล้วกัน” กะเทยถึกปลงอนิจจัง
“รับรอง พี่สายฟ้ากลับมาสนุกแน่!” สำลียิ้มย่อง

สมหวังนั่งอยู่บนบันไดไม้กำลังทาสีกำแพงอยู่ กุหลาบนั่งทาอยู่ด้านล่างพูดเตือน
“สมหวังนั่งดีๆ นะ ระวังตกลงมา”
“จ้ะ”
มีเสียงรถยนต์ขับมาจอดหน้าบ้าน สมหวังกับกุหลาบไม่สนใจทาสีกันต่อไป
“เราก็เก่งเหมือนกันเนอะ แป๊ปๆ ก็ใกล้จะเสร็จแล้ว”สมหวังยิ้มแฉ่ง
“ใช่ๆ สนุกดีเหมือนกันเนอะ”
สักครู่หนึ่ง ก็มีใครคนหนึ่งเดินมาชนบันไดที่สมหวังนั่งอยู่ ทำให้สมหวังตกลงมาจากบันได กระป๋องสีกระเด็นขึ้นฟ้า สีสาดสงมาเลอะ เปรอะไปทั่ว
ที่แท้เป็นสายฟ้านั่นเอง โชคยังดีที่สายฟ้าคว้าสมหวังไว้ทัน แต่สุดท้ายสายฟ้าก็เสียหลักล้มไปกองที่พื้นโดยร่างสมหวังทับบนตัวสายฟ้าอีกที สายฟ้าจุกจนหน้าเขียว และสีกระเด็นเลอะทั้งคู่ และผนังที่ทาเสร็จแล้ว
สมหวังเจ็บไปทั้งตัว ด่านำร่อง “โอ๊ยย! นี่…ไม่เห็นหรือไงว่าคนทาสีอยู่เนี่ย”
กุหลาบก็เลอะสีเหมือนกัน เข้าไปประคองสมหวัง “เจ็บหรือเปล่าสมหวัง”
“เจ็บสิพี่”
ด้านสายฟ้ายังนอนจุกอยู่กับพื้น พยายามประคองตัวเองขึ้น สมหวังต่อว่าอีก
“นี่คุณคนตัวตั้งเบอเร่อ เดินมาไม่เห็นหรือไง”
เหลือบไปเห็นโทรศัพท์สายฟ้าที่ตกอยู่
“อ๋อ…เดินเล่นโทรศัพท์มาใช่มั้ย ถึงไม่มองข้างหน้า…ชั้นจะสอนอะไรให้นะ เวลาเดินน่ะเค้าให้มองตรงไปข้างหน้า ไม่ใช่เล่นโทรศัพท์ โทรศัพท์เอาไว้เล่นตอนว่างๆหรือนั่งนิ่งๆ เข้าใจมั้ย”
สายฟ้ายืนฟังสมหวังด่า ได้แต่หน้าผงะๆ สมหวังพักหอบ
“ผนังนั่นน่ะทาเสร็จแล้ว สีเลอะไปหมด เดี๋ยวก็ต้องเสียเวลามานั่งทาใหม่”
สายฟ้ายืนจ้องหน้าสมหวังว่า...มันเป็นใคร
“ผิดแล้วยังมองหน้าอีก คนไร้มารยาท! ผิดแล้วไม่ยอมขอโทษ”

ระหว่างนั้นบรรดาพวกลูกวงในบ้านได้ยินเสียง รีบออกมาดู
เจ๊เนาว์อุทานขึ้นเสียงหลง “ต๊าย! คุณพระช่วย”
“ตายชัวร์ ไม่รู้ซะแล้ว เล่นกับใครไม่เล่น” สำลีสยอง
“ซวยแล้วไม่ล่ะไอ้สำลี…ไหนเอ็งบอกว่ายัยสองคนนั่นจะทาสีเสร็จก่อนพี่สายฟ้ากลับมาไงวะ”
ปอยฝ้ากังวล ชูชนะเดินเข้ามาหาสายฟ้า “มีอะไรกันลูก”
สมหวังกะกุหลาบ มองหน้ากันแล้วชะงัก ร้องประสานเสียงอย่างตกใจ “ลูก”
“พ่อ…สองคนนี่เป็นใคร” สายฟ้าหันมาเอาเรื่องพ่อ
ชูชนะเสียงอ่อย “คนงานใหม่….พ่อเพิ่งรับไว้วันนี้เอง”
สมหวังกับกุหลาบเริ่มหน้าเสีย อุทานพร้อมกันอีก “พ่อ”

สายฟ้าจ้องหน้าสมหวังเขม็ง สมหวังเริ่มกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ!

