ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 11
กุ้งนาง ชะเอม และเขียด ช่วยกันเข็นราวเสื้อผ้าเข้ามาเก็บในห้อง
“ขอบใจมากนะกุ้ง ชะเอม เอาไว้นี่แหละ เดี๋ยวพี่เขียดทำต่อเอง”
กุ้งนางกับชะเอมมองหน้ากันงงๆ ก่อนที่ชะเอมจะถาม
“ทำไมล่ะพี่เขียด งานยังไม่เสร็จนี่”
“กุ้งกับชะเอมเป็นแดนเซอร์แล้ว”
กุ้งนางรีบแย้ง
“แต่เราก็อยู่ที่ห้องนี้มาก่อน กุ้งกับพี่ชะเอมไม่ทิ้งเจ๊อึ่งกับพี่เขียดให้ลำบากหรอก”
เขียดยิ้มกว้าง
“แหม...แล้วจะทำงานสองงานได้ยังไง”
ชะเอมยืนยัน
“ทำได้สิ หูย ไม่ได้ซ้อมทั้งวันสักหน่อย”
เขียดชะงักไปนิด
“แต่ว่า...เจ๊อึ่งคงไม่ยอมหรอก”
กุ้งนางมองหน้าเขียด
“เจ๊อึ่งก็ยังไม่มีคนถูกมั้ย”
เขียดพยักหน้ารับ
“ฮึ”
ชะเอมเปรยๆ
“และงานตอนนี้ก็หนักเป็นสองเท่า”
เขียดพยักหน้ารับ
“ฮึ”
กุ้งนางตัดบท
“งั้นสรุปว่าฉันสองคนจะช่วยเจ๊อึ่งกับพีเขียดต่อไป จนกว่าจะได้คนใหม่มา”
เขียดพยักหน้ารับ หัวเราะแหะๆ
“ฮึฮึ...เจ๊อึ่งนี่เลือกคนไม่ผิดจริงๆ”
ทั้งสามช่วยกันเก็บของต่อไป
จิรายุเดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยท่าทางและหน้าตาหงุดหงิด ชามาดาตามเข้ามาหน้างอๆงอนๆ
“จินี่...รอดาหน่อยก็ไม่ได้ เราไปทานข้าว ดูหนังกันนะคะ เราไม่ได้ไปดูหนังด้วยกันมานานแล้วนะคะ”
“ผมยังมีงานต้องทำต่ออีกเยอะ ดาไปเปลี่ยนชุดกลับบ้านได้แล้ว”
“เดี๋ยวนี้จิเป็นอะไรคะ ทำไมทำตัวห่างเหินกับดาตลอด”
“ผมพยายามทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีของดา”
“โอ๊ย...ดามีเพื่อนเยอะแล้ว ดาไม่ได้ต้องการให้จิเป็นเพื่อน”
จิรายุรำคาญ
“ดากลับไปพักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้แถลงข่าว หน้าตาจะได้สดใส”
“จิ...”
ชามาดาเห็นจิรายุลงนั่งทำงานไม่สนใจยิ่งเจ็บใจ เดินปิดประตูกระแทกออกไป
ด้วงกับก้านรออยู่ตรงทางเดิน แล้วสองสาวก็รีบเดินมาหา กุ้งนางยิ้มให้สองหนุ่ม
“โทษทีพี่ก้านพี่ด้วง พอดีต้องช่วยพี่เขียดเตรียมงานวันพรุ่งนี้น่ะ”
ก้านยิ้มแย้มบอก
“ไม่เป็นไรหรอก ไปเร็วเถอะเดี๋ยวร้านเต็ม”
กุ้งนางงงๆ
“ร้านอะไรเหรอ”
“หมูกระทะ วันนี้พี่กับไอ้ก้านคุยกันแล้ว ขอเลี้ยงฉลองให้กุ้งกับชะเอมสักมื้อ”
“ฉลองที่ได้เป็นแดนเซอร์ไงกุ้ง”
ชะเอมกรี๊ดลั่น
“อ๊าย...นี่พี่ด้วงก็คิดอะไรกับชะเอมรึเปล่าเนี่ย ถึงเริ่มจะเลี้ยงดูชะเอมแล้วมาๆ ขอกอดขอบคุณหน่อย”
ชะเอมโผจะเข้ากอด แต่ด้วงยกมือห้าม ชะเอมเลยกางแขนค้างไว้ ด้วงล้วงสร้อยคอโชว์พระ
“อย่านะ นังชะเอม ข้ามีพระนะเว้ย”
ชะเอมตาเขียวใส่
“ว่าชะเอมเป็นผีเหรอ”
“ก็เออสิ เอ็งน่ะเดี๋ยวผีเข้าผีออก ข้าชักกลัวแล้วว่ะ”
ก้านกับกุ้งนางหัวเราะ ชะเอมค้อน
“เออ...ฝากไว้ก่อนเถอะ งั้นไปกันเร็ว หิวแล้ว วันนี้จะกินให้พุงกางเลย”
ระหว่างนั้นจิรายุเดินมาเจอพอดี
“อ้าว...ทำไมยังไม่กลับกันอีกล่ะ”
ด้วงตอบอย่างยิ้มแย้ม
“พวกเรากำลังจะไปกินหมูกระทะฉลองให้แดนเซอร์หน้าใหม่น่ะครับท่าน”
จิรายุคิดนิดนึง
“ดี...ฉันไปด้วยได้มั้ย”
กุ้งนางขัดขึ้นทันที
“ไม่ได้”
จิรายุงงๆ
“ทำไม”
กุ้งนางอึกอัก
“เอ่อ...”
ก้านรีบบอก
“กุ้งมันไม่อยากมีเรื่องกับคุณชามาดาแฟนท่านน่ะครับ พวกเราขอตัวนะครับ”
กุ้งนางกับพวกเดินแยกจากไป
กุ้งนาง ก้าน ด้วง ชะเอม เดินมาถึงหน้าบริษัท แล้วจิรายุก็ขับรถมาจอดปาดหน้าพร้อมเปิดกระจก
“ขึ้นรถมาให้หมด”
ทุกคนยังยืนนิ่งๆงงๆ จิรายุสั่งเสียงแข็ง
“นี่เป็นคำสั่ง”
กุ้งนางแย้ง
“แต่นี่มันเลิกงานแล้ว”
“ฉันจะจ่ายโอทีให้ เพราะฉันจะคุยเรื่องงาน ทั้งหมดนั่นแหล่ะ”
ด้วงหันมาบอกเพื่อนๆเสียงอ่อย
“พี่ว่าไปกับท่านเถอะว่ะ ถ้าท่านโกรธจะพาลตกงานกันหมดนะเอ็ง”
ทั้งหมดจำใจขึ้นรถแต่ไปนั่งเบียดกันด้านหลัง จิรายุงงๆ
“นี่ไม่มีใครคิดจะมานั่งหน้ากับฉันเลยรึไง”
กุ้งนางขัดขึ้น
“อย่าดีกว่าค่ะ พวกเราไม่อยากตีเสมอเจ้านาย”
จิรายุเหวอพูดไม่ออกไปเลย จำใจต้องขับรถออกไป ชามาดากับวีวี่ยืนดูเหตุการณ์อยู่หน้ารถตู้ ชามาดาแค้นๆ
“ฮึ...ที่แท้จิก็จะไปกับไอ้พวกข้างถนน”
“น้องดาคะ ไปกันเถอะค่ะ”
วีวี่พยายามดึงแขนแต่ชามาดาสะบัด
“โอ๊ย...จะดึงทำไม อีพี่วีวี่ตามไปดูซิ ว่าพวกมันไปไหนกัน แล้วโทรรายงานดาด้วย”
“ให้พี่เอารถตู้ไป...แล้วน้องดาจะกลับยังไง”
“บ้าสิ...ดาก็กลับรถตู้สิ พี่น่ะ หามอไซค์ตามมันไป” ชามาดาไม่ได้ดั่งใจตวาดลั่น “อ๊าย เร็วสิ เดี๋ยวก็ไม่ทันมันหรอก”
“ค่ะๆ”
วีวี่ตกใจรีบวิ่งออกไปเพื่อโบกมอเตอร์ไซค์ ชามาดามองตามไปแค้นใจจิรายุกับกุ้งนาง
ที่ร้านหมูกระทะ...จิรายุและพวกกุ้งนางพากันมานั่งลงที่โต๊ะ
“ทำไมมาร้านแบบนี้ล่ะ”
กุ้งนางเห็นก้านกับด้วงหน้าเสียที่จิรายุตำหนิร้านก็ฉุนแทนเพื่อนทันที
“เราไม่ได้ขอให้คุณมานะ ถ้าไม่พอใจก็กลับไปสิ”
ด้วงตกใจ
“เฮ้ย...กุ้ง อย่าไปว่าท่านสิ”
“ไม่ได้ว่า มันเรื่องจริงพี่ด้วง พวกเราจะมาหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ ยังจะตามมา
ทำลายความสุขของคนอื่นเขาอีก”
กุ้งนางจ้องหน้าจิรายุไม่พอใจ จิรายุได้สติมองก้าน ด้วง และชะเอมแล้วยิ้มเจื่อนสำนึกผิด
วีวี่หัวฟู ซ้อนมอเตอร์ไซค์มาจอดที่ท้ายรถจิรายุมองเข้าไปในร้าน แล้วโทรหาชามาดา...โทรศัพท์มือถือดังขึ้น ชามาดาที่รออยู่แล้วรีบรับสายทันที
“ว่าไงพี่วีวี่...อะไรนะ จิน่ะเหรอ พาพวกมันไปร้านหมูกระทะ ดูผิดรึเปล่า”
“ไม่ผิดหรอกค่ะ บุฟเฟ่ต์หัวละ 159 แทบ จะทิ่มหน้าพี่อยู่แล้วค่ะน้องดา”
“ต่ำ...จินี่ยังไงนะปล่อยให้อีปลิงพวกนั้นเกาะอยู่ได้”
“เป็นอันว่า หมดหน้าที่พี่แล้วนะคะ พี่กลับนะคะ ซิ่งมอไซค์หัวฟูหมดแล้วเนี่ย”
“อ๊ายอย่านะอีพี่วีวี่...คอยดูพวกมันก่อน จนกว่าพวกมันจะแยกจากจิ”
“แต่พรุ่งนี้เราต้องมาบริษัทแต่เช้ากันนะน้องดา”
“ดารู้ ดาตื่นไหวแน่”
“แต่พี่จะไม่ไหวสิคะ”
“โอ๊ย...เรื่องมาก บอกให้ตามก็ตามสิ เผื่ออีกุ้งเน่ามันจะลากจิเข้าโรงแรม พี่จะได้ช่วยจิทันไง แค่นี้นะ รำคาญ”
ชามาดากดวางสายแล้วยิ้มเยาะสะใจ
“หือ อีกุ้งน้ำกร่อย บ้านนอกเอ๋ย อย่างแกก็ได้แค่หมูกะทินี่แหละ”
กุ้งนาง ก้าน ด้วง ชะเอมนั่งเงียบ จิรายุรู้สึกผิด
“โอเคๆ ฉันขอโทษทุกคนด้วย ที่พูดอะไรไป ไม่ทันคิด”
ก้านตัดบท
“ช่างมันเถอะครับท่าน ร้านหมูกระทะมันกลิ่นแรงติดเสื้อผ้าจริงๆ”
ชะเอมหันไปถามจิรายุ
“งั้นมื้อนี้ คุณจิเลี้ยงรึเปล่าคะ”
ด้วงโพล่งออกมา
“โอ๊ย ท่านก็ต้องเลี้ยงสิ ท่านรวยที่สุด แล้วก็อย่าลืมเรื่องโอทีด้วยนะครับ แหะๆ”
จิรายุพยักหน้ารับ
“ได้ ตกลงตามนั้น สั่งเลยสิ สั่งเลย เต็มที่”
ทุกคนรีบสั่ง กุ้งนางมองหน้าหงิก
“ไหนบอกว่าจะคุยงานไง”
“ก็บอกแล้วไง ว่าอยากมีเพื่อน”
คราวนี้ทุกคนหันมองจิรายุเป็นตาเดียวกัน...อีกมุมวีวี่เดินเข้าร้านมา แล้วเลือกโต๊ะนั่งที่ห่างจากโต๊ะกุ้งนางกับพวก วีวี่บ่นงึมงำ
“นี่ฉันจะต้องแส่เรื่องชาวบ้านจริงๆ เหรอเนี่ย โอ๊ย...จะบ้าตาย”
เสียงข้อความดังวีวี่หยิบมือถือมาอ่าน
“ถ่ายรูปให้ดูหน่อย...โห...อีน้องดา จิกหัว จิกๆๆ ไม่ปล่อยเลยนะยะ”
วีวี่หยิบมือถือออกมาถ่ายรูปกุ้งนางที่นั่งฝั่งขวาติดกับกับจิรายุ บ๋อยรูปหล่อเดินเข้ามา
“รับเครื่องดื่มอะไรครับพี่”
วีวี่ตะลึงความหล่อ
“อุ้ย!เอ่อ...ขอน้ำเปล่าแล้วกัน พี่คอแห้งมาก”
วีวี่กลืนน้ำลาย เปลี่ยนวิถีกล้องมาทางบ๋อยๆ ยิ้มทันที
“ครับ รอสักครู่นะครับ สั่งอาหารได้เลยนะพี่ เดี๋ยวผมเอาเตามาให้”
บ๋อยเดินออกไป
“หล่อกระซวกใจป้าจริงๆ อุ๊ย แบบนี้ค่อยอยากอยู่นานๆ หน่อย”
วีวี่หันกลับมาเริ่มแอบถ่ายโต๊ะกุ้งนางต่อ
จิรายุเล่าเรื่องชีวิตของเขาให้ทุกคนฟัง
“ฉันถูกส่งไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็ก แล้วก็กลับมาเรียนที่เมืองไทยช่วงนึงเพราะติดเรื่องเกณฑ์ทหาร พอเรียนจบตรี พ่อก็ส่งไปต่อโทที่เมืองนอกอีกเพื่อนสนิทที่เมืองไทยเลยไม่ค่อยมี ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าไม่มีสักคน”
กุ้งนางกับพวกฟังจิรายุเล่าแล้วก็อึ้งสงสาร ด้วงเห็นใจ
“โอ้โห ท่านเล่าได้กระชับชัดเจนมากเลยครับ”
ก้านพูดเรียบๆ
“แต่พวกเราคงเป็นเพื่อนท่านไม่ได้หรอกครบ”
ชะเอมเสริม
“มันคนละชั้นกันน่ะค่ะ คุณจิเป็นนาย เราเป็นลูกจ้าง”
จิรายุหน้าเศร้า กุ้งนางมองอย่างสงสาร
“เป็นแค่ลูกจ้างที่ดีก่อนก็แล้วกัน ต่อไปกุ้ง เอ้อ ฉันจะไม่พูดจากวนประสาทคุณอีก”
“โอเค ตามนั้น” จิรายุยิ้ม “เอ้า หยุดินทำไม ปิ้งย่างไปสิ”
ทุกคนช่วยกันปิ้งย่างต้มกันสนุกสนาน วีวี่ก็แอบถ่ายตลอดจนมีช่วงหนึ่งที่กุ้งนางทำจานตกจะก้มหยิบจังหวะเดียวกับที่จิรายุจะก้มลงไปหยิบให้ ทั้งสองหน้าชิดกัน วีวี่ถ่ายจังหวะนี้ได้ทันพอดี
“อุ๊ย! ส่งรูปนี้ไปนังน้องดาดูดีกว่า จะเจ็บจี๊ดเข้าไปถึงใจ”
วีวี่ยิ้มสะใจ กดส่งภาพไปทันที
ชามาดาอยู่ในห้องที่คอนโดของเธอ ครู่หนึ่งสัญญาณมือถือดังขึ้นพร้อมกับภาพเหมือนจิรายุกำลังจูบกับกุ้งนาง ชามาดามองภาพนั้นก็กรี๊ดสนั่น
“อ๊าย...นังกุ้งเน่า อีบ้านนา ฉันเกลียดแก...ฉันจะต้องกำจัดแกออกไปจากชีวิตฉันกับจิให้ได้” หญิงสาวมองดูรูปอีกที “อ๊าย อีบ้า!”
