xs
xsm
sm
md
lg

เปิดอก “พัญสร” ผู้เขียนบทละครยอตฮิต “มุกเหลี่ยมเพชร”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เปิดอก “พัญสร”
ผู้เขียนบทละครยอตฮิต “มุกเหลี่ยมเพชร”

“ปุ๋ยทำกันมาหลายเรื่องแล้ว ตั้งแต่คุณชาย เมืองดาหลา แม่อายสะอื้น แคนลำโขง เพลงผ้าฟ้าล้อมดาว อยู่กับอาตู่ (นพพล โกมารชุน) ตั้งแต่ทำ ‘ดอกไม้ในป่าหนาว’ (ยูม่า / ช่อง 5 / 2539) แล้วก็ย้ายมาทำที่ช่อง 7 แล้วมาที่ช่อง 3 ทุกวันนี้”

ปุ๋ย หรือ “เพ็ญศิริ เศวตวิหารี” เจ้าของนามปากกา “พัญสร” แนะนำตัวกับละครออนไลน์สั้นๆ ก่อนที่จะพาเราเข้าไปสู่โลกของ มุกเหลี่ยมเพชร ที่จะลาจอไปในวันพฤหัสบดีที่ 16 ก.พ. นี้

ความยากง่ายในการเขียนบทเรื่อง มุกเหลี่ยมเพชร

เรื่องนี้มันเป็นนิยายมาก่อน (โดยอรพิม) เล่มไม่หนามาก จริงๆ...น่าจะอิงมาจากข่าวบางข่าวในอดีต แล้วความยากของมันคือ การค้นหาคำตอบว่า ทำไมเพชรเม็ดนี้ต้องถูกขโมย เราต้องมานั่งถกกันก่อนว่า เพชรมันถูกขโมยไปเพื่ออะไร จริงๆถ้าอ่านนิยายก็อาจจะแค่สนุกๆ เพลินๆ แต่มันก็จะมีเรื่องราวที่หักมุมกันตลอดซึ่งถ้าทำเป็นละครคงจะสนุกดี แต่เมื่อมาเป็นละครในมันต้องยาว แล้วขยายเรื่อง นี่ก็คือความยากที่เราต้องมาใส่ดีเทลของเรื่อง ของตัวละครแต่ละตัว อย่างในนิยาย มันไม่มีแก๊งโจร ถึงจะมีโจรก็เป็นโจรแบบธรรมดา พอเราเอานิยายมานั่งเรียงลำดับเรื่อง ทำให้เรารู้สึกว่าเพชรนี้มีมูลค่าถึง 500 ล้าน คนขโมยต้องไม่ใช่คนธรรมดา แล้วโจรก็ต้องไม่ธรรมดา คือ มันก็ต้องมีแอ็กชั่น แล้วของเราก็มีโรแมนติก แล้วเพิ่งจะรู้ว่า ยังมีคอมเมอดี้ด้วย มารู้ตัวอีกที เฮ้ย เราทำตลกขนาดนี้เลยเหรอ
คือตอนแรกเราตั้งใจทำแค่แอ็กชั่น - โรแมนติก ก่อน พอทำๆไปมันตลกได้ด้วย เพราะมันเกิดจากฝ่ายเสื้อผ้า ตอนที่มาเช็ตเสื้อผ้า ทำฟิตติ้ง ก็เลยต้องใส่ดีเทลของทั้งหมดไป แก๊งโจรก็ต้องมีที่มาที่ไปหน่อย เพราะเมื่อเป็นละครมันต้องยาว เราจะเล่าแค่นิดเดียวไม่ได้ ซีนแรกจะเหมือนในหนังสือเลยคือ ปล้นเพชร 500 ล้านในวันก่อนแสดง ด้วยความเป็นละครมันก็ต้องทำให้มันตูมตามหน่อย เอาคนมาทั้งหมดเท่าที่เราจะมีศักยภาพ ฮอเฮอ (เฮลิปคอปเตอร์) เอามาให้หมด

