พริกกับเกลือ ตอนที่ 17
ยุพาไปถึงมือถือก่อน ตะปบเก็บมือถือ แล้ววิ่งหนี
“หยุดนะ!”
เทวัญวิ่งตามไป...ยุพาวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนมา กดมือถือรับสาย
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”
เทวัญวิ่งตามมา
“หยุดนะ!”
ยุพายังวิ่งต่อไป เทวัญเร่งฝีเท้าเร่งตามไปยกปืนยิงเปรี้ยง...ยุพาโดนยิงเข้ากลางหลัง สะดุ้งเฮือก ทรุดลง แน่นิ่ง
ยุพาสะดุ้งเฮือกจำเหตุการณ์ได้
“ไอ้เทวัญมันยิงเจ๊!”
ยอดชายดีใจ ยุพามองหน้ายอดชาย
“เจ๊จำได้แล้ว เจ๊จำได้แล้ว!”
ในห้องจัดงาน...บนเวที ประธานกรรมการการตัดสิน ยืนรออยู่พร้อมคนเชิญโล่ประกาศเกียรติคุณ เทวัญและจิตรวรรณเดินขึ้นเวที เสียงปรบมือเกรียวกราว เจตนาและวันดีภูมิใจมาก ทันวิทย์ภูมิใจกับเทวัญ ศยามและศุวิมลตบมือ...มารศรีแอบมายืนอยู่ข้างหลังศยาม....มองศยามและจิตรวรรณด้วยความเจ็บปวด ศยามได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น รีบหยิบขึ้นมาดู
“คุณยอด!”
ศุวิมลหันฟังด้วยความสนใจ มารศรีก็สนใจในปฏิกิริยาของศยาม
“ว่าไงคุณยอด...อะไรนะ!”
ศยามฟังอย่างเคร่งเครียด มีแววตาแห่งความดีใจ...แล้วกดวางสาย ศุวิมลหันมาถาม
“มีอะไรพี่ดิ่ง”
“ความจำของเจ๊ยุพากลับมาเหมือนเดิมแล้ว”
ศุวิมลหน้าตื่น
“จริงเหรอคะ”
ศยามมองไปที่เวที เห็นจิตรวรรณและเทวัญยืนถ่ายรูปคู่
“เวลาแห่งรอยยิ้มของมัน กำลังจะหมดไป”
ที่ห้องบริการธุรกิจของโรงแรม...รัตนากำลังกดพิมพ์เอกสารจากหน้าจอ ใจดีเข้ามา
“พี่รัตนา มาทำอะไรอยู่ที่นี่”
“รอพิมพ์จดหมายที่ทางเยอรมันส่งอีเมล์ให้ค่ะ”
“ส่งมาแล้วเหรอคะ”
ใจดีและรัตนารอคอยต่อไป...เครื่องพิมพ์ทำงานแต่เวลาช่างดูเชื่องช้า ใจดีจะตบปริ้นเตอร์
“เร็วๆสิแก”
รัตนาห้ามเอาไว้
“อย่าค่ะคุณใจดี”
รัตนาชี้ไปทางพนักงาน ยืนยิ้มให้อยู่ ใจดียิ้มจ๋อยๆ ลุ้นปริ้นเตอร์ต่อไป กระดาษปริ้นต์ออกมาเรียบร้อย ใจดียิ้มหน้าบาน
“เสร็จแล้ว”
ใจดีคว้ากระดาษได้ รีบวิ่งออกไปกับรัตนาทันที
เทวัญและจิตรวรรณยืนอยู่คู่กันให้นักข่าวถ่ายรูป เทวัญเดินมาที่โพเดียม
“ขอบคุณทุกๆท่านที่มาให้กำลังใจและมาร่วมแสดงความยินดีกับรางวัลอันทรงเกียรตินี้...วันนี้เป็นวันที่ผมภูมิใจมากที่สุดครับ”
ทุกคนปรบมือ เทวัญเหลือบมองจิตรวรรณ ที่ยืนยิ้มเหยียดให้ เทวัญอึ้ง แต่ไม่สนใจ
“เพราะนอกจากผมแล้ว...คุณจิตรวรรณ คู่หมั้นของผมก็ได้รับรางวัลนี้ด้วยเช่นกัน เธอเป็นคนสวยและเก่งมาก รางวัลนี้ทำให้ผมมั่นใจที่จะเป็นคู่ชีวิตของเธอได้อย่างสมศักดิ์ศรี”
ทุกคนตบมือให้เทวัญ...วันดีหันไปสบตาเจตนา ที่ยืนนิ่งไม่ได้ยินดีไปกับเทวัญ วันดีรู้สึกอึดอัดใจ
โพ แต้ว ลุงแปลงยืนมองเทวัญอย่างไม่พอใจ ตรงกันข้ามกับทันวิทย์ที่ภูมิใจมาก ขณะเดียวกันนั้นรัตนาและใจดีวิ่งเข้ามา ใจดีโบกจดหมายชูเหนือหัวสลอน จิตรวรรณเห็นรัตนาและใจดีส่งสัญญาณมาที่จดหมายและเครื่องหมายโอเค จิตรวรรณยิ้ม หันไปมองศยาม ชายหนุ่มยิ้มให้...เทวัญร้อนตัว นึกสงสัยว่าจดหมายอะไรเดินมาโอบจิตรวรรณให้เดินไปที่หน้าเวที อย่างถือเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
“เชิญคุณจิตรวรรณกล่าวกับแขกผู้มีเกียรติต่อเลยครับ”
ทุกคนตบมือให้ จิตรวรรณพยายามแกะมือเทวัญออกอย่างเนียนๆ ยิ้มให้หวานมาก จนเทวัญหนาวสันหลัง จิตรวรรณเข้ามาที่โพเดียม
“ขอบคุณค่ะ พี่เทวัญ...ขอบคุณท่านคณะกรรมการที่เล็งเห็นว่าดิฉันเหมาะสมและคู่ควรกับรางวัลนี้...ดิฉันทำงานหนักค่ะ เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นว่าดิฉันทำได้”
ทุกคนมองจิตรวรรณอย่างชื่นชม มารศรีมองอย่างหมั่นไส้
“รางวัลนี้ทำให้ดิฉันมีกำลังใจที่จะทำงานหนักต่อไป เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจนำเข้ารถยนต์ของเรา...แต่ดิฉันคงทำงานต่อไปไม่ได้ถ้ามียังมีพวกเหลือบริ้นคอยบ่อนทำลายชีวิต ทั้งชีวิตการงานและเรื่องส่วนตัว”
ทุกคนอึ้ง เทวัญหันมองจิตรวรรณงงงวย ศยามหลุดขำ เทวัญถามเบาๆ
“น้องจี๊ด...พูดอะไร”
จิตรวรรณประกาศไมค์
“พี่เทวัญถามดิฉันว่าพูดอะไรออกไป...ขออธิบายเพิ่มเติมนะคะ ว่าตัวเหลือบตัวริ้นที่ดิฉันหมายถึงคือ...พี่เทวัญนั่นแหละค่ะ”
ทุกคนร้องฮือ ทันวิทย์แปลกใจ และเป็นห่วงพี่ชาย วันดีหันมองสามี เจตนาพยายามจับมือวันดีเอาไว้ ให้ใจเย็นและตั้งใจฟัง เทวัญแย่งไมค์
“คู่หมั้นผมคงเหนื่อยจากการทำงานหนัก...”
จิตรวรรณแย่งไมค์มา
“ดิฉันมาสติสัมปชัญญะครบถ้วนและขอประกาศไว้ต่อหน้าท่านแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายรวม
ทั้งสื่อมวลชนในที่นี่ว่า...ดิฉันขอถอนหมั้นจาก ผู้ชายที่เป็นตัวบ่อนทำลายบริษัทของดิฉัน...คนนี้!”ทุกคนฮือฮา
ในห้องจัดงาน...เทวัญอึ้ง จิตรวรรณมองเทวัญอย่างท้าทาย ทุกคนฮือฮา วิจารณ์กันเซ็งแซ่ วันดีไม่พอใจ คุยกับเจตนา
“ยัยจี๊ดทำอย่างนี้ทำไม ฉันจะไปห้ามลูก”
วันดีจะเดินไป รั้งเอาไว้
”ปล่อยลูก มันถึงเวลาแล้วคุณวันดี”
วันดีชะงัก เพราะเจตนาจับมือไว้แน่น จำใจยืนอยู่ที่เดิม มองไปที่เวทีอย่างเป็นห่วง จิตรวรรณประจานเทวัญต่อไป
“วันนี้ทุกคนจะได้รู้ความจริงที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากเทพบุตรของผู้ชายที่ชื่อเทวัญ! รัตนา เอาจดหมายมาให้ฉัน”
รัตนารีบเอาจดหมายไปให้บนเวที จิตรวรรณรับมา ชูให้ทุกคนดู
“นี่เป็นจดหมายที่คุณเทวัญส่งให้บริษัทผลิตรถยนต์ของเยอรมัน เพื่อขอถอนโมเดิร์นคาร์จากการเป็นผู้จัดจำหน่ายในประเทศไทย ลงชื่อและตำแหน่งของตัวเองชัดเจน ทำให้โมเดิร์นคาร์พลาดโอกาสสำคัญ”
เทวัญเข้าไปแย่งจดหมายมาจากจิตรวรรณ และแย่งไมค์มาพูดเอง
“ใช่ ผมไม่ปฏิเสธ”
ทุกคนฮือฮา จิตรวรรณอึ้ง หันไปมองศยามที่มองอย่างกังวลใจ ว่าเทวัญจะมีแผนการแก้ตัวอย่างไร
“แต่ผมทำเพราะคำสั่งของคุณจิตรวรรณ” เทวัญประกาศ
“อะไรนะ”
“พี่จำเป็นต้องปกป้องศักดิ์ศรีของพี่บ้าง พี่ทนมานานแล้ว” เทวัญยิ้มเยาะจิตรวรรณ แล้วหันไปบอกทุกคน “คุณจิตรวรรณต้องการให้ลักชัวรี่คาร์บริษัทของคุณศยามชู้รักของเธอได้ผลประโยชน์ โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของผม ไม่สนใจว่าจะเกิดความเสียหายแก่บริษัทของพ่อแม่บังเกิดเกล้ายังไง นายศยามเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
จิตรวรรณอึ้ง ทุกคนฮือฮา หันไปจับจ้องที่ศยาม ซึ่งยืนอึ้งไม่เชื่อหูกับเกมของเทวัญ รวมทั้งวันดี ที่กำลังสับสนเหลือเกิน
“ผมต้องทนเห็นพฤติกรรมอันน่ารังเกียจของคุณจิตรวรรณมานาน วันนี้จะเป็น วันที่ทุกคนจะได้รู้ความจริงภายใต้หน้ากากของผู้หญิงคนนี้เหมือนกัน”
เทวัญหันไปมองจิตรวรรณอย่างท้าทาย หญิงสาวเจ็บแค้นมาก รู้สึกเสียหน้าเมื่อเห็นสายตาทุกคนในห้องมองมาอย่างเหยียดหยาม วันดีทนไม่ไหว สะบัดมือหลุดจากเจตนา พุ่งไปที่ข้างเวที เจตนาตามไปด้วยติดๆ
“จี๊ด...ลงมาได้แล้ว!! จะทนยืนอับอายอยู่ทำไม”
มารศรีที่ดูเหตุการณ์อยู่ ยิ้มสะใจ ศยามเข้าไปหา...
“คุณจี๊ด...”
วันดีหันมาตวาดแว๊ด
“ไปให้พ้นเลยนะ แค่นี้ลูกฉันยังอับอายไม่พอใช่มั้ย”
เงาะเดินเข้ามาจากกลางห้อง เดินไปบนเวที
“ให้จี๊ดยืนอยู่บนนั้นต่อไปเถอะค่ะ”
เงาะเข้ามายืนตรงกลางระหว่างจิตรวรรณและเทวัญ ประกาศ...
“ดิฉันชื่อเงาะ เป็นเพื่อนสนิทที่คบกับคุณจี๊ดมานานและยังทำงานที่โมเดิร์นคาร์ ทำให้รู้จักนิสัยใจคอของผู้หญิงคนนี้ดี ว่าเป็นคนยังไง”
จิตรวรรณหน้าเครียด ใจดียืนอยู่กับรัตนา ร้อนใจ
“ยัยเงาะจะมาแฉอะไรจี๊ดอีก โอ๊ยยยยย นังเพื่อนคนนี้”
เงาะหันไปมองจิตรวรรณด้วยสายตาคมกริบ
“จี๊ดหมั้นกับพี่เทวัญ...แต่หัวใจของตัวเองกลับไปอยู่ที่คุณศยาม ดิฉันขอยืนยัน”
จิตรวรรณอึ้ง ทุกคนฮือฮา เทวัญยิ้มเยาะ ศยามเป็นห่วงจิตรวรรณมาก เงาะพูดต่อไป...
