xs
xsm
sm
md
lg

ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 2 
ตุ๊กเดินวนไปวนมาอยู่ในบ้านด้วยความกังวล ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ตุ๊กรีบวิ่งไปรับ
“เป็นยังไงบ้าง คงยังไม่เสร็จไอ้โซ่นั่นหรอกนะ”
ขิงคุยโทรศัพท์สาธารณะอยู่ในเกสต์เฮ้าส์
“เสร็จซิ ทำไมจะไม่เสร็จ”
“ห๊า !! อย่าบอกนะว่า..โธ่แล้วชั้นจะมีหน้าไปบอกใครยังไงเนี่ย ถ้าเค้ารู้ว่า...”
“น้าตุ๊ก ..ชั้นไม่ได้เสร็จอย่างนั้น เสร็จน่ะโดนหลอกไม่เสร็จต่างหาก หนอย ..ให้เงินแค่พันยูโร แต่ใช้งานยังกับทาส แค่เสื้อผ้าก็ยังถอดเองไม่ได้ .. นี่เดี๋ยวชั้นยังต้องไปอาบน้ำให้มันอีกนะ ...มือเท้าก็ไม่ได้พิการซักหน่อย ทำไมถึงทำเองไม่ได้ก็ไม่รู้”
เจ้าของเกสต์เอ้าส์เดินเอากาน้ำร้อนมายื่นให้ขิง
“..ชั้นแค่โทรมาบอกว่าน้าไม่ต้องเป็นห่วง ชั้นไปล่ะ”
ขิงวางโทรศัพท์แล้วรับกาต้มน้ำร้อนมา ก่อนจะรีบวิ่งออกไป
ตุ๊กยิ้มเพราะหายกังวล
“งั้นก็ค่อยหายกังวลไปหน่อย ว่าไม่เป็นอะไร” ตุ๊กนึกขึ้นได้ “แต่เมื่อกี้บอกว่าจะต้องเข้าไปอาบน้ำให้มัน.....ห๊า !!! อาบน้ำงั้นเหรอ ขิง !!!”
ตุ๊กถึงกับตาเหลือก

ขิงเดินถือกาน้ำร้อนเข้ามาในห้องน้ำ เธอมองโซว์ที่นอนแช่อยู่ในอ่างน้ำซึ่งมีฟองเต็มไปหมด โซว์นอนอย่างมีความสุขพร้อมกับฟังเพลงโอเปร่าจากไอพอดไปด้วย ขิงเอาน้ำร้อนเทใส่กะละมังก่อนจะแอบมองโซว์ด้วยความหมั่นไส้
“น้ำร้อนน่ะได้รึยัง ชักช้าจริงเชียว” โซว์ว่า
“ได้แล้วครับ” ขิงพึมพำ “ท่าทางมีความสุขซะจริงนะ เจ้าชายในเกสต์เอ้าส์”
“ดี !!งั้นก็เอาผ้าขนหนุชุบน้ำร้อนบิดหมาด แล้วก็มาถูหลังให้ชั้น 100 ครั้ง”
“แล้วผมยังต้องทำอะไรให้ท่านอีกมั้ยครับ สระผม ขัดเล็บ ถูขึ้ไคล ล้างก้น”
“อย่างหลังนายคงไม่ต้องทำ แต่ที่เหลือชั้นจะบอกเองว่าต้องทำเมื่อไหร่ เอ้า...ถูหลังได้แล้ว”
ขิงเซ็งจึงเข้าไปถูแรงๆเร็วๆ “ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10...”
“นี่นายทำให้มันช้าๆ เป็นจังหวะซิ แล้วก็เบาๆ หลังคนนะไม่ใช่พื้น ...ขัดซะแรงเลย”
“แหะ..แหะ ...” ขิงถูช้าลง “1.......2..........3.........4..........”
ขิงมองโซว์ที่นอนสบายใจอยู่ในอ่างด้วยความหมั่นไส้

โซว์ที่นุ่งผ้าขนหนูเรียบร้อยแล้วกำลังยืนกางแขนกางขาให้ขิงเช็ดตัวให้
“เดี๋ยวเช็ดตัวเสร็จนายก็แต่งตัวให้ชั้น แล้วก็ไปเตรียมเตียงสำหรับนอน ไปเอานมสดอุ่นอุณหภูมิห้องมาให้ชั้นดื่มด้วย แล้วพรุ่งนี้เช้าพอชั้นตื่นมา นายต้องเตรียมน้ำอุ่นสำหรับล้างหน้า แปรงสีฟันที่มียาสีฟังบีบไว้เรียบร้อยแล้ว ยาสีฟันประมาณเม็ดข้าวโพด”
ขิงเริ่มทนไม่ไหว “โอ๊ย...พอแล้ว..เรื่องพวกนี้นายทำเองก็ได้นี่ ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้คนอื่นเลย”
“ก็ชั้นไม่เคยทำ มีคนทำให้ตลอด”
“งั้นนายก็ควรจะหัดเริ่มทำได้แล้ว ...ตอนนี้นายมีเงินนายอาจจะจ้างใครต่อใครได้ แต่ถ้านายไม่มีล่ะ นายจะทำยังไง งานที่นายบอกไม่ใช่เรื่องยากลำบากที่จะทำเองเลยนะ”
“แสดงว่าคนธรรมดาๆแบบนายทำเรื่องอย่างนี้เอง”
ขิงมองโซว์ด้วยความหมั่นไส้
“แหม..คนธรรมดาๆ เรียกซะแบ่งชั้นวรรณะเลยนะ อย่าบอกนะว่านายคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชายจริงๆ”
“เปล่า ไม่ได้คิด” โซว์บอก
“ก็ดี เพราถ้าในโลกนี้มีเจ้าชายนิสัยงี่เง่าอย่างนาย จ้างให้ชั้นก็ไม่นับถือ”
โซว์ได้ฟังก็รู้สึกเครียด ขิงเช็ดตัวให้โซว์และแต่งชุดนอนให้จนเสร็จเรียบร้อย แล้วเธอก็ไปหยิบผ้าปูมาปูนอนที่พื้น โซว์มองขิงแล้วครุ่นคิด

บรรยากาศยามเช้าในกรุงเทพเต็มไปด้วยผู้คนที่เร่งรีบ แม่ค้าที่มาขายของแต่เช้า พระเดินบิณฑบาต และเด็กวัดตัวเล็กๆ คอยตามหิ้วของให้ ภาพเหล่านั้นถูกบันทึกไว้โดยกล้องถ่ายรูปของโซว์

โซว์เดินถือกล้องกลับเข้ามาในห้อง เขาเห็นขิงยังนอนหลับสบายแบบอีเหละเขระขระอยู่ในห้อง โซว์ส่ายหน้าก่อนจะเข้าไปปลุก
“นี่ ..บอย ตื่นได้แล้ว”
ขิงงัวเงียตื่นขึ้นมา
โซว์สั่งทันที “รีบไปเตรียมอาหารเช้าให้ชั้นได้แล้วชั้นหิวแล้ว”
ขิงค่อยๆลืมตาเห็นหน้าโซว์อยู่ใกล้ๆ ก็ตกใจจนลืมตัว
ขิงพูดเสียงผู้หญิงเพราะตกใจเต็มที่ “นี่นายทำอะไรชั้นน่ะ”
โซว์ได้ยินถึงกับผงะ ขิงรู้สึกตัวก็ทำหน้าเลิ่กลั่ก
“ทำไม นายเสียงเหมือนผู้หญิงจัง”
“เอ่อ.คือแบบว่า แบบ ตอนเช้า..เสียงผมจะเปลี่ยนน่ะครับ แต่พอสักพักก็จะหาย” ขิงกระแอมแล้วทำเสียงต่ำ “นี่ไงครับ”
“งั้นก็ค่อยยังชั่ว อย่าทำเสียงแบบนั้นอีกล่ะ ชั้นตกใจ”
“ครับ..แล้วนี่จะทานเลยหรือว่าจะอาบน้ำก่อน” ขิงพูดแดกดัน “ผมจะได้ถอดชุด เตรียมน้ำ เตรียมสบู่ให้”
โซว์คิด “นายไปเตรียมแค่อาหารเช้า นอกนั้นชั้นจัดการเอง”
“ถามจริงๆเถอะ เกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมา”
“ก็ที่นายพูดเมื่อคืนน่ะ ชั้นลองๆคิดดูมันก็จริงอย่างที่เธอพูดนะ กะอีแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ สำหรับตัวชั้น ชั้นยังทำไม่ได้ แล้วจะกลับไปปกครองประเทศได้ไง”
ขิงทวนคำด้วยความแปลกใจ “กลับไปปกครองอะไรนะ”
“ปกครองอะไรก็ช่างเถอะ เธอรีบตื่นนอนแล้วอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วกัน”
โซว์เดินหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำ ขิงมองตามอย่างขำๆ
“แหม..เรียกเจ้าชายเข้าหน่อย ทำเป็นเพี้ยนจะปกครองประเทศ ประสาท”
ขิงมองตามแล้วหัวเราะโซว์อย่างหมั่นไส้

ตุ๊กเดินวนไปวนมาด้วยความกังวลอยู่ด้านหน้าเกสต์เฮาส์ ขิงเดินออกมา ตุ๊กรีบวิ่งเข้าไปสำรวจ
“เป็นยังไงบ้างวะ มีอะไรเสียหายบุบสลายไปบ้าง”
“ไม่มีหรอก คนอย่างขิงใครทำอะไรไม่ได้ง่ายๆหรอก”
ตุ๊กถอนหายใจ “งั้นก็โล่งอก ...แล้วนายโซ่ทำอะไรอยู่”
“หึ ก็นั่งละเลียดอาหารเช้าน่ะซิ เอาอเมริกันเบรกฟาสต์ไปให้ก็บอกว่าเบื่อ ทำออมเล็ทก็ว่าเหม็น สุดท้ายไปซื้อโจ๊ก กับปาท่องโก๋ปรากฏว่าชอบ”
“เออ..ก็ดีอยู่ง่ายกินง่ายอย่างนี้ ดูแลง่ายหน่อย”
“กินน่ะง่าย แต่อยู่ยาก เตียงไม่ตึงก็นอนไม่ได้ แอร์หนาวไปก็ไม่ชอบ เสื้อยับซักนิดก็ไม่ใส่ อยากรู้นักว่าไอ้คนประเทศนั้นมันจุกจิกขนาดนี้ทุกคนรึเปล่าเนี่ย นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเงินนะ ขิงไม่ทำหรอก”
“เออ..ก็ท่องไว้ เงิน..เงิน..เงิน.....แล้ววันนี้จะพามันไปเที่ยวไหน”
ขิงยิ้มร้าย “ชั้นว่าจะพามันไปออนทัวร์แถวนี้แหละ ....แล้วชั้นก็มีแผนเด็ดที่จะทำให้เราหาเงินเข้ากระเป๋าเร็วขึ้น”
“จะดีเหรอขิง”
“ดีซิ ก็มันอยากใช้เรามากนัก ชั้นก็ต้องได้ค่าตอบแทนที่มันคุ้มหน่อยซิ หรือว่าน้าไม่เอา”
“โธ่ เรื่องได้เงินน่ะว่าไงว่าตามกันอยู่แล้ว”
ตุ๊กและขิงจับมือร่วมมือกันอีกครั้ง ขิงยิ้มด้วยสีหน้าร้ายกาจสุดๆ

ขิงเดินพาโซว์ไปขึ้นรถตุ๊กตุ๊กของตุ๊กที่เตรียมพร้อมรอเดินทาง
"เชิญครับ วันนี้ทัวร์สบายใจไทยแลนด์ ขอนำท่านเที่ยวชมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสร้างศิริมงคลให้กับตัวเอง ด้วยการไปไหว้พระ 9 วัด นายไหว้ได้รึเปล่า" ขิงถาม
"ไหว้ได้ซิ ชั้นไม่มีปัญหา แต่เดี๋ยวก่อน ทำไมจะต้องไปไหว้พระตั้งเก้าวัดด้วย ไปแค่วัดเดียวไม่ได้รึไง เสียเวลาแย่"
"วัดเก้าวัดที่จะพาไปไหว้เนี่ยก็มีความศักดิ์สิทธิ์ ในแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน บางวัดก็ไหว้เพื่อเสริมเรื่องงาน บางวัดก็เรื่องอำนาจบารมี บางวัดก็เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุข"
"แล้วทำไมต้องเก้าด้วย"
"เลข 9 เป็นเลขมงคลของไทย เก้า หมายถึง ก้าว ที่แปลว่าเคลื่อนไปข้างหน้า แสดงว่าชีวิตเราจะก้าวไปข้างหน้า หรือดีขึ้นเรื่อยๆ"
"อ๋อ เข้าใจแล้ว …คนไทยลึกซึ้งจริงๆ น่าชื่นชม"
โซว์ยิ้มก่อนจะรีบขึ้นรถไป ขิงหันไปมองหน้าตุ๊กก่อนจะส่ายหน้าและแอบบ่น
"อย่างนายนี่ไหว้พระทั่วกรุงเทพ คงจะไม่ดีขึ้นหรอก"
ขิงรีบขึ้นรถตามไป ตุ๊กขับรถออกไป

พระประธานในโบสถ์ตั้งตระหง่าน โซว์และขิงเดินเข้ามาในโบสถ์ โซว์มองบรรยากาศในโบสถ์ที่มีทั้งคนมาไหว้พระ สวดมนต์ และทำสมาธิด้วยความตื่นเต้นแต่ก็สำรวม ขิงพาโซว์ไปนั่งขัดสมาธิอยู่ที่มุมหนึ่ง ขิงไหว้พระ โซว์จะไหว้ตามแต่ก็ก้มไม่ได้เพราะติดที่ท่านั่ง ขิงมองแล้วส่ายหน้า
"นั่งอย่างนั้นมันจะไปไหว้ได้ยังไง คนไทยเวลาไหว้พระเค้าจะนั่งกันแบบนั้น" ขิงชี้ไปที่ชายหญิง คู่หนึ่งที่กำลังไหว้พระ "เรียกว่าท่าเบญจางคประดิษฐ์"
"หมายความว่ายังไง" โซว์ถาม
"เบญจางคประดิษฐ์ ก็คือ การกราบโดยที่อวัยวะ ทั้ง 5 แตะลงที่พื้น คือ เข่าทั้งสอง ฝ่ามือทั้งสอง และหน้าผาก ผู้ชายกับผู้หญิงจะต่างกัน ผู้ชายนั่งท่าเทพบุตร" ขิงนั่งให้ดู "ส่วนผู้หญิงนั่งท่าเทพธิดา" ขิงนั่งให้ดู "แบบนี้"
โซว์พยายามทำแต่ก็ดูติดๆขัดๆ ขิงมองอย่างเซ็งๆ ก่อนจะจับมือโซว์ที่ยกต่ำลงไปให้สูงขึ้น แล้วหุบนิ้วที่กางเข้ามาให้เรียบร้อย ขิงตีที่ขาของโซว์ที่ยังนั่งไม่ถูก ขณะกำลังจัดท่าให้โซว์ขิงรู้สึกว่าตัวเองโดนตัวโซว์มากไปจึงเริ่มเขิน ขิงรีบผละออก
โซว์มองอย่างงงๆ "ชั้นทำถูกแล้วใช่มั้ย"
"นายอยากจะไหว้ยังไงก็ไหว้ๆไปเถอะ"
"ถ้าไหว้ยังไงก็ได้ แล้วนายจะมาสอนชั้นแต่แรกทำไม น้ำขึ้นน้ำลงทำตัวแปลกๆ"
ขิงโกรธ เธอรีบนั่งแล้วไหว้พระแต่ลืมตัวจึงนั่งท่าผู้หญิง โซว์มองขิงงงๆ
"อ้าว แล้วทำไมนายนั่งท่าผู้หญิงล่ะ ก็นายบอกเองว่าผู้ชายนั่งแบบนี้"
ขิงตกใจ "ผมก็ลืมมั่งซิ !! ถามมากจริง"
"ชั้นจ้างนายมาตอบ ...ถ้าไม่อยากตอบเดี๋ยวชั้นจ้างคนอื่นก็ได้"
ขิงโมโหและหงุดหงิด เธอรีบเปลี่ยนท่าไหว้ก่อนจะรีบไหว้พระแล้วรีบลุกออกไปทันที โซว์รีบไหว้ก่อนจะลุกตามออกไป

โซว์รีบเดินตามขิงออกมานอกโบสถ์ ขิงงอนจึงรีบเดินเร็วขึ้น โซว์เร่งฝีเท้าตาม
"จะเดินเร็วไปไหน ชั้นเดินไม่ทันนะ"
"ตามมาทำไม จะไปจ้างคนอื่นไม่ใช่เหรอ ก็ไปจ้างซิ คิดว่าง้อเหรอ"
"นี่ !! เรื่องงอนน่ะให้พวกผู้หญิงเค้าทำเถอะ ผู้ชายทำแล้วมันน่าขนลุก" โซว์ขนลุกขึ้นมาจริงๆ "อึ๊ย !!!”
ขิงชะงักแล้วพูดไม่ออก
"ถ้าว่าผมอีกคำเดียว ผมจะไม่ทำงานให้แล้วนะ คนอะไรก็ไม่รู้จู้จี้จุกจิก ขี้บ่น แถมยังใช้งานอย่างกับทาส คิดว่าเงินที่นายให้มันมากตายละ" ขิงว่า
"จะโก่งค่าตัวอีกรึไง"
"ผมไม่โก่งให้คุณมาดูถูกอีกหรอก"
โซว์ถอนหายใจแล้วส่ายหน้า "นายนี่นิสัยเหมือนผู้หญิงจริงๆ อะไรนิดอะไรหน่อยก็งอน ก็โกรธ เรามาเที่ยวมาทำบุญจะมาทะเลาะกันทำไม เอาเถอะ ชั้นก็ไม่รู้ว่านายโกรธอะไรนะ เอาเป็นว่าชั้นขอโทษละกันนะ"
ขิงไม่ตอบแต่ยืนบิดไปบิดมา
"เป็นอะไร" โซว์ถาม
"สงสัยข้าศึกมันจะบุก"
โซว์ตกใจ "ข้าศึกเหรอ ข้าศึกที่ไหน" โซว์แปลกใจ "เค้าก็ไม่เห็นแจ้งข่าวเตือนประชาชนเลยนี่"
"ใครว่าข้าศึกแบบนั้นล่ะ ข้าศึกที่นี่" ขิงชี้ไปที่ก้นตัวเอง
"อ๋อ .. " โซว์หัวเราะ
ขิงอาย "งั้นผมไปห้องน้ำก่อนนะ"
ขิงรีบวิ่งออกไป โซว์จับที่ท้องตัวเอง
"หรือข้าศึกเราจะบุกเหมือนกัน"

ขิงวิ่งตัวสั่นมาที่หน้าห้องน้ำ เธอกำลังจะวิ่งเข้าห้องน้ำหญิงแต่เห็นโซว์วิ่งตามมา
ขิงเซ็ง "จะตามมาอีกทำไมเนี่ย"
โซว์วิ่งตามมาจนทัน "พอดีข้าศึกชั้นก็บุกเหมือนกัน"
โซว์เดินเข้าห้องน้ำชาย ขิงจะเดินเข้าแต่ก็ไม่กล้า ไม่รู้ว่าจะเข้าห้องไหนระหว่างห้องน้ำชายหรือห้องน้ำหญิง โซว์เห็นขิงยืนลังเลไม่ยอมเข้าก็เร่ง
"จะยืนรออะไรอยู่ล่ะ เดี๋ยวค่ายทหารก็แตกหรอก"
โซว์ดึงขิงเข้าไปในห้องน้ำ ขิงพยายามขัดขืนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

ขิงเดินเข้ามาเห็นผู้ชายยืนฉี่ เธอก็กล้าๆกลัวๆ จนต้องรีบหันหลังเพราะไม่กล้ามอง โซว์จะเข้าไปฉี่แต่พอเห็นขิงลังเลก็แปลกใจ
"เอ้า...เป็นอะไรข้าศึกยกกองกลับเหรอ"
"ใครบอกว่าอย่างนั้นเล่า"
ขิงไม่รู้จะทำยังไงจึงรีบชิงวิ่งเข้าห้องน้ำก่อนจะปิดประตูเสียงดัง โซว์มองตามแล้วก็เข้าใจ
"อ๋อ ข้าศึกโจมตี หมายถึงอย่างนี้เอง"

ขิงยืนเอาน้ำสะอาดล้างตาอยู่ โดยมีตุ๊กถือผ้าขนหนูยื่นให้
"ซวยจริงๆ อยู่ดีๆก็ต้องเข้าไปในห้องน้ำชาย" ขิงเล่า
"เอาวะ ถือว่าแกโชคดีกว่าผู้หญิงคนอื่นแล้วกัน จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ได้มีโอกาสเข้าไปในดินแดนต้องห้ามของผู้ชายอย่างนี้"
"น้าช่วยแยกๆเค้าออกจากชั้นบ้างได้มั้ย ชั้นก็กลัวเหมือนกันนะว่านายนั่นมาอยู่ใกล้ๆ มากๆ แล้วจะรู้ว่าชั้นเป็นผู้หญิง"
"ก็น้าเตือนเอ็งแล้วไม่รู้จักฟังตั้งแต่แรก ทีมีปัญหาละจะให้ช่วย"
"แล้วจะช่วยรึเปล่า"
ตุ๊กยิ้มล้อ "ไม่ช่วย !”

