xs
xsm
sm
md
lg

อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 14

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บทโทรทัศน์  อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ในตอนที่ 14  มีการแก้ไขใหม่ ตามบทที่ทีมงานบริษัทดีด้า ส่งมาให้ ตัวหนังสือ สีแดง คือบทที่มีการแก้ไข จึงแจ้งมายังแฟนอสูรน้อยฯ และ แฟนละครออนไลน์ ทุกท่าน
 ทีมงานละครออนไลน์ 


 อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว  ตอนที่ 14 

พอควันจางลง ภวัตและแนนนี่ก็มาปรากฏกายขึ้นในตะเกียงแก้ว โดยที่มือภวัตยังจับแขนแนนนี่อยู่ และเสื้อผ้าเปลี่ยนเป็นชุดแขกอาหรับ ส่วนแนนนี่สวมชุดจินนี่

แนนนี่ตกใจมากร้องลั่น “พี่ภวัต”
ภวัตเองก็ตกใจไม่ต่างกัน
“ตายแล้ว แนนนี่ เธอพาผู้ชายเข้ามาในตะเกียง” ตะเกียงแก้วเอ็ด
“เปล่านะ”
“ฉันมีความลับจะบอกเธอ”
“ความลับอะไร” แนนนี่ตาโต
“ถ้าบอกตอนนี้ก็ไม่ใช่ความลับน่ะซิ” ตะเกียงแก้วเล่นแง่
ขณะที่ทั้งสอง โต้ตอบกันไปมา ภวัตปล่อยแขนแนนนี่แล้วเดินดูทั่วห้องอย่างพิศวง จนเข้ามาจ้องหน้าตะเกียงใกล้ๆ
ตะเกียงแก้วหน้าแดง “มาจ้องฉันทำไม...ไปดีกว่า”
ใบหน้าตะเกียงเลือนหายไปในผนัง
ภวัตหันมามองแนนนี่สีหน้ายังประหลาดใจไม่หาย “นี่พี่ฝันไปหรือเปล่า”
แนนนี่พูดพาลใส่ “ถ้าคิดว่าใช่ก็ตื่นขึ้นซิ”
ภวัตเดินเข้ามาใกล้ในระยะประชิดตัว แนนนี่ก้มหน้าลง เริ่มเขิน
ภวัตพูดเสียงเบาแทบเป็นกระซิบ “แนนนี่”
แนนนี่เขินตอบกลับเสียงเบาเช่นกัน “คะ”
ภวัตยังพูดเสียงเบาเช่นเดิม “พาพี่กลับห้องได้แล้ว”
แนนนี่เงยหน้าขึ้นมามองทันที สีหน้าไม่พอใจผุดขึ้นมา “พี่ภวัต”
“เดี๋ยวนี้เลย” ภวัตสั่งเสียงเบาแต่เด็ดขาด เช่นเดียวกับสีหน้าที่ดูจริงจัง
“ไม่”
“อะไรนะ” ภวัตชักสีหน้า
“แนนนี่บอกว่าไม่”
“เธอจะมาขังพี่ไว้ในนี้ไม่ได้” ภวัตเสียงแข็ง
แนนนี่เดินหนีมานั่ง “ก็ลองดู”
“ทุกคนเขาจะตามหาพี่” ภวัตว่า
“ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ แนนนี่จัดการเอง”
“อย่าทำอย่างนี้นะ แนนนี่” ภวัตฉุนนิดๆ
“เสียใจ แนนนี่ทำไปแล้ว เชิญพักผ่อนนอนหลับให้สบายนะคะ ... อับดุล”
แนนนี่หัวเราะเสียงใส แล้วกลายเป็นกลุ่มควันออกไป

พอชิกเก้นรู้เรื่องที่แนนนี่ลักพาตัวภวัตมาไว้ในตะเกียงแก้วก็ใส่แนนนี่ทันที
“ตายแล้ว แนนนี่ ทำอะไรอย่างนั้น เวรก๊ำ ...เวรกรรม”
แนนนี่กระโดดผลุงขึ้นไปนอนบนเตียง ไม่ใส่ใจ “ช่วยไม่ได้ อยากมาว่าแนนนี่”
“แล้วถ้าญาติพี่น้องเขาตามหาล่ะ”
“ไม่เป็นไร แนนนี่เตรียมแผนการเอาไว้แล้ว”
ขาดคำแนนนี่ก็ร่ายคาถา ชี้นิ้วไปที่ชิกเก้น พลันชิกเก้นก็กลายเป็นภวัตซะงั้น
ภวัตตัวปลอมมองตัวเองแล้วโวยวายดังลั่น
“ตายแล้ว แนนนี่ เปลี่ยนชิกเก้นกลับไปตามเดิมเดี๋ยวนี้นะ”
แนนนี่หัวเราะคิกคัก “ทำไมล่ะ ชิกเก้นไม่อยากหล่อเหมือนพี่ภวัตเหรอ”
“ชิกเก้นไม่ได้พูดเล่นๆ นะ”
“แนนนี่ก็เหมือนกัน ...” แนนนี่ร่ายคาถาอีกครั้ง “อัย ...ย..ลามูบาชูบาชู้” แล้วชี้นิ้วใส่ภวัตชิกเก้น
ภวัตปลอมหายไปจากที่ตรงนั้นทันตา

ร่างภวัตชิกเก้นปรากฏขึ้นในห้อง
“โธ่เอ๊ย แนนนี่ ...แนนนี่ ทำไมทำกับชิกเก้นยังงี้ เวรก๊ำ...เวรกรรม”
ชิกเก้นในร่างภวัตบ่นแล้วกระโจนแบบแมวขึ้นไปบนเตียงไปด้วยความเคยชิน

ยามเช้าของวันใหม่บรรยากาศสดชื่นแจ่มใส ส่วนภายในตะเกียงแก้วแนนนี่ปรากฏตัวหลังจากกลุ่มควันจางลง
“หิวมั้ยคะ พี่ภวัต”
ภวัตไม่มอง และไม่ตอบ โดยทำท่าเหมือนแนนนี่ไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น
แนนนี่พยายามง้อ “รู้น้าว่าพี่ภวัตหิว”
พูดจบแนนนี่ว่าคาถา ปรากฏอาหารน่ากินวางบนโต๊ะ
“ทานเสียหน่อยนะคะ” แนนนี่หยิบชามข้าวต้ม แล้วเดินเข้ามานั่งข้างๆ ภวัต
“ซักคำนึงน่า”
ภวัตเบือนหน้าไปอีกทาง แนนนี่ลุกยืนด้วยความโกรธ ขัดเคืองใจ เพราะง้อแล้วภวัตยังเมินเฉยอยู่
“พี่ภวัตโกรธแนนนี่จริงๆเหรอ”
ภวัตพูดโดยยังไม่หันกลับมามองแนนนี่ “...เธอจะบอกคนอื่นเรื่องพี่ยังไง”
“ไม่เห็นต้องบอกนี่คะ”
ภวัตหันมามองแนนนี่ด้วยความไม่ไว้ใจ

เช้าวันเดียวกันนั้นโป่งเดินถือถาดชามข้าวต้มเข้ามาในห้องอาหาร วางลงแล้วชะงัก เมื่อมองภวัตชิกเก้นในชุดทำงาน นั่งกึ่งนอนในท่าแมวขดตัวอยู่บนเก้าอี้
โป่งค่อยๆ เดินมาที่โต๊ะอาหาร วางชามข้าวต้มลงตรงหน้า โดยสายตายังคงมองท่าทีของภวัตอย่างไม่ไว้ใจนัก หลังเจอเหตุการณ์ประหลาดเมื่อวันก่อน
ภวัตก้มลงดมข้าวต้มแล้วเงยหน้าขึ้น “ไม่มีปลาทูเรอะ”
“คุณ...คุณหมอจะรับประทานปลาทูหรือ...หรือครับ” โป่งถามในอาการงงๆ
ภวัตพยักหน้าร้องเสียงแมวออกมา “เมี้ยว”
โป่งสะดุ้ง
“เอาคลุกข้าวมาเลย” ภวัตชิกเก้นสั่ง
“ถ้า...ถ้าไม่มีปลาทูตอนนี้ ก็ขอยกยอดไปตอนเย็นได้มั้ยครับ” โป่งออกตัว
“เวรก๊ำ ...เวรกรรม ไม่มีก็ไม่กิน”
พูดจบชิกเก้นในร่างภวัตกระโดดลงจากเก้าอี้ เดินออกไป โป่งเห็นเต็มตาถึงกับสะดุ้งโหยง

ด้านภวัตตัวจริงที่ยังอยู่ในตะเกียงแก้วถึงผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจเมื่อรู้จากปากแนนนี่
“หา! ไอ้ชิกเก้นน่ะนะ” ภวัตตกใจ
“ค่ะ พี่ภวัตไม่ต้องเป็นห่วง”
“พี่ไม่ได้ห่วงชิกเก้น แต่ห่วงทุกคนที่เกี่ยวข้องกับพี่โดยเฉพาะคนไข้”
แนนนี่นิ่งคิด

เมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล ภวัตเริ่มพูดจาหว่านล้อมแนนนี่
“บาปนะแนนนี่ที่ให้แมวไปรักษาคน ... เผื่อเกิดเคราะห์หามยามร้าย คนไข้เป็นอะไรไปละก็...”
“แนนนี่คงบาปเพิ่มขึ้นอีก” แนนนี่พูดสวนออกมาทันที “โดยเฉพาะแนนนี่เพิ่งได้เวทมนตร์กลับคืนมา”
ภวัตลอบถอนใจโล่งที่แนนนี่เริ่มคล้อยตาม “นั่นซี”
แนนนี่หรี่ตามอง “รีบสนับสนุนใหญ่เลยนะ”
“ก็พี่เป็นห่วง...ไม่อยากให้แนนนี่บาป”
แนนนี่เม้มปาก สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิดอย่างหนัก

โป่งเสิร์ฟอาหารให้จักรวาลและรัดเกล้า
“พี่ภวัตล่ะโป่ง” รัดเกล้าถาม
“กระโดดแผล็วไปที่โรงรถแล้วครับ” โป่งบอก
จักรวาลและรัดเกล้า ซึ่งกำลังปรุงข้าวต้ม เงยหน้ามองโป่งพร้อมๆ กัน
โป่งรู้ตัวยิ้มแห้งๆ ให้ “กระโดดแผล็วจริงๆนะครับ” โป่งสำทับ
“ไอ้โป่ง...ลูกฉันเป็นหมอ ...ไม่ได้เป็นแมว” จักรวาลพูดเสียงเข้ม
“แต่ที่ผมเห็นน่ะใกล้เคียงเลยละครับ...ตอนผมเอาข้าวต้มมาให้ คุณหมอนอนขดอยู่บนเก้าอี้ ... แถมบอกว่าจะรับประทานข้าวคลุกปลาทู ...แล้วก็...”
จักรวาลสวนขึ้น “พอ!”
จักรวาลและรัดเกล้า ลุกขึ้นเดินออกไปดู โป่งรีบตาม

พอรู้ว่าจะได้กลับออกไป แต่ต้องใช้เวลาภวัตอุทานดังลั่น “อีกครึ่งชั่วโมง”
“ค่ะ” แนนนี่บอกเสียงอ่อยๆ
ภวัตออกอาการพลุ่งพล่านหงุดหงิดอย่างแรง
“เจริญ! เจริญละ” ภวัตหยุดเดินหันขวับมามองในระยะใกล้ “แล้วทำไมต้องครึ่งชั่วโมง
แนนนี่สะดุ้งและจ๋อยกว่าเก่า “แนนนี่ก็ไม่แน่ใจ...อาจจะเป็นเพราะว่าแนนนี่เพิ่งจะใช้คาถาได้...ทุกอย่างเลยยังไม่เข้าที่เข้าทาง แต่ถ้าพี่ภวัตจะออกไปเดี๋ยวนี้เลยแนนนี่ก็จะ...”
“ออกไปให้มีภวัต สองคนน่ะเรอะ” ภวัตพูดเยาะๆ สวนขึ้น
แนนนี่เบะปากแทนคำตอบ
“ดีไม่ดี...คนเขาอาจจะคิดว่าไอ้แมวพิลึกนั่นเป็นหมอภวัตตัวจริง...แล้วดันคิดว่าตัวจริงเป็นตัวปลอม...” ภวัตเว้นช่วงไปนิดหนึ่ง “วุ่นวายพิลึกละ”
“ทำไมวันนี้พี่ภวัตดุจัง” แนนนี่ถาม
“อ้อ! ก่อเรื่องวุ่นวายขนาดนี้แล้วจะให้พี่มานั่งชื่นชมสรรเสริญเยินยอเรอะไง” ภวัตเสียงเขียว
แนนนี่เสียงอ่อยลงไปอีก “แต่พี่ภวัตเป็นคุณหมอ...คุณหมอเค้าต้องใจดี...”
“ใจดี! ไม่จับบีบคอนี่ก็ประเสริฐแล้ว” ภวัตบอกเสียงเครียด
แนนนี่ทำหน้าเหยเก “...บีบ....บีบคอเลยเหรอคะ”
ภวัตเดินมาทิ้งตัวลงนั่ง แล้วถอนใจหายเฮือกใหญ่ แนนนี่รีบเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างล่าง พยายามประจบประแจงสุดขีด
“พี่ภวัตเมื่อยมั้ยคะ...ระหว่างรอ ...แนนนี่จะนวดให้”
“ไม่ต้อง” ภวัตชักขาหนีทันทีโกรธจริงอะไรจริง
“แต่แนนนี่อยากจะแก้ตัว”
“งั้นก็ไปท่องหนังสือสอบ”
“แล้วพี่ภวัตจะยกโทษไม่โกรธแนนนี่ใช่มั้ยคะ” แนนนี่อ้อนทันที
“ยังบอกไม่ได้”
ภวัตเล่นแง่ แนนนี่ถอนใจด้วยความเซ็ง

