มณีแดนสรวง ตอนที่ 15
สการเคาะประตูห้องชิโลเรียกเสียงดังปึงปัง
“แม่...แม่ครับ...กลับบ้านได้แล้ว”
ประตูเปิดผ่าง นารีปั้นหน้าโกรธใส่ลูกชายจนตาแทบถลน สการไม่ทันอ้าปาก นารีก็หยิกหูดึงลากเข้ามาในห้อง
“โอ๊ยๆๆๆ แม่...ปล่อย ผมเจ็บ”
“หุบปากแกไปเลยนะตาแซม ขอโทษหนูชิโลเขาเดี๋ยวนี้”
“ขอโทษ..ขอโทษทำไมครับ”
“ก็ที่แกไม่รู้จักมารยาท มาเคาะประตูห้องหนูชิโลเขาเสียงดังเอะอะโวยวายแบบนี้ไง”
“ผมเนี่ยนะไม่มีมารยาท” สการชี้หน้าชิโล “ชิโลต่างหากที่ไม่รู้จักเวลาล่ำเวลา ดึกๆดื่นๆแทน ที่จะปล่อยให้แม่ไปนอน กลับชวนแม่มาคุยเรื่องไร้สาระ”
นารีตกใจตบอก
“ตาแซม !!”
“ผมเห็นหนังสือไตรภูมิพระร่วงที่แม่อ่านค้างไว้ในห้องแล้ว ถ้าแม่อยากคุยเรื่องสวรรค์ เรื่องบาป เรื่องกรรม คุยกับพระดีกว่าครับ ที่นี่ไม่ใช่ที่เหมาะที่แม่จะมาคุย”
“โอ้ยยยย...ฉันจะเป็นลม”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณป้า ชิโลชินกับเขาแล้ว คุณป้ากลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
“เอ่อ...”
ชิโลยิ้มให้นารีอย่างอ่อนหวาน
“จ้ะหนูชิโล” นารีอ่อนหวานกับชิโลแต่หันขวับไปตาถลึงใส่ลูกชาย “มานี่เลยตาแซม...มา กับแม่เดี๋ยวนี้ !!”
นารีดึงตึ่งหูสการแรงๆแล้วลากออกไปจากห้องชิโล สการร้องเจ็บลั่น
“โอ๊ยแม่...เบาๆ เดี๋ยวหูยาน”
ชิโลมองตามแล้วขำ
“สมน้ำหน้าผู้กอง...โดนบุพการีอบรมสั่งสอนซะมั่งจะได้หลาบจำ”
ชิโลหัวเราะคิกคักชอบใจ แต่พอหันมาเห็นอุ้มสมที่หรี่ตามองก็ชะงัก
“เจ้าอย่ามัวแต่สนุกกับทุกข์ของเขา ถึงวันนี้เราจะรอดจากพวกอสูร แต่ก็ไม่ได้ความว่า พวกมันจะรามือถ้าเจ้าไม่เร่งมือแก้ไขเรื่องคุณสิกับผู้กองดรัณก่อนเทวสุรสงครามเริ่ม พวกมันก็คงไม่เลิกรังควาญเจ้าแน่”
คำเตือนของอุ้มสมทำให้ชิโลถึงกับชะงักหน้าเครียดขึ้นมาทันที
ณ คฤหาสน์อสูรเสียงร้องโหยหวนของอสุเรศดังกึกก้อง ที่ห้องโถงอสุเรศสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่น หน้าเต็มไปด้วยรอยข่วน และรอยลิปสติกวิ่งหนีเอาตัวรอดลงมาที่สองสมุน
“เป็นยังไงบ้างขอรับนายท่าน” อัคราสูร ถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่...ไม่ไหว...ข้าจะไม่ไหวอยู่แล้ว”
“สามรุมหนึ่งแบบนี้ มันก็น่าจะไม่ไหวอยู่หรอกขอรับ” จิตราสูรหน้าแหย
อสุเรศหันขวับตกใจเสียงที่ไล่ตามหลังมา
“พวกเจ้าห้ามบอกพวกนางเด็ดขาดว่าข้าอยู่ไหน”
อสุเรศวิ่งหนีออกไปจากห้องโถง สามนางอสูรรีบวิ่งเข้ามา
“ผัวฉันอยู่ไหน” โทสะร้องหา
“เอ่อ....” อัคราสูรไม่กล้าบอก
โมหะตวาดแว๊ด
“นังโทสะ พี่อสุเรศเป็นผัวฉันต่างหาก”
โทสะหันขวับ
“หนอยนังโมหะ แกก็แค่นางบำเรอชั่วครั้งชั้วคราว ฉันต่างหากที่เป็นเมียพี่อสุเรศ”
ราคะเบ้ปาก
“เชอะ...ถ้าพวกหล่อนคิดว่าเอะอะโวยวายแล้วพี่อสุเรศจะกลับมาล่ะก็ รอแห้งไปเถอะ ฉันจะใช้เสน่ห์คู่หน้าของฉัน” ราคะเชิดอกตู้มๆชี้หน้าสองสาว “เรียกให้พี่อสุเรศกลับมาเอง ผัวขากลับมาหาเมียเถอะค่ะ เมียให้อภัยแล้ว ผัวขา”
นางราคะแอ่นอกวิ่งวนไปมาเรียกหาผัวสุดฤทธิ์ นางโทสะกับโมหะหมั่นไส้เข้าไปจิกหัวทึ้งผม
“นังราคะ...เก็บอกเน่าๆของหล่อนเก็บไว้เลี้ยงลูกหมาลูกแมวเถอะ พี่อสุเรศเป็นของฉัน”โทสะว่า
ราคะโต้...
“โอ๊ย...ของฉันย่ะ”
โมหะไม่ยอมเช่นกัน
“ของฉันต่างหากย่ะ”
สามนางอสูรเปิดศึกตบกันนัวเนียไปมา เพราะแรงหึงหวงจนคฤหาสน์อสูรสั่นสะเทือน อัคราสูรกับจิตราสูรอยู่ท่ามกลางศึกนางอสูร พวกมันกลัวลูกหลงจนต้องรีบคลานหลบออกมาเอาตัวรอด
นารีดึงหูลูกชายพากลับเข้ามาในห้อง...
“มานี่เลยไอ้ตัวดี คราวนี้แม่จะตีแกให้ตูดลายเลย ต่อไปจะได้รู้ว่าอะไรควรไม่ควร”
สการร้องลั่น
“โอ๊ยแม่ ผมว่าชักจะไปกันใหญ่แล้ว ชิโลเขาไปพูดเป่าหูอะไรแม่เนี่ย แม่ถึงได้ทั้งโอ๋ ทั้งยกเอาไว้บนหิ้งจนแตะไม่ได้แบบนี้”
“หยุดพูดว่าหนูชิโลเขาแบบนั้นนะตาแซม”
“ทำไมครับ หรือว่าแม่เชื่อว่าชิโลเป็นนางฟ้านางสวรรค์จริงๆ ถึงไม่ยอมให้ผมว่าเขา”
“ใช่...ถ้าแกรู้ว่าหนูชิโลเขาเป็น...”
นารีนิ่งไปหน้าตาดูครุ่นคิดบางอย่างจนสการแปลกใจ
“ช่างเถอะ แม่ขอร้องแกก็แล้วกันนะตาแซม แกต้องเลิกพูดจาไม่ดี เลิกทำตัวรุ่มร่ามไม่ ให้เกียรติหนูชิโลเขาอีก ทำตามที่แม่ขอได้มั้ย”
“ทำไมครับแม่”
“ก็บอกว่าไม่ต้องถาม แม่สั่งยังไงแกก็ต้องทำตาม แม่เอาชีวิตของแม่เป็นประกันได้ว่า หนูชิโลเป็นคนดีมากและดีเกินกว่าที่แกจะคิดถึง”
“เฮ้อ...ก็ได้ครับ ต่อไปผมจะไม่ไปเจ๊าะแจ๊ะชิโลให้แม่เห็น”
“จะต่อหน้าแม่หรือลับหลังก็ไม่ได้”
“ครับๆๆๆๆ”
“แล้วที่สำคัญ แกต้องรับปากแม่ด้วยว่าจะปกป้องคุ้มครองหนูชิโลห้ามให้เขาได้รับ อันตรายอะไรเด็ดขาด รับปากแม่นะตาแซม”
“ครับ...ผมจะทำตามที่แม่สั่งทุกอย่าง แม่จะได้สบายใจแล้วนอนหลับพักผ่อนซะที”
“ขอบใจนะตาแซม”
นารีรู้สึกโล่งใจเลยเดินไปเข้าห้องนอน สการกอดอกมองแม่อย่างแปลกใจสงสัย
“ชิโล...นี่เธอไปร่ายมนต์สะกดอะไรให้แม่ฉันหลงเธอขนาดนี้เนี่ย”
นารีเข้ามาในห้องนั่งลงที่เตียงหยิบสมุดสวดมนต์เล่มประจำของเธอขึ้นมาแล้วเปิดหน้าที่ถูกคั่นเอาไว้ด้วยภาพ ถ่ายเก่าๆ เป็นภาพที่นารีมีลูกสาวคนแรกและอุ้มเด็กน้อยเอาไว้ในอ้อมกอดอย่างเอ็นดู นารีมองภาพนั้นไปน้ำตาก็ซึมไปด้วยความปลื้มปิติ
“ลูกแม่...ไม่ใช่สิ นางฟ้าของแม่ ในที่สุดหนูก็กลับมาหาแม่แล้วจริงๆ”
นารีน้ำตาไหลด้วยความดีใจ มือก็ลูบใบหน้าของเด็กน้อยในภาพถ่ายไป
วันใหม่... ชิโลคิ้วขมวดสงสัยเมื่ออุ้มสมเปิดประเด็นบางอย่างให้เธอคิด
“ห๊า !! เจ้าว่ายังไงนะ เรากับผู้กองสการเป็นพี่น้องกันเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ เจ้าจำที่คุณป้าเล่าเรื่องลูกสาวคนแรกของเธอให้ฟังได้มั้ย”
“จำได้ ก่อนจะมีผู้กองสการ คุณป้ามีลูกยากมากเลยไปขอพรให้ได้ลูกจนได้ลูกสาวสมใจ แต่ลูกสาวของคุณป้าก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ทุกวันนี้คุณป้าก็ยังเชื่อตามที่มีพระทักไว้ว่า”
ชิโลทวนเรื่องราวของนารีไปแล้วก็ชะงักอึ้งไปเอง ชิโลตาโตตกใจ
“อุ้มสม !!”
“ใช่...ลูกสาวของคุณป้าเป็นนางฟ้าที่จะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง เพราะอย่างนี้ไงเจ้าถึง ได้รู้สึกผูกพันทั้งกับคุณป้าและผู้กองสการตั้งแต่ได้มาอยู่ที่นี่
“ถ้าฉันเป็นลูกสาวของคุณป้าจริงๆ ก็เท่ากับว่าฉันกับผู้กองสการ”
ชิโลนิ่งงันก่อนจะตกใจสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงสการดังมาจากประตูห้อง
“ชิโล !!”
“ผู้กอง”
สการปรี่เข้ามาจับข้อมือจะลากพาออกไป
“ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ”
“ปล่อยฉันนะผู้กอง ฉันไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น”
“แต่ฉันสั่งเธอต้องทำ”
อุ้มสมพยายามห้าม
“ผู้กองครับ ปล่อยพี่ชิโลก่อนเถอะ มีอะไรค่อยๆคุยกันดีกว่า”
“นายไม่ต้องห่วงว่าฉันจะทำอะไรพี่นายหรอก เอ้า...ฉันมีของมาฝาก เห็นแม่ฉันบอกว่า นายชอบกินมาก”
สการโยนกระป๋องเมล็ดทานตะวันให้ อุ้มสมรับมาแล้วตาโต
“เมล็ดทานตะวันอบสมุนไพร...สุดยอด อยากกินอยู่พอดีเลย”
อุ้มสมตื่นเต้นกับเมล็ดทานตะวันรสใหม่แล้วนึกขึ้นได้เงยหน้าขึ้นมาอีกทีไม่เจอชิโลกับสการแล้ว
“อ้าว..ชิโล...ผู้กอง”
สการฉุดกระชากพาชิโลเข้ามายัดใส่รถที่จอดอยู่หน้าคอนโดฯ แต่ชิโลไม่ยอมเข้า
“ไม่..ฉันไม่ไปไหนกับคุณ”
“หยุดโวยวายแล้วเข้าไป”
สการพยายามดันให้เข้าไปในรถ
“ก็บอกว่าไม่ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ยอมคุณอีกแล้ว”
“พยศนักใช่มั้ย ก็ได้...เธอหาเรื่องเองนะ”
สการใช้กุญแจมือล็อคข้อมือขวาชิโลมาล็อคกับข้อมือซ้ายตัวเอง ชิโลตกใจ
“ผู้กอง !! นี่คุณใช้กุญแจมือกับฉันอีกแล้วเหรอ”
“ลื่นอย่างกับปลาไหลอย่างเธอ ถ้าไม่ใช้เครื่องทุ่นแรงมีเหรอจะหยุดเธอได้”
“เอากุญแจมาให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“ตอนนี้ฉันยังให้ไม่ได้จนกว่าฉันจะเคลียร์ทุกอย่างกับเธอ เข้าไปในรถ...ไปสิ”
ชิโลมองสการอย่างเจ็บใจ เลยแกล้งกลับด้วยการกระชากแขนแรงๆจนสการกลายเป็นฝ่ายถูกดึงเข้าไปในรถ
เมื่อกลับมาบ้าน...สิริสุดายืนกอดอกครุ่นคิดจนคิ้วแทบผูกโบว์ ทองทิวเดินเข้ามาหาลูกสาว
“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“สิไม่อยากไปค่ะ คุณป๋าไปเองแล้วกัน”
“แต่นี่เป็นวันเกิดท่านรัฐมนตรี ป๋าบอกท่านไว้ว่าจะพาสิไปด้วย”
“สิไม่รู้เรื่องการเมือง ไปแล้วก็มีแต่นั่งเบื่อ สิมีเรื่องสำคัญต้องให้ทำอีกตั้งเยอะ”
สิริสุดาจะเดินออกไปแต่ทองทิวเข้าไปจับแขนลูกสาวเอาไว้
“เรื่องอื่นไว้ทีหลัง ธุระของป๋าสำคัญกว่า สิต้องไปกับป๋า !!”
