xs
xsm
sm
md
lg

รอยไหม ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 (ติดตามอ่านละครออนไลน์ได้ทาง www.manager.co.th ทุกเช้า 09.3 0น.)
 

รอยไหม ตอนที่ 6

แขกเหรื่อ ใครต่อใคร ในงานต่างละสายตาจากฟ้อนดอกบัว กลางห้อง หันไปมองเรรินที่กำลังเดินเข้ามา ในงานกับสุริยวงศ์และวันดารา เป็นตาเดียวกัน บางคนซุบซิบถามกันว่าผู้หญิง คนนี้เป็นใครเรรินไหว้แขกผู้ใหญ่ ที่สุริยวงศ์แนะนำให้รู้จัก วงพระจันทร์หันไปเห็นเรริน

“คุณย่าคะ สุริยะพาอีนังผู้หญิงคนนั้นมาด้วยค่ะ ที่กระวนกระวายกระสับกระส่าย ก็เพราะรออีนังคนนี้นี่เอง คุณย่าดูสิคะมันดัดจริต แต่งชุดแม่หญิงล้านนาด้วยค่ะ”
บัวเงินมองเขม็งไปข้างหน้า ในสายตาบัวเงิน ผู้คนรอบๆในงาน ค่อย ๆ เลือนหายออกไป สุริยวงศ์กับวันดารา ที่กำลังเดินตรงเข้ามาก็ค่อยๆ เลือนออกไปด้วย เหมือนถูกดึงย้อนกลับไปในอดีต เมื่อเจ็ดสิบปีก่อน เรรินในชุดเดียวกับเจ้านางมณีริน เหมือนคนเดียวกันไม่มีผิด กำลังเดินตรงเข้ามาหา บัวเงินกำมือแน่นพยายามระงับความรู้สึก...
“อีมณีริน”
เรรินซึ่งเข้ามาอยู่ตรงหน้าบัวเงินระยะใกล้ ไหว้บัวเงิน ยิ้มให้
“คุณย่าครับ คุณรินไงครับ คุณย่าจำคุณรินได้ก่อครับ”
บัวเงินเหมือนไม่ได้ยินเสียงสุริยวงศ์ มองเรรินอย่างเคียดแค้น
“กูจำมึงได้บ่เคยลืม อีมณีริน”
เรรินหน้าเจื่อนไป รอยยิ้มค่อยๆหายเหือดไป วันดาราสบตากับสุริยวงศ์ มันแปลกอย่างที่เคยคุยกันจริง ๆ วงพระจันทร์เข้ามาเย้ยหยันถากถาง
“แหม...คุณเรริน แต่งตัวยังกะตั้งใจมาโชว์กับพวกช่างฟ้อนเขาเลยนะคะ ไม่รู้เลยรึไงคะว่างานเลี้ยงนี้ เขาจัดเป็นงานภายในเฉพาะคนในตระกูลเท่านั้น คนนอกไม่เกี่ยว”
วันดารามองวงพระจันทร์อย่างไม่พอใจ
“พี่เป็นคนเชิญคุณรินเปิ้นมาเองวงพระจันทร์ คุณรินเปิ้นเป็นแขกของพี่”
“อุ๊ยตาย...เพิ่งรู้เดียวนี้เองนะคะว่างานเลี้ยงประจำปีของตระกูล นึกจะพ่วงแขกมากินฟรีก็พ่วงมาได้ด้วย”
สุริยวงศ์ชักโมโห
“ใครเขาก็มีแขกรับเชิญพ่วงมาด้วยทั้งนั้นวงพระจันทร์ งานนี้ไม่ได้มีแต่คนในตระกูล ดูให้ดีก่อนจะพูดอะไรออกไป”
วงพระจันทร์อ้าปากหวอ เรรินอึดอัดไม่ชอบสถานการณ์นี้เลย บัวเงินหันมาหาวงพระจันทร์
“วงพระจันทร์”
“ขา คุณย่า”
“ย่าจะปิ๊กบ้านเดี๋ยวนี้”
สุริยวงศ์ตกใจ
“คุณย่า”
“ย่าบ่มีวันนับญาติกับอีเสนียดจัญไรนี่ดอก”
วงพระจันทร์สะใจ วันดารากับสุริยวงศ์อึ้งไป เรรินหน้าชา
+ + + + + + + + + + + +