ชิกเก้นในรูปร่างของภวัต ขับรถอย่างสะวี้ดสะว้าด ท่าทางหวาดเสียวเข้ามาในโรงพยาบาล ทั้งรถและคนหนีกันกระจาย ภวัตชิกเก้นอยู่ในรถชอบอกชอบใจอย่างยิ่ง
“เมี้ยว ! เมี้ยวๆๆๆๆ”
ภวัตขับรถเข้ามาเบรคจอดเสียงดังสนั่น ทุกๆ คนในบริเวณนั้นหันขวับมามอง ภวัตทำกิริยาของแมวมองซ้ายขวา เปิดประตูคลาน สี่ขาลงมา แล้วปิดเสียงดังปัง
เสียงบุษบาเรียกดังลอดเข้ามา “ภวัตคะ”
ภวัตชิกเก้นหันมามอง ไล่สายตาจากเท้า ขึ้นไปที่ขา เลยเรื่อยขึ้นไปจนถึงใบหน้าบุษบา
เห็นภวัตคลานสี่ขา บุษบาก้มลงมองอย่างงงๆ “นั่นคุณทำอะไรน่ะ”
ภวัตนิ่งคิดครู่หนึ่ง “หาของ ใช่ ผมทำของตก”
“อะไรตกคะ บุษจะช่วยหา...” บุษบาทำท่าจะทรุดตัวลงตาม
ภวัตชิกเก้นรีบลุกขึ้น “ไม่ต้อง ไปกันเถอะ”
“ค่ะ”
ทั้งสองเดินคุยกันขึ้นลิฟท์ไป โดยที่ภวัตชิกเก้นเกือบจะหลุดท่าแมวอยู่ตลอดๆ
ลิฟท์สำหรับผู้บริหารตัวนั้นพาทั้งสองคนมาหยุดอยู่ที่ชั้น 3
“บุษไปก่อนนะคะ” บุษบาออกจากลิฟท์ทำท่าจะเดินไป
“ไปไหน” ภวัตชิกเก้นไม่คุ้นกับโรงพยาบาล
บุษบาเริ่มงงๆ “ก็ไปห้องทำงานบุษน่ะซีคะ”
“ผมไปด้วย”
บุษบางงหนักเข้าไปอีก “ภวัต ... วันนี้คุณดูแปลกๆไปนะคะ”
ภวัตชิกเก้นรีบเอียงหน้ามากระซิบกระซาบ “อย่าบอกใครนะ ผมไม่รู้ว่าห้องทำงานผมอยู่ที่ไหน”
บุษบาจ้องภวัตครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะออกมา
“น่ารักอ้ะ”
“เมี้ยว” ภวัตชิกเก้นร้องเสียงแมว
“โถ! เล่นมุกใหม่....อยากอยู่กับบุษตามลำพังใช่มั้ยล่ะคะ” บุษบาคิดไปโน่น
“เปล่า...ชิกเก้น เอ๊ย! ผมจำห้องทำงานไม่ได้...สงสัยว่าจะเป็นโรคความจำเสื่อมแบบไปกลับ”
“มีด้วยหรือคะ”
“ก็ที่ผมกำลังเป็นอยู่นี่ไง” ภวัตชิกเก้นบอก
บุษบาสงสัยมองภวัตเขม็ง เหมือนจะพยายามค้นหาความจริง

บุษบาพาภวัตมาส่งที่ห้องทำงานของเขา เปิดประตูเข้ามา ติดตามด้วยภวัต
“จำได้หรือยังคะ”
“ก็โอ.เค มั้ง...” ชิกเก้นในร่างภวัตมองกวาดตาไปทั่ว “...ไม่เห็นมีอะไรกินเลย”
“หิวหรือคะ”
“ฮื่อ”
“อยากทานอะไรล่ะ เดี๋ยวบุษจะให้แม่บ้านไปซื้อให้”
“ข้าวคลุกปลาทู”
บุษบาได้ยินชื่ออาหารถึงกับชะงัก
“ไม่เอาตัวเล็กๆ นะ”
บุษบาเดินไปที่โต๊ะ แล้วกดโทรศัพท์หาแม่บ้าน
“จะเอาน้ำพริก...” บุษบาหันมาแล้วสะดุ้ง
เป็นเวลาครบครึ่งชัวโมงตามที่แนนนี่ว่า บุษบาจึงเห็นชิกเก้นตัวเป็นๆ นั่งมองเธออยู่
“น้ำพริกไม่เอา”
บุษบาเป็นลมพับคาที่
“แค่นี้ก็เป็นลม นี่แมวนะไม่ใช่ผีสักหน่อย” ชิกเก้นบ่นอุบ

ภวัตกับแนนนี่ออกจากตะเกียงแก้ว เวลานี้อยู่ในห้องของแนนนี่ ภวัตยืนหันหลังให้แนนซึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่
ภวัตยกนาฬิกาขึ้นดู
“ครึ่งชั่วโมงแล้วนี่”
ภวัตพูดไม่ทันขาดคำ ชิกเก้นกระโดดแผล็วเข้ามา
“ชิกเก้น” แนนนี่ดีใจ
“โฮ้ย! เกือบตาย” ชิกเก้นบ่น
“เป็นไงบ้างชิกเก้น” แนนนี่เอาแต่ถามจนภวัตท้วงขึ้น
“เดี๋ยว! อย่าเพิ่งคุยกัน ส่งพี่ไปทำงานก่อน”
“ได้เลยค่ะ”
แนนนี่ร่ายคาถาส่งภวัตไปโรงพยาบาลทันที โดยที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้

ภวัตในชุดเจ้าชายแขกอาหรับปรากฏตัวขึ้นในห้องทำงาน แล้วต้องสะดุ้ง เมื่อเห็นบุษบานอนสลบอยู่
“อ้าว! บุษ” ภวัตทรุดตัวลงประคองบุษบาขึ้นมา
“บุษ...บุษ”
เปลือกตาบุษบาขยับเล็กน้อย แล้วจึงลืมตาตื่นขึ้น บุษบาสะดุ้ง
“ภวัต”
บุษบาลุกนั่ง มองเสื้อผ้าชุดแขกแล้วมองหน้าภวัตเขม็ง
“ภวัต...ทำ...ทำไม...คุณ...เอ้อ...” บุษบามองเสื้อผ้าภวัตอยู่อย่างสงสัย
ภวัตเริ่มรู้ตัว ก้มลงมองเสื้อผ้าตัวเองแล้วกุมขมับ
“แนนนี่ ...คืองี้!” ภวัตพยายามอธิบาย “...ผมลองสวมชุดนี้ดู”
“ทำไมต้องลองสวมชุดนี้ดูละค่ะ” บุษบาสงสัยไม่สร่าง
“คือ...แนนนี่เค้าขอร้องน่ะ...เขาแอบไปตัดชุดนี้ให้ปีเตอร์ไว้ใส่แสดงละคร” ภวัตพยายามหาเหตุผล แต่ยิ่งฟังไม่เข้าท่า
“แล้ว...ทำไมไม่ให้ปีเตอร์ลองเอง...อีกอย่าง...” บุษบาสงสัยอีก
ภวัตสีหน้าขรึมลง บุษบารู้สึกตัว
“บุษขอโทษค่ะ บุษไม่ควรละลาบละล้วง”
“ไม่เป็นไร”
บุษบาเดินไปที่ประตู ภวัตนึกได้เรียกไว้ “เดี๋ยวครับ”
บุษบาเบือนหน้ากลับมา
“คุณ ... คุณช่วย ...” ภวัตเหลือบตามองเสื้อผ้าตัวเองเป็นเชิงบอก
“คุณต้องการเปลี่ยนเสื้อผ้าใช่มั้ยคะ เดี๋ยวบุษจัดการให้เอง” บุษบารู้ทันที
“ขอบคุณมากครับ”
บุษบายิ้มให้แล้วเดินออกไป

บุษบาปิดประตูแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา บ่นพึมพำ
“ภวัตท่าทางจะเครียดมากจริงๆ”

เหตุการณ์ที่บ้านบ้านปัทมนพรเดินถือเครื่องไม้เครื่องมือทำความสะอาดผ่านหน้าห้องดารกา
พลันก็ได้ยินเสียงกุกกักดังขึ้น พรชะงักเท้า ค่อยๆ จับลูกบิดประตู แล้วเปิดออก พรสะดุ้งเฮือก เห็นดารกานั่งหันหลังให้
พรแปลกใจสุดๆ “คุณน้องดากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ...ทำไมพี่พรไม่ทราบ” พรร้องทัก
ดารกายังไม่หันมาแต่เอ่ยขึ้น “ไม่มีมนุษย์ที่ไหนรู้เห็นไปเสียทุกเรื่องหรอก”
จากนั้นดารกาค่อยๆ หันกลับมาแล้วลุกขึ้นยืน สีหน้าแววตาเยือกเย็นดูน่ากลัว ผสมน่าเกรงขาม
พรไม่เคยเห็นดารกาในสภาพนี้ ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ด้วยความรู้สึกหนาวเย็นยะเยือกและหวาดหวั่น
พริบตานั้นดารกาก็กลับมายิ้มหวานให้ กลายเป็นดารกาปกติ
“ทำไมพี่พรทำหน้ายังงั้นล่ะจ๊ะ...ยังกับน้องดาเป็นผีแน่ะ”
“อุ๊ย! อย่าพูดอย่างนั้นค่ะ พี่พรแค่แปลกใจที่คุณดากลับมาโดยที่...”
ดารกายิ้มให้พูดสวน “ไม่มีใครรู้ใครเห็น”
“ค่ะ” พรยิ้มแห้งๆ
“น้องดาก็กลับมาตามปกตินั่นแหละ พอดีลืมหนังสือไว้”
“แล้วคุณดาจะกลับหอเลยหรือเปล่าคะ” พรถาม
“ไม่ละ...พอกลับมาบ้านแล้วรู้สึกสบ๊าย สบาย เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยกลับหอ เมื่อกี้น้องดาอยากให้พี่พรเห็นหน้าตัวเองจัง ...ตะ.ล้ก...ตลก!”
พรเริ่มหัวเราะออก “ก็พี่พรไม่เคยเห็นคุณดา ทำหน้าตาน่ากลัวยังงั้นนี่คะ...ว่าแต่คุณดาหิวหรือเปล่า”
“หิวจนจะกินพี่พรได้แล้ว” ดารกาสัพยอก
พรชะงัก ทำหน้าหวาดกลัวขึ้นมาอีก
“แหม...น้องดาล้อเล่นนะ ทำไมวันนี้พี่พรขวัญอ่อนจัง น้องดาจะเปรียบเทียบว่าน้องดาหิวมากๆ พี่พรช่วยไปซื้อก๋วยเตี๋ยวเรือให้หน่อยเอาเนื้อสดนะ ไม่ต้องสุกมาก...เอามา 3 ชุด เผื่อปีเตอร์ 2 ชุด”
“คุณปีเตอร์จะมาที่นี่หรือคะ” พรแปลกใจร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นดารกาสนิมสนมกับปีเตอร์
“มาแล้ว...รออยู่ข้างล่างแน่ะ...” ดารกาหยิบแบงก์ใบละ 500 บาท ส่งให้พร “เอ้า! นี่จ้ะ พี่พรกับป้าผาดจะทานอะไรก็ซื้อเลยนะ”
“คะ...” พรยังงงๆไม่หาย
ดารกาเดินมาปิดประตู ใบหน้ายังคงยิ้มละมัย

แนนนี่ถูกภวัตดุเรื่องอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ เวลานี้กำลังท่องหนังสืออย่างขมักเขม้นอยู่ในห้อง
“ท่าทางโจรจะกลับใจจริงๆ ซะแล้ว” ชิกเก้นพูดขึ้นมาลอยๆ
แนนนี่หันมาดุ “เงียบ! แนนนี่กำลังมีสมาธิ”
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ
“ใครอีกล่ะ” แนนนี่บ่นพลางเดินไปเปิดประตู
พรรีบผลุบเข้ามา พรพูดเสียงเบา
“คุณดากลับมาแล้วค่ะ กลับมาอย่างเงียบเชียบ”
“อ้าว ! ไหนว่าจะค้างหอจนกว่าจะสอบเสร็จไง”
“เห็นเธอบอกว่าลืมของ แต่ที่แปลกที่สุดอยู่ตรงนี้ค่ะ...เธอนัดคุณปีเตอร์มาด้วย” พรตั้งข้อสังเกต
“ฮ้า! พี่พรฟังผิดหรือเปล่า”
“ไม่ผิดแน่ค่ะ”
แนนนี่เดินออกไป พรรีบตาม แล้วปิดประตู