สิริสุดาชะงักเพราะโดนบีบแขนแรง
“ป๋า…สิเจ็บ”
สิริสุดารีบแกะแขนทองทิวที่เผลอลืมตัวใส่อารมณ์กับลูกสาว
“สิ…ป๋าขอโทษ ป๋าไม่ตั้งใจ”
“สิไม่ยกโทษให้ !! เดี๋ยวนี้ป๋าเปลี่ยนไป ป๋าคิดแต่เรื่องตัวเอง ไม่เคยคิดถึงสิเลย”
สิริสุดาน้ำตานองหน้าน้อยใจวิ่งเข้าไปในบ้าน
“สิ !!”
ทองทิวหัวเสียที่ลูกสาวไม่ยอมทำตามที่สั่ง ระหว่างนั้นหันไปเห็นเอิงเอยที่เข้ามาพอดี
“สวัสดีค่ะคุณป๋า”
“มาก็ดีแล้ว รู้ใช่มั้ยว่าลูกสาวฉันหงุดหงิดอารมณ์เสียเรื่องอะไร” ทองทิวถามทันที...
ทองทิวเข้ามานั่งในรถ สาโรจน์ตามเข้ามานั่งประกบเจ้านาย
“คนของผมรายงานมาว่า ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นอยู่กับผู้กองสการครับ นายจะให้ผมจัดการ ยังไงครับ”
ทองทิวครุ่นคิด
“อยู่กับไอ้ผู้กองตัวแสบนั่นเหรอ...ก็ดีถือว่ายิงนัดเดียวได้นกสองตัว แกไป หามือดีที่ไว้ใจได้ ห้ามใช้คนของเราเด็ดขาด แล้วส่งไปจัดการพวกมัน อย่าให้สกปรก มาถึงฉัน”
“ครับนาย”
สาโรจน์ลงจากรถไปกดโทรศัพท์ ทองทิวสีหน้าเหี้ยมโหด
สิริสุดาร้องไห้สะอึกสะอื้น เอิงเอยยื่นกระดาษทิชชู่ให้ สิริสุดาเอามาสั่งน้ำมูกดัง…พรืดดดด เอิงเอยสะดุ้ง
“ แก…เลิกร้องไห้เถอะ คุณป๋าแกเขาบอกกับฉัน ว่าเขาจะจัดการเคลียร์ปัญหาให้”
“ป๋าก็พูดไปงั้นแหละ..ฮือๆๆ เดี๋ยวนี้ป๋าสัญญาอะไรแล้วไม่เคยทำได้สักอย่าง วันๆสนใจ แต่เรื่องตัวเอง ไม่เคยสนใจฉันเลย”
“ไม่หรอกแก พอฉันเล่าให้ฟังว่านังชิโลบ้ามันเล่นของทำคุณไสย จนแกต้องเสียหน้า คุณป๋าก็โมโหใหญ่เลย สั่งให้ฉันมาบอกแกว่าทุกอย่างต้องจบ”
“คุณป๋าบอกอย่างนั้นจริงๆเหรอ”
“ฉันจะโกหกทำไมล่ะ ฉันก็ก๊อบปี้ทุกคำพูดมาบอกแกนี่แหละ”
“แล้วคุณป๋าบอกรึเปล่าว่าจะจัดการยังไงกับนังชิโล”
เอิงเอยส่ายหน้า
“เปล่า ไม่ได้บอก”
“โธ่เอ้ย...แกเนี่ย ไม่ได้เรื่องเลย”
“อ้าว” เอิงเอยเซ็งเมื่อถูกว่าอย่างนั้น...
หน้าโบสถ์วัดสวยงามแห่งหนึ่ง สการดึงแขนพาชิโลที่ถูกล่ามด้วยกุญแจมือติดกับตัวเองเข้ามา
“ปล่อยฉันนะผู้กอง อยากคุยกับฉันดีๆ ก็ไขกุญแจให้ฉันสิ ทำไมต้องพาฉันมาที่วัดด้วย”
“เมื่อคืนนี้แม่ฉันยืนยันว่าเธอเป็นคนดี ฉันก็เลยอยากรู้นัก ว่าคนดีของแม่จะกล้าโกหกทำ ผิดศีลถึงในวัดรึเปล่า”
“ฉันไม่เคยทำผิดศีล แต่เวลาฉันพูดความจริง คุณไม่เคยฟังฉันเลยต่างหาก”
“ถ้าฉันเชื่อว่าเธอเป็นนางฟ้ามาจากสวรรค์ ฉันจะยอมคลานสี่ขาวิ่งรอบโบสถ์ 50 รอบ”
“อย่าเลยโยม ที่วัดนี่มีหมาเยอะแล้ว”
สการสะดุ้งโหยงเห็นพระองค์หนึ่งก้าวออกมาจากโบสถ์
“หลวงพ่อ”
“มีปัญหาอะไรกัน ที่นี่เขตวัดไม่ควรส่งเสียงรบกวนพระนะ”
“ผมต้องขอโทษด้วยครับหลวงพ่อ ผมเป็นตำรวจ” สการแสดงตราให้ดู “มีเรื่องจำเป็นต้องพา ผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำครับ”
“สอบปากคำกันที่วัดเนี่ยนะโยม”
“ครับ...ผู้ต้องสงสัยรายนี้ของผมไม่เคยพูดความจริง ผมก็เลยต้องพามาสาบานต่อหน้า พระ จะได้รู้ว่าอยู่ในศีลในธรรมจริงอย่างที่อ้างรึเปล่า”
หลวงพ่อฟังสการแล้วหันไปมองชิโล สายตาของหลวงพ่อรู้สึกแปลกๆกับชิโล
“ผมคงต้องขอรบกวนเวลาของหลวงพ่อช่วยเป็นพยานให้ผมด้วย จะได้มั้ยครับ”
หลวงพ่อพยักหน้ารับเมื่อสการบอกอย่างนั้น
มณีแดนสรวง ตอนที่ 15 (ต่อ)
ภายในโบสถ์ หลวงพ่อนั่งที่หน้าองค์พระประธาน สการดึงแขนพาชิโลเข้ามา
“ไขกุญแจมือให้โยมเขาก่อนดีมั้ยคุณตำรวจ ท่าทางเขาจะเจ็บ”
“ตอนนี้ยังไม่ได้ครับหลวงพ่อ ผู้ต้องสงสัยคนนี้ไม่ธรรมดา ไวยิ่งกว่าปรอท เผลอแป๊บ เดียวเป็นหาย”
“งั้นคุณตำรวจอยากรู้ความจริงอะไรจากเขาล่ะ แต่อาตมาบอกไว้ก่อนนะธรรมอยู่ที่ใจ ถ้าไม่เคารพในศีล ไม่กลัวบาปกลัวกรรม สาบานไปก็หาความจริงไม่เจอ”
ชิโลรีบบอก
“ดิฉันเคารพในศีลในธรรมอยู่เสมอค่ะพระคุณเจ้า และดิฉันก็เคยเห็นมาหมดแล้วว่าผู้ที่ ไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรม ผลสุดท้ายจะต้องลงเอยยังไง”
“งั้นก็ดี ถ้าเธอโกหกฉันต่อหน้าพระ เธอจะได้รู้ว่าสุดท้ายต้องลงเอยยังไง”
ชิโลหันขวับด้วยความโกรธมองสการที่กล้าท้าทายเธอ
“บอกความจริงมา เธอมาจากแกงค์ไหน พวกมันทำธุรกิจอะไร ทำไมเธอถึงถูกตามล่า”
ชิโลหางตามองสการก่อนจะยกมือขึ้นพนมอย่างสวยงาม สการโดนลากมือไปด้วย
“ต่อหน้าพระคุณเจ้าและพระพุทธองค์ ดิฉันชื่อรัศมิชโลธร เป็นเทพนารีอยู่บนสวรรค์ชั้น ดาวดึงส์ ดิฉันได้รับโทษจากเทพบิดาให้ลงมาแก้ไขความผิดที่ได้กระทำลงไป ทุกคำ พูดของดิฉันที่กล่าวไปแล้ว เป็นความสัตย์จริงทุกประการ”
ชิโลก้มลงกราบหลวงพ่ออย่างนอบน้อม หลวงพ่อเพ่งมองชิโลแล้วถึงกับผงะไปเมื่อได้เห็นแสงออร่าสว่างเจิดจ้า ออกมาจากตัวของชิโล
“โยม”
สการไม่เห็นแสงนั้น บ่นต่อ...
“ชิโล...ต่อหน้าพระขนาดนี้แล้ว เธอยังปั้นน้ำเป็นตัวไม่ยอมพูดความจริงกับฉันอีกเหรอ”
“ฉันพูดความจริงแล้ว แต่ถ้าคุณไม่คิดจะเชื่อ ฉันก็จนปัญญาช่วยดึงบัวที่อยู่ใต้น้ำให้โผล่ พ้นน้ำไม่ได้”
“นี่เธอ”
หลวงพ่อปราม
“พอเถอะคุณตำรวจ ปล่อยโยมเขาดีกว่า สิ่งที่โยมท่านนี้พูดมา ไม่ได้เป็นการผิดศีลเลย”
“หลวงพ่อ ?”
สการหันมามองชิโลด้วยความแปลกใจเป็นอย่างมาก
สการฉุดแขนพาชิโลมาที่ท่าน้ำของวัดอย่างอารมณ์เสีย ชิโลเจ็บ
“มานี่”
“โอ๊ย…ฉันเจ็บนะผู้กอง”
สการชี้หน้า
“บอกฉันมาเธอใช้วิธีการอะไร ถึงเป่าหูให้ทั้งพระ ทั้งแม่ฉันเชื่อคำโกหกของเธอ”
“ฉันบอกแล้วว่าฉันพูดความจริง”
“แต่ฉันไม่เชื่อ ฉันต้องค้นตัวเธอดู บางทีเธออาจจะเล่นของหรือไม่ก็มีสาลิกาลิ้นทอง เพราะไม่มีนางฟ้าที่ไหนหรอกมายืนเถียงฉอดๆๆแบบนี้”
สการพยายามค้นตัวชิโลจับโน่นนี่นั่นจนชิโลตกใจ
“หยุดนะผู้กอง นี่มันเขตวัดนะ คุณจะมาลวนลามแตะอั๋งฉันได้ยังไง ช่วยด้วย…พวกบ้า กาม ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
สการตกใจรีบเอามือปิดปากไม่ให้ส่งเสียงโวยวาย
“หยุดนะชิโล…ถ้าไม่อยากให้ฉันค้นตัว เธอก็บอกฉันมา เธอทำให้ทุกคนเชื่อเธอได้ยังไง”
“ฉันไม่ได้ทำ แต่พวกเขาคือผู้มีจิตเป็นกุศล เขาถึงได้เห็นในสิ่งที่คนอย่างคุณไม่มีโอกาส”
สการชะงักไป ชิโลชูมือข้างที่ถูกใส่กุญแจมือล่ามกับมือสการขึ้นมา
“ในเมื่อคุณรับปากกับแม่คุณแล้ว คุณก็ควรปฏิบัติตาม เพราะถ้าทำให้บุพการีเสียใจ มันจะเป็นบาป…ปล่อยฉันไปได้แล้วค่ะผู้กอง”
สการมองมือตัวเองที่ถูกล่ามเอาไว้กับมือชิโลด้วยกุญแจมือด้วยสีหน้าครุ่นคิด หยิบลูกกุญแจออกมาทำเหมือน จะไข แต่กลับโยนทิ้งลงไปที่คลองตรงท่าน้ำ ชิโลตกใจอึ้ง
“ผู้กอง !! นั่นคุณทำอะไร”
“ทำไมล่ะคุณนางฟ้า ถ้าเธอเป็นนางฟ้าจริงๆ กับไอ้แค่จัดการกุญแจมือแค่นี้ คงไม่ใช่ เรื่องยากหรอก...ใช่มั้ย”
สการยักคิ้วกวนใส่ชิโล ทำเอาชิโลหน้าเสีย
ที่ท่าน้ำ...สการให้อาหารปลาที่กรูกันเข้ามากิน สการผิวปากไปอย่างอารมณ์ดี แต่ชิโลหน้าหงิกงอ
“ผู้กอง...ถ้าคุณมีกุญแจสำรองก็เอาออกมา ฉันไม่มีเวลาว่างมาตัวติดกับคุณแบบนี้นะ”
“ฉันไม่มีกุญแจสำรอง และฉันก็มีเวลาว่างมากพอที่จะตัวติดกับเธอแบบนี้ได้ทั้งวันทั้งคืน”
“ผู้กอง !!”
สการเรียกปลา
“เอ้า...เข้ามากินอาหารกันเร็วๆ กินให้อิ่มนะ นานๆฉันจะมีเวลาว่างมา”
ชิโลมองสการอย่างเจ็บใจคิดอยากจะเอาคืน แต่สการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ชอบใจ
“อ๊ะๆ มองฉันแบบนั้นรู้นะว่าคิดอะไร ถ้าเธอผลักฉันตกน้ำ เธอก็ต้องตกน้ำด้วย”
“คนบ้า”
สการหัวเราะใส่
“ใช่...ฉันนี่แหละเป็นทั้งคนบ้า เป็นทั้งมนุษย์ต่ำต้อยที่กล้าลองดีกับนางฟ้า ชื่ออะไรนะที่เธอบอกตอนอยู่ในโบสถ์..รัศ..รัศ..อ๋อ รัศมิชโลธร นางฟ้าแสนสวยนอก จากชื่อจะเพราะแล้ว ช่วยแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ให้ดูทีสิว่าจะเอาตัวรอดได้ยังไง”
ชิโลเจ็บใจ...คิดในใจ...