ช่างฟ้อนกำลังฟ้อนเทียนกันออกมาเป็นหมู่เหล่าจากประตูทางเข้า ดนตรีบรรเลงประกอบการฟ้อนสง่า สุขุม เยือกเย็น ไฟสว่างวอมแวมขับให้หมู่ช่างฟ้อนเป็นจุดสนใจ วันดารา นั่งกินขันโตกกับเรรินอยู่มุมนึง ตรงกันข้ามกับมุมบัวเงินและสุริยวงศ์ เรรินกินอาหารไม่ค่อยลง วันดาราพยายามชวนคุยเรื่องอื่นเสีย
“อาหารพวกนี้หากินยากนะเจ้า คุณริน เป็นอาหารเฉพาะในคุ้มเจ้าหลวงเท่านั้น ทีแรกก็กลัวกันว่าจะสูญ แต่ก็คงบ่สูญแล้วละ เพราะสุริยะเปิ้นฮับถ่ายทอดเอาไว้หมดแล้ว คุณรินลองชิมจานนี้สิเจ้า เปิ้นว่าเป็นอาหารแบบเชียงตุง”
“เจ้านางมณีรินท่านเป็นคนเอาเข้ามาเผยแพร่เหรอค่ะ”เรรินถาม
“น่าจะเป็นจะอั้น”
“พี่วันค่ะ สองครั้งแล้วนะคะ ที่คุณย่า เรียก รินว่า มณีริน”
“เปิ้นคงเลอะเลือน”
“แค่รินนุ่งผ้าผืนนี้นะเหรอคะพี่วัน”
วันดาราตอบไม่ได้เหมือนกัน เรรินมองไปทางฝั่งตรงข้ามที่บัวเงินนั่งอยู่กับสุริยวงศ์และวงพระจันทร์ เรรินนั่งอึ้ง เมื่อเห็นว่าข้างๆ บัวเงินผีอีเม้ยหมอบอยู่ และโผล่หน้าขึ้นมาจ้องมองเรริน หน้าดำๆของมัน ทำให้ลูกตาโปนๆที่มีแต่ตาขาวของมันเด่นเด้งออกมา เรรินรู้สึกเย็นวาบกับภาพความน่าสะพรึงกลัวตรงหน้า
“คุณรินเจ้า”วันดาราเรียก
เรรินสะดุ้งเฮือก
“คะพี่วัน”
“ความจริงพี่ก็บ่อยากจะพูดดอก แต่ก็อยากหื้อคุณรินเข้าใจ๋ คุณย่าเปิ้นหมายมั่นปั้นมือหื้อวงพระจันทร์มาเป็นหลานสะใภ้เปิ้น”
“รินก็พอจะมองออกค่ะ แต่รินไปเกี่ยวข้องอะไรด้วยคะ”
“แม่หญิงคนใดมาเกี่ยวข้องพัวพันใกล้ๆสุริยะ คุณย่าเปิ้นก็บ่ค่อยพอใจ๋จะอี้ล่ะเจ้า”
“โธ่... รินกับคุณสุริยวงศ์ เพิ่งจะรู้จักกันแท้ๆ อย่างเก่งก็เป็นได้แค่เพื่อนกัน คุณย่าท่านไม่น่าคิดมากเลย”
“คนแก่แถมหัวโบราณอีกต่างหาก จะไปห้ามความคิดเปิ้นได้จะไดคุณริน”
เรรินได้แต่ส่ายหน้า วันดาราตักกับข้าวจากจานจะเข้าปากอยู่แล้ว มือดำๆของผีอีเม้ยยื่นเข้ามาปัดมือวันดาราจนกับข้าวร่วงจากช้อนลงพื้น วันดารางงตัวเอง ผีอีเม้ย นั่งยองๆอยู่ข้างวันดารา แสยะยิ้มแล้วหันมาจ้องมองเรรินต่อ
“แต่รินสงสัยว่า คุณย่าของพี่วันคงจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้านางมณีรินค่ะ”
เรรินถาม ผีอีเม้ย แสยะยิ้มมองเรรินอย่างเกลียดชัง ทางด้านสุริยวงศ์เป็นห่วงเรริน พยายามชะเง้อมองไป
“คุณย่าดูเอาเถอะค่ะ ไม่รู้ว่าแม่สาวกรุงเทพนี้มีดีอะไร หลานชายคุณย่าถึงได้หลงเสน่ห์ขนาดนี้”วงพระจันทร์ใส่ไฟ
บัวเงินนั่งเงียบสุริยวงศ์หันมาส่งสายตาปรามวงพระจันทร์
“วงพระจันทร์ จะพูดจะจาอะไรหัดคิดให้ดีก่อนดีกว่า”
“มันเป็นรักแรกพบรึไงคะ สุริยะ”วงพระจันทร์ย้อน
สุริยวงศ์ เหนื่อยหน่าย บัวเงิน เหมือนโดนแทงเข้าไปในหัวใจ
“คุณย่าขา...”
“เมื่อใดจะหุบปากเสียที”บัวเงินเสียงแข็ง
“วงพระจันทร์ก็แค่...”วงพระจันทร์ยังเถียง
“กูบอกให้หุบปาก”บัวเงินตวาด
วงพระจันทร์จ๋อยสนิท สุริยวงศ์อึดอัดมาก บัวเงิน สงบนิ่งจนน่ากลัว เดาไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
+ + + + + + + + + + + +