แนนนี่เดินหน้างอเข้ามา ขณะที่ปีเตอร์นั่งหันหลังให้ พรซึ่งตามมา เดินเลี่ยงออกไป แนนนี่ท้าวสะเอวก๋าเรียกเสียงจิกตามเคย
“ปีเตอร์”
ปีเตอร์ค่อยๆ หันกลับมามอง แล้วลุกขึ้นเอ่ยทักทาย
“สุรีย์สวัสดิ์ แนนนี่”
แนนชะงัก ....หรี่ตามองปีเตอร์ราวกับรู้ทัน แล้วพยักหน้าช้าๆ
“ไม่เลว ....รู้จักคำทักทายนี่ด้วย”
ปีเตอร์ผายมือทั้ง 2 ข้าง “ก็เวลานี้เป็นเวลาของดวงอาทิตย์ไม่ใช่เรอะ”
แนนนี่จ้องปีเตอร์เขม็ง “เราต้องคุยกัน ! อย่านึกว่าจะตบตาฉันได้”
ระหว่างนั้นมีเสียงดารกาดังลอดเข้ามาจากด้านหลัง
“วันนี้ปีเตอร์เป็นแขกของพี่ดาจ้ะ”
แนนนี่เม้มปากไม่พอใจ แล้วหันไปมอง
เห็นดารกาเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เดินเข้ามาด้วยสีหน้าแจ่มใสบริสุทธิ์
แนนนี่มอง 2 คนสลับกัน ราวกับจะเอาเรื่อง
“พี่ดาไปสนิทสนมกับปีเตอร์มาตั้งแต่ครั้งไหนไม่ทราบ!” แนนนี่ซักทันที
ดารกายังตีหน้าใสซื่อ “แนนนี่จ๋า...ปีเตอร์เป็นเพื่อนแนนนี่ก็เท่ากับเป็นเพื่อนพี่ดาด้วยไงจ๊ะ”
“ไม่ต้องมาจ๊ะมาจ๋า...ว่าไง...ปีเตอร์” แนนนี่คาดคั้น
“ว่าไงก็ว่าตามกัน” แนนนี่กวนใส่
แนนนี่ผลักอกทันทีจนปีเตอร์เซ “อย่ามาล้อเล่นกับฉันนะ”
ปีเตอร์ยังลอยหน้าทำท่าล้อเลียน “กลัวจังเลย!”
แนนนี่โกรธจัด “ไอ้ปีเตอร์”
“ใจเย็นๆจ้ะแนนนี่ ...ยังไงเธอสองคนก็เป็นเพื่อนรักกัน!”
“ไอ้ปีเตอร์คนนี้ไม่ใช่เพื่อนแนนนี่ แล้วพี่ดาก็ไม่ต้องมาตีหน้าหวังดีด้วยเพราะแนนนี่ไม่เคยเชื่อ”
“แนนนี่...ทำไม” ดารกาอุทานแบบเสียใจมากมาย
“แกก็เหมือนกัน !”
“อ้าว ! ปีเตอร์เกี่ยว ‘ไรด้วย”
“เมื่อวานฉันเกือบตายเพราะแก....ถ้าพี่ดาอยากได้มันเป็นเพื่อนนักก็เอาไปเลยแนนนี่ยกให้ ! แต่ ...” เว้นนิด “อย่ามายุ่งกับพี่ภวัตของแนนนี่ เป็นเรื่องแน่เพราะแนนนี่ไม่มีวันยกให้เด็ดขาด”
ดารกาหันมาทางปีเตอร์สั่งเสียงเรียบ “กลับไปก่อน ปีเตอร์!”
ปีเตอร์หันหลังเดินกลับออกไปอย่างเชื่อฟัง
แนนนี่ปรายตามองแล้วเบือนมาสบตาดารกาแข็งกร้าว
แนนนี่เดินไปที่บันได
“แนนนี่ .... เราเป็นพี่น้องกันนะจ๊ะ ...ถึงจะคนละสายเลือด แต่คุณแม่ปัทก็รักเราเหมือนลูกแท้ๆ”
แนนนี่หันมาจ้องหน้าดารกา “ที่พูดทั้งหมดเนี่ย ...ต้องการอะไร”
ดารกายิ้มใสซื่อตอบ “ก็ต้องการให้เรารักกัน สามัคคีกัน เพื่อความสบายใจของคุณแม่ไงจ๊ะ”
“แหวะ...นี่พี่ดา...ตอนนี้เราอยู่กันตามลำพัง ไม่ต้องเสแสร้งก็ได้ อยากจะว่า อยากจะด่าอะไรแนนนี่ก็เอาเลย เป็นตัวของตัวเองให้เต็มที่”
“พี่ดาด่าไม่เป็น...พี่ดามีแต่ความรัก...ความหวังดี” ดารกาว่า
แนนนี่สุดจะทนกับความแสนดีของดารกา “โอ๊ย.....แหวะๆๆๆๆๆ”
ดารกาน้ำตารื้นขึ้นมา แต่ไม่มีหยดน้ำตา
“แนนนี่” ดารกาเสียงสั่นเครือ
“อย่า! กรุณาอย่าร้อง น้ำเพิ่งจะลด...เดี๋ยวเกิดน้ำท่วมขึ้นมาใหม่ ชาวบ้านเขาจะเดือดร้อนกันอีก”
พูดจบแนนนี่ก็ซอยเท้าถี่ๆ ขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว
ดารกามองตามด้วยสีหน้านิ่งสนิท ทว่าแววตาคู่นั้นลึกล้ำ

โป่งเปิดประตูเดินเข้ามาในบ้านปัทมน แล้วชะงัก เมื่อเห็นปีเตอร์เดินออกมาจากตัวตึกบ้านปัทมน แล้วหายวับไป
โป่งเพ่งมองแล้วถอนใจเฮือกใหญ่ บ่นพึมพำ
“คนเดี๋ยวนี้จะไปไหนมาไหนเขาใช้วิธีหายตัวกันแล้ว”
โป่งส่ายหน้าเดินอ้อมไปด้านหลัง

ดารกาจูงแนนนี่มานั่งด้วยสีหน้าจริงจัง แต่แฝงความอ่อนโยนเช่นเคย
“ไหน...มันเกิดอะไรขึ้น...แนนนี่ลองเล่าให้พี่ดาฟังซิ”
“แนนนี่เล่าไม่ได้หรอกค่ะ”
“ทำไมล่ะ...ไม่ไว้ใจพี่ดาเหรอ”
“ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ...แต่เล่าไปพี่ดาอาจจะคิดว่าแนนนี่เป็นบ้า”
ดารกาปัดผมให้แนนนี่อ่อนโยน
“พี่ดาไม่เคย และจะไม่มีวันคิดอย่างนั้นเด็ดขาด”
แนนนี่มองท่าทีดารกาอย่างคลางแคลงใจ
“ทำไมมองพี่ดาอย่างนั้นล่ะจ๊ะ” ดารกาถาม
แนนนี่ลุกขึ้น “เพราะแนนนี่ไม่รู้จะไว้ใจใครได้แล้ว”
ดารกาลุกตาม “แต่แนนนี่ไว้ใจพี่ดาได้นะ”
“แนนนี่จะขึ้นไปท่องหนังสือละค่ะ”
แนนนี่ไม่ยอมตอบ เดินออกไป ดารกามองตาม สีหน้านิ่งสงบเรียบ แต่ดวงตาดูลึกลับและความคิดลึกล้ำ

แนนนี่เปิดประตูเข้ามาในห้อง
“ได้ความว่ายังไงบ้าง”
“เดี๋ยวแนนนี่มานะ” แนนนี่ว่า
“จะไปไหนล่ะ” ชิกเก้นถาม
แนนนี่ไม่ตอบ ว่าคาถาแล้วหายตัวไป

จังหวะนั้นดารกาเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องแนนนี่ เหลือบมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นใครผ่านมา จึงเอื้อมมือมาจับลูกบิด เสียงลูกบิดดังเบาๆ แต่ชิกเก้นหูไว หันขวับมามองทันที
ดารกานั่นเองกำลังเปิดประตูห้องแนนนี่ ผลักออกแล้วเดินเข้ามาอย่างแผ่วเบา ประตูค่อยๆ ปิดตามหลัง ดารกากวาดตามองหาบางอย่าง

“ตะเกียงหายไปไหน” ที่แท้ดารกามองหาตะเกียงแก้ว
ในมุมมืดมุมหนึ่งในห้อง ชิกเก้นกอดตะเกียงไว้แน่น
“แนนนี่ต้องเข้าไปในตะเกียงอยู่แล้ว...แต่มันซ่อนตะเกียงไว้ที่ไหน”
ดารกาบ่นงึมงำก่อนจะลงมือค้น
ชิกเก้นกอดตะเกียงแน่น แนบลำตัวกับพื้น พยายามกลั้นหายใจ ดารกาค้นจนทั่วห้องแต่ไม่เจอ สีหน้าแววตาหงุดหงิดเอามากๆ ขณะหยุดยืนมองหา
สายตาดารกามองกราดเลยเรื่อยมาหยุดอยู่ตรงมุมที่ชิกเก้นซ่อนตัวอยู่ ดารกามองด้วยนัยน์ตาวาววับขึ้น
ชิกเก้นกอดตะเกียงแน่น
“พ่อแก้วแม่แก้วช่วยด้วย”

ดารกาเดินตรงมาเรื่อยๆ ด้วยสีหน้านิ่งสนิท ขณะที่ชิกเก้นอยู่ในอาการหวาดหวั่น กลัว และลุ้นระทึกสุดชีวิต

 อ่านต่อหน้า 2 พรุ่งนี้  (8 ก.พ. 55) เวลา 9.30 น. 




บทโทรทัศน์  อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ในตอนที่ 14  มีการแก้ไขใหม่ ตามบทที่ทีมงานบริษัทดีด้า ส่งมาให้ ตัวหนังสือ สีแดง คือบทที่มีการแก้ไข จึงแจ้งมายังแฟนอสูรน้อยฯ และ แฟนละครออนไลน์ ทุกท่าน
 ทีมงานละครออนไลน์ 


 อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว  ตอนที่ 14 (ต่อ) 

ดารกาเดินมาหยุดตรงหน้าบริเวณที่ชิกเก้นแอบอยู่ข้างใต้ ชิกเก้นพยายามทำตัวลีบเล็กแนบพื้นให้มากที่สุด มองเห็นแค่ขาของดารกาซึ่งหยุดยืนอยู่

จังหวะนั้นดารกาค่อยๆ ย่อตัวก้มลง มองเข้ามาเห็นชิกเก้นนอนหมอบอยู่ จ้องมาตาแป๋ว
“เมี้ยว!” ชิกเก้นร้องอย่างเดียว   
“เจ้านายเจ้าเขาไปไหนหรือชิกเก้น” ดารกาถาม
“เมี้ยว!”
“คงจะเอาตะเกียงน้อยๆ ไปด้วยละซี”
“เมี้ยว...เมี้ยว...เมี้ยว”
เมื่อไม่ได้เรื่องดารกาจึงลุกขึ้น...มองไปรอบห้องอีกครั้ง แล้วเดินออกไป
ชิกเก้นถอนใจเฮือกอย่างโล่งใจ ขณะที่ตะเกียงปรากฏขึ้นมา
“เฮ้อ! เกือบไป!”
“สงกะสัย สงกะสั๊ย น้องดาคนสวยเข้ามาในห้องแนนนี่ทำไม”
“อาจจะมาหาแนนนี่ แต่ชิกเก้นไม่ไว้ใจใคร เลยขอเอาตะเกียงมาแอบไว้ก่อน!” ชิกเก้นว่า
“โอ๊ย! น้องดาเขาคงไม่คิดจะขโมยตะเกียงหรืออะไรหรอกย่ะ ทั้งสวยทั้งรวยขนาดนั้น พูดจาก็เพราะ...” ตะเกียงแก้วเพ้อ
“นี่! อย่าไปพูดให้แนนนี่ได้ยินเชียวนะ มีหวังต้องระเห็จไปอยู่ที่เชียงกง”
“รู้แล้วละย่ะ” ตะเกียงแก้วบอกเสียงเชิดๆ

เวลาเดียวกันนั้นปีเตอร์นั่งทำงานอยู่หน้าโน้ตบุ๊คภายในห้องที่คอนโดฯ แนนนี่ปรากฏตัวขึ้นที่มุมหนึ่งข้างหลังปีเตอร์ และกำลังมองปีเตอร์อย่างใคร่ครวญครุ่นคิด
ปีเตอร์ทำงานอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกลอกตาไปมา ราวกับรู้ตัวว่าถูกใครบางคนจ้องมองอยู่ ปีเตอร์ทำสีหน้าเจ้าเล่ห์ แล้วหันหน้าโดยหมุนแค่คอกลับมามองข้างหลัง ทว่าบริเวณนั้นกลับว่างเปล่า
ปีเตอร์ตบหัวตัวเองอย่างแรง “...นี่แน่ะ...เสียเวลาหมุนหัวมั้ยเนี่ย”
บ่นเสร็จปีเตอร์ก็หมุนหัวกลับมาตามเดิม
แนนนี่ที่ย่อตัวเล็กจิ๋ว แอบอยู่ข้างเตียง ยื่นหน้าออกมาดูอย่างสังเวชใจที่เห็นปีเตอร์ถูกอสูรสิงร่างอย่างที่คิดไว้
“โธ่เอ๊ย ปีเตอร์ แนนนี่จะช่วยยังไงนี่”
แนนนี่ทอดสายตามองไปที่ปีเตอร์อย่างกลัดกลุ้ม

