แสบสลับขั้ว ตอนที่ 17
เช้าวันต่อมาเกริกก้องอยู่ที่เซฟเฮ้าส์ เพิ่งรู้เรื่องที่ปลาใหญ่จะแต่งงานจากหมอแม่น
“แต่งงาน...หน็อยแน่ะ แค่รอดชีวิตมาได้ มันก็เจ็บใจแค้นใจพออยู่แล้ว นี่ยังจะดันทะลึ่งแต่งงานได้ดีมีความสุขอีก...เยอะ...มันเยอะไป”
“แต่อันที่จริงเขาก็ทุกข์กันมามากแล้วนะจ๊ะ...น่าจะจบแล้วจ้ะ” หมอแม่นบอก
สายตาทุกคู่เบือนมามองหมอแม่นพร้อมๆ กัน หมอแม่นค่อยๆ หน้าเจื่อนลง
“มีใครเขาขอความเห็นจากป้ามั๊ย” ปกรณ์ถาม
“ยังไม่มีจ้ะ” หมอแม่นบอก
“งั้นก็ฟังเฉยๆ”
“ไอ้ใหญ่”
“ครับ...ท่าน”
“พายัยป้านี่ออกไปได้แล้ว”
“ไปธรรมดาหรือว่าไปลับครับ” ใหญ่ถาม
“ธรรมดา...อีกไม่กี่ปีแกก็ไปลับของแกเอง”
“ไป...ป้า”
“พูดจาเป็นปริศนา” หมอแม่นบ่นขณะเดินตามใหญ่ออกไป
“คุณก้องจะให้เก็บพวกมันในวันแต่งงานใช่มั๊ยครับ” ปกรณ์ถาม
“เก็บมัน...มันก็ตาย ไม่รับรู้อะไร สู้เก็บคนที่มันรักไม่ได้ สะใจกว่า”
“เข้าใจแล้วครับ”
ปกรณ์ยิ้มเย็น ขณะที่เกริกก้องมีสีหน้าเย็นชาแฝงด้วยความโหดเหี้ยม
ทางด้านหมอแม่นเมื่อกลับเข้าชุมชน หมอแม่นค่อยๆ ลัดเลาะจากบริเวณท้ายซอยเข้ามา หมอแม่นมองซ้ายมองขวาอย่างระวังแล้วรีบเดินมาไขกุญแจที่ประตู
“ไปไหนมา หมอแม่น”
มอมถาม หมอแม่นสะดุ้งเฮือก กุญแจหลุดจากมือทันที มอมกับป๋องเดินเข้ามา
“ว่าไงครับ...คุณยายหมอแม่น ไปไหนมา” ป๋องถามย้ำ
“แล้วมันธุระอะไรของพวกแก”
“เวลานี้ เราสองคนรับหน้าที่เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยของชุมชนพัฒนาสู่สุขาวดีนี่” มอมบอก
“แกก็รักษาของแกไปซิ มาวุ่นวายอะไรกับฉันด้วยล่ะ”
มอมพยักหน้าให้สัญญาณป๋อง
“มันสืบเนื่องมาจากข้อ 1.และโยงมาถึงข้อ 2.นั่นคือคุณยายหมอแม่นทำตัวน่าสงสัย ที่ย่องเข้ามาทางด้านหลัง ทแทนที่จะเข้าด้านหน้าตามปกติซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสงสัย”
“ไอ้มอม ไอ้ป๋อง มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนบ้างที่ห้ามประชาชนเข้าบ้านทางท้ายซอย แล้วบังคับให้เข้าทางด้านหน้าอย่างเดียว”
“ฉบับไหน คุณมอม” ป๋องให้มอมตอบ
“ต่อไปมันอาจจะมีสักฉบับใดฉบับหนึ่ง...คุณยายหมอแม่นสงสัยใช่มั๊ยว่าทำไมถึงได้ถูกเราสองคนคอยจับผิด...นั่นเป็นเพราะว่า คุณยายหมอแม่นเป็นแกนนำพวกที่ต้องการจะให้ขายชุมชน”
“แล้วไง”
“ไม่มีอะไร”
“มีซิวะ...ไอ้ป๋อง” มอมขัดแล้วหันมาทางหมอแม่น “ณ วันนี้หมอแม่นคือผู้ต้องสงสัย 1 ในห้าอันดับที่จะนำความเดือดร้อนมาสู่ชุมชน เพราะฉะนั้นเราจะจับตาดูหมอแม่นตลอดวลา นี่...จะบอกให้รู้ล่วงหน้าแฟร์ๆ ไว้เลย ...ป๋อง กลับ”
ป๋องกับมอมหันกลับกลับไป
“โอ๊ย...กลัว...กลัวจนตัวสั่น”
มอมกับป๋องหันกลับมา หมอแม่นหัวเราะเยาะแล้วเดินเข้าบ้านไป
“แกกลัวเราจนสติเสียเลย คุณมอม ลีโอ”
“ก็เพราะเราคงย่าเกรงขามจริง”
มอมกับป๋องเดินออกไปอย่างภาคภูมิใจ
อีกด้านหนึ่งขณะนั้นเซียนมาหาน้ำเพชรที่ร้านทองกิมฮวย กิมฮวยพาน้ำเพชรเดินเข้ามาในห้องรับแขก น้ำเพชรมีหน้าตาบึ้งตึง
“คุณอาเซียน อาน้ำมาแล้ว...ดูหน้าตาอีซิ ปลาบปลื้มอิ่มเอิบที่ล้อมาหาแต่เช้า”
“ครับ...ท่าทางเหมือนปลาบปลื้มอิ่มเอิบมากจริงๆ ด้วยครับ”
น้ำเพชรถลึงตาใส่เซียน ขณะที่กิมฮวยหัวเราะรื่น
“คุยกันให้สนุกนะ อาหม่าม้าไม่ขัดคอแล้ว” กิมฮวยเดินออกไป
“คุณน้ำเพชร...”
“เมื่อวานยัยอีกาโทรมาหาน้ำ”
“อีกาตัวไหนครับ”
“คุณปลาใหญ่ไม่ใช่คนตลก กรุณาอย่าฝืนทำตลกเลอะเทอะแบบไอ้เซียนเลยค่ะ เพราะมุกมันแป้กไม่มีชิ้นดี”
เซียนกระแอมเล็กน้อย
“คือ ผมเห็นว่าายเซียนดเขา...”
“กรุณาอย่าออกนอกเรื่อง ยัยอีการิก้านั่นโทรมาเยาะเย้ยน้ำ...มันบอกว่าคุณปลาใหญ่ชอบมัน”
“ไม่เป็นความจริง ก็อย่างที่บอก เขาต้องการให้ผมร่วมมือ...”
“อีกครั้งเดียวเท่านั้น” น้ำเพชรขัด
“อะไรหรือครับ”
“น้ำจะให้โอกาสคุณปลาใหญ่อีกครั้งเดียว ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้อีก...แหลก”
“ถ้าคุณน้ำไม่ไว้ใจผม...ผมขอท้าให้เราแต่งงานกันในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้” น้ำเพชรชะงัก
“คุณปลาใหญ่”
“แต่งพร้อมๆ กับคู่นายเซียน สายพิณเลย คุณน้ำจะกล้ารับคำท้ามั้ยล่ะครับ”
น้ำเพชรเม้มปาก มองเหมือนไปทางอื่นเหมือนยังไม่หายโกรธ
สองเดือนต่อมา น้ำเพชรแต่งงานกับเซียนพร้อมกับคู่ปลาใหญ่และสายพิณ งานแต่งงานของทั้งสี่คนจัดขึ้นที่บริเวณลานกว้างของชุมชนพัฒนาสู่สุขาวดี
ขณะที่บรรดาแขกที่มาร่วมงานพาเหรดกันเข้ามารดน้ำสังข์และอวยพรให้บ่าวสาวทั้งสองคู่ เขียว เบ๊ ใหญ่ปลอมตัวปะปนเข้ามาร่วมงานกับชาวบ้าน
หลังจากรดน้ำสังข์เสร็จแล้ว เจ้าบ่าวทั้งคู่จูงเจ้าสาวมาที่ไมโครโฟนซึ่งมอมรับหน้าที่เป็นพิธีกร
“พี่น้องครับ...หยุดรับประทานอาหารสักครู่แล้วฟังทางนี้...”
“ใครให้ไอ้มอมเป็นพิธีกร” ลุงป่องกระซิบถามป๋อง
“มันตั้งตัวของมันเองครับ มันว่าเป็นความฝันของมัน”
ชาวบ้านยังคงคุยกันจ้อกแจ้กจอแจ
“เฮ้ย...พวกลูกอีช่างคุย”
ทุกคนเงียบกริบ หันมามองมอม
“เห็นมั้ย...มันเกิดมาเพื่องานนี้จริงๆ” ป๋องกระซิบกับลุงป่อง
“เจ้าของงานเขาจะมีการพูดอวยชัยให้พรกัน ยังจะไม่ฟังอีก ประเดี๋ยวพ่อ...”
“ใจเย็น ไอ้มอม” ครรชิตกระซิบเตือน
“ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว ไอ้คัน”
บนเวทีเริ่มดึงตัวมอมเข้าด้านหลัง แล้วครรชิตรีบเข้าทำหน้าที่แทน ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรต่อ ก็มีเสียงดังบึ้มขึ้นจากมุมหนึ่ง ชาวบ้านทั้งหลายเกิดอาการชุลมุนวุ่นวายจนโกลาหล เขียว เบ๊คอยจังหวะเล็งปืนไปที่น้ำเพชรกับสายพิณบนเวทีแต่เซียนหันไปเห็นพอดีจึงตะโกนเรียกปลาใหญ่
“ปลาใหญ่”
ปลาใหญ่กันมามอง จังหวะนั้นเขียวกับเบ๊ยิงปืนมาที่สองสาวพอดี เซียนกับปลาใหญ่เข้าขวางกระสุนพุ่งเข้าหาสองหนุ่มจนล้มลง เกิดความชุลมุนวุ่นวายไปทั่ว เขียว เบ๊ ใหญ่จึงใช้ช่วงเวลานี้หลบหนีออกไป
ปลาใหญ่กับเซียนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ระหว่างนั้นเขียว เบ๊ ใหญ่กลับมาที่เซฟเฮ้าส์ ปรกร์จึงพาสมุนทั้งสามเข้ามาพบกับเกริกก้อง
“ว่าไง เรียบร้อยมั๊ย”
“พวกผมเล็งยิงไปที่นังเจ้าสาวสองคนนั่น”
“แต่ไอ้เซียนกับไอ้ปลาใหญ่ดันมาขวางไว้”
“ก็เลยได้ลูกกระสุนไปเป็นรางวัลครับ”
เขียว ใหญ่ เบ๊ พร้อมใจกันหัวเราะสะใจ เกริกก้องกับปกรณ์มองอย่างเย็ชาจนทั้งสามค่อยๆ หุบปาก หน้าเจื่อนกันไป
“ฉันสั่งให้ยิงผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชายเว้ย”
“แต่ผู้ชายมันเข้ามาขวางนี่ครับ”
เกรกก้องขบกราม ปกรณ์ถลิงตาใส่สมุนทั้งสามให้เงียบ
“ตายหรือเปล่า” เกริกก้องถามออกมาหลังจากระงับอารมณ์ได้แล้ว
“รอดยากครับ”
ส่วนที่โรงพยาบาล หน้าห้องผ่าตัดเซียน น้ำเพชรกับครรชิตรออยู่หน้าห้องผ้าตัดด้วยความร้อนใจจนกระทั่งหมอออกมา น้ำเพชรกับครรชิตจึงรีบลุกเข้าไปถามด้วยความร้อนใจ
“คุณปลาใหญ่เป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ”
“โชคดีที่กระสุนไม่โดนที่สำคัญครับ”
น้ำเพชรกับครรชิตถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
อีกด้านหนึ่งที่หน้าห้องผ่าตัดปลาใหญ่ สายพิณ ลุงป่อง ป๋อง มอมก็กำลังรุมล้อมถามอาการเซียนจากหมอเหมือนกัน
“คนไข้คงต้องอยู่ไอซียู เพื่อสังเกตอาการสักวันสองวัน แต่ก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องเป็นห่วงครับ”
สายพิณน้ำตาไหลพรากด้วยความดีใจ
“ขอบคุณมากค่ะ คุณหมอ...ขอบคุณมาก...”
“ไม่เป็นไรครับ”
หมอเดินออกไป พยาบาลเข็นเตียงหลาใหญ่ออกมา สีหน้าปลาใหญ่ดูสงบเหมือนคนนอนหลับ
เมื่อทุกคนกลับจากโรงพยาบาล ชาวบ้านรีบเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง รวมทั้งหมอแม่นซึ่งลึกๆ แล้วก็เป็นห่วงทั้งสองคนเหมือนกัน
“คุณปลาใหญ่กับไอ้เซียนเป็นยังไงบ้าง”
ยายปิ่นถาม
“ปลอดภัยทั้งสองคนครับ”
ชาวบ้านเฮลั่น สายพิณกับน้ำเพชรน้ำตาไหลด้วยความปิติตื้นตัน
ด้านปกรณ์โทร.เช็คอาการของปลาใหญ่กับเซียนแล้วหันมาหาเกริกก้อง
“ว่าไง...เขาจะเอาศพพวกมันไปไว้ที่วัดไหน ฉันจะได้ส่งพวงหรีดไปสมน้ำหน้า”
“อยู่โรงพยาบาลครับ...”