‘ผู้กอง ถ้าฉันไม่เหลือพรข้อเดียวไว้ใช้เวลาจำเป็นแล้วล่ะก็ คุณโดนฉัน เสกให้เป็นอาหารปลาแน่’
“ว่าไง ตกลงนางฟ้าอย่างเธอแก้ปัญหากล้วยๆแบบนี้ไม่ได้ใช่มั้ย งั้นระหว่างรอขอฉัน เข้าห้องน้ำหน่อยนะ รู้สึกปวดฉี่ขึ้นมาตะหงิดๆแล้ว”
สการดึงแขนพาชิโลไปที่ห้องน้ำชายด้วยกัน ชิโลตกใจหน้าเหวอร้องโวยวาย...
“นี่คุณจะบ้าแล้วเหรอ ฉันเป็นผู้หญิงนะฉันจะเข้าห้องน้ำกับคุณได้ยังไง”
“ก็คนปวดฉี่ ขืนอั้นเอาไว้เดี๋ยวก็ได้เรี่ยราด”
“อยากเข้าห้องน้ำก็ไขกุญแจให้ฉันสิ”
“เธอนี่พูดไม่รู้เรื่อง ฉันไม่มีกุญแจ ทางเดียวที่เธอจะเป็นอิสระจากฉันได้ก็มีแต่แสดง ปาฏิหาริย์นางฟ้าของเธอเท่านั้น”
“ฉันแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ไม่ได้”
“งั้นเธอก็ไม่ใช่นางฟ้า”
“โธ่เอ้ย…ก็บอกแล้วไงว่าฉันถูกลงโทษให้ลงมาเป็นมนุษย์”
“อ้าว..ตกลงเป็นมนุษย์แล้วเหรอ”
“นี่พูดไม่รู้เรื่องเหรอไง เป็นนางฟ้าก่อนแล้วค่อยมาเป็นมนุษย์ พอเสร็จภารกิจก็กลับ ไปเป็นนางฟ้าอีก”
“หึ…กะล่อน ปลิ้นปล้อน สมกับเป็นตัวแม่จริงๆ นี่ถ้าไม่ก่อเรื่องไว้เยอะล่ะก็จะชวนไป เป็นสายสืบทำงานให้ตำรวจเลย”
“ตกลงคุณไม่ได้ปวดฉี่ คิดจะแกล้งฉันใช่มั้ย”
“ใช่…ฉันต้องการดูว่าเธอจะเอาตัวรอดยังไง ถ้าวันนี้เธอไม่สารภาพความจริง เธอได้กิน อยู่หลับนอนกับฉันแบบสองต่อสองแน่..คุณนางฟ้า”
สการดึงแขนพาชิโลเดินออกไป ชิโลหน้าเครียด
สการขับมาตามถนน พร้อมเสียงแหกปากร้องเพลงของชิโลดังลั่น และเพี้ยนๆ แหกคีย์สุดฤทธิ์
“ได้เกิดมาเจอเธอท้างงงงที...ไม่ว่ายังไงจะลองดีซ้ากกกกวานนน อยากรัก ก็ต้องเสี่ยง ไม่อยากให้เธอเป็นเพียงภาพในความฝัน......วู้วววว์ เย้”
สการรำคาญสุดๆ
“เว้ย...หยุด...ขี้หูฉันจะออกมาเต้นระบำอยู่แล้ว”
ชิโลหางตาอมยิ้มชอบใจไม่สนใจแหกปากร้องต่อ
“ลำบากลำบนไม่ส้นนนนนจายยยย ตะเกียกตะกายสักเพียงใด ก็ดีกว่าป่อย เธอไปจากฉานนนน ตกหลุมรักจิงๆ เพราะรักจิงๆ เธอคงไม่ว่ากัน...เย้ๆๆๆๆ”
สการเหลืออดทนไม่ไหวตัดสินใจเหยียบเบรคทันที...เอี๊ยด!!
รถจอดข้างทาง สการหันมามองชิโลสายตาหงุดหงิดอารมณ์เสีย แต่หญิงสาวอมยิ้มชอบใจแล้วชี้ที่ข้อมือ ตัวเองซึ่งถูกจับใส่กุญแจมือล็อคกับมือจับเหนือประตูข้างรถ
“ถ้าไม่อยากทนรำคาญเสียงของฉัน ก็ปล่อยฉันไปซะ”
“ไม่”
“ผู้กอง !!...ก็ได้ อยากให้รถคันนี้เป็นคาราโอเกะใช่มั้ย ชิโลจัดให้”
ชิโลแหกปากร้องเพลงเสียงดังใส่หน้าแถมน้ำลายพ่นใส่เต็มหน้าอีกต่างหาก
“รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง รู้ว่าเหนื่อย ถ้าอยากได้ของที่อยู่สูงงงง ยังไงจะขอลอง ดูซ้ากกกกที”
สการเหลืออดทนไม่ไหวเช็ดน้ำลายที่เต็มหน้า แล้วรีบเอามือปิดปากชิโลทันที
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าไม่หยุด ฉันจะปิดปากไม่ให้หายใจ ให้ตายอยู่ในนี้แหละ”
ชิโลอู้อี้
“อ่อยอ๊ะ..อ่อยอั้น..ออกไอ้อ่อย”
ชิโลกัดมือสการทันที สการร้องจ๊ากรีบปล่อยมือ
“ยัยตัวแสบ นี่น่ะเหรอจะให้ฉันเชื่อว่าเธอเป็นนางฟ้า กัดซะจมเขี้ยวแบบนี้ เป็นได้แค่เอ๋ง เท่านั้นแหละ”
“มาว่าฉันเป็นเอ๋งเหรอ…งั้นเจอกัดเหวอะแน่เจ้ามนุษย์ปากเสีย”
สการชี้หน้าทันที
“หยุด !! อยากเล่นงานฉันนักใช่มั้ย ได้…ฉันจะปล่อยให้เธอหนี ถ้าฉันตาม จับเธอไม่ได้ ฉันจะเชื่อว่าเธอเป็นนางฟ้า”
ชิโลนิ่งไปมองหน้าสการจิกหน้า
สการควงกุญแจมือที่ปลดจากชิโลออกมาแล้ว สองคนจรดจ้องหน้ากัน แล้วสการก็เริ่มนับ
“หนึ่ง...”
“คุณเป็นตำรวจ...พูดคำไหนคำนั้น ถ้าผิดศีลตกนรกนะ”
“สอง...”
สการนับต่อแล้วขยับตัว ชิโลเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งออกไปทันที
“สาม !! คนหรือนางฟ้า เดี๋ยวก็รู้” สการยิ้มขำ
ชิโลวิ่งเข้ามาหันซ้ายหันขวามองหาทางหนี แต่ก็เจอสการก้าวเข้ามายืนผิวปากไล่ตามทันชิโล หญิงสาวหน้าเสียรีบวิ่งหนีต่อทันที สการยิ้มร้ายผิวปากเพลงเล่นของสูงต่อ
ชิโลวิ่งเข้ามาที่บริเวณสนามเด็กเล่น หันรีหันขวางเห็นมีท่อให้เด็กมุดเล่นเลยมุดเข้าไปหลบกะว่าสการ ไม่เจอแน่ๆ แต่พอชิโลคลานเข้าไปในท่อก็ดันเจอสการนอนผิวปากรออยู่แล้วแบบว่ารู้ทัน ชิโลตกใจ...เย้ย
ชิโลเดินหนีสการออกมาที่หน้าถนน หันซ้ายหันขวาจะหาทางหนีต่อ แต่ระหว่างนั้นเด็กคนหนึ่งวิ่ง ตามลูกบอลออกมาที่กลางถนน รถคันหนึ่งขับตรงเข้ามากำลังจะพุ่งชนเด็ก แม่เด็กร้องตกใจ ชิโลรีบวิ่งไปผลักเด็กให้พ้นจากทาง แต่ตัวเองกลับล้มลงข้อเท้าพลิกลุกไม่ขึ้น เสียงแตรรถบีบไล่ดังสนั่น ชิโล หลับตาปี๋ขยับตัวหนีไม่ได้ ทันใดนั้นสการก็โผเข้ามาดึงตัวชิโลแล้วล้มกลิ้งไปด้วยกันทั้งคู่
รถวิ่งผ่านไป สการกับชิโลสบตากันนิ่งเพราะชิโลเพิ่งจะได้รับการช่วยชีวิตจากสการ
แม่เด็กพาลูกมาขอบคุณสการกับชิโล
“ขอบคุณพี่เขาสิลูก”
เด็กยกมือไหว้
“ขอบคุณครับพี่”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ทีหลังเล่นต้องระวังด้วยนะ”
“ครับพี่สาว”
ชิโลยิ้มรับ
“น่ารักจังเลย”
“ขอบคุณจริงๆเลยนะคะ พวกคุณเป็นคนดี ขอให้มีลูกน่ารักๆนะคะ”
ชิโลกับสการผงะอึ้ง รีบปฏิเสธพร้อมกันทันที
“ห๊า..เอ่อ...ไม่ใช่ครับ”
“ค่ะ เราไม่ใช่...เราไม่ได้เป็น...เอ่อ...”
สการชิโลมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แม่เด็กหน้าแตกรีบขอโทษแล้วจูงมือลูกเดินออกไป
ชิโลนั่งที่ม้านั่งในสวนบรรยากาศสวยๆ ข้อเท้ายังรู้สึกเจ็บอยู่ สการเข้ามานั่งคุกเข่าแล้วจับข้อเท้าชิโลขึ้นมาดู
“จะทำอะไรน่ะ”
“อยู่เฉยๆ จะช่วยดูให้”
สการสั่งเสียงดุแล้วจับข้อเท้าชิโลขึ้นมาช่วยนวดให้ ชิโลร้องเจ็บ
“โอ๊ย !!...เบาๆ ฉันเจ็บ”
“เจ็บแค่นี้แต่อีกเดี๋ยวก็หาย...อยู่เฉยๆ”
สการช่วยนวดข้อเท้าให้ ชิโลจำเป็นต้องปล่อยให้สการนวดคลึง สองคนเผลอสบตากันซึ้งๆอีก ภาพก็สวยงาม บรรยากาศก็ดีจนสการนวดเสร็จ
“เอาล่ะ...เป็นไงบ้าง”
ชิโลแปลกใจเพราะรู้สึกดีขึ้น
“คุณทำได้ไงเนี่ย”
“ฉันเป็นตำรวจนะ ของแบบนี้ก็ต้องฝึกกันมาบ้าง เห็นมั้ย ถ้าเธอเป็นนางฟ้าจริงๆ ก็คงไม่ ต้องมาพึ่งคนเดินดินอย่างฉัน”
ชิโลไม่พอใจรีบดึงเท้ากลับ
“ถ้าฉันไม่จำเป็นต้องช่วยชีวิตเด็กคนนั้น ฉันหนีเอาตัวรอดจาก คุณได้แน่”
“หึ...ชิโล...ฉันถามเธอจริงๆ มีอะไรก็พูดกับฉันมาตรงๆดีกว่า ไม่ต้องเอาเรื่องนั้นมาหลอก พาฉันอ้อมโลกออกทะเล เธอมีปัญหาอะไรก็บอกฉัน มาเฟียกลุ่มไหนตามล่าเธออยู่ ฉันช่วยเธอได้”
ชิโลถอนใจเหนื่อยหน่าย
“ว่าไงล่ะ...”
สการจับไหล่ชิโลหันมาสบตาจริงจัง
“เธอทำให้แม่ฉันไว้ใจและก็รักเธอได้ เธอก็ทำ ให้ไว้ใจและก็รักเธอได้เหมือนกัน ฉันเป็นห่วงเธอจริงๆนะชิโล ให้ฉันช่วยเธอนะ ฉันขอ”
สการมองเข้าไปในดวงตาด้วยความจริงจังทำเอาชิโลใจเต้นตึกตักเกือบจะเผลอใจให้สการ แต่นึกขึ้นได้ถึงปม ปัญหาที่หนักอกหนักใจอยู่เรื่องเป็นพี่เป็นน้องกัน
“ไม่...เราจะรักกันไม่ได้เด็ดขาด”
ชิโลรีบผลักสการแล้วลุกเดินหนี สการมองตามอย่างเหลืออดแล้วตามไปคว้าข้อมือไว้
“ก็ได้ชิโล !! ฉันเหนื่อยกับเธอเต็มทีแล้ว ถ้าเธอไม่ยอมพูดซะที ฉันก็จะไม่สนใจเธอ จะได้ไม่ต้องมาปวดกะบาลคอยวิ่งไล่ตามเธอแบบนี้”
ชิโลหันมาตัดพ้อ
“งั้นก็ดีสำหรับคุณแล้วนี่”
สการฉุน
“นี่คุณ !!...ได้...งั้นผมจะไม่สนใจคุณอีก จะเป็นนางฟ้า นางมาร นางร้าย หรือนางเอก ผมก็จะไม่สน ทางใครทางมัน”
“ดี...งั้นอย่าตามฉันมา ต่างคนต่างไป ไม่ต้องมายุ่งกันอีก”
ชิโลสะบัดหน้างอนปั้นปึ่งออกไป สการเชอะตามหลังแล้วนั่งหงุดหงิดอยู่ที่ม้านั่งในสวน ชิโลเดินบ่นอารมณ์ไม่ดี
“คนบ้า..เป็นนางฟ้ามาหลายร้อยปี ไม่เคยเจอมนุษย์คนไหนจองหอง ปากเสีย ไม่น่าคบ อย่างเจ้าเลยผู้กองสการ ทำไมเราต้องมาเจอเจ้า ทำไมต้องมาเป็นพี่น้องกับเจ้าด้วย”
ชิโลหยุดยืนกอดอกอารมณ์เสียอยู่ครู่ แต่ก็นิ่งไปเมื่อนึกถึงภาพที่สการกระโดดเสี่ยงชีวิตเข้ามาช่วยเธอเอาไว้จาก รถที่กำลังพุ่งชน ใบหน้าและสายตาที่สบตากันในช่วงเวลานั้นทำให้ชิโลรู้สึกหัวใจหวั่นไหว แม้ปากจะบอกว่าไม่ ชอบสการก็ตาม
ทางด้านสการนั่งบ่นหัวเสียหงุดหงิด งุ่นง่านอยู่ที่เก้าอี้ในสวนสาธารณะ
“ยัยตัวแสบเอ้ย ไม้แข็งก็ลอง ไม้อ่อนก็ให้ พูดดีก็ยอม แต่ยังหัวดื้อ ฉันไม่เคยเจอผู้หญิง คนไหนกวนประสาทได้เท่าเธออีกแล้ว โธ่เว้ย...ทำไมต้องมาเจอผู้หญิงแบบนี้ด้วยว่ะ หรือว่าชาติก่อนเราจะไปทำบาปกับยัยนั่น ชาตินี้ถึงต้องหนีไม่พ้น”
สการลุกขึ้นเตะม้านั่งเพราะหงุดหงิดแต่เตะไปก็เจ็บเท้าเอง
“โอ๊ย !!”