ช่วงเที่ยงวันนั้น ภวัตและบุษบานั่งทานข้าวด้วยกัน บุษบากำลังตักหมูวางในจานภวัต
“หมูเค้านุ้ม...ม นุ่มจังนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
ภวัตขยับช้อนจะตักหมูชิ้นนั้น แต่ต้องสะดุ้งเฮือก “เย้ย!”
ที่แท้ภวัตเห็นหมูชิ้นนั้นกลายเป็นแนนนี่ ตัวเล็กๆ กำลังยกไม้ยกมือทักทายตัวเอง
“มีอะไรหรือคะ” บุษบาสงสัย
“อ๋อ ! เปล่า”
ภวัตเสยกแก้วน้ำจะดื่ม แต่แล้วกลับเห็นเป็นแนนนี่นอนคว่ำท้าวคางแทนที่น้ำแข็งในแก้วซะงั้น
“แนนนี่เก่งมั้ยคะที่หาพี่ภวัตเจอ” แนนนี่ในแก้วว่า
ภวัตวางแก้วน้ำลง รวบช้อนอย่างสงบ หน้าตาหมดความอยากทานอาหารโดยสิ้นเชิง
“เป็นอะไรไปคะ” บุษบาถาม
“ผมอิ่มแล้ว” ภวัตเหลือบมองในจานข้าว เห็นแนนนอนแทนที่หมู
“อุ๊ย! คุณเพิ่งรับประทานไป 2-3 คำเองนะคะ”
ภวัตเหลือบมองแนนนี่แว่บหนึ่ง “ผมกินไม่ลง ...เอ้อ...คือ...มันรู้สึกจุกขึ้นมากระทันหันน่ะครับ...คุณบุษทานต่อเถอะ .. ผมรอได้”
“คุณอิ่ม...บุษก็อิ่มค่ะ” บุษบายิ้มหวาน
“โฮ้ย! อะไรจะเหมือนกันขนาดนั้น!” แนนนี่พูดเสียงดัง
บุษบาสะดุ้ง “เอ๊ะ ภวัต...ได้ยินใครพูดอะไรแถวๆ นี้มั้ยคะ”
“คงจะเป็นโต๊ะอื่นน่ะครับ” ภวัตรีบกลบร่องรอย
“แปลกจัง...บุษได้ยินใกล๊ ... ใกล้”
ภวัตถลึงตาดุแนนนี่หน้าตาขึงขัง จนแนนนี่หน้าจ๋อย

ภวัตเดินเข้ามาในห้องพักอย่างอารมณ์ไม่สู้ดีนัก ล็อคประตู แล้วภวัตเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ออกมาซะดีๆ แนนนี่”
แต่ทุกอย่างยังเงียบสนิท
ภวัตเสียงเข้มขึ้นอีก “ยังอีก”
ในที่สุดแนนนี่ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าภวัต ทำหน้าจ๋อยๆ
“มันจะมากไปแล้ว...นึกยังไง...”
แนนนี่รีบขัดจังหวะขึ้น “แนนนี่มีเรื่องด่วนต้องปรึกษาพี่ภวัตค่ะ”
“เอาไว้ให้พี่กลับบ้านก่อนก็ได้”
“โอ๊ย! ขืนรอถึงป่านนั้น มันก็ไม่เรียกว่าเรื่องด่วนแล้วละค่ะ”
แนนนี่ฮึดฮัด ส่วนภวัตหงุดหงิดเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ แนนนี่เดินมาคุกเข่าลงข้างๆ
“อสูรมันพยายามจะยึดร่างปีเตอร์” แนนนี่พูดเสียงเศร้า
ภวัตผินหน้ามามอง แนนนี่พูดต่อน้ำเสียงกังวลสุดๆ
“แนนนี่เป็นห่วงปีเตอร์มากเลย”
ภวัตไม่รู้ว่าตัวเองกำลังหึง จึงทำท่าหมางเมินเล็กๆ ขณะพูด
“เธอมาผิดที่แล้ว นี่เป็นโรงพยาบาลรักษาโรคภัยไข้เจ็บมนุษย์ ไม่ใช่สถานที่ปรึกษาปัญหาหัวใจของพวกแม่มดหรืออสูร!”
“แล้วทำไมพี่ภวัตต้องโกรธแนนนี่ด้วย”
ภวัตอึ้งไป
“แนนนี่แค่ต้องการคำปรึกษา...ปีเตอร์ต้องเป็นอย่างนี้เพราะแนนนี่...ถ้าเขาเป็นเพื่อนคนธรรมดา ก็คงไม่ต้องกลายเป็นที่สิงของอสูร”
ภวัตนิ่งไปครู่หนึ่ง “อสูรกลัวอะไรบ้างล่ะ”
แนนนี่นิ่งคิด “เอ...ไม่ทราบซิคะ”
“ลองไปปรึกษาคุณยายดู ถ้ารู้แล้วก็เอาสิ่งนั้นให้ปีเตอร์ติดตัวไว้” ภวัตพูดเป็นงานเป็นการ
“จริงด้วย! พี่ภวัตเก่งจัง แนนนี่ไปก่อนนะคะ”
แนนนี่ดีใจร่ายมนตร์แล้วหายตัวแว้บไป ภวัตถอนใจยาว เอนหลังพิงพนัก สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด

พอกลับมาที่ห้อง แนนนี่ได้รู้เรื่องที่ดารกาแอบเข้ามาในห้องตอนที่ตัวเองไม่อยู่ก็ปรี๊ดทันที
“ยัยพี่ดาน่ะเหรอเข้ามาในนี้”
“ประมาณนั้นแหละ” ชิกเก้นว่า
“จะขโมยเงินน่ะซิ...แนนนี่ยังติดใจไม่หายว่าเขาพยายามใส่ร้ายป้ายสีแนนนี่! จะต้องไปถามให้นายข้องใจ”
แนนนี่เดินไปที่ประตู
“ยู้ด ....ด หยุดก่อน” ตะเกียงแก้วกับชิกเก้นบอกพร้อมกัน
แนนนี่หันมามอง
“ถ้าเธอไปต่อว่า คุณน้องดาก็จะต้องสงสัยทันทีว่าใครบอก”
“โฮ้ย! เขาไม่สงสัยแมวกับตะเกียงร้อก” แนนนี่ไม่สน
“แต่ในห้องนี้ไม่มีใครนอกจากแมวแล้วก็ตะเกียง”
แนนนี่นิ่งคิดตามคำพูดชิกเก้น
ดารกาลุกขึ้นจากโต๊ะที่นั่งท่องหนังสืออยู่แล้วเดินมาที่หน้าต่าง มองไปเห็นแนนนี่นั่งเล่นอยู่ในสวน ดารกามองเขม็ง แนนนี่ค่อยๆ ปรายตาขึ้นมอง ดารกาจึงค่อยๆ ถอยหลังเดินกลับเข้าไป สีหน้าแนนนี่มีแววเยาะเย้ยนิดๆ

ปัทมนและธานีนั่งโต๊ะเรียบร้อย เตรียมรับประทานอาหาร
“น้องดากับแนนนี่ยังไม่ลงมาอีก” ธานีเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวน้าผาดจะให้พรไปตามนะคะ” ผาดบอก
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ...เดี๋ยวก็มาเอง...รู้ๆ เวลากันแล้ว” ปัทมนว่า
ครู่เดียวเท่านั้นเองดารกาก็เดินเข้ามา
“น้องดาขอโทษค่ะ ที่ลงมาช้า มัวแต่ดูหนังสือเพลิน”
แนนนี่เดินเข้ามา แล้วก้มหน้าลงสูดกลิ่นอาหาร ท่ามกลางสีหน้าขวาง แกมเอ็นดูของธานีและปัทมน
ดารกามองสายตาของทั้งสอง พลางเม้มปากอย่างอิจฉา แล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม
“แนนนี่ก็เพิ่งลงมา คงท่องหนังสือหนักเหมือนกันใช่มั้ยจ๊ะ...คุณแม่ขา...น้องดากับแนนนี่ตกลงกันว่า เราจะเรียนหนังสือแข่งกัน”
“ใครไปตกลงกับพี่ดา” แนนนี่สวนขึ้นอย่างไม่ไว้หน้า
ดารกาหน้าเสีย “แนนนี่”
“แนนนี่ แม่ฟังมานานแล้วนะ! นั่งลง”
แนนนี่ถลึงตาใส่ดารกา ซึ่งดารกาหลบตาลงเหมือนกลัวๆ
“ยังอีก” ปัทมนเอ็ด
นั่นเองแนนนี่จึงทรุดตัวลงนั่งอย่างกระแทกกระทั้น
“แนนนี่ ลุกขึ้นแล้วนั่งลงใหม่ จะมาทำกระฟัดกระเฟียด ใส่คุณแม่ไม่ได้”
เจอธานีดุอีกคน แนนนี่กัดปาก
“แนนนี่ ...พี่ดารู้ว่าแนนนี่ไม่ได้ตั้งใจ” ดารกาแทรกขึ้น
แนนนี่เก็บอารมณ์ไม่อยู่ลุกพรวดขึ้น “พอที!”
ดารกาทำหน้าเสียใจสุดๆ
“ไม่ต้องทำมาแอ๊บดีหรอก! แค่นี้แนนนี่ก็เลวจะแย่อยู่แล้วในสายตาของทุกๆ คน”
พูดจบแนนนี่ก็เดินออกไปอย่างฉุนๆ
“ดู๊! สะบัดบ๊อบเดินออกไปเลย” ธานีหน่าย
ปัทมนซึ่งนั่งฟังอย่างสงบลุกขึ้น
“คุณแม่จะไปไหนคะ ยังไม่ได้ทานข้าวเลย”
“แม่จะไปดูแนนนี่หน่อยจ้ะ”
ปัทมนเดินออกไป ธานีส่ายหน้า
“โถ...คุณแม่” ดารกาเอ่ยออกมา

แนนนี่น้ำตาไหลวิ่งซอยเท้าขึ้นบันไดไป ขณะที่ปัทมนเดินกึ่งวิ่งรีบตาม
“แนนนี่”
แนนนี่หยุดเดิน ปัทมนเดินเข้ามาใกล้ สีหน้าและแววตาอ่อนโยนเช่นเคย
“คุยกับแม่หน่อยได้ไหมลูก”
แนนนี่พยักหน้าทั้งน้ำตา ปัทมนจูงลูกเดินไปที่ห้อง แล้วเปิดประตูเข้าไป

ปัทมนจูงแนนนี่มานั่งลงด้วยกัน
“แนนนี่เป็นอะไรหรือลูก”

“เปล่าค่ะ” ทว่าน้ำตากลับยิ่งไหล “...แนนนี่ไม่ได้ตั้งใจจะกระฟัดกระเฟียดใส่คุณแม่...แนนนี่รักคุณแม่”
ปัทมนรั้งตัวโอบกอดแนนี่ไว้ “แม่รู้ลูก .... แม่รู้ ...”
“แต่แนนนี่เกลียดพี่ดา แนนนี่ไม่รู้ว่าทำไม...แต่แนนนี่ไม่ชอบพี่ดา” แนนนี่ระบายเสียงสั่น
“จุ๊ …จุ๊ ... ไม่เอาลูก ... แนนนี่กับพี่ดาเป็นพี่น้องกัน ...ต้องรักกันซิจ้ะ แม่เชื่อว่าพี่ดาเขารักแนนนี่” ปัทมนปราม
“แต่แนนนี่ไม่เชื่อ”
“แม่อยากให้แนนนี่ค่อยๆดูพี่ดา...อย่ามีอคติ แล้วจะรู้ว่า พี่ดาเขาไม่มีอะไรเลย แต่เขาอาจจะจู้จี้กับแนนนี่มากเกินไป...แล้วแม่จะพูดกับเขาให้นะลูกนะ”
ฟังปัทมนพูด คราวนี้แนนนี่นิ่งไป ปัทมนมองหน้าแล้วถามขึ้นมา
“ก่อนนอนสวดมนต์หรือเปล่า”
“สวดค่ะ”
“ดีแล้ว...พระพุทธคุณจะได้คุ้มครองรักษาแนนนี่ของแม่”
ปัทมนลูบผมลูกสาวนอกไส้อย่างเมตตาและรักใคร่

เวลาผ่านไปแล้ว อีกหลายวัน
ค่ำวันนี้ภวัตทำตามสัญญาที่ให้ไว้ พาดารกาไปเลี้ยงหลังสอบเสร็จ ทั้งคู่อยู่ภายในร้านอาหารเงียบๆ หรู แห่งหนึ่ง
ภวัตตักอาหารใส่จานดารกา
“ขอบคุณค่ะ...น้องดามีของขวัญวันเกิดชิ้นใหม่ให้พี่ภวัตด้วยละ”
“ทำไมจะต้องซื้อมาอีก”
“ไม่ได้ซื้อค่ะ...น้องดาทำเอง”
“พี่ก็มีของขวัญให้น้องดาเหมือนกัน..ตามสัญญาที่น้องดาได้เกรด 4 ไง”
ดารกาฟังแล้วมีสีหน้าแววตาแจ่มใส รีบไหว้ “ขอบคุณมากค่ะ...น้องดาดีใจที่พี่ภวัตไม่ลืม...”
ดารกาพูดแค่นั้นก็ชะงัก ภวัตมองแล้วหันไปตามสายตาดารกา
ทั้งคู่เห็นแนนนี่กำลังเดินตรงมาด้วยสีหน้าแจ่มใส ในมือถือถุงใส่ดอกกุหลาบสีแดงกับสีขาวดอกใหญ่อย่างละดอก
“รู้ได้ยังไง” ภวัตงง
ไม่ต้องรอให้ใครเชิญแนนนี่ดึงเก้าอี้ออกมานั่ง แล้วส่งดอกไม้ให้ภวัต “แฮปปี้ เบิร์ธเดย์ ค่ะ”
ขณะแนนนี่คุยกับภวัต ดารกามีสีหน้าขุ่นมัว แต่ไม่มีใครเห็น
“ดอกกุหลาบสีขาวคือตัวแทนของความรักอันบริสุทธิ์ ส่วนสีแดงคือความรักที่ร้อนแรง” แนนนี่เสริม
“แก่แดด”
ดารกายิ้มเยื้อนอย่างใจดี “แล้วความรักของแนนนี่เป็นแบบไหนจ๊ะ”