การแสดงฟ้อนเทียนจบลง ช่างฟ้อนพากันออกไปจากห้องโถง เรรินหันไปเห็นศิริวัฒนาที่ยืนมองตรงมาทางเธอ เรรินหันไปถามวันดารา
“พี่วันคะ...ผู้ชายคนนั้นเป็นใครคะ”
วันดารามองตามสายตาเรริน
“ คนไหนเจ้า คุณริน”
“คนที่ใส่ชุดสีขาวๆ ยืนอยู่ตรงนั้นน่ะค่ะ”
แขกคนนึงเดินมาบังศิริวัฒนา แต่พอแขกคนนั้นขยับตัวออกก็ไม่เห็นศิริวัฒนาอยู่ตรงนั้นแล้ว เรรินมองหาจนทั่ว ก็ไม่เห็น
“ไหนคะคุณริน”
“ไปไหนแล้ว ก็ไม่ทราบค่ะ รินเคยเจอเขา”
“ที่นี่ก่อเจ้า”
“ค่ะ ที่นี่”
“งั้นก็คง เป็นคนของคุ้มเจ้าหลวงละเจ้า อาจเป็นคนดูแลที่นี่ก็ได้เจ้า”
เรรินนึกเถียงในใจว่าไม่น่าใช่แต่ก็ไม่อยากพูดให้มากความ
หลังจากทานอาหาร เรรินเดินมาตามทาง จนถึงหน้าห้องทอผ้ามองซ้ายขาว ไม่เห็นใครก็ตรงมาที่ประตูห้องเห็นมีกุญแจโบราณลูกใหญ่ คล้องประตูเอาไว้ เรรินพูดขึ้นเบาๆ
“คุณค่ะ ถ้าคุณต้องการให้ฉันทอผ้าผืนนั้น ให้เสร็จจริงๆ คุณช่วยทำให้ฉันมีโอกาสกลับเจ้าไปในห้องนี้อีกครั้งสิคะ”
พนักงานในชุดพื้นเมือง ลำเลียงสำรับของหวานผ่านมาพอดี เรรินจำใจผละออกมาจากหน้าห้องทอผ้า เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต
เรรินเดินเข้ามาในสวนด้านหลัง บรรยากาศในสวนเงียบสงบ โคมกระดาษห้อยตกแต่งเป็นระยะบนต้นไม้ ตะเกียงน้ำมันถูกจุดให้แสงสว่างตามทางเดิน เรรินเดินมาใต้ต้นปีบใหญ่ ดอกร่วงขาวโพลนเต็มพื้น เธอก้มเก็บ แต่แล้วเธอก็รู้สึกว่าเหมือนมีสายตาใครคนหนึ่งกำลังจ้องมองเธอจากพุ่มไม้ด้านหลัง เรรินหันกลับไปมองแต่ก็ไม่เห็นใคร จึงหันกลับมาจะเดินต่อ แต่แล้วต้องตกใจเพราะเธอได้เผชิญหน้ากับหญิงชราคนหนึ่งในระยะใกล้มาก หญิงชราแต่งตัวโบราณนุ่งซิ่นเชียงตุง
“เจ้าริน...เจ้ารินของป่าว เจ้ารินปิ๊กมาแล้ว”คำเที่ยงน้ำเสียงดีใจมาก
เรรินตกใจ ทันใดนั้น คำเที่ยงก็คว้ามือเรรินเอาไว้ เรรินสะดุ้งพยายามดึงมือออก
“เจ้ารินของบ่าวปิ๊กมาแล้ว”คำเที่ยงดีใจจนร้องไห้ออกมา
เรรินถอยหนีด้วยความตกใจกลัว คำเที่ยงคอยๆทรุดตัวลงยกมือไหว้ท่วมหัว
“บ่าวเฝ้าแต่รอ...บ่าวแน่ใจ๋ว่าเจ้ารินจะต้องปิ๊กมา แล้วเจ้ารินก็ปิ๊กมาจริงๆ”
เรรินพยายามห้ามคำเที่ยง
“คุณยาย...คุณยายคะ”
“เจ้ารินของบ่าว”คำเที่ยงร้องไห้กอดขาเรรินไว้
เรริน อึ้งตะลึงอีกแล้วหรือนี่
+ + + + + + + + + + + + +

ร่างจางๆ เหมือนโปร่งแสงของผีอีเม้ย โผล่ขึ้นมาที่ด้านหลังบัวเงิน ผีอีเม้ยกระซิบบอกบางสิ่งบางอย่างข้างหูบัวเงิน มือบัวเงินที่ถือแก้วน้ำอยู่ ปล่อยแก้วน้ำร่วงจากมือเสียงดังโครมคราม สุริยวงศ์กับวงพระจันทร์ หันขวับมามอง
“คุณย่าครับ”
บัวเงินเครียดจัด จนตาแข็งกร้าว สุริยวงศ์จับมือบัวเงินไว้ มือบัวเงินเกร็งบีบมือสุริยวงศ์แน่น ผีอีเม้ยนั้นมากระซิบบอกบัวเงินว่า มณีรินกลับมาเพื่อทอผ้าผืนนั้นให้เสร็จ บัวเงินเครียดจนเกร็ง
“อีมณีริน...อีมณีริน”
วงพระจันทร์ตกใจตาค้าง ทำอะไรไม่ถูกอยากโกยหนีไปไกลๆมากกว่า สุริยวงศ์ตกใจมาก
“คุณย่าครับ คุณย่า ใครก็ได้ช่วยกันหน่อย”
บัวเงินเกร็งจนหมดสติ วันดารารีบเข้ามา
“คุณย่าเป็นอะหยังสุริยะ”
“ช่วยตามหมอทีครับพี่วัน”
สุริยวงศ์มองผู้เป็นย่าอย่างเป็นห่วง
ขณะเดียวกันที่ในสวน...เรรินพยายามตั้งสติ
“คุณยายคะ คุณยาเรียกใคร เจ้ารินคือเจ้านางมณีรินใช่ไหมคะ”
คำเที่ยง ร้องไห้
“เจ้าหลวงส่งเจ้ารินมา บ่ฮู้เลยว่าส่งมาให้ตาย”
“คุณยายคะ...ใจเย็นๆค่ะ”
“ทอผ้า...ต้องทอผ้าไหมผืนงาม ผ้าไหมแห่งความตาย เจ้ารินปิ๊กมาเพื่อทอผ้าผืนนั้นให้แล้วใช่ก่อ ทูนหัวของบ่าว”
เรรินพยายามประคองคำเที่ยงขึ้น
“คุณยายคะ คุณยายรู้เรื่องผ้าผืนนั้นดีใช่ไหมคะ”
คำเที่ยงกอดมือเรรินเอาไว้ เอาแต่ร้องไห้ด้วยความดีใจ
“ทูนหัวของบ่าว...”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงของบัวซอนก็ดังขึ้น
“ยาย...”
เรรินหันกลับไป...บัวซอนรีบเข้ามา
“มาอยู่นี่เองข้าเจ้าตามหาจนทั่ว”บัวซอนหันไปหาเรริน “สุมาเตอะเจ้า ข้าเจ้าดูแลแม่อุ๊ยเปิ้นบ่ดี เปิ้นเลยออกมาเพ่นพ่านหื้อคุณรำคาญ”
เรรินยิ้มให้บัวซอน
“ไม่เป็นไรหรอกจะ”
บัวซอนเข้าไปประคองคำเที่ยง
“ไป...ยาย ปิ๊กบ้านกั๋นได้แล้ว อย่ามากวนคุณเปิ้นเลยเปิ้นเป็นแขกในงานน้อ”
คำเที่ยงฝืนตัวไม่ยอมไป
“กูจะอู้กับเจ้าริน กูท่าเจ้ารินมาเมินนักหนาแล้ว กูมีเรื่องมากมาย ต้องบอกหื้อเจ้ารินฮู้”
บัวซอนพยายามดึงตัวคำเที่ยงออกไป
“บ่เอาน่ายาย เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว ปิ๊กบ้านเต๊อะ”
“อีเม้ยมันยังอยู่ มันบ่ได้ไปไหน มันยังท่าเจ้ารินอยู่ มันจะทำร้ายเจ้าริน เจ้ารินของบ่าวต้องระวังตั๋วดีๆเน้อ”
บัวซอนหันไปขอโทษเรริน
“สุมาเต๊อะเจ้า...เปิ้นเลอะเลือน”บัวซอนดึงคำเที่ยง “เพ้อเจ้อใหญ่แล้วยาย น้ำค้างลงแฮง เกิดเป็นไข้บ่สบายขึ้นมาแฮม ก็จะยุ่งกันใหญ่ ไปเต๊อะ”
บัวซอนดึงคำเที่ยงออกไป เรรินอึ้งไม่หาย พยายามปะติดปะต่อเรื่องราวอย่าง งงๆ
+ + + + + + + + + + + +