จิรายุขับรถมาจอดหน้าหอพัก กุ้งนาง ก้าน ด้วง ชะเอมลงมาจากประตูหลัง จิรายุเดินลงมาส่ง
“ขอบใจนะ ฉันมีความสุขมาก วันหลังถ้าไปกินแบบนี้อีก ชวนฉันด้วยนะ”
ด้วงยิ้มรับ
“ท่าทางท่านคงจะไม่มีเพื่อนจริงๆ”
“ก็จริงน่ะสิ”
ชะเอมเห็นใจสุดๆ
“โถ น่าสงสาร ถ้างั้นคุณจิมาเป็นเพื่อนกับพวกเราก็ได้ค่ะ”
กุ้งนาง ก้าน ด้วง อึ้งกับสิ่งที่ชะเอมพูด ก้านรีบปราม
“ชะเอม เอ็งพูดอะไร บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ”
ด้วงต่อว่าทันที
“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงซะแล้วนังชะเอมนี่”
กุ้งนางหันมาบอกจิรายุ
“อย่าดีกว่าค่ะ ฉันไม่อยากมีปัญหา”
จิรายุไม่เข้าใจ
“จะมีปัญหาอะไร”
“เยอะแยะไป ไหนจะแฟนคุณ ไหนจะพ่อคุณอีก...”
ก้านพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“ท่านครับ พวกเราไม่เหมาะจะเป็นเพื่อนกับท่านหรอกครับ”
จิรายุถอนใจ
“ขอบคุณนะ สำหรับวันนี้”
จิรายุเดินกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไป ชะเอมโมโห
“เฮ้ย...อะไรกันเนี่ย คุณจิเขาเลวจนเราคบไม่ได้เลยเหรอวะ”
ด้วงเห็นด้วย
“ก้าน กุ้ง พี่ว่าชะเอมพูดถูกนะ ถ้าเอาแต่เฉพาะนิสัย พี่ว่าคุณจิท่านก็ดีนะ ไม่ถือเนื้อถือตัว”
กุ้งนางมองหน้าด้วงกับชะเอม
“พี่ด้วงกับพี่ชะเอมคิดว่า คุณจิสมควรจะเป็นเพื่อนกับเรางั้นเหรอ”
ด้วงกับชะเอมพยักหน้าพร้อมกัน
“เออ...เราน่ะคนจนกุ้ง มีเพื่อนรวยไม่เห็นจะเป็นไรนี่หว่า แต่ท่านน่ะสิ จะทำยังไง้ถ้ามีเพื่อนเป็นคนจน”
ชะเอมเห็นด้วยกับด้วง
“จริงของพี่ด้วง เราคบใครก็ได้ ให้คุณจิเขาตัดสินใจเองดีกว่า”
กุ้งนางหันมาหาก้าน
“พี่ก้านล่ะว่าไง”
ก้านมองหน้ากุ้งนางนิ่งแล้วย้อนถาม
“กุ้งตอบก่อนดีกว่าว่าคิดยังไง”
กุ้งนางไม่ตอบแต่มองไปทางที่รถจิรายุวิ่งไป
จิรายุ เดินเข้าห้องนอนมาแล้วทิ้งตัวนั่งบนเตียงด้วยความเซ็ง นึงถึงสิ่งที่คุยกันที่ผ่านมาเมื่อครู่
‘จะมีปัญหาอะไร’
กุ้งนางพูดเสียงแข็ง
‘เยอะแยะไป ไหนจะแฟนคุณ ไหนจะพ่อคุณอีก...’
คำพูดของก้านที่ดูจริงจัง
‘ท่านครับ พวกเราไม่เหมาะจะเป็นเพื่อนกับท่านหรอกครับ’
จิรายุถอนใจ
“เฮ้อ...มันก็ไม่เหมาะจะเป็นเพื่อนกันจริงๆ”
ทันใดนั้นเสียงมือถือดังขึ้น เขาหยิบมาดูแล้วถอนใจเครียด กดรับสาย
“ว่าไงดา”
“เป็นไงคะ กินหมูกระทะข้างถนนกับอีนังกุ้งเก่าเน่าหนอนอร่อยมั้ยคะ”
จิรายุฉุนกึก
“นี่ดาสะกดรอยตามผมเหรอ”
“ไม่ทำยังงี้ ดาจะรู้เรื่องเหรอคะ นี่ตกลงจิ คิดจะเคลมพนักงานในบริษัทเหรอคะ”
“พูดเกินไปแล้วนะดา”
“ไม่เกินหรอก แต่ดาก็โอนะ ถ้าคิดจะเล่นๆ กับมัน สนุกไปนะคะ ยังไงดาก็รู้ว่าจิต้องกลับมาหาดาอยู่ดี”
“ดาต่อไปนี้ เราสองคนจะคุยกันเรื่องงานเท่านั้น แค่นี้นะ ผมจะนอน”
จิรายุกดตัดสาย ชามาดาร้องกรี๊ดด้วยความเจ็บใจ...จิรายุจะลุกเดินเข้าห้องน้ำแล้วมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก เขาถอนใจเครียด
“โอ๊ย...จะตามราวีไปถึงไหนเนี่ย”
จิรายุจะเดินต่อไปแล้วรำคาญเลยหันเดินกลับมาที่โทรศัพท์พอดูเบอร์ก็สงสัย
“เบอร์ใคร” ชายหนุ่มกดรับสาย “จิรายุครับ...กุ้งนาง”
กุ้งนางนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องนอน มีชะเอมนั่งอยู่ข้างๆ
“ฉันขอยืมโทรศัพท์พี่ด้วงมาโทร”
จิรายุเดินออกมานอกระเบียง
“มิน่า ว่าเบอร์เหมือนเคยเห็น มีธุระอะไรกับฉัน หรือว่าคิดถึงฉัน”
“นี่...อย่ามาคิดอกุศลนะ”
“โอเค...ได้ งั้นเรื่องอะไร”
“คือ...พวกเราคุยกันแล้ว ตกลงคุณเป็นเพื่อนกับพวกเราก็ได้”
จิรายุดีใจ
“จริงนะ”
“ฉันจะโกหกทำไมล่ะ”
ชะเอมตะโกนแทรกเข้ามา
“กุ้งมันไม่โกหกค่ะคุณจิ หรือคุณจิอยากเป็นมากกว่าเพื่อน ชะเอมก็ไม่ว่านะคะ”
จิรายุขำ
“บอกชะเอมด้วยนะ แค่เพื่อนก็พอ...ขอบใจมากนะกุ้งนาง”
“ไม่ใช่ฉันคนเดียว”
จิรายุยิ้ม
“แต่ฉันต้องขอบใจเธอเป็นพิเศษสิ เพราะฉันเคยคิดว่าเธอนิสัยไม่ดี”
“ฉันก็เคยคิดว่าคุณเป็นคนไม่ดี ถือว่าเราหายกัน”
“แสดงว่าตอนนี้เธอรู้แล้วนะว่า ฉันน่ะ เป็นคนดีน่าคบ”
“บ้า...หลงตัวเอง”
จิรายุหัวเราะแล้วนึกได้
“แล้วด้วงกับก้านล่ะเขาโอเครึเปล่า”
ด้วงยืนใช้สำลีเช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์อยู่ มองผ่านกระจกเห็นก้านนั่งซึมก็เลยเดินไปนั่งด้วย
“ไม่ต้องคิดมากหรอกว่ะไอ้ก้าน”
ก้านกลบเกลื่อน
“ฉันไม่ได้คิดอะไร”
“อย่ามาโกหกเลยว้า พี่น่ะสังเกตอยู่นานแล้ว”
“สังเกต เรื่องอะไร”
“เอ็งรักกุ้งนางใช่มั้ย”
ก้านตกใจ
“เฮ้ยพี่...ไม่ใช่หยั่งงั้นนะ”
“อย่าปฏิเสธเลยเว้ยไอ้ก้าน นอกจากจะรักไอ้กุ้งแล้ว เอ็งยังกลัวว่าไอ้กุ้งกับคุณจิจะชอบกันด้วย”
ก้านพูดอะไรไม่ออก
“เงียบแปลว่ายอมรับ”
ก้านพยักหน้า
“ฉันจะทำยังไงดีล่ะพี่ด้วง”
“ง่ายๆ เลยนะไอ้ก้าน เอ็งก็บอกไอ้กุ้งมันรู้สิวะ ก่อนที่มันจะสายเกินไป”
ก้านหน้าตื่น
“เฮ้ย...พี่ ฉันไม่กล้าหรอก”
“ถ้าไม่กล้าพูด เอ็งก็ต้องกล้ายอมรับ ถ้าวันหนึ่งไอ้กุ้งมันจะมีใคร”
ด้วงตบไหล่ก้านแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ก้านนั่งครุ่นคิดหนัก
เช้าวันใหม่...กุ้งนาง ก้าน ด้วง ชะเอม นั่งกินข้าวเช้าอยู่ที่ร้านข้าวแกง ด้วงแอบสะกิดก้านแล้วพยักหน้าให้ ก้านหันไปบอกกุ้งนาง
“กุ้ง พี่อยากกินกาแฟ กุ้งไปซื้อกับพี่หน่อยสิ”
ชะเอมขัดขึ้น
“รอแป๊บสิไอ้ก้าน ฉันจะไปด้วย”
ด้วงแกล้งออดอ้อน
“แต่พี่ด้วงยังกินไม่เสร็จเลยน้า น้องชะเอมไม่อยู่กับพี่ก่อนเหรอ”
ชะเอมยิ้มๆ
“ก็ได้จ้ะ”
ด้วงหันไปบอกก้านกับกุ้งนาง
“เดี๋ยวไปเจอกันที่ป้ายรถเมล์เลยนะ”
กุ้งนางกับก้านเดินออกไป ชะเอมก็จับมือด้วงแล้วยิ้มหวานตาวาวด้วงกลืนน้ำลายด้วยความสยอง
ก้านกับกุ้งนางเดินมาถึงหน้าร้านกาแฟ กุ้งนางจะแวะแต่ก้านจับแขนไว้
“ไม่ซื้อเหรอพี่ก้าน”
“เราเดินไปเรื่อยๆ ก่อนได้มั้ย พี่มีเรื่องอยากคุยกับกุ้ง”
“ก็พูดมาสิพี่”
“กุ้ง...กุ้งคิดว่าคุณจิรายุเป็นคนยังไง”
“เมื่อก่อนกุ้งก็คิดว่าเขาเป็นคนใจแคบ เห็นแก่ตัว แต่พอได้มาทำงานกับเขา มันก็ทำให้กุ้งเห็นอะไรชัดเจนขึ้น กุ้งว่าคุณจิก็เป็นคนที่ไม่เลวนะพี่ก้าน”
ก้านเริ่มจ๋อย ทั้งสองเดินมาถึงม้านั่งตัวหนึ่ง กุ้งนางนั่งลง ก้านนั่งข้างๆ
“จริงๆ แล้ว คุณจิเขาก็เป็นคนใจกว้างนะพี่ ตรงไปตรงมา ทำผิดก็กล้าขอโทษ”
ก้านซึมๆ