“ห้องดับจิต” ใหญ่ เขียว เบ๊พยักเพยิดกัน
“ห้องไอซียู” ปกรณ์บอก
“ห้องไอซียู หมายความว่า...”
“ครับ พวกมันยังไม่ตาย”
เกริกก้องหน้าเครียด เขียว ใหญ่ เบ๊ค่อยๆ เลี่ยงออกไป
กลางดึกคืนนั้นภายในห้องไอซียู ขณะที่เซียนกับปลาใหญ่นอนหลับสนิท แต่เหมือนมีใครคนหนึ่งเดินช้าๆ มาที่เตียงเซียน โดยมีเมฆหมอกกระจายบางๆ เปลือกตาเซียนขยับเล็กน้อย ใครคนนั้นมาหยุดที่ข้างเตียงเซียน เซียนขยับตัวลืมตาขึ้นมองแล้วชะงักเมื่อเห็นเอ็กซ์ยืนอยู่ข้างเตียง ท่ามกลางเมฆหมอกทำให้ดูน่ากลัว เซียนอ้าปากจะร้องแต่ไม่มีเสียง
“เออ...ข้าเอง...ข้ามาดี” เอ๊กซ์บอก เซียนพยายามอ้าปากจะพูดแต่ก็ไม่มีเสียงออกมา “คราวก่อนๆ ข้าก็มาดี ข้ามาอวยพรให้เอ็งเอาชนะไอ้ก่องก๊องให้ได้ มันเป็นคนเลว...”เซียนยังคงเบิกตากว้าง “ไม่ต้องพูด...ข้าพูดเอง” เซียนทำปากพะงาบๆ “ธัมมะย่อมชนะอธรรม”
ร่างเอ็กซ์ค่อยๆ เลือนหายไป เซียนสะดุ้งตกใจตื่นแล้วหันมามองปลาใหญ่ ปลาใหญ่กำลังมองมาพอดี
สองวันต่อมาเซียนกับปลาใหญ่ย้ายออกจากห้องไอซียูมาอยู่ห้องพิเศษ สายพิณมาเฝ้าปลาใหญ่ที่ห้อง ขณะที่ปลาใหญ่นอนหลับอยู่สายพิณลุกไปเข้าห้องน้ำ จังหวะนั้นประตูห้องเปิดเซียนเดินเข้ามา
“ปลาใหญ่...ปลาใหญ่ เฮ้ยหลับเรอะ” สายพิณกำลังล้างหน้าอยู่ในห้องน้ำถึงกับชะงัก “เฮ้ย...ไอ้ปลาใหญ่”
ปลาใหญ่ตื่นขึ้นมารีบชะโงกมองไปที่เตียงคนฝ้า “ไม่ม่ ข้าไม่โง่หรอกน่า ดูเรียบร้อยแล้ว...วู่ ได้เป็นตัวเองซะที สวมบทบาทเป็นเอ็งนี่อึดอัดพิลึก” เซียนบอกแล้วดัดเสียงเคร่งขรึม “ผมคือปลาใหญ่...ผมเป็นคนเก่ง...ผมไอคิวสูงปรี๊ดปรอทแตก” ปลาใหญ่หันไปเจอสายพิณถึงกับกลืนน้ำลาย พยายามจะส่งสายตาเตือนเซียน แต่เซียนยังไม่รู้ตัว “นี่พอคุณน้ำเพชรกลับไปบ้าน เลยออกมาหาเอ็ง...นี่สายพิณไม่อยู่เรอะ”
“อยู่”
เซียนสะดุ้งเฮือก หันกลับไปมอง สายพิณชี้หน้าเซียน
“ทุเรศที่สุด ทั้งสองคนนั่นแหละ”
สายพิณเปิดประตูเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“สายพิณ อย่าเพิ่งไป” ปลาใหญ่ร้องเรียก
“ไปแล้ว” เซียนบอก
“เออ เห็นแล้ว นายมันทำลายชีวิตฉันหมดทุกอย่าง แล้วก็ทำลายชีวิตตัวเองด้วย พอสายพิณรู้เดี๋ยวทุกคนก็ต้องรู้”
เซียนสะดุ้งเฮือก ลุกขึ้นทันที
“คุณน้ำเพชร”
“นายมันโง่”
เซียนทรุดลงอย่างหมดแรง
“เอาไงดีว่ะ”
“ไม่รู้”
สายพิณเดินมากดลิฟท์ ลิฟท์ขึ้นมาหยุดพอดี ประตูลิฟท์เปิดออกกลุ่มครรชิตคุยเฮฮากันออกมา
“อ้าว...หนูสายพิณ”
“คุณคัน...พวกเราทุกคนโดนหลอก”
ทุกคนมองหน้ากันอย่างงงงัน
กลุ่มครรชิตรีบมาที่ห้องปลาใหญ่ แต่ละคนมีสีหน้าแววตาตื่นเต้นดีใจ
“คุณปลาใหญ่”
“ไอ้เซียน”
“คุณปลาใหญ่”
“ไอ้เซียน”
“คุณ...”
“พอได้แล้วครับ”
ปลาใหญ่บอก ครรชิตรีบเดินมาที่เตียง
“ผมสังหรณ์ใจแล้วว่า...คุณปลาใหญ่จะเปลี่ยนร่างกับนายเซียนตอนเข้าห้องผ่าตัดหรือไม่ก้อยู่ห้องไปซียู”
เซียนกับปลาใหญ่ส่ายหน้า
“อ้าว...” ลุงป่อง มอม ป๋อง ชายสี่ร้องออกมาพร้อมกัน ครรชิตนิ่งคิดแล้วชะงัก
“หมายความว่า...”
“ใช่...ก็ตั้งแต่ตอนถูกพวกไอ้ก่อนก๊อนรุมนั่นแหละ” เซียนบอก
“แล้วทำไมไม่บอกความจริงวะ ปล่อยให้ทุกคนเข้าใจผิดอยู่ได้” ลุงป่องต่อว่า
“ถ้าบอกฉันก็ไม่ได้แต่งงานกับคุณน้ำเพชร แล้วปลาใหญ่ก็ไม่ได้แต่งกับสายพิณน่ะซิ”
“เห็นแก่ตัวนี่หว่า...” มอมต่อว่า
“นี่ใครเป็นคนต้นคิดว่ะ” ป๋องถาม
“ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนเข้าใจ...” ปลาใหญ่บอก
“ก็แล้วมันเป็นยังไง” ชายสี่ถาม ปลาใหญ่หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน
“เอาไว้ค่อยเล่าทีหลังก็ได้ คุณปลาใหญ่เพิ่งออกจากไอซียูได้สองวันเอง”
ครรชิตบอก มอม ลุงป่อง ป๋อง ชายสี่หันไปทางเซียน
“ไอ้เซียน”
“เอาไว้ฟังปลาใหญ่เล่าดีกว่า จะได้ฟังดูดีหน่อย...สหาย ช่วยกันแบกข้ากลับไปห้องหน่อยซิว่ะ” ทุกคนมองเซียนอย่างเย็นชา “เออ...ไปเองก็ไอ้”
เซียนลุกเดินไป 2-3 ก้าวก็ทรุดลง กลุ่มลุงป่องรีบเข้าไปประคอง
สายพิณเดินแกมวิ่งมาที่ร้านทองกิมฮวยเพื่อหาน้ำเพชร
“อ้าว...ไอ้พิณ มาหาใคร” พิชิตถาม
“มาหาน้ำเพชร...อาซ้อ น้ำเพชรอยู่หรือเปล่า” สายพิณถามกิมฮวย
“อยู่ข้างใน อีกลับมาอาบน้ำอาบท่า”
น้ำเพชรเดินออกมาจากข้างใน หน้าตาแจ่มใสเมื่ออาบน้ำเสร็จ
“สายพิณ...” น้ำเพชรมองสายพิณอย่างแปลกใจ สายพิณดึงน้ำเพชรเข้าไปคุยกันข้างใน
“อาพิณอีเป็นอะไรของอี” เติมศักดิ์มองตามอย่างแปลกใจ
พอเข้ามาในห้องรับแขกสายพิณปล่อยแขนน้ำเพชร แล้วกอดอกสีหน้าเคร่งเครียด
“เป็นอะไรฮึ...อยู่ดีๆ ก็ลากฉันมายืนหน้าหงิก”
“เราถูกหลอก ทุกคนถูกหลอกหมด”
“ใครหลอก...หลอกเรื่องอะไร”
“ไอ้พี่เซียนกับไอ้ปลาใหญ่”
“นี่ แกจะเรียกนายเซียนยังไงก็แล้วแต่แก ห้ามลามปามมาถึงคุณปลาใหญ่ของฉัน”
“ทั้งๆ ที่มันสมคบกันหลอกให้เราแต่งงานด้วยงั้นเรอะ”
“หมายความว่ายังไง...”
“ไอ้สองคนนั่น วิญญาณมันกลับเข้าร่างเดิมตั้งนานแล้ว”
“อะไรน่ะ”
“ฉันได้ยินกับหูเมื่อกี้นี่เอง ไอ้พี่เซียนมันนึกว่าฉันไม่อยู่”
น้ำเพชรกำมือแน่นด้วยความโกรธ
“ไอ้เซียน ไอ้คุณปลาใหญ่...ตาย” มือน้ำเพชรสั่นเทา “ไป...สายพิณ ไปฝังสองคนนั่นกลางโรงพยาบาลเลย”
“ฉันจะฝังไอ้พี่เซียน แกฝังไอ้คุณปลาใหญ่”
สองสาวพยักหน้าหนักแน่นแล้วออกไป
ขณะที่น้ำเพชรกับสายพิณมาที่โรงพยาบาล ครรชิตกับกลุ่มของลุงป่องก็พาปลาใหญ่กับเซียนออกจากโรงพยาบาล ทั้งหมดช่วยกันพยุ่งเซียนกับปลาใหญ่ขึ้นรถ
“พวกเอ็งกลับแกซี่ละกัน ไป...คุณคัน”
ลุงป่องบอกกับมอม ป๋อง ชายสี่
“เดี๋ยว...จะให้ตามไปที่ไหน” มอมถาม
“ไปบ้านผม”ปลาใหญ่บอก
“บ้านไหน” ป๋องถาม
“บ้านที่สุขุมวิท”
“แล้วมันอยู่ส่วนไหนของสุขุมวิทวะ” ป๋องถามต่อ
“ฉันรู้จัก...ไปเถอะคุณคัน” ชายสี่บอก
“รีบไปเถอะคุณคัน เดี๋ยวมฤตยูน้ำเพชรมา...ทีนี้จะตายยกครอกเลย” เซียนบอก
ครรชิตขับรถออกไป กลุ่มของมอมเรียกแท็กซี่ตามไป
ขณะนั้นน้ำเพชรขับรถมาโรงพยาบาลด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สายพิณนั่งคู่คอยกดโทรศัพท์แต่ไม่มีคนรับ
“ไม่มีใครรับสักคน”
“ลุงป่องล่ะ”
“โอ๊ย...ไม่รับทั้งครอกเลย”
“ลองโทรไปเช็คที่โรงพยาบาลซิ”
“ทำไม”
“ฉันสังหรณ์ใจว่าจะพากันเผ่นไปหมด”
“โรงพยาบาลเบอร์อะไร”
“โทรถาม1133ซิ”
สายพิณกดโทรศัพท์
ทางด้านปลาใหญ่กับเซียนเมื่อมาถึงบ้านปลาใหญ่ ครรชิตกับลุงป่องช่วยประคองทั้งคู่เข้าบ้าน โดยมีมอม ป๋อง ชายสี่เดินตามเข้ามา ทั้งสามมองความโอ่อ่าของบ้านปลาใหญ่อย่างตื่นเต้น สมทรงกับสมศรีรีบออกมา
“นั่นอะไรกันน่ะ” สมทรงถาม
“นั่งก่อนซิ” ปลาใหญ่บอกกับครรชิตและลุงป่อง
“ฉันถามว่ายกโขยงกันมาทำไม” สมทรงถามต่อ
“พวกนี้เป็นแขกของฉัน” ปลาใหญ่บอก
“นายเซียน” สมศรีเรียก เซียนยกมือ
“ฉันอยู่นี่”
“หาน้ำท่ามาเลี้ยงเพื่อนฉันหน่อย” ปลาใหญ่สั่ง
“อย่า...ให้คุณคันไปเอามาดีกว่า ยัยสองคนนี่ไว้ใจไม่ได้ อันที่จริงคนบ้านนายไว้ใจไม่ได้ซักคน” เซียนบอก
“จริงของแก...นายป๋อง ตามฉันมา”
ครรชิตพาลุงป่องเดินไป สมทรงพยักหน้ากับสมศรีแล้วพากันเดินไป
สมทรงกับสมศรีเดินออกมาอีกมุมหนึ่งเพื่อปรึกษากัน
“เอาไงดี”
“โทรบอกคุณก้อง” สมทรงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเกริกก้อง “คุณก้องคะ...เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ”
เกริกก้องรับโทรศัพท์จากสมทรงแล้วขมกรามแน่น นัยน์ตาเป็นประกายกร้าว
“คอยดูพวกมันไว้” เกริกก้องวางหูจากสมทรงแล้วกดโทรศัพท์หาจันทร์ทิพย์ “จันทร์ กลับไปบ้านก่อน ไอ้ปลาใหญ่มันยกโขยงเพื่อนชั้นต่ำของมันไปที่นั่น...เดี๋ยวฉันจะตามไปกับกรณ์
เกริกก้องปิดโทรศัพท์สีหน้าเคร่งเครียด
กลุ่มของปลาใหญ่ยังอยู่ที่ห้องนั่งเล่น มอมกับป๋องแจกน้ำผลไม้กับขนมทุกคน
“เอ้า...กินซะเป็นบุญปาก” มอมบอก
“คุณปลาใหญ่ ผมอยากรู้เรื่องเต็มทีแล้ว” ครรชิตบอก
“ผมอยากเก็บไว้เล่าพร้อมๆ กับสายพิณแล้วก็น้ำเพชรด้วย แต่ต้องเอาไว้ให้เขาใจเย็นลงก่อน”
“เล่าก่อนก็ได้ เดี๋ยวพวกผมเอาไปเล่าให้สองคนนั่นฟังต่อ” ลุงป่องบอก
“ลุงป่องได้ใส่ไข่เข้าไปอีกน่ะซิ” เซียนบอก
“ถ้าอยากฟังจริงๆ ไปเล่าในห้องทำงานผมดีกว่า” ปลาใหญ่บอก
“ห้องไหนล่ะครับ...” ลุงป่องงวยงง
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 17 (ต่อ)
ครรชิตนำทุกคนมาที่ห้องทำงานปลาใหญ่
“เชิญนั่ง...” ปลาใหญ่บอกเมื่อเข้ามาในห้องทำงาน ทุกคนทรุดตัวลงนั่ง ปลาใหญ่ถอนหายใจ สีหน้าเหมือนทบทวนความทรงจำ “วันนั้น...ผมกับเซียนถูกซ้อมปางตาย...”