แนนนี่หันมาแล้วทำเป็นเพิ่งสังเกตเห็น “อุ๊ยตาย! พี่ดานั่นเอง My sweet little sister! แนนนี่ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาโดยไม่ได้รับเชิญ..เลยเชิญตัวออกมาซะเลย หิวจัง!”
บริกรมองอยู่ เดินเข้ามาตักข้าวให้แนนนี่
“ไม่โกรธกันนะคะ พี่ดา”
“โกรธเรื่องอะไรจ๊ะ”
“ก็เรื่องที่แนนนี่ตามมาขอรับเลี้ยงจากพี่ภวัตด้วยน่ะซีคะ”
“พี่ดาเขาไม่ขี้อิจฉาเหมือนเราหรอก” ภวัตว่า
“แหวะ! น้อยไปน่ะซีคะ”
ดารกาทำหน้าตกใจมองแนนนี่แล้วมองภวัต
“ถ้ายังแขวะน้องดาอีก พี่จะเชิญให้ออกไป” ภวัตเอ็ด
แนนนี่เม้มปาก ถือช้อนตักอาหารจะเข้าปากค้าง
ดารกาทำสีหน้าบริสุทธ์ใจขณะถามออกมา
“พี่ดารายงานพี่ภวัตไปแล้วว่าได้เกรด 4 แนนนี่ล่ะจ๊ะบอกพี่ภวัตหรือยัง”
แนนนี่จ้องดารกาเขม็ง
“ว่าไง” ภวัตถาม
“แนนนี่ก็ได้เกรด 4 เหมือนกัน” แนนนี่เชิดหน้า
“จริงหรือ”
“ค่ะ ก็เอา 2 เทอมรวมกันไงคะ”
ภวัตมองแนนนี่แล้วส่ายหน้า
ในขณะที่นัยน์ตาดารกาเหมือนจะมีแววเยาะเย้ย ผุดขึ้นมาแว่บหนึ่ง

ครู่ต่อมาดารกาออกจากห้องน้ำในชุดนอนแล้วเดินมาแปรงผม มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ดารกาเดินมาเปิด
“อ้าว แนนนี่” ทั้งคู่คุยกันที่หน้าห้องดารกา
“ทำไมต้องถามเกรดแนนนี่ต่อหน้าพี่ภวัตด้วย” แนนนี่ใส่ทันที
ดารกาทำหน้าใสซื่อใส่ “อ้าว ! ทำไมล่ะจ๊ะ พี่ไม่คิดว่าจะเป็นความลับ”
“พี่ดาต้องการจะหักหน้าแนนนี่”
“ตายจริง! ทำไมแนนนี่ถึงได้เข้าใจอย่างนั้น”
แนนนี่หมั่นไส้เต็มทีจับคางดารกาบีบ ดารการ้องเสียงดัง “โอ๊ย!”
ธานีได้ยินเสียงร้องนั้น เปิดประตูออกมา
“อะไรกัน”
ธานีเห็นแนนนี่ยังคงบีบคางดารกาอยู่
“แนนนี่ ปล่อยพี่ดาเขาเดี๋ยวนี้”
แนนนี่เอามือออก ดารกาน้ำตาไหล
“ขอโทษพี่ดาเขาเดี๋ยวนี้” ธานีสั่ง
ดารการีบบอก “ไม่เป็นไรค่ะ พี่ธานี...น้องดาผิดเองที่ไปถามเกรดแนนนี่ต่อหน้าพี่ภวัต”
แนนนี่ได้ฟังก็ยิ่งอัดอั้นตันใจสุดๆ “โอ๊ย”
“แนนนี่” ธานีปราม
“ดีเหลือเกิ๊น ประเสิรฐสุดๆ”
พูดแค่นั้นแนนนี่ก็กระแทกเท้ากลับเข้าห้อง ดารกาทำหน้าตื่นๆ มองตาม ขณะที่ธานีส่ายหน้าระอาใจ

ภวัตนั่งมองกุหลาบ 2 ดอกในมืออยู่ภายในห้องนอน จังหวะนั้นภาพแนนนี่ก็เข้ามาในห้วงความคิด
“ดอกกุหลาบสีขาวคือตัวแทนของความรักอันบริสุทธ์...ส่วนสีแดงคือความรักที่ร้อนแรง”
นึกถึงตรงนี้สีหน้าภวัตยุ่งยากใจ
“เด็กอะไร!”
จู่ๆ เสียงกระแอมของแนนนี่ดังขึ้น “อะ แฮ้ม”
ภวัตสะดุ้งเฮือก ดอกกุหลาบหลุดจากมือลงพื้น
“อุ๊ย! ไม่เป็นไรค่ะ แนนนี่ช่วยเก็บให้”
แนนนี่รีบว่าคาถาให้ดอกกุหลาบลอยกลับขึ้นมาอยู่ในมือภวัตใหม่
ภวัตเดินมาวางกุหลาบลงบนโต๊ะเหมือนไม่ใส่ใจ
แนนนี่นิ่วหน้า “วางทำไมคะ! ต้องถือไว้ซิ นั่นของขวัญสุดพิเศษจากแนนนี่นะ”
“เรามีเรื่องต้องพูดกัน”
แนนนี่ยิ้มหวานทันที “อ๋อ...รู้แล้ว พี่ภวัตจะขอบใจแนนนี่สำหรับดอกกุหลาบที่แสนจะถูกใจใช่มั้ยคะ...ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...แนนนี่น่ะ...”
แนนนี่พูดไม่ทันจบ ภวัตก็สวนขึ้นเสียงเย็นชา “พอได้แล้ว”
แนนนี่อ้าปากทำหน้าเหวอ
“พี่สัญญากับน้องดาว่า สอบเสร็จจะพาไปเลี้ยงวันเกิดพี่ย้อนหลัง แล้วทำไมเราต้องเข้ามาแทรก”
“ก็เพราะว่าแนนนี่อยากจะมา ถ้าแนนนี่อยากจะทำอะไรก็จะทำ ไม่มีใครบังอาจมาห้ามได้” แนนนี่ตั้งท่าเถียง
“แม้แต่ในสิ่งที่ไม่สมควรทำ หรือผิดกาลเทศะยังงั้นหรือ”
“อาจจะผิดกาละเทศะของคนอื่น แต่ว่าถูกของแนนนี่ก็แล้วกัน”
“ดื้อ! ดันทุรัง! เอาแต่ใจตัว ขี้อิจฉา” ภวัตใส่แนนนี่เป็นชุด
แนนนี่สวนทันทีด้วยความน้อยใจ “ก็แนนนี่เป็นอสูรนี่คะ...พี่ภวัตจะเอาอะไรกับอสูร
“เธอจะทำดีก็ได้...แต่ไม่ยอมทำเองต่างหาก” ภวัตเยาะแกมหยัน
“เปล่าค่ะ! แนนนี่มันเลวตามเผ่าพันธุ์ต่างหาก มีใครเคยได้ยินว่าพวกอสูรดีบ้าง รามสูรก็พยายามจะแย่งลูกแก้วของเมขลาอย่างไร้ความเป็นสุภาพบุรุษ แล้วยังมี...”
“ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น” ภวัตเสียงเขียว
“ก็ดี เพราะแนนนี่ก็จะมาพูดเรื่องของเรา ต่อไปนี้ห้ามพี่ภวัตเจ๊าะแจ๊ะกับยัยพี่ดาหรือเจ๊บุษบานั่นเด็ดขาด เพราะพี่ภวัตเป็นของแนนนี่คนเดียว” แนนนี่บอกเสียงจริงจัง
“เข้าใจเสียใหม่ว่า พี่ไม่ได้เป็นของใคร...โดยเฉพาะเธอ” ภวัตตอกกลับ
แนนนี่โกรธจัดจนตาพอง เสียงดังลั่น “อย่ามาเถียง”

จังหวะนั้น รัดเกล้าเดินฮัมเพลงมาใกล้ถึงหน้าห้องภวัต แล้วชะงัก ได้ยินพี่ชายคุยกับใครออยู่
“มันจะมากไปแล้ว” เสียงภวัต
“เอ๊ะ บอกว่าอย่าเถียง” เสียงใครบางคน
“กลับไป”

รัดเกล้าเคาะประตูร้องถามดังลอดเข้ามาในห้อง “พี่ภวัตคะ...นั่นคุยอยู่กับใคร”
ภวัตสะดุ้ง แล้วเสียงเบาลง แต่ยังเด็ดขาด “กลับไป”
แนนนี่ลอยหน้า “ยังไม่กลับจนกว่า...”
“พี่ภวัต ! เปิดประตูหน่อยค่ะ” เสียงรัดเกล้าเรียกซ้ำ พลางเคาะประตูอยู่หน้าห้อง
“แนนนี่…ไม่ได้ยินเรอะไง” ภวัตบอก
แนนนี่ทำเป็นยื่นหน้ามากระซิบกระซาบ “ได้ยิน...แต่พี่ภวัตต้องบอกว่า รักแนนนี่ก่อน ไม่อย่างนั้น แนนนี่จะเปิดประตูให้พี่ดาเข้ามา”
แนนนี่ยกมือขึ้นเตรียมร่ายคาถา ในขณะเดียวกันรัดเกล้ายังคงเคาะประตูเรียกพี่ชายไปเรื่อยๆ
“โอเพ่นเ .... ซาชิเม ...โอ” / “พี่ภวัต...พี่ภวัต..พี่ภวัตเปิดประตูหน่อยค่ะ”
ภวัตรีบคว้ามือแนนนี่เอาไว้
“ก็ได้! พี่รักแนนนี่”
“พี่รักแนนนี่เฉยๆ คำว่า “ก็ได้” ไม่เอา” แนนนี่บังคับ
“พี่รักแนนนี่” ภวัตบอก
“ก็เท่านั้นแหละ”
สมใจแล้วแนนนี่ร่ายคาถาหายตัวไป ภวัตถอนใจเฮือกใหญ่ แล้วเดินมาเปิดประตู ในขณะที่บนโต๊ะปรากฏแจกันสวยๆ แล้วมีกุหลาบ 2 ดอกลอยเข้าไปปักในนั้น

รัดเกล้ารีบเดินพรวดเข้ามา กวาดสายตาสำรวจไปทั่วบริเวณห้อง ภวัตมองตาม
 
 อ่านต่อหน้า 3 




บทโทรทัศน์  อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ในตอนที่ 14  มีการแก้ไขใหม่ ตามบทที่ทีมงานบริษัทดีด้า ส่งมาให้ ตัวหนังสือ สีแดง คือบทที่มีการแก้ไข จึงแจ้งมายังแฟนอสูรน้อยฯ และ แฟนละครออนไลน์ ทุกท่าน
 ทีมงานละครออนไลน์ 


 อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว  ตอนที่ 14 (ต่อ) 

แนนนี่หายตัวจากห้องภวัต มาปรากฏตัวขึ้นในห้อง พอชิกเก้นเห็นก็รีบถามขึ้นทันทีด้วยความห่วงใย

“หายไปไหนมา ชิคเก้นเป็นห่วงแทบตาย”
“ห้องพี่ภวัต”
“Oh ! No!” ชิกเก้นร้อง
“Oh! Yes!”
แนนนี่ว่าคาถาลอยหายเข้าไปในตะเกียง
“คุณยายทาฮีร่ารู้เข้าจะว่ายังไงเนี่ย ....โอ๊ย แคทตี้จะบ้าตาย”

ส่วนเหตุการณ์ที่ห้องภวัต
“หาอะไรฮึ ..... ยัยเกล้า”
“เมื่อกี้พี่ภวัตพูดกับใคร”
“เปล่า!” ภวัตเดินไปนั่ง
“แต่เกล้าได้ยิน เสียงคล้ายๆ กับแนนนี่ด้วย”
“ไปกันใหญ่ เกล้าก็เห็นแล้วนี่ว่าไม่มีใคร”
รัดเกล้าถอนใจเฮือกใหญ๋ แล้วเดินมาที่โต๊ะ เห็นดอกกุหลาบในแจกัน มีการ์ดห้อยอยู่ รัดเกล้ารีบหยิบมาอ่าน
“กุหลาบแดงแจ้งรักประจักษ์ว่า ชั่วดินฟ้ารักเธอเสนอสนอง
กุหลาบขาวคือหัวใจที่ไฝ่ปอง รักของน้องอสูรน้อยคอยเรื่อยมา”
สีหน้าภวัตกระอักกระอ่วน
รัดเกล้าขำกลิ้ง “ใครคะ น้องอสูรน้อยของพี่ภวัต”
“คือ .... เพื่อนมันล้อพี่เล่นน่ะ”
“เพื่อนหญิงหรือเพื่อนชายเอ่ย”
“ไปได้แล้ว พี่จะทำงาน”
“ต๊าย พี่ภวัตเขิน เกล้าไม่เคยเห็นพี่ภวัตเขินเลย ชักอยากจะเห็นน้องอสูรน้อยเสียแล้ว”
ภวัตจับตัวรัดเกล้าดันไปที่ประตู ขณะที่รัดเกล้าชอบอกชอบใจ
“บอกให้ไปได้แล้ว”
ภวัตปิดประตู แล้วถอนใจเฮือก ยืนอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งแล้วเดินไปที่โต๊ะ
ภวัตหยิบการ์ดอ่าน สีหน้าแววตาดูลึกซึ้ง