บ่ายนั้น ชูชนะนั่งหงออยู่ที่โซฟา

“พ่อรับเด็กใหม่มา ทำไมไม่บอกผมก่อน” สายฟ้าถามอย่างหงุดหงิด
“เห็นน่าสงสารก็เลยรับไว้” ชูชนะบอก อ่อยๆ
“สงสารแล้วไงครับ วงของเราการเงินกำลังแย่ แค่ลำพังลูกน้องที่มีอยู่ก็แทบไม่มีเงินจ่ายค่าแรงอยู่แล้ว”
ชูชนะเถียงไม่ออกบ่นพึมพำ “กูเป็นพ่อมัน หรือมันเป็นพ่อกูวะเนี่ย!”
“อีกอย่างสองคนนั้นเป็นใครมาจากไหน เราก็ยังไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเค้าเลย” สายฟ้าใส่ต่อ
“ก็ไอ้หมวดชาติ ลูกอาปริก มันเอามาฝากไว้ เห็นมันบอกว่าบริษัทจัดหางานเถื่อนหลอกมา เป็นช่างตัดเสื้อผ้าด้วยนะ” ชูชนะว่า
“นิสัยใจคอเป็นยังไงเราก็ไม่รู้…ยังไงผมก็ไม่เห็นด้วย”
“ก็พ่อตกปากรับคำให้มันสองคนเข้าวงแล้วจะทำยังไง จะให้มันออกไปเหรอ เดี๋ยวมันกลับไปบอกไอ้หมวด พ่อก็เสียหมานะสิ แล้วต่อไปใครจะมาเคารพเชื่อฟัง” บ่นอีก “ขนาดทุกวันนี้ลูกคนเดียวยังไม่ค่อยเห็นหัวเลย”
สายฟ้าถอนหายใจ “ก็ได้…เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่รักษาหน้าพ่อ เป็นช่างตัดเสื้อใช่มั้ย”
“ก็เห็นไอ้หมวดมันว่าอย่างนั้น”
สายฟ้าพูดด้วยสีหน้ามีแผน

สมหวังนั่งอยู่ กุหลาบเดินไปเดินมาเป็นหนูติดจั่น
“นั่งก่อนเถอะพี่กุหลาบ อย่าเครียดเลย เราไม่ผิดสักหน่อย”
“ไม่ผิดได้ไง ก็เราเอาบันไดไปขวางทางเดินเค้า แล้วอีกอย่างเค้าเป็นเจ้าของวงเค้าจะทำอะไรกับเราก็ได้” กุหลาบวิตกจริต
“ก็เราไม่รู้นี่….ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด” สมหวังว่า
“แล้วถ้าถูกไล่ออกขึ้นมาเราจะไปซ่อนตัวกันที่ไหน ถ้าหมวดรู้ หมวดเอาพี่ตายแน่ๆ เลย ไม่อยากจะนึกภาพ” กุหลาบสยอง
“จะกลัวอะไร ก็ต่างคนต่างกลับบ้านไงพี่กุหลาบ กลับบ้านไม่ได้สิ มันอันตราย ตอนนี้ไอ้มือปืนซุ้มเมืองเพชรมันคงกำลังออกล่าตัวสมหวังอยู่ หรือไม่เราก็ต้องถูกหมวดส่งตัวไปซ่อนตัวที่อื่นที่ลำบากกว่านี้ โอ้…ไม่นะ!”
เจ๊เนาว์ออกมาตะโกนเรียก “สองคนนั้นน่ะ”
สมหวัง กะกุหลาบ หันมามองงงๆ “เราสองคนนั่นแหละ สายฟ้าเรียกไปหา”
กุหลาบแหยงๆ “ถึงเวลาพิพากษาแล้วไง”

