แสบสลับขั้ว ตอนที่ 11
ปลาใหญ่มองจันทรน์ทิพย์นิ่งไม่พูดอะไร จันทร์ทิพย์จึงถามขึ้นมา
“ว่าไงจ๊ะ...นายเซียน เรามาร่วมมือกันดีมั้ย...เธอก็ได้ประโยชน์...ฉันก็ได้ประโยชน์ วินๆ กันทั้งคู่”
“ซึ่งของพวกคุณวินมากหน่อย”
“แต่เธอก็วินไม่น้อยหรอก โอเคนะ... พูดง่ายๆ”
“ตายเร็วๆ”
จันทร์ทิพย์ชะงักแล้วรีบปรับสีหน้าเป็นหัวเราะคิกคัก
“พูดอะไรก็ไม่รู้”
ปลาใหญ่ขยับเก้าอี้นั่งตัวตรงชะโงกหน้าเล็กน้อย สีหน้าแววตาทีเล่นทีจริงแล้วยักคิ้ว
“ผมชักจะเริ่มสงสัยซะแล้วว่า อุบัติเหตุวันนั้นมันเป็นอุบัติเหตุจริงหรือเปล่า”
จันทร์ทิพย์หน้าเสียไปนิดหนึ่ง
“เธอพูดอะไรน่ะ อุบัติเหตุมันก็คืออุบัติเหตุ”
ปลาใหญ่ค่อยๆ ยิ้มออกมา
“หรือไม่ก็ถูกทำให้เกิดอุบัติเหตุ”
จันทร์ทิพย์ฝืนทำสีหน้าจริงจัง
“ไม่เอาละ...เลิกพูดเหลวไหลกันเสียที ตกลงเธอโอเค.ใช่มั้ยจ๊ะ”
“โหนวะ (No) ไอ ...แอ่ม ...น้อท”
“หมายความว่ายังไง หรือว่าจะยักท่าเรียกส่วนแบ่งเพิ่ม”
“โนอีกครั้ง เรื่อง’ไรจะต้อง ... แต่เพราะผมคือปลาใหญ่ ไม่ใช่นายเซียนเพราะฉะนั้นมะรึดกแสนล้านมันก็ต้องเป็นของผมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปวินๆ กับใคร ผมวินๆ คนเดียวพอ”
จันทร์ทิพย์เม้มปากนิดหนึ่ง แล้วค่อยๆ คลี่ยิ้มแบบเหนือกว่าขณะลุกขึ้นช้าๆ
“ถ้าอย่างนั้นเธอคงไม่ลืมสัญญาที่ทำไว้เป็นลายลักษณ์อักษรกับคุณก้อง แต่ถ้าลืมหรือว่าไม่รู้เพราะอะไรก็แล้วแต่ ฉันจะช่วยเตือนความจำให้ เธอทำสัญญากับคุณก้องว่า ถ้าเธอทำให้บริษัทพัฒนาก้าวหน้าไปไม่ได้ ภายใน 1 ปี เธอจะยอมยกตำแหน่งประธานบริษัทให้คุณก้อง” ปลาใหญ่นิ่งอึ้งไป “อึ้งไปละซี้ ถ้าไม่เชื่อ ฉันขอแนะนำให้ไปถามนายครรนั่นดู”
จันทร์ทิพย์เดินนวยนาดออกไป ปลาใหญ่เอนหลังพิงเก้าอี้
“เอาละซี ไอ้ปลาใหญ่ วางระเบิดลูกบ๊ะละฮึ่มไว้เลย”
จันทร์ทิพย์กลับมาที่ห้องแล้วโทรศัพท์หาเกริกก้อง
“แล้วมันว่าไง”
“ก็อึ้งกิมกี่ไปเลยซิคะ”
เกริกก้องยิ้มอย่างพอใจ
“จริงซิ ไอ้ฉันก็ลืมไปเลย เดี๋ยวจะให้อลิสาถ่ายสำเนาไปให้มันดู ไม่รู้ว่าเรื่องสำคัญอย่างนี้ลืมไปได้ยังไง...นี่ก็อีกไม่กี่เดือนแล้ว ยังไม่เห็นมันบริหารอะไรเลยสักอย่าง ขอบใจมาก...”
“ไม่เป็นไรค่ะ เป็นหน้าที่ของภรรยาที่แสนดีอย่างจันทร์อยู่แล้ว”
จันทร์ทิพย์วางโทรศัพท์ลง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพอใจ
ขณะนั้นปลาใหญ่โทรศัพท์หาครรชิต ครรชิตหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์
“ไอ้เซียน ไม่อยากจะรับมันเล้ย เอาไงดี...” ครรชิตนับนิ้ว “รับ...ไม่รับ...รับ ...” ครรชิตนับเรื่อยจนครบ 10 นิ้วลงที่รับจะนับนิ้วเท้าอีกก็เกรงใจ “..รับเป็นรับ...ว่าไง ไอ้เซียน”
“คุณคัน ผมอยากพบคุณ”
“แกก็มาหาฉันเอง รู้นี่ว่าฉันอยู่ที่ไหน”
“เรื่องนี้สำคัญมาก เกี่ยวกับปลาใหญ่เจ้านายคุณด้วย”
“ฉันบอกว่าให้มาเอง แค่นี้ใช่มั้ย” ครรชิตปิดโทรศัพท์ “เด็ดขาดน่าดูเหมือนกันนะเรา ...เรื่องอะไรของมัน”
ครรชิตทำหน้าสงสัย
ค่ำวันเดียวกันนั้นเมื่อปลาใหญ่กลับเข้าบ้าน สมศรีซึ่งคอยทีอยู่แล้วรีบเดินเข้ามาหา
“คุณปลาใหญ่คะ คุณก้องให้เชิญไปพบที่ห้องนั่งเล่นหน่อยค่ะ”
ปลาใหญ่พยักหน้าแล้วเดินนำสมศรีไป
ปลาใหญ่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นซึ่งเกริกก้อง รัญญา จันทร์ทิพย์ นั่งรออยู่อย่างพร้อมเพรียง
“ขาดไปคนนึงจะครบเซ็ท คุณปกรณ์ไปไหนซะล่ะครับ” ปลาใหญ่ถามหาปกรณ์
“นั่งลงซิ นายเซียน”
“อีกแล้...ขอบอกเป็นคำขาด ถ้าเรียกผมว่า นายเซียน ผมจะไม่นั่ง”
“งั้นแกก็ยืนฟังอยู่อย่างนั่นแหละ”
“และผมจะไม่ฟังด้วย”
ปลาใหญ่หันหลังกลับจะเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน”
เกริกก้อง รัญญา จันทร์ทิพย์บอกพร้อมกัน ปลาใหญ่ยิ้มแล้วหันกลับมา
“นั่งซิคะ คุณหลานปลาใหญ่” จันทร์ทิพย์บอกเสียงอ่อน
“ค่อยยังชั่ว” ปลาใหญ่ยอมนั่งลง
“ได้อ่านสำเนาที่ฉันส่งไปให้หรือยัง”
“อ๋อ อ่านแล้วครับ”
“แล้วไง”
“กระชุ่มกระชวยซิครับ ข้อความในนั้นเป็นประดุจ อะดีดาตีนที่ฉีดกระฉุดต่อมพลังงานเคมีเร่งเร้ารุ่มร้อนให้ผมทำงานซึ่งอย่าว่าแต่ 1 ปีเลย อีกครึ่งปีก็ยังไหว ... ผมสามารถ”
“นี่มันเลยครึ่งปีไปแล้วจ้ะ แน่จริงก็ทำให้ได้ภายใน 3 เดือนซิ” รัญญาท้า
“น้องรันขา...3 เดือนใครเขาจะทำไหวคะ ไม่มีทางหรอกค่ะ ต่อให้เป็นเด็กเนิร์ดก็เถอะ ไม่สามารถค่ะ ... ไม่สามารถ” จันทร์ทิพย์บอก
“งั้น 2 เดือนไปเล้ย”
ปลาใหญ่บอก เกริกก้องมีสีหน้ายิ้มเยาะ
“โถ...โถ... โถ...อย่าบีบคั้นตัวเองเลยจ้ะ” จันทร์ทิพย์บอก
“อ๋อ ผมสบายมาก”
“อย่าเลย พี่ไม่ค่อยแน่ใจ”
“ดูถูกกันนี่หว่า...เอ๊ย นี่ครับ”
“ไม่ละ ฉันไม่อยากได้ชื่อว่าเอาเปรียบนาย เพราะแค่ปีเดียวนี่นายก็จะแย่อยู่แล้ว”
เกริกก้องบอกซึ่งแต่ละคนพยายามกลั้นยิ้มเต็มที่
เกริกก้อง จันทร์ทิพย์ รัญญาแยกจากปลาใหญ่มาที่ห้องเกริกก้อง พอมาถึงหน้าห้องทั้งสามคนก็ปล่อยพรวดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่แล้ว แม้กระทั่งเกริกก้องก็ยังอดไม่ได้
“ไม่นึกเลยว่ามันจะง่ายแล้วก็โง่ขนาดนี้”
“โถ น้องรันขา มันแค่ขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างนี่คะ”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะให้อลิสาร่างสัญญาใหม่”
“จันทร์เองดีกว่าค่ะ เรื่องนี้จันทร์จะจัดการเอง”
“ก็ตามใจ”
“รันไปห้องก่อนนะคะ”
เกริกก้องพยักหน้า
“กู๊ดไนท์...ลูกรัก”
“กู๊ดไนท์ค่ะ คุณพ่อ กู๊ดไนท์ค่ะ น้าจันทร์”
รัญญาเดินออกไป ขณะที่เกริกก้องและจันทร์ทิพย์เดินเข้าห้อง
ครรชิตคุยโทรศัพท์กับปลาใหญ่ด้วยสีหน้าตกใจสุดๆ เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“อย่าบอกนะว่าพอคุณก้องท้า...นายก็รับคำท้า”
“ผมกำลังจะบอกอย่างนั้นพอดี แต่...มีปรับเปลี่ยนนิดหน่อย คือแทนที่จะเป็น 3 เดือน ผมก็ขอเป็น 2 เดือน”
“โล่งใจไปที” ครรชิตกำลังจะนั่งลงรีบกระเด้งขึ้นยืนใหม่ราวกับถูกถีบ “หา! สะ...สอง...สองเดือน”
“เป็นไงครับ” ปลาใหญ่ทำเสียงภาคภูมิใจ
“โง่ซิครับ โง่ดักดานเลย ถามมาได้ต่อให้เพิ่มสัญญาเป็น 2 ปี แกก็ยังจะไม่รอดเล้ย ดันลดเหลือ 2 เดือน”
“ไม่รู้ซิ ก็เมื่อกี้ผมมั่นใจ เชื่อมั่น...แน่วแน่”
“เออ! แล้วตอนนี้ล่ะ”
ปลาใหญ่จ๋อยลงทันที
“สงสัยคุณต้องช่วยผมแล้วละ”
“ช่วยยังไง ฉันถูกไล่ออกแล้ว”
“ผมจะรับคุณเข้าไปใหม่”
“ไม่มีทาง คุณก้องเขาไม่ยอมหรอก แกเหลือตัวคนเดียวแล้ว ไอ้เซียนเอ๊ย ซ่าส์ซะจนได้เรื่อง”
“คุณคัน ถ้าคุณไม่ช่วย เจ๊งทั้งครอกเลยนะ”
“ครอกแกน่ะซิ”
“อ้ะ ครอกผมน่ะมันรวมทั้งปลาใหญ่ด้วยนะ อย่าลืม” ครรชิตนิ่งอึ้งไป “อึ้งไปเลย”
“งั้นเอาอย่างงี้”
ปลาใหญ่ฟังสิ่งที่ครรชิตบอกอย่างตั้งใจ
ที่บ้านยายปิ่น ขณะนั้นสายพิณกำลังนอนอ่านตำราเรียนอยู่ ประตูเปิดออกยายปิ่นเดินเข้ามา
“ทำอะไรฮึ สายพิณ ยายเรียกตั้งนานไม่ได้ยิน”
“อ่านหนังสือสอบจ้ะ ยาย”
“อ้าว เอ็งเรียนจบแล้วไม่ใช่เรอะ”
“จบ ม.6 ยาย ตอนนี้ฉันกำลังคร่ำเคร่งเรียน ป.ตรี”
“แล้วทำไมไม่บอกยาย ยายน่ะสนับสนุนเต็มที่อยู่แล้ว...องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านว่า อัตตาหิ...อัตโน...นาโถ...ตนนั้นเป็นที่พึ่งแห่งตน”
สายพิณเงยหน้ามอง
“แล้วมันเกี่ยวกับที่หนูเรียน ป.ตรียังไง”
“ก็...ก็...คนที่พึ่งตัวเองได้มันก็ควรต้องมีความรู้มั้ง”
“พิณ ไอ้พิณ อยู่ป่าว”
เสียงกระสือตะโกนเรียก
“อยู่จ้ะ ป้า” สายพิณลุกขึ้นทันที
“นังกระสือมันมาเรียกเอ็งทำไม” ยายปิ่นถามอย่างแปลกใจ สายพิณไม่ตอบรีบเปิดประตูออกไป “ท่าทางจะมีปะรินซี”
สายพิณออกมาคุยกับกระสือหน้าบ้าน สีหน้าแวววาวขึ้นมาทันทีเมื่อกระสือมาส่งข่าวเรื่องเซียน
“พี่เซียนมาเหรอป้า”
“เออ กำลังซุบซิบมุบมิบอยู่กับอีตาคัน”
“ขอบคุณมาก ป้าสือ”
“นั่นจะไปไหน เจ้าพิณ” ยายปิ่นถามเมื่อออกมาเห็นสายพิณใส่รองเท้า
“ไป...เอ้อ ...ไปแถวๆ นี้แหละจ้ะยาย” สายพิณบอกแล้วรีบวิ่งไป
“นังสือ แกมาชวนหลานฉันไปไหน”
“หลานแกเป็นคนไหว้วานฉันเอง ชวนเชิญที่ไหน”
“เจ้าพิณมันไหว้ ให้แกทำอะไร”
“ไปถามมันเองซิ” กระสือบอกแล้วเดินออกไป
“เดี๋ยว เกี่ยวกับไอ้เจ้าเซียนใช่มั้ย” กระสือหันมาอ้าปากจะพูด “มุสาวาทาเวรมณี ...สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านว่า...”