อะไรที่ไม่มีในนวนิยาย ตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่

แก๊งโจรทั้งหมด ทั้งแก๊งเป็นตัวละครที่ไม่มีอยู่ในหนังสือ เรื่องราวของแฟนเก่าพระเอก หรือแม้แต่ตัว ‘นิจนันท์’ ก็เป็นตัวละครที่ถูกดึงขึ้นจากในกระดาษ คนเขียนบทอีกคนหนึ่งที่คนนึกไม่ถึงคืออาตู่นะ
เพราะอาตู่เป็นคนแก้ ทุกดร๊าฟของบท อาตู่เป็นผู้กำกับที่แก้บทเองทุกเรื่องที่จะต้องกำกับ โดยก่อนหน้านี้ต้องมีการประชุมและคุยกันเยอะมาก อย่างตัวเจนจบนี่เราต้องมาเปิดเผยตอนท้ายเช่นเดียวกับหนังสือ คือในหนังสือตอนสุดท้ายเจนจบจะปลอมตัวเป็นช่างแต่งหน้า ลักพาตัวนางเอกไป แต่จริงๆ เมื่อเราได้แคสติ้งเป็นตัวเจสัน (เจสัน ยัง) ซึ่งอาตู่อยากให้เค้าเล่น เนื่องจากบทแบบนี้มันไม่ได้มีบ่อยๆ แล้วต้องชื่นชมสปิริต เพราะตอนนั้นเจสันมีคิวที่จะต้องบวช เค้าก็ยอมเลื่อนบวช เจสันทำการบ้านละเอียดมาก
ละครสมัยนี้ ละครยังไม่ทันออนแอร์ เฉพาะกิจละคร 25 บาทวางขายแล้ว เราจะไปสู้เรื่องเซอร์ไพรส์คนดูได้อย่างไร ทีนี้เราก็ต้องมาเซอร์ไพร์สคนดูแบบในหนัง ในเรื่องของเรา เปิดเป็นเกย์ แล้วเจนจบจะไม่ได้กรี๊ดกร๊าด เค้าไม่ใช่เกย์โชว์หรูหรา จะเป็นเกย์นิ่งๆ และถ้ามองให้ดีเรื่องนี้มันเป็นเรื่องราวของความรักนะ การแย่งชิงกัน เรื่องเพชร เป็นแค่ซิมโบลิค (symbolic) ในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น แล้วชื่อเรื่องมันคือ “มุกเหลี่ยมเพชร” ทุกคนมันมีเหลี่ยมของมัน เมื่อมันเป็นเหลี่ยมมันก็จะทิ่มแทงกัน เราใช้ทุกเรื่อง ยกเว้นแก๊งผู้ร้ายนะ เราดึงเรื่องขึ้นมาใหม่ เรียงลำดับเรื่องใหม่ เพื่อให้มันมีที่มาที่ไป ในหนังสือนิจนันท์ก็จะไม่ร้ายขนาดนี้ คือเราคิดว่า ถ้าผัวมันร้าย ใครจะร้ายกว่า คนที่จะอยู่กับคนแบบนี้ได้ ประเภทผีเน่าโลงผุมันต้องอย่างนั้น
เรามองใส่รายละเอียดไปกับทุกคู่ที่เป็นตัวละครของเรื่องนี้ อย่างตัวนางเอก คนชอบด่าว่าพระเอกละครไทยน่ะโง่ อะไรแค่นี้ดูไม่ออกเหรอ แต่ถ้ามองให้ดีๆ แล้ว พระเอกเรื่องนี้มันเป็นตัวละครที่น่าสงสาร ตอนที่ทำไปสักระยะหนึ่งมารู้สึกว่า รอบกายมันมีแต่อสรพิษเท่านั้นนะ ไม่มีใครดีเลย แม้กระทั่งนางเอกทันก็หลอกด้วยงานของมัน แม้ว่าจะเกิดความผูกพันต่อมา แต่ ณ จุดแรกคือ มันหลอก พระเอกของเรื่องนี้จะเป็นสีขาว ยังบอกกับโฬมเลย คุณไม่ต้องซีเรียส หรือไม่ต้องกลัวว่าคุณจะไม่เด่นนะ เพราะคุณเป็นสีขาวในหมู่สีเทาและดำนะ โฬมก็อ๋อ เหร๋อ ทุกคนจะมีเหลี่ยม มีมุม เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ได้เพชรกลับมา ได้ชื่อเสียง ได้งาน มันเหมือนกับค่อยๆขยี้ตีออกมา

