ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ข่าวที่ได้รับความสนใจนอกเหนือจากการเฉลิมฉลองแล้ว ก็คงเป็นข่าวความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เดินทางมาเตร็ดเตร่ชายแดนประเทศไทย โดยเฉพาะในประเทศกัมพูชา
การเดินทางไปให้กำลังใจคนเสื้อแดง หรือการเดินทางเพื่อมาขอกำลังใจจากมวลชนเสื้อแดงของพ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้ถูกนำเสนออย่างต่อเนื่อง โดยสื่อเสื้อแดงมีการถ่ายทอดสดมาจากเขมร
คนที่ติดตามความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ แยกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มคนที่รัก หลง และงมงาย จะรู้สึกเห็นอกเห็นใจพ.ต.ท.ทักษิณ อยากให้กลับประเทศไทย อยากจะสวมกอด ดูข่าวไปแทบน้ำตาไหล
ส่วนคนที่เกลียด ดูข่าวแล้วอาจรู้สึกหมั่นไส้ หรือแช่งชักหักกระดูกกันไปตามเรื่องตามราว
คงไม่ต้องบรรยายในรายละเอียดว่าคนที่รักและคนที่เกลียด มีความรู้สึกตรงกันอย่างไร สำหรับการเดินทางมาเรียบเคียงประเทศไทยของพ.ต.ท.ทักษิณ
แต่มุมมองบทบาทของพ.ต.ท.ทักษิณในช่วงสงกรานต์ ไม่ได้มีเฉพาะคนที่รักสุดลิ่มทิ่มประตูและคนเกลียดเข้าไส้เท่านั้น
เพราะยังมีมุมมองของคนที่ไม่ได้รักและไม่ได้เกลียด ไม่ได้มีส่วนได้เสียกับพ.ต.ท.ทักษิณเหมือนกัน
หลังสงกรานต์ได้คุยกับนักธุรกิจคนหนึ่งซึ่งชื่นชมพ.ต.ท.ทักษิณในบางจุด และไม่ชื่นชอบในบางจุด
นักธุรกิจรายนี้ถ่ายทอดความรู้สึกถึงการเดินทางมาฉลองสงกรานต์ของพ.ต.ท.ทักษิณที่เขมรให้ฟัง ในแง่มุมที่แตกต่าง
ประเด็นแรก คือ พ.ต.ท.ทักษิณอ้วนขึ้น หน้าอวบอูม แสดงว่าอยู่ดีกินดี แต่ชีวิตที่ร่อนเร่พเนจรมีความสุขหรือไม่ ประเมินไม่ได้
ประเด็นที่สอง เรื่องการครวญเพลงกล่อมคนเสื้อแดง นักธุรกิจรายนี้ไม่เข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณทำได้อย่างไร เพราะร้องเพลงไม่ได้เรื่อง แต่ไม่อายที่จะร้อง ซึ่งอาจเป็นเพราะเหงามานาน เนื่องจากต้องอยู่อย่างเดียวดายในต่างประเทศ แม้จะพบปะผู้คนบ้าง แต่ในหลายห้วงเวลาก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ต้องว้าเหว่
เมื่อเห็นมวลชนคนเสื้อแดงที่ปลุกระดมเกณท์กันไป จึงเกิดอารมณ์ฮึกเหิม และร้องเพลงเพื่อระบายความอัดอั้น
ประเด็นที่สาม การใช้วาจาสามห้าวด่ากราด ใครคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ ช่างหัวแม่มัน ใครไม่เห็นด้วยกับแผนปรองดอง ช่างหัวแม่มัน ซึ่งอาจเป็นสิ่งสะท้อนว่า พ.ต.ท.ทักษิณอาจต้องเก็บกดอย่างหนัก อยากกลับเมืองไทยใจจะขาดอยู่แล้ว จึงแสดงความโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง สำหรับใครก็ตามที่บังอาจขวางทางการล้างมลทินให้ตัวเอง