ทางด้านดารกาทอดสายตามองไปที่หน้าต่างห้องภวัต สีหน้าดารกานิ่งสนิท อ่านความรู้สึกไม่ออก

บรรยากาศตอนเช้าอันแจ่มใส สมาชิกครอบครัวปัทมนรวมตัวภายในห้องทานข้าว ทุกคนอยู่พร้อมหน้ากัน
พรเก็บจานอาหารที่กินเรียบร้อยแล้วออกไป แล้ววางกาแฟให้ปัทและธานี ขณะที่ 2 สาวแนนนี่ และดารกา รับเป็นน้ำส้ม
“ตายจริง! น้องดาลืมเอาเกรดให้คุณแม่กับพี่ธานีดู”
แนนนี่สำลักน้ำส้มที่กำลังดื่ม
“เกลียด ....เกลียดน้ำนางเอก พี่พร ! พรุ่งนี้แนนนี่ไม่เอาน้ำส้มแล้วนะ”
ทุกคนไม่ได้สนใจฟังแนนนี่ ด้วยดารกากำลังหยิบซองใส่ใบประกาศผลสอบส่งให้ปัท
“นี่ค่ะ ...”
ปัทมนเปิดซองหยิบออกมาดู
“เก่งมากลูก ...... น้องดาของแม่เก่งที่สุด”
แนนนี่หน้างอ
“พี่น่ะไม่ตื่นเต้นเลย”
แนนนี่สีหน้ากระตือรือร้นขึ้นทันที
“เพราะน้องดาไม่เคยทำให้คุณแม่กับพี่ผิดหวัง...ดูผลสอบทีไรก็เห็นแต่เกรด 4...สู้ยัยแนนนี่ไม่ได้...ต้องลุ้นกันทุกเทอม”
คราวนี้แนนนี่หน้าหงิกยิ่งไปกว่าเก่า
“แนนนี่ล่ะลูก ... ผลสอบออกหรือยัง”
“น้องดาเชื่อว่าเทอมนี้แนนนี่ต้องได้เกรดดีแน่ๆ ค่ะ”
“ไม่ต้องมากระทบกระแทกแดกดัน” แนนนี่สวนออกมา
ทุกคนสะดุ้ง
“เชิญได้ 4 ไปคนเดียวเหอะ ! ....แนนนี่ไม่สนร้อก” แนนนี่ลุกเดินไป
“เอาอีกแล้ว ลูกคนนี้” ปัทมนบ่น
“เป็นความผิดของน้องดาเองค่ะ ... น้องดาจะไปง้อแนนนี่”
“ไม่ต้อง น้องดาไม่ผิด”
“ถึงยังงั้นก็เถอะค่ะ ...” ดารการีบลุกตามไป
“แม่ไปด้วยดีกว่า”
“อย่าเลยครับ ...เดี๋ยวคุณแม่จะไม่สบายใจ ... ผมไปเอง”
ธานีลุกเดินไป ปัทมนสีหน้าหนักใจ

แนนนี่เดินจะไปที่รถ ซึ่งคนรถเตรียมพร้อมอยู่ ประตูใหญ่เปิดกว้างรออยู่แล้ว ดารกาเดินแกมวิ่งตามออกมา
“แนนนี่ ... รอพี่ดาก่อนจ้ะ”
แนนนี่หันขวับมาทันที “จะมาแสดงบทนางเอกผู้แสนดีอีกหรือคะ”
“ไม่ใช่จ้ะ”
ธานีเดินเข้ามาสมทบ
“พี่ดาคิดว่าได้เกรดเท่าไหร่ก็ไม่เห็นจะเสียหาย เพราะเราได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว” ดารกาบอก
แนนนี่พูดเสียงสูง “อ๊อ ....อ นี่จะบอกว่าแนนนี่โง่ใช่มั้ย”
ธานีเริ่มรำคา “ไปกันใหญ่แล้วแนนนี่”
ระหว่างนั้นบาบาร่าในร่างบานเย็นยืนอยู่ที่รั้วมองตรงมา
“พี่ดาแค่จะบอกว่า ให้แนนนี่ขยันกว่านี้ ...แล้วพี่ดาจะติวให้เอง ...ให้ปีเตอร์ติวไม่มีประโยชน์ เพราะแนนนี่ชอบข่มเค้า ... ต่อไปนี้พี่ดาจะติวให้แนนนี่จริงๆจังๆ เสียที”
“พี่เห็นด้วยกับน้องดา” ธานีเห็นด้วย
“โอ๊ย ! คอหอยกับลูกกระเดือก”
“ตายจริง! แนนนี่ขอโทษพี่ธานีซิจ้ะ ... พี่น่ะช่างเถอะ” ดารกาทำตัวแสนดีต่อ
แนนนี่สุดจะทนแล้ว จึงแกล้งส่งเสียงดังประชด “พี่ด๊า ....พี่ดา ...พี่ดา จะสวยงามและแสนดีไปถึงไหน้ .... แนนนี่เกลียดพี่ดา”
แนนนี่เดินออกไป
“แนนนี่จะไปไหน”
“จะไปไหนก็ช่าง ! ไม่ต้องมาสนใจ”
ดารกามองตาม...น้ำตาคลอ
“ไม่ต้องร้องไห้จ้ะ น้องดา ... พี่เข้าใจทุกอย่าง” ธานีปลอบ
“น้องดาเสียใจค่ะ น้องดายอมแลกทุกอย่างเพื่อให้แนนนี่เข้าใจ แล้วนี่เขาจะไปมหา’ลัยยังไง”
“ช่างเถอะ”
ธานีโอบไหล่จะเดินกลับเข้าไป

แนนนี่เดินน้ำตาร่วงมาตามซอยด้วยความแค้นใจและเสียใจ แนนหันหน้ากลับไปมองข้างหลัง ไม่มีแม้แต่เงาของคนในบ้านสักคนตามมาง้อเหมือนเคย แนนนี่เม้มปากหันกลับมา
“ไปแท็กซี่เองก็ได้!” แนนนี่ก้าวเดินไป
จังหวะนั้นมีรถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นเทียบมา โดยที่คนขับสวมหมวกและใส่แว่นดำ แนนนี่รีบโบกมือเรียกทันทีที่เห็น กำลังจะเลยไป
“แท็กซี่!”
แท็กซี่จอด...แนนนี่รีบเดินไปเปิดประตูขึ้นไป
คนขับซึ่งเห็นเพียงจมูกนิดและปากหน่อย เหลือบตามองกระจกแว่บหนึ่ง แล้วขับออกไป

ที่แท้เป็นบาบาร่าแปลงเป็นคนขับรถแท๊กซี่ และกำลังมาเรื่อยๆ พร้อมกับเหลือบมองทางกระจก เห็นแนนนี่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา บาบาร่าขับไปเรื่อยๆ พักหนึ่งโดยแนนนี่ไม่ได้สนใจอะไร
“ร้องไห้อย่างนี้แล้วจะไปเรียนหนังสือรู้เรื่องเรอะ!” อดไม่ได้บาบาร่าถามขึ้นในที่สุด
แนนนี่เงยหน้ามองแล้วชะงัก เมื่อเห็นใบหน้าคนขับดูลึกลับด้วยแว่นดำ แนนนี่ผินหน้าไปมองข้างทาง
“มหาวิทยาลัยหนูไม่ได้อยู่ทางนี้นี่!”
“ฉันไปทางลัด!”
“จอด! ฉันจะลง!”
บาบาร่าทำหูทวนลมขับไปเรื่อยๆ
“บอกให้จอด!”
ภาพจากภายนอก รถแล่นด้วยความเร็วสูงขึ้น แนนนี่ขยับจะเปิดประตู แต่ประตูล็อคทันที แนนนี่ว่าคาถาให้รถจอด แต่คาถาไม่ได้มีผล
มองจากภายนอก รถแล่นด้วยความเร็วสูงมากขึ้นๆ
“แกเป็นใคร!”
บาบาร่าไม่ตอบ ยังคงขับไป แนนนี่พยายามใช้คาเต็มที่ แต่ไม่มีผล
“ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว!”
แนนนี่เขย่าประตู “จอด! บอกให้จอด!”
จังหวะนั้นเองก็มีรถตู้คันหนึ่งแล่นตัดหน้ามาขวางแท็กซี่ไว้ บาบาร่าเตรียมจะบังคับรถให้ลอยขึ้น
จู่ๆ ก็เหมือนมีแสงบางอย่างพุ่งออกมาล็อคล้อรถไว้...รถจอดสนิท
แนนนี่รีบเปิดประตูรถลงไปทันที บาบาร่าขยับจะเปิดประตูรถลงมา แล้วชะงัก เห็นสดับเปิดประตูรถลงมา แนนนี่เองก็ชะงัก
“ขึ้นรถ” สดับสั่ง
แนนนี่ลังเล
“นั้นมันพวกนักล่าอสูร! ขึ้นรถเร็วเข้า!”
แนนนี่ละล้าละลัง ขณะนั้นประตูรถเปิดออก มาลียื่นหน้าออกมา
“ขึ้นรถเร็วเข้าลูก...แนนนี่”
แนนนี่จึงตัดสินใจรีบขึ้นรถในทันที สดับขึ้นรถขับออกไป
บาบาร่ามองตามด้วยสีหน้าแววตากราดเกรี้ยว

ปัทมนมาถึงบริษัท ก็พยายามโทรศัพท์เข้าเครื่องแนนนี่ ปัทมนสีหน้ากังวลด้วยโทรศัพท์เงียบ...แล้วกดใหม่
“ธานี มาที่ห้องแม่หน่อย ....แม่เป็นห่วงแนนนี่”
ปัทมนวางโทรศัพท์ลง สักพักหนึ่งเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ แล้วธานีเปิดเดินเข้ามา
“โทรศัพท์แนนนี่เงียบไปเลยลูก ! แม่โทร. เท่าไหร่ก็เงียบ”
“ผมก็เหมือนกันครับ ! นี่กำลังจะโทร.หาน้องดา ขอเบอร์โทร. ปีเตอร์”
“งั้นรีบโทร. เลย”
“ครับ”
ธานีกดโทรศัพท์หาดารกา ซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวที่มุมหนึ่งในมหาลัย ดารกาหยิบขึ้นมารับ
“ค่ะ .... พี่ธานี”
“น้องดารู้เบอร์โทรศัพท์ปีเตอร์หรือเปล่า” ธานีถามขึ้น
“อ๋อ ! ทราบค่ะ ... ทำไมหรือคะ”
“พี่จะโทร.ถามว่าแนนนี่อยู่ที่มหา’ลัยหรือเปล่า .... คุณแม่กับพี่ติดต่อไม่ได้เลย”
“ตายจริง ... ให้น้องดาโทร.ให้มั้ยคะ”
“ไม่ต้องค่ะ ... พี่โทร.เอง.. เบอร์อะไรนะ”

ปีเตอร์คุยโทรศัพท์กับธานีอยู่
“วันนี้แนนนี่ไม่ได้มาเรียนครับ ...ปีเตอร์ยังคิดว่าแนนนี่ไม่สบายเลย”
“แน่ใจนะปีเตอร์” เสียงธานีถามกลับ
“แน่ครับ...หรือว่าไปวีนอยู่คณะอื่น เดี๋ยวปีเตอร์จะให้เพื่อนๆ ช่วยกันตามหา...สวัสดีนะครับ
ปีเตอร์หันมา แล้วเรียกเพื่อนๆ
“เอ้ย! เด็กๆ”
เพื่อนๆ หันมามอง
“ปีเตอร์จะให้คนละพันนึงไปช่วยกันตามหาแนนนี่ ! ....แล้วถ้าใครพบเอาไปเลยหมื่นนึง”
บรรดาผองเพื่อนรีบกระจายตัวกันค้นหาทันที ปีเตอร์กดโทรศัพท์หาแนนนี่
“เงียบสนิทจริงๆ ด้วย”