สการกุมเท้าที่เจ็บแล้วฉุกคิดถึงภาพที่ชิโลกระโดดไปช่วยเด็กจากการถูกรถชนโดยไม่สนใจชีวิตตัวเอง แล้วสการ ก็วิ่งเข้าไปช่วยเธอจนรอดจากการถูกรถชน สบตาซึ้งกับชิโล
ชิโลเดินออกจากสวน แต่ชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงกุญแจมือสับข้อที่ข้อมือตัวเอง..คลิ๊ก !!
“ผู้กอง !!”
“คิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่ายๆเหรอ”
“แต่เมื่อกี้คุณ”
“บอกว่าจะไม่สนใจเธอน่ะเหรอ”
สการยิ้มกวนแล้วชูนิ้วชี้กับนิ้วกลางที่ไขว้กันขึ้นมา
“ตอนฉันพูดฉันอุบอิ๊บไว้ เพราะฉะนั้น…โมฆะ เอาเป็นว่าฉันกับเธอจองเวรจองกรรม กันไว้ หนียังไงก็ไม่พ้นหรอก”
สการเอากุญแจมืออีกข้างมาล็อคกับข้อมือตัวเอง ล่ามชิโลไว้กับเขาแบบไม่ให้ไปไหนได้อีก
“ผู้กอง !! โป้ปดโกหกมดเท็จ มันผิดศีลข้อ 2”
สการทำหูทวนลมไม่สนใจกระชากแขนพาชิโลออกไปด้วยกันพร้อมกับผิวปากสบายๆกวนอารมณ์สุดฤทธิ์
รถของสการวิ่งมาตามถนนจนมาจอดที่ที่แยกไฟแดง ในรถ...สการผิวปากอารมณ์ดีหางตามองชิโล
“ชอบทะเลหรือภูเขา”
ชิโลหางตามองไม่ตอบ
“ทำเป็นไม่ตอบ ถ้าไม่เลือกมา ฉันเลือกเองนะ ไม่ถูกใจก็อย่ามาโวย”
“หมายความว่าไง”
“ฉันก็หมายถึงที่ๆเราจะไปไง จะไปพักที่บังกะโลแถบชายทะเลหรือบ้านพักบนภูเขา ที่ๆฉันกับเธอจะได้อยู่กันสองต่อสอง”
“ผู้กอง”
“ถ้าเธอไม่อยากอยู่กับฉันตามลำพัง ไม่อยากเข้าห้องน้ำห้องเดียวกัน ไม่อยากนอน บนเตียงเดียวกัน ก็จัดการกับกุญแจมือนี่ซะทีสิ ฉันจะได้เชื่อว่าเธอเป็นนางฟ้า”
ชิโลหงุดหงิดหัวเสียแทบอยากจะร้องกรี๊ดออกมา ระหว่างนั้นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับเข้ามาจอดเทียบข้างๆรถฝั่งเดียวกับคนขับที่สการนั่ง สการไม่ทันหันไปมอง เพราะมัวแต่มองชิโล มือปืนที่ซ้อนท้ายชักปืนออกมากำลังจะเหนี่ยวไกยิง ชิโลเห็นเข้าพอดีเลยตะโกนลั่น
“ผู้กอง…ระวัง !!”
สการหันไปเห็นเห็นมือปืนกำลังลั่นไกใส่ สการตกใจรีบเหยียบคันเร่งทันที เปรี้ยง !!! กระสุนพุ่งออกมาแต่ไม่ทันโดนเพราะรถสการพุ่งฝ่าไฟแดงไปอย่างเฉียดฉิว พวกมือปืนไม่รอช้ารีบบิดมอเตอร์ไซค์ไล่ล่าตามไปทันที
รถสการวิ่งมาตามถนนอย่างรวดเร็ว สการหน้าเครียด ส่วนชิโลตกใจ
“เป็นอะไรมั้ยชิโล พวกมันยิงโดนเธอรึเปล่า”
“เปล่า...ฉันไม่เป็นอะไร”
“ไอ้บัดซบเอ้ย...พวกไหนวะ”
ชิโลมองผ่านกระจกส่องหลังเห็นพวกนั้นขี่มอเตอร์ไซค์ตามมา
“ผู้กอง...พวกนั้น...พวกนั้นตามมาแล้ว”
สการมองกระจกเห็นพวกมันไล่เข้ามาอย่างกระฉัน
“เปิดลิ้นชัก เอาปืนมาให้ฉัน”
“ปืน !!”
“รีบเอาออกมาเร็ว !!”
ชิโลรีบทำตามเปิดลิ้นชักหน้ารถเห็นปืนของสการอยู่ในนั้น ชิโลรีบหยิบออกมาแล้วหันปากกระบอกปืนมาที่สการ
“เย้ยยย…อย่าหันมาชี้หน้าฉันสิ ดี๋ยวก็เปรี้ยงปร้างหรอก”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ฉันไม่เคยจับปืน”
“งั้นเธอมาช่วยฉันจับพวงมาลัย…เร็วเข้า”
ชิโลเอื้อมมือมาช่วยจับพวงมาลัยบังคับรถให้วิ่งตรงทาง
“คุณเอากุญแจสำรองออกมาไขให้ฉันสิผู้กอง ไม่งั้นเราสองคนเสร็จแน่ๆ”
“ก็บอกแล้วว่าไม่มีกุญแจสำรอง ก้มหัวเอาไว้ ฉันจะยิงสกัดพวกมัน”
สการเปิดกระจกฝั่งคนขับเห็นพวกมือปืนขับปาดมาทางฝั่งตัวเองเลยคิดจะยิงสวน แต่พวกมือปืนกลับปาดมาอีก ทางแล้วเข้ามาประกบฝั่งชิโล
“ไอ้เวรเอ้ย !! ชิโล...ฉันติดกุญแจมือยิงพวกมันจากฝั่งเธอไม่ได้ เธอต้องยิงสกัดมัน”
“ฉัน...ฉันเนี่ยนะ ไม่...ฉันไม่ทำร้ายใครมันผิดศีล”
“แต่ถ้าเธอไม่ทำเราสองคนนั่นแหละจะตาย”
สการยื่นปืนให้ชิโลที่จำใจต้องรับมาอย่างเสียไม่ได้ ชิโลยื่นมือซ้ายออกไปนอกรถแต่ตาไม่มอง
“เล็งที่รถพวกมันแล้วลั่นไก”
ชิโลยื่นหน้าออกไปแล้วหรี่ตาจะยิง แต่ดันตกใจเพราะพวกมันยิงสวนมา
“ว๊าย !!”
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“เปล่า...แต่ปืน..ปืน...”
“ปืนอยู่ไหน”
“ฉันทำปืนหล่นไป”
“ว่าไงนะ !!”
สการตะลึง
รถสการวิ่งมาตามถนนด้วยความเร็ว มอเตอร์ไซค์ของมือปืนไล่ตามและยิงเข้าใส่จนทำให้รถสการเสีย หลักพุ่งออกข้างทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ไปสงบนิ่งควันขโมง
มือปืนตามมาถึงรถและพากันลงมาเตรียมจะยิงซ้ำ แต่พอเปิดประตูรถกลับไม่เจอสการและชิโลแล้ว
มณีแดนสรวง ตอนที่ 15 (ต่อ)
รถสการที่จอดอยู่ ควันขโมงหน้ายุบเพราะชนต้นไม้แต่สการกับชิโลหายไปอย่างไร้ร่องรอย มือปืนสองคนที่แยกกันไปค้นหารอบๆเดินกลับมาหน้างงๆ
“เจอพวกมันมั้ยวะ”
“ไม่เจอเลยว่ะ หาจนทั่วแล้ว แม้แต่รอยเลือดสักหยดก็ไม่มี”
“เป็นไปได้ไงวะ มันโดนเราไล่ยิงจนรถพังยับเยินขนาดนี้ ยังไงมันก็ต้องบาดเจ็บหรือไม่ก็ ตายอยู่ในรถไปแล้ว”
มือปืนมองหน้ากันอย่างงงๆระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือดัง
ในรถทองทิวที่กำลังแล่นอยู่บนถนน สาโรจน์ใช้มือถือถูกๆโทรหามือปืน
“ว่าไง เรียบร้อยมั้ย”
“เอ่อ...ผมกำลังตามล่ามันอยู่ครับ”
“อะไรนะ ป่านนี้ยังไม่เรียบร้อยอีกเหรอ”
ทองทิวได้ยินสาโรจน์พูดกับมือปืนเลยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ กวักมือให้สาโรจน์เอาโทรศัพท์มาให้พูดสายเอง
“คนของฉันการันตีว่าฝีมือพวกแกระดับพระกาฬ ถ้าอีกชั่วโมงนึงฉันยังไม่ได้ข่าวดี ฉันก็ยังมีพวกที่ฝีมือดีกว่าส่งไปจัดการทั้งแกทั้งพวกมัน”
ทองทิวขู่ใส่จริงจังก่อนจะปิดสาย เปิดกระจกรถแล้วปามือถือออกไปนอกรถที่กำลังวิ่ง โทรศัพท์มือถือตกกระแทกพื้นแตกกระจาย
มือปืนวางสายไปแล้วหน้าเครียด หันมาบอกเพื่อน
“ซวยแล้วไง ถ้าตามหาพวกมันไม่เจอเราได้กลายเป็นศพแทนแน่”
“แล้วจะเอาไงวะ หายังไงก็หาไม่เจอ อย่างกับพวกมันล่องหนหายตัวได้งั้นแหละ”
“พวกมันไม่ใช่ภูติผีปีศาจนะเว้ย จะได้ล่องหนหายตัวไปได้ ยังไงก็อยู่แถวนี้ หาต่อ !!”
ไม่ทันขาดคำเสียงหัวเราะน่ากลัวดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ พวกมันมองหาจนทั่วก็ไม่เจอเจ้าของเสียง
“ใครวะ !!”
มือปืนทั้งสองคนหลังชนกันชักปืนออกมาเตรียมพร้อม อสุเรศปรากฏตัวขึ้นหลังหมอกควันที่เข้าปกคลุม พวกมือปืนเห็นเข้าก็รีบรัวกระสุนใส่อสุเรศไม่ยั้ง แต่ก็ทำอะไรอสุเรศไม่ได้แม้แต่นิดเดียว อสุเรศแบมือออกหัว กระสุนปืนเต็มมือ พวกมือปืนถึงกับตกใจ
“มนุษย์ชั้นต่ำอย่างพวกแก ไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องรัศมิชโลธรของข้า”
อสุเรศเป่าทีเดียวหัวกระสุนในมือก็พุ่งเข้าใส่พวกมือปืนทันที
ชิโลรู้สึกตัวมึนๆก่อนจะพบว่าตัวเองมานอนหมดสติ อยู่บนดาดฟ้าตึกใจกลางเมืองโดยที่ตัวเองยังติดอยู่กับสการ
“ผู้กอง...ผู้กองคะ”
ชิโลพยายามเขย่าตัวเรียกสติแต่สการไม่รู้สึกตัว เสียงของอสุเรศก็ดังขึ้น
“ห่วงตัวเองก่อนที่จะไปห่วงมนุษย์เถอะรัศมิชโลธร”
ชิโลตกใจ
“อสุเรศ !! อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันจะใช้แก้ววิเศษจัดการกับเจ้า”
“ใจเย็นๆก่อน ข้าเพิ่งจะช่วยเหลือเจ้าให้พ้นอันตรายจากพวกมนุษย์นะ”
ชิโลชะงัก
“ที่เรากับผู้กองมาอยู่ที่นี่...เพราะฝีมือเจ้า”
“หึๆๆ แก้ววิเศษปกป้องเจ้าได้ก็แค่อสูรอย่างข้า แต่ใช้ปกป้องอันตรายจากพวกมนุษย์ ไม่ได้ ข้าถึงต้องตามมาช่วยเจ้ายังไงล่ะ”
ชิโลแปลกใจ
“ทำไม ?...เจ้าช่วยเพื่ออะไร”
“เพราะเจ้าคือสมบัติของข้าแต่ผู้เดียว พวกมนุษย์ชั้นต่ำจึงไม่มีสิทธิ์มาทำให้ของสวยๆ งามๆของข้าต้องมีตำหนิ”
ชิโลเจ็บใจกำแก้ววิเศษแน่น แสงสว่างส่องออกมาจากตัวเธอทำให้อสุเรศชะงักและรีบถอยออกมาห่างๆ
“ฝันหวานไปเถอะว่าเราจะยอม ไปซะ ไปให้พ้นหน้าเรา !!”
“วันนี้เจ้าอาจจะไล่ข้าได้ แต่เมื่อไหร่ที่เจ้าไม่มีแก้ววิเศษปกป้องตัว เจ้าจะต้องซึ้งน้ำใจข้า ที่ช่วยเจ้าจากพวกมนุษย์”
อสุเรศชี้นิ้วไปที่กุญแจมือแล้วสบัดทีเดียว กุญแจมือที่ล็อคชิโลกับสการไว้กระเด็นหลุด
“ปัญหาของเจ้ากับมัน ข้าจะจัดการให้เอง ต่อไปนี้มันจะไม่มีโอกาสล่วงเกินเจ้าอีก”
อสุเรศชี้นิ้วไปที่สการต้องการจะจัดการ ชิโลตกใจโผเข้าไปกอดสการไว้ แสงที่นิ้วของอสุเรศพุ่งเข้าใส่แผ่นหลัง ชิโล แล้วกระเด็นออกเพราะแก้ววิเศษของชิโลปกป้องเอาไว้”
“รัศมิชโลธร...นี่เจ้าถึงกับเอาตัวเองปกป้องมัน อย่าบอกนะว่านางฟ้าที่ทั้งหยิ่งทั้ง จองหองอย่างเจ้ากำลังใจอ่อนกับมนุษย์”
สการอยู่ในอ้อมกอดของชิโล สการสะลึมสะลือตาปรือมองชิโลด้วยสติอันพร่าเลือน
“ถึงเขาจะเป็นมนุษย์ แต่จิตใจเขาก็สูงส่งกว่าอสูรอย่างเจ้า ไปให้พ้นหน้าเราเดี๋ยวนี้ !!”