ปลาใหญ่เริ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด ทุกคนฟังอย่างตื่นเต้น เซียนตบเข่าฉาด
“สะใจเป็นบ้า ไอ้พวกนั้นตาเหลือกวิ่งหางจุกตูดกันหนีไปเลย เสียดายนิดเดียวที่ไม่ทันแหกอกแลบลิ้นปลิ้นตาหลอก”
“จะทำตามแผนนั้นได้ยังไงในเมื่อนายยังไม่ได้ตายจริง” ปลาใหญ่บอก
“ต่อเลยไอ้เซียน กำลังมัน” ลุงป่องบอก
“ไอ้เซียนมันใส่ไข่ตอนไหนก็ตัดเลยนะครับคุณปลาใหญ่ ไม่ต้องไปเกรงใจมัน” ครรชิตบอก ปลาใหญ่ยิ้มแล้วเล่าต่อ
“หลังจากพวกมันขับรถหนีไป ทีนี้ก็มาถึงตอนสำคัญ...”
ปลาใหญ่เริ่มเล่าต่อ...เหตุการณ์วันนั้นหลังจากใหญ่ เขียว เบ๊หนีไปแล้ว วิญญาณเซียนกับปลาใหญ่มองตามรถที่แล่นลับไป แล้วเบือนหน้าไปมองร่างตัวเองที่นอนอยู่ วิญญาณทั้งคู่มองเพ่งพิศครู่หนึ่ง ขณะนั้นหมอกจางๆ เริ่มปรากฎลอยอ้อยอิ่งเข้าปกคลุม เซียนส่ายหน้า พูดขึ้นในที่สุด
“ดูไม่จืดเลย ทั้งสองร่าง”
“ฉันให้นายเลือก...อยากจะเข้าร่างไหนก็ตามใจ ไม่ต้องกลัวฉันแย่ง” ปลาใหญ่บอก
เซียนเดินเข้าไปใกล้ร่างที่นอนอยู่แล้วทรุดตัวลงมอง
“เลอะทั้งคู่ เฮ้อ...เหม็นอีกต่างหาก”
ปลาใหญ่ทรุดตัวลงกอดเข่ามอง ขณะที่เซียนมองร่างทั้งสองสลับกัน ทันใดนั้นมีเสียงประสวดอภิธรรม ดังแว่วเข้ามา ปลาใหญ่กับเซียนชะงักมองหน้ากัน แล้วสะดุ้งเมื่อเห็นยมทูตนุ่งโจงกระเบนสีแดงปรากฎอยู่ตรงหน้า ท่ามกลางไอหมอกจางๆ ดูน่ากลัวและน่าเกรงขาม ปลาใหญ่ก้มกราบ เซียนกลืนน้ำลายก้มกราบเช่นกัน
“นายคงต้องรีบเลือกแล้วละ” ปลาใหญ่บอก
“กดดันน่าดูเลยนะท่าน” เซียนบ่น ปลาใหญ่ลุกเดินมาทรุดตัวลงข้างๆ ร่างตัวเอง เซียนหันมามองแว่บหนึ่ง “ถึงเวลาที่เราต้องกลับเข้าร่างใครร่างมันเสียที”
“แน่ใจนะ” ปลาใหญ่ถาม เซียนถอนหายใจ
“นายก็คือนาย...ฉันก็คือฉัน ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปสักกี่ร่าง ก็ไม่มีวันเปลี่ยนจิตวิญญาณของเราได้ ไม่ว่าฉันจะเป็นปลาใหญ่ยังไง...แต่งตัวดี...มีเงินใช้ร่ำรวยขนาดไหน ฉันก็ยังเป็นไอ้เซียนผู้ต่ำต้อยวันยังค่ำ”
“นายไม่ได้ต่ำต้อย ไม่ว่าจะจนหรือรวย ทุกคนต่างก็มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีของตัวเอง แล้วนายก็ควรจะภูมิใจด้วย...นายมีความรักที่มั่นคง ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปกับสิ่งแวดล้อมภายนอก ถ้าฉันเป็นน้ำเพชร ฉันจะภาคภูมิใจมากๆ ในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความขดแย้ง การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น...การทรยศหลอกลวงอย่างทุกวันนี้ ความรักแท้อย่างนั้นหาไม่ได้ง่ายๆ นักหรอก”
เซียนอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วยื่นมือมา
“ขอบใจมาก ปลาใหญ่ ฉันเองก็หวังว่านายคงจะได้พบความรักแบบนั้นเหมือนกัน...เพื่อนอย่างนายก็หาไม่ได้ง่ายๆ...ฉันขอโทษ ที่ทำให้นายต้องเดือดร้อน” ปลาใหญ่ยื่นมือไปให้เซียนจับ “จะว่าไปอย่างน้อย เราก็ได้มีประสบการณ์ชีวิตที่ไม่เหมือนใคร แล้วใครก็คงจะเหมือนได้ยาก”
ร่างยมทูตไหววูบ ปลาใหญ่หันไปมองแว่บหนึ่ง
“ไม่ได้พูดเพราะเห็นท่านพญายมนะ”
“ไม่ใช่...ฉันได้บทเรียนมามากพอแล้ว เป็นบทเรียนที่มีค่าที่สุดด้วย” เซียนยกมือข้างหนึ่งขึ้น “ฉันพรากชีวิตช่วงหนึ่งของนายไป...เพราะฉะนั้นถ้ามีโอกาส ฉันจะร่วมมือกับนายทุกอย่าง เพื่อให้นายได้ชีวิตเดิมกลับคืนมา”
เซียนลุกขึ้นแล้วกระโดดเข้าร่างตัวเอง ยมทูตค่อยๆ เลือนหายไป ปลาใหญ่ลุกขึ้น เข้าไปในร่างตัวเอง
“หลังจากนั้นไอ้สามคนนั่นก็ขับรถกลับมา...เราก็เลยแอบขึ้นรถ ขับหนีมาอย่างที่รู้นั่นแหละ” ปลาใหญ่บอก
“แล้วทำไมไม่บอกความจริงตั้งแต่แรก“ ชายสี่ถาม
“ก็พวกมันจะหลอกแต่งกับคุณน้ำเพชรกับสายพิณน่ะซิ” มอมบอก
“เราทำเพื่อให้ทั้งสองคนได้สมหวัง” เซียนบอก
“ใครอยู่ข้างใน...ออกมาให้หมด” เสียงเกริกก้องดังขึ้น ทุกคนหันมาสบตากัน
ทุกคนก้าวออกจากห้องมาเผชิญหน้ากับกลุ่มเกริกก้อง
“เฮลโหลว...คุณอาก่องก๊อง...คุณอาจั่น...จั๊น...ไอ้ก่อน...ก๊อน...” เซียนดัดเสียง
“พอทีไอ้บ้า...ไอ้ปลาใหญ่”
“ผมอยู่นี่ครับ อาก้องคงยังไม่ทราบว่าเราสองคนกลับเข้าร่างของตัวเองเรียบร้อยแล้ว”
“ซึ่งต้องขอขอบใจคุณอาก่อง...ก๊อง ที่ส่งไอ้ก่อน...ก๊อน พาสมุนไปถล่มเรา เราก็เลยออกมาเข้าร่างตัวเองได้ ขอบใจนะ ก่อน...ก๊อน” เซียนบอก
“ไอ้บ้า” ปกรณ์ด่าออกมา
“ไสหัวพวกแกออกไปจากบ้านฉันให้หมด” จันทร์ทิพย์บอกอย่างโมโห
“ผมเป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะให้ใครอยู่หรือออกไปจากบ้านหลังนี้ได้” ปลาใหญ่บอก
“แต่ไอ้กุ๊ยพวกนี้...”เกริกก้องชี้หน้ากราด
“เขาเป็นเพื่อนของผม” ปลาใหญ่พูดต่อทันที
“ชัดเว่อร์เลย”
“คุณครรชิต”
“ครับ”
“ดูสารรูปตัวเองซิ”
“ครับ” ครรชิตก้มดูตัวเอง “ดูแล้วครับ”
“สารรูปน่ะวัดไม่ได้หรอกครับว่าใครเป็นยังไง” ลุงป่องบอก
“ไอ้อดิศักดิ์ศรี”
“ขอบคุณที่จำได้” ลุงป่องโค้ง
“และนี่คือลีโอนาร์โด” มอมบอก
“และสุดท้าย...รูเบิร์ต”
สีหน้าพวกเกริกก้องแทบจะเส้นเลือดโป่งขึ้นมา
กลุ่มของปลาใหญ่เดินกลับมาที่รถ ระหว่างนั้นชายสี่สอดส่ายสายตารมองหารัญญาตลอดเวลา
“เอารถของฉันไป...ขับดีๆ นะนายเซียน” ครรชิตบอก
“โอเค...แต่บางทีเราขับดี แต่คนอื่นขับไม่ได้”
“มันก็ชนกันโครมน่ะซิครับ”
มอมตบไหล่ชายสี่
“ไอ้ชาย...มองหาแมลงวันเรอะ”
“เปล่า”
“ไปได้แล้ว”
“เซียน...ฝากดูสายพิณด้วยล่ะ” ปลาใหญ่บอกเซียน
“ไม่รับฝากเว้ย ของๆ ใคร...ใครก็ดูกันเอง ไปล่ะ”
กลุ่มเซียนขึ้นรถขับออกไป โดยยื่นมือออกมาโบกสนุกสนาน ปลาใหญ่กับครรชิตโบกมือตอบ
“ผมดีใจที่กลับมาคราวนี้ คุณปลาใหญ่โบกมือบ๊ายบายเป็นแล้ว”
“แต่ก่อน ผมแย่ถึงขนาดนั้นเลยเรอะ”
ทั้งสองเดินคุยกันกลับเข้าบ้าน
เซียนเดินคุยกับลุงป่องมาถึงหน้าบ้าน
“ขอบใจนะลุงป่องที่อุตส่าห์เดินมาส่ง”
“ใครบอกข้าเดินมาส่งเอ็ง ข้าจะไปบ้านแล้วบ้านข้าก็ต้องผ่านบ้านเอ็ง”
“อ้าว เรอะ”
“เออ...ไปละ”
เซียนเปิดประตูเดินเข้าบ้าน
พอเข้ามาในบ้านเซียนสะดุ้งเฮือก แล้วหันหลังกลับจะเดินออกไป น้ำเพชรมองเซียนเขม็ง
“จะไปไหนล่ะคะ คุณปลาใหญ่” เซียนค่อยๆ หันกลับมา ยิ้มแห้งๆ “ว่าไงคะ จะไปไหน ไอ้คุณปลาใหญ่”
น้ำเพชรเดินมาดึงหูเซียน แล้วพูดเสียงเข้มตรงไอ้คุณปลาใหญ่
“ไป...ไปส้วม เอ๊ย...สุขาครับ”
“ไม่ต้องไป ปล่อยให้มันราดตรงนี้แหละ”
“แต่มันเหม็นนะครับ”
“ไม่ต้องพูดมาก...นั่งลง”
“ครับ...นั่งแล้วครับ คุณน้ำเพชรพูดดีๆ ไม่ต้องตวาดก็ได้”
น้ำเพชรจิ้มหน้าผากเซียนจนเซียนหน้าหงาย
“นี่แน่ะ...พูดดีๆ คนอย่างนายน่ะไม่เหมาะกับคำพูดดีๆ หรืออะไรดีๆ ซักอย่าง เพราะนายมันเลว เลวที่สุด เลวจนหาที่ดีไม่ได้เลย”
“แต่ผมหล่อนะครับ”
“โธ่เอ๊ย...ไอ้ยักษ์”
“แล้วผมก็ใจเดียวรักเดียวด้วย” น้ำเพชรเริ่มมือสั่น
“ใจเดียวรักเดียว นี่แน่ะ”
น้ำเพชรกระโจนเข้าชกเซียน เซียนหลบทำให้เสียหลัก น้ำเพชรจึงเสียหลักไปด้วย เซียนโอบน้ำเพชรไว้ด้วยสัญชาตญาณปกป้อง ทั้งคู่จึงล้มลงไปด้วยกันโดยน้ำเพชรอยู่บนอกเซียน สีหน้าของทั้งคู่ตกใจ...เซียนค่อยๆ ยื่นหน้าจะจูบน้ำเพชรแต่น้ำเพชรรู้สึกตัวจึงรีบลุกขึ้นแล้วกระแทกตัวนั่งลงบนท้องเซียนอย่างแรง
“โอ๊ย...”