“ซึ่งดิฉันไม่แปลกใจเลยที่จี๊ดเป็นอย่างนั้น เพราะพี่เทวัญเป็นคนเลวชาติ ส่วนคุณศยามคือคนที่ช่วยเหลือจี๊ดและคนรอบตัวจี๊ดให้รอดพ้นจากแผนชั่วร้ายทั้งหมดที่ผู้ชายเลวๆคนนี้ทำกับทุกคน”
เทวัญอึ้ง รีบแก้ตัว
“ผู้หญิงคนนี้โกหก เพราะผมไม่คิดจะจริงจังกับผู้หญิงคนนี้ เขาเลยมาทำลายผม”
เงาะเดินหน้าแฉต่อไป
“เหรอ แต่แกเคยหลอกฉัน ว่าแกจริงจังกับฉัน” เงาะหันไปบอกทุกคน... “เขาโอนเงินให้ฉันเป็นค่าเลี้ยงดู เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับฉัน และปิดปากไม่ให้ฉันเอาเรื่องที่ฉันเห็นเขาแอบคบกับผู้หญิงคนหนึ่งลับๆไปบอกจี๊ด...ฉันก็หลงเชื่อ...จนกระทั่งได้เห็นธาตุแท้ของเขาว่าชอบทำร้ายผู้หญิง จิตใจโหดเหี้ยม แต่ฉันก็ยังจะทนอยู่ใต้อุ้งเท้าของเขา ทำงานให้เขาตามแต่จะสั่งเพราะฉันกลัว กลัวว่าเขาจะฆ่าฉัน เหมือนกับที่เขาพยายามฆ่าเจ๊ยุพา”
ทุกคนอึ้ง เทวัญหน้าซีด เริ่มเลิ่กลั่ก และไม่รู้ว่าขณะนั้นยุพากำลังให้ปากคำกับตำรวจ อยู่ที่โรงพักกับยอดชาย เงาะเล่าต่อไป...
“เขาสารภาพกับฉันว่าเจ๊ยุพาจะทำให้เขาและฉันต้องลำบาก เมื่อเจ๊ยุพาไม่ตาย เขาจึงสั่งให้ฉันสะกดรอยตามจี๊ดและเพื่อนๆ จนเมื่อฉันรู้ว่าเจ๊ยุพาอยู่ที่บ้านของยอดชาย เขายืมมือฉันให้เป็นคนปลิดชีวิตเจ๊ยุพาเพื่อปิดปาก ไม่ให้มีใครมีชีวิตรอดมาเป็นพยานเอาผิดเขาได้ ฉันเกือบจะทำสำเร็จ...แต่เพื่อนทุกคนที่รักฉันและให้โอกาสฉันเสมอเข้ามาขวางฉัน ไม่ให้ฉันต้องกลายเป็นฆาตกรเหมือนแก”
เทวัญประกาศไมค์
“ใครก็ได้ช่วยแจ้งตำรวจมาจับผู้หญิงคนนี้ด้วย ผู้หญิงคนนี้ถูกใครก็ตามที่เป็นศัตรูกับผมจ้างวานมาให้ใส่ร้ายผม”
“ไม่มีใครจ้างฉันทั้งนั้น เรียกตำรวจมาจับเลย ฉันไม่กลัว ฉันจะได้เอาหลักฐานทั้งหมดให้ตำรวจเอาผิดแก ไอ้ชั่ว!”
เงาะเข้าไปตบหน้าเทวัญทันที เทวัญทำเป็นอึ้ง ไม่ตอบโต้ มารศรียิ้มอย่างมีความสุข
“ละครเรื่องนี้ สนุกจริงๆ”
บนเวทีเทวัญเดินมาหาเงาะช้าๆ ทำหน้าเศร้า เล่าความเท็จ
“เงาะ แค่พี่ไม่รัก เงาะก็ทำกับพี่ได้ถึงขนาดนี้เหรอ เนี่ยเหรอที่เงาะบอกว่ารักพี่จนยอมทรยศเพื่อนรัก เงาะไม่ได้รักพี่จริง ทำร้ายพี่ทำไม”
ทุกคนฮือฮา จิตรวรรณและเงาะมองเทวัญอย่างรังเกียจ ทันวิทย์เอาเป้มาเปิดซิปออกอย่างช้าๆ...
“จนตอนนี้...คุณก็ยังพลิกลิ้นปลิ้นปล้อนเอาตัวรอดอย่างไม่ละอายแก่ใจ ไม่เกรงกลัวต่อบาปที่ตัวเองทำเลยสักนิด” จิตรวรรณเสียงเข้ม
“เพราะพี่ไม่ได้ทำอะไรผิด!!! อย่ามากล่าวหากันลอยๆ”
ทันวิทย์เดินขึ้นมาบนเวที พร้อมเสื้อเปื้อนเลือดของเทวัญ
“แล้วเสื้อนี่ล่ะครับ”
เทวัญตกใจ
“ไอ้ทันวิทย์!!! ไหนแกบอกว่าแก...”
“ในที่สุด พี่ก็ไม่เคยรักษาสัญญา ไม่ว่ากับใคร ผมเสียใจที่พี่ไม่เห็นค่าในสิ่งที่ผมพยายามจะให้”
ศยามขึ้นไปบนเวที...
“นี่เป็นเลือดของนายด้วง! พนักงานของโมเดิร์นคาร์ที่ถูกคุณเทวัญจ้างวานให้ไปฆ่าผม แล้วเขาก็ถูกเก็บ คืนนั้นนายด้วงถูกนายเทวัญแทงตายอย่างโหดเหี้ยม”
เทวัญโต้
“มันโกหก ทุกคนโกหก อย่าไปเชื่อ ผมบริสุทธิ์ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด”
ยอดชาย ยุพา เข้ามากับตำรวจพร้อมหมายจับ
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องไปพิสูจน์ตัวเองในศาล” ยอดชายประกาศ แล้วชี้... “นั่นไงครับคุณตำรวจ คุณเทวัญ คนที่พยายามฆ่าเจ๊ยุพา คุณศยาม และฆาตรกรฆ่านายด้วง”
เทวัญตะลึง
“แกพาตำรวจมาทำไม”
“เรามีหมายจับคุณ ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด!พวกแกรุมกลั่นแกล้งฉัน”
ศยามหวั่นใจ พุ่งไปจะหาจิตรวรรณ แต่เทวัญอยู่ใกล้และไวกว่าเข้ามาล็อกคอเธอไว้ แล้วชักปืนออกมาขู่ ทุกคนตกใจ ร้องวี๊ดว๊าย ตำรวจรีบชักปืนขึ้นมา เล็งไปที่เทวัญ
“เรียกกำลังเสริม”
ตำรวจ พยายามเข้ามาใกล้เทวัญเพื่อคุมสถานการณ์ ศยามพยายามพูด...
“คุณเทวัญ...อย่าทำแบบนี้ จะยิ่งเพิ่มความผิดให้ตัวเองมากขึ้น”
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ผิด อย่าเข้ามา”
จิตรวรรณร้องบอก
“นายดิ่ง...อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา”
“เป็นห่วงมันมากใช่มั้ย”
เทวัญบรรจงหอมแก้มจิตรวรรณ เย้ยศยาม ด้านหลังเทวัญ โพพยายามย่องเข้ามา แต้วและลุงแปลงจะห้ามก็ห้ามไม่ทัน
“น้องจี๊ดไม่น่าทำกับพี่แบบนี้เลย รู้มั้ยว่าพี่เจ็บปวดมากแค่ไหน...เราเคยรักกันมากไม่ใช่เหรอ น้องจี๊ดเคยบอกพี่อย่างนั้น ว่าเรารักกันมาก”
“ฉันไม่เคยรักแก”
โพพุ่งเข้ามาจะล็อกเทวัญ แต่เทวัญรู้ตัวหันปืนไปยิงโพ ถูกที่หน้าอกข้างขวา
“โอ๊ย”
โพล้มลงไป ทุกคนตกใจ ร้องกรี๊ด แต้ว ลุงแปลงรีบเข้ามาดูโพ เทวัญลากตัวจิตรวรรณหายไปทางหลืบหลังเวที ศยามรีบตามไป วันดีตกใจจนเป็นลม เจตนาพยุงเอาไว้ รัตนาเข้ามาช่วยอีกคน ตำรวจรีบว.เรียกรถพยาบาล ตำรวจที่เหลือรีบตามศยามไป ศุวิมลจะตามไป ยอดชายเข้ามาดึงแขนเธอไว้
“อย่าไปเลยนะ...อยู่ที่นี่..ผมไปเอง”
ศุวิมลเห็นสายตายอดชาย เต็มไปด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจ
“ค่ะ ระวังตัวนะ ฉันเป็นห่วงคุณ”
ยอดชายหัวใจพองโต หากแต่ก็ยังรู้สึกเจ็บปวด รีบวิ่งออกไปกับใจดีและเงาะ ศุวิมลมองไปรอบๆ ภายในงานคนเริ่มชุลมุน มารศรียิ้มอย่างมีความสุข ชูเครื่องดื่มขึ้นฉลองให้ตัวเอง
“ถึงเวลาสนุกแล้วสินะ ฮ่ะๆๆๆ”
มารศรีดื่มเครื่องดื่มจนหมดแก้ว เหวี่ยงแก้วทิ้งตกแตกอย่างไม่ใส่ใจ สวมแว่นกันแดด เดินออกไป ในขณะที่ศุวิมลหันมา ทำให้ศุวิมลมองไม่เห็นมารศรี
เทวัญล็อกคอจิตรวรรณ ผลักประตูดาดฟ้า แล้วออกไปด้านนอก...
“พี่เทวัญ ปล่อยจี๊ดเถอะ แล้วยอมมอบตัวซะ” จิตรวรรณพยายามขอร้อง
“ไม่”
เทวัญลากตัวจิตรวรรณมาถึงริมขอบดาดฟ้า ก้มมองลงไป...
“ยอมรับผิดซะเถอะพี่เทวัญ พี่ยังมีโอกาสสู้คดีนะ อย่างน้อยถ้ายอมรับสารภาพ พี่อาจจะได้รับการลดหย่อนโทษ”
“เงียบสักที พี่จะไม่ยอมติดคุกแม้สักวินาทีเดียว รู้ไว้ซะ”
ศยามและทุกคนเปิดประตูดาดฟ้าเข้ามา หยุดยืนอยู่ห่างๆ
“คุณเทวัญ ปล่อยตัวคุณจี๊ด แล้วมอบตัวซะ” ศยามร้องบอก
“ไม่”
จิตรวรรณพยายามเกลี้ยกล่อม”
“พี่เทวัญ...พี่อยากได้อยากมีอยากเป็นจนทำให้ทำได้ทุกอย่างแม้แต่เรื่องเลวร้ายที่สุดเลยเหรอ อะไร..ทำให้พี่มองข้ามความรู้สึกผิดชอบชั่วดี”
“ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไม่เคยทำให้ใครประสบความสำเร็จถึงจุดสูงสุดและกลายเป็นตำนานให้คนพูดถึง”
“แต่สิ่งที่คนพูดถึงคุณ คือการประณามและหยามเหยียด ไม่ใช่คำสรรเสริญชื่นชม เป็นตำนานแห่งความอัปยศที่น้องชายคุณจะต้องแบกรับไปจนตลอดชีวิต หรือ...อาจจะยาวนานกว่านั้น”
ทันวิทย์พยายามช่วยพูด
“พี่มีความรู้สึกรักตัวกลัวตาย คนอื่นเขาก็รู้สึกเหมือนกัน...ชีวิตพี่หรือชีวิตใครต่างก็มีค่าด้วยกันทั้งนั้น...เพราะฉะนั้นได้โปรด...อย่าปลิดชีวิตใครอีกเลย”
“เพ้อเจ้อ ไร้สาระพอแล้ว!”
เทวัญลากตัวจิตรวรรณมาประชิดขอบดาดฟ้า ยอดชายร้องบอก....
“คุณเทวัญ คุณถึงทางตันแล้ว ไม่มีที่ให้คุณหนีไปไหนได้อีกต่อไปแล้ว”
“คนอย่างฉันไม่เคยมีทางตัน”
ทุกคนอึ้ง ตกใจกังวลว่าเทวัญจะไปไหนได้อีก เทวัญกระซิบ...
“ใครทำพี่เจ็บ คนๆนั้นต้องเจ็บอย่างที่พี่รู้สึก พี่จะไม่ยอมเจ็บคนเดียว”
“พี่เทวัญจะทำอะไร อย่านะ”
เทวัญลากจิตรวรรณมาประชิดขอบดาดฟ้าอีก เหมือนจะพากันกระโดดลงไป...ศยามและทุกคนตกใจ พากันร้องห้าม เทวัญผลักจิตรวรรณออกไป ศยามเข้าไปกอดเธอเอาไว้
“ไอ้ดิ่ง”
เทวัญลั่นไกยิงศยาม จิตรวรรณรีบหมุนตัวเอาตัวบังเอาไว้ กระสุนเจาะเข้าข้างหลัง โดนเข้าสะโพก เธอสะดุ้งเฮือก ท่ามกลางความจกใจของทุกคน ตำรวจตัดสินใจยิงสวนเทวัญ แต่เทวัญกระโดดลงไปข้างล่างได้ก่อน ตำรวจ ยอดชายวิ่งไปดูที่ดาดฟ้า ชะโงกหน้าลงไปเห็นระเบียงห้องต่ำลงไปประมาณ 2 ชั้นเตี้ยๆ และไม่มีเทวัญอยู่แล้ว
“ไอ้เทวัญมันหนีไปแล้ว”
ยอดชายร้องบก ตำรวจรีบหยิบว.เรียกกำลังเสริมให้สะกัดทางเข้าออกโรงแรม ยอดชาย ใจดี เงาะรีบมาดูอาการจิตรวรรณที่หมดสติอยู่ในอ้อมกอดศยาม
เทวัญเดินมาตามทางที่หน้าห้องพักของโรงแรม เห็นราวแขวนเสื้อผ้าที่ซักแห้งเรียบร้อยแล้ว จอดอยู่ที่หน้าห้อง เมื่อเดินผ่านเขาหยิบเอาชุดหนึ่งไป เป็นชุดอาหรับสีขาว แล้วรีบไปเปลี่ยนทันที แล้วเดินไปในล็อบบี้ด้วยชุดที่คลุมหัวและตัวมิดชิด ตำรวจกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามา ผ่านเทวัญไปโดนไม่รู้ เทวัญเดินออกไปจากโรงแรมโดยมารศรีที่ยืนอยู่บริเวณนั้น รู้ว่าเทวัญคือชายอาหรับคนนั้น รีบตามออกไปทันที...