สุริยวงศ์พาบัวเงิน มาที่ห้องซึ่งเป็นห้องเก่าของบัวเงินในซุ้มเจ้าหลวง บัวเงินนอนอยู่บนเตียง สุริยวงศ์บีบนวดมือให้เลือดลมเดิน วงพระจันทร์ ยืนดูอยู่ห่างๆ ลุ้นๆกลัวๆ วันดาราใช้พัดโบราณพัดให้บัวเงิน
“คุณย่าครับ...คุณย่า...”
“วงพระจันทร์ ออกไปดูซิว่าหมอมารึยัง ถ้ามาถึงแล้วให้รีมเข้ามาเลย”วันดาราสั่ง
วงพระจันทร์ พยักหน้าหงึกหงัก แล้วรีบออกไป สุริยวงศ์พยายามเรียกบัวเงิน
“คุณย่าครับ...ได้ยินผมไหมครับ”
บัวเงินค่อยๆลืมตาขึ้นเห็นสุริยวงศ์กับวันดารา ที่กำลังพัดโบกลมให้มือเป็นระวิง
ภาพในอดีตผุขึ้นมาในความทรงจำของบัวเงิน ...
บัวเงินนอนอยู่กำลังร้องให้อย่างเจ็บช้ำ เม้ยกำลังพัดให้อยู่ เม้ยเจ็บปวดไม่แพ้กัน
“หม่อมเจ้าขา หม่อมของเม้ย...”
“กูอยากตาย อีเม้ย”
“ทูนทัวของเม้ย...อย่าพูดจะอั้นเจ้าคะ”
“กูสิ้นหวังแล้วอีเม้ย แล้วจะอี้จะหื้อกูมีชีวิตอยู่ไปยะหยัง กูเหมือนถูกหักหลัง ตอนนี้เหมือนตายไปทั้งเป็นอยู่แล้ว แล้วคนที่หักหลังกู ก็บ่ใช่ผู้ใด คนที่กูฮักจนหมดหัวใจแต๊ๆ”
“บ่ใช่ดอกหม่อมเจ้าขา คนที่มันทำร้ายหม่อมบ่ใช่เจ้าดอก แต่เป็นมันต่างหาก...อีมณีริน”
บัวเงินกัดฟันแน่น
“ถ้าบ่มีมันเสียคน อะหยังก็คงบ่เป็นจะอี้ดอก”
ศิริวัฒนาเปิดประตูเข้ามา
“หม่อมเจ้าขา เจ้ามาเจ้าค่ะ”
เม้ยถอยออกจากข้างเตียง ศิริวัฒนาเข้ามาหา บัวเงินพยายามลุกขึ้นทรุดลงนั่ง กับพื้น
“บัวเงิน”
บัวเงินร้องให้ฟูมฟาย กอดขาศิริวัฒนาไว้
“ทูนหัวของบัวเงิน...ชาตินี้เราเหมือนตายจากกันเสียแล้ว”
“จะใดเจ้าอู้จะอั้น บัวเงิน...เจ้ากับอ้าย ก็บ่ได้จากกันไปตี้ไหนสักเตื้อ”
“เจ้าอ้ายจะต้อง อภิเษกกับแม่หญิงอื่นบ่พ้นวัน เจ้าอ้ายก็จะต้องลืมบัวเงินคนนี้”
“เจ้ากึ๊ดนักเกินไป บัวเงิน...ตี้อ้ายต้องแต่งงานกับมณีริน ก็เพราะความจำเป็นแต๊ๆ เจียงตุงกับเจียงใหม่ต้องสานไมตรีเพื่อความเป็นปึกแผ่นเดียวกันไว้ เจ้าก็รู้ว่า ถ้าทั้งแคว้นต่างคนต่างอยู่จะเอากำลังที่ใดมาป้องกันศัตรู มันเป็นเหตุผลทางการเมืองแต๊ๆ เน้อบัวเงิน อ้ายอยากหื้อเจ้าเข้าใจ”
“เจ้าอ้ายเคยหื้อสัญญากับบัวเงิน ว่าชาตินี้จะมีบัวเงินคนเดียว”
ศิริวัฒนาถอนใจ
“เจ้าฟังอ้ายเน้อ ต่อหื้ออ้ายแต่งงานกับมณีริน อ้ายก็บ่กึ๊ดจะทิ้งขว้างเจ้าดอก จะไดเสีย เจ้าก็ได้ชื่อว่าเป็นหม่อมของอ้ายอยู่ดี ความรักที่อ้ายมีต่อเจ้าจะบ่มีวันลดน้อยถอยลงเลย”
ศิริวัฒนาเช็ดน้ำตาที่อาบแก้มให้บัวเงิน แล้วประคองบัวเงินให้ขึ้นมานั่งบนเตียง เม้ยที่หมอบอยู่ไกล ๆ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง สงสารนายตัวเองจับจิต ขณะเดียวกัน สมองก็ทำงานอย่างหนัก คิดแผนในใจในการทำสงคราม
ในปัจจุบัน...
บัวเงินนอนนิ่ง สุริยวงศ์เรียกไว้เรื่อยๆเพื่อให้สติบัวเงินกลับมา
“คุณย่าครับ...คุณย่า”
“คนตระบัดสัตย์ ลืมแม้กระทั่งคำพูดตัวเอง”บัวเงินบ่นงึมงำ
วงพระจันทร์พาหมอเข้ามา วันดารารีบบอก
“สุริยะ หมอมาแล้ว”
“เชิญครับ คุณหมอ”
วันดาราขยับออก เปิดทางให้หมอ บัวเงินยังยึดมือสุริยวงศ์เอาไว้แน่น