“ท่านว่าให้แกไปดูเองดีกว่า...”
กระสือบอกแล้วเดินไป ยายปิ่นรีบตาม
สายพิณเดินแกมวิ่งจะเลี้ยวไปทางบ้านลุงป่อง จังหวะนั้นครรชิตเดินเลี้ยวออกมากับปลาใหญ่
“พี่เซียน มาชุมชนพัฒนาสู่สุขาฯทั้งที ทำไมไม่แวะไปเยี่ยมพิณที่บ้าน ต้องให้ถ่อมาหา”
“พี่รีบมารีบกลับ”
“อ้อ เดี๋ยวนี้ทำตัวเป็นวัวลืมตีน”
ครรชิตสะดุ้ง
“ซวยอีกแล้ว”
“รู้จักคำว่า บาปบุญคุณโทษบ้างมั้ย” ยายปิ่นบอก
“ผม ...”
“สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า ...”
“ยายปิ่น ผมน่ะไม่รู้เรื่องจริงๆ”
“เวรกรรมก็มีจริงเหมือนกัน”
ขณะที่ยายปิ่นเถียงกับครรชิต สายพิณคว้าแขนปลาใหญ่ดึงไป
สายพิณจูงแกมลากปลาใหญ่หลบมามุมหนึ่ง แล้วปลาใหญ่ก็ดึงแขนออก
“หน็อย รังเกียจพิณเรอะ”
“เปล่า เดี๋ยวใครมาเห็นมันจะไม่ดีกับพิณเอง ยิ่งตอนนี้พี่อยู่ในคราบไอ้ปลาใหญ่”
“งั้นก็ออกมาซะที ออกมาได้แล้ว”
“ออกไปได้ง่ายๆ ก็ดีน่ะซิ มันขึ้นอยู่กับบริบทหลายอย่าง”
“แนะ...แนะ...แนะ...แน้! เดี๋ยวนี้ บอริบ่งบอริบท ถามจริง...แปลว่าอะไร”
“ไม่รู้ ฟังในที่ประชุมเขาพูดกัน”
“แล้วก็จำมา”
“อือ”
“พี่เซียน พิณจะบอกอะไรให้ แค่พยายามพูดจาให้เหมือนพวกเขาก็ใช่ว่าจะทำให้ดูดีมีตระกูลกลมกลืนกับเขาได้ถ้าพี่เซียนไม่ลงมือทำ”
“ทำไร”
“ก็ทำงานไง”
“พิณก็รู้ว่า ทั้งชีวิตพี่มีงานอย่างเดียวที่ทำเป็นซึ่งก็คือว่าขี่มอไซค์รับจ้าง”
สายพิณมองหน้าปลาใหญ่อย่างเพ่งพิศ
“พี่เซียนคิดว่าจะอยู่ในร่างปลาใหญ่ตลอดไปเรอะ”
“งั้นมั้ง” สายพิณหน้างอ “โธ่...ถึงอยากออกมันก็ออกไม่ได้ โอกาสมันแค่ 1ใน100ล้าน”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพิณจัดให้”
“เฮ้ย”
“ระหว่างนี้พี่เซียนก็กลำกลืนฝืนทนไปก่อน”
“พี่...”
“แล้วถ้าจะให้ดี พี่ก็ต้องศึกษางานไว้บ้าง เวลาประชุมอะไรจะได้ไม่ดูโง่” ปลาใหญ่สะดุ้ง สายพิณตบหลังจนปลาใหญ่เซถลาจะหกล้ม “อะไร ตบเบาๆ แค่นี้ก็จะปลิวแล้วเรอะ แสดงว่าไอ้ปลาใหญ่นี่แรงไม่ดี ตอนที่พี่เซียนยังไม่สลับร่างสร้างรักกับมันพิณเห็นมันชอบกุมขมับปวดกบาลตลอด...เอาล่ะให้รู้ว่าพี่เซียนมีใจอยากจะสลับร่างกลับคืนแบบนี้ก็ดีแล้ว พิณจะได้กลับไปคิดหาวิธีการแก้ไข” ปลาใหญ่พยายามจะอ้าปากคัดค้าน แต่สายพิณไม่เปิดโอกาส “ไปส่งพิณหน่อย”
สายพิณออกเดิน ปลาใหญ่เดินตามด้วยสีหน้ากลุ้มๆ
ยายปิ่นยืนท้าวสะเอวรออยู่หน้าบ้านเมื่อสายพิณเดินกลับมากับปลาใหญ่จนถึงหน้าบ้าน
“หายหัวไปไหนมา หน็อย! เผลอโต้กับนายครรชิตนั้นหน่อยเดียว หันมาดูอีกทีหายแวบ”
“สบายดี เรอะยาย เมื่อกี้ไม่ทันถามสารทุกข์สุกดิบ” ปลาใหญ่ถาม
“สบาย มาตอนที่เห็นเอ็งย่างเท้าเข้ามาในซอยนี่แหละ พิณ! เข้าบ้านยายจะคุยกับไอ้คนนี้หน่อย”
“ไม่เอา เดี๋ยวยายด่าพี่เซียน”
“เอ๊ะ ข้าด่าเป็นที่ไหน สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่าน ทรงสั่งสอนเรื่องศีล 5 ดังที่ข้าจะลำดับให้ฟังดังต่อไปนี้...ปาณาติปาตา...เวรมณี...”
“ไปเถอะพี่เซียน เดี๋ยวศีล 5 จบแล้วยังมีบทอื่นอีก”
“อ้าว เจ้าพิณ! เอ็งน่ะมันมารแท้ๆ ทีเดียวเชียว”
“ไปก่อนนะยาย”
ปลาใหญ่โบกไม้โบกมือเดินไป สายพิณตะโกนไล่หลัง
“แล้วจะโทรไปหา”
“เฮ้ย เจ้าพิณ นัดแนะกับผู้ชายต่อหน้าข้าเลยเรอะ”
“ยังดีกว่านัดแนะลับหลังนะจ๊ะ ยาย”
สายพิณรีบเดินเข้าบ้าน
“เออ ก็จริงของมัน”
เช้าวันรุ่งขึ้นน้ำเพชรเดินมาที่รถแล้วชะงักเมื่อเห็นสายพิณยืนกอดอกพิงรถอยู่
“ถอยไปย่ะ เดี๋ยวรถฉันเปื้อน”
สายพิณแกว่งแขนควงไปมา
“แหม! ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญจะคุยละก็ แม่ตบสะเด็ดน้ำไปแล้ว”
“อ้อ...อ...อ...ก็ ยังได้นะ ตั้งแต่เรียนจบยังไม่ได้ตบกันอีกเลย”
“พูดธุระมาก่อน ฉันยอมรับข้อเสนอของแก จะทำให้พี่เซียนกับปลาใหญ่เกิดอุบัติเหตุสลับเข้าร่างเดิม”
“พูดจาให้สุภาพน่ะเป็นมั้ย คุณปลาใหญ่เขาเป็นถึงประธาน...”
“ประธานแก ไม่ใช่ประธานฉัน จะเริ่มกันเมื่อไหร่”
“เร็วที่สุด”
“ได้เร็วที่สุดของแกน่ะเมื่อไหร่ยะ”
น้ำเพชรนิ่งคิดครู่หนึ่ง
“อาทิตย์หน้าเป็นไง”
สายพิณพยักเพยิด
“เออ”
“เย็นนี้วางแผนกัน”
“ที่ไหน”
“แล้วจะให้ลุงพิชิตไปบอก”
น้ำเพชรบอกแล้วขึ้นรถขับออกไป
“จะเลี้ยง มอ’ไซค์ให้กลายเป็นเก๋งมั่ง! คอยดู”
สายพิณบอกตามหลัง
ครรชิตเดินตามเซียนมานั่งด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“ช่างมัน ยังไงชาตินี้ผมก็ต้องกลายเป็นไอ้เซียนไปจนตายแล้ว บริษัทจะเป็นยังไงก็ช่างมัน ดีเสียอีกปล่อยให้ไอ้เซียนบริหารจนเจ๊งทุกคนจะได้ไม่เหลืออะไร”
“ไม่ได้นะครับ คุณปลาใหญ่”
“ได้ คุณครรชิต”
“คุณพ่อคุณปลาใหญ่ล่ะครับ”
“ป่านนี้ท่านไปเกิดใหม่ให้รู้แล้วรู้รอดไปแล้ว”
“แล้วทุกสิ่งที่ท่านสร้างมากับหนึ่งสมองสองมือก็จะต้องตายตามท่านไป”
“ทำไงได้ เราเคยพูดเรื่องนี้กันแล้ว ตอนนั้นผมยังลังเล แต่ตอนนี้เต็มร้อย...”