สมหวังกับกุหลาบเข้ามานั่งอยู่ในบ้าน สายฟ้ามองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ทีนี้เราก็จะแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ” เจ๊เนาว์บอกพลางชี้ไปทางสายฟ้า
“นี่คุณสายฟ้า ผู้จัดการวงของเรา ใครจะอยู่ใครจะไปก็ขึ้นอยู่กับคนนี้คนเดียว”
สมหวังทำหน้าเซ็งๆ เมินหน้าหนี
“เมื่อกี้พวกเราต้องขอโทษคุณด้วยนะคะ”
กุหลาบบอก พลางสะกิดให้สมหวังขอโทษ สมหวังนิ่ง กุหลาบสะกิดอีก
“ขอโทษค่ะ” สมหวังบอกอย่างเสียไม่ได้
สายฟ้ามองสมหวังหัวจรดเท้า “เธอสองคนน่ะชื่ออะไร”
“กุหลาบค่ะ”
“แล้วยัยกระเปี๊ยกนี่ล่ะ” สายฟ้าหมายถึงสมหวัง
สมหวังหันขวับ ที่ถูกเรียกว่ากระเปี๊ยก “สมหวังค่ะ”
สายฟ้าชะงัก “อะไรนะ”
“สมหวังค่ะ”
“สมหวังเหรอ?…ชื่อแปลกดี”
สมหวังฉุน “ไม่ชอบชื่อซ้ำกับคนอื่น”
สายฟ้าถาม “เป็นช่างตัดเสื้อเหรอ”
“ค่ะ” สมหวังตอบห้วน สั้น
“ตัวแค่เนี้ยเหรอ เป็นช่างตัดเสื้อ” สายฟ้าเยาะ ท่าทีดูแคลน
“ตัวเล็กแล้วไงคะ ความสามารถเค้าไม่ได้วัดกันที่ขนาดตัวหรอกนะคะ” สมหวังฉุน
“แล้วตัดอะไรเป็นบ้างล่ะ”
“เป็นทุกอย่าง” สมหวังบอก
สายฟ้าพูดท่าทีกวนๆ “ดี! จะบอกไว้ก่อนถ้าจะอยู่ที่นี่มันไม่ได้สบายอย่างที่เธอคิดนะ เพราะต้องทำงานแลกเงิน เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เลี้ยงคนที่นี่มันมีค่ามากถ้าเธอจะทำงานที่นี่ต้องมีแบบทดสอบกันหน่อย ว่าทำงานใช้ได้หรือเปล่า”
“จะทดสอบอะไรก็รีบๆ บอกมาเถอะค่ะ รออยู่!” สมหวังบอกอย่างท้าทาย
“วันนี้ชั้นเห็นเธอเหนื่อยมากแล้ว เพื่อความยุติธรรม ชั้นจะให้เธอนอนที่นี่หนึ่งคืน แล้วพรุ่งนี้เช้าไปเจอชั้นที่ห้องเก็บชุด ชั้นจะให้เจ๊เนาว์พาไป”
เจ๊เนาว์หันมาบอก “เดี๋ยวพรุ่งนี้ชั้นไปปลุกที่ห้องนะ”
“นั้นพวกชั้นขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ” กุหลาบบอก
ขณะที่สมหวัง กะกุหลาบ กำลังจะเดินออกไป สายฟ้าเรียกไว้
“อ้อ…เดี๋ยว ไอ้แบบทดสอบที่ว่ามันมีเงื่อนไขด้วยนะ ถ้าผ่านก็อยู่ต่อ แต่ถ้าไม่ถ้าไม่ผ่าน…ก็เก็บกระเป๋าออกจากวงไปได้เลย” จะเดินไปแล้วหันกลับมา “พรุ่งนี้ขอให้เธอโชคดีนะ กู๊ดไนท์”
สมหวังกับสายฟ้ามองกันอย่างเชือดเฉือนท้าทาย สมหวังกัดฟันยิ้มให้สายฟ้า ขณะที่สายฟ้ายักคิ้วอย่างกวนๆ ตอบกลับ