“คุณจิรายุเขาก็เป็นคนดีจริงๆ นั่นแหละเนอะ”
“ตั้งแต่มาทำงาน คุณจิก็คอยช่วยเหลือกุ้งหลายอย่างแล้วนะพี่ก้าน เรื่องจะให้เป็นนักร้อง เรื่องเป็นแดนเซอร์ มีแต่กุ้งน่ะแหละ ที่จ้องหาเรื่องเขาอยู่เรื่อย”
ก้านอึ้งเหม่อมองไปทางอื่น กุ้งนางเสียงดังขึ้น
“พี่ก้าน...ใจอลอยไปไหน”
ก้านอึกอัก
“เปล่าจ้ะ”
“แล้วที่ชวนกุ้งมาเดินเล่นเนี่ย เพราะจะถามเรื่องคุณจิเหรอ”
ก้านอ้ำอึ้งไม่กล้าบอกความจริง ว่าจะมาสารภาพรัก
“เอ่อ...ก็...ก็เรื่องนี้แหละจ้ะ”
“แปลกแฮะ เอ๊ะ...หรือว่าพี่ก้านชอบคุณจิ! พี่ก้านไม่ได้เป็นกะเทยใช่มั้ย”
ก้านสะดุ้ง
“เฮ้ย ไม่ใช่! จะบ้าเหรอ”
กุ้งนางจ้องๆหน้า ก้านยิ่งตกใจ กุ้งนางหัวเราะขำ
ครูชาตรีกำลังนั่งดื่มเครื่องดื่มอยู่ที่มุมร้านกาแฟของบริษัทเบสท์มิวสิค คมกริชเดินผ่านมา ครูชาตรีเอ่ยทัก
“คุณคม”
คมกริชหันมา
“อ้าว ครูชาตรี...แหม นั่งจิบกาแฟสบาใจเลยนะครับ”
“ก็เรื่อยเปื่อยน่ะ เพื่อจะเกิดแรงบันดาลใจแต่งเพลงได้มั่ง”
“น่าอิจฉานะครับ มีเวลานั่งจิบกาแฟ...ถ้าครูไม่ได้ทะเลาะกับคุณจรัล แล้วย้ายมาอยู่เบสท์ มิวสิคก็คงไม่สบายยังงี้นะครับ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”
“แต่ครูก็มีอิสระในการเขียนเพลง แถมยังดังทุกเพลงด้วย”
“คุณคมเองก็เป็นคนเก่ง อยู่ที่ไหนก็ดังได้สบายอยู่แล้ว...เออ แล้วนี่คุณคมมาที่นี่ทำไมล่ะ”
คมกริชอึกอัก
“เอ่อ ผมแค่ผ่านมาเยี่ยมเสี่ยเท่านั้นแหละครับ คนรู้จักคนรักกัน”
“งั้นตามสบายเลยนะ”
“เอ่อ...ครูครับ อย่าบอกให้ใครรู้นะครับว่าผมมาที่นี่”
ครูชาตรีส่ายหน้า
“ไม่หรอก ผมไม่อยากให้คุณคมมีปัญหาเหมือนที่ผมเคยมี”
คมกริชกับครูชาตรียิ้มให้กันแล้วคมกริชก็เดินไป
เสี่ยอ๋านั่งอ่านแฟ้มอยู่ โดยมีคมกริชนั่งยิ้มอยู่หน้าโต๊ะ
“แผนงานการเปิดตัวอัลบั้มของนทีทองและชามาดาก็อยู่ในแฟ้มทั้งหมดแล้วล่ะครับเสี่ย”
เสี่ยอ๋าอ่านเสร็จก็ยิ้มพอใจ
“หึๆๆ ทำได้ดีมากคุณคมกริช” เสี่ยอ๋าหยิบสมุดเช็คออกมาเซ็นต์ “ทีนี้ล่ะ บริษัทสยามซอง
เป็นได้อึ้งกันแน่”
เสี่ยอ๋ายื่นเช็คให้ คมกริชมองดูเช็คแล้วตาโตยิ้มพอใจ
“ของคุณมากครับเสี่ย...เออ ผมมีอะไรจะให้ครับ” ตมกริชล้วงกระเป๋าเสื้อ “นี่เป็นเนื้อเพลง
ที่ไอ้จิรายุมันแต่งไว้ครับ เสี่ยจะเอาไว้มั้ยครับ”
เสี่ยอ๋าหยิบมาดูและยิ้มอย่างพอใจ
“ผมว่ามันสุดยอดเลยนะครับ”
ครูชาตรีอ่านกระดาษเนื้อเพลงของจิรายุ เสี่ยอ๋าบอกยิ้มๆ
“มีคนเขาเอามาขายน่ะ ฝีมือยังอ่อนอยู่ เสี่ยสงสารก็เลยซื้อไว้ ยังไงครูก็ช่วยทำให้มันดีขั้นหน่อยนะ”
“แล้วชื่อคนแต่งล่ะครับเสี่ย”
“เขาบอกไม่ต้องใส่”
“เป็นไปได้ไง แต่งเพลงไม่เอาชื่อ ผมว่าไม่ดีนะครับ ผมไม่อยากจะขโมยงานของใครนะครับ”
“คิดอะไรมากล่ะครูชาตรี เขาบอกไม่เอาก็ไม่เอาสิ”
เสี่ยอ๋าเดินออกไป ครูชาตรีมองดูเนื้อเพลงและเดินไปที่เปียโน ลองร้องตามเล่นตามจนจบเพลง
“เนี่ยนะ ฝีมืออ่อน”
เสี่ยอ๋ากลับไปนั่งลงนั่งที่โต๊ะทำงาน เปิดแฟ้มงานที่คมกริชให้ไว้ดู เสี่ยอ๋ากดโทรศัพท์มือถือ
“เก๋...ส่งจดหมายเชิญนักข่าวให้ที ด่วนนะ”
ด้านหน้าตึกบริษัทสยามซองติดป้ายผ้ารูปหน้าปกนทีทองกับชามาดา ทุกคนกำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมตัวเตรียมพร้อมกับงานเปิดตัวอัลบั้ม ของนทีทองและชามาดา จรัล คมกริช กับจิรายุยืนหน้าเครียดอยู่ที่จุดลงทะเบียนนักข่าว จรัลงงมาก
“อะไรกันวะเนี่ย เวลาก็ป่านนี้แล้ว ทำไมนักข่าวถึงมากันแค่นี้นะ”
จรัลมองไปที่เก้าอี้นักข่าวที่มีมากันไม่มาก พีอาร์สาววิ่งมาหาจรัล
“คุณจรัลให้ตามตัวดิฉันมาเหรอคะ”
“นี่คุณทำประชาสัมพันธ์กันยังไงน่ะ นักข่าวถึงได้มากันน้อยขนาดนี้”
“ดิฉันก็ประชาสัมพันธ์เต็มที่หมดทุกอย่างแล้วนะคะ ทำหนังสือเชิญไปแทบทุกที่ มีการเตรียมอาหารไว้เลี้ยงและของแจกอย่างดี แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมนักข่าวมากันแค่นี้”
คมกริชเข้ามา
“ใจเย็นก่อนครับคุณจรัล นักข่าวอาจจะมาช้าหน่อย เดี๋ยวก็คงเยอะครับ”
ระหว่างที่ยืนเครียดกันอยู่ก็มีนักข่าวคนหนึ่งเข้ามาลงทะเบียน จิรายุเดินเข้าไปถาม
“เอ่อ พี่ครับวันนี้เขามีข่าวอื่นๆที่ไหนกันรึป่าวครับ”
“คุณจิรายุใช่มั้ย”
“ครับ”
“ช่วยไปเร่งให้เขาเปิดงานให้เร็วกว่านี้ได้มั้ยผมจะได้รีบไปที่ เบสท์มิวสิคต่อ ป่านนี้นักข่าวคงแห่ไปที่นั่นกันหมดแล้วล่ะครับ”
จรัลกับจิรายุอึ้ง จรัลหันไปถาม
“นักข่าวไปทำอะไรกันที่นั่น”
“อ้าว!นี่พวกคุณไม่รู้หรอกรึ ว่าวันนี้ที่ เบสท์มิวสิค นักร้องดาวรุ่ง รัญจวนใจจะแถลงข่าวเรื่องท้องก่อนแต่งกับนักร้องในค่าย เวลาเดียวกันเลย”
จิรายุกับจรัลยิ่งอึ้งหนัก คมกริชแอบยิ้มร้าย
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 11(ต่อ)
ในห้องประชุม จรัล จิรายุ คมกริช และริสาซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ นั่งประชุมหน้าเครียดกันอยู่ จรัลตบโต๊ะอย่างแรงจนริสาสะดุ้ง
“มันเป็นหยั่งงี้ไปได้ยังไงริสา! คุณเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์แท้ๆ แต่กลับไม่รู้ว่าที่ เบสท์มิวสิคเขาก็มีการแถลงข่าวชนกันกับเรา”
ริสากลัวๆ
“ริสาไม่รู้จริงๆ ค่ะคุณจรัล ว่าทางโน้นจะเปิดแถลงข่าวกะทันหันขนาดนี้ แถมยังเล่นข่าวแรงมากด้วย”
คมกริชหันไปถาม
“คุณริสาทำแต่งานตัวเองจนลืมดูคู่แข่งไปรึเปล่าครับ”
ริสายกมือไหว้ทุกคน
“ริสาขอโทษค่ะ”
“ขอโทษน่ะ ผมไม่เอา ผมต้องการวิธีแก้ไข”
จิรายุพูดขึ้นมา
“พ่อครับ ผมว่ามันแปลกๆ อยู่นะครับ ที่อยู่ๆ เบสท์มิวสิค จะมาแถลงข่าว เอาวันและเวลาเดียวกันกับเรา”
ริสาเห็นด้วย
“ใช่ค่ะ...ท่านประธาน ดาวรุ่ง รัญจวนใจ เพิ่ง ปล่อยเพลงใหม่ออกมา แล้ว เบสท์มิวสิค จะมาแถลงข่าว จะมาแถลงข่าวว่าท้องทำไม มันมีแต่เสียนะคะ”
คมกริชแย้งขึ้นมา
“นั่นมันเรื่องของเขาคุณริสา ผมว่าคุณรีบไปหาทางดึงนักข่าวกลับมาให้ได้ดีกว่า”
จรัลหัวเสีย
“ใช่...ประชาสัมพันธ์ทำงานไม่ดี ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีไปทำไม”
ริสาเริ่มใจเสียที่เห็นจรัลโมโห จิรายุเครียด คมกริชแอบยิ้มร้าย ริสาตัดสินใจอย่างน้อยใจ
“ถ้ายังงั้นดิฉันขอลาออกแสดงความรับผิดชอบก็ได้ค่ะ”
จรัลไม่แคร์
“ยังจะช้าอะไรอยู่อีกล่ะ”
จิรายุอึ้ง
“พ่อ!”