ภายในรถที่สดับขับแล่นมาเรื่อยๆ ตามทาง ในขณะที่มาลีกำลังร้องห่มร้องไห้
“ข้าน่ะไม่ได้คิดอยากจะทิ้งแนนนี่เลยสักนิด แค่อยากให้เอ็งสุขสบาย ก็เลยเอาไปบรรจงวางไว้หน้าบ้านคุณปัทมน” มาลีโกหก
“แต่คุณยายบอกว่า แม่ไม่ใช่แม่แนนนี่”
“นังนั่นมันจะไปรู้อะไร” สดับพูดด้วยน้ำเสียงตะคอก
“แนนนี่...ข้าเป็นคนอุ้มท้อง...เป็นคนเบ่งเอ็งออกมาด้วยความเจ็บปวด ทรมานแสนสาหัส...แล้วทำไมจะจำเอ็งไม่ได้” มาลีโกหกอีกให้ดูน่าเชื่อ
แนนนี่นิ่งคิดครู่หนึ่ง “เป็นไปได้ไหมคะว่า พี่ดาเป็นลูกของ…”
แนนนี่พูดไม่ทันจบประโยค มาลีก็เหลียวมองไปทางสดับซึ่งตวาดออกมาทันที
“เป็นไปไม่ได้”
แนนนี่กับมาลีสะดุ้งพร้อมกัน
“แกเป็นลูกฉันกับนังมาลี ไม่ใช่คนอื่น” สดับย้ำ
“งั้นเราไปถามคุณยายแนนนี่กัน”
“เอ๊ะ นังนี่!”
“จะต้องไปถามทำไมให้ยุ่งยาก พวกมันกลัวข้ากับพ่อของเอ็งจะไปทวงเอ็งคืน ก็เลยช่วยกันโกหก”
แนนนี่มองออกไปนอกหน้าต่างครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจถาม
“แนนนี่เป็นอสูรใช่ไหม”
สดับไม่ตอบ แต่จู่ๆ ก็หัวเราะอย่างน่ากลัว แนนนี่กลืนน้ำลาย 
ด้านภวัตกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับดารกาภายในห้องพักแพทย์
“ดาเป็นห่วงน้องเหลือเกินค่ะ จนป่านนี้ยังไม่มีใครเห็นเลย” ดารกาคุยสายอยู่ที่มหา’ลัย
“แนนนี่เกเร เขาอาจจะเรียกร้องความสนใจก็ได้” ภวัต
จู่ๆ ก็มีเสียงทาฮิร่าดังขึ้นในห้องนั้น
“ชะ ชา ชะ ช้า ... พ่อภวิต”
ภวัตหันขวับไปตามเสียง เห็นทาฮีร่านั่งอยู่บนขอบหน้าต่าง โดยมีชิกเก้นอยู่บนตัก
“เมี้ยว”
“บังอาจมาว่าหลานฉันเรียกร้องความสนใจ” ทาฮิร่าเฉ่ง “นายภวิต” ทันที
“คุณยายทราบใช่มั้ยครับว่า แนนนี่อยู่ที่ไหน” ภวัตละปากจากมือถือ มาถามทาฮิร่า
“ถ้ารู้ ฉันจะขี่ไม้กวาดมาถึงนี่ทำไม”
“พี่ภวัตกำลังพูดอยู่กับใครหรือคะ”
“พี่มีแขก แค่นี้ก่อนนะคะ น้องดา”
“ค่ะ...”ดารกาปิดโทรศัพท์ สีหน้าดูเย็นชา

“ฉันเป็นแม่มด ไม่ใช่แขก” ทาฮิร่าจ้องหน้าภวัต
“ฟังนางซะบ้าง” ชิกเก้นบ่นมุกเชยๆ ของนายหญิง
“แนนนี่หายไปจริงๆ หรือครับ”
“งั้นซิยะ พ่อลาโง่”
“อาจจะเป็นพวกล่าอสูร หรือพวกล่าแม่มด” ภวัตตั้งข้อสังเกต
“โอ่...เค้ ชักจะอินแล้ว” ชิกเก้นเห็นด้วย
“พรมวิเศษ .. เราต้องอาศัยพรมวิเศษ คุณยายเรียกพรมวิเศษมาซิครับ” ภวัตนึกขึ้นได้
“เธอนั่นแหละเรียก เพราะเธอได้ออกคำสั่งมันแล้ว พรมวิเศษจะเชื่อฟังเธอ”
ภวัตเบือนหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ชิคเก้นและทาฮิร่ามองตาม ทว่าบนท้องฟ้ากลับไม่มีอะไรเลย
ทาฮิร่าถอนใจเฮือกใหญ่แล้วเอ่ยขึ้น “ฉันไปเองดีกว่า”
ทาฮีร่าขี่ไม้กวาดลอยออกไป โดยมีชิกเก้นกระโดดเกาะท้าย
“คุณยาย ผมไปด้วย”

ภวัตรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างหนัก มองตามสองนายบ่าวขี่ไม้กวาดหายลับตาไป

อ่านต่อหน้า 4 พรุ่งนี้




บทโทรทัศน์  อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ในตอนที่ 14  มีการแก้ไขใหม่ ตามบทที่ทีมงานบริษัทดีด้า ส่งมาให้ ตัวหนังสือ สีแดง คือบทที่มีการแก้ไข จึงแจ้งมายังแฟนอสูรน้อยฯ และ แฟนละครออนไลน์ ทุกท่าน
 ทีมงานละครออนไลน์ 


 อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว  ตอนที่ 14 (ต่อ) 

สดับยังคงขับรถมาเรื่อยๆ ตามทาง ภายในรถตกอยู่ในความเงียบงัน แนนนี่รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล มองออกไปนอกหน้าต่าง สีหน้าครุ่นคิดเพื่อหาทางเอาตัวรอด

จังหวะหนึ่งแนนนี่หันกลับมาแล้วพูดขึ้นในที่สุด “แนนนี่ปวดท้อง...ช่วยจอดหน่อยได้มั้ยคะ”
“พี่ดับ ... แนนนี่มันปวดท้อง”
สดับไม่สนใจยังคงขับรถต่อไปเรื่อยๆ
“โอ๊ย! ถ้าไม่จอดละก็ ได้เหม็นกระจายแน่” แนนนี่ร้องดังลั่น
“พี่ดับ” มาลีตะโกนบอก
สดับสีหน้าหงุดหงิด แล้วเข้าจอดรถข้างทาง
“นังมาลี ! แกลงไปกับมัน” สดับสั่ง
“ไป”
มาลีพยักหน้าบอกแนนนี่ที่รีบทำเป็นทนไม่ไหววิ่งนำ
“รอด้วย”
“วิ่งเร็วๆ ซิแม่”
สดับตะโกนไล่ตามหลัง “อย่าคิดหนีนะเว้ย”

แนนนี่และมาลีมาถึงบริเวณพุ่มไม้หนา แนนนี่หยุด หันมาทางมาลี
“แม่รออยู่ตรงนี้นะจ๊ะ”
“อย่าคิดหนีนะเอ็ง”
แนนนี่พยักหน้า แล้วเดินเข้าไปหลังพุ่มไม้ โดยมีมาลีท้าวสะเอวจ้องเขม็ง
“อย่ามองซิแม่ แนนนี่อาย”
มาลีสะบัดหน้าหันไปแล้วบ่น
“ยุ่งนัก ! นังคนนี้”
“อย่าเพิ่งหันมานะแม่... แนนนี่กำลังโป๊”
“เร็วๆ เข้าเถอะ ! อย่ามัวแต่พูดมาก” มาลีเอ็ด
จังหวะนั้นแนนนี่ร่ายคาถาเรียกไม้กวาดมา แล้วก้มลงว่าคาถากับกิ่งไม้บริเวณนั้นให้พูดแทนตัวเอง
“ซูโด ..... ซูโด ...สปีโก้ พูดแทนแนนนี่ด้วยนะ”
แล้วแนนนี่ก็ขี่ไม้กวาดเหาะไป
“เสร็จหรือยัง” มาลีร้องถาม
“ยังจ้ะแม่” เสียงแนนนี่กิ่งไม้ตอบมา

แนนนี่ขี่ไม้กวาดอยู่บนท้องฟ้า
“เร็วๆ เข้า .... พี่ไม้กวาด”

ส่วนเหตุการณ์ภาคพื้นดิน มาลีตะโกนถามอีก “เสร็จหรือยัง”
“ยังจ้ะแม่” มีเสียงแนนนี่ตอบกลับมา
“ทำไมมันนานนักล่ะ”
“เพิ่งแป๊บเดียวเอง” เสียงนั้นว่า
มาลีลงนั่งยองๆ รอต่อไป “อย่าช้านักนะเว้ย”
เวลาเดียวกันสดับเคาะพวงมาลัยรถรออย่างหงุดหงิด
“ทำไมมันช้านักวะ”
ในที่สุดสดับตัดสินใจเปิดประตูรถลงไปตาม
สดับเดินอย่างรีบร้อนตรงมาที่มาลีอยู่
“นังเด็กนั่นหายไปไหน”
“ไม่หาย ! เมื่อกี้ยังคุยกันอยู่เลย” มาลีตอบ
สดับจิกผมมาลีให้หันไปดู “ดูซะให้เต็มตา”
“โอ๊ย ! เจ็บ.....เจ็บ”
“บอกให้ดู”
“เอ๊ะ หายไปไหน” มาลีผงะ
“นังโง่เอ๊ย มันก็หนีไปแล้วน่ะซิ”
“แต่เมื่อกี้มันยังอยู่” มาลีแย้ง
สดับตบหน้ามาลีเสียงดังเปรี้ยง “ยังจะเถียงอีก”
สดับรีบเดินไปอย่างฉุนเฉียว ส่วนมาลียกมือกุมแก้ม น้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวด

แนนนี่ขี่ไม้กวาดผ่านไป จังหวะหนึ่งหันไปมองข้างหลัง ไม่มีใครตามมา แนนนี่ยิ้มแป้น แต่พอหันกลับมาก็สะดุ้งเฮือก
“โอ๊ะโอ”
เมื่อเห็นอสูรสดับยืนตระหง่านดักอยู่ข้างหน้า
“เลี้ยวซ้าย พี่ไม้กวาด” ไม้กวาดเลี้ยวซ้ายตามคำสั่ง
“ไปโลด .... ด” แนนนี่ซิ่งไม้กวาดมาได้อีกพักหนึ่ง
อสูรสดับก็ปรากฏร่างขวางทางไว้
“จ๊าก ....ก เลี้ยวขวา ! ซิ่งเลย” ไม้กวาดซิ่งไปทางขวา
“หวังว่าคงไม่ตามมาอีกนะ”
แนนนี่ซิ่งต่อครู่หนึ่ง แล้วอสูรปรากฏขวางหน้า
“เฮ้ย! ไปทางโน้น” แนนนี่ซิ่งมาเรื่อยๆ
“หลบหลังก้อนเมฆนั่นเลย”
ไม้กวาดพาแนนนี่เข้าไปซ่อนหลังก้อนเมฆ อสูรสดับซิ่งตามมา มองหา พลางคำรามอย่างโกรธแค้น ท่าทีดุร้าย
อสูรอ้าปากพ่นไฟออกมาทำลายบรรดาก้อนเมฆในบริเวณนั้น ไฟจากปากอสูรลามมาเรื่อยจนจะถึงตัว แนนนี่ลุ้นสุดๆ ทันใดนั้น ก็มีควันกลุ่มใหญ่ปรากฏขึ้น อสูรชะงัก กลุ่มควันนั้นรวมตัวเป็นผู้นำแม่มด
แนนนี่เห็นเหตุการณ์ถึงอ้าปากค้าง “ใครอ้ะ”
ผู้นำแม่มดปล่อยแสงใส่ อสูรหลบแล้วเสกเรียกสามง่ามมา ชี้ไปที่ร่างผู้นำ
ผู้นำแม่มดยกไม้เท้าตัวกระโหลก ชี้ตรงไป เกิดเป็นลำแสง 2 ลำปะทะกัน แล้วแตกกระจายน่ากลัว
“หนีเร็ว” ไม้กวาดพาแนนนี่ซิ่งไปอย่างรวดเร็ว
สามง่ามอสูรหักปลิวเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ฝากไว้ก่อนเถอะ! นังแม่มดเฒ่า! แล้วอสูรน้อยจะมาแก้แค้นแทนพวกข้า!”
ร่างอสูรสดับเลือนหายไป ผู้นำแม่มดกวาดตามองไปโดยรอบ

ครู่ต่อมา แนนนี่กับทาฮิร่าพร้อมด้วยชิกเก้น ก็มาป๊ะกันกลางทาง แต่ยังอยู่ไกลกันอีกประมาณหนึ่ง
ทาฮิร่าตะโกนลั่น “แนนนี่”
แนนนี่ร้องขึ้นอย่างดีใจ “ยายจ๋า”
ทั้งสองเหาะลอยเข้ามาใกล้กัน
“แนนนี่”
ทาฮิร่าลืมตัวอ้าแขนจะโผกอดแนนนี่ด้วยความห่วงใยและโล่งใจสุดๆ ทาฮิร่าทำท่าจะเลื่อนตกจากไม้กวาด
มือทาฮิร่าคว้าด้ามไม้กวาดห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศ
“ว้าย!”
“ยาย!” แนนนี่ตกใจ รีบช่วยดึงร่างทาฮิร่าขึ้นมา อย่างทุลักทุเล
“เวรก๊ำ ! เวรกรรม ! ตัวของนางเองยังจะเอาไม่รอดเลย!” ชิกเก้นหันมาเมาท์นายหญิงแล้วหันกลับไป “เอ้า! เอ้า! ระวังหน่อยเจ๊!”
ทั้งสองยายหลานดึงรั้งกันอยู่ครู่หนึ่ง จนทาฮิร่าขึ้นมาได้ในที่สุด
“เฮ้อ! ค่อยยังชั่ว”
“ยายจ๋า!…มีใครก็ไม่รู้มาสู้กับอสูรหนีเปิดไปเลย”
ทาฮิร่าชะงัก “ใคร”
“ก็ผู้หญิงแก่ๆ” แนนนี่บอก
“เอาลิซิ” ชิกเก้นว่าเหมื่อจะรู้ว่าเป็นใคร
ทาฮิร่าสะดุ้ง “รีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า!”
“ไม่ต้องรีบแล้วละจ้ะ” แนนนี่บอก
“แน่ะ! ยังอีก! ยายบอกให้ไปเดี๋ยวนี้! ซิ่งเลย”
ทาฮิร่าซิ่งนำ แนนนี่รีบซิ่งตามขณะที่ยังงงๆ อยู่