สมหวังนั่งอยู่บนเตียงสีหน้าเซ็งๆ ส่วนกุหลาบเตรียมตัวจะไปอาบน้ำ
“พี่กุหลาบ…ชั้นว่าเรายอมไปอยู่ที่อื่นกันเถอะ ถ้าเค้าไม่อยากให้เราอยู่เราก็ไม่ต้องอยู่”
“ไม่ได้นะสมหวัง!….เราอยู่ที่นี่ปลอดภัยที่สุดแล้ว ไปอยู่ที่อื่นมันอันตรายกับสมหวังนะ…อดทนหน่อยนะ …อีกอย่างคุณสายฟ้าเค้าคงไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้นหรอกมั้ง” กุหลาบบอก
“นี่พี่กุหลาบชั้นจะบอกอะไรให้นะ…คนขี้เก๊กแบบนั้น ต่อให้เราทำดีแค่ไหนนะ เค้าก็ใจร้ายกับเราอยู่วันยังค่ำ แล้วถ้าเค้าไม่อยากให้เราอยู่ ยังไงเค้าก็ต้องหาวิธีทำให้เราออกไปจนได้” สมหวังฮึดฮัด
กุหลาบแซวเอา “แน๊…พูดยังกับรู้จักกันมานานแสนนาน”
“ไม่เชื่อ…พี่กุหลาบก็คอยดูแล้วกัน!” สมหวังบอก

ช่วงหัวค่ำวันนั้น รถเต่าที่แต่งเก๋และเจ็บ แล่นเข้ามาในบ้านพักวงดนตรี
เป็น บาส หนุ่มหล่อหน้าตี๋อินเทรนด์ก้าวลงมาจากรถ แต่งตัวสไตล์ ฮิปฮอป หน่อยๆ ดูเท่ห์ บาสลงมาด้วยใบหน้าบูดเบี้ยว เพราะอั้นฉี่มาตลอดทาง รีบวิ่งจู๊ดตรงไปทางห้องน้ำ!

กุหลาบเดินเข้าห้องน้ำไป โดยไม่ทันสังเกตว่าเป็นห้องน้ำรวม ประตูห้องน้ำกุหลาบล็อคไม่สนิท บาสวิ่งมาทางห้องน้ำ บังเอิ๊ญ บังเอิญที่บาสดันวิ่งเข้าไปในห้องน้ำห้องเดียวกับกุหลาบ
ครู่หนึ่ง ยินเสียงกรี๊ดแตกของกุหลาบดังก้องขึ้น! พร้อมๆ กับเห็นบาสตัวเป็นๆ กระเด็นออกมาจากห้องน้ำ ตามติดมาด้วย กุหลาบที่ทะยานออกมาตีเข่าบาสซ้ำอีก
“ไอ้โรคจิต! ดีนะชั้นยังไม่ได้แก้ผ้า”
กุหลาบตีเข่าอีกที
บาสร้องลั่น พยายามอธิบาย “โอ๊ยย…ฟังก่อน”
กุหลาบไม่ฟังยังคงระดมตีเข่าต่อไป
“นี่คุณ….ฟังผมก่อน”
ระหว่างนั้น สายฟ้า เจ๊เนาว์ ก็วิ่งเข้ามา
เจ๊เนาว์กรี๊ด “ว้ายย…. หยุดๆๆ เกิดอะไรขึ้น”
กุหลาบหยุดกึก!
แต่พอสายฟ้ากับเจ๊เนาว์เห็นเป็นบาสที่ถูกอัดยับ สองคนตกใจร้องลั่น “ไอ้บาส!!
บาสเห็นเจ๊เนาว์ กับสายฟ้าก็ทักทาย ยังจุกอยู่ “พี่สายฟ้า เจ๊เนาว์ หวัดดี”
เจ๊เนาว์หันมาทางกุหลาบ “มันเกิดอะไรขึ้น นี่น้องเจ๊เอง!”
กุหลาบฟ้องอย่างฉุน “น้องเจ๊ มาแอบดูชั้นอาบน้ำ”
บาสเถียง “ผมไม่ได้ตั้งใจไปแอบดูคุณ”
“ไม่ได้แอบดูแล้วเข้ามาทำไม” กุหลาบว่า
บาสชี้ป้าย “เห็นมั้ยว่ามันเป็นห้องน้ำรวม”
กุหลาบหันกลับไป เพิ่งรู้ว่าเป็นห้องน้ำรวม กุหลาบหน้าเหวอ
“อ้าว…ชั้นขอโทษ…ชั้นไม่ทันมอง”
บาสต่อว่าเอา “ที่หลังจะเข้าห้องน้ำก็ดูก่อนว่าล็อคดีหรือยัง ถ้าคุณไปเจอคนที่ไม่ใช่คนดีอย่างผม คุณเสร็จไปแล้ว”
“ชั้นก็ขอโทษคุณแล้วไง” กุหลาบบอกท่าทีหงุดหงิด
บาสจะพยุงตัวขึ้น กุหลาบจะเข้าไปช่วย
“ไม่ต้อง ผมลุกเองได้” บาสฉุน
สายฟ้าถาม “ไหวมั้ยไอ้บาส”
“ไหวครับพี่……” บาสบ่นพึมพำ “ผู้หญิงอะไรวะเท้าหนักฉิบ”
เจ๊เนาว์หันมาพูดแนะนำบาสกับกุหลาบ “รู้จักกันไว้ …นี่บาส น้องเจ๊เองมันจะมาช่วยฝึกแดนเซอร์” แล้วหันมาทางบาสแนะนำกุหลาบ “นี่กุหลาบเด็กใหม่เพิ่งมาทำงานวันนี้เป็นวันแรก”
กุหลาบเยาะ “สภาพแบบนี้อ่ะนะเจ๊ แดนเซอร์”
บาสฉุน “ทำไม…เห็นหล่อๆ แบบนี้จะเป็นแดนเซอร์ไม่ได้หรือไง”
กุหลาบทำท่าแหวะใส่!
สมหวังวิ่งเข้ามาถาม “พี่กุหลาบเกิดอะไรขึ้น!”
“ไม่มีอะไรหรอก…มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะ” กุหลาบบอก
สมหวังหันไปทางบาส พอบาสสบตากับสมหวัง ถึงกับตะลึงอึ้งในความน่ารักของสมหวัง!
“โอเค…ไม่มีอะไรแล้ว แยกย้ายกันไปนอนได้แล้วๆ” เจ๊เนาว์ว่า
สมหวังเหลือบไปเห็นสายฟ้าจ้องมองอยู่ จึงเชิดใส่แล้วเดินสะบัดตัวออกไป