(อ่านต่อหน้า 2)
 











ตอนที่ 6 (ต่อ)

เรรินกำลังจะเดินกลับเข้างานเลี้ยงในคุ้ม ทันใดนั้นเสียงของศิริวัฒนาก็ดังขึ้น
“เจ้าริน...”
เรรินชะงักและหันกลับไปมอง ศิริวัฒนายืนอยู่มุมหนึ่ง ใกล้พุ่มดอกพุดที่ออกดอกบานขาวบนต้นหลายดอก
“คุณ ฉันแน่ใจว่าต้องได้เจอตัวคุณแน่ๆ ตกลงคุณทำอะไรอยู่ที่นี่คะ คุณเป็นคนดูแลคุ้มเจ้าหลวงใช่ไหม”
“ก็คงทำนองนั้น”
“ถ้าอย่างงั้นก็คงไม่ยากนะสิคะ ถ้าฉันจะขอกลับเข้าไปในห้องนั้นอีก ฉันจะได้ ทอผ้าผืนนั้นต่อให้เสร็จ”
“ผมคงไม่มีอำนาจพอ...”
“ฉันไม่เชื่อหรอกค่ะ เพราะอย่างน้อยลักษณะท่าทางของคุณก็ไม่น่าจะเป็นแค่คนดูแลที่นี่ อีกอย่างคุณก็รู้จักคุณย่าของพี่วัน หม่อมบัวเงินไงคะ”
“ขอบใจอีกครั้งสำหรับความตั้งใจแน่วแน่ของคุณ แต่ผมคงช่วยอะไรคุณไม่ได้มากไปกว่านี้ ทุกอย่างเป็นไปตามกระแสแห่งกรรม”
วันดาราเดินออกมามองหาเรริน และมองเห็นเรรินยืนอยู่ในสวน
“คุณพูดอะไร ฟังยากจริง ช่วงนี้ฉันเจอแต่เรื่องประหลาดที่ไม่เข้าใจ”เรรินถามศิริวัฒนา
“อีกไม่นานคุณก็จะเข้าใจมันเอง”
“เราพบกันตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย คุณชื่ออะไรคะ”
วันดารามองเรรินเหมือนยืนพูดอยู่คนเดียวก็แปลกใจ
“มีคนมาตามคุณแล้ว”
“คุณรินเจ้า”วันดาราเรียก
เรรินหันกลับมาเห็นวันดาราเดินเข้ามาหา
“คะพี่วัน”
“คุณรินมาทำอะไรตรงนี้เจ้า”
“รินกำลังคุยกับคุณคนนี้ค่ะ”
เรรินหันกลับไปแต่ต้องชะงัก เพราะไม่เห็นศิริวัฒนาแล้ว
“อ้าว...ไปไหนซะแล้ว เร็วจริง”
วันดาราเหวอไป
“คุณริน...”
“เขาบอกว่าเขาดูแลที่นี่อยู่ค่ะ”
วันดาราเย็นวาบๆ
“เราเตรียมตัวปิ๊กกันเต๊อะ เจ้า บรรยากาศบ่ค่อยดี”
เรรินแปลกใจ
“มีอะไรเหรอคะพี่วัน”
“คุณย่าบ่ค่อยสบาย”
“ท่านเป็นอะไรมากรึเปล่าค่ะ”
“คงบ่เป็นอะหยัง สุริยะดูและอยู่เจ้า”
เรรินเดินตามวันดารากลับไปที่งาน แต่ก็ไม่วายหันกลับไปมองหาศิริวัฒนาอีกครั้ง
+ + + + + + + + + + + +

หลังจากตรวจอาการเสร็จ หมอหันมาบอกสุริยวงศ์
“หัวใจเต้นแรงผิดปกติ ท่านมีอาการอย่างนี้บ่อยไหมครับ”
“ไม่เคยนะครับ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคุณย่า เป็นอย่างนี้”
“ต้องเป็นโรคหัวใจแน่ๆเลย ใช่ไหมคะคุณหมอ”วงพระจันทร์สอดขึ้น
“อย่าทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลยวงพระจันทร์”สุริยวงศ์ปราม
“อ้าว...คนแก่กับโรคหัวใจมันเป็นของคู่กันอยู่แล้ว จริงไหมคะคุณหมอ”
“ผมยังไม่ได้พูดอย่างนั้นนะครับ ถ้าจะให้แน่ก็ควรจะพาท่านไปตรวจละเอียดอีกครั้ง ทางที่ดีคือให้ท่านพักผ่อนมากๆ ออกกำลังกายพอควร ควบคุมเรื่องอาหารดีๆ และที่สำคัญอย่าให้มีเรื่องเครียด ๆเข้ามารบกวนจิตใจนะครับ”
วงพระจันทร์ได้ทีรีบพูด
“หมายความว่าคุณย่าอยากได้อะไรเราก็ควรจะตามใจไม่ชัดใจน่านใช่ไหมคะคุณหมอ”
สุริยวงศ์ มองวงพระจันทร์อย่างเซ็งจัด
+ + + + + + + + + + + +