ปรีชานั่งดูวีดีโอที่ปีเตอร์ไล่ปล้ำพัชรีก่อนจะถูกเตะลงไปกองสลบด้วยความสะใจ
"นี่มันอะไรของคุณเนี่ย" ปรีชาถาม
"คือ พัชรีก็คิดอยู่หลายวันนะคะว่าจะเอามาให้หัวหน้าดูดีรึเปล่า แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจเอามาให้ดู"
ปรีชายิ้ม "สุดยอดพัชรี ในที่สุดคุณก็สามารถเจาะลึกถึงวงในได้ขนาดนี้"
"จริงเหรอคะบอส พัชทำทุกอย่าง เกือบต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อทำข่าวนี้จริงๆ"
"ดีน่ะมันดี" ปรีชาโวย "แต่ภาพแบบนี้จะเป็นข่าวได้ไง สั่นคลอนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ"
"อ้าว !! มันใช้ไม่ได้เหรอคะ"
"อย่างน้อยเราก็ได้ประเด็น ว่า เจ้าชายแห่งนิวแลนด์ฝักใฝ่ในเรื่องพรรค์อย่างว่า ขนาดแม่บ้านในโรงแรมยังไม่เว้น ถ้าอยากจะเปิดโปงเรื่องนี้จริงๆ ต้องทำเป็นสกู๊ป หาหลักฐานให้แน่น รับรองได้ฮือฮากันแน่"
พัชรีตบโต๊ะ "งั้นพัชรีขอเป็นคนหาข้อมูลนี้นะคะหัวหน้า"
"แน่นอน ไหนๆคุณก็เข้าถึงวงในได้ขนาดนี้ ... แล้วถ้าคุณทำสกู๊ปนี้สำเร็จละก็ ผมจะให้คุณผ่านโปรทันที"
พัชรีจ้องหน้าปรีชา "รับรองค่ะ ว่าพัชรีคนนี้จะไม่ทำให้เจ้านายผิดหวัง"


ขบวนฟ้อนเงี้ยวของภาคเหนือรำเข้ามาในล็อบบี้โรงแรม ติ๊งโหน่งฟ้อนนำหน้ามาด้วยความมั่นใจ โดยมีเหล่าสาวใช้คอยถือขันโตกตามมา ติ๊งโหน่งรำมาจนถึงหน้าลิฟท์วีไอพี เธอกำลังจะกดลิฟท์แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นขบวนเซิ้งอีสานของลัดลดา ที่มีเหล่าสาวใช้ถืออาหารรำตามมาและเป็นขบวนใหญ่ไม่แพ้ของเธอ
ลัดลดาเห็นติ๊งโหน่งก็ถึงกับชะงัก
"นังม้าแกลบ"
"นังหน้าเฉาะ"
ทั้งสองรีบปรี่เข้าหากันหมายจะเอาเรื่องกันให้ตายไปข้างนึง
"มาทำอะไร คิดเหรอว่าเจ้าชายเค้าจะสนนังม้าแกลบฟันเหยินอย่างหล่อน" ลัดลดาว่า
"ถึงฉันจะเป็นม้าแกลบฟันเหยิน แต่ฉันก็เร้าใจ และที่สำคัญเครื่องของฉันทั้งตาจมูกปาก หน้าอก" ติ๊งโหน่งแอ่นอกสู้ "ก็เป็นของจริง ไม่แข็งเป็นซิลิโคนทั้งตัวเหมือนเธอหรอก"
"อย่าคิดนะว่าครั้งนี้ชั้นจะยอมให้เธอแย่งอะไรของชั้นไปอีก"
"ชั้นก็ไม่ยอมให้เธอแย่งความฝันของชั้นเหมือนกัน"
"งั้นก็ลองดู" ลัดลดาหันไปสั่งพนักงาน "ห้ามใครคนไหนขึ้นไปบนห้องเจ้าชายทั้งนั้น ถ้าชั้นไม่อนุญาต"
ลัดลดาเดินนำขบวนเข้าไป ติ๊งโหน่งจะเข้าไปบ้างแต่ก็ถูกขวาง
"เธอคงลืมไปแล้วมั้ง ว่าโรงแรมนี้เป็นโรงแรมของชั้น" ลัดลดาพูด "ชาตินี้ชาติไหนเธอก็ไม่สิทธิ์จะได้เจอเจ้าชายทั้งนั้น"
ลัดลดาหัวเราะด้วยความสะใจ ติ๊งโหน่งโมโหจนของขึ้นแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงจึงคว้าของในขันโตกขว้างใส่ลัดลดาตรงเป้า
ติ๊งโหน่งสะใจ "ฝีมือยังไม่ตก"
ลัดลดาโมโห "กรี๊ดๆๆๆๆๆ นังติ๊ง !”
ลัดลดาโมโหทนไม่ไหวจึงวิ่งเข้าไปตบกับติ๊งโหน่ง ทั้งสองขบวนเข้าไปตบกันนัวเนียและวุ่นวายกันไปหมด

ปีเตอร์ที่อยู่ในห้องพักรู้เรื่องจากพนักงานโรงแรมที่โทรขึ้นมาก็ตกใจสุดขีด
"ว่าไงนะ ลงไปข้างล่างไม่ได้ ทำไมล่ะ ก็เจ้าชายอยากลงไปเดินยืดเส้นยืดสาย จะให้ทนอุดอู้อยู่แต่ในห้องได้ไง"
พนักงานโรงแรมที่กำลังยืนโทรศัพท์ดูติ๊งโหน่งและลัดลดาตบกันอย่างวุ่นวาย จาน ชาม และอาหารปลิวว่อนไปหมด
"คือข้างล่างมีเหตุอีเมอเจนซี่เพคะ คุณลัดลดา และ คุณติ๊งโหน่ง เธอกำลังทะเลาะกัน เพราะเรื่องเจ้าชายเพคะ"
ปีเตอร์ตกใจ "ลัดลดา ติ๊งโหน่ง" ปีเตอร์คิดแล้วสยอง "ไม่เอา ไม่เอา...”
ปีเตอร์รีบวางหูโทรศัพท์ก่อนจะเดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง
"ทำยังไงดี ถ้าสองคนนั่นขึ้นมา มีหวังเราเสร็จตายแน่....”
ปีเตอร์เดินกังวลอยู่ในห้อง ทันใดนั้นเสียงกริ่งก็ดังขึ้น ปีเตอร์สะดุ้งก่อนจะรีบวิ่งไปดูที่ตาแมว ปีเตอร์เห็นว่าคนที่มาคือ พัชรีที่อยู่ในชุดแม่บ้านสุดเซ็กซี่เหมือนเดิม ปีเตอร์ดีใจจึงรีบเปิดประตูให้
"กู๊ดมอร์นิ่งค่ะ เจ้าชาย มีอะไรให้พัชรีรับใช้มั้ยคะ"
"โอ้ว !! พัชรี เธอช่างมาได้จังหวะเหมาะพอดี"

หลังจากฟังปีเตอร์พูด พัชรีก็ยิ้มด้วยความมั่นใจ
"เรื่องนั้นไม่ยากหรอกเพคะ พัชรีอยู่ด้วยทั้งคน พัชรีช่วยได้"
ปีเตอร์เข้าไปจับมือพัชรีขึ้นมาจูบมากอด "โอ้ว พัชรี แม่นางฟ้ายามยากของชั้น ฟ้าส่งเธอมาถูกเวลาจริงๆ"
"จริงๆพัชรีมีโปรโมชั่นเด็ดๆจะเสนอเจ้าชายด้วยนะเพคะ"
ปีเตอร์ทำตาวาวแล้วก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้พัชรี "ข้อเสนออะไรเหรอจ๊ะ"
"นอกจากจะไล่คุณติ๊งโหน่งกับคุณดาด้าแล้ว พัชรีเสนอโปรโมชั่นพาเที่ยวทั่วกรุงด้วย เจ้าชายสนมั้ยเพคะ"
"เที่ยวงั้นเหรอ"
"พัชรีเห็นเจ้าชายอยู่แต่ในห้องทั้งวัน ไม่เบื่อบ้างเหรอเพคะ ถ้าเจ้าชายยอมออกไป พัชรีสัญญาว่าจะพาเที่ยวกรุงเทพทุกซอกทุกมุมที่เจ้าชายต้องการเลยเพคะ"
ปีเตอร์มองหน้าพัชรีแล้วคิดหนักเพราะไม่รู้จะเอายังไงดี

พัชรีและปีเตอร์ค่อยๆโผล่หัวออกมาจากมุมตึก พอปีเตอร์เห็นติ๊งโหน่งและลัดลดากำลังตบกันนัวก็สยองจนต้องรีบหดหัวกลับ
"เดี๋ยวเราทำตามแผน เจ้าชายเข้าใจนะคะ" พัชรีถาม
ปีเตอร์ยกมือบอกว่าโอเค พัชรียกตาม ก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินออกไป
"ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองให้ลูกพ้นจาก แม่กระซู่หมูป่าทั้งสองตัวนั้นด้วยเถิด....” ปีเตอร์ภาวนา

พัชรีเดินจัดเสื้อผ้าให้ดูดีก่อนจะยิ้มออกมาในมาดนักข่าว เธอเดินตรงไปหาติ๊งโหน่งและลัดลดาที่เงื้อมือจะตบกัน พัชรีรีบเข้าไปถ่ายรูปทั้งสอง ติ๊งโหน่งและลัดลดาหันมามองอย่างงงๆ พัชรีถ่ายรูปทั้งสองรัวไม่ยั้ง
"ตายแล้ว ไม่คิดเลยนะคะว่าจะได้มาเจอคุณติ๊งโหน่ง ลูกสาวคนเดียวของคุณหญิงฉาดประภา กับ ท่านชรินทร์ และ คุณลัดลดา เจริญวัฒน์ ทายาทเพียงคนเดียวของเจ้าสัววิชัย เจริญวัฒน์ ตัวจริงทั้งสวย ทั้งสง่า สมคำร่ำลือทั้งคู่จริงๆ" พัชรีพูดเสียงดัง
ติ๊งโหน่งและลัดลดายังงงๆ แต่ทั้งสองก็มีแอบเก็กท่าให้พัชรีถ่ายรูป
"เป็นนักข่าวเหรอ มาจากสำนักข่าวไหนล่ะ" ติ๊งโหน่งถาม
"อ๋อ มาจากสำนักข่าวสตาร์นิวส์ เจาะข่าวลึก เจาะข่าวดัง สตาร์นิวส์ค่ะ ไม่ทราบว่าถ้าทางเราจะขอเชิญคุณติ๊งโหน่งกับคุณลัดลดาสัมภาษณ์ออกทีวีจะได้มั้ยคะ"
ติ๊งโหน่งและลัดลดาตื่นเต้นดีใจสุดๆ ทั้งสองรีบเก็กท่าให้พัชรีถ่ายรูป
"ได้ยินว่าคุณทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยอนุบาลเลยใช่มั้ยคะ" พัชรีถาม
ลัดลดารีบเข้าไปกอดติ๊งโหน่งแบบเฟคสุดๆ "ใช่ค่ะลดากับเพื่อนติ๊ง เราเรียนห้องเดียวกันมาตั้งแต่อนุบาลจนจบมหาวิทยาลัยเลยค่ะ"
"แถมเราก็ชอบอะไรเหมือนกัน มีแฟนคนเดียวกันตลอดเลยค่ะ ใช่มั้ยจ๊ะเพื่อนดาด้า" ติ๊งโหน่งหันไปถาม
"ใช่แล้วจ๊ะ เพื่อนติ๊ง"
ลัดลดาและติ๊งโหน่งยิ้มแบบเฟคกันสุดๆ ปีเตอร์ที่แอบมองอยู่คอยหาจังหวะ พอเขาเห็นพัชรีส่งสัญญาณให้ปีเตอร์ก็รีบย่องออกไป ปีเตอร์วิ่งจากมุมนึงเข้าไปแอบอีกมุมนึง โดยผ่านติ๊งโหน่งไปอย่างเฉียดฉิว โดยที่ติ๊งโหน่งและลัดลดาไม่รู้ตัว
"เรื่องสัมภาษณ์ จะวันไหน เพราะว่าเราสองคน ...” ลัดลดาพูด
พัชรีเห็นว่าปีเตอร์ออกไปพ้นแล้วก็รีบทำเป็นมองเวลา
"ต๊าย !! ตายแล้ว ลืมไปว่าต้องไปสัมภาษณ์นักร้องเกาหลีที่จะมาเปิดคอนสิร์ตที่นี่พอดี๊พอดี ขอตัวก่อนนะคะ"
พัชรีไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เธอรีบวิ่งออกไป ติ๊งโหน่งงงแต่ก็พยายามเรียกไว้
"อ้าว !! แล้วเรื่องสัมภาษณ์ เดี๋ยวก่อนซิ เดี๋ยวก่อน...กลับมาก่อน" ติ๊งโหน่งคิด "แล้วสัมภาษณ์นักร้องเกาหลีคนไหน รอด้วยซิ ขอไปด้วย"
"ขอไปด้วย" ลัดลดาบอก
ติ๊งโหน่งและลัดลดาหันมามองหน้ากัน ก่อนจะสะบัดหน้าใส่กัน

ปีเตอร์ถือกระดาษหนังสือพิมพ์คลุมหัวพร้อมกับวิ่งออกมาจากประตูด้านหลังโรงแรม เขามองซ้ายมองขวาด้วยความกังวล รถพัชรีขับซิ่งมาแต่ไกล ก่อนจะมาเข้าโค้งและจอดรับปีเตอร์ตรงหน้าพอดี พัชรีเปิดประตูให้ปีเตอร์ ปีเตอร์รีบขึ้นมานั่ง
"เชิญเพคะ เจ้าชาย ..อยากเสด็จไหนดี !!”
"ที่ไหนก็ได้ ถ้ามีพัชรีไปด้วย ชั้นก็โอเคแล้วหละ"
ปีเตอร์มองพัชรีด้วยสายตาเจ้าชู้ พัชรียิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะรีบขับรถออกไปทันที

ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 2 (ต่อ)
ตุ๊ก ขิงและโซว์เดินเข้ามาในร้านนวดแผนโบราณ โซว์มองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น
"เดินมาทั้งวัน เจ้านายคงเมื่อย นี่แหละวิธีผ่อนคลายแบบไทยๆ เค้าเรียกนวดแผนไทย" ตุ๊กอธิบาย
“thai massage ชั้นเคยได้ยิน ...ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในความภูมิใจของคนไทยเลยใช่มั้ย" โซว์ถาม
"แน่นอนถึงได้ให้นายมาลองดูไง ..รับรองนายต้องติดใจ" ขิงบอก
ตุ๊กเดินไปซื้อคอร์สให้โซว์ก่อนเดินมายื่นบัตรให้เขา
"เชิญเจ้านายผ่อนคลายให้เต็มที่ เดี๋ยวผมกับไอ้บอยจะนั่งรอข้างนอก"
โซว์พยักหน้าก่อนจะเอากระเป๋าและสัมภาระฝากไว้ให้ขิงแล้วเดินตามพนักงานนวดเข้าไปในร้าน ตุ๊กรีบเดินตามไปด้อมๆมองๆ พอเห็นว่าโซว์ไปแล้ว เขาก็รีบวิ่งไปดึงกระเป๋าของโซว์จากขิงมาแล้วถือวิสาสะเปิดดู
"น้าทำอะไรน่ะ มันไม่ดีนะ" ขิงปราม
ตุ๊กรื้อไปรื้อมาก็เจอกระเป๋าเงิน เขาลองเปิดออกดูก็เห็นเงินเป็นฟ่อนๆ
"โห ไอ้นี่มันรวยจริงไม่ได้โม้ ดูซิขิง เงินเป็นฟ่อนๆเลย ..จิ๊กสักสองสามใบมันคงไม่รู้หรอก"
ขิงรีบตีมือตุ๊ก "เก็บไปที่เดิมเลยนะ จะตกปลาใหญ่ ทำไมต้องสนใจปลาสร้อย ปลาซิวด้วย"
"มันก็ปลาเหมือนกันแหละกันเหนียว"
ขิงดึงเงินจากมือตุ๊กแล้วรีบเก็บใส่กระเป๋า
เสียงโซว์ดังขึ้น "ทำอะไรน่ะ"
ตุ๊กกับขิงเงยหน้าไปก็เห็นโซว์ที่ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้กำลังยืนมองอยู่ ขิงและตุ๊กตกใจมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
โซว์พูดเสียงเข้ม "ชั้นถามว่าทำอะไรไม่ได้ยินรึไง" โซว์มองด้วยความสงสัย
"พอดีเห็นกระเป๋านายมันเปื้อนอยู่ ก็เลยปัดให้นี่ไง" ขิงแก้ตัว
"งั้นก็แล้วไป"
"อ้าว แล้วนี่เจ้านายออกมาทำไม อย่าบอกนะว่านวดเสร็จแล้ว" ตุ๊กถาม
"ยังไม่เสร็จหรอก แต่ชั้นกลัวเห็นห้องมันมืดๆไม่กล้านวดคนเดียว บอยนายไปนวดเป็นเพื่อนชั้นหน่อยซิ"
"อึ๊ย !! นวดกับนายเนี่ยนะ ไม่เอาอะ"
"ทำไมล่ะ ไปนวดด้วยกันไม่เป็นไรหรอก"
ตุ๊กรีบเสนอตัว "งั้นตุ๊กไปนวดแทนละกัน"
"ไม่เอา ชั้นจะไปกับบอย เพราะวันนี้บอยพาชั้นเดินเที่ยวทั้งวัน ชั้นอยากจะตอบแทนเค้าบ้าง นายน่ะนั่งเฝ้าของข้างนอกน่ะดีแล้ว"
โซว์เดินเข้าไปดึงแขนขิงแล้วพาเดินเข้าไปข้างใน ขิงพยายามฝืนแต่ทำอะไรไม่ได้ ตุ๊กมองตามแล้วส่ายหน้า
"ขอโทษว่ะขิง น้าช่วยอะไรแกไม่ได้เลย"

ตุ๊กเดินออกมาจากด้านในร้านนวด คนนวดสาวสวยยืนอยู่เอ่ยถามเขา
"สนใจนวดเท้ามั้ยคะ"
ตุ๊กยิ้มลามก "สนใจสิจ๊ะ"
"งั้นเชิญนั่งเลยค่ะ"
ตุ๊กนั่งลง คนนวดยิ้มหวาน
"รอซักครู่นคะ" คนนวดบอก
ตุ๊กทำเสียงหล่อ "จ๋าจ๊ะ รีบๆมานะ พี่ไม่อยากคิดถึงนาน"
สาวคนนวดเดินออกไป ตุ๊กนอนรอแล้วก็หลับตา ไม่นานคนนวดคนใหม่ก็มาถึงแต่ตุ๊กยังไม่เห็น ตุ๊กพูดออกมาอย่างรู้สึกดีสุดๆ
"โอ้ สบายจัง อู้ ตรงนิ้วโป้งเอาแรงๆเลย"
ตุ๊กรู้สึกเจ็บจึงลืมตาขึ้น เขาเห็นคนนวดเป็นชายล่ำสัน ตุ๊กตกใจ
"เฮ้ย ทำไมกลายเป็นแบบนี้"
คนนวดซึ่งเป็นกะเทยควายพูด "เฉยๆสิฮ้าตะเอง อยากได้แรงๆชิมะฮะ ได๊เลยฮ้า"
คนนวดจับขาตุ๊กยกขึ้นแล้วนวดอย่างแรง ตุ๊กร้องลั่น
"อ๊าก อ๊าก"
คนนวดจับตุ๊กดัดตัวท่าวัดโพธิ์ ตุ๊กตาเหลือกและหน้าเขียว
"ว๊าก ว๊าก โอ๊ยยยยย ไม่ไหวแล้วเว๊ย"
ตุ๊กถีบกะเทยควายจนกระเด็น แต่กะเทยไม่ว่าอะไรกลับยิ้มชอบใจ
"แรงแบบนี้ เร้าอารมณ์เอมี่มากๆๆเลยฮ้า อ๊าย"
ตุ๊กพยายามจะหนี คนนวดกระชากคอเสื้อตุ๊กจนตุ๊กหายใจไม่ออก ตุ๊กหน้าดำหน้าแดง
"หาย..ใจ..ไม่..ออก....แล้ว ชะช่วย..ด้วยยยย"
กะเทยดึงตุ๊กมากอดแน่น เขาเอามือหนึ่งรัดตุ๊กไว้ แล้วอีกมือล้วงหยิบลิปสติคออกมาทาปากจนแดง แล้วก็ระดมจูบตุ๊กไม่หยุด ตุ๊กหน้าเหยเกและแทบอ้วก

ขิงและโซว์เดินเข้ามาในห้องนวด โซว์ถอดเสื้อก่อนจะเดินขึ้นไปนั่งบนเตียง โซว์เห็นขิงยืนทำท่าทางอึดอัด
"ถอดเสื้อซิ ..” โซว์บอก
"เดี๋ยวค่อยถอดก็ได้จะรีบร้อนไปไหน" ขิงว่า
"ก็ตามใจ"
โซว์เดินไปนอนคว่ำหน้าบนเตียง ขิงไม่รู้จะทำยังไง สักพักคนนวดสองคนก็เดินเข้ามา
"ถอดเสื้อรึยัง" โซว์ถาม
ขิงพยายามคิดหาทาง " ..ถอดเดี๋ยวนี้ละครับ...”
ขิงคิดอะไรได้จึงรีบเข้าไปกระซิบคนนวดทั้งสองคนที่เพิ่งเดินเข้ามา

คนนวดสองคนเดินออกมาจากห้องด้วยท่าทางงงๆ
"แน่ใจนะว่าจะปล่อยไว้ในห้องสองคนแบบนั้น" คนนวดคนหนึ่งถาม
"ไม่มีอะไรหรอกน่า ..ถึงมีก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นละกัน ดีซะอีกได้เงินโดยไม่ต้องทำงาน" คนนวดคนที่สองบอก
คนนวดทั้ง 2 มองหน้ากันยิ้มๆ ก่อนจะเดินออกไป

โซว์ยังนอนคว่ำหน้าอยู่ ใครบางคนเดินเข้ามานวดให้ โซว์ยิ้มอย่างสบายสุดๆ
"โอ๊ะ..โอ๊ยย...สบายจริงๆด้วย นายเป็นไงบ้างบอย"
ขิงกำลังนวดให้โซว์ เธอรีบดัดเสียงบอยตอบ
"ก็ดีครับ"
"ขอแรงๆอีกนะครับ" โซว์บอกคนนวด
ขิงทำเสียงผู้หญิง "ไม่มีปัญหาค่ะ เดี๋ยวจัดให้"
ขิงได้ทีจึงนวดแรงๆ เป็นการแก้แค้น โซว์เจ็บแทบทนไม่ไหว
"โอ๊ย..โอ๊ย..โอ๊ย..ไม่ไหวแล้ว"
โซว์ทนเจ็บไม่ไหวจึงทำท่าจะลุกขึ้น ขิงตกใจรีบวิ่งไปนอนตรงที่ของบอยแล้วรีบเอาผ้าคลุมไว้ โซว์ลุกขึ้นมองหาหมอนวดที่นวดเขาเมื่อกี้ แต่ก็ไม่เห็น เขาเห็นแต่บอยนอนหลับตาพริ้ม
"คนนวดไปไหนแล้วล่ะ" โซว์ถาม
"คงออกไปเอาน้ำมันมั้งครับ" ขิงตอบ
"ใช้อะไรก็ไม่รู้ เจ็บชะมัด"
ขิงแอบขำ "ไม่เคยก็อย่างนี้แหละครับ นวดไปนานๆก็ชิน"
โซว์พยักหน้าเข้าใจ แล้วเขาก็ล้มตัวลงนอนนวดต่อ
"อยากได้เท้าใช่มั้ย ได้เดี๋ยวจัดให้" ขิงพึมพำ
ขิงได้โอกาสรีบลุกขึ้นไปนวดโซว์ต่อ
"ขอโทษนะคะที่ทำให้รอ" ขิงพูดเสียงผู้หญิง "เมื่อกี้นี้แค่แซมเปิ้ล...ต่อไปจะเป็นการนวดแบบจริงๆแล้วนะคะ"
ขิงยิ้มร้ายก่อนจะลุกขึ้นแล้วใช้เท้าเหยียบลงไปบนตัวโซว์ โซว์ทำหน้าเจ็บปวดสุดๆ

พัชรีและปีเตอร์เดินเข้ามาในร้านนวดร้านเดียวกัน
"เจ้าชายทรงอยากนวดแบบไหนเพคะ" พัชรีถาม
"นวดแบบไหนก็ได้ ถ้าพัชรีเป็นคนนวดให้" ปีเตอร์ตอบ
"แหม...เจ้าชายหม่อมชั้นนวดไม่เป็นหรอกเพคะ เชิญเจ้าชายตามสบาย"
"นี่ อย่าเรียกเจ้าชายเลยได้มั้ยมันเขิน เรียกปีเตอร์แทนละกัน"
"ชื่อเล่นเหรอเพคะ"
ปีเตอร์ทำท่าเท่ "ชื่อเท่ใช่มั้ยล่ะ"
"งั้นเดี๋ยวเจ้าชาย ..เอ๊ย ปีเตอร์ นวดเท้าก็แล้วกันนะเพคะ"
"ว่าไงว่าตามกันอยู่แล้ว"
พัชรีไปซื้อคอร์ส ก่อนจะมีคนเดินนำปีเตอร์และพัชรีเข้าห้องไป สวนกับโซว์และขิงที่เพิ่งเดินออกมา โซว์มีท่าทางเจ็บหลังไม่น้อย
"เป็นไงสบายตัวมั้ย" ขิงถาม
"สบายอะไรเจ็บจะตายอยู่แล้ว มือหนักชะมัด" โซว์ตอบ
เสียงร้องโอดโอยของปีเตอร์ดังออกมาข้างนอก ดังจนขิงกับโซว์สะดุ้ง
"เสียงอะไร” โซว์ถาม
"ก็คงเจ็บเหมือนนายนั่นแหละ ว่าแต่น้าตุ๊กไปไหน?” ขิงมองหา
ขิงกับโซว์มองหา ทันใดนั้นก็มีมือมาจับขาโซว์ โซว์ตกใจจึงเตะเสยคางไปอัตโนมัติ ตุ๊กที่โดนเตะกระเด็นไปติดกำแพง โซว์กับขิงเห็นเข้าก็ตกใจ
"น้าตุ๊ก!”
ตุ๊กหงายหลังหล่นลงพื้นแล้วชักแหง่กๆ ขิงกับโซว์ผงะ
"น้าโดยใครปล้ำมาเนี่ย รอยปากเต็มหน้าเลย" ขิงถาม
"หมดแล้ว ความเป็นหนุ่มของข้า....ข้าถูกกะเทยมันปล้ำ แงแงแง"
ขิงกับโซว์รู้สึกสยองสุดๆ ตุ๊กร้องไห้ไม่หยุด

ขิงเอาพลาสเตอร์แก้ปวดปิดหลังโซว์จนเต็มไปหมด โซว์เอาเสื้อลงก่อนจะยืนอย่างยากลำบาก ส่วนตุ๊กหน้าหมองไป
"นายอยากจะไปเที่ยวไหนอีกรึเปล่าล่ะ" ขิงถาม
"ตอนนี้คงไม่ไหวแล้วละ ไว้รอไปเที่ยวตอนกลางคืนแล้วกัน" โซว์ตอบ
"กลางคืน...นายอยากเที่ยวกลางคืนด้วยเหรอ" ขิงสงสัย
"แน่นอนซิ ชั้นก็ต้องเที่ยวให้ครบทุกแบบ ทั้งกลางวัน กลางคืน"
"กลางคืนนี่หมายถึงเที่ยวอย่างว่ารึเปล่า"
"ไม่ใช่ เที่ยวกลางคืน ก็คือที่เที่ยวที่เปิดกลางคืน หรือนายมีปัญหาอะไรอีก"
ตุ๊กรีบยกมือ "ถ้างั้นผมคงต้องขอตัว ไม่หวายยยยเจงเจง"
"นายไม่ไปไม่เป็นไร แต่บอยนายต้องไป" โซว์กำชับ
โซว์ลุกเดินด้วยความเจ็บหลังออกไป
ขิงโมโหจนอยากเอาเรื่อง
"เห็นมั้ยบอกแล้วว่ามันบ้าอำนาจ ชอบสั่งชอบบังคับ" ขิงบ่น
"เอาเถอะวะขิง ทนๆก่อน ท่องไว้ เงินน่ะ เงิน"
ขิงสูดลมหายใจก่อนสะกดอารมณ์ "เงิน...เงิน...เงิน..”

ปีเตอร์เดินสูดลมหายใจจนทั่วปอดอย่างมีความสุข เขายืนมองบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา พัชรีที่อยู่ห่างออกไปกำลังแอบเอากล้องวีดีโอขึ้นมาถ่าย พัชรีหัวเราะคิกคัก
"นี่แหละมุมเอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ"
พัชรีถ่ายเสร็จก็รีบเอากล้องซ่อนในกระเป๋า ก่อนจะหยิบกระป๋องน้ำอัดลมที่เตรียมไว้ขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปยื่นให้ปีเตอร์
"ดื่มน้ำก่อนซิเพคะ"
"เราไม่ได้ออกมาสูดอากาศอย่างนี้มานานแล้ว วันๆก็ต้องทำแต่งาน" ปีเตอร์บอก
"ทรงงานหนักมากเลยเหรอเพคะ"
"หนักซิ ตั้งแต่เช้ายันเย็น ไหนจะต้องปลุก ถอดเสื้อผ้า อาบน้ำ แต่งตัว ทำอาหาร"
พัชรีมองปีเตอร์อย่างงงๆ ปีเตอร์รู้ตัวจึงพูดแก้
"ที่พูดนี่เป็นงานที่ผู้ติดตามส่วนตัวต้องทำให้เรา ส่วนเราก็ต้องไปออกงาน ทำงานช่วยเหลือประชาชน"
"แต่จะว่าไปไม่เห็นผู้ติดตามส่วนตัวของพระองค์เลยนะเพคะ"
"โอ๊ย...หล่อ นิสัยก็ดี แถมยังทำงานเก่งไม่มีที่ติ ที่สำคัญยังโสดด้วยนะ ถ้าสนใจเราจะแนะนำให้เอามั้ย"
"อย่าดีกว่าเพคะ คนต้อยต่ำอย่างพัชรีไม่คู่ควรหรอก"
"คู่ควรซิ ชั้นมั่นใจนะว่าถ้าพวกเธอสองคนเจอกัน จะต้องเป็นคู่ที่เหมาะสมแน่ๆ"
"งั้นก็แล้วแต่เจ้าชายจะเห็นสมควรเถอะเพคะ"
ปีเตอร์มองเห็นป้อมพระสุเมรุ "อุ๊ย มุมนั้นสวยจัง เราไปเดินดูมุมนั้นกันเถอะพัชรี"
ปีเตอร์เดินออกไป พัชรีรีบเดินตาม

ปีเตอร์เดินมาหยุดยืนชื่นชมความสวยงามของป้อมพระสุเมรุ พัชรีมาหยุดยืนข้างๆปีเตอร์
"พัชรี สถาปัตยกรรมแห่งนี้คืออะไรหรอ" ปีเตอร์ถาม
พัชรีมองปีเตอร์อย่างชื่นชมที่ชาวต่างชาติสนใจสถาปัตยกรรมไทย "เจ้าชายเพคะ นี่คือ ป้อมพระสุเมรุ เป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ในสมัยนั้นได้มีการสร้างป้อมปราการ 14 แห่งเพื่อป้องกันพระนคร แต่เมื่อเวลาผ่านไป ป้อมปราการหมดความจำเป็น จึงถูกรื้อถอนไป ป้อมพระสุเมรุเป็น 1 ใน 2 ป้อมที่ยังคงเหลืออยู่ อีกป้อมหนึ่งคือ ป้อมมหากาฬ หลังจากที่มีการชำรุดทรุดโทรม ใน พ.ศ. 2524 กรมศิลปากรได้ ซ่อมแซมบูรณะตามรูปแบบเดิมและยังปรับปรุงบริเวณโดยรอบ ให้เป็นสวนสาธารณะอีกด้วย โดยให้ชื่อว่า "สวนสันติชัยปราการ" มีพลับพลา ชื่อว่า "พระที่นั่งสันติชัยปราการ" ชุมชนโดยรอบป้อมพระสุเมรุ คือชุมชนถนนพระอาทิตย์ เพคะ"
ปีเตอร์มองพัชรีอย่างทึ่งๆ "เจ้าช่างมีความรู้สมกับเป็นเจ้าบ้านอย่างแท้จริง"
"พัชรีเป็นคนไทย เรื่องแบบนี้มันอยู่ในสายเลือด ...”
ปีเตอร์มองพัชรีทึ่งๆ
พัชรีหันไปมองปีเตอร์ "และความใฝ่รู้เพคะ เป็นคนไทยแต่ไม่รู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยเลยก็เสียชาติเกิดสิค่ะ"
ปีเตอร์มองพัชรีอย่างชื่นชม
"และอีกอย่าง สมัยเรียน พัชรีกับเพื่อนๆชอบมานั่งเล่นแถวนี้ อ่านป้ายข้อมูลหลายรอบก็เลยจำประวัติได้อย่างแม่นยำเพคะ"
พัชรีแลบลิ้นเขินๆให้ปีเตอร์เพราะเผลอโม้ไปเยอะ ปีเตอร์มองพัชรีขำๆ

ปีเตอร์กับพัชรีเดินเคียงข้างกันริมถนนยามค่ำคืน
"นานๆที ได้ออกมาเดินเล่นชมเมืองแบบนี้ ก็สนุกดีนะพัชรี" ปีเตอร์บอก
"หม่อมชั้นชมเมืองเป็นเพื่อนเจ้าชายแล้ว เพราะฉะนั้นถึงคราวที่เจ้าชายต้องช่วยเหลือหม่อมชั้นบ้าง"
"อะไร??”
"หม่อมชั้นขอจะขอประทานสัมภาษณ์พระองค์จะได้มั้ยเพคะ"
"เรื่องอะไรล่ะ ถ้าเรื่องเศรษฐกิจการเมือง ต้องขอตัวนะ เรื่องพวกนั้นเราไม่ถนัด"
"แล้วพระองค์ถนัดเรื่องอะไรเพคะ"
พัชรีมองหน้าปีเตอร์ด้วยความสงสัย