สายฟ้า บาส และเจ๊เนาว์ เดินคุยกันมาระหว่างเข้าบ้าน
“แล้วแกทำธุระเรื่องเรียนเสร็จแล้วเหรอวะไอ้บาส” กะเทยถึกถาม
“เรียบร้อยแล้วเจ๊…” หันมาทางสายฟ้า “นี่พี่ เมื่อเดือนก่อนผมไปแข่งเต้นที่มาเลเซียได้รางวัลชนะเลิศด้วยนะพี่”
สายฟ้าเอ็ด “ไอ้นี่นิสัยขี้อวดไม่เปลี่ยนเลยนะ…ชั้นรู้แล้ว เจ๊เนาว์เล่าให้ฟังแล้ว…ชั้นดีใจนะที่แกกลับมาช่วยวง วงเราจะได้มีโชว์อะไรใหม่ๆ สถานการณ์วงน่าจะดีขึ้นมาบ้าง”
บาสยิ้มร่า “ยินดีครับพี่”
สายฟ้ากอดคอบาส กำลังจะเดินเข้าประตู บาสรั้งสายฟ้าไว้
“เออ พี่…แล้วผู้หญิงตัวเล็ก เสียงเหน่อๆ เมื่อกี้เป็นใคร”
“ชื่อสมหวัง เป็นช่างตัดชุดที่พ่อเพิ่งรับเข้ามาวันนี้ ยัยนั่นอ่ะตัวแสบเลย” สายฟ้าพูดอย่างหมั่นไส้
บาสยิ้มกริ่ม “น่ารักออกพี่ ผมว่ายัยกุหลาบอะไรนั่นมากกว่าที่แสบ…อัดผมซะน่วมเลย”
“แกไม่ต้องสนใจอะไรมากหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ยัยสองคนนั่นก็ไม่อยู่ให้เรารำคาญกันแล้ว” สายฟ้าบอก

“อ้าว!... ทำไมล่ะพี่?” บาสแปลกใจระคนสงสัย

โปรดติดตามเอาใจช่วย "สมหวัง" ตอนต่อไป เวลา 17.00 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น