และโกรธจนไม่รู้ว่าพูดอะไรออกมา เก็บกดจนระเบิดคำพูดเถื่อนถ่อยออกมา ไม่เหลือสกุลความเป็นผู้ดีแม้แต่น้อย นอกจากนั้นยังแสดงความยโสโอหังเต็มที่เหมือนประเทศไทยไม่มีใครอยู่ในสายตา
เหมือนแผ่นดินประเทศไทย พ.ต.ท.ทักษิณเหยียบไว้อยู่ใต้บาทาแล้ว
ประเด็นที่สี่ นักธุรกิจรายนี้มองว่า พ.ต.ท.ทักษิณหมดสง่าราศี หมดราคาไปเยอะ เพราะแม้จะอยู่ท่ามกลางการแวดล้อมของคนมากมาย แต่คนที่แวดล้อม ไม่รู้เป็นตัวอะไรกันบ้าง มีแต่พวกไม่มีต้นทุนทางสังคม มีแต่พวกประจบสอพลอ มีแต่พวกห้อยโหนกระแส และหวังแต่ตักตวงผลประโยชน์ทั้งนั้น
ถ้ามาทัวร์สงกรานต์เพื่ออยู่ท่ามกลางการแวดล้อมของคนที่ไม่มีราคา อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่หน้าตาเหมือนฝูงโจรพ.ต.ท.ทักษิณอย่ากลับมาเสียดีกว่า เพราะแทนที่จะได้ภาพ กลับเสียภาพ เนื่องจากมีแต่ลูกสมุนชั้นปลายแถวเท่านั้นที่ตามไปประจบสอพลอ
ประการสุดท้ายที่นักธุรกิจรายนี้ตั้งคำถามไว้ พ.ต.ท.ทักษิณรู้ตัวหรือไม่ว่า กำลังทำอะไรลงไป จะมีใครเตือนพ.ต.ท.ทักษิณให้รู้ตัวหรือไม่ว่า
การร่อนเร่พเนจรทัวร์สงกรานต์ที่ลาวและเขมรครั้งนี้ กำลังทำให้บารมีของพ.ต.ท.ทักษิณตกต่ำลง
สำหรับมวลชนคนเสื้อแดงที่หัวปักหัวปรำอุตส่าห์ลงทุนเดินทางข้ามประเทศไปต้อนรับ ย่อมรู้สึกว่าพ.ต.ท.ทักษิณเป็นขวัญใจ เช่นเดียวกับลูกสมุนที่เดินทางไปเสนอหน้า เป็นธรรมดาอยู่เองที่ต้องแห่ไปประจบสอพลอ ต้องเข้าไปช่วยยกหางเจ้านาย หรือบางคนลงทุนคลานสี่ขากราบไหว้คารวะ
เพราะคนไม่มีต้นทุนทางสังคมเหล่านี้ มีที่ยืนในแผ่นดินได้เพราะอาศัยเกาะแข็งเกาะขาพ.ต.ท.ทักษิณทั้งสิ้น
แต่สำหรับคนที่ไม่ยินดียินร้ายกับพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เกลียดและไม่ได้ชอบ ความเคลื่อนไหวในช่วงสงกรานต์ ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณแบกภาพลบกลับไปดูไบ
ทัวร์สงกรานต์ที่ลาวและเขมรทำให้พ.ต.ท.ทักษิณดูเป็นตัวตลก เป็นคนน่าสมเพช มีความกักขฬะมากขึ้น และกำลังหลงตัวเองอย่างหนัก
คนสติดีๆ และกำลังคิดการใหญ่ คิดล้างมลทินให้ตัวเอง คงไม่ทำตัวให้น่าหมั่นไส้ และคงไม่ท้าทายกระแสต่อต้านที่กำลังลุกโชนแน่
นักธุรกิจรายนี้สรุปว่า “ทักษิณ” อาจจะว้าเหว่จนเสียสติ หรือไม่ก็อยากกลับบ้านจนเกิดความฟุ้งซ่าน และบ้าไปเสียแล้ว