จิตรวรรณนั่งอยู่บนโซฟา เอียงสะโพกข้างที่ถูกยิงขึ้น เหม่อมองออกไปข้างหน้า อาการดีขึ้นแล้ว รัตนาเข้ามา พร้อมเอกสาร
“คุณจี๊ดคะ”
“มาแล้วเหรอ...”
“วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ”
“ดีขึ้นมาก หมอบอกฉันควรจะลุกเดินบ่อยๆ แผลจะได้ไม่เป็นพังผืด”
“แล้วเดินบ้างหรือยังคะ”
จิตรวรรณพยักหน้า
“เอาเอกสารที่ฉันสั่งมาด้วยใช่มั้ย”
“คุณจี๊ดน่าจะพักผ่อนให้หายสนิทก่อน งานพวกนี้...รอได้ค่ะ”
“ฉันไม่อยากรอ นั่งนอนเฉยๆไปวันๆ น่าเบื่อ สมองฟีบตาย เอามา”
“ค่ะ”
รัตนายื่นให้อย่างเสียไม่ได้ จิตรวรรณกำลังยื่นมือออกไปรับ ก็มีมือหนึ่งเข้ามาแย่งเอาไป หญิงสาวหน้าตึงหันไปมอง พบว่าเป็นศยามยืนถือแฟ้มเอกสารทำหน้าดุอยู่
“ทำไม”
“เอาคืนมาน่า”
“ให้พัก ทำไมไม่พัก”
“ก็...”
“อย่าเถียง”
จิตรวรรณหน้าง้ำ รัตนาอมยิ้ม แล้วค่อยๆเลี่ยงไป ศยามเอาแฟ้มเอกสารเคาะหัวเธอเบาๆ
“เด็กดื้อ”
“นายดิ่ง”
วันดีและเจตนายืนมองจิตรวรรณและศยามยิ้มๆอยู่ที่มุมหนึ่ง แล้วคุยกันเบาๆ
“ฉันดีใจที่เห็นลูกปลอดภัย และมีความสุขกับคนที่เขารัก”
“ทีนี้เชื่อแล้วใช่มั้ยว่านายดิ่งเป็นคนดี และไม่มีข้อโต้แย้งใดๆได้เลยถ้ายัยจี๊ดจะรักผู้ชายแบบนายดิ่ง”
“ค่ะ เขาเอายัยจี๊ดอยู่จริงๆ ขอโทษนะคะที่เคยดื้อดึง เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองมากเกินไป”
“ไม่สายเกินไปที่จะตัดคำว่ามากเกินไปออกไปซะ แล้วเพิ่มการฟังคนอื่นให้มากขึ้น ทีนี้มันก็จะพอดีและลงตัว”
วันนี้ยิ้ม
“ฉันรู้สึกว่าฉันโชคดีเหลือเกินที่คุณยังรักฉัน และจะไม่ให้อภัยตัวเองเลยถ้าต้องเสียคุณไปจริงๆในวันนั้น”
“ผมก็เป็นคนโชคดีที่มีภรรยาที่รักผมมาก ผมก็จะไม่ให้อภัยตัวเองเหมือนกันถ้ายอมปล่อยคุณไป”
ทั้งคู่กอดกันอย่างเข้าใจและมีความสุข รัตนากำลังจะกลับ เดินผ่านมา เห็นเจตนาและวันดีกอดกันก็ยิ้มอย่างปลื้มใจ และโล่งใจ ออกเดินไปข้างหน้าต่อไปสู่เส้นทางชีวิตของตัวเองที่หมายมั่นเอาไว้
ยอดชายยืนถือกระเป๋าเดินทางอยู่ในสวนแห่งหนึ่งอย่างเศร้าๆ ศุวิมลที่นัดกันไว้รีบเดินเข้ามา
“ขอโทษนะ ฉันมาสาย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมยังพอมีเวลา คุณนัดผมมา มีเรื่องอะไร”
ศุวิมลเห็นกระเป๋าแล้ว ใจหาย”
“คุณ...จะไปไหน”
“ไปตามทางของผมครับ”
“ไม่ได้นะ คุณจะไปไม่ได้”
“คุณห้ามผมไม่ได้หรอก กว่าผมจะทำใจให้พร้อมได้ขนาดนี้ มันหนักหนาสาหัสมากแค่ไหน คุณไม่รู้หรอก ตกลงคุณมีเรื่องอะไร”
“วันนั้น ฉันไปหาคุณที่บ้าน เพื่อจะบอกกับคุณว่าฉันรู้สึกยังไง แต่ฉันก็ยังไม่ได้บอก วันนี้ฉันถึงได้นัดคุณมา”
“ครับ บอกสิครับ”
“ฉันรักคุณ”
ยอดชายอึ้ง กระเป๋าร่วง
“คุณศุ...”
ยอดชายนึกขึ้นได้ว่าศุวิมลมีผู้ชายหลายคนให้เลือก รีบหยิบกระเป๋าขึ้น
“ขอบคุณครับที่รักผมและรู้สึกดีกับผม แต่ผมคงรักคุณไม่ได้”
“ทำไมคะ”
“ผมไม่อยากเป็นคนรักลำดับที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของคุณ...เข้าใจนะครับ”
ยอดชายจะออกไป ศุวิมลรีบบอก
“คุณคือคนเดียวในหัวใจของฉัน ฉันไม่เคยอนุญาตให้ใครเข้ามาได้ นอกจากคุณ”
“แล้วคุณคำนวณ คนนั้นล่ะครับ ผู้ชายที่คุณไปไหนมาไหนด้วย ควงแขนกันจี๋จ๋า เป็นอะไร อย่าใช้คำว่าเพื่อนสนิท หรือว่าแค่ดูๆกันไปก่อนนะ เพราะผมไม่เชื่อ”
คำนวณเดินเข้ามา
“ศุ เคลียร์จบหรือยัง”
“นั่นไง พูดถึงก็มา เมื่อเขามา ผมก็จะไป”
ยอดชายเดินหนี แต่ทนไม่ไหว วางกระเป๋า หันกลับไป
“แต่ก่อนไป ขอสักทีเหอะ”
ยอดชายเข้าไปจะต่อยคำนวณ ศุวิมลห้ามพัลวัน
“หยุดนะ คุณยอด หยุด!”
อ่านต่อตอนต่อไป เวลา 17.00น.
พริกกับเกลือ ตอนที่ 17 (ต่อ)
ศยามประคองจิตรวรรณเดินเขยกสะโพกออกมาจากบ้าน ศยามประคองอย่างเป็นห่วง
“ช้าๆ...ไม่ต้องรีบ”
“ช้าสุดๆแล้วนะ”
ศยามยิ้มขำ
“ขำอะไร”
“ยิงโดนตรงไหนไม่โดน มาโดนก้น ฝีมือใช้ไม่ได้เลยพับผ่าสิ นายเทวัญเอ๊ย”
จิตรวรรณตีแขนศยาม
“จะให้เขายิงตัดขั้วหัวใจฉันหรือไง อยากให้ฉันตายใช่มั้ย”
ศยามจับมือจิตรวรรณเอาไว้
“ถ้าไม่มีคุณ ผมก็เหมือนคนตายทั้งเป็น ผมขอโทษ ผมแค่แซวเล่น...อย่าหงุดหงิดนักสิ”
“ก็...คนมันเดินไม่สะดวกมาจะเป็นเดือนแล้วนี่ เคยเดินปร๋อไปโน่นนี่ได้ กลับต้องมาเขยกๆแบบนี้ เป็นใครก็ต้องหงุดหงิด”
“แล้วทำไงถึงจะหายหงุดหงิด”
“อุ้ม”
“หา!”
“อุ้มๆๆๆๆ”
ศยามเซ็ง
“อายุเท่าไหร่น่ะเรา”
“เท่าไหร่ไม่ได้นับ รู้แต่ว่า...ถ้าอุ้ม จะหอมแก้มเป็นรางวัล”
ศยามรีบอุ้มจิตรวรรณขึ้นมาทันที จนจิตรวรรณเสียวแผล
“ว้ายเบาๆสิ ฉันเสียว”
“เฮ้ย..อุ้มแค่นี้ เสียวซะแระ”
“หมายถึงเสียวที่แผลย่ะ ไม่หอมแก้มได้มั้ย”
“ไม่หอมแล้วจะทำอะไร”
จิตรวรรณดีดหูศยามทันที
“นี่แน่ะ ทำโทษ”
“โอ๊ย!! งั้นปล่อยให้เดินเข้าบ้านเอง”
“เดินไม่ไหวแล้ว”
“งั้นหอม เร็ว สองข้างเลย เบิ้ลข้างล่ะสองที”
“อย่าเยอะ”
“ก็คุณเยอะกับผมก่อนทำไม”
“โอ๊ย! จี๊ดเครียด!”
แต่จิตรวรรณก็ยอมหอมแก้มศยามแบบเบิ้ลแต่โดยดี
ศุวิมลยังคงห้ามศึกยอดชาย คำนวณปัดป้องพัลวัน
“คุณยอด หยุด!”
“ก่อนไป ขอชำระให้หายแค้นเหอะ”
คำนวณโวย
“นี่! จะไม่ไหวแล้วนะ!”
“ไม่ไหวแล้วทำไม!ต่อยสิ ต่อยเลย อั้นทำไม ต่อยเลย”
“ผมไม่ต่อย! แต่จะตบ!”
คำนวณเงื้อมือสุดแขน สาวมาก ยอดชายอึ้ง เงื้อหมัดค้าง
“ไม่ฟังมีตบ”
“คุณสอนอะไร”
“วอลเล่ย์บอล อดีตทีมชาติด้วย”
ยอดชายอึ้ง เพชรแท้ ชายหนุ่มหน้าตาดีเดินเข้ามา
“คำนวณ เค้ารอนานแล้วนะ”
“ขอแถลงข่าวเคลียร์ก่อน”
คำนวณพยักเพยิดให้ศุวิมลพูด เธอจึงรีบบอก
“นี่...เพชรแท้ แฟนของคำนวณค่ะ”
ยอดชายอึ้งสนิท
“แฟน”
คำนวณแว๊ดใส่
“เออ! ศุเป็นเพื่อนสาว ไม่ใช่คนของผม กรุณาเข้าใจเสียใหม่ เข้าใจยัง”
ยอดชายพยักหน้าเหวอๆ
“แล้วก็อย่าขี้งอน ผู้หญิงอย่างอาจารย์ศุวิมลไม่เคยง้อใครขนาดนี้มาก่อน ผมคอนเฟิร์ม! ไป เพชรแท้”
คำนวณเดินควงเพชรแท้ไป แต่ย้อนกลับมาอีก
“ถ้าอาจารย์ศุวิมลถอดใจเมื่อไหร่ ระวัง...ผมจะมาจีบแทน หน้าหวานนะเรา”
“เฮ้ย!”
ยอดชายร้องลั่น เพชรแท้ตาเขียว
“คำนวณ”
“ล้อเล่น ไป!”
คำนวณกับเพชรแท้ออกไป ยอดชายมองตามเหวอๆ ศุวิมลหัวเราะกิ๊กกั๊ก
ยอดชายถือกระเป๋าเดินตามศุวิมลจ๋อยๆ ที่คราวนี้เป็นฝ่ายงอนบ้าง
“ผมไม่รู้ว่าคุณคำนวณเป็น...เพื่อนสาวคุณ”
“ชอบคิดเองเออเอง”
“ผมขอโทษ...ผมไม่ทันคิด”
“แล้วคิดอะไร”
“คิดแต่ว่าหึงจนลมออกหู”
ศุวิมลอึ้ง เขิน
“ทำไมหึงล่ะ”
“เพราะผมรักคุณไง”
“ทำไมถึงรักอ่ะ”
“เพราะคุณแปลกไง”
“คุณยอด”
“ล้อเล่น”
ยอดชายวางกระเป๋า เข้าไปจับมือศุวิมล
“ดีกันนะ...”
“ยัง...”
“ทำไมล่ะ ผมสัญญา ต่อไปนี้ ผมจะไม่คิดเองเออเอง และถ้าเกิดอะไรขึ้นผมจะไม่กลัว ผมจะเดินหน้าลุยสู้เพื่อพิชิตอุปสรรค ผมจะทำให้คุณเดินไปกับผมอย่างมั่นใจและมั่นคง ดีกันนะ”
“ก็ได้”
ยอดชายเข้าไปกอดศุวิมลอย่างดีใจ
“แล้ว...คุณยังคิดจะไปอยู่หรือเปล่า”
“ไปสิ”
“ใจร้าย ฉันอุตส่าห์ยอมคืนดีกับคุณ คุณจะไปจากฉันอยู่อีกเหรอ”
“ผมไปฟิตเนส ไปแป๊บเดียว จะไปออกกำลังกาย...”
“อ้าว...”
ศุวิมลหน้าเสีย แต่ก็แอบยิ้มดีใจ ยอดชายเข้าไปกอดศุวิมลเอาไว้
“แล้วคุณรับได้เหรอ ที่ผมมีแต่ตัวกับเงินเก็บไม่เท่าไหร่ แถมยังตกงานอีก”
“ฉันรักคุณที่ตัวคุณ ไม่ใช่ที่ตัวเลขในบัญชีธนาคาร อีกอย่างเงินเดือนฉันก็ไม่ไม่ได้ขี้เหร่ ไม่อดตายหรอก”
“ซึ้งอ่ะ”
“แต่รีบหางานเร็วๆก็ดีนะ”
“ไม่ต้องห่วง เงินเดือนทุกบาททุกสตางค์ของผม...ผมจะให้คุณหมดเลย”
“ให้มันจริงเหอะ”
สองหนุ่มสาวเดินจับมือเคียงคู่กันไปอย่างเข้าใจและมีความสุข อนาคตข้างหน้าช่างสดใส
ช่วงกลางวัน ศยามป้อนของว่างให้จิตรวรรณ
“ฉันมีมือนะ ฉันกินเองได้”
“แต่ผมจะป้อน ส่วนมือคุณ...” ศยามเอามือข้างที่ว่างจับมือจิตรวรรณไว้ “เอามาจับมือผม”
“ฉันว่า...นายจะดู...ยุ่งมากเลยนะ”
“เคยยุ่งเพราะคุณมาเยอะกว่านี้ แค่นี้...ไม่เท่าไหร่ อ่ะ อีกคำ”
จิตรวรรณห้ามเอาไว้ หน้าหมองลง
“นายดิ่ง...”