ริสาร้องไห้วิ่งออกจากห้อง คมกริชยิ้มสะใจ
ชามาดาบ่นอย่างไม่พอใจ
“นักข่าวมากันยังไม่ถึงสิบคน เป็นบ้าอะไรกันเนี่ย”
เขียดพยายามติดกระดุมหลังให้ชามาดาโดยมีเจ๊อึ่งยืนคุมอยู่ นทีทองกับกบก็เช็คชุดที่ใส่อยู่อีกมุมหนึ่ง เจ๊อึ่งบอกกับชามาดา
“อย่าเพิ่งบ้าค่ะน้องดา เดี๋ยวชุดปริ”
“ยังพอมีเวลา เดี๋ยวนักข่าวก็คงมากัน”
นทีทองปลอบใจคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็แอบใจเสียอยู่เหมือนกัน ชามาดาค้อนนทีทอง
“พี่นทีคะ อีกไม่ถึงชั่วโมงเนี่ยนะคะ แมวตัวไหนมันจะมาทัน โอ๊ย...นี่เรตติ้งดาต้องมาตกเพราะออกเทปคู่กับนักร้องรุ่นเก่าเหรอเนี่ย”
นทีทองมองควับที่ชามาดา สายตาพร้อมฆ่าเธอได้ทุกเมื่อ จนชามาดาเสียวสันหลัง
“โวยไป แล้วมันได้อะไรดีขึ้นมามั้ยละคะคุณน้องดา”
“ดาไม่เชื่อหรอกว่า ความดังของดาจะดึงความสนใจนักข่าวไม่ได้ มันต้องมีตัวซวยแน่ๆ”
นทีทองฉุนกึกถามเสียงดัง
“ใครตัวซวย”
ชามาดาลอยหน้าลอยคา
“ดาไม่ได้ว่าพี่ อย่ามาร้อนตัว อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มคู่ แต่ดันจะเอานักร้องหน้าใหม่มาเปิดเวที” ชามาดาใช้หางตามองกบ “มันก็เลยซวยไปกันหมด”
กบเสียใจ นทีทองขัดขึ้น
“กบมันไม่เกี่ยว อย่ามาพาลหาเรื่องคนอื่น”
“พาลอะไร ก็มันตัวซวย ยังดังไม่เท่าดาเลยเปลี่ยนสีแล้ว ลืมตัว นิสัยแย่ขึ้นทุกวัน นี่มันลักษณะของตัวซวยชัดๆ”
กบทนไม่ไหวเถียงขึ้นมาบ้าง
“พี่ดาคะ กบไม่เคยลืมค่ะว่าแดนเซอร์ให้พี่ดามาก่อน และกบก็ไม่คิดจะเทียบตัวเองกับพี่ด้วย ต่อไปกบอาจจะดัง แต่ก็คงไม่เหมือนพี่”
ชามาดาตวาด
“นังกบ”
นทีทองจ้องหน้าชามาดา
“หยุดได้แล้ว แทนที่จะด่าคนอื่น หัดดูตัวเองซะมั่ง”
“ก็ดูแล้วไง ว่าดังมากที่สุดในสยามซองตอนนี้...รู้ไว้ด้วยนะคะพี่นที ถ้าไม่ใช่แผนงานของบริษัท ดาก็ไม่อยากออกอัลบั้มกับนักร้องแก่ๆ อย่างพี่หรอก”
นทีทองโกรธ
“ชามาดา!”
เจ๊อึ่งรีบหย่าศึก
“เจ๊ว่าใจเย็นๆ กันก่อนดีกว่านะ ตอนนี้ทะเลาะกันไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เชื่อเจ๊นะนที...น้องดาด้วยนะคะ”
ชามาดากับนทีทองชะงัก เขม่นกันก่อนที่จะหันหน้าหนี กบยังรู้สึกใจเสียกับเรื่องที่ชามาดากล่าวหาว่าตัวเองเป็นตัวซวย
กบออกมานั่งหน้าห้องเงียบๆคนเดียว คิดเรื่องที่ถูกชามาดาว่าเป็นตัวซวยแล้วถอนใจ ก้านผ่านมา
“อ้าว...คุณกบ ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะพี่ มานั่งพักแก้เซ็งน่ะจ๊ะ เออพี่ก้าน พี่รู้แล้วใช่มั้ยว่า วันนี้นักข่าวมาน้อยน่ะ”
“อืม...ใช่ นี่เขาก็เครียดไปกันหมดแหละ กลัวว่างานจะล่ม”
กบนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“พี่ว่ากบเหมือนตัวซวยมั้ย”
“เฮ้ย! ถามอะไรหยั่งงั้น”
“ก็...พี่ดา เขาบอกว่ากบเป็นตัวซวยจะทำงานล่ม”
“แล้วเขาใช้เหตุผลอะไรมาว่าคุณกบยังงั้นล่ะ”
“เขาว่ากบป็นนักร้องใหม่ มาขึ้นเวทีก่อน ก็เลยเป็นตัวซวย”
“คุณชามาดานี่บ้ารึเปล่า” ก้านนั่งลงข้างกบ ปลอบ “คุณกบ...มันเป็นแค่ความคิดของ
คนไม่ดี อย่าไปคิดมากเลย ปวดหัว”
“ก็จริงของพี่ก้าน”
กบใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“คุณกบอยากเป็นนักร้อง กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าคุณกบเป็นตัวซวย บริษัทจะผลักดันทำไม”
กบยิ้ม
“ขอบคุณนะพี่ก้านที่ให้กำลังใจกบ ต่อไปกบจะไม่คิดมากแล้ว กบจะตั้งใจทำสิ่งที่กบรักให้เต็มที่ดีกว่า”
สองคนยิ้มให้กัน
ในห้องแต่งตัวแดนเซอร์ เหล่าแดนเซอร์กำลังเช็คเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ครูแจ๋วุ่นวายช่วยจัดด้วยจัดไปบ่นไป
“โอ๊ย...แม่พวกลิง ค่าง บ่าง ชะนีทั้งหลายยะ กรุณาดูแลขนฉัน เอ๊ย...ขนนกด้วยยังไม่ขึ้นเวทีเลย เหยียบกันจนขนฉันจะหลุดหมดแล้ว”
ชะเอมกับกุ้งนางช่วยดูความเรียบร้อยให้กันอยู่มุมหนึ่ง ชะเอมตัวสั่นตื่นเต้น กุ้งนางเข้าไปถาม
“ตื่นเต้นหรือพี่ชะเอม”
“เออ กุ้งล่ะ”
“ตื่นเต้นสิพี่ เคยขึ้นกันแต่เวทีเล็กๆ นี่มันเป็นเวทีใหญ่ ไม่รู้จะเป็นไง”
“เอ็งไม่รู้ แต่พี่รู้นะ...พี่รู้ว่า พี่...จะ...เป็น...ลม”
ชะเอมก็จะล้มกุ้งนางดึงไว้ เจ๊อึ่งเดินหัวเสียเข้ามาในห้องโดยมีเขียดเข็นราวผ้าตามมา กุ้งถามอย่างสงสัย
“เจ๊อึ่ง...เป็นอะไรเหรอ เดินหน้ามุ่ยมาเชียว”
“ก็เรื่องที่นักข่าวมากันน้อยน่ะสิ เฮ้อ...คิดแล้วก็ก็กลุ้มใจ”
เขียดถอนใจ
“นักข่าวมากันน้อยขนาดนี้มันจะเป็นงานแถลงข่าวเปิดอัลบั้มได้ยังไงฮึเจ๊”
ชะเอมไม่เข้าใจ
“อ้าว น้อย มากมันเกี่ยวด้วยเหรอพี่อึ่ง”
เขียดหันขวับมาแหวใส่
“นังชะเอม ถ้ามากันน้อยแล้วข่าวมันจะกว้างเหรอยะ ไม่มีคนมาคอยกระจายข่าวก็รู้กันแค่กระจึ๋งนึง แล้วจะดังได้ยังไง เจ๊งกันพอดี”
เจ๊อึ่งถอนใจแรง
“เฮ้อ แค่งานแรกก็จะล่มซะแล้วคุณจิ แทนที่จะได้พิสูจน์ตัวเอง ดีไม่ดี จะพาทั้งนทีทองกับชามาดาดับไปด้วย ซวยจริงๆเล้ย”
ชะเอมฟังแล้วก็รู้สึกสงสารจิรายุ กุ้งนางชักเป็นห่วงนทีทอง
กุ้งนางเป็นห่วงนทีทองเลยปลีกตัวออกมาจากห้องแต่งตัว เพื่อหามุมเงียบๆ หญิงสาวพนมมือ
“แม่จ๋า...ตอนนี้พ่อกำลังลำบาก แม่ช่วยพ่อหน่อยนะจ๊ะ กุ้งสงสารพ่อไม่อยากให้พ่อเจอกับเรื่องร้ายๆ”
จิรายุเดินผ่านมาเห็นกุ้งนางยืนอยู่คนเดียวเลยเดินเข้าไปหา แต่ต้องชะงักเพราะได้ยินกุ้งนางยืนพนมมือพูดคนเดียว ชายหนุ่มเห็นแล้วแอบอมยิ้ม
“สงสัยจะตื่นเต้นจัด”
จิรายุเดินเข้าไปใกล้อีกแล้วก็แอบฟัง
“กุ้งไม่อยากให้งานนี้ล่มเลยจ้ะแม่ ถ้างานล่มทุกคนจะเสียใจ โดยเฉพาะคุณจิรายุ ถึงแม้ว่าแต่ก่อนกุ้งจะไม่ค่อยหน้าเขา แต่เขาก็เป็นคนดี ตอนนี้เขาเป็นเพื่อนกุ้งแม่ก็ช่วยๆ เขาด้วยนะจ๊ะ”
จิรายุรู้สึกดีใจที่กุ้งนางมีน้ำใจเป็นห่วงตน กุ้งนางอธิษฐานเสร็จ หันหลังกลับมาตกใจ
“คุณ...มาเมื่อไหร่”
“เพิ่งมา...มาทำอะไรอยู่ตรงนี้”
“เปล่า...เอ้อ...เรื่องนักข่าวเป็นยังไงบ้างคะ”
“เธอรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ”
“เจ๊อึ่งบอกน่ะ”
จิรายุยิ้ม
“ขอบใจนะที่เป็นห่วงฉัน”
กุ้งนางค้อน
“ฉันห่วงคุณคนเดียวที่ไหน”
“นั่นแหล่ะ ยังไงก็มีฉันอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ”
กุ้งนางเขินหลบตา
“ฉันไปก่อนนะ ยังมีปัญหาให้แก้อีกเยอะ”
“ค่ะ เอ้อ...กุ้งขอให้โชคดีนะคะ”
จิรายุยิ้ม
“ขอบใจ”
จิรายุเดินออกไป กุ้งนางมองตามรู้สึกห่วง กุ้งนางได้สติ
“เอ๊ะ...นี่เราเป็นห่วงเขาเหรอ ไม่น่า”
กุ้งนางสะบัดๆ หัวเลิกคิด แล้วเดินกลับห้องแต่งตัว
ที่ห้องแถลงข่าวภายในบริษัทเบสท์มิวสิค มีนักข่าวหลายคนยืนคุยกัน ลงทะเบียน ดูคึกคัก ประชาสัมพันธ์ สาวเดินเข้ามาดูอยู่ห่างๆแล้วยิ้มพอใจ ครูชาตรีมองหน้างานอย่างแปลกใจ
“ทำไมวันนี้นักข่าวถึงเยอะจังเลย”
ประชาสัมพันธ์ สาวหันไปเห็นครูชาตรีเดินเข้ามา รีบยิ้มหวานยกมือไหว้
“อ๋อ วันนี้จะมีการแถลงข่าวเรื่องดาวรุ่ง รัญจวนใจ ท้องน่ะค่ะครู”
“หา...ดาวรุ่งเนี่ยนะท้อง”
นักข่าวเห็นครูชาตรีจึงรีบวิ่งเข้ามาสัมภาษณ์ นักข่าวที่เหลือวิ่งตาม
“ครูชาตรีคะ ดาวรุ่ง รัญจวนใจท้องจริงเหรอคะ แล้วใครเป็นพ่อคะ”
“เรื่องนี้ผมก็เพิ่งทราบครับ”
“ช่วงทำงานด้วยกันนี่ไม่รู้จริงๆ เหรอครับว่าดาวรุ่งมีแฟน”
“เอ่อ...ผมยังไม่รู้รายละเอียดจริงๆ”
“ช่วยกันปิดข่าวรึป่าวครับ”
“ผมไม่รู้จริงๆ ครับ”
เสี่ยอ๋ากำลังเดินอออกมากับเลขาเห็นนักข่าวเยอะแยะก็ปลื้ม
“แหม...ฝีมือพีอาร์เรานี่เหนือชั้นจริงๆ นะ”
“ความคิดเสี่ยมากกว่าค่ะที่เหนือชั้น”
เสี่ยอ๋ายิ้มพอใจ ตาก็เหลือบไปเห็นนักข่าวกำลังรุมสัมภาษณ์ใครอยู่มองเห็นไม่ชัด
“เอ๊ะ แล้วนั่นนักข่าวรุมสัมภาษณ์ใครอยู่น่ะ”
เลขามองๆ
“อ๋อ ครูชาตรีน่ะค่ะ”
“ครูชาตรี เฮ้ย...มาได้ไง เดี๋ยวก็ตอบผิดตอบถูกกันพอดี นี่เธอรีบเข้าไปตามครูให้ไปพบฉันที่ห้องทำงานฉันที”
เลขารีบไป เสี่ยอ๋าเป็นกังวลกลัวว่าครูชาตรีจะตอบอะไรผิดไปบ้างแล้ว
“โธ่เว้ย...อุตส่าห์กำจัดไปแล้ว กลับมาทำไมวะ เดี๋ยวก็เสียเรื่องหมด”
ครูชาตรีคุยกับเสี่ยอ๋าในห้องทำงาน ครูชาตรีตกใจ
“นี่เสี่ยตั้งใจแถลงข่าวดาวรุ่งให้ตรงกับงานเปิดอัลบั้มของสยามซองเหรอครับ”
เสี่ยอ๋านั่งอยู่ที่เก้าอี้โต๊ะทำงาน
“ใช่...ถ้าสำเร็จพวกสยามซองได้วายป่วงกันแน่ ชามาดาและนทีทองนักร้องเบอร์หนึ่งของค่าย ก็จะถูกกำจัดไปในเวลาเดียวกัน”
เสี่ยอ๋ายิ้มร้าย ครูชาตรีไม่พอใจวิธีการนี้ของเสี่ยอ๋ามาก
“แต่ผมว่ามันไม่แฟร์นะเสี่ย เราน่าจะแข่งขันกันที่ฝีมือ แทนที่จะทำลายกัน”
เสี่ยอ๋าเริ่มไม่พอใจ
“ครูเป็นนักแต่งเพลง จะรู้อะไร ทำธุรกิจมันต้องมีกำไร จะมีกำไรมาก ก็ต้องกำจัดคู่แข่งให้เหลือน้อยที่สุด”
“แต่...”