เซียนกุมท้องร้องลั่น
“สมน้ำหน้า คนคิดไม่ดี คิดทุเรศ มันก็ต้องโดนแบบนี้”
เซียนลุกขึ้นนั่ง
“ไม่เป็นไร โดนภรรยาซ้อมนิดซ้อมหน่อยทนได้”
“อะไรนะ ไอ้เซียน แกว่าใครเป็นภรรยาใคร” น้ำเพชรโวยลั่น
“ก็ใครล่ะที่แต่งงานกับผม”
“นั่นเป็นเพราะฉันไม่คิดว่า นายจะสมคบคิดกับไอ้คุณปลาใหญ่มาหลอกลวงฉันกับสายพิณน่ะซิ”
“นั่นเป็นเพราะผมรักคุณ และปลาใหญ่ก็รักสายพิณ”
“แต่ฉันเกลียดนาย เดี๋ยวนี้ยังเกลียดบรมเกลียด เกลียดยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือน”
น้ำเพชรสะบัดหน้าเดินไป
“คุณน้ำครับ เราแต่งงานกันแล้วนะครับ”
“เชิญนายไปแต่งไปอยู่กินกับไอ้คุณปลาใหญ่เถอะ”
น้ำเพชรเดินออกไปแล้วปิดประตูโครม
น้ำเพชรก้าวออกมาขณะที่สายพิณนั่งกอดอกรออยู่บนมอเตอร์ไซค์ น้ำเพชรกับสายพิณแตะมือกัน แล้วสายพิณเดินเข้าไปในบ้านเซียนขณะที่น้ำเพชรหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาปลาใหญ่ พอปลาใหญ่รับสายน้ำเพชรพยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติ
“ค่ะ...คุณปลาใหญ่...นี่น้ำเอง”
“ตกลง ผมจะไปพบคุณ”
ปลาใหญ่วางโทรศัพท์ลง
“คุณปลาใหญ่ไม่ควรรับปากมือพิฆาตหุ้มทองนะครับ ดีไม่ดีอาจจะเจอหมัดสั่งตายสายสะดือด้วย” ครรชิตบอก
“น้ำเพชรเป็นคนมีเหตุผล ส่วนสายพิณน่ะเขาเชื่อฟังนายเซียนอยู่แล้ว”
ขณะนั้นสายพิณอยู่กับเซียน สายพิณมีสีหน้าแววตาถมึงทึง
“พิณจะให้โอกาสไอ้พี่เซียนพูดอีกที”
“คืองี้...พี่น่ะหวังดีอยากให้พิณได้ดีมีความสุข ถึงได้ทำอย่างนั้น”
“แต่พิณเรียกว่าโกหกหลอกลวง”
“คุณปลาใหญ่เขาเป็นคนดี”
“พิณรำคาญคนดี...”
“เขาร่ำรวย”
“พิณไม่ใช่คนเห็นแก่เงิน”
“พี่อยากให้พิณสบาย...” เสียงเซียนเริ่มอ่อยลง
“แล้วพิณลำบากตรงไหน”
“งั้นคุณปลาใหญ่เขารักพิณ เอ้า...”
“พิณเกลียดเขา ยิ่งสุมหัวกันหลอกพิณแบบนี้ พิณยิ่งเกลียดใหญ่”
“เขายอมสละชีวิตเพื่อนพิณนะ เขารักพิณมากขนาดนั้น”
“เหมือนกับที่พี่เซียนรักและยอมเสียสละชีวิตเพื่อน้ำเพชรใช่ไหม” เซียนนิ่งอึ้ง สายพิณน้ำตาคลอ “หากไม่รักก็บอกตรงๆ ไม่ต้องหลอกลวงกันก็ได้...เพราะมันเจ็บ...” สายพิณน้ำตาไหลพราก “เจ็บที่จับได้ว่า คนที่เรารักวางแผนเสือกไสไล่ส่ง ยัดเยียดเราให้คนอื่น”
สายพิณหันหลังกลับ แบบสุดจะกลั้นความโศกเศร้าเจ็บปวด
“สายพิณ...”
“จบกันเสียที”
สายพิณเปิดประตูออกไป เซียนจะตามแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ ทรุดตัวลงนั่งฟุบหน้ากับฝ่ามือ
สายพิณเดินเช็ดน้ำตากลับมาหาน้ำเพชรที่รออยู่หน้าบ้าน น้ำเพชรส่งผ้าเช็ดหน้าให้โดยไม่พูดอะไร
สายพิณเช็ดน้ำตาแล้วขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์ขับออกไปโดยมีน้ำเพชรซ้อนท้าย
ส่วนที่บ้านปลาใหญ่ขณะนั้นเกริกก้อง ปกรณ์ จันทร์ทิพย์ยืนอยู่ที่ระเบียงบ้านมองปลาใหญ่กับครรชิตที่ขับรถขับออกไป
“มันจะไปไหน” จันทร์ทิพย์ถามอย่างแปลกใจ
“ก็คงไปหาเพื่อนสลัมมันนั่นแหละ”
“ถ้ามันพยายามจะเอาบริษัทคืนล่ะคะ”
“จันทร์ก็...คุณก้องอยู่ทั้งคน แล้วยังมีพี่เป็นมือขวา ต่อให้พ่อไอ้ปลาใหญ่ฟื้นขึ้นมาก็ไม่มีวันเอาคืนได้”
ปกรณ์บอก เกริกก้องมีสีหน้าเหี้ยมเกรียม
ปลาใหญ่กับครรชิตมาที่บ้านลุงป่อง ทั้งคู่หอบผลไม้และของกินเข้ามาเต็มมือ
“ผมซื้อของโปรดมาให้ลุงป่องหลายอย่างเลยครับ”
ปลาใหญ่บอก ประตูบ้านเปิดออกจากนั้นสายพิณก็ก้าวออกมาปลาใหญ่กับครรชิตถึงกับชะงัก
“ว่าแล้ว...สังหรณ์ใจอยู่แล้ว” ครรชิตบอกออกมา
“คุณปลาใหญ่” ลุงป่องมองหน้าปลาใหญ่
“ไม่เป็นไรครับ ยังไงผมก็ต้องคุยกับสายพิณอยู่ดี”
“แล้วหลบหน้าฉันทำไม” สายพิณถามเสียงห้วน
“เพราะผมอยากให้คุณใจเย็นลงก่อน”
“ลุงคัน...ลุงป่อง พิณขอคุยกับปลาใหญ่ตามลำพังหน่อยค่ะ”
“ทำไมล่ะหนู...อยู่กันหลายๆ คนอุ่นใจดีนะ”
“คุณครรชิต”
“ครับ”
ลุงป่องยังนั่งเฉย
“ลุงป่อง”
“โชคดีนะ คุณปลาใหญ่”
ครรชิตกับลุงป่องเดินออกไป สายพิณหันมาจ้องหน้าปลาใหญ่
ครรชิตกับลุงป่องถึงกับสะดุ้งเมื่อออกมาเจอน้ำเพชรนั่งอยู่หน้าบ้าน
“เฮ้ย”
“หนูน้ำ...หนูเป็นคนนัดคุณปลาใหญ่นี่...แล้วทำไมสายพิณ...”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ...เดี๋ยวน้ำต้องพูดกับคุณปลาใหญ่แน่”
“เราเป็นพวกเดียวกันนะ...อย่าลืม”
“ศัตรูหลอกลวงกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่พวกเดียวกันหลอกกันนี่ซิคะ มันเจ็บเสียยิ่งกว่าเจ็บ”
ครรชิตกับลุงป่องทำตาปริบๆ
ภายใยบ้านสายพิณเดินช้าๆ ไปรอบตัวปลาใหย่
“เคยได้ยินมั้ยที่เขาพูดกันว่า บุญคุณต้องทดแทนความแค้นต้องชำระ”
“เคย...แต่ผมไม่ได้ถือเป็นอารมณ์”
“อ๋อ...ก็นายเป็นคนวางแผนทั้งหมดนี่ หรือว่าจะโทษไอ้พี่เซียน”
“ไม่ ผมเป็นลูกผู้ชายพอ กล้าทำก็กล้ารับ”
“เฮอะ...ลูกผู้ชาย ลูกผู้ชายเขาเขาสุ่มหัวกันหลอกผู้หญิงแบบนี้เนี่ยนะ”
“สายพิณ...นายเซียนเขาไม่ได้รักคุณ”
“และฉันก็ไม่ได้รักนายเหมือนกัน” ปลาใหญ่อึ้งไป “เพราะฉะนั้นงานแต่งงานของเราเป็นโมฆะ”
ปลาใหญ่นิ่งไปครู่หนึ่ง
“ถ้ามันเป็นความประสงค์ของคุณ ผมก็คงขัดไม่ได้” สายพิณเป็นฝ่ายอึ้งบ้าง “ผมยอมรับว่ารักคุณ...แต่ถ้าคุณไม่ต้องการความรักของผม”
“ฉันไม่ต้องการ” สายบพิณสวนขึ้นทันที
“ไม่เป็นไร ผมพูดง่ายอยู่แล้ว”
สายพิณเม้มปากด้วยความน้อยใจ
“ก็แน่ะละซิ...นายเคยบอกฉันว่า ไม่มีใครอกหักรักสลายไปตลอดชาติหรอก ฉันจำได้” สายพิณยิ่งพูดยิ่งได้อารมณ์ “นายต้องกอบกู้บริษัท นายมีอะไรต้องทำหลายอย่าง อีกหน่อยนายก็จะลืมทุกอย่างทุกเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ ฉันขอแสดงความดีใจด้วย”
สายพิณน้ำตาไหลพราก หันหลังจะเดินกลับออกไป
“สายพิณ...”
ปลาใหญ่รวบร่างสายพิณมากอดไว้แน่น สายพิณทุบอกปลาใหญ่ ดิ้นรนครู่หนึ่งแล้วซบสะอึกสะอื้น ปลาใหญ่กอดพลางลูบหลังเธออย่างอ่อนโยน สายพิณร้องไห้กับอกปลาใหญ่สักพักจึงผละออก
“กลับไปซะ แล้วไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
สายพิณเดินออกไป ปลาใหญ่มองอย่างไม่เข้าใจ
สายพิณเดินออกมา น้ำเพชรลุกขึ้นยืนทันที สองสาวแตะมือกันแล้วสายพิณก็เดินไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ขับออกไปท่ามกลางสีหน้างุนงงของครรชิตกับลุงป่อง ขณะที่น้ำเพชรเชิดหน้า สูดลมหายใจยาวราวกับจะเรียกความมั่นใจ แล้วเดินเข้าไปในบ้าน
ขณะนั้นปลาใหญ่นั่งก้มหน้าเหมือนจะทบทวนสิ่งที่กิดขึ้น ปลาใหญ่เงิยหน้าขึ้นมองเมื่อน้ำเพชรเดินเข้ามา
“คุณน้ำ”
“ต้องขอโทษที่หลอกคุณปลาใหญ่มา”
“ไม่เป็นไรครับ ถือว่าเราหายกัน”
“ไม่หายค่ะ”
“อ้าว...”
“คุณหลอกน้ำให้แต่งงานกับนายเซียน ซึ่งถือว่าเสียหายมาก...มันเทียบไม่ได้กับที่น้ำหลอกให้คุณมาที่นี่”
“ผมยอมรับว่าผมผิด”
“แล้วคุณทำทำไม”
“ผม...”
“อย่ามาอ้างความหวังดี คุณไม่ใช่พระพรหมถึงได้จะมีอำนาจลิขิตชีวิตมนุษย์ คุณไม่มีสิทธิ์ ตัวคุณเองน่ะเอาให้รอดก่อนเถอะ แล้วค่อยมายุ่งกับชีวิตคนอื่น”
“ผมขอโทษ...ผมเสียใจ”
“คุณกับนายเซียนอ้างว่าทำเพื่อน้ำกับสายพิณ ที่จริงแล้วพวกคุณทำเพื่อตัวเองต่างหาก น้ำเสียใจมากที่มาองคุณผิดไป...ลาก่อนค่ะและหวังเต็มเปี่ยมว่าเราคงไม่ต้องพบกันอีก”
น้ำเพชรเดินออกไป ปลาใหญ่มองตามด้วยความเสียใจเช่นกัน
น้ำเพชรเดินออกมาแล้วจะเดินเลยไปด้านหลังซอย ครรชิตจึงรีบเรียกไว้
“เดี๋ยว หนูน้ำ” น้ำเพชรหยุดเดิน เบือนหน้ากันกลับมา “ลุงขอพูดด้วยหน่อยได้ไหม...คือ ลุงอยากจะบอกว่า...”
“ไม่ต้องบอกอะไรหรอกค่ะ น้ำเข้าใจหมดแล้ว”
น้ำเพชรเดินจากไป ครรชิตส่ายหน้า
“เฮ้อ...โดนเด็กถอนหงอกคราวนี้เอง”
“จะว่าไปก็สมควรแล้ว”
“อ้าว...”