“เต็มร้อยว่าจะสู้”
“ว่าจะถอย! คุณครรชิตโทรไปบอกไอ้เซียนได้เลยว่า ขอให้มันใช้เวลา 2 เดือนให้คุ้ม เพราะต่อไปมันก็ต้องกลับมาอยู่ข้างถนนเหมือนเดิม”
“แล้วคุณปลาใหญ่ล่ะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าเริ่มชิน อีกอย่างอยู่กับป้าไหมก็อบอุ่นดี แกเมตตาผมเสียยิ่งกว่าอาก้องกับครอบครัวอีก พวกนั้นถือมีดไว้ข้างหลัง พร้อมแทงตลอดเวลา...ปากปราศัย น้ำใจดำปี๋”
ครรชิตสะดุ้ง
“ปากปราศัย น้ำใจเชือดเฉือนครับ คุณปลาใหญ่จะทำอย่างนั้นไม่ได้ ผมไม่ยอมเด็ดขาด”
“ไม่ยอมแล้วจะทำยังไง”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ” เซียนลุกขึ้น
“คุณปลาใหญ่จะไปไหน”
“คุณพ่อเคยสอนว่า มีวิชาอยู่กับตัวอย่ากลัวผี”
“ผมว่าคุณปลาใหญ่อย่ายกคำพังเพยหรือสุภาษิตอะไรขึ้นมาเลยครับ มันฟังทะแม่งๆ...พิลึกๆ”
เซียนเดินออกไปครรชิตรีบตาม
ส่วนที่บริษัทขณะนั้นดาริกาเดินนวยนาดมาที่ห้องทำงานปลาใหญ่
“คุณปลาใหญ่ยังไม่มาค่ะ” น้ำเพชรบอก
“เรอะ งั้นฉันจะเข้าไปนั่งรอในห้องก็แล้วกัน” ดาริกาเดินไปถึงประตู แล้วหันมาเหมือนนึกได้ “อ้อ ฉันยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้าเลย เธอช่วยหาอาหารเช้าเบาๆ ให้ฉันหน่อย อ้อ น้ำส้มคั้นด้วยนะจ๊ะ”
ดาริกาเดินเข้าไปในห้อง
“สั่ง...สั่ง...เดี๋ยวแม่จะสนอง need ให้เต็มที่เลย” น้ำเพชรกดโทรศัพท์ “...เออร์ซูล่า...ขึ้นหาฉันหน่อย”
น้ำเพชรวางโทรศัพท์ลงสีหน้าเจ้าเล่ห์
ขณะนั้นปลาใหญ่ยังอยู่ที่บ้าน สมทรงและสมศรีเริ่มเสิร์ฟอาหารเช้า โดยสมศรีวางจานข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ตรงหน้าปลาใหญ่ ส่วนรัญญาเกริกก้องและจันทร์ทิพย์เป็นอาหารเบาๆ ตามเคย
“ปลาใหญ่จะขนกินเข้าไปทำอะไรเยอะแยะ”
“เหลือเวลาอยู่ดีกินดีอีกแค่ 2 เดือนเอง มันต้องรีบๆ สะสมหน่อย..จริงมั้ย...ปลาใหญ่”
“อาจจะจริง หรือไม่จริงก็ได้ครับ คุณอาก้อง” ปลาใหญ่บอกแล้วเบือนหน้ามาทางจันทร์ทิพย์ “ผมยอมรับข้อเสนอครับ คุณอาจันทร์”
เกริกก้องหันขวับมามองจันทร์ทิพย์ จันทร์ทิพย์หน้าเสียแต่ยังฝืนยิ้ม
“ข้อเสนออะไร”
“อ้าว คุณอาจันทร์ไม่ได้เล่าให้คุณฟังหรอกหรือครับ”
“ข้อเสนออะไร จันทร์ทิพย์”
จันทร์ทิพย์ถลึงตามองปลาใหญ่แล้วเบือนมายิ้มแห้งๆ กับเกริกก้อง
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 11(ต่อ)
อีกด้านหนึ่งที่บริษัทน้ำเพชรเดินนำเออร์ซึ่งเป็นแม่บ้านถือถาดวางน้ำส้มคั้นและชามปิดฝาอย่างดีเข้ามาในห้องปลาใหญ่
“วางบนโต๊ะเลย...เออร์ซูล่า”
ดาริกาชะงัก
“อะไรนะ ชื่อเออร์ซูล่าเรอะ”
เออร์พยักหน้า แล้ววางของ
“ค่ะ...คุณริก้าสั่ง เออร์ซูล่าเสิร์ฟ ก็โอเคนะคะฟังดูต่างชาติเหมือนกัน”
“มาตั้งทีหลังละซิ”
“ฮู้ย ตั้งแต่เกิดแน่ะค่ะ คุณพ่อตั้งให้ตามชื่อแฟนเก่า...แฟนเก่าคุณพ่อเป็นฝรั่ง”
ดาริกาเปิดผาจานขึ้นแล้วร้องลั่น ขณะที่สองสาวเดินไปที่ประตู
“นังเออร์ซูล่า” น้ำเพชรและเออร์หันกลับมา “แกดูซิว่า นี่อะไร”
“สำลีค่ะ”
“แกจะให้ฉันกินสำลีเรอะ นังคนบ้า” ดาริกาหันขวับมามองน้ำเพชรราวจะกินเลือดกินเนื้อ “แกจงใจจะแกล้งฉันใช่มั้ย นังน้ำเพชร”
“อ้าว ก็คุณบอกเองไม่ใช่หรือคะว่าจะอยากกินอะไรเบาๆ นังริก้า”
ดาริกาเอามืออุดหู กรีดร้องสุดเสียง เออร์และน้ำเพชรอุดหูเช่นกัน
รถเกริกก้องแล่นเข้ามาจอดหน้าออฟฟิศ ขณะที่ทุกคนในบริเวณนั้นต่างพากันตกใจกับเสียงของดาริกาที่ดังก้องลงมาจนได้ยินชัดทั่วบริษัท เกริกก้องและจันทร์ทิพย์ก้าวลงจากรถ เมื่อรปภ.เข้ามาเปิดประตูรถให้เช่นเดียวกับรัญญา
“ใครมาร้องเอะอะโวยวายที่นี่”
เกริกก้องถามอย่างไม่พอใจ
“ไม่ทราบครับ” รปภ.บอก
“ไม่รู้ก็ขึ้นไปดูซิ”
“ครับ รีบขึ้นไป”
ทั้งหมดรีบขึ้นไปดู
ดาริการ้องห่มร้องไห้สะอึกสะอื้นฟ้องเกริกก้อง โดยมีอลิสาคอยส่งทิชชูให้
“ริก้าไม่ไหวแล้ว นังเลขาปลาใหญ่มันเหยียดหยามริก้า”
“ไล่มันออกเดี๋ยวนี้เลยค่ะ คุณพ่อขา แบบนี้เอาไว้ไม่ได้” รัญญาบอก
“อลิสาไปตามมาให้นะคะ”
“ไม่ต้อง ฉันจะไปไล่มันเอง” จันทร์ทิพย์บอก
“อย่าลดตัวลงไปเด็ดขาด”
“อ้าว แล้วจะปล่อยให้มัน...”
“พ่อจะสั่งให้ปลาใหญ่ไล่มันเอง”
“งั้นริก้าไปบอกเองก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนถึงคุณพ่อ” เกริกก้องนิ่วหน้า
“นี่จะบอกว่าพ่อจัดการให้ไม่ได้หรือเปล่า”
“อุ๊ย เปล่านะคะ ริก้าไม่เคยคิดอย่างนั้น”
“รันรับรองเพื่อนของรันได้ค่ะ ไป ริก้า”
สองสาวเดินออกไป จันทร์ทิพย์หันมาทางอลิสาซึ่งทำเป็นยืนจัดโน่นจัดนี่
“เธอก็เหมือนกัน! ออกไปได้แล้ว”
“ค่ะ” อลิสาทำเป็นตัวสั่นงันงกออกไป
“ทำไมเธอถึงหงุดหงิดกับอลิสานักนะ” เกริกก้องต่อว่า จันทร์ทิพย์ของขึ้นทันที
“ทำไมคะ นี่แตะต้องไม่ได้เลยหรือไง อยากรู้นักว่ามันวิเศษตรงไหน”
เกริกก้องพยายามระงับความรำคาญ
“มันก็ไม่ได้วิเศษวิโสตรงไหนหรอก แค่ฉันรำคาญเท่านั้น”
จันทร์ทิพย์เม้มปากแล้วเดินออกไป เกริกก้องมองตามพลางเป่าปาก
ดาริกาดึงแขนรัญญาเข้ามาในห้อง
“เดี๋ยวก่อน ปรึกษากันก่อน ถ้าเป็นอย่างที่แกเล่าให้ฟัง นายเซียนมันมิเข้าข้างเลขามันเรอะ”
“ก็คงอย่างนั้นแหละ เพียงแต่มันจะได้ไม่สงสัยว่าแกรู้ความจริงไง”
“อ๋อ เข้าใจแล้ว แล้วถ้ามันไม่ไล่นังนั่นละ”
“ฉันก็จะพูดเอง”
“โอเค งั้นไปได้”
สองสาวเดินออกไป
ดาริกาและรัญญาเดินตรงมาที่ห้องทำงานปลาใหญ่โดยน้ำเพชรทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ดาริกาสะกิดรัญญาให้ดู รัญญาเดินมาท้าวสะเอวตรงหน้าน้ำเพชร
“อย่านึกว่ารอดนะยะ”
“ค่ะ”
“พูดจาน่าตบ”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าคำว่า “ ค่ะ” เลยนะคะ มีแต่พวกคุณพูดกันเอง ถ้าอยากจะตบก็คงต้องตบกันเองแล้วละค่ะ”
“แม่น้ำเพชร อย่าถือดีว่ามี Back นะ ฉันสามารถเอาหล่อนออกได้”
เสียงโทรศัพท์ภายในดังขัดจังหวะขึ้น
“คะ...ท่านประธาน อ๋อ...มาแล้วค่ะ...ค่ะ...” น้ำเพชรวางโทรศัพท์ลงแล้วลุกขึ้น “ท่านประธานให้เชิญเข้าไปข้างในได้แล้วค่ะ” น้ำเพชรเดินไปเปิดประตูให้สองสาวเดินเข้าไปโดยไม่วายจิกตาใส่น้ำเพชร “แม่พวกคุณหนู! ฉันก็คุณหนูเหมือนกันย่ะ”
ปลาใหญ่จับตามองดาริกาและรัญญาตั้งแต่เปิดประตูเข้ามา
“เชิญนั่งครับ...เชิญนั่ง”
ดาริกาลอบสบตารัญญา รัญญาพยักหน้าให้ ดาริกาบีบน้ำตาไหลพรากทันที
“ฮือ! ไม่เอาน่า ริก้า...ร้องไห้เป็นเด็กไปได้”
“ก็ฉันทั้งอับอาย ทั้งเสียใจนี่”
“เอ๊ะ เรื่องอะไรหรือครับ”
“อ้าว แม่เลขาหน้าหมวยสวยอึ๋ม เขายังไม่ได้รายงานปลาใหญ่หรอกหรือจ๊ะ”
“ไม่เห็นพูดอะไรนี่ครับ”
“งั้นดีเลย ริก้าพูดเอง...จะเล่าให้ฟังทั้งหมดถึงสิ่งที่มันอัดอั้นอยู่ภายในใจของริก้า”
เซียนและครรชิตกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเซียนหยิบขึ้นมารับ
“ฮัลโหล...”
“น้ำเองค่ะ”
“มีอะไรหรือครับ อ๋อ...ผมอยู่กับคุณครรชิต เล่ามาได้เลย”
ครรชิตเงยหน้ามองเซียนซึ่งมีสีหน้าขรึมลง ขณะฟังน้ำเพชรอย่างใคร่ครวญครุ่นคิด...บางจังหวะก็พยักหน้าช้าๆ รับคำเบาๆ ในลำคอ
ส่วนที่ห้องทำงานปลาใหญ่ รัญญาและดาริกามองปลาใหญ่เขม็งราวกับรอคำตอบ
“ว่าไงคะ” ปลาใหญ่เอนหลังพิงพนัก “อย่าบอกนะว่า เธอเห็นแม่เลขาหน้าหมวยดีกว่าริก้า”
“ใครเขาจะบอกอย่างนั้น แต่ว่าผมให้เขาออกไม่ได้”
“ทำไม” รัญญาและดาริกาถามออกมาพร้อมกัน
“เพราะผมดันไปรับปากกับคุณครรชิต ลุงของเขาไว้”
“ไม่เห็นจะจำเป็น”
ปลาใหญ่ทำหน้าขึงขัง
“มันเป็นสัญญาของลูกผู้ชาย ถึงจะอยากไล่ยัยหมวยนั่นออกไปใจจะขาด แต่ผมก็ทำไม่ได้เพราะมันขัดกับอุดมการณ์”
“หมายความว่า จะไม่ไล่แม่นั่นออก”
“เห็นใจผมเถอะครับ คุณริก้า”
ดาริกาถอนใจเฮือก สบตาเซ็งๆ กับรัญญา
เซียนจ่ายเงินค่าอาหารแล้วลุกขึ้นเดินออกไปกับครรชิต
“ตามที่หนูน้ำเล่า แสดงว่าพวกนั้นต้องการจะไล่ทุกคนที่แวดล้อมเจ้าเซียนออกให้หมด หรืออีกนัยหนึ่งต้องการจะโค่นไอ้เซียน” เซียนเดินออกไปเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร “คุณปลาใหญ่ว่ายังไงครับ”
เซียนยังไม่พูดอะไรทั้งสิ้น
ทั้งคู่เดินมาขึ้นรถ ครรชิตประจำที่คนขับแต่ยังไม่ยอมสตาร์ทรถ
“คุณปลาใหญ่ไม่เห็นพูดอะไรสักคำ”
“ก็ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะมันไม่ใช่เรื่องของผม”
ครรชิตถอนใจเฮือก แล้วขับรถออกไป
เซียนและครรชิตเดินมาถึงหน้าบ้าน ครรชิตตัดสินใจพูดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
“คุณปลาใหญ่”
เสียงกระแอมดังขึ้นแล้วสายพิณเดินเอามือไขว้หลัง ส่ายอาดๆ เข้ามาครรชิตและเซียนหันไปมอง
“มาอีกแล้ว...ยัยรู้ด”
“ไปไหนมา”
“ไป…”
“ไม่ได้ถามลุง” ครรชิตสะดุ้ง สายพิณสะบัดบ๊อบกลับมาที่เซียน “ฉันถามว่าไปไหนมา”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
“ใช่ทีเดียวแหละ เพราะนายมาเอาร่างของพี่เซียนของฉันไป”
“หนูเข้าใจผิด”
“เอ๊ะ ก็บอกว่าไม่ได้พูดกับลุง” ครรชิตยกมือกุมขมับ “ปวดกบาลอีกแล้ว พวกคนรวยนี่แก่ปวดกบาลกันจั๊ง”
“คุณปลาใหญ่...ผมว่าผมไปดีกว่า”
“ควรจะไปตั้งนานแล้วละลุ้ง”
“โชคดีนะครับ คุณปลาใหญ่ ...สู้...สู้”
ครรชิตเดินไป สายพิณเดินขึ้นบ้านเซียนนิ่วหน้าแล้วรีบตามเข้าไป
พอเข้ามาในบ้าน สายพิณนั่งลงเอกเขนกอย่างสบายอกสบายใจ
“ผู้หญิงก๋ากั่น”
เซียนต่อว่า สายพิณมองนิ่งๆ ครู่หนึ่งแล้วขำกลิ้ง
“ผู้หญิงก๋ากั่น โอ๊ย ผู้หญิงก๋ากั่น ถามจริง...ไปได้ยินมาจากไหน”
“พ่อฉันพูด ทำไม”
“ค่อยยังชั่ว นึกว่าพูดเอง มันเชย...โบราณ...ล้าหลังตั้งแต่สมัยกึ่งพุทธกาลแล้วละมั้ง”
“แล้วไอ้กึ่งพุทธกาลที่เธอพูดน่ะมันทันสมัยนักเรอะไง...เธอรักนายเซียนเรอะ”
สายพิณเชิดหน้า
“เราเป็นแฟนกัน”
“เธอเป็นแฟนเขาข้างเดียวมั้ง”
สายพิณผุดลุกขึ้นทันที
“ไอ้ปลาใหญ่” สายพิณน้ำตาไหลพรากด้วยถูกจี้จุด
“รสนิยมมันไม่ใช่เด็กกะโปโลอย่างเธอร้อก ต้องโน่น...สุภาพสตรี มีความรู้อย่างคุณน้ำเพชร”
เซียนพูดแทงใจดำสายพิณอย่างแรง
“ไอ้ปลาใหญ่บ้า พี่เซียนเขารักฉัน เราเป็นแฟนกันตั้งนานมาแล้ว นังน้ำเน่านั้นน่ะเรอะ สุภาพสตรี มันละตัวแสบ...”