ใครเป็นคนเลือกเรื่องนี้มาทำละคร

คือเราจะเป็นแผนกหาเรื่อง คืออ่าน เสาะหานิยายมาอ่าน แล้วก็ทำเรื่องย่อเสนอช่องไป แต่คนที่จะอนุมัติก็คือช่อง เหตุผลหนึ่งที่รู้ว่ามันน่าจะสร้างความแปลกใหม่ คือ มันเป็นหนังแอ็กชั่นผู้หญิงที่เป็น ตัวนำ ซึ่งแปลกดีและไม่ค่อยมีนานแล้ว จริงๆ อาตู่ก็เคยทำละครแอ็กชั่นมา แต่เรื่องนี้อาจจะชัดเจนที่นางเอก อาตู่อาจจะมีแอกชันแต่คงไม่ตูมขนาดนี้มั้ง แล้วเรื่องนี้อาจจะดูเปลี่ยนลุค ตรงที่ดูเป็นเมือง ดูไม่เป็นเป่าจินจง ซึ่งที่ผ่านมาทำแอ็กชั่นแยกเมือง ชิงเมือง
แต่เรื่องนี้เรามาเจอจุดที่ว่า แอ็กชั่นในเมือง เป็นการปล้นเพชร แล้วละครของอาตู่จะเน้นไปที่ด้านลึกของตัวละคร อาตู่เรียนมาทางด้านวรรณคดีอังกฤษและจิตวิทยาด้วย อย่างเราเขียนไปแบบนี้ อาตู่อ่านแล้วก็อาจจะบอกว่า ลองคิดอีกแบบว่ามันจะเป็นไปในแนวไหนได้บ้าง ตอนทำเราเองก็เครียด

เขีบนบทเรื่องนี้นานไหม

เราเป็นคนที่นิสัยไม่ดีคือ เขียนบทนาน ช้ามาก กว่าจะได้สักบท สักตอน ผู้จัดกับผู้กำกับอยากจะฆ่าให้ตาย ไม่จบสักที โดยมาตรฐานการเขีบนบทของเราคือ 8 เดือนต่อเรื่อง ซึ่งเรื่องนี้ก็อยู่ในระยะเวลานั้น เพราะเนื่องจากเราทำงานช่วยออฟฟิศด้วย อะไรด้วย คือคนเขียนบทที่เคยทำงานให้อาตู่ก็จะมีหลายคน อย่าง ‘เคหาสถ์สีแดง’ ก็จะไม่ใช้หนูใช้ป้าแดง (ศัลยา สุขะนิวัตติ์) ซึ่งการวางตัวคนเขียนบทก็จะไปตามความถนัดของแต่ละคน อย่างรื่องนี้ เป็นเรื่อง ในเมือง มีแอกชั่นด้วย ฉลาดด้วย ยิ่งตัวละครฉลาดคนเขียนบทโง่ๆ เครียดและตายทันที