ส่วนสายพิณเมื่อกลับถึงบ้าน เธอหลบเข้าห้องแล้วนั่งน้ำตาไหลอยู่บนเตียง
“พิณ...พิณ เอ๊ย ยายเข้าไปได้มั้ย”
สายพิณรีบเช็ดน้ำตา
“จ้ะ”
ประตูเปิดออก ยายปิ่นเดินเข้ามาแล้วนั่งลง
“ยังไม่หยุดร้องไห้อีกเรอะ ร้องมาตั้งแต่เข้าบ้านแล้ว”
“ก็พิณเจ็บใจ...เจ็บมาก แล้วก็เสียใจมาก...” สายพิณพูดไม่ทันจบก็ร้องไห้ออกมาอีก ยายปิ่นลูบผมสายพิณ
“พิณเอ๊ย...องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการที่เรียกว่าอริยสัจสี่...นั่นคือ ทุกข์...สมุทัย...นิโรธ...มรรค...”
“แล้วมันเกี่ยวกับพิณตรงไหน”
“เกี่ยวตรงที่ตอนนี้เอ็งกำลังมีทุกข์ เอ็งต้องรู้สาเหตุของมัน รู้เท่าทันความทุกข์ ไม่อย่างนั้นเอ็งก็จะดับทุกข์นั้นไม่ได้”
สายพิณกอดยาย
“ยายจ๋า...พิณรู้แต่ว่ามันเจ็บปวด จะมองไปทางไหนมันก็มืดไปหมด สับสนไปหมด ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
“หนูก็ต้องตั้วสติก่อนซิลูก...ตั้งสติให้ได้ แล้วค่อยๆ พิจารณาสาเหตุของความทุกข์นั้น ไม่มีใครในโลกนี้หรอกที่ไม่เคยมี...ไม่เคยรู้จักความทุกข์ หนูไม่ใช่คนเดียวที่มีความทุกข์หนอกนะลูก”
สายพิณยังคงร้องไห้ แต่ก็พยายามฟังยาย
ทางด้านน้ำเพชรเมื่อกลับถึงบ้านก็รีบเข้าห้องทันที กิมฮวยตามเข้ามาเพ่งมองน้ำเพชรอย่างเพ่งพิศ
“ลื้องอนอาเซียนเรื่องอะไร อาน้ำ”
“ไม่ได้แค่งอนค่ะ น้ำเลิกกับเค้าแล้ว”
“ฮ้า...เลิกกับอาเซียน แล้วสินสอดทองหมั้นล่ะ”
“ก็คือนเขาไปน่ะซิคะ...จะเก็บไว้ให้รกบ้านทำไม”
“คืนไม่ได้ อั้วไม่คืน”
“หม่าม้า...”
“ลื้อได้ชื่อว่าแต่งงานเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของอาเซียนไปแล้ว เรื่องอะไรจะต้องไปคืน”
“แต่น้ำ...”
“จะหย่าใช่ไหม”
“ค่ะ ไม่น่าซวยจดทะเบียนสมรสไปก่อนเล้ย” น้ำเพชรบ่น
“ห้ามหย่าเด็ดขาด” กิมฮวยบอกเสียงเข้ม
“น้ำ...”
“เราเป็นผู้หญิงนะ อาน้ำ...งอนนิดหน่อยมันก็น่ารักดี แต่ถ้างอนเกินไปผู้ชายยิ่งเบื่อ”
“ก็ช่างมันเป็นไรล่ะคะ”
“ไอ๊หยา...อาน้ำ”
กิมฮวยตกใจเมื่อรู้ว่าน้ำเพชรจะหย่ากับเซียนจริงๆ จึงรีบโทรศัพท์หาเซียน
“ขอบคุณมากครับ คุณหม่าม้า...แต่ลูกสาวอาหม่าม้าอีใจแข็งมาก ผมน่ะแทบจะก้มกราบอยู่แล้ว อียังไม่ใจอ่อนเลย”
“แล้วทำไมลื้อไม่ก้มกราบให้รู้แล้วรู้รอดไปวะ”
เติมศักดิ์สะดุ้ง
“อาฮวย...”
“ลื้อฟังเงียบๆ อาเติมศักดิ์...” กิมฮวยหันไปคุยโทรศัพท์ต่อ “ลื้อจะมาที่นี่มั้ย”
“คุณน้ำได้เอาผมตาย”
“งั้นก็ตามใจ ถ้าอาน้ำมีผัวใหม่ อั้วไม่รู้ด้วย แค่นี้นะ...”
กิมฮวยปิดโทรศัพท์
“เดี๋ยวครับ อาหม่าม้า...”
กิมฮวยหันมาทางเติมศักดิ์
“ดีเหมือนกัน อาน้ำเลิกกับอาเซียน อั้วจะได้หาแฟนให้อาน้ำใหม่...เรียกสินสอดใหม่ สบายใจเฉิบ”
“นั่นซิ...ไอ๊หยา อาฮวย”
กิมฮวยเดินนวยนาดออกไป
เซียนรีบมาบ้านลุงป่อง พอเข้ามาในบ้านจึงเหลียวมองหาปลาใหญ่
“ไปกันหมดแล้ว โดนกันไปคนละดอกสองดอก สบายกันไป...ถามหน่อยเถอะ ใครเป็นคนต้นคิด” ลุงป่องถามขึ้นมา
“ก็ช่วยกันคิดแหละลุง”
“แต่เอ็งเป็นส่วนใหญ่” ลุงป่องบอกอย่างรู้ทัน เซียนนิ่งไปครู่หนึ่ง
“ผมเป็นห่วงปลาใหญ่”
“ห่วงตัวเองเถอะวะไอ้เซียน หน็อย...เป็นยาจกดันเป็นห่วงเศรษฐี แล้วนี่เรื่องสินสอดที่คุณปลาใหญ่เขาออกไปให้หมั้นให้แต่งกับหนูน้ำน่ะจะว่ายังไง เอ็งจะไปเอาของเขาเฉยๆ ไม่ได้นา”
“ลุงจะให้ผมทำยังไง เงินตั้ง 5 ล้าน จะไปมีปัญญาหาจากไหนมาให้”
“ก็พูดกับคุณน้ำเขาตรงๆ”
“แค่นั้เขาก็จะเกลียดขี้หน้าผปมตายแล้ว เฮ้อ...อ...อ...ผมชักอยากจะตายจริงๆ แล้วละลุง”
เซียนกุมขมับกลุ้มใจสุดๆ
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 17 (ต่อ)
เช้าวันต่อมา ในขณะที่เกริกก้องกำลังนั่งเซ็นเอกสารรอยู่ในห้องทำงาน โดยเกริกก้องจะอ่านก่อนเซ็นอย่างละเอียด ขณะที่เลขายืนสงบเสงี่ยมคอยตอบคำถามชี้แจง แต่แล้วจู่ๆ ประตูห้องเปิดออก จันทร์ทิพย์เดินเข้ามาอย่างรีบร้อย
“คุณก้อง ไอ้ปลาใหญ่มันมาทำงานกับไอ้ครรชิตค่ะ”
“งานอะไรของมัน ฉันไล่ออกไปแล้วนี่”
เกริกก้องพูดพลางเดินออกไป ติดตามด้วยจันทร์ทิพย์และเลขา
เกริกก้องเปิดประตูห้องทำงานปลาใหญ่เข้ามา ขณะนั้นเออร์ซูล่ากำลังทำความสะอาดห้องอยู่และครรชิตกำลังตรวจดูเอกสารต่างๆ
“นี่มันอะไรกัน” เกริกก้องถามอย่างไม่พอใจ
“ผมให้เออร์ซูล่ามาทำความสะอาดห้องครับ ว่าจะทำงานวันนี้”
“ผมจะทำหน้าที่เลขาครับ” ครรชิตบอก
“แต่ฉันไล่พวกแกออกไปแล้ว”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ...ทำไมผมไม่ทราบ” ปลาใหญ่ย้อนถาม
“ก็ตั้งแต่ที่ไอ้เซียนมันอยู่ในร่างเธอ” จันทร์ทิพย์บอก
ปลาใหญ่กับครรชิตสบตากันแล้วยิ้ม
“ผมกับนายเซียนเป็นคนละคนกัน”
“จันทร์ ไปเอาสัญญามา”
“เท่าที่จำได้...ผมทำสัญญากับคุณอาว่า ผมจะพัฒนาบริษัทให้ก้าวหน้าให้ได้ภายใน 1 ปี ถ้าไม่สำเร็จผมจะยอมยกบริษัทให้อาก้องบริหาร แต่พอดีเกิดอุบัติเหตุซึ่งผมอยากจะเรียกว่า การพยายามจะทำฆาตกรรมมากกว่า...ผมก็เลยยังไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือ”
“จริงครับ...ซึ่งถ้าไม่เกิดเรื่องนั้น คุณปลาใหญ่คงพัฒนาบริษัทไปไกลแล้วครับ” ครรชิตบอกอย่างปลาบปลื้ม เกริกก้องจ้องเขม็งจนครรชิตเจื่อนไป
“แกเองก็เหมือนกัน...ฉันไล่ออกไปตั้งนานแล้ว”
“แต่ผมรับเข้ามาใหม่ในตำแหน่งเลขา”
“ซึ่งเป็นพระคุณมากครับ...คุณปลาใหญ่”
เกริกก้องชี้หน้าครรชิต
“เรื่องแกเอาไว้ก่อน...ปลาใหญ่ ไอ้เซียนมันท้าฉันให้ทำสัญญาว่ามันจะบริหารบริษัท...”
“ให้ได้ภายใน 2 เดือน...เรื่องนั้นผมทราบแล้วครับ แต่นั่นเป็นสัญญาระหว่างอาก้องกับนายเซียน ผมไม่เกี่ยว”
เกริกก้องมองปลาใหญ่อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
จันทร์ทิพย์เดินตามเกริกก้องกลับเข้ามาในห้องทำงาน พอเข้ามาในห้องเกริกก้องตบโต๊ะด้วยความโมโห
“ไอ้เซียนมันเซ็นสัญญาในนามของปลาใหญ่ไม่ใช่หรือคะ”
“แต่ลายเซ็นมันไม่เหมือน”
“แล้วเราทำอะไรไม่ได้เลยหรือคะ”
“ไอ้ปลาใหญ่มันฉลาด แถมยังได้ไอ้ครรชิตกลับมาเป็นคู่หู มันคงไม่ยอมง่ายๆ หรอก”
เมื่อเกริกก้องกับจันทร์ทิพย์ไปแล้วปลาใหญ่จึงส่งเงินให้เออร์ซูล่า
“ขอบใจนะ เออร์ซูล่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วคุณน้ำเพชรจะมาทำงานอีกไหมคะ”
“โอ๊ย...เขาไปขายเพชรขายทองแล้ว” ครรชิตบอก
“เสียดายนะคะ”
ครรชิตชี้มือไปที่ประตูเมื่อเออร์ซูล่าทำท่าจะคุยติดลมบน เออร์ซูล่ารีบออกไป
“คุณปลาใหญ่...เราจะเข้าไปเอาซีดีในห้องคุณห้องยังไงดีครับ”
“ผมกำลังคิดอยู่”
“ผมจะพยายามช่วยคิดครับ”
ครรชิตลูบคางทำท่าคิด
ที่หน้าบริษัทขณะนั้นวิโรจน์กำลังคุยอวดกับเพื่อนๆ รปภ.และคนขับรถ
“เดือนหน้าเฮียต้องย้ายไปเป็นคนติดตามคุณกรณ์แล้วนะ แต่รับรองว่าเฮียได้ดีแล้วไม่มีวันลืมพวกเอ็งเด็ดขาด” ขณะที่วิโรจน์กำลังคุยโม้ ครรชิตก็เดินเข้ามา “ก็อยากให้พวกเอ็งตั้งอกตั้งใจทำงานให้เหมือนเฮีย...จะได้รุ่ง”
“ไอ้งานที่ทำนะ มันงานอะไร บอกได้มั้ยเฮีย” ครรชิตถามขึ้นมา วิโรจน์สะดุ้งเฮือก หันกลับมา ขณะที่ครรชิตพยักหน้าให้คนอื่นๆ ออกไป
“ป๋า...”
“ว่าไง...บอกได้หรือเปล่าว่างานอะไร”
“ก็...งานรับใช้เลียแข้งเลียขาไปตามเรื่องน่ะครับ”
“วันนั้นเอ็งบอกไอ้คุณกรณ์ใช่มั้ยว่า คุณปลาใหญ่กับเพื่อนจะมาที่นี่” วิโรจน์อึกอัก “คุณปลาใหญ่ให้ฉันมาตามนายไปพบ ถือว่าให้เกียรตินะเนี่ย”
“คือ...”
“ตามมา”
วิโรจน์จำใจตามครรชิตไป ปกรณ์ซึ่งกำลังจะเดินผ่านบริเวณนั้นรีบหลบแอบมอง
ครรชิตเดินนำวิโรจน์มาที่ห้องทำงานปลาใหญ่
“สบายดีเรอะ วิโรจน์”
“ก็...ก็...”