“หือ”
“ได้ข่าวพี่เทวัญบ้างมั้ย”
ศยามส่ายหน้า
“ตำรวจพยายามตามสืบทุกๆที่มีความเป็นไปได้ แต่ยังไม่เจอ แต่ที่แน่ๆ หนีนอกประเทศไม่ได้ ยังอยู่ในประเทศนี่แหละ”
“น่าสงสารนะ สุดท้าย ทุกอย่างที่พยายามไขว่คว้าก็สูญเปล่า หนีหัวซุกหัวซุน จนไม่มีที่จะอยู่”
“จริงๆแล้วคนเรา ขอแค่มีบ้านที่ให้นอนหลับได้เต็มตา มีงานสุจริตที่พอเลี้ยงชีพได้ กินข้าวอิ่ม ไม่เป็นหนี้เป็นสิน มีสุขภาพที่แข็งแรง ก็น่าจะเพียงพอแล้วนะ”
“ยังไม่พอ”
“ยังขาดอะไรอีก คุณหนูจี๊ด”
“เราจะขาดคนที่เรารักและรักเราไปได้ยังไง...”
ศยามและจิตรวรรณยิ้มให้กัน จิตรวรรณซบกับแขนศยามอย่างอบอุ่นใจเป็นที่สุด
เทวัญในชุดชาวบ้าน โทรมๆ นั่งกอดเข่าเครียดอยู่ที่มุมห้องที่ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย นอกจากที่นอนเก่าคร่ำคร่า ผ้าห่มขาดวิ่น เทวัญมองไปรอบๆ รู้สึกอเน็จอนาถใจและโกรธแค้นโชคชะตา
“ทำไมเป็นแบบนี้ ฉันไม่สมควรจะต้องอยู่ในที่แบบนี้”
เทวัญจ่อมจมอยู่กับความเคียดแค้น!
ศยามและศุวิมลประคองเศกที่เพิ่งจะเดินได้มาที่โต๊ะอาหาร ป๊อดตามมาดูแลใกล้ชิด
“ผมดีใจมากเลยครับ ที่คุณพ่ออาการดีขึ้นได้ขนาดนี้”
ศยามยิ้มแย้ม ศุวิมลพยักหน้ารับ
“ปาฏิหาริย์จริงๆค่ะ”
เศกยิ้ม ยังพูดได้ลำบาก
“เราต้องเชื่อในปาฏิหาริย์”
“แต่ในเพลงบอกว่าปาฏิหาริย์มันไม่มีจริงนะครับ” ป๊อดแย้ง
“นั่นเขาพูดถึงความรักที่ไม่สมหวัง เขาท้อแท้ แต่เราไม่เคยท้อแท้! ไอ้นี่ ต้องส่งไปเรียนหนังสือใหม่อย่างเร่งด่วนซะแล้ว”
“โอย...” ป๊อดร้องโอดโอย
ศุวิมลส่ายหน้า
“พูดถึงเรื่องเรียน ทำเป็นจะตายขึ้นมาเชียว”
“ก็ป๊อดไม่ชอบเรียน พี่ศุรู้มั้ยป๊อดเรียนมอสี่สี่ปีซ้อนเลยนะ จนอาจารย์ส่ายหน้า”
“งั้นก็ไปเรียนสายวิชาชีพ”
“กลัวถูกไล่ตีอ่ะ”
ศยามขำๆ
“เยอะ! ฉันจะให้แกไปเรียนเป็นช่างเครื่องที่เยอรมันเอามั้ย”
“ไม่เอาอ่ะ...เฮ้ย..เยอรมัน! จริงเหรอพี่ดิ่ง”
“จริงสิ! ชีวิตแกจำเป็นต้องมีความรู้ติดตัวเอาไว้ทำมาหากิน อย่าลืมว่าแม่รอปาฏิหาริย์จากแกอยู่”
ป๊อดดีใจมาก
“ไอ้ป๊อดจะไปเรียนเมืองนอก ไอ้ป๊อดจะสร้างปาฏิหาริย์! ขอไปโทรบอกแม่ก่อนนะ ขอบคุณครับ ขอบคุณทุกคนครับ”
ป๊อดไว้รอบวง แล้วรีบวิ่งออกไป อย่างดีใจ ทุกคนมองตามป๊อด หัวเราะ แม่บ้านพาเจตนาเข้ามา
“คุณเจตนามาขอพบท่านค่ะ”
เศกหันไป เห็นเจตนายืนยิ้มให้อย่างมิตร เศกอึ้ง ตกใจและแปลกใจ
เศกนั่งนิ่ง เจตนาคุยด้วยอย่างมีไมตรี
“ผมดีใจ ที่คุณดีขึ้นมาก จนเหมือนปกติ”
เศกพยักหน้า
“ผมมา...ขอโทษ”
เศกแปลกใจ
“ผมเคยเข้าใจคุณผิด ว่าคุณอาจจะมีส่วนรู้เห็นเรื่องที่ผมถูกลอบยิง”
เศกยิ้มๆ
“ไม่เป็นไร”
“ลูกชายคุณเป็นคนดี ดีมาก เขาไม่เคยทำให้ผมผิดหวัง ไม่ว่าเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมากแค่ไหน เขาก็ยังคงยึดมั่นในหนทางแห่งความดีเอาไว้ได้อย่างน่าชื่นชม”
“ผมภูมิใจในตัวเขา”
“ได้ข่าวว่า คุณวางมือหมดแล้ว แล้วให้นายดิ่งดูแลทุกอย่างทั้งหมดอย่างสมบูรณ์”
เศกพยักหน้า
“ลักชัวรี่คาร์ภายใต้การนำของดิ่ง...จะต้องเจริญรุดหน้าและเติบโตอย่างมั่นคงแน่นอน”
“ขอบคุณ”
“ผมมาก็มีเรื่องจะพูดกับคุณแค่นี้ เราคงได้พบกันอีก”
เจตนาจะลุก เศกเรียกไว้
“คุณเจตนา”
เจตนาชะงัก หันมา
“ครับ”
“ผมขอ...หนูจี๊ด...มาเป็นลูกสาวผมอีกคนได้มั้ย”
เจตนาอึ้ง ยิ้มออกมาอย่างยินดี
จิตรวรรณนอนหลับบนโซฟา บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่ยังไม่คลาย รัตนาเข้ามายืนมองเธออย่างเอ็นดู
“สงสัยคงกำลังฝันดี...”
รัตนาจัดผ้าห่มให้จิตรวรรณอย่างเบามือ มองซองขาวในมือ ที่ไม่ได้ให้จิตรวรรณ ถอนใจ...จะออกไป วันดีในชุดสวยสง่า จะไปงานการกุศลเดินเข้ามาพอดี
“คุณวันดี...สวัสดีค่ะ”
วันดียังไว้ท่า
“ยัยจี๊ดหลับเหรอ”
“ค่ะ”
“งั้น...มานี่ซิ”
“คะ?”
รัตนาเดินตามไป แล้วยืนตัวเกร็ง วันดีเดินเข้ามาหารัตนา ใกล้มากขึ้น รัตนายิ่งเกร็ง จิตรวรรณที่นอนหลังอยู่ ลืมตาขึ้น เหลือบไปมอง แล้วหลับตาลงใหม่ แอบฟัง
“กลัวฉันมากเลยหรือไง”
“ค่ะ”
วันดีอดขำไม่ได้
“นั่นสินะ ฉันก็ร้ายกับเธอไว้เยอะ”
“ค่ะ”
“เธอเป็นคนจริงใจดีนะ”
รัตนายิ้ม จิตรวรรณอึ้งๆ ประหลาดใจว่า แม่ชมจริงหรือเปล่า วันดียื่นเข็มกลัดให้รัตนาดูสองอัน
“ช่วยฉันเลือกหน่อย ฉันควรจะติดเข็มกลัดอันไหน ถึงจะเข้ากับชุดนี้”
“คุณวันดีชอบอันไหนล่ะคะ”
“อันนี้...”
“ก็สวยดีค่ะ”
“เอาความจริง”
“ไม่เข้ากับชุดค่ะ มันดูเยอะไป อันนี้ดีกว่า...เรียบ แต่หรู อยู่บนตัวเสื้อได้อย่าง สง่างาม กลมกลืน แต่ก็มีความโดดเด่นในตัวเอง”
วันดีมองเข็มกลัดที่รัตนาเลือกอย่างพึงพอใจ
“รู้มั้ย...ว่าเธอมีคุณสมบัติเหมือนกับเข็มกลัดอันนี้...เรียบ ง่ายแต่ก็งามสง่า อยู่อย่างกลมกลืน แต่ไม่ถูกกลบ...เธอโดดเด่นด้วยสิ่งที่เธอเป็น ไม่ใช่สิ่งที่เธอสร้าง”
รัตนายิ้มรับ หัวใจพองโต จิตรวรรณยิ้มกว้าง โล่งใจ
“ขอบใจนะ ฉันจะติดเข็มกลัดอันที่เธอเลือก เพราะฉันเชื่อในความจริงใจของเธอ”
วันดีเดินออกไป รัตนาดีใจอย่างที่สุด ที่วันดีเอ่ยปากชม จิตรวรรณแซวทันที...
“ได้ยินหมดแล้วนะ”
“คุณจี๊ด...”
“ยิ้มไม่หุบเลยน้า แหมๆๆๆๆ”
รัตนาเดินมาหาจิตรวรรณ ยื่นซองขาวให้
“อะไร ซองผ้าป่าเหรอ”
“จดหมายขอลาออกไปศึกษาต่อค่ะ”
จิตรวรรณลุกขึ้นยืนทันที
“ฉันไม่อนุมัติ”
“คุณจี๊ดคะ ฟังดิฉันก่อนนะคะ”
“เธอไป แล้วใครจะช่วยฉัน ตอนนี้เธอมีความสำคัญกับชีวิตฉันแล้ว จะทิ้งกันไปแบบนี้ได้ยังไง”
รัตนาจับมือจิตรวรรณเอาไว้
“คุณจี๊ดเคยมีความฝันแล้วยังทำไม่สำเร็จหรือเปล่าคะ...ในชีวิตของดิฉันมีความฝันอยู่สองอย่าง หนึ่ง คือทำทุกอย่างเพื่อตอบแทน บุญคุณของท่านประธาน โดยเฉพาะการได้ช่วยงานท่าน และตอนนี้คุณจี๊ด ก็เก่งแล้ว จนสามารถช่วยงานท่านได้ทุกอย่าง คุณจี๊ดทำให้ความฝันของดิฉันเป็นความจริง ตอนนี้คุณจี๊ดช่วยทำให้ความฝันอีกข้อหนึ่งของดิฉันเป็น ความจริงด้วยได้มั้ยคะ”
“ให้เธอไปเรียนต่อน่ะเหรอ”
“ค่ะ ดิฉันเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ความรู้และประสบการณ์ในโลกกว้าง จะช่วยให้ดิฉันมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขและมีค่า และมีเป้าหมาย”
จิตรวรรณอึ้ง ทำใจไม่ค่อยได้ แต่ก็ยอมรับ
“แล้ว..คุณพ่อรู้เรื่องนี้หรือยัง”
“ท่านทราบแล้วค่ะ แต่ท่านไม่ตัดสินใจ ให้ดิฉันมาคุยกับจี๊ด”
“จะไปนานแค่ไหน”
“แค่สองปีเท่านั้นค่ะ”
“ฉันไม่ให้เธอไป”
“คุณจี๊ด”
“ถ้าเธอไม่สัญญาว่า...จะกลับมาทำงานกับฉันเหมือนเดิม”
รัตนาดีใจ
“คุณจี๊ด”
“สัญญาได้มั้ย ว่าจะกลับมา กลับมาอยู่กับฉันเหมือนเดิม”
“สัญญาค่ะ ขอบคุณนะคะคุณจี๊ด”
จิตรวรรณดึงตัวรัตนาเข้ามากอด รัตนาอึ้ง หากแต่อบอุ่นใจที่จิตรวรรณยอมรับตัวเธอในที่สุด วันดียืนมองมาจากมุมหนึ่ง อย่างซาบซึ้งใจ
เทวัญกินน้ำจากขวดพลาสติกขุ่นจนหมด ก็ยังไม่หายหิว พยายามจะเขย่าขวดให้น้ำไหลออกมาอีก แต่ก็หมด เขาเขวี้ยงขวดอย่างโมโห เดินไปคุ้ยเสื้อผ้า สะบัดเสื้อผ้าทุกชิ้นที่มี เพื่อหาเงินที่เหลือ เหรียญบาทหนึ่งเหรียญกลิ้งตกลงมา เขาหยิบขึ้นมา บีบอย่างแรง จนตัวสั่น เพราะความจนตรอก ตัดสินใจ หยิบหมวกขึ้นมาสวมเพื่อพรางตัวเอง แล้วผลุนผลันออกไปจากบ้านทันที
เทวัญเดินอย่างอ่อนแรงมาตามถนน พยายามโบกรถแต่ก็ไม่สำเร็จ เทวัญลงนั่งอย่างหมดแรง แต่ด้วยความแค้นก็พยายามลุกขึ้น โบกรถต่อไป
ทันวิทย์มาพบศยามและจิตรวรรณ แห่งหนึ่ง...