“อิจฉาเขาละซิถึงได้ใส่ร้าย”
“ไอ้บ้า...ถ้าไม่เชื่อแกลองไปถามคนแถวร้านทองดู นี่ถ้าแกไม่ได้ใช้ร่างพี่เซียนของฉันละก็เป็นถูกตบคว่ำไปแล้ว” สายพิณสะอึกสะอื้น เซียนมองเพ่งพิศ “มองหาอะไร เดี๋ยวแม่ตบ...”
“คำก็ตบสองคำก็ตบ ถ้าเธออยากให้นายเซียนรักก็ต้องปรับปรุงตัวเสียใหม่”
“อย่าสะเออะมายุ่งเรื่องของฉัน คอยดูนะ...นายออกไปเข้าร่างเดิมเมื่อไหร่ ฉันสาบานเลยว่าจะต้องเอาเลือดหัวนายออกให้ได้”
สายพิณเดินลงส้นออกไปด้วยสีหน้าพิศวง ผิดกว่าทุกครั้ง
เซียนกลับเข้าห้อง นั่งลงบนตียงครุ่นคิดถึงสิ่งที่ครรชิตพูด
“คุณปลาใหญ่ไม่เห็นพูดอะไรสักคำ”
“ก็ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะมันไม่ใช่เรื่องของผม”
เซียนเอนตัวลงนอนหลับตาลงแล้วนึกถึงสิ่งที่เขาเคยให้สัญญากับพ่อว่าจะดูแลบริษัทอย่างดี เซียนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
“คุณพ่อ...ปลาใหญ่กราบขอโทษครับ ที่ความโกรธเกลียดเคียดแค้นทำให้ปลาใหญ่ลืมตัวถึงขนาดลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับคุณพ่อ ไม่ว่าจะอยู่ในร่างไหนปลาใหญ่ก็ยังเป็นลูกคุณพ่อเสมอ”
สีหน้าเซียนดูหนักแน่น มั่นคงขึ้น
ขณะนั้นครรชิตนอนทอดถอนใจอย่างกลุ้มๆ
“ครรชิตเอ๊ย ถ้าแกทำให้คุณปลาใหญ่กลับไปเป็นคนเดิมไม่ได้ แล้วจะมีหน้า...”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“คุณครรชิต คุณครรชิต”
ครรชิตผุดลุกขึ้นทันที แล้วรีบเดินมาเปิดประตูจึงพบเซียนยืนมองด้วยใบหน้าที่มั่นคงหนักแน่น
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณครรชิตกลุ้มใจ”
เซียนบอก
“โอย...อย่าขอโทษเลยครับ ผมรู้ดีว่าคุณปลาใหญ่ต้องผจญกับอะไรมาบ้าง แล้วที่ยังประคับประคองตัวเองไม่ให้เป็นบ้าไปนี่มันก็ประเสริฐที่สุดแล้ว”
“ทุกสิ่งทุกอย่างมันบ้าบอคอแตกมาก บางครั้งผมยังนึกว่าตัวเองแค่ฝันร้ายไป”
“ผมเสียใจ”
“เรื่อง...”
“เรื่องที่ไม่สามารถปกป้องคุ้มครองคุณปลาใหญ่ให้รอดพ้นจากอันตรายได้”
“โธ่เอ๊ย คุณครรชิต...ดราม่า...ดราม่า”
“ตกลงเราจะช่วยนายเซียนบริหารบริษัทใช่มั้ยครับ”
“ใช่! เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง” เซียนลุกขึ้นยืน มองไปข้างหน้าแล้วหันกลับมาอย่างแน่วแน่ “รู้มั้ยคุณครรชิต”
“ยังไม่ทราบครับ แต่อีกประเดี๋ยว คุณปลาใหญ่บอกก็คงจะทราบ”
“พอผมเริ่มคิดใหม่ ก็เกิดกำลังใจขึ้นมาใหม่ ถ้าวิญญาณผมกับนายเซียนสลับกันได้ก็ต้องกลับที่เดิมได้เหมือนกัน เหมือนที่ผู้หญิง 2 คนนั่นเคยพูด”
“สองคนไหนครับ”
“กรุณาตามผมให้ทันหน่อยคุณครรชิต ผู้หญิงสองคนที่สร้างความปวดกบาลให้ผม”
“คุณปลาใหญ่”
“ทำไม ก็กบาลแปลว่าหัวไม่ใช่เรอะ”
“ใช่ แต่ว่า...”
“คุณพ่อเคยสอนผมว่า เข้าเมืองตาเหล่ก็ต้องตาเหล่ตาม”
“ตาหลิ่วครับ...ขอประทานโทษที่ต้องขัด เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม”
“นั่นแหละ แต่ผมว่าควรจะเป็นตาเหล่มากกว่า” ครรชิตอ้าปากจะอธิบายต่อ เซียนยกมือห้าม “... อย่าเถียง”
“ขอประทานโทษครับ”
“ผู้หญิง 2 คนที่สร้างความปวดกบาลให้ผม คือ น้ำเพชรและสายพิณ”
สีหน้าเซียนเชื่อมั่นมาก
น้ำเพชรกำลังก้มตาทำงานโดยมีเออร์กวาดถูพื้นอยู่ใกล้ๆ อลิสาเดินถือซองสีน้ำตาลมา
“เฮลโหลว” น้ำเพชรเงยหน้ามอง อลิสาแกว่งซองไปมาตรงหน้าน้ำเพชร “อยากรู้มั้ยว่าในนี้มีอะไร” น้ำเพชรยังมองนิ่งๆ “ไม่ต้องตอบก็ได้ เพราะฉันจะบอกให้เอาบุญ นี่ไง...ในนี้น่ะเป็นสัญญาที่คุณปลาใหญ่ในห้องนั้นทำกับคุณก้องไว้” น้ำเพชรยังจ้องเขม็ง ขณะเออร์หน้าตายกวาดถูไปเรื่อย “สัญญาที่คุณปลาใหญ่ในห้องบอกว่าจะพัฒนาบริษัทให้เห็นผลงานภายใน 2 เดือน ... ซึ่งถ้าไม่สำเร็จก็จะยกบริษัทให้คุณก้อง” น้ำเพชรเบิกตากว้าง “ชัดแบะ”
อลิสาเดินเข้าไปในห้องปลาใหญ่ น้ำเพชรรีบตาม
ปลาใหญ่กำลังศึกษางานในแฟ้มอย่างขมักเขม้นขณะที่อลิสาเข้ามาและน้ำเพชรตามมาติดๆ
“สัญญาลูกผู้ชายที่คุณปลาใหญ่ทำไว้กับคุณก้องค่ะ”
อลิสาวางซองให้ปลาใหญ่ ปลาใหญ่รับมาเปิด
“อย่าเซ็นนะ”
น้ำเพชรรีบบอก อลิสาเบือนหน้ามามองยิ้มๆ
“เลขา ที่ไหนมาสั่งเจ้านายได้”
“นาย...เอ๊ย คุณปลาใหญ่”
ปลาใหญ่หยิบปากกาขึ้นมา
“มันเป็นเรื่องของผม เป็นการตัดสินใจของผม”
“นาย...เอ้อ...คุณไม่มีสิทธิ์”
ปลาใหญ่ชะงัก
“อุ๊ยต๊าย คุณปลาใหญ่น่ะเป็นท่านประธานบริษัทเชียวนะยะ การตัดสินใจของ...” น้ำเพชรอ้าปากจะพูด แต่อลิสาพูดต่อ “แล้วดูใบหน้าท่าทางท่านเวลาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วซิ ช่างสง่างามเด็ดเดี่ยวเด็ดขาดสมกับที่เป็นผู้นำจริงๆ...น่านับถือเหลือเกินค่ะ...ท่านขา”
“แน่นอนที่สุด”
ปลาใหญ่ลงมือเซ็นทันที
“คุณปลาใหญ่...”
ปลาใหญ่ส่งสัญญาคืนให้อลิสา
“เรียบร้อย”
“ขอบคุณมากค่ะ” น้ำเพชรขบกราบแน่น มือสั่นเทา “ไปนะจ้ะ คุณเลขา”
อลิสาเดินออกไป น้ำเพชรก้าวเข้ามาตบปลาโครมตกเก้าอี้
อลิสาเดินเยื้องย่างออกมาจากห้องปลาใหญ่ แล้วยกซองขึ้นจูบ เออร์ซึ่งก้มหน้าก้มตาดูอยู่มุมหนึ่งเบือนมามองพื้นบริเวณนั้นมีฟองอยู่เล็กน้อยพอให้ลื่นแต่ถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็น เท้าอลิสาเหยียบพื้นลื่นล้มร้องลั่น
“ว้าย ว้าย...ย...ย...”