“ฉันจะไม่เอาผิดถ้านายยอมเป็นพยานให้ฉัน”
“พะ...พยานอะไรครับ”
“เหตุการณ์คืนนั้นไง...อย่าบอกนะว่านายจำไม่ได้” วิโรจน์ก้มหน้าหลบตา “ว่าไง วิโรจน์”
“ตอบคุณปลาใหญ่ไปซิ”
วิโรจน์มีท่าทางอึดอัดหวาดกลัว
ปกรณ์รีบไปบอกเกริกก้องเรื่องครรชิตพาวิโรจน์ไปหาปลาใหญ่
“ไอ้ครรชิตมันถือดียังไง” สีหน้ากริกก้องบอกให้รู้ว่ากำลังโกรธ
“คุณก้องใจเย็นๆ ครับ ผมจัดการอยู่”
“กรณ์ เรื่องนี้สำคัญมาก...มันหมายถึงความปลอดภัยของเราทุกคน”
“ผมเข้าใจดีครับ” ปกรณ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาสมุน “ใหญ่ ข้ามีงานให้เอ็งทำ”
ส่วนที่ห้องปลาใหญ่ขณะนั้นวิโรจน์กำลังร้องไห้ด้วยความกลัว
“ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ครับ ผมไม่นึกว่าเหตุการณ์มันจะรุนแรงขนาดนั้น”
“มันน่าเชื่อมั้ยเนี่ย”
“ว่าไง นายจะแก้ตัวหรือเปล่า” ปลาใหญ่ถามย้ำ
“ครับ คุณปลาใหญ่จะให้ทำอะไร ผมยอมทำทุกอย่าง ขอแต่อย่าเอาเรื่องผมเลยครับ”
ปลาใหญ่มีสีหน้าพอใจขณะมองครรชิต
วิโรจน์เดินกลับมาด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ
“วิโรจน์”
เสียงเรียกของปกรณ์ทำให้วิโรจน์สะดุ้งเฮือกหันไปมอง เห็นปกรณ์ยืนกอดอกมองอยู่
“คะ...คุณ...คุณกรณ์”
ปกรณ์ทำแปลกใจ
“เป็นอะไรไปว่ะ เรียกนิดเดียวทำตกใจ”
“เปล่าครับ”
ปกรณ์ส่งถุงเสื้อนอกให้วิโรจน์
“ช่วยเอาเสื้อนี่ไปซักแห้งให้หน่อยซิ ตรงร้านหัวมุมถนนน่ะ...เคยเห็นใช่ไหม”
“ครับ”
“เฮ้ย...เป็นอะไรไปวะ” ปกรณ์ตบไหล่วิโรจน์ “หรือว่าไม่สบาย อั๊วเอาไปเองดีกว่า เห็นหน้าแล้วใช้ไม่ลง”
ปกรณ์หันหลังจะเดินไป วิโรจน์รีบเรียก
“ไม่เป็นไรครับ คุณกรณ์ ผมเอาไปให้ได้ แค่นี้เอง”
“แน่ใจนะเว้ย”
“ครับ”
“ขอบใจ” ปกรณ์ถุงเสื้อให้ วิโรจรับมาแล้วเดินไปที่มอเตอร์ไซค์ ปกรณ์มองตามยิ้มๆ
เซียนอยู่ที่วินมอเตอร์ไซค์ในชุมชน ขณะที่ครรชิตโทรมาบอกเรื่องวิโรจน์
“เฮ้ย...คุณคัน ปล่อยไปได้ยังไง ต้องให้มันอยู่ในสายตา อย่าลืมว่าตอนนี้วิโรจน์เป็นพยานสำคัญเพียงคนเดียว อย่าปล่อยให้คาดสายตาเด็ดขาด” มอม ป๋อง ลุงป่อง ชายสี่เข้ามาฟังอย่างสนใจ “เร็ว รีบไปตามตัวไว้ก่อน แล้วค่อยโทรมารายงานผม โอเค้”
เซียนเก็บโทรศัพท์
“แหม...เดี๋ยวนี้ให้คุณคันโทรมารายงานแล้วเรอะ” มอมแซว
“แหง”
ครรชิตเดินมาหาวิโรจน์ด้านล่าง
“หายไปไหน” ครรชิตมองหาวิโรจน์ ขณะนั้นรปภ.เดินผ่านมาพอดี “ วิเชียร เห็นวิโรจน์มั้ย”
“ไม่เห็นครับ”
ครรชิตหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาวิโรจน์แต่ไม่มีคนรับ ครรชิตเริ่มเป็นกังวลจึงรีบกลับไปปรึกษาเรื่องนี้กับปลาใหญ่
“ถ้าจะไม่ดีแล้ว เราก็ไม่ทันเฉลียวใจ”
“เขาอาจจะออกไปซื้อของก็ได้ครับ”
“คอยติดต่อเรื่อยๆ ก็แล้วกัน”
“ครับ”
เซียนส่ายหน้าอย่างระอาใจเมื่อรู้ว่าครรชิตติดต่อวิโรจน์ไม่ได้
“เบื่อจั๊ง พวกไม่ทันคนนี่” ขณะที่เซียนพูด คนอื่นๆ สะกิดกันเมื่อเห็นน้ำเพชรเดินตรงมา “เรื่องแบบนี้มันต้องคุณเซียน”
“ไปบ้านสายพิณ...”
เซียนสะดุ้งเฮือกหันมามอง
“คันนี้เลยครับ” ป๋องบอก
“ไอ้ป๋อง” ป๋องทำหน้าจ๋อยๆ “คันนี้ครับ” เซียนบอก
“ฉันไม่ไป”
“งั้นคุณคงต้องเดินไปเอง...วินคุณอดิศักดิ์ศรีนี่มีระเบียบวินัย เขาบริการเรียงตามลำดับ ไม่ใช่มั่วจะให้ผู้โดยสารขึ้นคันไหนก็ได้”
น้ำเพชรฟังไม่จบก็เดินเข้าซอยไปเอง
“เฮ้ย...ไปแล้ว” ลุงป่องบอก
เซียนรีบขึ้นมอเตอร์ไซค์ขับไปดักหน้า
“เชิญครับ”
“หลีกไป...ไม่งั้นฉันถีบรถนายล้มแน่”
“อยากขายหน้าก็เอาซิ”
“นายเซียน”
“ผมมันไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว” คนที่ผ่านไปมา มองอย่างสนใจและเริ่มซุบซิบกัน “ว่าไงครับ”
น้ำเพชรเม้มปาก ตัดสินใจขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์เซียน บรรดาพรรคพวกชะเง้อมองตามแล้วพากันวิพากษ์วิจารณ์
[ต่อจากตอนที่แล้ว]
เซียนขี่มอเตอร์ไซค์พาน้ำเพชรลัดเลาะลดเลี้ยวไปเรื่อยๆ
“นายจะพาฉันไปไหน ฉันจะไปหาสายพิณ”
“สายพิณเอาไว้ก่อน เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
น้ำเพชรตัดสินใจกระโดลงจากมอเตอร์ไซค์
“ฉันไม่คุยกับนาย”
น้ำเพชรสะบัดหน้ารีบเดินหันหลังกลับไป เซียนลงจากรถก้าวยาวๆมาโอบเอ้วน้ำเพชรยกขึ้น
“จะไปดีๆ หรือไม่ไป”
“ปล่อย”
“จะไปหรือไม่ไป”
“ไปแล้ว ปล่อบซิ บอกให้ปล่อย”
เซียนยกน้ำเพชรมานั่งบนมอเตอร์ไซค์
“ถ้าโดดหนีอีกล่ะก็ น่าดู” เซียนขู่แล้วขึ้นมอเตอร์ไซค์ขับออกไป โดยน้ำเพชรนั่งซ้อนท้ายหน้าหงิกหน้างอ
เซียนขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าบ้านลุงป่อง แล้วลงจากรถมาไขกุญแจบ้าน
“เชิญครับ” เซียนหันมาบอกน้ำเพชร
“อ้อ...สมคบกับลุงป่องงั้นซิ”
“เชิญครับ” เซียนบอกเสียงเข้มขึ้น
น้ำเพชรลงจากมอเตอร์ไซค์ แล้วเดินสะบัดหน้าผ่านเซียนเข้าบ้าน เซียนมองตามอย่างหนักใจแล้วเดินตามเข้าไป
พอเข้ามาในบ้านน้ำเพชรเดินมายืนกอดอกอยู่มุมหนึ่ง
“นั่งซิครับ”
“ไม่ นายมีอะไรก็พูดไป”
“เรื่องของเรา”
“เรื่องของฉันก็ส่วนเรื่องของฉัน เรื่องของนายก็ส่วนเรื่องของนาย...ไม่มีเรื่องของเรา”
สีหน้าเซียนสะเทือนใจวูบหนึ่ง แล้วเปลี่ยนเป็นทะเล้นอย่างเดิม
“เพิ่งรู้ตัวว่าเป็นที่ชิงชังรังเกียจขนาดนี้นะเนี่ย”
“ฉันว่าฉันชัดเจนตลอดเวลานะ ทำไมนายความรู้สึกช้านักล่ะ”
“อาจจะเป็นเพราะส่วนใหญ่ คุณแสดงว่าคุณรักใคร่ใหลหลงผมตลอดเวลา”
“ไอ้นายเซียน” น้ำเพชรพูดพร้อมกับหยิบข้าวของใกล้มือปาใส่เซียน เซียนหลบทัน
“เดี๋ยวซิ...ผมยังพูดไม่จบเลย...ผมจะพูดต่อว่าตอนที่ผมอยู่ในร่างของปลาใหญ่” น้ำเพชรเม้มปาก น้ำตาเริ่มคลอ “ผมมีคำแนะนำดีๆ ให้คุณ”
“ฉันไม่ฟัง”
“รักคนที่เขารักเราดีกว่าน่า”
“ถ้าหมายถึงนายละก็ ฉันอยู่เป็นโสดจนตายดีกว่า”
“ถ้าคุณน้ำรังเกียจว่าผมจน...ไม่มีความรู้...”
“ฉันรังเกียจนายทุกๆ เรื่อง”
เซียนยังทำหน้าตายต่อ
“ผมขอให้คำสัญญากับคุณน้ำว่า...”
“ฉันไม่รับ”
“ผมจะสร้างเนื้อสร้างตัวจนร่ำรวยทัดเทียมหรือมากกว่าคุณน้ำให้ได้”
“อีกร้อยชาติมั้ง”
“ถ้าผมทำได้ คุณน้ำจะยอมรับรักผมมั้ยล่ะ”
“ค่าสินสอดทองหมั้นที่ขอยืมคุณปลาใหญ่มาใช้เขาให้หมอก่อนเถอะ”
“เพราะอาหม่าม้าไม่ยอมคืนผมแน่ๆ”
น้ำเพชรรู้สึกละอายใจวูบหนึ่ง
“ใช่”
“ไม่เป็นไร...ผมเต็มใจยกให้ ว่าแต่คุณน้ำจะกล้ารับคำสัญญาของผมมั๊ย”
“ไม่”
“แล้วถ้าเปลี่ยนเป็นคำท้าล่ะ จะกล้ารับหรือเปล่า”
“ไอ้ที่ว่าจะร่ำรวยล้นฟ้าเนี่ยนะ” น้ำเพชรถามเสียงเยาะ
“ครับผม”
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นร้อก เอาแค่ 30% ของปลาใหญ่ก็พอ”
เซียนทำท่าคิด
“ได้ยินคุณคันบอกว่า ปลาใหญ่มีทรัพย์สินคิดคร่าวๆ ประมาณแสนกว่าล้าน”
“คิดแค่แสนล้านล้วนๆ ก็พอ 30% ของแสนล้านก็สามหมื่นล้าน...”
“ได้ ผมจะรวยให้ได้สามหมื่นล้าน แล้วคุณต้องยอมรับรักผมนะ”
“ตกลง...จะทำสัญญากันก็ได้นะ”
“ยุติธรรมดีครับ”
น้ำเพชรมองเซียนเยาะๆ ขณะที่เซียนเหมือนเริ่มจะหนักใจ
เซียนโทรศัพท์หาครรชิต ครรชิตสะดุ้งเฮือกผุดลุกขึ้นยืนทันทีจนปลาใหญ่ต้องเงยหน้ามอง
“สามหมื่นล้าน แกจะไปเอาจากที่ไหนมาวะ บอกซะก่อนนะว่าฉันไม่ให้ยืม”
ครรชิตบอกเสียงดังลั่น
“ไม่ให้ยืม หรือว่าไม่มีให้ยืม เอาเหอะน่า เงินสามหมื่นล้านนี่ผมรับรองว่า ผมจะได้มาอย่างบริสุทธิยุติธรรม...ว่าแต่เย็นนี้คุณครรต้องมาเซ็นเป็นพยานให้ผมด้วยนะ อ้อ แล้วถ้าคุณปลาใหญ่ว่างจะมาช่วยเซ็นอีกคนก็จะดูดีมีสาระขึ้นอีกเยอะ”
“อันนั้นฉันไม่รับรอง แต่จะลองทาบทามให้ ว่าแต่ไม่มีการขอยืมคุณปลาใหญ่นะ”
“ไม่มีการทำให้ใครเดือดร้อนแน่ 6 โมงเย็นนะจ๊ะจ๋า อย่าลืม” เซียนเก็บโทรศัพท์ สีหน้าเปลี่ยนเป็นครุ่นคิด “แล้วเราจะไปเอามาจากไหนตั้ง 3 หมื่นล้าน ปากไวไปหน่อยเพราะอยากจะเอาชนะน้ำงน้ำเพชร”
ปลาใหญ่นิ่วหน้าเรื่องรู้เรื่องเซียนจากครรชิต
“ถ้าไม่ขอยืมผม แล้วมันจะไปเอามาจากไหนนะ”
“ไม่มีการขอยืมแน่ครับ ผมผิดประตูป้องกันไว้หมดแล้ว”
“ผมจะไปเซ็นเป็นพยานให้ อยากรู้เหมือนกันว่านายเซียนจะทำยังไง”
สายไหมพลอยเครียดไปด้วยเมื่อรู้ว่าเซียนสัญญาอะไรกับน้ำเพชร
“ไอ้เซียนเอ๊ยไอ้เซียน ขนาดป้าเปียแชร์ครบทุกมือยังได้แค่ 3 พันเอง”
“ผมไม่เอาเงินใครหรอกน่า แต่ขอให้ป้าช่วยเป็นพยานเท่านั้นเอง มีพยานหลายๆ คนจะได้ดูขลัง ดูเป็นเรื่องเป็นราวดี”
“ไอ้เซียน...ข้าว่าเอ็งลองพิจารณาผู้หญิงอื่นบ้างเถอะวะ อย่าไปทรมานแหงนคอสอยดอกฟ้าอดยู่เลย...ทรมานเปล่าๆ อย่างสายพิณ...”