“สวัสดีครับพี่จี๊ด พี่ดิ่ง”
ทินวิทย์ยกมือไหว้ แล้วนั่งลง จิตรวรรณยิ้มให้
“ทันวิทย์....สบายดีมั้ย เป็นไงบ้าง”
“ก็ดีครับ ผมเรียนจบแล้ว กำลังจะรับปริญญา”
“พี่จะไปแสดงความยินดีกับเธอในวันนั้นนะ”
“ผมรู้ว่าพี่งานยุ่ง ผมคงไม่รบกวน”
“ไม่ได้รบกวนเลย ยังไง พี่ก็รักเธอและคิดว่าเธอเป็นน้องชายของพี่เสมอ”
ศยามยิ้มให้
“ยินดีด้วยนะกับความสำเร็จ อนาคตของเรากำลังสดใส”
ทันวิทย์น้ำตาซึม สะอื้นไห้
“แต่พี่เทวัญ...ผมมีส่วนทำให้พี่เทวัญต้อง...พบกับความลำบาก”
“ทันวิทย์ อย่าร้องไห้เลย...พี่เทวัญเลือกที่จะเดินทางนั้น เขาก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาเลือก”
“เราทำดีแล้ว ที่ไม่สนับสนุนให้พี่ชายถลำลึกไปมากกว่านี้”
“ครับ”
“เทวัญติดต่อเรามาบ้างมั้ย”
ทันวิทย์ส่ายหน้า จิตรวรรณกับศยามมองหน้ากัน ยังกังวลกับเรื่องของเทวัญ
ทันวิทย์ยกมือไหว้ศยามกับจิตรวรรณ เมื่อออกจากร้าน
“โชคดีนะทันวิทย์ ขาดเหลืออะไรก็บอกพี่นะ ไม่ต้องเกรงใจ” จิตรวรรณบอก
“ครับ”
ทันวิทย์เดินออกไป จิตรวรรณกับศยามเดินไปอีกทาง ก่อนที่จิตรวรรณจะนึกขึ้นได้
“ตายจริง”
“อะไรคุณ”
“ลืมบอกทันวิทย์ว่าให้ไปสมัครงานที่บริษัทฉัน”
จิตรวรรณซึ่งเดินได้คล่องแล้ว ก็เดินย้อนกลับไปหาทันวิทย์ ศยามเดินตามไป แต่ไม่พบทันวิทย์แล้ว
“ไปไหนของเขานะเร็วจัง”
“ค่อยโทรหาเขาก็ได้”
“โอเค ไปกันเถอะ”
จิตรวรรณควงศยามหันหลังเดินออกไป โดยไม่รู้ว่าที่มุมกำแพงที่ทั้งคู่เดินมาไม่ถึง เทวัญกำลังล็อกตัวทันวิทย์อยู่ ใช้มือปิดปาก เอาปืนจ่อเอาไว้
อ่านต่อหน้า 3
พริกกับเกลือ ตอนที่ 17 (ต่อ)
เทวัญลากตัวทันวิทย์มา ก่อนจะผลักทันวิทย์ออกไป ใช้ปืนขู่ แย่งเป้ของทันวิทย์มา คุ้ยหากระเป๋าเงินและของมีค่า อะไรที่ไม่มีประโยชน์กับตัวเองก็โยนทิ้งไป ไม่สนใจ แต่...เทวัญไม่เจอกระเป๋าเงิน
“กระเป๋าเงินอยู่ที่ไหน เอามาให้ฉัน”
“พี่หนีไปอยู่ที่ไหนมา”
“ไม่ต้องยุ่ง เอาเงินมา”
“พี่ไม่มีทางหนีรอดหรอก สักวัน ตำรวจก็ต้องตามหาพี่จนเจอ”
“บอกให้เอาเงินมาให้ฉัน”
เทวัญตบทันวิทย์เปรี้ยง
“ไหนแกบอกว่าแกรักฉัน แต่แกก็ไปเข้าข้างพวกมัน ไอ้น้องเลว”
“ผมรักพี่...แต่ผมก็จะไม่เข้าข้างคนทำผิด...มอบตัวเถอะครับ”
“ฉันไม่ผิด และฉันก็รอวันชำระแค้นพวกมันและแกด้วย”
เทวัญเจ็บใจ ผลักทันวิทย์ล้มลงไป จะยิง แต่ทันวิทย์ไม่กลัวตายเลยสักนิด กลับมองเทวัญอย่างท้าทาย เทวัญเองที่ใจอ่อน ยิงไม่ลงเปลี่ยนใจ รีบค้นตามตัวทันวิทย์ เหมือนการปล้นกระจอกๆ ทันวิทย์ปล่อยให้เทวัญค้นตัวไป เมื่อได้กระเป๋าเงิน ตัดสินใจเอามันไป แล้วขู่อีกครั้ง
“อย่าตามมานะ นี่เป็นการเตือนครั้งสุดท้าย หากฉันเห็นหน้าแกอีกครั้ง นั่นหมายถึง...ฉันจะไม่เหลือความปรานีให้แกอีกแล้ว”
แล้วเทวัญก็รีบวิ่งหนีหายไป...ทันวิทย์มองตามเทวัญอย่างสงสารและสมเพชเวทนา
ยอดชายที่ใส่ผ้ากันเปื้อน วางชามอาหารลงบนโต๊ะ ศุวิมลที่นั่งรอกิน สูดกลิ่นหอมของอาหารอย่างพอใจ
“หอมจังเลย...แถมดูน่าทาน ไม่รู้ว่าจะอร่อยหรือเปล่า ต้องชิม”
ศุวิมลตักอาหารขึ้นมาชิม
“เป็นไง ฝีมือผม”
ศุวิมลส่ายหน้า เหมือนไม่อร่อย
“ลิ้นจระเข้ป่ะเนี่ย ใครที่กินอาหารฝีมือผม ติดใจกันทุกคน แถมเชียร์ให้ไปเป็น เชฟ มีคุณคนเดียวเนี่ยแหละ...”
ศุวิมลตัดบท
“ฉันยังไม่ได้พูดเลยว่าไม่อร่อย”
“ก็ส่ายหน้า”
“ที่ส่ายหน้าเพราะหมายความว่า..ไม่เคยทานอาหารฝีมือใครอร่อยเท่านี้มาก่อนเลย”
“อ๋อ...”
“คิดเองเออเองตลอด...เดี๋ยวก็ไม่กินซะนี่”
จิตรวรรณและศยามเดินยิ้มเข้ามา ยอดชาย ศุวิมลหันไปยิ้มให้
“จี๊ด คุณดิ่ง...มาพอดี มาทานข้าวด้วยกันมา” ยอดชายชวน
“พวกเราเรียบร้อยมาแล้วครับ...เชิญคุณสองคนทานตามสบายเถอะ มีผมกับ คุณจี๊ดอยู่ด้วย เหมือนมีก้างขวางคอนะ”
ดิ่งแซว ศุวิมลเขิน
“พิ่ดิ่งอ่ะ อย่ามาแซวนะ...”
จิตรวรรณลงนั่ง เอาช้อนตักชิม
“แต่...คิดอีกที ฉันยังกินได้อยู่ เพราะฝีมือยอด...สุด ยอดมาก ขอบอก...โอ๊ย...มีความสุข ผู้ชายรอบตัวฉัน ทำกับข้าวเก่งทุกคนว่ามั้ยคะคุณศุ”
“ใช่ค่ะ ทีนี้ก็สบายเรา มีหน้าที่กินอย่างเดียว”
จิตรวรรณเสริมทันที
“และคอยชี้นิ้วสั่ง โหะ โหะ โหะ”
สองสาวชวนกันคุย ศยามและยอดชายยืนมองคนรักของตัวเอง...อย่างระอาแต่...รักนะ
หลังจากทานอาหารเสร็จ ยอดชายมายืนล้างจาน จิตรวรรณทำเป็นเข้ามาหยิบโน่นหยิบนี่ จะช่วย
“ให้ช่วยมั้ย แบบว่า มากินอย่างเดียวมันยังไงๆไม่รู้ ช่วยมะ”
ยอดชายรู้ทัน
“จะคุยอะไรก็คุยมาเถอะจี๊ด ขออย่างเดียว นั่งเฉยๆ ไม่ต้องช่วย ทำเอง”
จิตรวรรณเข้าประเด็นเลยทันที
“พร้อมทำงานหรือยัง”
ยอดชายรีบวางมือ ดีใจมาก ไม่มีฟอร์ม
“รอให้ชวนตั้งนานแล้วเนี่ย! จะอดตายอยู่แล้ว และฉันยังต้องรีบเก็บเงินเพื่อเป็นสินสอดขอคุณศุแต่งงาน...จะให้เริ่มเมื่อไหร่ ฉันคิดถึงโมเดิร์นคาร์จะแย่แล้ว”
“แต่เธอจะไม่ได้กลับไปทำงานที่โมเดิร์นคาร์ ตำแหน่งของเธอฉันได้คนใหม่มาทำแล้ว”
ยอดชายตกใจ
“อะไรนะจี๊ด!”
ศยามเดินเล่นอยู่กับศุวิมลที่ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข ศยามมองอย่างเอ็นดู
“ท่าทางอาจารย์เพี้ยนของคุณยอด จะเพี้ยนมากขึ้น ยิ้มอยู่ได้คนเดียว”
“พี่ดิ่งอ่ะ แซวอีกแล้ว”
“พี่แซวเพราะพี่มีความสุขกับเราไง”
“เราทุกคนกำลังมีความสุข หลังจากผ่านเรื่องเลวร้ายมา ศุหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก”
“ใช่...พี่ก็แอบหวัง”
“ทำไมต้องแอบด้วยคะ”
“เราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น...ตอนนี้พี่ก็หมดห่วงแล้ว คุณพ่อก็เกือบจะหายดี เราก็มีคนมาดูแล”
“พี่ดิ่งพูดอย่างนี้ หมายความว่ายังไงคะ”
ยอดชายเดินโวยวายมา จิตรวรรณตาม
“เดี๋ยวก่อนยอด ฟังฉันก่อน”
“ฟังอะไรล่ะ ฉัน...ฉัน....พูดไม่ออกอ่ะจี๊ด ขอไปทำใจก่อนได้มั้ย”
ยอดชายเดินหนีไป ศยามและศุวิมลงงๆ
“มีอะไรคุณจี๊ด”
“ยังพูดเรื่องงานกับยอดไม่ทันจบ ก็เดินงอนไปแล้ว ช่วยทีสิ”
ทั้งสามคนรีบตามยอดชายไป
ยอดชายเดินหนี ทั้งสามคนเร่งเดินตาม ศุวิมลทนไม่ไหว ตะโกน
“หยุดเดี๋ยวนะคุณยอด ไม่หยุด ศุโกรธ”
ยอดชายชะงัก หันมา
“คุณศุไม่เข้าใจ”
“ที่ศุไม่เข้าใจก็คือ...จะตีโพยตีพายไปทำไม ฟังให้จบก่อนสิ”
“โอเค...เธอไม่ให้ฉันกลับไปทำงานที่โมเดิร์นคาร์ แล้วไง จี๊ด”
“เพราะเธอต้องไปรับตำแหน่งผู้ช่วยผู้บริหารสูงสุดของบริษัทใหม่ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของโมเดิร์นคาร์และลักชัวรี่คาร์”
ยอดชายกับศุวิมลร้องออกมาพร้อมกัน
“หา! บริษัทใหม่”
ศยามพยักหน้ารับ
“หลังจากที่พ่อผมตัดสินใจวางมือให้ผมดูแลธุรกิจ”
“รวมถึงพ่อฉันด้วย ท่านจะเกษียณตัวเองแล้วพาคุณแม่ทัวร์รอบโลก” จิตรวรรณเสริม
“ผมและคุณจี๊ดเรามีความคิดว่า การรวมตัวกันของสองบริษัทน่าจะเป็นการดี กว่าการทำตลาดแข่งกันเอง”
“เธอต้องออกจากงานเพราะแผนการของฉัน และเธอยังช่วยเหลือฉันเปิดโปงพี่เทวัญอย่างสุดความสามารถ เธอสมควรได้รับมัน เรียกเงินเดือนมาเลย ฉันสู้”
ยอดชายแปลกใจ
“แล้วจี๊ดกับคุณดิ่งล่ะ ทำไมไม่นั่งเก้าอี้นี้เอง”
“ผมจำเป็นต้องมีคนที่ผมไว้ใจได้ดูแลงานแทน ระหว่างที่ผมเดินทางไปศึกษาต่อให้จบ...ผมจะได้ไม่มีอะไรค้างคาใจ”
จิตรวรรณยิ้ม
“ส่วนฉันก็จะตามไปดูแลแฟนของฉัน ให้แน่ใจว่าจะไม่ออกนอกลู่นอกทาง เอ๊าะ...อาจจะไปเรียนคอร์สสั้นๆสักคอร์สเช่นเรียนภาษาเยอรมันไรเงี้ย”
“แต่มัน...ยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับผม ผมอาจจะทำไม่ได้”
“กลัวอะไร ฉันอยู่ทั้งคน” ศุวิลมรีบบอก
ยอดชายตัดสินใจได้ในที่สุด จับมือเธอไว้...
“นั่นสินะ มีคุณอยู่ทั้งคน ผมจะกลัวอะไร”
จิตรวรรณและศยามดีใจกับการตัดสินใจของยอดชาย
โพ ลุงแปลงไหว้ขอบคุณจิตรวรรณ ขณะที่แต้วนั่งอยู่ด้วย หลังจากฟังสิ่งที่จิตรวรรณบอก
“ขอบคุณมากครับคุณหนูจี๊ด”
“ขอบคุณมากครับ ที่ให้โอกาสพวกผม”
จิตรวรรณยิ้มให้ทั้งสองคน
“ที่ลุงแปลงกับนายโพได้เลื่อนตำแหน่งไม่ใช่เพราะจี๊ดหรอกค่ะ แต่เพราะตัวของลุงแปลงและนายโพต่างหากที่ทำให้ตัวเองได้รับความดีความชอบ”
แต้วรีบบอก
“ดีใจด้วยนะลุงแปลงกับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบริการ แล้วก็...หัวหน้าช่างคนใหม่”
จิตรวรรณหันมองแต้ว
“ฉันก็ยินดีกับเธอด้วยนะแต้ว...สำหรับการเป็นเลขาของผู้ช่วยผู้บริหารสูงสุด”
แต้วตกใจ
“แต้วเหรอคะ!!! โอ๊ย ดีใจที่สุดเลยค่ะ!! ขอบคุณค่ะ พี่โพ แต้วได้เป็นเลขาผู้บริหารอ่ะ”
แต้วดีใจ ลืมตัวเข้าไปกอด โพเขินๆ จิตรวรรณและลุงแปลงมองอย่างเอ็นดู”
“แต้ว....”