ถ้าประมวลพฤติกรรมในช่วงสงกรานต์ ไม่ว่าจะร้องรำทำเพลง หรือการใช้วาจาสามหาว อะไรๆ ก็ช่างหัวแม่มัน มีความเป็นไปได้เหมือนกันว่า “ทักษิณ” บ้าไปแล้วจริงๆ
การเดินทางไปให้กำลังใจคนเสื้อแดง หรือการเดินทางเพื่อมาขอกำลังใจจากมวลชนเสื้อแดงของพ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้ถูกนำเสนออย่างต่อเนื่อง โดยสื่อเสื้อแดงมีการถ่ายทอดสดมาจากเขมร
คนที่ติดตามความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ แยกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มคนที่รัก หลง และงมงาย จะรู้สึกเห็นอกเห็นใจพ.ต.ท.ทักษิณ อยากให้กลับประเทศไทย อยากจะสวมกอด ดูข่าวไปแทบน้ำตาไหล
ส่วนคนที่เกลียด ดูข่าวแล้วอาจรู้สึกหมั่นไส้ หรือแช่งชักหักกระดูกกันไปตามเรื่องตามราว
คงไม่ต้องบรรยายในรายละเอียดว่าคนที่รักและคนที่เกลียด มีความรู้สึกตรงกันอย่างไร สำหรับการเดินทางมาเรียบเคียงประเทศไทยของพ.ต.ท.ทักษิณ
แต่มุมมองบทบาทของพ.ต.ท.ทักษิณในช่วงสงกรานต์ ไม่ได้มีเฉพาะคนที่รักสุดลิ่มทิ่มประตูและคนเกลียดเข้าไส้เท่านั้น
เพราะยังมีมุมมองของคนที่ไม่ได้รักและไม่ได้เกลียด ไม่ได้มีส่วนได้เสียกับพ.ต.ท.ทักษิณเหมือนกัน
หลังสงกรานต์ได้คุยกับนักธุรกิจคนหนึ่งซึ่งชื่นชมพ.ต.ท.ทักษิณในบางจุด และไม่ชื่นชอบในบางจุด
นักธุรกิจรายนี้ถ่ายทอดความรู้สึกถึงการเดินทางมาฉลองสงกรานต์ของพ.ต.ท.ทักษิณที่เขมรให้ฟัง ในแง่มุมที่แตกต่าง
ประเด็นแรก คือ พ.ต.ท.ทักษิณอ้วนขึ้น หน้าอวบอูม แสดงว่าอยู่ดีกินดี แต่ชีวิตที่ร่อนเร่พเนจรมีความสุขหรือไม่ ประเมินไม่ได้
ประเด็นที่สอง เรื่องการครวญเพลงกล่อมคนเสื้อแดง นักธุรกิจรายนี้ไม่เข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณทำได้อย่างไร เพราะร้องเพลงไม่ได้เรื่อง แต่ไม่อายที่จะร้อง ซึ่งอาจเป็นเพราะเหงามานาน เนื่องจากต้องอยู่อย่างเดียวดายในต่างประเทศ แม้จะพบปะผู้คนบ้าง แต่ในหลายห้วงเวลาก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ต้องว้าเหว่
เมื่อเห็นมวลชนคนเสื้อแดงที่ปลุกระดมเกณท์กันไป จึงเกิดอารมณ์ฮึกเหิม และร้องเพลงเพื่อระบายความอัดอั้น
ประเด็นที่สาม การใช้วาจาสามห้าวด่ากราด ใครคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ ช่างหัวแม่มัน ใครไม่เห็นด้วยกับแผนปรองดอง ช่างหัวแม่มัน ซึ่งอาจเป็นสิ่งสะท้อนว่า พ.ต.ท.ทักษิณอาจต้องเก็บกดอย่างหนัก อยากกลับเมืองไทยใจจะขาดอยู่แล้ว จึงแสดงความโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง สำหรับใครก็ตามที่บังอาจขวางทางการล้างมลทินให้ตัวเอง