ชิโลเริ่มโกรธหันมามองอศุเรศอย่างเอาจริง มือกำสร้อยเอาไว้แน่นเป็นการขู่
“เจ้าไม่มีวันหนีข้าพ้นหรอกรัศมิชโลธร…ฮ่าๆๆๆ”
อสุเรศหายตัวไปแต่เสียงหัวเราะยังก้องกังวาน ชิโลหันมาประคองสการเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง
ดรัณมีสีหน้างงๆ เมื่อตรีชฎารายงานผลการสืบ...
“หมายความว่ายังไงครับ กล้องวงจรปิดทุกตัวของที่นี่ใช้งานไม่ได้พร้อมๆกัน”
“ค่ะผู้กอง โดยเฉพาะเวลาที่ชายในชุดดำสองคนนั่นเดินผ่าน กล้องก็ถึงกับเสียใช้การ ไม่ได้ไปเลย ดิฉันว่าถ้าพวกนั้นไม่วางแผนมาอย่างดี พวกมันก็อาจจะเป็น....”
“นี่คุณตรีชฎา คุณจะให้ผมรายงานท่านผู้การว่า ไอ้สองตัวอ้วนผอมที่กล้าบุกเข้ามาที่นี่ แล้วชกหน้าผู้การจนหน้าหงาย ไม่ใช่คนแต่เป็นผีเป็นปีศาจงั้นเหรอ”
ตรีชฎาถอนใจ
“ก็มันแปลกจริงๆนี่คะ คนธรรมดาที่ไหนจะทำได้แบบนั้น”
“เฮ้อ...วันๆเจอแต่เรื่องประหลาดๆ แล้วนี่ไอ้แซมยังไม่เข้ามาทำงานอีกเหรอ”
ตรีชฎาส่ายหน้า ระหว่างนั้นมือถือดังหยิบมาดูเห็นเป็นเบอร์สการ
“ตายยากจริงๆ พูดถึงปุ๊บก็โทรมาปั๊บ” ดรัณกดรับ “ไอ้แซม...ไปมุดหัวอยู่ไหนวะ งานกองเต็ม โต๊ะแล้วนะเว้ย...คุณชิโล ?”
ดรัณฟังอย่างแปลกใจ
ชิโลใช้โทรศัพท์ของสการโทรหาดรัณ ส่วนสการยังหมดสติหัวนอนหนุนตักชิโล
“ผู้กองดรัณ...ช่วยด้วยค่ะ ช่วยผู้กองสการด้วย”
ชิโลขอความช่วยเหลือจากดรัณไป สายตาก็มองสการอย่างเป็นห่วงมาก
ในห้องตรวจที่โรงพยาบาล สการนั่งให้หมอใช้ไฟฉายส่องดูม่านตา และตรวจอาการอีกสองสามอย่างผ่านทางฟิลม์ X-Ray ดรัณคอยกำกับ
“ตรวจให้ละเอียดเลยนะครับหมอ เข้าเครื่อง CT สแกนเลยก็ได้ เผื่อจะเจอสาเหตุที่ทำให้ เพื่อนผมมันดื้อด้านยิ่งกว่าวัวกว่าควาย”
สการเหล่
“หมอครับ ตรวจผมเสร็จแล้ว ช่วยลากเพื่อนผมเข้าห้องผ่าตัดแล้วผ่าเอาหมาออกจาก ปากมันให้หน่อยนะครับ ค่าใช้จ่ายผมออกเอง”
“เคสผ่าหมาออกจากปากคน หมอยังไม่เคยทำครับ แต่ถ้ามีจริงๆก็น่าลอง”
ดรัณเหวอ
“อ้าวหมอ”
“เอาล่ะครับ..เท่าที่หมอดู ผู้กองปกติดีทุกอย่างไม่มีอาการกระทบกระเทือนและไม่มีส่วน ไหนที่บาดเจ็บจนน่าเป็นห่วง”
“แต่ถ้าหมอเห็นสภาพรถที่เพื่อนผมมันขับไปชนมา หมอต้องไม่พูดแบบนี้แน่”
“หมอว่าหมอตรวจอย่างละเอียดแล้วนะครับ”
ดรัณมองสการอย่างแปลกใจ แต่สการมีสีหน้าสงสัยมากกว่าดรัณ
“แกไม่ต้องมองหน้าฉันแบบนั้น คนที่จะให้คำตอบได้...ไม่ใช่ฉัน”
เมื่อออกมาที่หน้าห้องแล้วพยายามมองหา ดรัณตามออกมา
“ถ้าแกจะมองหาคุณชิโล่ะก็ เธอไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก”
“ไม่อยู่ที่นี่ แล้วอยู่ไหน”
“ไม่รู้ ฉันได้รับโทรศัพท์จากคุณชิโลบอกให้ไปช่วยแก พอไปถึงก็เจอแต่แกที่นอนหมด สติอยู่คนเดียวบนดาดฟ้า ส่วนรถแกก็พังยับ รูพรุนเพราะกระสุนปืนอยู่ใกล้ๆแถวนั้น”
สการเข้าไปกระชากคอเสื้อเพื่อน
“แล้วแกมัวมาอยู่กับฉันทำไม ทำไมไม่ตามหาเธอ ตอนนี้ เธออาจจะบาดเจ็บหนัก หรือไม่ก็โดนมือปืนพวกนั้นตามล่า”
“เฮ้ย !! ฉันรู้น่า ฉันก็เป็นห่วงคุณชิโลไม่น้อยไปกว่าแก ก่อนแกจะรู้สึกตัวฉันไปตามหาที่ บ้านแล้วแต่ไม่เจอ ตอนนี้ฉันให้ท้องที่ช่วยตามหาอยู่ ส่วนไอ้มือปืนพวกนั้น...”
“ทำไม”
“ตอนฉันไปถึงที่เกิดเหตุ พวกมันถูกกราดยิงตายคาที่ไปแล้ว แถมกระสุนที่ยิงพวกมัน ยังมาจากปืนของพวกมันเองอีก”
สการแปลกใจ
“มีคนอื่นมาจัดการพวกมัน”
“ก็เออน่ะสิวะ พวกมันคงไม่ชักปืนมายิงใส่กันเองหรอก”
“ถึงพวกมันจะโดนเก็บไปแล้วแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าชิโลจะปลอดภัย”
สการสงสัยแปลกใจว่าชิโลหายตัวไปไหน
“เธอหายไปไหนของเธอ ยัยตัวแสบ”
ภายในโบสถ์วัดที่มากับสการ...ชิโลพนมมือก้มกราบองค์พระประธานก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองภาพเขียนจิตรกรรม ฝาผนังที่มีการเล่าเรื่องสวรรค์ มีภาพนางฟ้า เทวดา
ชิโลมีความกังวลและเศร้าเสียใจ ระหว่างนั้นเสียงฮัดชิ้วของอุ้มสมดังมาแต่ไกล ชิโลหันไปเห็นอุ้มสม เข้ามาในโบสถ์
“บินตามหาเจ้าซะทั่วที่แท้ก็มาอยู่ที่นี่เอง”
“เจ้าตามเราเจอได้ยังไง”
“บนโลกมนุษย์มีเจ้าคนเดียวที่สวมแก้ววิเศษ แค่เราบินตามรัศมีมาก็เจอเจ้าแล้ว”
“เราอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ สบายใจแล้วก็กลับเองนั่นแหละ ไม่เห็นจะต้องมาตามเลย”
“ใช่เราคนเดียวที่ไหนที่กำลังหาตัวเจ้า ทั้งผู้กองดรัณผู้กองสการ ตอนนี้ต่างก็หาตัวเจ้า กันให้ควั่ก เจ้าต้องบอกเราแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น”
ชิโลมองอุ้มสมที่ขยับเข้ามาใกล้สีหน้าจริงจัง ชิโลถอนใจ
ในคฤหาสน์อสูร...อสุเรศชะโงกหน้าเข้ามามองซ้ายๆมองขวาระวังตัวสุดฤทธิ์ จิตราสูรยื่นหน้าเข้ามาสะกิดนาย
“ทางสะดวกขอรับนายท่าน”
“แน่ใจนะ บางทีพวกนางอาจจะแปลงกายหลบอยู่ที่นี่หลอกพวกเจ้าก็ได้”
“พวกนางไม่อยู่ที่นี่แน่นอนขอรับ เพราะข้าบอกว่านายท่านไปรอพวกนางมัคลีผลร่วง จากต้นที่ป่าหิมพานต์ ป่านนี้พวกนางคงอาละวาดฟาดงวงฟาดงาป่ากระเจิงแล้ว”
อสุเรศถอนใจ
“ทำดีมาก นานๆทีข้าถึงจะเห็นเจ้าฉลาดสักเรื่อง”
อสุเรศชมจิตราสูรแล้วเดินไปนั่ง จิตราสูรยิ้มแฉ่งหันไปยืดอกอวดอัคราสูร
“แต่แผนของไอ้อึ่งอ่างก็คงจะหลอกล่อพวกนางได้ไม่นาน ถ้านายท่านไม่หาวิธีโน้มน้าว ให้พวกนางยอม พวกนางก็คงตามมาสร้างความวุ่นวายไม่หยุด”
จิตราสูรมองไม่พอใจ
“จะโน้มน้าวให้เมียหลวงยอมให้ผัวมีเมียน้อยเพิ่มเนี่ยนะ ไอ้อสูรหัวขี้เลื่อยเอ้ย เอ็งยังไม่ รู้จักความอิจฉาริษยาของผู้หญิงดี เอ็งถึงได้พูดไร้สาระ”
อสุเรศแย้ง
“แต่ที่มันพูดมาก็มีเหตุผลกว่าหาทางโกหกพวกนางไปเรื่อยๆ”
จิตราสูรชะงักแล้วรีบหันมาชะเลีย
“ใช่ขอรับนายท่าน ถูกต้องเลย ทางที่ดีต้องโน้มน้าวให้พวก นางยอมให้นายท่านเอานางฟ้ามาทำเมีย”
“แต่ข้าจะโน้มน้าวยังไง พวกนางถึงจะยอม” อสุเรศถามความเห็น
“งั้นเอาอย่างนี้ดีมั้ยขอรับนายท่าน ข้าเห็นพวกมนุษย์มันติดใจละครอยู่เรื่องนึง ข้าดูแล้ว เข้าท่าอยู่เหมือนกัน ถ้านายท่านอยากได้คุณนายสี่มาประดับบารมี นายท่านก็ต้องทำ ให้คุณนาย 1 2 3 พอใจก่อน”
อัคราสูรงง
“เจ้าไปดูละครเรื่องอะไรมา ข้าไม่เห็นรู้เรื่อง”
อสุเรศบอกเสียงเข้ม
“จะมาจากไหนข้าไม่สนใจ แต่แก้วแหวนเงินทองไม่ใช่สิ่งที่ทำให้นางอสูรทั้ง 3 พอใจแน่”
“ข้าไม่ได้บอกให้นายท่านใช้แก้วแหวนเงินทองทำให้พวกนางพอใจ แต่ข้าอยากให้นาย ท่านใช้วิธี….จุดจุดจุด”
จิตราสูรใบ้คำแล้วหลุบตามองลงไปที่เป้าของอสุเรศ ซึ่งมองต่ำลงมามองเป้าตัวเองเหมือนกัน
“หือ…นี่เจ้าจะบอกว่า...”
จิตราสูรพยักหน้าหงึกๆ
“ขอรับนายท่าน”
จิตราสูรยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่อสุเรศกลืนน้ำลายเอื๊อก
ชิโลมองภาพจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่า เรื่องราวของเทวดานางฟ้าบนสวรรค์แล้วถอนใจ
“ตั้งแต่ถูกส่งมาที่นี่ ทุกคนรอบตัวก็ต้องมาเดือดร้อนเพราะเรา”
“อย่าโทษตัวเองสิชิโล อสุเรศต่างหากที่ตอแยหาเรื่องเจ้าตั้งแต่ยังเป็นนางฟ้า”
“เราอยากขอให้พรข้อสุดท้าย ทำให้ผู้กองดรัณกับคุณสิริสุดากลับมาแต่งงานกันอีกครั้ง ปัญหาจะได้จบแล้วจะได้กลับไปดาวดึงส์ซะที เราไม่อยากเห็นใครต้องมาได้รับ อันตรายเพราะเราอีกแล้วนะอุ้มสม”
ชิโลรู้สึกอึดอัดใจ เพราะต้องทนอัดอั้นมาตลอดจนน้ำตาคลอ
“คนที่เจ้าไม่อยากเห็นเขาได้รับอันตราย หมายถึงผู้กองสการใช่มั้ย”
คำพูดของอุ้มสมทำให้ชิโลนิ่งไปก่อนจะรู้สึกแปลกๆเมื่อมีน้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม ชิโลเอามือแตะแล้วตกใจ
“ชิโล…นั่นเจ้า…เจ้ามีน้ำตา”
“อุ้มสม”
“เราว่าเจ้าไม่ได้สงสารผู้กองสการในฐานะที่เขาเป็นมนุษย์อย่างเดียวแล้ว…แต่เจ้ากำลัง มีความรักแบบมนุษย์”
ทางด้านสการเมื่อกลับถึงคอนโด พยายามถามนารี เพื่อหาข้อมูลชิโล
“ชิโลเขาสนิทกับแม่ แม่ต้องรู้สิครับว่าชิโลอยู่ไหน”
“แม่ไม่รู้จริงๆว่าชิโลอยู่ที่ไหน แต่ที่แม่รู้แน่ๆก็คือหนูชิโลเขาปลอดภัยดี”
“แม่มั่นใจได้ยังไงครับ”
“เพราะหนูชิโลเขาเป็น…เขาเป็นคนดี คนดีย่อมมีเทวดาคอยคุ้มครอง”
“เอาอีกแล้วนะครับแม่ เลิกงมงายเรื่องพวกนั้นซะที”
“แกอย่ามาหาว่าแม่งมงายนะตาแซม ของที่มองไม่เห็นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอยู่จริง”
อุ้มสมเดินเข้ามาแล้วพูดขึ้น...