แต้วรู้สึกตัว
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ”
“ความสัมพันธ์ คืบหน้าไปเร็วนะ”
โพ แต้วยิ้มเขินกัน
“ตอนที่เจ้าโพถูกยิงบาดเจ็บ ยัยแต้วเนี่ยแหละครับไปคอยดูแล ไม่ห่างเลย”
“พี่โพอยู่คนเดียว คนดีสมควรได้รับการดูแลไม่ใช่เหรอลุง”
โพยิ้มแป้น
“ในที่สุดแต้วก็เห็นความดีของเอ็งนะโพ เชื่อลุงหรือยัง ว่าให้อดทน”
“ครับลุง”
จิตรวรรณมองลุงแปลง โพ และแต้วอย่างมีความสุข รู้สึกสบายใจ
จิตรวรรณเดินมาที่มุมหนึ่งของบริษัท แล้วก็ต้องชะงัก เงาะเข้ามาพร้อมใจดีและยอดชาย
“โห...มากันเป็นแพ็กเลย...มีอะไรกันเหรอ”
“ฉันมาลา” เงาะบอกเศร้าๆ
“มาลา ไปไหน”
“ฉันว่าฉันจะไปอยู่ต่างจังหวัด เพื่อนฉันคนหนึ่งแนะนำที่ทำงานให้”
จิตรวรรณตัดบท เสียงเขียว
“เพื่อนคนไหน สนิทหรือเปล่า”
“ก็ไม่ค่อยสนิท แต่ฉันไม่มีทางเลือก ฉัน...ไม่อยากอยู่ในที่เดิมๆ ฉันไม่อยาก อยู่สู้หน้าเธอ ฉันรู้สึกผิดกับเธอเหลือเกิน ฉันไม่เคยเป็นเพื่อนที่ดีของเธอเลย มีแต่ความอิจฉาริษยา คอยแต่อยากจะแทนที่เธอ...ไม่ว่าจะเป็นตอนเรียน...หรือวันนั้น..วันที่เธอสวมชุดที่สวยและสง่างามดุจเจ้าหญิงเดินลงมาจากรถกับพี่เทวัญ”
เงาะเล่าถึงเหตุการณ์วันเปิดตัวรถยนต์ของโมเดิร์นคาร์
“ฉันอยากจะยืนอยู่ตรงนั้น...แทนที่เธอ ฉันอยากมีคนรักที่สมบูรณ์พร้อมอย่างที่เธอมี อยากเป็นทุกอย่างที่เธอเป็น แต่ยิ่งต้องการมากเท่าไหร่ ความฝันของฉันมันยิ่งลอยห่างออกไป...และ...จางหาย สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่สิ่งที่เป็นของฉันจริงๆ นั่นก็คือ ศักดิ์ศรี ที่ถูกทำลายด้วยมือของคนชั่วคนนั้น”
จิตรวรรณทนไม่ไหวเข้าไปกอดเงาะเอาไว้ ใจดีและยอดชายมองอย่างสะเทือนใจ
“ฉันสู้เธอไม่ได้เลยจิตรวรรณ ฉันยอมรับและก็ยอมแพ้แล้ว”
“เป็นเพื่อนกัน ทำไมต้องสู้กันด้วยล่ะเงาะ”
“เธอยังคิดว่าฉันเป็นเพื่อนเธออยู่อีกเหรอ”
“ใช่”
“เธอมันโง่จริงๆ”
“ใครบอก ฉันฉลาดต่างหาก...ฉันรู้ว่าเธอรักฉัน ไม่อย่างนั้นเธอจะเปลี่ยนใจกลับมาช่วยฉันแฉความเลวของพี่เทวัญทำไม”
ใจดีเห็นด้วย
“ใช่....แกรักจี๊ด”
ยอดชายเสริม
“เพราะเธอรู้และเข้าใจแล้ว ว่าจี๊ดรักเธอถึงได้ยอมให้อภัยและไม่เอาผิดเธอ”
“ใช่มั้ย...เงาะ”
“เธอดีกับฉันเหลือเกินจี๊ด แต่ฉัน...”
“ฟังฉันนะเงาะ ที่ชีวิตฉันดีได้อย่างนี้ เพราะฉันมีเพื่อนอย่างพวกแกทั้งนั้น ฉัน ไม่โง่ที่จะปล่อยแกไปแน่...เราจะอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมสี่คน”
เงาะอึ้ง สบตาจิตรวรรณใจดีและยอดชาย เห็นแต่ความรักและความปารถนาดีของเพื่อน เงาะร่ำไห้โฮ”
“ฉันรักพวกเธอ”
จิตรวรรณ ใจดี และยอดชายเข้าไปสวมกอดเงาะ
จิตรวรรณควงแขนเดินเล่นมากับศยาม ซบไหล่ศยาม เงียบๆ ไม่พูด ไม่คุย
“วันนี้มาแปลก...มาแบบหนังเงียบแฮะ”
“ถ้าฉันไม่เงียบ จะได้ยินเสียงหัวใจของนายเหรอ ว่าเต้นแรงขนาดไหน”
ศยามยิ้ม
“ขนาดไหนล่ะ”
“ก็บอกสิ”
จิตรวรรณสบตาศยามลึกซึ้ง
“หลอกให้ผมพูดความรู้สึกอีกแล้ว โรคจิตหรือไงคุณ”
“อยากฟังคนรักพูดว่ารักเราจนหัวใจเต้นโครมคราม คิดถึงเราจนกินข้าวไม่ลง โรคจิตเหรอ”
“เออ”
“พูดไม่เพราะ”
“โรคจิตครับ”
“ยอม...ก็คนมันรักนี่”
จิตวรรณกอดแขนแน่นไม่ยอมปล่อย ศยามขำ
“ท่าทางจะเป็นเอามาก ไม่กินเข้าไปซะเลยล่ะ”
“ก็ฉันไม่อยากให้นายอยู่ห่างฉันเลยแม้แต่วินาทีเดียว ฉันว่าฉันตัดสินใจถูกนะที่ตามนายไปเยอรมันด้วย”
“กลัวผมมีกิ๊กเหรอ”
“ไม่กลัวหรอก ฉันมั่นใจว่านายไม่มีทางนอกใจฉันแน่ เพราะฉันสวยและดีที่สุด ฉันเอานายอยู่ แต่ฉันไม่ไว้ใจคนอื่น เพราะแฟนฉันหล่อขนาดนี้ แมลงวันตอมหึ่งแน่นอน”
“ยัยคุณหนูนิสัยเสียเอ๊ย เปรียบเทียบซะผมเห็นภาพตัวเองเลยว่า...คงเน่ามากจนแมลงวันต้องมาตอม”
จิตรวรรณหัวเราะชอบใจ ก่อนจะตัดสินใจถามขึ้นมา
“นายดิ่ง...”
“หือ”
“นายลืมมารศรีได้แล้วใช่มั้ย”
“ไหนมั่นใจในตัวเองนักไงว่าสวยว่าดี และเอาผมอยู่”
“แค่ถามเฉยๆ...”
“ผมไม่เคยลืมเค้า”
“อ้าววว”
“ผมยังคิดถึงเขา แต่คิดถึงในฐานะของคนที่เข้ามาทำให้ชีวิตผมและครอบครัวต้องพบกับความเลวร้าย”
“เขาไม่ได้ติดต่อมาอีกเลยเหรอ”
“ไม่เลย...เขาคงไม่กล้าผิดสัญญากับผมหรอก มารศรีไม่ใช่คนโง่และเขาก็รักตัวเองมาก...ถ้าติดต่อกลับมา หมายถึงเขาจะไม่เหลืออะไรเลย แล้วเขาจะทำทำไม”
“นั่นสิเนอะ จะทำทำไม...ไม่เอาๆ เลิกพูดเรื่องคนอื่น...ขอฟังเสียงหัวใจนายต่อดีกว่า”
จิตรวรรณเอนซบอกของศยาม จับมือเดินกันไปอย่างเงียบๆ มารศรีแอบดูจิตรวรรณและศยามอยู่ที่มุมหนึ่ง
มารศรีนั่งอยู่ในร้านอาหารคนเดียว เต็มไปด้วยความเคียดแค้น หยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์โทรออก
“สวัสดีค่ะเฮีย....ฉันมารศรี เฮียคงจำฉันได้....ฉันรู้ว่าเฮียให้ความช่วยเหลือนายเทวัญ....ถ้าไม่อยากให้เรื่องนี้ถึงหูตำรวจ...เฮียต้องบอกฉันว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหน”
หลายวันผ่านไป...เทวัญอยู่ในห้องที่มากบดานอยู่ เขากำลังกินข้าวจากกล่องโฟม หิวกระหาย เสียงเคาะประตูดังขึ้น เทวัญผวา โยนกล่องข้าวทิ้ง รีบไปหยิบปืนขึ้นมา เล็งไปที่ประตู
“ใคร!”
“ฉันเอง”
เทวัญอึ้ง
มารศรีเดินสำรวจทั่วบ้าน ในขณะที่เทวัญนั่งระวังตัว มองมารศรีไม่วางตา หวาดระแวง
“ดูสภาพคุณตอนนี้สิ ไม่ผิดอะไรกับหมาจนตรอก”
“แกตามหาฉันเจอได้ยังไง ใครส่งแกมา ตำรวจเหรอ”
“โถๆๆๆ ไม่ต้องระแวงฉันหรอก ฉันมาคนเดียว”
“ไม่ต้องมาสงสาร! แกต้องการอะไร มาทำไม”
“ฉันมาเพราะฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณ...ที่ต้องอยู่อย่างไร้ค่า เพราะสองคน นั่น”
เทวัญเจ็บแค้นขึ้นมาทันที
“ไอ้ดิ่ง...นังจี๊ด!”
“รู้มั้ย ว่าตอนนี้สองคนนั้นมีความสุขด้วยกันมากแค่ไหน ในขณะที่คุณและฉันกลับต้องมีชีวิตอยู่เหมือนตกนรกทั้งเป็น คุณทนได้เหรอ”
เทวัญไม่พูด มีแต่ความเคียดแค้น
“แต่ฉันทนไม่ได้...ดิ่งเคยเป็นของฉัน เพราะนังจี๊ดคนเดียว ทำให้ฉันต้องอยู่อย่างคนที่ไร้หัวใจ...ฉันต้องการแก้แค้น”
เทวัญสบตามารศรี...ครุ่นคิด
“และฉันรู้ว่าคุณเองก็รอวันชำระแค้นสองคนนั่นเหมือนกัน”
เทวัญและมารศรีเต็มไปด้วยไฟแค้น ที่รอวันชำระ
จิตรวรรณเดินเข้าบ้านมาอย่างอ่อนแรง เจตนาและวันดีเดินมาหา วันดีมองอย่างเป็นห่วง
“กลับมาแล้วเหรอลูก”
เจตนายิ้มๆก่อนจะถาม
“ไง...ท่าทางเหนื่อยเอาเรื่องนะ”
จิตรวรรณยิ้มให้พ่อ
“ไม่ค่ะ กำลังใจดี”
“พลังแห่งความรัก ทำให้ลูกพ่อกลายเป็นหญิงแกร่ง”
“และทำให้จี๊ดไม่กลัวอะไรทั้งนั้น นี่คุณพ่อคุณแม่จะไปไหนคะ”
“พ่อชวนแม่ไปดินเนอร์ร้านโปรด ไปด้วยกันนะลูก”
“ว้าย ไม่อยากไปเป็นก ข ค ง หรอกค่ะ ไปเถอะค่ะ จี๊ดอยากนอนมากกว่า”
เจตนายิ้มร่าเริง
“ดีมาก คู่ใครคู่มัน”
วันดีเขินๆ
“คุณนี่...ดูพูดเข้า”
เจตนาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“แม่ไปนะลูก แล้วจะรีบกลับ”
จิตรวรรณยิ้มให้พ่อกับแม่
“ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ สวีทกันเยอะๆนะคะ เอาให้หวานจนโต๊ะข้างๆอิจฉาตาร้อนกันไปเลย”
“รับรองลูก มดขึ้นเต็มโต๊ะแน่”
วันดีเขิน เจตนารีบจูงมือวันดี เดินหวานกันออกไป จิตรวรรณมองตามอย่างมีความสุข
“แต่...หวานสู้คู่จี๊ดไม่ได้หรอก คิดถึงแล้วมีความสุขจัง คริคริ”
ทันใดนั้นเสียงมือถือของดังขึ้น...จิตรวรรณรีบหยิบมาดู เบอร์แปลก ไม่คุ้น
“เบอร์ใครน่ะ...” จิตรวรรณ รับสาย “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ...”หญิงสาวถึงกับอึ้ง “มารศรี”
“ใช่ ฉันเอง...ฉันโทรมาแสดงความยินดีเรื่องที่คุณกับดิ่งกำลังจะแต่งงานกัน”
จิตรวรรณ คุยมือถือที่มุมหนึ่งของบ้าน อย่างไม่ไว้ใจมารศรี
“ขอบคุณค่ะ”
“ฉันรู้ตัวดีว่าทำผิดกับดิ่งไว้มาก และฉันก็รู้สึกผิด...จน...ทุกวันนี้”
“ค่ะ”
“คุณคงไม่เชื่อ”
“ไม่ทราบสิคะ ตอนนี้ ฉันหูหนักกว่าเมื่อก่อนเยอะ คงไม่เชื่อใครง่ายๆอีกต่อไป”
มารศรีเจ็บใจกับความถือดีของจิตรวรรณ แต่ยังคงทำเป็นพูดจาดีต่อไปให้จิตรวรรณตายใจ
“ฉันเข้าใจค่ะ...”