เรรินที่กำลังจะกลับเข้าในงานกับวันดารา นึกถึงคำเที่ยงขึ้นมาได้รีบถาม
“พี่วันคะ เมื่อกี้รินเจอยายคนนึง จู่ๆ แกก็เข้ามากราบริน เรียนรินว่าเจ้ารินค่ะ”
“สงสัยจะเป็นแม่อุ๊ยคำเที่ยง”
“แกคงอยู่ที่นี่มานานแล้วมังคะ”
“โอ๊ย...นานบะร่ำบะเหรอละเจ้า เปิ้นเป็นคนเก่าคนแก่ รุ่นเดียวกับคุณย่าบัวเงินเปิ้นน่ะแหละเจ้า แต่เปิ้นมาจากเชียงตุง”
“มากับเจ้านางมณีรินเหรอคะ”
“เจ้า...เปิ้นเป็นบ่าวคนสนิท เจ้านางมณีรินคนอื่นล้มหายตายจากหรือบ่จะอั้นก็กลับเชียงตุง บ้านเกิดกันหมด แต่แม่อุ๊ยคำเที่ยง เปิ้นว่าเปิ้นบ่กลับเปิ้นจะรอท่าเจ้านางมณีรินอยู่ที่นี่ เปิ้นว่าเปิ้นแน่ใจ๋ว่าเจ้านางเปิ้นจะปิ๊กมา”
“หมายความว่า ถ้าหากจะรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเจ้านางมณีริน ถามยายคำเที่ยงดูก็รู้ทั้งหมด ใช่ไหมคะ”
“พี่ว่าจะบ่ได้เรื่องได้ราว อะหยังดอกค่ะคุณริน คนแก่ขนาดนี้คงจะเลอะเลือนจำอะหยังบ่ได้ แล้วละเจ้าวันหลัง พี่ว่าจะมาเยี่ยมเปิ้นอยู่เหมือนกัน เพราะเปิ้นเป็นคนหื้อผ้าซิ่นผืนที่คุณรินนุ่งอยู่นี่แหละเจ้า เปิ้นกอดผ้าซิ่นมายัดใส่มือพี่ บอกหื้อฮักษาหื้อดีๆ เอ็นดูเปิ้นนัก เปิ้นคงจะคิดถึงเจ้านายของเปิ้น เอาไว้เรามากันวันหลังด้วยกันก็ได้เจ้า คุณริน”
เรรินรีบพยักหน้ารับ มีความหวังที่รู้เรื่องราวของเจ้านางมณีรินมากขึ้น
+ + + + + + + + + + +

สุริยวงศ์ประคองพาบัวเงินขึ้นนั่งบนรถ เรรินยืนมองอยู่ห่าง ๆ
“ดูแลคุณย่าเปิ้นดี ๆ โตยเน้อ สุริยะ”วันดารากำชับ
“ครับพี่วัน”
สุริยวงศ์หันมามองเรริน แล้วเดินเข้ามาหา
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่ได้ดูแลคุณรินเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณสุริยวงศ์ คุณดูแลคุณย่าคุณเถอะค่ะ”
วงพระจันทร์ตรงรี่เข้ามา
“แต่ไหนแต่ไร คุณย่าก็สบายดี แต่วันนี้หมอเพิ่งบอกหยกๆว่าคุณย่าเป็นโรคหัวใจ คุณย่าเครียดก็เพราะเห็นหน้าหล่อนน่ะแหละ”
“พอซะทีวงพระจันทร์”สุริยวงศ์ปราม
วันดารารีบเข้ามาที่เรริน วงพระจันทร์ยังไม่ยอมหยุด
“อย่าว่าแต่คุณย่าเลย ฉันเองเห็นหน้าหล่อนครั้งแรก ฉันก็ไม่ชอบขี้หน้าหล่อนเหมือนกัน รู้เอาไว้ซะด้วย”
เรรินอึ้งที่โดนจู่โจมไม่ทันได้ตั้งตัวสุริยวงศ์ไม่พอใจ
“จะพล่ามเป็นบ้าก็เชิญคนเดียวนะวงพระจันทร์”
สุริยวงศ์กลับไปที่รถทันที วงพระจันทร์พูดภาษาฝรั่งเศลใส่หน้าเรริน
“ผู้หญิงชั้นต่ำ”
วงพระจันทร์สะใจ รีบตามกลับไปที่รถ วันดาราหน้าเสีย
“อย่าไปถือสาเปิ้นเลยนะเจ้าคุณริน”
บัวเงินที่นั่งอยู่ตอนหน้ารถ จ้องมองเรรินตลอดเวลา
+ + + + + + + + + +

คำเที่ยงขยับเข้ามา กราบลงมากับพื้นตรงหน้ารูปถ่ายบานนึงในกรอบโบราณที่ตั้งอยู่บนตั่ง คำเที่ยงขยับเข้ามา เอื้อมมือมาหยิบกรอบรูปนั้นไปกอดด้วยความรักเทิดทูนบูชา ดีใจจนน้ำตาไหล
“เจ้ารินของบ่าว... บ่าวกิ๊ดว่าชาตินี้จะบ่ ได้หันหน้าทูนหัวของบ่าวเสียแล้วเวลาของบ่าวเหลือน้อยเต็มที่แล้ว”
คำเที่ยงเหมือนนึกอะไรออก วางรูปนั้นลงแล้วกระถดตัวเองไปเปิดหีบไม้ หยิบกล่องไม้ประดับงา ที่ใส่เครื่องประดับออกมาขณะที่กำลังเปิดกล่องเครื่องประดับ บัวซอนเปิดประตูเข้ามา
“แม่อุ๊ยยัง บ่ นอนก๊า ยะอะหยังอยู่นั่น ดึกแล้วเน้อ”
“เวลาจะนอน ยังมีบะร่ำบะเหรอไป”
“ข้าเจ้าจะต้องไปช่วยบนตึกเน้อ งานเลี้ยงเปิ้นเลิกแล้ว กว่าจะเสร็จก็คงดึกมาก แม่ฮุ๊ยนอนซะเน้อ”
คำเที่ยงไม่ได้สนใจ บัวซอนกลับออกไป คำเที่ยงหยิบบางสิ่งออกมาจากกล่องเครื่องประดับนั้น
+ + + + + + + + + + + +