“ปลาใหญ่รักสายพิณ เพื่อนย่อมไม่แย่งของเพื่อนฉันใด ผมก็จะไม่แย่งสายพิณมาจากปลาใหญ่ฉันนั้น อีกอย่างมันเป็นกุศโลบาย...”
“กุศโลบายอะไรของเอ็ง”
“ผมใช้ความพยายามขนาดนี้ คุณน้ำเพชรเขาอาจจะเห็นใจผมบ้าง”
“ป้าว่า เขาจะคิดว่าเอ็งบ้ามากกว่า”
“เอาน่า ป้าไม่ต้องคิดมาก แค่เซ็นเป็นพยานให้ผมก็พอ”
“เออ”
เซียนเดินออกมาหน้าบ้านจังหวะนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เซียนกดรับ
“ไง คุณคัน ยังข้องใจเรื่องเงิน 3 หมื่นล้านอีกเหรอ”
“ฉันเอง ปลาใหญ่”
“อ้าว ไอ้ big fish นึกว่าจะไม่โทรหาสหายร่วมตายซะแล้ว”
“วิโรจน์หายไปจริงๆ”
“ถ้าไม่หายน่ะซิแปลก ความจริงมันควรจะหายตั้งนานแล้วด้วย นี่แกคงไม่ได้โทรมาให้ฉันตามหาวิโรจน์หรอกนะ”
“ฉันจะโทรมาว่าอย่างนั้นแหละ เราต้องหาศพวิโรจน์ให้พบใสนกรณีที่เขาตายแล้ว เราจะได้โยงเข้าหาศพนั่งยาง ซึ่งสงสัยว่าจะเป็นนายเอ็กซ์อีก”
เซียนนิ่งไป คิดถึงเอ็กซ์ขึ้นมา
“จะลองดูก็แล้วกัน”
อีกด้านหนึ่งที่บ้านสายพิณ ขณะนั้นสายพิณพยายามตั้งสมาธิดูหนังสือ แต่ไม่ค่อยจะได้ผลนัก เพราะสมาธิคอยจะแตกซ่านอยู่เรื่อยๆ สุดท้ายสายพิณก็ต้องวางหนังสือลง
“โฮ้ย...ทำไงดี”
“พิณ ไอ้พิณ”
เสียงลุงป่องร้องเรียก สายพิณลุกเดินไปเปิดประตู
“จ๋า...ลุงป่อง”
“ข้าเปลี่ยนชื่อเป็นอดิศักดิ์ศรีแล้ว”
“ลุงอดิศักดิ์ศรีมีธุระอะไร”
“เย็นนี้เราจะมี Meeting ที่บ้านข้า”
“เนื่องในโอกาสอะไร”
“โอกาสที่ออกจะ Meet”
“มีใครมาบ้าง...”
“ก็พวกเราๆ กันเองทั้งนั้น เจ้ามือเขาสั่งเป็ดไก่มาเต็มที่”
“พิณไม่ไป”
สายพิณปิดประตู
“เฮ้ย...อะไรวะ แค่พูดถึงเจ้ามือก็ปฏิเสธแล้ว”
สายพิณเดินกลับเข้าห้องอย่างหงุดหงิด
“พูดแค่นี้ก็รู้แล้วว่าใคร ฮึ...ทำมาอวดร่ำอวดรวย” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สายพิณหยิบขึ้นมาดู ที่จอโทรศัพท์ขึ้นชื่อ “ปลาใหญ่” สายพิณถอนใจเฮือก “วันๆ มีแต่ชื่อปลาใหญ่โทรมา ประเทศไทยมีแต่ไอ้เจ้าคนนี้เรอะไง”
สายพิณปิดโทรศัพท์ พยายามตั้งสมาธิอ่านหนังสือต่อ
ปลาใหญ่วางโทรศัพท์ลงอย่างเซ็งๆ
“สายพิณไม่ยอมรับโทรศัพท์ผมเลย”
ปลาใหญ่หันมาบอกครรชิต
“คุณปลาใหญ่ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ หรือครับ”
“คุณครรชิตเคยเห็นผมโทรหาผู้หญิงอื่นบ่อยๆ แบบนี้ไหม”
“ไม่เคยครับ”
“นั่นคือคำตอบ”
“อ้อ...อ...อ...”
ปลาใหญ่ลุกเดินออกไปที่หน้าต่าง ทอดสายตามองออกไปข้างนอก
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เพราะผมกำลังคิดจะเอาซีดีของคตุณพ่อมาให้ได้”
“คงยากพิลึกครับ...พราะคุณก้องแกยึดห้องนั้นไปตั้งแต่ก่อนคุณปลาใหญ่จะกลับมาอีก”
“แล้วทำไมคุณครรชิตไม่เอาออกมาเสียตั้งแต่แรก”
“นั่นน่ะซิครับ” ปลาใหญ่ส่ายหน้าแล้วเบือนหน้ากลับไป ขณะที่แฟ้มบนโต๊ะปลาใหญ่ปลิวมาโดนหัวครรชิต “โอ๊ย...” ครรชิตลุกขึ้นฉุนๆ “คราวนี้ไม่รอดแน่”
“อะไรครับ” ปลาใหญ่หันกลับมา
“บุคคลลึกลับต้องแอบเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในห้องนี้”
“บุคคลลึกลับ...”
“ครับ มันคอยตามล้างตามผลาญผม...” ครรชิตพูดพลางเดินหา ก้มหาตามมุมต่างๆ “ตั้งแต่อยู่ที่บ้านตาป่องแล้ว เดี๋ยวขว้างอิฐ ขว้างกาละมัง นี่ปาแฟ้ม” ปลาใหญ่มองครรชิตเซ็งๆ “ทำไมไม่มี”
“ก็เพราะมันไม่มีน่ะซิ”
“ไม่มีจริงๆ ด้วย แล้วทำไมไอ้แฟ้มนี่มันลอยมาที่ผมได้...ใคร...ใครทำ”
ครรชิตมองเลยเรื่อย แล้วมาหยุดที่รูปเกรียงไกรซึ่งวางอยู่บนโต๊ะปลาใหญ่ ภาพนั้นดูยิ้ม ลึกลับ ครรชิตมองดูเกรียงไกรอย่างครุ่นคิด
วันเดียวกันนั้นชายสี่นัดเจอกับรัญญาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“ผมมีข่าวดีมาบอกคุณรันครับ”
“ชายสี่จะแต่งงานเหรอ” ชายสี่สะดุ้ง
“โอ๊ย...เปล่าครับ เอ้อ...”
“งั้นอะไร”
“ผมไปลงเรียนต่อแล้ว...ทิ้งมาตั้งนานคงต้องรื้อฟื้นอีกเยอะ”
“ไม่เป็นไร เรียนจบแล้วคุ้ม”
“เอ้อ...ผมทำเพื่อให้คนที่ผมรักภาคภูมิใจครับ”
“ดีจ้ะ ทำไมชายสี่ไม่พาแฟนมาแนะนำให้ฉันรู้จักล่ะ” ชายสี่ชะงักเพราะนึกว่ารัญญาจะเขินอาย “แต่งงานเมื่อไหร่ต้องบอกด้วยนะจ๊ะ ฉันจะเป็นเจ้าภาพให้ ตอนนี้แฟนเธอทำงานที่ไหนล่ะ”
ชายสี่ได้แต่ยิ้มแห้งๆ พูดไม่ออก
ขณะนั้นปกรณ์อยู่กับเกริกก้องที่ห้องทำงาน เกริกก้องกอดอกมองปกรณ์คุยกับลูกน้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เออ...คอยตามไปอย่าให้คลาดสายตา...อะไรนะ...งั้นนายตามมันไป”
“ให้ไอ้เบ๊โทรตามใหญ่ แล้วลากตัวไอ้ชายสี่ไปสั่งสน” เกริกก้องบอก
“ครับ” ปกรณ์พูดโทรศัพท์ต่อ “โทรตามไอ้ใหญ่ แล้วลากตัวไอ้ชายสี่ไปสั่งสอน...เท่านั้นแหละ”
ปกรณ์ปิดโทรศัพท์
“ใฝ่ต่ำ ทำไมมันใฝ่ต่ำอย่างนี้” เกริกก้องบอกอย่างโมโห
“อาจจะเป็นเพราะว่า เธอยังไม่มีใคร”
“จะมีได้ยังไง ในเมื่อมันติดแหง๊กอยู่กับไอ้บ้านั่น”
“เอ้อ...จันทร์อาจจะช่วยได้”
“ช่วยกะผีอะไร เจอหน้ากันทีไรแทบจะฆ่ากัน นับวันก็ยิ่งเหม็นหน้ากัน”
เกริกก้องเดินกลับมาทรุดตัวลงนั่งอย่างหงุดหงิด
เมื่อแยกจากรัญญาแล้วชายสี่ขี่มอเตอร์ไซค์มาเรื่อยๆ ระหว่างนั้นมีรถปิกอัพคันหนึ่งขับตามมา ชายสี่ขี่รถอย่างใจลอยจึงไม่ทันสังเกตว่ามีรถตาม
“ท่าทางมันขี่รถเหมือนใจลอยๆ ว่ะ...เดี๋ยวเลี้ยวโค้งหน้า แซงให้ล้มเลย แถวนั้นรถไม่ค่อยมี” ใหญ่สั่งเบ๊ซึ่งเป็นคนขับ
พอรถชายสี่เลี้ยวโค้งเบ๊จึงขับแซงแล้วเบียดรถมอเตอร์ไซค์ชายสี่จนล้มลง ใหญ่เปิดประตูรถลงไปทรุดตัวลงข้างชายสี่
“เป็นไงบ้าง” ชายสี่เงยหน้าขึ้นจะตอบแต่แล้วก็สะดุ้ง เพราะใหญ่กดปืนเข้าที่สีข้างชายสี่ “เดินไปขึ้นรถดีๆ” ใหญ่ทำเป็นประคองชายสี่มาที่รถ แต่มือยังกดปืนไว้ที่สีข้าง “ขึ้นไป”
ชายสี่ขึ้นรถ ใหญ่ตามขึ้นไปแล้วปิดประตู เบ๊รีบออกรถทันที
รัญญายังไม่รู้ว่าชายสี่ถูกใหญ่จับตัวไป เพราะขณะนั้นเธอขับรถมาอีกทาง สีหน้าเหมือนกำลังใคร่ครวญครุ่นคิดบางอย่าง ในที่สุดรัญญาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาดาริกา
“จะโทรมาเยาะเย้ยอะไรอีกล่ะ”
ดาริกาถามเสียงห้วน
“ตอนนี้ปลาใหญ่กลับมาทำงานแล้ว ปลาใหญ่ตัวจริงด้วย”
“อะไรนะ”
“เธอน่าจะมาคุยกับปลาใหญ่นะ เขาอาจช่วยแก้ปัญหาให้ได้ ...โทรมาบอกแค่นี้แหละ”
รัญญาปิดโทรศัพท์ขับรถเลี้ยวลับไป
ชายสี่ถูกพามาในซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง เบ๊ลงจากรถขณะที่ใหญ่ลากชายสี่ลงมา
“จะทำอะไรผม เราไม่เคยมีเรื่องกันนะ” ใหญ่ต่อยโครม ชายสี่ร้องลั่นแล้วทรุดลงไป เบ๊ดึงตัวขึ้นมาต่อยใหม่ “เฮ้ย...ไม่พอใจเรื่งอะไรก็บอกกันก่อนซิโว้ย”
ใหญ่กับเบ๊สลับกันต่อยชายสี่จนชายสี่ลุกไม่ขึ้น พูดไม่ออก
“อย่ายุ่งกับคุณรัน จำเอาไว้” เบ๊บอก ชายสี่ชะงักมองหน้าเบ๊
“ถ้าไม่เชื่อ คราวหน้าตาย”
ชายสี่หันกลับมามองใหญ่ ใหญ่กระทืบชายสี่อีกทีแล้วขึ้นรถ เบ๊กระทืบชายสี่อีกทีแล้วขึ้นรถขับออกไป ชายสี่พยายามชะเง้อมองก่อนจะฟุบกับพื้น
ขณะนั้นปลาใหญ่กำลังอ่านรายงานต่างๆ อยู่กับครรชิต
“โอ้โฮ...คุณก้องนี่ไม่คิดจะแบ่งให้ใครทำมาหากินบ้างเลย”
“ซึ่งผิดเจตนารมณ์ของคุณพ่อ” ปลาใหญ่วางแฟ้มลง “พูดถึงคุณพ่อ ผมต้องได้ซีดีมาในวันสองวันนี่แล้ว ถึงแม้เราจะแก้ปัญหาเรื่องนายเซียนไปเซ็นสัญญากับอาก้องได้ แต่ที่ผมทำเอาไว้มันแก้ไม่ได้ ซึ่งเหลือเวลาเพียง 2 สัปดาห์กว่าๆ เท่านั้นก็จะครบปีแล้ว ผมมั่นใจว่าท่าต้องมีหลายๆ อย่างที่จะบอกผม”
“เป็นไปได้ครับ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น รัญญาเปิดประตูเข้ามา
“พี่ดีใจที่ปลาใหญ่กลับมา...”