ขณะสัมภาษณ์ปีเตอร์ พัชรีก็ยิ้มสะใจแล้วคิดในใจ
"ไม่คิดเลยว่าเจ้าชายแห่งนิวแลนด์จะมีเคล็ดลับการดูแลทำความสะอาด มากกว่ามาร์ธา สจ๊วต ที่เป็นเจ้าแม่งานบ้านซะอีก ...พัชรี....งานนี้เธอดังแน่ๆ"
พัชรียิ้มสะใจ

ชรินทร์วางโทรศัพท์ก่อนจะหัวเราะชอบใจ
"ลูกค้าบอกว่าชอบสาวๆที่เราส่งไปให้ แต่เขาขอว่าคราวหน้าขออายุน้อยกว่านั้นหน่อย ตอนนี้เทรนด์เด็กกำลังมาแรง" ชรินทร์ชอบใจ
"เดี๋ยวนี้พวกพ่อแม่มันไม่ค่อยจะขายลูกผ่านนายหน้าแล้วนะครับ เดี๋ยวนี้ขายลูกเอง เงินทองไม่รั่วไหลครับ" อำนาจบอก
ชรินทร์ตบโต๊ะ "หายากยังไงก็ต้องไปหา ....”
"ผมว่าเจ้านายน่าจะลองเปลี่ยนธุรกิจบ้างนะครับ ช่วงนี้เจ้านายต้องออกทีวีบ่อย ถ้าเจ้านายยังทำ พวกอาบ อบ นวด ภาพลักษณ์จะได้ดูไม่น่าเชื่อถือ ลองเปลี่ยนมาเป็นสปา ภาพลักษณ์ของเจ้านายจะได้ดีขึ้น"
"เออ..แกก็พูดมีเหตุผล ชั้นจะลองเก็บไปคิดดู"
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อำนาจรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับด้วยสีหน้าเครียด
อำนาจนิ่งฟังปลายสาย "อือ...เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับเจ้านาย !!”
ชรินทร์มองอย่างตกใจ

เสียงเพลงเต้นรำสุดล้ำดังกระหึ่มผับ บรรยากาศเต็มไปด้วยแสงสีวูบวาบ กลางฟลอร์ ปีเตอร์กำลังเต้นรำกระดี้กระด้ากับสาวๆที่เข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด ปีเตอร์สนุกสุดขีด เขาลืมตัวกระโดดและตะโกนเต้น ปล่อยแก่สุดๆ แล้วก็เข้าไปเต้นสีสาวๆ เต้นรูดเสา ทำเอาทุกคนตะลึงโดยเฉพาะพัชรี
ปีเตอร์หยิบดอกกุหลาบที่ปักแจกันบนโต๊ะขึ้นมาคาบ แล้วเต้นเป็นสเตปไปหาพัชรี พัชรียิ้มแหยๆ ปีเตอร์ดึงกุหลาบออกมาจะให้พัชรี แต่หนามกุหลาบบาดปากจนเลือดออก พัชรีตกใจ
"ว๊าย ตายแล้ว เจ้าชาย!!”
"โอ้ โอ้ว ปากช้านนนน ไม่ไหวแล้ว ช่วยพยุงเจ้าชายกลับโต๊ะหน่อย"
สาวๆเข้ามาช่วย ปีเตอร์ได้โอกาสโอบกอดสาวๆ ด้วยหน้าตาหัวงูสุดๆ สาวๆพากันหิ้วปีกปีเตอร์กลับเข้ามานั่งที่ พัชรีมองปีเตอร์แล้วยิ้มๆ ก่อนจะขยับกระเป๋าที่มีกล้องวีดีโอซ่อนอยู่เพื่อแอบถ่าย
"ทรงเหนื่อยแล้วเหรอเพคะ เต้นไม่กี่เพลงเอง" พัชรีถาม
"แหม..พัชรีอย่าพูดอย่างนี้ต่อหน้าน้องๆซิ เดี๋ยวเค้าจะหาว่าเราไม่ฟิต" ปีเตอร์บอก
พวกสาวๆ แย่งกันป้อนเบียร์ ป้อนของกินให้ปีเตอร์
"ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล ใช่มั้ยจ๊ะสาวๆ" ปีเตอร์พูดแล้วก็เจ็บปาก "โอ้ ซี๊ด"
สาวๆ พูดพร้อมกัน "เพคะ เจ้าชาย"
สาวๆรุมล้อมเอาใจ ปีเตอร์หอมแก้มสาวคนซ้ายทีคนขวาทีอย่างมีความสุข โดยไม่รู้ว่าพัชรีแอบถ่ายวีดีโอเขาอยู่ตลอดเวลา

มุมหนึ่ง ขิงและโซว์เดินเข้ามาในผับ ขิงเต้นตามจังหวะสนุกสนานเข้ากับบรรยากาศ ตรงข้ามกับโซว์ที่หน้าตาหงิกเพราะไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่
"ที่นี่เป็นที่เที่ยวที่ดังที่สุดในตอนนี้เลยนะครับ พวกวัยรุ่นฮิปๆ ไฮโซ มาเที่ยวที่นี่กันหมด" ขิงบอก
"ชั้นไม่เห็นชอบเลยที่เที่ยวแบบนี้" โซว์บอก
"เอ้า..ก็บอกอยากเที่ยวกลางคืน"
"กลางคืนของชั้นหมายถึง ละคร หรือการแสดงอะไรแบบนั้น"
"นายก็ถือว่านี่คือการแสดงอย่างนึงซิ" ขิงชี้ไปกลางฟลอร์ "นั่นไส้เดือนแดนซ์ นั่นแดนซ์ชักกระตุกปลุกโลก"
โซว์มองขิงอย่างขำๆ ขิงพาโซว์เข้ามานั่งโต๊ะใกล้กับโต๊ะที่ปีเตอร์และพัชรีนั่งอยู่ แต่โซว์ยังไม่สังเกตเห็น
ขิงสั่งบริกร "น้อง เดี๋ยวเปิดมาขวดนึงเลยนะ"
"ไม่..เอาแค่น้ำส้มกับน้ำอัดลม" โซว์บอกขิง "นายยังเป็นเด็กยังกินของพวกนี้ไม่ได้"
ขิงทำหน้าเบ้เพราะเซ็งสุดๆ ก่อนจะแอบหันไปมองทางโต๊ะปีเตอร์ เธอเห็นปีเตอร์อยู่กับสาวๆ แลดูท่าทางมีความสุข
"อย่าเคร่งขรึมนักเลยน่า หัดสนุกเหมือนคนอื่นบ้างเถอะ" ขิงบอกโซว์
ขิงชี้ให้โซว์ดูปีเตอร์กับสาวๆ โซว์หันไปมองจังหวะเดียวกับที่สาวๆ ยื่นตัวบังปีเตอร์ โซว์จึงมองไม่เห็นปีเตอร์ เห็นแต่พวกสาวๆ หัวเราะคิกคัก โซว์มองแล้วทำหน้ายี้ๆ
"ชั้นไม่ชอบอะไรแบบนั้น"
พูดไม่ทันขาดคำพวกสาวๆ ก็เข้ามารุมล้อมโซว์และพยายามเอาอกเอาใจ
"อุ๊ย !! รูปหล่อ ..สั่งอะไรรึยังคะ ให้กุ้งดูแลนะคะ"
"มาแดนซ์ทั้งทีจะมานั่งเฉยๆทำไม ไปแดนซ์กันดีกว่า"
สาวๆ ดึงตัวโซว์ออกไป โซว์ไม่อยากไปแต่ก็ขัดไม่ได้ จำเป็นต้องลุกออกไป
ขิงมองตามเยาะๆ
"เชอะ !! ปากก็บอกว่าไม่ชอบอยากรู้เหมือนกันว่าอย่างนายจะทนได้ซักกี่น้ำ"

สาวๆ ดึงโซว์ออกไปเต้นรำกลางฟลอร์ แต่โซว์ยืนเฉยๆ และทำหน้าเซ็งๆ ส่วนปีเตอร์หยิบเงินออกมาแจกสาวๆ มีสาวๆอีกกลุ่มรีบวิ่งเข้ามาดึงปีเตอร์ออกไปกลางฟลอร์
ปีเตอร์ออกมายืนเต้นรำข้างหลังโซว์ ทั้งสองยืนหลังแทบจะชนกันแต่ยังไม่เห็นกัน ปีเตอร์เต้นรำมันมาก เขาเต้นไปเอาเงินแจกสาวๆไป ในขณะที่โซว์เบื่อหน่ายจึงตัดสินใจเดินกลับ ขณะกำลังหมุนตัวโซว์เดินชนไหล่ปีเตอร์เล็กน้อย
"ขอโทษครับ" โซว์พูด
โซว์ไม่ได้หันไปมองหน้า เขารีบเดินออกไป ปีเตอร์มองตามโซว์
"ทำไมท่าทางดูคุ้นๆจัง...” ปีเตอร์รำพึง
ปีเตอร์ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เขาหันไปเต้นรำกับสาวๆต่ออย่างสนุกสนาน

ขิงกำลังจะหยิบเครื่องดื่มขึ้นมาชิม แต่ยังไม่ทันจะเข้าปาก โซว์ก็เดินมาดึงมือขิงให้ลุกออกไป
"อะไรกันเนี่ย จะกลับแล้วเหรอ เดี๋ยวก่อนซิ ใจเย็น"
"ต่อไปห้ามพาชั้นมาสถานที่แบบนี้อีกเข้าใจมั้ย"
โซว์โมโหและกำลังจะเดินออกไป ทันใดนั้นก็เกิดเสียงกลุ่มสาวๆกรี๊ดกร๊าด “ว๊าย นั่นเจ้าชายแห่
นิวแลนด์งั้นเหรอ” แล้วสาวๆ เหล่านั้นก็วิ่งมาทางโซว์ โซว์ตกใจเพราะกลัวความลับแตกจึงจะเดินหนี แต่สาวๆ เหล่านั้นวิ่งผ่านโซว์เลยไปหาปีเตอร์ที่อยู่กลางฟลอร์ โซว์หันมองตามเห็นปีเตอร์กำลังเต้นรำเคล้านารีอย่างมีความสุขสุดๆ โซว์แทบไม่เชื่อสายตาจึงต้องขยี้ตาอีกครั้ง
ขิงเข้าไปพูดใกล้ๆ โซว์ "นั่นน่ะเหรอเจ้าชายแห่งนิวแลนด์ ทำไมถึงมาเที่ยวที่แบบนี้ล่ะ แปลกพิลึกเลยนะ"
โซว์โมโหหมายจะเดินเข้าไปเอาเรื่อง ขิงเห็นท่าทางของโซว์ก็ตกใจจึงพยายามห้าม
"เดี๋ยวก่อนซินายโซ่ นายจะไปไหน"
ปีเตอร์ที่กำลังเต้นรำอย่างเมามันหันมาเห็นโซว์เดินหน้าบึ้งเข้ามาหาก็ตกใจแทบช็อค
"จะ จะ จะ จะ...เจ้าชาย..”
ปีเตอร์รีบมุดหลบท่ามกลางบรรดาสาวๆ โซว์เดินเข้ามาแต่ไม่เห็นปีเตอร์จึงพยายามมองหา ปีเตอร์ค่อยๆแอบคลานออกมาจากกลุ่มสาวๆ โซว์โมโห พยายามเดินตามหา ขิงรีบวิ่งตามเข้ามา
"เป็นอะไร ไหนว่าจะกลับแล้วไง" ขิงยิ้ม "หรือว่าเปลี่ยนใจอยากอยู่ต่อ"
โซว์ไม่ตอบแต่พยายามมองหาปีเตอร์ ขิงโมโหจึงพูดออกมา
"งั้นผมไปรอที่โต๊ะละกัน"
โซว์ไม่สนใจตอบ เขาเดินตามหาปีเตอร์ ขิงหมั่นไส้จนเดินไปชนกับพัชรีที่เดินหน้าตื่นเข้ามาหาพวกสาวๆ ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะแยกย้าย ทั้งสองจำหน้ากันไม่ได้
พัชรีถามสาวๆ "อ้าว !! แล้วเจ้าชายไปไหนแล้วละ"
สาวๆมองหาปีเตอร์ที่หายตัวไปแล้ว

ปีเตอร์คลานหนีออกมาเกือบจะถึงห้องน้ำ เขามองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครแล้วก็ลุกขึ้นเพราะนึกว่ารอดแล้ว แต่พอหันไปก็เห็นโซว์กำลังเดินตรงเข้ามา ปีเตอร์หน้าเสียเพราะไม่รู้จะทำยังไง เขามองไปเห็นห้องน้ำหญิงซึ่งปีเตอร์คิดว่าห้องน้ำชาย เขาจึงตัดสินใจเดินหนีเข้าไป โซว์เดินตามมาแล้วพยายามมองหาแต่ก็ไม่เห็น

ปีเตอร์เข้ามาในห้องน้ำ เขามองไปรอบๆแล้วก็ตกใจ
"ตายละซิ ห้องน้ำหญิงทำไงดี"
ปีเตอร์จะเดินออกไป แต่เขายังเห็นโซว์เดินไปเดินมาอยู่ข้างหน้า แถมมีกลุ่มหญิงสาวจะเข้าห้องน้ำ ปีเตอร์ตกใจรีบวิ่งเข้าไปหลบในห้องส้วมทันที
สาวๆ กลุ่มใหญ่เดินเข้ามาทำธุระในห้องน้ำ ปีเตอร์นั่งอยู่บนโถส้วมตัวสั่นเทิม เขามองเท้าสาวๆที่เดินไปเดินมา ก่อนจะมีคนมาหยุดยืนรอที่หน้าห้องน้ำ ปีเตอร์ไม่รู้จะทำยังไง ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของปีเตอร์ดัง ปีเตอร์สะดุ้งก่อนจะมองไปเห็นว่าคนที่โทรมาคือ “Queen Mum”
"ทำไมต้องโทรมาตอนนี้ด้วย" ปีเตอร์ลังเลจะไม่รับก็ไม่กล้า แต่ก็จำเป็นต้องกดรับ พร้อมทั้งดัดเสียงเป็นผู้หญิง "ฮัลโหล...ควีนมัมหรือพระเจ้าข้า อ๋อ ตอนนี้เจ้าชายทรงงานอยู่พระเจ้าข้า..สบายดี ไม่มีอะไรต้องห่วง...แต่หม่อมชั้นซิไม่สบาย...อ๊อ เป็นหวัด เสียงเลยเป็นแบบนี้" ปีเตอร์หัวเราะแหะๆ
เสียงสาวๆเดินออกไปจากห้องน้ำ ปีเตอร์ค่อยๆ แง้มประตูออกไปดู
"แค่นี้ก่อนนะพระเจ้าค่ะ ตอนนี้หม่อมชั้นกำลังอยู่ในวิกฤติ"
ปีเตอร์รีบวางโทรศัพท์ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำออกมา เมื่อเห็นว่าปลอดคนแล้ว ปีเตอร์ก็หันไปมองหน้าต่างก่อนจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง

ปีเตอร์ปีนออกมาทางหน้าต่างห้องน้ำหญิงอย่างทุลักทุเล พอปีนออกมาได้สำเร็จปีเตอร์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารีบจัดเสื้อจัดผ้าและเช็ดเหงื่อให้เรียบร้อย ก่อนจะเก็กท่าเตรียมจะเดินออกไป
เสียงโซว์ดังขึ้น "จะรีบไปไหนล่ะ"
ปีเตอร์หันไปเห็นโซว์ยืนกอดอกมองอย่างเอาเรื่อง
ปีเตอร์ตกใจยิ่งกว่าเห็นผี "จะ..เจ้าชาย"
"นี่ถ้าชั้นไม่มาเห็นเองก็คงไม่รู้ว่านายทำชื่อเสียงชั้นป่นปี้ขนาดนี้ ถ้าใครรู้ว่าเจ้าชายแห่งนิวแลนด์ปีนห้องน้ำหญิงออกมาชั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน"
"จะ..เจ้าชายรู้"
"คิดว่าชั้นไม่เห็นนายรึไง"
ปีเตอร์ไหว้พร้อมกับทรุดตัวลงไปกองกับพื้น "หม่อมชั้นผิดไปแล้ว"
"แล้วชั้นบอกให้อยู่แต่ในโรงแรม แล้วนี่ออกมาเที่ยวที่แบบนี้ได้ยังไง"
"ก็.ก็พอดีมีคนชวนมา หม่อมชั้นเบื่อๆก็เลยออกมากะว่าจะมาแป๊บเดียว"
"แล้วถ้ามีปาปารัซซี่ตามมาถ่ายรูปนาย แล้วจะทำยังไง"
"ไม่หรอกพระองค์หม่อมชั้นมากับแม่บ้านโรงแรม"
"แม่บ้านโรงแรม !! นี่นาย.." โซว์อยากจะด่าแต่ด่าไม่ออก "คอยดูเถอะ กลับไปนิวแลนด์ชั้นจัดการนายแน่"
ปีเตอร์เข้าไปกอดขา "โธ่ เจ้าชาย อย่าทำอะไรปีเตอร์เลยนะ ปีเตอร์ผิดไปแล้ว"
โซว์พยายามจะสลัดปีเตอร์ออกไป แต่ปีเตอร์โวยวายไม่ยอม
เสียงพัชรีดังขึ้น "เจ้าชาย ...เจ้าชายหายไปไหนเพคะ เจ้าชาย...”
โซว์และปีเตอร์หันไปเห็นพัชรีก็ตกใจ โซว์รีบสลัดปีเตอร์จนหลุด
"อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกล่ะ คราวหน้าชั้นเอาตายแน่" โซว์บอกปีเตอร์
โซว์สั่งเสร็จก็รีบวิ่งออกไป ปีเตอร์ยืนหน้าเหวอ ก่อนจะทรุดลงไปกองกับพื้น พัชรีวิ่งเข้ามาเห็นก็ตกใจ
"เจ้าชาย ทรงเป็นอะไรไปเพคะเจ้าชาย….เจ้าชาย !!”