น้ำเพชรดึงคอเสื้อปลาขึ้นมาจะตบซ้ำ แต่แล้วทั้งคู่ก็ต้องชะงักกับเสียงร้องของอลิสา
“อลิสเป็นอะไร”
น้ำเพชรใช้เข่าฮุกท้องปลาใหญ่จนปลาใหญ่ลงไปกอง
“เป็นบ้าไงล่ะ”
น้ำเพชรปัดมือแล้วเดินออกไปดู
น้ำเพชรออกมาจากห้องแล้วอ้าปากด้วยความตกใจ เพียงครู่เดียวสีหน้าน้ำเพชรก็เปลี่ยนเป็นยิ้มๆ เมื่อเห็นเออร์กำลังอุ้มอลิสาขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ นังเอ๋อ” เออร์ปล่อยทันที อลิสาเสียหลักล้มอีก “ว้าย”
ปลาใหญ่เปิดประตู หน้าตาแดงตัวงอเป็นกุ้งออกมา
“อ้าว คุณอลิสา ทำไมลงไปนอนแอ้งแม้งอย่างนั้นล่ะ”
“ก็นังเอ๋อนี่ซิ...คอยดู ถ้าเรื่องถึงคุณก้อง แกได้ไปนอนกินแกลบอยู่กับบ้านแน่”
อลิสาเดินเซออกไป เออร์หยิบซองรีบตามไปส่งให้ อลิสากระชากซองมาแล้วเดินสะบัดบ๊อบไป
ปลาใหญ่เดินยกมือกุมหน้าซีกที่ถูกตบกลับเข้ามาในห้อง
“นายเซียน นาย...”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“คุณช่วยรับที”
น้ำเพชรเดินมาหยิบโทรศัพท์ดู
“เอ๊ะ คุณปลาใหญ่...สวัสดีค่ะ...คุณปลาใหญ่ ...ค่ะ...ค่ะ... ได้ค่ะ” น้ำเพชรวางโทรศัพท์ลง “คุณปลาใหญ่ต้องการพบนายด่วน” ปลาใหญ่ทรุดตัวลงนั่ง น้ำเพชรเดินมากระชากตัวปลาใหญ่ลุกขึ้น “ นั่งไม่ได้ นายต้องไปพบคุณปลาใหญ่กับฉันเดี๋ยวนี้”
อลิสากลับมาฟ้องเกริกก้องและร้องห่มร้องไห้โดยมีเกริกก้องคอยโอบกอดปลอบใจ
“อลิสไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้วจริงๆ คุณก้องต้องไล่มันออก ทั้งนังน้ำเพชรแล้วก็นังเออร์ซูล่านะคะ ไม่งั้นมันหัวเราะเยาะอลิสตายเลย อลิสโทรตามมันมาเดี๋ยวนี้เลยนะคะ”
“เอาเลย ฉันจะไล่มันออกโดยไม่จ่ายเงินชดเชยด้วย”
อลิสาเดินไปที่โต๊ะเกริกก้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด โดยเกริกก้องตามมาโอบกอดไว้
จันทร์ทิพย์พูดโทรศัพท์ด้วยสีหน้าโกรธจัด
“ฉันไม่เชื่อแก”
“ไม่เชื่อก็ไปดูที่ห้องของประธานสมภารกินไก่วัดซิ”
เสียงปิดโทรศัพท์ จันทร์ทิพย์เม้มปากแล้วเดินออกไปโดยเร็ว
น้ำเพชรก้มลงจูบโทรศัพท์แล้วเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า
“แล้วเขาจะไม่รู้เรอะว่าเบอร์คุณ” ปลาใหญ่ถามอย่างแปลกใจ
“เครื่องนี้ไม่โชว์เบอร์ ฉันไม่โง่เหมือนนายหรอก”
ลิฟท์ขึ้นมาจอด น้ำเพชรเปิดประตูเดินเข้าไปตามด้วยปลาใหญ่
“เอ๊ะ ทำไมไม่มีใครรับเลยค่ะ หรือว่ามันแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน”
“งั้นเธอไปตามมันมาเองเลยดีไหม”
“ดีค่ะ...เดี๋ยวอลิสามานะคะ”
อลิสายื่นหน้าจุ๊บแก้มเกริกก้อง จังหวะนั้นประตูเปิดออกจันทร์ทิพย์ก้าวเข้ามา จันทร์ทิพย์เบิกตากกว้างกับภาพที่เห็น
“นังอลิสา”
จันทร์ทิพย์กระชากอลิสาออกจากเกริกก้องแล้วตบอย่างแรงจนอลิสากระเด็นไป
“โอ๊ย”
“จันทร์ทิพย์ ทำอะไรน่ะ”
“ทำไรเรอะ ถามได้ว่าทำอะไร ฉันก็จะฆ่านังคนนี้น่ะซิ” จันทร์ทิพย์แผดเสียงด้วยความโกรธจัด
“ช่วยด้วยค่ะ คุณก้องขาช่วยด้วย”
“จันทร์จ๋า ใจเย็นๆ จันทร์จ๋า...”
“ไม่ต้องมาจันทร์จ๋ง...จันทร์จ๋า”
อลิสาตัวสั่นด้วยความกลัวรีบวิ่งออกไป จันทร์ทิพย์หันขวับมามอง
“จะไปไหน นังอลิส”
จันทร์ทิพย์จะตามออกไป แต่เกริกก้องพยายามดึงตัวถ่วงเวลาไว้
“ใจเย็นๆ”
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
ทั้งคู่ยื้อกันไปมา
จันทร์ทิพย์ผลักประตูเปิดออกมาจนได้โดยมีเกริกก้องตามออกมาติดๆ
“นังอลิสา แกอยู่ไหนนังอลิสา”
อลิสาหลบอยู่ใต้โต๊ะนั่งพนมมือพึมพำ
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบริษัทได้โปรดช่วยลูกช้างด้วย”
เออร์เดินกวาดถูมา
“เออร์ซูล่า”
อลิสาสะดุ้งเฮือก ค่อยๆ แนบหน้าออกไปมอง เออร์เดินเรื่อยๆ มาอยู่ที่โต๊ะ อลิสาพึมพำเสียงสั่น
“อย่านะ เออร์ซูล่า”
“เห็นนังอลิสาหรือเปล่า” อลิสาค่อยๆ ยื่นหน้าออกไป เออร์ก้มลงมองพอดี อลิสาพนมมือไหว้พลางส่ายหน้าเป็นเชิงขอร้องให้ปฏิเสธ “ว่าไง เห็นหรือไม่เห็น”
อลิสายื่นมือออกไปสะกิดขาเออร์
“ไม่เห็นค่ะ”
อลิสาถอนใจเฮือก
“เขากลับไปแล้วมั้ง”
“เออร์ซูล่า ไปตามรปภ. มาพบฉันเดี๋ยวนี้”
“ค่ะ”
จันทร์ทิพย์เดินนำเกริกก้องกลับไปที่ห้องของเธอ อลิสาค่อยๆ คลานออกมาจากใต้โต๊ะ
อลิสามองซ้ายมองขวา แล้วรีบคว้าสัมภาระเข้าไปในห้องเกริกก้อง
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 11(ต่อ)
รปภ. เดินเข้ามาในห้องทำงานจันทร์ทิพย์แล้วยืนเรียงแถวหน้ากระดานเรียบร้อย
“เคยเห็นเลขาท่านประธานไหม”
“เคยครับ”
“ไปช่วยกันตามหาให้พบ แล้วพามาหาฉันที่นี่”
“ครับ”
“ลงมือได้” ทุกคนโค้งทำความเคารพแล้วออกไป จันทร์ทิพย์เบือนหน้ามาทางเกริกก้อง “จันทร์สังหรณ์แล้วทีเดียว”
“เธอทำเกินไป”
“อะไรนะ”
“ฉันว่าเธอทำเกินไป”
“ไล่นังเมียน้อยของคุณออกไปน่ะเรอะ ทำเกินไป”
“ใช่ ถึงคุณไล่อลิสาออกไป แต่แน่ใจแล้วหรือว่าฉันจะไม่แอบติดต่อกับเขาข้างนอก...”
“คุณก้อง”
“คิดดูให้ดีซิ ถ้าเขาออกไปแล้วไม่มีงานทำฉันก็ต้องส่งเสียเขาแทนเงินเดือน...” จันทร์ทิพย์ขบกราม “อีกอย่าง ฉันอาจจะสงสารเขามากขึ้น แล้วก็ไปหาเขามากขึ้นก็ได้”
จันทร์ทิพย์โกรธจนน้ำตาซึม
“ที่พูดแบบนี้ เพราะจะไม่ต้องการให้มันออกใช่มั้ย”
“ลองไปคิดดูก็แล้วกัน”
เกริกก้องลุกขึ้นเดินออกไป จันทร์ทิพย์กำมือแน่นแค้นสุดๆ
เกริกก้องกลับเข้ามาที่ห้องทำงานแล้วชะงักเมื่อเห็นอลิสา
“อลิสา”
อลิสาโผเข้ากอดเกริกก้อง
“คุณก้องขา”
“นี่เธอไปแอบซ่อนที่ไหนมา”
“ใต้โต๊ะทำงานค่ะ อลิสาต้องออกจากงานหรือเปล่าคะ”
“ยังไม่ต้อง”
อลิสากอดเกริกก้องแน่น
“ขอบคุณค่ะ คุณก้อง... ขอบคุณมาก”
“คุณอยู่ในนี้ไปก่อนจนกว่าผมจะตกลงกับจันทร์ทิพย์ได้”
อลิสาเดินไปล็อคประตูแล้วเดินกลับมาขณะที่เกริกก้องหยิบซองสีน้ำตาลออกมาจากลิ้นชักแล้วหยิบ
สัญญามาดู
“มันปลอมลายเซ็นได้เหมือนปลาใหญ่มาก”
“ถ้าสังเกตดีๆ ยังเห็นที่แตกต่างเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าไม่คุ้นกับลายมือก็จับไม่ได้เหมือนกัน”
“ไม่เป็นไร เพราะคงไม่มีใครคัดค้านเมื่อครบกำหนด อะไรๆ มันเข้าทางเราอยู่แล้ว”
เกริกก้องเอาสัญญาใส่ซองตามเดิมแล้วเก็บไว้ในเซฟ
“เมื่อกี้นังเออร์ซูล่ามันช่วยอลิสไว้”
“แล้วจะเอายังไง จะไล่มันออกหรือเปล่าล่ะ”
อลิสาส่ายหน้าขณะเดินมานั่ง
“ไม่ทราบซิคะ อลิสยังงงๆ อยู่เลย ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก”
อลิสาเอนตัวลงนอนบนโซฟา หลับตาลงกลุ้มๆ
ที่บ้านลุงป่อง ขณะนั้นเซียน น้ำเพชร ปลาใหญ่และครรชิตกำลังนั่งปรึกษากันอยู่
“ขอให้รู้ว่าที่ฉันจะทำทุกอย่างให้บริษัทก้าวหน้าก็เพราะฉันให้สัญญาไว้กับคุณพ่อ ไม่ใช่เพราะอยากจะช่วยนาย”
“รับทราบ”
“ทุกวันคุณปลาใหญ่จะวางแผนบริหาร แล้วเมลไปให้หนูน้ำเพชร”
“น้ำมาเอาเองดีกว่าค่ะ”
“มันไม่สะดวก อย่าเลย...”
น้ำเพชรสบตาเซียน บอกความในใจชัดแจ้ง
“น้ำอยากมาค่ะ”
ครรชิตมองน้ำเพชรสลับมองเซียนยิ้มๆ ปลาใหญ่มองภาพนั้นด้วยสีหน้าสะเทือนใจสุดๆ
“ถ้าอย่างนั้น ผมเอาไปส่งให้ที่บ้านคุณดีกว่า”
“ได้ค่ะ”
ปลาใหญ่ลุกขึ้นเดินผลุนผลันออกไป เซียน ครรชิต น้ำเพชรมองตาม
“ผมจะไปดูเขาหน่อย”
ครรชิตบอกแล้วเดินออกไป
ปลาใหญ่เดินมาหยุดครู่หนึ่งแล้วเบือนหน้ากลับมาทางครรชิตซึ่งตามมา
“ตอนนี้ผมมีทุกอย่างแล้ว แต่คุณน้ำก็ยังไม่รักผม ตอนจนก็ไม่รักพอรวยก็ยิ่งรังเกียจคุณคันคิดว่าผมควรจะทำยังไงดี”
“ถามแล้วก็ถามอีก ถามอีกก็ถามแล้ว ถามคำถามเดิมอยู่นั่นแหละไม่เบื่อเรอะไง”
“งั้นถามใหม่ก็ได้ ผมจะเอาชนะใจเธอได้ยังไง”
“ไม่รู้” ปลาใหญ่ถอนใจยาว “แล้วนายจะต้องสนใจทำไมในเมื่อตอนนี้ นายจะจีบผู้หญิงสักกี่คนก็ได้”
“คุณคันเคยรักใครมั้ย”
“ไม่เคย เพราะถ้าเคยก็คงแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว”
“นั่นซิ ไม่น่าถามให้เปลืองน้ำลายเล้ย”
“สายพิณล่ะ...”