“แม่คุณพูดถูกแล้วนะครับผู้กอง ไม่มีใครบังคับให้คุณเชื่อ ถ้าคุณไม่คิดจะเชื่อก็อย่า บังคับให้คนอื่นคิดเหมือนคุณ”
นารีดีใจ
“อุ้มสม...ชิโลล่ะ”
“กลับมาแล้วครับคุณป้า”
“ปลอดภัยดีมั้ย”
อุ้มสมพยักหน้ารับ
“ครับ”
สการภามทันที
“ชิโลอยู่ไหน”
“คุณไม่ต้องถามหาหรอก คุณได้พบแน่ เพราะชิโลรอคุยกับคุณอยู่”
สการมองอุ้มสมอย่างแปลกใจ
มัดหมี่หน้าตาปั้นปึงไม่พอใจเดินเข้ามาหาสิริสุดาในบ้าน เอิงเอยรีบเดินตาม
“เดี๋ยวสิยัยมัดหมี่ นี่ไม่ใช่บ้านเธอนะ จะได้เดินเข้ามาโดยเจ้าของเขายังไม่อนุญาตแบบนี้”
“แล้วเธอใช่เจ้าของเหรอถึงมาห้ามฉัน”
เอิงเอยชะงัก ระหว่างนั้นสิริสุดาเข้ามา
“มีอะไรกันน่ะยัยเอิง”
“ก็ยัยจี๊ดนี่น่ะสิ ลากให้ฉันมาหาแกบอกว่ามีเรื่องต้องถามแกให้เคลียร์”
สิริสุดาหันมามองมัดหมี่อย่างสงสัย
“เพื่อนเธอบอกฉันว่าคุณป๋าของเธอ รับปากว่าจะจัดการกับนังชิโลให้เรียบร้อย”
“ใช่”
“งั้นเธอก็ยังไม่ได้ดูข่าวที่ฉันรายงานไปวันนี้”
“คุณคิดว่าคนอย่างฉันจะสนใจรายการข่าวเหรอคะ ที่บ้านฉันเปิดแต่สถานีแฟชั่นกับ ละคร แต่ถ้ามีข่าวอะไรที่ฉันควรจะสนใจ คุณก็รายงานสดๆให้ฉันฟังตรงนี้เลยก็ได้”
มัดหมี่หางตามองสิริสุดาอย่างหมั่นไส้ ที่สิริสุดาทำวางตัวอวดและข่มเธอ
บริเวณสระว่ายน้ำของคอนโดฯค่ำคืนมีแสงไฟสวยงาม...สการตามเข้ามาเห็นชิโลยืนรออยู่ ชิโลยังไม่ทันหันมาทางเขา ภาพของชิโลที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงสะท้อนจากน้ำ ในสระทำให้สการรู้สึกใจเต้นตึกตักอย่างแปลกประหลาด นึกถึงเหตุการณ์ที่คุยกับดรัณที่ผ่านมา
‘ฉันไม่ได้หลงรักชิโล’
‘แกไม่ต้องมาโกหก เวลาแบบนี้ควรต้องพูดความจริง’
ดรัณหันไปมองเวลาที่เหลือแค่ 3 นาที
‘คนอย่างแกไม่เคยฟังเสียงหัวใจตัวเอง คิดแต่เรื่องของความถูกต้องอย่างเดียว ถ้าแก ยอมรับว่าหลงรักคุณชิโล ฉันจะยอมหลีกทางให้’
สการกับเวลาที่นับถอยหลังไปอย่างรวดเร็วเหลือ 2 นาที
‘ว่าไงล่ะ ไอ้แซม ถ้าเสียงหัวใจแกสั่งให้บอกว่ารัก แกก็แค่พูดออกมาว่ารัก มันไม่เห็น จะคิดยาก พูดยากตรงไหน’
สการ ชิโลกำลังจะหันมา สการเลยตัดสินใจปรี่เข้าไปแล้วดึงชิโลมากอดเอาไว้ทันที ชิโลตกใจ
”ผู้กอง !!”
“เธอไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีก รู้บ้างมั้ยว่าฉันเป็นห่วงเธอ !!”
ชิโลตกใจจนอ้ำอึ้ง สการยิ่งกอดชิโลแน่นด้วยความห่วงใย ชิโลได้แต่ยืนตัวแข็ง นึกถึงเหตุการณ์ที่คุยกับอุ้มสมในโบสถ์
ในโบสถ์...ชิโลนิ่งงันน้ำตายังอาบแก้ม แต่พออุ้มสมทักก็รีบหันมาเช็ดน้ำตาปฏิเสธ
“เจ้าพูดอะไร เราเป็นนางฟ้า เราจะมีความรักกับมนุษย์ได้ยังไง”
“แต่เจ้าเสียน้ำตาให้กับเขา หลักฐานบนหน้าของเจ้ามันฟ้องเห็นๆ”
“ไม่จริง น้ำตาของเราไม่ใช่หลักฐานว่าเรามีใจให้เขา มันก็แค่...แค่...”
อุ้มสมหรี่ตามองรอว่าจะพูดอะไร
“ก็แค่....แค่ความสงสารเหมือนอย่างที่อสุเรศบอกว่าเรากำลังใจอ่อนกับมนุษย์”
“ชิโล...เจ้าหันหลังกลับไปแล้วดูให้ดีว่าตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหน ต่อหน้าองค์พระปฏิมาเจ้า ยังกล้ามุสาต่อความรู้สึกของเจ้าอยู่รึเปล่า”
ชิโลหันไปมองพระพุทธรูปที่พระพักต์เหมือนเพ่งมองมาที่เธอ ทำให้เธอนิ่งงันอย่างเสียใจ
“ผู้กองสการเป็นน้องชายของเรา...ความรักที่เรามีให้เขาก็เหมือนกับที่เรารักคุณนารี รักที่เขาเป็นครอบครัวเดียวกับเรา”
ชิโลปาดน้ำตาที่รื้นจนเอ่อแล้วรีบวิ่งออกจากโบสถ์ อุ้มสมมองตามอย่างเวทนาสงสาร
ปัจจุบัน...ชิโลอยู่ในอ้อมกอดของสการที่เป็นห่วงเป็นใยเธอ คำพูดในโบสถ์ที่พูดออกไปเตือนสติตัวเองให้ชิโลผลักสการออกจากเธอแรงๆ
“ปล่อยฉันนะผู้กองเลิกทำรุ่มร่ามกับฉันซะที”
สการชะงัก
“ชิโล”
“ที่ฉันมารอคุณ เพราะฉันมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับคุณ”
“ได้...ฉันก็ต้องคุยกับเธอเหมือนกัน”
“งั้นฉันขอบอกเรื่องของฉันก่อน ข้อตกลงที่ฉันเคยขอร้องคุณไว้ว่าให้เราทำตัวเป็นคน รักกัน ฉันขอยกเลิก”สการอึ้ง
“ทำไม”
“ไม่ต้องถาม เอาเป็นว่าต่อไปนี้คุณห้ามเข้าใกล้ฉัน ห้ามมาจับมือ ห้ามมาจับแก้ม ห้าม มาแอบมอง โดยเฉพาะที่คุณทำไปเมื่อกี้นี้ ถ้าคุณทำอีกฉันจะฟ้องแม่คุณ”
“นี่เธอคิดว่าที่ฉันทำไปเมื่อกี้เพราะฉันพิศวาสเธองั้นเหรอ”
“แล้วไม่ใช่เหรอ ฉันรู้สึกนะ คุณกอดฉันแน่นแล้วคุณก็หายใจรดต้นคอฉัน แล้วมือคุณ ก็...ก็...ก็....”
ชิโลทำสยิวตัวสั่น
“หยุด !! เธอกำลังใส่ร้ายฉัน ฉันไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย ฉันกำลังจะเข้ามาสอบ ปากคำเธอ แต่สะดุดขาตัวเองก็เลยพุ่งใส่เธอ ฉันกลัวจะตกน้ำเลยต้องกอดเอาไว้แน่น”
ชิโลอึ้ง
“ผู้กอง แล้วที่คุณพูดว่าเป็นห่วงฉันล่ะ”
“พูดอะไร..พูดที่ไหน ฉันไม่ได้พูดอะไรสักคำ เธอหูแว่วไปเอง”
ชิโลเจ็บใจ
“ได้ !! ดีเหมือนกันในเมื่อผู้กองก็ไม่ได้คิดอะไรกับฉันอยู่แล้ว ต่อไปนี้เราจะได้ ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีอะไรต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก”
“ดี..เพราะฉันก็เบื่อเรื่องวุ่นวายของเธอเต็มทนแล้วเหมือนกัน”
ชิโลตะคอกใส่หน้า
“ดี !!”
“ใช่..ดีมากๆเลย”
ชิโลกับสการจ้องหน้าขัดเขี้ยว ชิโลหมั่นไส้เข้าไปเหยียบเท้าสการแล้วสะบัดหน้าออกไปอย่างไม่สนใจ สการสะดุ้งเจ็บเท้าร้องโอ๊ย !!
“ยัยตัวแสบ !!”
ชิโลกำลังจะเดินออกจากบริเวณ แต่สการตามมาดึงแขนเธอไว้
“เดี๋ยว !! เธอยังกลับไม่ได้ ฉันยังไม่หมดธุระกับเธอ”
“ปล่อยนะ คุณเพิ่งรับปากฉันไปเองนะว่าคุณจะไม่แตะเนื้อต้องตัวฉัน”
“ฉันยังไม่ได้รับปาก เธอต่างหากที่พูดเองเออเอง”
“นี่คุณ !!”
สการบีบแขนแรงๆ
“โอ๊ย !! ฉันเจ็บ”
“เลิกเล่นละครว่าตัวเองเป็นนางฟ้าแสนดีซื่อบริสุทธิ์ได้แล้วชิโล บอกความจริงฉันมา เธอช่วยฉันให้รอดจากพวกมือปืนนั่นได้ยังไง”
ชิโลชะงักไป
“ว่าไง...ทั้งๆที่เธอถูกใส่กุญแจมือไว้กับฉัน แต่เธอก็ยังพาฉันหนีพวกมือปืนมาได้ แถมเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรสักนิด กลับมาปากเก่งเถียงฉันฉอดๆๆได้อีก”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
สการบีบแขนแรงขึ้น
“อย่ามาโกหกฉันนะ ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอจะแบกฉันหนีทั้งๆที่ติด กุญแจมืออยู่ ถ้าไม่มีพรรคพวกมาช่วย เธอไม่มีทางทำได้หรอก”
“ฉันไม่มีพรรคพวกที่ไหน สถานการณ์ตอนนั้นมันจำเป็น ฉันไม่อยากถูกฆ่าตายก็เลย ต้องเอาตัวรอด คุณไม่เคยได้ยินเหรอเวลาคนเราตกใจ แบกตู้เย็นหนีไฟยังทำได้เลย”
“แก้ตัวแบบนั้นน้ำขุ่นไปรึเปล่า”
“ฉันก็บอกคุณได้เท่านี้ ที่เหลือคุณอยากจะเชื่ออะไรก็เรื่องของคุณ ปล่อยฉันได้แล้ว”
“ยัง !! จนกว่าฉันจะรู้ก่อนว่ามือปืนพวกนั้นมันเป็นใคร”
“ฉันไม่รู้ คุณเป็นตำรวจก็ไปสืบเอาเองสิ”
“ปล่อยคุณชิโลเถอะไอ้แซม ฉันพอจะรู้แล้วว่าฝีมือใคร”
สการกับชิโลหันไปตามเสียงเห็นดรัณที่เพิ่งเข้ามา
มณีแดนสรวง ตอนที่ 15 (ต่อ)
ทองทิวไม่พอใจ กระชากคอเสื้อสาโรจน์มาตะคอกใส่หน้า
“ฉันไว้ใจแก แต่แกกลับหามือกระจอกไร้น้ำยามาทำงานสำคัญให้ฉันได้ยังไง”
“ผมขอโทษครับนาย ผมจะติดต่อที่ฝีมือดีกว่าพวกมันมาจัดการให้เรียบร้อย”
ทองทิวยิ่งโมโหผลักสาโรจน์กระเด็น
“ยังคิดจะหามาอีกเหรอ ตอนนี้พวกมันรู้ตัวแล้ว ขืนส่ง ไปเล่นงานมันอีก ฉันจะได้ตกเป็นเป้าสงสัยมากกว่านี้น่ะสิไอ้โง่ คง ต้องปล่อยมันไปก่อน คราวนี้ดวงมันยังดีอยู่ ไว้เมื่อไหร่ที่ฉันมีอำนาจสั่งย้ายพวกมันได้ มันโดนเช็คบิลย้อนหลังแน่”
ระหว่างนั้นสิริสุดาเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาหน้าตึงเหวี่ยงสุดฤทธิ์
“คุณป๋า...เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
ที่สระว่ายน้ำคอนโดฯ...สการมองหน้าเพื่อนอย่างแปลกใจ
“ว่าไงนะ แกสงสัยว่านายทองทิวเป็นคนจ้างมือปืนพวกนั้นให้มาเก็บฉัน”
“เออ...ฉันให้คุณตรีชฎาเอารูปพวกมันไปค้นดูในแบลคลิสต์ พบว่าพวกมันเป็นมือปืนรับ จ้างไร้สังกัด 2 ปีที่แล้วมันต้องสงสัยว่ารับจ้างไปยิงเซียนพระที่เชียงราย ชื่อของพวกมัน ก็เลยถูกจับตาดูอยู่”
สการแปลกใจ
“แล้วนายทองทิวไปเกี่ยวข้องกับพวกมันได้ยังไง”
“ฉันไปสอบปากคำหมอนวดขาประจำของพวกมัน ได้ยินว่าพวกมันติดต่ออยู่กับไอ้ สาโรจน์ลูกน้องนายทองทิว”
สการเจ็บใจ
“ต้องเป็นเรื่องที่ฉันเอาระเบิดปลอมไปยัดใส่มือมันแน่ๆ ไอ้บัดซบเอ้ย จะเล่นงานฉันแต่ไปลากให้ชิโลต้องมาเกี่ยวข้องด้วย”
“เฮ้ย...แต่แกไปลากคอมันมาไม่ได้หรอก หลักฐานแค่นี้ทำอะไรพวกมันไม่ได้ แถมไอ้ มือปืนพวกนั้นก็โดนเก็บไปหมดแล้วด้วย”
สการโมโห โดยไม่รู้ตัวว่าชิโลกำลังแอบฟังสการกับดรัณคุยกันอยู่ห่างๆ อุ้มสมโผล่เข้ามาข้างหลังชิโล
“นึกว่าเจ้าเสร็จธุระแล้วจะกลับห้องซะอีก”
“ชู่ว์...เบาๆสิอุ้มสม”
สการได้ยินเสียงคุยเลยหันมาทางชิโลอย่างสงสัย ชิโลรีบดึงอุ้มสมให้ก้มหัวหลบ ดรัณบอกเครียดๆ
“แกต้องเห็นหน้าตอนผู้การรับทราบข้อมูล หน้างี้ยั๊วะจัด รีบสั่งให้แกกับฉันเตรียมเข้า ประชุมวางแผนเด็ดขาดจัดการกับนายทองทิว”
สการคิดเหมือนกันว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำอะไรสักอย่าง ส่วนชิโลก็แอบมองสการ ด้วยความเป็นห่วง
สิริสุดาหน้าตาจริงจังรุกใส่ทองทิว เพราะต้องการเค้นความจริงต่อหน้าต่อตาลูกน้อง
“บอกสิมาเดี๋ยวนี้นะคะป๋า ป๋าสั่งให้คนของป๋าไปจัดการนังชิโลยังไง”
“ทำไมมาถามป๋าอย่างนั้นล่ะ”
“ป๋าไม่ต้องมาย้อนถามสิ แค่ตอบสิมาก็พอ”
ทองทิวไม่พอใจ
“ให้มันน้อยๆหน่อยยัยสิ ป๋าชักจะตามใจเรามากเกินไปแล้ว ถึงได้กล้ามาขึ้น เสียงกับป๋าแบบนี้”
สิริสุดานึกไม่ถึงว่าพ่อจะพูดอย่างนี้
“คุณป๋า !!”