ค่ำคืนนั้น...บัวเงินนั่งอยู่ในความมือสลัวเพียงลำพัง
“อีเม้ย...มึงอยู่ที่ใด”
ผีอีเม้ย ค่อยๆปรากฏร่างขึ้น ตรงหน้าบัวเงิน
“เม้ยอยู่นี่เจ้าค่ะหม่อม”
“มึงหันแล้วก๊า อีมณีรินมันท้าทายกู มันกลับมาเพื่อจะทอผ้าผืนนั้นหื้อเสร็จ”
“หม่อมเจ้าขา หม่อมบ่ต้องกั๋ว มันบ่มีทางยะสำเร็จดอก เม้ยจะขัดขวางมันทุกทาง อีหน้าไหนที่มันกล้าเป็นศัตรูของหม่อม เม้ยจะกำจัดมันให้สิ้นซาก”
บัวเงินสายตาอาฆาตแค้น
+ + + + + + + + + +

ถุงผ้ากำมะหยีสีแดงเลือดหมู ถูกวางเอาไว้บนตั่งหน้ารูป คำเที่ยงนั่งเขียนจดหมายใจความสั้น ๆจบลงพอดี นางบรรจงพับกระดาษแผ่นนั้น แล้วเอาไปวางไว้ใกล้ๆถุงผ้า แล้วกระถดตัวเองไปที่นอน ค่อยๆ ล้มตัวลงนอน คำเที่ยงนอนหงายค่อยๆหลับตาลง แต่ยังไม่ทันได้สนิท ก็ต้องลืมตาขึ้น เพราะน้ำเหลวๆขุ่นๆ ที่หยดลงมาจากเพดานลงหน้าคำเที่ยงพอดี คำเที่ยงเบิกตาโพลงเมื่อเห็นผีอีเม้ย ลอยตัวคว่ำหน้าอยู่กลางอากาศขนานกับคำเที่ยง ร่างของมันดำทะมึน ผีอีเม้ยเสยะยิ้ม ปากสกปรกของมันมีน้ำลายย้อยหยดลงมา คำเที่ยงตกใจสุดขีด
“อีเม้ย”
คำเที่ยงลุกพรวดขึ้นนั่ง
“มึงยังจำกูได้ก๊า อีคำเที่ยง”
คำเที่ยงรนรานหนี แต่ผีอีเม้ยโผล่มาเผชิญหน้าระยะเผาขน
“อีผีร้าย จะไดมึงบ่ยอมไปผุดไปเกิด มึงจงออกไปจากเรือนกูบัดเดี่ยวนี้”
“จะตายอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว ยังปากดีอีกนะมึง”
“ผีอย่างมึง ทำแต่กรรมชั่วจนนรกขุมที่ลึกที่สุดก็บ่ฮับใช่ก๊า”
ผีอีเม้ยหัวเราะเสียงแหลม คำเที่ยงคลานหนีจะออกไปจากห้อง แต่มือสกปรกลงผีอีเม้ยจิกหัวคำเที่ยงจนผงะหงายหลัง แล้วลากคำเที่ยงไปกับพื้น ผีอีเม้ยขึ้นนั่งคร่อมทับอกคำเที่ยงนางหมดปัญญาดิ้นรน
“หมดเวลาของมึงแล้ว อีคำเที่ยงถ้ามึงอยากฮู้ว่านรกเป็นจะได มึงก็ลงไปดูเอาเองละกัน”
คำเที่ยง ทุรนทุรายเพราะหายใจไม่ออก ผีอีเม้ยบีบคอ
“มึงล่วงหน้าไปก่อนเน้อ ไปรอท่าอยู่ที่โน้น แล้วอีกไม่นานกูจะส่งนายของมึงตามลงไป”
คำเที่ยงทรมานไม่มีอากาศหายใจและค่อยๆสงบลง
ดึกคืนนั้น เรรินนั่งเขียนบันทึกลงไดอารี่อยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ ทุกอย่างถูกถ่ายทอดอย่างพรั่งพรู เพราะพบเจอมาสดๆ ร้อนๆ บนโต๊ะเขียนหนังสือมีดอกปีบที่เก็บมาวางไว้สองสามดอก เรรินเขียนประโยคสุดท้ายว่า
“พรุ่งนี้ยังไงก็ต้องไปหายายคำเที่ยง เพราะยังมีคำถามมากมายที่ฉันต้องการคำตอบ”
ทางด้านบัวเงินยังไม่หลับไม่นอน นั่งนิ่งอยู่ในความมืด ผีอีเม้ย คลานสี่ขาทะลุผ่านบ้านเข้ามาหมอบแทบเท้าบัวเงิน
“หม่อมเจ้าขา ศัตรูของหม่อมมันสิ้นซากไปแล้วเจ้าค่ะ”
“เหลือแต่ อีมณีริน”
“หม่อมบ่ต้องห่วง เม้ยจะควักหัวใจมันออกมาหื้อหม่อมเอง”
บัวเงินยิ้มพอใจ
“มึงรนหาที่แต๊ๆ อีมณีริน มึงตายไปชาติที่แล้วจะไดมึงบ่เข็ดขยาด บังอาจมาจองเวรกะกู...”
+ + + + + + + + + + + + +