“ไม่ต้องแต่...ครูก็ทำหน้าที่แต่งเพลงของครูไป อย่ายุ่งกับฝ่ายบริหารดีกว่า”
เสี่ยอ๋าขึงขัง ครูชาตรีจึงไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้
เหล่าแดนเซอร์มาออกันที่ห้องซ้อมเต้น จิรายุ นทีทองและชามาดาที่ยืนอยู่ข้างๆ จิรายุกำลังยืนเครียดกันอยู่ เจ๊อึ่งเดินเข้าห้องมาเป็นคนสุดท้าย จิรายุบอกทุกคน
“วันนี้เราจะอาจจะเริ่มงานแถลงข่าวกันช้าสักนิดนึงเพราะนักข่าวยังมาไม่ครบ”
เหล่านักเต้นทุกคนซุบซิบกันใหญ่
“แต่ไม่ต้องห่วงนะ ทุกอย่างต้องผ่านไปได้ด้วยดี”
ชามาดาขัดขึ้น
“ทั้งที่มีนักข่าวมาแค่ไม่กี่คนเนี่ยนะคะจิ มันจะผ่านไปได้ด้วยดีได้ยังไง”
นทีทองปราม
“น้องดา...ถ้าไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ก็เงียบแล้วฟังอย่างเดียวดีกว่ามั้ย”
ชามาดาอดกลั้นเอาไว้ ครูแจ๋หนักใจ
“อย่าว่ายังงั้นอย่านี้เลยนะฮ้า...แต่แจ๋สงสัยเหมือนน้องดา ว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดีจริงเหรอ หรือว่าคุณจิหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้ได้แล้ว”
ทุกคนยังเป็นกังวลว่าจะผ่านไปได้ด้วยดีได้ยังไง จิรายุแอบยิ้มมีเลศนัย
“ผมว่าทุกคนไปเตรียมตัวกันก่อนดีกว่า”
ทุกคนเริ่มเดินทยอยๆออกไป จิรายุเดินมาหากุ้งนางแล้วดึงแขนไว้ กุ้งนางแปลกใจ
“มีอะไรเหรอ”
จิรายุยิ้มให้
“ทำให้เต็มที่นะ”
“ค่ะ”
“อีกอย่าง...ฉันดีใจที่ได้ทำงานกับเธอนะ”
กุ้งนางยิ้มเขิน
“ฉัน เอ่อ...”
“รู้น่าว่าคิดเหมือนกัน”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรนะ”
“ตาเธอมันพูดแล้ว”
จิรายุยิ้มกวนแล้วเดินไป กุ้งนางมองตามแล้วค้อน
“ตาบ้า”
หน้าเวทีมีนักข่าวอยู่ประปราย ส่วนด้านหลังเวที กบยืนถือไมค์ประหม่าอยู่ข้างบันได หน้าไม่ค่อยดี ก้านที่อยู่บนเวทีหันมาเห็นเข้าจึงเดินเข้ามาถาม
“เป็นอะไรเหรอคุณกบ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย กลัวเหรอ”
“ป่าวจ๊ะพี่ก้าน ไอ้เรื่องกลัวน่ะ กบไม่กลัวหรอก แต่...”
“แต่อะไรเหรอ”
“กบรู้สึกไม่ค่อยดีเลย ที่ต้องมาร้องเพลงคั่นเวลารอนักข่าวอย่างนี้ คือถึงกบจะเป็น
หน้าใหม่ แต่กบก็คิดว่าเขาน่าจะเปิดตัวกบให้ดูดีกว่านี้”
“โธ่...เรื่องแค่นี้เอง นี่คุณกบอยากจะร้องเพลง หรืออยากจะเป็นนักร้องดังล่ะ”
“ก็ทั้งสองอย่างแหละจ้ะ”
“แล้วเวลาร้องเพลงคุณกบมีความสุขใช่มั้ย”
“จ้ะ”
“งั้นจะสนใจทำไมว่าร้องที่ไหนเมื่อไหร่ มีคนฟังกี่คน”
“แต่...”
“ผมว่าคุณกบก็ขึ้นไปทำในสิ่งที่รัก ผมเชื่อว่า ความสุขที่กบส่งให้คนดู มันจะดึงคนดูมาหาคุณกบเอง”
กบรู้สึกดีและมั่นใจมากขึ้น เสียงดนตรีดังมาจากหน้าเวที ก้านให้กำลังใจ
“สู้ๆ! นะ”
กบยิ้มมั่นใจขึ้นเวทีไป ก้านมองตามอย่างเอาใจช่วย
กบวิ่งขึ้นเวที นักข่าวที่มาประปรายยังไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก กบร้องเพลงอย่างมั่นใจ ไม่สนว่าคนจะมาเยอหรือน้อย หญิงสางหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลัง ก้านยิ้มให้กำลังใจ กบร้องเพลงไปเรื่อยๆ นักข่าวเริ่มชอบและตั้งใจดูมากขึ้น บางรายก็ถ่ายรูปเธอเป็นระยะ
ที่โต๊ะลงทะเบียนมีนักข่าวทยอยกันมาลงทะเบียนและรีบวิ่งเข้าไปดู หลายคนมีสีหน้าพอใจและชื่นชม กบมีความสุขและยิ่งมั่นใจมากขึ้น หันกลับไปมองก้านอีกครั้ง ชายหนุ่มยิ้มดีใจด้วย
เมื่อจบการแสดงของกบ ก็ต่อด้วยการเปิดตัวนทีทองกับชามาดาขึ้นมาแสดงอย่างเต็มรูปแบบ ตอนนี้ทั้งแฟนเพลงและนักข่าวเต็มห้องงานแถลงข่าว ชามาดาและนทีทองดีใจที่เห็นคนมาเยอะ ตั้งใจแสดงเต็มที่ แฟนคลับที่อยู่ข้างล่างก็ส่งเสียกรี๊ดเชียร์กันอย่างสนุกสนาน นักข่าวถ่ายรูปไม่หยุด จรัลยืนยิ้มไม่หุบชอบใจในงานครั้งนี้มาก คมกริชยืนอยู่ใกล้ๆ ริสาที่ยืนอยู่ข้างๆจรัลก็ดีใจไปด้วย
“ยอดเยี่ยมไปเลยนะคมกริช”
“ครับ...”
คมกริชตอบทั้งที่ต้องข่มความเจ็บใจเอาไว้ จรัลหันมองริสา
“ขอบใจมากนะริสา แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่ผมใจร้อนไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรค่ะท่าน นักข่าวมาดิฉันก็ดีใจมากแล้ว แต่...ความสำเร็จทั้งหมดนี้ คุณจิรายุมีส่วนช่วยมากเลยนะคะ”
“ไอ้จิน่ะเหรอ”
จรัลยิ้มปลื้มใจและพอใจเป็นอย่างมาก ส่วนคมกริชก็ยิ่งแค้นใจที่จิรายุฉลาดเกินคาด
ขณะเดียวกันนั้น เสียงโทรศัพท์คมกริชดังขึ้น เขามองดูโทรศัพท์และแยกตัวออกไป จรัลไม่ได้สังเกตคมกริชเพราะมัวแต่สนใจงานอยู่
คมกริชเดินถือโทรศัพท์ออกมามุมหนึ่งของบริษัทแล้วกดรับสาย
“ครับเสี่ย”
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คมกริชทำไมถึงเป็นหยั่งงี้ไปได้”
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับเสี่ย ตอนนี้นักข่าวมาที่นี่กันเต็มไปหมดเลย”
“เรื่องนั้นฉันไม่สนใจ แต่ทำไมอยู่ดีๆ พวกนักข่าวถึงได้พากันโทรไปเช็คตารางการออกกำลังกายของดาวรุ่ง”
คมกริชหน้าตื่น
“จริงเหรอครับเสี่ย”
“จริงสิ! นักข่าวจะท้าให้ไปตรวจที่โรงพยาบาล ดาวรุ่งมันก็กลัว ไม่กล้าโกหก จนต้องยกเลิกงานแถลงข่าว แผนฉันพังไปหมดแล้ว”
“มันเป็นฝีมือของไอ้จิรายุครับเสี่ย ผมว่าเสี่ยประมาทไป เลยพลาดท่าไอ้เด็กเมื่อวานซืน”
เสี่ยอ๋าแค้นมาก
“เออ คุณก็เหมือนกันแหละคมกริช”
เสี่ยอ๋าวางหูไป คมกริชยิ่งแค้นจิรายุมากขึ้นไปอีก
เสี่ยอ๋าก็จ้องหน้าประชาสัมพันธ์ กับดาวรุ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความโกรธ จนทั้งสองไม่กล้าสบตา เสี่ยอ๋าปาของใส่อย่างโมโห
“ไม่ได้เรื่องกันซักคน! ทำงานกันภาษาอะไรแค่นี้ก็ให้พลาด” เสี่ยอ๋าหันไปตวาดดาวรุ่ง “เธอก็อีกคนดาวรุ่ง จะทำให้ดังก็กลัวไม่เข้าท่า ทีนี้ล่ะ ได้ดับแน่”
ประชาสัมพันธ์ แย้ง
“เสี่ยขา นักข่าวจะให้ไปทำข่าวตรวจท้องที่โรงพยาบาลนะคะ”
ดาวรุ่งพยายามอธิบาย
“แล้วยังจะให้หนูจูบโชว์ กับไอ้ผู้จัดการที่เสี่ยมาอุปโลกน์เป็นผัวหนูอีก”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว”
ดาวรุ่งเดินมาเกาะแขนเสี่ยอ๋า
“เสี่ยขา คราวหน้าเสี่ยก็ปล่อยให้ดาวรุ่งท้องจริงๆ สิคะ จะได้อุ้มลูกโชว์สามคน พ่อแม่ลูกเลย หนูเบื่อจะอยู่หลบๆซ่อนๆแล้ว”
“หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว”
“แล้วเรื่องที่เสี่ยจะจดทะเบียนกับหนู ให้เป็นรางวัลล่ะ”
“ฝันไปเถอะ ฉันก็หลอกแก”
ดาวรุ่งตกใจ
“เสี่ย นี่เสี่ยหลอกกินหนูฟรีๆ งั้นเหรอ”
“ฟรีที่ไหน ขุดจากค่าเฟ่บ้านนอกเอามาไว้ที่นี่ก็ดีถมแล้ว หรืออยากจะกลับที่เดิม”
ดาวรุ่งโกรธจัดเดินสะบัดหน้าออกไป เสี่ยอ๋ามองตามแล้วส่ายหน้าระอาใจ แล้วหันมาหาประชาสัมพันธ์
“เดี๋ยวออกไปส่งข่าว ว่าดาวรุ่งอยู่กินกับผู้จัดการส่วนตัวมานานแล้ว แล้วไอ้เรื่องที่ท้องน่ะ เป็นเรื่องเข้าใจผิด เลยอยากประกาศข่าวดีให้แฟนเพลงรู้ เข้าใจมั้ย!”