ขิงยืนรอโซว์อยู่หน้าผับ เธอมองนาฬิกาด้วยความกังวล
"อยู่ดีๆก็หายไป .. คงไม่โดนใครจับไปเรียกค่าไถ่นะ"
ขิงกังวลใจ

ขิงเดินตามหาโซว์ไปทั่วถนนข้าวสาร เธอเที่ยวถามคนนั้น คนนี้ ว่าเห็นโซว์บ้างมั้ย แต่ละคนที่ถามก็พากันส่ายหน้า ขิงยิ่งกังวลใจมากขึ้น


ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 2 (ต่อ) 

ประตูห้องเปิดออก ขิงเดินเข้ามาเห็นโซว์นั่งเก็กท่าอยู่บนเตียงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขิงเห็นแล้วก็โมโหสุดขีด
"นายหายไปไหนมา นายรู้มั้ยว่าชั้นต้องไปเดินหานายจนขาขวิด ถ้ารู้ว่านายกลับมานั่งยิ้มทำเป็นทองไม่รู้ร้อนแบบนี้ ชั้นไม่ตามหานายให้เหนื่อยฟรีหรอก"
"อะไรกันเรื่องแค่นี้ก็ต้องโกรธด้วย" โซว์งง
"ก็โกรธซิ !! ก็ถ้านายเป็นอะไรไปชั้นจะทำยังไง"
โซว์ยิ้มดีใจ "ขอบใจนะ ที่เป็นห่วง"
โซว์เข้ามาตบไหล่ขิง ได้ยินเสียงท้องของเขาร้องจ็อกๆ
"มัวแต่ห่วงตามหานาย ก็เลยไม่ได้ซื้ออะไรเข้ามาเลย" ขิงบอก
เสียงท้องขิงก็ร้องดังไม่แพ้ของโซว์เหมือนกัน
"งั้นเราออกไปหาอะไรกินกันเถอะ .... วันนี้ชั้นทำผิด ชั้นจะเลี้ยงขอโทษนายเอง" โซว์บอก
โซว์เข้าไปกอดคอขิงก่อนจะพาเดินออกไป ขิงเอามือโซว์ออกแล้วรีบเดินนำหน้าออกไป

ปีเตอร์ค่อยๆเดินย่องเข้ามาในล็อบบี้ของโรงแรม พอผ่านเก้าอี้รับแขกเขาก็ถึงกับชะงัก เพราะเห็นติ๊งโหน่งและสาวใช้นอนหลับรออยู่ที่เก้าอี้ระเกะระกะเต็มไปหมด แถมติ๊งโหน่งยังกรนเสียงดังเป็นม้าสนั่นหวั่นไหว ปีเตอร์ค่อยๆย่องให้เสียงเบาที่สุด ขณะกำลังจะพ้นติ๊งโหน่ง อยู่ดีๆติ๊งโหน่งก็ลุกขึ้นมา
ติ๊งโหน่งละเมอ "เจ้าชายทรงทอดเนตรซิเพคะ"
ปีเตอร์ตกใจ เขาหันไปเห็นติ๊งโหน่งลุกขึ้นมาละเมอรำ ปีเตอร์ตกใจเพราะนึกว่าติ๊งโหน่งตื่น แต่รำได้สักพักติ๊งโหน่งก็ล้มตัวนอนตามเดิม ปีเตอร์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะรีบวิ่งเข้าลิฟท์ไปทันที

ทีวีเปิดวีดีโอที่พัชรีถ่ายปีเตอร์กำลังหลีสาวๆ ในผับอยู่ พัชรีนั่งดูไปจิบไวน์ไปอย่างมีความสุข
"ชัดทุกช็อต คมทุกภาพ ....เจ้าชายบ้าอะไรก็ไม่รู้ทำตัวทุเรศได้ใจจริงๆ ถ้าพรุ่งนี้เอาไปให้เจ้านายดู มีหวังอึ้งพูดไม่ออกแน่"
พัชรีหัวเราะอย่างสะใจสุดๆ

ใต้สะพานเปลี่ยว อำนาจและลูกน้องสองคนกำลังซ้อมชายคนหนึ่งจนเลือดกบปากปางตาย อำนาจกำลังจะไปกระทืบซ้ำ แต่ชรินทร์ยกมือห้ามไว้ก่อนจะเดินเข้าไปดึงหัวชายคนนั้นขึ้นมาแล้วพูดด้วยสีหน้าเหี้ยม
"แกกล้ามากนะที่ล้วงคองูเห่าอย่างชั้น .... คิดจะหักหลังเอาข้อมูลของชั้นไปให้ตำรวจงั้นเหรอ"
ชรินทร์โมโห เขาลุกขึ้นกระทืบชายคนนั้น อำนาจและลูกน้องเข้าไปกระทืบซ้ำ
"ถ้าไม่อยากตายทรมาน บอกมาว่าข้อมูลที่แกขโมยมาอยู่ไหน" ชรินทรขู่
"ชั้นไม่บอก แกมันไอ้คนเลว หลอกผู้หญิงมาขาย แล้วยังคิดจะขายยาอีก"
"นี่แกรู้เรื่องชั้นมากไปแล้วนะ อำนาจ จัดการ" ชรินทรสั่ง
อำนาจพยักหน้ารับคำสั่ง เขาหยิบปืนขึ้นมาตั้งท่าจะยิงชายคนนั้น
ชรินทร์รีบห้าม "แล้วแกจะมายิงปืนเสียงดังโวยวายทำไมล่ะ กลัวใครเค้าไม่รู้ว่าแกฆ่าคนรึไง"
ชายคนนั้นฉวยจังหวะตอนที่อำนาจกำลังโดนด่าใช้กำลังสะบัดลูกน้อง 2 คนที่จับตัวเขาไว้ออก แล้วรีบวิ่งหนีไป
"มันหนีไปแล้วครับเจ้านาย" อำนาจบอก
"ตาชั้นมีเห็นแล้ว ...แล้วพวกแกจะมายืนบื้ออยู่ทำไม รีบตามไปซิวะ" ชรินทรสั่ง
ทุกคนรีบวิ่งตามชายคนนั้นออกไป ชรินทร์โมโหสุดๆ

เสียงท้องของโซว์ร้องดังขึ้นมาอีก โซว์มองไปรอบๆตัวก็เห็นแต่ซอยและความมืดมิด ยิ่งเดินยิ่งก็ยิ่งหิว
"อีกนานมั้ยเนี่ยถึงจะถึงร้านข้าวมันไก่เจ้าอร่อยของเธอน่ะ" โซว์ถาม
"ผมจำได้ว่ามันอยู่แถวๆนี้แหละ" ขิงบอก
"จำได้ !!! แสดงว่านายก็ไม่ได้มากินนานแล้วซิ"
"ก็ใช่น่ะซิ ดึกดื่นป่านนี้ใครเค้าจะออกมากินอีกล่ะ"
"สารภาพมา นายพาหลงใช่มั้ย"
"ไม่ได้หลง แค่ยังไม่เจอทางที่ถูกเท่านั้น ถ้าอยากกินของอร่อยก็อดทนหน่อยซิ" ขิงมองหาทาง "เอ... มันอยู่ตรงไหนน๊า"
"ถ้าไปถึงร้านแล้วไม่อร่อย นายตายแน่" โซว์ว่า
ขิงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้มองหาทาง โซว์มองหน้าขิงอย่างโมโหหิวสุดๆ

อำนาจและลูกน้อง 2 คนวิ่งไล่ชายคนนั้นมาจนทัน ทั้งสี่คนเข้าไปจับตัวชายคนนั้นไว้ ชายหนุ่มพยายามดิ้นหนีด้วยความกลัว ชรินทร์เดินเข้ามา ในมือของเขาถือผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อมาด้วย
"แกทำให้คนอย่างท่านชรินทร์ต้องมาเสียเหงื่อ เพราะตามคนงี่เง่าอย่างแก แกกล้ามากนะ ชั้นให้โอกาสแกครั้งสุดท้าย ข้อมูลที่แกเอาไปอยู่ที่ไหน" อำนาจถาม

ขิงและโซว์เดินเข้ามาใกล้จนได้ยินเสียงชายคนที่ถูกจับ
“ กูไม่บอก !! มึงอยากจะฆ่ากู ก็ฆ่าเลยซิ"
ขิงและโซว์ได้ยินเสียงก็ตกใจ ทั้งสองรีบหันมองหน้ากันก่อนจะรีบมองไปตามเสียง ทั้งสองเห็นชรินทร์และ ลูกน้องกำลังเอาปืนจ่อชายคนหนึ่งอยู่ ขิงเห็นแล้วก็ตกใจจึงพยายามดึงโซว์ให้ออกไป
"รีบไปกันเถอะ อย่าไปยุ่งเลย"
"ไม่ยุ่งได้ไง นายไม่เห็นเหรอว่าคนนั้นเค้าจะถูกทำร้าย" โซว์บอก
"ไม่เห็นรึไง พวกนั้นมีปืนตั้งหลายกระบอก นายอยากตายรึไง"
โซว์ไม่สนใจ เขาหยิบกล้องขึ้นมาจะกดถ่ายรูป ขิงตกใจรีบร้องถาม
"นายจะทำอะไร"
"เก็บหลักฐานไง"
"นายนี่มันหาเรื่องดีนักนะ นายอยากถ่ายก็ถ่ายไปแต่ชั้นไม่เอาด้วยแล้ว"
"นี่ ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นพี่ชาย น้องชาย หรือว่าญาติเธอ นายจะนิ่งดูดายอยู่งั้นเหรอ"
โซว์ไม่สนใจ เขาหยิบกล้องมาจะถ่ายรูป ขิงโมโหสุดๆ แต่ไม่รู้จะทำยังไง ในใจเธออยากเอามือบีบหัวโซว์ให้หายโกรธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

ชรินทร์ อำนาจ และลูกน้องมองหน้าชายคนนั้นอย่างเหี้ยมเกรียม
"แกไม่ต้องมาท้าหรอก รับรองแกได้ตายสมใจแน่" ชรินทร์บอก
ชรินทร์ยิ้มร้าย ก่อนจะยกปืนขึ้นหมายจะยิง

โซว์กำลังยืนถ่ายรูปเหตุการณ์นี้เอาไว้ เสียงปืนดัง ปัง ปัง ปัง ขิงตกใจรีบอุดหู แต่โซว์ยังมุ่งมั่นถ่ายรูปอย่างไม่เกรงกลัว

ชรินทร์กำลังจะยิงปืนนัดที่ 4 แต่เห็นแสงแฟลซสะท้อนเข้าตา
"เฮ้ย !!!! นั่นมันแสงอะไร"
อำนาจและลูกน้องอีกสองคนมองตามแสง อำนาจเห็นโซว์กำลังยืนถ่ายรูปอยู่ไกลๆ
"แสงแฟลซครับเจ้านาย" อำนาจบอก
ชรินทร์พยักหน้า "อ๋อ งั้นเหรอ มิน่าแสงมันดูคุ้นๆ" ชรินทร์คิดขึ้นมาได้ "ห๊า ..ว่าไงนะ แสงแฟลซงั้นเหรอ"
"ครับ มีคนแอบถ่ายรูปพวกเราครับเจ้านาย !!” อำนาจบอก
ชรินทร์หันมองไปเห็นโซว์และขิงก็โกรธสุดๆ
"เก็บพวกมันให้ได้ !” ชรินทร์สั่ง

ขิงเห็นชรินทร์และพวกวิ่งเข้ามาหาก็ตกใจ
"ซวยแล้วมั้ยล่ะ ...พวกมันเห็นเราแล้ว รีบเผ่นเถอะ !!!”
ขิงรีบพาโซว์วิ่งหนีออกไปทันที

โซว์และขิงวิ่งหนี โดยที่อำนาจและเหล่าลูกน้องวิ่งไล่ ลูกน้องคนหนึ่งวิ่งไล่ตามก่อนจะหยิบปืนขึ้นมายิง ขิงรีบจับโซว์หลบลูกปืนได้อย่างหวุดหวิด โซว์และขิงมองหน้ากันอย่างตื่นตระหนก ทั้งสองหายใจหอบด้วยความเหนื่อย ลูกน้องคนนั้นจะยิงซ้ำ แต่อำนาจรีบเข้าไปจับมือห้ามไว้
“ไอ้โง่ !! ยิงปืนอย่างนั้น เดี๋ยวใครก็ได้ยินหรอก มันต้องนี่” อำนาจหยิบที่เก็บเสียงมาใส่
อำนาจยิ้มร้ายก่อนจะเล็งปืนแล้วยิงไปตรงที่โซว์และขิงหลบอยู่ ขิงและโซว์หลบกระสุนปืนได้อย่างหวุดหวิด
ขิงเผลอร้องเสียงผู้หญิง “ว๊าย !!”
โซว์ตกใจ “ทำไมนายร้องเสียงเหมือนผู้หญิงอย่างนั้นล่ะ”
“หน้าสิ่วหน้าขวานยังจะมาจับผิดกันอีก” ขิงว่า “ รีบหนีเร็ว !!”

ขิงจูงมือโซว์พาวิ่งหนีไป ทั้งสองพยายามมองหาทางหนีไปตามซอยเล็กซอยน้อยและทางแยกต่างๆ ขิงพาโซว์วิ่งหนีไปเรื่อยๆ อำนาจและลูกน้องยังวิ่งตามไม่ลดละ โซว์มองไปข้างทางเห็นทางไม่คุ้นอีกทั้งยังเริ่มเปลี่ยวและเล็กลงเรื่อยๆ
“นายรู้ทางรึเปล่าเนี่ย” โซว์ถาม
“อย่าพูดมากเลยน่า ...” ขิงว่า
ขิงพาโซว์วิ่งเข้าซอยไปในซอยหนึ่ง ทั้งสองวิ่งไปเรื่อยๆ จนพบว่าเป็นซอยตัน ขิงและโซว์ตกใจจะวิ่งกลับ แต่ก็ได้ยินเสียงอำนาจและลูกน้องวิ่งตามมา ขิงกับโซว์รีบเข้าไปหลบหลังกองขยะทันที
อำนาจและพวกลูกน้องวิ่งตามเข้ามาแต่ก็ไม่เห็นมีใคร อำนาจยิ้มก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง
“ไปทางอื่นเถอะ ..”
อำนาจและลูกน้องวิ่งออกไป
ขิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะค่อยๆโผล่หน้าออกไป พอเห็นว่าไม่มีใครแล้วก็ถอนหายใจโล่งอก
“รีบไปก่อนที่พวกมันจะย้อนกลับมาเถอะ” ขิงบอก
ขิงไม่ฟังคำตอบเธอรีบพาโซว์ออกไป แต่ก็เจออำนาจยืนมาดเท่รออยู่ อำนาจหันไปสั่งลูกน้อง ลูกน้องรีบดึงกล้องออกมาจากมือโซว์ โซว์พยายามขัดขืน อำนาจยิ้มร้ายก่อนจะหยิบปืนขึ้นมาเล็งไปทางขิง ขิงตกใจจนหน้าเสีย โซว์โมโหแต่สุดท้ายก็ต้องยอมให้กล้องไป
อำนาจสั่งลูกน้อง “ดูซิว่าพวกมันเป็นใคร”
“เค้าไม่ใช่คนไทยหรอก อีกไม่กี่วันเค้าก็จะกลับแล้ว ..แล้วผมก็ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น” ขิงบอก
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกไอ้น้อง” อำนาจว่า
อำนาจยกปืนขึ้นจะยิงขิง โซว์ได้จังหวะจึงเข้าไปต่อยอำนาจ อำนาจโดนต่อยจนล้มลง โซว์ต่อยและผลักลูกน้องคนอื่นๆ จนกระเด็นไป ก่อนจะรีบดึงมือขิงวิ่งหนี อำนาจกับลูกน้องวิ่งตามด้วยความโมโหสุดขีด

อำนาจและลูกน้องวิ่งตามไปจนถึงแม่น้ำ จากนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงดัง “ตูม” ลูกน้องคนหนึ่งรีบวิ่งไปดูก็เห็นผิวน้ำไหวเหมือนมีคนเพิ่งกระโดดลงไป
“ลูกพี่สงสัยมันกระโดดลงไปในน้ำแล้ว” ลูกน้องบอก
อำนาจวิ่งไปมองในแม่น้ำด้วยความเจ็บใจ
“โดดลงไปป่านนี้เห็นทีจะรอดยากครับลูกพี่”
อำนาจโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้ “แล้วจะมายืนบื้อทำไม กลับซิวะ”
อำนาจและลูกน้องเดินออกไป
ที่มุมหนึ่งไม่ไกลกันนัก โซว์กำลังเอามือปิดปากขิงในขณะที่ซ่อนตัวอยู่ ทั้งสองมองพวกอำนาจและลูกน้องที่เดินออกไปก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ชรินทร์นั่งกอดอกอยู่ในรถที่จอดนิ่งโดยไม่ได้ปิดประตู เขามีสีหน้าเคร่งเครียด อำนาจเดินเอากล้องถ่ายรูปของโซว์มายื่นให้
“พวกมันกระโดดน้ำหนีไปแล้วครับ ท่าทางจะไม่รอด” อำนาจรายงาน
ชรินทร์พยักหน้าก่อนจะเปิดกล้องถ่ายรูปดู แต่บนหน้าจอไม่มีอะไรนอกจากคำว่า “insert sd card” ชรินทร์รีบหาช่องใส่เอสดีการ์ดพอเปิดดูกลับพบว่าว่างเปล่า
“นี่มันหมายความว่ายังไง เอสดีการ์ดไปไหน?”
อำนาจงง “เอสดีการ์ดอะไรเหรอครับ”
ชรินทร์โมโห “ไอ้โง่ !! การ์ดที่ใช้แทนฟิล์มในกล้องดิจิทัล ที่มีรูปชั้นยิงหัวไอ้หน้าโง่นั่นไง”
“พวกเราไม่มีใครแตะต้องกล้องเลยนะครับ” อำนาจคิด “หรือว่าไอ้พวกนั้น..”
ชรินทร์ลุกออกไปตบหน้าอำนาจ “บัดซบที่สุด !! ไปเอากลับมาให้ได้ ต่อให้มันเป็นศพในแม่น้ำพวกแกก็ต้องลงไปเอาของกลับมาให้ชั้นให้ได้ !! เข้าใจมั้ย”
ชรินทร์มีสีเหี้ยมสุดๆ