ตัวละครไหนที่คิดว่ายากสุด


เจนจบ กับ มุกดา เขียนยาก…คือเรามีเพื่อนเกย์ แต่ไม่ใช่เกย์แบบนี้ ก็จะเป็นเกย์แบบตลกโปกฮา แล้วเจนจบเป็นเกย์แบบรสนิยมวิไลก็ต้องศึกษาว่ามันควรจะเป็นอย่างไร สำหรับเราถือว่ายาก อย่างนางเอกก็ต้องไปคุยเพื่อหาข้อมูลกับตำรวจสากล ตัวจริงๆ กับในนิยายจะต่างกันนิดหน่อย ตัวหนูมุกก็จะเป็นตัวที่หลากอารมณ์ คือ 2 ตัวนี้จะต้องคุมเรื่องให้ได้ มันเป็นคาแร็กเตอร์ทันสมัยที่ต้องทำการบ้านเยอะๆ
ตัวพระเอกก็คือ... ทำอย่างไรจะให้เป็นผ้าขาว และถ้าจะว่าไปแล้ว บท ‘เพชร’ (พัชฏะ นามปาน) นี่คือ ตัวละครที่เป็นความหวังของสังคมนะ ถูกหลอกเพราะเชื่อใจเพื่อน จริงๆ แล้วคนเรามักจะถูกหักหลังจากคนที่เราไว้ใจ เราต้องดึงอะไรอย่างนี้ออกมาให้ได้ ก็ยากเหมือนกัน ตรงที่โฬมเป็นคนที่เล่นได้น่ารัก โชคดีที่ได้นักแสดงทีมนี้ที่เล่นเข้าขากันได้ ทำให้ตัวละครมันมีหลายๆมุม
อย่างเพชร - นิจนันท์ ถามว่า เพื่อนที่คบมาเป็น 10 ปีกับผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามา คุณจะเชื่อใคร? คบกันมา 10 ปีความเปลี่ยนแปลงมันเกิดขึ้นทีละเล็กละน้อย เราก็อาจจะไม่ทันสังเกต เรื่องการทรยศหักหลังมันเกินการขโมยเพชร อย่างเจนจบเราอ่านหนังสือแล้วก็ตั้งคำถามว่า ทำไมเจนจบถึงต้องขโมยเพชร ซึ่งเราต้องมาทำการบ้านกับรายละเอียดของละครเยอะมาก ขโมยทำไมในเมื่อคุณมีทุกอย่าง อย่างคุณอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้ สัมผัสรัก แค่สูดลมหายใจก็ได้กลิ่นแล้ว อันนี้คือส่วนที่เราต้องมาเติมคือ ถ้าดูจากรสนิยม มันเป็นคนที่ใช้เงินเปลืองมาก แล้วเจนจบก็ต้องการได้รับการยอมรับจากเพชร มีแฟนคนหนึ่งก็จะแต่งงานละ ถ้ากูต้องพลาดเป็นคนที่ 2 กูก็จะแย่แล้ว แผนการปล้นเพื่อให้ได้รับการยอมรับ เพื่อให้ได้ตังค์จึงเกิดขึ้น อันนี้คือส่วนที่เราเติมเข้ามาให้แน่นๆ ก็ตามมาด้วยการหลอกใช้เพื่อน หลอกใช้ผู้ร้ายภูธร เห็นหน้าก็ต้องไม่ใช่คนดีละ
จริงๆ ในเรื่อง ตัวเจนจบเราพยายามใบ้คนดูมาโดยตลอดนะ แต่ละตอนก็พยายามทิ้งๆๆๆ เราพยายามให้มันจบในตอน แต่หลักใหญ่ก็คือเรื่องขโมยเพชรเม็ดเดียวนี่แหละ แต่หาไม่เจอสักที มันอยู่ที่ใครวะ แต่ละตอนมันมีใจความที่แตกต่างกันไป ตอนนี้เป็นเรื่องของคนๆนี้ แก๊งนี้ พยายามจะลองเล่าอะไรแบบใหม่ๆ แปลกๆบ้างดีกว่า

มุกเหลี่ยมเพชร ดูไม่ใช่สไตล์ละครเป่าจินจง

อาจจะเป็นเรื่องของภาพที่ออกมา ทำให้ละครเรื่องนี้ที่ดูไม่ใช่เป่าจินจง คือมันมีการดีไซน์ ก่อนที่จะเอาไปเขียนซีนสำคัญๆสักซีนจะมีการคุยกันก่อน เห็นอะไร อย่างสมมติว่าซีนว่ายน้ำที่เลื่องลือ (หัวเราะ)
สังเกตมั้ยว่า ซีนฉากว่ายน้ำนี้มันจะผูกอยู่กับเจนจบ และมันก็จะเป็นซีนที่เหมือนกับเผยคาแร็กเตอร์ทีละนิด ทีละนิดของเจนจบ แต่เพชรไม่รู้เรื่อง ผู้ชายแก๊งนี้แมนมาก ปีนเขา ชกมวย เป็นแมนๆ หน่อย แต่ไม่ได้ตีกอล์ฟ แฟลชแบกเค้านี่ ปืนเขาแล้วเชือกมันหลุด ชนินทรเป็นคนช่วยเพชร มันถึงคิดว่าเพื่อนไม่มีวันฆ่ามัน ไม่มีวันปล่อยมือจากมัน แต่บทตรงนั้นมันสั้น แต่คนจะมาเห็นความตื่นตาในฉากว่ายน้ำ อย่างที่บอกว่า ฉากว่ายน้ำมันมาผูกติดกับเจนจบ ก็มีคนสังเกตุเห็นว่ามันนวดหลัง ในอาการแปลกๆ แล้วจะอยู่ด้านหลังเพชรตลอด คืออันนี้เราต้องการใบ้คนดูตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