และโกรธจนไม่รู้ว่าพูดอะไรออกมา เก็บกดจนระเบิดคำพูดเถื่อนถ่อยออกมา ไม่เหลือสกุลความเป็นผู้ดีแม้แต่น้อย นอกจากนั้นยังแสดงความยโสโอหังเต็มที่เหมือนประเทศไทยไม่มีใครอยู่ในสายตา
เหมือนแผ่นดินประเทศไทย พ.ต.ท.ทักษิณเหยียบไว้อยู่ใต้บาทาแล้ว
ประเด็นที่สี่ นักธุรกิจรายนี้มองว่า พ.ต.ท.ทักษิณหมดสง่าราศี หมดราคาไปเยอะ เพราะแม้จะอยู่ท่ามกลางการแวดล้อมของคนมากมาย แต่คนที่แวดล้อม ไม่รู้เป็นตัวอะไรกันบ้าง มีแต่พวกไม่มีต้นทุนทางสังคม มีแต่พวกประจบสอพลอ มีแต่พวกห้อยโหนกระแส และหวังแต่ตักตวงผลประโยชน์ทั้งนั้น
ถ้ามาทัวร์สงกรานต์เพื่ออยู่ท่ามกลางการแวดล้อมของคนที่ไม่มีราคา อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่หน้าตาเหมือนฝูงโจรพ.ต.ท.ทักษิณอย่ากลับมาเสียดีกว่า เพราะแทนที่จะได้ภาพ กลับเสียภาพ เนื่องจากมีแต่ลูกสมุนชั้นปลายแถวเท่านั้นที่ตามไปประจบสอพลอ
ประการสุดท้ายที่นักธุรกิจรายนี้ตั้งคำถามไว้ พ.ต.ท.ทักษิณรู้ตัวหรือไม่ว่า กำลังทำอะไรลงไป จะมีใครเตือนพ.ต.ท.ทักษิณให้รู้ตัวหรือไม่ว่า
การร่อนเร่พเนจรทัวร์สงกรานต์ที่ลาวและเขมรครั้งนี้ กำลังทำให้บารมีของพ.ต.ท.ทักษิณตกต่ำลง
สำหรับมวลชนคนเสื้อแดงที่หัวปักหัวปรำอุตส่าห์ลงทุนเดินทางข้ามประเทศไปต้อนรับ ย่อมรู้สึกว่าพ.ต.ท.ทักษิณเป็นขวัญใจ เช่นเดียวกับลูกสมุนที่เดินทางไปเสนอหน้า เป็นธรรมดาอยู่เองที่ต้องแห่ไปประจบสอพลอ ต้องเข้าไปช่วยยกหางเจ้านาย หรือบางคนลงทุนคลานสี่ขากราบไหว้คารวะ
เพราะคนไม่มีต้นทุนทางสังคมเหล่านี้ มีที่ยืนในแผ่นดินได้เพราะอาศัยเกาะแข็งเกาะขาพ.ต.ท.ทักษิณทั้งสิ้น
แต่สำหรับคนที่ไม่ยินดียินร้ายกับพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เกลียดและไม่ได้ชอบ ความเคลื่อนไหวในช่วงสงกรานต์ ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณแบกภาพลบกลับไปดูไบ
ทัวร์สงกรานต์ที่ลาวและเขมรทำให้พ.ต.ท.ทักษิณดูเป็นตัวตลก เป็นคนน่าสมเพช มีความกักขฬะมากขึ้น และกำลังหลงตัวเองอย่างหนัก
คนสติดีๆ และกำลังคิดการใหญ่ คิดล้างมลทินให้ตัวเอง คงไม่ทำตัวให้น่าหมั่นไส้ และคงไม่ท้าทายกระแสต่อต้านที่กำลังลุกโชนแน่
นักธุรกิจรายนี้สรุปว่า “ทักษิณ” อาจจะว้าเหว่จนเสียสติ หรือไม่ก็อยากกลับบ้านจนเกิดความฟุ้งซ่าน และบ้าไปเสียแล้ว
ถ้าประมวลพฤติกรรมในช่วงสงกรานต์ ไม่ว่าจะร้องรำทำเพลง หรือการใช้วาจาสามหาว อะไรๆ ก็ช่างหัวแม่มัน มีความเป็นไปได้เหมือนกันว่า “ทักษิณ” บ้าไปแล้วจริงๆ