“ค่ะ แต่คราวนี้ดาวรุ่งเสียหายหนักนะคะ ที่โกหกว่าเบนโล ถ้าเกิดกระแสยี้ ไม่เอาดาวรุ่งล่ะคะ”
“ถ้ากระแสต่อต้านมากนัก ฉันก็จะปลด นักร้องนิสัยไม่ดี เราก็ไม่ส่งเสริม จำไว้นะหน้าที่คุณ ต้องทำให้สังคมมองว่า ค่ายเราเป็นคนมีคุณธรรม”
ประชาสัมพันธ์ รับปากแล้วรีบออกไป เสี่ยอ๋าทุบโต๊ะด้วยความเจ็บใจ
“เสียนักร้องไปคนนึงฟรีๆ คอยดู สักวัน ค่ายเพลงฉันต้องเป็นเบอร์หนึ่ง ไอ้จรัล”
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 12
จรัลยิ้มอยู่บนเวทีงานแถลงข่าวของบริษัทสยามซอง กำลังกล่าวขอบคุณสื่อ
“ผมต้องขอขอบคุณสื่อมวลชน และแฟนเพลงของนทีทองกับชามาดาทุกท่านที่มากันในวันนี้ด้วยครับ ขอบคุณจริงๆ งานนี้ไม่สำเร็จสมบูรณ์แน่ ถ้าไม่มีพวกคุณ” ทุกคนปรบมือ “ผมขอถือโอกาสนี้ เปิดตัวผู้จักการวงคนใหม่ และเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของอัลบั้มชุดนี้”
จิรายุอยู่ข้างบันไดเวทียิ้มปลื้มใจ ขณะที่คมกริชยืนทำหน้าแค้นใจอยู่ข้างหลัง
“จิรายุ ลูกชายคนเดียวของผมเองครับ”
จิรายุหันหน้ามายิ้มกับคมกริช คมกริชจำใจยิ้มแสดงความยินดี จิรายุเดินขึ้นมาไหว้สื่อมวลชนพร้อมกับเสียงปรบมือต้อนรับ จรัลดีใจโอบไหล่จิรายุยิ้มแป้น จรัลกับจิรายุ
“มีอะไรจะพูดหน่อยมั้ยลูก”
จิรายุรับไมค์
“ผมดีใจจริงๆ ครับ ปลื้มจนพูดไม่ออกเลย ยังไงก็ขอขอบคุณพี่ๆ นักข่าว แฟนเพลงและทีมงานทุกๆ คนด้วยนะครับ งานนี้มันไม่ใช่ความสำเร็จของผมคนเดียว มันเป็นความสำเร็จของพวกเราทุกคนครับ”
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกระรอก นักข่าวถือโอกาสรีบสัมภาษณ์
“คุณจิรายุเป็นลูกของคุณจรัล แล้วจะเป็นไปได้มั้ยคะที่คุณจิรายุจะสืบทอดกิจการต่อจากคุณจรัลในเร็วๆนี้”
“เรื่องสืบทอดตำแหน่งนั้นแน่นอนอยู่แล้วครับ ไม่มีลูกคนไหนปฏิเสธความหวังดีที่พ่อแม่สร้างให้หรอกครับ”
จรัลมองหน้าจิรายุภูมิใจ
“เพียงแต่อาจจะไม่ใช่เร็วๆนี้ ผมอยากจะสะสมประสบการณ์และแสดงฝีมือให้เป็นที่ยอมรับให้มากกว่านี้ก่อน ถึงเวลาที่รับตำแหน่งจริงคุณพ่อจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวล”
จรัลรู้สึกว่าวันนี้จิรายุพูดได้ดีมากและดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น จรัลรู้สึกมีหวังกับลูกชายคนนี้
“แล้วคุณจิรายุมีแผนงานชิ้นต่อไปรึยังครับ”
“อืม...หลังจากเสร็จอัลบั้มนี้แล้ว ผมคิดไว้ว่าจะเฟ้นหานักร้องลูกทุ่งแนวใหม่ ขึ้นมาอีกเรื่อยๆ แต่จะเป็นแบบไหนนั้นขออุบไว้ก่อนครับ”
มุมหนึ่งของงาน นักข่าวกำลังรุมสัมภาษณ์นทีทองกับชามาดา
“ต้องขอขอบคุณน้องๆนักข่าวทุกคนด้วยนะครับที่ให้ความสนใจกับงานของเรา”
“ดาก็ขอขอบคุณจริงๆค่ะ ดาดีใจมากเลยนะคะที่ได้ร่วมงานกับพี่นทีทอง ถือว่าดาได้ประสบการณ์ที่สำคัญและเป็นประโยชน์มากเลยคะ”
“แล้วเรื่องที่ได้ทำงานร่วมกันเนี่ย มันเกี่ยวกับข่าวที่น้องดากับพี่นทีทองกำลังมีข่าวกุ๊กกิ๊กกันอยู่ด้วยรึป่าวครับ”
นักข่าวอีกคนเสริม
“ใช่ค่ะ เห็นแฟนๆเขาก็เชียร์กันอยู่นะคะ”
ชามาดาทำเป็นเขิน
“อุ๊ย...มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ดาน่ะ เคารพพี่นทีทองเหมือนญาติผู้ใหญ่คนนึง เปรียบเสมือนอาจารย์ของดาด้วยซ้ำไป เรื่องกิ๊กกันเป็นไปไม่ได้หรอกคะ”
นทีทองขำๆ
“เรื่องเชียร์เรานั้นผมว่ามันคงเป็นไปไม่ได้หรอกนะครับ อยากให้เชียร์กันที่ผลงานมากกว่า”
นักข่าวหันมาถามชามาดา
“แล้วน้องดามีคนรู้ใจรึยังครับ”
ชามาดาทำท่าเขินๆอายๆ
“จริงๆ แล้วดาก็มีคนรู้ใจแล้วล่ะค่ะ เป็นคนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี่เอง”
ชามาดามองไปทางที่จิรายุยืนอยู่ นักข่าวพยายามหันมองหาคนที่ชามาดาพูดถึง
“บอกได้มั้ยครับว่าคนนั้นเป็นใคร”
ชามาดาบิดๆอายเขินๆ กำลังจะอ้าปากบอกนักข่าว นทีทองตัดบทเสียก่อน
“เอ่อ...ผมว่าอย่าเพิ่งถามตอนนี้เลยนะครับ น้องดาเค้าเขิน จนพูดไม่ออกแล้ว เอาเป็นว่า ถ้าน้องดามั่นใจเมื่อไหร่ จะแถลงข่าวเปิดตัวเลย” นทีหันมาหาชามาดา “ดีมั้ยน้องดา”
ชามาดากลั้นใจตามน้ำ
“ค่ะ...ดีค่ะ...”
ชามาดากัดฟันมองหน้านทีทองที่ถูกขัดคอ นทีทองยิ้มสะใจ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ขอบคุณและส่งนักข่าว พนักงานคนอื่นเก็บงานที่ตัวเองรับผิดชอบ จิรายุยืนมองผลงานของตัวเองอย่างสบายใจ นทีทองกับชามาดาเดินยิ้มเข้ามาหาจิรายุ
“ขอบคุณครับพี่นที เป็นเพราะทุกคนช่วยกันน่ะครับ” จิรายุยิ้มให้ชามาดา “ขอบคุณดาด้วย”
“ค่ะจิ”
“เราก็ขอขอบคุณคุณจิด้วย ผมคิดแล้วว่าคุณจิต้องทำได้”
ทั้งสามยิ้มสบายใจ นทีทองขอตัว
“งั้นผมไม่รบกวนคุณจิแล้ว ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ”
“ครับ”
นทีทองแยกตัวไป ชามาดายังอยู่ จิรายุหันมาถาม
“นี่คุณไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเหรอ”
“แหมจิคะ” ชามาดาเกาะแขน “ใจคอจะไล่กันไปทันทีเลยเหรอคะ ดาแค่อยากจะคุยกับคุณสองต่อสองบ้าง”
“แต่ผมยังไม่ว่าง”
“งั้นคืนนี้เราไปฉลองกันสองคนนะคะจิ”
“อย่าดีกว่าดา ผมเหนื่อยน่ะ ขอตัวก่อนนะ”
จิรายุแกะแขนชามาดาออกแล้วรีบปลีกตัวออกไป ชามาดาบ่นอย่งขัดใจ
“ฮึ่ย!จะเล่นตัวอะไรกันนักกันหนานะ”
ขณะที่ชามาดาหัวเสียอยู่ กบเดินเข้ามา
“พี่ดา...วันนี้งานสนุกมากเลยนะคะ”
ชามาดามองกบแบบเหยียดๆ ไม่ค่อยอยากคุย
“ก็ธรรมดา ฉันชินแล้ว”
“อัลบั้มชุดนี้ของพี่ดากับพี่นทีต้องขายดีแน่เลย กบยินดีด้วยนะคะ”
ชามาดาเชิดใส่
“ขอบใจ”
ชามาดาเหวี่ยงใส่กบเสร็จก็เชิดใส่เดินออกไป กบถอนใจ
กุ้งนางเดินอยู่ตรงทางเดินจะไปห้องเสื้อผ้า พบจิรายุที่มายืนยิ้มคอยอยู่
“คุณ...มายืนทำอะไรตรงนี้”
“มาคอยเธอน่ะ”
“คอยฉัน...คอยทำไม”
“ฉันมาขอบใจเธอน่ะ ถ้างานนี้ไม่มีเธอคงไม่สำเร็จไปได้ง่ายๆ”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรให้ซักหน่อย”
“ทำสิ ก็เรื่องที่เธออธิษฐานให้ฉันไง”
กุ้งนางอึ้งที่จิรายุรู้เรื่องที่เธออธิษฐาน
“คุณได้ยินเหรอ”
“คำอธิษฐานของเธอช่วยได้มากเลย มันทำให้ฉันมีกำลังใจ”
กุ้งนางยิ้มเขินๆ
“กุ้งก็...อธิษฐานให้ทุกคนด้วย”
“แต่เธอก็เอ่ยชื่อฉัน”
กุ้งนางเงียบไม่เถียงต่อ
“แล้วนี่คุณทำยังไง นักข่าวถึงได้มากันเยอะขนาดนี้คะ”
“อยากรู้จริงๆเหรอ”
กุ้งพยักหน้า
“งั้นเธอก็ต้องไปกับฉัน”
จิรายุดึงแขนกุ้งนางออกไป
“นี่จะพาฉันไปไหน”
“ก็พาเธอไปหาคำตอบไง”
“ก็ปล่อยมือก่อนก็ได้ ฉันเดินเองเป็น”
กุ้งนางพยายามดึงมือออกขณะที่จิรายุพากุ้งนางเดินไปตามทาง วีวี่ที่ผ่านมาเห็นทั้งสองจูงมือกันเดินออกไปพอดี
ในห้องแต่งตัวนักร้อง เขียดจัดแจงเสื้อผ้าอยู่คนเดียว ชามาดาเดินหงุดหงิดอารมณ์เสียเข้ามา
“นี่มีเธออยู่คนเดียวเหรอ เจ๊อึ่งไปไหนเนี่ย”
“เจ๊อยู่ห้องแต่งตัวพนักงานค่ะ”
“มาแกะกระดุมเสื้อให้ฉันหน่อยซิ”
เขียดเข้าไปแกะกระดุมหลังให้ รีบจนเงอะงะ
“โอ๊ย!อีบ้า! เบาหน่อยสิ จะแกล้งกันรึไง”
“ทำเบาที่สุดแล้วนะคะน้องดา”
“นี่แกกล้าเถียงฉันเหรอ เดี๋ยวบอกให้จิไล่ออกซะเลย เจ๊อึ่งก็อะไรไม่รู้ ไม่มีสมองก็ยังรับเข้ามาทำงานได้”
เขียดถูกชามาดาเหวี่ยงใส่จนแทบร้องไห้ ยังดีที่วีวี่เดินเข้ามาก่อน
“พี่วีวี่มาก็ดีแล้ว มาช่วยกันเลย ฉันจะรีบไปหาจิ”
“แต่คุณจิออกไปแล้วนะคะน้องดา”
“อะไรนะ! จิออกไปแล้ว! อ๊าย...พี่วีวี่!นี่แกทำงานภาษาอะไร ทำไมไม่เฝ้าคุณจิไว้ให้ดี”
“อ้าว...”