คาแร็กเตอร์เกย์ที่แอบสนิทแบบนี้ ไม่น่าจะมีในยุคนี้แล้ว

ภาพของเจนจบนี่ อาตู่จะคิดไว้เลยว่า เดี๋ยวอาตู่จะถ่ายแบบนี้นะ ในสระน้ำ เจนจบจะอยู่ด้านหลังเพชรตลอด ไม่ให้ไปอยู่หน้า อยู่ซ้าย อยู่ขวา ต้องอยู่หลังตลอด พอเปิดเผยตัวเป็นมารความรักปั๊บ ให้อยู่กลาง แทรกมันหมดทุกคน ภาพมันจะถูกดีไซน์ไว้เลย หรือแม้แต่ออฟฟิศสกายไดมอน มันก็จะเป็นแววๆออกกระจก เค้าจะต้องไปดูสถานที่ว่ามันสามารถทำอะรได้บ้าง อย่างสระว่ายน้ำ ว่ายเฉยๆก็จะผ่านไป อาตู่ก็ไปสั่งเอากล้องใต้น้ำมา คือเค้าอยากจะได้ภาพที่มันสวยๆแปลกๆ เพื่อให้มันเป็นแบบเมืองๆ ฝรั่งๆ ถ่ายยาก เสียเวลาด้วย อาตู่บอกว่าเรามาลองหาอะไรแปลกๆ แต่ในซีนของคนเขียนมันจะค่อยๆไต่ไปทีละนิดๆ แล้วผู้ชายนักแสดงกลุ่มนี้ไม่มีใครยอมกัน บอกว่า มีถ่ายฉากว่ายน้ำกันอีกเมื่อไหร่ จะฟิตหุ่นล่วงหน้า เข้าฉากที ผู้ชายเต็มไปหมด ลูกครึ่งบ้าง ครึ่งฝรั่ง ครึ่งจีนเข้ม มีทุกสไตล์ อิตาเลี่ยน นานาชาติมาก

ทำไมต้องมีตัวร้ายหลายตัวที่มาขยี้นางเอก

ตัวร้ายสมัยตัวเดียวไม่พอ ด้วยเรื่องนี้มันเป็นพล็อตแบบสืบสวนสอบสวน การตามหา ตัวละครที่เราสร้างอย่างแก๊งโจร เราพยายามสร้างแบลกกราวน์ให้มันชัด ให้มีมุม หรืออย่างเวลาที่เราดูหนังสืบสวน สอบสวนก็จะเห็นว่า เมื่อเราจะเชื่อแล้วว่าเป็นคนนี้ ตัวนี้ แล้วเรื่องมันจะพลิก จริงๆไอ้เพชรเม็ดนี้ ใครก็อยากได้ทั้งนั้นแหละ เพียงแต่ว่า จังหวะที่ใครจะหยิบไปได้
โครงมาจากนวนิยายเลย แต่เติมเยอะ หรือแม้แต่ฉากจบเมื่อวานที่เจนจบจับนางเอกไป เราก็เดินตาม แต่หนูไปใส่ในรายละเอียด เช่น เราคิดว่าเจนจบไม่จำเป็ฯต้องปลอมตัวเป็นช่างแต่งหน้าอย่างในนิยาย ไม่จำเป็นต้องแต่งหญิงเพื่อช็อกนางเอกว่า แกเองน่ะหรือ ก็ให้มันเป็นรูปลักษณ์แบบนี้แหละ เพียงแต่ว่าคุณไม่เคยเห็นหน้ากากที่อยู่ภายใต้รูปลักษณ์นี้ต่างหาก คุณไม่เคยสังเกตเค้าต่างหาก คุณไม่เคยสังเกตว่าเพื่อนผู้แสนดีคนนี้แหละที่ทรยศ หักหลังอย่างเลวที่สุด คือ ถ้าเอาเจนจบมาแต่งหญิงก็จะไม่เข้ากับเรื่องที่เราดำเนินมา (มันก็จะเป็นกะเทยควาย) ไม่ว่าเพศไหนมันมีความรักได้หมด ความริษยา โกรธ เกลียด