เช้าวันใหม่...
เรริน เลือกของใช้ที่จำเป็นใส่ถุงย่าม อันประกอบด้วย ยาแก้ไมเกรน สมุดจนบันทึก ขวดน้ำดื่มแล้วหันไปจะหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์จแบตเอาไว้ แต่แล้วเปลี่ยนใจไม่เอาไปดีกว่า เรรินสะพายถุงย่ามขึ้นไหล่
เรรินนำผ้าซิ่นเชียงตุง เสื้อ และเครื่องประดับมายื่นให้วันดารา
“ขอบคุณมากค่ะพี่วัน ค่าซักทำความสะอาดเดี๋ยวรินจัดการเองนะคะ”
“บ่เป็นหยัง คุณริน เดี๋ยวพี่จัดการเอง แล้วนี่คุณรินจะออกไปที่ใดแต่เช้าเจ้า”
“รินมีธุระนิดหน่อยค่ะ”
“แล้วกิ๋นเข้าแล้วก๊า”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่วัน รินไม่ค่อยหิว”
“เดี๋ยวพี่ทำแซนด์วิชหื้อติดกระเป๋าไป เผื่อหิว ห้านาทีก็เสร็จ บ่เมิน...บ่เมิน”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่วัน อย่าลำบากเลย รินไปหากินข้างหน้าก็ได้ค่ะ รินไปนะคะ”
เรรินตัดบท ตรงไปที่จักรยานที่จอดอยู่ทันที
เรริน ขี่จักรยานเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าคุ้มเจ้าหลวง คนงานกำลังขนข้าวของต่างๆที่ใช้ในการจัดงานเลี้ยงเมื่อคืนขึ้นรถ ไม่มีใครสนใจเธอ เรรินจอดจักรยานทิ้งไว้มุมนึงแล้วอ้อมไปด้านหลัง
เรรินโผล่เข้ามาที่หน้าเรือน คำเที่ยง
“คุณยายคะ คุณยาย...”
เรือนปิดเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่
“มีใครอยู่ไหมคะ...”
เรริน หมดหวัง กำลังจะถอยออกมา บัวซอนเพิ่งกลับมาจากวัดเข้ามาทางด้านหลังเรริน
“สวัสดีเจ้า...คุณน่ะเอง”บัวซอนตะลึงไม่น้อย เหมือนเจอสิ่งไม่คาดฝัน
“จำฉันได้ใช่ไหมคะ เมื่อคืนฉันมาแถวนี้ แล้วก็ได้คุยกับ...”
“คุณมาหา แม่อุ๊ยคำเที่ยงก๊า”
“ใช่คะ แกอยู่ที่นี่ใช่ไหมคะ”
“เจ้า...แต่ตอนนี้เปิ้น...อยู่ที่วัดแล้วเจ้า”
“แกไปทำบุญเหรอคะ อีกนานไหมคะกว่าจะกลับ”
“แม่อุ๊ยเปิ้นบ่ปิ๊กมาแล้วเจ้า เปิ้นตายแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ศพ เปิ้นตั้งอยู่ที่วัดเจ้า”
เรรินใจหายวาบ ตกใจจนไม่มีคำพูดใดๆเล็ดลอดออกมาได้เลย
+ + + + + + + + + + + + + +

เรรินปักธูปเสร็จ จึงกราบศพ แล้วมองไปที่รูปหน้าศพ บัวซอน นั่งอยู่ไม่ไกล มองเรริน อย่างไม่วางตา หลายคนกำลัง ช่วยจัดแจงสถานที่อยู่เงียบๆไกลๆ
“คุณยายแก...เป็นอะไรถึงเสียคะ”
“คงโรคชราน่ะเจ้า ระยะหลังมานี่เปิ้นเจ็บออดๆแอดๆอยู่ปกติทุกเช้าเปิ้นจะต้องลุกมาใส่บาตรตุ๊เจ้า แต่วันนี้ข้าเจ้าเห็นสายผิดปกติก็เลยเข้าไปผ่อ ถึงได้หันว่าเปิ้นไปเสียแล้ว...เมื่อคืนตอนดึกยังดีๆอยู่แต๊ๆ”
เรรินรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
เรรินเดินกลับออกมา ใจคอโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก ขณะเดียวกันนั้นบัวซอนตะโกนเรียก
“คุณเจ้า...คุณ...รอสักกำเจ้า”
เรรินหันกลับไปมอง บัวซอนรีบเดินตามออกมา
“มีอะไรเหรอคะ”
“คุณชื่อรินใช่ก่อเจ้า”
“ทำไมรู้จักชื่อฉันล่ะคะ”
บัวซอนยื่นซองกระดาษ ซองหนึ่งให้ เรรินงงๆ
“ข้าเจ้าเจอจดหมายฉบับนึ่ง แม่อุ๊ยเปิ้นคงเขียนเอาไว้เมื่อคืนเปิ้นเขียนบอกหื้อมอบสิ่งนี้หื้อคุณเจ้า”
เรรินรับซองกระดาษนั้นมางงๆ
“แล้วรู้ได้ยังไงคะ ว่าคุณยายแกหมายถึงฉัน”
“คุณผ่อในซองนั้นเองเต๊อะเจ้า”
เรรินเปิดซอง กระดาษแล้วดึง สิ่งหนึ่งออกมา มันคือ กรอบรูปโบราณ เรรินตะลึง ขนลุกชันไปทั้งตัว...เหมือนโลกนี้หยุดหมุนไปชั่วขณะสิ่งที่เห็นอยู่ในมือตอนนี้ คือภาพถ่ายโบราณ เหลืองจนเป็นซีด แต่เห็นรายละเอียดทุกอย่างในภาพอย่างชัดเจน เป็นภาพ เจ้านางมณีริน ทรงเครื่องเจ้าหญิงเชียงตุงเต็มยศ เต็มตัว มุมภาพด้านล่างเขียนด้วยปากกาหมึกซึมว่า “ให้คำเที่ยง ด้วยความรัก” จากมณีรินแต่สิ่งที่ทำให้เรรินแทบเป็นลมก็คือหน้าตาของเจ้านางมณีรินเหมือนเธอไม่มีผิด...เรรินใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ

(จบตอนที่ 6)

 อ่านต่อวันพรุ่งนี้




กำลังโหลดความคิดเห็น