ปลาใหญ่ส่ายหน้า
“ผมไม่ได้รักสายพิณ”
“แต่เด็กคนนั้นเป็นคนดีหน้าตาหรือก็สะสวย”
“ก็บอกแล้วว่าไม่รักๆๆๆๆ”
“งั้นนายก็ได้คำตอบจากตัวเองเป็นครั้งที่ร้อยแล้วมั้ง”
ขณะนั้นหมอแม่นยืนแอบมองอยู่ที่หน้าต่างบ้านตัวเอง
น้ำเพชรนั่งเงียบๆ ลอบชำเลืองมองเซียนซึ่งนั่งมองออกไปภายนอกแต่แล้วจู่ๆ เซียนหันมาโดยที่น้ำเพชรไม่ทันรู้ตัวน้ำเพชรสะดุ้งตกใจทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ก้มหน้าลงมองมือตัวเอง
“เมื่อกี้ดูท่าทางนายเซียนจะเสียใจมาก”
“เรื่องอะไรหรือคะ”
“คุณไม่รู้จริงๆ หรือ”
น้ำเพชรเม้มปากครู่หนึ่ง
“น้ำไม่สนหรอกค่ะ สายสะดือ...เอ๊ย!สายพิณอาจจะสนเพราะเขาเคยประกาศว่าเขาเป็นแฟนกับนายเซียน”
“ผมว่าไม่ใช่” เซียนเสียงแข็งโดยไม่รู้ตัว น้ำเพชรมองเซียนอย่างประหลาดใจจนเซียนรู้สึกตัว “ไม่รู้นะ...ผมอาจจะคิดผิดก็ได้”
น้ำเพชรนิ่งไปครู่หนึ่ง
“แผลของคุณปลาใหญ่เป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็ทำท่าจะทรุดลงเรื่อยๆ รอเวลาว่าเมื่อไหร่มันจะลามไปทั่วตัวเท่านั้น”
สีหน้าเซียนดูเศร้าลงไป
“ไม่มีวัน น้ำไม่มีวันให้เป็นอย่างนั้นเด็ดขาด” น้ำเพชรบอกเสียงเด็ดขาด
ปลาใหญ่สวมหมวก แล้วใส่แว่นเดินก้มหน้าก้มตามาเรื่อยๆ
“ไอ้เซียน” ปลาใหญ่หยุดชะงักเบือนหน้าไปมองที่มาของเสียง สายไหมกวักมือเรียก “มานี่หน่อยซิ”
ปลาใหญ่เหลียวซ้ายแลขวา แล้วเดินตรงไปที่บ้าน สายไหมเดินเข้าไปในบ้านปลาใหญ่เดินตามเข้าไป
ปลาใหญ่เข้ามาในบ้าน ในขณะที่สายไหมยืนกอดอกมองเขม็ง
“สบายดีหรือป้า” ปลาใหญ่ยกมือไหว้สายไหม
“สบายมาก ไอ้เนรคุณ” ปลาใหญ่นิ่วหน้า “หายหัวไปเสียนานเชียวนะ”
“หายที่ไหน ฉันก็ไปๆ มาๆ แถวนี้บ่อยๆ”
“มาบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยแวะมาชะโงกดูนังป้าคนนี้เลย ทำไม...เป็นอะไร หรือว่ากลัวจะเสื่อมเสียเกียรติยศชื่อเสียง”
“โธ่เอ๊ย”
“โธ่เอ๊ยทำไม ข้าพูดจี้ใจดำใช่มั้ยล่ะ”
“ยังไงฉันก็ส่งเงินให้ป้าทุกเดือนแหละน่า”
“ข้าไม่ต้องการเงินของเอ็ง เอ็งส่งมาข้าก็เอาไปถวายวัดหมด”
“งั้นเซียนก็ได้บุญน่ะซิ ไม่เป็นไรเซียนจะแบ่งบุญให้ป้าด้วย”
“คนอย่างเอ็งน่ะต่อให้ทำบุญยังไง มันก็ไม่ได้บุญ เพราะเอาเงินคนอื่นเขามาทำ สอง...เอ็งมันอกตัญญูไม่รู้คุณคน”
“ไปดีกว่า”
“จะไปไหน”
“ก็เซียนมันชั่ว เซียนมันเลว ป้าด่าเซียนมากๆ เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไป ไอ้เซียนมันก็บาปกรรมอีก”
“ข้าขอร้องให้เอ็งคืนร่างให้คุณปลาใหญ่เขา”
“ป้านี่พูดไม่เข้าใจ”
ปลาใหญ่เดินออกไป โดยไม่ฟังเสียงเรียกของสายไหม
ขณะนั้นยายปิ่นนั่งโบกพัดให้ตัวเอง
“ยายปิ่น ยายปิ่นเอ๊ย อยู่หรือเปล่า”
“ใครเรียกวะ เสียงคุ้นๆ...อยู่ ถ้าไม่ใช่ขโมยขะโจรก็เข้ามา” สายไหมเดินเข้ามายายปิ่นถึงกับชะงัก “นังไหม”
“ฉันกลุ้มใจ ไม่รู้จะปรึกษาใคร เอ้อ มันกลุ้มไปหมดเลยต้องมาพึ่งแก”
“ไม่เป็นไร ฉันน่ะไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร แล้วก็ให้อภัยแกนานแล้วดังที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้สั่งสอนไว้...เอ้า...แกกลุ้มเรื่องอะไรก็ว่ามา”
“ก็เรื่องเดิมนั่นแหละ เรื่องที่ไอ้เซียนมันทำบาปทำกรรมนักหนาด้วยการขโมยร่างคุณปลาใหญ่เขามาครอบครอง”
“กรรมใครก็กรรมมัน ทั้งสองคนที่ต้องทำกรรมร่วมกันมาในอดีตชาติ...พอชาติปัจจุบันก็เลยต้องผูกพันกันด้วยเวรกรรมอีก เอ็งต้องปล่อยวางทำใจให้ว่างจะได้ไม่ทุกข์...”
“ฉันก็เคยคิดจะทำอย่างนั้น แต่มันยากเย็นเข็ญใจเหลือเกิน”
“องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่าน...”
“ยายปิ่น”
“หือ”
“ฉันรู้แล้ว รู้หมดทุกอย่างว่าจะต้องทำยังไง แต่มันทำไม่ได้แกเข้าใจมั้ยว่ามันทำไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่างที่ว่ากรรมใครก็กรรมมัน” สายไหมหันมามอง “องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสอนไว้ไง”
ปลาใหญ่ขยับแว่นและหมวกเดินก้มหน้าก้มตามาตามซอย ผู้คนในบริเวณหรือที่ผ่านสวนไปมาพากันมองปลาใหญ่ กระสือและกระหังซึ่งกำลังเดินทะเลาะกันมาก็เลิกทะเลาะแล้วชี้ชวนกันให้ดู ปลาใหญ่ก้มหน้าก้มตาเดินเรื่อยๆ อย่างหงุดหงิดที่ต้องตกเป็นเป้าสายตา
“ถ้าไม่อยากให้ใครมอง ก็อย่าทำตัวแปลกประหลาดซิเว้ย”
มอมบอก ปลาใหญ่เบรคทันทีแล้วเงยหน้ามอง มอมซึ่งเพิ่งไปส่งลูกค้ามาจอดมอเตอร์ไซค์มองอยู่
“มอม ช่วยพาข้าไปที่จอดรถหน่อยซิ”
“ขึ้นมา”
ปลาใหญ่ขึ้นซ้อนท้ายมอมอย่างโล่งใจ มอมขี่รถออกไป
เซียนยังอยู่ที่บ้านลุงป่องนั่งกอดเข่าแหงนหน้าพิงฝาห้องด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด น้ำเพชรซึ่งยืนอยู่ที่ประตู ชะโงกออกไปมองข้างนอกหันกลับมา
“เลยหายกันไปหมด”
“คุณจะกลับไปก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำจะอยู่เป็นเพื่อนคุณปลาใหญ่จนกว่าคุณครรชิตจะกลับมา”
เสียงฟ้าเริ่มร้องครืนๆ ดังขึ้น
“ฝนกำลังจะตก คุณกลับไปดีกว่าเดี๋ยวฝนตกแล้วกลับไม่ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ทั้งสองเงียบกันไปครู่หนึ่งแล้วน้ำเพชรพูดขึ้นในที่สุด “คุณปลาใหญ่ยังจำวันนั้นได้มั้ยคะ วันที่เกิดเหตุ ฝนจะตกแบบนี้เลยแล้วน้ำก็อยู่ทำงานเป็นเพื่อนคุณปลาใหญ่”
เซียนหลับตาลงนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ขับรถมาแล้วถูกไล่ยิงท่ามกลางฝนตกจนรถคว่ำ เซียนสะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นทันที
“มันไม่ใช่อุบัติเหตุ ผมจำได้แล้ว”
“อะไรหรือคะ”
“ผมถูกใครคนนึงไล่ยิงจนทำให้รถคว่ำมันไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอน”
“แล้วคุณปลาใหญ่จำคนๆ นั้นได้มั้ยคะ” น้ำเพชรถามอย่างตื่นเต้น
“มันสวมหมวกกันน็อค ผมเห็นหน้าไม่ถนัด”
“คุณมีศัตรูที่ไหนบ้างหรือเปล่า ลองทบทวนดูดีๆ”
เซียนนิ่งคิดครู่หนึ่ง แล้วส่ายหน้า
“ไม่ ผมเพิ่งกลับจากเมืองนอก คุณพ่อเรียกตัวให้มารับตำแหน่งประธานบริษัทแทนท่าน ...แล้ว ...
แล้วอาก้องก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก”
“งั้นก็ไม่มีใครคะ เพียงแต่เราต้องหาข้อพิสูจน์”
“ใช่แล้ว รถไง รถต้องมีรอยกระสุน”
เซียนบอกด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ
ฝนตกลงมาอย่างหนักครรชิตหลบอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ป๋องขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปส่งคนแล้ววนกลับมา
“คุณคัน ขึ้นรถ ผมจะพาไปส่ง”
“ขอบใจ ป๋อง”
ครรชิตขึ้นซ้อนท้ายรถป๋อง ป๋องพาเลี้ยวกลับไปบ้านลุงป่อง
ป๋องเอารถมาจอดในบริเวณบ้านลุงป่องแล้วรีบตามครรชิตเข้าประตูซึ่งเปิดไว้
“หายไปไหนตั้งนานคะ คุณลุง”
“ก็เดินไปกับไอ้เซียนน่ะซิ ขากลับฝนดันตก”
“ตกหนักซะด้วย” ป๋องมองเซียนและน้ำเพชรเพ่งพิศ “นี่สองคนอยู่กันตามลำพังหรือครับ”
“นายป๋อง” น้ำเพชรยกมือสั่นเทาให้ดู “เห็นมือฉันไหม”
ป๋องยิ้มแห้งๆ
“เห็นแล้วครับ แล้วก็ต้องกราบขอโทษด้วยครับ”
“คุณครรชิต เมื่อกี้ผมคุยกับคุณน้ำเพชรถึงเหตุการณ์วันนั้น...”