“ต่อไปนี้ อย่าให้ป๋าเห็นเราแสดงท่าทางแบบนี้กับป๋าอีก ถ้าสิไม่ฟัง ป๋าจะเลิกตามใจสิ”
“ป๋าไม่ตอบใช่มั้ย ได้ค่ะ”
สิริสุดาหันไปขึงขังข่มขู่ใส่สาโรจน์
“บอกฉันมานะนายสาโรจน์ ป๋าใช้แกให้ไปทำอะไรนังชิโล”
“คุณสิครับ..เอ่อ....”
“ไม่ต้องมองหน้าคุณป๋า มองหน้าฉันนี่แหละ ถ้าแกไม่ตอบ ฉันจะไล่แกออก”
สาโรจน์หน้าเสียเพราะท่าทางสิริสุดาเอาจริง ทองทิวฉุนขาดรีบเข้ามาจับแขนลูกสาว
“สิทำให้ป๋าเหลืออด...มานี่ !!”
ทองทิวบีบแขนลากสิริสุดาพาออกจากห้องทำงาน
ทองทิวดึงตัวลูกสาวเข้ามาในห้องนอน แล้วผลักลงบนเตียง
“โอ๊ย สิเจ็บ ป๋าทำอย่างนี้กับสิได้ไง”
“ทำไมป๋าจะทำไม่ได้ สิเป็นลูก ป๋าเป็นพ่อ ถ้าลูกเกเร ก้าวร้าวนิสัยไม่ดี พ่อก็ต้องสั่งสอน”
“แล้วถ้าพ่อเป็นคนไม่ดี เป็นเจ้าพ่อ เป็นมาเฟีย สั่งมือปืนให้ไปฆ่าคนล่ะ ลูกยังต้องฟังพ่อ อยู่อีกรึเปล่า”
ทองทิวชะงัก
“ยัยสิ !! นี่...นี่ลูกเอาอะไรมาพูด”
สิริสุดาเงียบ ทองทิวเข้าบีบแขนขึ้นเสียง
“ป๋าถามว่าทำไมสิถึงมากล่าวหาป๋าแบบนี้”
“สิ...สิได้ข่าวมา วันนี้ผู้กองสการกับนังชิโลถูกมือปืนไล่ยิง มันตรงกับที่ป๋ารับปากว่าจะ จัดการกับมันให้จบ”
“ก็เลยคิดว่าป๋าส่งมือปืนไปเก็บมัน”
“สิไม่คิดจะเชื่อหรอกค่ะป๋า แต่...แต่ว่า...ป๋าเคยให้ลูกน้องจับดรัณมาซ้อมจนเกือบตาย ครั้งนี้สิก็เลย...”
“สิ...ฟังป๋านะ ป๋าทำงานมีหน้ามีตาในสังคม คำว่าบารมีมีคนเกรงใจของป๋า อาจจะทำ ให้คนอื่นเอาไปตีความว่าป๋าเป็นเจ้าพ่อ เป็นมาเฟีย ไอ้เรื่องที่ป๋าเคยลากดรัณมาซ้อม ป๋าทำก็เพราะว่ารักสิมาก แต่ถึงขนาดส่งมือปืนไปฆ่าคน ป๋าไม่มีทางทำเด็ดขาด”
“จริงนะคะป๋า”
“จริงสิ ป๋าทำธุรกิจสุจริต และอีกไม่นานป๋าก็จะทำงานรับใช้ประชาชน ป๋าจะไม่มีวันทำ เรื่องสกปรกแน่ ถ้าป๋าโกหก สาบานให้ตกนรกหมกไหม้เลย”
สิริสุดารีบเอามือปิดปากทองทิว
“ไม่ต้องถึงกับสาบานหรอกค่ะป๋า สิเชื่อป๋าแล้ว ต่อไปนี้สิจะ ไม่เอาเรื่องของสิไปทำให้ป๋าต้องลำบากใจอีก ปัญหาของสิ สิจะหาทางจัดการเอง”
สิริสุดารู้สึกผิดเข้าไปสวมกอดคุณป๋า ส่วนทองทิวหน้านิ่งแฝงความเจ้าเล่ห์กล้าสาบานทั้งๆที่ทำชั่วไม่กลัวบาป
วันใหม่...ชิโลถึงกับงงเมื่อเห็นอาหารที่นารีจัดวางบนโต๊ะ มีการแกะสลักอย่างดี น่ากินเอามากๆ
“นี่วันสำคัญอะไรเหรอคะคุณป้า”
นารียิ้มแย้ม
“เปล่าจ้ะ ก็มื้อเช้าธรรมดานี่แหละ”
อุ้มสมส่ายหน้า
“แต่จัดเต็มอย่างกับจะถวายเจ้าเข้าวังแบบนี้ ดูยังไงก็ไม่ธรรมดาหรอกครับ”
ชิโลมองสีหน้าของนารีก็เริ่มเข้าใจ...
“คุณป้าคะ...ไหนเราคุยกันแล้วว่าจะไม่มีอะไรที่พิเศษ แตกต่างจากชีวิตปกติประจำวันของเรา”
“แต่ว่า...ยังไงหนูชิโลก็เป็นนางฟ้า ป้าก็เลยอดไม่ได้”
ระหว่างนั้นสการออกจากห้องนอนจะมาร่วมโต๊ะอาหาร อุ้มสมกระแอมให้ชิโลกับนารีหยุดพูดเรื่องนางฟ้า สการหันไปถามนารี
“โห...นี่แม่นัดเจ้าที่ไหนมากินมื้อเช้าด้วยเนี่ย”
“ไม่ใช่เจ้าที่ไหนหรอก หนูชิโลกับอุ้มสมนี่แหละ”
“แม่ครับ...จะรักจะชอบพอกันยังไงก็ไม่น่ามากเกินไปถึงขนาดนี้ นี่ถ้าผมรู้ว่าแม่ตื่นตีสาม ตีสี่มาทำแบบนี้ล่ะก็...”
ชิลาส่งเสียงดุ
“ผู้กอง...ขอโทษคุณแม่เดี๋ยวนี้”
สการชะงัก
“นี่เธอสั่งฉันเหรอ”
“ใช่...ฉันสั่ง คุณเป็นลูกไม่ควรจะพูดจาแบบนั้นกับบุพการี”
นารีหันไปยอกชิโล
“เอ่อ...หนูชิโลจ๊ะ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เดี๋ยวป้าจะดุเขาเอง”
“ไม่ได้หรอกค่ะคุณป้า พูดจาติฉินนินทาบุพการี ตายไปต้องเป็นเปรตมีเปลวไฟไหม้ปาก ตลอดทั้งวันทั้งคืน”
“ตาแซมเขาชอบปากเสีย แต่เขาก็กตัญญูนะคะ...เอ่อ...นะจ๊ะหนูชิโล”
สการเซ็ง
“แม่...ผมไปทำงานดีกว่า ขืนอยู่นานๆ มีหวังโดนเทศน์ให้เห็นนิพพานแน่”
สการเบื่อชิโลจะเดินออกไป แต่ชิโลไปยืนขวางทางหน้าตึงคิ้วย่นจิกใส่สุดฤทธิ์
“คุณยังไปทำงานไม่ได้นะผู้กอง ต้องอยู่ทานอาหารเช้าฝีมือคุณแม่ให้หมด”
“นี่เธอจะเอายังไงกับฉันห๊ะชิโล”
ชิโลดุ
“กลับไปนั่งกินให้หมด อย่าทำให้แม่คุณต้องเสียใจ”
นารีอึ้งๆ
“เอ่อ...หนูชิโลจ๊ะ”
อุ้มสมปราม
“คุณป้าครับ...ผมว่าปล่อยให้พี่น้องเขาคุยกันดีกว่า ตอนนี้พี่สาวเขาคงอยาก อบรมบ่มนิสัยน้องชาย”
นารีชะงักมองอุ้มสม ที่พยักหน้าให้นารีรู้ว่าชิโลรู้แล้วว่าตัวเองเกี่ยวข้องกับนารียังไง
ที่โต๊ะอาหารสการขยับเก้าอี้เลื่อนเสียงดัง จงใจกระแทกประชดชิโลที่กำลังตักข้าวใส่จานให้ ชิโลส่งเสียงดุ
“นี่ผู้กอง อย่าทำประชดฉันนะ”
สการทำไม่รู้ไม่ชี้
“ฉันประชดที่ไหน ฉันก็ทำแบบนี้ของฉันเป็นประจำ”
“ไม่มีมารยาท เวลาคุณไปทำกิริยาอย่างนี้ต่อหน้าใคร เขาไม่ได้ว่าคุณคนเดียว แต่เขา ว่ากระทบมาถึงครอบครัว พี่น้อง วงศ์ตระกูล”
“นี่เธอว่าฉันแรงไปแล้วนะชิโล”
“ก็จงใจว่าให้รู้สึก เพราะถึงเวลาที่คุณควรจะต้องถูกอบรม”
ชิโลวางจานข้าวแล้วเข้าไปเลื่อนเก้าอี้กลับ
“เลื่อนเก้าอี้ออกมาใหม่…ให้เบาๆด้วย”
สการ เบือนหน้าหนีทำเป็นไม่สนใจ
“เธอไม่ใช่แม่ฉัน เรื่องอะไรฉัน ต้องฟังคำสั่ง ชิโลโกรธ”
“เอาแม่มาอ้างเหรอ ได้ จะเอาอย่างนี้ใช่มั้ย…งั้นรอเดี๋ยว อย่าหนีไปไหนนะ”
ชิโลขู่กำชับไว้แล้วเดินหายไปในห้องนารี สการสงสัยชิโลจะทำอะไร ชิโลเดินออกมาพร้อมกับไม้เรียวของนารี ชิโลสบัดไม้ทีเดียวเสียงไม้เรียวแหวกอากาศดัง…ฟั่บ สการตกใจ
“เฮ้ย !”
ในห้องห้องชิโล นารีคุยอย่างมีความสุขอยู่กับอุ้มสม
“ป้าดีใจเหลือเกินที่วันนี้ป้าได้พบกับลูกสาวของป้าอีกครั้ง”
“คงเป็นเพราะผลบุญที่คุณป้าหมั่นเพียรทำอย่างต่อเนื่อง”
“ไม่มีอะไรจะทำให้ป้ามีความสุขได้มากกว่า การได้เห็นพี่น้องสองคนรักใคร่กลมเกลียว ป้ามีความสุขเหลือเกิน ขอบคุณสวรรค์”
นารีพนมมือจรดเหนือหัวอย่างซาบซึ้ง แต่อุ้มสมกังวลบ่นเบาๆ
“กลัวจะไม่กลมเกลียวกันอย่างที่หวังน่ะสิคุณป้า”
สการโดนชิโลเอาไม้เรียวไล่ตีร้องโอ๊ยๆสะดุ้งโหยงถอยหลังชนโซฟา
“หยุดนะ! เธอไม่มีสิทธิ์เอาไม้เรียวอาวุธประจำตัวแม่ฉันออกมาเล่นสุ่มสี่สุมห้า”
“ผู้กอง ถ้าฉันไม่ได้รับอนุญาต ฉันไม่มีสิทธิ์เอาไม้เรียวของคุณป้ามากำราบคุณหรอก”
“นี่แม่ฉันบอกเธอเหรอว่าฉันยอมให้ไม้เรียวของแม่คนเดียว”
“ใช่ !”