ที่ผ่านมาคาแร็กเตอร์เกย์เท่าที่ทราบ...จะไม่ค่อยได้รับการอนุมัติจากช่อง3

เรื่องนี้เราย่อส่งไป แต่คงเพราะในตัวบทประพันธ์เค้ามาเปิดตอนท้ายเพื่อที่จะช็อกคนอ่าน ไม่ได้เกย์จ๋า.. แต่ในการทำทีวี มันจะรอช็อกแบบนั้นไม่ได้ ถ้าเป็นหนึ่งในเซ็นเตอร์ของความชั่วร้าย ถ้ามันไม่แข็ง มันก็จะเป๋ไปทั้งเรื่อง เราก็เลยต้องให้คนดูลุ้นไปเรื่อยๆ แต่ภาพที่ออกมามันก็ไม่น่าเกลียด ไม่อนาจาร คือเราจะมีกฏของช่องอยู่ใช่มั้ยคะ ห้ามมีภาพเหล้า เบียร์ ไม่มีผับ ไม่มีกินเหล้านะ แต่เป็นเรื่องคนเมือง เพราะเรารู้ว่าข้อห้ามต่างๆมันมีอะไรบ้าง ความรุนแรง มีดปืน บังได้บัง ควงมีดมี แต่กระชวก แทง น้อยมาก เราก็ห่วงตรงนี้เหมือนกัน อยากให้ละครได้ออนจนจบ
คือละครแอ็กชั่นนี่ถ่ายกันนานอยู่แล้ว เรื่องนี้ยังมาเจอน้ำท่วม ต้องหยุดไป 1 เดือน หรือตรงไหนที่ทำงานได้ วันหนึ่งก็ยังดี ต๊ะ (วริษฐ์) ก็ยังต้องนั่งเรือมาต่อรถทหารอกมาถ่ายงานละครน่ะ เสร็จแล้วเอารถตู้กลับไปส่ง แล้วไปต่อเรือเข้าบ้านอะไรประมาณนี้ เราพยายามทำให้ได้เพราะคิวออกอากาศเดือนมกราคมนี้ สุดท้ายคุณยาย (จุรี โอศิริ) เสีย อาตู่ก็ยังต้องกำกับอยู่วันนั้น เพราะเป็นฉากสำคัญ ฉากชนินทรตาย นักแสดงนัดแล้ว เลื่อนไปก็ไม่ได้
อาตู่สอนว่า เราไม่รู้หรอกว่าคนดูจะชอบหรือไม่ชอบ แต่เราต้องทำเกินร้อยไว้ก่อน ผลที่เหลือมันคือข้างหน้า

เรตติ้ง - กระแสวิจารณ์ มีผลกับชีวิตคนทำละครมากน้อยแค่ไหน


เหตุผลที่ต้องคิดงานเยอะ คือส่วนหนึ่งก็มาจากเรตติ้งบ้าง พันทิปบ้างค้ำคออยู่ อีกอย่างเราต้องสู้กับหนังฝรั่ง สู้กับซีรีส์เกาหลี ปุ๋ยว่าซีรี่ส์เกาหลียังไม่เท่าไหร่นะ แต่ถ้าซีรี่ส์ญี่ปุ่น ซีรี่ส์ฝรั่ง การเล่าเรื่องแบบญี่ปุ่น มันนิ่งแต่มันได้ โดน แล้วอีกอย่างละครของเราตอนนี้มันต้องไปฉายที่เมืองนอก เมืองจีน มันก็ตื่นตัวดี อย่างโซ่เสน่หาไปฉายที่ ไม่แน่ใจว่าเป็นมาเลเซียหรือเปล่า แต่ช่องก็จะเป็นคนจัดจำหน่าย
เคยโดนพันทิปด่า เรื่องเขียนบท “มงกุฏแสงจันทร์” ไล่ให้เลิกเขียนบท เลิกกำกับ มงกุฎฯนี่จะเป็นหนังสือพาฝัน ณ ปีที่เราทำ เราเห็นว่ามันมีประเด็นทางสังคมอะไรบางอย่างที่เราพูดถึงได้ในละครเรื่องนี้ เราพยายามจะพูด แต่มันอาจจะมีคนไม่เห็นด้วย คนไม่ชอบ พูด ณ วันนั้นก็ถือว่าแรงนะ พูดถึงสถาบันสูงสุดอะไรอย่างนี้ แม้จะเป็นพาฝัน เราก็คุยกันว่าใส่อะไรได้นะ แต่ก็โดนด่า เราก็ยิ้มๆรับฟัง มาเรื่องนี้ เอาละ กูจะโดนอีกมั้ย
แต่ปรากฏว่าละครเรื่องนี้ฟีดแบ็กดีตั้งแต่วีคแรก กำลังใจมันก็มาทำแล้วขอให้คนดูดูสนุก มันจะฮาตอนแรกแล้วพาเราดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ จนจบ