“แล้วจิไปไหนรู้มั้ย”
“ไม่รู้ค่ะ เห็นจูงมือไปกับกุ้งนาง”
ชามาดากรี๊ดปรี๊ดแตกหนักกว่าเดิม เขียดแอบยิ้มสะใจ
ในห้องรับแขกบ้านเสี่ยอ๋า สุดนภามองรูปในมือของเธอที่เคยถ่ายกับจิรายุตอนอยู่เมืองนอก
“ฟ้ากลับมาแล้ว หวังว่าจากนี้ไป เราจะได้รู้จักกันอย่างจริงจังซะทีนะคะ คุณจิรายุ”
รถเสี่ยอ๋ามาจอดหน้าบ้าน คนขับรถลงมาเปิดประตูให้ เสี่ยอ๋าเดินเข้าบ้านมาก็แปลกใจที่เห็นกระเป๋าเดินทางวางอยู่หลายใบ มองไปก็เห็นสุดนภานั่งอยู่ เสี่ยอ๋ายิ้มดีใจ
“ฟ้า”
สุดนภาหันมาก็ยิ้มแล้วลุกวิ่งมากอด
“ป๋า ฟ้ากลับมาแล้วค่ะ”
“ทำไมกลับมาเงียบๆ แล้วจะรับปริญญาเดือนหน้าไม่ใช่เหรอ นี่ป๋าให้เลขาจัดการเรื่องเดินทางแล้วนะ”
“ก็ฟ้าคิดถึงป๋าน่ะสิคะเลยรีบกลับ”
“ลูกสาวป๋าคนนี้ปากหวานจริงๆเลยนะ ตกลงเราต้องบินกลับไปรับปริญญาไหม”
“ไม่เอาแล้วค่ะ ฟ้าเบื่อที่โน้นสุดๆ อยากกลับมาทำงานให้ป๋าจะแย่อยู่แล้ว”
“ไม่ได้นะ ฟ้าต้องต่อโทให้ป๋า เรียนตรีแค่นี้ไม่พอหรอก”
สุดนภางอนพ่อ
“ป๋าอ่ะ ใจคอจะผลักไสลูกสาวคนนี้ไปอยู่ไกลๆ จะได้อยู่กับอีหนูใช่ไหม”
“ไม่ใช่ยังงั้น อีหนูพวกนั้นน่ะไม่มีค่ากับป๋าเท่าฟ้าหรอก แต่อีกหน่อยฟ้าจะต้อง ดูแลงานแทนป๋า ถ้าเรียนแค่ตรีมันจะไม่พอนะ รู้ไหม เลขาป๋า ครีเอทีฟ พีอาร์ แทบทุกคนจบโทเป็นอย่างน้อยนะ”
“ขอฟ้าทำงานสักพักแล้วค่อยกลับไปนะคะ ไม่ได้อยู่เมืองไทยเป็นสิบปีขออยู่กับป๋าให้หายคิดถึงก่อน”
“ตามใจ...ตามใจ งั้นป๋าจะแกล้งให้ทำงานหนักๆ จะได้หนีป๋าไปเรียนต่อเร็วๆ”
“ป๋าอ่ะ”
สองพ่อลูกกอดกันมีความสุข
เย็นนั้น...สุดนภาใส่เสื้อคลุมอาบน้ำเดินเช็ดหัวออกมาจากห้องน้ำ แล้วมานั่งที่เตียงหยิบรูปที่ถ่ายกับจิรายุออกมาดูอีกครั้ง แล้วเดินไปเปิดเครื่องคอมพ์ หน้าจอคอมพ์เป็นหน้า Google หญิงสาวพิมพ์คำว่า บริษัท สยามซอง ลงในช่อง Search หญิงสาวมองๆแล้วยิ้ม
“ไปหาให้เซอร์ไพรส์ดีกว่า”
สุดนภา เดินไปเปิดตู้เลือกเสื้อผ้าหลายต่อหลายชุดเอามาทาบตัว
เสี่ยอ๋านั่งทานอาหารอยู่ สุดนภาในชุดสวยสุดเปรี้ยวเดินลงมาจะออกไปข้างนอกเสี่ยอ๋าเรียกไว้
“จะไปไหนล่ะลูก ทานข้าวกับป๋าไหม”
“ไม่ล่ะค่ะฟ้าจะไปหาเพื่อน”
“อะไรกันมาถึงก็ออกไปข้างนอกเลยหรือ”
“ค่ะ” หญิงสาวเดินมากอดอ้อนพ่อ “ฟ้ายังอยู่อีกนาน ตอนนี้ขอไปหาเพื่อนก่อนนะคะ”
“แสดงว่าเพื่อนคนนี้ต้องสำคัญมากนะ หรืออาจจะมากกว่าเพื่อน”
ฟ้าหัวเราะ
“ไว้ฟ้าจะแนะนำให้ป๋ารู้จักนะคะ รับรองป๋าต้องชอบเขาแน่ๆ”
สุดนภา เดินออกไป เสี่ยอ๋ามองตามด้วยความเอ็นดูลูกสาว ฟ้าเดินลงมาแล้วขึ้นรถคันสวยขับออกไป
เจ๊อึ่งกับชะเอมรับชุดจากเหล่าแดนเซอร์และพนักงานคนอื่นๆที่เอามาคืน ด้วงกับก้านเดินเข้ามาในห้อง
“อ้าวไอ้ก้าน” แล้วชะเอมก็หันไปหวานใส่ด้วง “พี่ด้วงจ๋า เหนื่อยมั้ยจ๊ะ”
ด้วงไม่ค่อยอยากตอบสักเท่าไหร่ ก้านมองไปรอบๆหากุ้งนาง
“แล้วนี่ กุ้งไปไหนอ่ะชะเอม”
เจ๊อึ่งค้อน
“แหม เข้ามาถึงก็ถามหากุ้งนางเลยนะ ยืนสวยอยู่นี่ทั้งคนไม่คิดจะทักเลยรึไง”
“ขอโทษจ๊ะเจ๊ แล้วเจ๊รู้มั้ยจ๊ะว่ากุ้งไปไหน”
“เมื่อกี้กุ้งโทรหาเจ๊น่ะ”
ก้านหูผึ่ง
“บอกว่าจะไปข้างนอก”
ก้านงง
“กุ้งน่ะเหรอโทรหาเจ๊ เขาไม่มีโทรศัพท์นี่”
“ใช้เครื่องคุณจิโทร”
ก้านหน้าเหวอ
“กุ้งอยู่กับคุณจิเหรอ”
“ก็คงไปกับคุณจินั่นแหล่ะ”
ก้านอึ้ง จ๋อยที่ได้ยินที่เจ๊อึ่งบอก ด้วงได้แต่แตะไหล่เห็นใจ ชะเอมหันมาชวน
“เออนี่ พี่ด้วง ไอ้ก้าน เดี๋ยวเสร็จจากนี้เราไปหาอะไรอร่อยๆกินกันดีมะ หิวจนไส้บิดแล้วเนี่ย”
“ไม่อ่ะ ฉันไม่หิว”
ก้านเดินคอตกออกไป ชะเอมมองอย่างเห็นใจ
“โธ่...ไอ้ก้าน เดินคอตกเป็นคนอกหักไปเลย”
“ไปยุ่งอะไรกับมัน”
“ไม่ยุ่งได้ไง มันก็เพื่อน กุ้งก็น้อง ส่วนพี่เป็นอะไรดีน้า”
ด้วงสะดุ้งมองหน้า ชะเอมยิ้มหวาน ด้วงส่ายหน้าหวาดๆ
“ไม่ต้องมาเกี่ยวกับพี่เลยนะ ว่าแต่ที่เอ็งพูดเรื่องไอ้ก้านกับกุ้งเหมือนยังกะรู้อะไร”
“รู้สิ ไอ้ก้านมันแอบรักไอ้กุ้ง”
ด้วงหน้าตื่น
“เฮ้ย!เอ็งรู้ได้ไง”
“แหม ก็สังเกตมานานละ แค่ไม่กล้าพูดเท่านั้นเอง พี่ไม่รู้เหรอ”
“รู้”
“เฮ้ย!แล้วพี่รู้ได้ไง”
“ก็ขนาดคนโง่ที่สุดในประเทศไทยอย่างน้องชะเอมยังรู้ แล้วพี่ด้วงที่หล่อและฉลาด จะดูไม่ออกเหรอ”
ด้วงกระซิบบอก “มันแอบสารภาพกับพี่แล้วด้วย”
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 12 (ต่อ)
ก้านหนีมานั่งอยู่คนเดียว นึกถึงสิ่งที่คุยกับเจ๊อึ่ง กบเดินเข้ามาหา
“พี่ก้าน คิดอะไรอยู่เหรอ”
“คุณกบ...เปล่าครับ”
ก้านตอบสั้นๆ แล้วก็เงียบซึมไป
“แหม...ลักษณะแบบนี้ กบว่าเหมือนโดนหักอกมาเลยนะเนี่ย”
กบพยายามพูดหยอกเล่น แต่ก้านที่ถูกจี้ใจดำไม่เอาด้วย ทำหน้าฉุนแล้วเดินออกไป กบยืนขึ้นเรียก
“นี่พี่ก้าน เป็นอะไรน่ะ” ก้านชะงัก “กบก็แค่พูดเล่น ทำไมพี่ต้องโกรธด้วย”
ก้านไม่ตอบอะไรเดินหนี กบวิ่งมาดักหน้า
“ก่อนหน้านี้ พี่ยังช่วยปลอบกบ ให้กำลังใจ จนกบทำงานสำเร็จ กบก็แค่อยากตอบแทนพี่บ้าง”
ก้านก็ยังเงียบอยู่
“ถ้าพี่คิดว่ากบยุ่งกวนใจพี่ กบก็ขอโทษ”
กบเดินหนีไป ก้านรู้สึกผิดนิดๆ แต่ก็ไม่ได้หันมองกลับไปมอง
ชามาดายืนหงุดหงิดโทรศัพท์อยู่หน้าบริษัทมีวีวี่ยืนอยู่ด้วย
“หายไปไหนของเขานะ โทรศัพท์ก็ไม่รับ”
“คงอยู่กับน้องกุ้งนางอย่างมีความสุข เลยไม่อยากรับโทรศัพท์น้องดามั้งคะ”
ชามาดาแว๊ดใส่
“พี่วีวี่ อยากตายใช่ไหม”
วีวี่ทำจ๋อยแต่แอบยิ้มสะใจ ระหว่างนั้นรถของสุดนภา ก็แล่นมาจอดหน้าบริษัท วีวี่เห็นก็รีบเตือน
“น้องดาขา ยิ้มค่ะ มีคนมา”
ชามาดารีบหยิบแว่นดำมาใส่ สุดนภา เดินตรงมาหาทั้งคู่
“ขอโทษค่ะ เป็นพนักงานที่นี่รึเปล่า”
ชามาดาได้ยินก็เชิดหน้าถอดแว่นออกสวยๆ สุดนภา มองงงๆ ชามาดารีบยิ้ม
“ชามาดาค่ะ”
สุดนภายังไม่รู้จัก
“อ๋อ...ค่ะ คือฉันมาหาคุณจิรายุ ช่วยพาไปหน่อยได้ไหมคะ”
ชามาดาโกรธทันที
“เธอเป็นใคร”
สุดนภางง
“เพื่อน ตกลงคุณจิอยู่ไหน”
“นี่ไม่รู้จักฉันเหรอ ฉันชามาดานักร้องเบอร์หนึ่งของประเทศและ...เป็นแฟนจิ”
สุดนภา นิ่งๆ
“เหรอ ฉันชื่อฟ้า เป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับพี่จิที่...เมืองนอก”
สุดนภาพูดจบก็เชิดบ้าง วีวี่หันมาบอก
“คุณจิไม่อยู่ค่ะ ออกไปข้างนอก”
“รู้แล้วก็รีบกลับไปสิ แล้วไม่ต้องมาอีก”
สุดนภายิ้ม
“ฉันกลับแน่ แต่คงต้องมาอีกบ่อยๆ เพราะอยากเจอกับพี่จิ”
“นี่ฉันบอกว่าฉันเป็นแฟนไม่ได้ยินเหรอ”
“แล้วไง ฉันไม่ได้อยากคบกับเธอนี่”
สุดนภาเดินเชิดกลับไปก่อนขึ้นรถก็ยิ้มร้ายให้ แล้วขับไป ชามาดามองตามแล้วกรี๊ด
“โอ๊ย...นังกุ้งนางก็คนแล้ว นี่เพิ่มอีฟ้าอีเหวอะไรนี่อีกคนเหรอเนี่ย”
“พี่ว่างานนี้น้องดาแพ้แน่ค่ะ”
“อีพี่วีวี่ ฉันทนแกไม่ไหวแล้วนะ”
ชามาดาวิ่งเอากระเป๋าไล่ตีวีวี่จนทั้งสองขึ้นรถตู้
สุดนภาขับรถมายิ้มร้าย...