เวลาเดียวกันธานีกำลังเดินกลับไปกลับมาอย่างกระวนกระวาย เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ธานีรีบรับสาย
“ครับ...คุณแม่”
“แนนนี่ปลอดภัยแล้ว...กำลังกลับบ้าน...ธานีไปดูน้องก่อน เดี๋ยวแม่รอเซ็นชื่อ แล้วจะรีบตามกลับไป”
“โล่งอกไปที”
ธานีปิดโทรศัพท์แล้ว รีบเดินมาที่ประตู เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูถูกเปิดโครมเข้ามาอย่างรีบร้อน โดยรัดเกล้า และชนธานีอย่างจัง
ธานีเจ็บจนทรุดลงไปนั่ง จุกจนร้องไม่ออก
“โอ๊ย ! ตายแล้ว” รัดเกล้าตกใจ
“พี่นี่แหละต้องตาย”
“ขอโทษค่ะ แต่พี่ธานีอยากเดินมาพอดีทำไม”
ธานีลุกขึ้นฉุนๆ “นี่พี่ผิดเรอะ”
“ผิดคนละครึ่งค่ะ”
“โอ๊ย! ยายทอม”
“เอ๊ะ! ตาตุ๊ด!”
“แล้วปั้นจิ้มปั้นเจ๋อเสนอหน้ามาทำไม” ธานีถาม
“หน็อยแน่! มาว่าเค้าเสนอหน้า เค้าจะมาถามเรื่องแนนนี่”
“แนนนี่กลับบ้านแล้ว และพี่ก็คงใกล้จะถึงบ้านเหมือนกัน ถ้าไม่มีทอมซุ่มซ่ามมาเปิดประตูชน”
“ไอ้พี่ธานี”
ธานีขยับตัวรัดเกล้ายกให้หลีกทางอย่างง่ายดาย แล้วรีบออกไป
รัดเกล้าอ้าปากค้างครู่หนึ่ง
“คนบ้า!ฉันไม่ใช่กระสอบทรายนะยะ อีตาธานี หยุดก่อน หยุด”
รัดเกล้าพูดพลางวิ่งตามไป

ครู่ต่อมาธานีเดินแกมวิ่งมาที่รถ แล้วกดรีโมท รัดเกล้าตามมาติดๆ แล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่งคู่ธานี
“ไปด้วยคน”
“ไม่ได้เอารถมาเรอะไง”
“เอามา! แต่จะประหยัดน้ำมัน”
“อ้อ ...อ! ดีนี่ แล้วใครจะเอารถเธอไปส่งเฮอะ ! หรือจะเอาไว้ให้ ใช้งานที่นี่”
“จะบ้าเรอะ! ....พี่ธานีก็ให้คนเอาไปส่งที่บ้านเกล้าซิ บริษัทออกใหญ่โตมีลูกน้องเยอะแยะ”
“ดี เจริญ” ธานีแดกดัน
“อยู่แล้วค่ะ” รัดเกล้าทำหน้ากวนใส่
ธานีขับรถออกไป
ในขณะที่รัดเกล้าพึมพำเบาๆ สีหน้าเจ้าเล่ห์ “คนโง่ยอมเป็นเหยื่อของคนฉลาด”
“อะไรนะ”
“เปล่า”
ธานีส่ายหน้า รัดเกล้าลอบยิ้ม

บนฟากฟ้าเหนือซอยบ้านแนนนี่ ทาฮิร่า แนนนี่ และชิกเก้นที่อยู่ท้ายไม้กวาดทาฮิร่า ลอยอยู่เหนือบริเวณในซอยบ้าน ทั้งหมดมองลงไป เห็นมีคนเดินไปมาในซอย
“จะ Landing ตรงไหนดีล่ะคะยาย” แนนนี่หารือ
“ขืนลงหน้าบ้านมีหวังซอยแตกแน่” ชิกเก้นว่า
“นึกได้แล้ว! ลงหลังบ้านคุณอิง! แกเคยเห็นแล้ว ถ้าจะเห็นอีกสักหน่อย คงไม่บ้าไปกว่านี้” ทาฮิร่าเก็ตไอเดีย
“เกิดเป็นเพื่อนบ้านคุณยายทาฮิร่านี่เวรก๊ำ ... เวรกรรม !”
“ไม่ต้องบ่น! ไอ้ชิกเก้น”
แนนนี่ขี่ไม้กวาดนำไป ทาฮิร่ากับชิกเก้นตามมา

อิงอรไม่รู้ว่าหลังบ้านจะถูกใช้เป็นสถานที่แลนดิ้งของสองยายหลาน กำลังเดินลั้นลาถ่ายวิดีโอบรรดาดอกไม้ และแมลงไปเรื่อยๆ กล้องวิดีโอจับภาพดอกไม้และแมลง เรื่อยมามาถึงชิกเก้น ทาฮิร่า และแนนนี่ กำลัง Landing
อิงอรถ่ายเลื่อนเลยไปอีก แล้วถอยกลับย้อนมาที่กลุ่มแนนนี่ซึ่งยังขี่ไม้กวาด
อิงอรเห็นทาฮิร่า แนนนี่ ชิกเก้น ต่างก็ยิ้ม ยกมือทักทาย เต็มตา เต็มกล้อง
อิงค่อยๆ ลดกล้องลง ตายังคงค้าง มือยกขึ้นทักทายตอบ แต่สีหน้าไม่ได้ไปด้วย
แนนนี่กระโดดลงจากไม้กวาด เช่นเดียวกับทาฮิร่าและชิกเก้น
“สบายดีเรอะ...คุณอิง” ทาฮิร่าทัก
อิงอรพยักหน้ารับ “สบายดีจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ค่ะ” พูดทั้งที่อยู่ในอาการยังเหวอๆ
“เห็นใจ...แต่มันจนใจ” ทาฮิร่าพูดคำว่า “ใจ” ลากเสียงอย่างเห็นอกเห็นใจจริงๆ “ไปละ”
ทาฮิร่ายกมือเป็นเชิงบ๊ายบายแล้วเดินไป
“นี่คุณอิงตรงนี้เหมาะจะ Landing มากเลยค่ะ...ขอบคุณนะค้า...บ๊าย..บาย”
แนนนี่ตามทาฮิร่าไป
“ต้องทำใจหน่อยนะ คุณอิง .. ทำไงได้” ชิกเก้นยักไหล่แล้วตามแถวออกไป)
อิงอรยกมือโบกให้ แล้วมองตาม ทำท่าสะอึก และอึ้งไป

โป่งกำลังพยายามจะเสกคาถาตามแบบแนนนี่
“อัย ....อัย ...อา....อา ..... แล้วอะไรอีกล่ะ”
มีเสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้นขัดจังหวะ โป่งเดินไปที่ประตู เปิดออก
อิงอรโผล่เข้ามาทำหน้าทำตาลึกลับ “นายโป่ง ! คุณนายบานเย็นอยู่มั้ย”
“ไม่อยู่ครับ ! เห็นบอกว่า ลาไปทำหน้าที่พลเมืองดีครับ”
“ทำบัตรประชาชนเรอะ ! หรือว่าไปเสียภาษี”
“ได้ยินแกบอกว่าจะไปจับอสูรครับ”
อิงอรพยักเพยิด “อ้อ” อิงอรหันกลับไป แล้วหยุดกึก หันขวับมา “...ไปจับอสูร”
“เห็นว่ายังงั้นนะครับ”
อิงอรยกมือกุมขมับ...เดินไป
“คุณอิง คุณอิงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ!”
อิงอรยกมือโบกให้โดยไม่หันมา

ทาฮิร่าเปิดประตูบ้านเข้ามาพลางบ่นกับชิกเก้น
“ถ้าท่านผู้นำตัดสินใจข้ามมาล่าอสูรเองละก็ ชิกเก้นเอ๊ย...ซวยยกเซ็ต”
“ชิกเก้นไม่เกี่ยวน้า ชิกเก้นเป็นเพียงแมวน้อยๆ” ชิกเก้นออกตัว
เสียงไทเกอร์ดังแทรกขึ้นมา
“แมวน้อยๆ นั่นแหละตัวดี”
ทาฮิร่าและชิกเก้นสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมอง
เห็นบาบาร่าและไทเกอร์ยืนเริด เชิดอยู่หัวบันได
“เกือบตายละซีนะ....ทาฮิร่า” บาบาร่าเยาะ
“บุกรุกเข้ามาในบ้านฉันทำไมยะ” ทาฮิร่าฉุน
“ฉันเข้ามาเพื่อจะบอกว่า ฉันกลับไปรายงานท่านผู้นำมาว่า...ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นอสูรอยู่แถวนี้”
ทาฮิร่ากลืนน้ำลาย
“อย่ามัวแต่กลืนน้ำลายตนเอง เถียงเค้าซิ” ชิกเก้นบิ้วท์นายหญิง
“เถียงไม่ออกละซี...และข่าวดียิ่งกว่านั้น...ท่านผู้นำเพิ่งปะทะกับอสูรมา” บาบาร่ารายงาน
“และได้ชัยชนะด้วย!” ไทเกอร์เสริม
ชิกเก้นสะกิดทาฮิร่า “เจ๊...พูดมั่ง”
ทาฮิร่าเชิดหน้าขึ้น “ฉันง่วงนอน”
“เวรก๊ำ ...เวรกรรม”
ทาฮิร่าวางท่าสง่าเดินขึ้นบันได ติดตามด้วยชิกเก้น บาบาร่าและไทเกอร์มองตาม
ทาฮิร่าเดินเฉียดบาบาร่าไปเข้าห้อง ชิกเก้นทำตัวลีบเล็กขณะตามทาฮิร่าไป
บาบาร่า และไทเกอร์มองตามอย่างเคืองแค้น
“ต้องจับให้มั่น คั้นให้ตาย”

พอทั้งสองเข้ามาในห้องแล้วทาฮิร่ารีบล็อคประตู
“เจ๊! จะทำยังไง...เจ๊จะเอาแนนนี่ไปซ่อนไว้ที่ไหน...และเจ๊จะตอบว่ายังไง ถ้าท่านผู้นำมาซักไซ้ไล่เรียง”
เจอชิกเก้นถามเป็นชุด ทาฮิร่ากุมขมับแล้วนั่งลง
“เจ๊ว่าท่านผู้นำจะทำยังไง...จะเชื่อมั้ยถ้าเจ๊บอกว่าแนนนี่เป็นแม่มด แล้วจะ...”
ทาฮิร่าสุดจะทนแว้ดใส่ “โอ๊ย ไอ้ชิกเก้น แกจะถามให้มันได้อะไรขึ้นม้า….”
“ก็ให้ได้คำตอบไง”
“ฉันไม่ตอบ”
“เพราะ....”
“...ฉันตอบไม่ได้ ไอ้ชิกเก้น ไป๊ จะไปไหนก็ไป”
“คุณยายก็รู้ว่า ชิกเก้นไม่มีที่ไป นอกจากที่นี่”
“ถ้าอยากอยู่ที่นี่แกต้องเงียบ”
“โอ่ ..โอ่....โอ่...เค้!”
ทาฮิร่าถอนใจเฮือก...ก้มหัวลงนอนบนเตียง


เวลาเดียวกัน ปัทมนกำลังกอดแนนนี่แน่นอย่างโล่งใจ
“ขวัญเอ๊ย ขวัญมานะลูกนะ”
“หนูจำหน้าไอ้คนที่มันลักพาตัวหนูไปได้มั้ย” จักรวาลถาม
แนนนี่ยังไม่ทันตอบ บุษบาก็เดินควงแขนภวัตเข้ามา
“น้องแนนนี่ ...หายไปไหนมาจ้ะ ปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาเป็นห่วง”
“ยกเว้นคุณบุษบาใช่มั้ยคะ”
“แนนนี่” ธานีเอ็ดน้องสาว
รัดเกล้าและพร หัวเราะคิกคัก ธานีถลึงตาดุใส่รัดเกล้า ขณะที่ผาดหยิกแขนพร
ภวัตมองแนนนี่ด้วยสายตาแสดงความเป็นห่วง “เป็นยังไงบ้าง”
“ชิว .... ชิว”
ระหว่างนั้นดารกาเดินเข้ามาพร้อมกับปีเตอร์
“แนนนี่!” ดารกาน้ำตาคลอ
แนนนี่หันมามอง...ดารกากอดแนนนี่อย่างอ่อนโยน และดูเป็นห่วงเป็นใยสุดๆ
“แนนนี่....พี่ดาเป็นห่วงแทบแย่”
โดยไม่มีใครคาดคิด แนนนี่กลับผลักร่างดารกาออกจนเซ
“เลิกเสแสร้งเสียที พี่ดา”
ทุกคนตกตะลึง
“แนนนี่...ทำไม...” ดารกาสะอื้นน้ำตาคลอเบ้า
แนนนี่สะบัดหน้าแล้วเดินแกมวิ่งหนีขึ้นห้องไป ปัทมนกอดดารกาไว้แน่น
“น้องดา...อย่าถือสาน้องเลยนะลูก...น้องเพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆ มา จิตใจยังไม่ปกติ” ปัทมนว่า
“แนนนี่ถูกข่มขืนหรือคะ” บุษบายิ้มแย้มถามหน้าตาตื่นเต้น

ทุกคนหันไปมองบุษบาเป็นตาเดียว โดยไม่มีเห็นสังเกตเห็นว่าจังหวะนั้นนัยน์ตาดารกาวาวโรจน์ขึ้นมาแว่บหนึ่ง!

อ่านต่อตอนที่ 15



กำลังโหลดความคิดเห็น