รูปแบบ หรือสไตล์ของละครเกาหลี มีอิทธิพลกับคนเขียนบทละครไทยไหม

อิทธิพลของการเล่าเรื่องแบบเกาหลี ญี่ปุ่นมีอิทธิพลต่อเมืองไทยแน่นนอน เพราะเราก็ต้องยอมรับนะว่า เราทำงานอยู่กับความคาดหวังเนอะ คาดหวังว่า ละครจะต้องไม่น้ำเน่า หรือเจ๋งๆ แบบเกาหลี บางทีเราก็ เฮ้ยเจ๋งแบบซีรีส์ฝรั่งดีกว่ามั้ย หรือแบบญี่ปุ่นมั้ย น้อยแต่งามอะไรอย่างนี้ คนเขียนบทต่างก็พยายามปรับตัว แต่มันก็ต้องมีน้ำปลา พริก มะนาวนิดนึงนะ เพราะสุดท้าย อย่างสมมติว่าเราอยู่ช่อง 3 แต่เราก็อาจจะได้กลุ่มอุบลราชธานีอะไรอย่างนี้ พอเรื่องนี้ (มุกเหลี่ยมเพชร) อ้าว... ต่างจังหวัดก็ดูของเรานี่หว่า เราอยากได้อะไรที่มันกว้างๆ อย่างเรื่องนี้ ต่างจังหวัดเค้าก็ดูมุกเหลี่ยมเพชรนะเว้ย อะไรอย่างนี้



ผลงานเขียนบทที่ชอบ

‘เพลงผ้าฟ้าล้อมดาว’ ชอบอะไรที่มันมีประเด็นอะไรบ้าง สวยและลงตัวมาก เพลง ภาพ เนื้อเรื่องร้อยไปด้วยกันหมด จริงๆมันเป็นเรื่องความรักที่ถูกกีดกันแต่บังเอิญมีเรื่องผ้าเข้ามาเป็นองค์ประกอบสอดกันเข้ามา เรื่องลงตัว สวย

ชอบ ‘แม่อายสะอื้น’ ไม่ได้ชอบที่ได้รางวัลเยอะ ชอบเรื่องที่พล็อตมาแล้วเรามาใส่รายละเอียดให้มันมีเรื่องราว จำได้เลยว่า แม่อายสะอื้นได้รับแผ่นกระดาษมา 3 แผ่น เป็นเรื่องย่อจากหนัง เมื่อไปเอาหนังเก่ามาดู โอ้ยตาย ตายแล้ว นอนไม่หลับเลย มันต้องตายแน่ๆ แล้วแม่หนูเค้าเคยดูแม่อายสะอื้น เค้าก็บอกว่า ทำให้ดีนะ แม่ชอบหนังเรื่องนี้มาก พอมาทราบประวัติจากป้าเจ้าที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของเรื่อง (เนื่องจากคุณชุติมา สุวรรณรัตน์ เสียไปแล้ว)

มาที่แคสติ้งอีกเป็น นุ่น (วรนุช วงษ์สวรรค์) อย่างงี้ แต่มันก็ผ่านไปด้วยดี เนื้อเรื่องมันไม่ได้ฉูดฉาด มันไม่มีอะไรเยอะมาก แต่มันต้องเล่นกับสถานการณ์ ว่าไปแล้วน้ำเน่าสุดๆ ไม่มีเหตุผลอย่างสมัยนี้นะ 30กว่าปีที่แล้วคือถูกหลอกมาขาย ตกเขียว (เด็กบริสุทธิ์ที่ไม่เคยโลกียะ) ทิ้งพ่อ ทอ้งแม่ ไม่มีมือถือ ไม่มีอินเตอร์เน็ต ขณะที่สมัยนี้มีทุกอย่าง เราต้องเริ่มจากการหาศิลปะแห่งชาติในด้านกลองสะบัดชัย ขึ้นไปที่รพ. แม่อายว่า มันอยู่ตรงไหน ลูกที่เป็นคนขาเป๋ ขาพิการมันเกิดจากอะไรได้บ้าง ต้องคุยกับหมอศิริราช แล้วมันเป็นเด็กที่พูดไม่ได้เพราะอะไร เราก็ต้องเอามาสร้างเรื่องกันต่อได้ ต้องไปดูรำดาบ คาบดาบ 18 เล่มในปาก

อีกเรื่องคือ ‘กระดูกเข้าบัว’ ของพลเอกบัญชร ชวาลศิลป์ เป็นละครของวันกองทัพไทย แต่มันพูดเรื่องคอมมิวนิสต์กับทหาร ในยุค 6 ตุลา 2519 เราขอท่านมาทำ แล้วเติมตัวละครเข้าไป ตอนั้นละครมันแค่วันเดียว 2 ชั่วโมง ประเด็นที่พูดมันใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ความเห็นที่แตกต่าง ไม่จำเป็นต้องทำให้มันแตกแยก ไม่ต้องแบ่งอะไรขนาดนั้น สุดท้ายก็เหมือนกับคนไทยฆ่ากันเอง ชอบเรื่องนี้