“แฟนเหรอ ถ้าเป็นแฟนจริง ฉันที่เหนือกว่าแก ก็จะแย่งพี่จิมาให้ได้”
สุดนภา เกียร์เหยียบคันเร่ง รถพุ่งทะยานอย่างเร็ว
จิรายุขับรถเข้ามาจอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในร้าน ครูชาตรีกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะมุมหนึ่งของร้าน จิรายุกับกุ้งนางเดินเข้ามา จิรายุยกมือไหว้
“สวัสดีครับครู”
กุ้งนางยกมือไหว้งงๆที่เห็นครูชาตรีอยู่ที่นี่
“สวัสดีค่ะครู” หญิงสาวหันมาถามชายหนุ่ม “นี่คุณนัดกับครูเหรอ”
“อื้อ...ครูครับ ผมขอบคุณครูมากเลยนะครับ ถ้าวันนี้ไม่ได้ครูช่วย งานเปิดตัวอัลบั้มของสยามซองต้องแย่แน่ๆ”
“ขอบคุณอะไรกัน ครูก็แค่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
“ยังไงผมก็ต้องขอขอบคุณครูอยู่ดี”
กุ้งนางงง
“นี่มันอะไรเรื่องกันเหรอคะครู”
กุ้งนางหันไปมองหน้าจิรายุ เค้นหาคำตอบ
“ก็เรื่องวันนี้ที่มันผ่านไปได้ด้วยดีน่ะ เพราะครูชาตรีช่วยเอาไว้นะ”
ครูชาตรีกับจิรายุมองหน้ากุ้งนางแล้วหันมามองกันยิ้มๆ
ระหว่างที่นั่งคุยกัน จิรายุกับครูชาตรีเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ให้กุ้งนางฟัง
ในอดีต...ริสาเดินร้องไห้ออกจากห้องประชุม จิรายุเดินตามออกมา
“เดี๋ยวครับคุณริสา อย่าเพิ่งท้อสิครับ ผมก็คิดแบบเดียวกับคุณนะครับ”
ริสาหยุดฟัง
“ผมว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่”
ริสาเช็ดน้ำตา
“ค่ะ เรื่องนี้ต้องเป็นการกลั่นแกล้งจากทางฝั่งเบสมิวสิคแน่นอนค่ะ”
“แล้วพอจะมีวิธีแก้เกมของทางโน้นบ้างไหมครับ”
“อย่างแรกเราต้องมีข่าวที่น่าสนใจพอๆกันเพื่อประกอบข่าวเปิดอัลบั้ม และอย่างที่สองต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าดาวรุ่งท้องหรือไม่ท้องจริงกันแน่”
“ในเวลาแค่นี้เราคงทำอะไรไม่ทัน”
“แต่ถ้าได้คนที่น่าเชื่อถือไปพูดบอกกับนักข่าวก็พอมีเวลาดึงนักข่าวกลับมาได้ค่ะ”
จิรายุคิดๆ
“งั้นเอางี้ คุณไปบอกกับพวกนักข่าวว่าท่านประธานจะแถลงข่าวเรื่องที่ผมจะรับตำแหน่งต่อจากท่าน พร้อมทั้งเรื่องการสร้างนักร้องลูกทุ่งแนวใหม่ด้วย เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง”
“ค่ะ...”
ริสาแยกตัวออกไป จิรายุกดโทรศัพท์
ครูชาตรีนั่งอยู่ในรถตู้ เสียงมือถือดังขึ้น เขากดรับสาย
“ว่าไงคุณจิ...” ครุชาตรีนิ่งฟัง “อะไรนะ เสี่ยอ๋าจะแถลงข่าวดาวรุ่งท้อง จะเป็นไปได้ไง เมื่อวานผมยังเห็นดาวรุ่งซ้อมเต้นอยู่เลย เสร็จแล้วยังไปเข้าห้องออกกำลังกายของบริษัท มีเทรนเนอร์ดูแล ถ้าท้องทำไม่ได้เด็ดขาด”
“ผมก็ว่ามันแปลกๆอยู่นะครับ แล้วเรื่องจัดแถลงข่าว ครูพอจะทราบรายละเอียดรึป่าวครับ”
“ก็เพิ่งรู้จากคุณจินี่แหละ”
“ถ้าจะแถลงข่าวว่าตัวเองท้อง ก็ต้องรู้ก่อนหน้านั้นว่าท้อง แล้วทำไมยังเต้นได้ออกกำลังกายหนักๆได้ แบบนี้ผมว่ากำลังมีคนคิดไม่ซื่อกับสยามซองแล้ว” จิรายุนึกได้ “เอ่อ...ผมขอโทษนะครับครู ผมไม่ได้หมายถึงครู”
“ไม่เป็นไร ผมก็คิดไม่ต่างจากคุณจิหรอก รู้ไหมว่าเสี่ยอ๋าให้รางวัลผมบอกว่าอยากให้พักผ่อน เลยยกคอนโดที่หัวหินให้ นี่ผมกำลังเดินทางไปนะ”
“แสดงว่าเสี่ยอ๋าไม่ต้องการให้ครูรู้เรื่องแถลงข่าว”
“คงกลัวนักข่าวจะสัมภาษณ์ผมน่ะสิ”
จิรายุแค้นๆ
“แสบจริงๆ”
“แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะกลับบริษัทเดี๋ยวนี้ ยังไงความถูกต้องๆมาก่อน”
“อย่าเลยครับครู เดี๋ยวจะมีเรื่องมีราวกันเปล่าๆ แล้วครูจะทำงานที่นั่นลำบาก”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณจิ ผมมีวิธีแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น”
ครูชาตรีเล่าต่อ...
“พอครูกลับไปที่บริษัท ครูก็บอกนักข่าวว่าไม่รู้เรื่องที่ดาวรุ่งท้อง นักข่าวก็เลยพากันไปเค้นหาความจริงที่พีอาร์ สุดท้ายดาวรุ่งกลัวโดนขุดคุ้ย ก็เลยขอยกเลิกการแถลงข่าว”
กุ้งนางเริ่มที่จะเข้าใจเหตุการณ์
“แล้วทำไมดาวรุ่งต้องยอมเอาชื่อเสียงมาแลกด้วยล่ะคะครู”
“นั่นสิครับ การออกข่าวว่าตัวเองท้องมันอาจจะดับอนาคตเขาได้เลยนะครับ” จิรายุเองก็สงสัย
“ดับที่ไหนกัน ดาวรุ่งเขาเป็นเมียน้อยเสี่ยอยู่แล้ว การประกาศแบบนี้ มันก็แค่เมียช่วยผัว ดีไม่ดี ถ้าสืบกันไป ความจริงปรากฏว่า แฟนดาวรุ่งที่แถลงข่าวเป็นตัวหลอก ดาวรุ่งก็สบายกว่าเดิม”
“แสดงว่า งานนี้ ถ้าสำเร็จดาวรุ่งมีแต่ได้กับได้ เพียงแต่ได้มากได้น้อยเท่านั้น”
จิรายุกับกุ้งนางอึ้ง กุ้งนางถึงกับเปรยออกมา
“นี่คนเราจะร้ายกาจกันได้ขนาดนี้เหรอ”
คืนนั้น...จิรายุพากุ้งนางขับรถไปตามถนน หญิงสาวหลุดขำอยู่คนเดียวจนชายหนุ่มสงสัย
“เธอขำอะไรเหรอ”
“ก็ขำเรื่องของดาวรุ่งนะสิ เสี่ยอ๋าอยากทำลายสยามซอง จนถึงกับยอมเอานักร้องชื่อดังของตัวเองมาเสี่ยง ส่วนดาวรุ่งก็ยอมเสียชื่อเสียงเพื่อเสี่ยอ๋า สองคนนี่ เขารักกันหรือเปล่านะ”
“รักสิ รักมากด้วย แต่ทั้งคู่รักตัวเองนะ รักมากจนกลายเป็นความเห็นแก่ตัว ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา”
“บางทีการมีชีวิตนี่มันก็เหนื่อยนะคะ”
“ก็จริงนะ วันนี้เราเจอเรื่องเหนื่อยๆ กันมาเยอะ ฉันอยากไปพักผ่อนหน่อย เธอไปกับฉันนะ”
“ไปไหนคะ”
“ดูกรุงเทพยามราตรี”
จิรายุยิ้มแล้วผายมือไปด้านหน้ากระจกรถ กุ้งนางมองตาม
“พร้อมจะเก็บความสวยงามแล้วนะ”
รถจิรายุขับพากุ้งนางไปบนถนในที่ต่างๆของกรุงเทพ...กุ้งนางมองดูความสวยงามของท้องสนามหลวงและวัดพระแก้วผ่านหน้าต่างรถ...จิรายุพากุ้งนางชื่นชมกับความอลังการของสะพานต่างๆในกรุงเทพ...ทั้งสองแวะกินขนมจีนข้างทาง กุ้งนางเลือกน้ำแกงให้ จิรายุกินขนมจีนแล้วเผ็ด กุ้งนางรีบรินน้ำใส่แก้วให้ แล้วหัวเราะขำ
ก้านผุดลุกผุดนั่ง เดินไปเดินมาอยู่ตรงระเบียงห้องจนด้วงกับชะเอมชักเวียนหัว
“ไอ้ก้านเอ้ย นั่งพักซะบ้าง เดี๋ยวนังกุ้งมันก็กลับมาเองแหละ”
“ใช่...ไอ้ก้าน กุ้งมันอยู่กับคุณจิ มันคงไม่เป็นอะไรหรอก”
ชะเอมพูดให้ก้านยิ่งใจเสีย ด้วงดันศอกใส่ชะเอมว่าพูดมากเกินไปแล้ว
“อย่าไปใส่ใจคำพูดของนังชะเอมเลยก้าน เอ็งเข้ามาพักเหอะ”
“เออ เข้ามาพักเหอะ นี่พวกข้าก็ง่วงเต็มทีแล้ว ทำงานมาทั้งวัน”
ด้วงหันขวับไปมองหน้าชะเอม
“เอ็งกลับไปนอนที่ห้องเลยนังชะเอม”
ชะเอมอ้อน
“เค้ากลัวผี”
ก้านตัดบท
“งั้นเดี๋ยวฉันไปรอกุ้งมันที่หน้าหอละกัน พวกพี่จะได้พักผ่อน”
ด้วงหน้าเหวอ
“อ้าวเฮ้ย...”
ก้านไม่ฟังใคร เดินออกไปนอกห้อง
“เห็นมั้ยนังชะเอม เอ็งนี่ปากเสียจริง ไอ้ก้านเลยไปรอกุ้งนางข้างนอก”
ชะเอมทำเหมือนไม่ได้ยิน กอดแขนด้วงแน่น ด้วงพยายามแกะออก
จิรายุยังพากุ้งนางขับรถชมเมืองกรุงเทพ แล้วทั้งสองพากันไปนั่งกินน้ำแข็งใสจากร้านริมน้ำ ท่ามกลางแสงจันทร์สวยงาม...ก้านยังคงรอกุ้งนางอยู่ที่หน้าหอ...จิรายุมองดูกุ้งนางที่กำลังมองออกไปนอกรถมีความสุข...ก้านนั่งรอกุ้งนางอยู่ริมฟุตบาทหน้าเศร้า
ด้วงกับชะเอมมองลงมาจากระเบียงห้องเห็นก้านรอกุ้งนาง ก็นึกสงสารเห็นใจ
โปรดติดตาม "ราชินีลูกทุ่ง" ตอนต่อไป