ขิงและโซว์วิ่งมาจนถึงถนนใหญ่ที่มีรถวิ่งผ่าน ทั้งสองเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก ขิงมองโซว์โมโหก่อนจะไปผลักอกอย่างเอาเรื่อง
“นายทำบ้าอะไร เห็นมั้ยว่าพวกเราเกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว เพราะนายคนเดียว”
“เอาเถอะน่ายังไงเราก็รอดมาแล้ว นายอย่าบ่นนักเลย” โซว์บอก
“ต้องบ่นซิ นายไม่รู้รึว่าว่าชั้นเป็นคนสำคัญของครอบครัวชั้นขนาดไหน ถ้าชั้นเป็นอะไรคนที่บ้านชั้นจะเป็นยังไง”
โซว์ไม่สนใจฟัง เขาล้วงมือไปในกระเป๋าแล้วหยิบเอสดีการ์ดออกมา
“พวกเราต้องรีบเอานี่ไปให้ตำรวจ” โซว์บอก
“นี่ฟังไม่ได้ฟังที่ชั้นพูดรึไง ไอ้ที่ต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเมื่อกี้นายไม่เข็ดรึไง”
“แล้วนายล่ะ เห็นคนถูกฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตาทั้งคน ไม่คิดจะทำอะไรรึไง”
“คนอย่างพวกเราจะไปทำอะไรได้”
“ชั้นมั่นใจว่าชั้นถ่ายรูปพวกมันได้ ..มันน่าจะเป็นหลักฐานที่ดีที่สุด”
“นี่นายจะเอาจริงเหรอเนี่ย” ขิงถามอย่างไม่แน่ใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอกชั้นสัญญาว่านายจะไม่เป็นไร”
“แต่ว่า …”
โซว์ไม่สนใจ เขาเดินไปเรียกรถแท็กซี่ แท็กซี่เข้ามาจอด โซว์รีบไปเปิดประตู
“ไปสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด ...”
โซว์กำลังจะขึ้นรถ เขาหันไปมองขิงที่ยังลังเลเพราะไม่รู้จะทำยังไง
“ถ้าคนทุกคนปล่อยให้คนทำผิดอยู่เหนือกฎหมาย เพราะแค่เรากลัวจะเดือดร้อน แล้วประเทศชาติจะอยู่รอดเหรอ” โซว์พูดกับขิง
ขิงอึ้งเพราะพูดไม่ออก โซว์มองหน้าขิง ก่อนจะตัดสินใจขึ้นรถ ขิงโมโหแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เธอจำใจขึ้นรถไปกับโซว์

โซว์เดินมุ่งมั่นนำหน้าขิงเข้ามาในสถานีตำรวจ ขณะที่ขิงพยายามดึงตัวโซว์ไว้
“ผมว่าเรากลับดีกว่านะครับ อย่าไปยุ่งเรื่องนี้เลย”
“เอ๊ะ !! นายนี่ยังไงมาถึงขนาดนี้แล้ว เดี๋ยวเราแค่แจ้งตำรวจแล้วก็ให้หลักฐาน เป็นพยานให้นิดหน่อยแล้วก็จบเรื่องแล้ว รับรองไม่มีใครเดือดร้อนแน่” โซว์ยืนยัน
“แต่..”
โซว์มองขิงอย่างผิดหวัง “ถ้านายไม่อยากทำก็กลับไป ..ชั้นทำคนเดียวได้”
“จะกลับได้ยังไง ก็นายยังไม่ให้เงินผมเลย” ขิงว่า
“ชั้นไม่ให้”
“อ้าว ทำงี้ได้ไง”
“ก็นายอยากทิ้งชั้น ก็หมายความว่านายทำงานไม่สำเร็จ”
“หนอย นายกะจะใช้มุขนี้แต่แรกแล้วใช่มั้ย งั้นนายเจอแน่ ผมจะแจ้งตำรวจ”
ขิงโมโหจัดผลักโซว์ออกไปก่อนจะเดินนำเข้าไปในโรงพัก โซว์ขำแล้วรีบเดินตาม ขณะกำลังจะเดินเข้าไป โซว์เห็นอำนาจเดินออกมาจากสถานีตำรวจพอดี โซว์รีบจับขิงไว้ แต่ขิงสะบัดแขนออก โซว์รีบชี้ให้ขิงดูอำนาจ ขิงเห็นเข้าก็ถึงกับตกใจ
ขิงและโซว์รีบวิ่งไปหลบพร้อมกับแอบมอง สักพักทั้งคู่ก็เห็นชรินทร์เดินหัวเราะและพูดคุยอย่างสนิทสนมออกมากับตำรวจที่ดูมียศใหญ่โตคนหนึ่ง
“ขอบคุณนะครับ ที่ท่านมาแจงเรื่องนี้ สมัยนี้ไม่ค่อยมีใครอยากยุ่งเรื่องคนอื่นกันแล้ว” ตำรวจบอก
“แหม..ดูแลทุกข์สุข สอดส่องสังคมมันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว” ชรินทร์หัวเราะ
“แล้วไม่ทราบว่าเห็นหน้าคนร้ายรึเปล่า” ตำรวจถาม
“ไม่เห็นหรอก ลูกน้องผมเป็นคนเห็น”
“ผมจำหน้าได้แม่นเลยครับ มันเป็นชาวต่างชาติคนนึง แล้วก็เด็กผู้ชายผอมๆบางๆคนนึง”
ขิงมองหน้าโซว์ด้วยความตกใจ
“งั้นเดี๋ยวช่วยไปบอกรูปพรรณสัณฐานให้ตำรวจสเก็ตภาพไว้”
“ไม่มีปัญหาครับ”
ตำรวจเดินมาส่งชรินทร์ที่รถ
“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะจัดการจับคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุด” ตำรวจกำชับ
ชรินทร์พยักหน้ายิ้มพอใจ อำนาจปิดประตูให้ชรินทร์ แล้วรถก็แล่นออกไป
ตำรวจและอำนาจเดินขึ้นไปบนโรงพัก ทั้งสองคุยกันด้วยท่าทางสนิทสนม
“จะทำยังไงดีล่ะ ตอนนี้พวกเรากลายเป็นผู้ร้ายไปแล้ว” ขิงตกใจ
“พวกมันมาก่อนเราแถมสนิทสนมกับตำรวจขนาดนี้ แสดงว่าต้องเป็นผู้มีอิทธิพล” โซว์บอก
“ผมไม่อยากเป็นคนร้าย ผมไม่อยากติดคุก เพราะนายคนเดียว ผมจะทำยังไงดี”
ขิงนั่งลงกับพื้นอย่างผิดหวัง โซว์มองขิงด้วยความเห็นใจ
“ชั้นสัญญาว่านายจะต้องไม่เป็นอะไร ยังไงเราก็ยังมีหลักฐาน ถ้าเราเอารูปออกมาพิสูจน์ได้ แค่นั้นพวกเราก็พ้นข้อกล่าวหาแล้ว”
ขิงเงยหน้ามองโซว์ โซว์มองขิงด้วยสายตาเชื่อมั่น
“ผมจะลองเชื่ออีกซักครั้ง แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ” ขิงบอก
โซว์พยักหน้าตกลง

โซว์เอาเอสดีการ์ดใส่เข้าไปในโน้ตบุ๊ค โน๊ตบุ๊คกำลังอ่านข้อมูล ขิงและโซว์ลุ้นสุดๆ สักพักที่หน้าจอก็ขึ้นข้อความ “sd card error”
“เสีย !! เสียไม่ได้นะ” ขิงหันไปเอาเรื่องโซว์ “แล้วนายจะทำยังไง คราวนี้ก็ไม่มีหลักฐานอะไรแล้ว เพราะนายทำให้ชั้นต้องติดคุก” ขิงเข้าไปทุบ เตะ และต่อยโซว์ “เพราะนายคนเดียว ผมบอกแล้วว่าไม่ให้ยุ่ง ก็ไม่เชื่อ”
“หยุดเถอะ มันต้องแก้ไขได้ ต่อให้ต้องหาช่างจากทั่วโลกมาซ่อมไอ้การ์ดนี้ชั้นก็จะทำ” โซว์ยืนยัน
“นายมันดีแต่พูด ผมไม่เชื่ออีกแล้ว”
“ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีทั้งหมดที่ชั้นมี ชั้นขอให้นายเชื่อชั้นอีกครั้ง ..ชั้นพอจะมีเพื่อนที่ช่วยพวกเราเรื่องนี้ได้”
โซว์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองก่อนจะตัดสินใจโทรหาปีเตอร์ทันที

ที่บ้านของชรินทร์ ชรินทร์เอามือทุบเสียงดังด้วยความโกรธ
“ถ้ามันหนีไปได้ มันก็คงไม่กล้าทำอะไร” ชรินทร์ชี้หน้าอำนาจ “แต่แกต้องไปหาตัวมันให้ได้”
“ไม่ต้องห่วงครับ ถ้ามันยังไม่จมน้ำตาย ผมพอจะรู้ว่าจะตามหามันได้ที่ไหน” อำนาจบอก
ติ๊งโหน่งเปิดประตูเข้ามาในห้อง ชรินทร์และอำนาจรีบทำหน้ายิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไงจ๊ะลูกสาวพ่อ ทำไมยังไม่นอนอีก” ชรินทร์ถาม
“ก็ติ๊งร้อนใจ อยากถามคุณพ่อว่าเมื่อไหร่คุณพ่อจะไปเชิญเจ้าชายมาเหวยที่บ้านเราค่ะ พ่ออยากให้ติ๊งแพ้คนอื่นใช่มั้ย” ติ๊งโหน่งตัดพ้อ
“งั้นพรุ่งนี้พ่อจะไปเชิญท่านให้เลยดีมั้ย”
“จริงนะคะพ่อ”
ติ๊งโหน่งกระโดดเข้าเอวแล้วกอดชรินทร์ด้วยความดีใจสุดๆ

ขิงและโซว์พยายามเดินก้มหน้าก้มตาเพื่อหลบหน้าผู้คนบนถนนข้าวสาร โซว์เดินกดมือถือไปด้วย แต่โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด ขิงมองเขาแล้วส่ายหน้า
“เพื่อนนายคนนี้เป็นเพื่อนแท้ยามยากจริงๆนะ ชั้นเห็นนายโทรไปเป็นร้อยๆครั้งแล้ว ยังไม่ยอมรับซักที” ขิงประชด
“มันต้องมีอะไรผิดพลาดซักอย่าง เค้าไม่เคยไม่รับโทรศัพท์ชั้น”
“นี่ ! บอกไว้ก่อนนะว่าถ้านายเจอเพื่อนนาย แล้วซ่อมเอสดีการ์ดได้แล้วเราทางใครทางมันนะ ผมไม่อยากจะทนอีกแล้ว”
โซว์มองหน้าขิง “ตกลง”
ขิงและโซว์เดินไปเจอกับลูกน้องของอำนาจสองคนที่เดินตรงมาด้วยท่าทางเหมือนพยายามมองหาใครอยู่ แต่ขิงและโซว์ที่กำลังจะเดินสวนไม่ทันเห็น
“ดูนั่น..” ลูกน้องคนหนึ่งชี้ไปทางโซว์และขิงที่กำลังเดินมา
“เจอพวกมันแล้วเหรอ” ลูกน้องอีกคนถาม
“เปล่าหรอกพี่” ลูกน้องคนแรกชี้เลยโซว์และขิงไป “ชั้นชี้ร้านถักผมอย่างที่พี่เคยถักไง เราแวะไปถักก่อนแล้วค่อยตามหามั้ย”
ลูกน้องอีกคนทำเสียงเข้ม “ไอ้บ้า....” แล้วเขาก็ยิ้มออกมา “แต่แกต้องให้ชั้นถักก่อนนะ”
ลูกน้องทั้งสองคนเดินสวนกับโซว์และขิงไปโดยไม่ทันได้สังเกต

ณ ห้องพักโรงแรม ขาปีเตอร์พาดอยู่บนเตียงแต่ตัวเขาลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น เสียงนาฬิกาปลุกดัง ปีเตอร์งัวเงียขึ้นมาปิดแล้วค่อยๆ ลุกเดินสโลสเลไปที่ห้องน้ำ ปีเตอร์หยิบหลอดโฟมล้างหน้ามาบีบแทนยาสีฟันแล้วแปรง แต่แปรงเท่าไหร่ฟองก็ไม่ขึ้น ปีเตอร์ยังไม่รู้สึกตัว เขาหยิบหลอดยาสีฟันมาบีบแทนโฟมล้างหน้า พอถูหน้าไปสักพักเริ่มรู้สึกเย็นหน้า
“ทำไมกลิ่นมันมิ้นต์ๆ” ปีเตอร์ลองเอามาชิม “ตาย..หะ” ปีเตอร์จะหลุดพูดคำหยาบแต่ห้ามปากตัวเองทัน ปีเตอร์รีบล้างหน้าทันที
“สงสัยเมื่อคืนจะหนักไปหน่อย....” ปีเตอร์บ่นกับตัวเอง
ปีเตอร์เดินมึนๆออกมาจากห้องน้ำ เขาเดินกลับไปที่เตียงก่อนจะหลับต่อ โทรศัพท์มือถือของปีเตอร์ซึ่งตกอยู่ใต้เก้าอี้ไม่ห่างจากเตียงสั่นอยู่บนพื้นโดยไม่มีเสียง

ขิงเดินเข้ามาในโรงแรมแล้วก็อึ้งตะลึงในความหรูหราใหญ่โตของโรงแรม
“เดี๋ยวนายรอชั้นอยู่ที่นี่นะ ชั้นจะขึ้นไปหาเพื่อนข้างบน” โซว์บอก
“อื้อ เดี๋ยวผมจะนั่งอยู่ตรงล็อบบี้แล้วกัน”
โซว์รีบเดินออกไป ขิงมองตามโซว์อย่างแปลกใจ
“เพื่อนก็พักโรงแรมใหญ่โต แล้วทำไมตัวเองต้องไปนอนเกสต์เฮ้าส์กนระจอกแบบนั้นก็ไม่รู้ ประหลาดคนจริงๆ”
ขิงเดินไปหยิบหนังสือมานั่งอ่านที่เก้าอี้โซฟาบริเวณนั้น อำนาจและชรินทร์เดินเข้ามาในโรงแรมโดยที่ขิงมองไม่เห็น
“ชั้นต้องการมาพบเจ้าชายโซว์” อำนาจพูดกับพนักงานโรงแรม
“รอซักครูค่ะท่าน” พนักงานบอก

เสียงกดกริ่งหน้าห้องดังรัวไม่หยุด ปีเตอร์เดินงัวเงียไปเปิดประตู
“ใครวะ ไม่มีมารยาท ไม่รู้รึไงว่าห้องนี้เป็นห้อง .....”
ปีเตอร์เปิดประตูออกมาก็เห็นโซว์ยืนหน้าบึ้งอยู่
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ รู้มั้ยว่าชั้นโทรหานายก็ร้อยกี่พันครั้ง” โซว์ว่า
ปีเตอร์จ๋อย “ไม่รู้ครับ ..นี่เจ้าชายจะทรงกลับมาเอาเรื่องหม่อมชั้นเหรอพระเจ้าค่ะ หม่อมชั้นผิดไปแล้ว หม่อมชั้นขอโทษ ยกโทษให้หม่อมชั้นด้วยนะเพคะ หม่อมชั้นไม่ได้ตั้งใจ หม่อมชั้นสำนึกผิดแล้ว” ปีเตอร์ฟูมฟาย
โซว์สุดทน “หยุดคร่ำครวญซักทีเรามีเรื่องสำคัญที่อยากให้เจ้าช่วยทำ” โซว์ยื่นเอสดีการ์ดให้ปีเตอร์ “ช่วยไปซ่อมเอสดีการ์ดนี้ให้ได้ ต่อให้ยากลำบากขนาดไหนก็ต้องกู้ข้อมูลมาให้ได้”
ปีเตอร์รับเอสดีการ์ดไป “มีอะไรเหรอเจ้าชาย ท่าทางพระองค์ดูร้อนรนมาก”
“คือเรื่องนั้น ...”
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้น ปีเตอร์รีบลุกไปรับ
เสียงโอเปอร์เรเตอร์ดังผ่านสายมา “ท่านชรินทร์ ไขแสงสุรศรี ต้องการมาพบเจ้าชายเพคะ”
“บอกให้รอก่อน ..เรายังมีธุระสำคัญที่สุดต้องจัดการอยู่”

ชรินทร์มองหน้าพนักงานแล้วยิ้มอารมณ์ดี
“ไม่มีปัญหา ชั้นรอได้” ชรินทร์ทำหน้าเหี้ยม “แต่อย่าให้รอนานมากแล้วกัน เพราะคนอย่างชรินทร์ไม่ชอบรอใคร”
พนักงานพยักหน้าก่อนจะก้มหน้าก้มตาด้วยความกลัว
ชรินทร์เดินหน้าเซ็งไปนั่งเก้าอี้ตรงหน้าขิงที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
“เชอะ !! ถือว่าเป็นเข้าชายแล้วปล่อยให้รอ” ชรินทร์บ่น “นี่ถ้าไม่ใช่เพราะลูกติ๊งโหน่ง สุดที่รัก คนอย่างชรินทร์ไม่นั่งรอใครอย่างนี้หรอก”
“อ่านหนังสือรอไปก่อนครับท่าน” อำนาจบอก
อำนาจยื่นหนังสือพิมพ์ให้ชรินทร์ ชรินทร์กางหนังสือพิมพ์อ่านจังหวะเดียวกับที่ขิงพับหนังสือพิมพ์เก็บ พอดี ขิงมองนาฬิกาข้อมือตัวเองแล้วบ่น
“ทำไมช้านักนะ”
“น้อง หนังสือพิมพ์นี้อ่านจบแล้วใช่มั้ย” อำนาจถาม
“จบแล้วครับ”
ขิงยื่นหนังสือพิมพ์ให้ ก่อนจะเหลือบตาไปเห็นว่าคนที่หยิบหนังสือก็คืออำนาจ ขิงตกใจเพราะจำได้จึงรีบหันหน้าไปอีกทาง ขิงรีบหยิบหนังสือเล่มอื่นขึ้นมากางอ่านเพื่อบังหน้า เธอค่อยๆแอบมองเห็นชรินทร์และอำนาจ
“ทำไมต้องมาซวยซ้ำซวยซากอย่างนี้” ขิงบ่น
ขิงพยายามกระเถิบตัวจะออกจากเก้าอี้ แต่อำนาจเดินมานั่งข้างๆขิงโดยปิดทางออกไว้ ขิงหน้าเสียเพราะจะออกก็ออกไม่ได้ ขิงเอามือเช็ดเหงื่อเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี

ท่านชายในสายหมอกตอนที่ 2 (ต่อ)
ปีเตอร์ตกใจสุดขีด 
“นี่เจ้าชายไปทำอะไรมาเนี่ย..มันเป็นเรื่องใหญ่มากเลยนะครับ”
โซว์เดินหน้าเครียดไปนั่งกุมขมับที่เก้าอี้รับแขกในห้อง
“ก็ใหญ่น่ะซินายถึงต้องช่วยชั้นหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ให้ได้” โซว์บอก
ปีเตอร์รีบเข้าไปนั่งกอดขาโซว์แล้วอ้อนวอน
“โธ่เจ้าชาย ไม่ต้องยืนยงยืนยันอะไรแล้ว เดี๋ยวพวกเราเก็บกระเป๋ากลับประเทศ เรื่องก็จบ”
“ชั้นยังกลับไม่ได้ ชั้นต้องรับผิดชอบชีวิตเด็กผู้ชายคนนึงที่ชั้นดึงเค้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย เพราะชั้นเค้าเลยต้องเดือดร้อน”
“เดี๋ยวเราก็ให้เงินเค้าสักก้อน ให้เค้าหลบอยู่สักพัก”
“ทำไมเค้าจะต้องมีชีวิตแบบนั้น ในเมื่อเค้าไม่ได้ทำผิด”
“แต่เจ้าชายบอกว่าคนที่ทรงเห็นคนนั้นท่าทางเป็นคนมีอิทธิพล”
“ใช่ เพราะอย่างนั้นพวกเราถึงต้องจัดการเรื่องนี้ให้จบ”
“แต่กระผมเกรงว่าเรื่องนี้จะนำความเสื่อมเสียมาให้ราชวงศ์แห่งนิวแลนด์นะขอรับ”
“ต่อให้เราต้องขายหน้าคนทั้งโลก แต่ถ้าเราช่วยชีวิตคนๆนึงไว้ได้ เราก็ยอม จัดการเรื่องที่สั่งให้เรียบร้อยก็พอ ไม่อย่างนั้นเราจะเอาผิดเจ้าเพิ่มอีกเป็นสองเท่า”
“เจ้าชาย !!” ปีเตอร์หน้าจ๋อย
โซว์มั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องผ่านพ้นไปได้อย่างแน่นอน