“ทะลึ่ง”
“วันที่รถเสียหลักไปชนกับรถนายเซียน...ผมถูกไล่ยิง”
เซียนบอก ครรชิตและป๋องชะงัก
ขณะนั้นมอมและปลาใหญ่หลบฝนอยู่ที่ร้านขายของของสายไหมและยายปิ่น
“เฮ้ย ไอ้เซียน” ปลาใหญ่กำลังนั่งมองสายฝนหันมามอง “เอ็งรวยขนาดนี้ คุณน้ำเพชรเขาว่าไงวะ”
“จะว่าไง ก็ปลื้มไปเท่านั้น”
“จริงหรือวะ”
“จริ๊ง แต่อยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาต้องทำเป็นเก๊กไว้ก่อน”
“ข้าได้ข่าวว่า เขาจะหมั้นจะแต่งกับปลาใหญ่”
“เฮ้ย...ก็ข้านี่ไง...ปลาใหญ่ เมื่อไหร่ฝนจะหยุดซักทีวะ”
ครรชิตเดินกลับไปกลับมาอย่างครุ่นคิด แล้วหยุดหันมามองหน้าเซียน
“เท่าที่จำได้ ไม่มีรูหรือรอยกระสุนที่รถเลย ไม่อย่างนั้นตำรวจคงเรียกสอบยาว”
“จะเป็นไปได้ยังไงนอกจาก นอกจากจะตั้งใจจะไม่ยิงให้ถูก”
“งั้นปลอกกระสุนน่าจะตกอยู่แถวๆ นั้นบ้าง ต่อให้ตั้งใจจะยิงไม่ให้ถูกก็เถอะ”
“แต่เวลามันก็ผ่านมาตั้ง 6 - 7 เดือนแล้ว จะไปหาร่องรอยได้ที่ไหน”
“ไม่ต้องมีร่องรอยก็รู้ว่าใครทำ”
“นายเอ็กซ์” ทุกคนหันมามองเซียน “น่าจะเป็นนายเอ็กซ์ สมองที่มีไอคิวสูงของผมบอกอย่างนั้น” ป๋องเหวอ ครรชิตกระแอมเล็กๆ “และตอนนี้นายเอ็กซ์ก็มาหายไป”
“เราต้องหาเขาให้เจอ”
ฝนซาลงผู้คนเริ่มทะยอยกันกลับบ้าน
“ไปได้แล้ว” ปลาใหญ่บอกเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปลาใหญ่หยิบขึ้นมารับ “ฮัลโหล...ผมกำลังจะกลับ”
“อย่าเพิ่ง มาพบฉันที่บ้านนายป่องก่อน”
“เอาไว้วันหลัง”
“นายอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย”
“ผมชอบอันตราย มันตื่นเต้นมีชีวิตชีวาดี” ปลาใหญ่เก็บโทรศัพท์ “ ไป มอม”
ปลาใหญ่ขึ้นซ้อนรถมอมออกไปปากซอย
สายพิณนั่งกอดเข่าเหม่อมองสายฝนด้วยสีหน้าหม่นเศร้าจนกระทั่งเสียงมอมดังขึ้น
“พิณ สายพิณ...” เสียงเรียกของมอมทำให้สายพิณตื่นจากภวังค์ “สายพิณ”
“ได้ยินแล้ว” สายพิณลุกเดินออกไป “เรียกทำไม”
“พี่เพิ่งไปส่งไอ้เซียนหน้าปากซอยมา”
“แล้วไง”
“มันคุยว่า คุณน้ำเพชรปลื้มมัน”
สายพิณตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
“ไม่จริง”
“พี่ก็บอกว่ายังงั้นเหมือนกัน เขารังเกียจมันจะตาย”
“แล้ว...”
“มันยืนยันว่าไม่จริง” สายพิณเริ่มตาลุก “มันบอกว่าคุณน้ำเพชรน่ะมีพฤติกรรมประมาณว่า หน้าไหว้หลังหลอก”
“นังน้ำเพชร”
“ตอนนี้เขา 2 คนมีทุกอย่างที่เหมาะสมกับคู่ควรกันแล้ว เอ้อ...เราก็ปล่อยเขาไปเหอะ ยังมีคนดีๆ ที่รักและปรารถดีกับน้องสายพิณด้วยความจริงใจ ซึ่งก็คือ ...”
สายพิณต่อยมอมโครม ตกมอเตอร์ไซค์ มอมร้องลั่น
“ไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้เลย ไอ้มอม บอกให้ไป”
“นังสายพิณ”
“ยังอีก”
“จ้ะ ไปเดี๋ยวนี้ละจ้ะ”
มอมรีบลนลานขึ้นมอเตอร์ไซค์ออกไป สายพิณเม้มปากพลุ่งพล่ามครู่หนึ่ง แล้วเดินกลับเข้าข้างใน
สายพิณกลับเข้าห้องหยิบโทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะขึ้นมากด
“พี่ป๋อง นังน้ำเพชรยังอยู่ที่นั่นหรือเปล่า... ดี... เปล่า ไม่มีอะไร....อ้อ มีนิดนึงก็ได้ ฝากบอกด้วยว่าอยู่กับไอ้ปลาใหญ่น่ะดีแล้ว อย่ามายุ่งกับพี่เซียนของฉัน”
สายพิณปิดโทรศัพท์แล้วเดินออกไป
ยายปิ่นเดินออกมากินน้ำจึงเห็นสายพิณกำลังจะออกไปข้างนอก
“จะไปไหนฮึ เจ้าพิณ”
“ออกไปธุระแถวนี้แหละ ยาย”
“เมื่อกี้ข้ากำลังสวดมนตร์ได้ยินใครมาเรียกเอ็งแว่วๆ”
“ยายหูแว่วมั้ง”
“เจ้าพิณ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า การพูดโกหกเป็นบาป ผิดศีล ...” สายปิ่นพูดไม่ทันจบ สายพิณเดินออกไปจากบ้านแล้ว “แน่ะ ไอ้พิณ ยายยังพูดไม่ทันจบ กลับมาก่อน ไอ้พิณหูน่ะมีมั้ย หูมีหรือเปล่า” ยายปิ่นถอนใจเฮือกนั่งลง “สรุปว่ามี แต่มันไม่ฟัง เฮ้อ”
ส่วนที่บ้านปลาใหญ่ เกริกก้องเดินเข้ามาในครัว สมทรงหันมาเห็นถึงกับสะดุ้ง
“คุณผู้ชาย เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ... เงียบจัง”
“ฉันต้องการให้เธอใส่อาหารเสริมให้ปลาใหญ่กิน เหมือนที่เคยใส่ให้พ่อมัน”
“อ๋อ...ได้เลยค่ะ สมทรงจัดให้ไม่ต้องเป็นห่วง”
เกริกก้องพยักหน้าแล้วเดินออกไป
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 11(ต่อ)
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านลุงป่อง เซียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาครรชิตเห็นจึงถามอย่างแปลกใจ
“นั่นคุณจะโทรหาใคร”
“อาก้อง ผมจะบอกเขาว่าผมจำเหตุการณ์วันนั้นได้แล้ว”
“เฮ้ย” ป๋องอุทาน ครรชิตหันมามอง
“นายควรจะหัดอุทานให้มันสุภาพหน่อย คุณปลาใหญ่มาอยู่ที่นี่ได้ฟังแต่ตัวอย่างไม่ดีทั้งนั้น”
“แล้วจะให้ป๋องอุทานว่า ว้าย ช่วยด้วย เรอะ” ป๋องลอยหน้าถาม
“เหลวไหล เรากำลังพูดเรื่องซีเรียสกัน... น้ำไม่เห็นด้วยที่คุณปลาใหญ่จะทำอย่างนั้น”
“นั่นเป็นสิทธิ์ของคุณ แต่ผมจะทำและจำเป็นต้องทำด้วย”
“เสี่ยงนะครับ คุณปลาใหญ่”
“ถ้าไม่เสี่ยง เราก็จะไม่ได้ตัวคนร้าย ถ้าไม่เสี่ยงทุกคนก็จะรอเวลาอยู่ในมุมของตัวเองซึ่งไม่ทันใจผม แต่ถ้าเสี่ยงทุกคนจะออกจากมุมเปิดหน้าเปิดตาให้เราเห็น”
“แต่มันอันตรายค่ะ”
“แล้วทุกวันนี้คุณคิดว่าชีวิตผมราบเรียบสุขใจอันตรายไม่แผ้วพาลเรอะ”
น้ำเพชรเบิกตากว้าง
“สำนวนแบบนายมอม”
ครรชิตบอก น้ำเพชรพยักหน้าเห็นด้วย
“ยังไงชีวิตผมก็ตกอยู่ในอันตรายอยู่แล้ว จะช้าหรือจะเร็วพวกนั้นก็ต้องจำกัดผม” ทุกคนสะดุ้ง
“กำจัด ครับ” ครรชิตช่วยพูดแก้ให้ แต่เซียนไม่สนใจพูดต่อ
“ผมจะล่อฆาตกรให้ออกมาเร็วขึ้น”
เซียนกดโทรศัพท์หาเกริกก้อง
“ได้ แล้วฉันจะไปพบแก”
เกริกก้องคุยกับเซียนด้วยสีหน้าเยือกเย็นน่ากลัว จังหวะนั้นจันทร์ทิพย์เปิดประตูเข้ามาพอดี
“ใครโทรมาคะ หรือว่า นัง ...”
“ไอ้ปลาใหญ่ ไอ้ปลาใหญ่ตัวจริง ... เสียงจริง...มันนัดให้ฉันไปพบ”
“เมื่อไหร่” จันทร์ทิพย์ถามด้วยสีหน้าระแวง
“เดี๋ยวนี้”
“จันทร์ไปด้วย”
“เธอนึกว่าฉันจะไปพบอลิสา”
“ก็ใช่ไหมล่ะคะ” เกริกก้องเดินออกไปโดยไม่ตอบ จันทร์ทิพย์รีบตาม “รอด้วยค่ะ”
เซียนเดินออกมาส่งน้ำเพชรที่หน้าบ้าน
“ขอบคุณมากที่พยายามช่วยผมตลอด”
“เป็นหน้าที่ แล้วก็...เอ้อ เป็นความเต็มใจของน้ำค่ะ”
เซียนพยักหน้าแล้วรู้สึกตื้นตันจนต้องจับมือทั้ง 2 ข้างของน้ำเพชรขึ้นมาบีบเบาๆ น้ำเพชรเองก็อึ้งไปเช่นกัน ... น้ำตารื้นขึ้นมา
“คุณปลาใหญ่ต้องอดทนนะคะ สักวันนึงทุกอย่างจะต้องกลับมาเหมือนเดิม”
“ผมก็คิดอย่างนั้น คุณกลับยังไงให้ป๋องไปส่งที่ร้านหรือเปล่า”
“ส่งหน้าปากซอยค่ะ น้ำเอารถมา...”
“งั้นก็ไปเถอะครับ เดี๋ยวฝนตกอีก” เซียนค่อยๆ ปล่อยมือน้ำเพชร
“คุณปลาใหญ่ระวังตัวนะคะ แล้วก็ระวังแผลด้วย”
“ครับ”
น้ำเพชรไหว้เซียน แล้วเดินไปซ้อนมอเตอร์ไซค์ป๋อง ป๋องขับออกไปเซียนมองตามจนลับตา แล้วเดินกลับเข้ามาในบ้าน
ครรชิตหันกลับมาจากหน้าต่างเมื่อเซียนเดินเข้ามา
“หนูน้ำเพชรนี่น่ารักนะครับ สวยก็สวย นิสัยก็ดี ฐานะหรือก็...”
ครรชิตพูดขึ้นลอยๆ
“คุณครรชิตจะพูดอะไรก็พูดมาตรงๆ”
“คือ ... ผมคิดว่าถ้าคุณปลาใหญ่ยังไม่ได้รักหรือชอบพอใคร หนูน้ำนี่แหละที่...”
“ผมยังไม่อยากคิดเรื่องนั้น”
“งั้นก็แสดงว่าคิดเหมือนกันใช่ไหมครับ”
เซียนนิ่งไปครู่หนึ่ง
“ตัวผมเองยังเอาไม่รอด เลยไม่อยากทำให้ใครมาเดือดร้อนด้วย”
“แต่หนูน้ำแกเต็มใจจะเดือดร้อนกับคุณปลาใหญ่นะครับ”
“แบบนี้เขาเรียกว่า เออคิดเออเอง”
“คิดเองเออเองครับ”
“ก็นั่นแหละ”
“ผมว่า...”
“แต่ผมยังไม่ว่า”
เซียนขัด ครรชิตถึงกับจ๋อย
“ครับ”
เกริกก้องและจันทร์ทิพย์เดินผ่านห้องนั่งเล่น สมทรงกำลังเก็บของอยู่เห็นจึงถาม
“คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงจะไปไหนหรือคะ”
“ไปธุระ...”
“ปกรณ์อยู่หรือเปล่า”
“อยู่ค่ะ ทำไมหรือคะ”
“ไปตามให้มาขับรถหน่อย” เกริกก้องสั่งสมทรง
“โทรตามดีกว่าค่ะ เร็วดี”
จันทร์ทิพย์บอกแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาปกรณ์
เกริกก้องและพวกมาพบกับเซียนที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“มันรู้จักร้านนี้ แสดงว่าต้องใช่จริงๆ”
เกริกก้องบอกเมื่อเดินเข้ามาในร้าน
“นายครรชิตอาจจะเป็นคนจัดการให้ก็ได้”
“อยู่โต๊ะนั้นครับ”
ทั้งสามเดินไปที่โต๊ะครรชิตและเซียนนั่งอยู่ เซียนและครรชิตไหว้เกริกก้องกับจันทร์ทิพย์
“เชิญนั่งครับ”
ทั้งหมดนั่ลง เกริกก้องถามทันที
“มีเรื่องอะไร”
“คุณก้องจะรับประทานอะไร...” ครรชิตถาม เกริกก้องจึงสวนขึ้นทันที
“ฉันไม่กิน”
“ซักหน่อยไม่ดีหรือครับ เพราะดูคุณก้องจะอารมณ์ไม่ค่อยดี”
“ฉันอารมณ์ไม่ดีเพราะเห็นหน้าพวกแก ไม่ใช่โมโหหิว”
“มีธุระอะไรก็ว่าไป คุณก้องกับฉันจะได้รีบกลับ แต่ถ้าจะขอเงินละก็บอกก่อนว่าไม่ให้”
“ไม่ให้ก็ไม่เอาเพราะไม่ได้มาขอ ผมมีปัญญาหาได้เอง...”