“แต่ฉันไม่เข้าใจ คุณจะโทรมาบอกฉันทำไม ทำไมไม่บอกเค้าเอง”
“ฉันไม่กล้าหรอกค่ะ ดิ่งไม่ยอมให้ฉันติดต่อไปอีก...คุณอย่าบอกดิ่งนะว่าฉันติดต่อคุณ ฉันไม่อยากผิดคำพูด แต่ฉันอยากให้ใครสักคนที่ใกล้ชิดเค้าได้รู้จริงๆว่าฉันรู้สึกแย่แค่ไหน เท่านี้ฉันก็ตายตาหลับ”
จิตรวรรณชะงัก
“อะไรนะ!...คุณจะตายไม่ได้นะ ทำแบบนั้นมันบาป”
มารศียิ้มสมใจ
“แล้วจะให้ฉันอยู่แบกรับความรู้สึกผิดอย่างนี้ต่อไป และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันถึง จะหลุดพ้นอย่างนั้นเหรอคะ ฉันไม่แข็งแกร่งพอหรอกค่ะ ฉันทำไม่ได้ ลาก่อน”
“อย่าเพิ่งวางหู เอาอย่างนี้ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน”
มารศรียิ้มสมใจ ที่จิตรวรรณตกหลุมพราง
มารศรีนั่งซึมอยู่มุมหนึ่งลับตาคน จิตรวรรณเดินเข้ามา อย่างร้อนใจ
“คุณมารศรี!”
มารศรีมองไปรอบๆ
“คุณบอกดิ่งหรือเปล่า...ว่าฉัน...”
“สบายใจเถอะ ดิ่งไม่รู้ว่าฉันมาหาคุณ”
“ทำไมคุณไม่บอกเขา”
“ฉันรู้ว่าถ้าดิ่งรู้ว่าคุณติดต่อกลับมา คุณจะถูกตัดความช่วยเหลือทางด้านการเงิน คุณอาจจะต้องอยู่อย่างลำบาก”
“แต่ฉันก็ไม่ได้คิดจะอยู่”
“คุณต้องอยู่!”
มารศรีทำเป็นอึ้ง น้ำตาซึม เสียใจ
“เอาชีวิตตัวเองทิ้งไปง่ายๆได้ยังไง”
“ไม่มีใครเห็นฉันมีค่า มีความสำคัญ”
“พ่อและแม่คุณล่ะ คุณลืมไปแล้วเหรอว่าท่านรักคุณ พ่อแม่เห็นเรามีค่าและเราคือคนสำคัญของท่านเสมอ กลับไปสิ ไปหาท่าน ไปอยู่กับท่าน”
“คุณคงมองโลกอุดมคติมากไปหน่อย...โลกของความเป็นจริงมันไม่ได้งดงามและสวยหรูอย่างที่คุณพูดหรอก พ่อแม่ฉันไม่มีวันให้อภัยในสิ่งที่ฉันทำ”
“ไม่จริง! พ่อแม่พร้อมจะให้อภัยและเข้าใจเราเสมอ ถ้าคุณไม่คิดจะอยู่เพื่อตัวเอง ทำไมไม่อยู่เพื่อท่าน คนที่ให้ชีวิตคุณ”
“เฮ้อ...หึ...คุณหนูจี๊ด...คุณนี่...ช่างเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองเหลือเกินนะ”
จิตรวรรณอึ้ง มารศรีทีท่ากร้าวขึ้น
“เธอพลาดแล้ว”
“คุณมารศรี...หมายความว่าไง”
“ไหนบอกว่าตัวเองไม่เชื่ออะไรใครง่ายๆแล้วไง...จิตใจที่งดงามของเธอ มันทำให้เธอพลาด”
จิตรวรรณตัดสินใจหันหลังกลับ จะเดินหนี แต่แล้วก็ต้องชะงัก...เทวัญเดินเข้ามาขวาง จิตรวรรณตกใจ
“พี่เทวัญ”
เทวัญยิ้มเย้ย
“ดีใจที่ได้เจอน้องจี๊ดอีกครั้งนะคะ”
อ่านต่อหน้า 4 เวลา 17.00น.
พริกกับเกลือ ตอนที่ 17 (ต่อ)
จิตรวรรณปากระเป๋าใส่เทวัญ จะวิ่งหนี แต่เทวัญจับตัวไว้ได้ แล้วใช้ยาสลบโปะ จิตรวรรณพยายามดิ้น แต่สู้ไม่ไหว ในที่สุดก็สลบไป เทวัญยิ้มเหี้ยม มารศรีเก็บกระเป๋าจิตรวรรณไปด้วย เทวัญอุ้มจิตรวรรณหลบไปทางหนึ่ง
ค่ำนั้น ศยามเข้ามาที่บ้านจิตวรรณมาอย่างร้อนใจมาก
“ไม่มีใครรู้เลยเหรอครับ ว่าคุณจี๊ดไปไหน”
เจตนาหน้าเครียด
“จู่ๆจี๊ดก็ออกจากบ้านไป ไม่ได้บอกใครว่าไปไหน ติดต่อมือถือก็ไม่ได้”
วันดีนั่งดมยาดมอยู่ ใจคอไม่ดี
“คุณคะ จะเกิดเรื่องไม่ดีกับลูกหรือเปล่า”
ยอดชายเข้ามา ศยามถามทันทีที่พบหน้า
“เป็นไงบ้างคุณยอด”
“เงาะกับใจดีพยายามตามกับเพื่อนทุกคน รวมถึงความเป็นไปได้ทุกที่แล้ว...ไม่มีใครพบจี๊ดเลย”
วันดีเป็นลมไป เจตนาตกใจ
“คุณ! สำรวย ป้าเพ็ญอยู่หรือเปล่า มาช่วยดูคุณผู้หญิงหน่อย...คุณ!”
สำรวยและป้าเพ็ญเข้ามาช่วยปฐมพยาบาลวันดี ศยามและยอดชายเป็นห่วงจิตรวรรณมาก ทันใดนั้นทันวิทย์เข้ามา ศยามชะงัก
“ทันวิทย์!”
ทันวิทย์ยกมือไหว้ทุกคน
“ผมมีเรื่องพี่เทวัญจะบอกพวกพี่ครับ”
ทุกคนแปลกใจ
“พี่เทวัญเอาเงินของผมและโทรศัพท์มือถือของผมไป ผมพยายามจะตามไปแต่ก็คลาดกัน...”
ศยามคิดๆ
“โทรเข้ามือถือตัวเองได้มั้ย”
“ปิดเครื่องตลอดเวลา...ผมเดาว่ามันคงถูกขายไปแล้ว เพราะตอนนี้พี่เทวัญต้องการเงิน เขาดู...จนตรอกมากเลยครับ”
ทุกคนสังเวชใจ
ศยามคิดบางอย่างได้
“ต้องแจ้งตำรวจ...แกะรอยมือถือว่าถูกขายไปที่ไหน”
ยอดชายนึกสงสัย
“นายเทวัญจะเกี่ยวข้องกับที่จี๊ดหายไปหรือเปล่า”
ทันวิทย์โพล่งออกมา
“ก่อนไป พี่เทวัญบอกว่า...รอวันที่จะแก้แค้นทุกคน”
ทุกคนตกใจ เจตนาหันมาหาศยาม
“ดิ่ง...ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ยัยจี๊ดจะต้องปลอดภัย เข้าใจมั้ย”
“คุณจี๊ดต้องไปไม่เป็นอะไรครับ ผมขอเอาชีวิตเป็นเดิมพัน!”
ศยามและทุกคนเป็นห่วงจิตรวรรณมาก
ค่ำนั้น จิตรวรรณถูกจับมาที่บ้านริมทะเล หญิงสาวถูกมัดมือ นอนสลบ ยังไม่ได้สติอยู่บนพื้น เทวัญและมารศียืนมองจิตรวรรณอยู่อย่างสะใจ
“จัดการมันเลย!”
“ฉันอยากให้มันฟื้นขึ้นมาก่อน”
“ฟื้นเหรอ! ยังจะใจเย็นอยู่อีก ถ้าพวกมันแห่กันมาช่วยนังนี่ล่ะ”
“ไม่มีใครตามเจอหรอก ! อย่าตื่นไปหน่อยเลยน่า”
“ฉันไม่ได้ตื่น แต่ฉันต้องการให้แกจัดการมันเดี๋ยวนี้ มันย่อยยับได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี!”
“มันจะไปสะใจอะไร ถ้าฉันทำอะไรมันทั้งๆที่มันยังไม่ได้สติ ต้องให้มันลืมตาสิ จะได้เห็นว่าฉันทำลายมันยังไงอย่างเต็มตา”
มารศรีก็หัวเราะอย่างสะใจ...เทวัญค่อยๆลงไปดูจิตรวรรณ ลูบไล้ตามใบหน้าอย่างแผ่วเบา
“น้องจี๊ดต้องเป็นของพี่ก่อน ส่วนไอ้ดิ่งจะได้ครอบครองแค่ของเหลือเดนของพี่”
เทวัญหัวเราะอย่างสะใจ จิตรวรรณยังไม่ได้สติ
เช้าวันใหม่...จิตรวรรณนอนหลับอยู่บนพื้น แสงพระอาทิตย์สาดส่องเข้าแยงตา หญิงสาวค่อยๆรู้สึกตัวตื่น มองไปรอบๆ เห็นสภาพบ้านร้าง...ตื่นตกใจ พยายามตั้งสติ...มองไปรอบๆ หาทางหนี จิตรวรรณเห็นกระเป๋าของตัวเอง รีบกระเถิบไปที่กระเป๋า ใช้มือที่ถูกมัดไพล่หลังพยายามเปิดกระเป๋า หยิบมือถือออกมาพยายามกดเปิด...เครื่องเปิด หญิงสาวดีใจ จะกดเบอร์ ทันใดนั้นเท้าของมารศรีเข้ามาเหยียบมือจิตรวรรณเอาไว้ แล้วขยี้จิตรวรรณเจ็บปวด ร้องลั่น มารศรียิ้มสะใจ ขยี้ลงไปอีก
ศยามและยอดชายที่ยังไม่ได้นอน นั่งจ้องที่มือถือซึ่งวางบนโต๊ะ ศยามทนไม่ไหว...เปิดเครื่องอีกครั้ง เปิดดูที่ฟังก์ชั่น GPS
“คุณจี๊ด เปิดเครื่องสักทีเถอะ ผมจะได้รู้ว่าคุณอยู่ไหน”
ยอดชายสงสัย
“รู้ได้ไง”
“ผมให้คุณจี๊ดติดตั้งโปรแกรมจีพีเอส ผมจะได้รู้ว่าเธออยู่ไหน เวลาเธองอนผม ผมจะได้ตามตัวถูก”
“เชื่อเขาเลย”
“คุณจี๊ดเปิดเครื่องแล้ว!”
ศยามจ้องที่มือถือ อย่างดีใจ
มารศรีขยี้เหยียบมือของจิตรวรรณอย่างสะใจ จิตรวรรณพยายามดิ้น จนหลุด เจ็บใจพุ่งเข้าชนมารศรี ดันไปจนกระแทกผนังด้วยความแค้น มารศรีจิกหัวจิตรวรรณขึ้นมาจะตบ เทวัญเข้ามารั้งมือของมารศรีเอาไว้
“หยุดนะ!”
“ปล่อยฉัน ฉันจะตบมัน!”
“บอกให้หยุด!”
เทวัญเหวี่ยงมารศรีออกไปจนเซล้ม
“มันพยายามจะติดต่อคนอื่น”
เทวัญหันไปมองมือถือของจิตรวรรณ เห็นเบอร์โทรเข้า ชื่อศยามปรากฏ เทวัญแค้น เดินไปหยิบมือถือกดปิดเครื่อง แล้วปาทิ้งออกไปนอกหน้าต่าง เทวัญเดินย่างสามขุมเข้าหา จิตรวรรณกลัว พยายามถอยกรูด
“อย่ากลัวพี่เลยจ๊ะ น้องจิตรวรรณ...ทำใจให้สบาย อีกเดี๋ยวเราก็จะมีความสุขด้วยกันแล้ว”
จิตรวรรณพยายามดิ้นรน ตะกายหนี เทวัญเดินตาม
“ฮ่ะๆๆ เอาเลย หนีได้หนีไป หนียังไงก็หนีไม่พ้น!”
จิตรวรรณก็ยังคงดิ้นต่อไป...เทวัญเข้ามาจับตัวจิตรวรรณเอาไว้ ลูบไล้ตามใบหน้า เส้นผมอย่างหื่นกระหาย จิตรวรรณดิ้นรน น้ำตาไหลพรากด้วยความเกลียดกลัวและคับแค้นใจ มารศรีหยิบมือถือขึ้นมาเปิดเครื่องจะเปิดถ่ายคลิป เสียงมือถือของมารศรีดังขึ้น มารศรีกับเทวัญตกใจ...
“ดิ่ง...”
มารศรีลังเลที่จะรับ เทวัญโมโห
“ไอ้มารคอหอย รีบรับโทรศัพท์มัน อย่าทำให้มันสงสัยว่าเธอกำลังทำอะไร”
มารศรีรีบรับ เดินออกไป...จิตรวรรณพยายามส่งเสียงร้องเท่าที่เสียงจะดังได้
“ฮัลโหล...”