ขิงนั่งอึดอัดอยู่ที่เดิมเพราะไม่รู้จะทำยังไง เธอหันไปมองโทรทัศน์ที่เปิดอยู่ใกล้ๆ ในจอเป็นรูปสเก็ตภาพของเธอและโซว์
เสียงผู้รายงานข่าวจากโทรทัศน์ดังขึ้น “ขณะนี้ตำรวจกำลังพยายามจับกุมผู้ต้องสงสัย ฆ่าโหดนายสุเมธ ผู้จัดการใหญ่สถานบันเทิงชื่อดัง ...หากใครพบเห็นหรือให้ข้อมูลเกี่ยวผู้ต้องสงสัยท่านชรินทร์ ไขแสงสุรสีห์จะมีเงินรางวัลให้ 1 ล้านบาท”
ขิงถึงกับช็อค
ในทีวีเป็นภาพชรินทร์กำลังให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว
“เพราะผมกับคุณสุเมธทำงานกันมานาน ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ ถ้าคนร้ายทำอุกอาจอย่างนี้ผมยอมไม่ได้” ชรินทร์มองกล้อง “ผมจะเอาเรื่องถึงที่สุด”
ขิงถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ เธอค่อยๆหันไปมองทางชรินทร์และอำนาจที่กำลังดูข่าวตัวเองพร้อมทั้งหัวเราะกันอยู่
“ไงชั้นบอกแล้วว่าถ้าชั้นใส่เสื้อสีนี้เวลาออกทีวีแล้วจะขึ้น” ชรินทร์พูด
“ขึ้นอืดน่ะซิครับ” อำนาจขัด
ชรินทร์หันมาเอาเรื่อง “นี่แกว่าชั้นอ้วนเหรอ”
ขณะที่ชรินทร์กำลังจะเอาเรื่องอำนาจ ขิงก็รีบเอาหนังสือปิดหน้าแล้วรีบลุกออกจากเก้าอี้ไปโดยเร็ว ขิงหันไปเห็นประตูลิฟท์เปิดออกโดยมีโซว์เดินออกมา เธอจึงรีบเดินไปเอาหนังสือปิดหน้าโซว์
“เงียบก่อนอย่าเพิ่งถามอะไรทั้งนั้น” ขิงบอกโซว์
ขิงกับโซว์เอาหนังสือพิมพ์ปิดหน้าและกำลังจะเดินออกไปจากบริเวณนั้น
เสียงอำนาจดังขึ้น “เดี๋ยวก่อนไอ้น้อง !!”
ขิงตกใจสะดุ้งเฮือก เธอค่อยๆหันกลับไปดูแต่ก็ยังเอาหนังสือปิดหน้าอยู่ อำนาจเดินเข้ามาทางข้างหลัง ขิงและโซว์มองหน้ากันเพราะกลัวโดนจับได้
“ลืมกระเป๋าไว้น่ะ” อำนาจบอก
ขิงรีบหยิบกระเป๋า “ขอบคุณครับ”
ขิงรับกระเป๋าเสร็จก็รีบพาโซว์เดินออกไป อำนาจมองตามด้วยความสงสัย
“หน้าตาท่าทางคุ้นๆแฮะ”
พนักงานเดินไปบอกชรินทร์ “เชิญท่านชรินทร์เข้าเฝ้าเจ้าชายโซว์ได้แล้วค่ะ”
ชรินทร์ลุกเดินออกไป อำนาจหันหลังกลับก่อนจะรีบตามชรินทร์ขึ้นไปทันที

ขิงลากโซว์ออกมาจากโรงแรม โซว์สะบัดมือขิงเพราะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“นี่นายจะทำอะไรของนาย นายจะหนีอะไร”
“นายตาบอดรึไง ถึงไม่เห็นพวกมันเมื่อกี้” ขิงว่า “มันตามเรามาที่โรงแรมแล้วรู้มั้ย มันคงรู้ว่านายมีเพื่อนที่นี่เลยมาดักจับพวกเรา”
โซว์ไม่อยากเชื่อ “เป็นไปไม่ได้”
“ไม่งั้นมันจะมาโรงแรมแบบนี้ทำไม แล้วจะบอกนายให้รู้ไว้ด้วยว่าตอนนี้รูปสเก็ตพวกเราออกทีวีหรา แถมมีรางวัลนำจับอีก 1 ล้านบาท”
“ทำใจดีๆ เดี๋ยวเรากลับเข้าไปหาเพื่อนชั้น แล้วชั้นสัญญาว่าทุกอย่างจะจบ”
“ไม่ !! ผมไม่เข้า”
“นายอย่าดื้อน่า เพื่อนชั้นช่วยได้จริงๆ” โซว์ยืนยัน
ขิงและโซว์ดึงมือกันไปมาอยู่หน้าโรงแรม รปภ.เห็นก็รีบเข้าไปหมายจะห้าม แต่พอมองหน้าขิงและโซว์แล้วก็รู้สึกคุ้นๆ
“นายสองคนที่ออกทีวีเมื่อกี้นี่”
ขิงได้สติรีบลากโซว์ออกไป “หนีเร็ว !!”
ขิงรีบดึงมือโซว์เดินหนีไปก่อนจะขึ้นรถแท็กซี่ออกไปทันที

ปีเตอร์กับชรินทร์กำลังนั่งคุยกันในห้องพัก โดยมีอำนาจยืนอยู่ข้างหลัง
“เรื่องงานเลี้ยงไม่มีปัญหา เรายินดีจะไป” ปีเตอร์บอก
“งั้นกระหม่อมจะส่งรถมารับพระองค์นะพระเจ้าข้า” ชรินทร์บอก
“ขอบใจมาก แต่ไม่ต้องรีบส่งมานะ เพราะเราอาจจะมีธุระนิดหน่อย”
“ธุระอะไรเหรอกระหม่อม หม่อมชั้นพอจะช่วยได้มั้ย”
ปีเตอร์หยิบแผ่นเอสดีการ์ดขึ้นมาให้ชรินทร์ดู
“เราจะไปหาคนซ่อมไอ้นี่หน่อยน่ะ”
“อ๋อ เรื่องแค่นี้เอง ให้กระหม่อมจัดการให้ก็ได้ ใช่มั้ยอำนาจ” ชรินทร์หันไปหาอำนาจ
“ใช่ครับ เรามีคนเก่งเรื่องซ่อมพวกนี้เพียบ เจ้าชายไม่ต้องเป็นห่วง”
ชรินทร์เอื้อมมือจะไปหยิบเอสดีการ์ด ปีเตอร์มองอย่างตัดสินใจก่อนจะยื่นให้ชรินทร์
“ก็ดีเหมือนกัน จริงๆเราก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปซ่อมที่ไหนเหมือนกัน” ปีเตอร์บอก
ชรินทร์เอื้อมมือไปหยิบเอสดีการ์ดมาและกำลังจะใส่กระเป๋า ปีเตอร์มองตามแล้วก็เปลี่ยนใจ ปีเตอร์ฉวยเอสดีการ์ดกลับมาอย่างสุภาพ
“เราว่าเราเปลี่ยนใจแล้ว เอากลับไปซ่อมที่ประเทศเราก็ได้”
ชรินทร์พยายามจะแย่งคืน “ไม่เป็นไรพระเจ้าค่ะ กระหม่อมยินดี”
ปีเตอร์ไม่ยอม เขารีบเอาเอสดีการ์ดเก็บใส่กระเป๋าเสื้อสูทตัวเองทันที
“ไม่เป็นไรหรอก เราไม่อยากรบกวนท่าน แค่จัดงานเลี้ยงต้อนรับเราก็ยินดีมาก”
ปีเตอร์ยื่นมือไปจับมือกับชรินทร์ ทั้งสองจับมือแล้วยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร

ตุ๊กยืนรอผู้โดยสารอยู่ที่ประจำ ไม่ไกลกันนักลูกน้องสองคนของอำนาจก็กำลังเดินถามพ่อค้า แม่ค้าและชาวต่างชาติละแวกนั้น ลูกน้องสองคนเอารูปโซว์และขิงที่ตำรวจสเก็ตให้ทุกคนดู แต่ก็ไม่มีใครให้ข้อมูลที่ทั้งสองต้องการได้ ลูกน้องสองคนกำลังจะเดินผ่านตุ๊กไป ตุ๊กรีบเข้าไปเรียกทั้งสองไว้
“ไปรถตุ๊กๆมั้ยพี่ ไม่ต้องเดิน ไม่ต้องเมื่อย ไม่ต้องเหนื่อย ชมวิวไปเรื่อยๆ พี่ไม่เมื่อย พี่ไม่เหนื่อย สำหรับพี่ผมคิดราคาเพื่อนบ้าน”
ลูกน้องคนหนึ่งโมโห “นี่เห็นข้าไม่มีดั้ง...เหมาว่าเป็นเพื่อนบ้านเหรอ ข้าคนไทยเว้ย”
“ผมคงยังเมาขี้ตา มองหน้ามาริโอ้อย่างพี่เป็นอย่างอื่นได้” ตุ๊กรีบยกมือไหว้ “ขอโทษครับพี่”
“เคยเห็นสองคนนี้มั้ย” ลูกน้องอีกคนยื่นรูปโซว์และขิงให้ตุ๊กดู
ตุ๊กเห็นก็ถึงกับตกใจ “เฮ้ย! นี่มัน...!!”
“แกรู้จักเหรอ”
“เออ....” ตุ๊กร้องลิเก “นี่มันเป็นใครกันหนอ หน้าตารูปหล่อโอ้โฮๆ นี่มันเป็นใครกันหนอ หน้าตาหล๊อหล่อ อยากรู้จัง” ตุ๊กทำเสียงระนาด
ลูกน้องคนหนึ่งเผลอร้องรับ “นี่มันเป็นใครก็ไม่รู้ เรากำลังตามหาอยู่ อยากรู้ว่าอยู่ที่ไหน” ลูกน้องเอื้อน
ลูกน้องอีกคนทำเสียงระนาดเตร่งเตร่งๆ สักพักลูกน้องทั้งสองก็รู้ตัว
“เฮ้ย! ไม่ต้องมาร้องลิเกทำให้พวกข้าเขว ตกลงรู้จัก หรือไม่รู้จัก”
ตุ๊กยังร้องลิเกอยู่ “ไม่รู้...”
“หน้าตาท่าทางดูมีพิรุธ แกต้องเคยเห็นพวกมันแน่ๆ”
ตุ๊กร้องลิเกตอบ “ไม่เคย”
“เวยย พอได้แล้ว”
“ชั้นไม่เคยเห็นจริงๆจ๊ะพี่ จะเอาชั้นไปสาบานวัดไหนก็ได้” ตุ๊กบอก
ลูกน้องทั้งสองมองตุ๊กที่กลัวจนหัวหด ก่อนจะผลักตุ๊กลงไปกองที่พื้นแล้วเดินออกไปอย่างไม่สนใจ ตุ๊กมองตามลูกน้องทั้งสองไปด้วยสีหน้าเครียด

ตุ๊กเปิดประตูเข้ามาในเกสต์เฮ้าส์ด้วยหน้าตาตื่น
“พวกแกสองคนไปทำอะไรมา ทำไมถึงได้มีคนท่าทางน่ากลัวมาเดินตามหาพวกแกด้วย”
“พวกเราไปเห็นคนเค้าฆ่ากัน นายเนี่ยเค้าก็ถ่ายรูปไว้ พวกเราเลยโดนไล่ล่า ตอนนี้พวกเราสองคนกลายเป็นฆาตกรออกทีวีไปทั่วประเทศแล้ว” ขิงว่า
“ห๊า !! เกิดเรื่องขนาดนี้แล้วยังมานั่งใจเย็นในนี้อีก”
“แล้วนายจะให้ชั้นทำยังไง” โซว์ถาม
“หนีออกนอกประเทศไปซิ ก็ดีกว่ามานั่งให้พวกมันมาตามเจอที่นี่”
“พวกเราไม่ผิด ทำไมจะต้องหนีด้วย” โซว์ถามกลับ
ชิงมองตุ๊กอย่างเห็นด้วย “จริงๆก็ดีเหมือนกันนะ หนีไปตั้งหลักกันก่อน”
“ชั้นไม่หนีเราไม่ได้ทำอะไรผิด จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะเพื่อนชั้นจะช่วยแล้ว”
“เพื่อนนายใหญ่โตมาจากไหนเชียวถึงจะช่วยได้ ข้อหาเราสองคนฆ่าคนตายนะ” ขิงย้ำ
“ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะเพื่อนชั้นเค้าเป็น ....” โซว์ชะงัก
“เป็นอะไร...” ขิงถาม
“เป็น...”
ขณะที่ขิงและโซว์กำลังถกเถียงกัน ตุ๊กมองออกไปนอกห้องก็เห็นลูกน้องทั้งสองของอำนาจกำลังเอารูปโซว์และขิงให้ฝรั่งในเกสต์เฮ้าส์ดู ฝรั่งพวกนั้นชี้มาทางห้องที่โซว์พักอยู่ ลูกน้องทั้งสองยิ้มก่อนจะรีบเดินตรงมาทันที ตุ๊กปิดประตูอย่างลนลานก่อนจะรีบหันไปบอกขิงและโซว์
“จะเป็นอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้พวกเรารีบเผ่นก่อนเถอะ” ตุ๊กรีบหาทางหนีทีไล่
“มีอะไรน้าตุ๊ก” ขิงถาม
“ก็พวกมันตามมาถึงนี่แล้ว”
พูดไม่ทันขาดคำ ลูกน้องทั้งสองก็มาเคาะประตูเสียงดัง ขิง โซว์ และตุ๊กตกใจ ทั้งสามมองหน้ากัน ลูกน้องทั้งสองพยายามเปิดประตูแต่ก็เปิดไม่ได้
“พังเข้าไปเลย !!!” ลูกน้องคนหนึ่งบอก
ลูกน้องทั้งสองพยายามพังประตูห้อง ขิง โซว์ และตุ๊กลนลาน ตุ๊กมองเห็นหน้าต่างจึงรีบปีนหน้าต่างขึ้นไปจนเห็นว่าหน้าต่างอยู่ห่างจากพื้นเพราะว่าห้องอยู่ชั้นสอง ตุ๊กเสียวไม่กล้ากระโดด ขิงและโซว์วิ่งเข้ามา
“โดดเลยน้า” ขิงบอก
“แต่มันเสียวอะ”
ประตูใกล้จะพังแต่ตุ๊กยังไม่ยอมกระโดด ขิงมองลงไปด้านล่าง
“มันมีลังวางอยู่ น้าโดดลงไปก็ไม่เจ็บแล้ว” ขิงบอก
“ข้ากัวว”
“โธ่เอ๊ย!”
ขิงตัดสินใจผลักตุ๊กจนตกหน้าต่างไป
“เวย !!” ตุ๊กร้องลั่น
ตุ๊กหล่นลงนอกกองลังไปนอนแอ้งแม้ง ขิงเห็นแล้วก็เสียวแทน ขิงรีบกระโดดตามลงไปบนกองลัง ประตูหน้าห้องใกล้จะเปิดแล้ว โซว์มองไปด้านล่างอย่างเสียวๆ เพราะไม่กล้ากระโดดเหมือนกัน โซว์หันไปมองประตู เขาเห็นประตูห้องเปิดผลัวะออกมา ลูกน้องทั้งสองเข้ามาในห้องจังหวะเดียวกับที่โซว์ตัดสินใจกระโดดลงไป

โซว์กระโดดลงมาที่พื้น โทรศัพท์ของเขาตกลงมาที่พื้นและโดนเท้าของเขาเองย่ำจนแตกไม่มีชิ้นดี โซว์ตกใจ แต่ก็จะก้มเก็บซิม ขิงและตุ๊กมองขึ้นไปเห็นลูกน้องทั้งสองมองลงมาจากหน้าต่างพร้อมกับทำท่าเหมือนจะกระโดดตามลงมา
“พวกมันจะตามมาแล้ว !!” ตุ๊กบอก
“รีบไปเร็ว !!” ขิงว่า
โซว์ไม่ทันได้เก็บซิมโทรศัพท์ก็โดนขิงลากออกไปเสียแล้ว

ตุ๊ก ขิง และ โซว์วิ่งหน้าตั้งไปขึ้นรถตุ๊กตุ๊กของตุ๊กที่จอดไว้ ขิงหันไปเห็นลูกน้องทั้งสองวิ่งตามมา
“ไปเร็วๆซิน้าตุ๊ก” ขิงเร่ง
“ก็อยากจะเร็วอยู่ แต่เอ็งเหยียบเท้าข้า” ตุ๊กบอก
ขิงก้มมอง “ห๊ะ! ขอโทษ”
ขิงรีบเอาเท้าออก
ตุ๊กเอากุญแจออกมาพยายามไขเพื่อสตาร์ทรถ แต่ด้วยความรนทำให้ใส่กุญแจไม่ได้ซักที ลูกน้องทั้งสองวิ่งเข้ามาใกล้แล้ว
โซว์ตัดสินใจ “ชั้นขับเอง”
โซว์และ ตุ๊กรีบเปลี่ยนที่กัน โซว์เสียบกุญแจรถแล้วสตาร์ทเครื่อง แต่รถยังไม่แล่นไป ลูกน้องทั้งสองวิ่งใกล้เข้ามา
“ไปซะทีซิ” ขิงบอก
ตุ๊กลนลาน “เหยียบคันเร่งซิ”
“แล้วไหนคันเร่งล่ะ”
ตุ๊กรีบชี้บอก “อันนั้นไง”
ลูกน้องทั้งสองวิ่งมาเกือบถึงแล้ว โซว์เหยียบคันเร่งเต็มที่ รถตุ๊กตุ๊กกระชากตัวออกไปอย่างแรงทันทีจนตุ๊กเกือบตก ตุ๊กรีบคว้าที่เกาะเอาไว้ในขณะที่ก้นหลุดออกไปนอกรถ
“ขิง ช่วยข้าด้วย”
ขิงตกใจรีบคว้าขอบกางเกงตุ๊กเอาไว้ โซว์ยังคงขับรถเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา ขิงกำของกางเกงของตุ๊กแน่นทำให้กางเกงของตุ๊กหลุดจนเห็นของกางเกงใน ตุ๊กร้องลั่น
“ข้าจะอ้วกแล้ว คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วย”
ลูกน้องคนหนึ่งมองตามรถตุ๊กตุ๊กไปอย่างเจ็บใจ
“เอาไงล่ะพี่มันหนีไปแล้ว”
“เออ เห็นแล้วไม่ต้องมาย้ำ แต่พวกมันคิดเหรอว่าจะหนีรอด” ลูกน้องอีกคนบอก
ลูกน้องคนนั้นมองไปที่ทะเบียนรถตุ๊กตุ๊กแล้วเขาก็มองไปที่ลูกน้องอีกคนก่อนจะยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ

บรรยากาศงานเลี้ยงในบ้านของชรินทร์เต็มไปด้วยความหรูหรา บรรดาไฮโซประโคมเพชรมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ปีเตอร์ในชุดสุดหรูกำลังเต้นรำโชว์อยู่กับคุณหญิงฉาดประภาที่กลางฟลอร์ โดยมีชรินทร์ยืนมองอยู่ข้างๆ ด้วยหน้าตายิ้มปลื้มอย่างมีความสุข สักพักอำนาจก็เดินหน้าเครียดเข้ามา
“เจ้านายครับ เจอไอ้สองคนเมื่อคืนแล้ว แต่พวกมันหนีไปได้ ผมคงต้องไปจัดการเอง” อำนาจรายงาน
“ไปจัดการให้เรียบร้อย” ชรินทร์สั่ง “หวังว่าพระอาทิตย์ตกเย็นนี้ แกคงจัดการเรื่องบ้าๆนี้ได้จบ”
“ครับเจ้านาย”
อำนาจพยักหน้าก่อนจะเดินออกไปในจังหวะเดียวกับที่เพลงเต้นรำจบลง เสียงปรบมือดังกึกก้องทั่วห้อง
“วันนี้ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากจริงๆที่มีทั้งเจ้าชายผู้สูงส่ง และแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงานนี้ แต่ที่ผมมีความสุขที่สุดก็คือการได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูก ณ บัดนี้ผมขอเชิญท่านผู้มีเกียรติต้อนรับ น้องติ๊งโหน่ง ลูกสาวสุดที่รักคนเดียวของผม” ชรินทร์กล่าว
ติ๊งโหน่งเดินลงบันไดมาด้วยท่าทางพยายามจะให้สวยสง่าราวกับนางสาวไทย แต่เธอเดินไม่ระวังจึงสะดุดล้มจนหน้าคว่ำ แต่ชรินทร์พุ่งไปคว้าตัวลูกสาวได้ทันจึงไม่ตกบันไดลงมา
ชรินทร์ยิ้มแหยๆ “นี่ไงครับ น้องติ๊งโหน่ง ตอนนี้โตเป็นสาวแล้ว รีบไปทักทายเจ้าชายซิลูก”
ติ๊งโหน่งหันไปเห็นปีเตอร์ก็ตามันวาว เธอรีบวิ่งเข้าไปหา ปีเตอร์ผงะแต่จะหนีก็ไม่ได้
“โอ้โห วันนี้เจ้าชายทรงหล่อเนี๊ยบ ชุดสีเข้ากับติ๊งโหน่งเปี๊ยบเลยนะเพคะ”
ปีเตอร์ยิ้มแหยๆ เพราะพูดไม่ออก
“ได้ข่าวว่าเจ้าชายทรงเล่นเปียโนได้เก่งมาก ทรงเล่นแล้วให้ติ๊งโหน่งลูกสาวหม่อมชั้นร้องเพลงคลอตามได้มั้ยเพคะ”
ปีเตอร์หน้าเสีย “เอ่อ คือ..”
ปีเตอร์อึกอักเพราะรู้สึกลำบากใจ แต่ทุกคนก็ปรบมือดังลั่นด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“เจ้าชายจะเล่นเพลงอะไร ติ๊งโหน่งร้องได้ทุกเพลงเพคะ”
“ทุกเพลงงั้นเหรอ...ก็ได้ เราจะเล่นก็ได้”
ปีเตอร์เดินไปที่เปียโนด้วยสีหน้าเครียด ติ๊งโหน่งรีบวิ่งตามไปยืนประจำที่เตรียมร้องเพลง
“เพลงอะไรก็ได้ใช่มั้ย” ปีเตอร์ถาม
“เพคะ”
ปีเตอร์ยกมือขึ้นทำท่าเหมือนมือโปร เขาหันไปมองก็เห็นทุกคนยืนลุ้น พอหันไปมองติ๊งโหน่งก็เห็นเธอเตรียมอ้าปากจะร้องเพลง ปีเตอร์กดโน๊ตลงไปตัวแรกจนเกิดเสียงดังกระหึ่ม ทุกคนตื่นเต้นดีใจใจ ปีเตอร์หันมามองเปียโนด้วยหน้าละห้อยๆ ก่อนจะตัดสินใจเล่นเพลงมั่วๆ แบบฟังไม่เป็นเพลง
ติ๊งโหน่งหน้าเหวอเพราะจะร้องก็ร้องไม่ถูก ได้แต่ยืนอ้าปากค้าง ฉาดประภารีบส่งสัญญาณให้ติ๊งโหน่งร้องเพลงอะไรก็ได้ ติ๊งโหน่งพยายามร้องเพลงมั่วๆ โดยเสียงของเธอทั้งหลงทั้งเพี้ยน แย่พอๆ กับปีเตอร์ที่กดเปียนโนมั่วๆ ไม่เป็นเพลงเช่นกัน
แขกทุกคนได้ฟังถึงกับอยากจะอาเจียน มีแต่ฉาดประภาและชรินทร์เท่านั้นที่ยิ้มเพราะปลาบปลื้มมีความสุข ติ๊งโหน่งพยายามร้องเพลงเสียงแหลมปรี๊ดเป็นจังหวะเดียวกับที่ปีเตอร์เล่นเพลงมั่วๆ ไปจนโน้ตที่สูงที่สุด สองเสียงประสานกันสูงจนคนในห้องทนฟังไม่ไหวต้องรีบอุดหู
ในที่สุดแจกันแก้วบางๆที่วางอยู่บนเปียโนก็แตกออก น้ำในแจกันกระเด็นโดนทั้งปีเตอร์และติ๊งโหน่งจังหวะเดียวกับที่เพลงจบพอดี แขกทุกคนตกตะลึง ฉาดประภาและชรินทร์รีบปรบมือนำทุกคน
“ผมไม่เคยเห็นอะไรที่วิเศษขนาดนี้ สองเสียงประสานแม้แต่แก้วก็ยังทนไม่ไหว”
ปีเตอร์และ ติ๊งโหน่งที่เปียกไปหมดมองหน้ากันแหยๆ แขกทุกคนปรบมือให้อย่างอึ้งๆ และงงๆ
“ยอดเยี่ยม ที่สุด .. ติ๊งโหน่งลูกรีบพาเจ้าชายไปเปลี่ยนเสื้อเร็ว ดูซิเปียกไปหมดแล้ว” ฉาดประภาบอก
ติ๊งโหน่งผายมือไป “เชิญเพคะ”
ติ๊งโหน่งรีบพาปีเตอร์ออกไป ชรินทร์ที่กำลังปรบมืออยู่ผายมือไปทางปีเตอร์อย่างภาคภูมิใจ
“นี่แหละครับ เจ้าชายแห่งนิวแลนด์สุดยอดนักดนตรีของโลก”
ทุกคนปรบมือกึกก้อง ปีเตอร์หันมาโบกมือพร้อมยิ้มแหยๆ ก่อนจะหันไปแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ติ๊งโหน่งพาปีเตอร์เข้ามาในห้องน้ำ ทันทีที่เข้าไปในห้องน้ำติ๊งโหน่งก็รีบล็อคประตู ปีเตอร์ถึงกับสะดุ้งเฮือก
“เอ่อ..คือ ไม่ต้องล็อคก็ได้ แค่เปลี่ยนเสื้อเท่านั้นเอง” ปีเตอร์บอก
ติ๊งโหน่งไม่สนใจ เธอเดินทำหน้านางแมวยั่วสวาทเข้าไปผลักปีเตอร์ชิดกำแพงก่อนจะเอามือไล้ไปตามหน้าท้องของปีเตอร์ แล้วถอดเสื้อสูทของปีเตอร์ออกโดยที่ปีเตอร์ไม่ทันตั้งตัว
“เอ่อ..ไม่ต้องถอดให้ก็ได้ เราทำเองได้”
ติ๊งโหน่งเอาสูทไปแขวนไว้ก่อนจะเดินกลับมาหาปีเตอร์ ปีเตอร์รีบถอยหนีจนมาติดที่อ่างน้ำ ติ๊งโหน่งยังเดินเข้าไปหาปีเตอร์จนปีเตอร์ถอยเข้าไปยืนในอ่าง ติ๊งโหน่งยิ้มยั่วๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาหมายจะถอดกางเกง ปีเตอร์รีบจับเอาไว้แน่น
“เอ่อ คือ กางเกงไม่เปียกไม่ต้องถอดก็ได้”
ติ๊งโหน่งพูดเสียงเซ็กส์ซี่ “ไม่ได้เพคะ ต้องถอดให้หมด ไม่งั้นจะเป็นหวัดเพคะ”
ติ๊งโหน่งพยายามจะถอดให้ได้ ปีเตอร์ตกใจ เขาหันไปเห็นก็อกน้ำจึงรีบเปิดก๊อก น้ำจากก๊อกไหลลงตัวติ๊งโหน่งจนเปียกโชก
“ว๊าย !! อะไรเนี่ย”
ติ๊งโหน่งตกใจร้องกรี๊ดออกมา ปีเตอร์ได้โอกาสจึงรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปทันที

โซว์ขับรถตุ๊กตุ๊กเข้ามาจอดที่ตลาดของสถานีรถไฟ ขิงและตุ๊กลงมาจากรถมาด้วยอาการเมารถ ทั้งสองอยากจะอ้วกกันไปตามๆกัน
“เกิดมาเพิ่งจะเคยเจอคนขับรถได้ห่วยมากที่สุดขนาดนี้” ขิงบ่น
“ก็นี่เป็นครั้งแรกที่ชั้นเคยขับรถอย่างนี้นี่ แต่ถ้าชั้นไม่ขับมาพวกเราก็ไม่รอด” โซว์ออกตัว
“พวกเรางั้นเหรอ ที่ทุกคนต้องซวยวิ่งหัวซุกหัวซุนแบบนี้ ก็เพราะนายไม่ใช่เหรอ” ขิงว่า
“เอาเถอะอย่าเพิ่งเถียงกันเลย” ตุ๊กตัดบท “มาช่วยกันคิดเถอะว่าจะทำยังไงต่อดี”
“ชั้นต้องติดต่อเพื่อนคนนั้นให้ได้” โซว์คิดขึ้นมาได้ “แต่โทรศัพท์พังไปแล้วนี่”
“นายจำเบอร์เค้าไม่ได้รึไง” ขิงถาม
“ใครจะไปจำได้ ปกติก็แค่กดโทรออก เพราะเธอน่ะแหละถ้าเมื่อกี้ให้ชั้นเก็บซิมมาก็หมดเรื่อง” โซว์บอก
“แล้วนายจำอะไรเกี่ยวกับเพื่อนนายไม่ได้รึไง” ขิงถาม
“ไม่ได้ ..เราต้องกลับไปที่โรงแรม”
“ชั้นไม่เสี่ยงกับนายด้วยหรอก กว่าจะไปหาเพื่อนนายเจอมีหวังพวกเราโดนจับกันไปก่อนแน่ ป่านนี้มันคงให้คนไปดักรอเราที่โรงแรมแน่ๆ”
“งั้นจะเอายังไงล่ะ” โซว์ถาม
ขิงและโซว์มองหน้ากันเพราะคิดหนัก ตุ๊กมองโซว์ก่อนจะคิดอะไรได้จึงรีบลากขิงออกไปคุยกันสองคน

ตุ๊กลากขิงออกมาแอบคุยกันสองคน
“น้าว่านะเราน่าจะส่งมันให้ตำรวจนะ พวกเราจะได้ไม่ต้องหนี แถมยังได้เงินอีกตั้งล้านบาทด้วย” ตุ๊กบอก
“อ้าว !! แล้วชั้นล่ะ” ขิงถาม
“แกก็กลับไปเป็นผู้หญิงตามเดิมซิวะ ไม่มีใครรู้นี่ว่าเอ็งเป็นผู้ชาย แค่นี้ก็รอดแล้ว”
“จะบ้าเหรอน้า ชั้นทำอย่างนี้ไม่ได้หรอก”
“ทำไม แกอยากตายกับมันเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เราจะทิ้งเค้าได้ยังไง เรื่องที่เกิดก็เพราะเค้าไม่อยากให้คนที่ถูกฆ่าตายฟรีๆ ชั้นซิเป็นคนไทยแท้ๆ ยังไม่สนใจเท่าเค้า เค้าเป็นคนอื่นแต่ต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองแท้ๆ”
ตุ๊กมองขิงอย่างจับผิด “แกชอบมันเหรอ ถึงอยากช่วยมัน”
“จะบ้าเหรอน้า ชอบ เชิบอะไรกัน หน้ามันชั้นยังไม่อยากมอง แต่ยังงั้นชั้นก็นับถือน้ำใจของเค้า ชั้นเชื่อนะว่าเรื่องนี้จะต้องผ่านพ้นไปได้”
“แล้วแกมีแผนแล้วเหรอ” ตุ๊กถาม
“ก็คงต้องหนีซักพัก” ขิงบอก
“จะหนีไปไหน”
ขิงมองหน้าตุ๊กแล้วก็ยิ้ม

หลังจากฟังแผนของขิงแล้วโซว์ก็ทำหน้าตกใจ
“ว่าไงนะ หนีไปบ้านยายนาย”
“ใช่ ให้เรื่องทุกอย่างมันเงียบก่อน แล้วเราค่อยกลับมาหาเพื่อนนาย” ขิงบอก
โซว์คิด “ถ้านายคิดว่าอย่างนั้นดีกว่า ชั้นก็คงต้องเชื่อ เพราะอย่างน้อยที่นี่เป็นประเทศของนาย นายคงรู้ว่าควรจะทำยังไง”
“งั้นก็รีบไปกันเถอะ”
ขิงและโซว์ขึ้นรถตุ๊กตุ๊กโดยมีตุ๊กเป็นขับออกไป รถตุ๊กตุ๊กผ่านหน้ามอเตอร์ไซด์วินบริเวณนั้น ทันทีที่รถตุ๊กตุ๊กขับผ่าน คนขี่มอเตอร์ไซด์วินก็รีบยกโทรศัพท์มือถือโทรออกไปทันที
“ผมเจอรถตุ๊กๆทะเบียนที่พี่บอกแล้ว” คนขี่มอเตอร์ไซต์วินมองตามเห็นไปจอดที่สถานีรถไฟ “ตอนนี้รถมันเข้าไปจอดที่สถานีรถไฟ....พี่รีบมาแล้วกัน ผมจะจับตาไว้ให้”
คนขี่มอเตอร์ไซต์วินวางสายก่อนจะมองไปทางรถตุ๊กตุ๊กแบบไม่วางตา

ณ สถานีรถไฟ ขิงและโซว์นั่งอย่างเป็นกังวลอยู่ที่เก้าอี้รอรถไฟ ตุ๊กวิ่งเข้ามาพร้อมตั๋วรถ
“น้าซื้อตั๋วรถไฟมาพร้อมแล้ว” ตุ๊กบอก
ตุ๊กแบเงินขอเงินโซว์
โซว์งง “อะไรอีกล่ะ”
“ขอเงินหน่อย จะเอาไปซื้อของกิน ท่าทางหิวกันแล้วนี่”
โซว์ล้วงมือในกระเป๋าเพื่อหาเงิน ก่อนจะล้วงออกมาให้ 100 บาท “มีแค่นี้แหละ รีบหนีออกมาไม่ได้หยิบติดตัวมาด้วย”
“อย่าบ่นเลยน่า” ขิงว่า
“แค่นี้ก็พอแล้ว เดี๋ยวค่อยไปกินต่อที่บ้านยายก็แล้วกัน” ตุ๊กบอก
ตุ๊กเดินออกไปแล้วสวนกับอำนาจ และลูกน้องทั้งสองที่เดินเข้ามา
“แน่ใจนะว่าพวกมันอยู่ที่นี่” อำนาจถาม
“สายเรายืนยันแน่นอนครับ” ลูกน้องตอบ
“จำไว้ว่าวันนี้เราต้องหามันให้เจอ” อำนาจสั่ง
ลูกน้องรับคำ “ครับ”
อำนาจและลูกน้องเดินไปอีกทาง โดยทั้งสามยังไม่เห็นขิงและโซว์ที่นั่งอยู่ สักพักโซว์ก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ
“เมื่อยชะมัด”
“นั่งลงซิ” ขิงรีบบอก “อย่าทำตัวเป็นจุดเด่นนัก เดี๋ยวใครเห็นจำเราได้ก็แย่น่ะซิ”
ขิงดึงโซว์ให้นั่งลงจังหวะเดียวกับที่อำนาจหันมามอง อำนาจมองไปทางที่โซว์และ ขิงกำลังนั่งอยู่อย่างพิจารณา
“แกว่าสองคนนั้นท่าทางคุ้นๆมั้ยวะ” อำนาจถามลูกน้อง
ยังไม่ทันได้คำตอบ อำนาจรีบเดินเข้าไปหาชายสองคนที่ท่าทางคล้ายๆกับขิงและโซว์ อำนาจเดินเข้าไปจับตัวผู้็ชายคนหนึ่งให้หันหน้ามาแต่ปรากฏว่าไม่ใช่ขิงกับโซว์
“ไม่ใช่นี่พี่ !!” ลูกน้องบอก
ขิงกับโซว์ที่นั่งอยู่ไม่ไกลหันไปมองตาม ทั้งสองสบตากับอำนาจที่มองมาพอดี
“เฮ้ย !! มันอยู่นั่น” อำนาจร้องออกมา
ชิงและโซว์รีบวิ่งหนี อำนาจและพวกรีบวิ่งตามทันที

โปรดติดตามตอนต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น