ก้าวต่อไปของเป่าจินจง

งานละครกับช่องอื่น จะทำในนามของบริษัทลูก (ฮั้งมโนก้า) ทำเรื่องบุญผ่อง เป็นเรื่องของวีรบุรษสงครามโลกครั้งที่ 2 คือเค้าไม่ได้แบ่งแยกว่า คนนี้คือคนแท้ คนนี้เป็นเชลย ช่วยเชลยที่ถูกจับมาที่เขาชนไก่ไม่ให้ตาย อันนี้ทำกับไทยพีบีเอส
ส่วนที่ช่อง 3 เรื่องต่อไปให้มาแล้วคือ สาปพระเพ็ง ของกิ่งฉัตร กำลังจะเริ่มงาน น่าจะราวกลางปี

วิถีนักเขียนบท

นักเขียนตอนนี้ จะมี 2 แบบ คือ เขียนคนเดียว กับทำเป็นทีม ข้อดีของทำงานเป็นทีมคือได้แชร์ความคิดกัน แต่ที่ผ่านมาคือ ปุ๋ยเขียนงานคนเดียวแต่ก็จะคุยกับผู้กำกับ พี่นุช (ปรียานุช) ตลอดถึงลักษณะทิศทาง แต่ปัญหาที่ต้องระวังในการทำเป็นทีมก็คือ การทำงานเป็นทีมมันจะคุมคาแร็กเตอร์ไม่ได้ ด้วยภาษา ด้วยประสบการณ์ที่อาจจะแตกต่างกันไป
พยายามจะทำ (เขียน) ให้ได้ทุกแนว แต่ถ้าคนนึกถึงงานดราม่า คุณต้องนึกถึงเรา อย่างเรื่องนี้ (มุกเหลี่ยมเพชร) มีตลกด้วย เพื่อนถามแกเขียนได้ด้วยเหรอ มันเป็นความจำเป็นทางอาชีพค่ะ คือเรื่องไหนไม่ต้องทำกับเป่าจินจง ก็จะไปทำให้กับที่อื่น ไปเจอเพื่อน ไปรวมกลุ่มได้วิธีคิดใหม่ๆบ้าง

กว่าจะมาเป็น...พัญสร

ปุ๋ยจบนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาสมัครงานทำงานกับอาตู่ตั้งแต่ดอกไม้ในป่าหนาว สมัยยูม่า ปุ๋ยยังจำได้ ตอนที่ตั้งเป่าจินจง อาตู่ถามว่าอยากทำอะไร ปุ๋ยบอกอยากเป็นคนเขียนบท อาตู่ถามว่าไม่อยากเป็นผู้ช่วยเหรอ ไม่อยาก

ปุ๋ยเริ่มเข้ามาทำงานตั้งแต่แบกราวผ้า ไม่ใช่ฝ่ายเสื้อผ้าที่เป็นสไตลิสต์ด้วยนะ เปลี่ยนรองเท้าให้นักแสดง เริ่มมาตั้งแต่ดอกไม้ในป่าหนาว จอย ศิริลักษณ์ - อู๋ ธนากร (ปี 2539 / ยูม่า / ช่อง5/ กำกับการแสดงโดย นพพล โกมารชุน) ก็มาลองเขียนบทจากเรื่องคุณชายกับพี่หนึ่ง (คฑาหัสต์ บุษปะเกศ) เขียนมาเรื่อยๆ เป็นฟรีแลนด์ประจำ จากนั้นก็พัฒนามาเขียนเดี่ยว อย่าง แม่ยายสะอื้น, เมืองดาหลา และก็มีไปรับงานข้างนอก เจอกับคณะอื่นบ้าง ค่ายโพลีพลัสบ้าง ของอาจิ๋มบ้าง ของดาราวิดีโอนิดหน่อย ปุ๋ยเป็นคนทำงานช้า ได้ปีละเรื่อง 2 เรื่องอย่างเก่ง ที่ทำมาประมาณ 15-16 เรื่องเอง อายุงานยาวนาน แต่ผลงานน้อย












กำลังโหลดความคิดเห็น