“เมื่อไหร่จะเข้าเรื่องเสียทีล่ะ เจ้านายฉันท่านไม่มีเวลามานั่งต่อปากต่อคำกับคนอย่างพวกแก เวลาของท่านเป็นเงินเป็นทอง” ปกรณ์บอก เซียนปรายตามองปกรณ์แว่บหนึ่ง
“ผมจำเหตุการณ์วันนั้นได้แล้ว วันที่ทุกคนบอกว่าผมประสบอุบัติเหตุ” เกริกก้องและจันทร์ทิพย์ชะงัก สบตากันแว่บหนึ่ง “แต่ผมถูกไล่ยิง และผมคิดว่าคุณอาก้องน่าจะรู้จักไอ้คนนั้น”
“แกก็กำลังกล่าวหาฉัน”
“ผมไม่เคยมีศัตรูที่ไหนนอกจากอาก้อง”
เกริกก้องตบโต๊ะปัง
“เฮ้ย พูดให้มันดีหน่อย”
ทุกคนหันมามองปกรณ์
“พี่กรณ์ ...เงียบ”
“ร้านนี้เป็นร้านผู้ดีครับคุณกรณ์ สังเกตดูสิครับทุกคนรับประทานกันเงียบๆ คุยกันเบาๆ”
ครรชิตบอกปกรณ์ฮึดจะเอาเรื่องครรชิต แต่จันทร์ทิพย์ดึงแขนและถลึงตาห้ามไว้
“แกนัดฉันมาบอกแค่นี้น่ะเรอะ” เกริกก้องถาม
“ยังมีอีกนิดนึงครับ ผมจะพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้”
เกริกก้องยิ้มอย่างเย็นยชาแล้วลุกขึ้นยืน
“เอาเลย ใครๆ เขาคงเชื่อแกหรอก ดูสารรูปตัวเองซิ แกคือไอ้เซียนคนขี่มอ’ไซค์รับจ้าง ไม่เหลือเค้าของไอ้ปลาใหญ่เลย”
เกริกก้องบอกแล้วเดินออกไป จันทร์ทิพย์และปกรณ์เดินตาม เซียนและครรชิตมองตามเซียนยกแก้วน้ำผลไม้ขึ้นจิบนัยน์ตาครุ่นคิด
เกริกก้อง จันทร์ทิพย์และปกรณ์เดินมาขึ้นรถโดยเกริกก้องมีสีหน้าเคร่งขรึมลง ขณะที่จันทร์ทิพย์มีสีหน้าเป็นกังวล
“คุณก้องคะ”
“ไปคุยกันที่บ้าน”
ขณะกลุ่มของเซียนยังอยู่ในร้านอาหาร
“ท่าทางคุณก้องแกจะโกรธมาก” ครรชิตบอกออกมา
“นั่นแสดงว่าแผนของเราได้ผล”
“แต่คุณปลาใหญ่ก็ต้องระวังตัวมากขึ้น”
“คุณครรชิตก็เหมือนกัน กินข้าวกันดีกว่า”
เซียนกินข้าวเงียบๆ อย่างสบายใจ ในขณะที่ครรชิตยังมีสีหน้าเป็นกังวล
ทางด้านเกริกก้อง เมื่อกลับถึงบ้านปกรณ์เดินตามเข้ามาอย่างพินอบพิเทาพอเกริกก้องนั่งลง ปกรณ์รีบขยับหมอนขยับเก้าอี้ให้
“จันทร์นึกว่ามันลืมไปแล้วเสียอีก”
“คุณก้องสั่งมาเลยครับ ว่าต้องการให้ผมทำอะไร”
“ต้องคิดให้ดี อย่าบุ่มบ่าม เพราะถ้ามันกล้าเปิดก็แสดงว่ามันมีแผนเหมือนกัน”
“คุณก้องควรเตือนไอ้เอ็กซ์”
เกริกก้องเบือนหน้ามามองปกรณ์
“เก็บมัน แต่ต้องอย่าให้รู้ตัว”
“ได้เลยครับ”
เกริกก้องลุกเดินออกไป จันทร์ทิพย์กระเถิบมาใกล้ปกรณ์ด้วยสีหน้าโล่งใจ
“พี่กรณ์...ตอนนี้เป็นโอกาสให้สร้างผลงานแล้วนะ”
“รู้แล้วน่า พี่จะทำให้ประทับใจสามีเธอที่สุด”
“อย่าประมาท ไอ้ปลาใหญ่น่ะมันไม่ธรรมดานะ”
“สำหรับฉันมันธรรมดามาก มันอาจจะเก่งในเรื่องการงานการเรียนแต่เรื่องแผนลับลวงพรางดีกว่าแน่”
สีหน้าปกรณ์มาดหมายมั่นอกมั่นใจ
เกริกก้องเดินกลับเข้ามาในห้องแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเอ็กซ์
“เอ็กซ์ ฉันเอง... ฉันอยากพบแก...”
เอ็กซ์อยู่ที่บ้านหมอแม่น
“ได้ครับ...นาย...ที่ไหนครับ... ครับ...ขอบคุณมากครับ”
เอ็กซ์วางโทรศัพท์ลง หมอแม่นถามอย่างแปลกใจ
“ใครโทรมาล่ะ”
“เจ้านาย ท่านต้องการพบฉัน”
“ไหนว่าให้เอ็งต้องซ่อนตัวไงล่ะ”
“คงไม่ต้องแล้วมั้ง”
“เอ็งมีเจ้านายดี คอยเป็นห่วงเป็นใย”
“ฉันก็ว่างั้นแหละ ขอเงินทีไรไม่เคยขัด”
จันทร์ทิพย์เปิดประตูห้องเข้ามา เกริกก้องจึงหันไปบอกเรื่องเอ็กซ์
“ฉันนัดให้ไอ้เอ็กซ์ไปพบที่ตึกแถวร้างนั่นแล้ว”
“แล้วมันไม่สงสัยอะไรหรือคะ”
“ฉันจะบอกว่ามีงานให้มันทำ”
จันทร์ทิพย์ยิ้มแล้วเดินมากอดแขนเกริกก้อง
“จันทร์ฝากพี่กรณ์ด้วยนะคะ”
“บอกเขาว่าให้ทำงานให้ดี แล้วอย่าได้เผยอมายุ่งกับยัยรันเด็ดขาด”
“ค่ะ รับรองได้เลย”
จันทร์ทิพย์รีบรับคำ เกริกก้องก้มมองจันทร์ทิพย์ด้วยสายตาเย็นชา
หมอแม่นลุกขึ้นจะเดินเข้าห้อง แต่นึกอะไรขึ้นมาได้จึงหันมา
“เออ เพิ่งนึกได้ วันนี้ปลาใหญ่กับคุณหนูร้านทองมาซ่องสุมกันที่บ้านไอ้ป่องอีกแล้ว”
เอ็กซ์ลุกขึ้นนั่งทันที
“ป้ารู้มั้ยว่าเรื่องอะไร”
“จะไปรู้ได้ไงวะ เขาไม่ได้ซ่องสุมกับข้านี่”
“แล้วทำไมไม่ถาม”
“ถามแล้วมันจะบอกมั้ย ลองใช้หัวเข่าตรองดูซิ ว่าแต่เอ็งเถอะ ซ่อนตัวดีๆ อย่าให้ใครเห็นล่ะ”
“มือชั้นนี้”
“เออ มือชั้นนี้ เมื่อวานซืนดันเอาผ้าขะม้าออกไปตากไอ้หังกับนังสือมันถามกันใหญ่ ข้าต้องบอกว่าผ้าขะม้าข้าเอง”
“ก็ดีแล้วนี่”
หมอแม่นบ่นพึมพำแล้วเดินเข้าห้องไป
เช้าวันรุ่งขึ้นกิมฮวยเดินนำหมอแม่นเข้ามาตามด้วยสุมาลีซึ่งถือถุงปาท่องโก๋มาด้วย
“จ๋อ...จ๋อ อาหมอแม่น อาสุมาลี เอาปาท่องโก๋ใส่จานมาชงกาแฟด้วย อ้อ ปาท่องโก๋มี 10 อัน อั๊วนับไว้แล้ว ห้ามอมเด็ดขาด”
“ทราบแล้วเปลี่ยนค่ะ”
“อะไรกัน ทราบแล้วทำไมต้องเปลี่ยน อั๊วห้ามลื้อเปลี่ยนเด็ดขาด”
สุมาลีถือจานปาท่องโก๋และกาแฟมาวางให้ กิมฮวยนับทันที
“เจ๊ก...หนอ...ซา ...สี่ฯลฯ โอเค ครบ 10 อันพอดีลื้อออกไปได้ ขอบใจ กำเสี่ย”
“หนูขอซักคู่ได้มั้ยเจ๊”
“ไม่ได้ ลื้ออย่ากินเลย นี่อั๊วไม่ได้หวงนะ แต่กลัวลื้ออ้วน ไปได้แล้ว” สุมาลีทำปากทำคอว่า “เค็ม” แล้วเดินออกไป “ลื้อก็เหมือนกัน แก่แล้วกินมากไม่ได้ ไหนมีอะไรก็ว่ามา”
กิมฮวยพูดพลาง ฉีกปาท่องโก๋ ครึ่งหนึ่งแล้วยังแบ่งครึ่งที่ฉีกออกมาอีกครึ่งส่งให้หมอแม่น
“เจ๊... เจ๊อย่าเปลี่ยนชื่อที่ไอ้เซียนมันตั้งให้เชียวนาชื่อสินเธาว์นี่มันเหมาะ เหมาะสมคู่ควรกับเจ๊สุดๆ”
“แต่อาน้ำบอกว่าอาเซียนมันด่าอั๊วทางอ้อมว่า เค็ม”
“ชื่อ “เค็ม” ก็เหมาะ ทำไมเจ๊ไม่ใช่ชื่อเค็มเป็นชื่อเล่นล่ะ”
“ชื่อเค็มเป็นชื่อเล่น”
“ฮื่อ”
“ไม่ใช่หลอกด่าอั๊วนา”
“ม้าย ...ย” หมอแม่นปฏิเสธเสียงสูง “มันเป็นการยอมรับว่าเราเค็มจริง งกจริงใครเขารู้ก็จะสรรเสริญเยินยอ”
กิมฮวยพยักหน้าช้าๆ สะบัดพัดไปมาอย่างใคร่ครวญครุ่นคิด
ส่วนที่ร้านข้าวแกงยายปิ่น ลูกค้าที่นั่งกินข้าวแซวสายพิณไปตามปกติ
“น้องพิณจ๋า ข้าวหมดแล้ว แต่แกงยังไม่หมดเลย พี่มอมแมมจะทำยังไงดี”
“ก็เอาราดหัวเสียเลยซิ” มอมสะดุ้ง ขณะคนอื่นเฮฮา “อย่ามาหลอกกินข้าวฟรีไม่มีทาง”
“ก็แล้วถ้าป๋องกินแกงหมดแต่ข้าวเหลือล่ะจ้ะ”
“ไม่ยาก...ก็เอาข้าวที่เหลือยีหัวซะเลยเป็นไง”
คนอื่นๆ เฮ
“พิณเป็นสาวแล้ว ควรจะหัดพูดจาดีๆ มีหางเสียง..อย่าเอะอะมะเทิ่ง”
“ชะช้า ไอ้พี่ชายสี่! เป็นคนขับรถโฮโซเข้าหน่อย ก็พลอยไฮโซตาม”
ขณะทุกคนคุยเฮฮากัน กระหังและกระสือเดินเข้ามา
“เฮ้ย มีเรื่องบัดสีบัดเถลิงมาบอก”
ทุกคนหันมามอง
“ยัยแม่นมีกิ๊ก”
“ฮ้า”
ทุกคนเข้ารุมฟังสือเล่า พลางทำหน้าตาขึงขังประกอบ
“เฮ้ย...อย่านินทากาเล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสสั่งสอนว่า ผิดศีลผิดธรรม...ขอข้าฟังด้วยคน”
ทุกคนโห่ฮาใส่ยายปิ่น
โปดติดตาม "แสบสลับขั้ว" ตอนต่อไป