ยอดชายขับรถ ศยามนั่งข้างๆ ทันวิทย์นั่งข้างหลัง ศยามพูดกรอกลงไปในมือถือ
“คุณอยู่ที่ไหน”
“ทำไมคะ คุณจะมาหาฉันเหรอ”
ศยามพยายามเก็บรายละเอียดเสียงที่ได้ยินรู้ว่ามารศรียืนอยู่ใกล้หาดมาก
“คุณเกี่ยวข้องอะไรกับการหายตัวไปของคุณจี๊ดหรือเปล่า”
“ดิ่งคะ...อย่าเอาฉันไปเกี่ยว ฉันไม่รู้เรื่อง แค่นี้นะคะ”
มารศรีปิดเครื่อง รีบเดินกลับไป ศยามกดวางสาย
“ผมได้ยินเสียงคลื่น...ที่ๆที่คุณจี๊ดอยู่ก็อยู่ริมทะเล”
ยอดชายมั่นใจ
“น่านไง...ต้องเป็นที่เดียวกัน สองคนนั่น ร่วมมือกันจับตัวจี๊ดไป”
“เร็วเข้าคุณยอด เร่งความเร็วอีก”
“ครับๆ”
ศยามภาวนา
“ขอให้ตำรวจล่วงหน้าไปช่วยคุณจี๊ดได้ทันเวลาด้วยเถอะ”
จิตรวรรณเหนื่อยหอบอยู่ที่มุมห้อง เทวัญยืนคุมเชิงอยู่ มารศรีเข้ามา
“ดิ่งสงสัยว่าฉันร่วมมือกับคุณ”
“เธอมันหน้าโง่ เปิดมือถือทำไม”
“ฉันต้องการถ่ายคลิปประจานมัน”
“นังบ้า!”
เทวัญเข้ามาตบหน้ามารศรีอย่างแรง จนเซ ถลาไป จิตรวรรณคิดหาทางเอาตัวรอดตลอดเวลา มองไปที่ประตูบ้านที่ไม่ได้ปิดล็อก
“แกประจานมัน ฉันก็ซวย ทุกคนต้องเห็นฉัน”
“ถึงตอนนั้น ฉันก็ทำให้แกหนีออกไปนอกประเทศนี้เรียบร้อยแล้ว”
เทวัญไม่เชื่อ เข้าไปแย่งมือถือของมารศรี
“เอามานี่!”
“ฉันไม่ให้!”
จิตรวรรณอาศัยจังหวะที่เทวัญและมารศรีทะเลาะกันเอง พยายามดันตัวเองลุกขึ้น วิ่งหนีออกไปทันที เทวัญกับมารศรีเห็นจิตรวรรณวิ่งออกไป ตกใจ วิ่งตามไปทันที
จิตรวรรณวิ่งหนีเอาตัวรอดมาอย่างไม่คิดชีวิต เทวัญและมารศรีวิ่งตาม
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! นังตัวแสบ!”
จิตรวรรณไม่หยุด ส่งเสียงร้องตลอดเวลา เทวัญยกปืนขึ้นจะยิง จิตรวรรณเห็นรีบวิ่งหนีต่อไป มารศรีรีบห้ามเทวัญเอาไว้
“อย่ายิงนะ จะให้ชาวบ้านได้ยินแล้วแห่กันมาหรือไง! ตามมันไปสิ”
เทวัญและมารศรีวิ่งตามจิตรวรรณไป
จิตรวรรณวิ่งหนีมาในป่า เธอเห็นซอกหรือหลืบด้านหนึ่งรีบวิ่งไปหลบทันที เทวัญกับมารศรีวิ่งตามหา มาหยุดอยู่ใกล้ๆมุมที่จิตรวรรณซ่อนตัวอยู่ หญิงสาวแทบจะกลั้นหายใจ กลัวจะถูกจับได้ แล้วสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็น กบอยู่ที่เท้าแถมกระโดดมาเกาะ จิตรวรรณตาเบิกโพลง ตัวแข็งทื่อด้วยความกลัว อยากจะกรีดร้องแต่ไม่กล้าหลับตาปี๋ ไม่อยากมอง...เทวัญหันไปสั่งมารศรี
“แยกกันตามหาดีกว่า เธอไปทางโน้น ฉันจะไปทางนี้”
เทวัญและมารศรีแยกกันไปคนละทาง จิตรวรรณเห็นเทวัญและมารศรีลับตาไปแล้ว โล่งใจ รีบสะบัดเท้าไล่กบออกไป หญิงสาวลงเอน เหนื่อยอ่อน พยายามเรียกสติแล้วเริ่มเอามือที่ถูกเชือกมัดไปถูกับแง่งหินแตกที่อยู่ใกล้ๆ
รัตนาคุยมือถือ วันดี ใจดี เงาะ เจตนา และคนอื่นๆนั่งลุ้นอยู่ข้างหลัง
“ค่ะคุณดิ่ง ได้ค่ะ”
รัตนารีบวางสาย...หันมาแจ้งข่าว
“ตอนนี้รู้แล้วค่ะว่านายคุณจี๊ดอยู่ที่ไหน สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นฝีมือนายเทวัญร่วมมือกับคุณมารศรีจับตัวคุณจี๊ดไป คุณดิ่งและคุณยอดตามไปสมทบกับตำรวจท้องที่แล้วค่ะ”
วันดีร้องโฮออกมา
“จี๊ด อย่าเป็นอะไรนะลูก...จี๊ด...”
เจตนาปลอบ
“คุณพระต้องคุ้มครองลูกของเรา ทำใจดีๆไว้คุณ”
ใจดี เงาะ รัตนาและศุวิมล ต่างลุ้นระทึก ภาวนาให้จิตรวรรณปลอดภัย ใจดียกมือพนมท่วมหัว
“เจ้าประคุ้ณ ขอให้จี๊ดปลอดภัยด้วยเถอะค่ะ แล้วลูกช้างจะกินเจสามเดือน”
เงาะหันมาถาม
“ไหวเหรอใจดี แกชอบกินข้าวมันไก่มากเลยนะ”
“เพื่อช่วยให้จี๊ดปลอดภัย ฉันทำได้!”
ทุกคนต่างภาวนาให้จิตวรรณปลอดภัย
เชือกที่มัดมือจิตรวรรณหลุดขาดได้ในที่สุดหยิงสาวดีใจ รีบแกะเศษเชือกออก แล้วแกะผ้าที่ปิดปาก
“ค่อยยังชั่ว...ดีนะ...ที่ได้เกรดสี่วิชาเนตรนารี...ชิ”
จิตรวรรณมองไปรอบๆ หาทางหนีแล้วเปลี่ยนใจ หลบลงนั่งที่เดิม แต่แล้ว เจออึ่งอ่างตัวเดิมกระโดดมาอีกหญิงสาวร้องลั่น
“อ๊าย!”
จิตรวรรณกระโดดผลุงรีบวิ่งออกไป...เทวัญได้ยินเสียงร้องของจิตรวรรณก้องมารีบวิ่งหันหลังกลับเร็วขึ้นไปตามทางของเสียงจิตรวรรณ เขาวิ่งเข้ามา มองไปรอบๆ จิตรวรรณอยู่บนต้นไม้เหนือหัวเทวัญ จิตรวรรณตัวเกร็งมาก เทวัญมองไปรอบๆ...ไม่เห็นใคร เดินหลุดไปทางหนึ่ง จิตรวรรณโล่งใจ ตัดสินใจอยู่บนต้นไม้เหมือนเดิม
“นายดิ่ง นายอยู่ไหน...นายจะมาช่วยฉันมั้ย จะมามั้ย!”
ศยาม ยอดชาย ทันวิทย์วิ่งเข้ามา เจอกำลังตำรวจตรวจค้นในบ้านร้าง ศยามเข้าไปหาสารวัตร หัวหน้าที่คอยสั่งการอยู่
“สวัสดีครับ ผมศยาม ที่เป็นคนแจ้งเบาะแส คุณจี๊ดล่ะครับ”
“ตอนที่มาถึง ไม่พบใครอยู่ในบ้าน พบเพียงโทรศัพท์มือถือสองเครื่องนี้...”
ตำรวจยื่นมือถือสองเครื่องให้ดู...ศยามจำได้
“ของคุณจี๊ด กับมารศรี....”
ยอดชายแค้นมาก
“นั่นไง หญิงชั่วกับชายโฉด อย่างนี้มันต้องโทษประหาร”
ทันวิทย์หน้าเศร้าลง ยอดชายเพิ่งรู้สึกตัว ตบไหล่ทันวิทย์ ปลอบใจ
“ขอโทษ แต่ฉันรู้ว่านายแยกแยะได้”
สารวัตรบอกกับศยาม
“ตอนนี้เรากระจายกำลังออกตามหาตัวเพื่อนของคุณอยู่ คิดว่าน่าจะเกิดการต่อสู้ขึ้นแล้ววิ่งหลบหนีออกไป”
“ผมจะช่วยตามหา” ศยามหันไปชวนยอดชาย “ไป คุณยอด”
ทันวิทย์จะไปด้วย ศยามห้ามไว้
“ทันวิทย์ นายอยู่ที่นี่ดีกว่า”
“ครับ...แต่ระวังนะครับ พี่เทวัญมีปืน”
“ได้...ขอบใจนะ”
ศยามและยอดชายวิ่งออกไป สารวัตรหันไปสั่งลูกน้อง
“เพิ่มกำลังออกกันช่วยตามหาเร็ว!”
“ครับผม!”
ทันวิทย์กระวนกระวายใจเป็นห่วงทุกคนโดยเฉพาะเทวัญ
จิตรวรรณค่อยๆปีนลงมาจากต้นไม้ กระโดดลงมาบนพื้นได้ นึกโล่งใจ หันไป ตกใจเมื่อเห็นเทวัญและมารศรียืนอยู่ เทวัญยิ้มเยาะ
“ปีนต้นไม้เล่นเหรอคะ...ใจเย็นดีจัง”
จิตรวรรณจะวิ่งหนี มารศรีแย่งปืนเทวัญมา
“แกวิ่งหนี ฉันยิงแกตอนนี้แน่! นังจี๊ด”
จิตรวรรณชะงัก ยกมือขึ้นค้าง...เทวัญเข้ามา
“ว่าง่ายๆนะคะ ทำตัวเป็นน้องจี๊ดคนเดิมที่ไม่เคยดื้อกับพี่ ว่าไงก็ว่างั้น ไม่มีสมอง ได้มั้ยคะ”
“ตอนนั้นฉันมันโง่เอง ที่หลงเชื่อแก...แต่โชคดีที่ฉันไม่ได้โง่นาน หรือสมองกลวงดักดาน ที่วันๆคิดแต่จะทำเรื่องเลวๆเหมือนพวกแก”
เทวัญโกรธจะตบ...แต่มารศรีชิงตบซะก่อน จนจิตรวรรณหน้าหัน
“ยังจะมาทำปากดี!”
จิตรวรรณมองมารศรีตาขวาง
“แกตบฉัน! อีกแล้วนะ มารศรี!”
จิตรวรรณจะเข้าไปอาละวาด มารศรีเอาปืนเล็งไว้ จิตรวรรณชะงัก
“เข้ามาสิ ถ้าอยากจะตายเร็วๆ ก็มา!”
เทวัญห้ามไว้
“ไม่เอาน่ามารศรี...ฉันยังไม่ได้เก็บเกี่ยวความหอมหวานจากตัวอดีตคู่หมั้น เอ๊ะ ไม่สิ...ในเมื่อฉันยังไม่ยอมรับ ก็ถือว่าน้องจี๊ดยังเป็นคู่หมั้นพี่อยู่นะคะ”
จิตรวรรณด่าทันที
“ไอ้โรคจิต หลอกตัวเอง!”
“มานี่เลย!”
เทวัญโกรธแค้น ลากจิตรวรรณไปทันที...มารศรีใช้ปืนคุมตามไป
เทวัญลากจิตรวรรณมา แล้วก็ชะงัก เพราะได้ยินเสียงฝีเท้า...เทวัญสั่งให้มารศรีหลบเข้าในพุ่มไม้ทันที เทวัญอุดปากจิตรวรรณเอาไว้...ศยามกับยอดชายและตำรวจเดินตามหามาจากทางหนึ่ง จิตรวรรณเห็นศยามแล้วดีใจ เทวัญและมารศรีตกใจที่เห็นศยาม ยอดชายและตำรวจแห่กันมา ซวยแล้ว ศยามและยอดชาย ตำรวจเดินผ่านพุ่มไม้นั้นไป...จิตรวรรณพยายามจะส่งเสียงร้อง ใช้มือตะกายออกไป ก็ไม่สำเร็จ เพราะถูกเทวัญรวบเอาไว้จนศยาม และทุกคนเดินลับไป...จิตรวรรณรู้สึกหมดหวัง เทวัญเครียดมาก
“มันแห่กันมาได้ยังไง เพราะแก นังมารศรี”
จิตรวรรณตัดสินใจกัดมือของเทวัญ
“โอ๊ย!”
จิตรวรรณสะบัดหลุด หยิบหินมาตีที่หัวของเทวัญ
“โอ๊ย!”
เทวัญล้มลงไป หมดสติไปชั่วขณะ มารศรีใช้ปืนตบจนจิตรวรรณมึน...ทำเป็นสลบลงไป
“ฤทธิ์เยอะนัก ตายซะเถอะแก!”
มารศรีเหนี่ยวไกจะยิง จิตรวรรณหลือบตาขึ้นมอง พุ่งเข้าชนจนมารศรีกระเด็น ปืนกระเด็น...จิตรวรรณขึ้นคร่อมมารศรี
“แกนั่นแหละที่จะตาย!”
จิตรวรรณตบ มารศรีต่อสู้ สองคนฟัดกันนัวเนีย กลิ้งกันไป ศยาม ยอดชายและตำรวจวิ่งมาตามเสียงทันที...