สการสะดุดล้มชิโลฟาดไม้เรียวลงไปที่แขน สการร้องเสียงหลง
“โอ๊ย นี่เอาจริงเหรอเนี่ย”
“ตั้งแต่ฉันมาอยู่ที่นี่ หลายครั้งแล้วที่ฉันเห็นคุณทำตัวเป็นลูกที่ไม่น่ารัก วันนี้แหละที่ฉัน จะช่วยคุณป้าดัดนิสัยให้คุณเป็นลูกที่ดีให้ได้”
ชิโลสั่งสอนไปก็ฟาดไม้เรียวเข้าที่แขนอีกข้าง สการร้องซี้ด
“ซี้ดส์…อู้ย…แสบๆๆ อยู่ๆแม่ฉันยอมให้เธอทำได้ไงเนี่ย”
“เพราะคุณป้าไว้ใจฉันเหมือนว่าฉันเป็นพี่สาวคุณ”
ชิโลจะฟาดอีกทีแต่คราวนี้สการใช้มือเปล่าจับไม้เรียวชะงักค้างกลางอากาศ
“พี่สาวงั้นเหรอ”
“ปล่อยมือนะผู้กอง”
สการออกแรงนิดเดียวก็แย่งไม้เรียวจากมือชิโลได้
“ตัวอย่างกับลูกแมวคิดว่าใช้ไม้เรียวของ แม่ฉันแล้วจะเอาฉันอยู่งั้นเหรอ”
“ผู้กอง...อย่านะ”
สการเป็นฝ่ายถือไม้เรียวไว้ในมือ สบัดทีเดียวไม้เรียวแหวกอากาศดัง...ฟั่บ ชิโลตาเหลือกกลืนน้ำลายเอื๊อก
“แย่แล้ว”
ชิโลวิ่งร้องขอความช่วยเหลือเข้ามาที่ห้องตัวเองหานารีกับอุ้มสม
“คุณป้า…ช่วยด้วย”
สการไล่ตาม
“อย่าหนีนะ แน่จริงก็มาดัดนิสัยฉันอีกสิ”
นารีเข้าขวาง
“หยุดนะตาแซม”
สการชะงักกึก
“แม่…นี่แม่ปล่อยให้ชิโลมาทำตัวเป็นผู้ปกครองผมได้ไง”
“ทำไมจะไม่ได้ ก็ชิโลเขาเป็นพี่สาวแก”
“พี่สาว” สการจ้องชิโล “นี่เธอไปเป่าหูอะไรแม่ฉันอีก นอกจากจะคิดว่าตัวเองเป็นนางฟ้า แล้ว ยังคิดจะทำตัวแก่เป็นพี่สาวฉันอีกเหรอ”
“ฉันไม่ได้ทำตัวแก่ ฉันน่ะอายุมากกว่าคุณตั้งเยอะ”
“เหรอ...เฒ่าทารก แก่แต่ตัวแต่สมองน่ะปัญญาอ่อน”
ชิโลอึ้ง
“ผู้กอง !”
นารีตวาด
“หยุดนะตาแซม แกไม่ควรจะพูดอย่างนั้นกับหนูชิโล”
สการเถียง
“แม่นั่นแหละครับที่ควรต้องฟังผมบ้าง...ผมเป็นห่วงแม่จริงๆ ถ้าขืนแม่อยู่ใกล้ชิโลมากๆ แม่จะกู่ไม่กลับ”
“แกนั่นแหละที่จะกู่ไม่กลับถ้าไม่ยอมรับฟังความจริงบ้าง”
“แม่!”
นารีมองลูกชายอย่างจริงจัง สการรู้สึกขัดใจทำอะไรไม่ได้
“คอยดูนะชิโล ฉันจะหาทางแยกแม่ฉันออกจากเธอให้ได้”
สการหัวเสียเดินออกไป ชิโลสงสารนารีจะตามไป
“เดี๋ยวผู้กอง คุณพูดอย่างนั้นกับแม่ไม่ได้นะ”
อุ้มสมรีบห้าม
“ชิโล…พอเถอะ เจ้าจะทำให้คุณป้าไม่สบายใจนะ”
ชิโลชะงักหันไปมองนารีหน้าเศร้าไม่สบายใจ
สการนั่งลงที่โต๊ะทำงานหงุดหงิดหัวเสียปากยังบ่นไม่หยุด
“ยัยตัวแสบ จับไม่เคยได้ไล่ไม่เคยทัน คอยดูนะพลาดท่าฉันขึ้นมาเมื่อไหร่ โดนฉันเอา คืนแน่ หงุดหงิดเว้ย”
สการนั่งหัวเสียไปมือนึงเข้ามาสะกิด สการอารมณ์ไม่ดีปัดมือทิ้ง
“คุณตรีชฎา อย่ามายุ่ง ตอนนี้ผมกำลังเครียด”
มือนั่นยังสะกิดไหล่อีก สการหัวเสียหันไปโวย
“ถ้าว่างงานมากนักก็ไปชงกาแฟมาให้ผม”
สการเสียงดังใส่ก่อนจะชะงักเพราะคนที่สะกิดคือผู้การดำเกิง มีดรัณยืนอยู่ข้างๆ
“น้ำตาลกี่ก้อนดีล่ะผู้กอง หวานมากไม่ดีนะ กินแล้วจะดุ”
“ท่านผู้การ…ผมขอโทษครับ”
สการหน้าเสีย ดรัณแอบหัวเราะชอบใจ ดำเกิงออกคำสั่ง
“พวกคุณไปรอผมที่ห้องประชุม อีก 10 นาทีผมจะตามไป พอดีผมติดสายผู้ใหญ่”
สการรับคำ
“ครับผู้การ”
ผู้การดำเกิงมองหน้า
“อ้อ...ปัญหาเรื่องส่วนตัวของคุณเก็บไว้ก่อน เพราะงานที่ผมจะคุยมันสำคัญมาก”
ดำเกิงกำชับแล้วเดินออกไป ดรัณอมยิ้มสมน้ำหน้าเพื่อน สการหันมาโวยเพื่อน
“ทำไมไม่เตือนกันเลยวะ”
“ก็อยากรู้นี่หว่าว่าแกหงุดหงิดเรื่องอะไร”
ดรัณพูดไปก็หรี่ตามอง
ในห้องประชุมระหว่างรอผู้การดำเกิง ดรัณจี้ถามสการ
“เฮ้ย…แกเลิกกันแล้วเหรอ”
สการชะงัก
“เลิก…เลิกอะไรวะ”
“ไอ้กล้วยทอดเอ้ย อย่ามาทำเล่นลิ้น ก่อนแกจะมาฉันโทรไปตามแกที่คอนโด คุณชิโล รับสายฉันแล้วบ่นให้ฟังเรื่องแก พอแกโผล่มาที่นี่แกก็หงุดหงิดหัวเสียบ่นถึงแต่คุณชิโล”
“นี่เดี๋ยวนี้แกชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านแล้วเหรอวะ”
“เรื่องคนอื่นไม่ค่อยอยากรู้หรอก แต่ถ้าเป็นเรื่องคุณชิโล หูตาฉันต้องไว เพราะฉันรอ เสียบแกอยู่”
สการชี้หน้า
“ไอ้ดรัณ”
“เฮ้ย…ก็แกเป็นคนพูดกับฉันเองตอนที่เจอระเบิด ถ้าไม่คิดจะรักก็ปล่อยเธอ อย่ามา ทำกั๊กเป็นหมาหวงก้าง”
สการนิ่งไปที่ดรัณพูดจี้ใจดำ ระหว่างนั้นผู้การดำเกิงตามเข้ามาพร้อมกับตรีชฎา
“นี่พวกคุณยังเคลียร์ปัญหาส่วนตัวกันไม่จบอีกเหรอ”
สการกับดรัณมองหน้ากัน ดรัณแอบศอกเพื่อน สการศอกกลับ ผู้การดำเกิงระอา
“หยุด พอได้แล้ว ผมบอกแล้วไงว่าเรื่องที่ผมจะคุยกับพวกคุณเป็นเรื่องสำคัญ”
ดรัณกับสการรับคำพร้อมกัน
“ครับผู้การ”
ผู้การดำเกิงหันไปพยักหน้ากับตรีชฎาที่เดินไปปิดไฟห้องประชุมแล้วกดรีโมทเลื่อนจอสไลด์ลงมาให้รับกับภาพที่ฉายออกมาจากเครื่องฉายสไลด์ ภาพบนจอเป็นภาพของชิโลที่ถูกจับภาพไว้ได้ตอนมีเรื่องที่สำนักงานตำรวจ สการกับดรัณอุทายออกมาพร้อมกัน
“ชิโล”
บริเวณมุมพักผ่อนนอกบ้านทองทิว...สิริสุดากับเอิงเอยเล่นโยคะไปคุยกับมัดหมี่ที่นัดมาดื่มชา สิริสุดาปฏิเสธเสียงแข็ง
“คุณป๋าของฉันยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นเรื่องที่เธอสงสัยว่าคุณป๋าจ้าง มือปืนไปยิงนังชิโลกับผู้กอง ไม่เป็นความจริง”
มัดหม่ำไม่ค่อยเชื่อ
“คุณแน่ใจนะคุณสิ”
สิริสุดาขยับเปลี่ยนท่าโยคะ เอิงเอยขยับเปลี่ยนตาม
“แน่ใจสิ อีกไม่นานคุณป๋าก็จะต้องทำงานรับใช้ประชาชน คนที่คิดถึงแต่ความสุขของ คนอื่นอย่างคุณป๋า ไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้นแน่”
เอิงเอยเสริม
“ฉันว่าเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า ผู้กองสการอาจจะมีปัญหากับใครอยู่ก็ได้ แต่จะว่า ไปก็น่าเสียดายเหมือนกัน ถ้ามันถูกมือปืนยิงตายไปเราก็วิน”
เอิงเอยขยับเปลี่ยนท่าโยคะตามสิริสุดา แต่เป็นท่ายากที่เอิงเอยทำแล้วเก้ๆก้างๆไม่ถนัด
“หรือว่าที่นังชิโลรอดตาย จะเป็นเพราะสร้อยที่มันสวมอยู่อย่างที่เทพธิดาตาทิพย์บอก”
สิริสุดาฟังแล้วนิ่งครุ่นคิดอย่างสงสัยเลยยังอยู่ในท่าโยคะท่านั้นค้างเอาไว้ เอิงเอยพยายามทำตามแต่ทำไม่ได้ มัดหมี่พูดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ต้องขอโทษด้วย พวกเธอก็รู้ว่าฉันรักผู้กองสการ และนังบ้าชิโลก็เป็น ศัตรูหัวใจของฉัน ถ้าไม่มีวิธีการอะไรที่จะจัดการกับมันให้จี๊ดถึงใจล่ะก็ ชาตินี้ฉันคง นอนไม่หลับ ได้แต่กระสับกระส่ายตลอดเว”
สิริสุดาแค้นๆ
“นังชิโลไม่ได้เป็นศัตรูหัวใจของเธอคนเดียวหรอก ในเมื่อมันเล่นคุณไสยใช้ของขลังทำ เสน่ห์ใส่ผู้ชายของเรา ฉันนี่แหละที่จะทำลายสร้อยของมัน แล้วจับมันมาตบๆๆๆให้ หายแค้น”
สิริสุดาพูดไปก็ดัดตัวท่าโยคะอย่างสวยงาม แต่เสียงกระดูกบิดดัง…กร่อบซึ่งดังมาจากเอิงเอย
“ช่วย…ช่วยด้วยกระดูกฉัน สะโพกฉัน…โอ้ย”
สิริสุดากับมัดหมี่หันไปเห็นเอิงเอยตัวค้างแข็งขยับไม่ได้ก็พากันตกใจ
ทุกคนมองภาพของชิโลบนจอสไลด์ในห้องประชุม ดำเกิงเดินผ่านแสงจากเครื่องฉายไปยืนตรงกลางจอ
“ผู้หญิงคนนี้พวกคุณคงรู้จักดี ที่ผมสนใจเธอเพราะข้อมูลที่ผมได้จากคุณตรีชฎา ทำให้ ผมคิดว่าเธอต้องเป็นคนที่มีฝีมือมาก ไม่อย่างนั้นก็คงหลบออกไปจากที่นี่ได้โดยไม่มี ใครตามทัน และยังช่วยชีวิตคุณ” ดำเกิงชี้ที่สการ “ ไว้จากเหตุการณ์มือปืนไล่ยิงอีก”
ดรัณเห็นด้วย
“ครับผู้การ คุณชิโลมีความสามารถหลายอย่าง กว่าที่ผมกับผู้กองสการจะตามหาตัว พบก็เล่นเอาเหนื่อย”
สการถามอย่างสงสัย
“แล้วทำไมผู้การถึงสนใจเธอครับ”
ผู้การดำเกิงหน้าเคร่งเครียดก่อนจะเดินมานั่ง ตรีชฎาเข้ามารินน้ำให้ดื่มจะได้ใจเย็นๆลงบ้าง
“ก็เรื่องของนายทองทิวนั่นแหละ ผมได้ข่าวมาว่าอีกไม่นานการเมืองจะมีการเปลี่ยน แปลง ถ้าเราไม่หยุดอิทธิพลของมันซะตั้งแต่ตอนนี้ เราจะแตะต้องมันไม่ได้อีก”
ตรีชฎาเสริม
“แต่ที่ท่านผู้การเป็นห่วงมากก็คือ พวกผู้กองจะเป็นคนที่ถูกเช็คบิลก่อน”
“ไม่ต้องห่วงพวกผมหรอกครับผู้การ ถ้าผมกับไอ้แซมกลัวอิทธิพลก็คงไม่มาเป็นตำรวจ”
สการถามเครียดๆ
“ผู้การหมายความว่าจะส่งชิโลไปเป็นสายสืบ เหมือนอย่างที่ส่งดาบดรุณีไปน่ะเหรอครับ”
“ผมไม่มีทางเลือกแล้ว ถ้าไม่ส่งสายสืบเข้าไป เราก็ไม่มีทางเล่นงานมันได้” ดำเกิงหันไปมอง ภาพชิโล “ถ้าผู้หญิงคนนี้มีฝีมือร้ายกาจจริงๆ ผมก็เชื่อว่าเธอจะเป็นความหวังให้เรา”
ผู้การดำเกิงมองภาพชิโลแล้วมีความหวัง แต่สการกับดรัณมองหน้ากันอย่างอึ้ง…และเครียดทันที
โปรดติดตาม "มณีแดนสรวง" ตอนต่อไป