“ขอบคุณครับ”
ครรชิตกระแอม
“อะไรติดคอเรอะ คุณครรชิต”
“สงสัยจะเป็นแมงเม่าครับ แทนที่แมงเม่าจะบินเข้ากองไฟดันบินเข้าปาก”
“ขอถามหน่อย มีปรัชญาอะไรแฝงอยู่ในคำพูดคุณครรชิตมั้ย หรือว่าผีเจาะปากให้พูด”
“สงสัยจะเป็นอย่างหลังครับ”
“พี่รันมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า” ปลาใหญ่ตัดบท
“ไม่มี...ก็แค่อย่างที่บอก พี่ดีใจที่เธอกลับมา มีอะไรจะให้ช่วยก็บอก”
“ขอบคุณ”
“แต่ถ้าไม่ไว้ใจพี่ก็ไม่เป็นไร”
รัญญาเดินกลับออกไป
“อย่าไว้ใจเชียวนะครับ” ครรชิตรีบบอก
“คุณครร”
“ครับ”
“ผมรู้”
“ครับ”
ปลาใหญ่อ่านแฟ้มต่อ
เซียนอยู่วินมอเตอร์ไซค์ โทรศัพท์ของเซียนดังขึ้นเซียนหยิบขึ้นมาดูอย่างแปลกใจ
“เบอร์ใคร...ฮัลโหล...”
“ไปดูที่ซอบสบายอุรา” ใหญ่บอกแล้วตัดสายทิ้ง เซียนทำหน้าแปลกใจ
“ใครก็ไม่รู้โทรมาบอกให้ไปดูที่ซอยสบายอุรา”
เซียนหันมาบอกเพื่อนๆ
“ไปดูทำไมวะ” ลุงป่องถามอย่างแปลกใจ
“เฮ้ย...ไม่ต้องไปดู เสียเวลาทำมาหารับประทาน” มอมบอก
“ไปดูหน่อยก็ดีนะครับ เผื่อมีใครมาวางระเบิด” ป๋องบอก
“ใครวางก็ช่างศีรษะมันทำไมล่ะ”
“เฮ้ย...เฮ้ย...มันโทรมาบอกเราเพราะอาจจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเรา...ไปดูหน่อยก็ดีวะ”
ทุกคนขึ้นมอเตอร์ไซค์
“ช้าก่อน” ทุกคนหันมามองเซียน “ อย่าเฮละโลไปกันหมด ต้องแบ่งไว้ทางนี้บ้าง เราไม่รู้ว่ามันมีจุดประสงค์อะไร”
ทั้งหมดตกลงกัน เซียนกับมอมไปดูที่ซอยสบายอุรา ส่วนลุงป่องกับป๋องอยี่ที่วิน
เซียนกับมอมขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาในซอยสบายอุรา ระหว่างขี่เข้ามาทั้งคู่คอยมองซ้ายมองขวาตลอดทาง
“ไม่เห็นจะมีอะไร เอ็งถูกหลอกแล้วละมั้งไอ้เซียน”
เซียนไม่ตอบ เหลียวมองไปโดยรอบๆ แล้วสายตาก็ไปเห็นร่างๆ หนึ่งนอนคว่ำหมอบอยู่
“โน่น”
มอมมองตามแล้วขี่มอเตอร์ไซค์ตามเซียนมาหยุดที่ร่างๆ นั้น
“ชายสี่” ทั้งคู่อุทานออกมาพร้อมกัน
ทั้งคู่รีบลงจากรถไปดูชายสี่ ซึ่งถูกต่อยจนหน้าตาบวมช้ำ มอมขบกรามแน่น
“ไอ้ชาย...ใครทำไอ้ชาย” ชายสี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา “ใครทำอะไรเอ็ง ชายสี่ บอกข้ามา”
“พามันไปหาหมอก่อน เร็ว ช่วยกัน”
เซียนกับมอมช่วยกันประคองชายสี่ขึ้นมา
ลุงป่องโทรบอกครรชิตเรื่องชายสี่ ครรชิตมีสีหน้าตกใจมาก
“อะไรนะ ชายสี่น่ะเรอะ...เออ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้...ไหนนะ...อ๋อ....อ๋อ...อ๋อ...”
ครรชิตวางหูจากเซ๊ยน ปลาใหญ่จึงถามอย่างแปลกใจ
“ใครเป็นอะไร คุณครรชิต”
“เจ้าป่องโทรมาบอกว่า ชายสี่ถูกซ้อมจนต้องเข้าโรงพยาบาลครับ”
ปลาใหญ่มีสีหน้าตกใจ
“อาการหนักหรือเปล่า”
“เห็นบอกว่า ยังไม่ถึงตายครับ”
“รู้แล้ว”
“ขอโทษครับ ผมพูดยังไม่จบครับ ตอนนี้พวกเจ้าป่องเขาพากลับบ้านแล้ว”
ปลาใหญ่เดินไปที่ประตู ครรชิตรีบเดินตามไป
ที่บ้านลุงป่อง เซียนกับลุงป่องนุ่งปรึกษากันอยู่ที่หน้าบ้านโดยมีสายพิณนั่งฟังเงียบๆ จนกระทั่งปลาใหญ่กับครรชิตเดินเข้ามาอย่างรีบร้อย ครรชิตหิ้วซุปไก่กับรังนกมาเต็มสองมือ
ปลาใหญ่กับสายพิณสบตากัน สายพิณเมินหน้าไปอีกทางอย่างหมางเมิน ในขณะที่ปลาใหญ่มีแววตายินดี กระตือรือร้นแต่ต้องเก้อไป
“ไป...ลุงป่อง พาคุณคันเข้าไปกัน ปลาใหญ่รออยู่นี่ก่อน ข้างในร้อนแล้วก็แคบด้วย” เซียนบอก
“มาคราวหน้าว่าจะติดแอร์ รับ...ไป คุณครร”
ลุงป่องกับเซียนลากครรชิตเข้าไปในห้อง ปลาใหญ่กับสายพิณได้แต่อ้าปากค้างมองตามงงๆ ปลาใหญ่หันมามองสายพิณ
“พวกเจ้าเล่ห์”
สายพิณต่อว่าแล้วลุกขึ้นจะเดินไป ปลาใหญ่รีบเดินมาขวางไว้
“เดี๋ยว...สายพิณ”
“ถอยไป”
“ไม่ วันนี้เราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง ถ้าไม่พอใจก็ผลักผมเลย”
สายพิณผลักปลาใหญ่ทันที ปลาใหญ่เซถลาหกล้ม
“ไง นึกว่าฉันไม่กล้าผลักมหาเศรษฐีเรอะ”
“เปล่า ผมนึกว่าคุณไม่กล้าผลักสามี” ปลาใหญ่พูดพลางลุกขึ้นเผชิญหน้า สายพิณมองปลาใหญ่เบิกตากว้าง “ตายิ่งโตอยู่แล้ว เดี๋ยวได้ถลนออกมาหรอก”
“ไอ้...ไอ้...ปลาใหญ่”
“รู้หรือว่าเปล่าว่า...”
“ไม่รู้ แล้วก็ไม่ต้องการรู้อะไรทั้งนั้น”
สายพิณสะบัดหน้าเดินออกไป ปลาใหญ่มองตามด้วยสีหน้าหนักใจ
ภายในบ้านขณะนั้นมอมกับป๋องแกะซุบไก่กับรังนกส่งให้ชายสี่ แต่ชายสี่ส่ายหน้า
“ยังกินไม่ลง”
“ว้า เสียดายของ กินเองละกันวะ” มอมบอกอย่างเสียดาย
“ถูก” ป๋องเห็นด้วย จากนั้นทั้งคู่ก็กินแทนชายสี่ ขณะที่ปลาใหญ่เดินเข้ามา
“ดูมัน”
“จำหน้าพวกมันได้มั้ย” ครรชิตถามชายสี่
“ติดตาเลย แถมมันยังบอกว่าห้ามยุ่งกับคุณรันอีก”
“ฮ้า” ทุกคนร้องออกมาพร้อมกัน
“แล้วทำไมเอ็งไม่บอกตั้งแต่ตอนแรกวะ”
“มันมึนๆ เพิ่งนึกออก”
“ไม่มีใครล่ะ นอกจากอาก้อง” ปลาใหญ่บอกอย่างมั่นใจ
“และไอ้ก่อน...ก๊อน” เซียนหมายถึงปกรณ์
ค่ำวันเดียวกันนั้นที่บ้านปลาใหญ่ เกริกก้อง จันทร์ทิพย์ ปกรณ์ รัญญากำลังนั่งกินข้าวกันเงียบๆ โดยมีสมทรงกับสมศรีคอยเสิร์ฟ ปลาใหญ่กับครรชิตเดินเข้ามา เกริกก้องมองแล้วสบตากับจันทร์ทิพย์
“กินข้าวมาหรือยัง ปลาใหญ่” รัญญาถาม
“อาก้อง ทำไมอาก้องต้องให้คนไปทำร้ายชายสี่ด้วย”
ปลาใหญ่ถามขึ้นมา ทุกคนชะงักโดยเฉพาะรัญญาหันขวับไปมองพ่อทันที
“คุณพ่อ”
“คุณปลาใหญ่เอาอะไรมาพูดครับ” ปกรณ์แกล้งถาม
“เอาความจริงมาพูดไง...ไอ้สองคนนั่นมันซ้อมชายสี่แล้วยังย้ำไม่ให้ยุ่งกับพี่รัน”
“ทำไมคะ คุณพ่อ”
“เพราะแกมันใฝ่ต่ำไง ผู้ชายดีๆ ตั้งมากมายไม่คบ ดันไปคบกับไอ้ชายสี่”
“รันไม่ได้คิดกับชายสี่อดย่างนั้น เขาเป็นเพื่อนรันคนนึง...ปลาใหญ่ เขาเจ็บมากไหม” รัญญาหันไปถามปลาใหญ่
“ก็ไม่น้อยหรอกครับ”
“ปลาใหญ่ พาพี่ไปเยี่ยมเขาหน่อย” รัญญาลุกขึ้น เกริกก้องลุกตามทันที
“ฉันไม่ให้แกไป”
“รันต้องไปค่ะ คุณพ่อให้คนไปทำร้ายเขา”
“น้องรัน...อย่าขัดใจคุณพ่อเลยนะคะ”
“ไม่ต้องมายุ่ง น้าจันทร์นั่นแหละตัวดี” รัญญาหันมาตวาดจันทร์ทิพย์
“ตายแล้ว...” จันทร์ทิพย์ทำหน้าตกใจ รัญญาขยับเดินไปหาปลาใหญ่
“ถ้าไป แกกับฉันขาดกัน”
รัญญา ปลาใหญ่ ครรชิตมองเกริกก้องอย่างตกใจ ขณะที่จันทร์ทิพย์ ปกรณ์ สบตากันยิ้มๆ
“รันไม่เข้าใจ เรื่องแค่เนี้ย คุณพ่อถึงกับจะตัดขาดรันเชียวหรือคะ”
“ก็ลองไปซิ” รัญญายกมือปิดหน้า แล้ววิ่งร้องไห้กลับขึ้นห้อง เกริกก้องหันมามองปลาใหญ่ “แกจะใฝ่ต่ำยังไงมันก็เป็นเรื่องของแก แต่อย่ามาชักชวนให้ลูกสาวฉันเห็นดีเห็นงามด้วยเด็ดขาด” ปลาใหญ่กับครรชิตหันหลังเดินออกไป “โชคดีที่พ่อแกชิงตายไปซะก่อน” ปลาใหญ่กับครรชิตชะงักหันกลับมา “ไม่งั้นคงอกแตกตายแน่ที่เห็นแกไปมั่วอยู่กับพวกคนชั้นต่ำ”
“สำหรับผม คนทุกคนเท่าเทียมกันไม่มีชั้นสูงชั้นต่ำ คุณพ่อก็ไม่ใช่พวกที่ชอบแบ่งชั้นวรรณะ ท่านเคยบอกผมว่าท่านใช้ความดีแบ่งคน ไม่ใช่ความจนหรือความรวย คนจนๆ ที่จิตใจดียังมีคุณค่ากว่าคนร่ำรวยที่ใจดำอำมหิต ฆ่าได้แม้แต่ผู้มีพระคุณ”
“แกว่าใคร”
“อาก้องลองคิดดูเองซิครับ”
ปลาใหญ่กับครรชิตเดินออกไป เกริกก้องมองตามอย่างแค้นสุดๆ
โปรดติดตาม "แสบสลับขั้ว" ตอนอวสาน อย่างระทึก